Super God Gene 2888-2903

ตอนที่ 2888 ไล้ต้อนเบิร์นนิ่งแลมป์

 

“โอ้มายก็อด! หานเซิ่นแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”


“เขาสยบเบิร์นนิ่งแลมป์ที่มีอาวุธขั้นทรูก็อตได้ด้วยมือเปล่า นี่วันๆหนึ่งเขาทำอะไรกันแน่? ทำไมเขาถึงได้เพิ่มระดับขึ้นรวดเร็วขนาดนี้?”


“น่าเสียดายที่หานเซิ่นไม่ได้เข้าร่วมการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน ถ้าเขาเข้าร่วมด้วย มันก็คงจะเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม”


“ไม่แปลกใจเลยที่เขากล้าจะท้าสู้กับเผ่าบุดด้า เขาแข็งแกร่งจริงๆ”


“หานเซิ่นเป็นถึงบิดาของเทพทั้งปวง เขาจะทำในสิ่งที่ตัวเองไม่มั่นใจได้ยังไงกัน?”


บุดด้าทั้งหมดดูกังวลอย่างมาก ในตอนแรกไม่มีใครเชื่อว่าหานเซิ่นจะเอาชนะเบิร์นนิ่งแลมป์ที่ติดท็อปร้อยในบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนได้ ด้วยเหตุนั้นบุดด้าทุกคนต่างก็เชื่อในตัวเบิร์นนิ่งแลมป์ แต่มีดลมปราณที่หานเซิ่นปล่อยออกมานั้นได้ทำลายความภาคภูมิและความมั่นใจของพวกเขาจนหมดสิ้น


ใบหน้าของหานเซิ่นไม่เปลี่ยนแปลง เขาใช้ฝ่ามือเป็นเหมือนกับมีดและใช้กระบวนท่าต่างๆของวิชามีดเขี้ยวดาบ มีดลมปราณถูกปล่อยอวกาศออกไปราวกับอสูรร้ายที่สามารถบดขยี้ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง


เดิมทีนี่จะเป็นการแสดงถึงความแข็งแกร่งของเบิร์นนิ่งแลมป์ แต่เบิร์นนิ่งแลมป์กลับตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอย่างสมบูรณ์ เขาไม่สามารถต้านมีดลมปราณของหานเซิ่นได้เลย เขาทำได้แค่พยายามหลบหลีก และในตอนที่เขาไม่สามารถหลบได้อีกต่อไป เขาก็ใช้มีดเหตุและผลเพื่อป้องกันมีดลมปราณของหานเซิ่น


มีดลมปราณพุ่งไปปะทะกับมีดเหตุและผล และส่งเบิร์นนิ่งแลมป์กับมีดของเขากระเด็นผ่านอวกาศไป ใบหน้าของเขาดูซีดเซียวจากความตกใจ


“พวกเขาทั้งคู่เป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายเหมือนกัน แต่พลังของหานเซิ่นเหนือกว่าเบิร์นนิ่งแลมป์มาก เขาทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?” ลุงสี่ของเอ็กซ์ตรีมคิงตกใจ


ลุงสองไป๋ปู้อีหัวเราะและพูด “หานเซิ่นยังไม่ควรจะดีใจเร็วเกินไป เขาแข็งแกร่งก็จริง แต่เขาไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่านกยูงพลูโต เบิร์นนิ่งแลมป์ใช้มีดนั่นเอาชนะนกยูงพลูโตได้ มันจึงเป็นเรื่องยากที่หานเซิ่นจะเป็นฝ่ายชนะ เขาจำเป็นต้องรับมือกับมีดเล่มนั้น”


“หานเซิ่นบอกว่ามีดนั่นคือมีดเปล่าที่เบิร์นนิ่งแลมป์ขโมยไปจากเขา”

เหมิงเลี่ยถามด้วยความอยากรู้ “นั่นเป็นความจริงอย่างนั้นหรอ?”


“ใครจะไปรู้? บุดด้านั้นชอบเอาพลังของคนอื่นไปใช้เป็นของตัวเอง วิชาจีโนส่วนใหญ่ของเผ่าบุดด้าเองก็เป็นสิ่งที่ลอกเลียนมาจากเผ่าอื่นๆ มันจึงบอกได้ยาก” ไป๋ปู้อีพูด


“ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับว่าหานเซิ่นจะทำลายพลังเหตุและผลของมีดนั่นได้หรือเปล่า ถ้าเขาทำลายมันไม่ได้ แบบนั้นมันก็ไม่สำคัญว่าเขาจะไล่ต้อนเบิร์นนิ่งแลมป์ยังไง ถ้าพลังของมีดนั่นทำงานขึ้นมา เบิร์นนิ่งแลมป์ก็จะใช้พลังสะท้อนกลับของมีดเพื่อพลิกสถานการณ์กลับได้” เหมิงเลี่ยมองไปที่หานเซิ่นด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ


มีดลมปราณของหานเซิ่นนั้นทรงพลังมากๆ มันไล่ต้อนเบิร์นนิ่งแลมป์จนทำให้เขาหายใจแทบไม่ทัน มันยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆที่เขาจะป้องกันการโจมตีของหานเซิ่น


ที่สุดแล้วอกของเบิร์นนิ่งแลมป์ก็ถูกฟันเข้าไปโดยมีดลมปราณ เลือดไหลทะลักออกมาจากบาดแผลที่เขาได้รับ


มีดลมปราณของหานเซิ่นนั้นตัดเข้าไปถึงกระดูกซี่โครงข้างซ้ายของเบิร์นนิ่งแลมป์ และหักกระดูกของเขา


หานเซิ่นดูเหมือนกับปีศาจที่น่ากลัว เขาฟันใส่เบิร์นนิ่งแลมป์อย่างไม่หยุด ทำให้บนร่างกายของเบิร์นนิ่งแลมป์เริ่มจะมีบาดแผลมากขึ้นเรื่อยๆ บาดแผลเหล่านั้นกำลังลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีม่วง พวกมันกำลังฉีกบาดแผลของเบิร์นนิ่งแลมป์และทำให้เขาได้รับบาดเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ


ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดว่าหานเซิ่นจะได้เปรียบมากขนาดนี้ ขณะที่เบิร์นนิ่งแลมป์ถูกไล่ต้อนอย่างยับเยิน


เหล่าบุดด้าทุกคนกัดฟันของพวกเขา พวกเขารู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ


แต่ทันใดนั้นบุดด้าระดับราชันคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมา

“อัลฟ่ายังคงมีมีดเหตุและผลอยู่! หานเซิ่นไม่มีทางเอาชนะอัลฟ่าได้! ทันทีที่มีดเหตุและผลทำงาน หานเซิ่นก็จะเป็นฝ่ายแพ้!”


บุดด้าระดับราชันอีกคนพูดตามขึ้นมา “ใช่แล้ว แม้แต่นกยูงพลูโตก็ป้องกันพลังของมีดเหตุและผลไม่ได้ แบบนั้นหานเซิ่นจะทำอะไรได้”


เมื่อผู้นำปราสาทนภาได้ยินสิ่งที่เหล่าบุดด้าพูด เขาก็ส่ายหัว

“บุดด้ากำลังฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้ที่สมบัติชิ้นหนึ่ง ถึงแม้พวกเขาจะจัดการหานเซิ่นได้ มันก็คงจะเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะรักษาฐานะเผ่าพันธุ์ชั้นสูงเอาไว้ได้ เบิร์นนิ่งแลมป์นั้นใกล้จะสิ้นอายุขัยแล้ว”


อี๋ซาจ้องมองไปที่หานเซิ่นโดยที่ไม่ได้พูดอะไร วิชามีดเขี้ยวดาบของหานเซิ่นนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเธอเลย แต่ของหานเซิ่นเป็นวิชามีดเขี้ยวดาบล้วนๆ มันไม่เหมือนกับวิชามีดเขี้ยวดาบของอี๋ซาที่รวมเข้ากับพลังในการฉีกขาด


แม้แต่อี๋ซาเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะเอาชนะวิชามีดเขี้ยวดาบของหานเซิ่นได้ด้วยวิชามีดเขี้ยวดาบของตัวเอง


“เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ เขานั้นเติบโตขึ้นมาก เมื่อก่อนข้าไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้” อี๋ซาพูดพร้อมกับถอนหายใจ


ผู้นำปราสาทนภาหัวเราะและพูด “ไม่ใช่แค่เจ้า เมื่อก่อนทั้งๆที่ข่งเฟยมอบขนนกระดับเทพเจ้าให้กับเขา แต่คนจากเผ่าพันธุ์ต่างๆก็ไม่แม้แต่จะเหลียวมองเขา ไม่มีใครคิดว่าเขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้ โชคดีที่เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้ารับตัวเขามาและช่วยส่งเสริมเขา ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ ข้าเชื่อว่าคนอื่นๆคงจะรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้รับตัวเขาไป”


รอยยิ้มแห้งๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอี๋ซา เธอไม่ได้รับหานเซิ่นมา เพราะเห็นถึงพรสวรรค์ในตัวของเขา มันเป็นเพราะเธอได้เดิมพันกับหมอดูคนหนึ่งเอาไว้ เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่คู่ควรต่อคำชมของผู้นำปราสาทนภา


ถึงอย่างนั้นอี๋ซาก็ดีใจกับความสำเร็จของหานเซิ่น เธอมอบทรัพยากรให้กับเขาเป็นจำนวนมาก มันเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นว่าความพยายามทั้งหมดของเธอนั้นไม่ได้สูญเปล่า


“เขาจะไปได้ไกลแค่ไหนกัน?” อี๋ซาอยากจะรู้ถึงขีดจำกัดของหานเซิ่น เธอรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นมัน


เลือดของเบิร์นนิ่งแลมป์ไหลออกมาเรื่อยๆ มีดลมปราณนั้นเป็นเหมือนกับเปลวเพลิงสีม่วงที่ฉีกบาดแผลของเบิร์นนิ่งแลมป์ให้กว้างขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมองหน้าศัตรูด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ เขาไม่ได้หวาดกลัวหรือตื่นตระหนก


เบิร์นนิ่งแลมป์รู้ว่าตัวเองยังมีไพ่ตายอยู่ ดังนั้นมันยังมีโอกาสที่เขาจะชนะ


หานเซิ่นฟันถูกขาของเบิร์นนิ่งแลมป์และเกือบจะตัดขาของเขาจนขาด เบิร์นนิ่งแลมป์พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดเอาไว้


“มาสิ! ฟันใส่ข้าอีก ทำให้ข้าบาดเจ็บมากกว่านี้ ทุกความบาดเจ็บที่ข้าได้รับจะย้อนกลับไปหาเจ้า” เบิร์นนิ่งแลมป์กำลังมีเลือดไหลท้วมตัว แต่ความเชื่อมั่นในชัยชนะของเขายังคงไม่สั่นคลอน


“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ข้ากลัวว่าหานเซิ่นจะเป็นฝ่ายแพ้” หลี่เคอเอ๋อที่อยู่ในเผ่าเวรี่ไฮพูด


เอ็กซ์ควิสิทดูเป็นกังวล “มีดเหตุและผลนั้นจะดูดซับพลังและเอาไปใช้ได้ นอกซะจากหานเซิ่นจะฆ่าเบิร์นนิ่งแลมป์ในการโจมตีครั้งเดียว เบิร์นนิ่งแลมป์ก็จะโต้กลับด้วยอาวุธที่ทรงพลังที่สุด ในตอนที่พลังที่เก็บสะสมเอาไว้ถูกปลดปล่อยออกไป มันก็ไม่มีทางที่หานเซิ่นจะป้องกันมันได้”


ในตอนที่เบิร์นนิ่งแลมป์รู้สึกว่าร่างกายของเขาถึงขีดจำกัดและไม่สามารถทนรับบาดแผลได้อีกแล้ว เขาก็คำรามออกมาราวกับสิงโต แสงบุดด้าระเบิดออกมาจากตัวของเขา วินาทีต่อมาบาดแผลของเบิร์นนิ่งแลมป์ก็เปลี่ยนเป็นน้ำที่ไหลมาที่มีดเหตุและผล ขณะเดียวกันร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บของเบิร์นนิ่งแลมป์ก็กลับเป็นปกติ เขาไม่มีบาดแผลใดๆเหลือให้เห็นอีกต่อไป

 

 

 


ตอนที่ 2889 วิชามีดใต้นภา

 

เบิร์นนิ่งแลมป์ฟื้นฟูกลับไปเป็นปกติเหมือนกับว่าไม่ได้มีการต่อสู้เกิดขึ้น ขณะเดียวกับมีดเหตุและผลในมือของเขาก็กำลังเรืองแสงสว่างไสว ออร่าที่มีดปล่อยออกมานั้นทำให้ผู้คนตัวสั่น


ในตอนที่สัมผัสได้ถึงพลังที่อยู่ภายในมีดเล่มนั้น แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็รู้สึกหนาวขึ้นมา


“เจ้าดูถูกบุดด้าของข้า! เจ้าจะต้องตาย!”

พลังของมีดเหตุและผลของเบิร์นนิ่งแลมป์นั้นรุนแรงขขนาดที่มันสามารถฝ่าครึ่งจักรวาลและอวกาศได้ และที่น่ากลัวก็คือมีดแสงจากมีดเล่มนั้นมีพลังในการฉีกขาดเหมือนกับวิชามีดเขี้ยวดาบ การฟันครั้งนี้ทรงพลังกว่าการโจมตีครั้งไหนๆของหานเซิ่นก่อนหน้านี้ มันทรงพลังมากกว่าการโจมตีของหานเซิ่นไม่รู้กี่เท่า


บุดด้าทุกคนดูดีใจ พลังของมีดนั้นทำให้พวกเขาตกใจ แต่มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกดีใจอย่างมาก


“ตายซะ! เจ้ากล้ามาท้าสู้เผ่าบุดด้าของพวกเรา! เจ้าดูถูกอัลฟ่าของพวกเรา! เจ้าควรจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ!”

บุดด้ามากมายเต็มไปด้วยความเกลียดชัง พวกเขาต้องการจะเห็นหานเซิ่นถูกฉีกเป็นชิ้นๆในการฟันเพียงครั้งเดียว


เมื่อเห็นมีดแสงที่เข้ามาเหมือนกับจุดจบของโลกใบนี้ หานเซิ่นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมมัน

“นั่นเป็นมีดเหตุและผลที่ทรงพลังมากๆ”


มีดแสงนี้ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าไม่สามารถหลบหลีกได้ มันทรงพลังขนาดที่เขากลัวว่าแม้แต่ซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตก็ยากจะหนีจากมันได้


“แต่น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า”

ทันใดนั้นพลังในร่างกายของหานเซิ่นก็เปลี่ยนไป เขาใช้ฝ่ามือเป็นเหมือนกับมีดและฟันออกไปปะทะกับมีดแสงที่เข้ามา


“เขาจะต่อสู้กับมันตรงๆอย่างนั้นหรอ?” เหมิงเลี่ยประหลาดใจ ไม่ว่าใครก็บอกได้ว่ามีดแสงของเบิร์นนิ่งแลมป์นั้นเป็นการรวมพลังของการโจมตีอย่างไม่หยุดของหานเซิ่นเอาไว้ มีดแสงนี่สามารถฆ่าระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตคนหนึ่งได้เลย ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นคิดจะใช้การโจมตีครั้งเดียวปะทะกับการโจมตีนับครั้งไม่ถ้วนของตัวเอง มันเป็นอะไรที่โง่เขลา


ไป๋ปู้อีส่ายหัว “มันไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการจะหลบ แต่เขาหลบมันไม่ได้ ถึงแม้พลังของมีดเหตุและผลจะไม่ใช่พลังมารนภาของเผ่าเดม่อน แต่มันก็มีพลังเหตุและผลเหมือนกัน มีดเหตุและผลนั้นดูดซับความเสียหายทั้งหมดที่เบิร์นนิ่งแลมป์ได้รับจากหานเซิ่นก่อนหน้านี้ การโจมตีนั้นจะถูกตัวหานเซิ่นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ถึงแม้หานเซิ่นจะใช้วิชาเทเลพอร์ตเพื่อหนีออกไปยังระบบจักรวาลที่ห่างไกล ผลกรรมก็เป็นบางสิ่งที่เขาจะต้องรับ”


“ด้วยการโจมตีแบบนั้น หานเซิ่นจะรับมือกับมันได้ยังไง?” เหมิงเลี่ยแห้งๆ


เหมือนอย่างที่เหมิงเลี่ยคิด เอ็กซ์ควิสิท หลี่เคอเอ๋อ หานเหยียน ยวิ๋นซู่อี ถังเตียงลิ่วและคนอื่นๆทุกคนที่มีความสัมพันธ์กับหานเซิ่นต่างก็รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเขา


หานเซิ่นฟันออกไป แต่ฝ่ามือของเขาไม่ได้ปลดปล่อยมีดลมปราณอะไรออกมา มันเหมือนกับว่าเขาฟันออกไปมั่วๆโดยที่ไม่ได้ใส่พลังอะไรเอาไว้


ทุกคนรู้สึกแปลกใจและสงสัยว่าหานเซิ่นตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ ต่อหน้ามีดแสงที่กำลังเข้ามา เขากลับไม่ปลดปล่อยพลังอะไรออกไปตอบโต้


“ยอมแพ้แล้วอย่างนั้นสินะ?” บุดด้าทุกคนดูดีใจเมื่อเห็นมีดแสงที่น่ากลัวของเบิร์นนิ่งแลมป์กำลังจะถึงตัวหานเซิ่น


แต่วินาทีต่อมา ทุกคนก็ต้องตกตะลึง มีดแสงที่น่ากลัวหยุดอยู่ตรงหน้าหานเซิ่น มันกำลังสั่นไหวราวกับว่ามันหวาดกลัวอะไรบางอย่าง


ตูม!

ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น มีดแสงที่น่ากลัวก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆตรงหน้าหานเซิ่น มันกลายเป็นมีดเส้นไหมสีม่วงที่ไหลย้อนกลับไปหาเบิร์นนิ่งแลมป์ราวกับสายธาร


ยวิ๋นซู่อีประหลาดใจ “วิชามีดใต้นภา!”


“เขาทำลายพลังเหตุและผลของมีดนั่นได้ยังไงกัน?” ยวิ๋นซู่ซางรู้สึกแปลกใจ


“ด้วยวิชาใต้นภา ทุกสิ่งทุกอย่างคือหมากตัวหนึ่ง หานเซิ่นสำเร็จวิชาใต้นภาแล้ว” ผู้นำปราสาทนภารู้สึกประทับใจ


สีหน้าของเบิร์นนิ่งแลมป์เปลี่ยนไปทันที ใบหน้าของเหล่าบุดด้าซีดไป มีดแสงที่พวกเขาฝากความหวังเอาไว้นั้นถูกย้อนกลับ พลังของมันในตอนนี้กลายเป็นของหานเซิ่น ไม่มีใครทำใจให้เชื่อในเรื่องนั้นได้


“เป็นไปไม่ได้… พลังเหตุและผลจะไม่ถูกควบคุม… นั่นเป็นไปไม่ได้”

คนที่ไม่อยากจะเชื่อมากที่สุดไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นตัวเบิร์นนิ่งแลมป์เอง แต่ที่สุดแล้วเขาก็ไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากเชื่อมัน


เมื่อเห็นสายธารของมีดแสงที่น่ากลัวไหลเข้ามา เบิร์นนิ่งแลมป์ก็รู้สึกตัวว่าไม่สามารถป้องกันมันได้ เขากัดฟันและตัดสินใจใช้ตุ๊กตาเทพ ตุ๊กตาเทพขยายใหญ่ขึ้นมาตรงหน้าของเขา มันกลายเป็นตุ๊กตาไม้สีดำที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่ลึกลับ มันชกหมัดออกไปใส่สายธารมีดแสงที่น่ากลัว


ตูม!

พลังหมัดของตุ๊กตาสีดำนั้นชกสายธารมีดแสงแตกกระจายไป


ผู้นำปราสาทนภาดูตกใจ “ซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต! ไม่สิ นั่นไม่ใช่ซีโน่เจเนอิค… ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสมบัติอย่างหนึ่ง…”


หานเซิ่นเองก็รู้ว่ามันไม่ใช่ซีโน่เจเนอิคแต่เป็นสมบัติชิ้นหนึ่ง เขามองไปที่ตุ๊กตาเทพและหัวเราะ

“นั่นคือสมบัติขั้นทรูก็อตที่เจ้าได้รับมาจากการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนอย่างนั้นหรอ? มันเป็นอาวุธขั้นทรูก็อตที่น่าสนใจ ในเมื่อมันต่อสู้ด้วยตัวมันเอง แถมพลังของมันยังเทียบได้กับพลังของขั้นทรูก็อต มันเหนือกว่าเจ้าเป็นที่เจ้าของของมันมาก”


“พี่น้องบุดด้าทุกคนจงฟัง! เปิดใช้ตะเกียงเผ่าพันธุ์และฆ่าหัวขโมยคนนี้!” เบิร์นนิ่งแลมป์ออกคำสั่ง


บุดด้าทุกคนรับคำสั่งของเบิร์นนิ่งแลมป์ พวกเขาเลิกลังเลและระเบิดพลังภายในร่างกายออกมา มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ พลังของพวกเขานั้นเข้าไปรวมกันอยู่ในตะเกียงเผ่าพันธุ์


ตะเกียงเผ่าพันธุ์ส่องแสงสว่างไสว มันเหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุ หลังจากนั้นเปลวไฟสีทองของตะเกียงก็กลายเป็นบุดด้ายักษ์สีทอง ดวงตาของเขาปล่อยแสงแห่งเทพออกมา มันเหมือนกับสปอร์ตไลท์ที่ส่องไปที่หานเซิ่น


บุดด้าทุกคนรวมพลังของพวกเขาเพื่อก่อสปิริตเผ่าพันธุ์ขั้นมา พลังของมันไม่ได้ด้อยไปกว่ายอดฝีมือระดับเทพเจ้า มันเข้าโจมตีหานเซิ่นร่วมกับตุ๊กตาเทพและเบิร์นนิ่งแลมป์


ถึงแม้จะถูกล้อมโดยศัตรูที่น่ากลัวถึงสามคน แต่ใบหน้าของหานเซิ่นก็ยังคงสงบนิ่ง มือของเขาเป็นเหมือนกับมีดที่ฟันออกไปอย่างลวกๆ


ด้วยการฟันของหานเซิ่น สายธารมีดแสงที่ถูกทำลายไปก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยมีดแสงที่กลายเป็นสายธารไปเข้าต่อสู้กับศัตรูทั้งสามคน


ในบรรดาศัตรูทั้งสามคน ตุ๊กตาเทพแข็งแกร่งมากที่สุด มันทำลายสายธารมีดแสงอยู่เรื่อยๆ แต่เมื่อหานเซิ่นใช้ฝ่ามือของเขาฟันผ่านอวกาศไปอีกครั้ง สายธารมีดแสงก็จะก่อตัวขึ้นมาใหม่และมันก็ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ


สิ่งมีชีวิตในจักรวาลรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น หานเซิ่นกำลังต่อสู้กับตุ๊กตาเทพ เบิร์นนิ่งแลมป์และสปิริตเผ่าพันธุ์ของบุดด้าตามลำพัง ซึ่งพวกเขาสามคนควรจะฝ่ายที่ได้เปรียบ แต่จริงๆแล้วมันเป็นทางเบิร์นนิ่งแลมป์และเผ่าบุดด้าที่กำลังถูกไล่ต้อน ถึงแม้พวกเขาทั้งสามจะร่วมมือกันต่อสู้กับหานเซิ่น พวกเขาก็ไม่สามารถทำลายสายธารมีดแสงของหานเซิ่นได้


“ใต้นภา ทุกคนเป็นหมากตัวหนึ่ง” หานเซิ่นยืนอยู่กับที่ เขาดูเหมือนกับเทพ มือของเขาเป็นเหมือนกับมีดที่ฟันออกไป


ตอนนี้ทั้งจักรวาลปกคลุมไปด้วยมีดแสง มันไม่มีที่ไหนให้หลบหลีก ตุ๊กตาเทพถูกฟันจนกระเด็นออกไปด้านหลังหลายสิบไมล์ มีดแสงนั้นก่อตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันไม่สามารถถูกป้องกันได้ พวกมันฟันไปในทิศทางของสปิริตเผ่าพันธุ์ของบุดด้าและเบิร์นนิ่งแลมป์ที่กำลังตกตะลึง

 

 

 


ตอนที่ 2890 เหล่ายอดฝีมือที่ช่วยเหลือ...

