Super God Gene 2846-2860

 ตอนที่ 2846 โกลเด้นโกรวเลอร์


ในที่สุดการต่อสู้นัดที่สี่ก็เริ่มต้นขึ้น “มันจะใช่โกลเด้นโกรวเลอร์ของเราไหมนะ”

หานเซิ่นจ้องมองขึ้นไปที่สนามประลองอวกาศและรอคอยให้โกดเด้นโกรวเลอร์ปรากฏตัวออกมา


ถ้านั่นคือโกลเด้นโกรวเวอร์จริงๆ หานเซิ่นก็รู้สึกกังวลเกี่ยวกับคู่ต่อสู้ของมัน


ถึงแม้มันจะประกอบไปด้วยคำสามคำ แต่ทุกคนก็รู้ในทันทีว่าชื่อแอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตนั้นมาจากเผ่าพันธุ์ไหน มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวมากๆ


แอนท์เชี่ยนก็อตเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีสมาชิกอยู่น้อยที่สุดในบรรดาสามเผ่าพันธุ์สูงสุด พวกเขามีจำนวนไม่มาก และมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเพิ่มจำนวนขึ้น หลังจากรุ่นหนึ่งของแอนทเชี่ยนก็อตตายไป อีกรุ่นหนึ่งถึงจะเกิดขึ้นมาแทนที่ นั่นเป็นกรณีเดียวของการถือกำเนิดของพวกเขา


ร่างกายของหานเซิ่นมีแอนท์เชี่ยนก็อตออริจินของแอนท์เชี่ยนวอเทอร์ก็อตอยู่ ในอนาคตมันอาจจะกลายเป็นแอนท์เชี่ยนวอเทอร์ก็อตคนใหม่


ในอดีตหานเซิ่นได้เห็นแอนท์เชี่ยนวอเทอร์ก็อตพยายามจะฝ่าประตูของจีโนฮอลล์เข้าไป เขาคิดว่าแอนท์เชี่ยนวอเทอร์ก็อตเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมากๆ แต่ในตอนนั้นเขาไม่อาจจะหยั่งถึงระดับพลังของแอนท์เชี่ยนวอเทอร์ก็อตได้ แต่ตอนนี้เมื่อเขาลองมาคิดเกี่ยวกับมัน มันก็มีโอกาศสูงที่สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวนั้นจะเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต


แอนท์เชี่ยนก็อตเป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด มันจึงไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไรที่สิ่งมีชีวิตของเผ่าแอนท์เชี่ยนก็อตจะกลายเป็นขั้นทรูก็อต ถ้าโกลเด้นโกรวเลอร์เป็นโกลด้นโกรวเลอร์ของหานเซิ่นจริงๆ การเผชิญหน้ากับแอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับมัน


ท้องฟ้าส่องสว่างขึ้นมาด้วยสายฟ้าขณะที่แอนท์เชี่ยนก็อตยักษ์ปรากฏตัวในสนามประลอง มันเหมือนกับแอนท์เชี่ยนวอเทอร์ก็อต แอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตเป็นสิ่งมีชีวิตที่ก่อตัวขึ้นมาจากพลังงานล้วนๆ ร่างกายทั้งร่างของแอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตประกอบขึ้นมาจากสายฟ้าทั้งหมด มันเหมือนกับการการปรากฏตัวของแอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตนำพามาซึ่งพายุฝนฟ้าคะนอง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยสายฟ้าเหมือนกับมันเชื่อมต่อกับแอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อต


บอกตามตรงเมื่อดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว แอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตดูเหมือนกับเทพสปิริตยิ่งกว่าเทพสปิริตอย่างราชาจุนและคนอื่นซะอีก


เพียงแค่ได้เห็นแอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อต หานเซิ่นก็รู้สึกใจคอไม่ค่อยดีและเริ่มหวังว่าโกลเด้นโกรวเลอร์นั่นจะไม่ใช่โกลเด้นโกรวเลอร์ของเขา เพราะไม่ว่าเขาจะดูมันยังไง แอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตก็เป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตที่อยู่บนจุดสูงสุดของพีระมิด


ไม่นานหลังจากนั้นเงาของอีกสิ่งมีชีวิตหนึ่งก็เข้ามาในสนามประลองอวกาศ ร่างกายของมันไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก มันมีความสูงราวๆสามฟุตเท่านั้น ร่างกายของมันราวกับว่าทำขึ้นมาจากทองคำ บางส่วนของมันเหมือนกับสิงโตและกิเลน บนหัวของมันมีเขาสีทองเขาหนึ่งอยู่ และขนของมันก็ดูเหมือนกับทำขึ้นมาจากทองคำ


“ใช่โกลเด้นโกรวเลอร์จริงๆ!” หานเซิ่นตื่นเต้นและดีใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น เขามีความสุขที่ได้เห็นโกลเด้นโกรวเลอร์อีกครั้ง แต่เขายังกังวลใจที่คู่ต่อสู้ของโกลเด้นโกรวเลอร์นั้นคือแอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อต เขาคิดว่าโกลเด้นโกรวเลอร์คงจะยอมแพ้


“คาดไม่ถึงเลยว่าสายเลือดของโกรวเลอร์จะยังมีอยู่ในจักรวาลนี้ด้วย แต่เลือดของมันดูเหมือนจะไม่บริสุทธิ์” พระเจ้ามองไปที่โกลเด้นโกรวเลอร์ด้วยความสนใจ


ในตอนที่โกลเด้นโกรวเลอร์ถูกลักพาตัวไป หานเซิ่นก็ได้รู้ว่าโกลเด้นโกรวเลอร์มีสายเลือดที่พิเศษ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ เขาแค่หวังว่าโกลเด้นโกรวเลอร์จะปลอดภัย เพราะยังไงซะคู่ต่อสู้ของมันก็เป็นถึงแอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อต


ในจักรวาลนี้มีสิ่งมีชีวิตไม่มากนักที่จะจดจำสายเลือดของโกลเด้นโกรวเลอร์ได้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะรอบรู้เหมือนอย่างพระเจ้า แถมโกลเด้นโกรวเลอร์ยังมีสายเลือดที่ไม่บริสุทธิ์ มันจึงดูแตกต่างไปจากโกรวเลอร์ในอดีต ผู้คนที่จะจำสายเลือดของโกลเด้นโกรวเลอร์ได้นั้นมีเฉพาะคนที่อยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ในยุคสมัยนี้มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าโกรวเลอร์นั้นมีหน้าตาเป็นยังไง


แอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตไม่มีอารมณ์ที่จะมาหาว่าโกลเด้นโกรวเลอร์นั้นมาจากที่ไหนกันแน่ เสียงของเขาเป็นเหมือนกับฟ้าร้องที่ดังก้องไปทั่วอวกาศ

“ถ้าเจ้ายอมแพ้ซะตอนนี้ เจ้าจะได้มีชีวิตต่อไป”


โกลเด้นโกรวเลอร์มองไปที่แอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตด้วยดวงตาที่เหมือนกับกระจกสีทอง มันไม่ได้พูดอะไร


แอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น ดวงตาของเขาปล่อยพลังสายฟ้าออกมา พวกมันกลายเป็นลำแสงเลเซอร์สายฟ้าที่พุ่งตรงไปหาโกลเด้นโกรวเลอร์ พลังของมันมากพอที่จะระเบิดดวงดาวขนาดยักษ์ดวงหนึ่งได้อย่างสบายๆ


“มันเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อตจริงๆด้วย!” ในตอนที่หานเซิ่นเห็นแสงแห่งเทพสายฟ้าที่น่ากลัว เขาก็รู้สึกกังวลยิ่งกว่าเดิม


“แอนท์เชี่ยนก็อตเป็นที่รักของจักรวาล พวกเขาเป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด โอกาสที่จะได้กลายเป็นขั้นทรูก็อตของพวกเขาจึงสูงที่สุดในบรรดาเผ่าพันธุ์สูงสุดทั้งสาม มันน่าเสียที่พวกเขาเพิ่มจำนวนขึ้นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นทั้งจักรวาลก็คงจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย” เดียร็อบเบอร์อดไม่ได้ที่จะกล่าวชมเชย


ขณะที่เขาพูด พลังสายฟ้าพุ่งไปถึงใบหน้าของโกลเด้นโกรวเลอร์ ทันใดนั้นโกลเด้นโกรวเลอร์ก็อ้าปากของมันขึ้น


ร่างกายของโกลเด้นโกรวเลอร์สูงเพียงแค่สามฟุตเท่านั้น แต่หัวของมันมีขนาดใหญ่เหมือนกับสิงโตตัวผู้ ส่วนแอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตนั้นเป็นเหมือนกับยักษ์สายฟ้าที่สูงสามร้อยฟุต ขนาดของทั้งสองฝ่ายไม่ได้ใกล้เคียงกันเลยแม้แต่นิดเดียว


ในตอนที่โกลเด้นโกรวเลอร์อ้าปากของมัน ปากของมันก็ดูใหญ่ขึ้นราวกับว่ามันสามารถเกินกินทั้งท้องฟ้าและผืนดินเข้าไปได้ สายฟ้าที่น่ากลัวนั้นพุ่งเข้าไปในปากของมันและมันไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อโกลเด้นโกรวเลอร์เลยแม้แต่น้อย ไม่เพียงแค่นั้นแอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตยังถูกโกลเด้นโกรวเลอร์กินเข้าไป


ทั้งจักรวาลเงียบสงัดไป แม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าที่น่ากลัวที่สุดก็ยังอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก


โกลเด้นโกรวเลอร์ดูอิ่มหนำ มันอ้าปากขึ้นและเรอออกมาก่อนที่จะหันหลังกลับและเดินส่ายหางออกจากสนามประลองไป


“มันจบแล้วอย่างนั้นหรอ?


“นี่มันเพิ่งจะเกิดอะไรขึ้น? นี่แอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตถูกอสูรสีทองตัวน้อยนั้นกินเข้าไปอย่างนั้นหรอ?”


“ข้าคิดว่านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น มันเพิ่งจะเรอออกมา”


“ไม่มีทาง… นั่นคือแอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อต… เผ่าแอนท์เชี่ยนก็อตนั้นทรงพลัง… แบบนั้นเขาจะถูกกินเข้าไปง่ายๆได้ยังไง… แอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตจะต้องยังไม่ตาย… เขาจะต้องต่อสู้เพื่อพาตัวออกออกมาจากกระเพาะของอสูรสีทองตัวน้อยนั่น…”


“ต่อสู้พาตัวเองออกมาบ้าอะไร! เจ้าไม่เห็นบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนอย่างนั้นหรอ? เจ้าไม่เห็นหรือว่าโกลเด้นโกรวเลอร์ได้เลื่อนไปสู่รอบต่อไปน่ะ?”


“โอ้มายก็อด! นั่นเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนกันแน่? ทำไมมันถึงได้ทรงพลังขนาดนั้น?”


ทุกคนในจักรวาลตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าแอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตที่ทรงพลังจะถูกกินเข้าไปโดยอสูรสีทองตัวเล็กที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนตัวหนึ่ง


สิ่งมีชีวิตธรรมดาๆนั้นตกใจกับความน่ากลัวของโกลเด้นโกรวเลอร์ ขณะที่ยอดฝีมือหลายคนมีสีหน้าแปลกๆ


“มันกินแอนท์เชี่ยนก็อตเข้าไป ดูเหมือนว่าสายเลือดของโกรวเลอร์จะยังคงมีอยู่ในจักรวาลนี้” ใบหน้าของราชาไป๋ดูจริงจังอย่างที่สุด


“นี่สายเลือดของโกรวเลอร์ยังคงเหลืออยู่ในจักรวาลนี้อย่างนั้นหรอ?” อีแร้งแก่รู้สึกตกใจ


“สายเลือดของโกรวเลอร์ยังคงอยู่ ดูเหมือนว่าจักรวาลนี้จะตกในความโกลาหลอีกครั้งหนึ่ง”

บนชั้นสูงสุดของหอคอยในเอาท์เตอร์สกาย ชายแก่คนหนึ่งลืมตาขึ้นมาและมองไปที่สนามประลองอวกาศในบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน


“ฮ่า! ฮ่า! ทั้งจักรวาลจะต้องสั่นกลัวหลังจากที่ได้เห็นพลังของผู้นำเมาท์เทน!”

อสูรขนสีเขียวพูดออกมาด้วยความดีใจ ราวกับว่ามันเป็นผู้ชนะการประลองและกลืนแอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตเข้าไปด้วยตัวมันเอง “โกรวเลอร์และเอมตี้เมาท์เทนนั้นจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง”


หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ แต่เขาไม่ได้สนใจว่าโกลเด้นโกรวเลอร์นั้นแข็งแกร่งขึ้นถึงขนาดนั้นได้ยังไง เขารู้สึกดีใจกับมัน


‘โกลเด้นโกรวเลอร์แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากในเวลาอันสั้น เราเองก็ควรจะพยายามให้มากขึ้น’

หานเซิ่นหยิบเนื้อของนกขนกดำขึ้นมาใส่เข้าปากและเร่งความเร็วในการย่อยด้วยวิชาคอนซูม


“ยีนระดับเทพเจ้า+1” เสียงประกาศดังขึ้นในจิตใจของเขา


“โกรวเลอร์เลือดผสมตัวนี้ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าโกรวเลอร์เลือดบริสุทธิ์ บางทีมันอาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ นั่นเป็นอะไรที่แปลกจริงๆ” พระเจ้ามองไปที่โกลเด้นโกรวเลอร์ด้วยความสนใจ


ผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้ทำให้ทั้งจักรวาลตกตะลึง และมันเป็นการประกาศการกลับมาของโกรวเลอร์และเอมตี้เมาท์เทน



 

 

 


ตอนที่ 2847

 

หานเซิ่นไม่ได้ดูการต่อสู้นัดต่อไป เขาจำเป็นต้องรีบเพิ่มยีนระดับเทพเจ้าให้เร็วที่สุดเพื่อกลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลาย ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่มีโอกาสชนะสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าขั้นสูง


หานเซิ่นกลับไปที่ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ ก่อนที่การต่อสู้นัดต่อไปของเขาจะมาถึง เขาหวังจะเลื่อนสู่ขั้นบัตเตอร์ฟลายซะก่อน


แต่ความคืบหน้าในการเพิ่มยีนระดับเทพเจ้านั้นไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นมากนัก นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาเป็นขั้นลาร์วาเรียบร้อยแล้ว ถึงเขาจะกินยีนของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นต่ำเข้าไปเป็นจำนวนมาก มันก็จะไม่เพิ่มยีนระดับเทพเจ้าของเขามากนัก เขาจำเป็นต้องกินยีนของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วาเป็นอย่างน้อย ถ้าเขาต้องการจะได้รับยีนระดับเทพเจ้าทีละเยอะๆ


แน่นอนว่ามันจะเป็นอะไรที่ดียิ่งกว่า ถ้าเขาได้ยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลายมา เขาจะได้รับยีนระดับเทพเจ้าจำนวนมากจากพวกมัน แต่ซีโน่เจเนอิคในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ส่วนใหญ่นั้นเป็นขั้นพริมิทีฟ ส่วนซีโน่เจเนอิคอย่างไทม์โกสต์นั้นถึงแม้มันจะถูกล่ามเอาไว้ มันก็ไม่ใช่ซีโน่เจเนอิคที่หานเซิ่นจะฆ่าได้อยู่ดี ด้วยเหตุนั้นความคืบหน้าในการเพิ่มยีนระดับเทพเจ้าเพิ่มจึงช้าเหมือนกับหอยทาก


โชคดีที่ระยะเวลาในการต่อสู้แต่ละนัดนั้นค่อนข้างนาน และคู่ต่อสู้คนต่อไปของหานเซิ่นก็เป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่นเท่านั้น ซึ่งหานเซิ่นสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย


ในการประลองรอบที่สาม คู่ต่อสู้นั้นเป็นขั้นลาร์วาเหมือนกัน มันเป็นซีโน่เจเนอิคที่ดูเหมือนกับมังกรยักษ์ แต่มันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะเป็นภัยต่อเขา หานเซิ่นต้องการจะฆ่ามัน แต่ทว่าในจังหวะที่เจ้าซีโน่เจเนอิครู้ตัวว่าไม่สามารถสู้ได้ มันก็รีบยอมแพ้และหนีออกจากสนามประลองไป


หานเซิ่นเอาชนะการต่อสู้สามครั้งติดต่อกัน และชื่อเสียงของดอลลาร์ก็เป็นที่รู้จักกันไปทั่วทั้งจักรวาล


น่าเสียดายที่หานเซิ่นโฟกัสเวลาทั้งหมดไปกับการเพิ่มยีนระดับเทพเจ้า ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ได้รู้ว่าชื่อที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุดนั้นไม่ใช่ชื่อดอลลาร์ แต่เป็นชื่อหานเซิ่นและสเปชการ์เด้น


สเปชการ์เด้นไม่เคยมีระดับเทพเจ้ามาก่อน แต่แล้วพวกเขากลับส่งระดับเทพเจ้าถึงเจ็ดคนเข้าร่วมการประลอง ถึงแม้พวกเขาทุกคนจะเป็นแค่ขั้นพริมิทีฟ แต่ความสามารถของพวกเขาก็ถือว่าเป็นอะไรที่พิเศษ


ในพวกเขาทั้งเจ็ดคนมีแค่หนึ่งคนที่โชคร้ายต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่เป็นถึงซีโน่เจเนอิคขั้นบัตเตอร์ฟลายและตกรอบไป อีกหกคนที่เหลือสามารถผ่านถึงรอบที่สามได้สำเร็จ


แน่นอนว่าโชคนั้นเกี่ยวข้องกับการที่พวกเขาผ่านมาถึงรอบที่สามได้ เพราะยังไงซะพวกเขาทุกคนก็เป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟเท่านั้น ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้พบกับศัตรูที่แข็งแกร่งมากนักในสองรอบแรก แต่ความสามารถที่พวกเขาแสดงออกมาก็เป็นอะไรที่น่าตกใจอยู่ดี


พวกเขาทุกคนนั้นล้วนแต่เป็นคนที่เก่งกาจที่สุดในบรรดาระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ พวกเขาทุกคนนั้นแข็งแกร่งมากๆ


ทุกคนเชื่อว่านั่นเป็นเพราะการอวยพรของหานเซิ่น ด้วยเหตุนั้นสเปชการ์เด้นและหานเซิ่นจึงกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในจักรวาล


“ก็อดฟาเธอร์หานสุดยอดที่สุด ทั้งแฟรี่แห่งดาบ ควีนและดราก้อนเลดี้เชฟล้วนแต่แข็งแกร่งกว่าคนอื่น ข้าอยากจะไปที่สเปชการ์เด้นบ้างจัง ไม่รู้ว่าก็อดฟาเธอร์หานจะยินดีอวยพรให้กับข้าไหมนะ แบบนั้นข้าก็จะได้เข้าร่วมการประลองแบบนี้บ้าง”


“ข้าคิดว่าสาวน้อยในชุดม่วงจากเผ่าเดม่อนและสาวน้อยจากเผ่าเฟเธอร์นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าซะอีก”


“ไม่คาดคิดเลยว่าอาจารย์เซี่ยจะเป็นส่วนหนึ่งของสเปชการ์เด้นและกลายเป็นระดับเทพเจ้าด้วยเช่นกัน แต่มันน่าเสียดายที่ดวงของอาจารย์เซี่ยไม่ดีนัก เขาต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่เป็นถึงขั้นบัตเตอร์ฟลาย ด้วยเหตุนั้นเขาจึงต้องยอมแพ้”


“ฮ่า! ฮ่า! สเปชการ์เด้นส่งระดับเทพเจ้าเข้าร่วมเจ็ดคน มีเพียงแค่อาจารย์เซี่ยที่โชคร้ายตกรอบไป แม้แต่หวังอวี่ฮังที่อ่อนแอ่ที่สุดในหมู่พวกเขายังผ่านมาถึงรอบที่สามได้ เขาโชคดีมากๆที่คู่ต่อสู่สองคนแรกที่เขาเจอนั้นเป็นแค่ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟที่อ่อนแอ”


“น่าเสียดายที่ก็อดฟาเธอร์หานไม่ได้เข้าร่วมการประลอง ถ้าเขาเข้าร่วมด้วยอีกคน มันก็คงจะเป็นอะไรที่น่าสนใจยิ่งกว่าเดิม”


“นี่ก็อดฟาเธอร์หานจำเป็นต้องเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยหรือยังไง? เขาทำให้ใครคนไหนเป็นระดับเทพเจ้าก็ได้ตามใจชอบ แบบนั้นมันจะมีความจำเป็นอะไรที่เขาต้องต่อสู้ด้วยตัวเองอีก? เขาจะได้รับทรัพย์สินเงินทองมากมายแค่นั่งอยู่ที่บ้านเฉยๆ”


“พวกเราต้องทำยังไงก็อตฟาเธอร์หานถึงจะอวยพรให้กับพวกเราบ้าง? ถ้าเขายอมอวยพรให้กับข้า ข้ายินดีจะจ่ายทุกอย่าง”


“เจ้าอย่าได้คิดเกี่ยวกับมันเลย ตอนนี้เผ่าพันธุ์ที่ใหญ่โตทุกเผ่าต่างก็ต้องการตัวหานเซิ่น เขาทำให้คนอื่นกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้ตามใจชอบ แม้แต่สามเผ่าพันธุ์สูงสุดก็ต้องอิจฉาในสิ่งที่เขาทำได้”


“ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานก่อนที่สเปชการ์เด้นจะกลายเป็นใหญ่ในจักรวาลแห่งนี้ ข้าคิดว่าพวกเราควรจะรีบไปสวามิภักดิ์ต่อพวกเขา ถ้าสเปชการ์เด้นเป็นใหญ่ขึ้นมาจริงๆ พวกเราก็จะเป็นคนแรกๆที่ได้การรับสนับสนุนจากพวกเขา”


“ที่เจ้าพูดมามันก็มีเหตุผล ถ้าพวกเราโชคดีและได้ช่วยเหลือพวกเขาในทางใดทางหนึ่ง พวกเราก็อาจจะขอให้ก็อดฟาเธอร์หานช่วยอวยพรให้กับพวกเราได้ ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราก็จะได้กลายเป็นระดับเทพเจ้าด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นข้าควรจะเรียกตัวเองว่าอะไรดี? สเปชการ์เด้น… โคว์ก็อต! พวกเจ้าคิดยังไงกับชื่อนั้น?”


