Super God Gene 2918-2930

ตอนที่ 2918 ตัวทดลองหมายเลข304

 

หานเซิ่นมองปลาทองตัวใหญ่ที่กำลังจ้องมองมาที่พวกเขาจากด้านนอกฟองสบู่ เขารวบรวมพลังของคัมภีร์นภาอำพันในมือ เขาต้องการจะโจมตีใส่เจ้าปลาทองเพื่อลองดูว่าเขาจะสามารถลดระดับของมันได้ไหม


 


แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะได้โจมตี เจ้าปลาทองก็อ้าปากและดูดหานเซิ่นกับเป่าเอ๋อเข้าไปพร้อมกับฟองสบู่


 


หลังจากที่ปลาทองดูดพวกเขาเข้าไปแล้ว มันก็แกว่งหางและเริ่มว่ายออกไป


 


หานเซิ่นและเป่าเอ๋ออยู่ภายในฟองสบู่ที่ถูกดูดเข้าไปในท้องของปลาทอง ภายนอกฟองสบู่นั้นถูกปกคลุมด้วยแสงสีแดงที่สว่างมากๆ มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังอยู่ภายในหมอกสีแดง


 


เหนือหมอกสีแดงขึ้นไป หานเซิ่นเห็นกำแพงโลหะที่ดูเหมือนกับทองแดงรางๆ ส่วนที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือการที่บนกำแพงนั่นมีสัญลักษณ์ประหลาดและตัวอักษรถูกสลักเอาไว้ เห็นได้ชัดว่ามันถูกทำขึ้นด้วยมือคน


 


หานเซิ่นสังเกตว่าฟองสบู่ยังคงไม่แตก และมันไม่มีพลังอะไรที่กำลังย่อยร่างกายพวกเขา เขาจึงไม่ได้รีบร้อนทำอะไร สายตาของเขาถูกดึงดูดไปที่ตัวอักษรและสัญลักษณ์บนกำแพงโลหะ


 


“ซีโน่เจเนอิคที่อยู่ในระบบจักรวาลร้างเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาทั้งหมดเลยอย่างนั้นหรอ? มันเป็นเรื่องยากมากๆที่จะสร้างซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตขึ้นมา แม้แต่เทพสปิริตก็ทำไม่ได้ นี่ในสมัยก่อนเซเคร็ดแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นเลยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นตรวจเช็คตัวอักษรและสัญลักษณ์บนกำแพงโลหะ


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าสัญลักษณ์พวกนั้นหมายความว่าอะไร แต่ตัวอักษรบนกำแพงโลหะนั้นเป็นภาษาสามัญของจักรวาลจีโน


 


“ตัวทดลองหมายเลข304…” หานเซิ่นอ่านตัวอักษรเหล่านั้นได้ แต่พวกมันไม่มีความหมายอะไร แต่ลายมือของตัวอักษรเหล่านั้นทำให้เขาประหลาดใจ


 


หานเซิ่นจดจำลายมือแบบนี้ได้ ก่อนหน้านี้ในระบบเทียนเซีย หานเซิ่นได้เข้าไปในดวงตาของเพอเพิลไฟต์และได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกขังอยู่ในภูเขาสองโลก ลายมือของเธอนั้นเหมือนกับลายมือที่เขียนอยู่บนกำแพงโลหะนี้


 


“ดูเหมือนว่าการสันนิษฐานของเราจะถูกต้อง ปลาทองตัวนี้ต้องเป็นผลจากการทดลองของเซเคร็ดไม่ผิดแน่ ผู้หญิงคนนั้นคือนักวิจัยที่ทำงานร่วมกับผู้นำเซเคร็ด ปลาทองนี่ต้องเป็นหนึ่งในตัวทดลองของนาง”


หานเซิ่นจำได้ว่าภายในท้องของแมงมุมหลุมดำ เขาได้พบกับเสือขาวตัวหนึ่ง มันสามารถทำให้เห็ดงอกขึ้นบนหัวของพวกเขาได้


 


ถึงแม้หานเซิ่นจะรู้เกี่ยวกับที่มาของปลาทอง แต่ในสถานการณ์แบบนี้มันเป็นข้อมูลที่ไร้ประโยชน์ นอกจากนั้นเขาก็ไม่ได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน ถึงเขาอยากจะไปถามเธอ เขาก็ไม่สามารถทำได้


 


หานเซิ่นต้องการจะทำลายฟองสบู่และหนีออกไป แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าทิศทางที่ปลาทองกำลังว่ายไปนั้นตรงกับทิศทางที่เขาต้องการจะไป เขาก็ลดกำปั้นลง


 


‘ปลาทองนี่กำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่เราต้องการจะไป และเนื่องจากมันไม่มีอันตรายอะไรในท้องของเจ้าปลาทอง บางทีการอยู่ในท้องของมันต่อไปอาจจะปลอดภัยกว่า’


หลังจากที่คิดได้แบบนั้น หานเซิ่นก็ตัดสินใจจะอยู่ในท้องของเจ้าปลาทองต่อไป


 


เป่าเอ๋อกระโดดลงมาจากไหล่ของหานเซิ่น เธอไถลไปรอบๆฟองสบู่อย่างสนุกสนาน


 


หานเซิ่นคิดว่ามันแปลกๆ ปลาทองนั้นกลืนพวกเขาเข้ามา แต่มันไม่ได้ทำลายฟองสบู่ที่ขังพวกเขาเอาไว้ ด้วยเหตุนั้นหมอกสีแดงจึงไม่สามารถทำร้ายหานเซิ่นกับเป่าเอ๋อได้ มันบอกได้ยากว่าเจ้าปลาทองนั้นต้องการอะไรกันแน่


 


‘นี่ปลาทองคิดว่าพวกเรามีความสัมผัสกับผู้นำเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ? นั่นคือเหตุผลที่มันไม่ฆ่าพวกเรา? นี่มันต้องการจะพาพวกเราไปที่ไหนกัน?’ หานเซิ่นคิด


 


เนื่องจากพวกเขาอยู่ภายในท้องของปลาทอง หานเซิ่นจึงสัมผัสได้แค่เส้นทางที่เจ้าปลาทองกำลังมุ่งหน้าไป แต่เขาไม่สามารถสัมผัสถึงอะไรอย่างอื่นภายนอกได้ ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือรอคอยไปเรื่อยๆ


 


‘ผู้หญิงคนนั้นกลับมาที่ระบบจักรวาลร้างอย่างนั้นหรอ? นี่เธอค้นพบว่าเรามาที่นี่ เธอก็เลยสั่งให้ปลาทองตัวนี้มาพาตัวเราไปอย่างนั้นใช่ไหม?’ หานเซิ่นไม่มีอะไรจะทำ ดังนั้นเขาจึงคิดเกี่ยวกับเป้าหมายของเจ้าปลาทอง


 


หลังจากที่ผ่านไปหลายวัน แต่เจ้าปลาทองก็ยังว่ายไปอย่างไม่หยุด หานเซิ่นไม่รู้ว่าเจ้าปลาทองนั้นกำลังจะไปที่ไหนกันแน่ แต่อย่างหนึ่งที่เขามั่นใจก็คือเจ้าปลาทองไม่ได้ต้องการจะฆ่าพวกเขา อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะไม่ปล่อยให้ฟองสบู่คอยปกป้องพวกเขานานถึงขนาดนี้


 


ปลาทองนั้นว่ายไปเรื่อยๆเป็นเวลาเจ็ดถึงแปดวัน เป่าเอ๋อคิดว่ามันเริ่มจะน่าเบื่อ เธอไม่อยากจะเล่นไถลไปกับผิวของฟองสบู่อีกต่อไป เธอเอากระดานหมากรุกออกมาและเล่นหมากรุกกับหานเซิ่น


 


พวกเขาไม่รู้ว่าเล่นหมากรุกกันไปทั้งหมดกี่ตา แต่ในที่สุดพวกเขาก็รู้สึกว่าเจ้าปลาทองนั้นหยุดเคลื่อนไหว หลังจากนั้นฟองสบู่ที่ขังหานเซิ่นและเป่าเอ๋อก็เริ่มบินออกไป เจ้าปลาทองพ่นฟองสบู่ออกมาจากปากของมัน


 


หานเซิ่นมองไปรอบๆ พวกเขายังคงอยู่ในทะเลขยะ แต่บนกองขยะบริเวณนี้เต็มไปด้วยดอกไม้นับไม่ถ้วน มันดูเหมือนสวนดอกไม้ในอวกาศ มันมีสิ่งก่อสร้างที่เหมือนกับโดมอยู่ไม่ไกล มันมีน้ำไหลออกมาจากช่องว่างของสิ่งก่อสร้างนั้นเหมือนกับน้ำตก พวกมันดูงดงามมาก


 


น้ำที่อยู่ภายในสิ่งก่อสร้างนั้นเป็นเหมือนกับทะเลสาบ มันมีปลาทองที่มีขนาดเล็กกว่าลอยตัวรออยู่ที่ริมน้ำ ปากของมันชี้ขึ้นไปบนฟ้าและดวงตาของมันเบิกกว้าง


 


ฟองสบู่ที่หานเซิ่นและเป่าเอ๋ออยู่นั้นกำลังเคลื่อนเข้าไปหาปากของปลาทองน้อย


 


ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขายิ้มแห้งๆออกมาและคิดกับตัวเอง


‘ดูเหมือนว่าเราจะคิดมากเกินไป เหตุผลที่เจ้าปลาทองไม่ได้ฆ่าพวกเรา ก็เพราะว่ามันเก็บพวกเราเอาไว้ป้อนให้กับลูกของมัน ปลาทองตัวนี้เป็นพ่อแม่ที่ดีจริงๆ มันรู้ว่าลูกของมันชอบกินอาหารสดๆ’


 


เมื่อเห็นฟองสบู่เคลื่อนที่เข้าไปใกล้ปากของปลาทองน้อย หานเซิ่นก็เริ่มรวบรวมพลัง เขาต้องการจะทำลายฟองสบู่ที่กักขังพวกเขาเอาไว้


 


“ก็ดี! แบบนี้เราจะได้จัดการพวกมันพร้อมกันไปเลย”


หานเซิ่นจ้องไปที่ปลาทองน้อย เขายังไม่ได้ลงมือ เขารอให้ฟองสบู่เข้าไปใกล้กับปลาทองน้อยอีกหน่อย เขาต้องการจะใช้ปลาทองน้อยเป็นตัวประกัน แบบนั้นเจ้าปลาทองตัวใหญ่ก็คงจะไม่กล้าทำอะไรพวกเขา


 


ถึงแม้มันจะเป็นปลาทองน้อย แต่หัวของมันก็ใหญ่ยิ่งกว่าวาฬเพชฌฆาต มันเป็นเรื่องง่ายที่ปลาทองน้อยจะกินหานเซิ่นและเป่าเอ๋อเข้าไป


 


เมื่อเข้าไปใกล้ๆเจ้าปลาทองตัวน้อย หานเซิ่นก็สามารถบอกได้ทันทีว่ามันแตกต่างออกไปจากปลาทองตัวใหญ่


 


เกล็ดของปลาทองตัวใหญ่นั้นทำขึ้นมาจากโลหะ แต่ภายในเกล็ดของมันเป็นเนื้อสีแดง เจ้าปลาทองตัวน้อยก็ดูเหมือนกับว่าทำขึ้นมาจากโลหะเช่นกัน  แต่มันไม่มีเนื้ออยู่เลย มันดูเหมือนกับรูปปั้นปลาที่ทำขึ้นจากโลหะ มันดูแปลกประหลาดมากๆ


 


เมื่อเห็นว่าฟองสบู่มาถึงตรงหน้าปลาทองน้อย หานเซิ่นก็ไม่ลังเลอีก เขารวบรวมพลังและชกออกไปใส่ผิวของฟองสบู่


 


หมัดนั้นไม่เพียงพอที่จะทำลายฟองสบู่ แต่พลังน้ำแข็งของกายหยกก็แช่แข็งฟองสบู่และทำให้มันกลายเป็นน้ำแข็งไป


 


หานเซิ่นเรียกดาบโคลด์ไลท์ออกมาและฟันใส่ฟองสบู่ที่ถูกแช่แข็งจนแตกกระจาย


 


โดยไม่มีความลังเล หานเซิ่นรีบพุ่งเข้าไปหาปลาทองน้อยที่กำลังอ้าปากเพื่อรอรับอาหาร


 

 

 

 


ตอนที่ 2919 จับปลาเป็นตัวประกัน

 

หานเซิ่นอยู่ใกล้ปลาทองน้อยมากเกินไป ดังนั้นปลาทองตัวใหญ่จึงไม่สามารถตอบสนองได้ทัน หานเซิ่นอ้อมไปด้านหลังปลาทองน้อยและโจมตีที่หลังหัวของมันด้วยดาบโคลด์ไลท์ ปลาทองตัวน้อยไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับปลาทองตัวใหญ่ ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด ดังนั้นมันไม่ได้อ่อนแอ่


 


หานเซิ่นใช้พลังทั้งหมดแทงดาบโคลด์ไลท์เข้าไปในด้านหลังของปลาทองน้อย เจ้าปลาทองน้อยรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในทันที มันพ่นฟองสบู่ออกมาและพยายามดิ้นรน แต่หานเซิ่นจับดาบเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เขาขึ้นขี่บนหลังของปลาทองน้อย ไม่สำคัญว่ามันจะดิ้นรนมากสักแค่ไหน หานเซิ่นก็ไม่ยอมปล่อยมันไป


 


เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น ปลาทองตัวใหญ่ก็โกรธ เกล็ดทั้งหมดของมันตั้งตรงขณะที่ปล่อยแสงแห่งเทพออกมา มันเหมือนกับท้องฟ้าเต็มไปด้วยมีดแสงที่ตรงเข้ามาหาหานเซิ่น พวกมันจะตัดร่างของเขาเป็นชิ้นๆ


 


หานเซิ่นไม่ได้ตื่นตระหนก เขาจับดาบโคลด์ไลท์และพยายามจะยกมันขึ้น ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับปลาทองน้อยยิ่งกว่าเดิม ปลาทองน้อยดิ้นไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ ดาบนั้นยังคงแทงเข้าไปในร่างกายของปลาทองน้อย และตอนนี้ท้องของมันก็ถูกหงายขึ้นด้านบน มันทำให้เกล็ดสีทองนับหมื่นที่กำลังตรงเข้าไปหาหานเซิ่นนั้นพุ่งไปถูกท้องของปลาทองน้อยแทน


 


ปลาทองตัวใหญ่ตกใจและรีบดึงเกล็ดสีทองของมันกลับ เกล็ดสีทองถูกหยุดเอาไว้อย่างฉิวเฉียด พวกมันอยู่ห่างไปจากหน้าท้องของปลาทองน้อยเพียงแค่ไม่กี่ฟุต


 


หานเซิ่นขยับดาบโคลด์ไลท์ในมือ ซึ่งทำให้ปลาทองน้อยดิ้นไปดิ้นมาด้วยความเจ็บปวด


 


ปลาทองตัวใหญ่มองดูความโกรธ แต่มันไม่สามารถทำอะไรได้ ถ้ามันโจมตี หานเซิ่นก็จะใช้ปลาทองตัวน้อยเป็นโล่ป้องกัน ซึ่งปลาทองตัวใหญ่ไม่ต้องการให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น


 


“เจ้าปลาโง่! นี่พวกแกต้องการจะเปลี่ยนพวกข้าเป็นอาหารไม่ใช่หรอ? รีบเข้ามาสิ” หานเซิ่นยกร่างปลาทองน้อยชี้ไปที่ปลาทองตัวใหญ่เพื่อทำให้มันโกรธยิ่งกว่าเดิม


 


บาดแผลบนร่างกายของปลาทองน้อยกำลังมีเลือดไหลออกมา แต่เลือดของมันแปลกประหลาด ในตอนที่เลือดสีแดงของมันสัมผัสกับน้ำ มันจะเปลี่ยนเป็นโลหะที่เหมือนกับทองแดง


 


หานเซิ่นจงใจทำให้เจ้าปลาทองตัวใหญ่โกรธ ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหน ในตอนที่มันโกรธมากๆ มันก็ต้องเผยจุดอ่อนของตัวเองออกมา แม้แต่สิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อตก็ไม่เว้น ในตอนที่มันถูกความโกรธเข้าครอบงำ มันจะไม่ระวังตัวอีกต่อไป ซึ่งจะทำให้หานเซิ่นฆ่ามันได้ง่ายขึ้น


 


วิธีการนี้อาจจะเป็นอะไรที่ชั่วร้าย แต่กฎของจักรวาลจีโนคือปลาใหญ่กินปลาเล็ก มีเพียงแค่คนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นถึงจะอยู่รอด ถ้าหานเซิ่นไม่แข็งแกร่งพอ เขาก็คงจะต้องกลายเป็นอาหารของเจ้าปลาทองน้อย ในเรื่องของความอยู่รอดมันไม่สำคัญว่าวิธีการที่ใช้จัดการกับศัตรูนั้นจะเป็นวิธีการแบบไหน


 


ถึงแม้ปลาทองตัวใหญ่จะถูกความโกรธเข้าครอบงำ แต่มันไม่ได้บุ่มบ่ามเข้ามาหาหานเซิ่น มันแค่จ้องมองไปที่หานเซิ่นด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและเกล็ดที่ตั้งตรง


 


ทันใดนั้นปลาทองตัวใหญ่ก็พ่นฟองสบู่ออกมาหลายฟอง ฟองสบู่ที่มันพ่นออกมานั้นแตกต่างไปจากครั้งก่อน ฟองสบู่นี้ไม่ได้บินเข้ามาหาหานเซิ่น พวกมันแค่ระเบิดตรงหน้าเขาแทน


 


ในตอนที่ฟองสบู่พวกนั้นแตก พวกมันก็สร้างโทนเสียงสูงและโทนเสียงต่ำที่แตกต่างกันออกไป หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจเมื่อค้นพบว่าเสียงพวกนั้นไม่ใช่แค่เสียงแตกของฟองสบู่ธรรมดาๆ แต่มันเป็นภาษา


 


ปลาทองตัวใหญ่ดูเหมือนกับว่ามันต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง ถึงแม้หานเซิ่นจะพอเข้าใจ แต่เขาไม่ได้เข้าใจทั้งหมด เขาไม่เข้าใจว่าเจ้าปลาทองตัวใหญ่พยายามจะบอกอะไรกับเขา


 


หานเซิ่นใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อมองเข้าไปในจิตใจของเจ้าปลาทองตัวใหญ่ ถึงแม้จิตใจของเจ้าปลาทองตัวใหญ่จะแข็งแกร่งมาก แต่หานเซิ่นก็ยังเข้าใจถึงสิ่งที่มันกำลังคิด


 


“ปล่อยลูกของข้าไป! ข้ายินดีจะมอบสมบัติให้กับเจ้าเพื่อแลกกับชีวิตของเขา…” หานเซิ่นรู้ว่านั่นคือสิ่งที่ปลาทองตัวใหญ่พยายามจะบอกกับเขา


 


หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขามองไปที่ปลาทองตัวใหญ่และถาม “สมบัติอะไร?”


