Super God Gene 2818-2827
ตอนที่ 2818
หลังจากที่ลุงสองพูดจบ อีวิลโลตัสก็พุ่งผ่านหัวของพวกเขาในชั่วพริบตาและลงไปยืนอยู่บนกองเศษเครื่องจักรที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา ซีโน่เจเนอิคนั้นไล่ตามหลังอีวิลโลตัสมา ในตอนที่มันเห็นลุงสองและคนอื่นๆ มันก็พ่นลำแสงสีม่วงที่น่ากลัวออกมา
ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นดูแปลกประหลาดมากๆ ร่างกายของมันเป็นสีชมพูกึ่งโปร่งใส มันไม่ได้ดูเหมือนกับคริสตัล แต่มันดูเหมือนกับโลหะที่กึ่งโปร่งใสมากกว่า
ร่างกายด้านบนของมันเป็นเหมือนกับปิรันย่ายักษ์สีชมพู ขณะที่ร่างกายท่อนล่างของมันเหมือนกับปลาหมึกที่มีเก้าหนวด มันดูแปลกประหลาดมากๆ
เมื่อเห็นซีโน่เจเนอิคพ่นลำแสงสีชมพูออกมาจากหนวดของมัน ลุงสองก็เปิดใช้พลังธาตุกาลเวลาเพื่อทำให้ลำแสงสีม่วงช้าลงไป ซึ่งมันช่วยให้ทุกคนมีโอกาสที่จะหลบการโจมตีที่เข้ามาได้
เมื่อลำแสงสีม่วงพุ่งไปถูกพื้นจุดที่พวกเขาเคยยืนอยู่ มันก็ตัดลึกลงไปในดินที่แข็งมากๆอย่างง่ายดาย ราวกับการตัดของแสงเลเซอร์
ทุกคนรู้สึกตกใจเมื่อเห็นแบบนั้น พวกเขารู้ดีว่าดินของที่นี่แข็งขนาดไหน แต่ลำแสงสีชมพูของซีโน่เจเนอิคนั้นตัดพื้นดินเป็นล่องที่ลึกสามถึงสี่เมตรได้อย่างง่ายดาย พลังระดับนั้นเห็นได้ชัดว่าทัดเทียมกับลุงสองที่เป็นระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลาย
ลุงสองเปิดใช้อาณาเขตธาตุกาลเวลาเพื่อชะลอความเร็วของซีโน่เจเนอิคลง หลังจากนั้นเขาก็ตะโกนบอกเหมิงเลี่ยและคนอื่น
“พวกเราจำเป็นต้องรีบเข้าไปจัดการมัน!”
ความเร็วของซีโน่เจเนอิคถูกลดลงไป ทุกคนต้องการจะใช้โอกาสนี้เพื่อเข้าประชิด แต่พวกเขาเห็นหนวดโลหะโปร่งใสเก้าหนวดของซีโน่เจเนอิคถูกยกขึ้นมา มันมีปุ่มทรงกลมที่เหมือนของปลาหมึกเรียงรายกันอยู่ตามหนวดของซีโน่เจเนอิค
ในจังหวะต่อมาพวกเขาเห็นปุ่มบนหนวดเริ่มส่องแสงสีชมพูขึ้นมา และหลังจากนั้นลำแสงสีม่วงจำนวนมากก็ถูกยิงออกมา มันตัดกันเป็นกากบาทเหมือนกับตาข่ายที่ตรงเข้ามาหาหานเซิ่นและคนอื่นๆ
ลำแสงสีม่วงที่กำลังเข้ามานั้นครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกว้าง และถึงพวกมันจะถูกทำให้ช้าลงไป พวกเขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้
“ร่วมมือกับข้าทำลายลำแสงนี่!” ลุงสองออกคำสั่ง โซ่สสารบนร่างกายของเขาเข้ามารวมตัวกันเป็นดาบยาวเล่มหนึ่ง มันถูกฟันออกไปปะทะกับลำแสงสีชมพู
เหมิงเลี่ย เป่าฉิน เป่าอิง ลอนโดและคนอื่นๆต่างพากันใช้พลังของตัวเองเพื่อช่วยลุงสองทำลายตาข่ายลำแสงสีชมพู
ตูม!
มันเกิดเป็นแรงระเบิดที่น่ากลัว ตาข่ายลำแสงถูกทำลายไป แต่มันไม่ใช่ว่าลุงสองไม่ได้รับความเสียหายใดๆ พื้นบริเวณที่เขายืนอยู่แตกร้าวและเขาก็กระอักเลือดออกมา
เหมิงเลี่ยและคนอื่นๆก็กระอักเลือดออกมาเช่นกัน ร่างกายของพวกเขาจมลงไปในพื้นดิน
ตาข่ายที่เกิดจากลำแสงนั้นถูกทำลายไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่เหลือพลังพอที่จะวิ่งเข้าไปจู่โจมเจ้าซีโน่เจเนอิค ก่อนที่พวกเขาจะคลานออกมาจากพื้นดินได้ ซีโน่เจเนอิคก็แกว่งหนวดและปล่อยลำแสงสีชมพูมาใส่พวกเขาอีก
ลุงสองร้องตะโกนจนสั่นสะเทือนท้องฟ้า ดาบของเขายาวขึ้นจนทะลุท้องฟ้าไป มันถูกฟันเข้าใส่เจ้าซีโน่เจเนอิค
จากพวกเขาทุกคนมีเพียงแค่ลุงสองเท่านั้นที่พอจะรับมือกับซีโน่เจเนอิคตัวนี้ได้ น่าเสียดายที่ลุงสองถนัดการใช้พลังธาตุกาลเวลาที่มีพลังทำลายล้างต่ำ
ถึงแม้เขาจะใช้พลังธาตุกาลเวลาเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูและทำให้ศัตรูไม่สามารถโจมตีใส่เขาได้ แต่ในตอนที่ดาบของเขาฟันไปถูกร่างของเจ้าซีโน่เจเนอิค มันก็ทิ้งแค่รอยแผลตื้นๆเอาไว้เท่านั้น มันไม่สามารถสร้างความเสียหายที่สาหัสได้
ทุกคนรู้ว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ที่สุดแล้วพลังของลุงสองก็จะหมดและพวกเขาก็จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
“พวกเจ้าทั้งหมดเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ กล้าดียังไงมาเล่นลูกไม้ต่อหน้าพระเจ้าอย่างข้า! ถ้าพวกเรายอมเชื่อฟังข้าแต่โดยดี ข้าก็คงจะไว้ชีวิตพวกเจ้า แต่ในเมื่อพวกเจ้ารนหาที่ตายเอง พวกเจ้าก็จะมาโทษข้าไม่ได้” อีวิลโลตัสมองไปที่ลุงสองด้วยความดูถูกขณะที่พูดขึ้นมา
“น้องสี่ พวกเจ้ารีบหนีไป!” ลุงสองตะโกน
“แยกกันออกไปคนละทางเพื่อที่จะได้มีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุด!”
“พี่สอง ให้ข้าอยู่ช่วยพี่!” เหมิงเลี่ยรู้ว่าเขาเป็นเพียงแค่ระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วา และอาวุธของเขาก็ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงเขาจะต่อสู้กับเจ้าซีโน่เจเนอิคไม่ได้ แต่เขาก็ไม่คิดจะหนีเอาชีวิตรอดไปโดยทิ้งพี่สองเอาไว้ที่นี่ ร่างกายแห่งราชันของเขาระเบิดพลังออกมาและเขาก็เข้าไปร่วมต่อสู้ด้วย
“น้องสี่ พวกเราจะมาตายที่นี่ทั้งคู่ไม่ได้! ใครสักคนจำเป็นต้องกลับไปรายงานราชาไป๋! ใครก็ตามที่ทำแบบนี้กับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจะต้องไม่รอด! พวกเราจะต้องแก้แค้นเรื่องในวันนี้!” ลุงสองตะโกนขณะที่เขากำลังต่อสู้กับซีโน่เจเนอิค
“พี่สองควรจะเป็นคนที่หนีไป พี่สองมีโอกาสสูงสุดที่จะรอดชีวิตกลับไปได้”
เหมิงเลี่ยพูด ขณะที่วิ่งเข้ามาร่วมการต่อสู้เรียบร้อยแล้ว เขาใช้หอกที่หักแทงเข้าใส่ซีโน่เจเนอิค “พี่สอง ข้ารับมือมันได้ พี่สองรีบกลับไปรายงานราชาไป๋ พี่สองต้องแก้แค้นให้กับข้า”
“เจ้ารับมือกับมันไม่ได้?”
ลุงสองเคลื่อนที่เข้ามาข้างๆเหมิงเลี่ยพร้อมกับใช้อาณาเขตกาลเวลาเพื่อทำให้เจ้าซีโน่เจเนอิคที่กำลังเข้ามาหาเหมิงเลี่ยช้าลงไป
ลุงสองจับตัวเหมิงเลี่ยและโยนเขาไปให้กับเป่าอิง
“พวกเจ้าพาน้องสี่กลับไป จำเอาไว้ให้ดีว่าก่อนที่พวกเจ้าจะกลับไปถึงเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง พวกเขาต้องพกผงรูปปั้นดินเผาเอาไว้ตลอดเวลา”
“พี่สอง…” เหมิงเลี่ยพยายามที่จะขยับร่างกาย แต่เขาพบว่าร่างกายของเขาถูกล็อคเอาไว้ เขาตะโกนขึ้นมา
“พี่สอง ถ้าพี่ไม่ไปกับพวกเรา ลำพังแค่พวกเราไม่กี่คนจะหนีรอดไปจากระบบจักรวาลร้างได้ยังไง? ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องตายอยู่ดี แบบนั้นพวกเราอยู่ต่อเพื่อช่วยพี่สู้ไม่ดีกว่าหรอ?”
ลุงสองต้องการจะพูดบางสิ่ง แต่อีวิลโลหัตหัวเราะและพูดขึ้นว่า
“พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องต่อสู้ พวกเจ้าทุกคนจะต้องตาย ที่นี่มีซีโน่เจเนอิคมากกว่าหนึ่งตัว”
เมื่อได้ยินอีวิลโลตัสพูดแบบนั้น ใบหน้าของลุงสองก็เปลี่ยนไป
หลังจากนั้นอีวิลโลตัสก็ร้องตะโกนขึ้นไปสู่ท้องฟ้า เสียงร้องตะโกนนั่นดังออกไปไกลเป็นหมื่นๆไมล์
“ในเวลาไม่นานซีโน่เจเนอิคในระยะหลายหมื่นไมล์จะถูกดึงดูดมาที่นี่ ถึงแม้พวกมันจะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนอย่างโคลด์ไลท์ชาร์ม แต่มันก็เพียงพอที่จะฆ่าพวกเจ้าทุกคน” อีวิลโลตัสหัวเราะอย่างชั่วร้าย
สีหน้าของลุงสองดูแย่ เขาฝืนยิ้มออกมาและพูด “อีวิลโลตัส เจ้าและข้าไม่ได้มีความบาดหมางอะไรกัน ทำไมเจ้าถึงฆ่าพวกเราทุกคนด้วย?”
“มันสายเกินไปแล้วที่จะมาพูดแบบนั้นในตอนนี้”
อีวิลโลตัสพูดอย่างไร้ความรู้สึก “ใครก็ตามที่เชื่อฟังข้าจะมีชีวิตรอด และใครก็ตามเป็นเป็นปฏิปักษ์จะต้องตาย พวกเจ้ากล้าเป็นปฏิปักษ์กับพระเจ้าอย่างข้า ดังนั้นพวกเจ้าทุกคนจะต้องตาย”
ใบหน้าของทุกคนดูตื่นตระหนก ถึงแม้พวกเขาจะยังไม่เห็นซีโน่เจเนอิค แต่พวกเขาได้ยินเสียงคำรามของอสูรที่น่ากลัว เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขา
ลุงสองหัวเราะและพูด “น้องสี่ ดูเหมือนวันนี้พวกเราพี่น้องจะต้องร่วมมือกันฆ่าพวกมัน”
หลังจากนั้นลุงสองก็ปล่อยเหมิงเลี่ยจากพลังที่ล็อคร่างกายเอาไว้ เขารู้ว่าพวกเขาทุกคนจะต้องตายที่นี่
“พี่สอง ข้าจะร่วมมือกับที่ฆ่าพวกมันจนกระทั่งสิ้นใจ” เหมิงเลี่ยพูด
“ลุงสอง ให้ข้าช่วยอีกแรง” หานเซิ่นรู้ว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ตัดสินความเป็นความตาย ดังนั้นเขาจึงหยุดลังเลและเรียกวิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์ออกมา แถมเขายังถือวิญญาณอสูรโกสต์เฮดที่เป็นหัวกะโหลกเอาไว้
ลุงสองไม่คิดว่าหานเซิ่นจะช่วยอะไรได้ แต่เขารู้ว่าทุกคนจะต้องตายอยู่ที่นี่ไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ห้ามหานเซิ่น
ตอนที่ 2819
หานเซิ่นกำลังถือหัวกะโหลกในมือ เบ้าตาของมันปล่อยลำแสงสีเขียวสองลำแสงออกมา แต่น่าเสียดายเมื่อพวกมันสัมผัสกับลำแสงสีชมพูของโคลด์ไลท์ชาร์ม ลำแสงสีเขียวก็ถูกทำลายไป แต่ใบหน้าของหานเซิ่นไม่เปลี่ยนแปลง เขาคิดอยู่แล้วว่าพลังของวิญญาณอสูรโกสต์เฮดนั้นไม่เพียงพอจะจัดการกับศัตรู เกือบจะในจังหวะเดียวกันกับที่แสงสีเขียวถูกทำลาย หานเซิ่นก็เปิดใช้พลังของรอยสักหมาป่าสกายสตาร์
เมื่อเห็นลำแสงสีชมพูตรงเข้ามา หานเซิ่นก็สูดลมหายใจเข้าลึกและชกหมัดออกไปปะทะกับมัน
ปัง!