สิ่งมีชีวิตธรรมดามากมายพูดถึงกันแต่เรื่องนี้ พวกเขาหลายคนต้องการจะเป็นพันธมิตรกับสเปชการ์เด้น แต่สเปชการ์เด้นนั้นตัดขาดจากโลกภายนอก ดังนั้นมันไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนที่สามารถเข้าร่วมได้


เมื่อเห็นว่าหานเซิ่นนำระดับเทพเจ้าที่น่ากลัวหลายคนเข้ามาอยู่ด้วย เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตก็รู้สึกสองจิตสองใจกับเรื่องนี้


ในทางหนึ่งยอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่มาอยู่ด้วยจะรับประกันความปลอดภัยของสเปชการ์เด้น และพวกเขายังสามารถล่าพืชซีโน่เจเนอิคสำหรับการนำมาทำจีโนฟลูอิด


แต่การมีระดับเทพเจ้าหลายคนมาอยู่ที่นี่ด้วยก็ยังทำให้เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตเป็นกังวล พวกเขากลัวว่าด้วยการที่ยีนของพวกเขาด้อยกว่ามาก พวกเขาก็อาจจะถูกทอดทิ้งโดยหานเซิ่นและคนอื่น


ลึกๆแล้วพวกเขาหวังว่าสักวันหนึ่งหานเซิ่นจะอวยพรให้เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตได้มีโอกาสกลายเป็นระดับเทพเจ้ากับเขาบ้าง


เผ่าพันธุ์ต่างๆที่มีกองกำลังพอจะจับตัวหานเซิ่นนั้นต่างก็พยายามจะหาหนทางเข้าไปในสเปชการ์เด้น


พวกเขาสนใจในทรัพยากรที่มีอยู่ในสเปชการ์เด้นด้วยเช่นกัน แต่เป้าหมายหลักของพวกเขาก็คือหานเซิ่น ถ้าให้เลือกระหว่างหานเซิ่นกับสเปชการ์เด้น พวกเขาก็จะเลือกหานเซิ่นอย่างไม่ลังเล


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเผ่าเวรี่ไฮ พวกเขาอยากจะได้ตัวหานเซิ่นกลับไป หนึ่งคือพวกเขานั้นหวาดว่าคำสาปที่ติดตัวหานเซิ่นจะกลายเป็นจริงขึ้นมา อีกหนึ่งเป็นเพราะความสามารถที่คนของสเปชการ์เด้นแสดงออกมาในการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนเป็นที่น่าตกใจอย่างมาก ยิ่งหานเซิ่นแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ พวกเขาก็รู้สึกไม่ดีขึ้นเท่านั้น


สิ่งมีชีวิตมากมายในจักรวาลจีโนกำลังตามหาโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเขาเป็นคนเดียวที่สามารถเข้าไปในสเปชการ์เด้นได้โดยไม่ได้รับอนุญาต แม้แต่ทางเผ่าโจรสลัดเองก็กำลังหาตัวเขาเช่นเดียวกัน มันดูเหมือนว่าโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์นั้นจะหายสาบสูญไปจริงๆ


ทางด้านโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์นั้นกำลังรู้สึกเศร้าใจมากๆ เขาเคยพยายามที่จะแอบเข้าไปข้างในเพื่อช่วยหานเซิ่นออกมาจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงตามที่สัญญาเอาไว้ แต่หลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง เขาก็ยังทำไม่สำเร็จ สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้


และทันทีที่การประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนเริ่มต้นขึ้น สเปชการ์เด้นก็กลายเป็นที่หมายตาของใครหลายๆคน ซึ่งทำให้ตัวโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์เองก็กลายเป็นเป้าหมายของทุกฝ่ายในจักรวาลไปด้วย


โชคดีที่โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์นั้นเก่งเรื่องการหนีเอาตัวรอด ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะถูกจับตัวไปเรียบร้อยแล้ว


ถึงแม้ชื่อของเขาจะมีคำว่า “ศักดิ์สิทธิ์” อยู่ แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับเขา เขาก็เป็นแค่หัวขโมยคนหนึ่งในจักรวาลนี้ ถึงจักรวาลนี้จะกว้างใหญ่ มันก็ไม่มีที่ไหนให้เขาหนีไปพึ่งพา แม้แต่เอาท์เตอร์สกายของเผ่าเวรี่ไฮก็เป็นสถานที่ที่เขาเคยแอบเข้าไปและขโมยของออกมา เพราะยังไงซะนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขากลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงในจักรวาล


คนนอกนั้นไม่ได้รู้ว่าถึงเขาจะขโมยของของเผ่าเวรี่ไฮออกมา แต่เขาก็รีบเอามันกลับไปคืนให้กับเผ่าเวรี่ไฮในทันทีที่เผ่าเวรี่ไฮเริ่มตามหาตัวเขา ไม่อย่างนั้นล่ะก็เผ่าเวรี่ไฮก็คงจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ


ส่วนในเรื่องการต่อสู้นั้น โจรสลักศักดิ์สิทธิ์ไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถเผชิญหน้ากับยอดฝีมือของเผ่าเวรี่ไฮหรือเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจำเป็นต้องซ่อนตัว เขาตัดสินใจที่ไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงและพยายามเอาตัวหานเซิ่นออกมาอีกครั้ง ด้วยการที่มีหานเซิ่นอยู่ เขาจะสามารถควบคุมสเปชการ์เด้นที่เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับรังโจร


โจรสลักศักดิ์สิทธิ์สามารถผ่านระบบป้องกันมากมายของเอ็กซ์ตรีมคิงเข้าไปได้ และในที่สุดเขาก็ไปถึงสวนของพระราชวังที่ที่หานเซิ่นอยู่อาศัย


โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์รู้ว่ามันมีชายที่ชื่อโฮลี่เบบี้อาศัยอยู่ที่นั่น เขาเป็นลูกศิษย์ของราชาไป๋ แต่ในตอนที่โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในสวน เขาไม่เห็นหานเซิ่น เขาเห็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังมองดูการต่อสู้ในบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนอย่างเงียบๆ

 

 

 


ตอนที่ 2848

 

โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ไม่เห็นหานเซิ่น ดังนั้นเขาจึงคิดจะกลับออกไป แต่ทันใดนั้นเด็กสาวก็หันมามองในทิศทางของเขา ซึ่งทำให้โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ตัวแข็งไป


เขานั้นเก่งมากๆในเรื่องการซ่อนออร่าของตัวเอง แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตก็อาจจะไม่สัมผัสถึงเขาได้ แต่ด้วยเหตุบางอย่างเด็กสาวตัวเล็กๆคนหนึ่งกลับสามารถสัมผัสถึงเขาได้


“มันจะต้องเป็นแค่เรื่องบังเอิญ” โจรสลัดมองเด็กผู้หญิงและสังเกตว่าเธอเป็นเผ่านภา ร่างกายของเธอดูค่อนข้างอ่อนแอ เธอดูเหมือนจะไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้า ซึ่งทำให้เขารู้สึกเบาใจขึ้นมา เขารู้จักยอดฝีมือส่วนใหญ่ในปราสาทนภา ดังนั้นมันเป็นอะไรที่แปลกที่เขาไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่


โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์เทเลพอร์ตไปตรงหน้าเด็กผู้หญิง เขาชักมีดออกมาและจี้ไปที่คอของเธอ

“อย่าส่งเสียงร้อง ถ้าเจ้าร้อง ข้าจะฆ่าเจ้า”


ถ้าหานเซิ่นอยู่ที่นี่ด้วย เขาจะไว้อาลัยให้กับความผิดพลาดใหญ่หลวงของโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลาสามวินาที โดยที่ไม่รู้ตัวโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ได้พยายามข่มขู่พระเจ้า มันมีสิ่งมีชีวิตในจักรวาลนี้ไม่มากนักที่จะกล้าทำอะไรแบบนั้น


พระเจ้ากระพริบตาปริบๆขณะที่มองไปที่โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์และถาม

“เจ้าต้องการอะไร?”


“เจ้าแค่ต้องบอกข้ามาว่าโฮลี่เบบี้อยู่ที่ไหน และข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ไม่อย่างนั้นล่ะก็…ฮ่าๆ…” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์หัวเราะอย่างชั่วร้าย มีดในมือของเขายังคงจี้ไปที่คอของพระเจ้า


“เจ้าอยากรู้จริงๆหรือว่าเขาอยู่ที่ไหน?” พระเจ้าถาม


“เจ้าควรรีบบอกข้ามาตามตรง” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์พูด “มันจะดีต่อพวกเราทั้งสองฝ่าย”


พระเจ้าถามอีกครั้ง “นั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องการจริงๆอย่างนั้นหรอ?”


“เลิกตอบคำถามด้วยคำถาม? ข้าเป็นคนถามเจ้า ดังนั้นเจ้าควรจะรีบตอบมาโดยเร็ว ถ้าเจ้ายังพูดจาไร้สาระ ข้าจะตัดลิ้นของเจ้า”

โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ถามอย่างรำคาญ มันน่าเสียดายที่โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยคาดคิดว่าพระเจ้านั้นจะมาอยู่ในสวนส่วนตัวของหานเซิ่น


พระเจ้ายิ้มและพูด “เขาอยู่ในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์”


โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์คิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้แปลกๆ ถึงแม้สถานการณ์จะแบบนี้ แต่เธอก็ยังคงยิ้มออกมา ความเยือกเย็นของเธอนั้นไม่ใช่สิ่งที่สิ่งมีชีวิตอื่นจะมีได้ในเวลาแบบนี้


แต่ชีวิตของเด็กสาวอยู่ในกำมือของเขาเรียบร้อยแล้ว ความทะนงตัวของโจรสลักศักดิ์สิทธิ์จึงกลืนกินสามัญสำนึกของเขา โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ถามขึ้นว่า

“เขากำลังทำอะไรอยู่ในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ และเขาจะกลับมาเมื่อไหร่?”


“เขาไปที่ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์เพื่อล่าซีโน่เจเนอิค เขาไปที่นั่นมาหลายวันแล้ว และข้าไม่รู้เลยว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ แต่ข้าคิดว่ามันอีกไม่นานนัก” ครั้งนี้พระเจ้าตอบโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ไปตรงๆ


ในตอนที่โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ได้ยินคำตอบ เขาก็ขมวดคิ้ว เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์มาก่อน ระบบป้องกันของที่นั่นแน่นหนาสุดๆ มันเป็นอะไรที่ยากลำบากสำหรับเขาที่จะเข้าไปข้างใน


ระบบป้องกันของปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์นั้นไม่สามารถหยุดเขาได้ถ้าเขาพยายามจริงๆ แต่มันมียอดฝีมือระดับเทพเจ้าคอยเฝ้าปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์อยู่ โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์รู้ตัวว่าการจะผ่านเข้าไปนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย


โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์มองไปที่พระเจ้าขณะที่ถามขึ้นว่า “ปกติแล้วมีคนอื่นมาที่นี่อีกไหม?”


“ในตอนที่โฮลี่เบบี้อยู่ที่นี่ สาวใช้คนหนึ่งจะมาสอนทำเนียมปฏิบัติให้กับเขาทุกๆวัน” พระเจ้าตอบ

“แต่หลังที่เขาไปที่ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ มันก็ไม่มีใครมาที่นี่”


โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ดีใจที่ได้ยินแบบนั้น “นั่นเป็นอะไรที่เยี่ยม ข้าจะรอให้เขากลับมา ข้าจะไม่ไปที่ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์”


เมื่อเห็นว่าเด็กสาวให้ความร่วมมือและไม่ส่งเสียงกรีดร้อง โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ก็ดึงมีดกลับ เขามองไปที่พระเจ้าที่ดูเหมือนกับเด็กสาวคนหนึ่งและพูด

“ตราบใดที่เจ้าฟังที่ข้าบอก ข้าจะไม่ทำร้ายอะไรเจ้า แต่ถ้าเจ้ากล้าทำอะไรแปลกๆ ก็อย่ามาโทษว่าข้าโหดร้ายกับเจ้า”


หลังจากนั้นโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ก็มองไปรอบๆและสังเกตเห็นว่ามันไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับสวนแห่งนี้ เด็กสาวนั้นหันกลับไปมองดูการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนต่อ แต่โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ไม่สนใจจะดูการประลอง เขานำเอากระดานหมากล้อมออกมาและถามเด็กสาว

“เจ้ารู้จักวิธีการเล่นหมากล้อมไหม?”


“ข้าก็พอรู้นิดหน่อย” พระเจ้าพูดด้วยรอยยิ้ม


“ดี ถ้าอย่างนั้นก็มาเล่นกับข้า” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์วางกระดานหมากล้อมลงขณะที่พูดกับพระเจ้า


“เอาสิ” พระเจ้ายิ้มยิ่งกว่าเดิม


ในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ หานเซิ่นถอนหายใจออกมาขณะที่คิดกับตัวเอง

‘ในที่สุดยีนระดับเทพเจ้าของเราก็ครบหนึ่งร้อยสักที แต่การประลองรอบที่สี่ของเรากำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เรายังไม่มีเวลาที่จะวิวัฒนาการไปสู่ขั้นบัตเตอร์ฟลาย’


หานเซิ่นออกมาจากปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์และมองขึ้นไปยังบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนในอวกาศ เขามองดูชื่อคู่ต่อสู้และถอนหายใจออกมา

“ไม่อยากจะสู้กับเธอเลยจริงๆ”


อี๋ซายังคงไม่รู้ว่าดอลลาร์นั้นคือหานเซิ่น เธอต้องการจะเอาชนะดอลลาร์และเอาฝักมีดของเธอกลับไปให้ได้ หานเซิ่นคิดว่าอี๋ซานั้นควรจะไม่มีโอกาสได้เจอกับดอลลาร์อีก แต่พวกเขากลับต้องมาเผชิญหน้ากันภายในการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนอย่างคาดไม่ถึง หานเซิ่นไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับเธอได้


หานเซิ่นจะไม่ประมาทอี๋ซา พรสวรรค์ของเธอนั้นสูงมากๆ และหลังจากที่เธอเข้าร่วมกับปราสาทนภา เธอก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้นำปราสาทนภา การที่เธอผ่านมาถึงการประลองรอบที่สี่ได้นั้นถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถของเธอ


หานเซิ่นมองไปที่บัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนและสังเกตเห็นว่าผู้คนจากสเปชการ์เด้นนั้นต่างก็พ่ายแพ้การประลองในรอบสาม แต่มันไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไร เพราะยังไงซะพวกเขาก็เป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟเท่านั้น การที่พวกเขาสามารถชนะการต่อสู้สองรอบแรกได้นั้นถือว่าเป็นอะไรที่สุดยอดมากแล้ว คู่ต่อสู้ที่พวกเขาเจอในการต่อสู้รอบสามนั้นเป็นระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วาเป็นอย่างน้อย ซึ่งสำหรับขั้นพริมิทีฟแล้ว การจะต่อสู้กับศัตรูที่เหนือกว่าตัวเองถึงสองขั้นถือว่าเป็นอะไรที่มากเกินไป


โกลเด้นโกรวเลอร์นั้นยังคงสามารถพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของมัน ความจริงแล้วนอกจากแอนท์เชี่ยนธันเดอร์ก็อตที่ต่อสู้กับมันในรอบแรกแล้ว คู่ต่อสู้คนอื่นของมันต่างก็พากันยอมแพ้ พวกเขาไม่แม้แต่จะเข้ามาในสนามประลองเพื่อจะเผชิญหน้ากับมัน


นอกจากโกลเด้นโกรวเลอร์แล้ว หานเซิ่นเห็นชื่อที่คุ้นเคยหลายชื่อ มันมีทั้งไป๋ปู้อีจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ดราก้อนวันจากเผ่าดราก้อน จางเสวียนเต้าจากปราสาทนภา


“ดูเหมือนว่าทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะส่งระดับเทพเจ้าหลายคนเข้าร่วมการประลองครั้งนี้ แต่ทำไมราชาไป๋ถึงไม่ได้เข้าร่วมการประลอง? นี่เขาไม่ต้องการตำแหน่งเทพสปิริตหรือยังไง?”

หานเซิ่นคิดว่านั่นเป็นอะไรที่แปลก แม้แต่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮก็เข้าร่วมการประลองนี้ด้วย แต่ราชาไป๋กลับไม่เข้าร่วมอย่างน่าประหลาดใจ


เอ็กซ์ตรีมคิงเป็นหนึ่งในสามเผ่าพันธุ์สูงสุด ความสำเร็จนั้นไม่ใช่บางสิ่งที่จะได้มาด้วยดวง

“ราชาไป๋นี่ลึกลับจริงๆ อยากรู้จริงๆว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่” หานเซิ่นไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายเรื่องนี้ได้


เมื่อถึงรอบของตัวเอง หานเซิ่นก็เปลี่ยนร่างเป็นผู้ใหญ่และเข้าไปในสนามประลองอย่างไม่ลังเล


หลังจากที่เขาเข้าไปในสนามประลอง หานเซิ่นก็เห็นอี๋ซากำลังยืนอยู่ในอวกาศ เห็นได้ชัดว่าเธอตั้งตารอการต่อสู้นี้มาเป็นเวลานานแล้ว


“ดอลลาร์ ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกันอีกครั้ง” ดวงตาของอี๋ซาจ้องตรงไปที่หานเซิ่น


“ราชินีแห่งมีด ทำไมเจ้าถึงยังคงยึดติดกับเหตุการณ์เล็กๆนั่น?” หานเซิ่นถาม


“ข้าจะไม่หยุดจนกระทั่งข้าตาย” อี๋ซาพูดอย่างเย็นชา


หานเซิ่นยื่นมือออกมาในอากาศ ฝักมีดที่ดูเหมือนทำขึ้นมาจากหินที่ดำราวกับหมึกปรากฏขึ้นในมือของเขา มันเป็นฝักมีดที่หานเซิ่นเก็บมาจากรูปปั้นในสุสานปีศาจ


ครั้งหนึ่งอี๋ซาเคยบอกว่าฝักมีดนี้เป็นโบราณวัตถุของเผ่ารีเบท จากที่หานเซิ่นรู้อัลฟ่าของรีเบทนั้นเป็นผู้หญิง แต่จิตแห่งมีดที่ถูกทิ้งเอาไว้ภายในฝักมีดนั้นเป็นของผู้ชาย ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงสงสัยในคำกล่าวอ้างของเธอ


หานเซิ่นได้เรียนรู้จิตแห่งมีดภายในฝักมีดเรียบร้อยแล้ว ฝักมีดจึงไม่ได้มีความหมายอะไรต่อเขาอีกต่อไป


“พวกเรามาเดิมพันกันเป็นอย่างไง? ถ้าเจ้าเป็นฝ่ายชนะ ข้าจะมอบสิ่งนี้ให้กับเจ้า” หานเซิ่นถือฝักมีดราวกับว่าเขากำลังถือมีดเล่มหนึ่ง

 

 

 


ตอนที่ 2849

 

“เจ้าจะต้องตายและข้าจะรอดชีวิต นั่นคือการเดิมพันที่ดีที่สุดที่ข้าจะเดิมพัน”

อี๋ซาพูดอย่างเย็นชา ในมือของเธอกำลังถือมีดเขี้ยวที่เหมือนกับคริสตัลหรือหยกอยู่ หลังจากนั้นเธอก็ฟันมันออกไปในทิศทางของหานเซิ่น


มีดลมปราณสีม่วงกลายเป็นผีร้ายที่กำลังร้องคำราม มันตรงเข้าไปเพื่อกลืนกินหานเซิ่น


หานเซิ่นยิ้ม เขาใช้ฝักมีดในมือเหมือนกับมีดและแทงมันออกไปข้างหน้า


แต่หานเซิ่นไม่ได้ใช้พลังมีดเขี้ยวดาบ เขาแค่ใช้พละกำลังล้วนๆเพื่อปะทะกับมีดลมปราณสีม่วงของอี๋ซา


ปัง!

เมื่อการโจมตีทั้งสองฝ่ายปะทะกัน มีดลมปราณสีม่วงที่ดูเหมือนกับผีร้ายก็ถูกตัดขาดโดยฝักมีดในมือของหานเซิ่นและสลายไปในอากาศ


‘อี๋ซาพัฒนาถึงขั้นลาร์วาแล้วหรอเนี่ย’

หานเซิ่นคิดในใจ ‘ด้วยพลังของเธอในตอนนี้ เธอเหนือกว่าอัลฟ่าของเผ่ารีเบทในอดีตเรียบร้อยแล้ว’


อี๋ซาดูเหมือนจะรู้ว่าการโจมตีนั้นไม่ได้ผลกับดอลลาร์ หลังจากนั้นจู่ๆมีดเขี้ยวก็เกิดการผันผวนขึ้น


จริงๆแล้วมันไม่ใช่มีดเขี้ยวที่กำลังผันผวน แต่มันเป็นอวกาศรอบๆ พลังของมีดเขี้ยวนั้นไม่ได้รั่วไหลออกมา แต่มันเพราะเป็นพลังงานที่อยู่รอบๆที่กำลังไหลเข้าไปในมีดเขี้ยวแทน


ทันใดนั้นจู่ๆมีดเขี้ยวที่ดูเหมือนกับคริสตัลหรือหยกก็ถูกย้อมเป็นสีม่วงเข้ม มันดูเหมือนกับเขี้ยวของผีร้ายที่ออกมาจากขุนนรก


‘การผันผวนของพลังนี้คล้ายคลึงกับพลังเขี้ยว แต่มันแตกต่างออกไป นี่เป็นพลังแบบไหนกันแน่?’

หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ แต่เขาก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่ามันคือพลังอะไร

‘ตัววิชามีดเขี้ยวดาบนั้นหยุดอยู่ที่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟเท่านั้น ส่วนอี๋ซาเป็นขั้นลาร์วาเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือจะต้องถูกปรับแต่งขึ้นด้วยตัวเอง นี่คงจะต้องเป็นวิชามีดเขี้ยวดาบที่อี๋ซาปรับแต่งขึ้นมา วิชามีดเขี้ยวดาบนี้จะแตกต่างไปจากวิชามีดเขี้ยวดาบในอดีตยังไงกันนะ?’


หานเซิ่นไม่ได้รีบร้อนจะโจมตี เขาอยากจะเห็นวิชามีดที่อี๋ซาปรับแต่งขึ้นมาโดยใช้วิชามีดเขี้ยวดาบเป็นฐานซะก่อน เขาอยากจะรู้ว่ามันมีพลังแบบไหนกันแน่


สายตาที่ดุดันของอี๋ซาจ้องตรงไปที่หานเซิ่น การผันผวนของมีดเขี้ยวในมือของเธอนั้นอ่อนลงเรื่อยๆ แต่มีดกลับมีสีม่วงเข้มขึ้นเรื่อยๆแทน สีม่วงนั้นดูเข้มซะจนมันเหมือนจะกลายเป็นสีดำ


หานเซิ่นรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย มันเป็นปฏิกิริยาเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงอันตราย มันทำให้ใบหน้าของหานเซิ่นดูเอาจริงเอาจังยิ่งกว่าเดิม


“เจ้าต้องการจะเดิมพันอย่างนั้นสินะ ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาเดิมพันกันว่าเจ้าจะรอดชีวิตไปจากการฟันของข้าได้ไหม”

อี๋ซายกมีดเขี้ยวที่ดูเหมือนกับเขี้ยวผีร้ายขึ้นเหนือหัว หลังจากนั้นเธอก็ฟันออกไปใส่หานเซิ่น


หานเซิ่นเห็นเส้นบางๆของมีดลมปราณพุ่งตรงเข้ามาหาเขา มันบางยิ่งกว่าเส้นผมเส้นหนึ่งซะอีก คนปกตินั้นคงจะมองไม่เห็นมีดลมปราณนี้


ที่ไหนก็ตามที่มีดลมปราณพุ่งผ่าน มิติของอวกาศรอบๆก็จะถูกฉีกขาด มันเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าวิชาตัดอวกาศของธาตุอวกาศซะอีก


มีดลมปราณพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และหานเซิ่นก็ไม่มีเวลาจะลังเล เขารวบรวมพลังในฝักมีดและฟันสวนกลับไปใส่มีดลมปราณที่บางเหมือนกับเส้นผม


อย่างเงียบๆฝักมีดที่แข็งแรงเทียบได้กับสมบัติระดับเทพเจ้านั้นหักโดยมีดลมปราณที่บางนั่น และมีดลมปราณก็ยังคงพุ่งต่อมาที่ร่างกายของหานเซิ่น


หานเซิ่นทำการตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาเคลื่อนตัวหลบและมีดลมปราณที่น่ากลัวก็พุ่งผ่านไหล่ของเขาไป แต่ชุดเกราะบริเวณไหล่และเนื้อหนังของเขาก็ถูกเฉือนไปด้วย


มีดลมปราณนั้นขยายออกไปเรื่อยๆ ที่ไหนก็ตามที่มีดลมปราณผ่านไป สีม่วงของมันก็จะแพร่กระจายเหมือนกับหมึกที่ถูกหยดลงในน้ำ มันค่อยๆย้อมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ


อวกาศนั้นไม่ใช่น้ำ มันไม่สามารถถูกย้อมสีได้ แต่มีดลมปราณสีม่วงที่น่ากลัวนั้นฉีกผ่านอวกาศไปเรื่อยๆ


“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พลังเขี้ยวน่ากลัวถึงขนาดนั้น? มันฉีกอวกาศได้อย่างต่อเนื่อง”

เมื่อเห็นอวกาศยังคงถูกฉีกขาดต่อไปเรื่อยๆ ระดับเทพเจ้าหลายคนก็รู้สึกตกใจ


“นั่นไม่ใช่พลังเขี้ยวล้วนๆ มันเป็นการรวมพลังในการตัดบางอย่างเข้าไปด้วย แม้แต่ดอลลาร์ก็ทนต่อความคมของพลังนั่นไม่ได้ ดูเหมือนว่าราชินีแห่งมีดจะฝึกวิชามีดเขี้ยวดาบมากซะจนมันไปถึงระดับใหม่ที่สูงกว่าเดิมแล้ว ความแข็งแกร่งของพลังนั่นไม่ได้เลวร้ายไปกว่าวิชาจีโนที่มีพลังทำลายล้างสูงที่สุดในจักรวาลเลย” ผู้นำปราสาทนภาลูบเครา เขายิ้มอย่างพึงพอใจ


เขานับถืออี๋ซาถึงขนาดที่เขาต้องการจะรับเธอเป็นลูกศิษย์ ถึงแม้มันจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นทำให้เขาไม่ได้รับเธอเป็นลูกศิษย์ แต่เขาก็ยังรู้สึกชื่นชมในตัวเธอ


ไม่สำคัญว่ามันจะเคยเกิดอะไรขึ้น ในเมื่ออี๋ซานำเผ่ารีเบทมาเข้ากับปราสาทนภา เขาก็ปฏิบัติกับเธอเหมือนกับเป็นลูกศิษย์คนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นไม่ว่าอี๋ซาจะมีพรสวรรค์สักแค่ไหน เธอก็คงจะไม่เก่งกาจถึงขนาดนี้ในเวลาอันสั้น


“วิชามีดเขี้ยวดาบนี่น่ากลัวยิ่งนัก จากนี้เป็นต้นไปมันจะถูกเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในวิชาจีโนที่ดีที่สุดในจักรวาล” ลุงสองไป๋ปู้อีพูด


อวกาศกำลังถูกฉีกขาด และบาดแผลบนไหล่ของหานเซิ่นเองก็เช่นกัน ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายซีโน่เจเนอิค การฉีกขาดจึงไม่ได้เกิดขึ้นเร็วนัก แต่ถึงอย่างนั้นลมปราณสีม่วงก็กำลังแพร่กระจายไปทั่วบาดแผลของเขา และทำให้บาดแผลของเขาฉีกออกมากขึ้นอย่างช้าๆ


“นั่นเป็นมีดลมปราณที่ทรงพลังมากๆ แต่ถ้าเจ้าคิดว่ามีดลมปราณแบบนี้จะฆ่าข้าได้ เจ้าก็ประเมินข้าต่ำเกินไปแล้ว ข้าคือดอลลาร์”

หลังจากที่หานเซิ่นพูดจบ จู่ๆบาดแผลบนไหล่ของเขาก็หยุดนิ่งไป มันเหมือนกับว่าบาดแผลและมีดลมปราณสีม่วงนั้นถูกแช่แข็งไป


หานเซิ่นบังคับฟันเฟืองจักรวาลให้หยุดหมุน มันทำให้บาดแผลบนไหล่ของเขาหยุดฉีกขาดไปมากกว่านั้น แต่พลังของเขาไม่เพียงพอจะย้อนการหมุนของฟันเฟืองจักรวาล ดังนั้นบาดแผลจึงไม่หายไป


“ถ้าการฟันครั้งเดียวไม่พอ ข้าก็แค่ต้องฟันอีกครั้ง” เสียงของอี๋ซาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง เธอใช้มีดเขี้ยวฟันออกไปข้างหน้าติดต่อกันเป็นชุด


มันไม่มีการป้องกันเข้ามาเกี่ยวข้อง วิชามีดของเธอเป็นสิ่งที่ใช้สำหรับการโจมตีล้วนๆ และนั่นคือทั้งหมดของมัน แต่ความจริงแล้วเธอไม่มีความจำเป็นต้องป้องกัน ด้วยพลังทำลายล้างที่น่ากลัวของวิชามีดเขี้ยวดาบใหม่นี้ มันสามารถจะฉีกทุกสสารให้ขาด ถ้าเธอฆ่าศัตรูได้ก่อนที่ศัตรูจะฆ่าเธอ นั่นก็คือการป้องกันที่ดีที่สุด


หานเซิ่นถือฝักมีดที่หักและยิ้มแห้งๆออกมา เขาคิดกับตัวเอง

‘เธอไม่แม้แต่จะต้องการฝักมีดนี่! เธอแค่ต้องการจะฆ่าเราเพียงอย่างเดียว!’


