Super God Gene 2911-2917

ตอนที่ 2911 ฟันเปิดแผ่นหิน

 

หานเซิ่นเอามีดเหตุและผลออกมา แต่เขาไม่ได้คาดหวังที่จะใช้พลังของมีดเหตุและผล นั่นก็เพราะว่าแผ่นหินนั้นไม่สามารถทำการโจมตีได้ ด้วยเหตุนั้นพลังของมีดเหตุและผลจึงว่าเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ หานเซิ่นแค่ต้องการบางสิ่งที่แข็งแรงมาถือเอาไว้ในมือ


 


ขณะที่ถือมีดเหตุและผลอยู่ ร่างกายของหานเซิ่นก็เดือดด้วยพลังประหลาด เขาฟันลงไปข้างล่าง แต่เขาไม่ได้เล็งไปที่แผ่นหิน เขากำลังฟันใส่อากาศ


 


มีดแสงพุ่งออกไปหยุดอยู่ในอากาศราวกับว่าถูกแช่แข็ง หานเซิ่นฟันออกไปเร็วขึ้นเรื่อยๆและทำให้มีดแสงสะสมรวมกันมากขึ้นเรื่อยๆ


 


ทุกคนรู้ว่าหานเซิ่นพยายามจะทำอะไร ในการต่อสู้เพื่อจุดดวงตะเกียงเผ่าพันธุ์ ทุกคนในจักรวาลได้เห็นวิชามีดใต้นภาของหานเซิ่น พวกเขารู้ว่าหานเซิ่นแค่จำเป็นต้องมีเวลาเพื่อจะรวบรวมมีดแสงที่มีพลังที่เทียบได้กับยอดฝีมือขั้นทรูก็อตระดับท็อป


 


ไป๋อู๋ซางขมวดคิ้ว เขาอยากจะเห็นวิชาที่สามารถลดระดับพลังคู่ต่อสู้ของหานเซิ่น เขาไม่ต้องการจะเสียเวลาดูวิชาที่ต้องใช้เวลาสะสมพลัง เพราะระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตที่แท้จริงนั้นจะไม่ปล่อยให้หานเซิ่นได้มีเวลารวบรวมมีดแสงแบบนี้


 


แต่แผ่นหินนี่เป็นซีโน่เจเนอิคที่ประหลาด มันไม่สามารถทำการโจมตีได้ หานเซิ่นจึงมีเวลาที่จะสะสมพลังได้อย่างตามใจชอบ


 


คนอื่นๆก็มีวิชาจีโนที่สะสมพลังเช่นกัน แต่พวกมันไม่ได้คงอยู่เป็นเวลานาน ที่สุดแล้วพวกมันจะจางหายไป มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะสะสมและควบคุมพลังเป็นจำนวนมากได้


 


แต่พลังที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยวิชามีดใต้นภาของหานเซิ่นนั้นไม่ได้จางหายไป และมันก็ถูกควบคุมเอาไว้ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร ถึงแม้หานเซิ่นจะสะสมมีดแสงเป็นพันล้านเล่ม เขาก็สามารถควบคุมพวกมันได้เป็นอย่างดี


 


แน่นอนว่าถึงแม้ยอดฝีมือขั้นทรูก็อตคนหนึ่งจะควบคุมมีดแสงเป็นจำนวนมากได้ แต่พวกเขาก็คงจะหมดพลังก่อนที่จะปล่อยมีดแสงออกมามากมายขนาดนั้นได้ หานเซิ่นได้ใช้ตงเสวียนออร่าอย่างลับๆและใช้พลังงานในอวกาศเข้าช่วย นั่นเป็นเหตุผลที่เขาสามารถสะสมมีดแสงต่อไปได้


 


ในการต่อสู้จริงๆ มันเป็นเรื่องยากที่จะรวบรวมมีดแสงเป็นพันเป็นแสนเล่มเพื่อจะใช้งาน แต่สถานการณ์นี้หานเซิ่นสามารถสะสมมันได้เรื่อยๆ มีดแสงนั้นเพิ่มสูงขึ้นถึงขนาดที่ไม่สามารถนับได้ พวกมันก่อตัวเป็นสายธารมีดแสงเหมือนกับกาแล็กซี่ที่หมุนอยู่ในอวกาศ


 


เหล่าระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟรู้สึกตกใจและพากันถอยออกไปด้านหลังหลายพันไมล์


 


ถ้ามันมีมีดแสงแค่หนึ่งถึงสองเล่ม หรือแม้กระทั่งสิบถึงยี่สิบเล่ม พลังของเขาก็จะไม่ได้ดีเหมือนอย่างหมัดของไป๋อู๋ซาง แต่ตอนนี้มีดแสงนั้นสะสมกันเป็นเหมือนกับแม่น้ำ พลังของมันน่ากลัวยิ่งกว่าหมัดของไป๋อู๋ซางซะอีก


 


ไป๋อู๋ซางขมวดคิ้ว มันมีมีดแสงอยู่เป็นจำนวนมาก แม้แต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะควบคุมพวกมันทั้งหมดได้ มันถือเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดาที่หานเซิ่นสามารถควบคุมมีดแสงได้มากตามต้องการ มันไม่มีมีดแสงที่จางหายไป นั่นถือเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ มันไม่ใช่สิ่งที่จะทำสำเร็จได้เพราะโชคช่วย


 


หานเซิ่นยังคงปล่อยมีดแสงออกมาเพิ่มอีก เห็นได้ชัดว่าพลังในการควบคุมของเขานั้นยังไม่ถึงขีดจำกัด เขากำลังทำในสิ่งที่แม้แต่ยอดฝีมือขั้นทรูก็อตระดับท็อปหลายคนก็ยังทำไม่ได้


 


มันคงจะมีแค่ยอดฝีมือขั้นทรูก็อตอย่างผู้นำปราสาทนภาและผู้นำเผ่าเวรี่ไฮเท่านั้นที่จะทำอะไรแบบนี้ได้


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าเขาปล่อยมีดแสงออกมามากเท่าไหร่แล้ว มีดแสงนั้นปกคลุมทั้งท้องฟ้าและผืนดิน พวกมันดูเหมือนจะปกคลุมทุกอย่างที่อยู่รอบๆ


 


“นี่ควรจะมากพอแล้ว” หานเซิ่นรู้สึกว่าเขาเกือบจะถึงจุดแตกหัก ถ้าเขายังปล่อยมีดแสงออกมาเพิ่มอีก เขาก็อาจจะควบคุมพวกมันเอาไว้ไม่ได้


 


หานเซิ่นมองไปที่แผ่นหิน เขาไม่ลังเลและยกมีดเหตุและผลขึ้นเหนือหัว บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยสายธารมีดแสง มันดูเหมือนกับวังวนที่ก่อตัวอยู่เหนือมีดเหตุและผล


 


ถึงแม้สายธารของมีดแสงจะทรงพลัง แต่แผ่นหินดูเหมือนจะมีพลังในการฟื้นตัวที่สุดยอด ถ้าเขาโจมตีมันทั้งๆแบบนี้ เขาอาจจะทำลายมันไม่ได้


 


หานเซิ่นมีแผนที่รวมมีดแสงทั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นมีดแสงที่ทรงพลังหนึ่งเดียวก่อนจะใช้ฟันใส่แผ่นหิน


 


ถึงแม้เขาจะไม่สามารถทำลายแผ่นหินได้ แต่อย่างน้อยๆเขาก็ควรจะทิ้งรอยตัดขนาดใหญ่เอาไว้ได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาจะได้รับนั้นต้องเหนือกว่าโกลด์วิงบิ๊กก็อตเบิร์ดที่ไป๋อู๋ซางได้รับอย่างแน่นอน


 


ขณะที่มีดแสงค่อยๆรวมเป็นหนึ่งเดียว เหล่าระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ หน้าผากของพวกเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะถอยออกไปอีก


 


แม้แต่ไป๋อู๋ซางก็ยังรู้สึกทึ่งที่ได้เห็นมีดแสงเป็นจำนวนมาก พลังโจมตีเต็มกำลังของเขานั้นยังด้อยกว่ามีดแสงที่ทรงพลังนี้


 


‘ถึงแม้วิธีการนี้จะใช้ในการต่อสู้จริงได้ยาก แต่การที่ควบคุมมีดแสงได้มากมายขนาดนี้ก็เป็นอะไรที่น่าตกใจ หานเซิ่นคนนี้น่ากลัวจริงๆ ถ้าเกิดปล่อยเขาไป ในอนาคตเขาจะเป็นภัยใหญ่หลวงต่อเอ็กซ์ตรีมคิง’


ตอนนี้ไป๋อู๋ซางเกรงกลัวต่อความสามารถของหานเซิ่นยิ่งกว่าเดิม


 


ในสายตาของไป๋อู๋ซาง ยิ่งหานเซิ่นแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ เขาก็จะเป็นภัยต่อเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงมากเท่านั้น มันจะเป็นการดีถ้ากำจัดเขาโดยเร็วที่สุด ถ้าเขากลายเป็นขั้นทรูก็อตและบุกมาโจมตี เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงก็คงจะประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่


 


หานเซิ่นกำลังถือมีดด้วยสองมือ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงสั่นอย่างรุนแรง เขารวบรวมมีดแสงเอาไว้มากเกินไป เขาแทบจะควบคุมมันเอาไว้ไม่อยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ามีดเหตุและผลยากนั้นแข็งแรง เขาก็กลัวว่ามีดนั้นจะแตกเป็นเสี่ยงๆภายใต้น้ำหนักของมีดแสงจำนวนมากที่อยู่เหนือมัน


 


เมื่อเห็นมีดแสงรวมกันเป็นรูปร่างของใบมีดที่แหลมคมเรียบร้อยแล้ว หานเซิ่นก็ไม่มีรออีกต่อไป มันยังมีมีดแสงบางส่วนที่ไม่ได้เข้ามารวมเป็นหนึ่งเดียว แต่หานเซิ่นก็ไม่คิดจะมาสนใจพวกมันอีกแล้ว เขาฟันมีดแสงขนาดใหญ่ออกไปใส่แผ่นหิน


 


มีดแสงนั่นดูเหมือนกับว่าจะฉีกพื้นดินออกเป็นสอง มันฟันใส่แผ่นหินจากด้านบนและตัดมันเปิดออก มีดแสงนั้นตัดแผ่นหินเข้าไปทีละนิดๆ ฝุ่นหินกระจัดกระจายไปทั่วและแสงสีรุ้งก็ระเบิดออกมาจากแผ่นหินนั่น ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟที่มองดูจากระยะไกลตกตะลึง มันเหมือนกับว่าทั้งจักรวาลกำลังถูกตัดขาด


 


ตูม! ตูม!


แผ่นหินทั้งแผ่นถูกตัดจนขาดครึ่ง มันล้มแยกกันออกไปคนละทาง มีดแสงบนมีดเหตุและผลของหานเซิ่นเกือบจะดับไป ฝุ่นผงกระจัดกระจายไปทั่ว ทุกคนตกตะลึง


 


ไป๋อู๋ซางทำได้แค่ทิ้งรอยหมัดเอาไว้บนแผ่นหิน แต่หานเซิ่นตัดมันจนขาดครึ่ง พลังของเขาน่ากลัวถึงขนาดไหนกัน?