 

มีดแสงที่น่ากลัวกำลังจะพุ่งไปถูกเบิร์นนิ่งแลมป์ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ทันใดนั้นก็มีแสงเบลอๆปรากฏขึ้นตรงหน้าเบิร์นนิ่งแลมป์ มีดแสงของหานเซิ่นถูกดูดเข้าไปในแสงเบลอๆ มันผสมเข้ากับแสงเบลอๆก่อนที่จะหายไป ภายในความเบลอๆนั้นมีสิ่งมีชีวิตสามหัวหกแขนปรากฏออกมาให้เห็น ขณะที่เขาเปิดเผยตัวออกมา เขาดูเหมือนกับเทพปีศาจ ดวงตาทั้งหกดวงของเขาจ้องมองมาที่หานเซิ่น


“ผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์!” หานเซิ่นขมวดคิ้วเมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร


ผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์เป็นยอดฝีมือขั้นทรูก็อต พลังของเขายอดเยี่ยมมากๆ เขาได้อันดับที่สิบสามในการประลองบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน


หานเซิ่นรู้ว่าทางเผ่าเวรี่ไฮนั้นอาจจะส่งคนมาหาเรื่องเขา เขาจึงคิดว่าคนที่มาคงจะต้องเป็นคนของเวรี่ไฮ เขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเป็นผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ที่มาขวางทางของเขาแทน


ผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ค่อยๆก้าวออกมาข้างหน้า แสงเบลอๆของเขาสว่างขึ้นเรื่อยๆ


ผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์มีสามหัว หนึ่งแทนแสงสว่าง อีกหนึ่งแทนความมืด ส่วนหัวสุดท้ายเป็นตัวแทนของวิญญาณ พลังทั้งสามรวมกันเป็นหนึ่ง ซึ่งเรียกได้ว่าแสงแห่งเทพบิ๊กเดสทรอยเยอร์


แสงแห่งเทพบิ๊กเดสทรอยเยอร์ของผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์นั้นไปถึงขั้นสูงสุดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทำให้มันกลายเป็นแสงแห่งเทพบิ๊กเดสทรอยเยอร์ที่ดูเบลอๆ มันเป็นหนึ่งในวิชาจีโนที่มีพลังทำลายล้างสูงที่สุด มันเกือบจะเป็นอะไรที่ไร้เทียมทาน


หัวของผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ที่เป็นตัวแทนของแสงพูดขึ้นว่า

“หานเซิ่น ในตอนที่เผ่าบุดด้ายังไม่ถูกทำลาย เจ้าควรจะถอยออกไปซะขณะที่เจ้ายังมีโอกาสอยู่”


“ถ้าเจ้าไม่ถอยไปซะตอนนี้ เจ้าจะต้องตาย” ดวงตาของหัวที่เป็นตัวแทนของความมืดเต็มไปด้วยจิตสังหาร พวกมันดูกระหายเลือด


“ในตอนนี้เจ้ายังถอยกลับไปได้” หัวที่เป็นตัวแทนของวิญญาณพูด


หัวทั้งสามพูดด้วยโทนเสียงที่แตกต่างกัน แสงแห่งเทพเบลอๆของผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์กำลังขยายใหญ่ขึ้น ถ้าหานเซิ่นไม่ไปจากที่นี่ เขาก็คงจะถูกโจมตี


บุดด้าทุกคนรู้สึกดีใจ พวกเขาไม่ได้คิดว่าสถานการณ์จะกลายเป็นแบบนี้ เผ่าบุดด้านั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเผ่าเดสทรอยเยอร์ แต่ถึงอย่างนั้นผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์กลับมาช่วยเหลือพวกเขาด้วยตัวเอง


“วันนี้ข้าจะลบเผ่าบุดด้าออกไปจากการเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง มันไม่สำคัญว่าใครจะมาขวางทางข้า”

หานเซิ่นอยู่ในอวกาศ สายธารมีดแสงนับไม่ถ้วนกำลังโคจรรอบตัวเขา เหมือนกับว่าเขาเป็นศูนย์กลางของกาแล็กซี่


“ถ้าอย่างนั้นก็ตายซะเถอะ!” หัวทั้งสามของเดสทรอยเยอร์พูดพร้อมกัน แสงแห่งเทพบิ๊กเดสทรอยเยอร์ถูกปล่อยออกมาในทิศทางของหานเซิ่น มันรวดเร็วเกินไปจนหานเซิ่นไม่มีเวลาจะหลบหลีกมันได้


Pang!

แสงแห่งเทพเบลอๆนั้นพุ่งไปถูกโล่โลหะสีม่วงของหานเซิ่น ดวงตาของหญิงสาวที่งดงามบนโล่เริ่มจะเปิดออก ซึ่งแสงแห่งเทพบิ๊กเดสทรอยเยอร์นั้นถูกแช่แข็งกลายเป็นหินโดยสายตาของเธอ


“วันนี้คริสตัลไลเซอร์จะต้องกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง ไม่มีใครหยุดข้าได้” หานเซิ่นยกโล่ขึ้นและเดินเข้าไปหาตะเกียงเผ่าพันธุ์ของบุดด้า


แสงแห่งเทพบิ๊กเดสทรอยเยอร์ของผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์นั้นทรงพลังมาก แต่มันไม่สามารถทำอะไรโล่เมดูซ่าส์เกซได้ แสงแห่งเทพเบลอๆทั้งหมดถูกแช่แข็งในอวกาศ พวกมันไม่สามารถสร้างความเสียหายกับหานเซิ่นได้แม้แต่นิดเดียว


เบิร์นนิ่งแลมป์และบุดด้าคนอื่นๆก้าวถอยไปด้านหลัง พวกเขาถอยไปจนหลังของพวกเขาเกือบจะติดกับตะเกียงเผ่าพันธุ์ พวกเขาดูหวาดกลัว ผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ที่ได้อันดับที่สิบสามของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนมาถึงที่นี่แล้ว แต่เขาไม่สามารถหยุดหานเซิ่นเอาไว้ได้ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในเรื่องนั้น


ในตอนที่หานเซิ่นใกล้จะไปถึงตะเกียงเผ่าพันธุ์ของบุดด้า เขาก็สังเกตเห็นออร่าที่น่ากลัวกำลังฉีกอวกาศและปรากฏตัวออกมา


“อันดับที่สิบเจ็ดของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน คิวโกสต์… อันดับที่ยี่สิบเอ็ดของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน ทรูก็อตจากเผ่าทริบูเลชั่น… อันดับที่สามสิบเก้าของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน นอร์ทเทิร์นไลท์อัลฟ่า”


สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวพากันปรากฏตัวออกมาตามๆกัน ในเวลาเพียงไม่นานมียอดฝีมือนับสิบมาอยู่ที่นี่ พวกเขาบางคนอยู่บนบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน ขณะที่บางคนไม่อยู่ แต่ถึงยังไงก็ตามพลังของพวกเขาแต่ละคนนั้นก็ถึงขั้นทรูก็อตเรียบร้อยแล้ว


เบิร์นนิ่งแลมป์ทั้งแปลกใจและดีใจ เขาโค้งคำนับต่อเหล่ายอดฝีมือและพูด

“อมิตาพุทธ! ขอบคุณทุกท่านที่มาช่วยเหลือเผ่าบุดด้าให้รอดจากวิกฤติในครั้งนี้ พวกเราบุดด้าซาบซึ้งอย่างมาก พวกเราจะไม่มีวันลืมความเมตตาของทุกท่าน”


“บุดด้าเป็นมิตรของพวกเรา ที่พวกเรามาช่วยเหลือถือเป็นอะไรที่ถูกต้องแล้ว”

นอร์ทเทิร์นไลท์อัลฟ่าพูด ยอดฝีมือที่น่ากลัวคนอื่นๆไม่ได้พูดอะไร พวกเขาทุกคนแค่จ้องไปที่หานเซิ่น


เบิร์นนิ่งแลมป์แปลกใจ เขาไม่เห็นจำได้ว่าเผ่าบุดด้านั้นเป็นมิตรกับนอร์ทเทิร์นไลท์อัล แต่ในตอนนี้เขาไม่คิดจะมาสนใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น เขาแค่พูดขึ้นว่า “อมิตาพุทธ! ได้โปรดช่วยข้าฆ่าหัวขโมยคนนี้”


“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเผ่าบุดด้าจะมีความสัมพันธ์กับเผ่าพันธุ์ที่ใหญ่โตเยอะขนาดนี้ ในเวลาที่พวกเขาตกอยู่ในวิกฤติ มียอดฝีมือมากมายมาช่วยเหลือพวกเขา”


“พวกเจ้าไม่คิดว่ามันแปลกไปหน่อยหรอ? มียอดฝีมือมากมายปรากฏตัวเพื่อช่วยเหลือเผ่าบุดด้า แต่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงกลับไม่เห็นจะปรากฏตัวออกมา”


“ตอนนี้เมื่อเจ้าพูดถึงมันขึ้นมา มันก็เป็นอะไรที่แปลกจริงๆนั่นแหละ เผ่าบุดด้านั้นมักจะพึ่งพาเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงมาโดยตลอด ดังนั้นมันไม่มีเหตุผลอะไรที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจะมองดูอยู่เฉยๆและไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย มันมียอดฝีมือมากมายมาช่วยเหลือเผ่าบุดด้า แต่มันไม่มีคนของเอ็กซ์ตรีมคิงเลยสักคนเดียว”


“แต่ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะอะไร ด้วยความช่วยเหลือจากยอดฝีมือที่น่ากลัวเหล่านี้ หานเซิ่นก็คงจะไม่มีโอกาสชนะเผ่าบุดด้าและจุดตะเกียงของคริสตัลไลเซอร์ได้อีกแล้ว”


“มันเป็นอะไรที่น่าเสียดาย หานเซิ่นนั้นแข็งแกร่ง ถึงเขาจะนำเผ่าคริสตัลไลเซอร์ขึ้นไปติดท็อปสิบไม่ได้ แต่การจะทำให้เผ่าคริสตัลไลเซอร์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร โชคร้ายที่ถึงเขาจะเลือกเผ่าบุดด้าที่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่มีอันดับสูง แต่กลับก่อให้เกิดปัญหามากขนาดนี้”


ทุกคนพูดคุยกันเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นอร์ทเทิร์นไลท์อัลฟ่ามองไปที่หานเซิ่นและพูด

“หานเซิ่น เจ้าจะเห็นแก่นอร์ทเทิร์นไลท์และถอยออกไปในตอนนี้ได้ไหม?”


“และถ้าข้าไม่ถอยออกไปล่ะ?” หานเซิ่นมองไปที่เหล่ายอดฝีมือขั้นทรูก็อตที่มาปรากฏตัวอย่างเยือกเย็น


“ถ้าเจ้าไม่ยอมถอย เจ้าก็ต้องตาย” คิวโกสต์นั้นดูเหมือนกับเงา เขาพูดด้วยเสียงที่แหลมมากๆ


หานเซิ่นถูกล้อมโดยยอดฝีมือขั้นทรูก็อค ออร่าที่น่ากลัวของพวกเขาปกคลุมอวกาศ มันให้ความรู้สึกราวกับว่าหานเซิ่นเป็นแกะในดงหมาป่า


ทุกคนสัมผัสได้ถึงจิตสิงหารของเหล่ายอดฝีมือที่มาขวางหานเซิ่นเอาไว้ ถ้าหานเซิ่นยังก้าวออกไปข้างหน้าแม้แต่ก้าวเดียว เขาก็คงจะถูกฆ่าในทันที


หานเซิ่นมีโล่เมดูซ่าส์เกซ แต่ไม่ว่าโล่นั่นจะแข็งแกร่งขนาดไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อตที่น่ากลัวนับสิบ มันก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีร่วมกันของพวกเขาทั้งหมดได้


“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น?” เอ็กซ์ควิสิทแปลกใจ คนของเวรี่ไฮยังคงไปไม่ถึงที่นั่น แต่ยอดฝีมือมากมายก็เข้ามาขวางทางหานเซิ่นเรียบร้อยแล้ว


หลี่เคอเอ๋อมีสีหน้าแปลกๆขณะที่เธอพูดขึ้นว่า “นี่มันแปลกจริงๆ ถึงจะไม่พูดถึงเผ่าพันธุ์อื่น แต่เผ่าทริบูเลชั่นนั้นเป็นที่รู้กันว่ามีความบาดหมางกับเผ่าบุดด้า พวกเขาควรจะเป็นศัตรูกัน แบบนั้นทำไมพวกเขาถึงได้ส่งคนมาช่วยเผ่าบุดด้า?”


ผู้นำปราสาทนภาเองก็รู้สึกสับสน แต่เขารู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่าทำไม สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่พูดขึ้นว่า

“ดูเหมือนว่าจะมีคนที่ไม่ต้องการให้คริสตัลไลเซอร์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงอยู่ ไม่อย่างนั้นลำพังแค่เผ่าบุดด้า มันไม่มีทางที่ยอดฝีมือทรูก็อตหลายคนจะยืนมือเข้ามาช่วยเหลือแบบนี้?”


อี๋ซาไม่ได้พูดอะไร ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล ตอนนี้มันไม่ใช่แค่ว่าหานเซิ่นจะเอาชนะเผ่าบุดด้าได้ไหม การจะหนีเอาตัวรอดไปนั้นก็ดูจะเป็นปัญหาเช่นกัน

 

 

 


ตอนที่ 2891 ใครจะหยุดข้าจากการจุดตะเก...

 

‘ใครกันที่อยู่เบื้องหลังคนพวกนี้? ใครกันที่ไม่ต้องการให้คริสตัลไลเซอร์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แค่อุบัติเหตุที่ในอดีตคริสตัลไลเซอร์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงไม่สำเร็จ’ หานเซิ่นคิด


ในจักรวาลนี้มีเผ่าพันธุ์อยู่มากมาย แต่มีเพียงแค่เผ่าพันธุ์ชั้นสูงเท่านั้นที่มีระดับเทพเจ้าอยู่ ถึงแม้มันจะมีเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำบางเผ่าที่มีระดับเทพเจ้าอยู่ แต่พวกเขาก็ถือข้อยกเว้น โดยปกติแล้วเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำจะไม่มีแม้แต่คนที่เป็นระดับเทพเจ้าเลยสักคน


มันมีเผ่าพันธุ์ชั้นสูงแค่หมื่นเผ่าเท่านั้น และมีแค่ราวๆยี่สิบเผ่าพันธุ์เท่านั้นที่มียอดฝีมือขั้นทรูก็อต


ตอนนี้มันมียอดฝีมือขั้นทรูก็อตหลายคนปรากฏตัวออกมา ใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องเป็นศัตรูที่น่ากลัวมากๆ


เรื่องหนึ่งที่ทำให้หานเซิ่นรู้สึกดีใจก็คือความจริงที่ว่าเขาไม่เห็นคนจากสามเผ่าพันธุ์สูงสุดเลยสักคน ถ้าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้สามารถควบคุมคนของสามเผ่าพันธุ์สูงสุดด้วยล่ะก็ นั่นก็จะเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม


“หานเซิ่น ตอนนี้เจ้าจะถอยกลับไปได้หรือยัง?”

ผู้นำเดสทรอยเยอร์พูด แสงแห่งเทพบิ๊กเดสทรอยเยอร์ของเขาดูทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้ทั้งกาแล็กซี่สั่นสะเทือน


บุดด้าทุกคนดูตื่นเต้น ราชาเคลียร์ซีตะโกนขึ้นว่า “ได้โปรดช่วยพวกเราฆ่าหัวขโมยคนนี้”


“คนๆนี้หยาบคายต่อทุกคน พวกเราควรฆ่าเขา”


“ใช่ พวกเราควรฆ่าเขา”


เหล่าทรูก็อตบอกให้หานเซิ่นถอยออกไป แต่พวกเขากำลังล้อมหานเซิ่นเอาไว้ หานเซิ่นกำลังอยู่ตรงกลางและมันไม่มีหนทางให้เขาหนีไปไหนได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดจะปล่อยหานเซิ่นไปง่ายๆ


“วันนี้ข้าหานเซิ่นจะจุดตะเกียงสำหรับคริสตัลไลเซอร์ ใครก็ตามที่ขวางทางข้าจะต้องตาย”

หานเซิ่นพูด เขาไม่สนใจว่าจะมียอดฝีมือขั้นทรูก็อตปรากฏตัวออกมาสักกี่คน มีดแสงกำลังหมุนรอบๆตัวเขาเหมือนกับกาแล็กซี่ ขณะที่เขาเริ่มเดินออกไปข้างหน้า


ทุกเผ่าพันธุ์ในจักรวาลรู้สึกแปลกใจ พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะยังคงต้องการทำลายตะเกียงเผ่าพันธุ์ของบุดด้าท่ามกลางเหล่ายอดฝีมือขั้นทรูก็อตที่อยู่ที่นี่


บนดาวดวงหนึ่งที่เป็นของเทาซันด์เทรเชอร์ ดวงตาของสเตย์อัพเลทเป็นประกาย เขากำหมัดแน่นจนนิ้วมือจิกลงไปในเนื้อ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกถึงเรื่องนั้น


“คริสตัลไลเซอร์จะกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงจริงๆอย่างนั้นหรอ?”

สเตย์อัพเลทอยู่ในจักรวาลนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เขาได้รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับจักรวาล เขารู้ว่าการต่อสู้นี้ของหานเซิ่นเป็นอะไรที่ยากลำบากแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงหวังว่าหานเซิ่นจะทำได้สำเร็จ


ในตอนที่คริสตัลไลเซอร์พ่ายแพ้ในครั้งก่อน พวกเขาได้ส่งคนที่เหลือรอดไปหลบภัยในก็อตแซงชัวรี่ มันไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะกลับออกมาที่จักรวาลจีโนอีก


ตอนนี้อีกเพียงก้าวเดียวคริสตัลไลเซอร์ก็จะได้กลายเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ชั้นสูง แต่ก้าวนี้ดูเป็นก้าวที่ยากลำบาก ทรูก็อตที่มาขวางนั้นเป็นเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่ที่ไม่มีใครก้าวข้ามไปได้


“ทำไมกัน? ทำไมคริสตัลไลเซอร์ถึงต้องประสบกับความยากลำบากมากขนาดนี้เพื่อจะกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง? ทำไมทรูก็อตพวกนี้ถึงได้มาขวางพวกเรา?”

คริสตัลไลเซอร์ทุกคนที่เหลือรอดในจักรวาลจีโนนั้นกำลังกำหมัดแน่นด้วยความโกรธเหมือนกับสเตย์อัพเลท


ร่างกายของยอดฝีมือระดับเทพเจ้านับสิบปลดปล่อยแสงแห่งเทพออกมา ผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ระเบิดแสงแห่งเทพบิ๊กเดสทรอยเยอร์ออกมาและปล่อยมันไปใส่หานเซิ่น


หานเซิ่นไม่คิดจะถอยออกไป โล่ในมือของเขาปลดปล่อยแสงประหลาดออกมาจากดวงตาของเมดูซ่า แสงประหลาดนั้นแช่แสงแห่งเทพบิ๊กเดสทรอยเยอร์ให้แข็งกลายเป็นหินกลางอากาศ ขณะเดียวหานเซิ่นก็ปลดปล่อยแสงแห่งเทพของตัวเองออกมา


แสงแห่งเทพนี้แตกต่างไปจากมีดแสงที่หานเซิ่นกำลังใช้อยู่ นี่เป็นแสงที่มหัศจรรย์ ในจังหวะที่มันส่องไปถูกร่างของผู้นำเดสทรอยเยอร์ ผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ก็ระเบิดแสงแห่งเทพบิ๊กเดสทรอยเยอร์ออกมาเพื่อจะต้านมันเอาไว้


แต่แสงแห่งเทพของหานเซิ่นนั้นไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากแสงแห่งเทพของผู้นำเดสทรอยเยอร์ หลังจากที่ผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ถูกแสงนั่นเข้าไป ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ยอดฝีมือขั้นทรูก็อตคนอื่นๆที่เข้าล้อมหานเซิ่นก็หยุดชะงักไปเช่นกัน พวกเขาโซเซถอยไปด้านหลังด้วยความตกใจ


ในตอนที่แสงแห่งเทพของหานเซิ่นส่องไปถูกผู้นำเดสทรอยเยอร์ ร่างกายของผู้นำเดสทรอยเยอร์ก็วิวัฒนาการย้อนกลับอย่างรวดเร็ว แทนที่จะเป็นขั้นทรูก็อต เขากำลังกลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลาย


ก่อนที่จะมีโอกาสได้ตั้งตัว ร่างกายของผู้นำเดสทรอยเยอร์ที่ตอนนี้กลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายก็ถูกตัดโดยสายธารมีดแสงของหานเซิ่น เขาไม่มีหวังจะป้องกันการโจมตีของหานเซิ่นได้เลย เมื่อเขาถูกลดระดับลงมาเทียบเท่ากับหานเซิ่น ร่างกายของเขาถูกฉีกเป็นชิ้นๆและกลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา


นอร์ทเทิร์นไลท์อัลฟ่าและคนอื่นๆทั้งหมดตกตะลึง พวกเขารู้สึกหวาดกลัวและถอยออกไปด้านหลังโดยสัญชาตญาณ ผู้นำเดสทรอยเยอร์เป็นคนที่แข็งแกร่ง แต่หานเซิ่นลดระดับของผู้นำเดสทรอยเยอร์จากขั้นทรูก็อตมาสู่ขั้นบัตเตอร์ฟลาย ก่อนที่จะตัดร่างของเขาเป็นชิ้นๆ ผู้นำเดสทรอยเยอร์นั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบโต้


ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหานเซิ่นเพิ่งจะฆ่าผู้นำเดสทรอยเยอร์ต่อหน้าพวกเขา พวกเขาก็คงจะไม่เชื่อ แต่พวกเขาเพิ่งจะเห็นผู้นำเดสทรอยเยอร์ถูกลดระดับจากขั้นทรูก็อตมาอยู่ขั้นบัตเตอร์ฟลายด้วยตาตัวเอง นั่นเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าการที่หานเซิ่นฆ่าผู้นำเดสทรอยเยอร์ซะอีก


“นั่นมันอะไรกัน?”


“ผู้นำเดสทรอยเยอร์เป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต แต่เขากลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายหลังจากถูกแสงแห่งเทพของหานเซิ่น


“พลังนั่นคืออะไรกัน? มันทำให้ขั้นทรูก็อตกลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายได้”


“บิดาของเทพยังไงก็เป็นบิดาของเทพ เขาเพิ่มระดับพลังของคนอื่นได้ ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เขาจะลดระดับพลังของคนอื่นได้เช่นกัน”


“นั่นเป็นพลังที่ขี้โกงเกินไปแล้ว ใครจะต่อสู้กับพลังแบบนั้นได้? แม้แต่ยอดฝีมือขั้นทรูก็อตก็ยังถูกลดระดับลงมา ถ้าหานเซิ่นเข้าร่วมการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนด้วย เขาก็อาจจะได้อันดับที่หนึ่ง และโกลเด้นโกรวเลอร์ก็คงจะไม่มีโอกาสมอบอันดับของมันให้กับดอลลาร์”


“หานเซิ่นเป็นบิดาของเทพทั้งปวง ดังนั้นถึงพวกเขาจะเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตแล้วยังไง ยังไงพวกเขาก็เป็นแค่ลูกของหานเซิ่น”


หานเซิ่นฆ่าผู้นำเดสทรอยเยอร์และหันไปมองยอดฝีมือขั้นทรูก็อตคนอื่นๆด้วยสายตาเย็นชา มันทำให้พวกเขารู้สึกหนาวและต้องการจะถอยออกไป พวกเขาทั้งหมดได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตาตัวเอง พวกเขาเป็นยอดฝีมือที่ผ่านอะไรมามาก ถึงแม้พวกเขาจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า พวกเขาก็จะไม่รู้สึกแบบนี้ แต่การที่ผู้นำเดสทรอยเยอร์ถูกลดระดับลงมาอยู่ขั้นบัตเตอร์ฟลายนั้นเป็นอะไรที่น่าตกใจเกินไป นี่มันอยู่เหนือความรู้และประสบการณ์ของพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว


มันเป็นเรื่องยากมากๆที่จะกลายเป็นขั้นทรูก็อต พวกเขาทุกคนต่างก็เข้าใจถึงความยากลำบากนั้นเป็นอย่างดี เมื่อพวกเขาค้นพบว่าหานเซิ่นสามารถทำลายสิ่งที่พวกเขาทุ่มเทมาอย่างหนักได้ในเวลาไม่กี่วินาที ใครมันจะใจเย็นอยู่ได้?


หานเซิ่นยืนอย่างภาคภูมิในอวกาศ เขามองออกไปข้างหน้าและถามขึ้นว่า

“ใครจะหยุดข้าจากการจุดตะเกียงอีก?”


นอร์ทเทิร์นไลท์อัลฟ่าและคนอื่นๆไม่พูดอะไรสักคำ ตอนนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางทางหานเซิ่นอีกแล้ว ขณะที่หานเซิ่นเดินเข้าไปหาตะเกียงเผ่าพันธุ์ของบุดด้า เหล่าทรูก็อตนั้นค่อยๆหลีกทางให้กับเขา


ทั้งจักรวาลตกอยู่ในความเงียบสงัด ไม่มีใครกล้าตอบคำถามของหานเซิ่น


สีหน้าของเบิร์นนิ่งแลมป์และบุดด้าคนอื่นๆดูแย่ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าถึงแม้พวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากยอดฝีมือขั้นทรูก็อตตั้งมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดหานเซิ่นจากการทำลายตะเกียงของเผ่าบุดด้าได้


ภาพที่หานเซิ่นก้าวเข้ามาพร้อมกับสายธารมีดแสงที่ดูเหมือนกับกาแล็กซี่นั้นทำให้เขาดูเหมือนกับเทพ บุดด้าทุกคนดูซีดเซียวและสิ้นหวัง พวกเขาไม่ได้ดูอวดดีและตื่นเต้นเหมือนอย่างตอนที่เหล่าทรูก็อตปรากฏตัวออกมาอีกแล้ว


เบิร์นนิ่งแลมป์มีสีหน้าที่ซีดเผือก เขาพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ

“มิสเตอร์หาน มันเป็นความผิดของข้าเองที่โลภมาก มีดเล่มนี้คือสิ่งที่สร้างขึ้นจากมีดเปล่าของเจ้าจริงๆ ตอนนี้ข้าจะมอบมันคืนให้กับเจ้า ส่วนตุ๊กตาเทพนี้… มันก็คือรางวัลที่ข้าได้มาจากการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน มันเป็นอาวุธขั้นทรูก็อต ข้าจะมอบมันให้กับเจ้าเช่นกัน ของพวกนี้ถือเป็นคำขอโทษของพวกเรา ได้โปรดไว้ชีวิตเผ่าบุดด้าด้วย อันดับของเผ่าบุดด้านั้นไม่คู่ควรต่อเผ่าพันธุ์ของเจ้า”


“ข้าได้มอบโอกาสให้กับเจ้าและเผ่าบุดด้าไปแล้ว ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว” หานเซิ่นสะบัดมือ มีดแสงนับหมื่นพุ่งออกไปตัดสปิริตเผ่าพันธุ์ของบุดด้า

 

 

 


ตอนที่ 2892 คริสตัลไลเซอร์กลายเป็นเผ่...