หานเซิ่นยกฝักมีดขึ้นและเตรียมตัวจะกวัดแกว่งมันอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ ในจุดที่ฝักมีดหักนั้นมีแสงประหลาดส่องออกมาจากภายใน


หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่มีเวลาจะมัวมาดูฝักมีด เพราะตอนนี้มีดลมปราณสีม่วงของอี๋ซาใกล้จะมาถึงตัวเขาแล้ว เขาจำเป็นต้องรีบหลบมัน


ในจังหวะที่หานเซิ่นหลบมีดลมปราณที่เข้ามา มีดลมปราณก็ไม่ได้หายไป และพวกมันคงอยู่ในอวกาศเหมือนกับสายฟ้า มันไม่ใช่แค่คงอยู่ในอวกาศเท่านั้น มันยังฉีกสิ่งที่อยู่รอบๆ ในชั่วพริบตาอวกาศก็เต็มไปด้วยมีดลมปราณสีม่วง มันเหมือนกับว่ามีใยแมงมุมสีม่วงในอวกาศ

 

 

 


ตอนที่ 2850

 

หานเซิ่นเคลื่อนไหวร่างกายหลบการโจมตีของอี๋ซาไปเรื่อยๆ ถ้าดาวเคราะห์ดวงหนึ่งถูกมีดลมปราณนั่นเข้า มันก็คงจะถูกตัดขาดครึ่งอย่างง่ายดาย มีดลมปราณนั้นจะฉีกทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใกล้เคียง ตอนนี้ในอวกาศเต็มไปด้วยมีดลมปราณสีม่วง มันเหมือนกับตาข่ายขนาดใหญ่ ทำให้หานเซิ่นมีพื้นที่ในการเคลื่อนไหวน้อยลงไปเรื่อยๆ อวกาศทุกหนทุกแห่งนั้นถูกฉีกขาด ถ้าร่างกายของหานเซิ่นสัมผัสกับอวกาศที่ฉีกขาดเหล่านั้น ร่างกายของเขาก็จะถูกฉีกไปด้วย


“ด้วยวิชามีดแบบนั้น… ข้าเชื่อว่าอันดับของเผ่ารีเบทจะสูงขึ้นอย่างมากในอนาคตข้างหน้า” เดียร็อบเบอร์พูด

“ลำพังแค่ราชินีแห่งมีด การจะติดอันดับหนึ่งในร้อยก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”


“เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวอะไรขนาดนี้ มีดลมปราณของนางดูเหมือนจะเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุดกับร่างกายของข้า” บาร์พูดขณะที่จ้องมองไปที่อี๋ซา


เดียร็อบเบอร์พยักหน้าและพูด “ใช่แล้ว ร่างกายของเจ้าเป็นนั้นทรงพลังมากๆ แต่ถ้าเจ้าต้องเผชิญหน้ากับมีดลมปราณของนาง เจ้าก็จะสูญเสียความได้เปรียบไป เจ้าจะถูกฉีกขาดไปเรื่อยๆและตายไปในที่สุด ถ้าเจ้าต้องต่อสู้กับนาง เจ้าต้องระวังตัวให้มาก”


ในเวลาแบบนี้หานเซิ่นไม่มีอารมณ์จะมาสนใจถึงความน่ากลัวของมีดลมปราณอีกต่อไป ฝักมีดที่หักครึ่งในมือของเขากำลังปลดปล่อยคลื่นพลังประหลาดออกมา


หานเซิ่นรู้ว่านี่มันไม่ปกติ ถ้าฝักมีดถูกหักครึ่งโดยมีดลมปราณของอี๋ซา มันก็ควรจะถูกฉีกขาดไปเรื่อยๆ แต่ฝักมีดนี้แค่หักครึ่งเฉยๆ มีดลมปราณนั้นไม่ได้ดำเนินการแพร่กระจายต่อไป มันยังคงมีแสงบางอย่างส่องออกมาจากภายในฝักมีด และฝักมีดที่หักก็เริ่มจะสั่นอย่างรุนแรง ด้วยการสั่นที่รุนแรงขนาดนั้น ถ้าหานเซิ่นปล่อยมือจากมัน มันก็คงจะบินหายไป


“มันมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ในฝักมีดนี้อย่างนั้นหรอ?”

หานเซิ่นตกใจ เขาครอบครองฝักมีดนี้มาเป็นเวลานานแล้ว แต่นอกจากจิตแห่งมีดที่อยู่ภายในฝักมีด เขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นถึงอะไรที่พิเศษ ด้วยเหตุนั้นความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของฝักมีดจึงทำให้หานเซิ่นประหลาดใจอย่างมาก


ในตอนที่หานเซิ่นกำลังจะหลบมีดลมปราณของอี๋ซา จู่ๆก็มีพลังพุ่งออกมาจากภายในฝักมีดที่หัก มันเหมือนกับการปะทุของภูเขาไฟ


ทุกคนเห็นอี๋ซาทำการโจมตีใส่ดอลลาร์อย่างบ้าคลั่ง ซึ่งทำให้เขามีพื้นในการหลบหนีน้อยลงไปเรื่อยๆ และในจังหวะที่เขาไม่มีพื้นที่ให้หนีอีกแล้ว จู่ๆฝักมีดที่หักครึ่งในมือของเขาก็ปลดปล่อยลำแสงสีม่วงออกมา


ปัง!

ลำแสงสีม่วงปะทะกับมีดลมปราณของอี๋ซาและทำลายมัน แถมลำแสงสีม่วงยังพุ่งต่อไปและเปลี่ยนสนามประลองให้กลายเป็นทะเลสีม่วง อวกาศที่ถูกฉีกขาดโดยพลังของอี๋ซานั้นสมานกันด้วยลำแสงสีม่วงนั้น ในชั่วพริบตาทั้งอวกาศก็กลับมาเป็นสีดำอีกครั้ง นอกจากแสงสีม่วงจากฝักมีดแล้ว มันไม่มีสีม่วงของมีดลมปราณหลงเหลืออยู่อีก


“นี่มันอะไรกัน? สิ่งนั้นสมานอวกาศที่ฉีกขาดได้ในพริบตา มันกำจัดพลังของวิชามีดเขี้ยวดาบได้อย่างนั้นหรอ?” ผู้นำปราสาทนภาหลี่ตา เขามองหานเซิ่นที่กำลังถือลำแสงนั่นอยู่


ทุกสิ่งมีชีวิตในจักรวาลจ้องไปที่ลำแสงในมือของหานเซิ่น แม้แต่อี๋ซาเองก็หยุดโจมตีและจ้องมองไปที่สิ่งนั้นเช่นกัน


คนอื่นนั้นไม่รู้ แต่อี๋ซารู้ดีว่าฝักมีดนั้นถูกทิ้งเอาไว้โดยอัลฟ่าของเผ่ารีเบท อัลฟ่าของเผ่ารีเบทนั้นหวังว่าทายาทของเธอจะหาฝักมีดได้พบ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่อี๋ซาเสี่ยงเข้าไปในสุสานปีศาจเพื่อตามหาฝักมีดที่หายไป


แต่เธอนั้นโชคร้ายที่ไปเจอกับดอลลาร์ที่นั่น เขาได้ขโมยมันไปจากเธอ


อี๋ซารู้แค่ว่าฝักมีดนั้นเป็นโบราณวัตถุที่ครั้งหนึ่งเป็นของเผ่ารีเบท เธอไม่ได้รู้ถึงความลับที่ซ่อนอยู่ในฝักมีด ถ้าเธอรู้ เธอก็คงจะไม่ตัดฝักมีดจนขาดครึ่งแบบนั้น


นั่นเป็นเหตุผลที่อี๋ซาคิดว่านี่มันแปลกๆ พลังของเธอในตอนนี้เหนือกว่าอัลฟ่าของเผ่ารีเบทเรียบร้อยแล้ว แต่แสงที่ออกมาจากฝักมีดนั้นสามารถที่จะทำลายมีดลมปราณของเธอได้ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เธอตกใจ พลังของอัลฟ่าเผ่ารีเบทไม่ควรจะมากขนาดนั้น


อี๋ซาไม่เชื่อว่าอัลฟ่าเผ่ารีเบทจะเป็นคนที่ทิ้งพลังเอาไว้ภายในฝักมีด


หลังจากที่แสงสีม่วงระเบิดออกมา ฝักมีดที่หักในมือของหานเซิ่นก็เริ่มละลายไปในแสงสีม่วง ฝักมีดที่มีสีดำถูกละลายไปและเผยให้เห็นฝักมีดที่เล็กกว่าที่ดูเหมือนกับว่ามันทำขึ้นมาจากทองแดงสีม่วง มันมีรอยแกะสลักที่ประหลาดและงดงามมากมายอยู่บนผิวของมัน ลำแสงสีม่วงนั้นออกมาจากรอยแกะสลักที่บนอยู่ฝักมีด


ในตอนที่สัญลักษณ์เรืองแสงออกมา ฝักมีดก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น มันกลายเป็นฝักมีดที่มีความยาวสามฟุตอย่างรวดเร็ว และแสงของฝักมีดก็เริ่มจะมัวลงไป


หลังจากที่แสงของฝักมีดดับไปแล้ว อี๋ซาและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในจักรวาลก็เห็นหานเซิ่นกำลังถือฝักมีดใหม่ที่มีสีม่วง มันแตกต่างไปจากฝักมีดสีดำก่อนหน้านี้


อี๋ซามองไปที่ฝักมีดสีม่วงด้วยไปหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน เธอไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องที่มีฝักมีดอีกอันซ่อนอยู่ภายในฝักมีดของอัลฟ่า


“นั่นคือ…ฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้…” ในห้องโถงของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง เอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าคนหนึ่งที่มีเส้นผมและหนวดเคราสีขาวนั้นลุกยืนขึ้นมาด้วยความตกใจ เขาจ้องไปที่ฝักมีดสีม่วงในมือของหานเซิ่น


“ฝักมีดริเทิร์นเอมตี้!” ชื่อนั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงตกใจ


“ผู้อาวุโสเป่า เจ้าแน่ใจหรือว่านั่นคือฝักมีดริเทิร์นเอมตี้น่ะ?” ราชาไป๋มองไปที่เอ็กซ์ตรีมคิงคนนั้นด้วยใบหน้าที่จริงจัง


“ข้าไม่มีทางดูผิดไปได้ นี่คือฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ของราชาไนฟ์ไม่ผิดแน่ เมื่อก่อนนั้นราชาเป่าเคยพยายามค้นหาฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ แต่พวกเราหามันไม่เจอ ข้าไม่อยากเลยเชื่อว่ามันจะมาอยู่ในมือของดอลลาร์คนนี้ พวกเราต้องเอาฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้กลับคืนมา” ผู้อาวุโสคนนั้นพูด


“ใช่แล้ว… ฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้เป็นสมบัติของเอ็กซ์ตรีมคิง พวกเราจะปล่อยให้คนนอกครอบครองมันไม่ได้ พวกเราจะต้องเอามันกลับคืนมา”


“พวกเราต้องฆ่าดอลลาร์เพื่อเอาฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้กลับคืนมา”


ตอนนี้เมื่อเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงรู้ว่าฝักมีดของหานเซิ่นนั้นคือฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ พวกเขาต่างก็อยากจะเข้าในสนามประลองเพื่อเอาฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้กลับคืนมา


ชื่อของราชาไนฟ์ไม่ได้เป็นชื่อที่มีชื่อเสียงมากนักในจักรวาล ผู้คนจึงรู้แค่ว่าราชาไนฟ์เป็นหนึ่งในกษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิง ทุกคนนั้นไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเขามากไปกว่านั้น เพราะยังไงซะราชาไนฟ์ก็เป็นกษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิงแค่ช่วงสั้นๆ


แต่ในหมู่คนชั้นสูงของเอ็กซ์ตรีมคิง ชื่อเสียงของราชาไนฟ์นั้นเทียบได้กับกษัตริย์องค์แรกของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง บางทีอาจจะสูงยิ่งกว่าด้วยซ้ำ


แต่เรื่องของราชาไนฟ์นั้นเป็นหนึ่งในความลับของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ซึ่งมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับมัน แม้แต่ในหมู่เอ็กซ์ตรีมคิงก็มีแต่คนที่อยู่ตำแหน่งสูงๆเท่านั้นที่จะรู้ถึงเรื่องนี้ ความลับนั้นเป็นเหมือนกับความอับอายของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง


ในประวัติศาสตร์ของเอ็กซ์ตรีมคิง มันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่กษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิงตกเป็นหุ่นเชิด และคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดก็คือพระเจ้าที่ถูกรู้จักกันในชื่อพระเจ้าแห่งนภา


ถึงแม้มันจะมีแค่สมาชิกชั้นสูงของเอ็กซ์ตรีมคิงเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับพระเจ้าแห่งนภา แต่สำหรับเอ็กซ์ตรีมคิงแล้ว มันก็ยังคงเป็นเรื่องที่น่าอัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์ของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง


พวกเขาตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพระเจ้าแห่งนภาจนกระทั่งราชาไนฟ์ถือกำเนิดขึ้นมา เขาเกิดขึ้นมาในอวกาศ การฟันครั้งเดียวของเขาสามารถตัดฝ่าทั้งเก้าชั้นของท้องฟ้า เขาสามารถเอาชนะพระเจ้าแห่งนภาและช่วยเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงหนีจากการควบคุมของพระเจ้าได้สำเร็จ


แต่เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บหนักเกินไปในการต่อสู้กับพระเจ้าแห่งนภา อายุขัยของราชาไนฟ์จึงสั้น เขากลายเป็นกษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิงที่ครองบัลลังก์เป็นระยะเวลาที่สั้นที่สุด


เอ็กซ์ตรีมคิงไม่ต้องการจะเปิดเผยประวัติศาสตร์ที่น่าอัปยศนี้ออกไป ด้วยเหตุนั้นมันจึงมีแค่คนที่มีตำแหน่งสูงของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงเท่านั้นที่รู้ถึงวีรกรรมของราชาไนฟ์

 

 

 


ตอนที่ 2851

 

ประวัติศาสตร์ของฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้นั้นเป็นบางสิ่งที่พิเศษมากๆ มันคือกระดูกที่ถูกตัดออกมาจากร่างกายของพระเจ้าแห่งนภา มันมีสมาชิกของเอ็กซ์ตรีมคิงเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าจริงๆแล้วกระดูกซี่โครงของพระเจ้าแห่งนภาก็คือสิ่งประจำตัวของพระเจ้า แต่มันไม่ใช่สิ่งประจำตัวของพระเจ้าที่สมบูรณ์ มันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ถูกตัดออกมาจากพระเจ้าแห่งนภาขณะที่เขากำลังหนีไป ดังนั้นกระดูกซี่โครงจึงไม่ใช่สิ่งประจำตัวของพระเจ้าที่สมบูรณ์ และมันไม่ได้มีความเศร้าของพระเจ้าเกิดขึ้นเช่นกัน ถ้าสิ่งประจำตัวของพระเจ้าถูกตัดออกมาจากพระเจ้าแห่งนภาอย่างสมบูรณ์ล่ะก็ ความเศร้าของพระเจ้าก็จะปรากฏออกมาให้เห็น และราชาไนฟ์ก็จะกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงไปทั่วจักรวาล


เนื่องจากมันมีแค่กระดูกซี่โครงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ถูกตัดออกมา ราชาไนฟ์จึงไม่อาจจะใช้มันเพื่อเข้าไปในจีโนฮอลล์ได้ นอกจากนั้นเขายังได้รับบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้ ซึ่งทำให้เขามีชีวิตต่อได้เพียงไม่นาน


พระเจ้าแห่งนภาเองก็ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้เช่นเดียวกัน หลังจากที่สิ่งประจำตัวของเขาได้รับความเสียหาย เขาก็ต้องใช้เวลานานหลายปีเพื่อจะฟื้นตัว ในตอนที่เขากลับมาที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงอีกครั้ง เขาก็ไม่สามารถจะควบคุมเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงได้อีกต่อไปแล้ว ภายใต้การสั่งสอนของราชาไนฟ์ ยอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงกลายเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตได้สำเร็จ พระเจ้าแห่งนภาจึงไม่มีโอกาสจะเข้ายึดครองเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงอีกครั้ง นั่นทำให้เขาหันไปใช้ตุ๊กตาเทพในหอคอยแห่งโชคชะตาแทน เขาพยายามจะทำให้เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีกครั้ง


หานเซิ่นได้ทำลายตุ๊กตาเทพนั่นไป และเนื่องจากหานจืงจือเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พระเจ้าแห่งนภาจึงคิดไปว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าเป็นคนทำลายตุ๊กตาเทพของเขา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเก็บความแค้นที่มีต่อพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าเอาไว้


พระเจ้าแห่งนภาเองก็พยายามจะหากระดูกซี่โครงที่ราชาไนฟ์ตัดออกไปเช่นกัน แต่เขาไม่รู้ว่ามันไปอยู่ที่ไหนแล้ว


สมาชิกตำแหน่งสูงของเอ็กซ์ตรีมคิงรู้ว่าราชาไนฟ์นั้นได้เปลี่ยนกระดูกซี่โครงนั่นไปเป็นฝักมีด ในตอนที่ราชาไนฟ์สิ้นชีพ ตัวมีดรีเทิร์นเอมตี้ยังคงอยู่ แต่ทว่าฝักมีดได้หายสาบสูญไป ทางเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นพยายามจะค้นหามันอยู่เป็นเวลานาน แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้หายไปไหนกันแน่


พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้จะถูกซ่อนอยู่ในฝักมีดอีกอันและมันจะไปอยู่ในมือคนนอกแบบนี้


ในวิหารแห่งหนึ่ง พระเจ้าแห่งนภาลืมตาขึ้นมา เขาจ้องไปที่ฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ในมือของหานเซิ่น

“กระดูกซี่โครงของข้า มันเป็นเวลานานหลายปี แต่ในที่สุดข้าก็หาเจ้าจนพบ ตอนนี้มันถึงเวลาที่ข้าจะเอาเจ้ากลับคืนมา”


หลังจากนั้นพระเจ้าแห่งนภาก็ละสายตาจากฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้และมองไปที่หานเซิ่น

“เขาเป็นแค่ซีโน่เจเนอิคขั้นลาร์วา ข้าแค่จำเป็นต้องเข้าสิงใครสักคนในจักรวาล มันเป็นเรื่องง่ายที่จะฆ่าเขาด้วยวิธีนั้น”


พระเจ้าแห่งนภาขมวดคิ้วและคิดต่อไป ‘ตอนนี้เขาอยู่ในบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน ถ้าเขาออกไป เราก็จะหาเขาไม่เจอ’


หลังจากที่คิดได้แบบนั้นพระเจ้าแห่งนภาก็หันไปมองสายการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน และเห็นว่าคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ก็คือดอลลาร์และราชินีแห่งมีด เขามองต่อไปและเห็นว่าคู่ต่อสู้คนต่อไปที่หานเซิ่นจะต้องเจอคือซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลายที่มีชื่อเสียง


“ถ้าเป็นแบบนี้ การจะเอากระดูกซี่โครงของเรากลับคืนมาผ่านบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร” พระเจ้าแห่งนภาหันกลับไปจ้องที่หานเซิ่นและฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้


หานเซิ่นไม่ได้รู้ว่าฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้มาจากไหนกันแน่ แต่ออร่าของฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้นั้นคล้ายคลึงกับออร่าของสิ่งประจำตัวของพระเจ้าอย่างสกายไวน์แรดิชและอีวิลโลตัส


หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘แปลกจริงๆ ฝักมีดนี้ทำขึ้นมาจากสิ่งประจำตัวของพระเจ้าอย่างนั้นหรอ? แต่อัลฟ่าของรีเบทไม่มีทางจะทำเรื่องแบบนั้นได้’


“ไม่แปลกใจเลยที่อัลฟ่าให้ความสำคัญกับฝักมีดนั่นมากขนาดนั้น”

อี๋ซาขมวดคิ้ว “ฝักมีดนั่นเป็นอะไรที่ลึกลับ พลังของมันดูเหมือนจะต้านทานพลังของวิชามีดเขี้ยวดาบของเราได้ แม้แต่วิชามีดเขี้ยวดาบที่ถูกปรังปรุงก็พ่ายแพ้ต่อพลังของฝักมีดนี้”


พลังเขี้ยวของอี๋ซานั้นพ่ายต่อพลังของฝักมีด นั่นทำให้อี๋ซาสูญเสียความได้เปรียบไป ตอนนี้การจะเอาชนะหานเซิ่นจึงเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่าเดิม


หานเซิ่นมองไปที่อี๋ซาและรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขายิ้มออกมาและพูด

“ดูเหมือนว่าพลังของเจ้าจะพ่ายแพ้ต่อฝักมีดนี้”


“แล้วมันจะยังไง?” อี๋ซาพูดและรวบรวมพลังเขี้ยวเอาไว้ที่มีดของเธออีกครั้ง เธอฟันออกไปในทิศทางของหานเซิ่น เธอจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ


ทันใดนั้นการกระทำของหานเซิ่นก็ทำให้ทุกคนที่ดูอยู่ตกใจ เขาสะบัดมือและโยนฝักมีดออกไปให้กับอี๋ซา ฝักมีดบินไปตรงหน้าของเธอและสวมมีดเขี้ยวในมือของเธอ


ผู้คนทั้งหมดตกตะลึง ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้คืออะไร พวกเขาก็สามารถบอกได้ว่ามันเป็นสมบัติที่ทรงพลังมากๆ มันสามารถทำลายมีดลมปราณที่น่ากลัวของราชินีแห่งมีดได้ แต่ทว่าดอลลาร์กลับโยนฝักมีดไปให้กับคู่ต่อสู้ มันเป็นอะไรที่ยากจะเข้าใจ


แม้แต่อี๋ซาเองก็แปลกใจกับการกระทำของหานเซิ่น เธอจ้องไปที่หานเซิ่นและถาม “นี่มันหมายความว่ายังไง?”