แสงดาวสีฟ้าและลำแสงสีชมพูปะทะกัน พลังทั้งสองระเบิดกลายเป็นดอกไม้ไฟสีฟ้าและสีชมพูในอากาศ
“นั่นเป็นไปได้ยังไง?” ทุกคนรู้สึกแปลกใจ พวกเขามองไปที่หานเซิ่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่ดูเหมือนจะต่อสู้ไม่ได้นั้นกลับมีพลังมากพอที่จะเผชิญหน้ากับโคลด์ไลท์ชาร์ม
แม้แต่อีวิลโลตัสก็มองหานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ เขาเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะระเบิดพลังที่น่ากลัวแบบนั้นออกมา
“ลุงสอง ข้าจะร่วมมือกับเจ้าเพื่อต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคนั่น เจ้าคอยใช้อาณาเขตกาลเวลาสนับสนุนข้า และข้าจะเป็นคนที่ฆ่ามัน”
หานเซิ่นสังเกตได้จากการปะทะกันว่าพลังของวิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์นั้นยังคงอ่อนแอกว่าโคลด์ไลท์ชาร์ม พลังในการโจมตีเต็มที่ของเขานั้นทำได้แค่เสมอกับหนึ่งในลำแสงของโคลด์ไลท์ชาร์มเท่านั้น
“ได้เลย!” ลุงสองรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมหานเซิ่นถึงมีพลังมากขนาดนั้น แต่มันก็มอบความหวังให้กับเขา
ลุงสองใช้พลังอาณาเขตกาลเวลาจนถึงขีดจำกัดเพื่อทำให้การเคลื่อนไหวของโคลด์ไลท์ชาร์มช้าลงไป พร้อมกับทำให้การเคลื่อนไหวของหานเซิ่นรวดเร็วขึ้น
จริงๆแล้วมันไม่ใช่การเคลื่อนไหวของหานเซิ่นที่รวดเร็วขึ้น แต่ในตอนที่เวลาเดินเร็วขึ้นกว่าเดิม มันก็ทำให้ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วขึ้นตามไปด้วย
ฝ่ายหนึ่งถูกเพิ่มความเร็วขึ้นและอีกฝ่ายหนึ่งถูกลดความเร็วลง ความเร็วของหานเซิ่นจึงมากกว่าโคลด์ไลท์ชาร์ม ร่างกายของเขาเรืองแสงดาว เขาเป็นเหมือนกับดาวหางสีฟ้าที่พุ่งผ่านลำแสงสีชมพูและตรงเข้าไปหาตัวของเจ้าซีโน่เจเนอิค
“รวดเร็วกว่าโคลด์ไลท์ชาร์มแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ยังไงซะพลังของเขาก็สร้างความเสียหายกับโคลด์ไลท์ชาร์มไม่ได้ สุดท้ายแล้วพวกเจ้าทุกคนก็ต้องตายอยู่ที่นี่” อีวิลโลตัสพูดอย่างดูถูก
อีวิลโลตัสสัมผัสได้ว่าพลังที่หานเซิ่นแสดงออกมานั้นยังด้อยกว่าโคลด์ไลท์ชาร์ม มันไม่ได้ดีเท่าไป๋ปู้อีด้วยซ้ำ ด้วยพลังเพียงแค่นั้น ถึงหานเซิ่นจะเข้าไปตัวโคลด์ไลท์ชาร์มได้ เขาก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อโคลด์ไลท์ชาร์มได้อยู่ดี
หานเซิ่นดูเหมือนจะไม่เข้าใจในเรื่องนั้น เขายังคงเข้าไปใกล้โคลด์ไลท์ชาร์มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยอาณาเขตกาลเวลาของลุงสอง ทำให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับหานเซิ่นที่จะหลบหลีกลำแสงสีชมพู
ตูม!
แสงดาวสีฟ้าระเบิดระหว่างกำปั้นของหานเซิ่นและหนวดของโคลด์ไลท์ชาร์ม แต่พลังนั่นไม่เพียงพอที่จะทำลายร่างโลหะโปร่งใสของโคลด์ไลท์ชาร์ม
“มันไม่ได้ผลจริงๆด้วย” ลุงสองดูผิดหวังเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะคิดไว้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบนั้น แต่การได้เห็นสิ่งที่เขาคิดเกิดขึ้นกับตาตัวเองก็ยังคงเป็นอะไรที่น่าผิดหวังอยู่ดี
ความหวังที่ริบหรี่ของเป่าฉินและคนอื่นๆถูกทำลายด้วยหมัดๆนั้น ไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้ว่าพลังของหานเซิ่นอ่อนแอกว่าโคลด์ไลท์ชาร์มมาก
แต่หานเซิ่นยังคงไม่ยอมแพ้ เขาเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า เขาชกใส่ร่างกายของโคลด์ไลท์ชาร์มซ้ำหลายต่อหลายครั้ง
“ความแตกต่างระหว่างพลังนั้นไม่อาจถูกทดแทนด้วยจำนวนได้ ไม่ว่าเจ้าจะพยายามสักแค่ไหน เจ้าก็เอาชนะโคลด์ไลท์ชาร์มไม่ได้” อีวิลโลตัสหัวเราะอย่างชั่วร้ายขณะที่พูดออกมา
แต่ไม่สำคัญว่าคนอื่นจะคิดยังไง หานเซิ่นก็ยังคงชกใส่โคลด์ไลท์ชาร์มอย่างไม่หยุด ยิ่งเขาชกหมัดออกไปมากขึ้นเท่าไร พลังหมัดของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
“นี่เขากำลังพยายามจะปลุกศักยภาพของตัวเองให้ตื่นขึ้น?”
อีวิลโลตัสมองไปที่หานเซิ่นด้วยความดูถูก “การปลุกศักยภาพที่ตัวเองมีอยู่นั้นจะเพิ่มพลังการต่อสู้ได้อย่างมาก แต่คนๆนั้นจำเป็นต้องมีศักยภาพให้ปลุกขึ้นมา สำหรับซีโน่เจเนอิคขั้นลาร์วา ไม่ว่าจะพยายามปลุกศักยภาพของตัวเองมากสักแค่ไหน มันก็ไม่มีทางไปถึงขั้นบัตเตอร์ฟลายของโคลด์ไลท์ชาร์ม ถึงแม้เจ้าจะรีดศักยภาพของยีนทั้งหมดออกมาและใช้พลังชีวิตทั้งหมดไปกับการระเบิดตัวเอง มันก็ยังคงไม่พอที่จะสร้างความเสียหายกับโคลด์ไลท์ชาร์ม”
ลุงสองและคนอื่นๆรู้ว่าหานเซิ่นบังคับให้ศักยภาพของเขาตื่นขึ้นมา แต่มันเป็นอย่างที่อีวิลโลตัสพูด เขาจำเป็นต้องมีศักยภาพที่เพียงพอซะก่อน ไม่อย่างนั้นถึงเขาจะระเบิดตัวเอง เขาก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายกับโคลด์ไลท์ชาร์มได้
มันเป็นเหมือนกับน้ำมันเบนซินหนึ่งลิตร ไม่ว่าเขาจะพยายามทำให้มันระเบิดอย่างรุนแรงมากสักแค่ไหน มันก็ไม่มีทางแรงเทียบเท่ากับจรวดมิสไซล์
แต่หานเซิ่นไม่สนใจ เขายังคงพยายามปลุกศักยภาพของตัวเองต่อไป
คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่เขารู้ดีว่าร่างกายของตัวเองเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่น เขาเพียงแค่ไม่สามารถเอาพลังของร่างกายตัวเองออกมาใช้ได้ สำหรับคนอื่นนี่อาจจะดูเหมือนกับการปลุกศักยภาพที่เขามีอยู่ออกมาใช้ แต่สำหรับเขาแล้ว เขาแค่พยายามจะเรียกเอาพลังเดิมของเขามีอยู่ในตัวออกมา
ภายใต้สถานการณ์ที่คับขัน พลังที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาเริ่มจะตื่นขึ้นมา แสงดาวบนหมัดของเขาเริ่มจะเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ มันเริ่มต้นจากแสงดาว แต่ที่สุดแล้วมันก็ดูเหมือนกับดวงอาทิตย์สีฟ้าในทุกๆหมัด
ปัง!
โคลด์ไลท์ชาร์มถูกหานเซิ่นชกใส่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่สามารถทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เหมือนกับทุกที หนวดโลหะกึ่งโปร่งใสนั้นมีรอยหมัดเกิดขึ้นให้เห็น และโคลด์ไลท์ชาร์มก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“นี่ศักยภาพของเขากำลังตื่นขึ้นมา? นี่เขามีศักยภาพมากขนาดไหนกัน?”
ลุงสองยังคงใช้อาณาเขตกาลเวลาเพื่อสนับสนุนหานเซิ่น เขาเห็นว่าตอนนี้แสงดาวของหานเซิ่นสว่างจ้าเหมือนกับดวงอาทิตย์และมันยังคงสว่างขึ้นอีก เขาทั้งรู้สึกตกใจและดีใจ
“ด้วยการระเบิดพลังศักยภาพของตัวเองออกมาใช้มากขนาดนี้ เจ้าจะต้องตายจากความเหนื่อยล้า เจ้าคิดว่าจะทำแบบนี้ไปได้อีกนานสักแค่ไหนกัน?”
อีวิลโลตัสไม่ได้สนใจอะไร จากที่เขาเห็นหานเซิ่นระเบิดพลังศักยภาพของตัวเองออกมาใช้มากเกินไป ซึ่งไม่ต่างอะไรไปจากการฆ่าตัวตาย
ปัง! ปัง!
ในตอนแรกหานเซิ่นจำเป็นต้องพึ่งอาณาเขตกาลเวลาของลุงสองเพื่อหลบหลีกลำแสงของโคลด์ไลท์ชาร์ม แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งมันอีกต่อไป
หมัดที่หานเซิ่นแกว่งออกไปนั้นเป็นเหมือนกับดวงดาวที่ตกลงมาจากท้องฟ้า มันปะทะกับลำแสงสีชมพูของโคลด์ไลท์ชาร์มและทะลุผ่านลำแสงไป มันทรงพลังจนไม่น่าเชื่อ
เป่าฉินดีใจอย่างมาก เขาร้องตะโกนขึ้นว่า “เขายังปลุกศักยภาพออกมาได้มากยิ่งกว่านี้! นั่นเป็นศักยภาพที่น่ากลัวมากๆ! ไม่แปลกใจเลยที่ราชาไป๋ต้องการรับเขาเป็นลูกศิษย์! ศักยภาพของเขาน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“ทนอีกหน่อย เจ้าต้องอดทนอีกหน่อย ถ้าเจ้ารอดกลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงได้ ถึงแม้ข้าจะต้องใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มี ข้าก็จะรักษาร่างกายของเจ้าให้กลับมาหายดี”
ฝ่ามือของเหมิงเลี่ยชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาเป็นระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วา ดังนั้นเขารู้ดีว่าคนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกันต้องแลกด้วยอะไรเพื่อระเบิดพลังแบบนั้นออกมา ถึงแม้หานเซิ่นจะเอาชนะโคลด์ไลท์ชาร์มได้ ร่างกายของเขาก็จะถูกทำลาย
ตอนที่ 2820
ลุงสองมีสีหน้าที่ซับซ้อน หานเซิ่นระเบิดพลังออกมามากยิ่งกว่าพลังของเขา บางทีมันอาจจะมากยิ่งกว่าโคลด์ไลท์ชาร์มด้วยซ้ำ การที่พลังมากขนาดนั้นถูกควบคุมโดยร่างกายของเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งเป็นอะไรที่น่ากังวลใจ ลุงสองกลัวว่าหานเซิ่นอาจจะทนต่อไปไม่ได้ เขากังวลว่าร่างกายของหานเซิ่นอาจจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
ลุงสองเป็นคนที่มากด้วยความรู้ เขาเห็นอัจฉริยะมามากมายในชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นเด็กตัวเล็กๆระเบิดพลังศักยภาพออกมาได้มากขนาดนี้มาก่อน
“ทำไมเขายังไม่ตายจากความเหนื่อยล้าอีก? นี่ร่างกายของเขามีศักยภาพยีนของสิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อตหรือยังไงกัน?” อีวิลโลตัสเริ่มจะรู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เห็น
นอกจากลูกของสิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อตแล้ว สิ่งมีชีวิตธรรมดาไม่น่าจะแสดงพลังที่น่ากลัวขนาดนี้ออกมาได้
ปัง!
