Super God Gene 2861-2873

ตอนที่ 2861 อบิสไนท์

 

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าดราก้อนวันจะถูกฆ่าตายแบบนั้น…” เสียงของผู้หญิงคนนั้นฟังดูแปลกมากๆ


ผู้นำปราสาทนภาถอนหายใจและพูด “ข้าหวังว่าเผ่าดราก้อนจะก้าวข้ามการสูญเสีญครั้งนี้ไปได้”


“เผ่าดราก้อนใช้ทรัพยากรทั้งหมดเพื่อสร้างคนที่จะกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของเผ่าดราก้อนขึ้นมา แต่เขาถูกฆ่าตายไปแบบนั้น เผ่าดราก้อนกำลังตกอยู่ในอันตราย…”

ผู้หญิงส่ายหัวและยิ้มแห้งออกมา “ว่าแต่เดม่อนอัลฟ่าคนนั้นเป็นใครกัน? นางมีพลังที่น่ากลัว ด้วยทรัพยากรของเผ่าเดม่อนแล้ว มันไม่มีทางที่พวกเขาจะสร้างคนแบบนั้นขึ้นมาได้”


“นี่คือยุคสมัยของความโกลาหล” ผู้นำปราสาทนภาไม่ตอบ เขามองไปสู่อวกาศที่อยู่ไกลออกไป


“น่าสนใจ… น่าสนใจมาก… ถึงแม้ข้าจะไม่ได้เห็นดราก้อนหนึ่งร้อยคนรวมร่างกัน แต่มันก็ยังเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์อยู่ดี” พระเจ้าดูพึงพอใจอย่างมาก


“เจ้ารู้จักเดม่อนอัลฟ่าคนนี้ไหม? เขามีพลังที่น่ากลัวแบบนั้นได้ยังไงกัน?” หานเซิ่นถาม


พระเจ้าส่ายหัวา “ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าพระเจ้าไม่ได้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง? ข้าเป็นเหมือนกับเจ้า ข้าแค่รู้ในสิ่งที่ข้าเห็นเท่านั้น ข้าไม่เคยเห็นเดม่อนอัลฟ่ามาก่อน ดังนั้นข้าไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับนาง แต่มันมีอย่างหนึ่งที่ข้ารู้แน่ๆ”


“มันคืออะไร?” หานเซิ่นถาม


“ในมือของนาง มีดกระดูกนั่นคืออาวุธประจำตัวพระเจ้า” พระเจ้าพูดด้วยความมั่นใจ


เมื่อหานเซิ่นได้ยินแบบนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาคิดกับตัวเอง

“ถ้าเดม่อนอัลฟ่าคืออาชูร่าจริงๆ แบบนั้นเมื่อก่อนจอมมารและอาชูร่าก็อัญเชิญพระเจ้ามาจริงๆอย่างนั้นสินะ ด้วยพลังของพวกเขาในตอนนั้น พวกเขาฆ่าเทพสปิริตได้ยังไงกัน? ถึงแม้เทพสปิริตจะบาดเจ็บหนัก มันก็ควรจะเป็นไปไม่ได้อยู่ดี ความแตกต่างระหว่างพลังเป็นอะไรที่มากเกินไป มันไม่มีโอกาสที่พวกเขาจะทำแบบนั้นได้ ถึงแม้พระเจ้าจะไม่ตอบโต้และปล่อยให้พวกเขาฆ่า? พวกเขาก็ไม่มีพลังพอที่จะฆ่าเทพสปิริตอยู่ดี… นั่นหมายความว่าอาชูร่าฆ่าเทพสปิริตและได้อาวุธประจำตัวพระเจ้ามา หลังจากที่มาถึงจักรวาลจีโนอย่างนั้นหรอ?”


หานเซิ่นไม่สามารถคาดเดาความจริงได้ แต่ที่เขารู้สึกคาใจที่สุดก็คือเรื่องที่เดม่อนอัลฟ่านั้นดูเหมือนกับซีโร่ไม่มีผิด

‘ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องหาโอกาสพูดกับจอมมารเกี่ยวกับอาชูร่าอีกครั้ง’


“นั่นคืออาวุธประจำตัวพระเจ้าของเทพสปิริตคนไหน?” หานเซิ่นถาม


“มันมีพระเจ้าอยู่มากเกินไป ข้าจำพวกเขาไม่ได้ทั้งหมด” พระเจ้าพูด


“มันมีพระเจ้ามากมายขนาดนั้นเลยหรือ?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน


“พระเจ้าที่แท้จริงนั้นมีไม่มาก” พระเจ้าพูดและก็ไม่พูดอะไรเพิ่มอีก


การต่อสู้ของเดม่อนอัลฟ่าเป็นที่ตกตะลึงไปทั้งจักรวาล เดม่อนกลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีชื่อเสียงในหมู่เผ่าพันธุ์ชั้นสูงในชั่วพริบตา ตอนนี้พวกเขาแทบจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในจักรวาล ทุกคนต่างเชื่อว่าเผ่าเดม่อนจะเลื่อนอันดับขึ้นในเร็วๆนี้ มันขึ้นอยู่กับว่าเดม่อนอัลฟ่าจะเริ่มการต่อสู้ชิงตะเกียงของจีโนฮอลล์เมื่อไหร่


ด้วยพลังของเดม่อนอัลฟ่า เผ่าเดม่อนคงจะเข้ามาติดสิบอันดับเผ่าพันธุ์สูงสุดได้โดยไม่มีปัญหาอะไร


ส่วนเผ่าพันธุ์ที่เคยทัดเทียมกับเผ่าเดม่อนต่างก็รู้สึกว่าพวกเขากำลังเผชิญกับวิกฤต พวกเขาคิดว่าเดม่อนอัลฟ่านั้นอาจจะมาทำลายเผ่าพันธุ์ของพวกเขาเพื่อชิงดินแดนกับซีโน่เจเนอิคสเปชไปได้ทุกเมื่อ หลายเผ่าพันธุ์ได้ทำการส่งทูตไปขอเป็นพันธมิตรกับเผ่าเดม่อนเรียบร้อยแล้ว


แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหานเซิ่น หลังจากที่เขากลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายเรียบร้อยแล้ว มันจึงไม่มีทรัพยากรมากพอที่จะสนับสนุนเขาไปถึงขั้นทรูก็อต ดังนั้นเขาจึงมองดูการต่อสู้ของคนอื่นร่วมกับพระเจ้า


แต่นอกจากการต่อสู้ระหว่างเดม่อนอัลฟ่าและดราก้อนวันแล้ว มันก็ไม่มีการต่อสู้ที่น่าสนใจมากนัก ยอดฝีมือทั้งหมดแค่ต่อสู้จนถึงจุดที่ผู้ชนะถูกตัดสิน มีน้อยคนนักที่จะเสียชีวิตในการประลอง


สิ่งที่เกิดขึ้นกับดราก้อนวันทำให้ยอดฝีมือทุกคนระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม พวกเขาจะไม่ประมาทคู่ต่อสู้คนไหนๆที่พวกเขาพบ


โกลเด้นโกรวเลอร์ยังคงไร้เทียมทานและพลังที่น่ากลัวของมันก็ถูกผู้คนส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่ามันแข็งแกร่งที่สุด คนส่วนใหญ่เชื่อว่าโกลเด้นโกรวเลอร์จะเป็นผู้ชนะในการประลองครั้งนี้ พวกเขาคิดว่ามันมีโอกาสชนะมากกว่าเดม่อนอัลฟ่าซะอีก


ส่วนผู้นำปราสาทนภาและผู้นำเผ่าเวรี่ไฮนั้นไม่จำเป็นต้องบรรยาย คู่ต่อสู้ของพวกเขายอมแพ้ไป ผู้ชมจึงไม่สามารถบอกได้ว่าจริงๆแล้วพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่


แต่คนที่หานเซิ่นรู้สึกสนใจมากที่สุดคือชายที่มีชื่อว่าโหลวเลี่ย คนๆนี้สามารถเอาชนะซีโน่เจเนอิคขั้นบัตเตอร์ฟลายได้อย่างง่ายดาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหานเซิ่นพบบางสิ่งที่คุ้นเคยเกี่ยวกับคนๆนั้น


“นี่เขาเป็นสมาชิกของพยุหะโลหิตอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย


“โหลวเลี่ยคนนี้น่าสนใจ” พระเจ้าพูดด้วยรอยยิ้ม


“ทำไมเขาถึงน่าสนใจ?” หานเซิ่นถาม


“เขาไม่เหมือนเจ้าที่เป็นตัวปลอม เขาเป็นมนุษย์จริงๆ” พระเจ้าตอบ


“เขาเป็นมนุษย์? ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะทำอะไร?”

หานเซิ่นพยายายทำให้คำถามของเขาฟังดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด แต่เขาอยากจะรู้จริงๆว่าพระเจ้าจะทำอะไรถ้าเขาพบมนุษย์คนหนึ่งเข้า


“ข้ายังไม่มีแผนจะทำอะไร ข้าจะดูการประลองต่อไปและตั้งตารอการต่อสู้ของคนที่น่าสนใจ” คำตอบของพระเจ้าทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ


หานเซิ่นคิดว่ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งต้องห้ามของจักรวาลนี้ เมื่อพระเจ้าพบว่าโหลวเลี่ยเป็นมนุษย์คนหนึ่ง หานเซิ่นก็เดิมพันว่าเขาจะทำอะไรบางอย่าง


“อย่ามองข้าแบบนั้น ข้าเป็นพระเจ้าไม่ใช่หมาบ้า เจ้าคิดว่าข้าจะฆ่าใครก็ตามที่ข้าเห็นอย่างนั้นหรอ?” พระเจ้าหัวเราะ


หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าและพูด “ข้าคิดว่าเจ้าจะปฏิบัติกับมนุษย์แตกต่างออกไปซะอีก”


“ข้าจะปฏิบัติกับพวกเขาต่างออกไป แต่การประลองบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนดำเนินตามกฎที่ข้าตั้งเอาไว้ ถ้าข้าเป็นคนที่แหกกฎซะเอง มันก็เป็นอะไรที่ไม่เข้าท่าเอาซะเลย”

หลังจากนั้นเขาก็หันมาหานเซิ่นด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนรอยยิ้ม “แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าปฏิบัติกับมนุษย์แตกต่างออกไปเหมือนกันใช่ไหม ทำไมเจ้าถึงได้เสแสร้งปลอมตัวเป็นมนุษย์?”


“ข้าบอกเจ้าแล้วยังไงว่าข้าเป็นมนุษย์ มันไม่ได้เสแสร้ง” หานเซิ่นพูดพร้อมกับยักไหล่


หลังจากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็หยุดพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้และหันไปดูการประลองกันต่อ


มันมียอดฝีมือที่น่ากลัวอยู่มากมายในจักรวาล ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนนั้นจะเต็มไปด้วยคนของสามเผ่าพันธุ์สูงสุด แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น มันมียอดฝีมือหลายคนที่มาจากสามเผ่าพันธุ์สูงสุดก็จริง แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าส่วนใหญ่นั้นไม่ได้มาจากเผ่าพันธุ์สูงสุดทั้งสาม มันมีเผ่าพันธุ์มากมายที่หานเซิ่นไม่เคยได้ยินมาก่อน


“ดูเหมือนว่าในจักรวาลนี้จะมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวซ่อนตัวอยู่มากมาย เราต้องระมัดระวังเอาไว้”

หานเซิ่นมองดูคู่ต่อสู้คนต่อไปและพบว่ามันคืออบิสไนท์ขั้นบัตเตอร์ฟลาย มันค่อนข้างแข็งแกร่ง มันบดขยี้ซีโน่เจเนอิคระดับเดียวกันที่เป็นคู่ต่อสู้ในรอบนี้ได้อย่างง่ายดาย


หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘ถึงแม้มันจะแข็งแกร่ง แต่มันก็ไม่น่าจะต่อกรกับเราได้’


“การต่อสู้นัดต่อไปเป็นอะไรที่น่าเบื่อ เจ้าอยากจะเปลี่ยนมาเล่นหมากล้อมหน่อยไหม?” พระเจ้ายืดเส้นยืดสายขณะที่พูดกับหานเซิ่น


“เอาสิ” หานเซิ่นไม่ปฏิเสธ เขาต้องการเล่นหมากล้อมกับพระเจ้า


ถึงแม้หานเซิ่นจะแพ้ตลอด แต่ฝีมือการเล่นหมากล้อมของเขาก็พัฒนาขึ้นเพราะการพ่ายแพ้เหล่านั้น


เกมส์หมากล้อมก็เหมือนกับเกมส์การต่อสู้ ยิ่งเขาพัฒนาฝีมือการเล่นหมากล้อมมากเท่าไหร่ เขาก็จะได้ไอเดียใหม่ที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในการต่อสู้จริง นั่นทำให้เขาอยากจะเล่นหมากล้อมกับพระเจ้า


ด้วยลักษณะนิสัยของหานเซิ่น ถ้าเขาไม่ชนะสักครั้ง เขาก็จะไม่เลิกลาเด็ดขาด


แต่หลังจากพ่ายแพ้เกมส์หมากล้อมติดต่อกันหลายสิบครั้ง ในที่สุดการต่อสู้รอบต่อไปของหานเซิ่นก็มาถึง


หานเซิ่นลุกขึ้นและพูด “ปล่อยกระดาษไว้แบบนี้ พวกเราจะเดินกันต่อในตอนที่ข้ากลับมา”

หมากกระดานนี้ยังเดินไปได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น และมันดูเหมือนว่าเขากำลังจะเป็นฝ่ายชนะ ดังนั้นหานเซิ่นต้องการจะจบการต่อสู้กับอบิสไนท์ให้เร็วที่สุดเพื่อที่เขาจะได้มาเดินหมากกับพระเจ้าต่อ


“โอเค” พระเจ้าพูดด้วยรอยยิ้ม


หานเซิ่นรับคำเชิญของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนและเข้าไปในสนามประลอง

 

 

 


ตอนที่ 2862 เทพสปิริตที่ลงมาจุติ

 

อบิสไนท์เป็นซีโน่เจเนอิค มันมีร่างกายท่อนบนเป็นอัศวินในชุดเกราะ ส่วนร่างกายท่อนล่างของมันเป็นหนวดโลหะสีดำเหมือนกับปลาหมึก


หานเซิ่นเคยดูการต่อสู้ของอบิสไนท์มาแล้ว เขารู้ว่าอบิสไนท์เป็นซีโน่เจเนอิคธาตุความมืด มันจะปลดปล่อยพลังความมืดที่มีผลในการกัดกร่อนออกมา นอกจากนั้นพลังป้องกันของมันยังสูงมากๆ ถ้าซีโน่เจเนอิคระดับเดียวกันโจมตีใส่ชุดเกราะของมัน ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นก็ไม่มีทางจะเจาะทะลวงชุดเกราะของมันได้


ส่วนหนวดโลหะของมัน ถึงแม้จะถูกตัดออกไป หนวดอันใหม่ก็จะงอกออกมาแทนที่ในทันที ด้วยเหตุนั้นการโจมตีใส่หนวดจึงเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ คู่ต่อสู้จำเป็นต้องทำลายชุดเกราะและร่างกายของมันให้สำเร็จ


หานเซิ่นกำลังถือฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้อยู่ในมือ มันถือว่าเป็นอาวุธประจำตัวพระเจ้าครึ่งหนึ่ง ถึงแม้มันจะถูกสร้างขึ้นมาด้วยมือคน แต่มันก็ยังคงเป็นสมบัติที่ใกล้เคียงกับระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต


ถึงแม้หานเซิ่นต้องการจะรีบจบการต่อสู้เพื่อกลับไปเล่นหมากล้อมต่อ แต่เขาก็ไม่คิดจะประมาทอบิสไนท์ เขายังคงระมัดระวังอยู่ตลอด


โหมดซีโน่เจเนอิคของหานเซิ่นเกือบที่จะเรียกได้ว่าเป็นอะไรที่ไร้เทียมทาน แต่มันมีซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัวอยู่มากมายในจักรวาลนี้ พวกมันล้วนแต่มีพลังที่ไม่น่าเชื่อ ถ้าหานเซิ่นเกิดเจอกับพลังที่ประหลาดเข้า เขาก็จะอาจต้องจ่ายด้วยชีวิต เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ


สติปัญหาของซีโน่เจเนอิคส่วนใหญ่นั้นจะไม่สูงจนเกินไป และถึงแม้มันจะมีสติปัญหาที่สูง ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของพวกมันก็ต่ำอยู่ดี หานเซิ่นกับซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งไม่มีอะไรที่จะต้องพูดคุยกัน ดังนั้นหานเซิ่นส่งพลังไปที่ฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้และเริ่มโจมตีในทันที


ถึงจะไม่ได้นับพลังของฝัดมีดรีเทิร์นเอมตี้ ร่างกายซีโน่เจเนอิคของหานเซิ่นก็ควรจะเหนือกว่าซีโน่เจเนอิคที่เป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายเหมือนกัน


นอกจากนั้นฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ยังมีพลังของตัวมันเองอยู่อีกด้วย ถ้าซีโน่เจเนอิคขั้นบัตเตอร์ฟลายธรรมดาถูกหานเซิ่นฟันใส่ มันก็คงจะตายในทันทีหรือไม่ก็บาดเจ็บสาหัส


อบิสไนท์ดูไม่ได้สนใจอะไร มันยังคงยืนกอดอกด้วยดวงตาที่เหมือนกับหลุมดำ ดวงตาของมันดูเหมือนกับว่าสามารถดูดแสงสว่างเข้าไปได้ ในตอนที่ฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้เข้ามาใกล้ หนวดที่อยู่ใต้ร่างกายของมันก็เริ่มเคลื่อนไหว มันพุ่งเข้าไปหาฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ของหานเซิ่น


ในตอนที่หนวดโลหะปะทะกับฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ มันไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นมา หนวดนั้นพันรอบๆฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้อย่างเงียบๆ และปุ่มที่อยู่ใต้หนวดก็เริ่มจะดูดฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้เอาไว้


สีหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไปทันที เขาเคยดูการประลองก่อนหน้านี้ของอบิสไนท์ ถึงมันจะเป็นซีโน่เจเนอิคที่แข็งแกร่ง แต่มันก็ไม่ได้มีพลังมากถึงขนาดนี้ มันใช้หนวดเพียงอันเดียวเพื่อป้องกันฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ของเขา ด้วยพลังขนาดนี้ถ้าหานเซิ่นไม่ได้รู้มาก่อนว่าอบิสไนท์เป็นซีโน่เจเนอิคขั้นบัตเตอร์ฟลาย เขาก็คงจะคิดไปว่าอีกฝ่ายเป็นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต


หานเซิ่นพยายามดึงฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้กลับ แต่ไม่ว่าเขาจะออกแรงมากสักแค่ไหน ฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ก็ไม่ขยับเขยื้อนเลย มันถูกหนวดของอบิสไนท์ดูดเอาไว้แน่น


อบิสไนท์ยังคงยืนกอดอก เขาแค่มองไปที่หานเซิ่นด้วยใบหน้าที่ดูถูกและพูด “สิ่งมีชีวิตที่โง่เขลา”


หลังจากนั้นเปลวเพลิงสีม่วงดำก็ลุกโชนขึ้นบนร่างกายของอบิสไนท์ ร่างกายทั้งร่างของเขาดูเหมือนกับปีศาจที่คลานออกมาจากขุมนรก หนวดของมันเริ่มจะดึงฝักมีดและหานเซิ่นเข้าไปหา และในขณะเดียวกันหนวดอื่นๆก็เข้ามาเพื่อจับร่างกายของเขาเอาไว้


หานเซิ่นรู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ เขาจำเป็นต้องปล่อยฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ไปและถอยออกไปด้านหลังเพื่อหลบหนวดที่กำลังเข้ามา


“นั่นเป็นไปได้ยังไง? อบิสไนท์แข็งแกร่งถึงขนาดนั้นได้ยังไงกัน?”

หานเซิ่นขมวดคิ้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขารู้ว่าการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนนั้นไม่สามารถเปลี่ยนตัวได้ล่ะก็ เขาก็คงจะคิดไปว่านี่ไม่ใช่อบิสไนท์ตัวเดิมที่เขาเคยเห็นมาก่อน พลังของมันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง


มันไม่ใช่แค่หานเซิ่นเท่านั้นที่รู้สึกสับสน ยอดฝีมือหลายๆคนที่รู้ถึงความสามารถของอบิสไนท์เองก็รู้สึกแปลกใจเช่นเดียวกัน


“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่อบิสไนท์แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น? นอกจากนั้นพลังของมันในตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นแค่พลังธาตุความมืดเพียงอย่างเดียว” ผู้หญิงในปราสาทนภารู้สึกแปลกใจ


“มันแปลกจริงๆ” ผู้นำปราสาทนภาขมวดคิ้ว


ภายในเผ่าเวรี่ไฮ เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อกำลังมองดูการต่อสู้อยู่ พวกเธอเองก็คิดว่ามันเป็นอะไรที่แปลกเช่นกัน หลี่เคอเอ๋อพูดขึ้นว่า

“ข้านึกว่าอบิสไนท์เป็นสิ่งมีชีวิตธาตุความมืดซะอีก ทำไมจู่ๆพลังของอบิสไนท์ถึงได้แตกต่างออกไป? นี่ดอลลาร์จะฝ่ายแพ้อย่างนั้นหรอ?”