 


หานเซิ่นไม่แน่ใจว่ามันเข้าใจคำพูดของเขาหรือเปล่า เพราะยังไงซะทุกสิ่งมีชีวิตก็มีภาษาของตัวเอง ภาษาสากลของจักรวาลนั้นถูกใช้โดยสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่ว่าทุกสิ่งมีชีวิตจะพูดได้


 


หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าปลาทองตัวใหญ่จะเข้าใจ แต่มันพ่นฟองสบู่ออกมาเพิ่ม เสียงในจิตใจของมันดังขึ้นกว่าเดิม


 


“สมบัติที่ใหญ่มากๆ…” หานเซิ่นสัมผัสถึงสิ่งที่ปลาทองตัวใหญ่พยายามจะบอกได้แค่นั้น มันยังไม่ชัดเจน


 


“สิ่งนั้นคืออะไร?” หานเซิ่นถาม ปลาทองตัวใหญ่คิดอย่างรวดเร็วและรีบร้อนเกินไป ซึ่งทำให้ศาสตร์ตงเสวียนของหานเซิ่นไม่สามารถอ่านจิตใจของมันได้ทั้งหมด เขายังไม่รู้ว่าสมบัติที่ปลาทองตัวใหญ่พูดถึงคืออะไร


 


หานเซิ่นหยุดขยับดาบโคลด์ไลท์ชั่วคราว และทำให้ความเจ็บปวดที่ปลาทองน้อยได้รับบรรเทาลงไป เมื่อเห็นว่าลูกของมันไม่ได้ดิ้นรนอย่างทุกข์ทรมานอีก เจ้าปลาทองตัวใหญ่ก็เริ่มใจเย็นลง


 


ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังไม่เข้าใจว่ามันพยายามจะบอกอะไร เขาอ่านได้แค่ความคิดที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งก็คือเรื่องที่มันยินดีจะมอบสมบัติให้กับเขาเพื่อแลกกับชีวิตลูกของมัน แต่หานเซิ่นยังคงไม่รู้ว่ามันเป็นสมบัติแบบไหน


 


เป่าเอ๋อฟังอยู่สักพักหนึ่งและหันมาพูดกับหานเซิ่น “มันบอกว่าสมบัตินั่นทรงพลังมากๆ การมีสมบัตินั่นจะทำให้พ่อไม่ต้องกลัวใคร”


 


“หนูเข้าใจที่มันบอกอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นดีใจ


 


“หนูพอจะเข้าใจนิดหน่อย” เป่าเอ๋อพูดพร้อมกับพยักหน้า


 


“เยี่ยมเลย! หนูช่วยพ่อถามมันได้ไหมว่าสมบัตินั้นใช้ทำอะไรได้และพ่อจะหามันได้จากที่ไหน?” หานเซิ่นพูด


 


ปลาทองตัวใหญ่ดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่หานเซิ่นพูด หลังจากเจ้าปลาทองตัวใหญ่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด มันก็พ่นฟองสบู่ออกมาเพิ่มเพื่อตอบกลับ


 


“มันบอกว่าสมบัตินั่นจะปกป้องชีวิตของพ่อและทรงพลังมากๆ ด้วยสมบัตินั่นพ่อจะเดินทางมาที่นี่ได้อย่างอิสระ”


เป่าเอ๋อหยุดไปชั่วครู่และสังเกตฟองสบู่อีกครั้ง หลังจากนั้นเธอก็พูดต่อ “มันบอกว่าสมบัตินั่นอยู่ในที่ที่ไกลออกไป แต่มันจะบอกวิธีการไปเอาสมบัตินั่นกับพ่อ”


 


“เจ้าไปเอาสมบัตินั่นมาให้กับข้า และข้าจะไว้ชีวิตลูกของเจ้า” หานเซิ่นพูดกับปลาทองตัวใหญ่


 


ปลาทองตัวใหญ่รีบพ่นฟองสบู่ออกมาอย่างรีบร้อน มันพ่นฟองสบู่อยู่นาน ราวกับว่ามันพยายามจะอธิบายอะไรบางอย่าง


 


เป่าเอ๋อมองดูมันอยู่สักพัก ในตอนที่ฟองสบู่แตกจนหมดแล้ว เธอก็พูดขึ้นว่า “มันบอกว่ามันไปเอาสมบัตินั่นไม่ได้ พวกเราต้องไปด้วยตัวเอง”


 


หานเซิ่นมองไปที่ปลาทองตัวใหญ่และถาม “นี่เจ้าพยายามจะหลอกพวกเราอย่างนั้นหรอ? ถ้ามันไม่มีอันตรายอะไร ทำไมเจ้าถึงไปเอามันมาให้พวกเราไม่ได้?”


 


ปลาทองตัวใหญ่พ่นฟองสบู่ออกมาเพิ่มอีก เป่าเอ๋อช่วยแปลให้หานเซิ่นฟัง


“มันบอกว่าสมบัตินั้นมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวคอยเฝ้าอยู่ ถ้ามันไปเอง สิ่งที่น่ากลัวนั่นจะเห็นมันจากระยะไกล และถ้ามันเข้าไปใกล้ มันก็จะถูกฆ่าตาย แต่ถ้าพวกเราไปเอง มันมีหนทางที่จะทำให้สิ่งที่น่ากลัวนั้นหาพวกเราไม่พบ แบบนั้นพวกเราจะเอาสมบัติมาได้”


 


“จริงอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่ปลาทองตัวใหญ่ เขารู้สึกสงสัยเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี่ แต่หลังจากที่เขาคิดเกี่ยวกับมันดูดีๆ ด้วยสมองและสติปัญญาของปลาทองตัวใหญ่นี้ มันไม่น่าจะรู้จักวิธีการพูดโกหก


 


“พ่อ หนูคิดว่าปลาตัวนี้เชื่อถือได้ ดูสิพวกมันน่าสงสารจะตาย! พ่อปล่อยพวกมันไปเถอะ” เป่าเอ๋อขอร้อง


 


“ก็ได้ ถ้าเจ้าบอกข้ามาตามตรงว่าข้าจะไปเอาสมบัตินั่นได้ยังไง ข้าจะไว้ชีวิตลูกของเจ้า” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่ปลาทองตัวใหญ่


 


ปลาทองน้อยเป็นแค่ขั้นลาร์วา ยังไงซะมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับหานเซิ่น และเขาก็ไม่คิดว่าจะจัดการกับปลาทองตัวใหญ่ตัวนี้ได้ มันถือเป็นเรื่องดีที่เขาจะรอดจากสถานการณ์นี้ไปและได้ข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติแถมมาด้วย

 

 

 


ตอนที่ 2920 ล่องลอย

 

 


ปลาทองไม่สามารถอธิบายได้ว่าสมบัตินั้นคืออะไร เนื่องจากมันไม่มีชื่อ และเป่าเอ๋อก็ไม่สามารถแปลสิ่งที่ปลาทองพยายามบรรยายได้


 


และวิธีการไปเอาสมบัติที่ปลาทองตัวใหญ่บอกก็เป็นอะไรที่แปลก หานเซิ่นจึงสงสัยว่ามันพยายามจะหลอกพวกเขาหรือเปล่า


 


แต่หลังจากที่คำนึงถึงสติปัญญาของเจ้าปลาทอง โอกาสที่มันจะแต่งเรื่องที่ซับซ้อนเพื่อหลอกคนอื่นนั้นน้อยมากๆ ที่สุดแล้วหานเซิ่นก็ตัดสินใจไปตามที่เจ้าปลาทองตัวใหญ่บอก


 


หานเซิ่นยังไม่ได้ปล่อยปลาทองน้อยไป เขายังคงใช้ปลาทองน้อยเป็นตัวประกันและบังคับให้ปลาทองตัวใหญ่นำทางพวกเขาไป


 


ในทะเลขยะที่ไร้ที่สิ้นสุด หานเซิ่นและเป่าเอ๋อกำลังซ่อนตัวอยู่ในแคปซูลอวกาศที่เก่าแก่และทรุดโทรม


 


หานเซิ่นรู้สึกเสียใจที่เชื่อเจ้าปลาทองตัวใหญ่ มันบอกให้พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในกองขยะและตามกระแสของทะเลขยะไป


 


ไม่นานหลังจากที่หานเซิ่นและเป่าเอ๋ออยู่ในแคปซูลอวกาศ พวกเขาก็เห็นว่าอวกาศรอบๆแว็บด้วยสสารแสงสีม่วง พวกมันย่อยสลายขยะต่างๆที่มันสัมผัส


 


ขณะที่มองแสงสีม่วงทั้งหมดที่กำลังย่อยสลายโลหะ หินและพลาสติกอยู่นั้น หานเซิ่นก็รู้สึกกลัวว่าเขาและเป่าเอ๋อจะถูกย่อยสลายไปพร้อมๆกับแคปซูลอวกาศ


 


‘หวังว่าเจ้าปลาทองจะไม่ได้หลอกเรา ไม่อย่างนั้นเราจะกลับไปจับพวกมันทำเป็นอาหารกิน’


หานเซิ่นรู้ว่ามันสายเกินไปแล้วที่จะเปลี่ยนใจ ถึงเขาจะรู้สึกโมโห แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเชื่อในสิ่งที่ปลาทองตัวใหญ่บอก


 


หานเซิ่นถือเกล็ดสีแดงที่ดูเหมือนกับเปลวไฟเอาไว้ ปลาทองบอกกับเขาว่าเกล็ดสีแดงจะทำให้เขารอดพ้นไปถึงที่อยู่ของสมบัติได้อย่างปลอดภัย


 


มันมีสสารแสงสีม่วงโผล่มาเพิ่มเรื่อยๆ พวกมันเหมือนกับหิ่งห้อยที่วูบวาบในอวกาศ พวกมันเข้าไปสัมผัสกับสสารอื่นและย่อยสลายเป็นชิ้นๆ


 


ในตอนที่เห็นสสารแสงสีม่วงจำนวนมากกำลังจะมายังแคปซูลอวกาศที่พวกเขาอยู่ หานเซิ่นก็รู้สึกลังเลว่าควรจะใช้การป้องกันแบบอื่นด้วยไหม


 


ปลาทองตัวใหญ่บอกกับเขาว่าไม่ควรใช้พลังและเปิดเผยตัว ไม่อย่างนั้นซีโน่เจเนอิคที่เฝ้าสมบัติอยู่ก็จะหาเขาเจอ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็จะไม่มีโอกาสได้รับสมบัติ


 


แต่ถ้าปลาทองตัวใหญ่โกหกหานเซิ่น ใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าสสารแสงสีม่วงพวกนั้นมาสัมผัสตัวพวกเขา


 


ขณะที่หานเซิ่นกำลังลังเล แสงสีแดงก็ส่องออกมาจากเกล็ดสีแดงในมือของเขา และก่อตัวเป็นชั้นสีแดงที่ห่อหุ้มแคปซูลอวกาศเอาไว้ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะการป้องกันของชั้นสีแดงนั้น แคปซูลอวกาศจึงไม่ได้ถูกย่อยสลายเหมือนกับขยะอวกาศอื่นๆ


 


เมื่อเห็นว่าเกล็ดที่ปลาทองตัวใหญ่มอบให้ใช้ได้ผล หานเซิ่นก็รู้สึกวางใจขึ้น ขณะหานเซิ่นและเป่าเอ๋อซ่อนตัวอยู่ภายในแคปซูลอวกาศ พวกเขาก็เห็นขยะอวกาศถูกย่อยสลายไปตามๆกัน


 


มันมีปราสาทหินที่ดูเหมือนกับภูเขาขนาดย่อมอยู่ด้วย เมื่อมันถูกกับสสารแสงสีม่วงเข้า มันก็พังทลายและกลายเป็นก้อนหินหลายก้อน ในตอนที่ก้อนหินพวกนั้นถูกกับสสารแสงสีม่วงเข้าอีกครั้ง พวกมันก็กลายเป็นก้อนหินที่เล็กลงกว่าเดิม กระบวนการเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกอย่างกำลังถูกย่อยสลาย สุดท้ายปราสาทหินที่ดูเหมือนกับภูเขาก็กลายเป็นฝุ่นสีเทาที่ปกคลุมระบบจักรวาลร้างทุกหนทุกแห่ง


 


กระบวนการนี้ใช้เวลาแค่สี่ถึงห้าวัน แต่ปราสาทขนาดใหญ่ก็ถูกย่อยสลายจนกลายเป็นผุยผง


 


ในช่วงเวลาที่พวกเขาล่องลอยไปตามกระแสของอวกาศ หานเซิ่นและเป่าเอ๋อก็ได้เห็นภาพแบบนี้จนพวกเขาเริ่มจะเฉยชากับมัน โชคดีที่เกล็ดสีแดงนั้นปลดปล่อยแสงออกมาเพื่อปกป้องแคปซูลอวกาศจากการถูกย่อยสลาย


 


ในตอนแรกมันมีสสารแสงสีม่วงอยู่ไม่มากนัก แต่ตอนนี้สสารแสงสีม่วงมีมากซะจนรอบๆตัวพวกเขากลายเป็นทะเลแสงสีม่วง นอกจากแสงสีม่วงแล้ว มันไม่มีอะไรอย่างอื่น


 


สสารแสงสีม่วงเข้าปกคลุมแคปซูลอวกาศทุกทิศทาง โชคดีที่ออร่าตงเสวียนของหานเซิ่นแม่นยำเรื่องตำแหน่งในอวกาศและจักรวาล ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงจะไม่รู้ถึงทิศทางที่กำลังมุ่งหน้าไป


 


เป่าเอ๋อมองออกไปนอกแคปซูลอวกาศและถามขึ้นด้วยความแปลกใจ “นั่นคืออะไร?”


 


“พวกเรามาถึงแล้วอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองออกไปด้านนอกและเห็นว่าข้างนอกยังเต็มไปด้วยสสารแสงสีม่วงที่เหมือนกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่


 


ปลาทองตัวใหญ่บอกกับพวกเขาว่าในตอนที่แสงสีม่วงหายไปแล้ว พวกเขาก็จะถึงที่หมาย


 


ในตอนนี้ข้างนอกยังคงเป็นสีม่วง หานเซิ่นมองไม่เห็นอะไรที่อยู่ไกลเกินกว่าเก้าฟุต นี่จึงยังไม่ใช่สถานที่ที่ปลาทองตัวใหญ่พูดถึง แต่ทว่าภายในสสารแสงสีม่วง หานเซิ่นเห็นเงาเบลอๆของอะไรบางอย่าง


 


เงานั่นอยู่ไกลออกมา หานเซิ่นจึงเห็นมันไม่ชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกแปลกใจอยู่ดี


 


พ่อและลูกสาวล่องลอยอยู่ในแคปซูลอวกาศเกือบสิบห้าวัน ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวพวกเขาถูกย่อยสลายโดยสสารแสงสีม่วง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาสสารแสงสีม่วงนั้นหนาเป็นพิเศษ มันไม่มีขยะอวกาศอะไรหลงเหลือให้พวกเขาเห็น นอกจากแคปซูลอวกาศที่พวกเขาอยู่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างภายในสสารแสงสีม่วงนั้นถูกย่อยสลายกลายเป็นฝุ่นผงสีเทา


 


แต่ตอนนี้มันมีสิ่งที่อยู่ภายในสสารแสงสีม่วงโดยที่ไม่ถูกย่อยสลายเหมือนกับแคปซูลอวกาศ มันล่องลอยขึ้นลงในแสงสีม่วงเคียงคู่ไปกับแคปซูลอวกาศของพวกเขา


 


“สิ่งนั่นคืออะไรกัน?” หานเซิ่นและเป่าเอ๋อมองสิ่งที่อยู่ข้างนอกอย่างใจจดใจจ่อ พวกเขาปรารถนาว่ามันจะลอยเข้ามาใกล้ๆแคปซูลอวกาศเพื่อที่พวกเขาจะได้เห็นว่ามันคืออะไร


 


ดูเหมือนว่าเหล่าทวยเทพจะได้ยินคำอธิษฐานของพวกเขา หลังจากที่ผ่านไปสักพัก สิ่งๆนั้นก็ล่องลอยเข้ามาใกล้ๆ


 


“ใกล้อีก ใกล้อีก เกือบจะเห็นมันแล้ว…” หานเซิ่นรู้สึกตื่นเต้น หลายวันที่ผ่านมา พวกเขาอยู่แต่ภายในแคปซูลอวกาศ และถึงจะมองออกไปนอกหน้าต่าง พวกเขาก็เห็นแค่แสงสีม่วง พวกเขาเกือบจะเบื่อตายอยู่แล้ว พวกเขาจึงปรารถนาจะเห็นบางสิ่งที่น่าสนใจ


 


เป่าเอ๋อเองก็รู้สึกตื่นเต้น เธอมองออกไปนอกหน้าต่างและถาม “พ่อ พ่อคิดว่านั่นใช่รถขายไอศกรีมไหม?”


 


“รถขายไอศกรีมในที่แบบนี้เนี่ยนะ… หนูเป็นเด็กช่างจินตนาการจริงๆ…”


หานเซิ่นอยากจะหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน เขารู้ว่าเป่าเอ๋อถูกขังอยู่ในนี้เป็นเวลาหลายวันและไม่มีของดีๆให้กินมากนัก เธอต้องการจะกินของดีๆ


 


ในที่สุดสิ่งนั้นก็ล่องลอยมาอยู่ตรงหน้าพวกเขา มันอยู่ห่างออกไปแค่หกฟุตเท่านั้นเอง หานเซิ่นสามารถสังเกตเห็นมันได้


 


“นั่นมัน… ร่างของคนตาย…” หานเซิ่นเห็นร่างกายอย่างชัดเจน มันดูเหมือนกับร่างของคนที่กำลังนั่งขัดสมาธิ เสื้อผ้าของเขายังคงอยู่ดี แต่ใบหน้าและมือของเขาเป็นโครงกระดูก มันไม่มีเนื้อหนังหลงเหลืออยู่


 


“เสื้อผ้าและโครงกระดูกของเขาไม่ถูกย่อยสลาย นั่นดูผิดปกติ”


หานเซิ่นเคยชินกับการเห็นคนตาย เขาจึงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เขาประหลาดใจที่โครงกระดูกและเสื้อผ้านั้นไม่ได้ถูกย่อยสลายโดยสสารแสงสีม่วง

 

 

 


ตอนที่ 2921 แว่นกันแดด

 

 


ในจักรวาลมีเผ่าพันธุ์มากมายและมีชุดอยู่นานาชนิด ชุดที่จะเห็นส่วนใหญ่นั้นมักจะเป็นชุดเกราะที่มีไว้สำหรับปกป้องร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่จะเข้ามาในระบบจักรวาลร้าง การจะเดินทางเข้ามาที่นี่พวกเขาจะสวมใส่ชุดเกราะซีโน่เจเนอิคหรือไม่ก็ชุดเกราะจีโนประจำตัว


 


แต่ชุดของโครงกระดูกนี่แตกต่างออกไป มันดูเหมือนกับผ้าไหมธรรมดาๆซะมากกว่า และมันดูจะไม่มีประสิทธิภาพในการปกป้องร่างกายแม้แต่นิดเดียว มันเหมือนกับชุดที่ใส่เพื่อแฟชั่น


 


ชุดของโครงกระดูกนั้นเป็นเสื้อคลุมหลวมๆที่เป็นสีฟ้าซะส่วนใหญ่ ด้านข้างของชุดนั้นมีดอกไม้สีดำประดับเอาไว้


 


สสารแสงสีม่วงล่องลอยไปถูกกับชุดนั่นอยู่เรื่อยๆ มันทำให้ชุดเรืองแสงอย่างสว่างไสว แต่ชุดนั้นไม่ได้ถูกย่อยสลาย โครงกระดูกเองก็เช่นกัน


 


หานเซิ่นคิด ‘การที่มันทนต่อสสารแสงสีม่วงได้แบบนี้ ชุดและโครงกระดูกนั่นต้องเป็นอะไรที่พิเศษ น่าเสียดายที่เราใช้พลังไม่ได้ ถ้าทำได้ เราก็คงจะเอาชุดนั่นมาเป็นของตัวเอง บางทีมันอาจจะเป็นสมบัติชั้นสูง’


 


โครงกระดูกล่องลอยขึ้นลงในอวกาศเคียงคู่ไปกับแคปซูลอวกาศของพวกเขา มันเกือบจะชนเข้ากับแคปซูลอวกาศ หานเซิ่นรู้สึกอยากจะเอามันเข้ามาข้างใน


 


แต่แคปซูลอวกาศกว้างพอสำหรับคนแค่คนเดียวเท่านั้น มันแคบมากพอแล้วที่เขาและเป่าเอ๋อต้องอยู่ข้างใน มันไม่มีที่เหลือให้กับโครงกระดูกนั่น


 


แถมปลาทองตัวใหญ่บอกว่าพวกเขาจะต้องซ่อนตัวและอย่าได้เปิดเผยตัวเองออกมา ไม่อย่างนั้นที่พวกเขาอุส่าซ่อนตัวมาตั้งนานก็จะสูญเปล่า หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมันอยู่สักพัก และสุดท้ายเขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป


 


แคปซูลอวกาศล่องลอยตามกระแสของอวกาศไปเรื่อยๆ หานเซิ่นไม่รู้แล้วว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน โครงกระดูกนั้นยังคงล่องลอยเคียงข้างกับพวกเขาไป ในบ้างครั้งมันจะลอยออกห่างไปจากแคปซูลอวกาศ แต่มันก็ไม่เคยลอยออกไปไกลจนเกินไป


 


หลังจากผ่านไปอีกหลายวัน แสงสีแดงบนเกล็ดก็เริ่มอ่อนลง ดูเหมือนกับว่าพลังงานของมันกำลังจะหมด แสงสีแดงที่ห่อหุ้มแคปซูลอวกาศอยู่เองก็มัวลงไปเช่นกัน หานเซิ่นได้ยินเสียงซ่าๆดังขึ้นมาจากด้านนอก มันฟังดูเหมือนกับว่าแคปซูลอวกาศกำลังจะถูกย่อยสลาย


 


“พลังของเกล็ดนี่กำลังจะหมด ถ้าเกิดเจ้าปลาทองตัวใหญ่พูดผิดขึ้นมาล่ะ?” หานเซิ่นมองออกไปข้างนอกและเห็นว่ามันยังปกคลุมด้วยแสงสีม่วง


 


ปัง!