 


ถึงแม้ว่ามันจะใช้เวลาในการเตรียมตัวนาน ซึ่งไม่สามารถใช้ในการต่อสู้จริงได้ การได้เห็นพลังมหาศาลแบบนั้นก็เป็นอะไรที่น่ากลัวอยู่ดี


 


ไป๋อู๋ซางและคนอื่นๆจ้องไปยังแผ่นหินที่ถูกตัดจนขาดครึ่ง พวกเขาอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป


 


โดยปกติแล้วแผ่นหินจะให้กำเนิดนกซีโน่เจเนอิคธาตุหินตามขนาดของรอยที่ถูกทิ้งเอาไว้ แต่ตอนนี้ทั้งแผ่นหินถูกตัดจนขาดครึ่ง ด้วยเหตุนั้นมันบอกได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขามองไปยังแผ่นหินที่ล้มลงไปกับพื้น แต่เขาไม่ได้พูดอะไร


 


เขาไม่ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นมา นั่นหมายความว่าแผ่นหินยังไม่ถูกฆ่าตาย มันยังคงมีชีวิตอยู่


 


หานเซิ่นฟันมันด้วยมีดแสงที่น่ากลัวถึงขนาดนั้น แต่เขาก็ยังฆ่าแผ่นหินไม่ได้ แผ่นหินนั้นจะต้องเป็นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตระดับท็อปไม่ผิดแน่ แต่น่าเสียดายที่โจมตีกลับไม่ได้ มันทำได้แค่รับการโจมตีเท่านั้น


 


ตูม!


แสงสีรุ้งระเบิดขึ้นมาจากแผ่นหินทั้งสองส่วน พวกมันพุ่งสูงขึ้นไปสู่ท้องฟ้าและเปลี่ยนทั้งท้องฟ้าให้กลายเป็นสีรุ้ง


 


ท่ามกลางแสงสีรุ้งนั้นมีเสียงร้องดังขึ้นมา หลังจากนั้นนกตัวหนึ่งก็ค่อยๆบินออกมาจากแสงสีรุ้ง

 

 

 


ตอนที่ 2912 โกสต์คาร์

 

 


มันเป็นนกตัวใหญ่ที่มีสีขาวเหมือนกับหิมะ ขนนกทุกเส้นเป็นเหมือนกับใบมีด ออร่าที่น่ากลัวของมันระเบิดลงมาสู่ผู้คนที่อยู่บนพื้น


 


นกตัวนี้มีทั้งหมดสี่ปีกที่มีขนาดใหญ่มากๆ ขนหางที่อยู่ด้านหลังของมันนั้นยาวมากๆ มันเหมือนกับธารน้ำตกของใบมีด มันมีหัวนกเก้าหัว มันดูเหมือนกับฟินิกซ์


 


นกเก้าหัวที่น่ากลัวนั้นบินออกมาจากท้องฟ้าสีรุ้ง ส่วนแผ่นหินที่ถูกตัดขาดออกจากกันนั้นหายไปจากพื้นดิน เหลือเพียงแค่แสงสีรุ้งที่ไหลไปหานกประหลาดตัวนั้น


 


ในตอนที่มันกระพือปีกทั้งสี่ปีก ขนนกที่เหมือนกับมีดก็ส่งเสียงที่เหมือนเสียงของโลหะปะทะกัน


 


“นี่คือซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต โกสต์คาร์!” ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟคนหนึ่งตะโกนออกมา


 


หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ เขาเคยได้ยินชื่อของซีโน่เจเนอิคโกสต์คาร์มาก่อน บางคนบอกว่าโกสต์คาร์นั้นมีสายเลือดของฟินิกซ์ แต่บางคนก็บอกว่าโกสต์คาร์นั้นเป็นนกที่ชั่วร้าย และไม่ว่ามันจะไปที่ไหนความโกลาหลก็จะตามมันไปที่นั่น


 


แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่หานเซิ่นเคยได้ยินชื่อของโกสต์คาร์มาก่อน ในตำนานบอกว่าหนึ่งในสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเซเคร็ดก็คือโกสต์คาร์ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้หานเซิ่นเคยได้ยินชื่อของมัน


 


ตำนานบอกว่าโกสต์คาร์นั้นมีขนนกสีดำ แต่นกตัวนี้มีขนสีขาวเหมือนกับใบมีด และร่างกายของมันก็ยังเป็นธาตุหิน ที่มันมีรูปลักษณ์เป็นแบบนี้ก็เพราะว่ามันดูดซับมีดแสงของหานเซิ่นเข้าไป


 


หานเซิ่นคิด ‘ซีโน่เจเนอิคตัวนี้ประหลาดจริงๆ เราตัดมันจนขาดครึ่ง แต่มันก็ไม่ตาย มันกลับกลายเป็นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตโกสต์คาร์แทน ถ้าเราเกิดฆ่าเจ้านกตัวนี้อีกครั้ง มันจะกลับกลายเป็นแผ่นหินไหมนะ?’


 


โกตส์คาร์บินวนรอบๆตัวหานเซิ่นอยู่สามรอบ ก่อนที่จะหยุดตรงหน้าของเขา มันยกหัวขึ้นและส่งเสียงร้องออกมา เสียงทั้งเก้าสั่นสะเทือนท้องฟ้า มันเหมือนกับเสียงร้องร่วมกันของมีดนับหมื่น


 


หลังจากที่กรีดร้องเสร็จ โกสต์คาร์ก็หุบปีกทั้งสี่ของมัน ร่างกายและหัวทั้งเก้าของมันเอนมาข้างหน้า เหมือนกับว่ามันสวามิภักดิ์ต่อหานเซิ่น


 


“เราจะพานกตัวนี้ออกไปจากก็อตแอเรียได้ไหมนะ?” หานเซิ่นลองเปิดประตูเพื่อจะพาโกสต์คาร์ออกไปจากก็อตแอเรีย


 


โดยปกติแล้วสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้านั้นต้องเข้าออกจากก็อตแอเรียด้วยประตูของตัวเองเท่านั้น และสิ่งมีชีวิตภายในก็อตแอเรียก็ไม่สามารถเปิดประตูเพื่อออกไปจากก็อตแอเรียได้


 


ถ้าโกสต์คาร์ออกไปจากก็อตแอเรียร่วมกับหานเซิ่นไม่ได้ มันก็ไม่มีประโยชน์สำหรับหานเซิ่นที่จะเก็บมันเอาไว้


 


หานเซิ่นคาดไม่ถึงว่าโกสต์คาร์นั้นจะตามเขาออกไปจากก็อตแอเรียได้จริงๆ หานเซิ่นคิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะว่าโกสต์คาร์ดูดซับพลังของวิชามีดใต้นภาของเขาเข้าไป มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ


 


“โอ้มายก็อด! นี่นายไปเอานกที่น่ากลัวแบบนี้มาจากที่ไหนกัน?”


เมื่อได้เห็นโกสต์คาร์ หวังอวี่ฮังก็รู้สึกตกใจ โกสต์คาร์จ้องมองไปที่เขาพร้อมกับขนนกที่ตั้งตรง มันดูน่ากลัวมากๆ มันดูเหมือนกับภูเขาของมีด


 


“มันเป็นสัตว์เลี้ยงที่ฉันเพิ่งจะได้มา มันดูดีใช่ไหมล่ะ?” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“สัตว์เลี้ยง? ระดับไหนกัน?” หวังอวี่ฮังจ้องไปที่โกสต์คาร์


 


“ทรูก็อต” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“นายและตระกูลหานของนายเอาโชคของทั้งโลกไปไว้เป็นของตัวเองหมด นายแค่ออกไปเพียงไม่นาน นายก็กลับมาพร้อมกับสัตว์เลี้ยงซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตแล้ว” หวังอวี่ฮังดูอิจฉาอย่างมาก


 


“ให้ฉันลองขี่มันหน่อยได้ไหม ฉันอยากรู้ว่าการขี่สิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อตจะรู้สึกยังไง?”


หวังอวี่ฮังเข้าไปใกล้โกสต์คาร์ ซึ่งทำให้โกสต์คาร์โกรธ ขนนกที่เหมือนกับมีดของมันเรืองแสงขึ้นมา มีดแสงสีขาวที่เหมือนกับกาแล็กซี่ถูกปลดปล่อยออกมาปกคลุมทั้งฟ้าและผืนดินของทั้งสเปชการ์เด้น


 


หวังอวี่ฮังหวาดกลัวและถอยออกไป เขาโบกมือและพูด “ไม่ ไม่ ไม่ ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้น ฉันไม่กล้าอาจเอื้อมที่จะขี่นาย”


 


“อย่าได้ทำร้ายคนอื่นโดยที่ไม่ได้รับคำสั่ง” หานเซิ่นพูดกับโกสต์คาร์ หลังจากนั้นสายธารของมีดแสงก็กลับไปสู่ร่างกายของโกสต์คาร์ แต่มันยังคงมองไปที่หวังอวี่ฮังด้วยสายตาที่เกรี้ยวโกรธ


 


“ลุง นี่น่ะเป็นซีโน่เจเนอิค มันไม่ใช่วิญญาณอสูรสัตว์ขี่ ลุงจะขึ้นไปขี่มันไม่ได้” หานเซิ่นพูดพร้อมกับหัวเราะ


 


เป่าเอ๋อและหลิงเอ๋อจับมือกันขณะที่พวกเธอวิ่งเข้ามาหา พวกเธอมองไปที่โกสต์คาร์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แม็กแคกหกหูและโฮลี่เบบี้ตามหลังพวกเธอมาราวกับเป็นทาสรับใช้


 


เป่าเอ๋อจูงมือหลิงเอ๋อมาอยู่ข้างๆหานเซิ่น เธอมองไปที่โกสต์คาร์และพูด


“พ่อ นี่มันนกชนิดไหนกัน ทำไมมันถึงได้ดูน่าเกลียดแบบนี้?”