“ดูเหมือนว่าอบิสไนท์นั้นจะแข็งแกร่งกว่าดอลลาร์”

เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างไร้ความรู้สึก “มันปลดอาวุธของเขาได้อย่างง่ายดาย ข้ากลัวว่าดอลลาร์จะเป็นฝ่ายแพ้ในการประลองรอบนี้”


เมื่อหลี่เคอเอ๋อได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้สึกแย่ ถึงแม้ดอลลาร์จะไม่ยอมเป็นตัวไหมของเธอ แต่เธอก็ไม่อยากจะเห็นดอลลาร์พ่ายแพ้


บนเอมตี้เมาท์เทน อสูรขนเขียวดูสับสน

“แปลกจริงๆ ทำไมอบิสไนท์นั่นถึงได้แข็งแกร่งนัก ข้าเคยต่อสู้กับอบิสไนท์มาก่อน และมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น”


ผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆมองไปที่อบิสไนท์และพูด “ในโลกใบนี้ไม่ว่าสัตว์ประหลาดแบบไหนจะปรากฏตัวออกมาก็ไม่สำคัญ ผู้นำเมาท์เทนน้อยจะเอาชนะพวกมันทั้งหมด เอมตี้เมาท์เทนจะกลับไปอยู่บนจุดสูงสุดอีกครั้ง”


“เจ้าพูดถูก” อสูรขนสีเขียวพูดด้วยท่าทางอวดดี

“พลังของผู้นำเมาท์เทนน้อยนั้นเกือบจะเทียบได้กับผู้นำเมาท์เทนในอดีต การกลืนระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตเข้าไปนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับผู้นำเมาท์เทนน้อย ไม่ว่ามันจะเป็นอบิสไนท์หรือดอลลาร์ที่มายืนอยู่ต่อหน้าผู้นำเมาท์เทนน้อย พวกเขาก็จะถูกฆ่าตายอยู่ดี”


ในตอนที่อี๋ซาเห็นฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ถูกอบิสไนท์แย่งไป เธอก็ขมวดคิ้ว

“นี่ดอลลาร์กำลังทำอะไรของเขา?”


ภายในสวนของเอ็กซ์ตรีมคิง พระเจ้าลูบคางและพูดกับตัวเอง

“นี่คำแนะนำของข้าไม่ชัดเจนพออย่างนั้นหรอ? เขาเพิ่งจะใช้กระดูกซี่โครงของพระเจ้านภาเพื่อโจมตีพระเจ้านภา นั่นไม่ต่างอะไรจากการมอบสิ่งประจำตัวพระเจ้าคืนกลับไปให้เจ้าของของมัน”


อบิสไนท์แกว่งหนวดและนำฝักมีดมาอยู่ข้างๆตัว หลังจากนั้นเขาก็เลิกกอดอกและยื่นมือขวาออกไปจับฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้เอาไว้ ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงประหลาด


หานเซิ่นขมวดคิ้วและมองไปที่อบิสไนท์ เขารู้สึกว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ อบิสไนท์กำลังปล่อยออร่าที่เหมือนกับฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ออกมา


อบิสไนท์ลูบฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้อย่างมีความสุข ความสุขของเขาในตอนนี้ไม่สามารบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

“ในที่สุดสิ่งประจำตัวพระเจ้าของเราก็กลับคืนมา”


หลังจากที่ตกไปอยู่ในมือของอบิสไนท์ ฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ก็เรืองแสงออกมาอย่างสว่างไสวและเริ่มจะประสานเข้ากับเปลวเพลิงบนตัวของอบิสไนท์จนเกิดเป็นการระเบิดของพลังที่รุนแรง


ในเวลาเดียวกันเหล่ายอดฝีมือที่กำลังดูอยู่ก็สามารถบอกได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น อบิสไนท์ไม่มีพลังพอจะสร้างปฏิกิริยากับฝักมีดแบบนั้น


“นี่คือพลังระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต” ผู้หญิงพูดด้วยความตกใจ

“นี่อบิสไนท์กลายเป็นขั้นทรูก็อตอย่างนั้นหรอ?”


“ไม่ใช่ นั่นไม่ใช่พลังขั้นทรูก็อต เขาไม่ใช่อบิสไนท์ตัวจริง”

ผู้นำปราสาทนภาพูด “เขาคือเทพสปิริตที่ลงมาจุติ”

 

 

 


ตอนที่ 2863 กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นข...

 

หานเซิ่นรู้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับอบิสไนท์ เขาคิดกับตัวเอง

‘ออร่าของอบิสไนท์กับฝักมีดนั้นคล้ายคลึงกัน และฝักมีดก็ทำขึ้นมาจากสิ่งประจำตัวพระเจ้าที่ถูกตัดออกมา นั่นหมายความเขาจะต้องเป็นพระเจ้าเกราะนภาที่เป็นเจ้าของสิ่งประจำตัวพระเจ้าที่ถูกใช้ทำฝักมีดขึ้นมา”


“ไม่แปลกใจเลยที่พระเจ้าบอกกับเราว่าไม่ควรนำฝักมีดออกมาในตอนที่เผชิญหน้ากับพระเจ้านภา มันเป็นเพราะแบบนี้เองสินะ แต่คำแนะนำนั่นเป็นอะไรที่ค่อนข้างไร้ประโยชน์ เราจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่ที่พระเจ้าเกราะนภาจะมาต่อสู้กับเรา? เราคงจะเก็บซ่อนฝักมีดเอาไว้ตลอดโดยที่ไม่นำออกมาใช้เลยไม่ได้ แบบนั้นการเป็นเจ้าของฝักมีดนี้จะไปมีประโยชน์อะไร?”


หลังจากที่คาดเดาถึงตัวตนของพระเจ้านภาได้แล้ว หานเซิ่นก็ไม่อยากจะถอยออกไป เขายังคงมองพระเจ้าเกราะนภาที่กำลังถือฝักมีดอยู่


ถึงแม้พลังของเขาจะประสานเข้ากับฝักมีดได้อย่างง่ายดาย แต่ฝีดมีดก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยมือคน ดังนั้นมันจะใช้เวลาอีกสักพักก่อนที่มันจะรวมเป็นหนึ่งกับสิ่งประจำตัวพระเจ้าอีกครั้ง นอกจากนั้นพระเจ้าเกราะนภาไม่ต้องการจะเปิดอกของตัวเองในที่สาธารณะและใส่กระดูกกลับคืนไปข้างใน


สำหรับตอนนี้พระเจ้าเกราะนภาจึงแค่ถือฝักมีดเอาไว้ เปลวเพลิงสีม่วงดำบนร่างกายของเขาลุกโชนขึ้นขณะที่เขาจ้องมองไปที่หานเซิ่น


มันไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับเขาที่จะขอยอมแพ้และออกไปจากสนามประลองอวกาศทั้งอย่างนั้น นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ พระเจ้านั้นมีศักดิ์ศรีของตัวเองอยู่ ถึงแม้พระเจ้าเกราะนภาต้องการจะออกไป เขาก็ต้องออกไปจากสนามประลองในฐานะผู้ชนะ


“เนื่องจากเจ้าเอาสิ่งประจำตัวพระเจ้าของข้าไป นี่ก็ถือเป็นโชคร้ายของเจ้า”

พระเจ้าเกราะนภายกฝักมีดขึ้นและมองไปที่หานเซิ่นอย่างดูถูก “เพื่อเป็นรางวัลที่เจ้าคืนฝักมีดให้กับข้า ข้าจะให้เจ้าได้ตายโดยฝักมีดนี่”


หลังจากนั้นพระเจ้าเกราะนภาก็แกว่งฝักมีดและปล่อยมีดแสงสีม่วงดำออกไปหาหานเซิ่น


มีดแสงนั้นเหมือนกับขะแยกอวกาศออกเป็นสองส่วน มันทรงพลังขนาดที่ทำให้ผู้คนใจสั่น ในตอนที่เห็นการฟันครั้งนี้ สีหน้าของยอดฝีมือระดับเทพเจ้าหลายคนก็เปลี่ยนไป


ร่างกายของหานเซิ่นแว็บหายไปอย่างรวดเร็ว เขาสามารถหลบหลีกมีดแสงนั้นไปได้ ในตอนที่เขาปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็อยู่ที่อีกด้านหนึ่งของอวกาศ


หานเซิ่นได้ฝึกวิชาการเทเลพอร์ตมาเป็นเวลายาวนาน และในที่สุดเขาก็สามารถใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นได้ แต่หานเซิ่นได้ปรับแต่งวิชาการเทเลพอร์ตให้เหมาะสมกับร่างกายของตัวเอง


ด้วยพลังเสริมจากอาณาเขตตงเสวียน การเทเลพอร์ตของหานเซิ่นจึงรวดเร็วยิ่งกว่าวิชาก็อตส์วอนเดอร์ของเวรี่ไฮซะอีก ในตอนนี้เขาสามารถใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นเหมือนการเทเลพอร์ตธรรมดาๆ มันรวดเร็วยิ่งกว่าการเทเลพอร์ตในระยะใกล้ของวิชาเทเลพอร์ตทั่วไปซะอีก


ไม่มีใครคาดคิดว่าหานเซิ่นจะหลบหลีกการฟันนั่นได้ หลังจากนั้นพระเจ้าเกราะนภาก็แกว่งฝักมีดอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เขาฟันใส่หานเซิ่นอย่างรุนแรงและรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม มันฉีกอวกาศและมาปรากฏตรงหน้าของหานเซิ่นในฉับพลัน


แต่ร่างกายของหานเซิ่นหายไปในชั่วพริบตา และมีดแสงนั้นก็พลาดเป้าหมายไปอีกครั้ง


“เจ้าจะหลบได้อีกนานแค่ไหนกัน?” พระเจ้าเกราะนภาถามและเริ่มฟันฝักมีดในความเร็วที่สูงยิ่งกว่าเดิม


พระเจ้าเกราะนภาฟันหลายสิบครั้งติดต่อกัน ซึ่งการฟันแต่ละครั้งจะหนักหน่วงและรวดเร็วยิ่งกว่าครั้งก่อน การฟันของเขาทิ้งรอยแผลลึกเอาไว้มากมายในอวกาศอันกว้างใหญ่


แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีครั้งไหนที่สร้างความเสียหายกับหานเซิ่น


“นั่นเป็นวิชาการเทเลพอร์ตที่รวดเร็วมากๆ ดูเหมือนมันจะรวดเร็วยิ่งกว่าก็อตส์วอนเดอร์ของเผ่าเวรี่ไฮซะอีก ดอลลาร์คนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะเอาชนะได้ง่ายๆ” ผู้นำปราสาทนภาตกใจกับความสามารถของหานเซิ่น


“พลังของเทพสปิริตที่รวมเข้ากับร่างกายของสิ่งมีชีวิตในจักรวาลนั้นต่อกรกับขั้นทรูก็อตได้ และบางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ การที่ดอลลาร์หลบหลีกการโจมตีของอีกฝ่ายได้นั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา แต่น่าเสียดายที่การหลบหลีกนั้นเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ ในสุดเขาก็จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้” ผู้หญิงคนนั้นพูด


“การจะสังหารพระเจ้านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้านี้เป็นโกลเด้นโกรวเลอร์ มันก็พอจะมีโอกาสเอาชนะศัตรูคนนี้ได้”

ผู้นำปราสาทนภามองไปที่หานเซิ่นและพูดต่อ “ความแข็งแกร่งของดอลลาร์นั้นถือว่าสูงมากๆ แต่เขายังเป็นแค่ขั้นบัตเตอร์ฟลายเท่านั้น ถ้าเขากลายเป็นขั้นทรูก็อตเมื่อไหร่ บางทีเขาอาจจะมีโอกาสสังหารพระเจ้าได้”


ยอดฝีมือของทุกๆเผ่าพันธุ์ต่างก็เข้าใจสถานการณ์ของหานเซิ่น ด้วยการพึ่งพาวิชาการเทเลพอร์ตที่รวดเร็ว เขาสามารถหลบหลีกการโจมตีของอบิสไนท์ได้ แต่โดยปกติแล้ววิชาเทเลพอร์ตนั้นใช้พลังงานสูงมากๆ การต้องเทเลพอร์ตอย่างต่อเนื่องแบบนั้นจะทำให้พลังของเขาหมดลงในที่สุด เมื่อเป็นแบบนั้นเขาก็จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้


“วิชาการเทเลพอร์ตของดอลลาร์สุดยอดมากๆ ดูเหมือนว่าเขาจะใช้มันเมื่อไหร่ก็ได้ เขาไม่จำเป็นต้องเตรียมตัว และเขาก็ใช้มันได้อย่างต่อเนื่อง นั่นเหนือกว่าก็อตส์วอนเดอร์ของเผ่าเวรี่ไฮซะอีก” ลุงสองของเอ็กซ์ตรีมคิงชื่นชมความสามารถของหานเซิ่น


ราชาไป๋มองไปที่สนามประลองโดยไม่พูดอะไร ดวงตาของเขาดูแปลกๆ ในหัวใจของเขากำลังรู้สึกโกรธขึ้นมา

“เทพสปิริตจุติมาบนโลกนี้และใช้ร่างกายของอบิสไนท์เพื่อเข้าร่วมการประลองที่ถูกจับตามองโดยทุกๆคน นี่พวกเขาเริ่มจะกล้าขึ้นทุกที”


ราชาไป๋จดจำพระเจ้าเกราะนภาได้ เพราะยังไงซะพลังของเขาก็รวมเข้ากับพลังของฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะคาดเดาตัวตนของเทพสปิริตคนนี้


มันไม่สำคัญว่าใครจะเป็นกษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิงในตอนนี้ เพราะพวกเขาทุกคนเกลียดชังพระเจ้าเกราะนภาเหมือนกันหมด นั่นรวมถึงราชาไป๋ด้วย ถ้าเขาทำได้ เขาก็อยากจะเป็นเหมือนราชาไนฟ์และตัดกระดูกของพระเจ้าเกราะนภาอีกครั้ง


พระเจ้าเกราะนภาคิดเหมือนกับคนอื่นๆว่าการเทเลพอร์ตจำเป็นต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ดังนั้นทั้งหมดที่เขาจำเป็นต้องทำก็คือฟันใส่หานเซิ่นไปเรื่อยๆจนกระทั่งอีกฝ่ายหมดแรง เมื่ออีกฝ่ายไม่สามารถใช้การเทเลพอร์ตได้แล้ว เขาก็จะฆ่าอีกฝ่าย


หานเซิ่นใช้วิชาเทเลพอร์ตอย่างไม่ลดละ และเขาก็ไม่แสดงท่าทีที่จะชะลอความเร็วลงไปเลย นั่นทำให้พระเจ้าเกราะนภารู้สึกประหลาดใจ


ความจริงแล้วมันไม่ใช่แค่พระเจ้าเกราะนภาที่ประหลาดใจ แม้แต่พระเจ้าที่กำลังนั่งอยู่ในสวนเองก็ประหลาดใจเช่นกัน

“เขาใช้การเทเลพอร์ตอย่างต่อเนื่อง แต่ร่างกายของเขาดูเหมือนจะไม่เหนื่อยล้าเลยสักนิดเดียว มันไม่ใช่แค่พลังจากร่างกายของเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดูเหมือนว่าร่างกายของเขากำลังดึงดูดพลังงานจากจักรวาลไปใช้ แม้แต่คนของเวรี่ไฮก็ทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ ถึงแม้พวกเขาจะฝึกสกายแอนด์บีอิ้งคอมบิเนชั่นจนถึงขั้นสูงสุดก็ตาม นี่เขาเป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลาย เขาก็ทำแบบนี้ได้เรียบร้อยแล้ว นั่นเป็นเพราะพรสวรรค์หรือเพราะเขาฝึกอย่างหนักกันแน่?”


สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าธรรมดาจะกลัวเรื่องการใช้พลังมากเกินไป แต่หานเซิ่นมีร่างซีโน่เจเนอิคที่รวมร่างยีนต่อสู้สี่ร่างเข้าด้วยกัน ร่างยีนต่อสู้ของศาสตร์ตงเสวียนนั้นสามารถดูดซับพลังงานจากจักรวาลโดยตรงได้ มันจะช่วยเติมเต็มพลังงานที่เขาสูญเสียไป ถ้าร่างกายของหานเซิ่นไม่ได้ถูกทำลาย เขาก็สามารถต่อสู้ได้เรื่อยๆโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความเหนื่อยล้า


พระเจ้าเกราะนภาเห็นถึงปัญหานั้นและเริ่มเปลี่ยนรูปแบบการโจมตี

“ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าจะทำให้เจ้าหนีไปไหนไม่ได้อีก”


ฝักมีดฟันออกไปราวกับเงา มีดแสงมากมายสร้างรอยแยกในอวกาศ เขาจะขังหานเซิ่นเอาไว้ภายในรอยแยกของอวกาศ


กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นเป็นการเคลื่อนไหวผ่านอวกาศ ถ้าพระเจ้าเกราะนภาสร้างรอยแยกของอวกาศรอบๆตัวหานเซิ่นได้ ถึงแม้วิชาการเทเลพอร์ตของหานเซิ่นจะสุดยอดสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเทเลพอร์ตหนีไปไหนได้อีก


ขณะที่หานเซิ่นยังคงเทเลพอร์ตต่อไป รอยแยกก็ปรากฏขึ้นในอวกาศมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้เขามีสถานที่ที่จะเทเลพอร์ตหนีไปน้อยลงกว่าเดิม


สนามประลองอวกาศนั้นไม่ใช่อวกาศของจักรวาลจริงๆ มันเป็นแค่อวกาศที่มีพื้นที่ที่จำกัด มันไม่ได้มีพื้นที่ให้หานเซิ่นเทเลพอร์ตหนีไปเรื่อยๆ


แต่หานเซิ่นไม่ได้คิดจะหนีไปตลอด การเทเลพอร์ตนั้นคือหนทางซื้อเวลาให้เขาได้มีเวลาสังเกตคู่ต่อสู้ เขาต้องการจะเรียนรู้เกี่ยวกับพลังของพระเจ้าเกราะนภา


หานเซิ่นฆ่าพระเจ้ามาสองคนแล้ว ดังนั้นเขาไม่รังเกียจที่จะทำแบบนั้นอีกครั้ง แต่เขาจำเป็นทำให้แน่ใจว่ามันจะประสบความสำเร็จ เขาไม่สามารถโจมตีมั่วๆได้


“ทีนี้เจ้าก็หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว” พระเจ้าเกราะนภาพูดหลังจากที่ทำการฟันใส่หานเซิ่น


ตอนนี้หานเซิ่นถูกล้อมด้วยรอยแยกของอวกาศจากทุกทิศทาง เขาถูกขังอยู่ในบริเวณของอวกาศที่ยังไม่ได้ถูกทำลาย แต่พื้นที่ที่เขาอยู่นั้นถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ดังนั้นไม่ว่าเขาจะใช้วิชาการเทเลพอร์ตที่ทรงพลังขนาดไหน เขาก็ไม่สามารถเทเลพอร์ตหนีไปได้อีก


ในพยุหะโลหิต โหลวเลี่ยมองไปที่พระเจ้าเกราะนภาด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ เขารู้ถึงตัวตนของพระเจ้าเกราะนภา

“มันจบแล้ว ดอลลาร์นั้นแข็งแกร่ง แต่การต่อสู้กับพระเจ้าเป็นอะไรที่มากเกินไป น่าเสียดายที่มันไม่ใช่ข้าที่ต้องเจอกับพระเจ้าคนนี้ ไม่อย่างนั้นข้าก็อาจจะฆ่าเขาได้”

 

 

 


ตอนที่ 2864 หนึ่งหอกแทงทะลุพระเจ้า

 

ยอดฝีมือของทุกเผ่าพันธุ์รู้ว่าการต่อสู้นี้กำลังจะจบลงในอีกไม่ช้า ดอลลาร์นั้นจนมุมเรียบร้อยแล้ว มันไม่มีหนทางที่เขาจะหลบการโจมตีของพระเจ้าเกราะนภาได้อีกต่อไป


พระเจ้าเกราะนภาต้องการจะจบการต่อสู้นี้เร็วๆเพื่อที่เขาจะได้ใส่สิ่งประจำตัวพระเจ้ากลับไปในร่างกาย เขาไม่มีอารมณ์จะยืดเยื้อการต่อสู้ไปมากกว่านี้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงปลดปล่อยการโจมตีออกไป


หานเซิ่นไม่คิดจะยอมแพ้ เขาสังเกตพลังของอีกฝ่ายมาเป็นเวลานาน ถึงเขาจะยังไม่แน่ใจถึงขีดจำกัดของพระเจ้าเกราะนภา เขาก็มั่นใจในเรื่องหนึ่งว่าหลังจากที่พระเจ้าเกราะนภารวมร่างกับอบิสไนท์ ร่างกายนั้นยังคงเป็นของอบิสไนท์อยู่ หลังจากที่ถูกรวมเข้ากับสิ่งประจำตัวพระเจ้า ร่างกายของอบิสไนท์ก็แข็งแกร่งขึ้นถึงระดับขั้นทรูก็อต นั่นหมายความว่าในตอนนี้พระเจ้าเกราะนภาเป็นแค่สิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อตเท่านั้น การจะเอาชนะพระเจ้าเกราะนภาจึงไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ขณะที่เห็นมีดแสงสีม่วงดำตรงเข้ามาหา หานเซิ่นก็ยื่นมือออกมาข้างหน้า ทันใดนั้นหอกกระดูกสีเขียวก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา หลังจากนั้นเขาก็ใช้มันแทงไปใส่มีดแสงที่เข้ามา


“เขาพยายามมากเกินไปแล้ว ไม่ว่านักสู้ขั้นบัตเตอร์ฟลายจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เขาก็ต่อสู้กับเทพสปิริตไม่ได้”

ผู้หญิงในปราสาทนภาขมวดคิ้ว คนอื่นๆก็คิดแบบเดียวกัน ไม่ว่าพวกเขาจะดูเรื่องนี้ยังไง พวกเขาก็เห็นตรงกันว่าหานเซิ่นพยายามมากเกินไป


แต่ในตอนที่หอกปะทะกับมีดแสง ผู้คนก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าหอกนั้นแทงทะลุผ่านมีดแสงไป หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เทเลพอร์ตไปอยู่ตรงหน้าของพระเจ้าเกราะนภา หอกถูกแทงเข้าไปใส่แขนที่กำลังถือฝักมีดอยู่ของพระเจ้าเกราะนภา พระเจ้าเกราะนภาไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และมันก็สายเกินไปแล้วที่เขาจะหยุดหานเซิ่น เขาได้แค่ใช้ชุดเกราะบริเวณแขนเพื่อป้องกัน


Katcha!