ด้วยหมัดสุดท้ายของหานเซิ่น ร่างกายโลหะกึ่งโปร่งใสทั้งร่างของโคลด์ไลท์ชาร์มก็ระเบิดเป็นชิ้นๆ ขณะเดียวกันเสียงประกาศก็ดังขึ้นในหัวของเขา
“ซีโน่เจเนอิคโคลด์ไลท์ชาร์มระดับเทพเจ้าถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูรโคลด์ไลท์ชาร์ม”
“เขาทำได้สำเร็จ! โฮลี่เบบี้ทำได้สำเร็จ!” ลอนโดร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น มันไม่มีใครต้องการจะถูกฆ่าตาย การที่หานเซิ่นสังหารโคลด์ไลท์ชาร์มไปได้นั้นเท่ากับมอบชีวิตให้กับพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่เขารู้สึกดีใจ
“ไม่เลว ไม่เลวจริงๆ ในฐานะสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ เจ้าวิเศษมากๆที่ทำอะไรแบบนั้นได้” อีวิลโลตัสดูจะไม่โกรธ เขาปรบมือและยิ้มให้กับหานเซิ่น
“อีวิลโลตัส เจ้าไปได้แล้ว ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” หานเซิ่นมองไปอีวิลโลตัสด้วยสายตาจริงจังขณะที่พูดออกมา
“ไว้ชีวิตข้า?” อีวิลโลตัสมองมาที่หานเซิ่นราวกับว่าเขาเป็นคนโง่เขลาคนหนึ่ง
เมื่อได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นพูดออกมา ลุงสอง เหมิงเลี่ย เป่าอิงและคนอื่นๆก็รู้สึกแปลกๆ ถึงแม้พวกเขาจะมีผงรูปปั้นดินเผาอยู่ก็ตาม แต่การไปยั่วให้พระเจ้าโกรธนั้นไม่ใช่การกระทำที่ฉลาด
อีวิลโลตัสไม่โกรธ ความจริงแล้วเขาไม่ได้รู้สึกโมโหเลยแม้แต่นิดเดียว มันไม่มีใครจะสนใจคำพูดบ้าๆของคนโง่เขลาคนหนึ่ง ดังนั้นเขาจะไม่โกรธคนบ้า
อีวิลโลตัสมองไปที่หานเซิ่นราวกับว่าเขาอยู่ในสถานะที่สูงส่ง
“ถ้าเจ้ารอดชีวิตจากเหล่าซีโน่เจเนอิคที่กำลังจะมาถึงได้ ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยตัวเอง”
วิธีการพูดของอีวิลโลตัสเหมือนกับว่ามันถือเป็นเกียรติสูงสุดของหานเซิ่นที่จะได้ตายด้วยมือของเขา
ก่อนที่หานเซิ่นจะได้พูดอะไรกลับไป เกอร์ก็ตะโกนขึ้นมา
“ซีโน่เจเนอิค! ซีโน่เจเนอิคจำนวนมากกกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้! พวกมันทั้งหมดคือโคลด์ไลท์ชาร์ม!”
หานเซิ่นและคนอื่นหันไปมอง ในท้องฟ้าที่ห่างไกลมีสิ่งมีชีวิตสีชมพูจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขา พวกมันทั้งหมดคือโคลด์ไลท์ชาร์ม
ถึงแม้พวกมันจะไม่ได้น่ากลัวเหมือนอย่างโคลด์ไลท์ชาร์มตัวแรก แต่พวกมันก็ยังเป็นระดับเทพเจ้า พวกมันบางตัวนั้นเกือบจะทรงพลังเท่ากับโคลด์ไลท์ชาร์มตัวแรก
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นสีขาว ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าระบบจักรวาลร้างนั้นน่ากลัว แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดว่ามันจะน่ากลัวถึงขนาดนี้ ภายในระยะหนึ่งหมื่นไมล์มันมีซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัวอยู่เป็นจำนวนมาก
มันยากมากๆแล้วที่พวกเขาจะฆ่าโคลด์ไลท์ชาร์มตัวหนึ่ง และกลุ่มโคลด์ไลท์ชาร์มนั้นมีกันอยู่สามสิบถึงสี่สิบตัว แถมพวกมันบางตัวยังมีพลังใกล้เคียงกับโคลด์ไลท์ชาร์มตัวแรก การถูกล้อมด้วยโคลด์ไลท์ชาร์มมากขนาดนั้น ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
หานเซิ่นเพิ่งจะใช้พลังของตัวเองออกไปจนหมด เขาไม่สามารถระเบิดพลังศักยภาพของตัวเองออกมาอีกครั้งได้ และถึงเขาจะทำได้อีกครั้ง เขาก็ไม่สามารถจัดการกับโคลด์ไลท์ชาร์มสิบตัวพร้อมๆกันได้
เมื่อเห็นกลุ่มโคลด์ไลท์ชาร์มมาถึงเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็รู้สึกสิ้นหวังอีกครั้ง
“ลุงสองช่วยข้าควบคุมเหล่าโคลด์ไลท์ชาร์มพวกนั้น”
หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็สะบัดมือขวาและมีดาบกึ่งโปร่งใสสีชมพูปรากฏขึ้นในมือของเขา
ดาบนั้นเปล่งประกายและโปร่งแสงราวกับอัญมณีชั้นสูง แต่เนื้อโลหะของมันเย็นเหมือนกับน้ำแข็ง มันมีความกว้างแค่หนึ่งนิ้วมือเท่านั้น ดาบทั้งเล่มนั้นเป็นสีชมพูเหมือนกับคริสตัล
กระบังดาบเป็นอัญมณีทรงกลมสีชมพูที่ดูเหมือนกับดวงตา มันดูเหมือนกับว่าดวงตานั้นกำลังมองไปผู้คนที่อยู่รอบๆ มันทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกเมื่อได้เห็นมัน
[วิญญาณอสูรระดับเทพเจ้าโคลด์ไลท์ชาร์ม: ดาบโคลด์ไลท์(ไม่สมบูรณ์)]
วิญญาณอสูรนี่แตกต่างไปจากวิญญาณอสูรเสียที่หานเซิ่นเคยได้รับก่อนหน้านี้ นี่เป็นวิญญาณอสูรดาบโคลด์ไลท์ที่ไม่สมบูรณ์ หานเซิ่นไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร แต่เพียงแค่ถือมันเอาไว้ เขาก็สัมผัสได้ว่าพลังของดาบโคลด์ไลท์นั้นน่ากลัวขนาดไหน
ลุงสองยังไม่ทันได้ตอบสนอง หานเซิ่นก็พุ่งออกไปหากลุ่มของโคลด์ไลท์ชาร์มแล้วร้อยแล้ว เขารู้สึกตกใจและเผลอเปิดใช้อาณาเขตกาลเวลาโดยจิตใต้สำนึก อาณาเขตของเขาครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง
ทุกวันนี้จักรวาลจีโนเข้าสู่ยุคสมัยของเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่ถึงอย่างนั้นยอดฝีมือมากมายก็ยังเลือกใช้ดาบ และมันก็มีนักดาบที่เลื่องชื่อมากมายในเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง
แต่ถึงอย่างนั้นลุงสองและคนอื่นๆก็ไม่เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับวิชาดาบที่หานเซิ่นกำลังใช้มาก่อน
บางทีเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถระบุว่าวิชาดาบของหานเซิ่นคืออะไรนั้นอาจจะเป็นเพราะดาบแสงสีชมพูดึงดูดความสนใจพวกเขาอย่างสมบูรณ์
ดาบแสงสีชมพูพุ่งตรงผ่านความว่างเปล่าไปตัดร่างของโคลด์ไลท์ชาร์มตัวหนึ่งจนขาดครึ่ง และก่อนที่ใครจะประมวลผลถึงสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นได้ หานเซิ่นก็ฟันออกไปใส่โคลด์ไลท์ชาร์มอีกตัวเรียบร้อยแล้ว
พวกเขาเห็นดาบแสงพุ่งออกไปทุกหนทุกแห่ง มันเป็นเหมือนกับแสงเลเซอร์แห่งความตายจากขุมนรก ที่ไหนก็ตามที่มันพุ่งไป ร่างของโคลด์ไลท์ชาร์มก็จะถูกตัดขาด หานเซิ่นตัดร่างของพวกมันอย่างง่ายดายราวกับว่าเขากำลังหั่นผัก
เมื่อเห็นทั้งหมดนี้ ลอนโดและคนอื่นๆก็ตกตะลึง “โฮลี่เบบี้แข็งแกร่งถึงขนาดนั้นเลย? ก่อนหน้านี้เขาแค่ล้อเล่นกับพวกเราอย่างนั้นหรอ?”
ไม่มีใครตอบคำถามของเขา เพราะพวกเขาทุกคนตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ มันจะไม่น่าตกใจอะไรถ้าโคลด์ไลท์ชาร์มทั้งหมดเป็นศัตรูที่ฆ่าได้ง่ายๆ แต่มันมีโคลด์ไลท์ชาร์มที่น่ากลัวไม่ต่างไปจากโคลด์ไลท์ชาร์มตัวแรกอยู่ด้วย ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็สามารถตัดร่างของมันได้อย่างง่ายดาย กลุ่มโคลด์ไลท์ชาร์มไม่สามารถทำอะไรเพื่อหยุดเขาได้
ถึงแม้อาณาเขตกาลเวลาของลุงสองจะมีส่วนช่วยให้หานเซิ่นเคลื่อนไหวผ่านกลุ่มโคลด์ไลท์ชาร์มได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น แต่มันก็ยังคงเป็นอะไรที่น่าตกใจเกินไปอยู่ดี
แม้แต่อีวิลโลตัสก็ตกตะลึง ขณะที่เขามองดูหานเซิ่นฆ่าฟันเหล่าโคลด์ไลท์ชาร์ม เขาดูสับสน ถึงแม้เขาจะเป็นพระเจ้า แต่เขาก็ไม่เคยเห็นซีโน่เจเนอิคอย่างหานเซิ่นมาก่อน เขาไม่สามารถบอกได้ว่าจริงๆแล้วหานเซิ่นแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกันแน่
“ซีโน่เจเนอิคนั้นคืออะไรกัน? เขาเป็นซีโน่เจเนอิคระดับไหนกันแน่?”
อีวิลโลตัสมองหานเซิ่นตั้งแต่หัวจรดเท้า ดวงตาของเขาส่องแสงแห่งเทพออกมา แต่ไม่ว่าเขาจะมองดูยังไง เขาก็พบว่าอย่างมากที่สุดร่างกายของหานเซิ่นก็เป็นแค่ขั้นทรานส์มิวเทชั่น หานเซิ่นไม่ได้เป็นขั้นลาร์วาอย่างที่เขาคาดคิดเอาไว้
ตอนที่ 2821
ในเวลาเพียงไม่นานหานเซิ่นก็ฆ่าโคลด์ไลท์ชาร์มสามสิบถึงสี่สิบตัวไปจนหมด ซีโน่เจเนอิคในระบบจักรวาลร้างนั้นโหดร้าย ถึงแม้พวกมันจะรู้ว่าไม่สามารถเอาชนะเขาได้ พวกมันก็ยังต่อสู้ต่อไปอย่างไม่กลัวตาย
ลุงสองและคนอื่นๆทั้งตกใจและดีใจ พวกเขาเชื่อว่าตัวเองจะต้องตายอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าพวกเขาจะรอดชีวิตมาได้ หานเซิ่นระเบิดพลังออกมาในระดับที่เหนือจินตนาการของทุกคน
“ไม่แปลกใจเลยที่ราชาไป๋รับเขาเป็นลูกศิษย์ ด้วยพลังขนาดนั้นเขาถือเป็นบุคคลที่คู่ควรจะเป็นลูกศิษย์ของราชาไป๋” เหมิงเลี่ยยกนิ้วให้กับหานเซิ่น
“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้มีพลังมากขนาดไหน ทำไมถึงไม่ใช้มันก่อนหน้านี้ ไม่น่าทำให้พวกเรากังวลใจเป็นเวลานานเลย” ลอนโดพูด
ทุกคนคิดว่าหานเซิ่นปกปิดพลังที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ ถ้านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ตัดสินความเป็นความตาย พวกเขาก็คงจะไม่ได้รู้ถึงพลังมหาศาลที่หานเซิ่นมีอยู่
“ข้าแค่ใช้พลังของสมบัติเท่านั้น” หานเซิ่นพูด “มันไม่ใช่พลังของข้า”
“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ มีดาบที่น่ากลัวจริงๆ” เป่าฉินพูด
“มันคือดาบอะไรอย่างนั้นหรอ? สมบัติระดับเทพเจ้าแบบนั้นควรจะติดอันดับที่สูง ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อนเลย”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน จู่ๆอีวิลโลตัสก็หัวเราะขึ้นมา เขาพูดหนึ่งประโยคกับหานเซิ่น
“เจ้าคู่ควรที่จะถูกฆ่าโดยพระเจ้าอย่างข้า”
ลอนโดมองไปที่เขาด้วยความดูถูกและพูด “อีวิลโลตัส เจ้าหยุดพูดข่มได้แล้ว ด้วยการที่พวกเรามีผงรูปปั้นดินเผาอยู่ เจ้าแตะต้องอะไรข้าไม่ได้ นั่นหมายความว่าเจ้าแตะต้องมิสเตอร์โฮลี่เบบี้ไม่ได้เช่นกัน”
ดวงตาของอีวิลโลตัสเต็มไปด้วยความดูถูก “ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่โง่เขลาอะไรขนาดนี้ ที่รูปปั้นดินเผาทำร้ายร่างกายพระเจ้าของข้าได้ก็เพราะมันมีเถ้าของกิเลนศักดิ์สิทธิ์อยู่ ข้าไม่ต้องการจะเสียเวลากับเรื่องไร้ประโยชน์แบบนั้น นี่พวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้ารับมือกับเถ้าพวกนั้นไม่ได้น่ะ?”
“ถ้าเจ้าแน่จริงก็เข้ามาได้เลย ถ้าเจ้าคิดว่าทำได้ล่ะก็นะ” ลอนโดไม่เชื่อว่าอีวิลโลตัสจะทำได้
ทุกคนคิดว่าอีวิลโลตัสนั้นไม่สามารถป้องกันผงรูปปั้นดินเผาได้ เพราะถ้าเขาทำได้ เขาก็คงจะไม่เสียเวลาไปล่อเหล่าโคลด์ไลท์ชาร์มมาเพื่อฆ่าพวกเขา
“สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ!” อีวิลโลตัสไม่คิดจะอธิบาย จู่ๆร่างกายของเขาก็ลุกโชนด้วยเปลวไฟสีม่วงขาว ดวงตาของเขาปะทุด้วยประจุไฟฟ้า พวกมันเรืองแสงสีเขียวขาว
ลุงสองและคนอื่นๆรู้สึกตกใจ พวกเขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของอีวิลโลตัสนั้นมีสัมผัสที่น่ากลัวอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ พวกเขาก้าวถอยหลังไปด้วยจิตใต้สำนึก พวกเขาเกือบจะหันหลังและวิ่งหนีไป
ขณะที่อีวิลโลตัสเดินเข้ามาหาพวกเขา ลุงสองก็ตะโกนขึ้นมา “เตรียมผงรูปปั้นดินเผาให้พร้อม!”