 


หานเซิ่นมองไปที่โกสต์คาร์และพูด “พ่อเองก็ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร”


 


ถึงแม้ชื่อของมันคือโกสต์คาร์ แต่มันเป็นซีโน่เจเนอิคธาตุหินที่รวมเข้ากับพลังวิชามีดใต้นภาของหานเซิ่น มันไม่ใช่โกสต์คาร์ตัวจริง ด้วยเหตุนั้นการจะเรียกมันว่าโกสต์คาร์ก็ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่


 


“เรียกมันว่าเก้าน้อยละกัน หนูจะไปเก็บผลไม้กับน้องหลิงเอ๋อ บอกเก้าน้อยว่าให้พาพวกเราไปที่นั่นที”


หลังจากที่พูดแบบนั้น เป่าเอ๋อก็จูงมือของหลิงเอ๋อและขึ้นไปบนหลังของโกสต์คาร์ร่วมกับเธอ


 


หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ โกสต์คาร์นั้นเป็นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต ถ้ามันโกรธขึ้นมา มันก็อาจจะทำร้ายเป่าเอ๋อและหลิงเอ๋อ


 


หานเซิ่นต้องการจะหยุดพวกเธอ แต่นกเก้าหัวที่ถูกตั้งชื่อว่าเก้าน้อยนั้นลดตัวลง และปล่อยให้เป่าเอ๋อและหลิงเอ๋อปีนขึ้นไปนั่งบนตัวมัน


 


แม็กแคกหกหูและโฮลี่เบบี้ต้องการจะตามขึ้นไป แต่ก่อนที่พวกมันจะได้เข้าไปใกล้ โกสต์คาร์ก็ใช้ขนนกที่เหมือนกับมีดเพื่อขู่พวกมันให้ถอยออกไป


 


“เก้าน้อย พวกเราไปกันเถอะ” เป่าเอ๋อพูดขณะที่ลูบหัวของมัน


“พาฉันและน้องหลิงเอ๋อไปเก็บผลไม้”


 


โกสต์คาร์บินขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ดูเหมือนมันจะกังวลว่าเป่าเอ๋อและหลิงเอ๋อจะนั่งไม่สบาย ดังนั้นมันจึงบินไปอย่างช้าๆเพื่อที่ร่างกายของมันจะไม่เสียสมดุล


 


“นั่นเป็นไปได้ยังไง?” หานเซิ่นอึ้งไป เขาเป็นคนที่พาโกสต์คาร์มา แต่เป่าเอ๋อกลับสามารถออกคำสั่งกับมันได้


 


“มันคงจะเป็นเพราะว่าเก้าน้อยรู้ว่าเป่าเอ๋อและหลิงเอ๋อเป็นลูกสาวของเรา พวกเธอมีสายเลือดของเราอยู่ ด้วยเหตุนั้นมันจึงยอมเชื่อฟัง… เรานั้นเก่งกาจที่สุด…” หานเซิ่นพยายามปลอมตัวเอง


 


หลังจากที่คิดแบบนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกเบาใจขึ้นมา ในตอนแรกถึงแม้โกสต์คาร์จะสวามิภักดิ์ต่อเขา ตัวตนของมันก็ยังเป็นอะไรที่แปลกมากๆ หานเซิ่นไม่สามารถเชื่อใจมันอย่างเต็มที่ ดังนั้นเขาจะไม่ทิ้งให้มันอยู่ในสเปชการ์เด้นตามลำพัง


 


ในตอนแรกหานเซิ่นมีแผนที่จะพามันออกไปจากสเปชการ์เด้น แต่ถ้าเป่าเอ๋อสามารถควบคุมมันได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น


 


หานเซิ่นคิด ‘แผ่นหินนั่นดูดซับพลังของวิชามีดใต้นภาเข้าไปและเปลี่ยนเป็นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตระดับท็อปโกสต์คาร์ ด้วยการที่มีโกสต์คาร์อยู่เฝ้าสเปชการ์เด้น ถึงแม้จะมีคนอย่างโจรสลักศักดิ์สิทธิ์แอบเข้ามาในสเปชการ์เด้น เขาก็ทำอะไรไม่ได้’


 


ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องดีที่เขาได้เก้าน้อยมา แต่หานเซิ่นก็ยังรู้สึกรำคาญที่เขาไม่ได้ยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ามาเลยสักยีน


 


“จะว่าไป ชิ้นส่วนขั้นทรูก็อตที่ได้มาจากเบิร์นนิ่งแลมป์ก็เป็นยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าเหมือนกันหนิ? เราจะกินมันได้ไหมนะ?”


หานเซิ่นต้องการจะทำแบบนั้น แต่สุดท้ายเขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป การจะได้รับชิ้นส่วนขั้นทรูก็อตมานั้นเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่าการฆ่าซีโน่เจเนอิคขั้นบัตเตอร์ฟลายมาก

 

 

 


ตอนที่ 2913 ตุ๊กตา

 

ในก็อตแอเรียมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอยู่เป็นจำนวนมาก แต่มันขึ้นอยู่กับดวงว่าจะหาพวกมันเจอหรือไม่ หานเซิ่นไปที่ก็อตแอเรียสองครั้งและเขาก็อยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายวัน แต่เขาก็ไม่ได้เห็นก็อตสปิริตสตอร์มเกิดขึ้นมา


 


‘ดูเหมือนว่าการจะล่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลายในก็อตแอเรียจะเป็นเรื่องยาก มันยังมีที่อื่นที่อาจจะมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าชั้นสูงอยู่อีกไหมนะ?’ หานเซิ่นครุ่นคิด ทันใดนั้นก็มีสถานที่หนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเขา


 


ระบบจักรวาลร้าง สถานที่แห่งนั้นเป็นเหมือนกับสวรรค์สำหรับคนที่ต้องการค้นหาซีโน่เจเนอิคระดับสูง มันเต็มไปด้วยซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้านานาชนิด แต่พวกมันทุกตัวดูเหมือนจะตกอยู่ในความบ้าคลั่งตลอด ด้วยเหตุนั้นมันจึงเป็นสถานที่ที่อันตราย


 


แต่ด้วยพลังของหานเซิ่นในตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมากนัก


 


“เสี่ยวฮวาควรจะอยู่ในระบบจักรวาลร้าง ด้วยพลังของเราในตอนนี้ถ้าเราหาเสี่ยวฮวาเจอ เราก็จะช่วยเขาจากแมวเก้าชีวิตได้” หานเซิ่นตัดสินใจว่าจะเข้าไปในระบบจักรวาลร้าง


 


ก่อนหน้านี้เหตุผลที่เขาไม่ไปไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่สนใจ แต่มันเป็นเพราะว่าเขายังขาดพลังที่จะทำแบบนั้น ถ้าเขาตายในระบบจักรวาลร้าง มันก็ไม่มีใครจะไปช่วยเสี่ยวฮวา


 


หานเซิ่นรู้ว่าเสี่ยวฮวาไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นเป้าหมายแรกของเขาจึงเป็นการเพิ่มระดับของตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ


 


“ตอนนี้มันควรจะถึงเวลาแล้ว” หานเซิ่นจัดการเรื่องภายในสเปชการ์เด้นให้เรียบแล้วและเตรียมตัวออกเดินทางไปในระบบจักรวาลร้างตามลำพัง


 


มันไม่มีอะไรที่เขาต้องคอยจัดการมากนัก ตั้งแต่ที่ซินเสวียนมาอยู่ในจักรวาลจีโน เธอก็รับหน้าที่คอยดูแลสเปชการ์เด้นในช่วงที่เขาไม่อยู่ และเธอก็ทำงานได้เป็นอย่างดี มันทำให้คนที่เป็นผู้นำอย่างหานเซิ่นรู้สึกอับอายไปเลย


 


“น่าเสียดายถึงแม้หนิงเยวี่ยจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟแล้ว แต่เขาก็ยังกำจัดผลกระทบของดาบสีเขียวที่มีต่อเขาไม่ได้ ดาบสีเขียวเล่มน้อยนั้นทรงพลังกว่าที่เราคิดเอาไว้” หานเซิ่นหวังว่าหนิงเยวี่ยจะหายเป็นปกติโดยเร็วเพราะเขาจะมีประโยชน์อย่างมาก


 


หานเซิ่นส่งหลิงเอ๋อกลับไปที่สหพันธ์ โรงเรียนของเธอใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ดังนั้นเธอจำเป็นต้องกลับไปเพื่อเรียนหนังสือ เธอไม่สามารถอยู่ในจักรวาลจีโนต่อ


 


ถึงแม้ร่างกายของหลิงเอ๋อจะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของจักรวาลจีโนได้ดีกว่าสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ แต่หานเซิ่นก็ยังอยากให้เธอมีชีวิตวัยเด็กที่สงบสุขในสหพันธ์


 


หานเซิ่นเก็บข้าวของที่จำเป็นและเตรียมตัวจะไปที่ระบบจักรวาลร้าง แต่ทันใดนั้นจู่ๆเขาก็รู้สึกว่าตัวเองหนักขึ้นมา เป่าเอ๋อขึ้นมาเกาะที่คอของเขาและพูด


“พ่อ สเปชการ์เด้นมันน่าเบื่อ! เป่าเอ๋อต้องการจะไปกับพ่อ”


 


“ครั้งนี้มันอันตรายเกินไป หนูควรรออยู่ที่นี่ ครั้งหน้าพ่อจะพาหนูไปด้วย”


ถึงแม้เป่าเอ๋อจะเป็นเด็กพิเศษ แต่ระบบจักรวาลร้างก็อันตรายเกินไป หานเซิ่นไม่คิดจะพาเธอไปด้วย


 


“ไม่เอา! เป่าเอ๋อต้องการจะไปตอนนี้” เป่าเอ๋อใช้มือของเธอจับคอของหานเซิ่นเอาไว้แน่น เธอปฏิเสธจะปล่อยเขาไป และไม่ว่าหานเซิ่นจะพูดยังไง เขาก็ไม่สามารถโน้มน้าวเธอได้ เธอต้องการจะไปกับเขาให้ได้


 


หานเซิ่นรู้สึกผิด ดังนั้นเขาจึงตกลงจะพาเป่าเอ๋อไปด้วย


“ก็ได้ แต่หนูต้องเป็นเด็กดี หนูห้ามออกห่างไปจากพ่อ”


 


ตัวเป่าเอ๋อนั้นไม่ได้อ่อนแอ และหานเซิ่นก็ค่อนข้างมั่นใจในความสามารถของตัวเอง ถึงแม้เขาจะไม่สามารถสู้กับศัตรูได้จริงๆ เขาก็สามารถพาเป่าเอ๋อหนีไปได้


 


“หนูรักพ่อที่สุด” เป่าเอ๋อกระโดดกอดหานเซิ่นอย่างร่าเริงและหอมแก้มของเขา


 


หานเซิ่นลูบหัวของเป่าเอ๋ออย่างจำใจ เขาไม่สามารถขัดใจเธอได้


 


มันมีหลายหนทางที่จะเข้าไปในระบบจักรวาลร้าง หนทางที่ตรงที่สุดก็คือการใช้ลูกบาศก์สี่แกะ เพราะมันจะทำให้หานเซิ่นสามารถเข้าไปในระบบจักรวาลร้างได้ในทันที ไม่อย่างนั้นเขาก็ไปเปิดประตูสู่จักรวาลร้างจากในสหพันธ์


 


หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมันอยู่สักพักและตัดสินใจจะเข้าไปในระบบจักรวาลร้างด้วยการเดินทางผ่านอวกาศของจักรวาลจีโน


 


หานเซิ่นอ่านข้อมูลเกี่ยวกับระบบจักรวาลร้างไปมากมาย แต่เขาก็ไม่พบข้อมูลอะไรที่มีประโยชน์ ข้อมูลส่วนใหญ่ที่เขาเห็นเป็นแค่การคาดเดาจากตำนานที่เก่าแก่เท่านั้น


 


แต่นั่นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะยอดฝีมือระดับเทพเจ้าธรรมดาที่เข้าไปในระบบจักรวาลร้างนั้นแทบไม่ใครรอดชีวิตกลับออกมา ผู้คนที่กล้าจะเข้าไปนั้นมักจะเป็นยอดฝีมือขั้นบัตเตอร์ฟลายหรือสูงกว่า คนแบบนั้นมักจะไม่มาโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาภายในระบบจักรวาลร้างลงบนอินเตอร์เน็ต ข้อมูลเหล่านั้นมักจะถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด


 