หานเซิ่นและเป่าเอ๋อรู้สึกตกใจ เนื่องจากแคปซูลอวกาศไปชนบางสิ่งเข้าและเริ่มกลิ้งไปเหมือนกับลูกบอล ในตอนที่แคปซูลอวกาศหยุดกลิ้ง หานเซิ่นและเป่าเอ๋อก็สังเกตเห็นว่ามันไม่มีสสารแสงสีม่วงอีกแล้ว


 


หานเซิ่นมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาไม่ได้เห็นแสงสีม่วงอีก ข้างนอกนั้นเป็นสีขาวเหมือนกับหิมะ มันแตกต่างไปจากฝุ่นสีเทาที่หานเซิ่นเคยเห็น หิมะพวกนี้ไม่ใช่ฝุ่นผง มันเป็นหิมะจริงๆ


 


“พวกเรามาถึงแล้ว” หานเซิ่นดีใจ ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงของแตกหัก แคปซูลอวกาศไม่สามารถทนต่อไปได้อีก มันพังทลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยบนหิมะขาว เกล็ดปลาที่หานเซิ่นถืออยู่ก็แตกสลายและร่วงหล่นลงไปบนพื้น


 


‘ที่นี่เหมือนกับที่ปลาทองตัวใหญ่บอกไม่มีผิด’ หานเซิ่นคิด พวกเขาอยู่ภายในแคปซูลอวกาศมาเป็นเวลาหลายวัน เป่าเอ๋อดูดีใจที่ได้เป็นอิสระจากพื้นที่แคบๆ


 


ปัง!


พวกเขาทั้งคู่มองไปรอบๆทุ่งหิมะ พวกเขาต้องการจะตามหาสถานที่ที่ปลาทองตัวใหญ่บอก แต่ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งร่วงลงมาจากท้องฟ้า


 


หานเซิ่นและเป่าเอ๋อหันไปมองและสังเกตเห็นว่ามันคือโครงกระดูกที่พวกเขาเห็นในตอนที่อยู่ในแคปซูลอวกาศ มันหล่นลงมาบนหิมะใกล้ๆกับพวกเขา


 


“พ่อ มันคือโครงกระดูกนั่น” เป่าเอ๋อวิ่งเข้าไปหาโครงกระดูกและนั่งยองๆข้างๆมัน เธอใช้นิ้วจิ้มไปที่หัวของโครงกระดูกจนหัวของโครงกระดูกหันไปอีกด้านหนึ่ง แต่มันก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเกิดขึ้นมา


 


หานเซิ่นเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “ชุดของเขาเป็นของดี มันไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะเก็บพวกมันเอาไว้ เขาควรจะทำดีและมอบมันให้กับพวกเรา พวกเราจะฝังเขาเป็นการแลกเปลี่ยน แบบนั้นพวกเราก็จะได้ผลประโยชน์กันทั้งคู่”


 


หลังจากที่พูดแบบนั้น หานเซิ่นก็เริ่มค้นร่างของโครงกระดูก เขาต้องการจะดูว่านอกจากชุดแล้ว มันยังมีสมบัติอะไรอย่างอื่นอยู่อีกไหม


 


หานเซิ่นไม่พบสมบัติอะไรจนกระทั่งคลำไปถูกกระเป๋าเสื้อ เขาพบบางสิ่งอยู่ในนั้น แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร เขาเอามือล้วงเข้าไปข้างในและหยิบสิ่งนั้นออกมา


 


“มันคือแว่นตา… มันไม่ได้เป็นแว่นตาเดียวกันกับที่คริสตัลไลเซอร์มีหรอกใช่ไหม” หานเซิ่นสังเกตแว่นตาอย่างละเอียด


 


มันเป็นแว่นที่ดูเหมือนกับแว่นตาคางคกที่ใช้กันแดด แต่เลนส์ของแว่นตาเป็นสีดำ พวกมันไม่โปร่งใส พวกมันดำสนิทราวกับหมึก


 


หานเซิ่นยกแว่นตาขึ้นมาสวม และในจังหวะที่เขาทำแบบนั้น แว่นตาก็แสดงพลังประหลาดออกมา พลังนั้นแพร่กระจายไปทั่วร่างกายของหานเซิ่นโดยที่ไม่รั่วไหลออกไปที่อื่น


 


“โอ้…พ่อ… ทำไมพ่อถึงเปลี่ยนเป็นวานรตัวใหญ่ได้?” ดวงตาของเป่าเอ๋อเบิกกว้างขณะที่เธอมองไปที่หานเซิ่น


 


ถึงแว่นตาจะไม่โปร่งใส แต่หานเซิ่นมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง เขามองดูตัวเองและรู้สึกตัวว่าเขาถูกเปลี่ยนเป็นวานรตัวใหญ่


 


เขารีบถอดแว่นออกและร่างกายของเขาก็กลับมาเป็นปกติ


 


“นี่คืออาวุธประจำตัวพระเจ้า” หานเซิ่นมองไปที่แว่นกันแดดในมือของเขา หัวใจของเขาเต้นรัว ทันใดนั้นแว่นกันแดดก็หายวับไปและไปปรากฏอยู่ในจิตอย่างน่าตกใจ


 


แว่นตานี่ควรจะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาจากสิ่งประจำตัวพระเจ้าที่ได้มาจากการฆ่าเทพสปิริต มันเหมือนกับฝักมีดที่ทำขึ้นจากกระดูกของพระเจ้าเกราะนภา


 


“พ่อให้หนูลองมั่ง หนูอยากจะกลายเป็นวานรตัวใหญ่” เป่าเอ๋อพูดด้วยท่าทางตื่นเต้น


 


หานเซิ่นมอบแว่นกันแดดให้กับเป่าเอ๋อ เธอสวมใส่มันและร่างกายของเธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่เธอไม่ได้กลายเป็นวานรตัวใหญ่ เธอกลายเป็นผึ้งที่มีขนาดพอๆกับกำปั้น เธอกระพือปีกและส่งเสียงหึ่งอยู่ข้างๆหูของหานเซิ่น


 


“พ่อ หนูกลายเป็นผึ้งน้อย” เป่าเอ๋อพูดขณะที่บินไปมาอย่างมีความสุข


 


‘แว่นตานี่เปลี่ยนร่างกายของผู้คนได้ นั่นเป็นอะไรที่ค่อนข้างมหัศจรรย์’


หานเซิ่นคิด เป่าเอ๋อที่กลายเป็นผึ้งน้อยบินลงไปบนพื้น หลังจากนั้นเธอก็กลายเป็นกระต่ายขาว


 


“พ่อ หนูกลายเป็นกระต่ายขาว!” เป่าเอ๋อตื่นเต้นมากๆ เธอกระโดดไปมาก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นนกพิราบเพื่อบินขึ้นไปบนท้องฟ้า


 


ในเวลาอันสั้นเป่าเอ๋อก็เปลี่ยนเป็นอะไรหลายอย่าง หานเซิ่นมองดูอย่างตกตะลึง


“โอ้มายก็อด แว่นตานี่เหมือนกับซุนหงอคงที่แปลงกายได้เจ็ดสิบสองร่าง”


 


หลังจากที่มองดูเธออยู่สักพัก หานเซิ่นก็รู้สึกเบื่อ เขาย่อตัวลงและพยายามถอดเสื้อคลุมของโครงกระดูกออกมา เสื้อคลุมนี้สามารถทนต่อพลังในการย่อยสลายของสสารแสงสีม่วงได้ ดังนั้นมันต้องเป็นของดีอย่างไม่ต้องสงสัย


 


“นี่คงจะไม่ได้เป็นอาวุธประจำตัวพระเจ้าอีกอันหรอกใช่ไหม?”


หานเซิ่นถอดเสื้อคลุมออกมา แต่เขาไม่ได้ลองสวมมันในทันที เขามองไปที่โครงกระดูกและเริ่มขุดหลุม เขาวางโครงกระดูกไว้ข้างในและกลบหลุมก่อนที่จะพูดว่า “ข้าฝังเจ้าลงในดิน… ไม่สิ ฝังลงในหิมะเพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ปราศจากที่กำบัง ขอบคุณสำหรับสิ่งของที่มอบให้กับพวกเรา ตอนนี้พวกเราถือว่าไม่ติดค้างอะไรกันอีก”

 

 

 


ตอนที่ 2922 ภาพแกะสลัก

 

 


หลังจากที่ฝังโครงกระดูกเสร็จแล้ว หานเซิ่นก็สวมเสื้อผ้าที่เหมือนกับชุดคลุม เขาไม่รังเกียจที่จะสวมใส่ชุดของคนตาย แถมชุดคลุมนี่ก็ไม่ได้ดูสกปรกอะไร จริงๆแล้วมันดูเหมือนกับของใหม่


 


สิ่งสกปรกอย่างแบคทีเรียนั้นถูกย่อยสลายโดยสสารแสงสีม่วง ดังนั้นมันจึงไม่มีสิ่งสกปรกอะไรหลงเหลืออยู่


 


ในตอนที่หานเซิ่นสวมใส่ชุดคลุม เขาก็พยายามจะใช้พลังของตัวเองเพื่อปลุกพลังของชุดคลุมให้ตื่นขึ้น เขาเชื่อว่าถึงแม้มันจะไม่ใช่อาวุธประจำตัวพระเจ้า แต่อย่างน้อยๆมันก็ต้องเป็นสมบัติที่หายาก


 


แต่ไม่ว่าหานเซิ่นจะพยายามปลุกพลังของมันยังไง เสื้อคลุมสีน้ำเงินดำก็ไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร มันเป็นเหมือนกับสิ่งของปกติที่ปราศจากพลังงานใดๆ


 


“สิ่งนี้ไม่มีทางเป็นแค่เสื้อผ้าธรรมดาไปได้ มันไม่ถูกย่อยสลายในสสารแสงสีม่วง ดังนั้นมันต้องเป็นระดับเทพเจ้าเป็นอย่างน้อย แต่ทำไมมันถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไร?”


หานเซิ่นคิดว่ามันแปลกๆ เขาไม่สามารถทำให้ชุดคลุมตอบสนองอะไรได้ เขาลองพยายามฉีกมันดู แต่เขาพบว่ามันแข็งแรงเกินไป


 


หานเซิ่นคิด ‘ช่างเถอะ เราจะสวมใส่มันเป็นเหมือนกับชุดเกราะ ด้วยเสื้อคลุมนี้พลังอย่างลม ไฟหรือสายฟ้าก็ไม่ควรจะมาถึงตัวเรา’


 


หานเซิ่นมองไปรอบๆและเห็นสามภูเขาหินสีดำที่อยู่บนทุ่งน้ำแข็ง ภูเขาหินทั้งสามนั้นดูค่อนข้างแปลก พวกมันแตกต่างไปจากภูเขาน้ำแข็งและภูเขาหิมะที่อยู่รอบๆ


 


ภูเขาน้ำแข็งเหมือนกับใบมีด ส่วนภูเขาหิมะนั้นเป็นวงกลมเหมือนกับภูเขาไฟ มีเพียงแค่ภูเขาหินที่ดูเหมือนกับกลีบของดอกบัว


 


“นี่ควรจะเป็นที่ที่เจ้าปลาทองบอก” หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อขึ้นมาและเริ่มเดินบนหิมะ


 


ตามที่ปลาทองตัวใหญ่บอก หลังจากที่มาถึง พวกเขาจำเป็นต้องเดินไปบนหิมะ พวกเขาไม่สามารถบินหรือเทเลพอร์ตได้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกโจมตีโดยซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัว


 


ปลาทองตัวใหญ่นั้นเป็นซีโน่เจเนอิคระดับท็อป ถ้ามันหวาดกลัวซีโน่เจเนอิคตัวอื่น ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นก็ต้องทรงพลังอย่างมาก ถ้าไม่มีความจำเป็น หานเซิ่นก็ไม่อยากจะเสี่ยงสู้กับมัน


 


“ที่นี่สว่างมากๆ ถ้าพวกเราบินไป พวกเราก็จะถูกเห็นได้ง่าย แต่ถึงพวกเราจะเดินไป พวกเราก็จะถูกเห็นอยู่ดีไม่ใช่หรอ?” หานเซิ่นรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี่


 


แต่ไม่ว่าสิ่งที่ปลาทองตัวใหญ่บอกจะเป็นความจริงหรือไม่ ในเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่แล้ว หานเซิ่นก็จะลองเชื่อมันดู


 


ระหว่างทางนั้นเป็นอย่างที่เจ้าปลาทองตัวใหญ่บอก มันมีแค่น้ำแข็งและหิมะอยู่รอบๆ มันไม่ได้มีสิ่งมีชีวิตหรือซีโน่เจเนอิคเช่นกัน ที่แห่งนี้นั้นเงียบสงัด


 


พ่อและลูกสาวไม่ได้เจอกับอันตรายใดๆ พวกเขาแค่เสียเวลาพอสมควรกว่าจะเดินไปถึงสามภูเขาหินสีดำ พวกเขามองขึ้นไปยังภูเขาทั้งสามลูก พวกมันงดงามและใหญ่โตมากๆ ภูเขาทั้งสามลูกนั้นแต่ละลูกสูงประมาณสามหมื่นฟุต พวกมันเรียงติดกันโดยเว้นที่ว่างตรงกลางเหมือนกับดอกบัวที่กำลังบาน


 


ตามที่ปลาทองตัวใหญ่บอกกับพวกเขา พวกเขาต้องปีนผาชันของภูเขาขึ้นไปเจ็ดถึงแปดไมล์ ซึ่งตรงหน้าของพวกเขาในตอนนี้คือบันไดหินที่จะนำพวกเขาขึ้นไปบนยอดของภูเขา มันเป็นเหมือนกับบันไดที่ทอดยาวขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์


 


เมื่อมาถึงจุดนี้ หานเซิ่นก็ไม่ได้เดินขึ้นบันไดไปในทันที เขามองไปที่บันไดหินตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นรัว


 


จากสิ่งที่ปลาทองตัวใหญ่บอก พวกเขาต้องหันหน้าหนีจากบันไดและต้องหลับตาลง พวกเขาไม่สามารถใช้พลังได้เช่นกัน พวกเขาไม่สามารถใช้แม้กระทั่งพลังอย่างการปลดปล่อยอาณาเขตหรืออะไรทำนองนั้น


 


ปลาทองตัวใหญ่ยังเตือนพวกเขาว่าในขณะที่พวกเขาเดินขึ้นบันไดหินไป ไม่ว่าจะมีเสียงอะไรดังขึ้นมา พวกเขาก็ไม่สามารถลืมตาขึ้นและหันไปมองได้ พวกเขาต้องหลับตาและขึ้นบันไดต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาทำได้แค่สัมผัสกำแพงไปจนกระทั่งพวกเขาพบกับงานแกะสลักบนกำแพง หลังจากนั้นพวกเขาก็จะสามารถใช้พวกมันนำทางไปจนกระทั่งพบสมบัติ


 


หลังจากที่พวกเขาพบสมบัติแล้ว พวกเขาก็ทำสำเร็จเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น พวกเขายังไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ พวกเขาต้องหลับตาต่อไปและเดินกลับมาตามเส้นทางเดิม จนกว่าพวกเขาจะลงมาจากภูเขา


 


“ด้วยสติปัญญาของเจ้าปลาทอง ฉันไม่คิดว่ามันจะคิดแผนการที่ซับซ้อนแบบนี้ได้”


หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อขึ้นมาและยิ้ม “หนูจำที่ปลาทองตัวใหญ่บอกได้ใช่ไหม ในตอนที่พวกเราก้าวขึ้นบันไดไป พวกเราจะลืมตาไม่ได้ ถ้าหนูทนต่อไม่ไหวและต้องลืมตาขึ้น หนูต้องรีบบอกพ่อ”


 


เป่าเอ๋อที่อยู่ในอ้อมแขนของหานเซิ่นหลับตาและพูดอย่างตื่นเต้น


“พ่อ หนูพร้อมแล้ว ขึ้นภูเขาไปกันเถอะ”


 


หานเซิ่นหลับตา เขาใช้มือข้างหนึ่งสัมผัสกับกำแพงและเริ่มเดินถอยหลังขึ้นบันไดหินไป


 


เขาไม่สามารถใช้ออร่าตงเสวียนเพื่อช่วยในการมองเห็นได้เช่นกัน เขาจำเป็นต้องใช้หู ดังนั้นเขาจึงโฟกัสไปที่การฟัง นอกจากเสียงของสายลมแล้ว เขาไม่ได้ยินอะไรที่ผิดปกติ


 


การเดินขึ้นบันไดหินไปไม่ใช่เรื่องยากอะไร ด้วยพลังของหานเซิ่นในตอนนี้ เขาสามารถหลับตาและเดินกลับหลังได้สบายๆ มันไม่ต่างอะไรจากการเดินปกติ แต่เขากลัวว่ามันอาจจะมีกับดักบางอย่างซ่อนอยู่ ดังนั้นเขาเดินขึ้นไปอย่างช้าๆขณะที่ตั้งใจฟังเสียง


 


หานเซิ่นเดินไปอยู่สักพัก แต่เขาก็ยังคงไม่ได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ มันเงียบสงัดตลอดเส้นทาง


 


ทันใดนั้นนิ้วมือของหานเซิ่นที่ยื่นออกไปแตะกำแพงหินก็รู้สึกต่างไปจากเดิน เขารู้สึกราวกับว่ามีรอยแยกอยู่บนกำแพงหินที่เรียบเนียน


 


หานเซิ่นคำไปรอบๆและสังเกตได้ว่ารอยบนกำแพงมีทั้งรอยลึก รอยบาง รอยเส้นตรงและรอยเส้นโค้ง เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นรอยแกะสลักของอะไรกันแน่


 


ถ้าเขาใช้ออร่าตงเสวียน เขาก็ไม่จำเป็นต้องลืมตาขึ้นมามองว่าพวกมันคืออะไร แต่ในตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่คาดเดาเท่านั้น


 


หานเซิ่นสัมผัสรอยแกะสลักและเดินต่อไปเรื่อยๆ แต่ขณะที่เขาเดินไป จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงบางสิ่งจากด้านหลัง มันฟังดูเหมือนกับเสียงของงู มันเบามากๆ แต่มันทำให้เขารู้สึกขนลุกขึ้นมา


 


เสียงนั่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีงูพิษตัวหนึ่งกำลังเข้ามาหาเขาจากด้านหลัง มันเกือบจะมาถึงด้านหลังของเขาแล้ว


 


“ไม่ไหวแล้ว” หานเซิ่นไม่สามารถทนหลับตาต่อไปได้ ระหว่างตัวเองกับเจ้าปลาทองตัวใหญ่ ถ้าเขาต้องเลือกเชื่อใครสักคน เขาก็เชื่อตัวเองมากกว่า เขาเลือกจะเผชิญหน้ากับอันตราย ดีกว่าที่จะเอาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยงโดยการเชื่อสิ่งที่ปลาทองตัวใหญ่พูด


 


หานเซิ่นใช้ออร่าตงเสวียน เขาลืมตาขึ้นและหันไปมองที่บันได เขารู้สึกแปลกใจ มันไม่ได้มีงูอยู่ที่ด้านหลังของเขา เส้นทางนั้นเป็นปกติดีทุกอย่าง มันยังคงเป็นบันไดหินที่นำขึ้นไปบนภูเขา และมันไม่มีอะไรอยู่บนบันได มันมีภาพแกะสลักมากมายอยู่บนกำแพงที่ทอดยาวออกไป


 


หานเซิ่นยังไม่เข้าใจสิ่งที่ถูกแกะสลักอยู่บนกำแพง นั่นก็เพราะเขาเห็นเพียงแค่ส่วนเดียวของมันเท่านั้น แต่ถ้าให้เขาคาดเดา เขาเดาว่ามันอาจจะเป็นภาพแกะสลักของงูตัวใหญ่