ดอลลาร์นั้นมีฝักมีดที่สามารถทำลายพลังของเธอได้ ด้วยการที่มีมันอยู่โอกาสชนะของเขาก็จะเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะทำอะไรแบบนี้


“ด้วยวิชามีดที่น่าประทับใจแบบนั้น ถ้าเจ้าต้องมาแพ้เพราะฝักมีดนี่ มันก็คงจะเป็นอะไรที่น่าเสียดาย ดังนั้นข้าจะให้เจ้ายืนมันไปก่อน ในตอนข้าเอาชนะเจ้าได้แล้ว ข้าจะเอามันกลับคืนมา” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม


“โอ้มายก็อด! เจ้านี่จะอวดดีเกินไปแล้ว”


“นี่มันบ้าชัดๆ นี่เขาลืมไปแล้วหรือยังไงว่าก่อนหน้านี้เขากำลังถูกราชินีแห่งมีดไล่ต้อนน่ะ”


“พวกเจ้าไม่รู้อะไร เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามจะจีบนาง ดอลลาร์นั้นจะต้องตกหลุมรักราชินีแห่งมีด ไม่อย่างนั้นเขาจะมอบฝักมีดให้กับราชินีแห่งมีดแบบนั้นทำไม? เขาอาจจะเอาชนะราชินีแห่งมีดไม่ได้ และถึงเขาจะทำได้ ราชินีแห่งมีดก็จะออกไปจากสนามประลองพร้อมกับฝักมีด เขาหยุดนางไม่ได้”


“ที่เจ้าพูดมามันก็สมเหตุสมผล นี่เขากล้าจีบคู่ต่อสู้ในบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนเลยหรอเนี่ย? เขากล้าจริงๆ”


“บอกตามตรง ถ้ายอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนหนึ่งมาทำกับข้าแบบนี้ ข้าก็คงจะแต่งงานกับเขา”


“เลิกฝันลมๆแล้งๆ ทำไมยอดฝีมือระดับเทพเจ้าถึงจะต้องการคนอย่างเจ้า?”


ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน อี๋ซาจ้องไปที่หานเซิ่นอยู่สักพัก เธอไม่ได้พูดอะไร เธอค่อยๆชักมีดเขี้ยวออกมาอย่างช้าๆและพบว่าพลังของเธอมากขึ้นกว่าเดิม แม้แต่ตัวอี๋ซาเองก็ประหลาดใจในเรื่องนั้น พลังของฝักมีดนั้นสูงพอที่จะทำลายพลังเขี้ยวของเธอ แต่เมื่อมันมาอยู่ในมือของเธอ มันก็เสริมพลังเขี้ยวของเธอให้สูงขึ้น


ในอดีตอัลฟ่าเผ่ารีเบทไปเจอกับฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้เข้าโดยบังเอิญ เธอไม่เคยได้รู้เกี่ยวกับความลับของมัน แต่เธอเข้าใจจิตแห่งมีดภายในฝักมีดได้ ด้วยจิตแห่งมีดนั้นเธอสร้างวิชามีดเขี้ยวดาบและพลังเขี้ยวขึ้นมา


ต้นกำเนิดของพลังเขี้ยวจึงมาจากฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ ตอนนี้เมื่ออี๋ซามีฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ เธอก็เป็นเหมือนกับเสือที่ติดปีก พลังเขี้ยวของเธอในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า


ถ้าเธอเข้าใจพลังถึงพลังของฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ เธอก็จะพัฒนาขึ้นอีกในอนาคตข้างหน้า


“โอ้ไม่ โอ้ไม่นะ ดอลลาร์จะอวดดีเกินไปแล้ว ตอนนี้ราชินีแห่งมีดได้รับการช่วยเหลือจากฝักมีดและพลังของนางก็แข็งแกร่งยิ่งไปกว่าเดิม ในตอนนี้นางอาจจะเอาชนะยอดฝีมือขั้นบัตเตอร์ฟลายได้เลย” หวังอวี่ฮังพูด


“มันเป็นเพราะเขาพยายามจะจีบผู้หญิงในระหว่างการประลอง เขาสมควรแล้ว”

ถังเตียงลิ่วพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ในหัวใจของเขารู้สึกอิจฉา ‘นี่มันอะไรกัน? มันควรจะเป็นเราที่ยืนอยู่ตรงนั้นและกำลังจีบผู้หญิง ในตอนนี้ดอลลาร์แย่งชิงความสนใจของทุกคนไปที่เขา เราจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ เราจะต้องรีบกลายเป็นระดับเทพเจ้าและเข้าร่วมการประลองครั้งต่อไป…’

 

 

 


ตอนที่ 2852

 

เมื่อเห็นอี๋ซาฟันเข้ามา หานเซิ่นก็ไม่ได้พยายามจะหลบเหมือนกับครั้งก่อน ร่างกายของเขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและเทเลพอร์ตไปอยู่ตรงหน้าของเธอแทน ในตอนที่มีดเขี้ยวฟันลงมา หานเซิ่นก็ยื่นนิ้วกลางและนิ้วชี้มาข้างหน้าเพื่อรับมีดเขี้ยวเอาไว้ พลังของมีดที่น่ากลัวนั่นถูกจับเอาไว้โดยนิ้วมือของหานเซิ่น


พลังของอี๋ซาไปรวมกันอยู่บนมีดเขี้ยว และเธอพยายามจะกดมันลงไป ขณะที่นิ้วของหานเซิ่นยังคงหนีบมันเอาไว้ มีดเขี้ยวดูเหมือนกับว่ามันจะมีรากงอกและไม่สามารถขยับไปไหนได้


‘ดูเหมือนว่าฝักมีดที่ทำขึ้นมาจากสิ่งประจำตัวของพระเจ้านี้จะไม่ได้ดีเด่นอะไร ด้วยพลังเสริมของมัน พลังของอี๋ซาก็ยังคงก้าวข้ามร่างกายซีโน่เจเนอิคของเราไม่ได้อยู่ดี’

ที่หานเซิ่นมอบฝักมีดให้กับอี๋ซาก็เพราะว่าเขาอยากจะเห็นว่าฝักมีดนั้นทรงพลังแค่ไหน ถ้าอี๋ซาใช้ฝักมีดนั้นเอาชนะเขาได้ เขาก็จะมอบฝักมีดให้กับเธอ โดยถือซะว่ามันเป็นรางวัลตอนแทนที่เธอเป็นอาจารย์ของเขา


แต่น่าเสียดายถึงแม้จะได้รับพลังเสริมจากฝักมีด อี๋ซาก็ยังคงไม่สามารถหมุนฟันเฟืองจักรวาลขณะที่อยู่ภายใต้การควบคุมของศาสตร์ตงเสวียนได้อยู่ดี


นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายซีโน่เจเนอิคของหานเซิ่นนั้นแข็งแกร่งเกินไป และอี๋ซาก็เพิ่งจะได้รับฝักมีดไป เธอยังไม่สามารถเปิดใช้พลังทั้งหมดของฝักมีดได้


ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นฝักมีดก็ไม่ได้ทำขึ้นมาจากสิ่งประจำตัวของพระเจ้าที่สมบูรณ์ เมื่อเทียบกับสิ่งประจำตัวของพระเจ้าที่สมบูรณ์แล้ว พลังของมันจึงด้อยกว่ามากพอสมควร


“นั่นเป็นไปได้ยังไงกัน? ดอลลาร์หยุดการโจมตีของราชินีแห่งมีดที่น่ากลัวได้ นี่เขาเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายแล้วอย่างนั้นหรอ?”


“เมื่อดูจากระดับพลังของเขาแล้ว เขาควรจะเป็นแค่ขั้นลาร์วาเท่านั้น แต่การที่สิ่งมีชีวิตขั้นลาร์วามีพลังถึงขนาดนี้ นั่นหมายความว่าเขาเป็นที่สุดของคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน”


“ไม่แปลกใจเลยที่ดอลลาร์จะอวดดีแบบนั้น เขามีความสามารถพอที่จะโอ้อวด”


หานเซิ่นปล่อยมือและถอยออกไปด้านหลังหลายก้าว เขามองไปที่อี๋ซาและพูด

“ราชินีแห่งมีด ข้าไม่คิดว่าเจ้ามีพลังพอที่จะเอาชนะข้า”


อี๋ซามองหานเซิ่นอย่างแปลกๆ เธอสะบัดมือและโยนฝักมีดกลับคืนให้กับหานเซิ่น ในตอนที่หานเซิ่นรับฝักมีดมา อี๋ซาก็บินออกไปจากสนามประลองเรียบร้อยแล้ว


“ในตอนที่ข้าเอาชนะเจ้าได้ ข้าจะเอาฝักมีดนั่นกลับคืนมา” เสียงนั้นดังก้องไปทั่วสนามประลอง


หานเซิ่นบินออกมาจากสนามประลองโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกลับไป


หานเซิ่นเอาชนะการประลองได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย แต่มันยังมียอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่เก่งกาจอีกมากมายเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ อย่างเช่นจางเสวียนเต้า ดราก้อนวัน เดม่อนอัลฟ่า ผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์และผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ พวกเขาล้วนแต่เป็นคนที่น่ากลัวทั้งนั้น โกลเด้นโกรวเลอร์นั้นก็พิสูจน์ตัวเองว่าไร้เทียมทาน มันไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนที่กล้าเข้าไปในสนามประลองเพื่อต่อสู้กับมัน


ด้วยเหตุนั้นถึงแม้ความสามารถของหานเซิ่นจะทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกใจ แต่มันก็ไม่ได้มหัศจรรย์อะไรมาก


เมื่อกลับมาที่สวน หานเซิ่นก็เห็นพระเจ้ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หิน มันมีกระดานหมากล้อมวางอยู่ตรงหน้าของเขา


พระเจ้ามองไปที่หานเซิ่นและพูด “ความแข็งแกร่งของเจ้ายากจะหาใครในระดับเดียวกันมาเทียบได้ แม้แต่ในหมู่สิ่งมีชีวิตขั้นบัตเตอร์ฟลาย เจ้าก็ถือว่าดี เจ้ามียีนที่ทรงพลังขนาดนั้น มันก็ควรจะมีสายเลือดโบราณอยู่ แต่เจ้าดูไม่เหมือนคนที่มีสายเลือดโบราณ มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าเจ้ามาจากเผ่าพันธุ์ไหน?”


“ข้าเป็นมนุษย์” หานเซิ่นตอบ หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่หมากบนกระดานและเห็นว่ามันยังไม่จบเกมส์ เขาจึงถามอย่างสับสน

“ใครกันที่มาเล่มหมากล้อมเจ้า?”


“แค่ชายที่น่าสนใจคนหนึ่ง” พระเจ้าพูดด้วยรอยยิ้ม


“ชายที่น่าสนใจ? เขาอยู่ที่ไหน?” หานเซิ่นไม่เห็นใครคนอื่นอยู่ที่นี่


“เขาอยู่ที่นี่” พระเจ้าพูดและชี้ไปที่กระดาน


“ที่นี่?” หานเซิ่นมองไปที่กระดานด้วยความสับสน นอกจากกระดานหมากล้อมแล้ว เขาไม่เห็นหรือสัมผัสได้ถึงอะไรอย่างอื่น


“เขาอยู่บนกระดาษหมากล้อมนี่” พระเจ้าพูดพร้อมกับหัวเราะ


“เขาอยู่…” ใบหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไป เขาตรวจเช็คหมากบนกระดาษอย่างละเอียดและสังเกตเห็นว่าหมากดำตัวหนึ่งดูแปลกๆ


ตัวหมากดำและหมากขาวเป็นอะไรที่เรียบง่ายมากๆ แต่ทว่าหมากดำตัวหนึ่งนั้นมีสัญลักษณ์สลักเอาไว้ มันเป็นสัญลักษณ์รูปชายแก่


“ทำไมสัญลักษณ์นี้ถึงดูคุ้นๆ… โอ้ ไม่นะ!”

หานเซิ่นตกใจ “นั่นโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์หนิ? ทำไมเขาถึงกลายเป็นตัวหมากตัวหนึ่ง?”


“เขาทำการอธิษฐานกับข้าสามครั้ง หนึ่งในพวกมันคือการขอเล่นหมากล้อมกับข้า ข้าแค่ทำให้คำอธิษฐานของเขาเป็นจริง”

พระเจ้าชี้ไปที่กระดานและถามต่อไปว่า “เจ้าอยากจะมาเล่นต่อให้จบไหม?”


หานเซิ่นส่ายหัว เขาไม่ต้องการจะจบลงเหมือนอย่างโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นตัวหมากตัวหนึ่งบนกระดาน


“อย่าได้กังวล เขาแค่เป็นแบบนั้นเพราะเขาทำการอธิษฐานกับข้า”

พระเจ้าพูดพร้อมกับหัวเราะ “ข้าแค่จะเล่นหมากล้อมกับเจ้าเท่านั้น มันไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรแอบแฝง”


หานเซิ่นส่ายหัว “ฝีมือการเล่นหมากล้อมของข้าแค่พื้นๆ เจ้าควรจะไปหาคนที่เป็นเซียนหมากล้อมมาเล่นกับเจ้า”


“วิชาจีโนของเจ้าคล้ายคลึงกับเวรี่ไฮเซ้นส์ของเผ่าเวรี่ไฮมากๆ หมากล้อมนั้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเจ้าเพื่อจะเข้าใจสิ่งต่างๆ มันจึงไม่เสียหายอะไรที่จะเรียนรู้มัน” พระเจ้าพูด


หานเซิ่นรู้ว่าพระเจ้าพยายามจะบอกว่าศาสตร์ตงเสวียนและเกมส์หมากล้อมนั้นมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกัน ในอดีตเขาเคยศึกษาเกี่ยวกับวิธีการเล่นหมากล้อม ดังนั้นความสามารถในการเล่นหมากล้อมของเขาจึงถือว่าดี


แต่การเล่นหมากล้อมกับพระเจ้าเป็นอะไรที่มากกว่าแค่การฝึก มันจะต้องเป็นเกมส์หมากล้อมที่มีความกดดันมากยิ่งกว่าการต่อสู้ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ถ้าเขาตกหลุมพลางของพระเจ้า มันก็มีโอกาสที่เขาจะจบลงเหมือนอย่างโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ หานเซิ่นจึงส่ายหัวและพูด

“ข้าต้องไปเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้รอบต่อไป ไม่มีเวลาจะมาเล่นกับเจ้า”


ที่หานเซิ่นพูดเป็นความจริง เขาจำเป็นต้องวิวัฒนาการเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายก่อนที่การประลองรอบต่อไปจะเริ่มต้นขึ้น


“ถ้าเจ้าเป็นฝ่ายแพ้ เจ้าไม่ต้องมอบอะไรให้กับข้า แต่ถ้าเจ้าป็นฝ่ายชนะ ข้าจะมอบหมากตัวนี้ให้กับเจ้า” พระเจ้าชี้ไปยังตัวหมากที่ โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์กลายเป็น


“ข้าจะเอาหมากตัวนั้นไปเพื่ออะไร?” หานเซิ่นส่ายหัว


“ผู้คนกลายเป็นตัวหมาก และตัวหมากก็กลายเป็นผู้คน ถ้าเจ้ามีหมากตัวนี้อยู่ เจ้าก็จะทำอะไรกับเขาก็ได้ เขาจะทำเฉพาะสิ่งที่เจ้าต้องการ ถึงแม้เจ้าจะส่งเขาไปตาย เขาก็จะไม่ปฏิเสธเจ้า”

หลังจากที่พระเจ้าพูดแบบนั้น เขาก็หยิบหมากขาวขึ้นมาและวางลงบนกระดาษก่อนที่จะยิ้มและพูดต่อไปว่า “ตาเจ้าแล้ว”


หานเซิ่นไม่รู้ว่าโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ระดับไหนกันแน่ แต่เขาจะต้องเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายเป็นอย่างน้อย เพราะเขาสามารถเข้าออกสเปชการ์เด้นได้ตามใจชอบ การมีระดับเทพเจ้าแบบนั้นอยู่เป็นอะไรที่ดีมากๆสำหรับหานเซิ่น


แถมโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ยังมีพลังที่จะเดินทางเข้าออกสเปชการ์เด้นได้อย่างอิสระ ซึ่งนั่นถือเป็นปัญหาสำหรับหานเซิ่น เขากังวลว่าโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นเครื่องมือของคนอื่น ถ้าเขาเก็บโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์เอาไว้กับตัวได้ นั่นก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก


มันเป็นสิ่งที่น่าดึงดูด แต่หานเซิ่นไม่อยากจะเชื่อคำพูดของพระเจ้า


“ข้าบอกเจ้าแล้วยังไงว่าในเวลาครึ่งปีที่ข้าอยู่กับเจ้า ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้า ข้าจะไม่ผิดสัญญา เจ้าควรจะรู้ว่าพระเจ้านั้นไม่พูดโกหก” พระเจ้าพูด


“เอางั้นก็ได้ ข้าจะเล่นหมากล้อมเกมส์นี้กับเจ้า” หานเซิ่นนั่งลงตรงข้ามกับพระเจ้าและหยิบตัวหมากสีดำขึ้นมา


หานเซิ่นคิดว่าฝีมือการเล่นหมากล้อมของตัวเองนั้นไม่เลว ในสหพันธ์เขาถือเป็นนักเล่นหมากล้อมระดับท็อป แต่ในตอนที่เขาเล่นหมากล้อมกับพระเจ้า เขาพ่ายแพ้อย่างยับเยิน


หานเซิ่นเล่นกับพระเจ้าแปดเกมส์ และเขาก็พ่ายแพ้ทุกเกมส์ เขาไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ เขาพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์


ความรู้สึกของหานเซิ่นเมื่อต้องเล่นกับพระเจ้านั้นเหมือนกับว่าเขากำลังเล่นกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เขาจำเป็นต้องใช้เวลานานเพื่อคำนวณแต่ละตาของตัวเอง แต่คู่ต่อสู้ของเขาจะเดินหมากในทันทีราวกับว่าเดิมมั่วๆ ดูเหมือนกับว่าพระเจ้านั้นไม่ได้คิดเกี่ยวกับการเดินหมากของเขาเลยสักนิดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็พ่ายแพ้ราบคาบทุกครั้ง

 

 

 


ตอนที่ 2853

 

 


พระเจ้ายิ้มให้กับหานเซิ่นและพูด “เจ้าพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเจ้าต้องการจะเอาชนะข้า เจ้ายังต้องพยายามอีกมาก”


“ไว้พวกเราเล่นกันต่อทีหลัง สำหรับตอนนี้ข้าจำเป็นต้องไปฝึกวิชาและเตรียมตัวสำหรับการประลองรอบต่อไป”

หานเซิ่นต้องการจะเล่นหมากล้อมต่อ ยิ่งเขาพ่ายแพ้มากเท่าไหร่ เขาก็ต้องการจะเล่นอีกตามากเท่านั้น เขาต้องการจะเล่นจนกว่าเขาจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้


แต่ทว่าเมื่อคิดถึงเรื่องการวิวัฒนาการไปสู่ขั้นบัตเตอร์ฟลายขึ้นมาได้ หานเซิ่นก็ห้ามตัวเองเอาไว้


“ข้าขอดูฝักมีดนั่นได้ไหม?” พระเจ้าถาม


“มันก็แค่ฝักมีดธรรมดาๆ มันไม่มีอะไรให้เจ้าดู” หานเซิ่นลุกขึ้นและเตรียมจะไปที่ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์


“ถ้าข้าคาดเดาได้ถูกต้อง เจ้าเป็นคนที่ฆ่าสกายไวน์แรดิชอย่างนั้นสินะ”

พระเจ้าพูดขึ้นมาอย่างเป็นกันเอง “เจ้าควรจะครอบครองสิ่งประจำตัวของพระเจ้าอยู่ ถ้าเจ้ายอมให้ข้าดูฝักมีดนั่น ข้าจะบอกเจ้าถึงวิธีใช้สิ่งประจำตัวของสกายไวน์แรดิช”


“ถ้าเจ้าอยากจะเห็นมันมากขนาดนั้น ก็เชิญเอามันไป มันก็เป็นแค่ฝักมีดธรรมดาๆ มันมีอะไรน่าดูหรือยังไง?” หานเซิ่นเอาฝักมีดออกมาให้พระเจ้าดู


ตอนนี้หานเซิ่นมีสิ่งประจำตัวของพระเจ้าอยู่สองชิ้น แต่เขาไม่รู้วิธีที่จะใช้พวกมัน ซึ่งถ้าเขารู้วิธีใช้พวกมันขึ้นมา มันก็จะเป็นอะไรที่ดีมากๆสำหรับเขา


พระเจ้ารับฝักมีดไปและวิเคราะห์มันอยู่สักพักก่อนที่จะพูดขึ้นมา

“มันคืออาวุธที่ทำขึ้นจากสิ่งประจำตัวของพระเจ้าที่ไม่สมบูรณ์ และนี่ควรจะเป็นสิ่งประจำตัวของพระเจ้าแห่งนภา”


หานเซิ่นคาดเดาเอาไว้แล้วว่ามันทำขึ้นมาจากสิ่งประจำตัวของพระเจ้า แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเป็นสิ่งประจำตัวของพระเจ้าที่ไม่สมบูรณ์และมันก็เป็นของพระเจ้าแห่งนภา


หลังจากที่ดูมันเสร็จแล้ว พระเจ้าก็ส่งฝักมีดคืนให้กับหานเซิ่น เขายิ้มและพูด

“ข้าขอแนะนำอะไรเจ้าอย่างหนึ่ง ถ้าเจ้าได้พบกับพระเจ้าแห่งนภา อย่าได้เปิดเผยฝักมีดนี้กับเขา”


“ข้าคิดว่าพระเจ้านั้นทำอะไรสิ่งมีชีวิตในจักรวาลไม่ได้ซะอีก” หานเซิ่นพูด


“ตามทฤษฎีล่ะก็นะ มันมีกฎที่ห้ามเรื่องนั้นอยู่ แต่มันก็ไม่ใช่ว่ากฎจะห้ามซะทุกอย่าง” พระเจ้าพูดอย่างคลุมเครือ


“เจ้าจะบอกว่าพระเจ้าแห่งนภาจะมาหาข้าและพยายามชิงเอาฝักมีดกลับคืนไปอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม


“ยังไงซะเจ้าก็ควรระวังตัวเอาไว้” พระเจ้าไม่ได้พูดไปมากกว่านั้น และเขาก็หันไปพูดว่าจำเป็นต้องเตรียมอะไรบางอย่าง เขาจะบอกถึงวิธีใช้สิ่งประจำตัวของพระเจ้ากับหานเซิ่นในภายหลัง


หานเซิ่นเดินทางไปที่ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์เพื่อเตรียมตัวจะวิวัฒนาการไปสู่ขั้นบัตเตอร์ฟลาย


เมื่อเห็นหานเซิ่นเดินจากไป พระเจ้าก็มองขึ้นไปที่บัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน เมื่อเห็นคู่ต่อสู้คนต่อไปที่หานเซิ่นจะต้องเจอ พระเจ้าก็พูดด้วยสีหน้าแปลกๆ

“มันมีอบิสไนท์แค่หนึ่งเดียวในเหวไร้ก้นบึ้ง ด้วยนิสัยของพระเจ้าแห่งนภา เขาจะต้องพยายามสิงร่างของอบิสไนท์นี่ เขาจะพยายามเอาสิ่งประจำตัวของพระเจ้าของเขากลับไปด้วยการเข้าร่วมการประลองบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่าการต่อสู้รอบต่อไปจะเป็นอะไรที่น่าสนใจ”


ในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ หานเซิ่นเปิดปราสาทที่ว่างเปล่าและเข้าไปข้างใน เขารีบปิดประตูให้สนิท เขาไม่รู้ว่าจะหลีกเลี่ยงการจับตามองของพระเจ้าได้ไหม แต่นั่นคือทั้งหมดที่เขาทำได้


“ร่างต่อสู้กำลังวิวัฒนาการ…”


หลังจากที่หานเซิ่นตั้งใจจะเลื่อนระดับขึ้น เขาก็รู้สึกราวกับว่าเซลล์ทั้งร่างกายกำลังเปลี่ยนแปลง มันเหมือนกับว่ากระแสไฟฟ้านับไม่ถ้วนกำลังไหลผ่านเซลล์ของเขา มันทำให้ร่างกายของเขารู้สึกชาไปทั้งตัว มันเหมือนกับว่ากระดูกของเขากำลังเปราะ