บนอวกาศ หานเซิ่นเห็นเครื่องจักรขนาดยักษ์ที่ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควัน มันเหมือนกับว่ามีหิมะตกในอวกาศที่กว้างใหญ่ และทำให้ดวงดาวต่างจมอยู่ใต้หิมะ


 


แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่หิมะจะตกในอวกาศ สิ่งที่ปกคลุมดาวเคราะห์น้อยและเหล่าเครื่องจักรนั้นต้องเป็นอะไรอย่างอื่น แต่หานเซิ่นไม่รู้ว่าพวกมันคืออะไร พวกมันดูเหมือนกับเถ้าของภูเขาไฟ


 


นี่คือชายแดนของระบบจักรวาลร้าง ถึงแม้เขาจะเพิ่งเข้ามาในระบบจักรวาลร้าง มันก็ให้ความรู้สึกอ้างว้างมากๆ มันทำให้ผู้คนใจคอไม่ค่อยดี


 


ซากของยานรบที่พังทลายกับดาวเคราะห์น้อยมักจะชนกันเป็นครั้งคราว ชิ้นส่วนของยานรบและดาวเคราะห์น้อยปกคลุมด้วยฝุ่นควันสีเทา หลังจากที่ชนกัน บางส่วนของพวกมันก็เผยออกมาให้เห็น


 


“ตอนนี้พวกเราอยู่ห่างจากอีสท์โฮลี่การ์เด้นแค่ไหนกัน”


หานเซิ่นเคยไปที่อีสท์โฮลี่การ์เด้นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้เส้นทางในการเข้ามาสู่จักรวาลร้างของเขานั้นต่างออกไป เขาไม่เคยมาที่นี่มาก่อน


 


“พ่อ นั่นคืออะไร?” เป่าเอ๋อที่นั่งอยู่บนไหล่ของหานเซิ่น เธอชี้ออกไปยังยานอวกาศที่พังทลาย


 


หานเซิ่นมองยังตำแหน่งที่เป่าเอ๋อชี้ออกไป และเขาก็เห็นยานอวกาศที่ชนเข้ากับอุกกาบาต ฝุ่นควันสีเทาที่ปกคลุมพวกมันเริ่มจะถล่มลงมาราวกับหิมะ


 


มันเป็นยานรบที่มีรูปร่างเหมือนกับซีกหนึ่งของวงกลม หลายส่วนของยานนั้นพังทลาย มันดูเหมือนกับแอปเปิลที่ถูกกัดครั้ง


 


เนื่องจากฝุ่นควันหลุดออกไป พวกเขาจึงเห็นจุดที่พังทลายของยาน มันมีแสงสีส้มเล็ดลอดออกมา แสงสีส้นนั้นเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เป่าเอ๋อสังเกตเห็นมัน


 


หานเซิ่นบินเข้าไปหายานอวกาศอย่างระมัดระวัง เขาใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนสแกนยานรบอย่างละเอียด แต่เขาไม่พบซีโน่เจเนอิคที่อาจจะซ่อนตัวอยู่ภายใน


 


โชคดีที่ความกังวลของหานเซิ่นไม่เป็นจริงขึ้นมา เขาไม่สามารถสัมผัสถึงซีโน่เจเนอิคได้ เขาจึงเข้าไปในยานรบจากส่วนที่พังทลาย


 


ภายในยาวรบนั้นดูยุ่งเหยิง เครื่องมือและสายไฟได้รับความเสียหายทั้งหมด ส่วนใหญ่ในยานนั้นถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควันสีเทา


 


แสงสีส้มที่ริบหรี่นั้นมาจากมุมหนึ่งของยาน หานเซิ่นโบกมือเพื่อปัดเป่าสิ่งที่ละเกะละกะอยู่ให้พ้นทาง สิ่งที่เรืองแสงอยู่นั้นเป็นตุ๊กตาที่น่ารักมากๆ


 


ตุ๊กตานั้นมีใบหน้าของเด็กผู้หญิง เธอมีผมสีดำและดวงตาที่กลมโต เธอสวมใส่ชุดที่สวยงาม แต่ว่ามันปกคลุมไปด้วยฝุ่น ด้วยเหตุนั้นมันจึงดูเก่ามากๆ


 


จุดที่ปล่อยแสงสีส้มออกมานั้นคือบริเวณอกของตุ๊กตา คอของตุ๊กตามีสร้อยคออยู่ ที่เรืองแสงขึ้นมานั้นเป็นอัญมณีสีส้ม มันเป็นอัญมณีที่ริบหรี่เหมือนกับแสงของโคมไฟ


 


หานเซิ่นหยิบตุ๊กตาเด็กผู้หญิงกับสร้อยคอขึ้นมา ฝุ่นควันสีเทาหลุดออกและฟุ้งไปทั่ว

 

 

 


ตอนที่ 2914 ล่องลอยไปตามทาง

 

ในตอนที่ฝุ่นหลุดออกไปจนหมด ตุ๊กตาก็ดูค่อนข้างสะอาด อัญมณีที่สร้อยคอก็ดูสว่างไสวยิ่งกว่าเดิม


 


หานเซิ่นได้ยินตุ๊กตาทำเสียงประหลาด มันเหมือนกับเสียงนาฬิกา อัญมณีบนสร้อยคอหยุดริบหรี่และส่องสว่างอย่างเต็มที่


 


“กำลังสแกน…กำลังสแกน…” จู่ๆตุ๊กตาก็พูดขึ้นมา มันพูดคำเดิมซ้ำๆ


 


“ตุ๊กตานี่เป็นเครื่องจักรหรอเนี่ย? ว่าแต่มันกำลังสแกนอะไรอยู่”


หานเซิ่นและเป่าเอ๋อรู้สึกอยากรู้อยากเห็น ตาของทั้งคู่จ้องมองไปที่ตุ๊กตา


 


“สแกนเสร็จสมบูรณ์… ฐานข้อมูลเสียหาย… ไม่สามารถระบุตัวตนได้… ไม่สามารถเปิดระบบข้อมูล… ระบบขาดพลังงาน… เข้าสู่สลีปโหมด… นับถอยหลังสู่สลีปโหมด… สิบ… เก้า…” ตุ๊กตาพูดออกมา


 


ในตอนที่การนับถอยหลังสิ้นสุด สร้อยคอของตุ๊กตาก็หยุดริบหรี่และตุ๊กตาก็หยุดพูดไป


 


“ตุ๊กตานี่น่าสนใจ” เป่าเอ๋อมองไปที่ตุ๊กตาด้วยความอยากรู้อยากเห็น


 


หานเซิ่นตรวจเช็คมันอีกสักพัก แต่เขาไม่พบอาวุธหรือเครื่องมืออะไรบนตุ๊กตา เมื่อเห็นว่ามันปลอดภัย เขาก็ส่งตุ๊กตาไปให้กับเป่าเอ๋อ


 


เป่าเอ๋อรับตุ๊กตาไปด้วยความดีใจและเริ่มเล่นกับมัน หานเซิ่นเดินไปรอบๆซากของยานอวกาศเพื่อค้นหาว่ามันยังมีอะไรอย่างอื่นอีกไหม


 


สิ่งที่อยู่ภายในระบบจักรวาลร้างนั้นมีโอกาสจะเกี่ยวข้องกับเซเคร็ด ดังนั้นหานเซิ่นจึงต้องการจะค้นหาทุกซอกทุกมุม


 


โชคร้ายที่ยานอวกาศนั้นถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี แต่เมื่อดูจากเครื่องจักรและเครื่องมือที่ถูกทำลายไป มันก็มีโอกาสสูงที่ที่แห่งนี้จะเคยเป็นห้องทดลองมาก่อน


 


หานเซิ่นไม่พบตัวทดลองไหนบนยานอวกาศ และเขาก็ไม่พบร่างกายของผู้เสียชีวิตเช่นกัน บางทีเรื่องร้ายอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้สิ่งมีชีวิตภายในยานละทิ้งยานลำนี้และหนีออกไปจนหมด


 


“ตอนนี้เสี่ยวฮวาไปอยู่ที่ไหนกัน” หลังจากที่ออกมาจากยานรบ หานเซิ่นก็มองไปรอบๆ เขาไม่รู้ว่าควรจะไปทางไหนดี เขาเลือกบินลึกเข้าไปในระบบจักรวาลร้าง


 


ขณะที่เขากำลังบินไปข้างหน้า มันก็มีซีโน่เจเนอิคกระโดดออกมาจากซากปรักหักพัง หานเซิ่นไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของมันได้จนกระทั่งเขาได้เห็นมัน


 


ถึงอย่างนั้นปฏิกิริยาของหานเซิ่นก็ยังรวดเร็วพอ เขาเทเลพอร์ตหลบก่อนที่ซีโน่เจเนอิคจะเข้ามาถึงตัว เขาไปปรากฏตัวในอวกาศที่ไม่ไกลออกไปและมองมาที่เจ้าซีโน่เจเนอิค


 


ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นดูเหมือนกับเสือ แต่ร่างกายของมันใหญ่กว่าเสือปกติหลายเท่า ร่างกายของมันมีโลหะและฟันเฟืองอยู่บางส่วน มันดูแปลกประหลาดมากๆ


 


เสือนั้นไม่ได้พูดอะไร ดวงตาของมันเรืองแสงสีแดงออกมา มันกระโดดเข้าใส่หานเซิ่นอีกครั้ง กรงเล็บของมันเป็นเหมือนกับเหล็กคริสตัล พวกมันกึ่งโปร่งใส ขณะที่มันกระโดดเข้ามาหา หานเซิ่นเห็นว่ากรงเล็บของมันห่อหุ้มด้วยแสงแห่งเทพที่น่ากลัว


 


หานเซิ่นยกโล่เมดูซ่าส์เกซขึ้นมาป้องกันการโจมตีของเจ้าเสือ และเขาก็ใช้มืออีกข้างเป็นเหมือนกับมีดเพื่อฟันใส่หัวของมัน เขาตัดหัวของเสือขาดไปครึ่งหนึ่ง


 


เจ้าเสือยังคงไม่ตาย สมองของมันเต็มไปด้วยคริสตัลและโลหะ พวกมันกระพริบอย่างแปลกประหลาด เจ้าเสือพยายามแกว่งกรงเล็บของมันใส่หานเซิ่นอีกครั้ง


 


หานเซิ่นแกว่งฝ่ามืออีกไม่กี่ครั้งเพื่อจะตัดร่างของเสือให้เป็นขาดชิ้นๆ หลังจากนั้นเสือก็หยุดเคลื่อนไหวไป


 


“ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”


 


“เจ้าตัวนี้เป็นซีโน่เจเนอิคหรอเนี่ย คิดว่าเป็นแค่เครื่องจักรซะอีก” หานเซิ่นมองร่างกายของเสือด้วยความแปลกใจ


 


เมื่อดูจากพลังของเจ้าเสือ อย่างมากมันก็เป็นแค่ขั้นทรานส์มิวเทชั่นหรือไม่ก็ขั้นลาร์วา มันไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับหานเซิ่น


 


หานเซิ่นโยนร่างของมันเข้าไปไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตา เขาจะนำมันกลับไปที่สเปชการ์เด้น เขายังมีสัตว์เลี้ยงอีกมากที่ต้องเลี้ยงดู ดังนั้นเขาจำเป็นต้องเก็บสะสมทรัพยากรให้มากที่สุด