 

ตูม!

เมื่อสปิริตเผ่าพันธุ์แตกกระจาย ดวงไฟบนตะเกียงเผ่าพันธุ์ก็ดับไปด้วย


ใบหน้าของเหล่าบุดด้าซีดเผือก เครื่องหมายบนหน้าผากของพวกเขาหายไป มันทำให้ร่างกายของพวกเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง ขณะที่ร่างกายสั่นอย่างเจ็บปวด พลังชีวิตของพวกเขาก็ลดลงไป


เบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่ากระอักเลือดออกมา เขาถูกลดระดับจากขั้นบัตเตอร์ฟลายลงมาอยู่ขั้นลาร์วา บุดด้าคนอื่นๆก็ถูกลดระดับลงหนึ่งระดับเช่นกัน และผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับจากการเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงก็หายไปอีกด้วย


ตะเกียงเผ่าพันธุ์ที่ไม่มีดวงไฟอยู่แล้วบินเข้าไปหาหยดเลือดของหานเซิ่น หยดเลือดนั้นเข้าไปในตะเกียงและเปลี่ยนเป็นดวงไฟที่สว่างขึ้นมาอีกครั้ง


ไฟสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ ดวงไฟในตะเกียงนั้นดูกระจ่างใสราวกับหยกน้ำแข็ง ผู้คนไม่สามารถสัมผัสถึงความร้อนจากมันได้ จริงๆแล้วมันทำให้พวกเขารู้สึกเย็นต่างหาก


ในตอนที่ตะเกียงเผ่าพันธุ์ถูกจุดขึ้นมา เครื่องหมายของเผ่าบุดด้าก็สลายกลายเป็นผุยผง


ตะเกียงเผ่าพันธุ์ลอยมาอยู่ตรงหน้าหานเซิ่น หานเซิ่นเคลื่อนไหวนิ้วของเขา เขาใช้เลือดเขียนคำว่า ‘คริสตัลไลเซอร์’ บนตะเกียงเผ่าพันธุ์และพูด

“จากนี้เป็นต้นไปคริสตัลไลเซอร์เป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงของจักรวาลจีโน ไม่สำคัญว่าใครจะมีสายเลือดของคริสตัลไลเซอร์ที่บริสุทธิ์หรือไม่ และไม่สำคัญว่าภายในตัวพวกเจ้าจะมีเลือดของคริสตัลไลเซอร์อยู่มากน้อยเพียงใด ทุกคนคือคริสตัลไลเซอร์ ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของเรา”


ในตอนที่เสียงของหานเซิ่นดังก้องออกไป ตัวอักษรบนตะเกียงเผ่าพันธุ์ก็ส่องสว่างราวกับดวงอาทิตย์ มันส่องแสงไปทั่วทั้งจักรวาล


ภายใต้แสงสว่างนั้นสเตย์อัพเลทและคริสตัลไลเซอร์คนอื่นๆมีเครื่องหมายเผ่าพันธุ์ปรากฏขึ้นบนหัวของพวกเขา รูปร่างของมันดูเหมือนกับตัวอักษรที่หานเซิ่นเพิ่งจะเขียนลงไปบนตะเกียง


ตูม!

สเตย์อัพเลทพัฒนาจนถึงระดับราชันขั้นสูงสุดเรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุนั้นในตอนที่เครื่องหมายของคริสตัลไลเซอร์ปรากฏขึ้นบนหน้าผาก ร่างกายของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงในทันที มันทำให้เขาวิวัฒนาการไปสู่ระดับเทพเจ้า


ในทุกซอกทุกมุมของจักรวาล ผู้คนที่มีสายเลือดของคริสตัลไลเซอร์ทุกคนระดับพลังเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ และจากการกลายเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ชั้นสูง พรสวรรค์ของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ยีนของพวกเขาถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยพลังประหลาดบางอย่าง


ภายในสเปชการ์เด้น ถังเตียงลิ่ว หวังอวี่ฮัง หวงฟูจิ้งและมนุษย์คนอื่นๆก็มีเครื่องหมายปรากฏขึ้นบนหน้าผากของพวกเขาเช่นกัน แม้แต่เป่าเอ๋อ หลิงเอ๋อและหานเมิ่งเอ๋อก็มีเครื่องหมายบนหน้าผากด้วย


ร่างกายของหวงฟูจิ้งเกิดการเปลี่ยนแปลง เธอกลายเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่น คนอื่นๆก็ระดับพลังเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับเหมือนกัน พวกเขาทุกคนวิวัฒนาการภายใต้อิทธิพลของเครื่องหมายเผ่าพันธุ์


มีเพียงแค่เซี่ยชิง ราชินีชั่วพริบตา จิ้งจอกสีเงินและอสูรกาแล็กซี่ที่ไม่เพิ่มระดับขึ้น ดูเหมือนว่าซีโน่เจเนอิคและสปิริตนั้นจะไม่ได้รับเครื่องหมายของคริสตัลไลเซอร์ เห็นได้ชัดว่าสายเลือดของพวกเขาไม่ได้มียีนของคริสตัลไลเซอร์อยู่


บนดาวแคระสีแดง เทพแห่งผลกรรมและสมาชิกของพยุหะโลหิตคนอื่นๆมีเครื่องหมายปรากฏขึ้นบนหน้าผาก สายเลือดของพวกเขามียีนของคริสตัลไลเซอร์อยู่เช่นกัน ถึงมันจะไม่มากแต่พวกเขาก็มีมันอยู่


สิ่งมีชีวิตไหนก็ตามในจักรวาลที่มียีนของคริสตัลไลเซอร์อยู่ในตัว ไม่ว่ามันจะบริสุทธิ์หรือไม่ หรือมากน้อยเพียงใด ตราบใดที่พวกเขามีมันอยู่ พวกเขาก็จะได้รับผลประโยชน์จากการที่คริสตัลไลเซอร์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง


แต่น่าเสียดายที่อันดับของเผ่าบุดด้านั้นไม่ได้สูงอะไร ผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับจึงไม่ได้พิเศษมากนัก ยีนของพวกเขาไม่ได้พัฒนาขึ้นมากมายอะไร


ถ้าพวกเขาได้ตะเกียงในสิบอันดับแรก ระดับการปรับปรุงยีนที่พวกเขาได้รับก็จะสูงขึ้น มันจะทำให้พรสวรรค์ของทั้งเผ่าพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก


ตะเกียงของหานเซิ่นนั้นแตกต่างไปจากของข่งเฟย นั่นก็เพราะว่าข่งเฟยเป็นเผ่าเฟเธอร์ เนื่องจากเขาถูกทอดทิ้งโดยเผ่าเฟเธอร์ ข่งเฟยจึงล้างแค้นเผ่าเฟเธอร์ด้วยการเลือกที่จะจุดดวงไฟที่ไม่ได้มอบพลังเสริมให้กับเผ่าเฟเธอร์ นั่นรวมถึงตัวเขาเองด้วย


หานเซิ่นเลือกจะจุดดวงไฟสำหรับเผ่าคริสตัลไลเซอร์ มันไม่สำคัญว่าแต่ละคนจะมีเลือดของคริสตัลไลเซอร์มากน้อยขนาดไหน ตราบใดที่พวกเขามีอยู่ พวกเขาก็จะได้รับผลประโยชน์จากการกระทำของหานเซิ่น


ถึงแม้คนๆนั้นจะมีเลือดของเผ่าพันธุ์ชั้นสูงอีกเผ่าหนึ่งอยู่ ตราบใดที่พวกเขามียีนของคริสตัลไลเซอร์ พวกเขาก็จะได้รับพลังเสริมจากสายเลือดของคริสตัลไลเซอร์ด้วยเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่เผ่าพันธุ์ชั้นสูงส่วนใหญ่ทำ


หานเซิ่นเลือกจะทำแบบนี้ก็เพราะว่าเลือดของมนุษย์นั้นไม่บริสุทธิ์ ถ้าเขาเลือกจะมอบผลประโยชน์ให้กับคริสตัลไลเซอร์ที่มีเลือดบริสุทธิ์เท่านั้น เขาก็ไม่คิดว่ามนุษย์จะได้รับพลังเสริมจากตะเกียงเผ่าพันธุ์ของคริสตัลไลเซอร์


ตะเกียงเผ่าพันธุ์ของคริสตัลไลเซอร์นั้นส่องอย่างสว่างไสว ตะเกียงอื่นๆภายในจีโนฮอลล์ก็ส่องแสงตอบรับ ราวกับว่าพวกมันกำลังเฉลิมฉลองกับการถือกำเนิดของเผ่าพันธุ์ชั้นสูงเผ่าใหม่ ดูเหมือนกับว่าพวกมันกำลังต่อสู้กันว่าใครจะส่องแสงได้สว่างที่สุด มันทำให้ทั้งจักรวาลนั้นสว่างไสว


หลังจากที่ตะเกียงเผ่าคริสตัลไลเซอร์กลับเข้าไปในจีโนฮอลล์ ประตูของจีโนฮอลล์ก็ปิดลง จักรวาลกลับคืนสู่สภาวะปกติอีกครั้ง เครื่องหมายของคริสตัลไลเซอร์บนหน้าผากของทุกคนก็เริ่มจะจางหายไป มันไม่สามารถถูกมองเห็นได้อีกแล้ว


แต่พลังเสริมที่ปรับปรุงยีนของพวกเขานั้นยังคงอยู่


“พวกเราคริสตัลไลเซอร์… ในที่สุดก็กลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง”

สเตย์อัพเลทที่เงียบมาโดยตลอดคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า ดูเหมือนเขากำลังปลดปล่อยความเศร้าโศกและความโกรธทั้งหมดที่เขามีอยู่ออกไป


“พวกเราคริสตัลไลเซอร์…เป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงแล้ว…”

คริสตัลไลเซอร์มากมายกำลังตัวสั่น พวกเขามองดูร่างกายของตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นความจริง


ทุกเผ่าพันธุ์ในจักรวาลมองดูหานเซิ่นที่อยู่ในอวกาศด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย หานเซิ่นหันกลับไปมองที่เบิร์นนิ่งแลมป์และบุดด้าคนอื่นๆ


พวกเขารู้สึกถึงสายตาของหานเซิ่น บุดด้าทุกคนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เบิร์นนิ่งแลมป์เองก็เช่นกัน เขาดูแย่มากๆ


เขาคิดว่าการมีมีดเหตุและผลนั้นจะทำให้เผ่าบุดด้ารุ่งเรือง เขาไม่เคยคาดคิดว่ามันจะจบลงแบบนี้


“นี่เป็นเพราะผลแห่งกรรม ถ้าเราไม่ขโมยมีดเปล่านี่มา เผ่าบุดด้าก็คงจะไม่จบลงแบบนี้”

เบิร์นนิ่งแลมป์รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก เขาวางมีดเหตุและผล ตุ๊กตาเทพและกระดูกเบรกโซลลงตรงหน้าหานเซิ่น เขาก้มหัวและพูด

“นี่คือความผิดของข้าทั้งหมด มันไม่ใช่ความผิดของบุดด้าคนอื่นๆ บุดด้านั้นไม่คู่ควรกับของพวกนี้ ข้าจะมอบมันให้กับเจ้า และเจ้าจะเอาชีวิตข้าไปก็ได้ แต่โปรดเมตตาไว้ชีวิตบุดด้าคนอื่นๆด้วย ถึงแม้ข้าต้องไปลงนรก แต่ข้าก็จะขอบคุณเจ้าอย่างมาก”


หานเซิ่นสะบัดมือและเก็บของพวกนั้นมาอยู่ในมือ เขามองไปที่เบิร์นนิ่งแลมป์และพูด

“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าหรือทำลายเผ่าบุดด้า เจ้าขโมยมีดเปล่าและเปลี่ยนข้าให้กลายเป็นมดตัวหนึ่ง ข้าแค่มานี่ที่เพื่อมอบสิ่งที่เจ้าสมควรจะได้รับ”


หลังจากนั้นหานเซิ่นก็สะบัดมืออีกครั้งและปล่อยแสงแห่งเทพประหลาดใส่เบิร์นนิ่งแลมป์ ร่างกายของเบิร์นนิ่งแลมป์วิวัฒนาการย้อนกลับ เขานั้นถูกลดระดับพลังจากเทพเจ้าลงมาเหลือราชัน และจากระดับราชันลงมาเหลือระดับดยุก ในเวลาอันสั้นยอดฝีมือของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมของจักรวาลที่ไม่ใช่แม้แต่ระดับบารอนด้วยซ้ำ


เบิร์นนิ่งแลมป์ที่ก่อนหน้าดูทรงพลัง ตอนนี้ดูเหมือนกับคนแก่ธรรมดาๆคนหนึ่ง เขาดูเหมือนกับไม้แห้ง มันไม่มีพลังอะไรถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขา พลังชีวิตของเขาใกล้จะดับแล้ว มันทำให้คนอื่นที่ได้เห็นรู้สึกหนาวขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนอร์ทเทิร์นไลท์อัลฟ่าและยอดฝีมือขั้นทรูก็อตคนอื่นๆ พวกเขารีบแยกย้ายกันไปจากบริเวณนั้น พวกเขาไม่กล้าจะเสี่ยงอยู่ที่นั่นต่อ


เมื่อเห็นนอร์ทเทิร์นไลท์และคนอื่นๆจากไปแล้ว หานเซิ่นก็หันหลังกลับและเตรียมตัวจะจากไปเช่นกัน


เบิร์นนิ่งแลมป์ที่พลังชีวิตดูอ่อนแอมากพูดขึ้นมา “อมิตาพุทธ! ขอบคุณเจ้ามากที่ไม่ทำลายเผ่าบุดด้า”


หานเซิ่นไม่ได้สนใจที่เบิร์นนิ่งแลมป์พูด เขาเทเลพอร์ตหายไปโดยที่ไม่เหลียวกลับไปมอง อายุขัยของเบิร์นนิ่งแลมป์กำลังจะหมดลง ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ฆ่าเขา เขาก็มีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่นาน หานเซิ่นแค่ขี้เกียจเกินกว่าจะเอาชีวิตของเขา ส่วนเรื่องการฆ่าคนทั้งเผ่าพันธุ์นั้น หานเซิ่นไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เขาเหมือนกับข่งเฟย เขาไม่อยากจะฆ่าคนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ข่งเฟยนั้นเกลียดชังเผ่าเฟเธอร์อย่างที่สุด แต่เขาก็ไม่ได้ฆ่าเฟเธอร์ทุกคนในจักรวาล แถมเขายังรับเฟเธอร์ที่เป็นเด็กกำพร้ามากมายมาดูแล


หานเซิ่นไม่สามารถทำเหมือนอย่างที่ข่งเฟยทำได้ เขาไม่คิดจะรับคนของเผ่าบุดด้ามาดูแล แต่เขาก็ไม่ต้องการจะฆ่าบุดด้าทั้งหมด


การต่อสู้เพื่อจุดตะเกียงเผ่าพันธุ์ในจีโนฮอลล์จบลงไป แต่สิ่งที่หานเซิ่นก่อนั้นไม่ได้จบลงไปด้วย การต่อสู้นี้ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อทั้งจักรวาลจีโน

 

 

 


ตอนที่ 2893 ไทม์โกสต์

 

ตอนนี้บุดด้ากลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำไป และเบิร์นนิ่งแลมป์ก็กลายเป็นสามัญชนคนหนึ่ง บุดด้านั้นไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาจะรักษาบุดด้าคิงดอมเอาไว้ได้ไหม


แต่หลังจากการต่อสู้ในครั้งนี้ มันไม่ใช่แค่เผ่าบุดด้าเท่านั้นที่ย่ำแย่ เผ่าเดสทรอยเยอร์เองก็ประสบกับการสูญเสียครั้งใหญ่เช่นกัน


ผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์นั้นถูกฆ่าตายไปในระหว่างการต่อสู้ พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์นี้ แต่พวกเขาก็ได้รับผลกระทบไปด้วย


เดสทรอยเยอร์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงอันดับที่ห้า ถึงแม้ในเผ่าเดสทรอยเยอร์จะมียอดฝีมือขั้นทรูก็อตอยู่หลายคน แต่ผู้นำเดสทรอยเยอร์นั้นคือผู้นำของพวกเขาทุกคน เขามีพลังสูงที่สุดและได้รับความเคารพมากที่สุด


สำหรับสามเผ่าพันธุ์สูงสุดแล้ว ความตายของยอดฝีมือขั้นทรูก็อตอาจจะไม่ได้สั่นคลอนรากฐานของพวกเขามากนัก แต่เผ่าเดสทรอยเยอร์นั้นต่างออกไป สำหรับพวกเขาแล้วความตายของยอดฝีมือขั้นทรูก็อตเหมือนกับถูกถอนรากครึ่งหนึ่ง ตอนนี้มีหลายฝ่ายที่ต้องการจะบุกโจมตีเผ่าเดสทรอยเยอร์ มันทำให้เผ่าเดสทรอยเยอร์ตกอยู่ในความโกลาหล


ชื่อของก็อดฟาเธอร์หานเป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าของจักรวาล ก่อนหน้านี้ชื่อของก็อดฟาเธอร์หานนั้นเป็นแค่ชื่อที่พูดกันเล่นสนุกๆ แต่ตอนนี้เมื่อไหร่ก็ตามที่สิ่งมีชีวิตพูดถึงก็อดฟาเธอร์หาน มันไม่ใช่ชื่อที่พูดกันเล่นๆแต่เป็นชื่อที่ทำให้ผู้คนที่ได้ยินหวาดกลัว


การทำให้ขั้นทรูก็อตกลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลาย และการเปลี่ยนเบิร์นนิ่งแลมป์ให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดานั้นเป็นอะไรที่บ้ามากๆ โดยปกติแล้วสิ่งมีชีวิตธรรมดาๆจะหวาดกลัวยอดฝีมือระดับเทพเจ้า แต่ระดับเทพเจ้าเป็นเหมือนกับเด็กเมื่ออยู่ต่อหน้าหานเซิ่น พลังของหานเซิ่นนั้นมากพอจะทำให้ทั้งจักรวาลหวาดกลัว


“นั่นเป็นพลังแบบไหนกัน?” ผู้อาวุโสเผ่าเวรี่ไฮขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด เขาได้รับหน้าที่ให้มาจับตัวหานเซิ่นกลับไปที่เผ่าเวรี่ไฮ แต่เนื่องจากการเข้าแทรกแซงของผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ เขาจึงไม่ได้ปรากฏตัวออกไป เขาคอยดูอยู่ห่างๆ แต่เขากลับได้เห็นผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ถูกเปลี่ยนเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายและเบิร์นนิ่งแลมป์ก็ถูกเปลี่ยนเป็นสามัญชน นั่นทำให้แม้แต่ผู้อาวุโสเผ่าเวรี่ไฮก็ไม่กล้าจะเข้าไปจับตัวหานเซิ่น


ความจริงแล้วไม่ใช่แค่เผ่าเวรี่ไฮที่รู้สึกแบบนั้น เผ่าพันธุ์ชั้นสูงมากมายต่างก็ตกใจกับพลังนั้น มันจึงไม่มีใครกล้าทำอะไร


พวกเขาไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว เนื่องจากหานเซิ่นยังเป็นแค่ขั้นบัตเตอร์ฟลาย เขาไม่สามารถใช้คัมภีร์นภาอำพันเปลี่ยนให้ขั้นทรูก็อตกลายเป็นสามัญชนคนหนึ่งได้ เขาทำได้แค่ลดระดับขั้นทรูก็อตลงมาหนึ่งระดับเป็นเวลาชั่วคราวเท่านั้น


ถ้านอร์ทเทิร์นไลท์อัลฟ่าและยอดฝีมือขั้นทรูก็อตคนอื่นๆโจมตีหานเซิ่นพร้อมๆกัน หานเซิ่นก็จะทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายแล้วเขาก็คงจะต้องเป็นฝ่ายที่หนีไป


แต่นอร์ทเทิร์นไลท์อัลฟ่าและคนอื่นๆตกใจกับสิ่งที่หานเซิ่นทำเกินกว่าจะกล้าทำอะไร การที่หานเซิ่นเปลี่ยนเบิร์นนิ่งแลมป์ให้กลายเป็นสามัญชนคนหนึ่งนั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวเกินไป พวกเขาไม่สามารถเข้าใจถึงพลังของหานเซิ่นได้ ดังนั้นมันจึงไม่มีใครกล้าเข้ามาหยุดหานเซิ่นจากการจุดดวงไฟตะเกียงของคริสตัลไลเซอร์


หานเซิ่นอยากจะกำจัดนอร์ทเทิร์นไลท์อัลฟ่าและยอดฝีมือขั้นทรูก็อตคนอื่นที่เข้ามาแทรกแซง แต่เขายังไม่แข็งแกร่งพอจะทำแบบนั้น มันถือเป็นเรื่องยากแล้วกว่าที่เขาจะจุดตะเกียงเผ่าพันธุ์ได้


‘เผ่าคริสตัลไลเซอร์เคยไปล่วงละเมิดใครกันไว้กันแน่? ทำไมมันถึงได้มียอดฝีมือขั้นทรูก็อตตั้งหลายคนปรากฏตัวออกมาเพื่อจะหยุดคริสตัลไลเซอร์จากการกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง?’ หานเซิ่นไม่เข้าใจ


เมื่อกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่ามนุษย์ในก็อตแซงชัวรี่นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากตะเกียงเผ่าพันธุ์ของคริสตัลไลเซอร์ เขารู้สึกโล่งใจขึ้นมา


หานเซิ่นเข้าใจว่าก็อตแซงชัวรี่และจักรวาลจีโนนั้นมีกฎที่แตกต่างกัน และสถานที่ทั้งสองก็ไม่ได้เชื่อมต่อกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกกังวลอยู่ดี


หานเซิ่นลองพามนุษย์คนหนึ่งมาที่จักรวาลจีโน มนุษย์คนนั้นกลายเป็นระดับบารอนและสร้างอาวุธจีโนขึ้นมาในทันที บนหน้าผากของเขามีเครื่องหมายเผ่าพันธุ์ของคริสตัลไลเซอร์ปรากฏขึ้นมา แต่หลังจากที่วัฒนาการเป็นบารอนเสร็จแล้ว เครื่องหมายเผ่าพันธุ์ก็หายไป


‘จริงๆด้วย หลังจากที่เข้ามาในจักรวาลแล้ว คนๆนั้นถึงจะได้รับผลกระทบจากกฎของจีโนฮอลล์’ หานเซิ่นคิด


ด้วยการที่มีสเปชการ์เด้นเป็นฐาน หานเซิ่นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมากอีกต่อไป เขาสามารถพามอนสเตอร์ สปิริตและมนุษย์มาที่จักรวาลจีโนได้มากตามที่เขาต้องการ คนที่เขาพามายังสามารถใช้ทรัพยากรของสเปชการ์เด้นเพื่อพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว


การสร้างเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งขึ้นมาไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้โดยคนเพียงคนเดียว ถ้าหานเซิ่นอยากให้มนุษย์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งในจักรวาล เขาก็จำเป็นต้องทำให้ทุกคนแข็งแกร่งขึ้น


แต่หานเซิ่นมีเพียงแค่สเปชการ์เด้นเท่านั้น ไม่สำคัญว่ามันจะมีทรัพยากรมากมายสักแค่ไหน ลำพังแค่มันไม่สามารถทำให้พวกเขากลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงระดับท็อปได้ หานเซิ่นจำเป็นต้องมีซีโน่เจเนอิคสเปชเป็นร้อยเป็นพันที่มีทรัพยากรเหมือนกับสเปชการ์เด้นเพื่อจะทำให้คนอื่นๆแข็งแกร่งพอจะโจมตีสามเผ่าพันธุ์สูงสุดได้


ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่สามารถเอาแต่หลบอยู่ในสเปชการ์เด้นได้ ถึงแม้มันจะมีทรัพยากรอยู่มาก แต่พวกมันก็เป็นแค่พืชซีโน่เจเนอิคขั้นพริมิทีฟเท่านั้น มันไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนคนที่ไปถึงขั้นบัตเตอร์ฟลายแล้วอย่างหานเซิ่น