พระเจ้าเกราะนภาต้องชดใช้กับความเลินเล่อของตัวเอง หอกสีเขียวแทงทะลุผ่านชุดเกราะและเจาะเข้าไปในแขนของเขา


พระเจ้าเกราะนภาประสบกับความเจ็บปวดและไม่สามารถถือฝักมีดเอาไว้ได้อีก ซึ่งหานเซิ่นสามารถแย่งมันกลับมาได้ ร่างกายของพระเจ้าเกราะนภาโซเซไปด้านหลังขณะที่เขาตกใจอย่างที่สุด


เมื่อเห็นแขนของพระเจ้าเกราะนภามีเลือดไหลออกมา แม้แต่ผู้นำปราสาทนภาและราชาไป๋ก็รู้สึกตกตะลึง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่หอกสกายไวน์แรดิชก็อตในมือของหานเซิ่น


“มันคืออาวุธประจำตัวพระเจ้า”

พระเจ้าเกราะนภาจ้องไปที่หอกสกายไวน์แรดิชก็อตในมือของหานเซิ่น บาดแผลบนแขนของเขาเริ่มจะมีต้นอ่อนสีเขียวงอกออกมา ซึ่งมันแตกต่างจากซีโน่เจเนอิคที่หานเซิ่นเคยลองทดสอบหอกสกายไวน์แรดิชก็อต ด้วย ต้นอ่อนบนบาดแผลของพระเจ้าเกราะนภานั้นเติบโตอย่างช้าๆ


“ดูเหมือนว่าแม้แต่พระเจ้าก็ต้านทานพลังของอาวุธประจำตัวพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ไม่ได้”

เมื่อเห็นแบบนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกแน่วแน่ยิ่งกว่าเดิม ตราบใดที่เขาสามารถสร้างความเสียหายกับพระเจ้าได้ เขาก็ยังมีโอกาสที่จะชนะ


“อาวุธประจำตัวพระเจ้า…” สิ่งมีชีวิตโบราณและยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่ทั่วจักรวาลต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของพระเจ้าเกราะนภา


ผู้คนที่รู้เกี่ยวกับอาวุธประจำตัวพระเจ้านั้นจะรู้ว่ามันยากขนาดไหนที่จะได้อาวุธประจำตัวพระเจ้ามา


“มันไม่มีทางเป็นอาวุธประจำตัวพระเจ้าของจริงไปได้”

ผู้หญิงในปราสาทนภาพูดด้วยความประหลาดใจ “ด้วยระดับพลังของดอลลาร์ เขาไม่มีพลังที่จะเข้าไปในจีโนฮอลล์ เขาจะมีอาวุธประจำตัวพระเจ้าได้ยังไง?”


“ถ้าเทพสปิริตบอกว่ามันคืออาวุธประจำตัวพระเจ้า มันก็ต้องเป็นอาวุธประจำตัวพระเจ้าไม่ผิดแน่ ดอลลาร์คนนี้น่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ”

ผู้นำปราสาทนภาพูดขณะที่หลี่ตา เขามองไปที่หานเซิ่นและหอกสกายไวน์แรดิชก็อต


“น่าสนใจ” โหลวเลี่ยจ้องหานเซิ่นด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ


“อาวุธประจำตัวพระเจ้า?” ราชาไป๋มีสีหน้าแปลกๆ มันยากที่จะบอกได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่


“นั่นเป็นไปได้ยังไง?” อสูรขนสีเขียวของเอมตี้เมาท์เทนถาม


“นั่นไม่มีทางเป็นอาวุธประจำตัวพระเจ้าของจริงไปได้”

ในมุมมืดของโลก อีแร้งแก่และอาเหมยมีสีหน้าแปลกๆ “นั่นเป็นอาวุธประจำตัวพระเจ้าจริงๆอย่างนั้นหรอ? นี่ดอลลาร์เข้าไปในจีโนฮอลล์และฆ่าเทพสปิริตคนหนึ่งได้สำเร็จ?”


อาเหมยมองไปที่อีแร้งแก่และถาม “พวกเจ้าเคยเห็นอาวุธประจำตัวพระเจ้านั่นไหม? เจ้านั่นทิ้งหอกเอาไว้เบื้องหลังอย่างนั้นหรอ?”


“ข้าไม่คิดแบบนั้น” อีแร้งแก่พูดขณะที่ส่ายหัว “มันไม่เคยมีหอกแบบนี้มาก่อน”


“ถ้าอย่างนั้นนี่เขาเข้าไปฆ่าเทพสปิริตในจีโนฮอลล์และหนีออกมาได้สำเร็จอย่างนั้นหรอ? นั่นเป็นไปไม่ได้” อาเหมยพูด


ยอดฝีมือทั่วจักรวาลต่างก็จ้องมองไปที่หอกสกายไวน์แรดิชก็อต พวกเขาทุกคนต่างก็มีสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป


“ไม่สำคัญว่าเจ้าจะได้อาวุธประจำตัวพระเจ้านั่นมาได้ยังไงหรือว่าเจ้าจะเป็นใคร วันนี้เจ้าจะต้องตาย!” พระเจ้าเกราะนภาจ้องไปที่หานเซิ่น


เปลวเพลิงสีม่วงดำบนตัวของเขาลุกโชนยิ่งกว่าเดิม ต้นอ่อนเพิ่งจะปรากฏขึ้นมา แต่เปลวเพลิงนั้นทำให้พวกมันหยุดการเติบโต แม้แต่ฝักมีดในมือของหานเซิ่นก็สั่นไหวอย่างรุนแรง มันต้องการจะบินกลับไปหาพระเจ้าเกราะนภา หานเซิ่นใช้พละกำลังเกือบทั้งหมดเพื่อจับฝักมีดเอาไว้


ตูม!

เปลวไฟของพระเจ้าเกราะนภาปะทุราวกับภูเขาไฟ ภายใต้พลังมหาศาลที่พลุ่งพล่านออกมา ชุดเกราะโลหะนั้นละลายเป็นของเหลว มันร่วงผ่านอวกาศไปราวกับฝนดาวตก


หนวดนั้นกำลังเต้นระบำ ขณะที่พระเจ้าเกราะนภาค่อยๆเข้าไปหาหานเซิ่น ชุดเกราะบนร่างกายของเขาก็ละลายออกไปและเผยให้เห็นหน้าอกของเขา กระดูกสีม่วงค่อยๆปรากฏให้เห็นบนอกของเขา ซึ่งทำให้เขาดูเหมือนกับโครงกระดูก โครงกระดูกนั้นเป็นเหมือนกับคริสตัลสีม่วง มันดูเหมือนกับวัสดุที่นำมาใช้ทำฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ ไม่นานหลังจากนั้นชุดเกราะกระดูกสีม่วงก็ปรากฏบนอกของพระเจ้าเกราะนภา


ชุดเกราะกระดูกนั้นดูเหมือนกับซี่โครงสองข้างประกบติดกัน กระดูกซี่โครงแต่ละข้างนั้นมีซี่โครงอยู่เจ็ดซี่ มันดูสมมาตรมากๆ แต่ซี่โครงด้านซ้ายขาดกระดูกไปซี่หนึ่ง


“เขาคือพระเจ้าเกราะนภาจริงๆ!” ในตอนที่ผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิงเห็นกระดูกซี่โครงที่ขาดหายไปบนชุดเกราะโครงกระดูก พวกเขาก็ยืนยันได้ถึงตัวตนของพระเจ้าเกราะนภา


“ดูเหมือนว่าฝักมีดจะทำขึ้นมาจากกระดูกซี่โครงของชุดเกราะกระดูกนี้ แค่กระดูกซี่เดียวก็ยังมีพลังมากถึงขนาดนั้น ถ้าเราตัดกระดูกซี่โครงทั้งสองข้างได้ล่ะก็…”

หานเซิ่นจ้องไปที่พระเจ้าเกราะนภาอย่างละโมบ เขาไม่ได้หวาดกลัวพลังที่ระเบิดออกมาของพระเจ้าเกราะนภา


หานเซิ่นพยายามจับฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้เอาไว้ แต่ในที่สุดแล้วมันก็บินกลับไปหาพระเจ้าเกราะนภา


หานเซิ่นแบมือและเห็นบาดแผลที่เผยให้เห็นถึงกระดูกภายใน พวกมันเกิดขึ้นในตอนที่ฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้หนีไป


“ทรงพลังอะไรขนาดนี้!” หานเซิ่นคิด ฝักมีดบินกลับไปหาพระเจ้าเกราะนภา มันไปอยู่บนกระดูกซี่โครงที่ขาดหายไปและค่อยๆกลายเป็นส่วนหนึ่งของชุดเกราะโครงกระดูก แต่กระดูกซี่นั้นดูแตกต่างไปจากกระดูกซี่อื่นเล็กน้อย เพราะยังไงมันก็ถูกใช้ทำเป็นฝักมีด มันยากที่จะกลับคืนสู่รูปร่างเดิมของมัน


“ดูหมิ่นต่อเทพสปิริต ตายซะเถอะ!” เสียงของพระเจ้าเกราะนภาดังก้องราวกับฟ้าร้อง ร่างกายของเขาปลดปล่อยออร่าที่น่ากลัวออกมา


“นี่มันเกิดอะไรขึ้น…” สิ่งมีชีวิตมากมายไม่รู้ถึงความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้น แต่แรงกดดันของพระเจ้าเกราะนภานั้นเป็นสิ่งที่ทำให้แม้แต่คนที่อยู่นอกสนามประลองก็สัมผัสได้ พวกเขารู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา ขณะที่บนหน้าฝากของเขาเริ่มจะเต็มไปด้วยเหงื่อ


สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอนั้นรู้สึกหวาดกลัวจนต้องหมอบลงไปกับพื้น

 

 

 


ตอนที่ 2865 กรงขังกระดูกเกราะนภา

 

“นั่นไม่ใช่อบิสไนท์” ถึงแม้สิ่งมีชีวิตธรรมดาๆจะไม่รู้เกี่ยวกับพระเจ้าเกราะนภา พวกเขาก็เริ่มจะสงสัยขึ้นมาหลังจากได้เห็นพลังนั้น


อบิสไนท์เป็นซีโน่เจเนอิคธาตุมืด ดังนั้นไม่สำคัญว่ามันจะแข็งแกร่งขนาดนั้น มันก็ไม่ควรจะมีพลังของพระเจ้าไปได้


พระเจ้าเกราะนภาเคยได้รับบาดเจ็บจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง และตอนนี้เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บจากหานเซิ่นอีก เขาจึงโกรธอย่างมาก เขาเปิดใช้สิ่งประจำตัวพระเจ้าเพื่อจะฆ่าหานเซิ่นให้ได้


ในตอนที่สิ่งประจำตัวพระเจ้าถูกใช้งาน ความแข็งแกร่งของพระเจ้าเกราะนภาก็ถูกผลักดันขึ้นจนถึงขีดจำกัด หานเซิ่นเห็นฟันเฟืองจักรวาลหนึ่งที่ถูกย้อมเป็นสีม่วงเหมือนกับสีชุดเกราะโครงกระดูกของพระเจ้าเกราะนภา มันทำให้ฟันเฟืองจักรวาลอื่นที่เชื่อมต่อกับมันอยู่ถูกย้อมกลายเป็นสีม่วงไปด้วยเช่นกัน


หานเซิ่นพยายามใช้อาณาเขตตงเสวียนเพื่อควบคุมฟันเฟืองจักรวาลสีม่วงเหล่านั้น แต่เขาไม่สามารถทำอะไรกับพวกมันได้ มันเหมือนกับว่าฟันเฟืองจักรวาลเหล่านั้นแยกตัวออกไปเป็นเอกราชและไม่ได้รับอิทธิพลจากอาณาเขตตงเสวียน


หลังจากนั้นแสงสีม่วงแพร่กระจายตรงหน้าพระเจ้าเกราะนภา พวกมันกลายเป็นมีดแสงสีม่วงที่พุ่งเข้าไปล้อมร่างกายของหานเซิ่นเอาไว้


หอกสกายไวน์แรดิชก็อตของหานเซิ่นก็ระเบิดแสงสีเขียวออกมาเช่นกัน เขาใช้มันกวาดใส่มีดแสงสีม่วง แต่ในตอนที่หอกสกายไวน์แรดิชก็อตปะทะกับมีดแสงสีม่วง มีดแสงนั้นไม่ได้ถูกทำลายและมันก็ไม่ได้กระเด็นออกไปเช่นกัน มันติดอยู่กับหอกสกายไวน์แรดิชก็อต


หานเซิ่นเห็นมีดแสงสีม่วงติดอยู่กับหอกสกายไวน์แรดิชก็อตและรู้สึกตัวว่ามันเป็นชิ้นของกระดูกสีม่วง เมื่อกระดูกสีม่วงพวกนั้นมาติดกับหอกสกายไวน์แรดิชก็อต หานเซิ่นก็รู้สึกว่าหอกนั้นหนักขึ้นกว่าเดิม ในเวลาชั่วพริบตาหานเซิ่นก็เกือบจะถือหอกสกายไวน์แรดิชก็อตเอาไว้ไม่ไหว


ในขณะเดียวกันมีดแสงสีม่วงที่เหลือก็พุ่งเข้ามาหาหานเซิ่นจากทุกทิศทาง หานเซิ่นต้องการจะใช้วิชาการเทเลพอร์ตเพื่อหนีไป แต่เขาสังเกตเห็นว่าฟันเฟืองจักรวาลรอบๆตัวเขาถูกตัดขาดโดยฟันเฟืองจักรวาลสีม่วง นอกซะจากเขาจะฝ่าฟันเฟืองจักรวาลสีม่วงพวกนั้นไป เขาก็ไม่สามารถใช้การเทเลพอร์ตเพื่อหนีไปได้


หานเซิ่นจำเป็นต้องแกว่งหมัดเพื่อต่อสู้ เขาต้องการจะชกมีดแสงสีม่วงกระเด็นออกไป แต่ในตอนที่มีดแสงสีม่วงสัมผัสกับหมัดของเขา มันก็กลายเป็นชิ้นกระดูกที่ติดอยู่กับกำปั้นของเขา


ภายในเวลาเพียงไม่นาน ร่างกายของหานเซิ่นก็ถูกปกคลุมด้วยชิ้นกระดูก หอกสกายไวน์แรดิชก็อตเองก็มีพวกมันติดอยู่เช่นกัน หานเซิ่นลอยอยู่ในอวกาศราวกับรูปปั้นที่สวมชุดเกราะกระดูก


ภายใต้กระดูกสีม่วงพวกนั้น พลังของหานเซิ่นไม่รั่วไหลออกมาแม้แต่นิดเดียว เขาพยายามจะระเบิดพลังของตัวเองออกมา แต่เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้


“เจ้ามีอาวุธประจำตัวพระเจ้าแล้วยังไง? สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำยังไงก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่ดี มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะมีอะไร เมื่ออยู่ต่อหน้าพระเจ้า เจ้าก็เป็นแค่เศษขยะที่ไร้ค่า”

พระเจ้าเกราะนภามองไปที่หานเซิ่นด้วยสายตาที่อาฆาต หลังจากที่เขาพูดแบบนั้น ชิ้นกระดูกบนร่างกายของหานเซิ่นก็เปลี่ยนเป็นอาวุธที่แหลมคม พวกมันกำลังจะตัดเนื้อหนังของหานเซิ่น


ชิ้นกระดูกที่คมกริบเริ่มเจาะเข้าไปในเนื้อของหานเซิ่น ถึงแม้ร่างกายซีโน่เจเนอิคของหานเซิ่นจะแข็งแกร่งเทียบได้กับร่างกายขั้นทรูก็อต แต่เขาก็ไม่สามารถป้องกันกระดูกพวกนั้นได้อยู่ดี สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือชิ้นกระดูกสีม่วงพวกนั้นดูเหมือนจะป้องกันไม่ให้พลังของเขารั่วไหลออกมา หานเซิ่นจึงไม่สามารถขยับเขยื้อนได้


“นี่คือสิ่งที่เจ้าจะได้รับเมื่อดูหมิ่นเทพสปิริต กรงขังกระดูกเกราะนภาจะลอกเนื้อหนังของเจ้าออก ข้าจะให้เจ้าได้ชดใช้ความผิด” พระเจ้าเกราะนภาดูตื่นเต้น


“จบสิ้นแล้ว ตอนนี้แม้แต่จะยอมแพ้ดอลลาร์ก็ยังทำไม่ได้” หลี่เคอเอ๋อดูซีดเซียว เธอกังวลเกี่ยวกับดอลลาร์


“น่าเสียดายที่อาวุธประจำตัวพระเจ้านั้นดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่ดอลลาร์ได้มาจากการเข้าไปในจีโนฮอลล์” ราชาไป๋ส่ายหัว


“เขามีอาวุธประจำตัวพระเจ้า แต่เขาก็ยังฆ่าพระเจ้าไม่ได้” ผู้หญิงในปราสาทนภาดูผิดหวัง


“ดอลลาร์เป็นแค่ขั้นบัตเตอร์ฟลาย” ผู้นำปราสาทนภาพูดพร้อมกับถอนหายใจอย่างน่าเสียดาย

“ถึงแม้ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับขั้นทรูก็อตได้แล้ว แต่การจะสู้กับเทพสปิริตก็เป็นอะไรที่มากเกินไปอยู่ดี ถ้าเขากลายเป็นขั้นทรูก็อต มันก็มีโอกาสสูงที่เขาจะเอาชนะเทพสปิริตได้ มันเป็นอะไรที่น่าเสียดาย ข้ากลัวว่าเขาจะไม่มีโอกาสทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว”


ถังเตียงลิ่วมองไปในสนามประลอง เขาตะโกนขึ้นว่า “สู้ต่อไป! อย่าเอาแต่ยืนอยู่แบบนั้น!”


หวังอวี่ฮังและคนอื่นๆดูซีดๆไป หนิงเยวี่ยดูหวาดกลัวขณะที่อุ้มเป่าเอ๋ออยู่ในอ้อมแขน นางฟ้าและซีโร่มองดูหานเซิ่นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวล


สิ่งมีชีวิตในจักรวาลดูเหมือนจะลืมหายใจไป ขณะที่พวกเขามองดูชิ้นกระดูกตัดเนื้อหนังของหานเซิ่นอย่างเป็นกังวล พวกเขากำลังคิดเกี่ยวกับความโหดร้ายของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นที่กำลังถูกชิ้นกระดูกนับไม่ถ้วนตัดเนื้อหนังก็พูดขึ้นมา

“เจ้าคือพระเจ้าเกราะนภาจริงๆอย่างนั้นหรอ?”


“ข้าไม่ได้คาดคิดว่าเจ้าจะรู้จักสมญานามของข้า” พระเจ้าเกราะนภาพูด


“เจ้าคือพระเจ้าจริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามต่อ


“ใช่ แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วที่จะมาร้องขอชีวิต”

พระเจ้าเกราะนภาพูด “บาปของการดูหมิ่นต่อเทพสปิริตนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะอภัยโทษให้ได้”


หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าเกราะนภาและพูด “บาปของการดูหมิ่นเทพสปิริตจะทำให้ข้าถูกตัดเป็นพันๆครั้ง ถ้าอย่างนั้นเจ้าที่เข้าสิงร่างกายของสิ่งมีชีวิตและฆ่าผู้คนล่ะจะมีบาปขนาดไหนกัน?”