 


“ซีโน่เจเนอิคทุกตัวในที่แห่งนี่ดูเหมือนจะเป็นระดับเทพเจ้าทั้งหมด ถ้าคนที่เข้ามาที่นี่ไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้า มันก็จะเป็นการรนหาที่ตาย”


หานเซิ่นดีใจกับความจริงที่ว่าเขาสามารถเข้าออกจากก็อตแซงชัวรี่ได้ตามใจชอบ ถ้าเขาต้องออกมาจากจักรวาลจีโนโดยการผ่านระบบจักรวาลร้าง เขาก็คงจะไม่รอด


 


ในอดีตมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากมายเดินทางออกจากก็อตแซงชัวรี่ไปสู่ระบบจักรวาลร้าง ซึ่งพวกเขาคงจะตายภายในระบบจักรวาลร้างนี่ มันไม่มีทางที่พวกเขาจะมีชีวิตรอดในที่แห่งนี้ได้


 


ในอดีตหานเซิ่นได้เห็นสุสานแห่งหนึ่งในก็อตแซงชัวรี่ มันมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากมายที่ตายและทิ้งอาวุธจีโนเอาไว้เบื้องหลัง เนื่องจากความคล้ายคลึงทางสายเลือด โกลเด้นโกรวเลอร์กับนางฟ้าจึงได้รับอาวุธจีโนของพวกเขามาจากที่นั่น


 


หานเซิ่นคิดว่าสิ่งมีชีวิตที่นั่นทั้งหมดอาจจะตายจากการพยายามออกมาจากก็อตแซงชัวรี่


 


แต่หลังจากที่มาคิดดูดีๆ หานเซิ่นไม่คิดว่านั่นถูกต้อง ถ้าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นออกมาจาก็อตแซงชัวรี่และมาเจอกับซีโน่เจเนอิคของระบบจักรวาลร้าง แบบนั้นพวกเขาจะกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ได้ยังไง?


 


“ถึงแม้พวกเขาจะหนีไปได้จริงๆ พวกเขาก็สร้างอาวุธจีโนของตัวเองขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่าพวกเขาจะถูกเตะออกไปจากก็อตแซงชัวรี่” หานเซิ่นรู้สึกสับสน


 


ขณะที่หานเซิ่นบินต่อไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา


“ออกนอกเส้นทาง ออกนอกเส้นทาง”


 


มันดังมาจากตุ๊กตาที่เป่าเอ๋อกำลังถืออยู่ สร้อยคอของมันกำลังกระพริบแสงสีส้ม แสงสีส้มนั้นอ่อนลงไปเรื่อยๆราวกับตุ๊กตาไฟฟ้าที่แบตเตอรี่กำลังจะหมด


 


หานเซิ่นแปลกใจ เขารีบเอาตุ๊กตามาจากเป่าเอ๋อและพยายามเปลี่ยนเส้นทางไปทางอื่น


 


ตุ๊กตาผ้าส่งเสียงเตือนว่าหานเซิ่นกำลังบินออกนอกเส้นทางซ้ำๆ แต่เสียงของมันเบาลงไปเรื่อยๆ และแสงสีส้มจากสร้อยคอก็อ่อนลงไปเช่นกัน ดูเหมือนกับว่าพลังงานของมันพร้อมจะหมดลงได้ทุกเมื่อ


 


หานเซิ่นพยายามเปลี่ยนเส้นทางหลายครั้ง และในที่สุดตุ๊กตาก็หยุดส่งเสียงไป แสงสีส้มบนสร้อยคอก็ดับไปเช่นกัน


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่านั่นเป็นเพราะเขากำลังบินไปในทิศทางที่ถูกต้อง หรือเป็นเพราะว่าพลังงานของตุ๊กตาหมดลงแล้ว หลังจากที่คิดได้แบบนั้น หานเซิ่นก็ลองเปลี่ยนเส้นทางดู แต่ตุ๊กตานั้นไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ดูเหมือนว่าพลังงานของมันจะหมดแล้วจริงๆ


 


“ไม่รู้ว่าตุ๊กตานี่มีต้นกำเนิดจากไหนและไม่รู้ว่าเส้นทางที่มันพาไปจะนำไปสู่ที่ไหนกันแน่? แต่ในเมื่อเราไม่มีเส้นทางอื่นให้ไป เราก็ควรลองเสี่ยงดวงกับมันดู”


หานเซิ่นส่งตุ๊กตาคืนให้กับเป่าเอ๋อ หลังจากนั้นเขาก็เทเลพอร์ตไปในทิศทางที่เสียงของตุ๊กตาหยุดไป


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าเส้นทางที่เขาเลือกนั้นถูกต้องหรือเปล่า เขาบินต่อไปเป็นเวลานาน และเขาก็ไม่พบกับซีโน่เจเนอิคเลยสักตัว ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเขากำลังอยู่ในระบบจักรวาลร้าง


 


หานเซิ่นไม่ได้เทเลพอร์ตต่อไปเรื่อยๆ เขาเปลี่ยนไปบินอย่างช้าเพื่อจะมองไปรอบๆ ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เห็นร่องรอยจากการต่อสู้


 


ถึงแม้ออร่าจะถูกลบออกไป แต่สิ่งที่ถูกทำลายและฝุ่นควันที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ก็ยังคงไม่กลับเข้าที่

 

 

 


ตอนที่ 2915 ดาบก็อตพันนิชเมนต์

 

‘ดูเหมือนว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอื่นเพิ่งผ่านมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้ ไม่อย่างนั้นถึงแม้ซีโน่เจเนอิคจะถูกเคลียร์ออกไป มันก็จะมีซีโน่เจเนอิคมาเพิ่มอีก’ หานเซิ่นคิด


 


การจะมาที่ระบบจักรวาลร้างและฆ่าซีโน่เจเนอิคที่ขวางทางนั้นไม่ใช่สิ่งที่ระดับเทพเจ้าทั่วๆไปจะทำได้


 


“สิ่งมีชีวิตที่เก็บกวาดซีโน่เจเนอิคแถวนี้ต้องเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตที่แข็งแกร่งไม่ผิดแน่” หานเซิ่นมองไปรอบๆขณะที่บินต่อไปข้างหน้า


 


ถ้ามันมีสิ่งมีชีวิตอื่นมาที่นี่ นั่นก็หมายความว่าหานเซิ่นมาถูกทางแล้ว ถึงแม้เขาไม่รู้ว่าจะได้เจอเสี่ยวฮวาหรือเปล่า แต่เขาก็รู้ว่าต้องพบอะไรบางอย่าง


 


ฝุ่นควันสีเทากระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งอวกาศดูเหมือนกับว่ากำลังมีหิมะตก มันเป็นภาพที่แปลกประหลาดมากๆ


 


หลังจากที่บินไปได้สักพัก ดาวขนาดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเซิ่น ดาวดวงนั้นใหญ่เป็นสามเท่าของดาวลูก้า แต่มีดาบใหญ่เล่มหนึ่งตัดผ่านดวงดวงไปครึ่งหนึ่ง ดาบเล่มนั้นใหญ่ขนาดที่ผู้คนไม่สามารถจินตนาการถึงความใหญ่มันได้ มันเหมือนกับมีดผลไม้ตัดผ่านครึ่งหนึ่งของลูกแอปเปิล


 


“เป็นดาบที่ใหญ่อะไรขนาดนี้ สิ่งมีชีวิตแบบไหนกันที่ใช้มัน ทำไมดาบนี่ถึงได้ตัดผ่านดวงดาว? และทำไมดาวดวงถึงไม่ระเบิด?” หานเซิ่นมองไปที่ดวงดาวและดาบด้วยความสงสัย


 


เนื่องจากพื้นผิวของดวงดาวและดาบนั้นถูกปกคลุมด้วยฝุ่นหนา หานเซิ่นจึงเห็นเพียงแค่รูปร่างของมันเท่านั้น เขาไม่สามารถบอกถึงรายละเอียดอะไรได้


 


หานเซิ่นใช้ออร่าตงเสวียนเพื่อจะสแกนดวงดาวและดาบ เขารู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่ามันไม่ใช่ดวงดาวธรรมดาทั่วไป มันเป็นดวงดาวที่ถูกสร้างขึ้นด้วยมือคน โครงสร้างภายในของมันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยมือคนทั้งหมด ไม่แปลกใจเลยที่ถึงแม้จะมีดาบเล่มหนึ่งตัดผ่านครึ่งหนึ่งของดวงดาว ดวงดาวก็ไม่ระเบิด


 


หานเซิ่นบินไปตรงหน้าดาบเล่มใหญ่และสะบัดมือปัดฝุ่นสีเทาที่ปกคลุมผิวดาบ ในตอนที่ฝุ่นสีเทาหลุดออกไป รูปลักษณ์ที่แท้จริงของดาบก็เผยออกมาให้เห็น


 


น่าประหลาดใจดาบใหญ่นั้นเป็นดาบหิน มันดูเหมือนกับหินแกรนิต หานเซิ่นเอื้อมมือออกไปสัมผัสดาบและสังเกตได้ว่าเนื้อของดาบนั้นแข็งมากๆ เขาไม่สามารถทำลายเนื้อหินของดาบได้ เขาทำได้แค่ทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้ ซึ่งเมื่อเทียบกับขนาดของดาบแล้ว มันดูเล็กกระจิดริด


 


“เนื้อของดาบเล่มนี้ดูเหมือนจะเป็นหินจริงๆ แต่หินนี่จะไม่แข็งเกินไปหน่อยหรอ”


หานเซิ่นมองไปที่ดาบเล่มใหญ่ด้วยความแปลกใจ เขาพยายามจะดึงดาบออกมา แต่มันหนักมากๆ ด้วยพลังของเขาในตอนนี้เขาไม่สามารถดึงมันออกมาได้


 


‘ไม่แปลกใจเลยที่มันยังติดอยู่ที่นี่ ไม่มีใครจะเคลื่อยย้ายมันไปได้’


หานเซิ่นมองไปที่ดาบเล่มใหญ่และคิด ‘ดาบเล่มนี้คงจะถูกทิ้งไว้จากการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ทำให้เซเคร็ดล่มสลาย แต่สิ่งมีชีวิตที่ทิ้งมันเอาไว้เบื้องหลังเป็นคนของเซเคร็ดหรือว่าเป็นศัตรูกันแน่?’


 


ในตอนที่หานเซิ่นเตรียมตัวจะเดินทางต่อ จู่ๆเขาก็ขมวดคิ้ว เขาเทเลพอร์ตไปซ่อนตัวอยู่บนดวงดาว


 


หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เห็นการเคลื่อนไหวในอวกาศ มันมีคนห้าคนฉีกมิติของอวกาศออกมา พวกเขาเข้ามาหาดาบเล่มใหญ่


 


หานเซิ่นมองไปที่ผู้คนเหล่านั้นและสังเกตเห็นว่าผู้นำของคนที่มาก็คือราชครูกู่เยวียนจากเอ็กซ์ตรีมคิง


“ราชครูกู่เยวียน ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?”