มันไม่ใช่แค่หานเซิ่นเท่านั้น แม้แต่หวงฟูจิ้งที่กลายเป็นขั้นลาร์วาแล้วก็จำเป็นต้องหาทรัพยากรเพื่อจะเพิ่มระดับขึ้นอีก


หานเซิ่นรู้สึกลังเล แต่เขาตัดสินใจจะใช้ตัวตนของโฮลี่เบบี้เพื่อกลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง เขาจำเป็นต้องไปที่นั่นเพื่อจะกลายเป็นขั้นทรูก็อตโดยเร็วที่สุด


โฮลี่เบบี้ตัวจริงนั้นหานเซิ่นปล่อยให้อยู่ในสเปชการ์เด้น ตอนนี้โฮลี่เบบี้นั้นดูเป็นคนที่ซื่อตรงมากๆ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับแม็กแคกหกหูและติดตามเป่าเอ๋อ เขาเรียกเป่าเอ๋อว่า “พี่เป่าเอ๋อ” ซึ่งทำให้เธอรู้สึกดี


หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในช่วงที่เขาไม่อยู่ แต่เขารู้ว่าโฮลี่เบบี้นั้นถูกเป่าเอ๋อกำราบซะอยู่หมัด


หน้าผากของหานหลิงเอ๋อก็มีเครื่องหมายของคริสตัลไลเซอร์ปรากฏขึ้นมา แต่เธอเป็นเหมือนกับเป่าเอ๋อที่ไม่เพิ่มระดับขึ้น หานเซิ่นที่เป็นคนจุดตะเกียงเองก็เช่นกัน ตัวเขาไม่ได้เพิ่มระดับขึ้น เขาแค่ได้รับผลประโยชน์จากการยีนที่ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นเท่านั้น


หานเซิ่นใช้ลูกบาศก์สี่แกะเพื่อเทเลพอร์ตกลับไปที่ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์อีกครั้ง เขามีแผนที่จะไปดูไทม์โกสต์ที่ปราสาทหมายเลข0002


ไทม์โกสต์นั้นเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต ถ้าเขาฆ่ามันได้ มันก็จะช่วยเพิ่มยีนระดับเทพเจ้าได้มาก ในตอนนี้หานเซิ่นอยากจะเลื่อนไปสู่ขั้นทรูก็อตให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นเขาก็จะใช้มงกุฎสกายก็อตเพื่อเข้าไปดูในจีโนฮอลล์ว่าในนั้นมีอะไรอยู่กันแน่


หานเซิ่นไปที่ปราสาทหมายเลข0002และเห็นไทม์โกสต์ยังคงอยู่ภายใต้ระบบป้องกันของปราสาท


หานเซิ่นรู้ว่าซีโน่เจเนอิคที่นี่นั้นถูกเอาสปิริตออกไป ถึงแม้สปิริตของพวกมันจะเกิดขึ้นมาใหม่ แต่พวกมันก็ถูกกักขังอยู่ที่นี่มาเป็นเวลายาวนาน สปิริตใหม่ของพวกมันจึงค่อนข้างอ่อนแอ สติปัญหาของพวกมันจึงต่ำมากๆ


หานเซิ่นเอาหอกสกายไวน์แรดิชก็อตออกมาและแทงใส่ไทม์โกสต์ ไทม์โกสต์ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงพลังของหอกสกายไวน์แรดิช ซึ่งทำให้มันลืมตาขึ้นมา


พลังที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าถูกปลดปล่อยออกมาจากไทม์โกสต์ ปลายของหอกสกายไวน์แรดิชที่กำลังจะแทงเข้าไปในอกของไทม์โกสต์ แต่จู่ๆระยะที่ใกล้ก็ดูไกลแสนไกล หานเซิ่นแทงไปข้างหน้าเป็นเวลานาน แต่ปลายหอกก็ยังไปไม่ถึงอกของไทม์โกสต์


“พลังกาลเวลา?” หานเซิ่นแปลกใจ แม้แต่ภายใต้ระบบป้องกันของปราสาท ไทม์โกสต์ก็ยังใช้พลังธาตุกาลเวลาที่น่ากลัวได้ มันคู่ควรต่อการเป็นซีโน่เจเนอิคธาตุกาลเวลาขั้นทรูก็อต

 

 

 


ตอนที่ 2894 ได้รับวิญญาณอสูรระดับเทพเ...

 

 


หานเซิ่นลองแทงอีกหลายครั้ง และเขาก็พยายามจะใช้วิชาจีโนหลากหลายอย่าง แต่ไม่ว่าเขาจะใช้วิชาอะไร มันก็ไม่ได้ผล การจะไปให้ถึงตัวไทม์โกสต์นั้นดูเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้


พระเจ้าหัวเราะขณะที่เดินเข้ามาหาหานเซิ่น

“นอกซะจากเจ้าจะทำลายเวลาที่ไม่จำกัดนั้น มันก็ไม่สำคัญว่าเจ้าจะใช้วิชาจีโนอะไร เจ้าก็ทำอะไรมันไม่ได้ มันมีวิชาจีโนแอบโซลูทไทม์ที่จะทำให้กาลเวลาไหลเวียนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การกระทำที่ใช้เวลาแค่วินาทีเดียวนั้นจะถูกถ่วงเวลาอย่างไม่สิ้นสุด”


หานเซิ่นรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาต้องการจะทำลายแอบโซลูทไทม์ของไทม์โกสต์ให้ได้ แต่การจะทำแบบนั้นเขาจำเป็นต้องทำลายอาณาเขตกาลเวลาของมัน หรือไม่ก็ใช้ความเร็วที่มากพอเพื่อจะผ่านการถ่วงเวลาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไปให้ได้


เพราะยังไงซะแอบโซลูทไทม์ของไทม์โกสต์ก็ไม่ได้หยุดเวลา เวลายังคงดำเนินต่อไป แต่มันแค่เดินไปอย่างช้ามากๆ ถ้าเขาเพิ่มความเร็วของตัวเองให้สูงกว่าการถ่วงเวลาไทม์โกสต์ได้ เขาก็จะทำร้ายมันได้


แต่ความเร็วของหานเซิ่นยังไม่ถึงระดับนั้น เขาจะลองดูอีกทีในตอนที่เขาเลื่อนสู่ขั้นทรูก็อตแล้ว สำหรับตอนนี้เขาจำเป็นต้องหาทางอื่น ถ้าเขาคิดจะฆ่ามัน


“โกลเด้นโกรวเลอร์เข้าไปในจีโนฮอลล์แล้วเป็นยังไงบ้าง?” หานเซิ่นถามไปตรงๆ


ในเมื่อพระเจ้ารู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโกลเด้นโกรวเลอร์ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องปิดบังอะไรอีก ถ้าพระเจ้าต้องการจะจัดการกับโกลเด้นโกรวเลอร์ หานเซิ่นก็จะเตรียมตัวรับมือกับมัน


“ก็ไม่เลว ยังไงซะมันก็มีสายเลือดของโกรวเลอร์อยู่ในตัว เทพสปิริตขั้นเดสทรัคชั่นทำอะไรมันไม่ได้ แต่บอกได้ยากว่าจะเป็นยังไงถ้าในอนาคตมันต้องไปเจอกับเทพสปิริตที่ระดับสูงกว่านั้น” พระเจ้าพูด


คำตอบนี้ทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ เขาคิดว่าพระเจ้านั้นจะใช้โกลเด้นโกรวเลอร์เพื่อล่อลวงให้เขาไปที่จีโนฮอลล์ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นแบบนั้น


หลังจากหยุดไปชั่วครู่ พระเจ้าก็ยิ้มให้กับหานเซิ่นและพูด

“เจ้าได้ดูการต่อสู้เพื่อจุดตะเกียงของเผ่าคริสตัลไลเซอร์ไหม?”


“ก็ได้ดูอยู่” หานเซิ่นตอบ “มันมีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรอ?”


“ระดับความแข็งแกร่งทางร่ายกายของหานเซิ่นไม่ได้ดีเหมือนกับเจ้า แต่วิชาจีโนของเขาแปลกประหลาดมากๆ” พระเจ้าพูด

“มันย้อนสายเลือดของคนอื่นได้ มันบังคับให้สิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการย้อนหลัง พลังนั้นแตกต่างไปจากพลังธาตุกาลเวลาและอวกาศ ถ้ามันเป็นธาตุใดธาตุหนึ่ง มันก็คงจะเป็นธาตุชีวิต”


“สนใจเขาอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม


“ข้าก็สนใจอยู่บ้าง” พระเจ้ายอมรับตรงๆ


“เจ้าควรไปตามหาเขา” หานเซิ่นพูดพร้อมกับหัวเราะ


พระเจ้ายักไหล่และถาม “ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือยังไงว่าเทพสปิริตต้องพึ่งพาร่างกายของสิ่งมีชีวิตเพื่อเดินทางในจักรวาล? นอกจากนั้นร่างกายนั่นจะจำกัดพลังของเทพสปิริตเอาไว้ ดังนั้นการที่ข้าใช้ร่างกายนี้เพื่อเดินทางไปรอบๆจักรวาลถือเป็นอะไรที่อันตราย แถมสถานที่อย่างสเปชการ์เด้นนั้น… ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่นั่น แม้แต่ข้าก็เข้าไปไม่ได้”


หลังจากหยุดไปชั่วครู่ พระเจ้าก็พูดต่อ “อีกอย่างข้าไม่มีเวลาแล้ว”


“พระเจ้าไม่ได้มีชีวิตอยู่ตลอดไปอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยความแปลกใจ


“พระเจ้านั้นมีหน้าที่อยู่ พระเจ้าอย่างพวกเรามีงานที่ต้องทำ”

พระเจ้าหัวเราะ เขามองไปที่หานเซิ่นและพูด “ครั้งนี้ข้ากลับมาก็เพื่อจะบอกว่ามันกำลังจะมีเรื่องเกิดขึ้น ข้าคงจะไม่ได้กลับมาที่จักรวาลเป็นเวลานาน หลังจากผ่านไปหกเดือน ข้าจะส่งกู่หว่านเอ๋อคืนให้กับเจ้า แต่ไม่แน่ ก่อนหน้านั้นเจ้าอาจจะเข้าไปในจีโนฮอลล์เรียบร้อยแล้ว”


“ก่อนที่จะกลายเป็นขั้นทรูก็อต ข้าจะไม่เข้าไปในจีโนฮอลล์” หานเซิ่นพูด


“ในโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่แน่นอน ถ้าเจ้าคิดถึงข้า บางทีเจ้าอาจจะเข้าไปในจีโนฮอลล์ในอีกไม่นาน ถ้าเป็นแบบนั้นแน่นอนว่าข้าจะช่วยคุ้มครองเจ้าสักพัก อย่างน้อยเจ้าก็จะไม่ถูกฆ่าตายในทันที” หลังจากที่พูดจบ พระเจ้าก็โบกมือและเริ่มก้าวออกไป


จู่ๆบันไดหินที่นำไปสู่ท้องฟ้าก็ปรากฏขึ้นมา หลังจากที่พระเจ้าเหยียบลงไปบนบันไดหิน เขาก็ค่อยๆหายลับไป


หลังจากที่พระเจ้าจากไปแล้ว หานเซิ่นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา เขากังวลว่าพระเจ้าอาจจะสังเกตได้ว่าหานเซิ่นกับดอลลาร์นั้นเป็นคนๆเดียวกัน แต่เขาเชื่อว่าพระเจ้าไม่ได้สังเกตถึงเรื่องนั้น


นั่นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ยังไงซะหานเซิ่นตามปกติกับหานเซิ่นในโหมดซีโน่เจเนอิคนั้นก็มีสายพันธุ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นอกซะจากคนอื่นจะได้เห็นหานเซิ่นใช้โหมดซีโน่เจเนอิคกับตาตัวเอง ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ได้แต่หาบทสรุปจากการตรวจดูยีนของหานเซิ่น แต่การทำแบบนั้นมันควรจะเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าหานเซิ่นกับดอลลาร์เป็นคนๆเดียวกัน


“ในจีโนฮอลล์เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ถึงทำให้พระเจ้าต้องกลับไป?”

หานเซิ่นอยากจะใช้มงกุฎสกายก็อตเพื่อเข้าไปดู แต่เขาอดกลั้นความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้


ถ้าโกลเด้นโกรวเลอร์ไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย หานเซิ่นก็ตั้งใจจะเลื่อนไปสู่ขั้นทรูก็อตซะก่อนที่จะไปหาโกลเด้นโกรวเลอร์


หานเซิ่นหันกลับไปมองที่ไทม์โกสต์ ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เขาก็คงจะฆ่าไทม์โกสต์ไม่ได้ แต่ตอนนี้ไทม์โกสต์นั้นถูกกักขังเอาไว้ มันจะต้องมีหนทางอยู่


หานเซิ่นเปิดใช้ศาสตร์ตงเสวียนและยื่นมือข้างหนึ่งออกไปหาไทม์โกสต์


เมื่อก่อนหน้านี้ในตอนที่มือของหานเซิ่นกำลังจะสัมผัสไทม์โกสต์ มือของเขาก็ช้าลงไป มันให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาไม่มีวันจะแตะต้องตัวไทม์โกสต์ได้


แต่ทันใดนั้นก็มีการหมุนของมิติเกิดขึ้นในมือของหานเซิ่น ในเมื่อเวลานั้นช้าลงจนเกือบจะหยุดนิ่ง หานเซิ่นก็ฉีกมิติให้เกิดเป็นช่องว่างขึ้นมา


ตูม!

ด้วยท่าตบขั้นสุดยอด หานเซิ่นก็ฉีกโซ่สสารของแอบโซลูทไทม์ไปได้ แต่ถึงมันจะถูกกักขัง พลังของไทม์โกสต์ก็ยังคงแข็งแกร่งมากๆ ท่าตบขั้นสุดยอดสามารถทำลายชั้นของแอบโซลูทไทม์ได้เพียงไม่กี่ชั้นเท่านั้น หานเซิ่นไม่สามารถทำลายพวกมันทั้งหมดได้


“ถ้าครั้งเดียวไม่สำเร็จ มันก็ต้องลองดูอีกครั้งหนึ่ง”

หานเซิ่นยื่นมือไปข้างหน้าอีกครั้ง และอาณาเขตกาลเวลาก็ปรากฏขึ้นมา


หานเซิ่นโจมตีซ้ำๆหลายครั้งจนเขาทำลายแอบโซลูทไทม์ได้สำเร็จ เขาชกไปถูกตัวไทม์โกสต์ และทำให้ร่างกายของไทม์โกสต์สั่นไหว แต่หมัดของเขาไม่สามารถทำลายชุดเกราะของมันได้


“ซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ”

หานเซิ่นเปลี่ยนมาใช้หอกสกายไวน์แรดิชก็อต ในจังหวะที่เขาฉีกแอบโซลูทไทม์จนขาด เขาก็ใช้หอกแทงเข้าไปใส่ไทม์โกสต์


ถ้าไทม์โกสต์ไม่ได้ถูกขังเอาไว้และสปิริตของมันไม่ได้หายไป หานเซิ่นก็ไม่คิดว่าเขาจะรับมือกับมันได้


แต่ด้วยความพยายามอย่างหนัก ในที่สุดหานเซิ่นก็ฆ่าไทม์โกสต์ได้สำเร็จ


“ซีโน่เจเนอิคไทม์โกสต์ระดับเทพเจ้าถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูรระดับเทพเจ้าไทม์โกสต์”


หานเซิ่นรู้สึกดีใจ พลังธาตุกาลเวลาของไทม์โกสต์นั้นถือเป็นอะไรที่พิเศษมาก บางทีวิญญาณอสูรของมันก็อาจจะเป็นธาตุกาลเวลาที่พิเศษเช่นเดียวกัน


หานเซิ่นรีบดูในทันทีว่าเขาได้รับวิญญาณอสูรประเภทไหนกันแน่


“วิญญาณอสูรระดับเทพเจ้าไทม์โกสต์: อาณาเขต(สมบูรณ์)”


หานเซิ่นรู้สึกตื่นเต้น วิญญาณอสูรประเภทอาณาเขตนั้นหาได้ยากมากๆ แถมมันยังสมบูรณ์อีก มันเหมือนกับดาบโคลด์ไลท์ นั่นหมายความว่าวิญญาณอสูรไทม์โกสต์นี้จะต้องทรงพลังมากๆ มันสามารถใช้กับคู่ต่อสู้ระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตได้เลย

 

 

 


ตอนที่ 2895 สตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์

 

หานเซิ่นอยู่ในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์และกินไทม์โกสต์จนหมด การกินซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตนั้นใช้เวลานานยิ่งกว่าซีโน่เจเนอิคขั้นบัตเตอร์ฟลาย แต่ซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตก็มอบยีนระดับเทพเจ้าให้กับหานเซิ่นมากกว่า หลังจากที่กินไทม์โกสต์เข้าไปจนหมด หานเซิ่นก็ได้รับยีนระดับเทพเจ้ามาทั้งหมดสิบสี่ยีน ถ้าเขากินซีโน่เจเนอิคขั้นบัตเตอร์ฟลายเข้าไปล่ะก็ อย่างมากเขาก็จะได้รับแค่สองถึงสามยีนเท่านั้น


น่าเสียดายที่หานเซิ่นหาซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตตัวอื่นภายในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ไม่ได้อีก เขาจึงทำแบบนั้นอีกครั้งไม่ได้


หลังจากที่กลับออกมาจากปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าเป่าอิงกำลังรอคอยเขาอยู่ด้านนอก


“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่เป่าอิง


“ฝ่าบาทต้องการพบคุณโฮลี่เบบี้” เป่าอิงพูด


‘ราชาไป๋ต้องการพบเรา? นี่เขาจะเปิดโปงตัวจริงของเราอย่างนั้นหรอ?’

หานเซิ่นพยายามคาดเดาเหตุผล เขาตามเป่าอิงไปที่ชั้นบนสุดของหอคอยเอ็กซ์ตรีมคิง


หอคอยเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นคือสถานที่ฝึกสำหรับกษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิง นอกจากกษัตริย์แล้ว ไม่มีใครเข้ามาใช้มันได้ แม้แต่สหายที่ใกล้ชิด ภรรยาหรือลูกหลานของพวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์จะเข้ามาข้างใน


ในเมื่อราชาไป๋เรียกตัวเขาไปพบที่นั่น มันก็ต้องมีเป็นเรื่องบางอย่างที่สำคัญมากๆ


หานเซิ่นรู้ว่าในตอนนี้เขาคงจะเอาชนะราชาไป๋ไม่ได้ แต่เขามั่นใจว่าสามารถหนีเอาตัวรอดได้


เป่าอิงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาข้างใน ดังนั้นเธอจึงรออยู่ข้างนอก


การตกแต่งภายในหอคอยเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างเรียบง่าย พื้นที่ภายในนั้นทำขึ้นมาจากหินที่เหมือนกับหยกสีเหลือง มันทำให้คนที่มารู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย มันแตกต่างไปจากสถาปัตยกรรมอื่นของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงโดยสิ้นเชิง


มันไม่มีซีโน่เจเนอิคหายากหรือสมบัติที่ทรงพลังอะไรอยู่รอบๆ การตกแต่งภายในนั้นเป็นอะไรที่เรียบง่ายอย่างมาก


หานเซิ่นเดินขึ้นไปยังชั้นบนสุดของหอคอยเอ็กซ์ตรีมคิง ระหว่างทางที่ขึ้นไปนั้นเขาไม่เห็นอะไรพิเศษ


“โอลี่เบบี้มาแล้วสินะ! เข้ามาข้างใน!” เสียงของราชาไป๋ดังมาจากชั้นบนสุดของหอคอย ประตูหินที่ปิดอยู่เริ่มเปิดออก


หานเซิ่นเห็นราชาไป๋กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หินหยกสีเหลือง เขาสวมชุดสบายๆ ถ้าออร่าของเขาไม่ได้เป็นอะไรที่พิเศษ มันก็คงจะบอกได้ยากว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้คือผู้นำของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง


“นั่งลง” ราชาไป๋ชี้ไปยังเก้าอี้หินที่อยู่ถัดไปจากเขา


หานเซิ่นนั่งลงตามที่ถูกบอกและถามขึ้นว่า “ฝ่าบาทเรียกหาข้าด้วยเรื่องอะไรอย่างนั้นหรอ?”


ราชาไป๋ยิ้มให้กับหานเซิ่น “ที่ข้าเรียกเจ้ามาวันนี้ ก็เพราะมีบางสิ่งที่ข้าจำเป็นต้องให้เจ้าช่วย”


“ข้านั้นอ่อนแอ แบบนั้นข้าจะช่วยฝ่าบาทได้ยังไง?” หานเซิ่นถาม


“เจ้าควรจะรู้ว่าข้ามีลูกชายและลูกสาวมากมาย ถึงแม้พวกเขาไม่ได้มีพรสวรรค์กันทุกคน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถือว่าแย่ ดังนั้นมันจึงเป็นบางสิ่งที่ทำให้ข้าลำบากใจอย่างมาก ถ้าเจ้าเป็นข้า เจ้าจะมอบบัลลังก์ให้ลูกชายหรือลูกสาวคนไหนของข้า?” ราชาไป๋กำลังคิดหนัก


หานเซิ่นแปลกใจ “นี่เป็นเรื่องสำคัญต่อทั้งเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ข้าเป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง ข้าคงจะออกความเห็นอะไรไม่ได้!”


หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าราชาไป๋จะถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนั้น


“เจ้าเป็นลูกศิษย์ของข้า ดังนั้นเจ้าไม่ใช่คนนอก ไม่มีความจำเป็นต้องกังวล แค่เจ้าบอกข้ามาตรงๆ” ราชาไป๋พูด


หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นก็พูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับลูกชายและลูกสาวของฝ่าบาท แต่ข้าเคยได้ยินว่าคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดก็คือไป๋อู๋ฉาง ขณะที่คนที่ฉลาดที่สุดคือไป๋ว่านเจี้ย”


ในตอนที่หานเซิ่นพูดแบบนั้น ความคิดที่ชั่วร้ายก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา ทั้งสองคนเป็นพี่น้องที่มีพ่อแม่คนเดียวกัน ถ้าราชาไป๋จะเลือกคนใดคนหนึ่งระหว่างพวกเขา มันก็มีโอกาสที่พวกเขาทั้งสองคนจะต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงบัลลังก์


ดูเหมือนราชาไป๋จะมองทะลุถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิด เขาหลี่ตามองไปที่หานเซิ่นและพูด

“ข้าไม่ได้ให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจ ดังนั้นเจ้าจะเลือกใครก็ได้ เจ้าแค่ต้องบอกข้ามาว่าถ้าเจ้าเป็นข้า เจ้าจะเลือกใคร”


“ถ้าเป็นข้าล่ะก็ ข้าจะเลือกไป๋ว่านเจี้ย” หานเซิ่นรู้ว่าแผนการชั่วร้ายนั้นใช้ไม่ได้ผลกับคนอย่างราชาไป๋ ดังนั้นเขาจึงแค่ตอบไปตามตรง


“เหตุผลล่ะ?” ราชาไป๋มองไปที่หานเซิ่นด้วยความสนใจ


“ไป๋ว่านเจี้ยเป็นองค์รัชทายาทเรียบร้อยแล้ว ถ้าฝ่าบาทจะเลือกคนอื่นมาเป็นองค์รัชทายาทแทน มันก็คงจะมีปัญหาตามมา แถมไป๋ว่านเจี้ยก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์มากๆ” หานเซิ่นพูด


“แต่เจ้าบอกว่าไป๋อู๋ฉางนั้นมีพรสวรรค์มากกว่า? ทำไมเจ้าถึงไม่เลือกเขา?” ราชาไป๋พูด


“มันไม่สำคัญว่าคนๆหนึ่งจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหน เขาอาจจะเป็นคนที่แข็งแกร่ง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะปกครองคนทั้งแผ่นดินได้ เมื่อเทียบกับไป๋ว่านเจี้ย ข้าคิดว่าไป๋ว่านเจี้ยจะปกครองคนได้ดีกว่า”

นั่นคือสิ่งที่หานเซิ่นรู้สึกจริงๆ เขาคิดว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้มีคุณสมบัติในการปกครองผู้คนเช่นกัน โชคดีที่เขามีซีโร่ นางฟ้า หวงฟูจิ้ง ซินเสวียนและคนอื่นๆคอยช่วยเหลือ ถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากพวกพ้อง มันก็คงจะเป็นเรื่องยากที่เขาจะปกครองดาวอุปราคาหรือสเปชการ์เด้น


ราชาไป๋พยักหน้า เขาหยุดคิดไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

“ในตอนนี้ทั้งว่านเจี้ยกับอู๋ฉาง และยังลูกชายลูกสาวอีกหลายคนเป็นระดับเทพเจ้าเรียบร้อยแล้ว ข้ามีแผนที่จะเปิดสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ให้พวกเขาเข้าไปฝึกข้างใน แต่สตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์นั้นอันตรายมากๆ ถึงแม้พวกเขาจะเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว แต่มันก็ไม่ได้รับประกันว่าพวกเขาจะกลับออกมาอย่างปลอดภัย ดังนั้นข้าต้องการคนที่จะคอยปกป้องพวกเขา ในตอนที่ชีวิตของพวกเขามีภัย คนๆนั้นจะต้องทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอด”


“มันมีเอ็กซ์ตรีมคิงยอดฝีมืออยู่รับไม่ถ้วนและหลายๆคนก็เป็นถึงขั้นทรูก็อต ฝ่าบาทส่งพวกเขาไปไม่ดีกว่าหรอ?”