 


ขณะที่หานเซิ่นมองไปที่ภาพแกะสลักบนกำแพง จู่ๆมันก็เริ่มเคลื่อนไหว ถึงแม้มันจะเป็นแค่หิน แต่มันก็มีชีวิตขึ้นมา เกล็ดสีดำของมันให้กลิ่นเหมือนกับเลือด


 


หานเซิ่นเห็นกำแพงหินกลายเป็นเนื้อหนังของสิ่งมีชีวิต่อหน้าต่อตา ขณะที่ออร่าที่น่ากลัวเข้าปกคลุมพื้นที่แห่งนั้น


 


“เจ้าปลาทองไม่ได้โกหก เราไม่ควรลืมตาขึ้นมา”


ถึงแม้หานเซิ่นจะได้รู้ว่าเจ้าปลาทองไม่ได้หลอกเขา แต่เขาไม่เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง เขาจำเป็นต้องควบคุมชะตากรรมของตัวเอง เขาไม่สามารถคาดหวังที่จะพบกับคนดีทุกครั้ง


 

 

 

 


ตอนที่ 2923 ต่อสู้กับมังกร

 

 


ภูเขาสั่นสะเทือนและเศษหินร่วงลงมา ดูเหมือนกับว่ากำลังจะเกิดแผ่นหินไหวขึ้น กำแพงหินนั้นมีชีวิตขึ้นมา มันกลายเป็นงูยักษ์เกล็ดดำ จากส่วนที่หานเซิ่นเห็นร่างกายของมันสูงอย่างน้อยสามสิบหกฟุต มันสูงเหมือนกับกำแพงเมือง ส่วนความยาวของมัน หานเซิ่นไม่สามารถคาดเดาได้


 


ออร่าที่น่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมาจากเกล็ดสีดำของมัน หานเซิ่นรู้ว่างูเกล็ดดำตัวนี้ต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าเจ้าปลาทองตัวใหญ่ แต่เนื่องจากเขาได้ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นแล้ว เขาก็ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขมันได้ เขาบินขึ้นไปบนอวกาศและมองไปที่สามภูเขาหินสีดำจากด้านบน เขาเห็นซีโน่เจเนอิคขนาดใหญ่ขดตัวอยู่รอบๆภูเขาสามลูกที่เหมือนกับดอกบัว ในตอนที่ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นเงยหัวของมันขึ้นมา หานเซิ่นก็ค้นพบว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่งูยักษ์แต่เป็นมังกรดำ


 


มังกรคำรามออกมาด้วยเสียงที่สั่นสะเทือนไปถึงอวกาศ มันทำให้ภูเขาหิมะและภูเขาน้ำแข็งที่อยู่รอบถล่มลงมา


 


หานเซิ่นลอยตัวอยู่ในอวกาศและใช้พลังทั้งหมดของออร่าตงเสวียนเพื่อต้านเสียงคำรามของมังกรเอาไว้ มันทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะเทือนจนเขารู้สึกว่าจะร่วงลงไปได้ทุกเมื่อ


 


“นั่นเป็นซีโน่เจเนอิคที่ทรงพลังมาก” หานเซิ่นเอาโล่เมดูซ่าส์เกซออกมาป้องกันเสียงคำรามของมังกร ดวงตาของผู้หญิงบนโล่เมดูซ่าส์เกซเปิดออกและปล่อยแสงประหลาดออกมา มันพุ่งไปถูกร่างของมังกรเกล็ดดำ


 


หานเซิ่นเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน เขาต้องการจะทำให้มังกรเกล็ดดำถูกแช่แข็งกลายเป็นหิน


 


ดวงตาของเจ้ามังกรเป็นเหมือนกับหลุมดำที่ไร้ก้นบึ้ง มันมองไปที่ดวงตาของเมดูซ่า ดูเหมือนกับว่าดวงตาทั้งสองของมันสร้างวังวนที่ดูดกลืนแสงของเมดูซ่าเข้าไป ร่างกายของเจ้ามังกรไม่ได้ถูกแช่แข็งให้กลายเป็นหิน


 


หานเซิ่นต้องการจะใช้พลังของโล่เมดูซ่าส์เกซอีกครั้ง ถึงดวงตาของเจ้ามังกรเกล็ดดำจะสามารถดูดกลืนแสงเข้าไปได้ แต่ส่วนอื่นของร่างกายมันไม่สามารถป้องกันแสงของโล่เมดูซ่าส์เกซได้


 


แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะได้ใช้พลังของโล่เมดูซ่าส์เกซ มังกรเกล็ดดำก็พ่นบางสิ่งออกมา หานเซิ่นได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมพื้นบ้าน มันทำให้เขาคิดไปว่ามังกรดำนั้นจะพ่นดราก้อนบอลออกมาให้กับเขา แต่สิ่งที่มังกรพ่นออกมานั้นไม่ใช่ดราก้อนบอล แต่มันเป็นตะเกียง


 


มันเป็นตะเกียงหินสีดำ รูปลักษณ์ภายนอกของมันดูเหมือนกับตะเกียงเผ่าพันธุ์ในจีโนฮอลล์อย่างน่าตกใจ แต่ตะเกียงนี้ไม่ได้มีเครื่องหมายเผ่าพันธุ์อยู่ ตะเกียงนั้นกำลังลุกไหม้ด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ที่มีสีขาวบริสุทธิ์


 


หานเซิ่นรู้ในทันทีว่ามันคืออะไร ในตอนที่ปลาทองตัวใหญ่บรรยายเกี่ยวกับสมบัติ มันพูดถึงบางสิ่งที่เกี่ยวกับหินและไฟ หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นได้เห็นตะเกียงหิน เขาก็รู้ว่ามันต้องเป็นสิ่งที่เจ้าปลาทองตัวใหญ่พูดถึง


 


“สมบัติที่ปลาทองตัวใหญ่พูดถึงต้องเป็นตะเกียงนี้แน่ๆ แต่ตะเกียงหินนี่อยู่ในปากของมังกร ถึงแม้เราจะหลับตาและเดินไปเรื่อยๆ เราจะเอาตะเกียงมาจากปากของมังกรได้ยังไง?”


หานเซิ่นไม่เข้าใจ แต่เหตุการณ์มาถึงนี่แล้ว เขาก็ไม่เสียเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้น เพื่อจะเอาตะเกียงหินนั่นไป เขาจำเป็นต้องฆ่าซีโน่เจเนอิคตรงหน้า นอกจากนั้นเขายังจะได้รับยีนซีโน่เจเนอิคของมังกรเกล็ดดำตัวนี้อีก แบบนั้นมันก็เหมือนกับการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว


 


ตะเกียงหินบินออกมาจากปากของมังกร มังกรเกล็ดดำยื่นอุ้งมือของมันออกมาถือตะเกียงเอาไว้ตรงหน้า ก่อนจะพ่นลมหายใจมังกรออกมา


 


ในตอนที่ลมหายใจมังกรผ่านเปลวเพลิงในตะเกียง มันก็เปลี่ยนเป็นสีขาวและพุ่งต่อไปหาหานเซิ่น


 


ลมหายใจมังกรนั้นปกคลุมทั้งบริเวณ นอกซะจากหานเซิ่นจะเสี่ยงเทเลพอร์ตหนีไปยังอวกาศ เขาก็ไม่สามารถหลบหลีกจากลมหายใจมังกรที่น่ากลัวนั้นได้


 


หานเซิ่นรวบรวมพลังทั้งหมด เขาเอาเป่าเอ๋อไปไว้ด้านหลังและจับโล่เมดูซ่าส์เกซด้วยสองมือเพื่อป้องกันลมหายใจมังกร


 


ปัง!


หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงพลังที่น่ากลัวพุ่งมาใส่โล่ของเขา แขนของเขาเกือบจะหักและร่างกายของเขาก็ถูกส่งกระเด็นออกไปด้านหลัง


 


หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาจะแตกสลาย แต่เขายังคงถือโล่เอาไว้ในมือ เขาตกใจเมื่อเห็นว่าโล่นั้นกำลังลุกไหมด้วยเพลิงสีขาวศักดิ์สิทธิ์


 


เปลวเพลิงสีขาวนั้นไม่มีความร้อน ดังนั้นมันไม่ได้เผาผลาญโล่เมดูซ่าส์เกซ แต่เปลวไฟสีขาวนั้นลามไปทั่วโล่อย่างรวดเร็ว มันดูเหมือนกับว่าโล่กำลังจะถูกกลืนกินในอีกไม่นาน


 


หานเซิ่นใช้พลังของศาสตร์ตงเสวียนเพื่อจะดับไฟบนโล่ แต่เขาไม่สามารถหยุดมันได้ เขาได้แต่มองดูโล่ถูกกลืนกินโดยเปลวเพลิงสีขาว สุดท้ายเขาก็ต้องยอมปล่อยโล่ไปเพื่อไม่ให้เปลวไฟลามมาถึงมือของเขา


 


ในจังหวะที่หานเซิ่นปล่อยมือจากโล่เมดูซ่าส์เกซ โล่ก็ถูกห่อหุ้มโดยเพลิงสีขาวโดยสมบูรณ์ มันทำให้โล่นั้นดูเหมือนกับของศักดิ์สิทธิ์


 


วินาทีต่อมา มังกรเกล็ดดำก็ขยับอุ้งมือและโล่เมดูซ่าส์เกซที่หลุดจากการควบคุมของหานเซิ่นก็บินเข้าไปหามังกรเกล็ดดำอย่างคาดไม่ถึง เจ้ามังกรรับมันเอาไว้ด้วยอุ้งมือของมัน


 


หานเซิ่นเห็นว่าดวงตาของมังกรเกล็ดดำนั้นเต็มไปด้วยความดูถูก ขณะที่อุ้งมือของเจ้ามังกรถือโล่เมดูซ่าส์เกซเอาไว้ ผู้หญิงที่อยู่บนโล่ก็ลืมตาขึ้นและปล่อยแสงประหลาดออกมา


 


“นั่นเป็นไปได้ยังไง?” สีหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไป


 


โดยปกติแล้วโล่เมดูซ่าส์เกซไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะเอาไปใช้ได้ แต่เจ้ามังกรเกล็ดดำสามารถทำแบบนั้นได้ นั่นเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อ


 


การจะใช้โล่เมดูซ่าส์เกซจำเป็นต้องทีพลังพิเศษของเผ่ากาน่าเท่านั้น หานเซิ่นใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อจำลองพลังของเผ่ากาน่าได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาสามารถใช้โล่เมดูซ่าส์เกซได้


 


แต่มังกรเกล็ดดำนั้นมีพลังที่แตกต่างไปจากกาน่าโดยสิ้นเชิง หานเซิ่นมั่นใจในเรื่องนั้น มันจึงแปลกที่เจ้ามังกรสามารถใช้พลังของโล่ได้


 


หานเซิ่นไม่มีเวลาจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นมากนัก เมื่อเห็นแสงของโล่เมดูซ่าส์เกซกำลังจะมาถึงตัว เขาก็รีบเทเลพอร์ตหนีไป


 


หานเซิ่นเข้าใจพลังของโล่เมดูซ่าส์เกซเป็นอย่างดี ดังนั้นถึงเจ้ามังกรเกล็ดดำจะใช้โล่เมดูซ่าส์เกซยิงแสงใส่เขารัวๆราวกับลูกกระสุน พวกมันก็ไม่สามารถถูกตัวหานเซิ่นได้แม้แต่ครั้งเดียว


 


ตอนนี้วิชาเทเลพอร์ตของหานเซิ่นถึงขั้นที่สามารถเทเลพอร์ตได้รวดเร็วกว่าแสงของโล่เมดูซ่าส์เกซ


 


เจ้ามังกรเกล็ดดำโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ล้มเหลวทุกครั้ง สุดท้ายมันก็หมดความอดทนและอ้าปากกว้างเพื่อพ่นลมหายใจมังกรออกมา ครั้งนี้ลมหายใจมังกรไม่ได้ผ่านเปลวเพลิงสีขาวของตะเกียง มันเป็นเหมือนกับเมฆหมอกสีดำที่ปกคลุมท้องฟ้าและผืนดิน มันทำให้หานเซิ่นไม่สามารถหลบไปไหนได้


 


หานเซิ่นปลดปล่อยอาณาเขตออกไปจากร่างกายเหมือนกับการกระเพื่อมของน้ำ ลมหายใจมังกรที่ปกคลุมท้องฟ้าและผืนดินดูน่ากลัวอย่างมาก แต่มันไม่สามารถเข้ามาใกล้ร่างกายของหานเซิ่นได้


 


ด้วยพลังอาณาเขตของวิญญาณอสูรไทม์โกสต์ มันทำให้ลมหายใจมังกรมาไม่ถึงตัวหานเซิ่น

 

 

 


ตอนที่ 2924 ตะเกียงหิน

 

 


ถึงแม้จะเป็นพลังของสิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อต แต่ก็เป็นเรื่องยากที่พลังนั้นจะคงอยู่ไปตลอดกาล นอกซะจากมันจะมีพลังอย่างอีเทอร์นิตี้ของหานเซิ่น ถึงพลังของมังกรเกล็ดดำจะร้ายกาจ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ไม่มีจุดอ่อนอยู่เลย มันไม่ใช่พลังที่ไม่มีการรั่วไหล สุดท้ายแล้วพลังจะลดถอยลงไปเรื่อยๆตามกาลเวลา


 


นอกซะจากพลังของมังกรเกล็ดดำจะสามารถฉีกพลังอาณาเขตกาลเวลาของหานเซิ่นให้ขาดได้ หรือรวดเร็วพอที่จะเพิกเฉยต่อการเวลาที่ชะลอความเร็วลง ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นได้ ไม่ว่ามันจะเป็นการโจมตีที่ร้ายกาจสักแค่ไหน


 


ไทม์โกสต์เป็นหนึ่งในซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตระดับท็อปของจักรวาล วิญญาณอสูรของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าสมบัติขั้นทรูก็อตที่หายาก ถึงแม้มังกรเกล็ดดำจะแข็งแกร่งมาก แต่มันก็ยังไม่ถึงระดับที่จะฉีกผ่านอาณาเขตของไทม์โกสต์ได้


 


ที่หานเซิ่นกล้าเข้ามาในระบบจักรวาลร้างก็เพราะเขามีอาณาเขตกาลเวลา นี้เป็นหนึ่งในไพ่ตายของเขา ในตอนที่เขาเผชิญหน้ากับปลาทองตัวใหญ่ เขายังคงซ่อนไพ่ตายหลายอย่างเอาไว้และใช้เพียงแค่โล่เมดูซ่าส์เกซ


 


แต่ตอนนี้โล่เมดูซ่าส์เกซถูกมังกรเกล็ดดำชิงไป หานเซิ่นจึงต้องงัดไพ่ตายอย่างวิญญาณอสูรไทม์โกสต์ออกมาใช้


 


หานเซิ่นก้าวเข้าไปหามังกรเกล็ดดำทีละก้าวๆ มังกรยังคงพ่นลมหายใจออกมาและโล่เมดูซ่าส์เกซในมือของมันก็ปลดปล่อยลำแสงออกมา พลังทั้งสองพุ่งไปใส่หานเซิ่น


 


แต่ในตอนที่ลมหายใจมังกรและลำแสงของโล่เข้ามาในอาณาเขตกาลเวลา พวกมันก็ถูกชะลอความเร็วลงไปอย่างมาก แม้แต่ลำแสงของโล่เมดูซ่าส์เกซที่ปกติเดินทางด้วยความเร็วสูงก็ดูช้าลงไปเหมือนกับว่ามันหยุดอยู่กับที่ พวกมันสลายไปก่อนที่จะมาถึงตัวหานเซิ่น


 


เมื่อมังกรเกล็ดดำรู้สึกตัวว่าลมหายใจมังกรไม่ได้ผล มันก็ตกใจไป แต่ในจังหวะต่อมาอุ้งมืออีกข้างของมันก็ยกตะเกียงหินขึ้นมาตรงหน้า หลังจากนั้นมันก็พ่นลมหายใจมังกรใส่ตะเกียงหิน


 


ลมหายใจมังกรพุ่งผ่านตะเกียงหินและถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีขาว มันพุ่งเข้ามาหาหานเซิ่น


 


ถึงจะมีอาณาเขตของไทม์โกสต์อยู่ หานเซิ่นก็ไม่กล้าจะประมาทศัตรู เขารู้ว่าพลังของตะเกียงหินนั้นเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดา ที่มังกรเกล็ดดำสามารถใช้โล่เมดูซ่าส์เกซได้ก็คงจะเป็นเพราะพลังของตะเกียงหินนั่น


 


ตอนนี้ลมหายใจมังกรถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงของตะเกียงหิน ในจังหวะที่ลมหายใจมังกรเข้ามาในอาณาเขตกาลเวลา มันก็ไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอความเร็วลง มันยังคงพุ่งเข้าไปหาหานเซิ่นด้วยความเร็วเท่าเดิม


 


“ตะเกียงหินนี่จะร้ายกาจเกินไปแล้ว!” หานเซิ่นจ้องไปที่ลมหายใจมังกรที่ถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีขาวของตะเกียงหิน เขาไม่ได้ตื่นตระหนก


 


ในจังหวะที่หานเซิ่นกำลังจะเคลื่อนไหว จู่ๆเป่าเอ๋อที่อยู่ด้านหลังก็กระโดดออกไป เธอสวมใส่แว่นกันแดดอยู่ ในจังหวะที่เธอลอยตัวอยู่ในอวกาศ ร่างกายของเธอก็เกิดความเปลี่ยนแปลง ทันใดนั้นเธอก็ดูเหมือนเจ้ามังกรเกล็ดดำตัวใหญ่


 


หลังจากที่เป่าเอ๋อเปลี่ยนเป็นมังกรเกล็ดดำ เธอก็อ้าปากกว้างและพ่นลมหายใจมังกรสีดำออกไปปะทะกับลมหายใจมังกรที่ถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟสีขาว ลมหายใจมังกรทั้งสองปะทะกันและกัน


 


อวกาศรอบๆสั่นสะเทือน ทุ่งหิมะข้างล่างนั้นแตกออกจากกัน


 


หานเซิ่นทั้งแปลกใจและดีใจ “นี่มันมหัศจรรย์จริงๆ! แว่นกันแดดนั่นเปลี่ยนเป่าเอ๋อให้กลายเป็นมังกรเกล็ดดำ และเธอก็ยังปล่อยลมหายใจมังกรออกไปได้”


 


ลมหายใจมังกรปะทะกันจนกระทั่งพวกมันหายไปทั้งคู่ เมื่อเจ้ามังกรเกล็ดดำเห็นว่าตรงหน้ามีมังกรเกล็ดดำอีกตัว มันก็อึ้งไป


 


หลังจากนั้นเจ้ามังกรเกล็ดดำก็ดูโกรธอย่างมาก มันมองไปที่เป่าเอ๋อและปลดปล่อยเสียงคำรามที่กลายเป็นคลื่นกระแทกพุ่งไปใส่เป่าเอ๋อ


 


เป่าเอ๋อก็ปลดปล่อยเสียงคำรามออกมาเช่นกัน มันพุ่งออกไปปะทะกันละกัน คลื่นกระแทกที่น่ากลัวทั้งสองปะทะกันในอวกาศ หลังจากการปะทะผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือเสมอกันอีกครั้งหนึ่ง


 


มังกรเกล็ดดำโกรธ ขณะที่มันใช้มังกรคำรามและปลดปล่อยลมหายใจมังกรออกไปอีก เกล็ดมังกรของมันก็เรืองแสงออกมา พลังต่างๆที่ปกคลุมทั้งท้องฟ้าและผืนดินถูกปล่อยออกไปใส่เป่าเอ๋อ ทางเป่าเอ๋อเองก็ไม่แพ้กัน เธอก็ใช้พลังหลายอย่างออกไปปะทะกันตรงๆ การต่อสู้ของเธอกับมังกรเกล็ดดำนั้นผลออกมาเสมอกันอีกครั้ง นอกจากโล่เมดูซ่าส์เกซและตะเกียงหินแล้ว พลังอื่นที่มังกรเกล็ดดำใช้ เป่าเอ๋อเองก็ใช้ได้เช่นกัน พลังของเธอเทียบเท่ากับมังกรเกล็ดดำ


 