 


หานเซิ่นไม่รู้จักคนอื่นที่มากับราชครูกู่เยวียน แต่เมื่อดูจากออร่าของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็คงจะเป็นระดับเทพเจ้าขั้นสูงกันทุกคน


 


“เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงมียอดฝีมืออยู่เยอะจริงๆ เราไม่เคยเห็นคนพวกนี้มาก่อน แต่พวกเขาเป็นถึงขั้นบัตเตอร์ฟลาย ทำไมพวกเขาถึงติดตามราชครูกู่เยวียนเข้ามาในระบบจักรวาลร้าง พวกเขากำลังทำอะไรอยู่? เป็นพวกเขางั้นหรอที่เก็บกวาดซีโน่เจเนอิคแถวๆนี้ไปจนหมด?” หานเซิ่นรู้สึกสับสน


 


เมื่อมองดูดีๆ หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้มาเพื่อดาบเล่มใหญ่ ดูเหมือนว่าพวกเขาแค่หยุดพูดคุยกันชั่วคราวเท่านั้น พวกเขาจะกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันกับหานเซิ่น


 


เอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าคนหนึ่งมองไปที่ดาบเล่มใหญ่และถาม


“ท่านราชครู นี่คือดาบก็อตพันนิชเมนต์ในตำนานใช่ไหม?”


 


ราชครูกู่เยวียนมองไปที่ดาบเล่มใหญ่และพูด “ใช่ นี่คือดาบก็อตพันนิชเมนต์ มันเป็นอาวุธที่ถูกใช้โดยพระเจ้า น่าเสียดายที่มันเป็นของพระเจ้า มันจึงไม่มีประโยชน์อะไรกับเซเคร็ด ถึงแม้เซเคร็ดจะล่มสลายไป แต่พระเจ้าหลายคนก็ถูกฆ่าตายที่นี่ ใครก็ตามที่เป็นเจ้าของดาบก็อตพันนิชเมนต์นั้นถูกฆ่าตายไปในการต่อสู้กับเซเคร็ด ตั้งแต่นั้นมามันก็ไม่มีใครเคลื่อนย้ายดาบได้ ดาบพันนิชเมนต์อยู่ที่นี่มาเป็นเวลามากกว่าล้านปี”


 


“ตำนานบอกว่านอกจากเทพสปิริตแล้ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนจะเคลื่อนย้ายดาบเล่มนี้ได้ นั่นเป็นความจริงอย่างนั้นหรอ?” เอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าพูด


 


“ถ้าสิ่งมีชีวิตอื่นที่เคลื่อนย้ายมันได้ ดาบนี่คงจะไม่อยู่ที่นี่มาจนถึงทุกวันนี้”


ราชครูกู่เยวียนหยุดไปชั่วครู่และพูดต่อ “ฝุ่นบนผิวดาบถูกปัดออกไป ดูเหมือนว่าไม่นานมานี้จะมียอดฝีมือคนอื่นมาที่นี่ก่อนหน้าพวกเรา”


 


หานเซิ่นคิด ‘เขาสังเกตดาบเล่มใหญ่ แต่เขาไม่ได้สนใจดาบ เขากำลังมองหาร่องรอยที่เราทิ้งเอาไว้ โชคดีที่เราใช้ออร่าตงเสวียนเพื่อลบหลักฐานทุกอย่างออกไป มันควรจะเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจจับร่องรอยของเรา’


 


“เป็นไปได้ไหมที่จะเป็นผู้นำปราสาทนภา?” เอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าคนหนึ่งพูดขึ้นมา


 


“ข้าไม่คิดแบบนั้น” ราชครูกู่เยวียนส่ายหัวของเขา เขามองไปที่ข้างหน้าและพูด


“ไปกันเถอะ พวกเราจะปล่อยให้คนอื่นตัดหน้าพวกเราไม่ได้”


 


หลังจากที่ราชครูกู่เยวียนและคนอื่นไปแล้ว หานเซิ่นก็ออกมาจากดวงดาว


 


“ผู้นำปราสาทนภา? นั่นคือคนที่เราเคยพบในประตูของก็อตแซงชัวรี่อย่างนั้นหรอ? คนของเอ็กซ์ตรีมคิงและปราสาทนภาอยู่ที่นี่ พวกเขามาที่นี่เพื่ออะไรกัน?” หานเซิ่นอยากรู้


 


ทันใดนั้นจู่ๆหานเซิ่นก็ขมวดคิ้ว เขามองไปที่ความว่างเปล่าและพูด


“ถ้าราชครูอยู่ที่นี่ ทำไมยังเสียเวลาซ่อนตัวอยู่อีก?”


 


“ข้าสังเกตว่าเจ้าซ่อนตัวจากข้า ข้าจึงคิดไปว่าเจ้านั้นไม่ต้องการพบกับข้า ด้วยเหตุนั้นข้าจึงไม่ได้ออกมาให้เจ้าเห็น”


ในอวกาศที่ว่างเปล่า ร่างกายของราชครูกู่เยวียนค่อยๆปรากฏออกมาให้เห็น


 


“ราชครูช่างเป็นคนที่คิดถึงจิตใจผู้อื่น ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อน” หานเซิ่นหันกลับและเตรียมตัวจะจากไป


 


“ก็อดฟาเธอร์หานได้โปรดรอก่อน” ราชครูกู่เยวียนพูด


“ในเมื่อเจ้ามาอยู่ที่นี่ภายในระบบจักรวาลร้าง เจ้าก็คงจะต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง บอกข้าได้ไหมว่าทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?”


 


ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าอีกสี่คนก็บินกลับมา พวกเขาจดจำหานเซิ่นได้และดูแปลกใจที่ได้เห็นหานเซิ่นที่นี่


 


หานเซิ่นที่พวกเขารู้จักคือก็อดฟาเธอร์หาน ผู้จุดดวงตะเกียงของคริสตัลไลเซอร์และฆ่าผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ มันไม่ใช่หานเซิ่นที่ปลอมตัวเป็นองค์ชายของเอ็กซ์ตรีมคิง


 


ส่วนเรื่องที่หานเซิ่นเคยปลอมตัวเป็นองค์ชายของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นถึงแม้พวกเขาจะเคยได้ยินมาก่อน แต่พวกเขาไม่ได้สนใจอะไรมันมากนัก


 


ในตอนแรกพวกเขาจะเข้าไปล้อมหานเซิ่นเอาไว้ แต่เมื่อพวกเขารู้ว่าหานเซิ่นเป็นใคร พวกเขาก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา


 


ถ้าเป็นระดับเทพเจ้าคนอื่นๆ ถึงแม้คนๆนั้นจะเป็นยอดฝีมือขั้นทรูก็อต พวกเขาก็จะไม่หวาดกลัวด้วยการที่ราชครูอยู่ที่นี่ด้วย


 


แต่พวกเขารู้ว่าในระหว่างการต่อสู้เพื่อจุดตะเกียงเผ่าพันธุ์ หานเซิ่นได้เปลี่ยนเบิร์นนิ่งแลมป์ให้กลายเป็นสามัญชน ภาพนั้นเป็นอะไรที่น่าตกใจเกินไป ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงเกรงกลัวหานเซิ่น พวกเขาฝึกฝนอย่างยากลำบากกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ พวกเขาไม่ต้องการจะกลับไปเป็นสามัญชนอีกครั้ง

 

 

 


ตอนที่ 2916 ศัตรูที่น่ากลัว

 

“มันเกี่ยวข้องอะไรกับราชครูด้วยว่าข้าจะไปที่ไหน?” หานเซิ่นถาม


 


ราชครูกู่เยวียนไม่โกรธ เขายิ้มและพูด “เจ้าเข้าใจข้าผิด ข้าแค่จะถามเจ้าว่าเป้าหมายของพวกเรานั้นเหมือนกันหรือไม่?”


 


“ถ้าเหมือนกันแล้วจะทำไม? ราชครูจะฆ่าข้าอย่างนั้นหรอ?”


หานเซิ่นทำเป็นโมโห แต่เขาไม่ได้โมโหจริงๆ เขาแค่อยากดูว่าราชครูกู่เยวียนและคนของเขาจะยอมพูดมากแค่ไหน


 


“ถ้าจุดประสงค์ของพวกเราเหมือนกัน ทำไมพวกเราไม่มาร่วมมือกัน? พวกเราจะได้ลดความเสี่ยงลง เจ้าคิดว่ายังไง?”


ราชครูกู่เยวียนดูเหมือนกับคนที่ไม่เคยโกรธใครมาก่อน เขาพูดด้วยเสียงเบาอยู่เสมอ


 


“ร่วมมือกัน? พวกเราจะร่วมมือกันยังไง?”


หานเซิ่นแปลกใจ แต่นี่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับเขา เขาไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่ ถ้าเขาได้ข้อมูลจากราชครูกู่เยวียนและคนอื่นๆ มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างมาก


 


“มันก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ที่เจ้ามาที่นี่” ราชครูกู่เยวียนยิ้ม


 


‘ราชครูกู่เยวียนเป็นจิ้งจอกเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์’ หานเซิ่นรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาข้อมูลจากอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงหันไปในทิศทางที่ต้องการจะไปและพูด


“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าราชครูมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ยอมพูด ข้าคิดว่าพวกเราควรจะแยกทางกันไป”


 


หลังจากที่พูดแบบนั้นหานเซิ่นก็เริ่มบินออกไปในทิศทางที่เขาต้องการ


 


ราชครูกู่เยวียนไม่ได้หยุดหานเซิ่นเอาไว้ เขาแค่ตามหานเซิ่นไปและพูด


“ถ้าพวกเรามีเส้นทางเดียวกัน อย่างน้อยพวกเราก็ควรไปด้วยกัน แบบนั้นพวกเราจะได้ดูแลกันและกัน ถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับพวกเรา บางทีพวกเราอาจจะร่วมมือกันได้”


 


“ข้าไม่ได้เป็นเจ้าของเส้นทางนี้ ถ้าราชครูต้องการจะไป นั่นก็ขึ้นอยู่กับราชครู” หานเซิ่นพาเป่าเอ๋อบินต่อไปเรื่อยๆโดยเมินเฉยต่อราชครูกู่เยวียนและคนอื่นๆ


 


ราชครูกู่เยวียนและเอ็กซ์ตรีมคิงอีกสี่คนตามหานเซิ่นไปจากด้านหลัง ราชครูกู่เยวียนนั้นเป็นคนที่ไม่เหมือนใคร ถึงแม้เอ็กซ์ตรีมคิงและหานเซิ่นจะบาดหมางกัน แต่เขาก็พูดกับหานเซิ่นเหมือนกับเป็นมิตรสหายคนหนึ่ง


 


มันไม่ใช่ว่าหานเซิ่นชอบที่จะพูดคุยกับเขา แต่ราชครูกู่เยวียนเป็นคนที่ฉลาดมากๆและเขารู้วิธีที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ขณะที่หานเซิ่นพูดกับราชครูกู่เยวียน มันเหมือนกับว่าเขากำลังพูดกับเพื่อนเก่า มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจแต่อย่างใด


 


สิ่งที่เขาพูดรวมถึงวิธีการพูดของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกสนใจ ในตอนที่เขาพูดแม้แต่เรื่องที่ธรรมดาๆก็กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจขึ้นมา มันเหมือนกับว่าคำพูดของเขามีมนต์สะกด