หานเซิ่นรู้ว่าราชาไป๋ต้องการให้เขาคอยคุ้มครองเหล่าองค์ชายและองค์หญิง แต่เขาไม่ต้องการจะทำอะไรแบบนั้น


“ข้าหาคนอื่นมาปกป้องพวกเขาได้ แต่นั่นจะทำให้พวกเขาพึ่งพาคนที่ข้าเลือก”

ราชาไป๋พูดพร้อมกับหัวเราะ “มันจะไปขัดขวางการฝึกของพวกเขา ดังนั้นคนๆนั้นจะต้องเป็นเจ้า”


“ข้าคงจะทำเรื่องนี้ไม่ได้ ด้วยพลังอันน้อยนิด ข้าแทบจะปกป้องตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ แบบนั้นข้าจะไปปกป้องพวกเขาได้ยังไง?”

หานเซิ่นส่ายหัว เขาไม่อยากมัวเสียเวลากับเรื่องแบบนี้ เขาต้องการจะล่าซีโน่เจเนอิคเพื่อเก็บยีนระดับเทพเจ้าให้เต็มโดยเร็วที่สุด


“เจ้าทำได้ นั่นก็เพราะว่าเจ้าคือดอลลาร์” ราชาไป๋พูดด้วยรอยยิ้ม


หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘นี่เขาบอกว่าเราเป็นดอลลาร์จริงๆด้วย” หานเซิ่นไม่ได้ยอมรับ แต่เขาก็ไม่ได้พูดปฏิเสธเช่นกัน


“ทำไมฝ่าบาทถึงมอบงานที่สำคัญแบบนี้ให้กับคนนอกอย่างข้า? ฝ่าบาทไม่กังวลหรือว่าข้าจะละเลยและไม่ตั้งใจปกป้องพวกเขา? แบบนั้นลูกชายและลูกสาวของฝ่าบาทก็จะตายกันหมด” หานเซิ่นถาม


“นั่นจะไม่เกิดขึ้น” ราชาไป๋พูดด้วยความมั่นใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ทำอะไรแบบนั้น”


หานเซิ่นไม่รู้จะพูดยังไงดี เขาไม่รู้ว่าทำไมราชาไป๋ถึงได้มั่นใจในตัวเขาแบบนั้น


ราชาไป๋หยุดไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดด้วยรอยยิ้ม “ถึงแม้พวกเขาจะตายไปกันหมด ข้าก็ยังมีลูกเพิ่มได้ ข้ายังไม่ได้แก่ขนาดนั้น”


หานเซิ่นอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เขาไม่สามารถปฏิเสธงานนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงยอมรับมัน หลังจากที่เขารับผลประโยชน์จากราชาไป๋มาตั้งมากมาย มันก็เป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธคำขอของอีกฝ่าย


และนอกจากการปกป้องเหล่าองค์ชายและองค์หญิงแล้ว ราชาไป๋บอกว่าเขาจะได้ฝึกในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ด้วยเช่นกัน ราชาไป๋บอกว่านี่จะช่วยให้เขาเพิ่มระดับขึ้น


หานเซิ่นสับสนเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่เขาก็พยักหน้ายอมรับหน้าที่นี้

 

 

 


ตอนที่ 2896 เครื่องจักรที่คุ้นเคย

 

หานเซิ่นได้รับรายชื่อคนที่จะเข้าไปในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ เขาพบว่ามีชื่อของไป๋เวยอยู่ในรายชื่อนั้นด้วย และนอกจากไป๋เวยแล้ว มันยังมีองค์ชายและองค์หญิงอีกหลายคนที่เขารู้จักอย่างไป๋ว่านเจี้ย ไป๋อู๋ฉาง ไป๋หลิงซวง ไป๋ชิงเสีย ไป๋ชางลังและไป๋เจี้ยนซิง


หานเซิ่นคิดกับตัวเองว่า ‘ตอนนี้มันมีองค์ชายและองค์หญิงเป็นระดับเทพเจ้าเยอะขนาดนี้เชียว นี่มันจะต้องใช้ทรัพยากรเยอะขนาดไหนกันนะ? ตอนนี้ทรัพยากรของเอ็กซ์ตรีมคิงถูกใช้ไปจนหมดแล้วหรือยัง?’


หลังจากที่อ่านรายชื่อ หานเซิ่นก็ทำการจดจำองค์ชายและองค์หญิงทุกคนที่จะร่วมเดินทางไปด้วย ราชาไป๋พูดเหมือนกับว่าถึงองค์ชายและองค์หญิงจะตายไป มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่หานเซิ่นคิดว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้น ถ้าองค์ชายและองค์หญิงเกิดตายขึ้นมาจริงๆ มันก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าราชาไป๋จะต้องโกรธมากๆ และช่วงเวลาที่แสนสุขสบายของหานเซิ่นภายในเอ็กซ์ตรีมคิงก็อาจจะต้องจบลง


หานเซิ่นยังไม่อยากจะออกไปจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงในตอนนี้ ดังนั้นเขามีแผนที่จะทำงานนี้ให้สำเร็จ อีกอย่างเขาก็รู้สึกสนใจเกี่ยวกับสตาร์ทเตอร์คิงส์เลนด์


ราชาไป๋บอกแค่ว่าเขาจะต้องไปที่ไหน แต่ราชาไป๋ไม่ได้บอกว่ามันเป็นสถานที่แบบไหนกันแน่ เขาไม่ได้บรรยายว่าที่เป็นยังไง


ในตอนที่หานเซิ่นกลับไปที่สวน เป่าอิงก็กำลังรอคอยเขาอยู่ที่นั่น เขาบอกเธอว่าเขาจะต้องไปที่สตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ แบบนั้นเธอก็จะได้ไม่ต้องมาที่สวนอีก


เมื่อได้ยินว่าหานเซิ่นจะไปที่สตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ เป่าอิงก็ดูไม่อยากจะเชื่อ


“การไปที่สตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ มันมีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย


เป่าอิงส่ายหัว “ฝ่าบาทคงจะต้องรักมิสเตอร์โฮลี่เบบี้มากๆ ในอดีตมีแค่องค์ชายและองค์หญิงเท่านั้นที่ได้เข้าไปในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ ข้าไม่เคยคาดคิดว่าฝ่าบาทจะอนุญาตให้ท่านเข้าไปในนั้นด้วย”


“เจ้ารู้ไหมว่าสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์นั้นเป็นสถานที่แบบไหน?” หานเซิ่นต้องการจะรู้เกี่ยวกับสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ให้มากขึ้น


เป่าอิงส่ายหัว “มีเพียงแค่องค์ชายและองค์หญิงเท่านั้นที่เข้าไปได้ อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นภายในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ไม่เคยถูกพูดถึงในตอนที่พวกเขากลับออกมา ข้าไม่ได้รู้อะไรมาก ข้ารู้แค่ว่าสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์เป็นสถานที่ลับที่ถูกทิ้งไว้โดยเอ็กซ์ตรีมคิงอัลฟ่า มันเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับทดสอบความกล้าขององค์ชายและองค์หญิงเพื่อเลือกคนที่จะขึ้นครองบัลลังก์ โดยปกติแล้วคนที่ทำผลงานภายในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ได้ดีมีโอกาสสูงที่จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ แต่มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ไม่ใช่สายเลือดของฝ่าบาท ข้าจึงคิดว่ามันไม่ได้สำคัญว่ามิสเตอร์โฮลี่เบบี้จะทำผลงานได้ดีสักแค่ไหน มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ก็จะไม่ได้อะไรจากมัน”


หลังจากนั้นเป่าอิงก็พยายามเตือนหานเซิ่นว่าอย่าได้ไปล่วงละเมิดองค์ชายและองค์หญิง


“นี่ดูจะเป็นอะไรที่น่าสนใจ” หานเซิ่นลูบคางอย่างครุ่นคิด

‘ทำไมราชาไป๋ถึงให้เราเข้าไปในสถานที่แบบนั้นกัน? นี่เขาวางแผนอะไรบางอย่างเอาไว้อย่างนั้นหรอ?’


แต่ไม่ว่ามันจะเป็นยังไงก็ตาม หานเซิ่นก็จำเป็นต้องไปที่นั่น ตอนนี้เขารู้สึกสงสัยเกี่ยวกับสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์มากกว่าเดิม


เอ็กซ์ตรีมคิงอัลฟ่านั้นคือคนรับใช้ของผู้นำเซเคร็ด สิ่งที่เขาทิ้งเอาไว้อาจจะเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ


เมื่อถึงเวลานัดพบ ในตอนที่หานเซิ่นไปที่ทางเข้าของสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ เหล่าองค์ชายและองค์หญิงก็ได้มารวมตัวกันพร้อมแล้ว ในตอนที่พวกเขาเห็นหานเซิ่นปรากฏตัว พวกเขาก็ดูสับสน


“เอาล่ะ ทุกคนมาพร้อมกันแล้ว” ไป๋ปู้อีพูด

“สตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์กำลังจะเปิดออก พวกเจ้าต้องจำเอาไว้ให้ดีว่าสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์เป็นสถานที่ที่อันตรายมากๆ ทุกครั้งที่กลุ่มองค์ชายและองค์หญิงเดินทางเข้าไป มันมักจะมีคนตายบ่อยครั้ง สตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์จะเปิดเพียงแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น มันจะปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว พวกเจ้าต้องรอเป็นเวลาหนึ่งเดือนก่อนที่พวกเจ้าจะออกมาได้ ในช่วงเวลานั้นแม้แต่ยอดฝีมือขั้นทรูก็อตก็เข้าไปข้างในไม่ได้ ดังนั้นพวกเจ้าต้องระมัดระวังให้มากและช่วยเหลือกันและกัน ถ้าพวกเจ้าไม่ร่วมมือกัน มันก็ไม่มีใครจะช่วยพวกเจ้าได้”


องค์ชายดาบดารามองไปที่หานเซิ่นและพูด “ลุงสอง โฮลี่เบบี้ไม่ใช่สายเลือดของท่านพ่อ ทำไมเขาถึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์?”


เหล่าองค์ชายและองค์หญิงหันไปมองที่หานเซิ่น พวกเขาเองก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน พวกเขาคิดว่าการให้ซีโน่เจเนอิคเข้าไปในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์นั้นถือว่าเป็นอะไรที่บ้ามากๆ


“นี่คือพระบัญชาของฝ่าบาท” ไป๋ปู้อีพูด

“ถ้าพวกเจ้ามีคำถามอะไร พวกเจ้าก็ควรไปถามกับฝ่าบาทเอง”


เมื่อได้ยินแบบนั้น องค์ชายดาบดาราก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่จ้องไปที่หานเซิ่นด้วยความโกรธ


หานเซิ่นยักไหล่โดยที่ไม่พูดอะไร เขาแค่มาคอยปกป้องชีวิตของเหล่าองค์ชายและองค์หญิง หานเซิ่นไม่สนใจว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ถ้าพวกเขาโง่พอที่จะมาหาเรื่องหานเซิ่น หานเซิ่นก็ไม่รังเกียจที่จะสั่งสอนบทเรียนพวกเขา ตราบใดที่หานเซิ่นไม่ได้ฆ่าพวกเขา ทุกอย่างก็จะไม่เป็นอะไร


แน่นอนว่าหานเซิ่นยังรับหน้าที่บันทึกผลงานของพวกเขาภายในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ ถึงแม้หานเซิ่นไม่ได้มีแผนที่จะบันทึกอะไรที่ไม่จำเป็น แต่ถ้าพวกเขารนหาที่จริงๆ หานเซิ่นก็ไม่รังเกียจที่จะไปบรรยายให้ราชาไป๋ฟังว่าพวกเขานั้นโง่เง่าและไม่ได้เรื่องแค่ไหน มันจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของราชาไป๋ว่าใครที่ควรจะได้ขึ้นครองบัลลังก์


“ได้เวลาแล้ว! ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนต้องเข้าไปในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์” ไป๋ปู้อีพูด เขาเดินไปที่ด้านหน้าปราสาทและเปิดประตู


เหล่าองค์ชายและองค์หญิงมองเข้าไปข้างใน พวกเขาแค่เคยได้ยินเกี่ยวกับสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ แต่พวกเขาไม่เคยเข้าไปข้างในมาก่อน ดังนั้นพวกเขาเองก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็น


ภายในปราสาท หานเซิ่นเห็นเครื่องมือมากมายที่เขาคุ้นเคย


“นี่มัน…คงไม่ได้เป็นเครื่องจักรของคริสตัลไลเซอร์หรอกใช่ไหม”

หานเซิ่นแปลกใจ เขามองเข้าไปในปราสาทและเห็นเครื่องจักรนับไม่ถ้วนที่ถูกสร้างขึ้นมาจากคริสตัล พวกมันส่องแสงระยิบระยับอย่างแปลกประหลาด มันดูเหมือนกับห้องควบคุมของคริสตัลไลเซอร์ที่ครั้งหนึ่งหานเซิ่นเคยเข้าไป


ไป๋ปู้อีนำกลุ่มองค์ชายและองค์หญิงเข้าไปในปราสาท เขาชี้ไปยังเครื่องจักรที่เป็นภาชนะคริสตัลและพูด “พวกเจ้าเข้าไปยืนในนั้น”


กลุ่มขององค์ชายและองค์หญิงเดินเข้าไปในภาชนะคริสตัล ภาชนะคริสตัลนั้นมีความยาวหกสิบฟุต ดังนั้นองค์ชายและองค์หญิงยี่สิบคนสามารถเข้าไปยืนอยู่ข้างในโดยไม่รู้สึกว่าคับแคบ


หานเซิ่นมองเครื่องจักรคริสตัลที่ดูเหมือนกับเครื่องจักรของคริสตัลไลเซอร์และคิดกับตัวเอง

‘ของพวกนี้เป็นเครื่องจักรของคริสตัลไลเซอร์ที่เอ็กซ์ตรีมคิงอัลฟ่าได้มาอย่างนั้นหรอ? เดิมทีแล้วพวกมันเป็นของเซเคร็ด?’


ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิด ไป๋ปู้อีก็ไปยืนอยู่หน้ากำแพงคริสตัลที่ดูเหมือนกับแผงควบคุม ทุกครั้งที่เขาสัมผัสกับกำแพงคริสตัล มันจะมีแสงแว็บขึ้นมา


ขณะที่ไป๋ปู้อีทำแบบนั้น หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าภาชนะคริสตัลเริ่มจะหมุน ที่ฐานก็กำลังหมุนในทิศทางตรงกันข้ามกับภาชนะคริสตัล โปรแกรมแบบนี้ทำให้หานเซิ่นคิดไปถึงเครื่องจักรสำหรับเทเลพอร์ตที่ใช้กันในสหพันธ์


แต่เครื่องเทเลพอร์ตของสหพันธ์นั้นไม่ได้เป็นเทคโนโลยีของคริสตัลไลเซอร์ พวกมันมีข้อจำกัดอยู่มากมาย และมันก็ไม่สามารถเทเลพอร์ตคนหลายคนพร้อมกันได้


“สิ่งนี้คืออะไรกันแน่?” หานเซิ่นอยากรู้มากๆ เขาอยากรู้ว่าสถานที่ที่เรียกว่าสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์คืออะไร


ตูม!

หานเซิ่นรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมของเขาเริ่มบิดเบี้ยว มันเป็นความรู้สึกเดียวกันตอนที่เขาใช้เครื่องเทเลพอร์ตในสหพันธ์ ในตอนที่สายตาของเขาหยุดหมุน เขาก็สังเกตได้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ภายในภาชนะคริสตัลอีกแล้ว

 

 

 


ตอนที่ 2897 ปราสาทแดง

 

ในตอนที่สายตาพวกเขากลับมามองเห็นอีกครั้ง สิ่งที่เห็นก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจ พวกเขาอยู่ในปากของซีโน่เจเนอิคขนาดยักษ์ แต่หลังจากที่มองดูดีๆ พวกเขาก็ค้นพบว่ามันเป็นปากของซีโน่เจเนอิคที่ตายไปแล้ว


โครงกระดูกของซีโน่เจเนอิคยักษ์นั้นดูเหมือนกับโครงกระดูกของไดโนเสาร์ที่มีปีกอยู่บนหลัง แต่มันมีแค่กระดูกเท่านั้นที่เหลืออยู่


บนพื้นใต้โครงกระดูกของซีโน่เจเนอิค ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะกลายเป็นหิน พื้นผิวนั้นดูหยาบมากๆ มันมีรอยแกะสลักที่เป็นสัญลักษณ์และลวดลายต่างๆอยู่บนกระดูก มันมีคริสตัลประหลาดอยู่บนสัญลักษณ์และลวดลายพวกนั้น


“นี่คือมังกรปีศาจอวกาศ…” ไป๋ชางลังพูดขณะที่จ้องไปที่โครงกระดูก


“นี่จะต้องเป็นโครงกระดูกของมังกรปีศาจอวกาศขั้นทรูก็อต ตำนานกล่าวว่ามังกรปีศาจอวกาศนั้นมีพลังในการเทเลพอร์ต ท่านอัลฟ่าใช้กระดูกของมังกรปีศาจอวกาศขั้นทรูก็อตเพื่อสร้างเครื่องเทเลพอร์ตขึ้นมา มันเป็นอะไรที่แพงมากๆ” ไป๋ว่านเจี้ยพูด


องค์ชายและองค์หญิงทั้งหมดรู้สึกชื่นชมวิธีการของเอ็กซ์ตรีมคิงอัลฟ่า แต่หานเซิ่นไม่ได้คิดว่าสถานที่แห่งนี้จะถูกสร้างขึ้นโดยเอ็กซ์ตรีมคิงอัลฟ่า


ขณะที่พวกเขาเดินออกไปจากโครงกระดูกของมังกรปีศาจอวกาศ พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนเกาะแห่งหนึ่ง มันมีทะเลล้อมรอบ แต่น้ำทะเลนั้นดำมืดราวกับหมึกและมันไม่มีคลื่น


หานเซิ่นมองไปที่ด้านซ้ายของเกาะและสังเกตเห็นสะพานไม้ มันเป็นเส้นทางที่ใช้ข้ามทะเล ถึงแม้ในทะเลจะเต็มไปด้วยเมฆหมอก แต่พวกเขาก็ยังเห็นว่าที่ปลายของสะพานไม้นั้นคือเกาะอีกเกาะหนึ่ง


เนื่องจากเมฆหมอกนั้นหนามากๆ พวกมันจึงขัดขวางแสงสว่างที่จะส่องลงมา ซึ่งทำให้การมองเห็นของพวกเขานั้นแย่ลงไป พวกเขาเห็นแค่เงาลางๆของเกาะเท่านั้น


องค์ชายและองค์หญิงส่วนใหญ่พยายามใช้วิชาจีโนเพื่อมองไปที่เกาะ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิชาแบบไหน พวกเขาก็ไม่สามารถมองทะลุผ่านเมฆหมอกสีเทาที่บดบังเกาะไปได้


องค์ชายดาบดาราพูดขึ้นมา “ดูเหมือนว่าเกาะนั่นจะเป็นจุดหมายปลายทางของพวกเรา พวกเราควรไปที่เกาะนั่นก่อน” เขาเริ่มบินออกไปที่เกาะนั่น


เขาบินขึ้นไปได้ประมาทเก้าฟุต ก่อนที่จะมีเสียงร้องดังขึ้นมา องค์ชายดาบดาราถูกกดลงกับพื้น มันเหมือนกับว่าตัวเขากำลังถูกแม่เหล็กดูด


เนื่องจากองค์ชายดาบดาราไม่ได้ทันตั้งตัว เขาจึงร่วงลงมากระแทกกับพื้นอย่างแรง


“อาณาเขตจำกัดการเคลื่อนไหวทางอากาศ” ไป๋ว่านเจี้ยพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว


ความสูงแค่นั้นมากพอจะทำให้องค์ชายดาบดาราร่วงลงมาแบบนั้นได้ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นอาณาเขตจำกัดการเคลื่อนไหวทางอากาศ


“เพราะแบบนี้นี่เองมันถึงได้มีสะพานไม้อยู่” ไป๋หลิงซวงพูดขณะที่มองไปที่สะพานไม้


เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับองค์ชายดาบดารา มันก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเสี่ยงๆอีก พวกเขาสังเกตการณ์อยู่สักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจว่าสะพานนั้นคือหนทางเดียวที่จะไปต่อ องค์ชายและองค์หญิงก้าวขึ้นไปบนสะพานเพื่อเดินไปยังเกาะที่อยู่ตรงหน้า


“ทะเลนี่มันคืออะไรกัน? น้ำนั้นดำมืดเหมือนกับหมึก ข้าไม่เห็นอะไรที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำเลย แถมมันยังไม่มีคลื่นราวกับว่ามันไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆภายในน้ำ” องค์ชายดาบดารามองลงไปในทะเล ขณะที่เดินข้ามสะพาน ดูเหมือนเขาจะกำลังรำคาญ


ความรู้สึกรำคาญนี้เป็นสิ่งที่มาจากความกังวลใจ ในตอนที่หานเซิ่นมองไปที่ทะเลสีดำ เขาเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน เขาไม่สามารถโทษองค์ชายดาบดาราที่รู้สึกแบบนั้นได้


องค์ชายและองค์หญิงคนอื่นๆก็รู้สึกเช่นเดียวกัน พวกเขาแค่ไม่ทำเหมือนอย่างองค์ชายดาบดาราและแสดงมันออกมาให้คนอื่นเห็น


“เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงคงจะไม่พาองค์ชายและองค์หญิงของพวกเขามาเจอกับอันตรายหรอกใช่ไหม?” หานเซิ่นมองไปที่เหล่าองค์ชายและองค์หญิง แต่สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่ไป๋เวย


ไป๋เวยดูเป็นผู้หญิงกว่าก่อนหน้านี้ ถึงแม้เธอจะยังอายุน้อย แต่บรรยากาศรอบๆตัวเธอนั้นไม่เข้ากันกับอายุของเธอ


“ดูเหมือนว่าไป๋เวยจะเติบโตขึ้นมาก” หานเซิ่นถอนหายใจ เขาหันไปมองทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการจ้องไปที่เธอมากจนเกินไป ไม่อย่างนั้นเธออาจจะผิดสังเกต


สะพานนั้นมีความยาวสามสิบถึงสี่สิบไมล์ ตลอดการเดินทางพวกเขารู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก แต่มันไม่ได้มีเหตุการณ์อันตรายอะไรเกิดขึ้น ในระยะที่ไกลออกไป พวกเขาเห็นเกาะที่ดูเหมือนกับเกาะภูเขาไฟ บริเวณรอบๆเกาะนั้นต่ำมากๆ ขณะที่จุดสูงกลางของเกาะสูงเหมือนกับภูเขาไฟ มันมีปราสาทโลหะสีแดงตั้งอยู่บนยอดของภูเขา


หานเซิ่นมองไปที่ปราสาทและเห็นป้ายเหนือปราสาทมีตัวอักษรสากลของจักรวาลเขียนเอาไว้ มันอ่านได้ว่า “วิหารแดง”


หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ คำว่า “วิหาร” นั้นมักจะไม่ได้ถูกใช้กันในจักรวาลจีโน วิหารที่หานเซิ่นรู้จักคือที่ที่เทพสปิริตอยู่อาศัย


ปราสาทโลหะนี้มีชื่อว่าวิหารแดง หานเซิ่นคิดว่ามันค่อนข้างแปลก


‘นี่คือวิหารของพระเจ้าที่มีเทพสปิริตอยู่ภายในสินะ ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะไม่มีคำว่าวิหารอยู่’

เมื่อหานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมัน มันก็ทำให้เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเดิม เขาสงสัยว่าข้างในวิหารแดงมีอะไรอยู่กันแน่


ก่อนที่องค์ชายและองค์หญิงทุกคนจะลงจากสะพานไม้ จู่ๆไป๋ว่านเจี้ยก็พูดขึ้นว่า “รอเดี๋ยวก่อน”


ทุกคนหันไปมองที่ไป๋ว่านเจี้ย พวกเขาไม่เข้าใจว่าไป๋ว่านเจี้ยหมายความว่ายังไง


“นี่องค์รัชทายาทรู้อะไรอย่างนั้นหรอ?” องค์ชายชิงเสียถาม


ไป๋ว่านเจี้ยชี้ไปที่ด้านข้างของสะพานไม้ มันมีป้ายไม้ที่เขียนเอาไว้ว่า

“กองทัพนับพันข้ามสะพานไม้ทีละคน วิหารแดงเหลือแค่อันเดด”


ก่อนหน้านี้ความสนใจของทุกคนถูกดึงไปที่วิหารแดง พวกเขาไม่ได้สังเกตสะพานเลย ตอนนี้ไป๋ว่านเจี้ยดึงความสนใจของพวกเขาไปที่ป้ายของสะพาน


ไป๋หลิงซวงไม่เข้าใจความหมายของมัน ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ไป๋ว่านเจี้ยและถาม

“องค์รัชทายาทรู้อย่างนั้นหรอว่ามันหมายความว่ายังไง?”