“แว่นกันแดดนั่นเป็นอาวุธประจำตัวพระเจ้าที่ทรงพลังมาก ไม่รู้ว่ามันทำขึ้นมาจากสิ่งประจำตัวพระเจ้าของเทพสปิริตคนไหน” หานเซิ่นตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น


 


เมื่อเห็นว่าพลังของมันถูกเป่าเอ๋อบล็อกเอาไว้ได้ มังกรเกล็ดดำก็ดูตกใจ มันคำรามอย่างบ้าคลั่งและยกตะเกียงหินขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตามังกรของมันปล่อยลำแสงสีดำออกไปใส่เปลวเพลิงของตะเกียงหิน


 


ในตอนที่ลำแสงสีดำพุ่งผ่านเปลวเพลิง มันก็เปลี่ยนเป็นสีขาว เป่าเอ๋อไม่แสดงความอ่อนแอต่อหน้าศัตรู ดวงตามังกรของเธอเบิกกว้างและปล่อยลำแสงสีดำออกไป แต่ลำแสงของเธอไม่ได้ถูกย้อมด้วยเปลวเพลิงของตะเกียงหิน มันยังคงเป็นสีดำสนิท


 


ลำแสงสีดำและสีขาวปะทะกันในอากาศ พวกมันแตกต่างไปจากลมหายใจมังกร ครั้งนี้ในตอนที่พลังทั้งสองปะทะกัน ลำแสงสีดำของเป่าเอ๋อก็ถูกทำลายโดยลำแสงสีขาวอย่างง่ายดาย ลำแสงสีขาวพุ่งต่อมาในทิศทางของเป่าเอ๋อ


 


เป๋อเอ๋อแปลกใจ เธอกลิ้งตัวและร่างมังกรเกล็ดดำยักษ์ของเธอก็เปลี่ยนกลายเป็นผึ้งตัวเล็กๆ ลำแสงสีขาวพุ่งผ่านเธอไปถูกทุ่งหิมะที่อยู่ด้านหลังแทน ทุ่งหิมะบริเวณที่ถูกลำแสงสีขาวนั้นสลายกลายเป็นผุยผงไป


 


เป่าเอ๋อที่กลายเป็นผึ้งน้อยบินกลับมาหานเซิ่น เธอกลับคืนร่างเดิมและเข้ามาไปหาหานเซิ่น “ตะเกียงหินนั่นทรงพลังเกินไป”


 


“หนูคอยดูพ่อ พ่อจะจัดการมันให้ดู” หลังจากที่พูดแบบนั้น หานเซิ่นก็อุ้มเป่าเอ๋อมาไว้ข้างหลังของเขา หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปหามังกรเกล็ดดำ


 


หานเซิ่นเทเลพอร์ตไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ามังกรเกล็ดดำ เจ้ามังกรรีบพ่นลมหายใจมังกรออกมา มันรีบร้อนจนไม่มีเวลาจะห่อหุ้มมันด้วยเพลิงสีขาวของตะเกียงหิน


 


แต่ทว่าหานเซิ่นเองก็ไม่มีเวลาจะใช้อาณาเขตกาลเวลาเช่นกัน เขารวบรวมพลังของกายหยกทั้งหมดไปที่มือและชกออกไปปะทะกับลมหายใจมังกรที่ซัดเข้ามาเหมือนกับคลื่นสึนามิ


 


ในตอนที่พลังทั้งสองปะทะกัน ลมหายใจมังกรก็ถูกแช่แข็งในอากาศ แต่ลมหายใจมังกรนั้นทรงพลังเกินไป กายหยกของหานเซิ่นสามารถแช่แข็งมันได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น มันยังมีลมหายใจมังกรที่ตามมาจากด้านหลัง มันทำลายน้ำแข็งข้างหน้าและเข้ามาถูกตัวหานเซิ่น


 


ตูม!


หานเซิ่นถูกส่งกระเด็นออกไปโดยลมหายใจมังกร เขาเป็นเหมือนกับมดต่อหน้าคลื่นสึนามิ พลังของกายหยกนั้นไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับลมหายใจมังกร


 


พลังของหานเซิ่นที่เทียบได้กับขั้นทรูก็อตนั้นเป็นเหมือนกับกระดาษเมื่ออยู่ต่อหน้าลมหายใจมังกรของมังกรเกล็ดดำ


 


หลังจากที่หานเซิ่นกลับมาทรงตัวได้แล้ว เขาก็กระอักเลือดออกมา แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก ไม่เพียงแค่ชุดของเขาไม่ได้รับความเสียหาย เขายังได้รับความเสียหายแค่นิดเดียวเท่านั้น


 


“ทำไมเราถึงไม่บาดเจ็บอะไร?” หานเซิ่นคิดว่าเขาควรจะได้รับบาดเจ็บหนักจากการโจมตีนั่น แต่บาดแผลที่เขาได้รับมันเล็กน้อยมากๆ เขามองดูตัวเองและรู้สึกตัวว่ามันเป็นผลของเสื้อคลุมสีน้ำเงินดำ


 


มังกรเกล็ดดำดูดีใจเมื่อเห็นว่าการโจมตีของมันได้ผล มันรีบปล่อยลมหายใจมังกรออกไปใส่หานเซิ่นอีก เจ้ามังกรไม่ได้รีบร้อนที่จะใช้ตะเกียงหินช่วยอีก


 


“ช่วยถือชุดคลุมให้พ่อ และคอยดูพ่อฆ่าเจ้ามังกรตัวนี้” หานเซิ่นถอดชุดคลุมและโยนมันไปให้กับเป่าเอ๋อ หลังจากนั้นเขาก็ชกหมัดออกไปปะทะกับลมหายใจมังกรของมังกรเกล็ดดำ

 

 

 


ตอนที่ 2925 ฆ่ามังกรเกล็ดดำ

 

ปัง! ปัง! ปัง!


ร่างกายของหานเซิ่นถูกส่งกระเด็นออกไปอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากถูกลมหายใจมังกร ลำแสงของดวงตา เกล็ดของมังกรและยังพลังอื่นของมังกรเกล็ดดำซ้ำๆ หานเซิ่นพยายามอย่างเต็มที่ที่จะบล็อกพวกมัน แต่เนื่องจากความแตกต่างของระดับพลัง เขาจึงได้รับบาดแผลมากขึ้นทุกวินาที


 


เลือดที่ดูเหมือนกับคริสตัลออกมาจากบาดแผลของเขา กระดูกในร่างกายของเขาไม่รู้หักไปเท่าไหร่แล้ว หานเซิ่นในตอนนี้ดูย่ำแย่อย่างมาก


 


มังกรเกล็ดดำดูตื่นเต้นมากๆ มันพ่นลมหายใจมังกรต่อไปพร้อมกับใช้เกล็ดมังกรตัดร่างกายของหานเซิ่น เจ้ามังกรดูจะเพลิดเพลินกับการฆ่าฟัน มันไม่ได้รีบร้อนที่จะใช้ตะเกียงหินเพื่อกำจัดหานเซิ่น


 


ปัง!


ไหล่ของหานเซิ่นถูกลำแสงจากดวงตาของมังกรเกล็ดดำเข้า กระดูกไหล่ข้างซ้ายของเขาหายไป มันเหมือนกับว่าเขาถูกกัดโดยมอนสเตอร์ล่องหน มีเลือดคริสตัลออกมาจากบาดแผลนั้น


 


หานเซิ่นตกอยู่ในสภาพที่แสนสาหัส แต่สีหน้าของเขายังคงอยู่ใจเย็น เขามองไปที่มังกรเกล็ดดำและพูด “เล่นสนุกพอแล้วหรือยัง?”


 


ตอนนี้ร่างกายของหานเซิ่นเต็มไปด้วยบาดแผล มันบอกไม่ได้ว่าเขารับการโจมตีของมังกรเกล็ดดำไปทั้งหมดกี่ครั้ง ถ้าเขาเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตธรรมดาล่ะก็ เขาก็คงจะตายไปเรียบร้อยแล้ว


 


โชคดีที่ร่างกายของหานเซิ่นถูกเสริมความแข็งแกร่งถึงสี่ครั้ง นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขารอดมาจนถึงตอนนี้


 


แน่นอนว่าหานเซิ่นจงใจที่จะรับการโจมตีของเจ้ามังกรเกล็ดดำ ไม่อย่างนั้นบาดแผลกว่าครึ่งบนร่างกายของเขาก็เป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่หานเซิ่นไม่คิดจะหลบ ในบางครั้งเขายังจงใจทำให้ร่างกายของตัวเองถูกโจมตี เขาจะหลบเฉพาะการโจมตีที่จะฆ่าชีวิตของเขาเท่านั้น


 


มังกรเกล็ดดำดูเหมือนจะยังไม่หนำใจ มันส่งเสียงคำรามออกมา มันต้องการจะโจมตีใส่หานเซิ่นอีก


 


แต่ครั้งนี้หานเซิ่นไม่ปล่อยให้ร่างกายของเขาถูกโจมตี เขาหยิบมีดออกมาจากเอวของเขา ในจังหวะที่หานเซิ่นหยิบมีดเล่มนั้นออกมา แสงบุดด้าก็ปกคลุมร่างกายของเขา บาดแผลบนร่างกายของหานเซิ่นหายไปในชั่วพริบตา ร่างกายของเขากลับคืนสู่สภาพเดิม มันเหมือนกับว่าเขาไม่เคยได้รับการโจมตีจากเจ้ามังกรเกล็ดดำ


 


มีดเหตุและผลปลดปล่อยแสงบุดด้าออกไปใส่ศัตรู มันเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ท่วมจักรวาลด้วยแสงที่สว่างไสว


 


หานเซิ่นไม่มัวพูดพล่ามทำเพลงและฟันออกไปทางมังกรเกล็ดดำ มีดแสงที่น่ากลัวฉีกผ่านคลื่นกระแทกของมังกรคำรามไปอย่างง่ายดายและพุ่งต่อไปหาเจ้ามังกรเกล็ดดำ


 


นี่คือพลังของมีดเหตุและผลที่สามารถดูดซับความเสียหายทั้งหมดที่เขาเพิ่งจะได้รับมา พลังของมันเกือบจะเท่ากับการโจมตีทั้งหมดที่หานเซิ่นได้รับมารวมกัน เมื่อรวมเข้ากับพลังของหานเซิ่นเองและวิชามีดที่แข็งแกร่งของเขา แม้แต่ซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตระดับท็อปอย่างเจ้ามังกรเกล็ดดำก็ต้องตกตะลึง มันไม่กล้าจะรับการโจมตีนี้ของหานเซิ่น มันพยายามจะหนีไป


 


แต่น่าเสียดายที่มันประเมินพลังของมีดเหตุและผลต่ำเกินไป เหตุแห่งกรรมนั้นเกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว และผลแห่งกรรมก็จะตามมา เจ้ามังกรเกล็ดดำจะต้องใช้พลังของมันเพื่อบล็อกการโจมตีเท่านั้น มันไม่สามารถหนีจากมีดแสงนี้ได้


 


เจ้ามังกรเกล็ดดำเห็นมีดฉีกผ่านอวกาศตรงเข้ามาหามัน และไม่ว่ามันจะทำยังไง มันก็ไม่สามารถทิ้งระยะห่างจากมีดแสงได้ สุดท้ายมันก็หันกลับมาและพ่นลมหายใจมังกรใส่ตะเกียงหิน มันต้องการจะใช้เปลวไฟสีขาวในตะเกียงหินเพื่อทำลายการโจมตีของหานเซิ่น


 


แต่ลมหายใจมังกรที่ออกมาจากปากของมันไปไม่ถึงเปลวเพลิงของตะเกียง ราวกับว่าตะเกียงนั้นอยู่ห่างออกไปไกลแสนไกล


 


อาณาเขตกาลเวลาของหานเซิ่นนั้นไม่ส่งผลต่อตะเกียงหิน แต่มันส่งผลต่อเจ้ามังกรเกล็ดดำ หานเซิ่นใช้อาณาเขตกาลเวลาเพื่อชะลอความเร็วของลมหายใจมังกรที่มันปล่อยออกมา


 


ในตอนที่เจ้ามังกรเกล็ดดำรู้สึกตัวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น มันก็สายเกินไปแล้ว ในจังหวะนั้นมีดแสงก็ไปถึงตรงหน้าของมัน เจ้ามังกรเกล็ดดำไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้อีก มันได้แต่รวบรวมพลังทั้งหมดและใช้หัวรับการโจมตีตรงๆ


 


เลือดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ หัวของมังกรเกล็ดดำถูกเปิดออกโดยมีดแสงของหานเซิ่น มีดแสงสีม่วงของหานเซิ่นนั้นมีพลังในการฉีกขาดที่น่ากลัว มันฉีกแบ่งร่างกายขนาดใหญ่ของมังกรไปกว่าครึ่งเหมือนกับไม้ไผ่ที่ถูกตัดตรงกลาง


 


หานเซิ่นไม่มีเวลาจะรอดูว่าเจ้ามังกรเกล็ดดำนั้นตายหรือไม่ เขารีบเทเลพอร์ตไปตรงหน้าเจ้ามังกรและแย่งตะเกียงหินมา


 


ถ้าไม่ใช่เพราะตะเกียงหิน ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงขั้นทรูก็อต หานเซิ่นก็ไม่มีปัญหาอะไรในการจะกำจัดมัน


 


เมื่อหานเซิ่นได้ตะเกียงหินมาแล้ว เขาก็เทเลพอร์ตไปที่อุ้งมืออีกข้างของมังกรเกล็ดดำเพื่อจะเอาโล่เมดูซ่าส์เกจกลับคืนมาด้วย


 


แต่ก่อนที่นิ้วมือของเขาจะสัมผัสกับโล่ อุ้งมือของมังกรดำก็ฟาดมาใส่หานเซิ่น ซึ่งทำให้เขาต้องเทเลพอร์ตถอยออกไป ร่างกายที่ถูกตัดครึ่งของเจ้ามังกรเกล็ดกลับมารวมกันอีกครั้ง บาดแผลของมันพื้นตัวอย่างรวดเร็ว จนเหมือนกับว่ามันไม่เคยได้รับบาดเจ็บ


 


“นั่นเป็นพลังในการฟื้นฟูร่างกายที่สุดยอดมากๆ”


หานเซิ่นชื่นชม พลังในการฟื้นตัวของมังกรซีโน่เจเนอิคนั้นมักจะแข็งแกร่ง และพลังในการรักษาของมังกรเกล็ดดำตัวนี้ก็ถือว่าดีเป็นพิเศษ มันเกือบจะเหมือนกับว่าเจ้ามังกรเกล็ดดำนั้นมีร่างกายที่เป็นอมตะ


 


เจ้ามังกรเกล็ดดำโกรธจัด เมื่อเห็นว่าตะเกียงหินถูกหานเซิ่นแย่งเอาไป มันปล่อยลมหายใจมังกรที่เหมือนกับเมฆหมอกสีดำออกไปในทิศทางของหานเซิ่น


 


“มังกรน้อยผู้โง่เขลา! กล้าดียังไงมาล่วงละเมิดบิดาของเทพทั้งปวง ถ้าไม่หยุด ข้าก็จะฆ่าเจ้าซะ!”


หานเซิ่นยกตะเกียงหินขึ้น หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยพลังของคัมภีร์นภาอำพันไปใส่เปลวเพลิงในตะเกียง


 


ในตอนที่พลังของคัมภีร์นภาอำพันผ่านเปลวเพลิง มันก็เปลี่ยนเป็นสีขาวและพุ่งเข้าไปหาเจ้ามังกรเกล็ดดำ


 


หานเซิ่นรู้สึกว่าตะเกียงหินนี้เหมือนกับเครื่องที่เอาไว้ใช้เสริมพลัง หลังจากที่พลังของคัมภีร์นภาอำพันผ่านตะเกียง พลังของมันก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า


 


พลังของคัมภีร์นภาอำพันทำลายลมหายใจมังกรและไปถูกตัวของมังกรเกล็ดดำ หานเซิ่นเห็นฟันเฟืองยักษ์สีดำของเจ้ามังกรถูกผลักให้หมุนย้อนกลับโดยคัมภีร์นภาอำพัน


 


สีหน้าของมังกรเกล็ดดำเปลี่ยนไป ขณะที่ร่างกายของมันเริ่มบิดเบี้ยวและเกิดความเปลี่ยนแปลง มันพยายามจะต่อสู้กับพลังของคัมภีร์นภาอำพัน แต่ไม่ว่ามันจะทำอะไร มันก็ไม่ได้ผล ร่างกายของมันวิวัฒนาการย้อนกลับและพลังของมันก็อ่อนแอลงไป มันถูกลดระดับพลังจากขั้นทรูก็อตลงมาสู่ขั้นบัตเตอร์ฟลาย


 


หานเซิ่นรู้สึกดีใจ ลำพังแค่พลังที่เขามี มันควรจะเป็นเรื่องยากที่จะหมุนฟังเฟืองจักรวาลของมังกรเกล็ดดำ ตอนนี้เขามีตะเกียงหินเพื่อช่วยลดความต่างของพลัง มันทำให้เขาสามารถลดระดับพลังของมังกรเกล็ดดำลงมาสู่ขั้นบัตเตอร์ฟลายได้ ถึงแม้มันจะเป็นแค่การลดระดับเพียงชั่วคราว มันก็เป็นอะไรที่สุดยอดอยู่ดี


 


“ตะเกียงหินนี่ดีมากๆ! มันทรงพลังจริงๆ กลัวว่านี่จะทรงพลังยิ่งกว่าอาวุธประจำตัวพระเจ้าอย่างหอกสกายไวน์แรดิชก็อตซะอีก” หานเซิ่นดีใจ


 


แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาจะมัวมาปลาบปลื้มกับพลังของมัน เขารีบใช้มีดฟันใส่เจ้ามังกรเกล็ดดำ


 


เจ้ามังกรเคยเป็นถึงขั้นทรูก็อตระดับท็อป ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่สามารถเอาชนะมันได้ ตอนนี้มันกลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลาย หานเซิ่นจึงสามารถที่จะเอาชนะมันได้อย่างง่ายดาย


 


ด้วยอาณาเขตกาลเวลาของไทม์โกสต์ เจ้ามังกรเกล็ดดำไม่สามารถหนีไปได้ มันถูกหานเซิ่นฟันอย่างบ้าคลั่ง ถึงอย่างนั้นเจ้ามังกรเกล็ดดำก็ยังคงไม่ตาย หานเซิ่นใช้วิชามีดใต้นภาเพื่อสร้างมีดแสงนับไม่ถ้วนที่ตัดกันไปมา มันตัดร่างกายของมังกรเกล็ดดำเป็นชิ้นๆ


 


ร่างกายของมังกรเกล็ดดำคืนสู่ขั้นทรูก็อตอีกครั้ง มันกำลังจะประกอบเข้าด้วยกันหลังจากที่ถูกตัดเป็นชิ้นๆ แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เห็นบางสิ่งกำลังเรืองแสงในปากของเจ้ามังกร เขาจึงฟันใส่สิ่งที่เรืองแสงนั้น


 


ร่างกายของมันยุบลงเหมือนกับลูกบอลลูนที่รั่ว มันแฟบไปอย่างรวดเร็วและเลือดมังกรก็เริ่มจะทะลักออกมาท่วมตัวหานเซิ่น

 

 

 


ตอนที่ 2926 ซากปรักหักพัง

 

“ซีโน่เจเนอิคมังกรปีศาจเดดแอเรียระดับเทพเจ้าถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”


เสียงประกาศดังขึ้นในหัวของหานเซิ่น เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ซีโน่เจเนอิคแบบนั้นไม่ได้ทิ้งวิญญาณอสูรเอาไว้ มันเป็นอะไรที่น่าเสียดาย


 


“มันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะหามังกรปีศาจเดดแอเรียอีกตัวในจักรวาลแห่งนี้” หานเซิ่นเลียริมฝีปากและพูดอย่างเสียดาย


 


แต่การจะได้รับวิญญาณอสูรหรือเปล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่หานเซิ่นจะควบคุมได้ จนถึงตอนนี้หานเซิ่นยังคงไม่รู้ว่ามันขึ้นอยู่กับอะไร


 


จากสิ่งที่พระเจ้าเคยบอกกับเขา ทุกสิ่งมีชีวิตนั้นมีสปิริตอยู่ แบบนั้นทำไมเขาถึงได้รับวิญญาณอสูรจากการฆ่าซีโน่เจเนอิคเท่านั้น? และทำไมเขาถึงไม่ได้รับวิญญาณอสูรทุกครั้ง? หานเซิ่นยังคงไม่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังของเรื่องทั้งหมดนี้