ทุกคนนำเอาผงรูปปั้นดินเผาของตัวเองออกมา พวกเขาเริ่มขว้างมันไปใส่อีวิลโลตัส ในชั่วพริบตาท้องฟ้าก็ปกคลุมไปด้วยผงรูปปั้นดินเผาสีเทา แต่ในจังหวะที่ผงรูปปั้นดินเผาสัมผัสกับเปลวไฟสีม่วงขาว มันก็ไม่ต่างอะไรจากฝุ่นผงของทรายที่ถูกพัดมากับสายลม มันไม่สามารถดับแสงแห่งเทพของอีวิลโลตัสได้
ทุกคนรู้สึกตกใจเมื่อเห็นว่าผงรูปปั้นดินเผาที่พวกเขาใช้นั้นไร้ประโยชน์ต่ออีวิลโลตัส
อีวิลโลตัสเดินเข้ามาหาหานเซิ่นและถาม “ชื่อของเจ้าคือโฮลี่เบบี้ถูกไหม? ชื่อของเจ้าจะถูกจดจำโดยข้าที่เป็นพระเจ้า ชีวิตนี้ของเจ้าถือว่ามีค่า”
หานเซิ่นเมินเฉยต่อสิ่งที่อีวิลโลตัสพูด ดวงตาของเขาจ้องไปที่อีวิลโลตัส ดูเหมือนกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
ลุงสองและคนอื่นๆไม่สามารถมองเห็นร่างกายสปิริตสีม่วงที่ดูเหมือนกับเงาของภูติผีที่ชั่วร้ายที่อยู่ข้างในตัวของเขาได้ หานเซิ่นสัมผัสว่าได้ร่างสปิริตนั้นให้ความรู้สึกเดียวกับสกายไวท์แรดิช
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘แปลกจริงๆ ทำไมอีวิลโลตัสคนนี้ถึงได้ให้ความรู้สึกว่าร่างกายที่มีเนื้อหนังของเขาเป็นเพียงแค่หุ่นเชิด ขณะที่ร่างสปิริตที่ดูเหมือนกับภูติผีที่ชั่วร้ายคือร่างกายจริงๆของเขา?
มันเป็นเพราะว่าร่างสปิริตสีม่วงที่ชั่วร้ายนั้นกำลังปกป้องอีวิลโลตัสเอาไว้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมผงรูปปั้นดินเผาถึงใช้ไม่ได้ผล แต่หานเซิ่นยังคงสังเกตได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล
ในตอนที่ร่างสปิริตสีม่วงปรากฏขึ้นมา พลังชีวิตของอีวิลโลตัสก็ดูเหมือนจะจางหายไป คนที่มองเห็นเส้นเลือดในผิวของเขาจะสังเกตได้ว่าพวกมันเป็นสีม่วงเขียว พวกมันดูเหมือนเส้นเลือดของคนตาย
ตอนนี้ทุกคนเริ่มวิ่งหนีไป แต่ทว่าเป่าอิงเห็นหานเซิ่นยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดังนั้นเธอจึงรีบตะโกนว่า “มิสเตอร์โฮลี่เบบี้!”
หานเซิ่นถูกปลุกจากภวังค์ด้วยเสียงเรียกของเป่าอิง แต่เขายังคงไม่หนีไป เขาจ้องตรงไปที่อีวิลโลตัสที่อยู่ห่างจากเขาไปน้อยกว่าสิบเมตรและถามขึ้นว่า
“อีวิลโลตัส นี่เจ้าอยากตายมากหรือยังไง?”
อีวิลโลตัสดูใจร้อน เขาไม่คิดจะพูดอะไรกับหานเซิ่น เขารวบรวมพลังที่นิ้วมือขณะที่เอื้อมออกไปหาหานเซิ่น ถ้าหานเซิ่นถูกจับด้วยมือนั้น หัวของเขาก็คงจะมีรูห้ารูที่มีเลือดไหลออกมา
ลุงสองได้ยินเสียงของเป่าอิงและรู้ว่าหานเซิ่นไม่ได้วิ่งหนีมาพร้อมกับพวกเขา เขาหันกลับไปมองและเห็นอีวิลโลตัสกำลังเอื้อมมือไปจับหัวของหานเซิ่น ผงรูปปั้นดินเผาที่อยู่ในอากาศนั้นไม่ได้ผลกับเขา
ถึงแม้คนอื่นๆจะมองไม่เห็น แต่หานเซิ่นมองเห็น ร่างกายสปิริตสีม่วงที่ยื่นมือออกมาพร้อมกับอีวิลโลตัสนั่นทำให้หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขารู้ว่าการโจมตีนี้เป็นอะไรที่อันตรายมากๆ ดังนั้นเขาไม่ลังเลและเรียกเทพสปิริตออกมา
ยักษ์สีเขียวที่ดูเหมือนกับสกายไวน์แรดิชปรากฎขึ้นตรงหน้าหานเซิ่น หลังจากนั้นยักษ์สีเขียวก็ชกออกไปใส่ร่างสปิริตสีม่วงของอีวิลโลตัส
อีวิลโลตัสไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น การที่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำมีเทพสปิริตอยู่นั้นควรจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
อีวิลโลตัสไม่มีเวลาจะตอบสนองอะไรได้ ร่างสปิริตสีม่วงของเขาถูกชกเข้าที่หน้าโดยสกายไวน์แรดิชและถูกส่งกระเด็นออกไป
ในตอนที่ร่างสปิริตสีม่วงกระเด็นออกไป ร่างกายของอีวิลโลตัสก็ถูกส่งกระเด็นออกไปพร้อมกัน เขากระอักเลือดออกมาจากปากของเขา
เหมิงเลี่ยและคนอื่นๆตกตะลึง สิ่งที่พวกเขาเพิ่งจะเห็นนั่นเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ พวกเขาคิดว่าดวงตาของตัวเองกำลังเล่นตลกอยู่
พวกเขาเห็นว่าอีวิลโลตัสกำลังเอื้อมมือออกไปหาหานเซิ่น แต่จู่ๆอีวิลโลตัสก็ถูกส่งกระเด็นออกไป หานเซิ่นไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่จ้องมองไปที่อีวิลโลตัส หลังจากนั้นอีวิลโลตัสก็ถูกกระเด็นออกไปพร้อมกับกระอักเลือดออกมา
“นี่ข้าเพิ่งจะได้เห็นโฮลี่เบบี้ใช้ดวงตาเพื่อสังหารพระเจ้าอย่างนั้นหรอ…” เหมิงเลี่ยอึ้งจนเกือบจะพูดอะไรไม่ออก
ลุงสองเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน ลอนโดและคนอื่นๆไม่รู้ว่าพระเจ้าหมายความว่าอะไรอีกต่อไปแล้ว พวกเขาคิดว่าพวกเขาเป็นระดับเทพเจ้าที่แข็งแกร่ง แต่พวกเขารู้ดีว่าพระเจ้านั้นไม่ใช่แค่แข็งแกร่งกว่าระดับเทพเจ้ามากๆ ในจักรวาลนี้มีเพียงแค่ยอดฝีมือขั้นทรูก็อตเท่านั้นที่จะต่อกรกับพระเจ้าได้ และถึงอย่างนั้นพวกเขาก็แค่พอจะตอบโต้ได้เท่านั้น พวกเขาไม่รู้ว่ามันจะมียอดฝีมือขั้นทรูก็อตสักกี่คนที่เอาชนะพระเจ้าได้จริงๆ
ลุงสองไม่เคยคาดฝันว่ามันจะมีสิ่งมีชีวิตในจักรวาลนี้ที่สามารถใช้ดวงตาเพื่อส่งพระเจ้ากระเด็นออกไปได้ มันเป็นเหมือนกับเทพนิยาย
ไป๋ปู้อีเห็นเหมือนกับว่าหานเซิ่นนั้นฆ่าผู้นำเวรี่ไฮด้วยดวงตาของเขา ซึ่งนั่นควรจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้บางสิ่งที่ควรจะเป็นไปได้เพิ่งจะเกิดขึ้นมา และมันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาของเขา
ตอนที่ 2822
“เทพสปิริตของไวน์สกายแรดิช? เจ้าคือสิ่งมีชีวิตที่ฆ่าพระเจ้า? นี่เจ้าเป็นคนเอาเทพสปิริตของสกายไวน์แรดิชไป? ข้าไม่คิดเลยว่าสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำคนหนึ่งจะทำแบบนั้นได้”
อีวิลโลตัสลุกกลับขึ้นมา เขายังคงกระอักเลือดออกมา แต่ดวงตาของเขาจ้องไปยังสกายไวน์แรดิสที่ยืนอยู่ตรงหน้าหานเซิ่น
ลุงสองและคนอื่นๆตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินแบบนั้น ในตอนที่ความเศร้าของพระเจ้าเกิดขึ้น มันเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงไปทั่วจักรวาล ตอนนี้เมื่อมันถูกเปิดเผยออกมาว่าซีโน่เจเนอิคตรงหน้าพวกเขาคือคนที่ฆ่าพระเจ้า มันก็เป็นอะไรที่ยากจะเข้าใจได้
ใบหน้าของหานเซิ่นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เทพสปิริตของสกายไวน์แรดิชยังคงอยู่ใต้การควบคุมของเขา มันเข้าไปโจมตีร่างสปิริตสีม่วงของอีวิลโลตัสอย่างบ้าคลั่ง
หานเซิ่นใช้จิตใจเพื่อควบคุมเทพสปิริต แต่ร่างกายของอีวิลโลตัสดูเหมือนจะอยู่คู่ขนานกับร่างสปิริตที่ดูเหมือนกับภูติผีสีม่วง การเคลื่อนไหวของเขานั้นส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของร่างสปิริต
หานเซิ่นมองดูการต่อสู้จากระยะไกล ขณะที่อีวิลโลตัสจำเป็นต้องต่อสู้ด้วยตัวเองอย่างสุดกำลัง และถ้าร่างสปิริตของเขาได้รับความเสียหาย ตัวอีวิลโลตัสเองก็จะได้รับความเสียหายไปด้วย
ร่างสปิริตสีม่วงต่อสู้กับเทพสปิริตของสกายไวน์แรดิชอย่างดุเดือด พลังที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้นั้นรุนแรงขนาดที่สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ แต่น่าประหลาดใจที่ไม่มีสสารไหนในอวกาศที่ได้รับผลกระทบจากพลังนั้น นอกจากร่างสปิริตสีม่วงของอีวิลโลตัสและเทพสปิริตของสกายไวน์แรดิช
ลุงสองและคนอื่นๆไม่ได้เห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้น ทั้งหมดที่พวกเขามองเห็นคือหานเซิ่นลอยตัวอยู่นิ่งๆบนอากาศและมองไปที่อีวิลโลตัส ขณะที่อีวิลโลตัสกำลังชกใส่อากาศราวกับคนบ้า เขากระอักเลือดออกมาและถูกส่งกระเด็นออกไปด้านหลังหลายต่อหลายครั้ง
“โฮลี่เบบี้เป็นใครกันแน่?” ลอนโดพึมพำ
“เขาแข็งแกร่งเกินไปแล้ว เขาดูเหมือนกับพระเจ้ายิ่งกว่าอีวิลโลตัสซะอีก”
“บางทีมันคงจะมีแค่ราชาไป๋เท่านั้นที่รู้ว่าโฮลี่เบบี้มาจากที่ไหน และนั่นเป็นเหตุผลที่ราชาไป๋รับเขาเป็นลูกศิษย์ เขาต่อสู้กับพระเจ้าได้ ซึ่งมันมียอดฝีมือขั้นทรูก็อตแทบไม่กี่คนที่จะทำอะไรแบบนั้นได้” ลุงสองมองที่หานเซิ่นคนที่ลอยตัวอยู่บนฝ้าด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
สีหน้าของเกอร์ดูแปลกๆ “อีวิลโลตัสบอกว่าโฮลี่เบบี้ฆ่าพระเจ้า นั่นเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรอ?”