ไป๋ว่านเจี้ยส่ายหัว “ข้าไม่รู้”


องค์ชายชิงเสียพูด “กองทัพนับพันข้ามสะพานไม้ทีละคนนั้นเข้าใจไม่ยาก มันหมายความว่าผู้คนที่ข้ามสะพานนั้นจะข้ามได้แค่ทีละคนเท่านั้น ถ้ามันจะบอกว่ามีแค่หนึ่งในพวกเราที่จะข้ามสะพานนี้ไปได้ มันก็จะไม่สมเหตุสมผลไปหน่อย มันยังบอกอีกวิหารแดงเหลือเพียงแค่อันเดด อันเดดนั่นหมายถึงพวกเรา หรือผู้คนในวิหารแดง ไม่มีใครรู้ได้”


“ในเมื่อพวกเรามาถึงที่นี่เรียบร้อยแล้ว มันก็ไม่ประโยชน์อะไรที่จะถอยกลับ” ไป๋ชางลังพูด

“พวกเราควรไปที่วิหารแดงนั่นก่อน” เขาเดินออกข้างหน้าและก้าวลงจากสะพานไป


เมื่อเห็นว่าไป๋ชางลังทำตัวกล้าหาญ หานเซิ่นก็ยิ้มออกมา เขาสามารถคาดเดาถึงความคิดของไป๋ชางลังได้


กองทัพนับพันข้ามสะพานทีละคนนั้นจะต้องหมายถึงอะไรบางอย่าง บางทีคนแรกที่ข้ามสะพานไปอาจจะได้รับบางอย่าง ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ไป๋ชางลังทำแบบนั้น มันไม่ใช่ว่าเขาเกิดมาเป็นคนกล้า แถมขณะที่เขาเดินไป เขาก็ระวังตัวอย่างที่สุด


เมื่อองค์ชายและองค์หญิงคนอื่นเห็นว่าไป๋ชางลังลงจากสะพานไปโดยไม่มีอันตรายใดๆ พวกเขาก็รีบตามไป


เมื่อเห็นว่าองค์ชายและองค์หญิงคนอื่นลงจากสะพานมาอย่างปลอดภัยกันทั้งหมด ไป๋ชางลังก็ดูผิดหวังเล็กน้อย


พวกเขาเดินขึ้นบันไดของวิหารแดงไป พวกเขาสังเกตเห็นว่าวิหารทั้งหลังนั้นถูกทำขึ้นมาจากโลหะ ถ้ามองจากระยะไกลมันจะดูเหมือนกับเปลวไฟ


ปัง!

ในตอนที่ทุกคนกำลังตรวจเช็ควิหารแดงอยู่ พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา ประตูของวิหารแดงกำลังเปิดออกด้วยตัวมันเอง

 

 

 


ตอนที่ 2898 อันเดด

 

ในตอนที่เหล่าองค์ชายและองค์หญิงก้าวเข้าไปในปราสาท พวกเขาก็พยายามรวบรวมพลังของตัวเอง ไม่มีใครกล้าจะเล่นตลกกับชีวิตของตัวเอง


หานเซิ่นเองก็รวบรวมพลังอย่างลับๆ เขามองไปรอบๆวิหารแดง แต่เขาไม่เห็นแท่นบูชาอะไร นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจขึ้นมา


แต่ทว่าหานเซิ่นเห็นกล่องโลหะที่ดูเหมือนกับโลงศพวางอยู่อย่างเงียบๆภายในวิหารแดง


กล่องนั้นดูเหมือนกับว่าถูกทำขึ้นมาจากโลหะสีแดง ด้านหนึ่งนั้นค่อนข้างใหญ่ ขณะที่อีกด้านหนึ่งค่อนข้างเล็ก มันสูงสามฟุตและยาวหกฟุต มันดูเหมือนกับโลงศพที่ใหญ่เป็นพิเศษ


นอกจากโลงศพแล้ว วิหารแดงนั้นว่างเปล่า มันไม่มีอะไรอย่างอื่นให้พบเห็น


ก่อนจะมาที่นี่ไม่มีใครบอกเหล่าองค์ชายและองค์หญิงว่ามีอะไรอยู่ภายในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ พวกเขาจึงสับสนมากๆ มันไม่มีใครกล้าจะทำอะไรบุ่มบ่าม


หลังจากนั้นก็มีเสียงดังออกมาจากวิหารแดงอีกครั้ง ฝาของโลงศพโลหะกำลังถูกเปิดออกด้วยตัวของมันเอง


ก่อนที่หานเซิ่นและเหล่าองค์ชายและองค์หญิงจะเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในโลงศพโลหะ มันก็มีบางสิ่งออกมาจากโลงศพโลหะนั้น


หานเซิ่นเห็นว่าสิ่งที่ออกมาจากโลงศพโลหะนั้นคือคนๆหนึ่ง แต่ร่างกายของคนๆนั้นไม่ได้ประกอบไปด้วยเนื้อหนัง ร่างกายของเขาเป็นคริสตัลกึ่งโปร่งใสแทน


ตัวร่างกายที่เป็นคริสตัลนั้นไม่มีสี แต่ภายในคริสตัลมีเส้นเลือดและอวัยวะภายในที่ส่องแสงสีแดงออกมา มันทำให้ทั้งร่างกายส่องแสงสีแดงไปด้วย


“นั่นมันอะไร?” ไป๋หลิงซวงถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


ก่อนที่จะมีใครตอบอะไร สิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นก็ลืมตาขึ้นมา ทันทีที่มันลืมตาขึ้น มันก็พุ่งออกไปข้างหน้าราวกับแสงเลเซอร์ พร้อมกับชกหมัดที่ห่อหุ้มไปด้วยแสงสีแดงไปใส่ไป๋ชางลังที่อยู่ด้านหน้าสุด


ไป๋ชางลังหยิบมีดออกมาและฟันออกไปในทิศทางของสิ่งมีชีวิตที่กำลังเข้ามา


มีดของไป๋ชางลังเป็นเหมือนกับคลื่นทะเล ในช่วงเวลาสั้นๆไม่มีใครรู้ว่าเขาฟันออกไปทั้งหมดกี่ครั้ง หลังจากนั้นการฟันทั้งหมดก็รวมเข้าด้วยกันเป็นมีดแสงหนึ่งเดียวที่มีพลังเทียบได้กับขั้นทรานส์มิวเทชั่น


ปัง!

แต่เมื่อมีดแสงปะทะเข้ากับแสงสีแดง มีดแสงก็ถูกทำลาย ไป๋ชางลังรู้สึกตกใจ ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถหลบหลีกหมัดที่เข้ามาได้ทัน


เหล่าองค์ชายและองค์หญิงเริ่มปลดปล่อยพลังของพวกเขาออกมา ไป๋หลิงซวงปล่อยแสงที่หนาวเย็นออกมา เขาต้องการจะแช่แข็งศัตรูที่เข้ามา แต่เมื่อมันไปปะทะกับแสงสีแดง แสงที่หนาวเย็นของไป๋หลิงซวงก็ถูกละลาย มันไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้


เหล่าองค์ชายและองค์หญิงร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู แต่ถึงพวกเขาจะร่วมมือกัน พวกเขาก็ฆ่าศัตรูคนนี้ไม่ได้ ร่างกายของมันเรืองแสงสีแดงที่ดูเหมือนกับว่าจะทำลายพลังทุกรูปแบบที่มาสัมผัสได้ แค่หมัดหนึ่งของมันก็สามารถสยบองค์ชายและองค์หญิงได้มากมาย แม้แต่ไป๋ว่านเจี้ยก็ทำอะไรมันไม่ได้


“ทำไมวิชาหมัดของมันถึงได้คล้ายคลึงกับหมัดช็อกกิ้งสกายของเอ็กซ์ตรีมคิง?” ไป๋เวยถามขึ้นมา


ทุกคนสามารถบอกได้ว่าวิชาที่อีกฝ่ายใช้นั้นคล้ายคลึงกับหมัดช็อคกิ้งสกายของเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ในตอนที่อีกฝ่ายใช้มันนั้น มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป มันดูเป็นอะไรที่ชั่วร้ายกว่ามาก


“ดูเหมือนว่านี่จะเป็นบททดสอบที่ท่านอัลฟ่ามอบให้กับพวกเรา ข้างในนี้มันแคบเกินกว่าจะทำการต่อสู้แบบเป็นกลุ่ม ในตอนนี้พวกเราควรถอยออกไปก่อน” ไป๋ว่านเจี้ยพูดและรีบถอยออกไปจากปราสาท


คนอื่นๆก็ออกมาจากปราสาทเช่นกัน สิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นไล่ตามพวกเขาออกไปข้างนอก ร่างกายของมันดูคล้ายคลึงกับเอ็กซ์ตรีมคิงและมนุษย์ แต่ร่างกายของมันทำขึ้นมาจากคริสตัล และบนหัวของมันก็ไม่มีเส้นผม มันดูเหมือนกับรูปปั้นคริสตัล


หานเซิ่นยังไม่ได้ทำอะไร เขาแค่มองดูเหล่าองค์ชายและองค์หญิงอยู่ห่างๆ สิ่งมีชีวิตประหลาดนี้เป็นเพียงแค่ขั้นพริมิทีฟเท่านั้น ถึงแม้มันจะเป็นขั้นพริมิทีฟระดับท็อป แต่ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆก็ควรจะรับมือกับมันได้


“พี่น้องทุกท่าน ได้โปรดถอยออกไป” องค์ชายชิงเสียพูด

“ให้ข้าเป็นคนสู้กับมอนสเตอร์นี่”


องค์ชายชิงเสียถูกกล่าวขานว่าเป็นองค์ชายที่งดงามที่สุด เขาเคยต่อสู้กับหานเซิ่นโดยใช้เฮเทร็ดไทม์เท็น


แต่เมื่อก่อนเฮเทร็ดไทม์เท็นขององค์ชายชิงเสียนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ตอนนี้เมื่อเขาเป็นระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทิฟ เขาก็สามารถฝึกวิชาจีโนนั่นจนถึงขั้นสูงสุด


ในตอนที่องค์ชายชิงเสียปลดปล่อยโซ่สสารสีเขียวออกมา เขาก็ชกหมัดออกไปปะทะกับหมัดของศัตรู


ปัง!

แสงสีเขียวและแสงสีแดงปะทะกัน มันไม่สามารถบอกได้ว่าฝ่ายไหนชนะ เพราะแสงของทั้งสองฝ่ายถูกทำลายไปทั้งคู่


“วิชาเฮเทร็ดไทม์เท็นของน้องชิงเสียนี้ร้ายกาจจริงๆ”

ไป๋ว่านเจี้ยพูดขึ้นมา “ข้าเดิมพันว่านั่นจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นพริมิทีฟระดับท็อป น้องชิงเสียเพิ่งจะกลายเป็นขั้นพริมิทีฟ แต่เขาก็ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตนั่นได้อย่างสูสี นั่นเป็นอะไรที่หาได้ยาก”


“ร่างกายของน้องชิงเสียอ่อนแอ แต่เขากลับเรียนรู้วิชาจีโนที่แข็งกร้าวอย่างเฮเทร็ดไทม์เท็น มันเป็นอะไรที่หาได้ยากจริงๆนั่นแหละ” ไป๋หลิงซวงพูด


ในตอนแรกพวกเขารู้สึกตกใจกับสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ออกมาจากโลงศพ และความแคบของห้องโถงก็ยังทำให้พวกเขาตื่นตระหนก พวกเขาจึงไม่สามารถรับมือกับมันได้อย่างเต็มที่


ตอนนี้เมื่อเห็นว่าศัตรูเป็นแค่สิ่งมีชีวิตขั้นพริมิทีฟระดับท็อปที่ดูเหมือนจะใช้ได้แค่วิชาที่หมัดช็อกกิ้งสกายของเอ็กซ์ตรีมคิง พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกอีกและเริ่มหันมาชื่นชมการต่อสู้


หานเซิ่นที่อยู่ใกล้ๆกำลังจับจ้องไปยังสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ออกมาจากโลงศพ มันทำให้หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆ มันดูไม่เหมือนกับซีโน่เจเนอิค ความจริงแล้วมันให้ความรู้สึกที่คุ้นเคย แต่หานเซิ่นแน่ใจว่าเขาไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตแบบนี้มาก่อน


“แปลกจริงๆ ความรู้สึกที่คุ้นเคยนี่มาจากไหนกัน?” หานเซิ่นลูบคางอย่างครุ่นคิด


หานเซิ่นตรวจเช็คมันอย่างละเอียด แต่เขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าทำไมมันถึงให้ความรู้สึกที่คุ้นเคย


ปัง!

ถึงแม้สิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นจะแข็งแกร่ง แต่มันก็ค่อนข้างโง่ มันใช้ได้แค่วิชาจีโนที่คล้ายกับหมัดช็อคกิ้งสกายของเอ็กซ์ตรีมคิง ขณะที่องค์ชายชิงเสียสามารถปรับเปรียนการใช้วิชาจีโนของเขาได้ เขาชกไปถูกร่างของศัตรูด้วยเฮเทร็ดไทม์เท็น โซ่สสารสีเขียวของเขาทำลายร่างคริสตัลที่โปร่งใสของอีกฝ่ายจนแตกกระจาย


ร่างกายที่แตกกระจายไปนั้นละเหยเหมือนกับน้ำและกลายเป็นอากาศธาตุ


“เดี๋ยวก่อนนะ…ความรู้สึกนี้…นี่มัน…” หานเซิ่นมองไปยังสิ่งมีชีวิตคริสตัลที่สลายไป และหัวของเขาก็รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าผ่าใส่


หัวใจของเขาเต้นรัว เขาวิ่งไปที่ประตูของวิหารแดง เขาต้องการจะมองผ่านประตูไปเพื่อยืนยันสิ่งที่คิด


ก่อนที่เขาจะไปถึงประตู มันก็มีเสียงดังขึ้นมาจากภายในวิหารแดง มันเป็นเสียงที่เหมือนกับเสียงของหุ่นยนต์

“อันเดดระดับเริ่มต้นถูกฆ่า”


หลังจากที่ได้ยินเสียงนั้น หานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงการสั่นไหวที่รุนแรง มีสะพานผุดขึ้นมาจากทะเลด้านหลังวิหารสีแดง มันทอดยาวไปสู่ขอบฟ้า

 

 

 


ตอนที่ 2899 วิหารเหลือง

 

ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆไม่ได้ประหลาดใจอะไร พวกเขาจะประหลาดใจมากกว่าถ้าการทดสอบของสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์นั้นเป็นอะไรที่ง่าย ดังนั้นนี่ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมาย


“ถ้าพวกเราผ่านการทดสอบแรกได้แล้ว พวกเราก็ไปกันต่อเถอะ” ไป๋ว่านเจี้ยพูดและเริ่มเดินออกไปหาสะพานที่ลอยขึ้นมาจากทะเล


องค์ชายและองค์หญิงคนอื่นๆเดินตามไป แต่หานเซิ่นไม่ได้ทำแบบนั้น เขาเดินผ่านประตูของวิหารแดงเพื่อเข้าไปดูข้างใน


ทันใดนั้นโลงศพโลหะก็เปิดออกอีกครั้งหนึ่ง และหานเซิ่นก็เห็นมอนสเตอร์คริสตัลที่มีร่างกายโปร่งใสออกมาจากโลงศพ


“จริงๆด้วย สิ่งมีชีวิตนี่ดูเหมือนกับสปิริต แต่มันไม่ได้เหมือนซะทีเดียว” หานเซิ่นมองไปยังอันเดดที่โปร่งใสอย่างครุ่นคิด


ในตอนที่อันเดดปรากฏตัวออกมา มันก็ชกหมัดเข้าใส่หานเซิ่น หานเซิ่นไม่ได้พยายามจะตอบโต้อะไร เขาต้องการจะรับหมัดตรงๆเพื่อสัมผัสพลังของมัน


ด้วยพลังของหานเซิ่นในตอนนี้ ถึงแม้เขาจะรับหมัดนั้นตรงๆ เขาก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร อย่างมากเขาก็คงจะรู้สึกเหมือนถูกยุงกัด


แต่หมัดที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีแดงของอันเดดมาไม่ถึงตัวหานเซิ่น มีหมัดของอีกคนชกเข้ามาปะทะกับมันซะก่อน มันทำให้อันเดดกระเด็นออกไปด้านหลัง


หานเซิ่นหันกลับไปมองและเห็นไป๋เวยที่โซเซออกไปด้านหลัง


“ที่นี่มันอันตราย เจ้าควรถอยออกไป!” ไป๋เวยพูด หลังจากนั้นเธอก็เข้าไปปะทะกับอันเดดอีกครั้ง


มันเป็นหมัดช็อคกิ้งสกายปะทะหมัดช็อคกิ้งสกาย ไป๋เวยและอันเดดนั้นต่อสู้กันอย่างดุเดือด


หมัดช็อกกิ้งสกายของไป๋เวยนั้นทรงพลังมากๆ แต่หมัดช็อคกิ้งสกายของอันเดดก็เป็นอะไรที่แปลกประหลาด มันยากที่จะตัดสินได้ว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะ


หมัดช็อคกิ้งสกายของไป๋เวยเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆในระหว่างการต่อสู้ ไม่นานเธอก็เริ่มใช้หมัดช็อกกิ้งสกายของอันเดด หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่าไป๋เวยกำลังใช้อันเดดเพื่อฝึกหมัดช็อคกิ้งสกายของตัวเอง


พรสวรรค์ของเธอนั้นสูงมากๆ ในเวลาเพียงไม่นานเธอก็ใช้หมัดช็อกกิ้งสกายของอันเดดได้อย่างคล่องแคล่ว


ปัง!

อันเดดถูกชกและแตกกระจายเป็นชิ้นๆก่อนที่จะละเหยเหมือนกับน้ำ


“อันเดดระดับเริ่มต้นถูกฆ่า” เสียงที่เหมือนกับหุ่นยนต์ดังขึ้นจากวิหารแดงอีกครั้ง และโลงศพโลหะก็ปิดตัวเองในทันที


ไป๋หลิงซวงยิ้มและเดินเข้าไปหาไป๋เวยขณะที่พูดขึ้นว่า “ไป๋เวย วิชาหมัดของเจ้าพัฒนาขึ้นมาก”


“ขอบคุณพี่สิบ มันเป็นเพียงแค่วิชาพื้นฐานของเอ็กซ์ตรีมคิง” ไป๋เวยตอบ


ขณะที่เธอกำลังพูดคุยกัน โลงศพโลหะก็เปิดขึ้นอีกครั้งและมีอันเดดที่เหมือนกันออกมาอีก


ปัง!

ในจังหวะที่อันเดดเพิ่งจะออกมา ไป๋หลิงซวงก็สะบัดมือของเธอ แสงน้ำแข็งพุ่งไปแช่ร่างกายของอันเดดจนกลายเป็นน้ำแข็งก่อนที่จะแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


หลังจากที่คุ้นเคยกับรูปแบบการโจมตีและการเคลื่อนไหวของอันเดดนี่แล้ว เหล่าองค์ชายและองค์หญิงก็สามารถจำกัดพวกมันได้อย่างง่ายดาย


“พวกเรารีบออกไปจากวิหารแดงกันเถอะ ไม่อย่างนั้นมันจะมีอันเดดออกมาเรื่อยๆ”

ไป๋หลิงซวงพูด หลังจากนั้นเธอก็เดินออกไปจากวิหารแดง


หานเซิ่นและไป๋เวยก็ออกไปจากวิหารแดงเช่นกัน หลังจากที่ออกไปแล้วหานเซิ่นก็หันกลับไปมองและเห็นว่าโลงศพโลหะนั้นปิดสนิท มันไม่มีอะไรออกมาอีก


‘อันเดดนั่นดูเหมือนกับสปิริตจริงๆ พวกมันเหมือนกันซะจนน่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งออร่าของพวกมัน นี่เป็นอะไรที่แปลกมากๆ’

หานเซิ่นขมวดคิ้วและคิดต่อไปว่า ‘ซีโน่เจเนอิคในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์สูญเสียสปิริตของพวกมันไป นี่มันจะเกี่ยวข้องกับอันเดดที่อยู่ที่นี่ไหมนะ?’


หานเซิ่นรู้สึกว่าตัวเองกำลังค้นพบเรื่องบางอย่าง แต่มันยังคงไม่กระจ่าง เขารู้ว่าจำต้องคิดให้หนักกว่านี้เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างพวกมัน เพราะยังไงซะคำตอบของเรื่องต่างๆก็ไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาง่ายๆ


“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ มันมีเหตุผลบางอย่างที่ท่านพ่อส่งท่านมาที่อย่างนั้นใช่ไหม?” ไป๋หลิงซวงเดินเข้ามาตรงหน้าหานเซิ่น เธอลดตัวลงและยิ้มให้กับเขา


“มันจะมีเหตุผลอะไรได้?” หานเซิ่นถาม


“อย่างเช่นการสังเกตและบันทึกผลงานขององค์ชายและองค์หญิงแต่ละคน?” ไป๋หลิงซวงเข้ามากระซิบที่ข้างหูของหานเซิ่น


หลังจากนั้นไป๋หลิงซวงก็ลุกขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเราไปกันเถอะ คนอื่นๆคงจะข้ามไปเกาะต่อไปแล้ว ถ้าพวกเราชักช้ามากกว่านี้ พวกเราอาจจะพลาดของดีๆ”


หลังจากนั้นไป๋หลิงซวงก็เดินไปบนสะพานด้านหลังวิหารแดง


หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘ไป๋หลิงซวงคาดเดาถูกแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เธอคงจะไม่เคยฉุกคิดเลยสินะว่านอกจากต้องคอยดูพวกเขาแล้ว เรายังต้องคอยปกป้องพวกเขาให้ปลอดภัย ต้องขอบอกว่าราชาไป๋คิดรอบคอบจริงๆ ถ้าเขาปล่อยให้ยอดฝีมือคนอื่นมาแทน เหล่าองค์ชายและองค์หญิงก็อาจจะรู้สึกเอะใจขึ้นมา’ หานเซิ่นเดินข้ามสะพานไปพร้อมๆกับไป๋เวย


องค์ชายและองค์หญิงส่วนใหญ่เริ่มข้ามสะพานไปก่อนแล้ว มีองค์ชายและองค์หญิงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ดูการต่อสู้ของไป๋เวย ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงช้ากว่าหน่อย ส่วนหานเซิ่น ไป๋หลิงซวงและไป๋เวยข้ามสะพานเป็นคนสุดท้าย เมื่อพวกเขาไปถึงเกาะที่สอง พวกเขาก็สังเกตเห็นว่ามันเหมือนกับเกาะแรก บนยอดของภูเขานั้นมีวิหารที่ทำจากโลหะอยู่ เพียงแต่ว่าวิหารนี้เป็นสีเหลืองราวกับว่ามันถูกทำขึ้นมาจากทองคำ ป้ายบนบานประตูเขียนเอาไว้ว่า “วิหารเหลือง”


เมื่อประตูของวิหารเหลืองเปิดออก พวกเขาก็เห็นอันเดดโปร่งใสที่เหมือนกับก่อนหน้านี้ แต่ภายในร่างกายคริสตัลมีเส้นเลือดที่เป็นสีเหลือง


พลังของอันเดดนี้เหนือกว่าอันเดดของวิหารก่อนหน้า มันยังคงใช้หมัดช็อคกิ้งสกายของเอ็กซ์ตรีมคิง แต่มันสามารถไล่ต้อนไป๋ชางลังได้ ไป๋ชางลังกำลังลำบาก


เมื่อหานเซิ่นมาถึงเกาะ เขาก็สังเกตเห็นถึงความแตกต่างระหว่างอันเดดสีเหลืองกับอันเดดสีแดง


ถึงอันเดดสีเหลืองจะดูแข็งแกร่งกว่าอันเดดสีแดง แต่มันก็ไม่ได้มากมายอะไร ที่แตกต่างจริงๆก็คือร่างกายของอันเดดสีเหลือง มันมีผมยาวและร่างกายของมันก็ไม่ได้โปร่งใสมากเหมือนกับอันเดดสีแดง ร่างกายของอันเดดสีเหลืองสามารถมองทะลุเห็นเพียงแค่เส้นเลือดเท่านั้น ซึ่งต่างไปจากอันเดดสีแดงที่มองทะลุเห็นอวัยวะภายในด้วย มันดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าอันเดดสีแดงที่ดูเหมือนกับเครื่องจักร


อันเดดสีเหลืองนั้นคล่องแคล่วกว่าอันเดดสีแดง สติปัญญาของมันก็ดูเหนือกว่าด้วย ไป๋ชางลังนั้นใช้ร่างกายแห่งราชันเรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็ยังถูกไล่ต้อน เขาไม่สามารถชิงความได้เปรียบมาได้ ดูเหมือนว่าอีกไม่นานเขาก็จะเป็นฝ่ายแพ้


“ความรู้สึกที่คุ้นเคยรุนแรงขึ้นกว่าเดิม” หานเซิ่นมองไปที่อันเดดเหลืองและขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่าอันเดดพวกนี้เกี่ยวข้องกับสปิริต


มีดของไป๋ชางลังถูกหักโดยอันเดด ซึ่งทำให้เขาจำใจต้องถอยออกมา


“ให้ข้าสู้กับมัน!” ดวงตาของไป๋ว่านเจี้ยดูเป็นประกาย เขาก้าวออกไปข้างหน้าและวิ่งเข้าไปปะทะกับอันเดดสีเหลือง

 

 

 


ตอนที่ 2900 การคาดเดา

 

 


องค์รัชทายาทไป๋ว่านเจี้ยไม่ใช่คนที่โดดเด่นเหมือนกับไป๋อู๋ฉาง แต่เขามีพื้นฐานที่ดีมากๆ เขารู้จักวิชาจีโนมากมาย และเขาก็สามารถใช้พวกมันได้เป็นอย่างดี ในตอนที่ไป๋ว่านเจี้ยต่อสู้ วิชาจีโนต่างๆก็ถูกใช้ประสานกันเป็นอย่างดี


วิธีการใช้วิชาจีโนของเขาดูธรรมดาไม่ได้พิเศษอะไร มันดูเหมือนกับว่าองค์ชายและองค์หญิงคนอื่นๆก็สามารถใช้พวกมันได้เช่นกัน


แต่ในตอนที่ไป๋ว่านเจี้ยใช้พวกมัน วิชาจีโนทั้งหมดรวมเข้าด้วยกันได้อย่างพอดิบพอดี เขาสามารถป้องกันการโจมตีของอันเดดและเริ่มชิงความได้เปรียบมาได้


หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘พรสวรรค์ของไป๋ว่านเจี้ยไม่ได้ดีเหมือนอย่างไป๋อู๋ฉาง แต่จิตใจและวิชาการต่อสู้ของเขาเหนือกว่ามาก วิชาจีโนมากมายถูกใช้ประสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาคงจะต้องฝึกอย่างหนักถึงจะทำแบบนี้ได้’


หลังจากที่ต่อสู้อยู่หนึ่งชั่วโมง ในที่สุดไป๋ว่านเจี้ยก็สามารถสังหารอันเดดสีเหลืองได้สำเร็จ มันแตกต่างไปจากอันเดดสีแดง ในตอนที่อันเดดสีเหลืองละลายหายไป มันก็มีเสียงที่เหมือนกับหุ่นยนต์ดังขึ้นมาจากวิหารเหลืองว่า

“อันเดดระดับกลางถูกฆ่า”


ตูม!