 


ถ้าทุกซีโน่เจเนอิคมีสปิริตอยู่ การฆ่าซีโน่เจเนอิคก็ควรจะมอบวิญญาณอสูรให้กับเขาทุกครั้ง แต่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น


 


“ยีนซีโน่เจเนอิคของมังกรปีศาจเดดแอเรียควรจะพอทำให้ยีนระดับเทพเจ้าของเราครบหนึ่งร้อยพอดี แต่เจ้าตัวนี้มีขนาดใหญ่เกินไป ไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานสักแค่ไหนกว่าที่เราจะกินมันจนหมด”


หานเซิ่นมองไปที่ร่างขนาดใหญ่ยักษ์ของมังกร มันทำให้เขายิ้มแห้งๆออกมา


 


ถึงแม้หานเซิ่นจะฝึกวิชาคอนซูมจนถึงขั้นสูงสุด แต่การจะกินร่างของมังกรตัวใหญ่ขนาดนี้เข้าไปก็ต้องใช้เวลานานอยู่ดี เขาต้องใช้เวลาสิบถึงสิบห้าวันเพื่อจะกินมันให้หมด


 


“มังกรเกล็ดดำตายไปแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะยังมีสมบัติอื่นอยู่บนภูเขาหินสีดำอีกไหมนะ” หานเซิ่นเรียกเป่าเอ๋อมาและเอาเสื้อคลุมกลับมาสวมอีกครั้ง หลังจากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ขึ้นภูเขาไป


 


โชคร้ายที่พวกเขาไม่เจอสมบัติอะไร พวกเขาพบแค่เครื่องเทเลพอร์ตเก่าๆที่ตั้งอยู่ที่ก้นของหุบเขา


 


เนื่องจากหานเซิ่นไม่รู้ว่าเครื่องเทเลพอร์จะพาไปที่ไหน เขาจึงไม่ต้องการจะลองเสี่ยงกับมัน เขาออกจากหุบเขาพร้อมกับตะเกียงหินในมือ


 


ตะเกียงหินนี้แปลกประหลาดมากๆ หานเซิ่นไม่สามารถควบคุมมันได้ แต่ถ้าเขาปล่อยพลังผ่านเปลวเพลิงสีขาวของตะเกียง เปลวเพลิงก็จะเสริมพลังให้กับพลังที่เขาปล่อยออกไป ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นพลังแบบไหน พลังทุกอย่างจะได้รับการเสริมพลังจากตะเกียงหิน ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถใช้มันได้


 


“ตะเกียงหินนี่คืออะไรกัน? มันดูไม่เหมือนอาวุธประจำตัวพระเจ้า และมันก็ดูไม่เหมือนสมบัติซีโน่เจเนอิคเช่นกัน มันดูคล้ายกับตะเกียงเผ่าพันธุ์ที่อยู่ในจีโนฮอลล์ แต่มันก็ไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว”


หานเซิ่นศึกษาตะเกียงหินอยู่สักพัก ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังบอกไม่ได้ว่าตะเกียงหินคืออะไร


 


แต่ในเมื่อมันปลอดภัย หานเซิ่นก็ไม่คิดจะศึกษาเกี่ยวกับมันมากจนเกินไป เขาเอามันไปเก็บไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตาและหันไปเริ่มกินเนื้อของมังกรปีศาจเดดแอเรีย


 


หลังจากที่กินไปได้ไม่กี่คำ เขาก็เห็นแสงสีทองและแดงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เจ้าปลาทองตัวใหญ่กำลังบินมาทางเขา มันพาปลาทองตัวน้อยมาด้วย


 


เนื่องจากเจ้าปลาทองตัวใหญ่ไม่ได้โกหก และหานเซิ่นก็เก็บยีนระดับเทพเจ้าจนเต็มหลังจากการกินมังกรปีศาจเดดแอเรียเข้าไป เขาจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องฆ่าปลาทองทั้งสอง


 


ในตอนที่มันเห็นร่างกายของมังกรปีศาจเดดแอเรีย เจ้าปลาทองตัวใหญ่ก็ดูดีใจอย่างมาก มันพาปลาทองน้อยมาอยู่ต่อหน้าหานเซิ่นและพ่นฟองสบู่ออกมาราวกับว่ามันพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง


 


เป่าเอ๋อแปลให้หานเซิ่นฟัง “มันบอกว่าขอบคุณที่ฆ่ามังกรเกล็ดดำ มันและลูกรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก เมื่อไหร่ก็ตามที่โอกาสมาถึง มันจะตอบแทนบุญคุณสักวันหนึ่ง”


 


“ถูกต้องแล้ว พวกนายจำเป็นต้องตอบแทนฉัน” หานเซิ่นพูดกับปลาทองตัวใหญ่และลูกของมัน


 


ปลาทองทั้งสองดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของหานเซิ่น ปลาทองตัวใหญ่พ่นฟองสบู่ออกมา ก่อนที่จะเริ่มว่ายขึ้นไปบนภูเขา หลังจากที่ว่ายไปได้สักพัก มันก็หันกลับมาและพ่นฟองสบู่ออกมาเพิ่มอีก


 


“มันบอกว่าตอนนี้เมื่อมังกรเกล็ดดำตายไปแล้ว มันกับลูกก็จะได้กลับบ้านสักที มันต้องการจะเชิญพวกเราไปที่บ้านของมัน” เป่าเอ๋อพูด


 


หานเซิ่นมองไปที่ปลาทองตัวใหญ่และถาม “บ้านของพวกนายคงจะไม่ได้อยู่ที่อีกฟากหนึ่งของเครื่องเทเลพอร์ตหรอกใช่ไหม?”


 


ปลาทองตัวใหญ่พ่นฟองสบู่ตอบ เป่าเอ๋อพยายามอธิบาย


“มันบอกว่าบ้านของมันอยู่ที่อีกฝากหนึ่งของเครื่องเทเลพอร์ต เมื่อหลายปีก่อนมีบางสิ่งเกิดขึ้นทำให้มันต้องเทเลพอร์ตมาที่นี่ หลังจากนั้นมังกรเกล็ดดำก็เข้ายึดครองเครื่องเทเลพอร์ต ทำให้พวกมันกลับบ้านไม่ได้ ตอนนี้เมื่อมังกรเกล็ดดำถูกฆ่าตาย พวกมันก็จะกลับบ้านได้ ดังนั้นพวกมันจึงซาบซึ้งอย่างมาก พวกมันจึงอยากจะชวนพ่อไปที่บ้านของพวกมัน และพวกมันยังจะมอบสมบัติบางอย่างให้กับพ่อเป็นรางวัลอีกด้วย”


 


“เอาสิ” เมื่อได้ยินว่าจะได้รับสมบัติ หานเซิ่นก็หยุดลังเล เขาเก็บร่างของมังกรปีศาจเดดแอเรียเข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตาและตามปลาทองไปที่เครื่องเทเลพอร์ต


 


ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้คนถึงพูดกันว่าปลามีความทรงจำแค่เจ็ดวินาทีเท่านั้น ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่ามันเป็นความจริงหรือไม่ แต่ปลาทองตัวใหญ่เป็นถึงซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต แต่สติปัญญาและความทรงจำของมันไม่ดีเอาซะเลย


 


หานเซิ่นคาดว่าด้วยระดับสติปัญญาของเจ้าปลาทอง มันคงจะไม่สามารถหลอกใครได้ ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องกังวลจนเกินไป


 


เขาอุ้มเป่าเอ๋อและตามหลังพวกปลาทองไปที่เครื่องเทเลพอร์ต ร่างกายของปลาทองตัวใหญ่ปลดปล่อยแสงสีแดงออกมา แสงนั่นเข้าไปในเครื่องเทเลพอร์ตและทำให้เครื่องเทเลพอร์กลับมาทำงานอีกครั้ง


 


ในตอนที่หานเซิ่นรู้สึกตัวอีกครั้ง เขาก็ไม่ได้อยู่ในทุ่งหิมะอีกต่อไป รอบๆตัวเขาถูกปกคลุมอยู่ในความมืดมิด


 


เขามองไม่เห็นท้องฟ้าหรืออวกาศ รอบๆตัวเขาเป็นแค่ความว่างเปล่าอันมืดมิด แต่ในความมืดมิดตรงหน้าของเขานั้นมีประตูหินที่แตกหักอยู่ ประตูนั่นมีแค่เสาหินที่ยับเยินสองเสาเหลืออยู่ หลังคาหินที่อยู่ด้านบนนั้นพังหลาย และเขาก็เห็นครึ่งหนึ่งของป้ายหน้าประตูที่ห้อยลงมาจากหลังคา มันมีตะเกียงอยู่ด้านหน้าประตูที่ปลดปล่อยแสงสีเหลืองสลัวๆออกมา หานเซิ่นเห็นแค่ครึ่งหนึ่งของป้ายที่อ่านได้ว่า “เซเคร็ด”


 


“ซากปรักหักพังนี้เป็นของเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นแปลกใจ เขาไม่คิดว่ามันจะมีเผ่าพันธุ์อื่นกล้าใช้คำว่า “เซเคร็ด” นอกจากเซเคร็ดเอง


 


ปลาทองตัวใหญ่พาปลาทองตัวน้อยไปที่ประตู ปลาทองตัวใหญ่นั้นดูสับสนอย่างมาก ดูเหมือนกับว่ามันไม่รู้จักที่นี่


 


หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อและตามมันไปจากด้านหลัง ก่อนที่เจ้าปลาทองตัวใหญ่จะไปถึงหน้าประตู มันก็เห็นลูกธนูพุ่งออกมาจากประตู ปลาทองตัวใหญ่นั้นตั้งตัวไม่ทันและถูกลูกธนูปักเข้าที่หน้าผากจนมีเลือดไหลออกมา มันต้องเป็นลูกธนูที่คมมากๆถึงสามารถแทงทะลุเกล็ดของปลาทองตัวใหญ่ได้ ถึงแม้หัวลูกธนูจะเข้าไปไม่ลึกนัก แต่มันก็สามารถทำลายโซ่สสารป้องกันของปลาทองตัวใหญ่ได้ นั่นเป็นลูกธนูที่ทรงพลังมากๆ


 


“พวกเจ้ากล้าดียังไงมาที่เซเคร็ด! พวกเจ้าอยากตายมากอย่างนั้นหรอ?”


มีเสียงดังขึ้นมาจากเสาหินที่อยู่ด้านซ้ายของประตู หลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นคนๆหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังของเสาหิน


 


คนๆนั้นมีร่างกายเป็นมนุษย์และใบหน้าเป็นสุนัข เขากำลังถือธนูเขี้ยวอยู่ในมือ และมันมีลูกธนูเขี้ยวสามดอกอยู่บนหลังของเขา คนๆนั้นยื่นมือออกมาและลูกธนูที่ปักอยู่บนหัวของปลาทองตัวใหญ่ก็บินกลับไปในมือของเขา บาดแผลบนหัวของปลาทองตัวใหญ่ถูกฉีกขาด เลือดทะลักออกมาพร้อมกับลูกธนู

 

 

 


ตอนที่ 2927 ลูกผสม

 

ปลาทองตัวใหญ่โกรธ เกล็ดสีแดงทั้งหมดของมันตั้งตรง แสงสีแดงจำนวนมากพุ่งออกมาจากร่างกายของมัน มันเหมือนกับว่าท้องฟ้าเต็มไปด้วยมีดแสงที่พุ่งตรงเข้าไปหาชายหน้าสุนัข


 


ชายหน้าสุนัขถอยกลับไปหลบหลังเสาหิน ในจังหวะที่เกล็ดแสงสีแดงนับหมื่นกำลังจะพุ่งไปถึงหน้าประตู มันก็มีวงวนเกิดขึ้นมาขวางเอาไว้ ในตอนที่เกล็ดแสงสีแดงถูกเข้ากับวังวนนั้น พวกมันทั้งหมดก็หายลับไป ดูเหมือนกับว่าเกล็ดแสงสีแดงทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในวังวน


 


‘เซเคร็ดแข็งแกร่งจริงๆ ประตูนี่ถึงจะพังทลายและเหลือเพียงแค่เสาหิน แต่มันก็ยังคงป้องกันการโจมตีจากสิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อตได้ ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาเคยเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในจักรวาล’ หานเซิ่นคิด


 


ชายหน้าสุนัขยืนอยู่ด้านหลังเสาหิน ขณะที่พลังของปลาทองตัวใหญ่ถูกประตูดูดซับไป หลังจากนั้นเขาก็ยิงลูกธนูออกมาอีกสองลูก


 


ปลาทองตัวใหญ่พ่นฟองสบู่ออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อรับลูกธนู แต่ลูกธนูเขี้ยวทั้งสองสามารถเจาะทะลวงฟองสบู่มาได้


 


ปลาทองตัวใหญ่ทั้งตกใจและโกรธ แต่มันสายเกินไปแล้วที่จะบล็อคลูกธนูทั้งสอง


 


ปลาทองตัวใหญ่เคลื่อนตัวหลบลูกธนูเขี้ยวทั้งสองโดยสัญชาตญาณ แต่ปลาทองน้อยเคลื่อนไหวไม่เร็วพอจะหลบลูกธนู ลูกธนูกำลังจะปักเข้าที่หัวของมัน


 


ลูกธนูเขี้ยวนั้นสามารถสร้างความเสียหายกับปลาทองตัวใหญ่ที่เป็นถึงขั้นทรูก็อตได้ ส่วนปลาทองตัวน้อยเป็นแค่ขั้นลาร์วาเท่านั้น มันไม่สามารถทนต่อพลังของลูกธนูได้อย่างแน่นอน


 


แต่ในจังหวะที่ลูกธนูเขี้ยวกำลังจะเจาะทะลวงหัวของปลาทองน้อย ก็มีมีดเล่มหนึ่งฟันใส่ลูกธนูเขี้ยวทั้งสองกระเด็นออกไป เจ้าปลาทองน้อยรีบไปหลบหลังปลาทองตัวใหญ่


 


หานเซิ่นกำลังถือมีดเหตุและผลอยู่ในมือ เขามองไปที่ชายหน้าสุนัขและถาม “เจ้ามีชื่อว่าอะไร และเจ้าเป็นอะไรกับเซเคร็ด?”


 


ชายหน้าสุนัขควรจะเป็นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต ดังนั้นเขาต้องค่อนข้างมีชื่อเสียงในเซเคร็ด


 


“คริสตัลไลเซอร์เป็นทาสรับใช้ของเซเคร็ด แต่เจ้ากลับไม่รู้ชื่อของข้าอย่างนั้นหรอ”


ชายหน้าสุนัขเรียกลูกธนูเขี้ยวกลับไปในมือของเขา หลังจากนั้นเขาก็ดึงสายธนูอีกครั้งและเล็งไปที่หานเซิ่น


 


ในตอนที่สายธนูถูกดึง หานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลจากคันธนูและลูกธนู มันทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก มันเป็นเหมือนกับงูพิษที่พร้อมจะฉกเข้ามาได้ทุกเมื่อ


 


ขณะที่หานเซิ่นจ้องไปที่ธนู เขาก็คิดกับตัวเอง ‘พลังของชายหน้าสุนัขคนนี้ถือว่าธรรมดาในหมู่ขั้นทรูก็อต เขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับเรา แต่คันธนูและลูกธนูของเขาเป็นอะไรที่แปลกประหลาด”


 


ชายหน้าสุนัขยิ้มและยิงลูกธนูเขี้ยวออกไป ลูกธนูเขี้ยวหายไปในอวกาศเหมือนกับว่ามันสามารถเทเลพอร์ตผ่านช่องว่างของอวกาศได้


 


“ฮ่าๆ! เจ้ารนหาที่ตายเอง” ชายหน้าสุนัขเย้ยหยันเมื่อเห็นหานเซิ่นถูกลูกธนูเข้าอย่างจัง


 


แต่ในจังหวะต่อมาชายหน้าสุนัขก็เห็นหานเซิ่นมาปรากฏตัวตรงหน้าเขา และร่างกายของหานเซิ่นที่ถูกลูกธนูยิงใส่ก็หายไป


 


หานเซิ่นตบใส่ใบหน้าของชายหน้าสุนัข และชายหน้าสุนัขก็ถูกส่งกระเด็นไปชนเข้ากับเสาหิน ขณะที่คันธนูและลูกธนูก็ถูกหานเซิ่นแย่งเอาไป


 


“ฝีมือของเจ้ามันห่วย และวิชาการยิงธนูของเจ้าก็แย่มากๆ ให้ข้าสอนเจ้าว่าการยิงธนูของจริงนั้นมันเป็นยังไง”


หานเซิ่นดึงสายธนูและเล็งไปที่ชายหน้าสุนัขที่กำลังพยายามพยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้น


 


ชายหน้าสุนัขต้องการจะตะโกนด้วยความโกรธที่หานเซิ่นตบหน้าของเขา แต่เขาตกใจเมื่อเห็นลูกธนูเล็งมาที่เขา มันเหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังรัดคอเขาและทำให้มันยากจะหายใจ


 


ชายหน้าสุนัขมีความรู้สึกแปลกๆ เขารู้สึกราวกับว่าถ้าเขาขยับแม้แต่นิดเดียว ลูกธนูเขี้ยวก็จะเจาะทะลุสมองของเขา ด้วยเหตุนั้นชายหน้าสุนัขจึงยืนอยู่นิ่งๆและไม่กล้าจะขยับเขยื้อน


 


“นั่นเป็นไปได้ยังไง? เขาเป็นแค่คริสตัลไลเซอร์คนหนึ่ง… ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น…” ชายหน้าสุนัขไม่อยากจะเชื่อ


 


ในจังหวะที่หานเซิ่นกำลังจะปล่อยลูกธนูออกไปใส่ชายหน้าสุนัข เขาก็เห็นคนหลายคนปรากฏตัวออกมาจากเครื่องเทเลพอร์ต พวกเขาก็คือราชครูกู่เยวียนกับเหล่าเอ็กซ์ตรีมคิง


 


ราชครูกู่เยวียนตกใจที่ได้เห็นหานเซิ่นที่นี่ พวกเขาเดินทางอย่างเร่งรีบโดยที่ไม่ได้หยุดพัก แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มาถึงซากปรักหักพังของเซเคร็ดช้ากว่าหานเซิ่น


 


เมื่อเห็นว่ามีคนปรากฏตัวมาเพิ่มอีก เจ้าปลาทองตัวใหญ่ก็ว่ายเข้าไปหาหานเซิ่นพร้อมกับปลาทองตัวน้อย


 


ราชครูกู่เยวียนมองไปที่หานเซิ่นและปลาทองตัวใหญ่ หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ชายหน้าสุนัข เขายิ้มขณะที่ถามขึ้นว่า


“ก็อดฟาเธอร์หาน มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่อย่างนั้นหรอ?”


 


หานเซิ่นพูด “ข้าไม่รู้จักว่าซีโน่เจเนอิคคนนี้คือใคร เขาซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเสาหินและยิงธนูใส่พวกเรา ราชครูให้เวลาข้าหนึ่งนาที ให้ข้ากำจัดซีโน่เจเนอิคคนนี้ซะก่อน พวกเราค่อยคุยกัน”


 


“เจ้าก็เป็นแค่คริสตัลไลเซอร์ทาสรับใช้” ชายหน้าสุนัขพูดขณะที่กัดฟัน


“กล้าดียังไงมาพูดแบบนั้น! ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องข้าล่ะก็ แม่ของข้าจะฆ่าเจ้าอย่างน่าอนาถจนเจ้าไม่มีแม้แต่ร่างกายให้ฝัง”


 


“โอ้ ถ้าอย่างนั้นแม่ของเจ้าคือใครกัน?” หานเซิ่นมองไปที่ชายหน้าสุนัข


 


ชายหน้าสุนัขกัดฟันและพูด “แม่ของข้าคือมูนชาโดว์ก็อต ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องข้าล่ะก็ นางจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ”


 


‘มูนชาโดว์ก็อต? มีคนแบบนั้นอยู่ในเซเคร็ดด้วยอย่างนั้นหรอ? ทำไมเราถึงไม่เห็นเคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อนเลย’ หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมัน จากในสิบขุนพลและสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ มันไม่มีชื่อนั้นอยู่


 


ราชครูกู่เยวียนดูประหลาดใจ เขามองไปที่ชายหน้าสุนัขและถาม


“แม่ของเจ้าคือมูนชาโดว์ก็อตอย่างนั้นหรอ?”