 


ในระหว่างการเดินทาง ราชครูกู่เยวียนแนะนำหานเซิ่นเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้พบเจอ หานเซิ่นและเป่าเอ๋อพบว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ หานเซิ่นไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับราชครูกู่เยวียนได้ บรรยากาศนั้นเป็นอะไรที่น่ารื่นรมย์ มันเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนที่กำลังไปเที่ยวด้วยกัน


 


แต่เมื่อหานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมัน สิ่งที่ราชครูกู่เยวียนพูดขึ้นมานั้นไม่ได้ช่วยเขาเลยแม้แต่นิดเดียว หานเซิ่นรู้สึกนับถือในเรื่องนั้น


 


ยิ่งคนๆหนึ่งพูดมากเท่าไหร่ มันก็เสี่ยงที่จะเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ควรออกไป แต่ถึงราชครูกู่เยวียนจะพูดอย่างไม่หยุดเป็นเวลานาน เขาก็ไม่เคยหลุดพูดข้อมูลสำคัญอะไรออกมา และเขาก็ไม่ได้พยายามล้วงข้อมูลจากหานเซิ่นเช่นกัน มันทำให้ผู้ฟังรู้สึกสบายใจที่เขาไม่ถามซอกแซก นั่นเป็นบางสิ่งที่ผู้คนปกติไม่สามารถทำได้


 


“ราชครูกู่เยวียนคนนี้เป็นบุคคลที่พิเศษมากๆ” ตอนนี้หานเซิ่นระวังตัวยิ่งกว่าเดิม


 


การมีศัตรูนั้นไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไร สิ่งที่น่ากลัวคือการที่ศัตรูคนหนึ่งมายืนอยู่ตรงหน้า แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกสบายใจ ถึงแม้อีกฝ่ายจะทำให้รู้อย่างชัดเจนว่าเขาเป็นศัตรู ศัตรูแบบนั้นคือศัตรูที่น่ากลัวที่สุด


 


กลุ่มของพวกเขาบินต่อไปเป็นเวลาสิบวัน หานเซิ่นได้ความรู้เกี่ยวกับจักรวาลมากมายจากราชครูกู่เยวียน เขาได้รู้เกี่ยวกับตำนานของเซเคร็ดและยังตำนานอื่นอีกมากมาย


 


ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เห็นว่าบริเวณนี้ดูเหมือนกับสถานที่ฝังกลบขยะ มันมีขยะมากมายนับไม่ถ้วนลอยเกลื่อนเต็มไปหมด มันเหมือนกับทะเลขยะที่ไม่มีที่สิ้นสุด


 


ขณะที่มองออกไปที่ขยะ ราชครูกู่เยวียนก็พูดขึ้นว่า “ที่นี่ใกล้กับบริเวณที่เมื่อก่อนเคยเป็นศูนย์กลางของเซเคร็ด ถ้าพวกเรายังมุ่งหน้าไปทางนี้ต่อ กาลเวลาและอวกาศจะเริ่มยุ่งเหยิง พลังงานต่างๆจะไหลเวียนอย่างอลหม่าน แม้แต่ยอดฝีมือขั้นทรูก็อตก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันภายในสถานที่แห่งนี้ แถมซีโน่เจเนอิคที่อยู่ที่นี่ทุกตัวต่างก็เป็นระดับท็อป ถ้าเจ้าจะเดินหน้าต่อไป เจ้าก็ควรระวังเอาไว้ให้มาก นอกจากนั้นเจ้ายังพาเด็กมาด้วย เจ้ายิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ”


 


“จนถึงตอนนี้พวกเรายังไม่เจอซีโน่เจเนอิคเลยสักตัว ดูเหมือนว่าระบบจักรวาลร้างนี่จะไม่ได้น่ากลัวเหมือนอย่างที่ตำนานกล่าวขานเอาไว้” หานเซิ่นแกล้งพูดอย่างหยิ่งผยอง


 


ราชครูกู่เยวียนพูดเตือนด้วยสีหน้าที่จริงจิง


“ได้โปรดอย่าประมาท เหตุผลที่พวกเราเดินทางมาถึงที่นี่ได้อย่างปลอดภัย นั่นก็เพราะมันมียอดฝีมือมาที่นี่ก่อนหน้าพวกเรา เขาเก็บกวาดอันตรายที่อยู่ที่นี่ไปจนหมดแล้ว แต่หนทางข้างหน้านั้นต่างออกไป แม้แต่ยอดฝีมือขั้นทรูก็อตก็กำจัดอันตรายที่อยู่ข้างหน้าทั้งหมดไม่ได้”


 


“โอ้ มันเป็นแบบนั้นเองหรอ? ราชครูรู้ไหมว่ายอดฝีมือที่มาถึงที่นี่ก่อนพวกเราคือใครกัน?” หานเซิ่นถาม


 


“ข้าไม่รู้” ราชครูกู่เยวียนส่ายหัว


“ยอดฝีมือคนนั้นจงใจลบร่องรอยออกไปจนหมด ดังนั้นถึงพวกเราจะตามรอยของยอดฝีมือคนนั้นมา พวกเราก็บอกไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร นั่นเป็นบางสิ่งที่ต้องระวังเอาไว้ ข้าหวังว่าเจ้าจะระวังเกี่ยวกับเรื่องนี้และอย่าได้นำภัยมาสู่เด็กคนนั้น”


 


“ขอบคุณราชครูที่เตือน ถ้ามันอันตรายขนาดนั้นจริง ข้าก็จะไม่ไปต่อ ข้าคิดว่าจะไปที่อื่น”


หานเซิ่นโค้งคำนับราชครูกู่เยวียน “ขอบคุณราชครูที่ดูแลพวกเรา พวกเราซาบซึ้งอย่างมาก พวกเราคงต้องแยกทางกันตรงนี้ หวังว่าพวกเราจะได้พบกันอีก”


 


หลังจากที่พูดแบบนั้น หานเซิ่นก็พาเป่าเอ๋อเดินทางไปอีกด้านของทะเลขยะ เขาเข้าใจว่าราชครูกู่เยวียนไม่ได้แค่เตือนให้เขาระมัดระวังตัว แต่พูดเป็นนัยๆว่าหนทางข้างหน้านั้นเป็นอันตรายเกินไปและคนที่ไม่เชื่อใจกันก็ไม่ควรเดินทางไปด้วยกัน


 


หานเซิ่นเข้าใจความหมายของราชครูกู่เยวียน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะแยกตัวออกมา


 


หลังจากที่หานเซิ่นไปแล้ว เอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าคนหนึ่งก็มองไปทางที่หานเซิ่นบินจากไปและถามขึ้นว่า


“ท่านราชครูคิดว่าหานเซิ่นมาที่นี่เพื่อเรื่องนั่นเหมือนกันใช่ไหม?”


 


ราชครูกู่เยวียนพูดขึ้นว่า “มันบอกได้ยาก แต่ที่ที่เขาจะไปนั้นอาจจะเป็นที่ที่พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปเช่นกัน”


 


ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าอีกคนถามขึ้นมา “ท่านราชครูคิดว่าพวกเราควรจัดการเขาก่อนเลยดีไหม?”


 


“ยังก่อน” ราชครูกู่เยวียนพูด


 


“ถ้าพวกเราไม่จัดการเขาในตอนนี้ ในตอนที่ไปถึงที่นั่น วิชาจีโนประหลาดของเขาอาจจะเป็นปัญหากับพวกเราได้” เอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าพูด


 


“นั่นไม่เป็นอะไร ถึงแม้วิชาจีโนของเขาจะประหลาด แต่ข้ามีหนทางจะทำลายพวกมัน อย่าได้กังวลไป”


หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ราชครูกู่เยวียนก็มองไปในทางที่หานเซิ่นจากไปและหลี่ตา “ไม่แน่บางทีเขาอาจจะช่วยพวกเราได้”


 


หานเซิ่นบินตามขอบทะเลขยะไปสักพัก และเขาก็ไปหยุดในตอนที่ไม่เห็นราชครูกู่เยวียนและคนอื่นๆแล้ว หลังจากนั้นเขาก็มองออกไปยังทะเลขยะที่ดูไร้ที่สิ้นสุด เขาไม่รู้เลยว่ามันกว้างใหญ่แค่ไหน


 


“พวกเราจะเข้าไปจากตรงนี้” หานเซิ่นพูดกับเป่าเอ๋อที่อยู่บนไหล่ของเขา


“เป่าเอ๋อ หนูอย่าได้ออกห่างจากพ่อเป็นอันขาด”


 


“เป่าเอ๋อเป็นเด็กดี” เป่าเอ๋อพูดพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ “หนูจะไม่ออกห่างจากพ่อ”

 

 

 


ตอนที่ 2917 ทะเลขยะ

 

หานเซิ่นขยี้แก้มของเป่าเอ๋อและหัวเราะ “นี่หนูคิดว่าพ่อไม่รู้หรือว่าในตอนที่พวกเราอยู่ใกล้กับดาบก็อตพันนิชเมนต์ หนูต้องการจะวิ่งออกไปหามันน่ะ?”


 


เป่าเอ๋อทำท่าเหมือนกับว่าเธอถูกใส่ร้ายและพูด


“หนูคิดว่าพ่อต่างหากที่สนใจดาบเล่มใหญ่นั่น หนูแค่ต้องการจะไปดึงมันออกมามอบให้กับพ่อ”


 


“หนูดึงมันออกมาได้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่เป่าเอ๋อด้วยความตกใจ


 


“หนูคิดว่าน่าจะทำได้” เป่าเอ๋อพูดพร้อมกับพยักหน้า


 


“อย่างนั้นทำไมหนูไม่ดึงมันออกมาให้กับพ่อล่ะ?” หานเซิ่นสงสัยว่าทำไมเป่าเอ๋อถึงห้ามใจตัวเองได้ นั่นไม่ใช่นิสัยของเธอ


 


“เพราะว่ามันมีพวกคนไม่ดีอยู่ใกล้ๆ” พวกคนไม่ดีที่เป่าเอ๋อพูดถึงคงจะหมายถึงราชครูกู่เยวียนกับคนอื่นๆที่เดินทางร่วมกับเขา


 


“หนูฉลาดมาก” หานเซิ่นลูบหัวของเป่าเอ๋อและพูด


“ไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อน ระหว่างทางกลับพวกเราค่อยไปดึงดาบเล่มใหญ่นั่นออกมา”


 


ตอนนี้หานเซิ่นรู้แล้วว่าทำไมเป่าเอ๋อถึงเป็นเด็กดีตลอดการเดินทาง ที่แท้ก็เป็นเพราะราชครูกู่เยวียน


 


หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในทะเลขยะ หานเซิ่นก็รู้สึกว่ารัศมีของออร่าตงเสวียนนั้นลดลงไปอย่างมาก เขาพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะสัมผัสสิ่งต่างๆรอบตัว สภาพแวดล้อมของทะเลขยะนั้นแปรปรวน หลังจากที่เข้ามาในทะเลขยะ ออร่าตงเสวียนก็สามารถสแกนรอบตัวหานเซิ่นได้แค่ระยะหนึ่งไมล์เท่านั้น


 