สะพานปรากฏขึ้นมาจากทะเลด้านหลังวิหารเหลือง มันนำไปสู่เกาะที่สาม


ครั้งนี้เหล่าองค์ชายและองค์หญิงไม่ได้รีบจะข้ามสะพานไป องค์ชายและองค์หญิงหลายคนอยู่ที่นี่ต่อ พวกเขาแต่ละคนต้องการจะเข้าไปในวิหารเหลืองและต่อสู้กับอันเดดเพื่อทดสอบความสามารถของตัวเอง


บนเกาะก่อนหน้า พวกเขาต่างก็มั่นใจว่าสามารถเอาชนะอันเดดสีแดงได้ มันเป็นศัตรูไม่ได้ร้ายกาจอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกจะข้ามไปเกาะต่อไปในทันที


แต่พวกเขาไม่ได้รู้สึกมั่นใจแบบนั้นถ้าต้องสู้กับอันเดดสีเหลือง มันไม่ใช่ศัตรูที่พวกเขาจะเอาชนะได้ง่ายๆ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะสันนิษฐานไปว่าบททดสอบนั้นจะยากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าพวกเขายังผ่านบททดสอบบนเกาะนี้ไม่ได้ มันจะทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตรายถ้าพวกเขาข้ามสะพานไปยังเกาะต่อไป


เมื่อมีใครคนหนึ่งผ่านการทดสอบ พวกเขาทุกคนสามารถไปต่อได้ แต่พวกเขาเลือกจะอยู่ต่อและฝึกฝนกับอันเดดสีเหลือง และเมื่อพวกเขาเอาชนะอันเดดสีเหลืองได้แล้ว พวกเขาถึงจะเดินหน้ากันต่อ


ยังไงซะสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ก็เป็นสามารถสำหรับฝึกฝนอยู่แล้ว พวกเขาไม่ใช่หนูในเขาวงกตที่พยายามค้นหาทางออก มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบร้อน


องค์ชายและองค์หญิงหลายคนคิดแบบนั้น พวกเขาเข้าไปในวิหารเหลืองและต่อสู้กับอันเดดสีเหลืองเพื่อเพิ่มพลังในการต่อสู้ของตัวเอง


มีเพียงแค่ไป๋ว่านเจี้ย ไป๋อู๋ฉาง ไป๋ชิงเสีย ไป๋หลิงซวงและไป๋เวยที่ข้ามสะพานไปเกาะต่อไป


หานเซิ่นตามพวกเขาไป มันมีองค์ชายและองค์หญิงหลายคนอยู่ที่นี่ ดังนั้นพวกเขาควรจะปลอดภัย ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆนั้นอาจเผชิญกับอันตราย และอีกอย่างหานเซิ่นก็อยากจะเห็นว่าอันเดดตัวต่อไปจะเป็นยังไง


เมื่อเห็นหานเซิ่นตามไป องค์ชายชิงเสียก็พูดขึ้นว่า

“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ ท่านควรอยู่ที่นี่ ถ้าท่านตกอยู่ในอันตราย มันไม่มีใครจะปกป้องท่านได้”


“ข้าเอาตัวรอดเองได้” หานเซิ่นยิ้ม


องค์ชายชิงเสียไม่ได้พูดอะไรอีก ไป๋ว่านเจี้ยเดินไปถึงเกาะที่สามแล้ว ไป๋หลิงซวงและไป๋อู๋ฉางก็ตามหลังเขาไปติดๆ


เมื่อหานเซิ่นไปถึงเกาะที่สาม เขาก็สังเกตเห็นว่ามันมีวิหารอยู่บนยอดภูเขาอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ แต่ครั้งนี้วิหารเป็นสีฟ้า


ในตอนที่พวกเขาไปถึงหน้าวิหารสีฟ้า ประตูของมันก็เปิดออกด้วยตัวเอง มันเผยให้เห็นภายในปราสาทที่มีโลงศพโลหะสีฟ้าอยู่


ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆหันมามองกัน สุดท้ายแล้วไป๋อู๋ฉางก็เป็นคนที่ก้าวเข้าไปในวิหารสีฟ้าก่อนเป็นคนแรก


โลงศพสีฟ้าเปิดออกและมีอันเดดออกมา อันเดดตัวนี้ดูเหมือนกับเอ็กซ์ตรีมคิงหรือมนุษย์ ร่างกายของมันไม่ได้โปร่งใส ร่างกายของมันดูเป็นเครื่องเคลือบดินเผา ถึงแม้มันจะเป็นชั้นของคริสตัล แต่พวกเขาก็มองไม่เห็นโครงสร้างภายในร่างกายของมัน


แถมร่างกายของมันยังมีสีสัน มันมีตาดำและมีเส้นผมสีดำ มันดูมีชีวิตชีวา มันดูเหมือนกับสิ่งมีชีวิตจริงๆ


ถึงแม้มันจะยังเป็นแค่ขั้นพริมิทีฟเหมือนเดิม แต่ในจังหวะที่อันเดดพุ่งเข้ามา ทุกคนก็รู้สึกได้ว่ามันแตกต่างไปจากอันเดดสองตัวก่อนหน้านี้


อันเดดสองตัวก่อนหน้านี้ถึงจะแข็งแกร่ง แต่มันก็แค่แข็งแกร่ง มันมีบางสิ่งเกี่ยวกับอันเดดตัวนี้ที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้


ถ้าอันเดดสองตัวก่อนหน้านี้เป็นหุ่นยนต์ อันเดดตัวนี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆ


มันยังคงใช้หมัดช็อกกิ้งสกายของเอ็กซ์ตรีมคิงเหมือนเดิม แต่หมัดช็อกกิ้งสกายของมันไม่ใช่แค่ทรงพลัง มันมีความพิเศษอยู่


ไป๋อู๋ฉางใช้วิชามีดเพื่อต่อสู้กับอันเดด แต่หลังจากที่เขารับหมัดของอันเดดได้สามหมัด เขาก็ตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ ร่างกายแห่งราชันภูติผีของเขาสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีได้ทุกอย่าง แต่หมัดช็อกกิ้งสกายของอันเดดนั้นบดขยี้ช่องว่างของมิติ และทำให้ไป๋อู๋ฉางไม่สามารถเดินทางระหว่างโลกความเป็นจริงและยมโลกได้


“อู๋ฉาง ให้ข้าช่วยเจ้า!” ไป๋ว่านเจี้ยเห็นว่าไป๋อู๋ฉางรับมือไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงเข้าไปร่วมสู้ด้วย


“ให้ข้าร่วมด้วยอีกคน” ร่างกายของไป๋หลิงซวงกลายเป็นน้ำแข็ง เธอดูเหมือนกับเทพธิดาน้ำแข็ง ขณะที่เธอเข้าไปร่วมการต่อสู้


“พวกพี่ๆจะทิ้งข้าเอาไว้เบื้องหลังได้ยังไง?” องค์ชายชิงเสียใช้เฮเทร็ดไทม์เท็นและเข้าไปร่วมการต่อสู้ด้วย


ไป๋เวยไม่ได้พูดอะไร เธอใช้หมัดช็อกกิ้งสกายเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้อย่างเงียบๆ


อันเดดต้องรับมือกับการโจมตีจากองค์ชายและองค์หญิงห้าคน ถึงแม้พวกเขาทั้งหมดจะเป็นขั้นพริมิทีฟเหมือนกัน แต่อันเดดก็สามารถต่อสู้กับพวกเขาทั้งห้าได้โดยไม่เสียเปรียบ มันบอกได้ยากว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะ


หานเซิ่นมองดูจากด้านข้าง เขาคิดว่าอันเดดนี่ดูเหมือนกับสปิริตจริงๆ


‘ถ้าสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์คือสิ่งที่เอ็กซ์ตรีมคิงอัลฟ่านำมาจากเซเคร็ด อันเดดพวกนี้ก็ควรจะเป็นผลการวิจัยของผู้นำเซเคร็ด ราชินีจิ้งจอกเคยบอกว่าผู้นำเซเคร็ดนั้นวิจัยเกี่ยวกับสปิริตศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นอมตะในก็อตแซงชัวรี่ สปิริตศักดิ์สิทธิ์ที่ราชินีจิ้งจอกพูดถึงนั้นควรจะเป็นสปิริตพวกนี้ อันเดดพวกนี้ก็คือสปิริตที่ผู้นำเซเคร็ดพยายามจะสร้างขึ้นมา? ถ้าแบบนั้นเขาสร้างพวกมันขึ้นมาได้ยังไง?’


หลังจากที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น จู่ๆสีหน้าของหานเซิ่นก็เปลี่ยนไป

“เดี๋ยวก่อนนะ ทางเอ็กซ์ตรีมคิงดึงเอาสปิริตของซีโน่เจเนอิคในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ออกมา สปิริตนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะ นั่นหมายความว่าอันเดดพวกนี้ทำขึ้นมาจากสปิริตของซีโน่เจเนอิคอย่างนั้นหรอ?”


ถึงแม้นี่จะเป็นแค่การคาดเดาของหานเซิ่น แต่เขาก็คิดว่ามันอาจจะเป็นไปได้


“ถ้าทฤษฎีนั้นถูกต้อง นั่นหมายความว่าจริงๆแล้วสปิริตก็คือร่างสปิริต… เทพสปิริตนั้นก็เป็นร่างสปิริตเหมือนกัน… เดี๋ยวก่อนนะ… สปิริตและเทพสปิริตมีวิธีการอยู่รอดที่คล้ายคลึงกัน… พวกเขาเป็นอมตะ… พวกเขาเกิดใหม่ได้…” เมื่อหานเซิ่นคิดไปเรื่อยๆ เขาก็รู้สึกหนาวขึ้นมา


แต่ทว่ามันยังมีบางสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ สปิริตในก็อตแซงชัวรี่นั้นมีร่างกายอยู่ และมันก็สามารถต่อสู้ตรงๆได้โดยที่ไม่ต้องเข้าสิงร่างกายของสิ่งมีชีวิตอื่น


ส่วนเทพสปิริตจำเป็นต้องใช้ร่างกายของสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อต่อสู้ เมื่อคำนึงถึงเรื่องนี้อันเดดก็ดูเหมือนกับสปิริตมากกว่าเทพสปิริต แต่อันเดดพวกนี้ดูจะยังไม่สมบูรณ์ พวกมันดูเหมือนจะมีข้อบกพร่องอยู่หลายอย่าง


หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขาคิดถึงความเป็นไปได้อื่นขึ้นมาได้

“ราชินีจิ้งจอกบอกว่าผู้นำเซเคร็ดวิจัยเกี่ยวกับสปิริตศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นอมตะในก็อตแซงชัวรี่ ในตอนแรกเราคิดไปว่าสปิริตนั้นมีอยู่ในก็อตแซงชัวรี่ตั้งแต่แรกแล้วและผู้นำเซเคร็ดก็ไปที่นั่นเพื่อวิจัยพวกมัน แต่ถ้าเกิดว่ามันกลับกันขึ้นมาล่ะ?”

 

 

 


ตอนที่ 2901 เผอิญเห็น

 

“ถ้าความจริงแล้วมันกลับกัน ผู้นำเซเคร็ดเริ่มทำการวิจัยก่อน สปิริตนั้นเกิดมาทีหลัง ถ้าความจริงเป็นแบบนั้น มันก็จะเป็นอะไรที่เข้าใจได้ง่ายกว่า”

หานเซิ่นรู้สึกดีใจ มันเหมือนกับว่าเขาพบแสงสว่างในความมืด


“ถ้าสปิริตเกิดขึ้นมาจากการวิจัยของผู้นำเซเคร็ดจริงๆ มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะสรุปเรื่องนี้ ผู้นำเซเคร็ดต้องการจะฆ่าพระเจ้า แต่เขาพบว่าพระเจ้านั้นเป็นร่างสปิริตที่เป็นอมตะและเกิดใหม่ได้เรื่อยๆ ซึ่งนั่นหมายความว่ามันไม่มีหนทางที่จะฆ่าพวกเขาได้ ผู้นำเซเคร็ดคงจะทำการวิจัยอยู่นานจนพบหนทางที่จะนำเอาสปิริตออกมาจากซีโน่เจเนอิค หลังจากนั้นเขาก็ใช้สปริตนั่นเพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตที่คล้ายคลึงกับเทพสปิริตขึ้นมา พวกมันก็คือสปิริตในก็อตแซงชัวรี่… ส่วนอันเดดพวกนี้ก็คงจะเป็นผลการวิจัยที่ล้มเหลวของผู้นำเซเคร็ด หรือไม่บางทีพวกมันก็อาจจะเป็นผลจากการที่ทางเอ็กซ์ตรีมคิงพยายามจะลอกเลียนการวิจัยของผู้นำเซเคร็ด” หานเซิ่นคิดว่าเรื่องนี่ดูเป็นไปได้


หานเซิ่นคิดว่ามันยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายได้ ถ้าสปิริตคือผลลัพธ์จากการวิจัยของผู้นำเซเคร็ดที่พยายามลอกเลียนแบบเทพสปิริต แบบนั้นทำไมสปิริตถึงมีร่างกายจริงๆที่ถูกฆ่าตรงๆได้?


มันยังมีรายละเอียดอีกหลายอย่างที่ยังคลุมเครืออยู่ มันทำให้หานเซิ่นไม่มั่นใจกับการคาดเดาของตัวเอง


“น่าเสียดายที่เอ็กซ์ตรีมคิงอัลฟ่านั้นตายไปแล้ว ถ้าเขายังไม่ตาย เราก็คงจะไปถามเขาเกี่ยวกับอันเดดพวกนี้ได้ บางทีนั่นอาจจะเป็นหนทางเดียวที่เราจะได้รู้ความจริง” หานเซิ่นถอนหายใจ


หานเซิ่นมองไปที่การต่อสู้ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน ถึงแม้ไป๋เวยจะไม่ได้ทำตัวโดดเด่นอะไร แต่หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าทุกหมัดของเธอเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น เขาสามารถบอกได้ว่าไป๋เวยพยายามจะเก็บซ่อนพลังของตัวเองเอาไว้


“ดูเหมือนการเดินทางไปเป็นตัวไหมของเผ่าเวรี่ไฮนั้นจะช่วยให้ไป๋เวยพัฒนาขึ้นอย่างมาก กลัวว่าในบรรดาองค์ชายและองค์หญิงทั้งหมด นางอาจจะเก่งกาจที่สุด แม้แต่ไป๋อู๋ฉางก็คงจะเอาชนะไป๋เวยไม่ได้”

หานเซิ่นถอนหายใจ เขาประหลาดใจที่ไป๋เวยไปอยู่ในเผ่าเวรี่ไฮได้เพียงไม่นาน เธอก็พัฒนาขึ้นมากถึงขนาดนี้


ถ้าเกิดยังเป็นแบบนี้ต่อไป ไป๋เวยก็คงจะกลายเป็นขั้นทรูก็อตได้อย่างแน่นอน


น่าเสียดายที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นจะไม่มอบบัลลังก์ให้กับใครก็ตามที่ไปเป็นตัวไหมของเผ่าเวรี่ไฮ ไม่อย่างนั้นล่ะก็เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงก็อาจจะได้ราชินีคนแรกของพวกเขา


อันเดดนั้นทรงพลัง ถ้าไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆต่อสู้กับมันตามลำพัง พวกเขาก็คงจะเอาชนะมันไม่ได้ ตอนนี้ด้วยการที่พวกเขาร่วมมือกัน พวกเขาก็สามารถสังหารอันเดดได้สำเร็จ


“อันเดดระดับสูงถูกฆ่า” เสียงดังขึ้นมาจากภายในวิหาร


ครั้งนี้หลังจากที่ฆ่าอันเดดได้แล้ว มันไม่ได้มีสะพานลอยขึ้นมาจากทะเล


“นี่การทดสอบของสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์จบลงแล้วอย่างนั้นหรอ?”

หานเซิ่นมองไปยังทะเลที่ปกคลุมด้วยเมฆหมอก เขาไม่เห็นเกาะอื่นอยู่รอบๆอีก


ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆต่อสู้กับอันเดดภายในวิหารสีฟ้าต่อเพื่อฝึกฝนตัวเอง


ในตอนแรก พวกเขาต้องช่วยกันถึงสามคนเพื่อจะเอาชนะอันเดดตัวเดียว แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็ได้เรียนรู้จากอันเดดและพัฒนาตัวเองขึ้น หลังจากผ่านไปสองวันไป๋อู๋ฉางก็สามารถเอาชนะอันเดดตามลำพังได้


ตูม! ตูม! ตูม!

หลังจากนั้นก็มีสะพานปรากฏขึ้นมาจากทะเล หานเซิ่นเข้าใจอย่างรวดเร็วว่ามันหมายความว่ายังไง

“ดูเหมือนว่าจะต้องเอาชนะอันเดดพวกนี้ตัวคนเดียวให้ได้ สะพานที่จะนำไปสู่เกาะต่อไปถึงจะลอยขึ้นมา”


ไป๋อู๋ฉางไม่ลังเลและเริ่มเดินข้ามสะพานไป


ไป๋หลิงซวงและไป๋ว่านเจี้ยหันมามองหน้ากัน ก่อนที่จะเดินข้ามสะพานตามไป


ไป๋เวยกำลังจะก้าวขึ้นไปบนสะพาน แต่ทันใดนั้นองค์ชายชิงเสียก็พูดขึ้นมา

“ถ้าข้ายังเอาชนะอันเดดของวิหารสีฟ้าตามลำพังไม่ได้ ข้าจะไม่ไปต่อ พวกเจ้าควรระวังตัวให้ดี”


“ขอบคุณพี่ชิงเสียที่เตือน” ไป๋เวยโค้งคำนับและเดินข้ามสะพานไป


หานเซิ่นตามเธอข้ามสะพานไปด้วย แต่ไป๋เวยหันกลับมามองหานเซิ่นและพูด

“วิหารต่อไปจะต้องอันตรายมากๆ ข้าคิดว่าคุณโฮลี่เบบี้ควรจะรออยู่ที่นี่”


“เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าปกป้องตัวเองได้” หานเซิ่นยิ้ม


ไป๋เวยอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่ไป๋ว่านเจี้ยที่อยู่ข้างหน้าพูดขึ้นมาก่อน

“น้องเวย เจ้าไม่จำเป็นต้องหยุดเขา ถ้าเขาไม่มากับพวกเรา เขาก็คงจะกลับไปรายงานท่านพ่อไม่ได้”


ไป๋เวยประหลาดใจ หลังจากที่เธอเข้าใจแล้ว เธอก็ไม่พูดอะไรอีกและเริ่มเดินข้ามสะพานไป


หานเซิ่นยักไหล่และเดินตามคนอื่นไปจากด้านหลัง


มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ไป๋ว่านเจี้ยจะคาดเดาได้ว่าราชาไป๋นั้นส่งหานเซิ่นมาคอยจับตาดูพวกเขา ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรซีโน่เจเนอิคคนนอกจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์


พวกเขาเดินหน้ากันต่อไป ไม่นานพวกเขาก็ไปถึงเกาะต่อไป แต่เมื่อไปถึง พวกเขาก็ต้องประหลาดใจที่มันไม่มีวิหารอยู่ บนเกาะนั้นมีเพียงแค่ภูเขาไฟเปล่าๆ


“แปลงจริงๆ ทำไมมันถึงไม่มีวิหารอยู่? นี่การทดสอบของสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์สิ้นสุดแค่อันเดดระดับสูงอย่างนั้นหรอ?” ไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้ว


“ถ้าเป็นแบบนั้น มันไม่มีทางที่ในอดีตองค์ชายและองค์หญิงหลายคนจะตายในภายในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์” ไป๋ว่านเจี้ยพูดขณะที่เริ่มเดินขึ้นบันไดไป


ทุกคนตามเขาขึ้นไป พวกเขาเดินขึ้นไปจนถึงยอดภูเขาและค้นพบว่าภูเขานั้นมีหลุมวงกลมตรงกลางที่ดูเหมือนกับปล่องภูเขาไฟ


“นี่คืออะไร?” ไป๋อู๋ฉางยืนที่ขอบของภูเขาและมองลงไปข้างล่างด้วยความประหลาดใจ


หานเซิ่นและคนอื่นๆก็มองลงไปเช่นกัน ภายในหลุมขนาดใหญ่นั้นเต็มไปด้วยเครื่องมือคริสตัล มันดูเหมือนกับห้องแล็บขนาดยักษ์


ที่ใจกลางของภูเขานั้นมีคริสตัลที่มีรูปร่างเหมือนไข่กำลังลอยอยู่ มันดูเหมือนกับไข่ของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ ส่วนที่แคบที่สุดของไข่นั้นมีความกว้างอย่างน้อยสามฟุต


มันมีผู้หญิงคนหนึ่งขดตัวอยู่ภายในไข่คริสตัล


“หว่านเอ๋อ…” ในตอนที่หานเซิ่นเห็นเด็กผู้หญิงภายในไข่คริสตัล ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป


เด็กผู้หญิงคนนั้นมีผมสีทองและกำลังสวมชุดนอนสีขาว ดูเหมือนกับว่าเธอกำลังหลบไหล เธอดูเหมือนกับหว่านเอ๋อตอนที่ผมเปลี่ยนเป็นสีทอง


หัวใจของหานเซิ่นกำลังเต้นรัว เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมหว่านเอ๋อถึงมาอยู่ในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ของเอ็กซ์ตรีมคิง


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่?” หานเซิ่นมองไปในหอคอยแห่งโชคชะตา หลังจากนั้นเขาก็มองไปยังเด็กผู้หญิงที่อยู่ภายในไข่คริสตัล


พวกเธอดูเหมือนกันไม่มีผิด มันไม่ใช่แค่เหมือนกัน พวกเธอดูเหมือนกับสิ่งที่ถูกคัดลอกและวาง


“อะไรที่อยู่ในไข่สีดำข้างล่างนั่น?” ไป๋อู๋ฉางถาม ขณะที่จ้องไปที่ไข่คริสตัล

“มันคงจะไม่ได้เป็นอันเดดระดับสูงอีกตัวหรอกใช่ไหม”


ในตอนที่หานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้สึกแปลกใจ เขาหันไปมองไป๋อู๋ฉางและคิดกับตัวเอง ‘นี่เขาตาบอดสีหรือยังไง? มันไม่มีทางที่เขาจะตาบอดสีและบอกถึงความแตกต่างระหว่างสีของคริสตัลที่โปร่งใสกับสีดำไม่ได้’


“ข้าไม่รู้ บางทีพวกเราควรลองทุบไข่สีดำนี้ดู พวเราจะได้รู้ว่ามันมีอันเดดอยู่ข้างในหรือเปล่า” ไป๋หลิงซวงพูด


หานเซิ่นตกใจและคิดกับตัวเอง ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น? นี่พวกเขาทุกคนเห็นมันเป็นไข่สีดำ ไม่ใช่ไข่คริสตัลอย่างนั้นหรอ?’