 


“ใช่แล้ว แม่ของข้าคือมูนชาโดว์ก็อต ชื่อของข้าคือ ฉีเกอ ถ้าพวกเจ้ารู้ว่าแม่ของข้าแข็งแกร่งแค่ไหน ก็มอบธนูด็อกโครว์คืนมาให้กับข้า ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าจะต้องตายกันทั้งหมด” เมื่อเห็นว่ามีคนที่รู้จักชื่อแม่ของเขา มันก็ทำให้ชายหน้าสุนัขดูอวดดีขึ้นมา


 


หานเซิ่นหันไปมองที่ราชครูกู่เยวียน เขาไม่กลัวใครหน้าไหน เขาแค่อยากจะรู้ว่ามูนชาโดว์ก็อตนั้นเป็นใครกันแน่


 


ราชครูกู่เยวียนยิ้มและพูดกับหานเซิ่น “ถึงเจ้าจะไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมูนชาโดว์ก็อต แต่เจ้าก็คงจะเคยได้ยินเกี่ยวกับโครว์สกายด๊อกสินะ”


 


“โครว์สกายด๊อกที่เป็นหนึ่งในสิบขุนพลของเซเคร็ดนั่นน่ะหรอ?” หานเซิ่นถาม


 


ราชครูกู่เยวียนมองไปที่ฉีเกอขณะที่พูด “ใช่ โครว์สกายด๊อกเป็นขุนพลผู้พิทักษ์ประตูของเซเคร็ด มูนชาโดว์ก็อตนั้นคือภรรยาของเขา เขาเป็นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต แต่พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน เมื่อดูจากใบหน้าของเจ้านี่ เขาดูเหมือนจะเป็นลูกผสมระหว่างโครว์สกายด๊อกและมูนชาโดว์ก็อต”


 


“เจ้าพูดได้ถูกต้อง เขาคือลูกผสมของโครว์สกายด๊อกและมูนชาโดว์ก็อต” มีเสียงดังออกมาจากประตูของเซเคร็ด ไม่นานหลังจากนั้นก็มีใครบางคนเดินออกมา


 


หานเซิ่น ราชครูกู่เยวียนและคนอื่นๆทั้งหมดหันไปมองทางนั้น พวกเขาเห็นคนๆหนึ่งเดินออกมาจากความมืด คนๆนั้นกำลังสวมชุดคลุมสีทอง เขามีเส้นผมและหนวดเคราสีขาว เขาดูเหมือนกับคนแก่ แต่กระดูกของเขาดูแข็งแรงดี เขาดูทรงพลังมากๆ ถึงแม้เขาจะเดินออกมาตามลำพัง แต่มันเหมือนกับว่าราชาเสด็จมาเยือนที่นี่ เขาดูทรงพลังอย่างไม่สามารถบรรยายได้


 


“ไนน์เทาซันด์​คิง” ในตอนที่ราชครูกู่เยวียนและเอ็กซ์ตรีมคิงคนอื่นเห็นชายแก่ในชุดคลุมสีทอง ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป หนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าตะโกนขึ้นมา


 


“ไม่คิดว่าในจักรวาลนี้ยังจะมีคนจำข้าได้” ไนน์เทาซันด์​คิงพูด

 

 

 


ตอนที่ 2928 เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน

 

 


ในตอนที่ฉีเกอเห็นไนน์เทาซันด์​คิง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป แต่หานเซิ่นยังคงเล็งธนูมาที่เขา เขาจึงไม่กล้าจะขยับเขยื้อน


 


หานเซิ่นขมวดคิ้วและมองไปที่ไนน์เทาซันด์​คิง เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่ ความจริงแล้วเขาไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเซเคร็ดมากนัก เขาจึงไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน


 


ไนน์เทาซันด์​คิงมองไปที่หานเซิ่น หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ฉีเกอและพูด “ลูกผสมคนนี้ยังมีประโยชน์กับข้า”


 


หลังจากนั้นไนน์เทาซันด์​คิงก็เดินเข้าไปหาฉีเกอ มันเหมือนกับว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นหานเซิ่นที่กำลังยืนง้างธนูอยู่


 


หานเซิ่นยังคงเล็งธนูไปที่ฉีเกอขณะที่พูดขึ้นมา “นี่ข้ายอมตกลงว่าจะมอบเขาให้กับเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่?”


 


“ถ้ามันมีสิ่งที่ข้าต้องการ ข้าไม่จำเป็นต้องขอความยินยอมจากใคร”


ไนน์เทาซันด์​คิงไม่ได้หันมามองหานเซิ่น เขายังคงเดินเข้าไปหาฉีเกอ


 


ดวงตาของหานเซิ่นจ้องไปที่เป้าหมายของเขา ธนูและลูกธนูในมือของเขาปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมา


 


ทันใดนั้นราชครูกู่เยวียนก็รีบพูดขึ้นมา “น้องหาน พ่อของฉีเกอคือขุนพลพิทักษ์ประตูของเซเคร็ด บางทีเขาอาจจะรู้เกี่ยวกับเรื่องภายในเซเคร็ด พวกเราควรจะไว้ชีวิตเขา”


 


หานเซิ่นรู้ว่าราชครูกู่เยวียนแค่พูดแบบนั้นเพื่อจะลดความตึงเครียดระหว่างเขากับไนน์เทาซันด์คิง


 


“ขอบคุณราชครูที่เตือน แต่เขาคือเหยื่อของข้า ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้องเขา” หานเซิ่นไม่ลดธนูลง พลังในธนูและลูกธนูเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ


 


ฉีเกอรู้สึกว่าถ้าหานเซิ่นปล่อยมือจากลูกธนูเขี้ยว เขาก็คงจะถูกฆ่าตาย เขาไม่สามารถหลบหลีกมันได้ ร่างกายของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาหันไปขอร้องไนน์เทาซันด์คิง


“ไนน์เทาซันด์คิง ข้ายินดีจะนำทางให้กับท่าน ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”


 


ไนน์เทาซันด์คิงหันมามองที่หานเซิ่นและพูด “อย่าได้คิดว่าเจ้าจะต่อกรกับข้าได้ เพียงเพราะเจ้ามีธนูด๊อกโครว์อยู่ในมือ ถ้าเจ้าแน่จริงล่ะก็ลองยิงใส่ข้าดู”


 


หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ปล่อยมือจากลูกธนูเขี้ยว ในจังหวะที่ลูกธนูเขี้ยวถูกยิงออกไป มันก็หายไปกลางอากาศ


 


ธนูด็อกโครว์นั้นมีพลังในการฉีกผ่านช่องว่างของอวกาศ ลูกธนูที่ถูกยิงออกไปจะสามารถเทเลพอร์ตได้ สิ่งมีชีวิตปกตินั้นจะไม่สามารถหลบหลีกลูกธนูที่ถูกยิงออกไปได้


 


ฉีเกอตกตะลึง ถึงแม้เขาจะมีธนูด็อกโครว์อยู่ แต่มันก็เป็นสมบัติของพ่อของเขา เขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถหลบลูกธนูเขี้ยวที่ยิงออกมาได้


 


การถูกยิงด้วยลูกธนูปกตินั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ลูกธนูเขี้ยวนั้นมีพลังพิษสุนัขบ้าอยู่ ใครก็ตามที่ถูกยิงโดยลูกธนูเขี้ยวนี้จะถูกพลังพิษสุนัขบ้ารุกรานเข้าไปในร่างกาย มันจะเปลี่ยนคนๆนั้นให้กลายเป็นเหมือนกับสุนัขบ้าที่พยายามจะกัดทุกคนที่อยู่รอบๆ คนๆนั้นจะไม่สามารถคิดได้อีกต่อไปและจะกลายเป็นอะไรที่เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน


 


ขณะที่ฉีเกอล้มไปด้านหลังด้วยความตกใจ มันมีมือข้างหน้าปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา มันจับธนูเขี้ยวที่อยู่ในอากาศเอาไว้ มันเป็นมือของไนน์เทาซันด์คิง


 


“ไนน์เทาซันด์คิง ได้โปรดช่วยข้าด้วย! ข้ายินดีจะเป็นรับใช้ท่านในฐานะทาส ข้าจะนำทางท่านเข้าไปในเซเคร็ด…” ฉีเกอคลานไปอยู่ต่อหน้าไนน์เทาซันด์คิงและขอร้องเขา


 


ไนน์เทาซันด์คิงเมินเฉยต่อฉีเกอ เขาถือลูกธนูอยู่ในมือและมองไปที่หานเซิ่น


“ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ได้ออกมาเป็นเวลานานเกินไปจนผู้คนในจักรวาลลืมชื่อเสียงของข้าคนนี้ไปแล้ว”


 


หลังจากที่พูดแบบนั้น ไนน์เทาซันด์คิงก็ทำให้ลูกธนูเขี้ยวในมือของเขาถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังสีทอง หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยลูกธนูกลับไปใส่หานเซิ่น ถึงแม้มันจะไม่ได้มีพลังเสริมจากธนูด๊อกโครว์ แต่ลูกธนูเขี้ยวก็พุ่งมาอย่างรวดเร็วเหมือนกับเทเลพอร์ต หานเซิ่นเห็นธนูเขี้ยวที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีทองพุ่งมาที่คอของเขา เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันน่ากลัวของมัน


 


แต่หานเซิ่นไม่ขยับเขยื้อน เขาแค่สะบัดแขนเสื้อไปห่อหุ้มลูกธนูเขี้ยวเอาไว้ก่อนที่เขาจะดึงแขนเสื้อกลับมา แสงสีทองบนลูกธนูนั้นหายไปและลูกธนูก็กลับมาอยู่ในมือของเขาดังเดิม


 


ไนน์เทาซันด์คิงขมวดคิ้ว เขาจ้องมองไปที่หานเซิ่นด้วยสายตาที่เอาจริงเอาจังยิ่งกว่าเดิม


 


เพื่อจะยุติความขัดแย้งระหว่างทั้งสองคน ราชครูกู่เยวียนจึงพูดขึ้นมา


“เซเคร็ดเป็นสถานที่ที่น่ากลัวมาก ทำไมทั้งสองคนถึงพยายามจะเข่นฆ่ากันด้วยเรื่องเพียงแค่นี้? ถ้ายังแบบนี้ มันจะเป็นการมอบความได้เปรียบให้กับยอดฝีมือของเซเคร็ด”


 


หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ราชครูกู่เยวียนก็มองไปที่ฉีเกอและพูดต่อ


“นอกจากนั้นคนๆนี้ยังเป็นลูกของโครว์สกายด๊อก หลังจากที่เซเคร็ดล่มสลาย ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คนๆนี้จะมีประโยชน์กับพวกเรา”


 


“ไม่สำคัญว่าเขาจะมีประโยชน์หรือไม่ ใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับข้าจะต้องตาย” ไนน์เทาซันด์คิงพูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่น


 


หานเซิ่นตอบกลับ “เจ้าพูดถูก เขาจะมีประโยชน์หรือไม่ มันไม่ได้สำคัญอะไร เขาคือเหยื่อของข้า ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครแตะต้องเขา”


 


ทั้งสองคนจ้องหน้ากัน ร่างกายของเขาปลดปล่อยออร่าที่น่ากลัวออกมา มันไม่มีใครคิดจะถอยให้กับอีกฝ่าย


 


ทันใดนั้นก็มีเงาคนๆหนึ่งปรากฏออกมาจากประตู ครั้งนี้เป็นหญิงงามในชุดสีดำ


 


เมื่อฉีเกอเห็นผู้หญิงชุดดำคนนั้น เขาก็รีบคลานเข้าไปหา “ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย…”


 


“มูนชาโดว์ เจ้าอย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้” ไนน์เทาซันด์คิงพูด เขาเอื้อมมือออกไปจับฉีเกอที่กำลังคลานไปหาผู้หญิงชุดดำ


 


มีพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นดึงฉีเกอกลับมาที่มือของไนน์เทาซันด์คิง


 


สีหน้าของมูนชาโดว์ก็อตเปลี่ยนไป ร่างกายของเธอเปลี่ยนเป็นเงา เธอปรากฏตัวในเงาของไนน์เทาซันด์คิงและใช้มีดเงาแทงใส่เอวของไนน์เทาซันด์คิง


 


ร่างกายของไนน์เทาซันด์คิงส่องแสงสีทองออกมา มันละลายมีดเงาที่แทงเข้ามา แสงสีทองนั้นเป็นเหมือนกับมีดนับไม่ถ้วนที่ตรงเข้าไปหามูนชาโดว์ก็อต ซึ่งทำให้เธอต้องถอยออกไป


 


ครั้งนี้เมื่อฉีเกอถูกดูดมาอยู่ในมือของไนน์เทาซันด์คิง เขาก็ถูกจับคอเอาไว้ ซึ่งทำให้เขาเริ่มจะร้องไห้ออกมา


 


ใบหน้าของมูนชาโดว์ก็อตดูโกรธจัดขณะที่เธอขึ้นเสียง “ไนน์เทาซันด์คิง ปล่อยลูกของข้าเดี๋ยวนี้!”


 


“ข้าจะปล่อยเขาไป ถ้าเจ้ายอมเชื่อฟังข้า ข้าจะรับเขาเป็นลูกของข้า แบบนั้นข้าก็จะไม่ต้องทำร้ายเขา” ไนน์เทาซันด์คิงมองไปที่มูนชาโดว์ก็อตอย่างชั่วร้าย


 


“เจ้ากล้าดียังไง!” มูนชาโดว์ก็อตโกรธ ร่างกายของเธอสั่นสะเทือนและเงาของเธอก็เปลี่ยนเป็นมีดที่ปกคลุมท้องฟ้ายามค่ำคืน มันพุ่งตรงเข้าไปหาไนน์เทาซันด์คิง


 


ไนน์เทาซันด์คิงไม่ขยับเขยื้อน เขายังคงจับฉีเกอเอาไว้ ขณะที่ปลดปล่อยแสงสีทองออกมา เมื่อถูกแสงนั่นเข้า มันก็ดูเหมือนกับว่าร่างกายของฉีเกอถูกแทงด้วยมีดนับไม่ถ้วน มันทำให้ร่างกายของเขามีเลือดไหลออกมา


 


“เจ้าต้องการอะไรจากข้า?” มูนชาโดว์ก็อตหยุดมือ ถ้าเธอยังลงมือต่อ ฉีเกอก็คงจะถูกฆ่าตายซะก่อน


 


“เมื่อก่อนไอ้โครว์สกายด๊อกสารเลวนั่นขโมยเจ้าไป ข้าจะเอาเจ้ากับคืนมา เจ้าแค่ต้องติดตามข้า และข้าจะปฏิบัติกับเจ้าและลูกอย่างดี ในตอนที่ข้าได้สมบัติที่ผู้นำเซเคร็ดทิ้งเอาไว้ เจ้าและลูกก็จะได้รับผลประโยชน์ไปด้วย” ไนน์เทาซันด์คิงพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย


 


มูนชาโดว์ก็อตดูลำบากใจ ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรออกมา ฉีเกอที่ถูกแทงโดยแสงแห่งเทพของไนน์เทาซันด์คิงก็รีบพูดขึ้นมา


“ท่านพ่อ…ท่านคือพ่อของข้า พวกเราจะติดตามท่านพ่อ มันถือเป็นความยินดีของพวกเราที่ได้ติดตามท่านพ่อ ท่านแม่… ท่านพ่อนั้นแข็งแกร่งมากๆ การได้ติดตามเขา…ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีของพวกเราแม่ลูก”


 


เมื่อเห็นแบบนั้น หานเซิ่นและยอดฝีมือระดับเทพเจ้าของเอ็กซ์ตรีมคิงที่อยู่ที่นั่นก็อึ้งไป พวกเขาไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อน เขาเป็นถึงสิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อต แต่กลับทำตัวแบบนั้น เขาแย่ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน

 

 

 


ตอนที่ 2929 เข้าไปในประตู

 

 


มูนชาโดว์ก็อตโกรธจนตัวสั่น เธอตะโกนขึ้นว่า  “หุบปาก!”


 


ไนน์เทาซันด์คิงหัวเราะและปล่อยฉีเกอลงไป เขาสัมผัสใบหน้าของฉีเกอและหัวเราะ “ดีมาก! เจ้าเป็นลูกชายที่ดีมาก”


 


ฉีเกอรีบพูด “ข้าคงจะต้องทำความดีมาหลายชาติ ถึงได้มีพ่อที่แข็งแกร่งอย่างท่าน ข้าไม่จำเป็นต้องเป็นลูกของท่านเช่นกัน ถ้าท่านต้องการให้ข้าเป็นทาสรับใช้ ข้าก็จะเป็นด้วยความยินดี ข้าไม่เคยคาดฝันมาก่อนเลยว่าข้าจะได้มีพ่อที่มหัศจรรย์และไร้เทียมทานอย่างท่าน”


 


หานเซิ่นและคนอื่นๆไม่สามารถทนดูต่อได้ ยังไงซะนี่ก็เป็นถึงลูกชายของหนึ่งในสิบขุนพลของเซเคร็ด พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะทำตัวแบบนี้


 


ในตอนที่ไนน์เทาซันด์คิงได้ยินที่ฉีเกอพูด เขาก็ยิ้มออก เขาหลี่ตาลงและวางมือลงบนหัวของฉีเกอ เขามองไปที่มูนชาโดว์ก็อตด้วยสีหน้าอวดดี


“มูนชาโดว์ ตอนนี้ลูกชายของเจ้ายอมตกลงแล้ว เจ้าเองก็ควรจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”


 


มูนชาโดว์ก็อตโกรธอย่างมาก เธอรู้ว่าถึงแม้ฉีเกอจะยอมเชื่อฟังไนน์เทาซันด์คิงทุกอย่าง แต่ถ้าเธอไม่ยอม ไนน์เทาซันด์คิงก็จะบดขยี้หัวของฉีเกอ


 


ถึงแม้เธอจะไม่ต้องการมากสักแค่ไหน แต่ฉีเกอก็ยังคงเป็นลูกของเธอ เธอจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอไม่อยากจะเห็นลูกของเธอต้องตายต่อหน้า


 


ขณะที่ไนน์เทาซันด์คิง มูนชาโดว์ก็อตและลูกชายของเธอกำลังยุ่งกับเรื่องของพวกเขากันอยู่ หานเซิ่นก็เข้าไปถามราชครูกู่เยวียน


“ไนน์เทาซันด์คิงคือใครอย่างนั้นหรอ? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อนเลย”


 


ราชครูกู่เยวียนไม่ได้พูดอะไร แต่มีเสียงดังขึ้นในหัวของหานเซิ่น


“ถึงแม้ไนน์เทาซันด์คิงจะไม่ใช่หนึ่งในสิบขุนพล แต่เขาก็เป็นคนของเซเคร็ดคนหนึ่ง ถึงเขาจะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนอย่างสิบขุนพล แต่เขาก็ไม่ใช่คนธรรมดาๆ หลังจากที่เซเคร็ดล่มสลาย ผู้คนคิดไปว่าเขาคงจะตายไปแล้ว แม้แต่ข้าเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ ในตอนนี้ที่พลังของระบบจักรวาลร้างอ่อนแอที่สุด เขาคงจะมาที่ซากปรักหักพังของเซเคร็ดเพื่อค้นหาสิ่งที่ผู้นำเซเคร็ดทิ้งเอาไว้”


 


หานเซิ่นพยักหน้า เขารู้ว่าในครั้งนี้มีผู้คนที่น่ากลัวมากมายมาที่ระบบจักรวาลร้าง เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเป็นแค่เรื่องบังเอิญไปได้


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับมัน เขามาที่นี่ด้วยความบังเอิญ แต่ถ้าเขาพูดมากไป คนอื่นก็อาจจะรู้ได้ว่าจริงๆแล้วเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไร ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเลือกจะไม่พูด


 


“มูนชาโดว์ เจ้าคิดได้หรือยัง? มันมีเวลาไม่มากนัก ดังนั้นหยุดพยายามถ่วงเวลา” ไนน์เทาซันด์คิงดูชั่วร้ายขณะที่เขาลูบหัวของฉีเกอ


 


มูนชาโดว์ก็อตตอบ “ไนน์เทาซันด์คิง ปล่อยลูกชายของข้าไป และข้าจะยอมติดตามเจ้า”


ถึงแม้เธอต้องการจะฆ่าเขามากๆ แต่เธอจำเป็นต้องนึกถึงลูกชายกับโครว์สกายด็อก ในตอนนี้ลูกชายของเธอเป็นสายสัมพันธ์เดียวที่ยังเหลืออยู่ และเธอไม่อยากจะเห็นมันถูกตัดขาด


 


“ฮ่า! ฮ่า!” ไนน์เทาซันด์คิงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและหัวเราะ


“มูนชาโดว์ เจ้าอย่าได้กังวล ข้าจะทำร้ายลูกชายของพวกเราได้ยังไง? เขาเป็นลูกชายที่ดีถึงขนาดนี้ ข้ายินดีจะรับเขาเอาไว้ ข้าจะให้รางวัลกับเขาและไม่ทำร้ายเขา”


 


ฉีเกอดูดีใจอย่างมาก เขาก้มกราบขณะที่พูดขึ้นว่า “ขอบคุณท่านพ่อ”


 


ไนน์เทาซันด์คิงยังคงทำตัวอวดดี เขาลูกหัวของฉีเกอและยิ้ม


“ดีมาก ลูกชายของข้า! ดีมากๆ ข้าควรจะมอบรางวัลให้กับเจ้า”


 


ฉีเกอมองไปที่หานเซิ่นและพูด “การได้เป็นลูกชายของท่านถือเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ลูกไม่กล้าขอรางวัลอะไรอีก แต่คริสตัลไลเซอร์คนนั้นไม่เคารพท่านพ่อ เขาสมควรตาย ลูกไม่แข็งแกร่งพอจะต่อสู้กับเขา ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ลูกก็คงจะถลกหนังเขาทั้งเป็นเพื่อแก้แค้นที่เขาไม่เคารพท่านพ่อ ส่วนธนูด็อกโครว์นั้น ลูกต้องการเอามันกลับคืนมาเพื่อจะมอบให้กับท่านพ่อเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณ”


 


หานเซิ่นและราชครูกู่เยวียนมองหน้ากัน พวกเขาคิดว่าฉีเกอเป็นคนที่หาได้ยากอย่างที่สุด เขาเลวร้ายยิ่งกว่าเดรัจฉาน แม้แต่ในเวลาแบบนี้เขายังต้องการจะกัดหานเซิ่น


 


“นั่นไม่ใช่เรื่องยากอะไร” ไนน์เทาซันด์คิงมองไปที่หานเซิ่นและถามขึ้นมา


“เจ้าได้ยินที่ลูกชายของข้าพูดแล้วใช่ไหม? คืนธนูด็อกโครว์ให้กับลูกชายของข้า”


 


ฉีเกอพูด “ท่านพ่อไม่ต้องมัวเสียเวลาพูดกับเขา แค่ฆ่าเขาก็พอ!”