หานเซิ่นดูเหมือนจะได้ยินเสียงกระดูกของตัวเองกำลังแตกหัก ซึ่งทำให้เขาแปลกใจ เขารีบดูภายในร่างกายของตัวเองและสังเกตเห็นว่าพวกมันไม่ได้กำลังแตกหัก จริงๆแล้วกระดูกของเขากำลังเติบโตขึ้น มันเหมือนกับกระดูกของเด็กที่กำลังเติบโต เพียงแต่ว่าความเร็วในการเจริญเติบโตนั้นถูกเร่งให้เร็วขึ้นอย่างมาก


มันไม่ใช่แค่กระดูกเท่านั้นที่เติบโตขึ้น ส่วนอื่นๆในร่างกายของหานเซิ่นเองก็เช่นกัน รูปลักษณ์ภายนอกที่เหมือนกับเด็กนั้นเริ่มจะดูเหมือนกับผู้ใหญ่ แต่มันยังไม่จบเพียงแค่นั้น


โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงที่รวมเข้ากับดวงตาของหานเซิ่นก็เริ่มจะเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน


แต่การเปลี่ยนแปลงของมันไม่ได้เหมือนกับความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายซะทีเดียว โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นเป็นถึงขั้นทรูก็อต การเปลี่ยนแปลงของมันจึงกระตุ้นคลื่นพลังที่เข้ามาท่วมร่างกายของหานเซิ่น


ในตอนแรกที่หานเซิ่นรวมเข้ากับโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้น เขาไม่ได้สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอะไรกับดวงตาของตัวเอง และเขาก็ไม่สามารถใช้พลังของโอเวอร์แบริ่งอายได้เช่นกัน


แต่ตอนนี้โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงกำลังเปลี่ยนแปลงในตัวของหานเซิ่น มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่ากำลังจมในพลังของโอเวอร์แบริ่งอาย ทุกอย่างที่เขาเห็นนั้นกลายเป็นสีดำและขาว


มันไม่สำคัญว่าจะเป็นกำแพงโลหะสีเหลืองหรือเสาสีแดง สีทุกสีในดวงตาของหานเซิ่นกลายเป็นสีขาว มันเหมือนกับว่าเขาเข้ามาอยู่ในโลกการ์ตูนสองมิติ


มันแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ ดวงตาของหานเซิ่นแสดงสิ่งต่างๆเป็นสีดำและขาวเท่านั้น ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นมองไปที่ซีโน่เจเนอิค เขาก็เห็นว่าซีโน่เจเนอิคนั้นมีความโลภ ความสิ้นหวัง ความเกลียดชัง ความอิจฉาและความภาคภูมิ เขามองเห็นอารมณ์ด้านลบทั้งหมด


ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็เข้าใจว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ ในปราสาทรอบๆเขาควรจะไม่มีซีโน่เจเนอิคหลงเหลืออยู่แล้ว ซีโน่เจเนอิคที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดนั้นอยู่ห่างจากเขาไปถึงเจ็ดปราสาท ตอนนี้เขามองเห็นซีโน่เจเนอิคที่อยู่ห่างออกไปได้อย่างชัดเจน มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ


หานเซิ่นมองออกไปในอีกทิศทางหนึ่ง และเขาก็เห็นซีโน่เจเนอิคในปราสาทอื่นๆ ในดวงตาของหานเซิ่น พวกมันเป็นสีดำ บางตัวเป็นสีดำที่เข้มมากๆขณะที่บางตัวมีสีดำที่อ่อนกว่า


ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าสีดำของซีโน่เจเนอิคแต่ละตัวนั้นหมายถึงบาปของพวกมัน ยิ่งสีดำของพวกมันเข้มมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็หมายความว่าซีโน่เจเนอิคตัวนั้นมีบาปหน่ามากเท่านั้น


หานเซิ่นมองตัวเองและรู้สึกตัวว่าร่างกายของเขาโปร่งใส เขาไม่เห็นว่าตัวเขาเป็นสีขาวหรือสีดำ


“ดูเหมือนว่าตัวผู้คุมกฎจะมีสิทธิพิเศษไม่ว่าจะยุคสมัยไหน” หานเซิ่นพูดเพื่อเย้นหยันตัวเอง


“ร่างต่อสู้เลื่อนระดับสู่ขั้นบัตเตอร์เสร็จสิ้น… ร่างต่อสู้กำลังวิวัฒนาการ…”


“ทำไมมันถึงยังวิวัฒนาการอีก…” หานเซิ่นประหลาดใจ เขาเพิ่งจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลาย และเขายังไม่ได้ดูดซับยีนซีโน่เจเนอิคเข้าไปเพิ่มเลย แบบนั้นเขาจะวิวัฒนาการต่อได้ยังไง


“ดูเหมือนจะเป็นผลกระทบจากโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง”

หานเซิ่นรู้ว่าร่างกายของเขายังคงเปลี่ยนแปลงต่อไป แต่มันแตกต่างไปจากการเปลี่ยนแปลงครั้งก่อน ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงนั้นทำให้หานเซิ่นรู้สึกว่าร่างกายของเขาเชื่อมต่อกับจักรวาลมากขึ้นเรื่อยๆ


มันไม่ใช่ทั้งจักรวาลซะทีเดียว ถ้าให้พูดอย่างถูกต้อง มันคือพลังแห่งกฎของจักรวาลมากกว่า เนื่องจากอิทธิพลของโอเวอร์แบริ่งอาย หานเซิ่นกำลังวิวัฒนาการเข้าหากฎและกลายเป็นขั้นทรูก็อตเพราะมัน


แสงสีดำและสีขาวในดวงตาของหานเซิ่นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แสงแห่งกฎสีดำและขาวนั้นกำลังทำลายมิติและขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ทั้งร่างกายของหานเซิ่นเต็มไปด้วยพลังแห่งกฎ


ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกว่าเขากำลังควบคุมพลังที่มหัศจรรย์อยู่ มันเป็นพลังที่ทำให้เขาสามารถตัดสินบาปของสิ่งมีชีวิตอื่นได้ตามใจชอบ


แต่พลังนี้เป็นอะไรที่แปลกมากๆ ความแข็งแกร่งของมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังของหานเซิ่น มันจะขึ้นอยู่กับบาปของคู่ต่อสู้ ยิ่งคู่ต่อสู้มีบาปหนามากแค่ไหน พลังที่หานเซิ่นจะใช้เพื่อตัดสินอีกฝ่ายก็จะมากขึ้นเท่านั้น


ในตอนนี้ดวงตาของหานเซิ่นข้างที่เกิดความเปลี่ยนแปลงนั้นแตกต่างไปจากดวงตาอีกข้างอย่างเห็นได้ชัด เขารู้สึกได้ถึงความแตกต่างของพลังมากจนยากจะหยั่งถึง


“นี่คือพลังของขั้นทรูก็อต?” หานเซิ่นรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงของดวงตานั้นแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ดูเหมือนกับว่ามันกำลังจะทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นขั้นทรูก็อตไปด้วย


แต่วินาทีต่อมา หานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงการสั่นไหวและพลังที่แพร่กระจายจากดวงตาก็ไหลกลับไปสู่ดวงตาเหมือนกับคลื่น การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดถูกหยุดอย่างกะทันหัน


เสียงประกาศดังขึ้นในหัวของหานเซิ่น “การเพิ่มระดับร่างต่อสู้ล้มเหลว”

 

 

 


ตอนที่ 2854

 

หานเซิ่น: ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด

ร่างยีนต่อสู้: ซีโน่เจเนอิค (ขั้นบัตเตอร์ฟลาย)

ระดับ: เทพเจ้า

ยีนเทพเจ้า: 0/100

อายุขัย: 2,658


หานเซิ่นมองดูข้อมูลและสังเกตเห็นว่าตัวเองเพิ่มระดับขั้นมาสู่ขั้นบัตเตอร์ฟลายแล้ว เขารู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นแบบนั้น


แต่เขาก็ยังรู้สึกสับสนเช่นกัน ถึงแม้การเลื่อนระดับไปสู่ขั้นทรูก็อตจะล้มเหลว แต่ความเปลี่ยนแปลงประหลาดที่เกิดขึ้นกับดวงตาข้างซ้ายของเขาก็ไม่ได้หายไป เขายังคงรวมเข้ากับโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง สิ่งต่างๆที่เขาเห็นยังคงเป็นสีขาวสีดำ


หานเซิ่นส่องกระจกเพื่อตรวจเช็คดวงตาของตัวเอง และเขาก็สังเกตเห็นว่ามันไม่ได้มีความแตกต่างอะไรมากนักระหว่างดวงตาข้างซ้ายและข้างขวา ดวงตาข้างซ้ายของเขาแค่มีตาดำที่ดำกว่าและตาขาวที่ขาวกว่าเท่านั้น คนอื่นจะบอกถึงความแตกต่างไม่ได้ถ้าพวกเขาไม่ได้สังเกตดีๆ


“ดีที่ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น” หานเซิ่นไม่โลกมาก เขารู้ว่าไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะกลายเป็นขั้นทรูก็อต ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อน


หลังจากนั้นจู่ๆมนตราก็ออกมาจากร่างกายของเขาและโหมดซีโน่เจเนอิคก็สิ้นสุดลง หานเซิ่นกลับสู่ร่างที่แท้จริงของเขาอีกครั้ง


“ในที่สุดเราก็กลับมาเป็นปกติ!” หานเซิ่นรู้สึกดีใจ เขารีบดูสถานะของตัวเองและสังเกตเห็นว่าร่างยีนต่อสู้ทั้งสี่ของเขาเลื่อนไปเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายเหมือนกับร่างซีโน่เจเนอิค


ถึงแม้ทุกอย่างจะกลับเป็นปกติ แต่มันก็มีบางสิ่งที่เป็นปัญหา เขาจำเป็นต้องแก้ไข หานเซิ่นยังคงอยู่ในเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ดังนั้นเขาจำเป็นต้องรักษาตัวตนในฐานะโฮลี่เบบี้เอาไว้ แต่โชคร้ายที่เขาไม่สามารถกลายร่างไปเป็นเด็กได้อีกครั้ง ซึ่งจะสร้างปัญหาใหญ่ขึ้นมา


“เราเอาแต่จดจ่ออยู่กับการเพิ่มระดับขึ้นจนลืมเรื่องนั้นไปซะสนิทเลย!” หานเซิ่นรู้สึกปวดหัวขึ้นมา


ถ้าเขากลับไปใช้ร่างซีโน่เจเนอิคอีกครั้ง เขาก็จะถูกจดจำในฐานะดอลลาร์ ซึ่งถ้าเขาออกไปจากปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ทั้งแบบนั้น มันก็จะเกิดความโกลาหลขึ้นในทันที


ขณะที่หานเซิ่นกำลังปวดหัวกับเรื่องนี้ จู่ๆเขาก็เห็นพระเจ้าปรากฏตัวในปราสาทไนน์ดีเฟ้นและกำลังเดินเข้ามาหาเขา หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าพระเจ้านั้นมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่


ที่เขาเห็นพระเจ้าได้ก็เพราะดวงตาข้างซ้ายของเขา จริงๆแล้วพระเจ้ายังอยู่ไกลจากปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์


“แปลกจริงๆ พระเจ้าเป็นสีขาว?” หานเซิ่นรู้สึกสับสน พระเจ้านั้นทำร้ายสิ่งมีชีวิตมากมาย ซึ่งหมายความว่าเขาควรจะมีบาปติดตัว แต่แล้วหานเซิ่นกลับเห็นว่าพระเจ้ามีสีขาวบริสุทธิ์ มันไม่มีบาปให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว


หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘ไม่รู้ว่าโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นตัดสินบาปของแต่ละคนยังไง’


หานเซิ่นเดินออกไปจากปราสาทและตรงเข้าไปหาพระเจ้า พระเจ้าก็มองมาที่หานเซิ่นด้วยรอยยิ้มและพูด

“ขอแสดงความยินดีด้วย เจ้ากลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายแล้ว!”


“มันไม่มีอะไรที่น่าแสดงความยินดี ตอนนี้เมื่อข้ากลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลาย ข้าก็จะกลับไปเป็นร่างเด็กไม่ได้อีก เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจะไม่จดจำข้าในฐานะโฮลี่เบบี้อีกต่อไป ข้าไม่รู้ว่าแก้ไขปัญหานี้ได้ยังไง” หานเซิ่นพูด


“นั่นเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ง่ายๆ” พระเจ้าพูดด้วยรอยยิ้ม

“ข้าจะสอนวิชาจีโนเปลี่ยนร่างให้กับเจ้า หลังจากที่ใช้วิชานั้นเจ้าก็จะเปลี่ยนร่างกายของตัวเองไปเป็นรูปร่างแบบไหนก็ได้ ตราบใดที่เจ้าไม่เปิดเผยตัว แม้แต่ขั้นทรูก็อตก็จับผิดอะไรไม่ได้”


“ข้าจะต้องทำอะไร?” หานเซิ่นถามอย่างหวาดระแวง


“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไร” พระเจ้าพูดพร้อมกับส่ายหัว


“ไม่ เจ้าควรบอกราคามา ข้าจะไม่ซื้อสิ่งที่ไม่มีราคาติด”

หานเซิ่นส่ายหัว เขาไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะยอมมอบวิชาดีๆแบบนั้นให้กับเขาโดยไม่หวังอะไรตอบแทน


“โอเค ถ้าเจ้าต้องการมันมากขนาดนั้น ข้าก็จะตั้งเงื่อนไขขึ้นมา”

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ พระเจ้าก็พูดต่อไปว่า “จากนี้เป็นต้นไปเจ้าห้ามฆ่าสิ่งมีชีวิตไหนที่พูดว่า “ข้ารักเจ้า” กับเจ้า เจ้าต้องไว้ชีวิตของสิ่งมีชีวิตนั้นตกลงไหม?”


“ใครกันที่จะพูดสามคำนั้นกับข้า?” หานเซิ่นรู้สึกสับสน เขาไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะมองเห็นอนาคต เพราะถ้าพระเจ้ามองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง หานจิงจือและคนของเซเคร็ดก็คงไม่สามารถเอาชนะเขาได้


แต่ถ้าพระเจ้ามองไม่เห็นอนาคต ทำไมเขาถึงได้เสนอบางสิ่งที่ฟังดูบ้าบ่อแบบนั้นออกมา?


“ข้าไม่รู้” พระเจ้าพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าจะยอมรับเงื่อนไขนี้ไหม?”


“ตกลง” หานเซิ่นพยักหน้า ถึงแม้พระเจ้าจะวางแผนการอะไรบางอย่างเอาไว้ แต่ตราบใดที่เขาไม่ได้ฆ่าหานเซิ่น ทุกอย่างก็จะไม่เป็นอะไร


“นี่คือวิชาจีโนเปลี่ยนร่างจากเผ่านามุ ข้าได้ปรับแต่งมันเล็กน้อย มันเป็นวิชาเปลี่ยนร่างที่ค่อนข้างน่าสนใจ มันจะเปลี่ยนรูปร่างของเจ้าจริงๆ มันไม่ได้ใช้ภาพมายาอะไร ดังนั้นมันจะไม่มีใครมองออกได้ นอกซะจากว่าเจ้าจะเปิดเผยตัวเอง” พระเจ้าสอนวิชาเปลี่ยนร่างให้กับหานเซิ่น


วิชาเปลี่ยนร่างนั้นต้องการพรสวรรค์ที่สูง ซึ่งเป็นบางสิ่งที่หานเซิ่นมี ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาไม่นานในการเรียนรู้มัน


พระเจ้ามองหานเซิ่นที่ตอนนี้ดูเหมือนกับโฮลี่เบบี้อีกครั้งและเอยชม

“พรสวรรค์ของเจ้านี่สูงจริงๆ วิชาเปลี่ยนร่างนี้มีความต้องการที่สูงในเรื่องพรสวรรค์และยีนของผู้ฝึก มีเพียงแค่เผ่าเนมุและเผ่าอื่นๆอีกไม่กี่เผ่าเท่านั้นที่จะฝึกมันได้ ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าจะเรียนรู้มันได้อย่างง่ายดาย ดูเหมือนว่ายีนของเจ้าจะเป็นอะไรที่พิเศษ”


หานเซิ่นเข้าใจว่าพระเจ้าสอนวิชาจีโนนี้ให้กับเขาก็เพื่อจะทดสอบความสามารถของเขา


หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าและถาม “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”


“นี่ข้าไม่ได้บอกเจ้าหรือยังไงว่าข้าจะสอนวิธีการใช้สิ่งประจำตัวพระเจ้าให้กับเจ้า? ตอนนี้ข้าพร้อมแล้ว” พระเจ้าพูด


“ข้าจะใช้สิ่งประจำตัวพระเจ้าได้ยังไง?” หานเซิ่นถาม

“มันจำเป็นต้องนำไปทำเป็นอาวุธอย่างนั้นหรอ?”


“ไม่มีความจำเป็นต้องทำอะไรที่ลำบากแบบนั้น” พระเจ้าพูด

“การเอาสิ่งประจำตัวพระเจ้าไปทำเป็นฝักมีดถือเป็นความคิดที่เลวร้ายที่สุด ความจริงแล้วสิ่งประจำตัวพระเจ้ามีพลังในตัวของมันเอง เพียงแต่สำหรับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่พระเจ้าแล้ว การจะเปิดใช้พลังของมันจำเป็นต้องใช้วิธีการพิเศษ ตามข้ามา” พระเจ้าพูดก่อนที่จะหันกลับและเดินขึ้นไปบนอากาศ


เมื่อหานเซิ่นก้าวตามพระเจ้าไป มันก็มีขั้นบันไดปรากฏขึ้นใต้เท้าของเขาอย่างขาดไม่ถึง พวกเขาเดินขึ้นไปสู่ความว่างเปล่าด้านบน หานเซิ่นไม่สามารถเห็นอะไรก็ตามที่อยู่ที่ปลายสุดของความว่างเปล่า


หานเซิ่นรู้ว่าถ้าพระเจ้าต้องการจะบังคับเขา ถึงเขาจะขัดขืนไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเดินตามขั้นบันไดหินไปสู่ความว่างเปล่าไปเรื่อยๆ


หลังจากที่เดินไปได้สักพัก หานเซิ่นก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองก้าวมาสู่อีกโลกหนึ่งที่แตกต่างออกไป เขาหันกลับไปมองด้านหลังและพบว่ามองไม่เห็นปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์อีกต่อไป


หานเซิ่นเงยหัวขึ้นและมองไปที่ปลายสุดของบันไดหิน ตอนนี้เขาเห็นปราสาทหลังหนึ่งลอยอยู่ตรงนั้น และเขาก็เห็นว่าตรงหน้าปราสาทที่ดูเก่าแก่นั้นมีคำว่า “วิหารสกายไวน์แรดิชก็อต” ถูกเขียนเอาไว้บนป้าย


“วิหารสกายไวน์แรดิชก็อต… นี่เป็นวิหารของสกายไวน์แรดิชอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรู้สึกตกใจขณะที่มองไปที่วิหารที่ลอยอยู่ในอากาศ


หลังจากมองดูมันสักพัก หานเซิ่นก็ค้นพบว่าวิหารนั่นทำขึ้นมาจากเถาวัลย์เก่าแก่ เถาวัลย์นั้นดูเหมือนจะกลายเป็นหิน พวกมันมีสีเขียวออกเทาๆ หานเซิ่นเกือบจะคิดว่าพวกมันเป็นแค่หิน


พระเจ้าก้าวขึ้นบันไดไปจนถึงตรงหน้าวิหารสกายไวน์แรดิชก็อตและดันประตูให้เปิดออก หานเซิ่นเห็นว่าภายในห้องโถงของวิหารนั้นมีสกายไวน์แรดิชอยู่

 

 

 


ตอนที่ 2855

 

หานเซิ่นรู้สึกตกใจ สกายไวน์แรดิชที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้นั้นดูเหมือนกับสกายไวน์แรดิชที่เขาเคยฆ่าไปไม่มีผิด มันเหมือนกับว่าสกายไวน์แรดิชกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แม้แต่ออร่าของสกายไวน์แรดิชนี้ก็เหมือนกับสกายไวน์แรดิชที่เขาเคยเห็นมาก่อน เพียงแต่ว่าพวกมันดูทรงพลังยิ่งกว่า


พระเจ้ามองไปที่สกายไวน์แรดิชขณะที่พูดขึ้นว่า

“นี่เป็นแค่ร่างกายพระเจ้าของสกายไวน์แรดิชที่ไม่มีสิ่งประจำตัวพระเจ้าอยู่ ร่างกายพระเจ้านี้ก็เป็นเพียงแค่เปลือกนอกที่ข้างในว่างเปล่า”


“พลังของมันแข็งแกร่งขนาดนี้ มันจะเป็นแค่เปลือกนอกได้ยังไงกัน?” หานเซิ่นไม่เชื่อพระเจ้า ดังนั้นเขาจึงถามขึ้นมา


“ถ้าไม่ใช่เปลือกนอก ทำไมเขาถึงยังไม่เคลื่อนไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้าเข้ามาในวิหารของเขา?”

พระเจ้ามองไปที่สกายไวน์แรดิชและพูดต่อว่า “ทำลายร่างกายพระเจ้านี้และนำสิ่งประจำตัวพระเจ้าของสกายไวน์แรดิชออกมา หลังจากนั้นเจ้าจะได้เรียนรู้วิธีใช้มัน”


หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าและถาม “ข้าคงจะไม่ได้ไปแทนที่เขาในวิหารนี้หรอกใช่ไหม?”


“ถ้าการเป็นพระเจ้าเป็นเรื่องง่ายๆ แบบนั้นการเป็นพระเจ้าก็คงจะไม่สิ่งที่พิเศษ” พระเจ้าพูดด้วยรอยยิ้ม


หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรอีก เขารวบรวมพลังและโจมตีใส่ร่างกายพระเจ้าของสกายไวน์แรดิชด้วยฝ่ามือ แต่ฝ่ามือของเขาไม่สามารถสร้างความเสียหายกับร่างกายพระเจ้าที่ไร้การเคลื่อนไหวได้ พลังของเขาดูเหมือนกับเป็นอะไรที่ไร้ความหมายเมื่อมันสัมผัสกับร่างกายพระเจ้า


พระเจ้าหัวเราะ “นั่นคือร่างกายพระเจ้า มันจะถูกทำร้ายโดยพลังธรรมดาๆได้ยังไง? นอกซะจากเจ้าจะเพิ่มระดับขึ้นจนถึงขั้นทรูก็อต พลังของเจ้าก็จะทำร้ายร่างกายพระเจ้าไม่ได้ ลองใช้ฝักมีดดู มันควรจะได้ผล”


“ทำไมหลังจากที่ข้าฆ่าสกายไวน์แรดิชไปแล้ว มันถึงมีร่างกายพระเจ้าของเขาอยู่ที่นี่”

หานเซิ่นถามขณะที่นำเอาฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ออกมา เขาถือมันเหมือนกับมีดเพื่อจะฟันออกไป แต่เขาไม่ได้ฟันใส่ร่างกายพระเจ้าของสกายไวน์แรดิชในทันที


“พระเจ้ามีร่างกายที่เป็นอมตะ ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนฆ่าพระเจ้าได้ แต่พระเจ้านั้นมีข้อเสียอยู่ ยกตัวอย่างเช่นพระเจ้าจะสร้างความเสียหายโดยตรงกับสิ่งมีชีวิตของจักรวาลไม่ได้ แม้แต่สิ่งมีชีวิตธรรมดาที่ไม่ได้ผ่านการฝึกฝนก็ไม่เว้น แต่มันมีข้อยกเว้นอยู่” พระเจ้าหยุดพูดไป


“ข้อยกเว้นอะไร?” หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว นี่เป็นความลับที่เขาอยากจะรู้มานานแล้ว


“ถ้าพระเจ้าแยกสิ่งปะจำตัวของตัวเองออกจากร่างกายพระเจ้า และรวมสิ่งประจำตัวพระเจ้าของตัวเองเข้ากับสิ่งมีชีวิตของจักรวาล พวกเขาก็จะสร้างร่างกายที่มีพลังอยู่เหนือข้อจำกัดของพระเจ้าได้ แต่การทำแบบนั้นจะทำให้พวกเขาสูญเสียความเป็นอมตะไป ถ้าพวกเขาสูญเสียสิ่งประจำตัวพระเจ้าขึ้นมา พวกเขาก็จะต้องตาย”

พระเจ้าชี้ไปที่สกายไวน์แรดิชและพูดต่อ “เหมือนกับพระเจ้าที่โง่เง่านี้ เขารวมสิ่งประจำตัวพระเจ้าของตัวเองเข้ากับสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อสร้างร่างกายที่จะไปต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตในจักรวาล ที่สุดแล้วเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้และไม่มีพลังพอที่จะกลับมาที่วิหารของตัวเอง มันเปิดโอกาสให้เจ้าฆ่าเขาได้ง่ายๆ”


ในที่สุดหานเซิ่นก็เข้าใจว่าทำไมพระเจ้าบางคนถึงฆ่าสิ่งมีชีวิตของจักรวาลได้ ขณะที่พระเจ้าบางคนทำไม่ได้


“เจ้าจะบอกว่าถ้าพระเจ้าไม่เอาสิ่งประจำตัวพระเจ้าของตัวเองไปรวมกับสิ่งมีชีวิตของจักรวาล พวกเขาก็จะไม่ตาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม


“ตามทฤษฎีล่ะก็นะ” พระเจ้าพูดพร้อมกับพยักหน้า


หานเซิ่นจ้องไปที่พระเจ้าและถาม “เจ้าจะบอกว่าพวกเขาถูกฆ่าตายได้อย่างนั้นหรอ?”