 

 

 


ตอนที่ 2902 ไข่ในภูเขา

 

ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆพยายามจะคาดเดาสิ่งที่อยู่ในไข่ขนาดยักษ์ ซึ่งนั่นทำให้หานเซิ่นสับสน ในสายตาของหานเซิ่นตัวไข่นั้นโปร่งใสและเขาก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันมีเด็กสาวผมสีทองหลับไหลอยู่ภายใน


หานเซิ่นขยี้ตาตัวเองเพื่อมองดูดีๆอีกครั้ง เขารู้ว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไป ไข่ยักษ์นั้นโปร่งใสจริงๆ


‘มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง? มันเกี่ยวข้องกับที่เรามีสายเลือดของคริสตัลไลเซอร์อย่างนั้นหรอ? หรือเป็นเพราะว่าหว่านเอ๋อร์อยู่ในหอคอยแห่งโชคชะตา ถึงทำให้เราเห็นเด็กสาวที่อยู่ในไข่แบบนี้’

หานเซิ่นไม่สามารถคิดหาเหตุผลอื่นได้ แต่เขาแน่ใจว่าสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์นั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยเอ็กซ์ตรีมคิงอัลฟ่า เขาเดิมพันว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับผู้นำเซเคร็ด หลังจากที่เซเคร็ดถูกทำลาย ด้วยเหตุผลบางอย่างมันก็ตกมาอยู่ในมือของเอ็กซ์ตรีมคิงอัลฟ่า เขาคงจะเปลี่ยนมันเป็นสตาร์ทเตอร์คิงส์เลนด์


หานเซิ่นอยากจะเอาเด็กสาวผมทองออกมาจากไข่เพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาไม่ได้รีบร้อนทำอะไรบุ่มบ่าม


เอ็กซ์ตรีมคิงนั้นคงจะมีไข่ใบนี้มานานแล้ว และมันก็ยังคงอยู่ที่นี่โดยที่ไม่ถูกทำลาย ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงเชื่อว่ามันไม่ได้เป็นอะไรที่เรียบง่าย


ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆดูกังวล พวกเขาไม่ได้เข้าไปในภูเขา พวกเขาเพียงแค่จ้องมองมันจากด้านนอก


“ข้ามีบางสิ่งที่ไม่เข้าใจ” ไป๋เวยพูด


“ไป๋เวย ถ้าเจ้าไม่เข้าใจอะไร เจ้าก็ถามออกมาได้เลย” ไป๋หลิงซวงพูดด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าพวกเราทุกคนปรึกษากัน บางทีพวกเราอาจจะช่วยแก้ข้อสงสัยของเจ้าได้”


ไป๋เวยคิดอยู่ชั่วครู่และพูด “ทุกคนคงจะเคยได้ยินว่ามันมีองค์ชายและองค์หญิงต้องตายภายในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ถูกไหม?”


“นั่นถูกต้อง ถึงแม้อัตราการตายภายในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์จะต่ำ แต่สิ่งที่แปลกก็คือทุกครั้งจะมีองค์ชายและองค์หญิงสองคนที่ตายในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์” ไป๋หลิงซวงพยักหน้า


“นั่นเป็นเรื่องแปลก” ไป๋เวยพูด “สตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ถูกเปิดแค่ช่วงสั้นๆ และคนที่เข้ามาก็ออกไปไม่ได้ในตอนที่ทางเข้าถูกปิด เครื่องเทเลพอร์ตนั้นจะทำงานอีกครั้งในอีกหนึ่งเดือน จนกว่าจะถึงตอนนั้นไม่มีใครเข้าออกได้ ถ้าอย่างนั้นใครกันที่แบกร่างขององค์ชายและองค์หญิงที่ตายกลับไป?”


“แน่นอนว่ามันต้องเป็นองค์ชายและองค์หญิงที่เข้าไปในนั้นด้วย”

ไป๋หลิงซวงพูด แต่เธอก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ เธอขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด


ถ้าในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์มีอันตรายที่จะฆ่าองค์ชายและองค์หญิงได้ และทุกครั้งที่สตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์เปิดให้เข้ามา อันตรายก็ยังคงอยู่ แบบนั้นองค์หญิงและองค์ชายที่รอดนั้นนำร่างของคนที่ตายกลับไปได้ยังไง ถ้าอันตรายนั่นยังคงอยู่?


นี่เหล่าองค์ชายและองค์หญิงรักพวกพ้องขนาดยอมเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อนำศพของคนที่ตายกลับไปอย่างนั้นหรอ?


“น่าเสียดายที่พวกเราไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับองค์ชายและองค์หญิงที่ตายไป ข้าไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ร่างกายของพวกเขาถูกนำกลับไปหรือไม่มาก่อน” ไป๋หลิงซวงขมวดคิ้ว


ไป๋ว่านเจี้ยมองไปในภูเขา เขามองไปที่เครื่องมือต่างๆและไข่ใบใหญ่ก่อนจะพูดขึ้นมา

“มันมีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง อย่างหนึ่งคืออันตรายนั้นจะเกิดขึ้นเฉพาะตอนที่พวกเราทำอะไรบางอย่าง และมันจะหายไปหลังจากผ่านไปสักพัก ถ้าเป็นแบบนั้นเหล่าองค์ชายและองค์หญิงที่รอดชีวิตก็จะนำร่างของคนที่ตายกลับไปได้ หรือไม่บางที…”


ไป๋ว่านเจี้ยหยุดพูด แต่ทุกคนก็เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร ไป๋อู๋ฉางพูดขึ้นมาแทน

“บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้นำร่างของคนที่ตายกลับไป แต่องค์ชายและองค์หญิงที่ตายไปนั้นอาจจะถูกกลืนกินโดยบางสิ่งและนั่นเป็นเหตุผลที่ไม่มีศพหลงเหลืออยู่”


ทุกคนมองไปที่ไข่ใบใหญ่ ถ้าความเป็นไปได้ที่สองเป็นความจริง มันก็จะเป็นอันตรายเกินไป ถ้าพวกเขาเข้าไปในภูเขา หานเซิ่นคิดว่าในอดีตมันก็ควรจะมีคนถูกส่งมาเพื่อคอยคุ้มกันเหล่าองค์ชายและองค์หญิงเหมือนกับเขา บางทีมันอาจจะเป็นผู้คุ้มกันที่นำร่างขององค์ชายและองค์หญิงที่ตายกลับออกไป


แต่เมื่อมาคิดดูดีๆ มันก็ไม่ถูกเท่าไหร่ ถ้ามันมีผู้คุ้มกันอยู่จริงๆ ทำไมองค์ชายและองค์หญิงหลายคนถึงยังถูกฆ่าตายล่ะ?


‘มันมีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกคือมันไม่เคยมีผู้คุ้มกันถูกส่งเข้าไป ความเป็นไปได้ที่สองคือมันมีผู้คุ้มกันอยู่ แต่พวกเขาปกป้ององค์ชายและองค์หญิงเอาไว้ไม่ได้’ หลังจากที่หานเซิ่นคิดได้แบบนั้น เขาก็รู้ว่าจำเป็นต้องระมัดระวังยิ่งกว่าเดิม


พวกเขาแต่ละคนมองไปที่ไข่ขนาดใหญ่ในภูเขาด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน ไม่มีใครกล้าเข้าไปข้างใน


“พวกเราคงจะยืนมองมันอยู่ที่นี่ไปตลอดไม่ได้ ให้ข้าลองดูว่าจะทำลายไข่ใบนั้นได้ไหม” ไป๋ว่านเจี้ยพูด


“ท่านพี่มีวิธีการอย่างนั้นหรอ?” ไป๋หลิงซวงและไป๋อู๋ฉางพูดออกมาในเวลาเดียวกัน


ไป๋ว่านเจี้ยพยักหน้า เขาเอาบางสิ่งที่มีขนาดพอๆกับกำปั้นออกมา มันดูเหมือนกับลูกบอลที่ถูกทำขึ้นมาจากเถาวัลย์


แต่เมื่อสังเกตดูใกล้ พวกเขาก็เห็นว่ามันไม่ใช่ลูกบอล มันเป็นสิ่งที่เหมือนกับกรงนก มีนกแก้วสีเขียวตัวหนึ่งอยู่ภายในกรงนั่น มันมีขาสี่ขาและใบหน้าของมันก็ดูเหมือนกับเสือ


“นี้คือซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟที่มีชื่อว่าไทเกอร์ก็อตอีเกิลหนิ” ไป๋หลิงซวงรู้ว่านกประหลาดนั่นคือตัวอะไร


ไป๋ว่านเจี้ยพยักหน้า “นี่คือกรงขังนกที่จะจับสัตว์ปีกไหนก็ได้ ยิ่งพวกมันถูกขังเอาไว้นานเท่าไหร่ พวกมันก็จะยอมเชื่อฟังมากเท่านั้น ความบ้าคลั่งของพวกเขาจะถูกทำให้เชื้องในที่สุด ข้าขังไทเกอร์ก็อตอีเกิลเอาไว้ในกรงนี้มาเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว แต่มันก็ยังไม่เชื้อง แต่พวกเราใช้มันเพื่อไปสำรวจสิ่งที่อยู่ข้างล่างนั่นได้”


หลังจากนั้นไป๋ว่านเจี้ยก็โยนกรงขังนกที่มีไทเกอร์ก็อตอีเกิลอยู่ลงไปในภูเขา ในตอนที่กรงขังนกนั้นตกลงไปบนผิวของไข่ลูกใหญ่ คนอื่นๆก็คิดว่ามันคงจะไถลล่วงลงไป


แต่กรงขังนกนี้เป็นเหมือนกับแม่เหล็ก มันติดกับผิวของไข่ลูกใหญ่และไม่ได้ไถลตกลงไปข้างล่าง


หลังจากนั้นกรงขังนกก็เริ่มจะขยายใหญ่ขึ้น มันกลายเป็นกรงเถาวัลย์ที่สูงกว่าสามสิบฟุต ไทเกอร์ก็อตอีเกิลที่ดูตัวเล็กก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันกลายเป็นอสูรตัวใหญ่ที่ดูน่ากลัว


ตอนนี้ไข่ดูเล็กลงไป มันดูเหมือนกับว่าไทเกอร์ก็อตอีเกิลนั้นฟักไข่ออกมา ไทเกอร์ก็อตอีเกิลจับไข่เอาไว้ด้วยอุ้งเท้าของมัน


หลังจากที่ไทเกอร์ก็อตอีเกิลถูกปล่อย กรงขังนกก็กลายเป็นเส้นเถาวัลย์ที่เลื้อยกลับไปสู่มือของไป๋ว่านเจี้ยเหมือนกับงู


หานเซิ่นและคนอื่นๆมองไทเกอร์ก็อตอีเกิลที่ถูกปล่อยเป็นอิสระ ขณะที่อุ้งเท้าของมันจับไข่เอาไว้ ไทเกอร์ก็อตอีเกิลกระพือปีก ทำให้เกิดเป็นพายุไต้ฝุ่นสีเขียวขึ้นมา ดูเหมือนว่ามันกำลังจะบินขึ้น


แต่ไม่สำคัญว่ามันจะกระพือปีกมากสักแค่ไหน เจ้าไทเกอร์ก็อตอีเกิลก็ไม่สามารถบินขึ้นได้ อุ้งเท้าของมันยังคงติดอยู่กับไข่


ไทเกอร์ก็อตอีเกิลส่งเสียงกรีดร้องและปลดปล่อยแสงสีเขียวออกมา โซ่สสารที่ทรงพลังก่อตัวเป็นสายลมเพื่อช่วยส่งให้มันบินขึ้นไป


แต่ความพยายามทั้งหมดของไทเกอร์ก็อตอีเกิลนั้นเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ ไม่สำคัญว่ามันจะพยายามมากสักแค่ไหน มันก็บินหนีไปไม่ได้


สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือหานเซิ่นและคนอื่นๆเห็นว่าร่างกายของไทเกอร์ก็อตอีเกิลดูแก่ขึ้นเรื่อยๆ มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังมองดูชีวิตทั้งชีวิตของมันถูกดูดออกไปในเวลาไม่กี่นาที


ไม่นานหลังจากนั้นไทเกอร์ก็อตอีเกิลก็ไม่มีแรงจะดิ้นรนอีก ร่างกายที่แก่ชราของมันล้มลงไป แต่ตัวของมันยังคงติดอยู่กับไข่ที่ลอยอยู่ในอากาศ


ทุกคนรู้สึกตกใจ ถึงแม้ไทเกอร์ก็อตอีเกิลจะไม่ใช่ซีโน่เจเนอิคขั้นพริมิทีฟที่แข็งแกร่งที่สุด แต่มันก็ไม่ใช่ซีโน่เจเนอิคขั้นพริมิทีฟที่อ่อนแอเช่นกัน ถึงอย่างนั้นมันก็หนีจากไข่ไม่ได้ และพลังชีวิตของมันก็ถูกดูดไปจนหมด


ในตอนที่ร่างกายของไทเกอร์ก็อตอีเกิลไม่เหลือพลังชีวิตอีกแล้ว ร่างกายของมันก็หลุดออกจากไข่ มันร่วงลงไปสู่กงล้อคริสตัลที่อยู่ที่ก้นของภูเขา

 

 

 


ตอนที่ 2903 ภูเขาที่น่ากลัว

 

ร่างกายของไทเกอร์ก็อตอีเกิลร่วงลงไปบนกงล้อคริสตัล ทุกคนจึงมองไปที่กงล้อคริสตัลที่ดูเหมือนกับหินเจียรข้างล่าง


ในตอนที่กงล้อคริสตัลเริ่มหมุน แสงสว่างก็ถูกปล่อยมาใส่ร่างของไทเกอร์ก็อตอีเกิล มันทำให้เนื้อหนังและขนของไทเกอร์ก็อตอีเกิลเหมือนถูกเคลือบด้วยคริสตัล ราวกับเครื่องถ้วยเปลือกไข่


ภายในคริสตัลที่เคลือบอยู่นั้นร่างกายของไทเกอร์ก็อตอีเกิลก็เริ่มจะละลายกลายของเหลวที่โปร่งใส มันไหลตามกงล้อคริสตัลและเริ่มจมลงไป


ในจังหวะต่อมาร่างขนาดใหญ่ของไทเกอร์ก็อตอีเกิลก็ถูกย่อยสลายจนไม่เหลือแม้แต่ขนสักเส้น เมื่อกงล้อคริสตัลหยุดหมุน ภูเขาก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง แสงที่ส่องออกมานั้นดับไป ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆรู้สึกตกใจ ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงไม่มีใครได้เห็นร่างขององค์ชายและองค์หญิงที่ตายไป


หานเซิ่นมองไปที่กงล้อคริสตัลด้านล่าง ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความคิดหลายอย่าง

“แปลกจริงๆ ถึงแม้จะไม่มีใครรู้ว่ามันมีกับดักอะไรซ่อนอยู่ในภูเขาลูกนี้ แต่พวกเขาก็ต้องรู้ว่าสถานที่แห่งนี้อันตรายมากๆ ถึงอย่างนั้นกษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิงก็ยังส่งองค์ชายและองค์หญิงมาที่นี่โดยที่ไม่เตือนถึงอันตรายที่อาจจะต้องเจอ พวกเขาแค่บอกให้เหล่าองค์ชายและองค์หญิงมาที่นี่เพื่อฝึกฝน นั่นมันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด”


หานเซิ่นคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี่แปลกประหลาดเกินไป คนแบบไหนกันที่จะไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของลูกๆตัวเอง? มันไม่สำคัญว่าพ่อคนหนึ่งจะต้องการให้ลูกได้ฝึกฝนตัวเองยังไง พวกเขาก็ไม่ควรจะให้ลูกของตัวเองมาเผชิญกับชะตากรรมที่โหดร้ายแบบนี้


“นอกซะจากกษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิงจะส่งพวกเขามาที่นี่ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันต้องมีการสังเวยชีวิต…”

หานเซิ่นมองไปที่ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆ พวกเขาดูหม่นหมอง แต่มันบอกได้ยากว่าในตอนนี้พวกเขากำลังคิดอะไรอยู่


หานเซิ่นรู้ว่าคนอื่นๆคงจะไม่ได้กำลังคิดแบบเดียวกับที่เขาคิด มันไม่ใช่ว่าหานเซิ่นฉลาดกว่าพวกเขา แต่แค่พวกเขาเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบในครั้งนี้ ขณะที่หานเซิ่นเป็นแค่คนที่คอยจับตาดู


พวกเขากำลังคิดว่าการทดสอบนี้คือกุญแจที่จะทำให้พวกเขาได้ขึ้นครองบัลลังก์ พวกเขาคิดว่าการต้องเผชิญหน้ากับอันตรายนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีทางจะบอกได้ว่าระหว่างพวกเขาใครที่ฉลาดกว่า แข็งแกร่งกว่าหรือคู่ควรจะเป็นกษัตริย์คนต่อไปมากกว่า ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงไม่ได้แบบหานเซิ่น


ไป๋ว่านเจี้ยมองไปที่กงล้อคริสตัลและไข่ยักษ์ก่อนที่จะพูดว่า

“ในตอนนี้พวกเรายังไม่รู้ว่าการทำลายไข่ใบนี้จะใช่การทดสอบสุดท้ายหรือเปล่า หรือมันยังมีอะไรอย่างอื่นที่พวกเราต้องทำให้สำเร็จ”


“ข้าไม่คิดว่าการทดสอบสุดท้ายจะเป็นการทำลายไข่ ไม่อย่างนั้นด้วยการที่มันเคยมีองค์ชายและองค์มาที่นี่ก่อนหน้าพวกเรา ไข่ใบนี้ก็ควรจะถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว” ไป๋อู๋ฉางพูด


“บางทีอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น” ไป๋หลิงซวงพูด

“บางทีไข่ใบนี้อาจจะมีพลังในการประกอบตัวเองขึ้นมาใหม่เหมือนกับเหล่าอันเดดก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นมันไม่สำคัญว่าไข่ใบนี้จะแตกไปสักกี่ครั้ง มันก็ฟื้นตัวขึ้นใหม่ได้”


ไป๋เวยพยักหน้าและพูด “จากที่พวกเราเห็นในตอนนี้ บททดสอบสุดท้ายนั้นดูจะเกี่ยวข้องกับไข่ใบนี้”


ไป๋ว่านเจี้ยเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นมา “น้องเวย เจ้าไปฝึกฝนกับเผ่าเวรี่ไฮเป็นเวลานาน เจ้าคงจะได้รู้อะไรมากกว่าพวกเรา เจ้ารู้ไหมว่าภายในไข่ใบนี้มีอะไรอยู่?”


ไป๋เวยส่ายหัว “ภายในเอาท์เตอร์สกายมีซีโน่เจเนอิคมากมาย และข้าก็เคยได้เห็นไข่ของซีโน่เจเนอิคจำนวนมาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นไข่แบบนี้”


ไป๋หลิงซวงคิดอยู่ชั่วครู่และพูดขึ้นว่า “ในอดีตมีองค์ชายและองค์หญิงที่ผ่านบททดสอบ เพราะฉะนั้นมันต้องมีหนทางอยู่ พวกเราแค่ยังไม่ค้นพบมันเท่านั้น”


“น้องหลิงซวงพูดถูก ก่อนหน้านี้ข้าโยนกรงขังนกและไทเกอร์ก็อตอีเกิลลงไป แต่กรงขังนกนั้นกลับมาหาข้าได้ ขณะที่ไทเกอร์ก็อตอีเกิลติดอยู่กับไข่ ดูเหมือนว่าไข่ไปนี้จะดึงดูดเฉพาะสิ่งที่มีชีวิตเท่านั้น” ไป๋ว่านเจี้ยพูด


ดวงตาของทุกคนดูเป็นประกายขึ้นมา ถ้าพลังของไข่ยักษ์มีผลเฉพาะกับสิ่งมีชีวิตเท่านั้น นั่นก็หมายความว่าพวกเขาสามารถใช้สมบัติเพื่อโจมตีไข่ได้


“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ให้ข้าได้ลองก่อนเป็นคนแรก”

ไป๋อู๋ฉางพูด เขาเอามีดหยกเล่มหนึ่งที่มีความยาวครึ่งฟุตออกมา มันเป็นมีดที่ดูเหมือนว่าจะทำขึ้นมาจากหยกคริสตัล ใบมีดนั้นมีออร่าที่น่ากลัว


ไป๋อู๋ฉางถือมีดหยกเอาไว้ขณะที่จ้องไปที่ไข่ยักษ์ หลังจากนั้นเขาก็ขว้างมีดหยกออกไปเหมือนกับแสงสีเขียว


ในตอนที่มีดหยกชนเข้ากับเปลือกไข่ยักษ์ มันก็ก่อให้เกิดเสียงราวกับว่ามันชนเข้ากับก้อนหิน โซ่สสารสีเขียวมากมายถูกปล่อยออกไป พวกมันพุ่งเข้าใส่เปลือกของไข่และแตกสลายไป


หลังจากที่ไข่ถูกโจมตีอย่างรุนแรง มันก็เป็นเหมือนกับหลอดไฟที่ถูกเปิด ซึ่งทำให้มันปลดปล่อยแสงสว่างออกมา


ด้วยแสงสว่างจากไข่ยักษ์ เครื่องมือคริสตัลภายในภูเขาก็เริ่มทำงานขึ้นมา ไข่เป็นเหมือนกับหอคอยที่ส่องแสงออกไปรอบทิศทางและทำให้ทั้งภูเขานั้นสว่างไสว


เมื่อเห็นว่าการโจมตีล้มเหลว ไป๋อู๋ฉางก็เรียกมีดหยกของตัวเองกลับมา แต่มีดหยกนั้นไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขา มันร่วงลงไปที่กงล้อคริสตัล


ในตอนที่กงล้อคริสตัลเริ่มหมุน สมบัติระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟก็ถูกย่อยสลายจนไม่เหลืออะไรเช่นเดียวกับร่างของไทเกอร์ก็อตอีเกิล


ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นอึ้งไป พวกเขารู้สึกหนาวขึ้นมา กงล้อคริสตัลนั้นสามารถย่อยสลายได้ทั้งร่างกายและสมบัติ


หานเซิ่นไม่ได้ประหลาดใจ นั่นเป็นเพราะว่าวัสดุหลักของสมบัติก็คือยีนของซีโน่เจเนอิค ร่างกายของไทเกอร์ก็อตอีเกิลก็คือยีนซีโน่เจเนอิคเช่นกัน มันไม่ได้มีความแตกต่างระหว่างพวกมัน มันจึงเป็นเรื่องปกติที่มีดหยกจะถูกย่อยสลายไป


สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจคือในตอนที่มีดหยกถูกขว้างไปถูกเปลือกไข่ เด็กผู้หญิงที่อยู่ภายในไข่นั้นมีปฏิกิริยาตอบสนอง เหมือนกับว่ามีบางคนรบกวนการหลับของเธอ เธอขมวดคิ้ว แต่ดวงตาของเธอยังคงไม่เปิดขึ้นมา


หลังจากผ่านไปสักพัก แสงของไข่ก็เริ่มจะมัวไปและเครื่องมือคริสติลภายในภูเขาก็หยุดทำงาน


ไป๋ว่านเจี้ยหันไปมองไป๋อู๋ฉางขณะที่ถามขึ้นว่า “อู๋ฉาง มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอ?”


ด้วยพลังของไป๋อู๋ฉาง การควบคุมสมบัติซีโน่เจเนอิคให้กลับมาหานั่นควรจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่มีดหยกกลับร่วงลงไปแบบนั้น


ไป๋อู๋ฉางเงียบอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะตอบว่า “หลังจากที่มีดถูกผิวของไข่นั่น การเชื่อมต่อของข้ากับมีดก็ถูกตัดขาดโดยพลังบางอย่าง ข้าพยายามจะนำมันกลับมา แต่มันไม่ได้ผล”


“นี่ดูจะเป็นปัญหา ถ้าสิ่งมีชีวิตไปสัมผัสกับไข่ สิ่งมีชีวิตก็จะถูกดูดพลังจนตาย และถ้าสมบัติสัมผัสกับไข่ พวกมันก็จะถูกแยกตัวออกไป มันคงจะเป็นเรื่องยากที่จะทำลายไข่ใบนี้” ไป๋อู๋ฉางพูด


“ถ้ามันเป็นเรื่องที่ง่าย มันก็คงจะไม่ได้เป็นบททดสอบที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยท่านอัลฟ่า” ไป๋ว่านเจี้ยพูด


ขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆพวกเขาก็เห็นไป๋ว่านเจี้ยนำสร้อยคอเส้นหนึ่งออกมา สร้อยคอนั้นประกอบด้วยลูกประคำหนึ่งร้อยแปดเม็ด แต่ละเม็ดมีขนาดพอๆกับลูกเชอร์รี่ และดูเหมือนกับว่ามีดวงดาวกำลังหมุนอยู่ภายในพวกมัน


ไป๋ว่านเจี้ยปลดสร้อยคอและนำเอาลูกประคำหนึ่งเม็ดออกมาเพื่อขว้างออกไปใส่ไข่ยักษ์ หลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นไข่ระเบิดแสงสว่างออกไปทุกหนทุกแห่ง เครื่องมือคริสตัลเริ่มทำงานอีกครั้ง


ไป๋ว่านเจี้ยขว้างลูกประคำใส่ไข่ทีละเม็ดๆ ไข่ยักษ์นั้นส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นว่ามันเป็นไข่สีดำ แต่ในตอนที่แสงสีขาวของไข่เพิ่มความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ มันก็เริ่มจะดูโปร่งใส


“ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งอยู่ภายใน”

เมื่อเปลือกไข่เริ่มจะโปร่งใส ไป๋อู๋ฉางก็เห็นเด็กผู้หญิงผมทองอยู่ภายใน แต่เขาเห็นแค่รางๆเท่านั้น มันไม่ได้ชัดเจน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)