ไม่มีใครตอบอะไร พวกเขาทุกคนก็อยากจะรู้คำตอบของเรื่องนั้นเช่นเดียวกัน
ถึงแม้หานเซิ่นจะกำลังเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ แต่พลังเทพสปิริตของสกายไวน์แรดิชนั้นไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าเทพสปิริตของอีวิลโลตัส พลังของพวกเขานั้นเกือบจะเท่ากัน
ถ้าหานเซิ่นไม่ได้ใช้ประโยชน์จากความพลาดพลั้งของอีวิลโลตัสในตอนแรก เขาก็คงจะไม่ได้เปรียบแบบนี้
“สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำยังไงก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ ถึงแม้เจ้าจะมีเทพสปิริต เจ้าก็ทำได้แค่ควบคุมมันจากภายนอก”
อีวิลโลตัสกำลังถูกไล่ต้อน แต่เขายังคงดูภาคภูมิใจในตัวเอง ดวงตาของเขาลุกโชนยิ่งกว่าเดิม และพวกมันก็เต็มไปด้วยความละโมบ เขามองไปที่เทพสปิริตของสกายไวน์แรดิชด้วยความโลภ
“มันเพียงพอที่จะฆ่าเจ้าละกัน” หานเซิ่นเองก็รู้สึกได้ถึงเรื่องนั้นเช่นกัน การที่อีวิลโลตัสและเทพสปิริตเป็นหนึ่งเดียวกันทำให้เขาควบคุมพลังของเทพสปิริตได้ดีกว่า มันไม่เหมือนกับการใช้จิตใจควบคุมจากภายนอกเหมือนอย่างหานเซิ่น ถึงแม้หานเซิ่นจะเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ แต่เขาก็ไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้
ในระหว่างที่ทำการต่อสู้ หานเซิ่นจับจ้องไปที่ร่างสปิริตสีม่วงของอีวิลโลตัส เขามั่นใจว่ามันคือเทพสปิริต แต่มันดูแตกต่างไปจากเทพสปิริตของสกายไวน์แรดิช แสงแห่งเทพสีเขียวของสกายไวน์แรดิชนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นพลังธาตุพืช ส่วนร่างสปิริตสีม่วงของอีวิลโลตัสนั้นเป็นอีกธาตุหนึ่ง ซึ่งหานเซิ่นยังไม่รู้ว่ามันคือธาตุอะไรกันแน่
‘นี่ร่างกายของเราจะรวมเป็นหนึ่งกับเทพสปิริตได้เหมือนกันหรือเปล่านะ?’ หานเซิ่นมองไปที่อีวิลโลตัส เขาอยากจะรู้ว่าตัวเขาเองสามารถรวมกับเทพสปิริตเพื่อต่อสู้ได้ไหม
อีวิลโลตัสพูดขึ้นมา “สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่โง่เขลา พระเจ้าคนนี้จะทำให้เจ้าได้รู้ถึงพลังที่แท้จริงของเทพสปิริต”
หลังจากนั้นจู่ๆร่างสปิริตสีม่วงก็มีเครื่องหมายประหลาดปรากฏขึ้นบนหน้าฝากของมัน เครื่องหมายประหลาดนั้นดูเหมือนจะประกอบด้วยกฎนับไม่ถ้วนของจักรวาล มันเป็นแค่เครื่องหมายเล็กๆ แต่ดูเหมือนมันจะอัดแน่นไปด้วยปาฏิหาริย์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดของจักรวาล
หานเซิ่นรู้สึกแย่ขึ้นมา ในตอนที่เครื่องหมายนั่นปรากฏขึ้น เขาก็สัมผัสได้ว่าพลังร่างสปิริตสีม่วงของอีวิลโลตัสนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก มันเหมือนกับว่าเขาได้รับพลังของจักรวาล
“รับบทลงโทษของพระเจ้าในนามของพระเจ้าอีวิลโลตัส!”
ในตอนที่เสียงของอีวิลโลตัสดังขึ้นมา ร่างสปิริตสีม่วงของเขาก็ประสานมือเหมือนกับพระพุทธเจ้า ใต้เท้าของเขามีดอกบัวสีม่วงปรากฏออกมา ในตอนที่ดอกบัวนั้นเริ่มบานออก หานเซิ่นก็รู้สึกว่าทั้งโลกเต็มไปด้วยดอกบัวสีม่วง มันเหมือนกับว่าเขาร่วงลงไปในสระดอกบัวที่กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด
หานเซิ่นมองไปที่พวกลุงสองและสังเกตเห็นว่าพวกเขาไม่มีปฏิกิริยาใดๆ มันเหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
หานเซิ่นมีคำถามมากมายในหัว เขาคิดกับตัวเอง ‘ดูเหมือนว่าพลังของสกายไวน์แรดิชและอีวิลโลตัสนั้นเหมือนกับพระเจ้าเหล่านั้น มันไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตของจักรวาล แต่ทำไมร่างกายของพวกเขาถึงแตกต่างไปจากพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าและพระเจ้าคนอื่นๆ? นี่จริงๆแล้วพวกเขาเองก็ทำร้ายสิ่งมีชีวิตของจักรวาลได้เหมือนกันอย่างนั้นหรอ?”
อีวิลโลตัสไม่ได้หยุดให้หานเซิ่นได้มีเวลาคิด ในตอนที่ดอกบัวใต้เท้าของเขาบานออกอย่างเต็มที่ พลังมหาศาลก็ระเบิดจากตัวของเขาและส่งสกายไวน์แรดิชกระเด็นออกไป
อีวิลโลตัสเคลื่อนที่ไปพร้อมกับดอกบัวสีม่วง เขาโจมตีใส่ร่างเทพสปิริตของสกายไวน์แรดิชอย่างบ้าคลั่ง
ในตอนนี้พลังร่างสปิริตสีม่วงของอีวิลโลตัสนั้นเหนือกว่าสกายไวน์แรดิชมาก ภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องของร่างสปิริตสีม่วง แขนของสกายไวน์แรดิชก็ถูกทำลายในเวลาเพียงไม่นาน
หานเซิ่นไม่ได้รับบาดเจ็บจากเรื่องนั้น เขาแตกต่างจากอีวิลโลตัสที่เป็นหนึ่งเดียวกับเทพสปิริต สำหรับหานเซิ่นแล้ว ถึงแม้สถายไวน์แรดิชจะถูกฆ่าตาย มันก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อร่างกายของเขา แต่ถ้าสกายไวน์แรดิชถูกฆ่า หานเซิ่นก็จะไม่เหลืออะไรไปใช้ต่อสู้กับอีวิลโลตัส
ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงเข้าไปร่วมต่อสู้ด้วย เขารู้ว่าจะพึ่งพาแค่เทพสปิริตของสกายไวน์แรดิชเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เขาจำเป็นต้องร่วมมือกับสกายไวน์แรดิช ถ้าเขาต้องการจะชนะอีวิลโลตัส
เมื่อหานเซิ่นเริ่มเคลื่อนไหว อีวิลโลตัสก็รู้ว่าหานเซิ่นตั้งใจจะทำอะไร เขามองหานเซิ่นด้วยความดูถูกและพูด “สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่โง่เขลา”
อีวิลโลตัสชกสกายไวน์แรดิชกระเด็นออกไปและหันไปชกใส่หานเซิ่นต่อทันที ร่างสปิริตสีม่วงนั้นเคลื่อนไหวตามและชกใส่หานเซิ่นเช่นเดียวกัน
หานเซิ่นโยนแคปซูลขึ้นและชกใส่เพื่อทำให้มันแตกกระจาย ผงรูปปั้นดินเผาพุ่งออกมาราวกับหมอกควันสีเทา
“กิเลนศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่ง แต่ถ้าเจ้าคิดว่ามันจะทำร้ายพระเจ้าได้ เจ้าก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
อีวิลโลตัสยังคงชกต่อไปข้างหน้า หมัดของร่างสปิริตสีม่วงทะลุผ่านเศษเถ้าของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ไป
ตอนที่ 2823
ในจังหวะที่หมัดของร่างสปิริตสีม่วงชกเข้าไปในเถ้าถ่านของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ หานเซิ่นก็เคลื่อนที่ผ่านร่างสปิริตสีม่วงและไปปรากฏตัวตรงหน้าอีวิลโลตัสเรียบร้อยแล้ว
“รนหาที่ตาย” อีวิลโลตัสดึงหมัดกลับเพื่อจะชกใส่หานเซิ่นอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นก็มีเปลวเพลิงสีขาวลุกโชนขึ้นในมือของหานเซิ่น ในเวลาเดียวกันอีวิลโลตัสก็ชกหมัดออกไปใส่หานเซิ่น หลังจากนั้นเปลวเพลิงสีขาวก็ลุกโชนขึ้นที่อกของอีวิลโลตัส
“เพลิงฟินิกซ์… ขนนกฟินิกซ์… ทำไมเจ้าถึง…”
อีวิลโลตัสก้มลงมองอกตัวเอง เขาเห็นขนนกฟินิกซ์ปักเข้าไปในอกของเขา เปลวเพลิงสีขาวนั้นกำลังเผาผลาญร่างกายและอวัยวะภายในของเขาอย่างบ้าคลั่ง
ปัง!
หานเซิ่นไม่ปล่อยให้อีวิลโลตัสมีโอกาสได้พูด ในจังหวะที่หานเซิ่นดึงขนนกฟินิกซ์กลับมา เขาก็ควบคุมสกายไวน์แรดิชให้ชกใส่ร่างสปิริตสีม่วงที่เชื่อมต่อกับอีวิลโลตัส เนื่องจากอีวิลโลตัสเพิ่งจะถูกแทง เขาจึงไม่สามารถตอบสนองได้ทัน หมัดของสกายไวน์แรดิชตรงเข้าไปที่หัวของเขา
กระดูกไหล่ข้างหนึ่งของหานเซิ่นถูกทำลายด้วยหมัดของอีวิลโลตัส แต่หานเซิ่นไม่ได้สนใจในเรื่องนั้น เขายังคงร่วมมือกับสกายไวน์แรดิชกระหน่ำโจมตีใส่อีวิลโลตัสโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว
“อ้า!” ทั้งอีวิลโลตัสและร่างสปิริตสีม่วงได้รับความเสียหายพร้อมๆกัน ซึ่งทำให้ร่างกายของอีวิลโลตัสได้รับความเสียหายเป็นสองเท่า ใบหน้าของอีวิลโลตัสบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
หานเซิ่นค้นพบจุดอ่อนของอีวิลโลตัสที่จริงๆแล้วไม่นับว่าจุดอ่อน ร่างสปิริตสีม่วงของอีวิลโลตัสนั้นจะไม่ได้รับความเสียหายจากสิ่งมีชีวิตในจักรวาล แต่ในตอนที่ร่างสปิริตสีม่วงได้รับความเสียหาย ร่างกายของอีวิลโลตัสก็จะได้รับบาดเจ็บไปด้วย
ส่วนร่างกายของอีวิลโลตัสนั้นเหมือนกับสิ่งมีชีวิตธรรมดาที่สามารถูกทำร้ายด้วยพลังของจักรวาล ซึ่งหมายความว่าในตอนที่หานเซิ่นต่อสู้ร่วมกับสกายไวน์แรดิช อีวิลโลตัสก็จะรับความเสียหายเป็นสองเท่า ถึงแม้ร่างกายของเขาจะเป็นขั้นทรูก็อต มันก็ไม่ได้หมายความว่าพลังในการต่อสู้ของเขาจะเป็นขั้นทรูก็อตเช่นกัน
อย่างน้อยในความคิดเห็นของหานเซิ่น หลังจากที่อีวิลโลตัสใช้ร่างสปิริตสีม่วง พลังชีวิตของเขาก็ถูกลดลงไป และในตอนที่ร่างสปิริตสีม่วงของเขาได้รับเครื่องหมายของพระเจ้า ร่างกายของเขาก็เกิดรอยร้าวเล็กๆขึ้นจำนวนมาก ราวกับว่าร่างกายของเขากำลังจะพังทลาย
จริงๆแล้วหานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าขนนกฟินิกซ์จะสร้างความเสียหายกับอีวิลโลตัสได้มากนัก แต่ความจริงที่ขนนกฟินิกซ์ทะลุเข้าไปในอกของอีวิลโลตัส นั่นก็พิสูจน์ถึงเรื่องที่พลังของอีวิลโลตัสลดลงไป มันคงจะเป็นผลกระทบในทางลบของการใช้ร่างสปิริตสีม่วง
สำหรับหานเซิ่นแล้วนี่เป็นสถานการณ์ที่ทำให้เขาได้เปรียบ ถ้าพลังของอีวิลโลตัสยังอยู่ในขั้นทรูก็อต ขนนกฟินิกซ์ของหานเซิ่นก็อาจจะทำร้ายเขาแบบนั้นไม่ได้
ด้วยการโจมตีอย่างต่อเนื่องของหานเซิ่นและสกายไวน์แรดิช อีวิลโลตัสส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เลือดไหลออกมาจากร่างกายของเขาอย่างไม่หยุด เป่าอิงและคนอื่นๆมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจ
จากมุมมองของพวกเขา หานเซิ่นกำลังถือเปลวไฟสีขาว เขาทำให้อีวิลโลตัสต้องหลั่งเลือดออกมา และอีวิลโลตัสไม่สามารถทำอะไรเพื่อตอบโต้ได้
“ไม่… เป็นไปไม่ได้… ข้าคือพระเจ้า… ข้าจะไม่ถูกฆ่าโดยสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ… ข้าจะไม่ถูกฆ่าตาย…อ้า…” ก่อนที่อีวิลโลตัสจะพูดจบประโยค หานเซิ่นก็ตัดแขนของเขาจนขาด ทำให้เลือดพุ่งออกมาทุกหนทุกแห่งราวกับน้ำพุเลือด
“ไอ้เวรเอ้ย… ข้าจะสับร่างกายเจ้าเป็นชิ้นๆและทำให้แน่ใจว่าเจ้าจะไม่มีวันได้ไปผุดไปเกิด…”
ใบหน้าของอีวิลโลตัสเต็มไปด้วยความโกรธ เขาเรียกร่างสปิริตสีม่วงกลับไป
เมื่อร่างสปิริตสีม่วงของอีวิลโลตัสหายไปแล้ว พลังของสกายไวน์แรดิชก็ไม่สามารถทำร้ายอีวิลโลตัสได้อีก และร่างกายของอีวิลโลตัสก็แข็งแกร่งขึ้นด้วย ใบหน้าของเขาดูโกรธจัด เขารวบรวมพลังที่เหลืออยู่เพื่อจะต่อสู้กับหานเซิ่น
แต่ทว่าหานเซิ่นยังมีแคปซูลที่เก็บผงรูปปั้นดินเผาเอาไว้อีกสองแคปซูล เถ้าของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ถูกปลดปล่อยออกมาเต็มตัวของอีวิลโลตัส และมันทำให้ผิวของเขาถูกกัดกร่อนราวกับว่าเขาถูกราดด้วยน้ำกรด
“อ้า!” อีวิลโลตัสกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด หานเซิ่นใช้จังหวะนั้นเพื่อฟันใส่คอของอีวิลโลตัสด้วยขนนกฟินิกซ์ เขาตัดเข้าไปได้ครึ่งหนึ่ง
“เป็นไปไม่ได้… ข้าจะไม่ถูกฆ่าตาย… ข้าคือพระเจ้า… ข้าคือพระเจ้า…”
อีวิลโลตัสสูญเสียออร่าที่ดูสูงส่งก่อนหน้านี้ไปจนหมด
เขาตกอยู่ในสถานกาณณ์ที่เลวร้ายอย่างที่สุด การใช้ร่างสปิริตสีม่วงนั้นทำให้เขารับการโจมตีจากทั้งของหานเซิ่นและสกายไวน์แรดิช แต่ถ้าเขาไม่ใช่ร่างสปิริตสีม่วง ร่างกายของเขาก็จะถูกทำร้ายด้วยเถ้าของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ มันดูเหมือนกับว่าเขาไม่มีหนทางออกจากสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้
เปลวเพลิงสีขาวถูกฟันออกไปอย่างไม่หยุด และมันมอบบาดแผลให้กับอีวิลโลตัสมากขึ้นเรื่อยๆ อีวิลโลตัสกรีดร้องด้วยความเจ็บปวก มันเป็นอะไรที่ยากที่จะจินตนาการว่านี่คืออีวิลโลตัสคนเดียวกับที่เอาชนะลุงสองได้อย่างง่ายดาย
หัวของอีวิลโลตัสถูกตัดไปโดยหานเซิ่น หัวของเขาหล่นลงกลับพื้นและกลิ้นไปใกล้ๆกับลุงสอง ลุงสองและคนอื่นๆมองไปยังหัวที่ไร้ร่างกายด้วยความตกตะลึง
“ข้าคือพระเจ้า… เจ้ากล้าฆ่าพระเจ้าอย่างข้า… เจ้าจะถูกสาปไปชั่วนิรันดร์…” หัวของอีวิลโลตัสอาจจะหล่นลงไปบนพื้นแล้ว แต่เขายังคงไม่ตาย เขายังคงสาปแช่งหานเซิ่น
ร่างกายของหานเซิ่นลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีขาว และเขาก็ใช้ขนนกฟินิกซ์ฝ่ากลางหัวของอีวิลโลตัส ทันใดนั้นเขาก็เห็นดอกบัวสีม่วงหล่นออกมาจากหัวที่ถูกตัด
“เทพสปิริตถูกฆ่า ยีนเทพสปิริตถูกค้นพบ”
หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ ครั้งนี้เขาไม่ได้รับเทพสปิริต หานเซิ่นหวังว่าจะได้รับเทพสปิริตอีกคน เพื่อที่เขาจะได้เปรียบเทียบมันกับเทพสปิริตของสกายไวน์แรดิช
ตูม!