พระเจ้าเกราะนภาหัวเราะและพูด “ข้าคือพระเจ้า พระเจ้าควบคุมจักรวาลนี้ ข้าไม่มีบาป ถึงแม้ข้าจะมีบาปอยู่ ใครกันที่จะตัดสินโทษข้า? ข้าคือพระเจ้า”


“ข้าจะเป็นคนตัดสินเอง” หานเซิ่นพูดอย่างสงบนิ่ง


“เจ้าน่ะหรอ?” พระเจ้าเกราะนภาคิดว่านั่นเป็นอะไรที่น่าตลก เขามองหานเซิ่นเหมือนกับเป็นตัวตลกคนหนึ่ง


“ถ้าไม่มีใครตัดสินโทษเจ้า แบบนั้นข้าจะเป็นคนตัดสินโทษเจ้าเอง” หานเซิ่นยังคงมองไปที่พระเจ้าเกราะนภาอย่างสงบนิ่ง


“เจ้าคิดว่าตัดสินโทษพระเจ้าอย่างข้าได้อย่างนั้นหรอ? โอเค ข้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าจะตัดสินโทษข้ายังไงล่ะ?”

พระเจ้าเกราะนภามองหานเซิ่นด้วยรอยยิ้ม ร่างกายของหานเซิ่นกำลังจะถูกตัด แต่เขาก็ยังพูดอะไรแบบนั้นออกมา จากมุมมองของพระเจ้าเกราะนภาแล้ว เขาเป็นแค่คนบ้าคนหนึ่ง


มันไม่ใช่แค่พระเจ้าเกราะนภาที่กำลังคิดแบบนั้น สิ่งมีชีวิตในจักรวาลส่วนใหญ่ก็เริ่มจะสงสัยว่าหานเซิ่นเป็นคนบ้าหรือเปล่า ในเวลาแบบนี้เขายังพูดอะไรแบบนั้นออกมาอีก


“พระเจ้าเกราะนภา ให้ข้าตัดสินบาปของเจ้า” หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าเกราะนภา


ขณะที่หานเซิ่นพูด ดวงตาข้างซ้ายที่เป็นสีดำและขาวก็เรืองแสงออกมา ทันใดนั้นดวงตานั้นก็ไม่ดูเหมือนกับดวงตาของมนุษย์ที่มีความรู้สึกอยู่อีกต่อไป มันกลายเป็นดวงตาของเครื่องจักรที่เลือดเย็น

 

 

 


ตอนที่ 2866 ตัดสินโทษ

 

ในตอนที่หานเซิ่นวิวัฒนาการไปสู่ขั้นบัตเตอร์ฟลาย เนื่องจากดวงตาข้างซ้ายของเขารวมเข้ากับโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง เขาจึงถูกเลื่อนไปสู่ระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตโดยอุบัติเหตุ


แต่น่าเสียดายที่เขาเลื่อนไปสู่ขั้นทรูก็อตไม่สำเร็จ แต่ถึงการเลื่อนระดับของเขาจะล้มเหลว โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงก็ได้ดูดซับพลังซีโน่เจเนอิคของหานเซิ่นเข้าไป และส่งผลลัพธ์ให้มันเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น มันได้รวมกับร่างซีโนเจเนอิคของหานเซิ่นโดยสมบูรณ์และเปลี่ยนดวงตาข้างซ้ายของเขาให้กลายเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต


ตอนนี้ร่างกายของหานเซิ่นเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลาย มีเพียงดวงตาข้างซ้ายของเขาเท่านั้นที่เป็นขั้นทรูก็อต ซึ่งมันเป็นอะไรที่ประหลาดมากๆ ดวงตาของซ้ายของเขาในตอนนี้มีพลังแห่งกฎอยู่ แต่ด้วยการที่รวมเข้ากับพลังซีโน่เจเนอิคของหานเซิ่น พลังของมันจึงแตกต่างออกไปจากพลังแห่งกฎของโอเวอร์แบริ่งอายเล็กน้อย


หานเซิ่นไม่รู้ว่าดวงตาขั้นทรูก็อตนี้จะทำอะไรพระเจ้าเกราะนภาได้ไหม แต่พระเจ้าตรงหน้าของเขานี้แตกต่างไปจากพระเจ้าที่กำลังอยู่ในสวน เขาเห็นสีดำที่เข้มมากๆภายในร่างกายของพระเจ้าเกราะนภา มันเป็นสีของบาปและมันดำสนิทราวกับหมึก ใครจะรู้ว่าพระเจ้าเกราะนภาก่อบาปเอาไว้มากขนาดไหนถึงทำให้เขาได้สีนี้มา


“ไม่สำคัญว่าเจ้าจะเป็นพระเจ้าตัวจริงหรือพระเจ้าตัวปลอม วันนี้ข้าจะตัดสินบาปของเจ้า” หานเซิ่นพูดขณะที่ดวงตาข้างซ้ายของเขาระเบิดพลังออกมา


ลำแสงสีดำและสีขาวระเบิดออกมาจากดวงตาของหานเซิ่น มันส่องไปที่พระเจ้าเกราะนภาโดยฉับพลัน พระเจ้าเกราะนภาไม่มีเวลาจะตอบสนองได้ทัน และร่างกายทั้งร่างของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยลำแสงสีดำและสีขาว ลำแสงสีดำนั้นกลายเป็นโซ่ที่ล่ามพระเจ้าเกราะนภาเอาไว้ ขณะที่ลำแสงสีขาวกลายเป็นหนังสือที่ลอยอยู่ตรงหน้าพระเจ้าเกราะนภา


พระเจ้าเกราะนภาตกใจ เขาพยายามจะกำจัดโซ่สีดำที่ล่ามตัวเขาออกไป แต่เขาสังเกตเห็นว่าทั้งร่างกายของเขาถูกล็อคด้วยพลังประหลาดบางอย่าง เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้


“นั่นเป็นไปได้ยังไง? ในจักรวาลนี้มีพลังที่จำกัดพลังของข้าได้ พลังนี้มันอะไรกัน?” พระเจ้าเกราะนภาตกตะลึง


หลังจากที่พระเจ้าเกราะนภาถูกพันด้วยโซ่สีดำ ชิ้นกระดูกที่ติดอยู่รอบๆตัวหานเซิ่นจึงเริ่มหลุดออกไปและสลายกลายเป็นผุยผง หานเซิ่นกลับมาเป็นอิสระอีกครั้งหนึ่ง


“ให้ข้าเห็นว่าเจ้าก่อบาปแบบไหนเอาไว้” หานเซิ่นยกมือขึ้นและลำแสงสีขาวที่กลายเป็นหนังสือก็บินมาอยู่ตรงหน้าของเขา


หานเซิ่นพลิกหน้าหนังสือและพบว่าข้างในนั้นมันว่างเปล่า มันไม่ได้มีอะไรเขียนเอาไว้ มันไม่ได้มีตาชั่งหรือตุ้มถ่วงน้ำหนักเหมือนกับตอนที่หานเซิ่นถูกตัดสินเช่นกัน


แต่ทว่าหลังจากที่หนังสือมาอยู่ในมือของหานเซิ่น มันก็มีรูปภาพมากมายเล่นในหัวของเขาราวกับเป็นภาพยนตร์ พวกมันทำให้หานเซิ่นเข้าใจบากสิ่ง


“พระเจ้าเกราะนภา เจ้าก่อบาปกรรมเอาไว้มาก”

หานเซิ่นเงยหน้าขึ้นมาและเห็นคำว่า “ตัดหัว” บนหนังสือ ทันใดนั้นคำว่า “ตัวหัว” ก็เริ่มเรืองแสงออกมา และจู่ๆหนังสือเริ่มบินออกจากมือของเขาไป มันกลายเป็นดาบของเพชฌฆาตที่บินไปเพื่อตัดหัวของพระเจ้าเกราะนภา


“สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอย่างเจ้ากล้าดียังไงมาติดสินพระเจ้าอย่างข้า”

พระเจ้าเกราะนภาโกรธจัด แต่ภายใต้การล่ามของโซ่สีดำ พระเจ้าเกราะนภาไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้


ดาบของเพชฌฆาตถูกฟันลงมา มันตัดหัวของพระเจ้าเกราะนภา ซึ่งส่งผลให้เลือดกระเด็นออกมาเป็นจำนวนมาก ทุกสิ่งมีชีวิตในจักรวาลอึ้งไป พวกเขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้เห็น พระเจ้าเกราะนภาที่ก่อนหน้านี้ดูทรงพลังมากๆนั้นถูกตัดหัวไปง่ายๆแบบนั้น


ภายในปราสาทนภา ผู้หญิงคนนั้นอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

“ข้า… นี่ข้าเห็นภาพหลอนอย่างนั้นหรอ? พระเจ้าเกราะนภาจะถูกฆ่าง่ายๆแบบนั้นได้ยังไง?”


“นั่นเหมือนกับพลังแห่งกฎ แต่มันมีความแตกต่างอยู่” ผู้นำปราสาทนภาเองก็ดูสับสน


ทางเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงก็ประหลาดใจอย่างมากเช่นกัน ไป๋ปู้อีพูด

“พลังนั้นดูเหมือนกับโอเวอร์แบริ่งอายของกษัตริย์องค์ที่สอง แต่มันแตกต่างออกไป มันน่ากลัวยิ่งกว่า”


“พลังแห่งกฎตัดสินเทพสปิริตได้อย่างนั้นหรอ? ถ้าพวกเรารู้แบบนั้น พวกเราก็ควรให้ลูกหลานของพวกเราเรียนรู้วิชาจีโนของกษัตริย์องค์ที่สอง”


“ดอลลาร์คนนี้เป็นใครกัน? เขาแปลกเกินไปแล้ว เขาฆ่าเทพสปิริตแบบนั้นได้ยังไงกัน?”


สิ่งมีชีวิตธรรมทั่วไปในจักรวาลนั้นไม่รู้ถึงความทรงพลังของเทพสปิริต สิ่งมีชีวิตจากสมัยโบราณและยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์ชั้นสูงเท่านั้นที่รู้ถึงความน่ากลัวของเทพสปิริต พวกเขาทุกคนดูประหลาดใจอย่างมาก


เมื่อการประหารชีวิตสิ้นสุดลง โซ่สีดำและหนังสือสีขาวก็หายไป


หานเซิ่นยังไม่ได้รู้สึกผ่อนคลาย เขายังคงจ้องไปที่ร่างกายของพระเจ้าเกราะนภา เขาเห็นว่าร่างกายของพระเจ้าเกราะนภาภายในเกราะโครงกระดูกนั้นเริ่มกลับไปดูเหมือนกับอบิสไนท์อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่หานเซิ่นสังหารอีกฝ่ายได้แล้ว เสียงประกาศดังขึ้นว่าที่เขาฆ่าได้คืออบิสไนท์ระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลาย ไม่ใช่พระเจ้าเกราะนภา หานเซิ่นรู้ว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น บาปที่หานเซิ่นเห็นไม่ได้เป็นของพระเจ้าเกราะนภา มันเป็นของเจ้าของร่างกายที่แท้จริง ซึ่งก็คืออบิสไนท์ พลังแห่งกฎนั้นสามารถตัดสินอบิสไนท์ที่เป็นเจ้าของร่างเท่านั้น มันไม่สามารถฆ่าพระเจ้าเกราะนภาได้ แต่มันทำให้พระเจ้าเกราะนภาถูกแยกออกไปจากร่างกายอบิสไนท์ เขากลายเป็นเทพสปิริตที่คนทั่วไปมองไม่เห็น สิ่งมีชีวิตธรรมดานั้นจะเห็นแค่ว่าชุดเกราะโครงกระดูกสีม่วงค่อยๆหายไปในท้องฟ้า พวกเขาไม่เห็นเทพสปิริตที่อยู่ในชุดเกราะโครงกระดูกนั้น


“ดอลลาร์ มันจะไม่จบเพียงเท่านี้” พระเจ้าเกราะนภาพูดกับหานเซิ่น ก่อนที่จะส่งสิ่งประจำตัวประเจ้าของตัวเองกลับไปที่วิหารพระเจ้าเกราะนภา


หลังจากที่เทพสปิริตและสิ่งประจำตัวพระเจ้ารวมเข้ากับร่างของสิ่งมีชีวิตในจักรวาล พวกเขาจะไม่สามารถแยกตัวออกมาได้อีก พระเจ้าเกราะนภานั้นถูกบังคับให้แยกออกมา ซึ่งทำให้เขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก มันสามารถพูดได้ว่าเขาตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ มันเลวร้ายยิ่งกว่าตอนที่ราชาไนฟ์ของเอ็กซ์ตรีมคิงตัดกระดูกซี่โครงของเขาไปซะอีก


นอกจากนั้นถ้าไม่มีร่างกายอยู่อีกแล้ว พระเจ้าเกราะนภาก็ไม่สามารถทำกับสิ่งมีชีวิตของจักรวาลได้ ด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะอยู่ต่อ


“มันจะไม่จบเพียงแค่นี้” หานเซิ่นพูด “มีแค่หนึ่งในพวกเราเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอดไปจากที่นี่ได้”


พระเจ้าเกราะนภาไม่ได้สนใจที่หานเซิ่นพูด เขาแค่ต้องการจะกลับไปที่วิหารพระเจ้าเกราะนภาของตัวเอง


เขาไม่สามารถโจมตีสิ่งมีชีวิตของจักรวาลได้อีกแล้ว แต่สิ่งมีชีวิตของจักรวาลก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายกับเขาได้เช่นกัน ด้วยเหตุนั้นพระเจ้าเกราะนภาจึงไม่กังวลว่าหานเซิ่นจะทำร้ายอะไรเขาได้


“ดอลลาร์ ข้าจะทำให้เจ้าไม่ได้ไปผุดไปเกิดอีก”

พระเจ้าเกราะนภาสาปแช่งหานเซิ่นในใจ เขาถูกบังคังให้แยกออกจากร่างของอบิสไนท์ ความเสียหายที่เขาได้รับนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าตอนที่ราชาไนฟ์ตัดกระดูกซี่โครงของเขา


ขณะที่กำลังคิดแบบนั้นพระเจ้าเกราะนภาก็หันมามองหานเซิ่นเป็นครั้งสุดท้าย ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกตกใจอย่างที่สุด เขาเห็นว่ามีเทพสปิริตสีเขียวที่เหมือนกับยักษ์ปรากฎออกมาจากร่างกายของหานเซิ่น เทพสปิริตนั่นถือหอกสกายแรดิชก็อตเอาไว้และตรงเข้ามาหาเขา


“สกายไวน์แรดิช… ไม่!” พระเจ้าเกราะนภากรีดร้อง แต่เขาทำแค่ตะโกนว่าไม่เท่านั้น ก่อนที่เทพสปิริตสีเขียวจะแทงหอกสกายแรดิชก็อตทะลุผ่านร่างกายของเขาไป สิ่งประจำตัวพระเจ้าร่วงกลับลงมาหาหานเซิ่น


“เทพสปิริตถูกฆ่า ยีนเทพสปิริตถูกค้นพบ”


สิ่งมีชีวิตอื่นมองไม่เห็นเทพสปิริตของพระเจ้าเกราะนภาหรือเทพสปิริตของสกายไวน์แรดิช หลังจากที่เห็นหานเซิ่นตัดหัวของอบิสไนท์ พวกเขาก็เห็นแค่ว่าชุดเกราะโครงกระดูกสีม่วงนั้นลอยออกไปจากร่างกายของอบิสไนท์ และดูเหมือนว่าหานเซิ่นโยนหอกสีเขียวไปใส่ชุดเกราะโครงกระดูกสีม่วงเพื่อทำให้มันตกลงมาจากท้องฟ้า

 

 

 


ตอนที่ 2867 ความเศร้าของพระเจ้าปรากฏข...

 

ตูม!

แสงสีม่วงพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้า มันกลายเป็นรอยแยกบนท้องฟ้าที่ว่างเปล่า ความเศร้าโศกที่เงียบสงัดแพร่กระจายไปทั่วจักรวาล


“ความเศร้าของพระเจ้า… นั่นคือความเศร้าของพระเจ้า… ที่ดอลลาร์ฆ่าได้คือเทพสปิริตจริงๆ…” ทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นความเศร้าของประเจ้าปรากฏขึ้น


ในตอนแรกสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไปยังสงสัยในตัวตนของพระเจ้าเกราะนภา แต่ในตอนที่ความเศร้าของพระเจ้าปรากฏขึ้นอีกครั้ง พวกเขาก็หมดข้อสงสัย


“โอ้! ดอลลาร์ฆ่าเทพสปิริตได้สำเร็จ”


“ดอลลาร์เผ่ามนุษย์ ใครบอกข้าได้ไหมว่ามนุษย์นี่เป็นเผ่าพันธุ์แบบไหนกัน?”


“นี่มันบ้ามากๆ ความเศร้าของพระเจ้าเกิดขึ้นอีกครั้งแล้ว ยุคสมัยนี้มันบ้าจริงๆ นี่ความโกลาหลแบบยุคสมัยของเซเคร็ดจะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งอย่างนั้นหรอ?”


ขณะนี้เหล่ายอดฝีมือที่รู้ว่าพระเจ้าเกราะนภาคืออะไรนั้นมองไปที่ความเศร้าของพระเจ้าอย่างแปลกๆ ทุกคนดูเหมือนจะมีคำถามที่เหมือนกัน ซีโน่เจเนอิคขั้นบัตเตอร์ฟลายคนหนึ่งเพิ่งจะฆ่าเทพสปิริตได้สำเร็จ และเขายังถืออาวุธประจำตัวพระเจ้าอยู่ในมือ ทุกคนต่างก็อยากจะรู้ว่าดอลลาร์คือใครกันแน่


ยอดฝีมือมากมายพยายามใช้ทุกวิธีเพื่อหาตัวตนของดอลลาร์ แต่ไม่มีรู้ถึงตัวตนของดอลลาร์ผู้ลึกลับได้


พระเจ้าจ้องมองไปที่หานเซิ่นอย่างครุ่นคิด

“ทำไมเขาถึงมีสปิริตของสกายไวน์แรดิชอยู่? ทำไมเขาถึงควบคุมมันได้? นี่เขามีพลังบางอย่างที่ใช้ควบคุมสปิริตของสกายไวน์แรดิชอย่างนั้นหรอ?”


หลังจากการต่อสู้จบลง ชื่อของดอลลาร์ก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งจักรวาล


“ดอลลาร์คนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ถ้าผู้นำเมาท์เทนน้อยต้องเจอกับเขา มันก็อาจจะเป็นปัญหาได้”

อสูรขนสีเขียวพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง ถึงแม้มันจะมั่นใจในความสามารถของโกลเด้นโกรวเลอร์ แต่หลังจากที่ได้เห็นหานเซิ่นเอาชนะพระเจ้าเกราะนภา มันก็เริ่มจะไม่แน่ใจว่าโกลเด้นโกรวเลอร์นั้นจะได้อันดับที่หนึ่งในการประลองครั้งนี้จริงๆ


ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นว่า “ที่เขาเอาชนะพระเจ้าเกราะนภาได้นั้นไม่ใช่เพราะพลังของตัวเองเขา แต่มันเป็นเพราะวิชาจีโนประหลาดและอาวุธประจำตัวพระเจ้า เขาเป็นนักสู้ขั้นบัตเตอร์ฟลายคนหนึ่ง อาวุธประจำตัวพระเจ้านั้นเป็นอะไรที่ทรงพลังก็จริง แต่ลำพังแค่การเคลื่อนไหวของร่างกายขั้นบัตเตอร์ฟลาย เขาไม่มีทางเอาชนะผู้นำเมาท์เทนน้อยได้ วิชาจีโนนั่นเป็นพลังแห่งกฎ มันคล้ายคลึงกับพลังของกษัตริย์องค์ที่สองของเอ็กซ์ตรีมคิง พลังนั้นไร้ประโยชน์ต่อผู้นำเมาท์เทนน้อย”


“ถึงเจ้าจะพูดแบบนั้น แต่ข้าก็ยังคิดว่าดอลลาร์คนนี้จะเป็นปัญหาอยู่ดี” อสูรขนสีเขียวพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว


ในตอนที่หานเซิ่นกลับไปที่สวน พระเจ้าก็มองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม


หานเซิ่นรู้ว่าพระเจ้าคงจะต้องสงสัยเกี่ยวกับการที่เขาใช้เทพสปิริตของสกายไวน์แรดิชได้ แต่เขาไม่ประหลาดใจในเรื่องนั้น


ที่หานเซิ่นประหลาดใจก็คือเรื่องที่ถึงพระเจ้าจะมองมาที่เขา แต่พระเจ้าไม่ได้ถามอะไรขึ้นมา


หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าด้วยความสงสัย “เจ้าจะไม่ถามอะไรข้าเลยอย่างนั้นหรอ?”