พระเจ้าหัวเราะและพูด “เจ้าคิดว่าข้าจะบอกจุดอ่อนของตัวเองอย่างนั้นหรอ? เจ้าควรจะรีบฆ่าร่างกายพระเจ้าของเขาซะ ข้าไม่อยากจะอยู่ในสถานที่ที่น่าเบื่อแบบนี้อีกต่อไปแล้ว”


หานเซิ่นหยุดลังเลและใช้ฝักมีดรีเทิร์นเอมตี้ฟันใส่ร่างกายพระเจ้าของสกายไวน์แรดิช


หานเซิ่นฟันถูกร่างกายพระเจ้าของสกายไวน์แรดิช ซึ่งมันทำได้แค่ทิ้งบาดแผลตื้นๆเอาไว้เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเลือดพระเจ้าก็ยังคงไหลออกมา


เมื่อเห็นว่าร่างกายพระเจ้าไม่มีการตอบสนองอะไร หานเซิ่นก็จับฝักมีดแน่นกว่าเดิมและฟันใส่มันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาไม่รู้ว่าฟันไปทั้งหมดกี่ครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็ตัดหัวของร่างกายพระเจ้าจนขาด


พระเจ้าหันไปมองหานเซิ่นและส่ายหัว “เจ้าจะฆ่าเทพสปิริตแบบนั้นไม่ได้ เจ้าจะต้องทำลายรากฐานพระเจ้าของเขา”


“รากฐานพระเจ้าคืออะไร?” หานเซิ่นถาม


“เสาหลักของพระเจ้าคือรากฐานของร่างกายพระเจ้า มีเพียงแค่ตอนที่เจ้าทำลายรากฐานพระเจ้าเท่านั้น ร่างกายพระเจ้าถึงจะพังทลาย”

ก่อนที่หานเซิ่นจะได้ถามคำถามอีก พระเจ้าก็พูดต่อไปว่า “รากฐานพระเจ้าของแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกันออกไป รากฐานพระเจ้าของสกายไวน์แรดิชควรจะอยู่ที่แขนข้างซ้ายของเขา”


หานเซิ่นมองไปที่แขนซ้ายของสกายไวน์แรดิชและเห็นว่ามันถูกพันด้วยเถาวัลย์เส้นหนึ่ง แต่นอกจากเรื่องนั้นแล้ว มันก็ไม่ได้ดูแตกต่างอะไรไปจากแขนข้างขวา


หานเซิ่นลองทำตามที่พระเจ้าบอกและใช้ฝักมีดฟันใส่แขนซ้ายของร่างกายพระเจ้า เขาไม่รู้ว่าฟันไปทั้งหมดกี่ครั้ง แต่ในตอนที่หานเซิ่นตัดแขนซ้ายที่มีเถาวัลย์พันอยู่ได้สำเร็จ ร่างกายพระเจ้าทั้งร่างก็พังทลาย เลือดพระเจ้า กระดูกพระเจ้าและเนื้อหนังพระเจ้าลุกเป็นไฟขึ้นมา มันลุกโชนด้วยแสงสีเขียวที่สว่างไสว


“เอาสิ่งประจำตัวพระเจ้าของสกายไวน์แรดิชออกมา” พระเจ้าพูด


หานเซิ่นนำเอากระดูกเถาวัลย์สีเขียวของสกายไวน์แรดิชออกมา เขามองดูแสงสีเขียวที่ตรงเข้าไปในกระดูก


ในตอนที่กระดูกดูดซับแสงสีเขียวเข้าไปจนหมด แสงสีเขียวที่อยู่บนกระดูกก็ลุกโชนอย่างสว่างยิ่งกว่าเดิม และมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น


ทันใดนั้นกระดูกที่ดูเหมือนกับเถาวัลย์เก่าๆก็เปลี่ยนไปเป็นหอกสีเขียว ปลายของมันโค้งงอเหมือนกับงู มันปล่อยแสงแห่งเทพที่ไม่สามารถอธิบายได้ออกมา


“ได้รับอาวุธประจำตัวพระเจ้า: หอกสกายไวน์แรดิชก็อต”


เสียงประกาศดังขึ้นในหัวของหานเซิ่น เขามองไปที่หอกสกายไวน์แรดิชก็อตและพบว่ามันมีข้อมูลของหอกปรากฏขึ้นภายในจิตใจของเขา


“หอกสกายไวน์แรดิชก็อต: อาวุธประจำตัวพระเจ้าขั้นเดสทรัคชั่น”


หอกสกายไวน์แรดิชนั้นเป็นเหมือนกับวิญญาณอสูร หานเซิ่นคิดว่าสามารถเอามันเข้าไปเก็บไว้ในทะเลจิตได้ แต่เขาไม่กล้าทำแบบนั้นต่อหน้าพระเจ้า


ตูม! ตูม! ตูม!

ทันใดนั้นฐานของแท่นที่เคยมีร่างกายพระเจ้าของสกายไวน์แรดิชอยู่ก็มีลำแสงสีเขียวพุ่งขึ้นมา หานเซิ่นเห็นเถาวัลย์เก่าที่ดูเหมือนกับหยกเขียวภายในลำแสงนั้น มันกำลังก่อตัวขึ้นเป็นบางสิ่งบางอย่าง


“นั่นคือสิ่งประจำตัวพระเจ้าของสกายไวน์แรดิชอย่างนั้นหรอ?”

หานเซิ่นจดจำมันได้ เถาวัลย์เขียวเก่านั่นคือกระดูกของสกายไวน์แรดิช มันดูเหมือนกับกระดูกสีเขียวก่อนที่มันจะกลายเป็นหอกสกายไวน์แรดิชก็อต


พระเจ้ายิ้มและพูด “ข้าบอกเจ้าแล้วยังไง พระเจ้ามีร่างกายที่เป็นอมตะ เจ้านำสิ่งประจำตัวพระเจ้าของสกายไวน์แรดิชมาและทำลายร่างพระเจ้าของเขาที่นี่ นั่นหมายความว่าเจ้าฆ่าเขาที่นี่ แน่นอนว่าเขากลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้ง”


พระเจ้าหยุดไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดต่อไปว่า “แต่ไม่ต้องกังวลไป ถึงแม้สกายไวน์แรดิชจะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง เจ้าก็ยังคงได้รับผลประโยชน์อยู่ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเปลี่ยนสิ่งประจำตัวพระเจ้าไปเป็นอาวุธประจำตัวพระเจ้าได้ยังไง?”


หานเซิ่นเตรียมใจเอาไว้แล้ว เขารู้ว่าทุกอย่างที่พระเจ้าทำนั้นมีสองด้าน นี่เป็นอีกด้านหนึ่งของมัน หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร เขาแค่ต้องการจะเตือนตัวเองว่าในตอนที่เขาอยู่กับพระเจ้า เขาต้องระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา


ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน กระดูกสีเขียวก็กำลังสร้างเนื้อหนังและอวัยวะภายในขึ้นมา มันกำลังสร้างร่างกายพระเจ้าของสกายไวน์แรดิชขึ้นมาใหม่


“มันจะเป็นอะไรไหมถ้าข้ากลับไปในตอนนี้?” หานเซิ่นไม่ต้องการจะเห็นสกายไวน์แรดิชที่มีชีวิต


“นี่ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยาก” พระเจ้าพูด

“น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้เป็นเทพสปิริตสร้างร่างกายพระเจ้าขึ้นมาใหม่ เจ้าควรดูมันเอาไว้ ไม่ต้องกังวลไป ด้วยการที่มีข้าอยู่ที่นี่ สกายไวน์แรดิชนั้นจะไม่กล้าแตะต้องเจ้าแม้แต่เส้นผม”


หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรอีกและมองร่างกายพระเจ้าของสกายไวน์แรดิชที่กำลังถูกสร้างขึ้นมาใหม่

 

 

 


ตอนที่ 2856

 

กระบวนการทั้งหมดนั้นเป็นอะไรที่แปลกประหลาดและน่าอัศจรรย์ หานเซิ่นมองดูเนื้อหนังและกระดูกของสกายไวน์แรดิชถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทีละนิดๆ หลังจากผ่านไปสักพักสกายไวน์แรดิชคนใหม่ก็เสร็จสมบูรณ์


แต่เมื่อเทียบกับเปลือกนอกก่อนหน้านี้ สกายไวน์แรดิชที่มีสิ่งประจำตัวพระเจ้านั้นมีพลังชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวมาก ความรู้สึกที่ทรงพลังนั้นเหมือนกับตอนที่หานเซิ่นได้เจอกับราชาจุนเป็นครั้งแรก ถึงแม้ราชาจุนจะมอบความรู้สึกแบบนี้ให้กับเขา แต่มันก็ดูเหมือนจะแตกต่างออกไปเล็กน้อย


“ฮะ?” พระเจ้ามองสกายไวน์แรดิชที่กำเนิดขึ้นมาใหม่ด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนกับว่าเขาค้นพบบางสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับมันเข้า


หานเซิ่นหันไปถาม “มันมีอะไรอย่างนั้นหรอ?”


“สกายไวน์แรดิชดูเหมือนจะมีปัญหาบางอย่าง” พระเจ้าพูดขณะที่มองไปที่ร่างกายพระเจ้าของสกายไวน์แรดิช


“ปัญหาอะไร?” หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัวๆ ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้


“ภายในร่างกายของเขา… สปิริตของเขาได้หายไป…” พระเจ้าพูดด้วยเสียงที่ฟังดูแปลกๆ


“สปิริต?” หานเซิ่นถาม “เจ้าพูดถึงสปิริตแบบเดียวกันกับที่หายไปจากซีโน่เจเนอิคในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์อย่างนั้นหรอ?”


พระเจ้าพยักหน้า “ใช่ มันเป็นสปิริตเดียวกัน ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกเจ้าใช่ไหมว่าสปิริตนั้นเป็นส่วนที่ไม่แน่นอนในยีนของสิ่งมีชีวิต คำบรรยายนั่นไม่ได้ถูกต้องซะทีเดียว ข้าไม่รู้ว่าจะบรรยายถึงการมีอยู่ของสปิริตที่เป็นนามธรรมได้ยังไง”


“ข้าจะยกตัวอย่างให้เจ้าฟังล่ะกัน” พระเจ้าพูด

“พ่อแม่คู่หนึ่งจะเป็นตัวกำหนดพันธุกรรมของลูกที่เกิดขึ้นมา แต่ถึงพ่อและแม่จะมีลูกฝาแฝด ยีนของลูกทั้งสองคนก็จะไม่เหมือนกัน เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น ลักษณะนิสัยและร่างกายของพวกเขาก็จะพัฒนาขึ้นไม่เหมือนกัน นั่นเป็นผลลัพธ์จากสปิริตของแต่ละคน”


หานเซิ่นลังเลและพูด “ยีนของฝาแฝดแตกต่างกัน นั่นเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอ?” เขายังคงไม่เข้าใจว่าสปิริตคืออะไร


พระเจ้าคิดอยู่ชั่วครู่และพูด “บางทีตัวอย่างนั่นอาจจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เจ้าควรจะรู้ว่ายีนสืบทอดระหว่างรุ่นสู่รุ่นใช่ไหม? ตามทฤษฎียีนที่ฝาแฝดสืบทอดมาก็ควรจะเหมือนกันกับยีนดั้งเดิมของสิ่งมีชีวิตรุ่นก่อน แบบนั้นสิ่งมีชีวิตฝาแฝดก็ควรจะมีลักษณะนิสัยที่เหมือนกัน แต่ในความจริงแล้ว ถ้าฝาแฝดคู่หนึ่งถูกปล่อยให้เติบโตอย่างอิสระ รูปร่างและร่างกายของพวกเขาก็จะแตกต่างกันออกไป แม้แต่ลักษณะนิสัยของพวกเขาก็ด้วย นั่นเป็นเพราะสปิริตของแต่ละคน”


เมื่อได้ยินแบบนั้น หานเซิ่นก็ดูเหมือนจะทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ นี่ไม่ใช่คำถามที่สามารถตอบผ่านคำพูดได้ มันไม่มีคำพูดที่ถูกต้องที่จะมาอธิบายมันได้


พระเจ้ารู้ดีว่าหานเซิ่นยังคงไม่ค่อยจะเข้าใจ เขาจึงชี้ไปยังสกายไวน์แรดิชที่กำเนิดขึ้นใหม่และพูดต่อ

“อย่างเช่นสกายไวน์แรดิช สกายไวน์แรดิชที่กำเนิดขึ้นมาใหม่ควรจะมีสปิริตที่เหมือนเดิม นั่นหมายความว่าสกายไวน์แรดิชที่กำเนิดขึ้นใหม่จะดำรงชีวิตต่อจากสกายไวน์แรดิชคนก่อน แต่ตอนนี้สกายไวน์แรดิชที่กำเนิดขึ้นมาใหม่นั้นไม่มีสปิริตอยู่ นั่นหมายความว่าเขาเป็นแค่แบบจำลองของยีนของสกายไวน์แรดิช ร่างกายนั้นเหมือนกัน แต่ในทางหนึ่ง เขาไม่เหมือนกับสกายไวน์แรดิชคนก่อน”


“มันต่างกันยังไง?” หานเซิ่นดูเหมือนจะเริ่มเข้าใจเล็กน้อย


“สำหรับเจ้าแล้ว สิ่งที่แตกต่างที่สุดก็ควรจะเป็นความจริงที่ว่าเขาจำไม่ได้ว่าเจ้าเป็นคนที่ฆ่าเขาก่อนที่จะเกิดใหม่ที่นี่” พระเจ้าพูด

“และถึงเขาจะรู้เรื่องนั้น เขาก็จะไม่สนใจ ถ้าไม่มีสปิริตของสกายไวน์แรดิชคนก่อนอยู่ เขาก็จะไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับสกายไวน์แรดิชในอดีต เขาจะไม่สนใจเรื่องของสกายไวน์แรดิชคนก่อน”


ในตอนที่หานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้สึกดีใจ

“นั่นหมายความว่าการที่เขาไม่มีสปิริตถือเป็นเรื่องดีน่ะสิ นั่นหมายความว่าเขาจะไม่มีสปิริตอีกไปตลอดการอย่างนั้นหรอ?”


“พระเจ้าแบบไหนกันที่ไม่มีสปิริตอยู่? สิ่งมีชีวิตนั้นควรจะมีสปิริตอยู่เสมอ แต่สปิริตใหม่นั้นควรจะไม่เหมือนกับสปิริตเดิม ดังนั้นสปิริตของเขาจะแตกต่างไปจากสกายไวน์แรดิชคนก่อน” พระเจ้ามองไปที่สกายไวน์แรดิชขณะที่เขาพูด


ในเวลานี้แสงสีเขียวบนแท่นได้หายไปแล้ว และสกายไวน์แรดิชก็เกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เขาดูเหมือนกับพระเจ้าที่กำลังยืนอยู่บนแท่นบูชา เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมา


หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘ถึงแม้สกายไวน์แรดิชจะจดจำเรื่องในอดีตไม่ได้ แต่เขาก็คงจะไม่ยกโทษให้กับสิ่งมีชีวิตที่กล้าเข้ามาในวิหารของเขา’


แต่สายตาของสกายไวน์แรดิชนั้นมองผ่านหานเซิ่นไปที่พระเจ้าอย่างน่าประหลาดใจ หานเซิ่นอ้าปากค้าง และเขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น


สกายไวน์แรดิชนั้นมีร่างกายที่เหมือนกับยักษ์ แต่แล้วจู่ๆเขาก็กระโดดลงไปอยู่กับพื้นในท่าคุกเข่า หน้าผากของเขาติดกับพื้นขณะที่ร่างกายของเขากำลังสั่นไหว


หานเซิ่นรู้สึกตกใจอย่างมาก ถึงแม้เขาจะรู้ว่าพระเจ้าคนนี้เหนือกว่าสกายไวน์แรดิช แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าเพียงแค่ได้เห็นพระเจ้าคนนี้ มันก็จะทำให้สกายไวน์แรดิชมีท่าทางแบบนั้นแล้ว เขาดูหวาดกลัวยิ่งกว่าหนูที่เผชิญหน้ากับแมวซะอีก


อย่างน้อยถ้าหนูตัวหนึ่งเห็นแมว มันก็ยังจะวิ่งหนีได้ แต่สกายไวน์แรดิชในตอนนี้ดูเหมือนกับว่าแค่จะวิ่งหนี เขาก็ทำไม่ได้ เขาได้แต่คุกเข่าลงกับพื้นขณะที่ตัวสั่นไม่หยุด


“ไปกันเถอะ มันเกือบจะถึงเวลาแล้ว มันยังมีการประลองอีกหลายรอบที่ข้าอยากจะดู”

พระเจ้าไม่ได้สนใจสกายไวน์แรดิช เขาแค่ยืดเส้นยืดสายขณะที่เดินออกไปจากวิหาร


หานเซิ่นหันไปมองสกายไวน์แรดิชที่กำลังคุกเข่าโดนไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้นมา ก่อนที่จะออกไปจากวิหารพร้อมกับพระเจ้า


หลังจากที่ออกไปจากวิหาร หานเซิ่นก็หันกลับมามองอยู่หลายครั้ง ในตอนที่เขายังเห็นวิหารได้นั้น หานเซิ่นจะเห็นว่าสกายไวน์แรดิชยังคงหวาดกลัวและยังไม่ลุกกลับขึ้นมา


ในตอนที่เขาก้าวลงไปจากบันไดหินขั้นสุดท้าย สภาพแวดล้อมรอบๆตัวของหานเซิ่นก็เปลี่ยนไป เขากลับมาอยู่ภายในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์อีกครั้ง


“ข้าทำในสิ่งที่เจ้าต้องการให้แล้ว ในการประลองรอบต่อไป เจ้าจะต้องเป็นฝ่ายชนะ ข้าเชื่อในตัวเจ้า” พระเจ้ายิ้มให้กับหานเซิ่นขณะที่เขาพูด


“ข้าก็เชื่อในตัวของข้าเองเช่นกัน” หานเซิ่นลูบจมูก


พระเจ้ากลับไปที่สวน ส่วนหานเซิ่นอยู่ที่ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ต่อโดยใช้ข้ออ้างว่าเขาจะล่าซีโน่เจเนอิคเพิ่ม หลังจากที่เห็นพระเจ้าจากไปแล้ว หานเซิ่นก็มองเข้าไปในจิตและตรวจเช็คเทพสปิริตของสกายไวน์แรดิช


หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘นี่หมายความว่าเทพสปิริตคือสปิริตที่พระเจ้าพูดถึงอย่างนั้นหรอ? เนื่องจากเทพสปิริตถูกชิงเอาไป สกายไวน์แรดิชจึงกำเนิดขึ้นมาใหม่โดยที่ไม่มีสปิริตอยู่ และด้วยเหตุนั้นมันจะมีสปิริตใหม่เกิดขึ้นมาแทน? ถ้าแบบนั้นจริงๆแล้ววิญญาณอสูรก็คือสปิริตของสิ่งมีชีวิตระดับต่ำอย่างนั้นหรอ?’


“แต่เดี๋ยวก่อนนะ… พระเจ้าบอกว่าซีโน่เจเนอิคในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ไม่มีสปิริตอยู่ สปิริตของพวกมันหายไปไหนกัน? นี่กษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิงเอาสปิริตของพวกมันออกไปอย่างนั้นหรอ? ถ้าวิญญาณอสูรคือสปิริตของพวกมันจริงๆ แบบนั้นมนุษย์ฆ่าซีโน่เจเนอิคและชิงเอาสปิริตของพวกมันมาได้ยังไงกัน? แม้แต่เทพสปิริตก็ยังถูกดึงออกมา” หานเซิ่นครุ่นคิด


หานเซิ่นรู้สึกว่าเขากำลังเข้าใกล้ความจริงบางอย่าง แต่เขายังคงมีข้อมูลน้อยเกินไป มันเหมือนกับว่าเขาเห็นเงาๆหนึ่งผ่านกระดาษ แต่เขาไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่หลังกระดาษได้


“ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะต้องรอจนกระทั่งเรากลายเป็นขั้นทรูก็อตซะก่อน เราจำเป็นต้องเข้าไปในจีโนฮอลล์และหาคำตอบที่นั่น”

หานเซิ่นถอนหายใจและเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ การคิดมากเกินไปไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขา การเพิ่มพลังของตัวเองนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้


“ว่าแต่หอกสกายไวน์แรดิชก็อตจะมีพลังมากขนาดไหนกัน”

หานเซิ่นลองเอาหอกสกายไวน์แรดิชก็อตไปเก็บเอาไว้ภายในจิตของเขา และมันก็ได้ผล หอกสกายไวน์แรดิชก็อตเป็นเหมือนกับวิญญาณอสูร หานเซิ่นเพียงแค่ต้องคิดเกี่ยวกับมันและหอกก็จะปรากฏในมือของเขา


“ถ้าอย่างนั้นอาวุธประจำตัวพระเจ้าก็ใส่เข้าไปในจิตได้ด้วยงั้นสินะ?” สีหน้าของหานเซิ่นดูซับซ้อน

 

 

 


ตอนที่ 2857

 

 


หานเซิ่นเปิดประตูเพื่อปราสาทต่อไป และเขาก็เห็นว่าซีโน่เจเนอิคที่ดูเหมือนกับสิงโตอยู่ภายใน เขายกหอกสกายไวน์แรดิชก็อตขึ้นและแทงออกไป


มันเป็นซีโน่เจเนอิคขั้นบัตเตอร์ฟลาย ดังนั้นมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหานเซิ่นอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นวิวัฒนาการสู่ขั้นบัตเตอร์ฟลาย การจะฆ่าซีโน่เจเนอิคแบบนี้ก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา


แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหานเซิ่นอยากจะทดสอบพลังของหอกสกายไวน์แรดิชก็อต


หานเซิ่นรู้สึกกลัวว่ามันอาจจะทำงานเหมือนกับขนนกฟินิกซ์ที่ไม่สามารถทำอะไรสิ่งมีชีวิตธรรมดาของจักรวาลได้ และสร้างความเสียหายได้เฉพาะกับพระเจ้าเท่านั้น


หอกสกายไวน์แรดิชก็อตเรืองแสงสีเขียนออกมา มันพุ่งทะลุผ่านอกของซีโน่เจเนอิค หานเซิ่นตกใจกับเรื่องนั้น อาวุธประจำตัวพระเจ้านั้นสามารถใช้กับสิ่งมีชีวิตธรรมดาๆของจักรวาลได้


หานเซิ่นดึงหอกสกายไวน์แรดิชก็อตกลับมา เขาไม่เห็นเลือดของซีโน่เจเนอิคไหลออกมา แต่เขาเห็นเถาวัลย์งอกออกมาจากบาดแผล พวกมันเติบโตอย่างรวดเร็ว และในเวลาชั่วพริบตาพวกมันก็พันรอบร่างกายทั้งร่างของซีโน่เจเนอิค มันกลายเหมือนกับไข่เถาวัลย์ขนาดใหญ่


ไข่เถาวัลย์ตายไปอย่างรวดเร็ว ในตอนที่เถาวัลย์แห้งเหี่ยวและหลุดออกไปจากร่างของซีโน่เจเนอิค เจ้าซีโน่เจเนอิคก็ไม่หลงเหลือพลังชีวิตอีกต่อไป มันกลายเป็นเปลือกนอกที่แห้งเหือด


“ซีโน่เจเนอิคก็อตพาเวอร์ไลอ้อนระดับเทพเจ้าถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”