ในตอนที่อีวิลโลตัสถูกฆ่า เนื้อและกระดูกทั้งหมดของเขาก็กลายเป็นแสงสีม่วงที่พุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้า
หานเซิ่นคิดว่ามันจะเกิดความเศร้าของพระเจ้าขึ้นอีกครั้ง ในตอนที่เสาแห่งแสงสีม่วงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ท้องฟ้าก็เกิดการบิดเบือนอย่างแปลกๆ เสาแห่งแสงสีม่วงจางหายไปในมิติที่บิดเบี้ยวนั้น มันไม่สามารถก่อให้เกิดความเศร้าของพระเจ้า
หลังจากที่เห็นแบบนั้น หานเซิ่นก็คิดกับตัวเอง ‘แม้แต่พลังของเทพสปิริตก็ออกไปจากระบบจักรวาลร้างไม่ได้อย่างนั้นหรอ? มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่? ทำไมเซเคร็ดถึงได้ถูกทำลาย?’
“นั่นคือสิ่งประจำตัวของพระเจ้า…” ลอนโดพูดด้วยเสียงสั่นๆขณะที่มองดอกบัวสีม่วงที่อยู่บนพื้น
นั่นคือสิ่งประจำตัวของพระเจ้า ถ้าพวกเขาเอามันไป พวกเขาก็จะขึ้นไปที่จีโนฮอลล์และกลายเป็นพระเจ้า
แต่ถึงสมบัติที่มหัศจรรย์แบบนั้นจะมาอยู่ต่อหน้าพวกเขา มันก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปหยิบมันขึ้นมา พวกเขาทุกคนแค่มองไปที่หานเซิ่น เพราะยังไงซะในตอนที่หานเซิ่นฆ่าอีวิลโลตัส ความสามารถที่เขาแสดงออกมาก็เป็นอะไรที่น่าตกใจเกินไป
แม้แต่ลุงสองและเหมิงเลี่ยก็ไม่กล้าคิดจะฉวยโอกาสทำอะไรแบบนั้น
หานเซิ่นหยิบดอกบัวสีม่วงขึ้นมาจากพื้นและกำลังจะเก็บมันไป แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวดังมาจากลอนโด
หานเซิ่นคิดว่าลอนโดกำลังจะพยายามขโมยสิ่งประจำตัวของพระเจ้าไป แต่ในตอนที่เขาหันไปมอง เขาก็เห็นว่าเสียงนั่นไม่ได้ดังมาจากลอนโด แต่มันมาจากกล่องโลหะที่อยู่ด้านหลังของเขา ด้วยเหตุผลบางอย่างมันเปิดขึ้นด้วยตัวของมันเองและมีบางสิ่งออกมาจากข้างในกล่อง มันพุ่งตรงเข้ามาหาหานเซิ่น
ตอนที่ 2824
หานเซิ่นเห็นว่าสิ่งที่บินเข้ามาหาเขานั้นแบนเรียบ เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่มันตรงเข้ามาหาสิ่งประจำตัวของพระเจ้าในมือของเขา หานเซิ่นจะไม่ปล่อยให้มันทำได้สำเร็จ ขณะที่เขาถือดอกบัวสีม่วงเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง เขาก็ใช้มืออีกข้างชกออกไปใส่มัน
ปัง!
สิ่งที่บินเข้ามานั้นถูกหานเซิ่นชกกระเด็นออกไปในหมัดเดียว หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งจากมัน แต่เขาก็ไม่สามารถทำลายมันได้เช่นกัน
หานเซิ่นมองไปยังสิ่งที่บินเข้ามา และเขาก็เห็นว่ามันคืออะไร
มันดูเหมือนจะเป็นแท่งขนาดใหญ่สองแท่งที่ติดกันอยู่ มันมีความยาวประมาทหนึ่งฟุตและมีสีแดงคล้ำ มันไม่สะดุดตาเลยสักนิดเดียว เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
หานเซิ่นชกใส่สิ่งที่ดูเหมือนกับแท่งสองแท่งและส่งมันกระเด็นออกด้านหลัง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังพยายามจะเข้ามาหาดอกบัวสีม่วงในมือของเขา
หานเซิ่นรวบรวมพลังมากยิ่งกว่าเดิม เขาใช้พลังทั้งหมดชกใส่มัน แต่มันก็ยังคงไม่ได้รับความเสียหายอะไร หลังจากที่ถูกชกกระเด็นออกไปด้านหลัง มันก็เพียงแค่บินตรงเข้ามาหาเขาอีก
ในตอนที่หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์ หมัดของเขาก็ทรงพลังเทียบเท่ากับระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สามารถทำอะไรมันได้ นั่นทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก
เมื่อเห็นว่ามันบินกลับเข้ามาหาเขาอีกครั้ง หานเซิ่นก็เรียกดาบโคลด์ไลท์ออกมาฟันใส่แท่งทรงกลมสองแท่ง
ปัง!
แท่งทรงกลมสองแท่งถูกหานเซิ่นฟันร่วงลงไปกับพื้น แต่มันไม่ได้รับความเสียหายอะไร มันลอยกลับขึ้นมาจากพื้นและบินตรงเข้าหาดอกบัวสีม่วงอีกครั้ง
ครั้งนี้หานเซิ่นประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม ลำแสงของดาบโคลด์ไลท์นั้นสามารถฆ่าซีโน่เจเนอิคขั้นบัตเตอร์ฟลายได้ แต่ในตอนที่มันฟันใส่แท่งทรงกลมนี่ มันไม่แม้แต่จะทิ้งรอยขีดข่วนเอาไว้ ถึงแม้เจ้าสิ่งนั้นจะดูไม่มีพลังที่แข็งแกร่งอะไร แต่วัสดุของมันทนทานอย่างไม่น่าเชื่อ
“สิ่งนั้นมันคืออะไรกัน?” ลอนโดและคนอื่นๆมองไปที่แท่งทรงกลมสองแท่งด้วยความแปลกใจ
ขณะที่เป่าอิงมองไปที่วัตถุนั้น เธอก็พูดขึ้นมา “มันดูเหมือนกับม้วนกระดาษ ข้าคิดว่ามันเป็นม้วนกระดาษที่มีบางสิ่งถูกเขียนเอาไว้”
“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น แต่ม้วนกระดาษนั้นดูไม่เหมือนกับกระดาษหรือหนังธรรมดาๆ” ลุงสองพูด
“ข้าไม่รู้ว่าวัสดุนั่นคืออะไรกันแน่ แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะตัดมันให้ขาดได้”
เมื่อได้ยินพวกเขาบอกว่ามันเป็นม้วนกระดาษ หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่ามันดูเหมือนจะเป็นอย่างที่พวกเขาบอก ระหว่างแท่งทรงกลมสองแท่งนั้นดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่ดูเหมือนกับกระดาษสีแดงคล้ำอยู่ เนื่องจากกระดาษนั้นติดกับแท่งทรงกลมอยู่ มันก็ยากจะมองเห็นได้ถ้าไม่สังเกตให้ดีๆ
“นั่นเป็นอะไรที่แปลก กิเลนศักดิ์สิทธิ์เก็บกล่องโลหะนี้เอาไว้ในหนึ่งในรูปปั้น และในกล่องโลหะนั้นก็เก็บม้วนกระดาษเอาไว้ นอกจากนั้นม้วนกระดาษยังพยายามจะขโมยยีนของเทพสปิริต…”
หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่าม้วนกระดาษไม่ได้มีพลังโจมตีอะไร แต่พลังของเขาก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้เช่นกัน ด้วยเหตุนั้นในตอนที่มันบินเข้ามาอีกครั้ง เขาก็ตัดสินใจจะจับมันเอาไว้
ในตอนที่หานเซิ่นจับมันเอาไว้ในมือ ม้วนกระดาษก็พยายามจะดิ้นรนเพื่อเข้าไปหาดอกบัวสีม่วง แต่พลังของมันนั้นน้อยนิด ดังนั้นมันไม่สามารถหนีออกจากมือของหานเซิ่นได้
หานเซิ่นรู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่าม้วนกระดาษไม่ได้เป็นภัยต่อเขา ดังนั้นเขาจึงเก็บดอกบัวสีม่วงไป หลังจากนั้นเขาก็จับด้ามจับของม้วนกระดาษและค่อยๆเปิดมันออกเพื่อดูว่ามันมีอะไรอยู่ข้างใน
ในตอนที่หานเซิ่นดึงมันออกจากกัน เขาก็รู้สึกราวกับว่าม้วนกระดาษนั้นถูกติดด้วยกาวที่แข็งแรงมากๆ ถึงแม้หานเซิ่นจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เปิดมันออกมาได้เพียงแค่สองถึงสามเซนติเมตรเท่านั้น
หานเซิ่นรู้ว่าพลังของเขาไม่เพียงพอจะเปิดม้วนกระดาษนี่ได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงรีบมองดูสิ่งที่พอจะมองเห็นได้
ขณะที่หานเซิ่นมองเข้าไปในม้วนกระดาษที่เปิดออก เขาก็เห็นบางสิ่ง มันคือแถวตัวอักษรที่เขียนเรียงกันอยู่ มันถูกเขียนด้วยภาษาสามัญของจักรวาลจีโน ดังนั้นหานเซิ่นสามารถอ่านตัวอักษรแต่ละตัวได้ ตัวอักษรนั้นมีสีดำและถูกเขียนเอาไว้บนพื้นหลังสีแดง ตัวอักษรบนม้วนกระดาษอ่านได้ว่า “ไท่อี” ตามด้วยช่องว่าง หลังจากนั้นมันก็มีตัวอักษรที่อ่านได้ว่า “ฆ่าพระเจ้า”
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง “ไท่อี… นั่นคือไท่อีที่เป่าเอ๋อเคยพบอย่างนั้นหรอ? นี่เขาเองก็เคยฆ่าพระเจ้าได้เช่นกัน? คิดว่าจะมีแต่คนที่มีสุดยอดยีนเท่านั้นที่จะฆ่าพระเจ้าได้ซะอีก ผู้นำเซเคร็ดนั้นวิจัยเกี่ยวกับมันอยู่เป็นเวลานาน แต่เขาก็ฆ่าพระเจ้าไม่ได้ แบบนั้นไท่อีคนนี้ฆ่าพระเจ้าได้ยังไงกัน?”
พลังในมือของเขาเริ่มจะอ่อนลงเรื่อยๆ และตอนนี้เมื่อเขาสูญเสียสมาธิกับชื่อของไท่อี ม้วนกระดาษก็ปิดตัวเองลงอีกครั้ง
ลุงสองและคนอื่นๆบินเข้ามาหาเขา ลอนโดถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น “โฮลี่เบบี้ คุณเห็นอะไรข้างในม้วนกระดาษนี้ไหม?”