 


หานเซิ่นมองไปที่ฉีเกอและยกธนูด็อกโครว์ขึ้นอีกครั้ง


“ข้าบอกว่าชีวิตเหยื่อของข้า ข้าเป็นคนตัดสิน”


 


ฉีเกอตกใจที่ลูกธนูเขี้ยวถูกเล็งมาที่เขา แต่เมื่อเขาเห็นว่าไนน์เทาซันด์คิงยังคงยืนอยู่ข้างๆเขา เขาก็รวบรวมความกล้าที่จะเย้นหยันหานเซิ่น


“เจ้ากล้าดียังไงมาทำแบบนี้ต่อหน้าพ่อของข้า เจ้าคงอยากตายมากสินะ!”


 


หานเซิ่นไม่ได้สนใจที่อีกฝ่ายพูด เขาคิดว่าฉีเกอเป็นแค่หมาบ้าที่โง่เขลา ไนน์เทาซันด์คิงคงจะกังวลเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะเข้ามาโจมตีเรียบร้อยแล้ว เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นเพราะไนน์เทาซันด์คิงไม่กล้าจะบุ่มบ่ามโจมตีเข้ามา เขาเป็นจิ้งจอกที่พยายามจะแสดงตัวให้คนอื่นเห็นว่าเขาเป็นเสือ


 


หานเซิ่นปล่อยมือจากลูกธนู และลูกธนูเขี้ยวก็หายวับไป เห็นได้ชัดว่าลูกธนูนั้นถูกยิงออกไปใส่ฉีเกอ สีหน้าของฉีเกอเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นแบบนั้น แต่มันกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเห็นว่าไนน์เทาซันด์คิงยกมือขึ้นมา เขาก็คิดว่าไนน์เทาซันด์คิงจะจับลูกธนูเขี้ยวเอาไว้ได้เหมือนกับก่อนหน้านี้


 


แต่ทันใดนั้นลูกธนูก็ทะลุผ่านหัวของฉีเกอไปออกอีกด้านหนึ่ง ดวงตาของฉีเกอเบิกกว้าง เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะตายไปทั้งๆอย่างนั้น


 


“พลังกาลเวลา!” สีหน้าของไนน์เทาซันด์คิงเปลี่ยนไปเช่นกัน เขาพยายามยื่นมือออกไปรับลูกธนูแล้ว แต่เขาเอื้อมไปไม่ถึง


 


มูนชาโดว์ก็อตตะตกลึง เธอวิ่งไปรับหาร่างของฉีเกอ เธอกัดฟันและมองไปที่หานเซิ่น “ข้าจะฆ่าเจ้า!”


 


หลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนเป็นเงาและหายตัวไปในความมืดมิด


 


ไนน์เทาซันด์คิงจ้องมองไปที่หานเซิ่น ร่างกายของเขาปล่อยจิตสังหารออกมาเหมือนกับว่าเขาพร้อมจะฆ่าหานเซิ่นได้ทุกเมื่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับยังไม่ลงมือ


 


ราชครูกู่เยวียนว่าพูดขึ้นว่า “ถ้าพวกเราต่อสู้กันตั้งแต่ก่อนที่จะเข้าไปในเซเคร็ด นั่นจะไม่เป็นประโยชน์ต่อยอดฝีมือคนอื่นหรอกหรอ?”


 


“ข้าจะให้เจ้าได้มีชีวิตต่อไปอีกหน่อย” ไนน์เทาซันด์คิงพูด เขาหันกลับและเดินผ่านประตูหายเข้าไปในความมืดมิด


 


ราชครูกู่เยวียนหันมาหาหานเซิ่นและพูด “น้องหาน เจ้าไม่ควรไปฆ่าฉีเกอ ตอนนี้พวกเราไปล่วงละเมิดยอดฝีมือที่น่ากลัวถึงสองคน”


 


“หมาบ้านั่นเลวร้ายยิ่งเดรัจฉาน เขาจะกัดใครก็ตามที่เขาเห็น มันจะการดีกว่าถ้าฆ่าเขาซะตั้งแต่ตอนนี้”


หานเซิ่นไม่สนใจ เขาจะไปที่เซเคร็ดเพื่อช่วยเสี่ยวฮวา ถึงแม้สิบขุนพลและสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเซเคร็ดจะรอคอยหานเซิ่นอยู่ที่นั่น พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดหานเซิ่นได้ แถมฉีเกอก็เป็นแค่สุนัขลูกผสมที่ดีแต่เห่า


 


“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ พวกเรารีบเข้าไปข้างในกัน ไม่อย่างนั้นคนอื่นอาจจะตัดหน้าพวกเราไปก่อน”


ราชครูกู่เยวียนหยุดไปชั่วครู่ เขายิ้มให้กับหานเซิ่นและพูด “ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ ทำไมเจ้าไม่มากับพวกเราล่ะ แบบนั้นพวกเราจะได้คอยหนุนหลังกันและกัน”


 


“แน่นอนว่าพวกเราไม่รังเกียจที่จะไปกับราชครู” หานเซิ่นเรียกเป่าเอ๋อที่กำลังนั่งอยู่บนหลังปลาทองตัวใหญ่มา พวกเขาผ่านประตูเข้าไปพร้อมกับราชครูกู่เยวียน


 


ส่วนร่างของฉีเกอ หานเซิ่นไม่แม้แต่จะชายตามอง มันมีแค่เสียงประกาศดังขึ้นในหัวของเขาและมันไม่มีการพูดถึงวิญญาณอสูร เขาไม่ได้รับยีนซีโน่เจเนอิคด้วยซ้ำ ร่างของฉีเกอจึงเป็นขยะที่ไร้ประโยชน์

 

 

 


ตอนที่ 2930 แสงสว่างจากตะเกียง

 

ด้านหลังประตูที่แตกหักนั้นมืดสนิท นอกจากแสงสว่างของตะเกียงที่ส่องบางส่วนแล้ว ส่วนอื่นๆไม่สามารถมองเห็นได้


 


หลังจากที่หานเซิ่นก้าวผ่านเสาหินไป เขาก็รู้สึกตัวว่าที่ทุกเสาหินนั้นมีตะเกียงอยู่ พวกมันเป็นเหมือนกับไฟถนนที่ทอดยาวไปสู่ความมืดมิด


 


นอกจากบริเวณที่แสงไฟจากตะเกียงส่องถึงแล้ว บริเวณอื่นๆนั้นมืดสนิท แม้แต่ศาสตร์ตงเสวียนก็ไม่สามารถสัมผัสสิ่งที่อยู่ในความมืดได้ ที่ขอบของความมืดนั้นหานเซิ่นเห็นฟันเฟืองที่แตกหักมากมาย เขารู้สึกแปลกใจกับภาพที่เห็น


 


“ที่แห่งนี้เคยเกิดการต่อสู้แบบไหนกัน ถึงทำให้แม้แต่ฟันเฟืองจักรวาลที่ประกอบเป็นรากฐานของจักรวาลพังทลายแบบนี้” หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา เขาไม่กล้าจะประมาท


 


ความมืดนั้นเป็นเหมือนกับปากของอสูรร้ายที่กำลังรอคอยอยู่อย่างเงียบสงัด ถ้ามีใครเข้าไปในความมืด อสูรร้ายก็จะกลืนกินพวกเขา


 


ความรู้สึกแบบนั้นฝังลึกเข้าไปในจิตใจของทุกคน แม้แต่เหล่าเอ็กซ์ตรีมคิงก็รู้สึกได้ถึงความตึงเครียดของสถานการณ์ในตอนนี้ พวกเขามองไปในความมืดด้วยความไม่สบายใจ


 


“น้องหาน ความมืดข้างล่างนี้อันตรายมากๆ” ราชครูกู่เยวียนพูด


“ถึงแม้คนที่ตกลงไปจะเป็นยอดฝีมือขั้นทรูก็อต เขาก็คงจะไม่รอด ด้วยเหตุนั้นพวกเราจำเป็นต้องตามแสงของตะเกียงไป พวกเราจะออกไปจากรัศมีของตะเกียงพวกนั้นไม่ได้”


 


“ขอบคุณราชครูที่เตือน” หลังจากที่หานเซิ่นพูดขอบคุณ เขาก็หันไปมองที่ปลาทองตัวใหญ่ มันถูกทำร้ายโดยธนูเขี้ยวก่อนหน้านี้ และบาดแผลของมันก็ยังคงไม่รักษาตัว เจ้าปลาทองตัวใหญ่ยังคงมีเลือดไหลออกมา ถึงแม้จะไม่มาก แต่สภาพของเจ้าปลาทองตัวใหญ่ก็ดูค่อนข้างแย่


 


ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวเล็กน้อยและดวงตาของมันก็ดูไม่ค่อยดี ถึงพลังชีวิตของมันจะยังปกติดี แต่หานเซิ่นไม่คิดว่าร่างกายของมันจะปกติดี


 


“ธนูนั่นมีพิษอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นใช้ออร่าตงเสวียนเพื่อสแกนบาดแผลของปลาทองตัวใหญ่ เขาพบสสารสีแดงบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นแมลงตัวเล็กๆจำนวนมากที่กำลังเจาะทะลวงบาดแผลของเจ้าปลาทองตัวใหญ่


 


หานเซิ่นใช้วิชาจีโนรักษาหลายอย่าง แต่พวกมันไม่ได้ผลกับแมลงสีแดงภายในบาดแผลของปลาทองตัวใหญ่


 


ในดวงตาของปลาทองตัวใหญ่นั้นมีเส้นเลือดฝอยแตกจนแดงก่ำ แต่เมื่อตรวจเช็คอย่างละเอียด เขาก็พบว่าจริงๆแล้วมันเป็นเหล่าแมลงสีแดง


 


ราชครูกู่เยวียนเห็นสถานการณ์ของหานเซิ่นและเข้ามาช่วยดู


“ถ้าข้าดูไม่ผิดล่ะก็ สัตว์เลี้ยงของเจ้านั้นติดพลังพิษสุนัขบ้า”


 


หานเซิ่นรีบถาม “พลังพิษสุนัขบ้าคืออะไร? ราชครูรู้วิธีที่จะรักษามันไหม?”


 


ราชครูกู่เยวียนมองไปที่ธนูเขี้ยวในมือของหานเซิ่นและพูด


“พลังพิษสุนัขบ้าคือพลังของโครว์สกายด็อก ถ้าใครถูกพลังพิษสุนัขบ้าเข้า พวกเขาจะค่อยๆเสียสติ พวกเขาจะกลายเป็นหมาบ้าที่พยายามโจมตีทุกสิ่งที่อยู่รอบๆจนกระทั่งพวกเขาเหนื่อยตายไป”


 


หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ราชครูกู่เยวียนก็พูดต่อไปว่า “พลังพิษสุนัขบ้านั้นเป็นพลังประหลาด ตำนานบอกว่ามีเพียงแค่กิเลนศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเซเคร็ดเท่านั้นที่จะรักษามันได้ ข้าไม่แน่ใจว่ามันยังมีวิธีรักษาอื่นอยู่อีกหรือเปล่า”


 


เมื่อหานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็ขมวดคิ้ว เขาเคยไปเยือนสวนของกิเลนศักดิ์สิทธิ์มาครั้งหนึ่ง กิเลนศักดิ์สิทธิ์นั้นดูเหมือนจะตายไปแล้ว และมันก็ถูกฝังอยู่ในสวน


 


แถมหานเซิ่นก็ไม่รู้ว่าจากตำแหน่งที่เขาอยู่ในตอนนี้จะไปที่อีสท์โฮลี่การ์เด้นได้ยังไง มันไม่มีทางที่เขาจะไปที่นั่นได้ถึงแม้เขาต้องการจะไป


 


หานเซิ่นใช้วิชารักษาของเขาหยุดเลือดและทำให้บาดแผลของเจ้าปลาทองตัวใหญ่เริ่มสมานตัวได้สำเร็จ แต่แมลงสีแดงที่เหมือนกับเลือดในดวงตาของปลาทองตัวใหญ่ยังคงแพร่กระจายออกไปเรื่อยๆ


 


หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่าอารมณ์ความรู้สึกของเจ้าปลาทองตัวใหญ่นั้นกำลังดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะเรียกปืนมนตราออกมา เขายิงกระสุนออกไปใส่ร่างกายของปลาทองตัวใหญ่


 


กระสุนพุ่งไปถูกเกล็ดของปลาทองตัวใหญ่ เนื่องจากมันขาดพลังทำลายล้าง พวกมันจึงแค่ไปติดอยู่กับเกล็ดของเจ้าปลาทอง บางทีมันอาจจะเป็นเพราะพลังพิษสุนัขบ้า แต่เจ้าปลาทองตัวใหญ่นั้นไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดหรือพยายามจะต่อต้าน


 


หานเซิ่นยิงกระสุนออกไปหนึ่งร้อยลูกทั่วร่างเจ้าปลาทองตัวใหญ่ กระสุนนั้นมีพลังในการแช่แข็งของอิเทอร์นิตี้อยู่ ถึงแม้มันจะไม่สามารถกำจัดพลังพิษสุนัขบ้าได้ แต่พลังพิษสุนัขบ้าก็หยุดการแพร่กระจาย


 


หานเซิ่นมองดูอยู่สักพักและเห็นว่าแมลงสีแดงที่เหมือนกับเลือดในดวงตาของปลาทองตัวใหญ่ไม่เพิ่มจำนวนขึ้น มันทำให้เขารู้สึกโล่งใจ


 


หานเซิ่นไม่มีวิธีที่จะรักษาให้กับมัน ตอนนี้การหยุดพลังพิษสุนัขบ้าจากการแพร่กระจายคือทั้งหมดที่เขาทำได้


 


ปลาทองตัวใหญ่นั้นเป็นเหมือนกับผู้ป่วยทางจิต ใบหน้าของมันกำลังบิดเบี้ยว โชคดีที่มันยังไม่ถูกครอบงำโดยพลังพิษสุนัขบ้า มันยังมีสติอยู่


 


“พลังพิษสุนัขบ้าของโครว์สกายด็อกนั้นน่ากลัวจริงๆ มันเป็นแค่ลูกธนูที่ทำจากเขี้ยว แต่มันก็ทำให้ซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ถ้าโครว์สกายด็อกยังมีชีวิตอยู่ เขาจะน่ากลัวถึงขนาดไหนกัน” หานเซิ่นรู้สึกตกใจ


 


แค่โครว์สกายด็อกผู้พิทักษ์ประตูของเซเคร็ดก็น่ากลัวถึงขนาดนี้แล้ว หานเซิ่นไม่สามารถจินตนาการได้ว่าเมื่อก่อนเซเคร็ดนั้นแข็งแกร่งถึงขนาดไหน


 


ราชครูกู่เยวียนและคนอื่นๆก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน แต่ที่พวกเขาแปลกใจนั้นคือการที่หานเซิ่นสามารถหยุดการแพร่กระจายของพลังพิษสุนัขบ้าได้ นั่นเป็นอะไรที่พวกเขาคาดไม่ถึง


 


แสงของตะเกียงนั้นสลัวๆ พวกเขาจึงเห็นเพียงแค่เสาหินที่ตะเกียงห้อยอยู่เท่านั้น เสาหินทั้งหมดนั้นดูเก่ามากๆ พวกมันมีรอยร้าวและร่องรอยของความเสียหาย ดูเหมือนกับว่าพวกมันสามารถพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ


 


แสงสว่างของตะเกียงนั้นมากพอแค่ให้พวกเขาไปถึงแสงสว่างของตะเกียงต่อไป พวกเขาเห็นแค่รัศมีสามสิบฟุตรอบๆตะเกียงเท่านั้น พื้นที่ที่พวกเขายืนอยู่เป็นอิฐสีเทา อิฐส่วนใหญ่นั้นถูกทำลายหรือถูกยกขึ้นมา มันยากที่จะหาอิฐที่ยังคงสมบูรณ์ดี หานเซิ่นคิดว่าบริเวณนี้ก็คงจะเคยเป็นสนามรบมาก่อน


 


ขณะที่เดินไปเรื่อยๆ จู่ๆพวกเขาก็เห็นว่าข้างหน้านั้นตกอยู่ในความมืด ด้วยเหตุผลบางอย่างตะเกียงที่อยู่ถัดไปนั้นไม่ส่องสว่างออกมา มันทำให้บริเวณข้างหน้านั้นมืดสนิท


 


“บริเวณนี้ไม่มีแสงของตะเกียง ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายที่จะข้ามความมืดนี้ไป” เอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าคนหนึ่งพูดขึ้นมา


 


หานเซิ่นหยุดและมองไปที่ความมืดมิดข้างหน้าบริเวณที่ฟันเฟืองจักรวาลยังคงไม่ถูกทำลาย แต่ฟันเฟืองจักรวาลส่วนใหญ่ถูกทำลายไปหมดแล้ว ซึ่งทำให้กฎของจักรวาลถูกทำลายไปด้วย


 


“ราชครูคิดว่าพวกเราจะเก็บตะเกียงมาจากเสาหินและเอามันไปกับพวกเราได้ไหม?” เอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าถาม เขามองไปที่ตะเกียงบนเสาหินที่อยู่ไม่ไกล


 


“อย่าทำแบบนั้น” ราชครูกู่เยวียนพูดพร้อมกับส่ายหัว


“แสงของตะเกียงพวกนี้ขจัดความมืดได้ก็จริง แต่พลังของมันไม่ได้มาจากตัวตะเกียง มันมาจากเสาหินที่เชื่อมต่อกับพื้น ถ้าตะเกียงถูกเอาออกมาหรือเสาหินถูกทำลาย มันก็จะไม่มีแหล่งพลังงานสำหรับตะเกียงอีก พวกมันจะดับไปในทันที”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)