“ถ้ามีบางสิ่งที่เจ้าอยากจะบอกข้า เจ้าก็คงจะบอกข้าโดยที่ข้าไม่ต้องถาม แต่ถ้าเจ้าไม่ต้องการจะบอกข้า ถึงข้าจะถามไป เจ้าก็ไม่ตอบข้าอยู่ดี แบบนั้นทำไมข้าต้องเสียเวลาถามด้วย?” พระเจ้าพูด


“เจ้าเก่งเรื่องการตั้งเงื่อนไขไม่ใช่หรอ? บางทีเงื่อนไขของเจ้าอาจจะทำให้ข้ายอมตอบคำถามของเจ้า” หานเซิ่นหัวเราะ


พระเจ้าส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าชอบการไขความลับด้วยตัวเอง แบบนั้นมันจะเป็นอะไรที่น่าสนใจมากกว่า”


หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่าพระเจ้าจะพูดอะไรแบบนั้นออกมา มันทำให้แผนการที่เขาคิดเอาไว้ไร้ประโยชน์ และเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปดี


หานเซิ่นตัดสินใจถามขึ้นว่า “สกายไวน์แรดิชมีวิหารของตัวเอง… แบบนั้นพระเจ้าเกราะนภาก็ควรจะมีวิหารของตัวเองเช่นกันถูกไหม? เจ้าจะพาข้าไปที่นั่นได้หรือเปล่า”


หานเซิ่นได้สิ่งประจำตัวพระเจ้าของพระเจ้าเกราะนภามา แต่ถ้าเขาไม่ไปที่วิหารของพระเจ้าเกราะนภา สิ่งประจำตัวพระเจ้าก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนัก


พระเจ้าส่ายหัว “ไม่ได้ ถ้าเจ้าต้องการไปที่นั่น เจ้าต้องไปที่นั่นด้วยตัวเจ้าเอง”


“ข้าจะไปที่นั่นได้ยังไง?” หานเซิ่นถาม


“เจ้าจะรู้เองเมื่อเข้าไปในจีโนฮอลล์” พระเจ้าพูดด้วยรอยยิ้ม


หานเซิ่นพูดอะไรไม่ออก เขาคาดเดาเอาไว้แล้วว่าวิหารของพระเจ้านั้นอาจจะอยู่ภายในจีโนฮอลล์ แต่เขาไม่คิดว่าตัวเขาในตอนนี้จะเข้าไปในจีโนฮอลล์ได้


หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรอีกและหันไปมองดูการประลองเพื่อดูคนที่อาจจะต้องเป็นคู่ต่อสู้ของเขาในรอบต่อๆไป


เนื่องจากการประลองรอบต่อไปยังไม่ถูกตัดสิน หานเซิ่นจึงยังไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้คนต่อไปของเขาคือใครกัน แต่ไม่ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะเป็นใคร ในเมื่อเข้ามาถึงรอบนี้ได้ คนๆนั้นก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน มันไม่มีระดับเทพเจ้าที่อ่อนแอเหลืออยู่ในการประลองอีกแล้ว ระดับเทพเจ้าทุกคนที่ผ่านเข้ารอบนั้นล้วนแต่เป็นยอดฝีมือระดับท๊อปกันทั้งนั้น


ภายในพระราชวังของเอ็กซ์ตรีมคิง ราชครูกู่เยวียนโค้งคำนับต่อหน้าราชาไป๋และพูด

“ท่านราชา วิชาดวงตาที่ดอลลาร์ใช้นั้นคล้ายคลึงกับโอเวอร์แบริ่งอายของกษัตริย์องค์ที่สอง ร่างกายของโฮลี่เบบี้รวมเข้ากับโอเวอร์แบริ่งอาย เขาก็ควรจะใช้วิชาจีโนนั่นได้เหมือนกัน”


“เจ้าสงสัยว่าโฮลี่เบบี้คือดอลล่าร์อย่างนั้นหรอ?” ราชาไป๋วางปากกาลงและเงยหน้าขึ้นมามองราชครูกู่เยวียน


“มันมีความคล้ายคลึงระหว่างพวกเขาทั้งคู่” ราชครูกู่เยวียนพูด

“แต่ถึงโฮลี่เบบี้จะไม่ใช่ดอลลาร์ ถ้าดอลลาร์ใช้พลังแห่งกฎเพื่อเอาชนะเทพสปิริตได้ บางทีโฮลี่เบบี้ก็อาจจะทำแบบนั้นได้เหมือนกัน”


“ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง” ราชาไป๋พูด “มันยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?”


ราชครูกู่เยวียนถอนหายใจและพูด “ในตอนนี้ข้าคำนวณหาตำแหน่งทางเข้าไปสู่โบราณสถานของเซเคร็ดได้แล้ว แต่ว่าพวกเราเจอกับปัญหาบางอย่างเข้า”


“ปัญหาอะไร?” ราชาไป๋ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


“คนของปราสาทนภาอยู่ที่นั่น” ราชครูกู่เยวียนพูด

“ข้ากลัวว่าพวกเขาเองก็คงจะหาทางเข้าเจอเช่นเดียวกัน พวกเราจึงมาขอความเห็นของท่านราชา”


ราชาไป๋เงียบไปชั่วขณะก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “อย่าเพิ่งทำอะไร ถ้าปราสาทนภาต้องการเข้าไปข้างใน ก็ปล่อยให้พวกเขาเข้าไปก่อน พวกเราจะตามไปทีหลัง”


“ข้าเข้าใจแล้ว” ราชครูกู่เยวียนโค้งคำนับและออกจากพระราชวังไป


หลังจากที่ราชครูกู่เยวียนจากไปแล้ว ราชาไป๋ก็คิดเกี่ยวกับโฮลี่เบบี้ เขายื่นมือออกไปเพื่อจะเอาบางสิ่งออกมา แต่เขาก็รีบดึงมือของตัวเองกลับ เขาส่ายหัวและพูด

“ช่างเถอะ ในเมื่อทุกอย่างได้เริ่มต้นไปแล้ว มันก็ไม่มีหนทางให้หวนกลับ พวกเรามีแต่จะต้องเดินหน้าต่อไป”


หานเซิ่นคิดว่าราชาไป๋อาจจะมาหาเขาเพื่อถามเกี่ยวกับโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง แต่น่าประหลาดใจที่ราชาไป๋ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร


‘นี่พลังในดวงตาข้างซ้ายของเราแตกต่างไปจากโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงจนทำให้ราชาไป๋ไม่สงสัยอะไรอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นคิด


พระเจ้าดูเหมือนจะรู้ว่าหานเซิ่นกำลังคิดอะไร เขาหัวเราะและพูด

“ทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะต้องสงสัยในตัวเจ้าอย่างแน่นอน แต่ด้วยการที่ราชาไป๋อยู่ที่นี่ ถึงแม้พวกเขาจะสงสัยเจ้า พวกเขาก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้”


“แล้วตัวราชาไป๋เองไม่สงสัยหรือยังไง?” หานเซิ่นถาม


“แน่นอนว่าเขาไม่สงสัย” พระเจ้าพูดอย่างมั่นใจ


“ทำไมกัน?” หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าทำไมราชาไป๋ถึงไม่สงสัยในตัวของเขา


“นั่นก็เพราะว่าเขารู้ว่าเจ้าคือดอลลาร์ มันไม่มีอะไรต้องสงสัยถ้าเขารู้เรียบร้อยแล้ว” พระเจ้าหัวเราะ


“ถ้าอย่างนั้นทำไมเขาถึงไม่มาถามอะไร?” หานเซิ่นพูด


“นั่นก็เพราะว่ามันไม่มีความจำเป็นต้องถาม” พระเจ้าพูด

“สำหรับเขาแล้วไม่สำคัญว่าเจ้าจะเป็นดอลลาร์หรือไม่ เขาแค่ต้องการให้เจ้ามีชีวิตต่อไป”


“ทำไมเขาต้องการให้ข้ามีชีวิตต่อไป?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน


พระเจ้าหัวเราะโดยไม่ตอบคำถามของหานเซิ่น เขาพูดขึ้นมา

“หลังจากชนะอีกหนึ่งรอบ เจ้าจะติดอันดับหนึ่งในร้อย หลังจากนั้นเจ้าจะได้ทิ้งชื่อเอาไว้บนบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน เจ้าจะทำได้สำเร็จไหมนะ?”

 

 

 


ตอนที่ 2868 รายชื่อร้อยอันดับแรก

 

หานเซิ่นคิดว่าอาจจะเจอกับปัญหาในการต่อสู้รอบต่อไป แต่คู่ต่อสู้ของเขานั้นขอยอมแพ้และไม่ปรากฏตัวในสนามประลอง


ในตอนนั้นหานเซิ่นรู้สึกตัวว่าการสังหารพระเจ้าเกราะนภานั้นได้ส่งผลทำให้แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตก็รู้สึกหวาดกลัวเขา


“ดูเหมือนว่าคนอื่นจะประเมินความสามารถของเราสูงเกินไป แต่นั่นถือเป็นเรื่องดี” หานเซิ่นออกจากสนามประลองไป


แต่หลังจากที่ติดหนึ่งในร้อยอันดับแรกได้แล้ว รูปแบบของการประลองก็เปลี่ยนไป การประลองนั้นไม่ได้เป็นแค่การประลองแบบจับสายเพื่อหาคู่ต่อสู้อีกต่อไป


เมื่อได้รู้ถึงวิธีการตัดสินอันดับของผู้ที่ติดอันดับหนึ่งในร้อย หานเซิ่นก็บ่นกับพระเจ้า

“วิธีการจัดอันดับของเจ้าเหมือนเด็กเกินไปแล้ว เจ้าเลือกใช้วิธีแบบนี้ได้ยังไงกัน?”


มันไม่ใช่เรื่องแปลกใจอะไรที่หานเซิ่นจะบ่น เพราะในการแข่งขันของผู้ติดอันดับหนึ่งในร้อยนั้น ทุกคนที่ติดอันดับจะต้องเลือกอันดับที่ตัวเองต้องการ ซึ่งการจะได้รับอันดับที่ตัวเองต้องการนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของแต่ละคน มันขึ้นอยู่กับความเร็วเท่านั้น ถ้าคนๆหนึ่งไวมากพอ คนๆนั้นก็จะได้อันดับที่หนึ่งไป และสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เลือกอันดับของตัวเองแล้ว นั้นก็เป็นอะไรที่ไม่มีเหตุผลสำหรับหานเซิ่นยิ่งกว่าเดิม เมื่อทุกคนเลือกอันดับของตัวเองได้แล้ว ทุกคนมีโอกาสที่จะท้าชิงอันดับที่ตัวเองต้องการได้


ถ้าคนๆหนึ่งต้องการอันดับที่หนึ่ง แต่ว่ามีคนอื่นเลือกมันไปก่อนแล้ว คนๆนั้นก็สามารถท้าชิงอันดับที่หนึ่งได้ การท้าชิงจะทำได้เพียงแค่ครั้งเดียว ถ้าท้าชิงไม่สำเร็จ คนๆนั้นก็จะไม่สามารถท้าชิงอันดับอื่นได้อีกแล้ว


“ถ้าเจ้าทำแบบนี้ ใครก็ตามที่เลือกอันดับที่หนึ่งจะต้องรับคำท้าของสิ่งมีชีวิตอื่นมากมาย ส่วนอันดับที่ไม่มีใครต้องการ พวกเขาจะไม่ต้องต่อสู้เลยสักครั้ง”


“เจ้าไม่เข้าใจ” พระเจ้าพูดด้วยรอยยิ้ม

“นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้มันน่าสนใจ เจ้าควรคิดเกี่ยวกับอันดับที่เจ้าต้องการ ถ้าเจ้าต้องการอันดับที่หนึ่ง เจ้าก็แค่ต้องบอกข้า ข้าจะแหกกฎและให้เจ้าเลือกอันดับที่หนึ่งก่อนคนอื่นๆได้”


“ขอบคุณ แต่ไม่ล่ะ ข้าไม่ได้ต้องการอันดับที่หนึ่ง” หานเซิ่นคำนึงเกี่ยวกับอันดับที่จะเลือก


ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นมาคิดเกี่ยวกับมันดูดีๆ การเลือกอันดับเป็นอะไรที่ยากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ในตอนแรก แม้แต่คนที่มีโอกาสจะได้อันดับที่หนึ่งก็จำเป็นต้องคิดว่าพวกเขาควรจะเลือกมันดีไหม ถ้าพวกเขาเลือกมันและถูกท้าชิงโดยคนอื่นหลายคน พวกเขาก็อาจจะพ่ายแพ้ได้ นั่นจะเปิดโอกาสให้สิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรมีโอกาสได้อันดับสูงๆ หานเซิ่นมีแผนที่จะเลือกอันดับที่ไม่สูงมากจนเกินไปเพื่อที่จะไม่ได้ถูกคนอื่นท้าชิง ถึงแม้พลังของหานเซิ่นจะถือว่าไม่เลว แต่คนที่ติดอันดับหนึ่งในร้อยได้ก็คงจะเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตกันทั้งนั้น


คนอย่างผู้นำเผ่าเวรี่ไฮและผู้นำปราสาทนภานั้น ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีอาวุธประจำตัวพระเจ้า พวกเขาก็ยังสามารถใช้อาวุธขั้นทรูก็อตได้ มันแทบไม่มีโอกาสที่หานเซิ่นจะเอาชนะพวกเขาได้เลย


เป้าหมายของหานเซิ่นคือการติดอันดับหนึ่งในร้อยเท่านั้น ตอนนี้เมื่อเขาได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เขาก็ไม่มีแผนที่จะไปชิงอันดับหนึ่งกับคนอื่น


“เมื่อดูจากรางวัลที่ได้รับ สิบอันดับแรกคงจะเป็นที่นิยมมากที่สุด ใครจะรู้ว่ามันจะมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวมากขนาดไหนที่ต้องการพวกมัน ในตอนที่รายชื่อถูกเปิดเผย คนที่เลือกสิบอันดับแรกก็คงจะมีแต่ยอดฝีมือที่สุดยอดทั้งนั้น มันจะมีเพียงแค่เราคนเดียวที่ตกเป็นเป้า คนอื่นจะต้องท้าชิงอันดับของเราเป็นแน่ แบบนั้นสิบอันดับแรกดูไม่เหมาะเท่าไหร่”

หานเซิ่นคิดว่าการเลือกอันดับยี่สิบกว่าๆนั้นดีที่สุด


หลังจากอันดับที่ยี่สิบไปคงจะไม่เป็นที่หมายตาของยอดฝีมือที่น่ากลัว พวกเขาจะไม่เลือกท้าชิงอันดับพวกนั้น และคนที่ไม่มั่นใจในฝีมือของตัวเองก็คงจะไม่เลือกท้าชิงเช่นกัน


ในอันดับที่ยี่สิบกว่าๆนั้นหานเซิ่นจะมองดูคนอื่นแย่งชิงอันดับกันอยู่ห่างๆ และเขายังมีโอกาสที่จะไปท้าชิงอันดับที่สูงกว่าอีกด้วย และถึงแม้เขาจะถูกท้าชิง อันดับที่ยี่สิบกว่าๆก็ถือว่าไม่เลวร้ายอะไร


สุดท้ายหานเซิ่นก็ตัดสินใจว่าอันดับที่ยี่สิบสองนั้นดีที่สุด ถ้าเขาเลือกมันไม่ทัน เขาก็จะเลือกอันดับอื่นที่อยู่ภายในอันดับที่ยี่สิบถึงสามสิบ


เมื่อถึงเวลาต้องเลือกอันดับที่ตัวเองต้องการ หานเซิ่นก็เห็นหน้าจอปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา มันมีสี่เหลี่ยมจัตุรัสร้อยอันที่มีหมายเลขหนึ่งถึงหนึ่งร้อยอยู่บนหน้าจอ และที่ด้านบนสุดจะมีการนับถอยหลัง หลังจากที่เวลาหมดลง ทุกคนก็เริ่มเลือกอันดับที่ตัวเองต้องการ


‘พระเจ้าคนนี้มีรสนิยมแย่ชะมัด เขาให้ทุกคนเลือกอันดับของตัวเองเนี่ยนะ’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง


เมื่อเวลานับถอยหลังถึงเลขศูนย์ หานเซิ่นก็รีบชี้ไปที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสหมายเลขยี่สิบสอง ในตอนที่เขาจะกดมัน จัตุรัสหมายเลขยี่สิบสองก็เปลี่ยนเป็นสีแดง มีใครคนหนึ่งเลือกมันไปเรียบร้อยแล้ว


หานเซิ่นรีบเช็คว่ามีหมายเลขไหนในอันดับยี่สิบกว่าที่ยังคงว่างอยู่ แต่เขาเห็นจัตุรัสแต่ละอันเปลี่ยนเป็นสีแดงไปตามๆกัน ในเวลาอันสั้นอันดับที่สิบเอ็ดถึงสี่สิบก็ถูกเอาไปหมดแล้ว


แต่มันยังมีอันดับหนึ่งในสิบและอันดับที่ต่ำกว่าที่ยังว่างอยู่


“อันดับสูงกว่าหรือต่ำกว่าดี?” หานเซิ่นลังเล แต่ขณะที่เขาลังเลอยู่นั้นจัตุรัสส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนเป็นสีแดง สุดท้ายมันเหลือเพียงแค่สามอันดับท้ายเท่านั้นที่เหลือให้เขาเลือก


“โอ้มายก็อด! นี่มันเร็วเกินไปแล้ว นี่มันไม่ใช่การแย่งสินค้าลดราคาสักหน่อย?” หานเซิ่นรู้สึกหดหู่


มันไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องแย่งอันดับที่ต่ำกว่าเก้าห้า เพราะรางวัลที่ได้รับนั้นไม่ได้แตกต่างอะไรกัน ดังนั้นหานเซิ่นจึงเลือกอันดับที่สูงที่สุดในบรรดาทั้งสาม ซึ่งก็คืออันดับที่เก้าสิบแปด


แต่ก่อนที่เขาจะยกมือไปกดมัน อันดับที่เก้าสิบแปดและเก้าสิบเก้าก็ถูกเลือกไปแล้ว มันจึงเหลือแค่อันดับที่หนึ่งร้อยเท่านั้น


“ช่างเถอะ อันดับที่หนึ่งร้อยก็หนึ่งร้อย ยังไงซะเราก็ท้าชิงคนอื่นได้ครั้งหนึ่ง” หานเซิ่นกดสี่เหลี่ยมจัตุรัสหมายเลขหนึ่งร้อย


หลังจากที่ทุกคนเลือกอันดับของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว หานเซิ่นก็เห็นรายชื่อของแต่ละคน เขาสังเกตเห็นว่าอันดับที่หนึ่งนั้นถูกเลือกโดยโกลเด้นโกรวเลอร์ อันดับที่สองคือผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ อันดับที่สามคือโหลวเลี่ย อันดับที่สี่คือเดม่อนอัลฟ่า อันดับที่ห้าคือซีโน่เจเนอิคที่มีชื่อว่าซีกกิ้งเพอร์ฟูมบีสต์ อันดับที่หกคือแอนเชี่ยนท์แซคริไฟซ์ก็อต อันดับที่เจ็ดคือไป๋อู๋ฉางของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง อันดับที่แปดคือซีโน่เจเนอิคที่มีชื่อว่าเอมตี้ดราก้อนคิง อันดับที่เก้าก็เป็นซีโน่เจเนอิคเช่นกัน


หานเซิ่นค้นพบว่าในร้อยอันดับแรกนั้นส่วนใหญ่เป็นซีโน่เจเนอิคเกือบทั้งหมด ส่วนยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์ที่มีชื่อเสียงนั้นไม่ได้มีมากอย่างที่เขาคิดเอาไว้


หานเซิ่นมองดูไปจนถึงอันดับที่แปดสิบเอ็ด หลังจากนั้นเขาก็เห็นชื่อของจางเสวียนเต้า


“ผู้นำปราสาทนภานี่ถ่อมตัวเหลือเกิน เขาเลือกอันดับต่ำจนน่าแปลกใจ”

หานเซิ่นพูดไม่ออก แต่เมื่อคิดเกี่ยวกับลักษณะนิสัยของผู้นำปราสาทนภาแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะเลือกอันดับที่ต่ำขนาดนั้น


หานเซิ่นมองลงมาอีก และในตอนที่เขาเห็นชื่อของคนที่อยู่อันดับที่แปดสิบสี่ เขาก็รู้สึกแปลกใจ


“เบิร์นนิ่งแลมป์ เขาคงไม่ใช่เบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่าของเผ่าบุดด้าหรอกใช่ไหม? เขาติดอันดับหนึ่งในร้อยได้ยังไงกัน?”

หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจ เท่าที่เขารู้เบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่านั้นเป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วาเท่านั้น เขาไม่ควรมาติดอันดับหนึ่งในร้อยได้

 

 

 


ตอนที่ 2869 อวกาศในฝ่ามือ

 

บุดด้านั้นมีปัญหาทางด้านทรัพยากรและยีนของพวกเขา มีเพียงแค่เบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่าเท่านั้นที่เป็นระดับเทพเจ้า แต่อายุขัยของเขาใกล้จะหมดแล้ว ดังนั้นการจะเลื่อนระดับขึ้นไปอีกจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้


การที่คนแบบนั้นติดอันดับหนึ่งในร้อยได้นั้นทำให้หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจ


น่าเสียดายที่หานเซิ่นไม่ได้ดูการต่อสู้ของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนทั้งหมด เขาดูแค่การต่อสู้ที่เกี่ยวข้องกับเขาเท่านั้น เขาไม่ได้เห็นว่าเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่านั้นขึ้นมาอยู่ในร้อยอันดับแรกได้ยังไง


พระเจ้ามองอันดับของหานเซิ่นและหัวเราะ “อันดับที่หนึ่งร้อยนั้นถือว่าไม่เลวร้ายอะไร ถึงแม้จุดเริ่มต้นจะเป็นอันดับที่ต่ำที่สุด แต่การต่อสู้เพื่อแย้งอันดับที่สูงกว่าจะเป็นอะไรที่สนุก”


หานเซิ่นชี้ไปที่อันดับแปดสิบสี่ของเบิร์นนิ่งแลมป์และถาม

“เห็นการประลองของหมอนี่ไหม? เขาขึ้นมาติดในร้อยอันดับแรกได้ยังไง? เท่าที่ข้ารู้เขาเป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วาเท่านั้น”


“เขาไม่ใช่ขั้นลาร์วา เขาเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายเหมือนกับเจ้า”

พระเจ้าหยุดไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดต่อไปว่าเบิร์นนิ่งแลมป์คนนี้ค่อนข้างน่าสน พลังของเขาดี แต่อายุขัยของเขาใกล้จะหมดแล้ว เขาต้องพึ่งพาสมบัติเพื่อมาถึงจุดนี้ การที่เขาติดอันดับหนึ่งในร้อยได้ก็เป็นเพราะสมบัตินั่น”


“สมบัติอะไรกัน?” หานเซิ่นถามด้วยความอยากรู้


“มันเป็นมีดที่มีพลังเหตุ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสมบัติขั้นทรูก็อต แต่มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลก มันดูเหมือนกับอาวุธเผ่าพันธุ์ แต่มันไม่ใช่อาวุธเผ่าพันธุ์” พระเจ้าพูด


“บุดด้ามีสมบัติขั้นทรูก็อตด้วยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นไม่เชื่อในเรื่องนั้น


“ถ้าเขาต่อสู้ เจ้าก็จะมีโอกาสได้เห็นมัน” พระเจ้าพูดพร้อมกับยักไหล่


หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เขาได้ทำการตัดสินใจว่าในตอนที่การประลองจบลง เขาจะไปเยือนเผ่าบุดด้า หานเซิ่นจะไปเอามีดเปล่ากลับคืนมา นอกจากนั้นเขายังจะชิงมีดขั้นทรูก็อตที่เบิร์นนิ่งแลมป์ใช้ในการประลองมาด้วย


‘ในตอนที่คนๆหนึ่งจะล้างแค้น เขาจะเอาคืนเป็นสามเท่าของสิ่งที่ถูกช่วงชิงไป เขาขโมยมีดเปล่าของเราไป… เดี๋ยวก่อนนะ… มีดเปล่านั่น… นี่มีดขั้นทรูก็อตที่เบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่ากำลังใช้อยู่อาจเกี่ยวข้องกับมีดเปล่าของเรา’ จู่ๆหานเซิ่นก็คิดขึ้นมาได้


เหตุผลที่หานเซิ่นไม่คิดแบบนั้นในตอนแรก นั่นเป็นเพราะเขาไม่เชื่อว่ามีดเปล่าจะถูกนำไปทำเป็นอาวุธขั้นทรูก็อตได้ แต่เมื่อมันคิดเกี่ยวกับมันดูดีๆแล้ว การที่จู่ๆเผ่าบุดด้ามีมีดขั้นทรูก็อตก็ดูเป็นอะไรที่บังเอิญเกินไป


หานเซิ่นเกิดอยากจะเห็นมีดของเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่าที่พระเจ้าพูดถึงขึ้นมา แต่อันดับของเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่านั้นต่ำเกินไป มันไม่มีใครท้าเขาสู้ ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่มีโอกาสจะได้เห็นมัน


“นี่มันกฎบ้าบออะไรเนี่ย? เบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่าแก่ๆคนนั้นได้อันดับที่แปดสิบสี่เนี่ยนะ ไม่มีทาง!” หานเซิ่นไม่พอใจกับกฎที่พระเจ้าตั้งขึ้นมา


ถ้าหานเซิ่นจะท้าเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่าด้วยตัวเอง อันดับที่แปดสิบสี่ก็เป็นอะไรที่ต่ำเกินไป มันไม่คุ้มค่าที่จะทำแบบนั้น


“ยังไงซะมันก็เหลือเวลาอีกสิบวัน เราควรรอไปก่อน” หานเซิ่นนั่งลงข้างๆพระเจ้าและมองดูการต่อสู้


การประลองรอบแรกนั้นคือการท้าชิงอันดับที่หนึ่งของผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ หานเซิ่นคิดว่ามันคงจะเป็นเพราะผู้นำเผ่าเวรี่ไฮกดแย่งอันดับที่หนึ่งไม่ทันโกลเด้นโกรวเลอร์ เขาถึงต้องมาท้าชิงแบบนี้


“ระหว่างผู้นำเผ่าเวรี่ไฮและโกลเด้นโกรวเลอร์ เจ้าคิดว่าฝ่ายไหนแข็งแกร่งกว่ากัน?” หานเซิ่นถามพระเจ้า


“พวกเขาทั้งคู่ต่างเป็นที่สุดของระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต มันบอกได้ยากว่าฝ่ายไหนจะชนะ แต่ถ้าให้ข้าเดิมพัน ข้าขอเดิมพันข้างโกลเด้นโกรวเลอร์” พระเจ้าพูด


“ทำไมกัน?” เมื่อได้ยินว่าพระเจ้าเดิมพันข้างโกลเด้นโกรวเลอร์ หานเซิ่นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย


“สายเลือดของมันดีที่สุดในจักรวาลนี้ มันเป็นหนึ่งในสายเลือดเก่าแก่ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยมีมา ถึงแม้เลือดของโกลเด้นโกรวเลอร์จะไม่บริสุทธิ์ แต่พลังยีนของมันก็เกือบจะดีเท่ากับโกรวเลอร์ที่เลือดบริสุทธิ์เลย ส่วนสายเลือดของเวรี่ไฮถึงจะไม่เลว แต่มันก็ไม่ได้ดีเท่ากับของโกรวเลอร์ ดังนั้นเมื่อดูจากสายเลือดแล้ว โกลเด้นโกรวเลอร์เป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ แต่สายเลือดนั้นไม่ใช่ตัวตัดสินทุกอย่าง มันยังขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและความสามารถด้วย พวกเขาทั้งคู่ต่างอยู่ในจุดสูงสุด ดังนั้นใครจะเป็นฝ่ายชนะก็ยากจะบอกได้” พระเจ้าพูด


ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน โกลเด้นโกรวเลอร์และผู้นำเผ่าเวรี่ไฮก็เข้าไปในสนามประลองเรียบร้อยแล้ว


“เริ่มด้วยคู่โกลเด้นโกรวเลอร์และผู้นำเผ่าเวรี่ไฮเลยหรือเนี่ย? นี่เป็นอะไรที่น่าตื้นเต้นที่สุด!”


“เจ้าคิดว่าฝ่ายไหนจะชนะ? ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮหรือโกลเด้นโกรวเลอร์?”


“แน่นอนอยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นโกลเด้นโกรวเลอร์ มันกลืนแอนเชี่ยนท์ธันเดอร์ก็อตเข้าไปอย่างง่ายดาย มันไร้เทียมทาน”


“ข้าคิดว่าผู้นำเผ่าเวรี่ไฮจะเป็นฝ่ายชนะ เพราะยังไงซะเขาก็เป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์สูงสุดในจักรวาล สิ่งมีชีวิตธรรมดานั้นไม่อาจเทียบกับเขาได้”


ทุกคนต่างก็พูดคุยกันเกี่ยวกับการต่อสู้ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น อสูรขนสีเขียวดูเป็นกังวลและพูดขึ้นว่า

“ผู้นำเมาท์เทนน้อยอวดดีเกินไปที่เลือกอันดับหนึ่งตั้งแต่แรก เขาควรจะเลือกอันดับที่ต่ำกว่าแล้วค่อยท้าชิงอันดับทีหลัง”


ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆไม่เห็นด้วย เธอส่ายหัวและพูด

“นั่นจะทำให้คนอื่นคิดว่าเขาอ่อนแอ ถ้าเขาจะชนะ เขาต้องต่อสู้เหมือนกับแชมป์เปี้ยนที่ไร้เทียมทาน นั่นถึงจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาแข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลนี้”


ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮปรากฏตัวในสนามประลองอวกาศด้วยชุดเขียวที่ดูเหมือนกับแฟรี่ แต่ทว่าใบหน้าของเขาดูเย็นชาอย่างมาก มันเหมือนกับว่าเขาตัดขาดจากทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล ดวงตาของเขาไม่แสดงถึงอารมณ์ใดๆ เขาดูเหมือนกับเครื่องจักรที่ไร้ความรู้สึก


โกลเด้นโกรวเลอร์นั้นเข้ามาในสนามประลองเหมือนอย่างทุกครั้ง ร่างกายของมันเต็มไปด้วยขนสีทองอร่ามเหมือนกับว่ามันถูกทำขึ้นมาจากไหมสีทอง


“ข้าได้ยินมาว่าเผ่าพันธุ์ของเจ้ากลืนกินได้ทุกอย่าง เจ้ากินแอนเชี่ยนท์ก็อตและกลืนนกฟีนิกซ์ ตั้งแต่สมัยโบราณพวกเจ้าก็อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร มันเป็นอะไรที่ยากมากๆที่จะหาตัวที่ยังมีชีวิตอยู่”

ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮไม่ได้พูดล้อเล่น ยิ่งสิ่งมีชีวิตหนึ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ มันก็มีโอกาสสูงเท่านั้นที่พวกเขาจะทำลายตัวเอง มันมักจะเป็นแบบนั้นเสมอ เผ่าพันธุ์ที่ไร้เทียมทานในสมัยโบราณกาลนั้นหาได้ยากมากๆที่จะยังคงสืบสายเลือดมาจนถึงปัจจุบัน


มันมีเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่มากมายที่ถูกลบหายไปจากประวัติศาสตร์ แม้แต่มังกรและฟินิกซ์ที่มีสายเลือดที่ไม่บริสุทธิ์ก็ถือว่าหาได้ยากในยุคสมัยนี้


ความโอหังทำให้สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดล้มตาย การชนะมากๆจะนำไปสู่ความล้มเหลว มันเป็นสมดุลธรรมชาติของจักรวาล


โกลเด้นโกรวเลอร์ไม่มีอารมณ์จะมาพูดคุยเกี่ยวกับการเกิดและการล่มสลายของอารยธรรม มันเปิดปากขึ้นเหมือนกับสิงโตที่จะกลืนท้องฟ้า มันพยายามจะกลืนกินผู้นำเผ่าเวรี่ไฮเข้าไป


ทันใดนั้นทั้งอวกาศก็ปกคลุมด้วยปากขนาดใหญ่ของโกลเด้นโกรวเลอร์ ปากของมันสร้างวังวนที่มีพลังดูดที่น่ากลัวมากๆขึ้นมา แม้แต่สิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อตก็ไม่สามารถต่อต้านแรงดูดนั้นได้


แอนเชี่ยนท์ธันเดอร์ก็อตเคยถูกกลืนเข้าไปด้วยวิธีนี้ ในตอนนี้โกลเด้นโกรวเลอร์พยายามจะใช้วิธีเดิม มันกำลังจะกลืนผู้นำเผ่าเวรี่ไฮเข้าไปเช่นกัน


สีหน้าของผู้นำเผ่าเวรี่ไฮไม่เปลี่ยนแปลง แต่ออร่าของเขาดูเปลี่ยนไป มันเหมือนกับว่าเขารวมเข้ากับอวกาศอันกว้างใหญ่ของจักรวาล เขายกมือขึ้นมาอย่างช้าๆ


ทันใดนั้นมันก็เหมือนกับว่าทั้งจักรวาลถูกพลิกเอาด้านบนลงล่างและเอาด้านล่างขึ้นบน จู่ๆโกลเด้นโกรวเลอร์ที่อ้าปากขึ้นราวกับจะกลืนกินทั้งท้องฟ้าก็ไปอยู่บนฝ่ามือของผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ


มันไม่ใช่แค่โกลเด้นโกรวเลอร์เท่านั้น แม้แต่อวกาศทั้งหมดก็ไปอยู่ในมือของผู้นำเผ่าเวรี่ไฮด้วย โกลเด้นโกรวเลอร์นั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของมัน

 

 

 


ตอนที่ 2870 พลิกท้องฟ้าและเปลี่ยนผืนดิน

 

“การใช้ฝ่ามือเพื่อพลิกอวกาศและเปลี่ยนแปลงชะตากรรมเป็นอะไรที่ทรงพลังมากๆ”

หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมาขณะที่มองดูสิ่งที่เกิดขึ้น เขาสงสัยว่าผู้นำเผ่าเวรี่ไฮคนนี้ใช่คนเดียวกับที่เขาย้อนเวลากลับไปเห็นหรือเปล่า เพราะออร่าที่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮปล่อยออกมาในตอนนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง


“คนที่ฝึกสกายแอนบีอิ้งคอมบิเนชั่นของเวรี่ไฮเซ้นส์จนถึงขั้นสูงสุดแล้วจะไม่ได้แค่พลิกอวกาศ การจะพลิกกาแล็กซี่หรือเปลี่ยนแปลงท้องฟ้าและผืนดินก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่มันแค่ไม่เคยมีเวรี่ไฮคนไหนฝึกจนถึงขั้นนี้มาก่อน พวกเขาแค่พลิกผันดวงดาวเล็กๆ แต่การจะเปลี่ยนแปลงพลังของจักรวาลนั้นเป็นไปไม่ได้”

พระเจ้าหยุดไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดต่อไปว่า “สำหรับเวรี่ไฮที่ฝึกฝนจนถึงขั้นนี้ถือว่าเป็นอะไรที่ยากมากๆ การอัดแน่นอวกาศในฝ่ามือของเขาเป็นสิ่งที่แม้แต่เทพสปิริตอย่างพระเจ้าเกราะนภาก็ทำไม่ได้”


“พวกเราจะทำลายพลังนั่นได้ยังไง?” หานเซิ่นถาม เขาไม่เคยเห็นพลังแบบนี้มาก่อน ดังนั้นเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไง


“อวกาศจะไหลเวียนเรื่อยๆในฝ่ามือของเขา” พระเจ้าพูด

“มันมีหนทางอยู่แค่สองทางที่จะหนีเป็นอิสระ วิธีแรกคือการใช้ความเร็วที่เหนือกว่าเพื่อหนีออกมา อีกวิธีคือการระเบิดอวกาศนั้นซะและมันจะไม่เหลืออะไรมารั้งตัวเจ้าเอาไว้อีก”


ขณะที่พระเจ้าพูดแบบนั้น เสียงคำรามของอสูรก็สั่นสะเทือนทั้งจักรวาล โกลเด้นโกรวเลอร์กำลังตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ


ในดวงตาของผู้ชม อวกาศที่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮกำลังถืออยู่นั้นมีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น แต่จริงๆแล้วมันเป็นอวกาศที่กว้างใหญ่ที่ถูกอัดแน่นเอาไว้ ร่างกายของโกลเด้นโกรวเลอร์นั้นกำลังขยายใหญ่ขึ้นจนเต็มทั้งอวกาศ หลังจากนั้นมันก็มีเสียงแตกของอะไรบางอย่างดังขึ้นมา ร่างกายสีทองที่น่ากลัวระเบิดอวกาศภายในมือของผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ มันออกมาจากฝ่ามือและกลายเป็นอสูรยักษ์สีทองที่น่ากลัวมากๆ ดาวดวงหนึ่งนั้นดูเล็กราวกับหยดน้ำเมื่ออยู่ข้างๆอสูรตัวนั้น


การคำรามของโกลเด้นโกรวเลอร์นั้นทำให้แม้แต่บัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนยังสั่นสะเทือน ผู้ชมที่ดูอยู่ตกตะลึง เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความโกรธนั้นทำให้สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอขาอ่อนและล้มลงไปกับพื้น


วินาทีต่อมาโกลเด้นโกรวเลอร์ก็อ้าปากใส่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮนั้นดูเล็กกระจิดริดเมื่ออยู่ถัดไปจากโกลเด้นโกรวเลอร์ มันไม่มีทางที่เขาจะป้องกันการโจมตีของอสูรยักษ์ที่น่ากลัวได้


แต่สีหน้าของผู้นำเผ่าเวรี่ไฮยังไม่เปลี่ยนแปลง เขาเอามือทั้งสองประสานกันและเริ่มหมุนอย่างช้าๆ หลังจากนั้นก็มีบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น


มันเหมือนกับว่าร่างกายของโกลเด้นโกรวเลอร์นั้นอยู่บนวงล้อที่ถูกหมุนไปร้อยแปดสิบองศา มันทำให้ปากขนาดใหญ่ที่อ้าไปทางผู้นำเผ่าเวรี่ไฮนั้นถูกเปลี่ยนทิศทางไป


โกลเด้นโกรวเลอร์หันกลับมาเพื่อจะเขมือบผู้นำเผ่าเวรี่ไฮอีกครั้ง แต่เมื่อผู้นำเผ่าเวรี่ไฮหมุนมือของเขา ท้องฟ้าและผืนดินก็ถูกพลิกผัน เขาและโกลเด้นโกรวเลอร์สลับตำแหน่งกัน ทำให้การโจมตีของโกลเด้นโกรวเลอร์นั้นพลาดเป้าหมาย


สิ่งมีชีวิตมากมายที่มองดูการต่อสู้อยู่นั้นตกตะลึง ซึ่งรวมถึงหานเซิ่นด้วย พลังในการพลิกท้องฟ้าและเปลี่ยนผืนดินนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน


“ไม่แปลกใจเลยที่เผ่าเวรี่ไฮเป็นเผ่าพันธุ์อันดับหนึ่งในจักรวาล พลังของเขาเป็นเหมือนกับพลังของพระเจ้า”


“ข้าคิดว่าพลังนี้มันเหนือกว่าของพระเจ้าซะอีก พระเจ้าอย่างพระเจ้าเกราะนภานั้นถูกดอลลาร์ฆ่าตายอย่างง่ายดาย เขาไม่ได้ทรงพลังเหมือนอย่างผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ”


“สุดยอด สุดยอดจริงๆ ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮจะต้องเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล แม้แต่โกลเด้นโกรวเลอร์ที่มีพลังที่ไร้เทียมทานก็ทำอะไรผู้นำเผ่าเวรี่ไฮไม่ได้”


เมื่อเห็นแบบนั้น หานเซิ่นเองก็ตกใจมากๆ พลังของผู้นำเผ่าเวรี่ไฮนั้นคล้ายคลึงกับอาณาเขตตงเสวียนของเขา แต่พลังของผู้นำเผ่าเวรี่ไฮนั้นเหนือกว่าพลังของเขาในตอนนี้ หานเซิ่นได้เรียนรู้บางสิ่งจากผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ


“ถ้าผู้นำเผ่าเวรี่ไฮทำแบบนี้ได้ เราที่ควบคุมฟันเฟืองจักรวาลได้ก็ควรจะทำได้เหมือนกัน แต่วิธีการนี้ดูเหมือนว่าจะถูกสนับสนุนด้วยวิชาจีโนบางอย่าง ซึ่งเราไม่มีวิชาจีโนนั้น ถ้าเราจะพยายามทำเหมือนกันด้วยวิธีการของตัวเอง มันก็คงจะเป็นอะไรที่ยุ่งยากมากๆ”


หานเซิ่นหวังว่าผู้นำเผ่าเวรี่ไฮจะใช้พลังนี้อีกหลายๆครั้งเพื่อที่เขาจะได้ประยุกต์มาเป็นวิชาของตัวเอง


และเขายังอยากให้โกลเด้นโกรวเลอร์หาหนทางทำลายพลังนี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นถึงแม้โกลเด้นโกรวเลอร์จะมีความแข็งแกร่งที่ไร้เทียมทาน มันก็เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ถ้าไม่สามารถทำอะไรคู่ต่อสู้ได้


“การที่เขาฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์จนถึงขั้นนี้ได้ ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮนั้นไม่เลวเลย”

พระเจ้าแสดงความชื่นชม แต่พลังนั่นเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ทำให้เขาประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย


หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น หานเซิ่นก็หันไปมองพระเจ้าและถาม

“ทำไมข้าถึงคิดว่าผู้นำเผ่าเวรี่ไฮแข็งแกร่งกว่าพระเจ้าเกราะนภา นี่ข้าคิดไปเองหรือเปล่า?”