“ไม่แปลกใจเลยที่ราชครูกู่เยวียนไม่ต้องการจะเดินทางร่วมกับเราอีก ในที่แบบนี้ไม่มีใครต้องการจะร่วมเดินทางไปกับระเบิดเวลา” หานเซิ่นมองไปรอบๆและเริ่มเดินทางไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง


 


มันมีชิ้นส่วนของโลหะ คริสตัลและวัสดุอื่นอีกมากมายกระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง มันมีแม้กระทั่งเครื่องจักรขนาดใหญ่และสิ่งก่อสร้างที่พังทลาย หานเซิ่นไม่รู้ว่าสิ่งที่เกลื่อนกลาดอยู่พวกนี้คืออะไร


 


หลังจากที่ผ่านหอคอยหินยักษ์ที่พังทลาย หานเซิ่นมองไปข้างหน้าและเห็นวงแหวนพลังงานที่ดูเหมือนกับหลุมดำ มันกำลังเคลื่อนที่อยู่ภายในทะเลขยะ


 


หลุมดำนั้นมีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าดวงดาวที่มีดาบเล่มใหญ่ติดอยู่ซะอีก ขณะที่มันเคลื่อนผ่านไป ขยะที่อยู่รอบๆก็ถูกดูดเข้าไปข้างใน


 


ถึงแม้หานเซิ่นจะอยู่ห่างไกลจากวังวนพลังงานนั่น เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงดูดที่ทรงพลัง


 


“นั่นเป็นวังวนพลังงานที่น่ากลัวมากๆ กลัวว่าแม้แต่ยอดฝีมือขั้นทรูก็อตที่ถูกดูดเข้าไปข้างในก็คงจะหนีจากมันไม่ได้” หานเซิ่นเปลี่ยนเส้นทาง เขาไม่กล้าจะเข้าไปใกล้วังวนพลังงานนั่น


 


ภายในสถานที่แบบนี้หานเซิ่นไม่กล้าจะใช้วิชาเทเลพอร์ต เขากลัวว่าสภาพแวดล้อมที่แปรปรวนนั้นจะก่อให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้


ตูม! ตูม! ตูม!


หลังจากที่หานเซิ่นอ้อมผ่านหลุมดำไป เขาก็เห็นแสงหลากสีสันออกมาจากทะเลขยะข้างหน้า มันดูงดงามราวกับดอกไม้ไฟ


 


ทะเลขยะบริเวณนี่มีแสงหลากสีสันส่องออกมา ดูเหมือนกับมันว่ากำลังแตกกระจายออกจากกัน มันไม่ได้ถูกทำให้แตกออกเป็นสอง มันเหมือนกับว่าเครื่องจักรแต่ละชิ้นถูกทำให้แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


 


“นั่นมันบ้าอะไรกัน?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว ถึงแม้เขาจะเห็นฟันเฟืองจักรวาลเรืองแสงขึ้นมา แต่เขาไม่รู้ว่าฟันเฟืองจักรวาลเหล่านั้นคืออะไร


 


ขณะที่หานเซิ่นกำลังสงสัยอยู่นั้น เขาก็เห็นแม่น้ำดอกไม้ไหลมาจากอีกด้านของทะเลขยะ


 


มันเป็นแม่น้ำดอกไม้จริงๆ มันมีดอกไม้นานาชนิดที่มีสีสันหลากหลายกำลังเรืองแสงท่ามกลางทะเลขยะ พวกมันปกคลุมทะเลขยะและสร้างเป็นสีน้ำดอกไม้ที่กว้างกว่าสามสิบฟุต แม่น้ำดอกไม้ดูเหมือนจะทอดยาวออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด


 


ถึงแม้ดินแดนแห่งนี้จะไม่ใช่สุญญากาศ แต่มันก็ไม่ใช่ที่ที่พืชธรรมดาจะเจริญเติบโตได้ แถมฝุ่นควันสีเทายังปกคลุมทุกหนทุกแห่ง มันจึงดูผิดปกติที่ดอกไม้จะมาเติบโตขึ้นที่นี่


 


หานเซิ่นสังเกตดูดีๆ และเขาเห็นปลาทองสีแดงตัวใหญ่ที่มีหัวเป็นสิงโตกำลังว่ายอยู่ด้านหน้าสุดของแม่น้ำดอกไม้ ที่ไหนก็ตามที่มันว่ายไป แสงสีแดงจากร่างกายของมันก็จะสาดส่องออกไป และทำให้กองขยะรอบๆมีดอกไม้งอกขึ้นมา มันดูเป็นภาพที่มหัศจรรย์และงดงาม


 


“ซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาสัมผัสได้ถึงออร่าที่น่ากลัวของปลาทองตัวนั้น มีโอกาสสูงที่ปลาทองตัวนั้นจะเป็นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต


 


ปลาทองซีโน่เจเนอิคแกว่งหางและว่ายไปเรื่อยๆ ที่ไหนก็ตามที่มันว่ายผ่านไป ดอกไม้ก็จะงอกขึ้นมา ไม่สำคัญว่าขยะพวกนั้นจะเป็นโลหะหรือเป็นหิน ดอกไม้ก็จะงอกขึ้นมาตามเส้นทางที่ปลาทองตัวนั้นว่ายไป ซึ่งมันกำลังว่ายเข้ามาหาหานเซิ่น


 


“ได้จังหวะพอดี ถ้าเราฆ่าซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตตัวนี้ได้ ยีนระดับเทพเจ้าของเราก็คงเกือบเต็ม” หานเซิ่นหยิบมีดเหตุและผลออกมาเพื่อเตรียมตัวต่อสู้กับเจ้าปลาทอง


 


ในตอนที่ปลาทองเข้ามาใกล้ หานเซิ่นก็ค้นพบว่าปลาทองตัวนั้นประหลาดมากๆ เกล็ดของมันเป็นโลหะสีแดง แต่ข้างในเกล็ดเป็นเนื้อเหมือนสิ่งมีชีวิตทั่วไป และมันยังมีพลังธาตุพืช มันบอกได้ยากว่านี่เป็นซีโน่เจเนอิคแบบไหนกันแน่


 


ขณะที่ปลาทองเข้ามาใกล้ หานเซิ่นก็คิดกับตัวเอง ‘ระบบจักรวาลร้างแปลกประหลาดจริงๆ ทำไมซีโน่เจเนอิคตัวนี้ถึงได้มีหลายธาตุ?’


 


ดอกไม้งอกขึ้นบนกองขยะและทำให้ทะเลขยะที่จืดชืดนั้นดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา


 


หานเซิ่นเตรียมตัวจะแกว่งมีดเพื่อโจมตี แต่ทันใดนั้นปลาทองก็อ้าปากและพ่นฟองสบู่ออกมา ฟองสบู่นั้นมีความยาวสามสิบฟุต มันลอยเข้ามาหาหานเซิ่นอย่างช้าๆ


 


มีดเหตุและผลของหานเซิ่นมีลมปราณสีม่วงปรากฏขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็ใช้วิชามีดเขี้ยวดาบฟันออกไปใส่ฟองสบู่


 


สบู่นั้นบางมากๆ ดูเหมือนกับว่าแค่แตะเบาๆก็ทำให้พวกมันแตกได้ ในตอนที่หานเซิ่นฟันใส่ฟองสบู่ มีดลมปราณของเขาก็พุ่งทะลุผ่านเข้าไปข้างใน หลังจากนั้นก็ดูเหมือนมันจะได้รับผลกระทบจากอะไรบางอย่างที่หมุนอยู่ภายในฟองสบู่ มันเหมือนกับว่ามีดลมปราณหายเข้าไปในวังวน


 


“นี่มันมีพลังธาตุน้ำอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นแปลกใจ เขาไม่สามารถระบุธาตุของปลาทองตัวนี้ได้


 


เมื่อเห็นฟองสบู่ยังคงลอยเข้ามาหา หานเซิ่นก็เคลื่อนที่หลบก่อนที่จะฟันไปใส่เจ้าปลาทอง


 


แต่ก่อนที่มีดลมปราณของเขาจะไปถึง เจ้าปลาทองก็พ่นฟองสบู่ออกมาอีก


 


หานเซิ่นหลบหลีกอีกสองครั้ง ก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นว่ารอบๆตัวเขาถูกยึดครองโดยฟองสบู่ เขาไม่สามารถหลบหลีกได้อีก ดังนั้นเขาจึงเอาโล่เมดูซ่าส์เกซออกมาเพื่อป้องกันร่างกายของตัวเอง นอกจากนั้นเขายังใช้พลังของมัน


 


ผู้หญิงที่อยู่บนโล่ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ลำแสงประหลาดพุ่งออกมาจากดวงตาของเธอ แต่ในตอนที่ลำแสงประหลาดนั่นสัมผัสกับฟองสบู่ มันก็ถูกสะท้อนกลับ


 


ลำแสงของโล่เมดูซ่าส์เกซถูกสะท้อนโดยฟองสบู่เกิดเป็นลำแสงที่ส่องออกไปหลายทิศทาง หานเซิ่นเองก็ต้องรีบหลบออกไป


 


แต่ทว่าบริเวณรอบๆนั้นถูกยึดครองโดยฟองสบู่หมดแล้ว ถึงหานเซิ่นจะเคลื่อนไหวเพียงแค่นิดเดียว เขาก็พลาดไปถูกกับฟองสบู่เข้า


 


โล่เมดูซ่าส์เกซสัมผัสกับฟองสบู่และหลุดเข้าไปข้างใน หานเซิ่นและเป่าเอ๋อเองก็เข้าไปในฟองสบู่ด้วยเช่นกัน


 


หานเซิ่นไม่กล้าใช้พลังของโล่เมดูซ่าส์เกซอีก เนื่องจากตอนนี้เขาอยู่ในฟองสบู่ ซึ่งถ้าแสงถูกสะท้อนกลับมาอีก มันก็จะแช่แข็งเขากับเป่าเอ๋อให้กลายเป็นหิน


 


หานเซิ่นรวบรวมพลังและถือโล่เอาไว้ข้างหน้า เขาคิดจะพุ่งฝ่าฟองสบู่ออกไป แต่ในตอนที่เขาเข้าไปใกล้กับผิวของฟองสบู่ เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังหมุนที่ทำให้เขาและโล่ไถลไปด้านข้าง มันเหมือนกับว่าเขากำลังโต้คลื่น เขาไถลไปเรื่อยๆภายในฟองสบู่


 


เมื่อหานเซิ่นไถลออกห่างจากผิวของฟองสบู่ การหมุนก็หยุดลง หานเซิ่นขมวดคิ้วและคิดกับตัวเอง


‘พลังของซีโน่เจเนอิคตัวนี้แปลกจริงๆ มันสะท้อนพลังของโล่เมดูซ่าส์เกซได้’


 


ปัง! ปัง! ปัง!


ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิด ฟองสบู่ที่อยู่รอบๆก็แตกไปตามๆกันและเหลือเพียงแค่ฟองสบู่ที่พวกเขากำลังอยู่ข้างใน เจ้าปลาทองว่ายมาอยู่ตรงหน้าฟองสบู่ ดวงตาของเจ้าปลาทองจ้องมองมาที่หานเซิ่นและเป่าเอ๋อที่อยู่ภายในฟองสบู่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)