“ข้าเปิดมันไม่ได้ ข้าไม่รู้ว่าข้างในมันคืออะไร”
หานเซิ่นพูด เขาไม่ต้องการจะบอกคนอื่นเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิง
“ตอนนี้พวกเราอย่าเพิ่งพูดถึงมันเลย” เป่าอิงพูด
“พวกเราควรจะรีบออกไปจากระบบจักรวาลร้าง ที่นี่อันตรายเกินไป”
“มันมีอะไรต้องกลัว?” ลอนโดถาม
“ด้วยการที่มีโฮลี่เบบี้อยู่ที่นี่ ทำไมพวกเราจะต้องกลัวซีโน่เจเนอิคที่นี่อีก? เขามีความสามารถที่จะฆ่าได้แม้แต่พระเจ้า”
“พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ” หานเซิ่นรู้ถึงขีดจำกัดของตัวเองดี เขารู้ว่าที่เขาสามารถฆ่าอีวิลโลตัสได้ นั่นเป็นเพราะเทพสปิริตของสกายไวน์แรดิชและเศษเถ้าของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเขาจำเป็นต้องต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต แม้แต่ดาบโคลด์ไลท์ก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยเขาได้ แถมเทพสปิริตนั้นไร้ประโยชน์ต่อซีโน่เจเนอิค
เมื่อนึกถึงดาบโคลด์ไลท์ขึ้นมาได้ หานเซิ่นก็มองเข้าไปในจิตและเห็นว่ามันมีวิญญาณอสูรดาบโคลด์ไลท์อีกสองดวง เขาได้รับพวกมันมาในตอนที่เขาสังหารกลุ่มของโคลด์ไลท์ชาร์ม
เขาอ่านข้อมูลของพวกมันและสังเกตเห็นว่าพวกมันเป็นดาบโคลด์ไลท์เหมือนกันกับวิญญาณอสูรดวงแรกที่เขาได้รับจากโคลด์ไลท์ชาร์ม แต่คำบรรยายของพวกมันแตกต่างออกไปเล็กน้อย หนึ่งในพวกมันบอกว่าเสีย ขณะที่อีกหนึ่งเป็นเหมือนกับวิญญาณอสูรดาบโคลด์ไลท์ดวงแรกของหานเซิ่นที่บอกว่าไม่สมบูรณ์
หานเซิ่นสังเกตได้ในทันทีว่าวิญญาณอสูรดาบโคลด์ไลท์ที่ถูกระบุว่าเสียนั้นมีพลังที่ต่ำกว่าวิญญาณอสูรดาบโคลด์ไลท์อีกสองดวง
“วิญญาณอสูรดาบโคลด์ไลท์จะรวมเข้าด้วยกันได้เหมือนกับวิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์ไหมนะ”
หานเซิ่นตื่นเต้นกับความเป็นไปได้นั้น เขาเห็นวิญญาณอสูรโคลด์ไลท์ชาร์มทั้งสามดวงเริ่มรวมเข้าด้วยกันและเกิดเป็นวิญญาณอสูรดาบโคลด์ไลท์ดวงใหม่
วิญญาณอสูรโคลด์ไลท์ชาร์มนี้เห็นได้ชัดว่าทรงพลังกว่าวิญญาณอสูรโคลด์ไลท์ชาร์มทั้งสามดวง เพียงแค่มองดูมันหานเซิ่นก็สามารถบอกได้ว่ามันทรงพลังกว่ามาก
หานเซิ่นมองดูข้อมูลของมันและรู้สึกดีใจ
[วิญญาณอสูรโคลด์ไลท์ชาร์ม: ดาบโคลด์ไลท์ (สมบูรณ์)]
‘แค่ในตอนที่มันยังไม่สมบูรณ์ มันก็ทรงพลังเหมือนกับอาวุธขั้นบัตเตอร์ฟลายเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เมื่อมันสมบูรณ์ บางทีดาบโคลด์ไลท์อาจจะเทียบชั้นกับอาวุธขั้นทรูก็อตได้เลย ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ มันก็จะเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ’ หานเซิ่นคิดอย่างตื่นเต้น เขาตั้งตารอโอกาสที่จะได้ใช้ดาบโคลด์ไลท์เพื่อทดสอบพลังของมัน
ตอนที่ 2825
หานเซิ่นและคนอื่นๆเดินทางกลับทางเก่าเพื่อกลับไปที่ลอสท์แลนด์ พวกเขาไม่ได้เจอกับอุปสรรคอะไรในระหว่างการเดินทาง พวกเขาออกจากระบบจักรวาลร้างได้อย่างปลอดภัย
ระหว่างกลับไปยังเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง หานเซิ่นครุ่นคิดเกี่ยวกับชื่อไท่อีที่ถูกพูดถึงในม้วนกระดาษ
“นั่นคือไท่อีคนเดียวกับที่เป่าเอ๋อและคนอื่นๆเคยพบหรือเปล่านะ?”
ในตอนที่พวกเขาขุดเข้าไปในเมืองดูก็อต พวกเขาขุดหินประหลาดก้อนหนึ่งขึ้นมาได้ ในตอนที่หานเซิ่นและคนอื่นๆเข้าไปสำรวจในเมืองดูก็อต เป่าเอ๋อบอกว่ามีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา เขาบอกว่าชื่อของเขาคือไท่อี เขาบอกเป่าเอ๋อว่าฝากทักทายพ่อของเธอด้วย
ในตอนที่เป่าเอ๋อเล่าให้หานเซิ่นฟัง เขาก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ จากคำบรรยายของเป่าเอ๋อ หานเซิ่นบอกได้ว่าเขาไม่รู้จักกับคนที่ชื่อไท่อีคนนี้ เมื่อก่อนหานเซิ่นยังคงสงสัยว่าไท่อีนั้นอาจจะรู้เกี่ยวกับประวัติของเป่าเอ๋อ พ่อของเธอที่เขาพูดถึงนั้นอาจจะเป็นพ่อทางสายเลือดของเธอ
หลังจากนั้นเป็นต้นมา หานเซิ่นก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับคนที่ชื่อไท่อีอีกเลย เวลาผ่านมานานซะจนหานเซิ่นเกือบจะลืมเกี่ยวกับเขาไปซะสนิทเลย
ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นเห็นชื่อไท่อีและตัวอักษรที่อ่านได้ว่า “ฆ่าพระเจ้า” ในม้วนกระดาษของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ นั่นก็ทำให้หานเซิ่นเริ่มจะคาดเดาเกี่ยวกับตัวตนของไท่อีอีกครั้งหนึ่ง
แต่การคาดเดาก็ยังคงเป็นแค่การคาดเดา หานเซิ่นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไท่อีที่ถูกพูดถึงในม้วนกระดาษนั้นเป็นไท่อีคนเดียวกับที่เขาได้ยินมาจากเป่าเอ๋อหรือเปล่า มันเป็นอะไรที่ยากยืนยันได้
หานเซิ่นตามลุงสองและคนอื่นๆกลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ระหว่างทางกลับนั้นเหล่ายอดฝีมือระดับเทพเจ้าปฏิบัติกับหานเซิ่นต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง พวกเขารู้สึกนับถือหานเซิ่น
นี่ถือเป็นโอกาสดีที่หานเซิ่นจะหนีไปจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง แต่เขาเลือกที่จะยังไม่หนีไปในตอนนี้ เขาตามคนอื่นกลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘ถ้าเราหนีไปตอนนี้ เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงก็คงจะพูดเรื่องที่เราฆ่าพระเจ้าออกไป ซึ่งนั่นอาจจะทำให้สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวในจีโนฮอลล์เล็งเป้ามาที่เรา แต่ถ้าเรากลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง พวกเขาก็จะคิดว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา และพวกเขาก็คงจะไม่เอาเรื่องที่เราฆ่าอีวิลโลตัสไปบอกคนอื่น เพราะมันมีแต่จะนำปัญหามาสู่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง แถมเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงยังมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ามากมายให้เราฆ่า มันไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะหนีไปในตอนนี้’
หานเซิ่นเคยคิดว่าตัวเองอ่อนแอเกินไปที่จะอยู่ในเอ็กซ์ตรีมคิงต่อไป แต่ตอนนี้เขามีวิญญาณอสูรดาบโคลด์ไลท์ที่สมบูรณ์ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมากนัก
ด้วยพลังของดาบโคลด์ไลท์ ถึงแม้เขายังจะไม่สามารถต่อกรกับยอดฝีมือขั้นทรูก็อตได้ แต่เขาก็พอจะตอบโต้ได้เล็กน้อย
หานเซิ่นกำลังเล่นกับดอกบัวสีม่วงอยู่ในมือ ขณะที่คิดเกี่ยวกับวิธีที่จะดูดซับมัน มันน่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำอะไรกับยีนเทพสปิริตทั้งสองได้
‘ถ้าเราดูดซับหนึ่งในพวกมันเข้าไปได้ บางทีเราอาจจะวิวัฒนาการไปสู่ขั้นทรูก็อตโดยตรงได้เลย’
หลังจากที่กลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ราชาไป๋ก็เรียกพวกเขาไปพบ ลุงสองและคนอื่นๆรายงานเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในระบบจักรวาลร้างให้ราชาไป๋ฟัง
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ราชาไป๋ไม่ได้ถามว่าทำไมหานเซิ่นถึงมีพลังมากขนาดนั้น หรือสั่งให้หานเซิ่นมอบสิ่งประจำตัวของพระเจ้าและม้วนกระดาษให้กับเขา
หลังจากการเข้าพบในครั้งนั้น ทุกอย่างก็กลับไปเป็นปกติเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หานเซิ่นไม่ได้เห็นหน้าราชาไป๋อีกเลย และมันมีแค่เป่าอิงเท่านั้นที่มาหาเขาทุกๆวันเพื่อสอนเขาเกี่ยวกับธรรมเนียมปฏิบัติ
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘นี่ราชาไป๋กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? ถ้าเราจะหนีไป เราก็หนีไปได้อย่างง่ายดาย เรามีความลับซ่อนอยู่มากมาย แต่แล้วเขากลับไม่แสดงความสนใจ แม้แต่สมบัติที่มีค่าอย่างสิ่งประจำตัวของพระเจ้า เขาก็ยังไม่ถามเกี่ยวกับมัน นี่จริงๆแล้วเขาต้องการอะไรกันแน่?’
ถ้าราชาไป๋มีแผนที่จะทำการทดสอบเขา หานเซิ่นก็จะรู้สึกวางใจมากขึ้น ถ้าอีกฝ่ายยินดีจะเผยไพ่ในมือของตัวเอง อย่างน้อยเขาก็จะได้รู้ถึงความคิดของอีกฝ่าย แต่ราชาไป๋กลับไม่ยอมเผยไพ่ในมือเลย ซึ่งทำให้เขาสับสนอย่างมาก เขาคิดว่าราชาไป๋เป็นบุคคลที่ลึกลับและยากจะเข้าใจได้
หลังจากนั้นพักใหญ่หานเซิ่นก็ใช้เวลาแต่ละวันไปกับการกินและนอน ยีนระดับเทพเจ้าของเขาค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและไม่นานเกินรอมันก็ครบหนึ่งร้อยยีน
“ถึงเวลาที่จะวิวัฒนาการไปสู่ขั้นลาร์วา หลังจากที่เรากลายเป็นขั้นลาร์วา หวังว่าร่างกายของเราจะกลับเป็นปกติอีกครั้ง” หานเซิ่นรู้สึกดีใจ แต่เขาไม่ได้ทำการวิวัฒนาการสู่ขั้นลาร์วาในทันที
ที่นี่เป็นสถานที่ของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงและตัวตนของเขาในตอนนี้ก็คือตัวตนของโฮลี่เบบี้ ถ้าเขาวิวัฒนาการสู่ขั้นลาร์วาและกลับมาเป็นหานเซิ่นอีกครั้งหนึ่ง มันก็จะเป็นเหมือนกับการป้อนแกะลงในปากเสือโดยตรง
โชคดีที่ราชาไป๋ไม่ได้จำกัดอิสรภาพของเขา หานเซิ่นหาข้ออ้างเพื่อนำยานรบลำหนึ่งเดินทางออกไปจากอาณาจักรของกษัตริย์ เขาพบดาวดวงหนึ่งที่เป็นของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงแต่ไม่มีใครอาศัยอยู่ ขณะที่เขาอยู่ที่นั่น เขาก็เริ่มวิวัฒนาการร่างกายของเขา
ในตอนที่กระบวนการวิวัฒนาการเริ่มต้นขึ้น หานเซิ่นก็รู้สึกว่าเซลล์ในร่างกายเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ร่างกายของหานเซิ่นค่อยๆใหญ่โตขึ้นอย่างช้าๆ ไม่นานเขาก็กลับไปสู่ร่างผู้ใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
หานเซิ่นยังคงอยู่ในโหมดร่างต่อสู้ซีโน่เจเนอิค ร่างกายของเขาดูงดงามอย่างประหลาด ซึ่งนั่นเป็นเพราะเขายังคงรวมร่างกับมนตรา มันทำให้ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนเหมือนกับผู้หญิง
“ในที่สุดเราก็จะกลับเป็นผู้ใหญ่อีกครั้ง!” หานเซิ่นดีใจ เขาไม่ชอบการมีร่างกายเป็นเด็ก เขาคิดว่าร่างกายของเขาในขณะนี้มันสบายกว่ามาก
หานเซิ่นวิวัฒนาการสู่ขั้นลาร์วาสำเร็จได้ด้วยดี เขารู้สึกว่าพลังกลับคืนมาอีกครั้ง ร่างกายของเขาในตอนนี้เปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาล มันมากกว่าตอนที่เขาใช้วิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์ซะอีก
“นี่คือพลังที่แท้จริงของเรา” หานเซิ่นรู้สึกภูมิใจกับตัวเอง ในตอนที่เขาพยายามจะยกเลิกโหมดซีโน่เจเนอิค เขาพบว่าไม่สามารถทำได้
“จากนี้ไปเราจะต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรู้สึกหดหู่กับเรื่องนั้น แต่เขาไม่สามารถทำอะไรกับมันได้
ถึงแม้ในตอนนี้เขาจะดูงดงามขึ้นมาก แต่หานเซิ่นยังคงอยากได้ใบหน้าเก่ากลับคืนมา
“ในตอนนี้เราแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก เราจะเปิดม้วนกระดาษนั่นได้ไหมนะ” หานเซิ่นนำม้วนกระดาษนั้นออกมา เขารวบรวมพลังและพยายามจะเปิดมันออกอีกครั้งหนึ่ง
ม้วนกระดาษค่อยๆถูกเปิดออกและเขาก็เห็นชื่อของไท่อีอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากพลังของหานเซิ่นในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าในตอนที่เขาใช้วิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์ ม้วนกระดาษจึงถูกเปิดออกได้มากกว่าเดิม อักษรอีกแถวหนึ่งปรากฏออกมาให้เห็น
“เพอเพิลไฟต์… ฆ่าพระเจ้า…” ในตอนที่หานเซิ่นเห็นชื่อนั้น เขาก็รู้สึกตกใจ
ไท่อีนั้นอาจจะมีคนที่มีชื่อซ้ำกันอยู่ แต่เพอเพิลไฟต์นั้นเป็นชื่อที่ไม่น่าจะมีใครเหมือน ยอดฝีมือที่ใช้ชื่อนั้นในจักรวาลมีเพียงแค่เพอเพิลไฟต์ผู้โด่งดังที่เป็นหนึ่งในสิบขุนพลของเซเคร็ด
หานเซิ่นเคยเห็นเพอเพิลไฟต์มาก่อน แต่เดี๋ยวนี้เพอเพิลไฟต์นั้นไม่ได้อยู่ดีนัก เขาใช้เวลาไปกับการขี่รถม้าปีศาจในระบบเทียนเซียแร่ร่อนไปเรื่อยๆ
ตอนนี้เมื่อผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่าเป็นนักวิจัยของเซเคร็ดออกมาจากภูเขาสองโลกแล้ว เพอเพิลไฟต์เองก็คงจะออกไปจากที่นั่นแล้วเช่นเดียวกัน
ตอนที่ 2826
หานเซิ่นคิด ‘นี่ม้วนกระดาษนี่บันทึกรายชื่อของยอดฝีมือที่เคยฆ่าพระเจ้าเอาไว้อย่างนั้นหรอ?’