เมื่อได้เห็นแบบนั้น หานเซิ่นก็รู้สึกหนาวขึ้นมา สิ่งมีชีวิตขั้นบัตเตอร์ฟลายนั้นถูกฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เถาวัลย์ที่งอกออกมาจากบาดแผลนั้นดูดพลังชีวิตของมันจนแห้งเหือด นั่นเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าการใช้มีดเพื่อฆ่ามัน


เมื่อหานเซิ่นคิดเกี่ยวกับการที่เถาวัลย์งอกออกมาจากร่างกายของตัวเอง มันก็ทำให้เขารู้สึกขนลุก เขารีบลบความคิดนั้นทิ้งไป


“พลังของหอกนี้เทียบได้กับโล่เมดูซ่าส์เกซ ด้วยพลังของเราในตอนนี้ เราควรจะใช้โล่เมดูซ่าส์เกซและแส้เหล็กเทพเสน่หาได้ แถมเรายังมีสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์ กระจกไนน์สปินเดสทินี้และขวดไซเรนอีก เราควรจะต่อสู้กับยอดฝีมือขั้นทรูก็อตได้แล้ว” หานเซิ่นไม่เคยต่อสู้กับยอดฝีมือขั้นทรูก็อตมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะแน่ใจได้


“กระจกไนน์สปินเดสทินี้และขวดไซเรนดูเหมือนจะไม่มีพลังโจมตีใดๆ พวกมันเป็นสมบัติพิเศษที่หาได้ยาก ส่วนสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์อยู่กับนางฟ้า ตอนนี้เราจึงใช้ได้แค่โล่เมดูซ่าส์เกซและแส้เหล็กเทพเสน่หา หรือบางทีเราควรจะลองใช้แส้เหล็กเทพเสน่หาดู ในตอนนี้เราคงจะไม่ถูกพลังของมันครอบงำอีกแล้ว”

หานเซิ่นสังเกตว่าเขามีสมบัติดีๆอยู่หลายอย่าง แต่สมบัติบางชิ้นนั้นมีพลังที่ไม่ได้เหมาะกับการใช้ต่อสู้โดยตรง


แน่นอนว่าสมบัติส่วนใหญ่ถูกเก็บมาในตอนที่หานเซิ่นเป็นหานเซิ่น ดังนั้นเขาไม่มีแผนจะใช้พวกมันในการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน


“ถ้าโชคเข้าข้างเราล่ะก็ แค่หอกสกายไวน์แรดิชก็อตก็ควรจะทำให้เราติดอันดับหนึ่งในร้อย” หานเซิ่นลูบหอกสกายไวน์แรดิชก็อต เขาชอบมันมากๆ


หานเซิ่นกลับไปที่สวนและเห็นว่าพระเจ้ากำลังนั่นอยู่บนเก้าอี้ ขณะที่มองดูการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน


“เจ้ากลับมาได้เวลาพอดี จนถึงตอนนี้นี่ควรจะเป็นการประลองนัดที่น่ามหัศจรรย์ที่สุด เจ้ารีบมาดูมัน” พระเจ้ายิ้มให้กับหานเซิ่น


หานเซิ่นมองไปที่สนามประลอง ที่นั่นเขาเห็นคนเผ่าดราก้อนที่ไม่คุ้นเคย ถึงเขาจะไม่รู้ว่าดราก้อนคนนั้นเป็นใคร แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายนั้นน่าสะพรึงกลัวมากๆ


หานเซิ่นมองไปที่รายชื่อและเห็นว่ามันเป็นการประลองระหว่างดราก้อนวันและเดม่อนอัลฟ่า


“นั่นไม่ใช่ดราก้อนวันที่เรารู้จัก นั่นคงจะต้องเป็นดราก้อนวันจากรุ่นก่อน ดูเหมือนว่าดราก้อนวันคนนี้จะมีอายุพอๆกับผู้นำปราสาทนภา แต่เขาเป็นระดับเทพเจ้าขั้นไหนกัน”

หานเซิ่นมองไปรอบๆสนามประลอง แต่เขาไม่เห็นเดม่อนอัลฟ่า ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังคงไม่ได้เข้ามาในสนามประลอง


หานเซิ่นรู้สึกสนใจในเดม่อนอัลฟ่ามากกว่า นั่นก็เพราะว่าเผ่าเดม่อนดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับชูร่า หานเซิ่นคิดว่าเดม่อนอัลฟ่านั้นอาจจะเป็นชูร่าคนแรกสุดที่เข้ามาในจักรวาลจีโน


“มันเพิ่งจะผ่านมาแค่หนึ่งร้อยปี แต่ดราก้อนคนนี้กลับพัฒนาจากขั้นพริมิทีฟมาจนถึงขั้นทรูก็อตได้สำเร็จ” พระเจ้าพูด

“เขาคงจะต้องใช้วิชาสืบทอดสายเลือดของเผ่าดราก้อน ไม่อย่างนั้นมันก็ควรจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”


หานเซิ่นไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาจึงถามว่า “วิชาสืบทอดสายเลือดอะไร?”


พระเจ้าตอบ “ดราก้อนมีวิชาจีโนที่จะสืบทอดสายเลือดจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง ในตอนที่ดราก้อนแก่ชรา พวกเขาจะถ่ายทอดพลังยีนของพวกเขาไปสู่ดราก้อนอีกคน นั่นทำให้ยีนของดราก้อนคนนั้นเติบโตอย่างรวดเร็วมากๆ มันมีเผ่าพันธุ์หลายเผ่าที่มีวิชาจีโนเหมือนๆกันนี้ แต่วิชาจีโนของพวกเขาไม่ได้ดีเหมือนอย่างของเผ่าดราก้อน เผ่าบุดด้าได้เรียนรู้วิชานี้ไปจากเผ่าดราก้อนและผ่านปรับแต่งของพวกเขา พวกเขาสร้างวิชาจีโนที่คล้ายคลึงกันขึ้นมา แต่มันก็ยังยุ่งยากกว่าวิชาสืบทอดสายเลือดของเผ่าดราก้อนมาก และผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่ได้ดีเหมือนกับของเผ่าดราก้อน”


“ดราก้อนคนนี้เป็นขั้นทรูก็อต? นี่หมายความว่าอัลฟ่าเดม่อนจะเป็นฝ่ายแพ้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรู้สึกสับสน


เมื่อครู่นี้พระเจ้าเพิ่งจะบอกว่านี่เป็นการต่อสู้ที่น่ามหัศจรรย์ที่สุด แต่ถ้าเดม่อนอัลฟ่าจะเป็นฝ่ายแพ้แน่ๆ มันจะมีอะไรมหัศจรรย์เกี่ยวกับเรื่องนั้น?


หานเซิ่นไม่เชื่อว่าเดม่อนอัลฟ่าจะต่อสู้กับดราก้อนวันที่เป็นขั้นทรูก็อตได้ เพราะยังไงซะเดม่อนก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่กำเนิดขึ้นมาใหม่ อันดับของพวกเขาไม่ถือว่าสูงมากนักในหมู่เผ่าพันธุ์ชั้นสูง มันยากมากๆที่เผ่าเดม่อนจะมียอดฝีมือขั้นทรูก็อตอยู่ในหมู่ของพวกเขา


ความจริงแล้วทุกๆคนก็คิดเหมือนๆกัน ไม่มีใครเชื่อว่าเดม่อนอัลฟ่าจะเอาชนะดราก้อนวันได้ เพราะยังไงซะเผ่าดราก้อนก็ถูกกล่าวขานว่ากล้าหาญที่สุดในจักรวาล ในตอนที่พวกเขาไปถึงขั้นทรูก็อต พลังของพวกเขาจะแข็งแกร่งเหนือจินตนาการ พวกเขาสามารถทนต่อการโจมตีธาตุกว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ มันเหมือนกับว่าพวกเขามีร่างกายที่ไม่สามารถถูกทำลายได้


“ถ้าดราก้อนวันชนะอีกสองครั้ง เจ้าจะได้ต่อสู้กับเขา ข้าสงสัยจังว่าครั้งนี้ใครกันที่จะเป็นฝ่ายชนะ” ผู้หญิงคนหนึ่งยิ้มให้กับผู้นำปราสาทนภา


ในระหว่างการประลองของบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโน ผู้นำปราสาทนภาเอาชนะดราก้อนวันและได้อันดับที่หนึ่งในระดับราชันมาได้สำเร็จ ดราก้อนวันจึงได้อันดับที่สองไป


ผู้นำปราสาทนภาหัวเราะ “เขาพ่ายแพ้ให้กับข้ามาครั้งหนึ่งแล้ว ถึงจะต่อสู้กันอีกครั้ง เขาก็จะไม่มีวันเอาชนะข้าได้ ไม่สำคัญว่าเขาจะต่อสู้กับข้าสักกี่ครั้ง ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะเป็นเหมือนเดิม แถมเขาจำเป็นต้องเอาชนะเดม่อนอัลฟ่าให้ได้ซะก่อน”


“เผ่าเดม่อนยังคงไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่ง” ผู้หญิงคนนั้นพูด

“แบบนั้นเดม่อนอัลฟ่าจะเอาชนะดราก้อนวันที่เป็นถึงขั้นทรูก็อตได้ยังไง?”


“มันบอกได้ยาก” ผู้นำปราสาทนภาพูด

“ต้นกำเนิดของเผ่าเดม่อนนั้นเป็นปริศนา พลังศาสตร์มารนภาของพวกเขามีพลังเหตุและผล เจ้าจะประมาทเผ่าพันธุ์นี้ไม่ได้ แถมเผ่าเดม่อนก็ขึ้นมาเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงสักพักหนึ่งแล้ว แต่มันก็ยังไม่มีใครรู้ว่าพลังของเดม่อนอัลฟ่าคืออะไร มันเห็นได้ชัดว่าเดม่อนอัลฟ่านั้นเป็นคนที่พิเศษ”


ผู้หญิงคนนั้นไม่เห็นด้วยกับที่ผู้นำปราสาทนภาพูด

“ความลึกลับนั้นไม่ได้มีความหมายอะไร ถึงแม้เดม่อนอัลฟ่าจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์ แต่เขาก็ไม่มีทรัพยากรที่เพียงพอ ด้วยทรัพยากรอันน้อยนิดที่เผ่าเดม่อนมี ข้าจะประหลาดใจมาก ถ้ามันมีระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลายอยู่ในหมู่พวกเขา นอกซะจากพวกเขาจะเหมือนกับดราก้อนวันที่ได้รับการถ่ายทอดสายเลือดมาจากดราก้อนรุ่นก่อน ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีหนทางไหนที่เขาจะกลายเป็นขั้นทรูก็อตได้? และถ้าเขายังไม่ถึงขั้นทรูก็อต เขาก็ไม่มีหวังที่จะต่อสู้กับดราก้อนวันได้”


ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน เงาคนๆหนึ่งก็เข้ามาในสนามประลอง เงานั้นมืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไร มันเหมือนกับว่าเงารูปร่างมนุษย์กำลังเดินผ่านอวกาศมา


หานเซิ่นรวบรวมพลังเพื่อจะดูว่าเดม่อนอัลฟ่ามีหน้าตาเป็นยังไง แต่ทั้งหมดที่เขามองเห็นก็คือความมืดมิด

 

 

 


ตอนที่ 2858

 

ดราก้อนวันมองไปที่เดม่อนอัลฟ่าเหมือนกับที่ราชามองลงไปที่บ่าวไพร่ ปีกคู่สีทองด้านหลังของเขายังคงหุบอยู่ราวกับว่าเขาไม่คิดจะลงมือในทันที


“เดม่อนอัลฟ่า ข้าเคยได้ยินมาว่าเผ่าเดม่อนนั้นเชี่ยวชาญในพลังเหตุและผล แสดงให้ข้าดูว่าเจ้าทำอะไรได้” ดราก้อนวันพูดขณะที่ยังคงยืนอยู่นิ่งๆ


เดม่อนอัลฟ่าถูกปกคลุมในเงามืดอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครมองเห็นใบหน้าของเขาได้ และเขาก็ไม่ได้ตอบกลับดราก้อนวัน เขายกมือขวาขึ้นและฟันใส่ดราก้อนวันด้วยฝ่ามือของเขา


หานเซิ่นจับจ้องไปที่เดม่อนอัลฟ่า เขาเห็นเดม่อนอัลฟ่าแกว่งมือ แต่มันไม่มีพลังอะไรออกมา มันเหมือนกับว่าเขาแค่แกว่งฝ่ามือไปมั่วๆ


“มันเป็นพลังอาชูร่าจริงๆด้วย” ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ได้ฝึกศาสตร์อาชูร่า แต่เขาก็ศึกษามันมาเป็นเวลานาน เขาคุ้นเคยกับพลังของมันเป็นอย่างดี


ฝ่ามือของเดม่อนอัลฟ่าไม่ก่อให้เกิดคลื่นพลังใดๆ เห็นได้ชัดว่านั่นคือระดับสูงสุดของศาสตร์อาชูร่า หนึ่งเฉือนตัดเหตุ


มีเสียงประหลาดดังขึ้นมา ทุกคนหันไปมองที่คอของดราก้อนวันและเห็นว่ามันมีรอยเล็กๆบนเกล็ดสีทองของเขา มันบางเหมือนกับเส้นผมเส้นหนึ่ง ดูเหมือนว่าการโจมตีของเดม่อนอัลฟ่าจะไม่สามารถตัดผ่านเกล็ดมังกรของดราก้อนวันได้


“พลังเหตุและผลเป็นอะไรที่ทรงพลังจริงๆ มันทำให้ข้าตอบสนองอะไรไม่ได้ นั่นเป็นอะไรที่ไม่เลว” ดราก้อนวันจ้องไปที่เดม่อนอัลฟ่าและพยักหน้า


ในขณะที่เขากำลังพูด เกล็ดของเขาก็ฟื้นตัวของมันเอง รอยที่เกิดขึ้นค่อยๆจางหายไปในเวลาไม่นาน


ผู้หญิงที่อยู่กับผู้นำปราสาทนภาถามขึ้นว่า “พลังของเดม่อนอัลฟ่าทิ้งรอยเอาไว้บนเกล็ดของดราก้อนวันได้เลยหรือเนี่ย? นี่เขากลายเป็นขั้นทรูก็อตแล้วจริงๆอย่างนั้นหรอ?”


“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นแบบนั้น” ผู้นำปราสาทนภามองไปที่อัลฟ่าเดม่อนด้วยความสนใจ


“ไม่คิดเลยว่าเดม่อนอัลฟ่าจะกลายเป็นขั้นทรูก็อตแล้วจริงๆ แต่ถึงยังไงมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี” ผู้หญิงคนนั้นพูด

“ร่างกายเทพมังกรของดราก้อนวันนั้นต้านทานพลังได้เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้าเดม่อนอัลฟ่าสร้างความเสียหายกับดราก้อนวันไม่ได้ เขาจะเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ในครั้งนี้”


“ร่างกายเทพมังกรของดราก้อนวันเป็นสิ่งที่ทรงพลังก็จริง แต่พลังเหตุและผลนั้นเป็นอะไรที่ลึกลับมากๆเช่นกัน มันบอกได้ยากว่าใครกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายชนะ” ผู้นำปราสาทนภาไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้หญิงคนนั้น


ขณะเดียวกันพวกผู้ชมที่กำลังดูการต่อสู้อยู่ก็รู้สึกตกใจกับความสามารถของเดม่อนอัลฟ่าเช่นกัน เหล่ายอดฝีมือรู้ว่าดราก้อนวันเป็นถึงขั้นทรูก็อตเรียบร้อยแล้ว และเนื่องจากเดม่อนอัลฟ่าสามารถทิ้งรอยเอาไว้บนเกล็ดมังกรของดราก้อนวันได้ มันก็มีโอกาสกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่เดม่อนอัลฟ่าจะเป็นขั้นทรูก็อตด้วยเช่นเดียวกัน


“ไม่อยากเชื่อเลยว่าภายในเผ่าพันธุ์เล็กๆอย่างเผ่าเดม่อนจะมียอดฝีมือขั้นทรูก็อตอยู่ด้วย” ราชาไป๋มองไปที่เดม่อนอัลฟ่าด้วยความสนใจ


“ท่านราชา หลังจากการต่อสู้นี้ พวกเราควรจะไปที่เผ่าเดม่อนเพื่อรับตัวเขามาทำงานให้กับพวกเราไหม?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งเสนอขึ้นมา


“รอดูก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในการต่อสู้นี้ เดม่อนอัลฟ่าไม่ใช่บุคคลที่เรียบง่ายแบบนั้น” ราชาไป๋พูด


บนสนามประลองอวกาศ ดราก้อนวันมองไปที่เดม่อนอัลฟ่าและยังคงไม่เริ่มลงมือ เขาถามขึ้นว่า “ทำไมเจ้าไม่โจมตีต่อ”


“ถ้าข้าโจมตีอีกครั้ง เจ้าจะต้องตาย เผ่าเดม่อนไม่อยากจะเป็นศัตรูกับเผ่าดราก้อน ข้าขอแนะนำให้เจ้าถอนตัวไปซะตอนนี้”

เสียงของเดม่อนอัลฟ่าเป็นอะไรที่ว่างเปล่า มันไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ เสียงของเขาเหมือนกับเสียงที่เกิดจากเครื่องสังเคราะห์เสียง


แต่สิ่งที่เขาพูดออกมาทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตในจักรวาลคิดว่าเขาเป็นคนบ้า


“เดม่อนอัลฟ่าคนนี้บ้าไปแล้ว เขาไม่แม้แต่จะฟันผ่านเกล็ดของดราก้อนวันได้ นี่เขายังมีหน้ามาพูดอะไรแบบนั้นอีกอย่างนั้นหรอ?”


“ข้าเดิมพันว่าเขาไม่เคยเอาชนะคู่ต่อสู้นอกเหนือจากคนในเผ่าพันธุ์ของเขามาก่อน นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้”


“เขากล้าพูดแบบนั้นต่อหน้าดราก้อนที่กล้าหาญที่สุดของจักรวาลได้ยังไง เดม่อนอัลฟ่าคนนั้นคงจะอยากตายมากสินะ”


ทุกคนต่างก็คิดว่าเมื่อเทียบกันแล้ว ดราก้อนวันนั้นแข็งแกร่งกว่าเดม่อนอัลฟ่า


“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ดราก้อนไม่มีคนขี้ขลาดที่กลัวความตาย ข้าจะยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าเจ้าฆ่าข้า ข้ารับประกันกับเจ้าได้เลยว่าเผ่าเดม่อนจะไม่กลายเป็นศัตรูของเผ่าดราก้อน และจากนี้เป็นต้นไปเผ่าดราก้อนจะยอมเชื่อฟังเผ่าเดม่อน” ดราก้อนวันหัวเราะออกมา


เดม่อนอัลฟ่าไม่พูดอะไรอีก เขายกฝ่ามือขึ้นและใช้มันเหมือนกับมีด เขาฟันออกไปใส่ดราก้อนวันอีกครั้ง


ทันใดนั้นสีหน้าของดราก้อนวันก็เปลี่ยนไป ขณะที่จ้องไปที่มือของเดม่อนอัลฟ่า ร่างกายของเขาปลดปล่อยโซ่สสารออกมาอย่างกะทันหัน โซ่สสารสีทองที่น่ากลัวกลายเป็นมังกรสีทองที่ห้อมล้อมรอบๆตัวของเขา เขาดูเหมือนกับเทพมังกรที่ลงมาจุติ


หัวใจของทุกคนเต้นรัวๆราวกับว่าพวกมันจะเด้งออกมาจากอก ถึงแม้จะไม่มีใครคิดว่าเดม่อนอัลฟ่าจะตัดผ่านร่างกายของดราก้อนวันได้ แต่ถ้าดราก้อนวันจะป้องกันการโจมตีที่เข้ามาอย่างเอาจริงเอาจัง มันก็ทำให้ผู้ชมรู้สึกหนักอึ้งไปด้วยแรงกดดัน


มือของเดม่อนอัลฟ่านั้นฟันออกไปอย่างช้าๆ เหมือนกับว่ามันไม่ได้มีพลังใดๆแฝงอยู่ มันเหมือนกับว่าเขาแค่ทำเล่นๆ มันทำให้ผู้คนยากที่จะเชื่อว่าฝ่ามือที่ดูไร้พลังของเขานี้จะสามารถฆ่าดราก้อนขั้นทรูก็อตได้


ทันใดนั้นเลือดมังกรสีทองก็ไหลทะลักออกมา โซ่สสารที่ดูเหมือนกับมังกรสีทองแตกสลาย หัวของดราก้อนวันกระเด็นออกไปและทิ้งเลือดสีทองเอาไว้ตามทาง


ทุกสิ่งมีชีวิตที่มองดูการต่อสู้นี้แข็งทื่อไป ทั้งจักรวาลตกอยู่ในความเงียบสงัด


การฟันเพียงครั้งเดียวตัดหัวของคนเผ่าดราก้อน และมันเป็นดราก้อนวันที่เป็นถึงขั้นทรูก็อตอีกด้วย นั่นเป็นอะไรที่ยากจะเชื่อได้


“ข้า…ข้า…ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม?… นั่นเป็นดราก้อนวันของเผ่าดราก้อนนะ… หัวของเขาถูกตัดขาดง่ายๆแบบนั้นได้ยังไงกัน?”


“พลังมารนภาจะสุดยอดเกินไปแล้ว… เดม่อนอัลฟ่าน่ากลัวอะไรขนาดนี้…”


“จากนี้เป็นต้นไป ข้ากลัวว่าเผ่าเดม่อนจะกลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”


“จริงหรือเนี่ย? แค่ฝ่ามือเดียวก็ตัดหัวของดราก้อนวันได้”


ทุกคนในจักรวาลตกตะลึงอยู่เป็นเวลานาน


“ในการประลองบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนนี้ มันมีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงมากมาย”

ผู้นำปราสาทนภาพูดพร้อมกับถอนหายใจ “ทั้งโกลเด้นโกรวเลอร์ ทั้งเดม่อนอัลฟ่า ทั้งดอลลาร์และโหลวเลี่ยคนนั้น… จักรวาลนี้มียอดฝีมือที่น่ากลัวอยู่เยอะเกินไป”


“จักรวาลนี้เป็นจักรวาลที่กว้างใหญ่” ผู้หญิงคนนั้นพูดขณะที่มองไปที่เดม่อนอัลฟ่า


“จักรวาลที่กว้างใหญ่ก็เป็นจักรวาลที่โกลาหลด้วยเช่นกัน ช่วงเวลาที่สงบสุขนั้นจบลงแล้ว หลังจากที่การประลองนี้จบลง ข้ากลัวว่าจักรวาลนี้จะถูกพลิกผัน” ผู้นำปราสาทนภาไม่ได้ตื่นเต้นกับเรื่องนี้ เขายิ้มแห้งๆออกมาและส่ายหัว


“ข้าไม่เข้าใจเดม่อนอัลฟ่าทำแบบนั้นได้ยังไง” ผู้หญิงพูดขึ้นมาขณะที่มองไปที่ผู้นำปราสาทนภา


ผู้นำปราสาทนภาเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นมา “เมื่อคำนึงถึงพลังเหตุและผลในอดีตและผลลัพธ์ในวันนี้ มันไม่สำคัญว่าดราก้อนวันจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาไม่อาจจะต้านเหตุที่เขามีอยู่ก่อนแล้วได้”


ใบหน้าของผู้หญิงเปลี่ยนไปขณะที่เธอถามขึ้นว่า “เจ้าจะบอกว่าพลังของเดม่อนอัลฟ่าตัดไปสู่อดีตอย่างนั้นหรอ? นั่นหมายความว่าเขามีพลังเหมือนกับคนของเซเคร็ดคนนั้น?”


“ไม่ มันไม่เหมือนกัน คนของเซเคร็ดคนนั้นบิดเบือนกาลเวลาและอวกาศ ส่วนพลังของเดม่อนอัลฟ่าโฟกัสเหตุและผล ถึงแม้พลังเหตุและผลจะเป็นอะไรที่แข็งแกร่ง แต่การจะฆ่าดราก้อนวันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย”


ขณะที่เขากำลังพูด ในสนามประลองเลือดมังกรสีทองที่กระจัดกระจายออกไปก็ไหลกลับ ดราก้อนวันที่ไร้หัวนั้นยกมือขึ้นมาและหัวที่ถูกตัดออกไปก็บินกลับมาสู่มือของเขา ดราก้อนวันวางหัวกลับลงบนคอของตัวเอง เมื่อหัวกลับเข้าที่แล้ว บาดแผลบนคอของเขาก็ถูกรักษาตัวในชั่วพริบตา

 

 

 


ตอนที่ 2859

 

“ร่างกายของเผ่าดราก้อนนี่ทำให้ข้าอิจฉาจริงๆ”


“ข้าบอกเจ้าแล้ว ดราก้อนวันจะถูกฆ่าตายง่ายๆแบบนั้นได้ยังไงกัน?”