พระเจ้าหัวเราะ “เจ้าไม่ได้คิดไปเอง พระเจ้าเกราะนภานั้นต้องการสิ่งประจำตัวพระเจ้าของเขากลับคืนไป เขาจึงเอาตัวเองเข้าไปรวมร่างกับอบิสไนท์ที่เป็นแค่ขั้นบัตเตอร์ฟลาย ในตอนที่พระเจ้าเกราะนภารวมเข้ากับมัน ระดับของมันก็ถูกเพิ่มขึ้นจนถึงขั้นทรูก็อต แต่จะยังไงก็ตามร่างกายของอบิสไนท์ก็ไม่ดีพอสำหรับเขา และอบิสไนท์ก็ยังมีธาตุที่แตกต่างไปจากพระเจ้าเกราะนภา มันเป็นเรื่องยากที่พระเจ้าเกราะนภาจะใช้พลังทั้งหมดของเขาได้ ถ้าเขารวมร่างกับร่างกายของขั้นทรูก็อตที่มีธาตุเดียวกัน มันก็เป็นอะไรที่ยากมากๆที่เจ้าจะเป็นฝ่ายชนะ ด้วยเหตุนั้นในตอนนี้ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮจึงดูไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพระเจ้าเกราะนภา แต่การจะตัดสินว่าใครที่เหนือกว่ากันนั้น เจ้าต้องรอจนกว่าผู้นำเผ่าเวรี่ไฮจะเข้าไปในจีโนฮอลล์ เขาต้องลองต่อสู้กับพระเจ้าเกราะนภาดูถึงจะตัดสินได้”


หลังจากที่พระเจ้าพูดทั้งหมดนั่น หานเซิ่นก็รู้สึกกังวลขึ้นมา


ร่างกายและพลังของโกลเด้นโกรวเลอร์นั้นดูแข็งแกร่งมากๆ มันเกือบจะไร้เทียมทาน พลังและร่างกายมันแข็งแกร่งกว่าหานเซิ่นในตอนนี้มาก


แต่ตอนนี้มันไม่สามารถแตะต้องผู้นำเผ่าเวรี่ไฮได้ โกลเด้นโกรวเลอร์ยังคงพยายามที่จะกลืนกินผู้นำเผ่าเวรี่ไฮที่กำลังใช้วิชาของเขาเพื่อเปลี่ยนแปลงท้องฟ้าและพลิกแผ่นดิน ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮนั้นไม่ต้องเคลื่อนที่ไปไหนเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นโกลเด้นโกรวเลอร์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้


เมื่อเห็นแบบนั้น จางเสวียนเต้าก็กล่าวชมว่า “ชายแก่คนนี้แข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว”


“ยังไงซะเขาก็เป็นถึงผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ” ผู้หญิงคนนั้นพูด

“ไม่น่าแปลกใจอะไรที่เขาจะทำแบบนี้ได้”


“ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการต่อสู้สุดท้ายของเขา” จางเสวียนเต้าพูด

“ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เขาจะเข้าไปในจีโนฮอลล์ในอีกไม่นานนี้”


“บรรพบุรุษของเวรี่ไฮหลายคนเข้าไปในจีโนฮอลล์ แต่ไม่เคยมีใครที่กลับออกมา เจ้าคิดว่าเขาจะกลับออกมาไหม?” ผู้หญิงคนนั้นพูด


“ถ้าข้ารู้เรื่องนั้น ข้าก็คงจะไม่มานั่งอยู่ที่นี่ ข้าคงจะเข้าไปในจีโนฮอลล์ไปนานแล้ว”

จางเสวียนเต้าถอนหายใจและพูด “น่าเสียดายที่กฎในการตัดสินอันดับนั้นแปลกประหลาด ข้าคิดว่าจะได้มีโอกาสต่อสู้กับเขาซะอีก แต่ข้ามีโอกาสท้าชิงเพียงแค่ครั้งเดียว ข้ากลัวว่าคงไม่มีโอกาสจะได้ทำแบบนั้น”


เมื่อโกลเด้นโกรวเลอร์เห็นว่าการโจมตีต่อไปเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ มันก็หยุดเคลื่อนไหวและมองมาที่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ


“เจ้าอาจจะมีสายเลือดของโกรวเลอร์ แต่เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้ ทำไมเจ้าไม่ยอมแพ้เพียงแค่นี้” ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮพูด


“ไร้สาระ ผู้นำเมาท์เทนน้อยของพวกเราไม่มีวันพ่ายแพ้”

อสูรขนสีเขียวโกรธ แต่หลังจากที่คิดอยู่สักพัก มันก็พูดขึ้นว่า “แต่ยังไงก็ต้องยอมรับว่าผู้นำเผ่าเวรี่ไฮคนนี้เก่งกาจจริงๆ วิธีการที่เขาเปลี่ยนแปลงท้องฟ้าและพลิกแผ่นดินนั้นเป็นอะไรที่ยากจะเห็นในจักรวาลนี้”


ผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆพยักหน้าและพูด “ที่เผ่าเวรี่ไฮกลายเป็นเผ่าพันธุ์สูงสุดของจักรวาลได้นั้นไม่ใช่เพราะโชคช่วย ดูเหมือนว่าผู้นำเมาท์เทนน้อยคงจะต้องใช้สิ่งนั้น”

 

 

 


ตอนที่ 2871 ประตูทอง

 

ขณะที่หานเซิ่นกำลังเป็นห่วงโกลเด้นโกรวเลอร์ โกลเด้นโกรวเลอร์ก็อ้าปากของมันขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ได้พยายามจะเขมือบผู้นำเผ่าเวรี่ไฮเข้าไป


ปากของโกลเด้นโกรวเลอร์นั้นปลดปล่อยแสงสีทองออกมา และมีบางสิ่งปรากฏภายในแสงสีทองนั้น


หานเซิ่นเห็นสสารสีทองที่มีการแกะสลักที่ประหลาดและสวยงามอยู่ทั้งสองด้าน เมื่อมันออกมาจนเห็นชัดๆ หานเซิ่นก็ได้รู้ว่าสิ่งที่ออกมาจากปากของโกลเด้นโกรวเลอร์นั้นคือบานประตู


ประตูนั้นดูเหมือนกับสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาจากทองคำ มันมีความสูงถึงหนึ่งร้อยฟุต บนประตูนั้นสลักไปด้วยลวดลายที่แปลกประหลาดและลึกลับ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดและปรารถนาจะยอมเชื่อฟังอย่างไม่สามารถอธิบายได้ หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าลวดลายพวกนั้นหมายความว่าอะไร แต่หัวของอสูรที่อยู่บนประตูนั้นเป็นสิ่งที่หานเซิ่นจำได้ มันคือใบหน้าของโกลเด้นโกรวเลอร์


ประตูทองนั้นถูกห้อมล้อมไปด้วยวงแหวนสีทอง ผู้คนมองไม่เห็นกรอบประตู ซึ่งสิ่งที่แปลกที่สุดก็คือไม่ว่าจะมองจากทิศทางไหน ทุกคนก็เห็นแค่ด้านหน้าของประตูเท่านั้น มันเหมือนกับว่าประตูนั้นไม่มีด้านหลังอยู่ หรือไม่ด้านหลังของมันก็กลมกลืนไปกับความว่างเปล่าของอวกาศ


“ทำไมโกลเด้นโกรวเลอร์ถึงมีประตูทองนี้อยู่ภายในท้อง?” หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆ เขาไม่รู้ว่าประตูทองนี้ทำอะไรได้


ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮขมวดคิ้วขณะที่มองไปที่ประตูทอง ดูเหมือนว่าเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร


“ประตูนั่นคืออะไรกัน?”


“แปลกจริงๆ โกรวเลอร์ใช้กำลังมาโดยตลอด ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับโกรวเลอร์ที่ใช้สมบัติมาก่อน แต่โกลเด้นโกรวเลอร์กำลังใช้สมบัติชิ้นหนึ่ง ประตูทองนี้ทำอะไรได้กันแน่?”


ทุกสิ่งมีชีวิตพูดคุยกันถึงการปรากฏขึ้นของประตู ไม่มีใครเคยเห็นประตูทองนี่มาก่อน ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถหาข้อสรุปอะไรได้ แม้แต่เผ่าพันธุ์ที่สูงส่งอย่างเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงและเผ่าเวรี่ไฮก็ได้แต่มองไปที่ประตูทองด้วยความสงสัย พวกเขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าประตูนี่คืออะไรกันแน่


ในตอนที่โกลเด้นโกรวเลอร์คำราม ประตูก็สั่นไหวและมีเสียงการปลดล็อคของลูกกุญแจดังขึ้นมา หลังจากนั้นบานประตูก็ค่อยๆเปิดออกมาและมีแสงสีทองเล็ดลอดออกมาจากประตู


ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง พวกเขาจับจ้องไปยังประตูที่กำลังเปิดออก พวกเขาอยากจะเห็นว่าข้างในมีอะไรอยู่กันแน่


ประตูทองเปิดออกอย่างช้าๆ ในตอนนี้ช่องว่างของประตูมีขนาดเท่ากับกำปั้นเท่านั้น จนถึงตอนนี้ผู้คนเห็นเพียงแค่แสงสีทองที่ส่องออกมา แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้เห็นอะไรที่อยู่เบื้องหลังแสงนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ


“นี่มัน…” สีหน้าของผู้นำเผ่าเวรี่ไฮเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นประตูเปิดออก และในจังหวะต่อมาร่างกายของผู้นำเผ่าเวรี่ไฮก็ปลดปล่อยพลังประหลาดออกมา มันแพร่กระจายออกไปราวกับคลื่น


ทุกคนคิดว่าผู้นำเผ่าเวรี่ไฮคงจะตัดสินใจโจมตีก่อนที่ประตูจะเปิดออกอย่างสมบูรณ์ แต่ทันใดนั้นผู้นำเผ่าเวรี่ไฮก็ฉีกช่องว่างของมิติและออกจากสนามประลองไป


ทั้งจักรวาลตกอยู่ในความเงียบสงัด ไม่มีใครอยากจะเชื่อว่าผู้นำเผ่าเวรี่ไฮจะยอมแพ้และหนีออกไปแบบนั้น


“โอ้มายก็อด!… ประตูทองนี้มันคืออะไรกันแน่? มันยังเปิดออกแค่นิดเดียว ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮก็รีบหนีไปแล้ว”


“ใช่ ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าอะไรที่อยู่ข้างในประตูทองนั่น”


“นี่เป็นอะไรที่น่าหดหู่ ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮยอมแพ้เร็วเกินไป ถึงแม้เขาตัดสินใจจะหนีไป อย่างน้อยเขาก็ควรรอจนกระทั่งประตูเปิดออกอย่างเต็มที่ซะก่อนเพื่อที่จะพวกเราจะได้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น”


ทุกคนทั้งแปลกใจและหดหู่ หลังจากที่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮหนีออกจากสนามประลองไปแล้ว โกลเด้นโกรวเลอร์ก็เก็บประตูทองกลับเข้าไป ไม่มีใครรู้ว่าข้างในประตูทองนั่นคืออะไรกันแน่


“ชายแก่คนนั้นฉลาดกว่าที่คิด” อสูรขนสีเขียวพูดด้วยรอยยิ้ม

“ผู้นำเมาท์เทนน้อยนั้นไร้เทียมทาน”


หานเซิ่นรู้สึกสับสน เขามองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ภายในประตูทอง

“อะไรกันที่ทำให้ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮหวาดกลัวและหนีไปแบบนั้น?”


“น่าสนใจ” พระเจ้ามองไปที่โกลเด้นโกรวเลอร์ด้วยความสนใจ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม หานเซิ่นรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้ยินคำอธิบายของพระเจ้า


การต่อสู้นี้ทำให้ชื่อของโกลเด้นโกรวเลอร์และประตูทองดังไปทั่วทั้งจักรวาล ประตูทองนั่นเปิดออกแค่นิดเดียวก็เพียงพอจะทำให้ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮหวาดกลัวจนหนีไป นั่นถือเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด


หลังจากการต่อสู้นี้โกลเด้นโกรวเลอร์ก็ได้ครอบครองอันดับที่หนึ่งในบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนโดยไม่มีใครกล้าจะท้าชิงอันดับของมันอีก เพราะแม้แต่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮก็ยังหวาดกลัวจนหนีไป คนบางคนได้ไปหาผู้นำเผ่าเวรี่ไฮเพื่อขอคำอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮตอบแค่ว่า

“ในตอนนี้ จักรวาลนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนที่จะต่อสู้กับโกลเด้นโกรวเลอร์ได้”


หลังจากที่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮพูดแบบนั้น ชื่อเสียงของโกลเด้นโกรวเลอร์ก็เพิ่มสูงขึ้นยิ่งกว่าเดิม มันทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตหวาดกลัวและไม่มีใครกล้าท้าสู่กับโกลเด้นโกรวเลอร์


อันดับที่หนึ่งนั้นควรจะเป็นอันดับยอดนิยมและมีการแข่งขันที่สูง แต่ตอนนี้มันเป็นอันดับที่ไม่มีใครต้องการท้าชิง อันดับรองลงมานั้นได้กลายเป็นอันดับที่ได้รับความนิยมมากกว่า หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจกับความจริงที่ว่าโหลวเลี่ยที่อยู่อันดับสามนั้นท้าชิงเดม่อนอัลฟ่าที่อยู่อันดับสี่ การท้าชิงอันดับที่ต่ำกว่านั้นทำให้ผู้คนรู้สึกสับสน แต่พวกเขาก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นการต่อสู้นี้ โหลวเลี่ยนั้นถือเป็นบุคคลที่ลึกลับ นอกจากดอลลาร์แล้ว เขาก็ถือเป็นม้ามืดอีกคนในการประลองครั้งนี้ ส่วนการสังหารดราก้อนวันของเดม่อนอัลฟ่านั้นทำให้ทั้งจักรวาลตกตะลึง การต่อสู้ของทั้งสองคนจึงทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้น


‘โหลวเลี่ยคนนี้จะต้องเป็นคนของพยุหะโลหิต ทำไมเขาถึงท้าสู้เดม่อนอัลฟ่า? นี่หรือว่าผู้คนของพยุหะโลหิตสงสัยว่าเดม่อนอัลฟ่าอาจจะเกี่ยวข้องกับชูร่าอย่างนั้นหรอ? นี่พวกเขาพยายามจะหาว่าเดม่อนอัลฟ่าเป็นใครอย่างนั้นใช่ไหม?’ หานเซิ่นคิดว่านั่นเป็นเพียงความเป็นไปได้เดียว ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่ท้าชิงกับคนที่มีอันดับต่ำกว่าแบบนั้น


หานเซิ่นคิดว่าเขาอาจจะได้รู้อะไรบางอย่างในการต่อสู้นี้ แต่เดม่อนอัลฟ่านั้นไม่ตอบรับคำท้าของโหลวเลี่ย ด้วยเหตุนั้นเขาจึงชนะไปโดยปริยาย สิ่งที่น่าตลกก็คือหลังจากที่โหลวเลี่ยเป็นฝ่ายชนะ อันดับของเขาก็ถูกลดลงไปอยู่อันดับที่สี่ ขณะที่อันดับของเดม่อนอัลฟ่าถูกเลื่อนขั้นไปอยู่อันดับที่สาม


“กฎของเจ้านี่มันไม่มีหลักการเลยสักนิด” หานเซิ่นบ่นกับพระเจ้าที่กำลังนั่งดื่มชาอย่างสบายใจ


พระเจ้ายิ้มและถาม “มันไม่น่าสนใจหรือยังไง?”


การท้าชิงอันดับดำเนินต่อไป แต่อันดับนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิบอันดับแรก หานเซิ่นมองดูเป็นเวลาหกวันและมันมีแค่คนเดียวในสิบอันดับแรกเท่านั้นที่ตกอันดับไป แต่อีกก้าวคนยังคงอยู่ หานเซิ่นรอคอยเป็นเวลาหลายวัน แต่ก็ยังไม่มีใครท้าสู่กับเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่า นั่นทำให้เขารู้สึกหดหู่ แต่ทันใดนั้นก็มีแสงกระพริบขึ้นมาจากบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน ชื่อของเบิร์นนิ่งแลมป์กับอีกชื่อหนึ่งปรากฏขึ้นมา


หานเซิ่นดีใจ ในที่สุดก็มีคนท้าสู้กับเบิร์นนิ่งแลมป์ เขามองไปในสนามประลองและเห็นเบิร์นนิ่งแลมป์เดินเข้ามา แต่เขาไม่เห็นมีดในมือของเบิร์นนิ่งแลมป์


หลังจากนั้นผู้ท้าชิงก็เข้ามาในสนามประลองเช่นกัน มันเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่มีชื่อว่านกยูงพลูโต มันอยู่อันดับที่เก้าสิบเก้า ซึ่งสูงกว่าหานเซิ่นอยู่หนึ่งอันดับ

 

 

 


ตอนที่ 2872 นกยูงพลูโต

 

ร่างกายของนกยูงพลูโตนั้นส่วนใหญ่มีขนสีดำ แต่บริเวณคอและส่วนอื่นมีขนนกสีฟ้าและสีเขียว หางนกยูงที่ดูเหมือนกับดวงตานั้นก็เป็นสองสี แถมมันยังมีลูกตาสีฟ้าและรูม่านตาสีเขียวเช่นกัน


จากที่หานเซิ่นพอจะบอกได้ นกยูงพลูโตนั้นเพิ่งจะเลื่อนจากขั้นบัตเตอร์ฟลายมาสู่ขั้นทรูก็อต มันกลายเป็นขั้นทรูก็อตในระหว่างการต่อสู้รอบก่อน พลังของมันยังไม่เสถียร มันถือเป็นคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่ติดร้อยอันดับแรก ดังนั้นมันจึงเลือกคู่ต่อสู้ที่มีอันดับไม่สูงมากนัก


ในตอนนี้มันมีคนอยู่แค่สองคนเท่านั้นที่มีระดับพลังต่ำกว่านกยูงพลูโต ซึ่งสองคนนั้นก็คือหานเซิ่นและเบิร์นนิ่งแลมป์ที่ยังเป็นแค่ขั้นบัตเตอร์ฟลาย หานเซิ่นฆ่าเทพสปิริตได้สำเร็จซึ่งเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ แถมหานเซิ่นยังอยู่อันดับสุดท้ายอีกต่างหาก ส่วนเบิร์นนิ่งแลมป์อยู่อับดันที่แปดสิบสี่ ดังนั้นมันจึงอยากจะท้าสู้กับเขา


เบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่าดูหม่นหมอง แต่เขาไม่ได้หวาดกลัวคู่ต่อสู้ สำหรับเขาแล้วการเข้ามาติดในร้อยอันดับแรกก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว มันจะเป็นเรื่องดีถ้าเขารักษาอันดับเอาไว้ได้ แต่การตกลงไปอยู่อันดับที่เก้าสิบเก้าก็ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไปสำหรับเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่า เพราะยังไงซะอันดับเก้าสิบเก้าก็จะทำให้เขาได้รับอาวุธขั้นทรูก็อตอยู่ดี การได้อาวุธขั้นทรูก็อตสำหรับเผ่าบุดด้านั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เขาจะทำเพื่อเผ่าพันธุ์ในวาระสุดท้าย


เบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่าไม่คิดจะยอมแพ้ในตอนนี้ การได้อันดับที่แปดสิบสี่ยังไงก็ดีกว่าการได้อันดับที่เก้าสิบเก้า เพราะนอกจากอาวุธขั้นทรูก็อตแล้ว เขายังจะได้รับวัตถุดิบขั้นทรูก็อตอีก ด้วยเหตุนั้นเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่าจึงอยากจะลองดู การเผชิญหน้ากับนกยูงพลูโตขั้นทรูก็อตนั้นเป็นสิ่งที่เบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่าไม่กล้าจะประมาท เขาเอามีดที่ซ่อนเอาไว้ในชุดออกมา


มีดนั้นดูประหลาดๆ มันไม่มีคมอยู่ราวกับว่ามันไม่มีใบมีด แต่ถึงอย่างนั้นมีดก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยแสงบุดด้า ซึ่งทำให้มันดูเป็นอะไรที่ศักดิ์สิทธิ์


“มันดูคล้ายคลึงกับมีดเปล่าของเราอยู่ แต่มันดูแตกต่างออกไป”

หานเซิ่นไม่สามารถบอกได้ว่ามันใช่มีดเปล่าของเขาหรือเปล่า แต่แสงบุดด้าที่ออกมาจากมีดนั้นให้ความรู้สึกที่เหมือนกับพลังมารนภา ดูเหมือนว่ามันจะมีพลังเหตุอยู่ แต่มันไม่เหมือนกับพลังเหตุล้วนๆเหมือนอย่างพลังมารนภา มันมีพลังอย่างอื่นผสมอยู่ด้วย


หานเซิ่นหันไปหาพระเจ้าและถาม “นี่เผ่าบุดด้ามีพลังเหตุด้วยหรอ?”

เขาไม่แน่ใจว่าเผ่าบุดด้ามีพลังแบบไหนกันแน่


พระเจ้าหัวเราะ “ศักยภาพของเผ่าบุดด้าไม่ได้ดีนัก มันยากที่พวกเขาจะกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเรียนรู้วิชาจากเผ่าพันธุ์อื่นๆและประยุกต์ไปเป็นวิชาของตัวเอง นั่นคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาอยู่รอดมาได้ ซึ่งนั่นรวมถึงวิชาการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ พวกเขาเรียนรู้มันมาจากวิชาถ่ายทอดสายเลือดของเผ่าดราก้อน บุดด้านั้นมีวิชาอยู่มากมาย แต่มันไม่มีวิชาไหนที่เป็นของพวกเขาเอง”


“พวกเขาได้พลังเหตุมาจากเผ่าเดม่อนอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม


“มันไม่ได้เป็นแบบนั้น พลังเหตุภายในมีดนั้นแตกต่างไปจากของเผ่าเดม่อน นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าคิดว่ามันน่าสนใจ”


“ที่แท้เจ้าก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับมีดนั่นอย่างนั้นใช่ไหม” ในที่สุดหานเซิ่นก็เข้าใจ


“มันมีสิ่งแปลกประหลาดมากมายในจักรวาลนี้ มันเป็นเรื่องปกติที่ข้าจะไม่รู้” พระเจ้าหัวเราะ


ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน จู่ๆนกยูงพลูโตก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา แผนหางของนกยูงกางออก ขนนกที่ดูเหมือนกับดวงตาปลดปล่อยแสงประหลาดบางอย่างออกมา มันทำให้ทั้งอวกาศเปลี่ยนเป็นสีเขียวและสีฟ้า มันเหมือนกับว่ากำลังถ่ายทำภาพยนตร์สยองขวัญอยู่


“ถึงแม้นกยูงพลูโตจะเป็นแค่ซีโน่เจเนอิคที่ไม่ได้มีวิชาจีโนมากมายอะไร แต่พลังของมันก็เป็นอะไรที่พิเศษมากมาย”

พระเจ้าพูด “ถ้าทำลายพลังนั้นของมันไม่ได้ แม้แต่ขั้นทรูก็อตก็จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้”


“ข้าไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรพิเศษ เจ้าพูดอย่างกับว่ามันเป็นอะไรที่น่ากลัวและทรงพลัง แต่เบิร์นนิ่งแลมป์ไม่เห็นจะเป็นอะไร”

หานเซิ่นเห็นเบิร์นนิ่งแลมป์ถูกปกคลุมด้วยแสงสีฟ้าและสีเขียว แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร


“นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พลังของนกยูงพลูโตเป็นอะไรที่น่ากลัว ในจักรวาลนี้มันมีคำกล่าวที่ว่า ‘กาลเวลาเป็นมีดสังหารที่มองไม่เห็นไม่ใช่หรอ’ อาณาเขตยมโลกของมันคือถนนสู่ความตาย ในยมโลกสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตอยู่จะถูกเปลี่ยนเป็นวิญญาณของคนตาย หลังจากนั้นนกยูงพลูโตก็จะกลืนกินพวกเขา” พระเจ้าพูด


หานเซิ่นตกใจ เขาใช้อาณาเขตตงเสวียนเพื่อดูอาณาเขตยมโลกของนกยูงพลูโต เขาเห็นว่าแสงสีเขียวและสีฟ้ากำลังกลืนกินร่างกายของเบิร์นนิ่งแลมป์ เซลล์ของเขากำลังเปลี่ยนเป็นสีเขียวและสีฟ้า เบิร์นนิ่งแลมป์กวัดแกว่งมีดใส่นกยูงพลูโต แต่นกยูงพลูโตนั้นเป็นเหมือนกับผี ในตอนที่มีดแสงของเบิร์นนิ่งแลมป์กำลังจะสัมผัสกับร่างกายของนกยูง มีดแสงก็ทะลุผ่านไป เขาไม่สามารถทำร้ายอะไรมันได้


เบิร์นนิ่งแลมป์ลองใช้วิชาจีโนอยู่หลายวิชา แต่ไม่มีวิชาไหนที่แตะต้องตัวนกยูงพลูโตได้ นกยูงพลูโตกำลังยืนอยู่ในยมโลกพร้อมกับหางนกยูงที่ฉายแสงยมโลกออกไป


เมื่อเวลาผ่านไป ผิวของเบิร์นนิ่งแลมป์ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวและสีฟ้าที่แปลกประหลาด มันดูค่อนข้างโปร่งใส ทุกคนสามารถมองผ่านผิวหนังและเห็นเส้นเลือดของเขาที่อยู่ภายใน


“ดูเหมือนว่าพลังเหตุของมีดนั้นจะแย่กว่าของเผ่าเดม่อน” หานเซิ่นพูด


“ถึงแม้พวกมันจะเป็นพลังเหตุเหมือนกัน แต่พวกมันไม่ใช่ชนิดเดียวกัน มันเหมือนกับชนิดของเหล็ก เหล็กบางชนิดเหมาะสำหรับการนำไปทำเป็นมีด ขณะที่เหล็กบางชนิดเหมาะสำหรับการทำเป็นโล่ พวกมันแตกต่างกัน” พระเจ้าพูด


“ถ้าอย่างนั้นมีดนั่นทำอะไรได้?” หานเซิ่นถาม


“เจ้าจะได้รู้เองถ้าเจ้าดูต่อไปเรื่อยๆ” พระเจ้าพูดด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ตอบคำถามของหานเซิ่น


ไม่ว่าจะดูยังไงเบิร์นนิ่งแลมป์ก็ดูเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ ไม่ว่าเบิร์นนิ่งแลมป์จะใช้วิชาจีโนแบบไหน เขาก็ไม่สามารถทำร้ายนกยูงพลูโตได้ นอกจากนั้นยิ่งเวลาผ่านไปร่างกายของเขาก็โปร่งใสขึ้นเรื่อยๆ เขาดูเหมือนกับคริสตัลสีเขียวและสีฟ้า


หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆ ในอดีตเบิร์นนิ่งแลมป์ดูแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ครั้งหนึ่งเบิร์นนิ่งแลมป์เคยเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นมดตัวหนึ่ง แต่ตอนนี้เบิร์นนิ่งแลมป์กลับดูอ่อนแอ


“ดูเหมือนว่าพลังเป็นตัวตัดสินทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ” หานเซิ่นพูดพร้อมกับถอนหายใจ


แต่หานเซิ่นไม่คิดว่าเบิร์นนิ่งแลมป์จะยอมแพ้ง่ายๆ เบิร์นนิ่งแลมป์เป็นคนที่เคร่งครัด ถ้าเขาไม่คิดว่าจะชนะได้ เขาก็จะจากไป เขาจะไม่อยู่ต่อและเสี่ยงชีวิตของตัวเองแบบนี้


ตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่แสดงทีท่าว่าจะยอมแพ้ เห็นได้ชัดว่าเบิร์นนิ่งแลมป์มีแผนการอยู่


แต่หานเซิ่นดูคิดไม่ออกว่าเบิร์นนิ่งแลมป์จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ยังไง


ร่างกายของเบิร์นนิ่งแลมป์กลายเป็นอะไรที่โปร่งใส ทันใดนั้นดวงตาของนกยูงพลูโตก็เป็นประกาย มันอ้าปากขึ้นและเริ่มดูดเบิร์นนิ่งแลมป์เข้าไป เบิร์นนิ่งแลมป์ไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองเอาไว้ได้ และเขาก็ถูกดูดหายเข้าไปในปากของนกยูงพลูโตอย่างง่ายดาย นกยูงรู้สึกมีความสุขจนร้องออกมา มันเก็บหางนกยูงและอาณาเขตยมโลกก็หายไป ในตอนที่ทุกคนเชื่อว่าการต่อสู้นั้นจบแล้ว นกยูงพลูโตก็เริ่มกรีดร้องอย่างเจ็บปวด จู่ๆอกและท้องของมันก็ถูกตัดเปิดออก และเบิร์นนิ่งแลมป์ที่ถือมีดอยู่ในมือก็ออกมาจากบาดแผลนั้น

 

 

 


ตอนที่ 2873 มีดทรมานตนเอง

 

“แปลงจริงๆ ทำไมร่างกายของเขาถึงได้ฟื้นตัวเร็วแบบนั้น?”

หานเซิ่นมองไปที่บาดแผลของนกยูงพลูโตที่เบิร์นนิ่งแลมป์หนีออกมา และเขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น


แต่เดิมนั้นร่างกายของเบิร์นนิ่งแลมป์กลายเป็นเหมือนกับวิญญาณในยมโลก แต่ตอนนี้ร่างกายของเขากลับเป็นปกติ สีเขียวและสีฟ้าที่โปร่งใสนั้นหายไปแล้ว


ก่อนหน้านี้เบิร์นนิ่งแลมป์ไม่สามารถทนต่อพลังอาณาเขตยมโลกของนกยูงพลูโตได้ และเขาก็ถูกทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของยมโลก หลังจากที่เขากลายเป็นส่วนหนึ่งของยมโลกแล้ว เขาก็ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยต่อนกยูงพลูโตอีกต่อไป เขาไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆกับนกยูงพลูโตได้


แต่ตอนนี้ไม่เพียงแค่เบิร์นนิ่งแลมป์จะกลับออกมาอย่างปลอดภัย ร่างกายของเขายังกลับเป็นปกติ ราวกับว่าเขาไม่เคยถูกพลังของนกยูงพลูโตมาก่อน ถ้าเบิร์นนิ่งแลมป์มีพลังนั้นอยู่ตั้งแต่แรก เขาจะลำบากปล่อยให้ตัวเองถูกนกยูงพลูโตกลืนเข้าไปทำไมกัน


“ดูเหมือนว่าปัญหาก็คือมีดเล่มนั้น” หานเซิ่นมองไปที่มีดขณะที่พูดกับตัวเอง


พระเจ้าที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นว่า “มันเป็นเพราะพลังของมีดนั่นจริงๆนั่นแหละ ไม่อย่างนั้นเบิร์นนิ่งแลมป์ก็คงจะตายไปแล้ว”


“พลังของมีดนั้นคงไม่ได้เป็นการกลับตาลปัตรเหตุหรอกใช่ไหม?” หานเซิ่นถามหลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่


“มันไม่ถูกซะทีเดียว ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง ทุกอย่างที่ถูกทำลงไปกับเบิร์นนิ่งแลมป์คือสาเหตุ หรือในที่นี้ก็คือการที่นกยูงพลูโตใช้พลังอาณาเขตยมโลกกับเบิร์นนิ่งแลมป์และกลืนเขาเข้าไป มีดนั่นจะดูดซับพลังเหตุเข้าไปและเปลี่ยนมันเป็นพลังของตัวเอง ซึ่งจะถูกย้อนกลับไปหาศัตรูที่ก่อมันขึ้นมา” พระเจ้าพูด


“ถ้าเป็นแบบนั้น การมีมีดนั้นอยู่ก็ทำให้เบิร์นนิ่งแลมป์ไร้เทียมทานน่ะสิ เพราะไม่ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งขนาดนั้น มีดก็จะดูดพลังเข้าไปและปล่อยมันกลับคืนไป แบบนั้นไม่ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เบิร์นนิ่งแลมป์ก็โต้กลับได้” หานเซิ่นพูด


“ตามทฤษฎีล่ะก็นะ แต่ก่อนอื่นผู้ใช้จำเป็นต้องมีร่างกายที่ทนต่อความเสียหายได้ ถ้าร่างกายของผู้ใช้ทนต่อความเสียหายไม่ได้ เขาก็จะถูกฆ่าตายไปก่อนที่มีดจะดูดซับพลังเข้าไป แบบนั้นมันก็ไม่สำคัญว่ามีดนั้นจะทรงพลังมากสักแค่ไหน” พระเจ้าหัวเราะ


“เจ้าพูดถูก ไม่แปลกใจเลยที่เบิร์นนิ่งแลมป์ติดร้อยอันดับแรกได้ ทั้งหมดมันเป็นเพราะมีดเล่มนั้น”

หานเซิ่นจ้องไปที่มีด ขณะที่คิดกับตัวเอง ‘ไม่สำคัญว่ามีดนั่นจะใช่มีดเปล่าของเราหรือเปล่า ในตอนที่เราทำลายเผ่าบุดด้า เราจะเอามีดนั่นมา ด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายของเราและมีดเล่มนั้น การจะต่อสู้กับขั้นทรูก็อตก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป’


นกยูงพลูโตได้รับบาดเจ็บหนัก มันปลดปล่อยอาณาเขตยมโลกออกมาอีกครั้ง แต่เนื่องจากมันได้รับบาดเจ็บมากเกินไป พลังของอาณาเขตยมโลกจึงลดลงไปมาก เบิร์นนิ่งแลมป์ใช้มีดโจมตีซ้ำไปที่บาดแผลของคู่ต่อสู้ มันทำให้นกยูงพลูโตโกรธยิ่งกว่าเดิม แต่บาดแผลของมันเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆจนสุดท้ายมันก็ไม่มีทางเลือก นอกจากยอมแพ้และออกจากสนามประลองไป เบิร์นนิ่งแลมป์เป็นฝ่ายชนะการประลอง


หานเซิ่นครุ่นคิดเกี่ยวกับการต่อสู้ที่เพิ่งจะจบลงและเริ่มจะเข้าใจถึงการทำงานของมีดขึ้นมาบ้าง

“เบิร์นนิ่งแลมป์เป็นชายที่เล่ห์เหลี่ยมสูง มีดนั้นโจมตีกลับได้ทุกเมื่อ แต่เขารอคอยจนกระทั่งนกยูงพลูโตกลืนเขาเข้าไปก่อนที่จะโจมตี นั่นเป็นความอดทนที่ไม่ใช่ทุกคนจะมีได้”


มีดนั้นไม่ได้ดูดซับบาดแผลของเบิร์นนิ่งแลมป์ด้วยตัวของมันเอง มันจำเป็นต้องถูกเปิดใช้จากเบิร์นนิ่งแลมป์เพื่อที่พลังของมันจะเริ่มทำงาน หลังจากที่พลังเหตุถูกดูดซับเข้าไปหมดแล้ว ร่างกายของเบิร์นนิ่งแลมป์ก็จะกลับมาเป็นปกติอีกครั้งเหมือนกับว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่แรก


หลังจากนั้นมีดก็จะปลดปล่อยพลังเหตุที่ดูดซับมาออกไปเท่ากับความเสียหายที่เบิร์นนิ่งแลมป์ได้รับ


แต่พลังนั้นดูเหมือนจะมีข้อจำกัดอยู่ หนึ่งคือมันจำเป็นต้องใช้เวลาในการดูดซับพลัง ร่างกายของเบิร์นนิ่งแลมป์จำเป็นจะต้องได้รับบาดแผล พลังที่มีดจะปลดปล่อยกลับไปได้นั้นขึ้นอยู่กับบาดแผลที่เบิร์นนิ่งแลมป์ได้รับ นั่นเป็นเหตุผลที่เบิร์นนิ่งแลมป์ทนรับพลังอาณาเขตของนกยูงพลูโตและปล่อยให้ตัวเองถูกกลืนเข้าไป


หลังจากนั้นเบิร์นนิ่งแลมป์ก็ใช้มีดฟันใส่บาดแผลของนกยูงพลูโตซ้ำๆ แต่พลังของมันไม่ได้มากเหมือนกับครั้งแรก นั่นก็เพราะพลังเหตุที่มีดดูดซับเข้าไปนั้นน้อย มันจึงสร้างความเสียหายได้ไม่มาก เหมือนอย่างที่พระเจ้าพูด ยิ่งร่างกายของผู้ใช้ทนรับพลังได้มากเท่าไหร่ พลังที่มีดจะปลดปล่อยกลับไปได้ก็มากขึ้นเท่านั้น


“นี่มันมีดทรมานตัวเองชัดๆ ถ้าผู้ใช้ไม่ได้รับบาดเจ็บ มันก็จะไม่ทรงพลัง ยิ่งตัวเองได้รับบาดเจ็บมากเท่าไหร่ มันก็จะทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น นี่เบิร์นนิ่งแลมป์ไปได้มีดเล่มนี้มาจากไหนกัน?” หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะบ่น


ยังไงก็ตามเบิร์นนิ่งแลมป์สามารถเอาชนะการประลองและสามารถรักษาอันดับที่แปดสิบสี่เอาไว้ได้ อันดับที่แปดสิบสี่นั้นไม่ใช่อันดับที่คนอื่นต้องการจะแย่งชิง และหลังจากที่เห็นเบิร์นนิ่งแลมป์ถูกกลืนเข้าไปโดยคู่ต่อสู้ แต่ก็สามารถรอดชีวิตกลับออกมาได้ มันก็ทำให้สิ่งมีชีวิตที่มีอันดับต่ำๆไม่กล้าจะท้าสู้กับเขา หลังจากการต่อสู้นี้ มันจึงไม่มีใครมาท้าสู่กับเบิร์นนิ่งแลมป์อีก


“ช่างเถอะ ในตอนนี้ปล่อยให้เขามีความสุขไปก่อน”

หานเซิ่นเองก็ไม่อยากจะท้าสู่กับเบิร์นนิ่งแลมป์เช่นกัน อันดับที่แปดสิบสี่นั้นต่ำเกินไป หานเซิ่นมีโอกาสไม่มากนักที่จะเอาชนะคนที่อยู่ในสิบอันดับแรก แต่ถ้าเขาท้าชิงคนที่อยู่ท็อปยี่สิบหรือสามสิบล่ะก็ เขาก็พอจะมีโอกาสอยู่ ซึ่งถ้าเขาทำได้สำเร็จ เขาก็จะได้รับรางวัลมากมาย นั่นทำให้หานเซิ่นไม่อยากจะเสียเวลาไปท้าชิงเบิร์นนิ่งแลมป์ที่อยู่อันดับที่แปดสิบสี่ แถมยังไงซะหานเซิ่นก็มีแผนจะไปเยือนเผ่าบุดด้าอยู่แล้ว ยิ่งเบิร์นนิ่งแลมป์ได้รับผลประโยชน์ในตอนนี้มากเท่าไหร่ หานเซิ่นก็จะได้รับผลประโยชน์มากเท่านั้นในตอนที่เขาไปเยี่ยมเยียน ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องไปชิงอันดับของเบิร์นนิ่งแลมป์ในตอนนี้ ในมุมมองของหานเซิ่น เบิร์นนิ่งแลมป์ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากลูกจ้างของเขา


‘ถ้าอย่างนั้นเราควรจะท้าใครดี?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ถึงแม้หานเซิ่นอยากจะท้าสู่กับเดม่อนอัลฟ่า แต่เขาก็รู้ว่าถึงจะใช้พลังทั้งหมดของตัวเอง เขาก็อาจจะเอาชนะเดม่อนอัลฟ่าไม่ได้ เขาจึงรีบล้มเลิกความคิดนั้นไป ส่วนโหลวเลี่ยเป็นสมาชิกของพยุหะโลหิต พยุหะโลหิตนั้นเคยช่วยหานเซิ่นเอาไว้ ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่อยากจะต่อสู้กับพวกเขาเช่นกัน ส่วนผู้นำเผ่าเวรี่ไฮนั้นนอกซะจากเขาจะใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด เขาก็ไม่มีความสามารถพอที่จะเอาชนะอีกฝ่ายได้ เขาจึงล้มเลิกความคิดนั้นไปเช่นกัน


หานเซิ่นมองไปที่สิบอันดับแรกและสังเกตเห็นว่ามันไม่มีอันดับไหนเลยที่จะเป็นการต่อสู้ที่ดี หานเซิ่นยังใช้ดวงตาแห่งกฎเพื่อดูบาปของพวกเขาแต่ละคน แต่บาปของพวกเขาไม่สูงพอที่จะตัดสินโทษตายได้


ด้วยเหตุนั้นการใช้ดวงตาแห่งกฎกับพวกเขาจึงไม่ใช่วิธีการที่มีประสิทธิภาพ


หานเซิ่นมองลงมาเรื่อยๆ และในที่สุดสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ซีโน่เจเนอิคที่อยู่อันดับที่ยี่สิบห้า มันเป็นซีโน่เจเนอิคที่ดูเหมือนกับช้าง มันมีชื่อว่าเทพช้างมาฮา แต่พลังหลักของมันคือแสงศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังในการรักษา


หานเซิ่นเคยเห็นเอ็กซ์ตรีมคิงคนหนึ่งท้าสู้กับมัน เขาใช้วิชาจีโนทุกอย่างเพื่อโจมตีเทพช้างมาฮา แต่เทพช้างนั้นแค่ยืนอยู่เฉยๆ มันแค่ปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาและภายในแสงศักดิ์สิทธิ์นั่นร่างกายของมันก็ถูกรักษารวดเร็วกว่าที่มันถูกทำร้าย ที่สุดแล้วนักสู้จากเอ็กซ์ตรีมคิงคนนั้นก็เหนื่อยจนสู้ต่อไปไม่ไหวและขอยอมแพ้ไป


ด้วยพลังในการรักษาที่สุดยอดขนาดนั้น แม้แต่ขั้นทรูก็อตก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ แต่มันเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบสำหรับหานเซิ่น เขามีหอกสกายไวน์แรดิชก็อตอยู่ พลังของมันถือเป็นที่สุด มีโอกาสสูงที่มันจะชนะพลังในการรักษาของเทพช้างมาฮา


แต่หานเซิ่นไม่รีบร้อน มันยังเหลือเวลาอีกหลายวัน ก่อนที่การท้าชิงจะจบลง หานเซิ่นมีแผนจะนั่งดูจนถึงวินาทีสุดท้าย


ทันใดนั้นก็มีแสงกระพริบขึ้นมาจากบัญชีรายชื่อเทพเจีโน และมีชื่อของคนสองคนปรากฏขึ้นมาให้เห็น เมื่อหานเซิ่นมองไปที่รายชื่อ เขาก็เห็นว่าหนึ่งในนั้นคือจางเสวียนเต้าที่เป็นผู้นำปราสาทนภา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)