“เขากล้าหาญที่สุดในโลกจริงๆ เขายังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?”


“พลังเหตุและผลเป็นอะไรที่ลึกลับ ถึงแม้ข้าจะตั้งใจมองดูมัน ข้าก็ป้องกันมันไม่ได้ แต่ถ้าเจ้าปรารถนาจะฆ่าข้า ลำพังแค่พลังนั้นยังไม่เพียงพอ”

ดราก้อนวันลืมตาขึ้นมา เขาจ้องไปที่เดม่อนอัลฟ่าและพูดต่อ “ข้าต้องขอยอมรับว่าเจ้ามีความสามารถพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า มันเป็นเวลานานแล้วที่ข้าไม่ได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ”


หลังจากนั้นดราก้อนวันก็เอาบางสิ่งออกมา มันเป็นแท่งสีทองที่มีความยาวสองฟุต มันแบบสี่เหลี่ยมมุมฉากที่แบนเรียบ มันดูเหมือนกับไม้บรรทัด บนแท่งสีทองนั้นมีรอยสักรูปมังกรมากมายอยู่ พวกมันทั้งดูงดงามและลึกลับ


ผู้หญิงจดจำสิ่งที่ดราก้อนวันเอาออกมาได้ “บลัดดราก้อนรูเลอร์ อาวุธเผ่าพันธุ์ของเผ่าดราก้อน ดูเหมือนว่าดราก้อนวันคนนี้จะขึ้นเป็นผู้นำของเผ่าดราก้อนแล้ว”


ผู้นำปราสาทนภาดูเหมือนรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้

“เผ่าดราก้อนใช้ทรัพยากรจำนวนมากกับดราก้อนวันรุ่นนี้ เขากลายเป็นขั้นทรูก็อตในเวลาเพียงหนึ่งร้อยปี มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่เขาจะขึ้นเป็นผู้นำของเผ่าดราก้อน”


“ด้วยอาวุธเผ่าพันธุ์บลัดดราก้อนลูเรอร์ โอกาสชนะของเขาก็เพิ่มขึ้นอีก”

ผู้หญิงคนนั้นพูด “ถึงแม้เดม่อนอัลฟ่าจะแข็งแกร่ง แต่เดม่อนนั้นเพิ่งจะกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงได้เพียงไม่นาน ข้าไม่คิดว่าเผ่าเดม่อนจะมีอาวุธเผ่าพันธุ์ที่จะใช้ต่อกรกับอาวุธเผ่าพันธุ์ของดราก้อนวัน”


“บางทีอาจจะไม่” ผู้นำปราสาทนภาตอบ


ดราก้อนวันคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า บลัดดราก้อนรูเลอร์นั้นเรืองแสงสีทองออกมาและมันก็กลายเป็นมังกรเงาที่น่ากลัวเจ็ดตัวที่ห้อมล้อมดราก้อนวันเอาไว้


มังกรเงาทุกตัวดูเหมือนกับอสูรร้าย พวกมันปลดปล่อยออร่าที่น่ากลัวออกมา มันเหมือนกับว่าพวกมันสามารถเขมือบทั้งจักรวาลได้ในคำเดียว


ในจังหวะต่อมา มังกรเงาคำรามร่วมกับดราก้อนวัน หลังจากนั้นพวกมันทั้งหมดก็บินเข้าไปในร่างกายของดราก้อนวัน


ปัง!

ร่างกายของงดราก้อนวันเริ่มจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว แสงสีทองบนร่างกายของเขาดูสวยงามขณะที่กระดูกสันหลังของเขานูนขึ้นมา ริมฝีปากของเขามีเขี้ยวโผล่ออกมาให้เห็น เขาบนหัวและปีกมังกรของเขาขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง


หัวมังกรอีกหัวปรากฏบนไหล่ด้านซ้ายของดราก้อนวัน และไม่นานหัวอีกหลายหัวก็ปรากฏตามๆกันมา ภายในเวลาชั่วครู่ดราก้อนวันก็กลายเป็นมังกรทองตัวใหญ่ที่มีเก้าหัว เขาดูเหมือนกับอสูรน่ากลัวที่สามารถยึดครองโลกใบนี้ หัวทั้งเก้าหัวนั้นมองไปที่เดม่อนอัลฟ่า


ถึงแม้หานเซิ่นจะแค่มองดูการต่อสู้จากระยะไกล แต่แรงกดดันของดราก้อนวันที่กลายเป็นมังกรเก้าหัวก็ทำให้เขารู้สึกราวกับว่ากำลังหายใจไม่ออก


พระเจ้ามองไปที่มังกรเก้าหัวยักษ์สีทองและพูด “เผ่าดราก้อนนี่น่าสนใจมากๆ พวกเขาใส่ยีนและสปิริตของตัวเองลงไปในอาวุธเผ่าพันธุ์ การสังเวยแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เผ่าพันธุ์อื่นจะทำได้?”


“มังกรเงาพวกนั้นไม่ใช่พลังของอาวุธเผ่าพันธุ์หรอกหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยความแปลกใจ


“มังกรเงาหนึ่งตัวของอาวุธเผ่าพันธุ์นั้นก็คือยีนและสปิริตของดราก้อนหนึ่งคน ถ้ามันเป็นแค่สมบัติธรรมดา เผ่าดราก้อนก็จะทำแบบนั้นไม่ได้ ไม่ว่าพวกเขาจะต้องการมากสักแค่ไหนก็ตาม ถึงจะไม่ได้พูดเรื่องการที่ตัวสมบัติจะรับพลังมากขนาดนั้นได้ไหม การจะผสมผสานธาตุที่แตกต่างกันก็เป็นปัญหาเช่นกัน เพราะยังไงซะถึงแม้พวกเขาจะเป็นเผ่าดราก้อนเหมือนกัน แต่ธาตุของพวกเขาก็เป็นอะไรที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มันเป็นเรื่องยากที่ยีนของดราก้อนขั้นทรูก็อตที่มีธาตุเจ็ดธาตุที่แตกต่างกันจะมารวมกันอยู่ในสมบัติชิ้นเดียวกัน แต่อาวุธเผ่าพันธุ์ถือเป็นตัวแก้ไขปัญหาที่สมบูรณ์แบบ ตราบใดที่พวกเขาเป็นเผ่าดราก้อน พลังของพวกเขาก็จะถูกดูดซับโดยอาวุธเผ่าพันธุ์ นั่นคือวิธีการที่บลัดดราก้อนรูเลอร์มียีนของดราก้อนขั้นทรูก็อตเก้าคน”


พระเจ้าหยุดไปชั่วครู่และพูดต่อ “ด้วยอาวุธเผ่าพันธุ์นี่ มันจะเหมือนกับการต่อสู้กับดราก้อนขั้นทรูก็อตเก้าคนพร้อมๆกัน แม้แต่ยอดฝีมือของสามเผ่าพันธุ์สูงสุดก็คงจะไม่อยากต่อสู้ ถ้าพวกเขาต้องต่อสู้กับมันด้วยพลังของตัวเองเท่านั้น”


ใบหน้าของพระเจ้าดูตื่นเต้นขณะที่เขาพูดต่อไปว่า “ถ้าอาวุธเผ่าพันธุ์ของเผ่าดราก้อนจะต้องถ่ายทอดไปสู่รุ่นต่อไป ดราก้อนวันก็จะใส่ยีนและสปิริตของเขาเข้าไปข้างใน ในอนาคตถ้าเผ่าดราก้อนใส่ยีนและสปิริตของดราก้อนขั้นทรูก็อตเข้าไปในอาวุธเผ่าพันธุ์สักร้อยสักพันคน เจ้าจินตนาการได้ไหมว่ามันจะกลายเป็นสิ่งที่ทรงพลังขนาดไหน การจะครอบครองทั้งจักรวาลก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป”


“มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีดราก้อนที่เป็นขั้นทรูก็อตเป็นร้อยเป็นพันคน นั่นจะต้องใช้เวลานานมากๆ จนถึงตอนนี้เผ่าดราก้อนเพิ่งจะใส่พลังของดราก้อนขั้นทรูก็อตเข้าไปข้างในอาวุธนั่นได้แค่เจ็ดคนเท่านั้น ถ้าเจ้าอยากจะดราก้อนเป็นร้อยเป็นพันคน มันก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกกี่พันล้านปีกัน”

หานเซิ่นไม่สนใจอะไรที่ใช้เวลานานขนาดนั้น เพราะยังไงซะชีวิตของมนุษย์ก็เป็นอะไรที่สั้น เขาไม่มีวันจะมีชีวิตอยู่ถึงวันนั้น


พระเจ้าหัวเราะและพูด “พระเจ้านั้นเป็นอมตะ หนึ่งพันล้านปีสำหรับพระเจ้าแล้วเหมือนกับวินาทีหนึ่ง มันเป็นอะไรที่คุ้มค่าที่จะรอคอย”


หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เนื่องจากเขาไม่ได้เป็นอมตะ การพูดคุยเรื่องแบบนี้กับพระเจ้ามีแต่จะทำร้ายความรู้สึกของเขา


ตูม!

หนึ่งในหัวของมังกรพ่นเปลวเพลิงที่แผดเผาท้องฟ้าออกมา มันเข้าปกคลุมเกือบทั้งหมดในสนามประลองอวกาศ


เดม่อนอัลฟ่าเคลื่อนที่ออกไปจากบริเวณที่ถูกปกคลุมโดยเปลวเพลิงพร้อมกับยกมือขึ้นเพื่อจะฟันลงมา แต่ทันใดนั้นดวงตาของหนึ่งในมังกรทองทั้งเก้าก็ส่องแสงออกไปที่ร่างกายของเดม่อนอัลฟ่า หลังจากนั้นแขนของเดม่อนอัลฟ่าก็หยุดค้างไป ราวกับว่าร่างกายของเดม่อนอัลฟ่าถูกล่ามเอาไว้


“พลังธาตุไฟและธาตุอวกาศ?” หานเซิ่นแปลกใจ


“หลังจากที่ดราก้อนวันรวมกับบลัดดราก้อนรูเลอร์ มันหมายความว่าเขารวมกับยีนและสปิริตของดราก้อนขั้นทรูก็อตเก้าคน”

พระเจ้าพูด “และด้วยร่างกายมังกรทองของเขา มันก็เป็นพลังขั้นทรูก็อตเก้าอย่าง มีสิ่งมีชีวิตไม่มากนักในจักรวาลนี้ที่จะต่อกรกับดราก้อนวันในตอนนี้ได้ มันน่าเสียดายที่ข้าต้องรออีกสักพักกว่าที่จะได้เห็นดราก้อนขั้นทรูก็อตร้อยคนรวมร่างกัน”


หัวมังกรอีกสองหัวเริ่มเคลื่อนไหว หัวหนึ่งปล่อยสายฟ้าออกจากดวงตา ขณะที่อีกหัวหนึ่งพ่นลมหายใจมังกรสีดำออกมา พวกมันทั้งหมดโจมตีไปยังอัลฟ่าเดม่อนที่ถูกแช่แข็งไป


ทุกสิ่งมีชีวิตที่มองดูการต่อสู้อยู่ตกใจกับพลังของดราก้อนวัน พวกเขาคิดว่าเดม่อนอัลฟ่าจะต้องตายแน่ๆ


สายฟ้าและลมหายใจมังกรพันเข้าด้วยกัน ทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำลายโดยพลังที่น่ากลัวทั้งสองนั่น เงาของเดม่อนอัลฟ่ากำลังถูกละลาย ความมืดมิดเบาบางลงไปเรื่อยๆ ภายในเงามืดนั้นร่างกายของเดม่อนอัลฟ่าเริ่มปรากฏออกมาให้


ในตอนที่เงาถูกสะลายจนเหลือแค่ชิ้นบางๆ ผู้คนก็เห็นหน้าตาของเดม่อนอัลฟ่า


ดวงตาของหานเซิ่นเบิกกว้าง เมื่อเขาเห็นหน้าตาของเดม่อนอัลฟ่าภายในเงามืดนั้น มันเป็นเดม่อนผู้หญิงที่มีดวงตาและผมสีม่วง


ถึงแม้เขาจะไม่ได้เห็นทั้งใบหน้าของเธอ แต่หานเซิ่นก็รู้สึกว่าเขาเคยรู้จักกับเธอมาก่อน เธอดูคุ้นเคยมากๆ


ปัง!

ในตอนที่เงาชั้นสุดท้ายถูกทำลายไป ใบหน้าของเดม่อนอัลฟ่าก็ถูกเปิดเผยออกมาให้เห็นในที่สุด


เมื่อหานเซิ่นเห็นใบหน้าของเดม่อนอัลฟ่า ลูกตาของเขาก็แทบจะหลุดออกมาจากเบ้า เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้เห็น


ใบหน้าของเดม่อนอัลฟ่าดูเหมือนกับซีโร่ในตอนที่เธออยู่ในโหมดชูร่าไม่มีผิด แม้แต่ร่างกายของพวกเธอก็เหมือนกัน เพียงแต่ซีโร่ดูเหมือนกับเด็กสาว ขณะที่เดม่อนอัลฟ่าดูเหมือนกับผู้ใหญ่


“นี่เดม่อนอัลฟ่าและซีโร่เป็นฝาแฝดกันอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นอึ้งไป

 

 

 


ตอนที่ 2860 ปีศาจลงมายังโลก

 

อาชูร่าและแม่ของหานเซิ่นมีชะตากรรมบางอย่างรวมกัน ตระกูลหลัวมีวิชาจำลองนภาของชูร่า ซึ่งทำให้ตระกูลหลัวและชูร่าหยกต่อสู้กันจากรุ่นสู่รุ่น


ในระหว่างรุ่นของหลัวหลาน แม่ของหานเซิ่นต้องการจะป้องกันไม่ให้ทายาทของเธอตกลงไปสู่วัฏจักรเดิมๆ ด้วยเหตุนั้นเธอจึงปิดปิดชื่อของพวกเขาโดยหวังว่าหานเซิ่นจะได้มีชีวิตที่ปกติ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ผล หานเซิ่นได้รับวิชาจำลองนภามาโดยบังเอิญ และเขายังได้พบกับซีโร่ที่มีความเกี่ยวข้องกับเผ่าชูร่า


น้องสาวของเขาหานเหยียนก็ได้ฝึกวิชาจำลองนภาของตระกูลหลัว ตั้งแต่นั้นมาตระกูลของหานเซิ่นและชูร่าหรืออาชูร่าผู้สร้างเผ่าชูร่าขึ้นมาก็มีชะตากรรมที่มักจะทำให้พวกเขามาบรรจบกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง


หลังจากที่หานเซิ่นเข้ามาในจักรวาลจีโน เขาก็คิดว่าเผ่าเดม่อนอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับชูร่า แต่เขาขาดหลักฐานที่จะมายืนยันถึงเรื่องนั้น


แต่ตอนนี้เขาได้เห็นว่าเดม่อนอัลฟ่าดูเหมือนกับซีโร่ไม่มีผิด นั่นทำให้ในหัวของเต็มไปด้วยความคิดมากมาย


หลังจากที่เงาของเดม่อนอัลฟ่าถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว สายฟ้าและลมหายใจของมังกรที่น่ากลัวก็พุ่งเข้ามาร่วมกันเพื่อทำลายร่างกายของเธอ


แต่ในที่สุดเดม่อนอัลฟ่าก็สามารถเคลื่อนไหวได้เล็กน้อย เธอดึงเอามีดขนาดเล็กเล่มหนึ่งออกมา มีดนั้นมีความยาวน้อยกว่าหนึ่งฟุต และมันดูเหมือนกับกระดูกแห้งๆสีเทา


ในจังหวะที่เดม่อนอัลฟ่าถือมีดกระดูกแห้งน้อยๆนั่น แขนของเธอดูเหมือนจะมีพลังประหลาดบางอย่างที่สามารถทำให้มีดของเธอฟันออกไปได้


มีดกระดูกแห้งน้อยๆถูกฟันออกไปตรงหน้าของเดม่อนอัลฟ่า ในจังหวะต่อมานั้นหัวมังกรธาตุอวกาศของมังกรเก้าหัวก็ถูกตัดจนขาดและกระเด็นออกไปในอวกาศ เลือดมังกรไหลทะลักออกมา


เมื่อหัวมังกรธาตุอวกาศถูกตัดจนขาดไป พลังที่จับร่างกายของเดม่อนอัลฟ่าเอาไว้ก็หายไป หลังจากนั้นร่างกายของเธอก็ก็แว็บหายไปเหมือนกับผี และทำให้สายฟ้ากับลมหายใจมังกรพุ่งผ่านไป


ในตอนที่เดม่อนอัลฟ่าปรากฏตัว เธอก็ถูกปกคลุมในเงามืดอีกครั้งหนึ่ง แต่ผู้คนยังคงเห็นมีดกระดูกแห้งน้อยๆนั่น เนื่องจากมันไม่ได้รับผลกระทบจากความมืด


ก่อนที่สิ่งมีชีวิตที่มองดูการต่อสู้อยู่จะตอบสนองอะไรได้ ร่างกายของเดม่อนอัลฟ่าก็เคลื่อนไหวอีกครั้งเรียบร้อยแล้ว เธอแกว่งมีดกระดูกแห้งในมือของเธอ


มีดที่มีความยาวน้อยกว่าหนึ่งฟุตถูกฟันออกไปเป็นเส้นโค้งในอวกาศ มันดูเหมือนกับการฟันออกไปอย่างมั่วๆ มันไม่ได้แตกต่างอะไรจากการแกว่งพู่กันเพื่อวาดภาพ


แต่ในจังหวะต่อมา หัวมังกรธาตุไฟก็ถูกตัดขาด เลือดมังกรพุ่งออกมาจากคอที่ถูกตัดเหมือนกับลาวา หัวอีกเจ็ดหัวที่เหลืออยู่ก็ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด


ตูม!

หัวมังกรธาตุสายฟ้าขพยายามจะพ่นสายฟ้าไปใส่เดม่อนอัลฟ่าอีกครั้ง แต่ก่อนที่มันจะได้พ่นสายฟ้าออกมา หัวของมันก็ถูกตัดจนขาดเรียบร้อยแล้ว


ภายใต้แสงระยิบระยับของดวงดาวในอวกาศ ร่างกายที่เหมือนกับเงาของเดม่อนอัลฟ่าก็แว็บไปแว็บมา มีดกระดูกแห้งถูกฟันไปอย่างต่อเนื่องและส่งหัวมังกรลอยออกไปสู่อวกาศตามๆกัน เลือดมังกรพุ่งออกมาทุกหนทุกแห่งราวกับสายฝน


หัวมังกรทองทั้งเก้าหัวถูกตัดออกไปอย่างง่ายดายราวกับเป็นไก่หรือหมูตัวหนึ่ง เลือดมังกรนั้นย้อมท้องฟ้าด้วยสีทอง


ทุกสิ่งมีชีวิตมองไปที่เงามืดที่ดูเหมือนกับผีอย่างตกตะลึง พวกเขาเห็นมีดกระดูกแห้งถูกแกว่งออกไปเบาๆ ขณะที่หัวและเลือดมังกรกระเด็นออกไปทั่ว… ทุกสิ่งมีชีวิตที่มองภาพที่น่าสยดสยองนี้รู้สึกหวาดกลัวไปตามๆกัน ความกลัวของพวกเขาไม่สามารถบรรยายออกมาได้


ในเวลาอันสั้นมังกรทองเก้าหัวที่ดูไร้เทียมทานก็ถูกตัดหัวไปถึงแปดหัว มันไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้โต้กลับ ร่างกายเทพมังกรที่แข็งแกร่งเป็นเหมือนกับแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่ง โดยที่ไม่มีแม้แต่มีดแสงหรืออาวุธฟันมาถูก หัวทั้งหมดของมันก็ถูกส่งบินออกไปสู่อวกาศพร้อมกับทิ้งเลือดเอาไว้ตามทาง


แม้แต่หานเซิ่นที่รู้เกี่ยวกับวิชาจำลองนภาก็ยังรู้สึกขนลุกกับสิ่งที่ได้เห็น พลังอาชูร่าเมื่อถูกฝึกจนถึงขั้นของเดม่อนอัลฟ่านั้นเกือบจะเป็นอะไรที่ไร้เทียมทาน การโจมตีของเธอเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้


มีดกระดูกแห้งที่เป็นเหมือนกับเคียวของยมทูตถูกแกว่งผ่านอวกาศไป และหัวสุดท้ายของมังกรทองก็ถูกตัดฝ่าครึ่งพร้อมกับร่างกายขนาดยักษ์ของมังกรทอง


ทั้งจักรวาลตกอยู่ในความเงียบสงัด เลือดสีทองกระจัดกระจายไปทั่วอวกาศเหมือนกับเป็นมหาสมุทรสีทอง


แต่ทันใดนั้นหัว ร่างกายและเลือดของมังกรก็สั่นไหวในอวกาศ ดราก้อนวันพยายามจะประกอบร่างกายที่กระจัดกระจายออกไปกลับมาเป็นมังกรทองเก้าหัวอีกครั้ง


เดม่อนอัลฟ่าไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน เธอยืนนิ่งในอวกาศ ขณะที่ยกมีดกระดูกแห้งน้อยๆขึ้นและเริ่มแกว่งมันออกไป เธอดูเหมือนกับยมทูตขณะที่เธอฟันใส่ทุกสิ่ง


หัวมังกรทั้งหมดถูกตัดขาดครั้งก่อนที่พวกมันจะรวมเข้ากับร่างกายได้ และร่างกายมังกรก็ถูกตัดเป็นชิ้นๆ


หัวมังกรโกรธและคำรามออกมา แต่วินาทีต่อมา พวกมันก็ถูกตัดเป็นชิ้นๆเช่นกัน


“เจ้ากล้าดียังไงมาฆ่าดราก้อนวัน เผ่าดราก้อนของพวกเราจะแก้แค้นในครั้งนี้…” ภายในดินแดนของดราก้อน ดราก้อนมากมายคำรามออกมาซึ่งสั่นสะเทือนถึงท้องฟ้า


ดราก้อนวันเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดของเผ่าดราก้อน เขาเป็นยอดฝีมือที่สามารถกลายเป็นขั้นทรูก็อตได้สำเร็จ เขาเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตเพียงคนเดียวในเผ่าดราก้อน และอีกไม่นานเขาก็จะกลายเป็นผู้นำของเผ่าดราก้อน


ถ้าเขาถูกฆ่าตายในการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน เผ่าดราก้อนก็จะประสบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ และมันอาจจะต้องใช้เวลาเป็นร้อยเป็นพันปีเพื่อจะฟื้นตัว


แต่ไม่ว่าพวกเขาจะส่งเสียงคำรามมากเท่าไหร่ เดม่อนอัลฟ่าก็ไม่ได้ยินเสียงของพวกเขา แต่ถึงเธอจะได้ยิน เธอก็คงจะไม่สนใจอยู่ดี มีดกระดูกในมือของเธอยังคงกวัดแกว่งต่อไป


เสียงร้องคร่ำครวญ เสียงร้องคำราม ความตื่นตระหนก ความหวาดกลัว ความสิ้นหวัง… ไม่ว่าอารมความรู้สึกไหนจะแสดงออกมาก็ไม่สามารถหยุดมือที่กวัดแกว่งมีดกระดูกแห้งได้


ก่อนหน้านี้พลังของมังกรทองเก้าหัวเกือบจะทำลายร่างกายของเธอ แบบนั้นทำไมเดม่อนอัลฟ่าถึงจะต้องยั้งมือและไว้ชีวิตของเขาด้วย?


วันนี้จะเป็นวันที่ถูกจดจำเอาไว้ มังกรทองเก้าหัวถูกสับเป็นชิ้นๆและอวกาศถูกย้อมเป็นสีทอง เสียงร้องอันสิ้นหวังของดราก้อนดังก้องไปทั่วจักรวาล ในจังหวะสุดท้ายที่แม้แต่เงาของดราก้อนวันก็สลายกลายเป็นผุงผง ดราก้อนทุกคนร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าดราก้อนวันจะถูกฆ่าตายแบบนั้น เขาคือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตเพียงคนเดียวของเผ่าพันธุ์


“ข้าคือเดม่อนอัลฟ่า ใครก็ตามที่ล่วงละเมิดเผ่าเดม่อนจะถูกสังหาร” เสียงที่เย็นชาของเดม่อนอัลฟ่าดังก้องไปทั่วอวกาศ


จากวันนี้เป็นต้นไปทุกสิ่งมีชีวิตในจักรวาลจะจดจำชื่อและประโยคนั้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)