แต่หานเซิ่นคิดว่ามีบางสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ผู้นำเซเคร็ดนั้นทำการวิจัยอยู่เป็นเวลานาน แต่เขาก็ยังฆ่าพระเจ้าไม่ได้ แบบนั้นทำไมเพอเพิลไฟต์ที่เป็นลูกน้องของเขากลับฆ่าพระเจ้าได้สำเร็จ? นั่นเป็นอะไรที่แปลก แถมผู้หญิงคนนั้นและฮอไรซอนทอลอีวิลเคยบอกว่าถ้าไม่มีสุดยอดยีน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าพระเจ้า แม้แต่ผู้นำเซเคร็ดก็หาสุดยอดยีนมาไม่ได้ แบบนั้นเพอเพิลไฟต์ไปหาสุดยอดยีนมาได้ยังไง?” ในหัวของหานเซิ่นเต็มไปด้วยคำถาม
เพื่อจะหาคำตอบในม้วนกระดาษนี้ หานเซิ่นส่งแรงเข้าไปในมือมากขึ้นเพื่อจะดึงม้วนกระดาษให้เปิดกว้างขึ้นกว่าเดิม
ม้วนกระดาษนั้นเป็นอะไรที่ยากจะเปิดออกราวกับว่ามันทากาวเอาไว้ มันต้องใช้พลังจำนวนมากเพื่อเปิดมันออก และการเปิดมันให้กว้างขึ้นนั้นเป็นอะไรที่ยากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่พลังขั้นลาร์วาของหานเซิ่นก็เกือบจะเปิดมันไม่ออก
“ฮอไรซอนทอลอีวิล… ฆ่าพระเจ้า…” ในตอนที่หานเซิ่นเห็นชื่อนั้น เขาก็แข็งทื่อไป
ฮอไรซอนทอลอีวิลเป็นอัลฟ่าของเผ่าเบรกสกาย ก่อนหน้านี้หานเซิ่นได้เห็นเขาถูกตรึงอยู่กับภูเขาและถูกทรมาน ฮอไรซอนทอลอีวิลเคยบอกหานเซิ่นว่าเขาไม่มีพลังที่จะฆ่าพระเจ้า ซึ่งขัดกับสิ่งที่บันทึกอยู่บนม้วนกระดาษนี้
จู่ๆหานเซิ่นก็เกิดคิดว่าม้วนกระดาษนี้อาจจะเป็นแค่การเล่นตลกของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ ไม่อย่างนั้นการเขียนรายชื่อพวกนี้มันจะไปมีประโยชน์อะไร? มันคิดจะมอบความผิดให้กับเพอเพิลไฟต์ ฮอไรซอนทอลอีวิลและคนอื่นๆอย่างนั้นหรอ?
ถึงแม้หานเซิ่นจะเริ่มสงสัยในความน่าเชื่อถือของม้วนกระดาษนี้ เขาก็ยังคงพยายามเปิดมันต่อไป เขาอยากจะเปิดดูต่อให้จบ
แต่ทว่าในตอนที่เขาพยายามจะดึงมันให้เปิดออกเพิ่มขึ้นอีก เขาก็พบว่าพลังที่จำเป็นต้องใช้นั้นมากเกินไป และเขาไม่สามารถเปิดม้วนกระดาษให้กว้างมากไปกว่านี้ได้
“เปิด!” หานเซิ่นกัดฟัน วิญญาณอสูรกริฟของหมาป่าสกายสตาร์เรืองแสงขึ้นบนร่างกายของเขา ซึ่งมอบพลังให้กับเขาอีกนิดเพื่อจะเปิดม้วนกระดาษ
เส้นเลือดปูดขึ้นมาบนแขนของหานเซิ่น โซ่สสสารมายมายแว็บขึ้นรอบๆมือของเขา เขาบังคับให้ม้วนกระดาษเปิดออกทีละนิดๆ
“หานอวี้เฟย… ดูหมิ่นต่อพระเจ้า… ถูกส่งไปในวังวนที่ไม่มีวันได้ไปเกิดใหม่อีกครั้ง…” ในที่สุดหานเซิ่นก็เห็นความผิดที่แตกต่างออกไป แต่มันทำให้หานเซิ่นรู้สึกสงสัยยิ่งกว่าเดิม
ในหัวของหานเซิ่นเต็มไปด้วยคำถาม “หานอวี้เฟย? นั่นควรจะเป็นชื่อของผู้หญิง แต่เธอเป็นใครกัน? เธอเกี่ยวข้องยังไงกับเซเคร็ด? เธอดูหมิ่นต่อพระเจ้าอย่างนั้นหรอ? นั่นไม่น่าจะเป็นอะไรที่เลวร้ายไปกว่าการฆ่าพระเจ้า แต่ทำไมคนอื่นๆไม่ได้ถูกลงโทษ ขณะที่ผู้หญิงคนนี้ถูกส่งไปในวังวนที่ไม่มีวันได้ไปเกิดใหม่?”
ปัง!
พลังของหานเซิ่นไม่สามารถเปิดม้วนกระดาษต่อไปได้อีก แท่งทั้งสองของม้วนกระดาษนั้นเด้งกลับเข้าตำแหน่งดั้งเดิมของพวกมันและหน้ากระดาษก็ถูกม้วนกลับไปอย่างที่มันเคยเป็น หลังจากนั้นม้วนกระดาษก็พยายามจะบินหนีไป
หานเซิ่นจับม้วนกระดาษเอาไว้และเอามันไปเก็บไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตา
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมมันถึงได้มีคนหลายคนที่ฆ่าพระเจ้าได้สำเร็จ?” หานเซิ่นรู้สึกสงสัยอย่างมาก แต่เขามีข้อมูลไม่เพียงพอ
“ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องรอจนกระทั่งพลังของเราแข็งแกร่งกว่านี้ เมื่อถึงเวลานั้นเราจะเปิดม้วนกระดาษอย่างสมบูรณ์และเรียนรู้ถึงความหมายของรายชื่อในม้วนกระดาษ” หานเซิ่นตัดสินใจว่าจะเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปก่อน
ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นกลายเป็นผู้ใหญ่อีกครั้ง ถึงแม้มันจะไม่มีใครบอกได้ว่าเขาคือหานเซิ่น มันก็ไม่เหมาะสมนักที่เขาจะอยู่ในเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงต่อไป ดังนั้นหานเซิ่นจึงตัดสินใจเทเลพอร์ตกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่
…
หานหลิงเอ๋อกำลังหัดวาดภาพอยู่ในสวน เมื่อเธอเห็นหานเซิ่นปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เธอเอนหัวไปด้านข้างขณะที่มองไปที่เขาและถาม
“คุณเป็นหัวขโมยอย่างนั้นหรอ?”
“ถ้าฉันเป็นหัวขโมย หนูจะทำอะไร?” หานเซิ่นยิ้มขณะที่มองไปที่หานหลิงเอ๋อ เขาต้องการจะแกล้งเธอ
หานหลิงเอ๋อกระพริบตาปริบๆ “คุณหัวขโมยสุดหล่อ คุณดูดีมากๆ ถ้าคุณไปซะตอนนี้ หนูจะแกล้งทำเป็นว่าหนูไม่เคยเห็นคุณ”
หานเซิ่นรู้สึกเครียดขึ้นมา “หลิงเอ๋อยังตัวเล็กแค่นิดเดียว เธอก็หลงไหลกับรูปลักษณ์ภายนอกซะแล้ว เราควรจะสอนเธอว่าผู้ชายที่หน้าตาดีนั้นเชื่อไม่ได้”
“หลิงเอ๋อ หนูจำพ่อไม่ได้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม เขาดูหดหู่
“พ่อ?” หานหลิงเอ๋อมองหานเซิ่นด้วยท่าทางสับสน หลังจากผ่านไปสักพัก เธอก็วิ่งเข้ามาจับมือของหานเซิ่นอย่างร่าเริง
“พ่อ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พ่อหล่อขนาดนี้?”
หานเซิ่นอยากจะพูดบางสิ่ง แต่เขาได้ยินเสียงจีเหยียนหรันเดินเข้ามา เธอมองหานเซิ่นอยู่สักพักก่อนที่จะถามด้วยความประหลาดใจ
“หานเซิ่น ทำไมตอนนี้นายถึงดูดีขึ้นกว่าเดิม?”
หานเซิ่นอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้จีเหยียนหรันและหลิงเอ๋อฟัง เขาสังเกตได้ว่าฐานะของตัวเองภายในบ้านนั้นดีขึ้นกว่าเดิมมาก เมื่อก่อนในตอนที่เขามาถึงที่บ้าน เขาก็ได้กินแค่อาหารธรรมดาๆ แต่ตอนนี้จีเหยียนหรันทำอาหารจานพิเศษให้กับเขา
หลิงเอ๋อก็วนเวียนอยู่รอบๆตัวเขาและเกือบจะไม่ปล่อยมือจากเขา เธอเรียกเขาเพื่อขอหอมแก้มครั้งแล้วครั้งเล่า
“แม่ลูกคู่นี้นี่…” หานเซิ่นสังเกตได้ว่าการจะเพิ่มฐานะในครอบครัวของเขา พละกำลังเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ และหน้าตาคืออาวุธที่มีประสิทธิภาพที่สุด
“ใบหน้าเดิมของฉันก็ไม่ได้แย่อะไร” หานเซิ่นรู้สึกเศร้าใจ ถึงใบหน้าของเขาจะไม่ได้หล่อเหลาอะไรมากนัก แต่ร่างกายของเขาก็กำยำสมชายชาตรี เขาไม่ได้แย่ไปกว่านายแบบคนหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยถูกปฏิบัติดีแบบนี้มาก่อน
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่พักผ่อนได้หนึ่งวัน หานเซิ่นก็ตื่นขึ้นมาจากเสียงร้องของจีเหยียนหรัน
“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอ? มันยังเช้าตรู่อยู่เลย”
หานเซิ่นลุกขึ้นมาและรู้สึกว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติกับร่างกายของเขา เมื่อเขามองดูดีๆ เขาก็พบว่าร่างกายตัวเองกลับกลายเป็นเด็กอีกครั้ง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้อีกแล้ว? ฉันคิดว่าหลังจากที่วิวัฒนาการสู่ขั้นลาร์วา ฉันจะกลายเป็นปกติ” หานเซิ่นไม่เข้าใจ
“น่ารักอะไรขนาดนี้…” จีเหยียนหรันกอดหานเซิ่นในอ้อมแขน เธอใช้แก้มของเธอถูกับแก้มของหานเซิ่นและพูด “เสี่ยวฮวานั้นน่ารักแบบนี้ในตอนที่เขาเล็กเท่านี้”
หานเซิ่นไม่รู้จะพูดยังไง จีเหยียนหรันนั้นยอมรับความจริงที่ว่าสามีของเธอกลายเป็นเด็กคนหนึ่ง เธอดูไม่ได้กังวลอะไรกับเรื่องนั้นเลย
หานเซิ่นศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่สักพัก และเขาก็พบว่าเป็นครั้งคราวเขาจะกลายเป็นผู้ใหญ่ได้ แต่เขาไม่สามารถคงร่างผู้ใหญ่เอาไว้ได้เป็นเวลานาน เขาสามารถคงร่างผู้ใหญ่เอาไว้ได้ราวๆสิบชั่วโมงเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็จะกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
“อุส่ารีบวิวัฒนาการเป็นขั้นลาร์วา แต่เราก็ยังไม่กลับเป็นปกติ! ดูเหมือนเราจำเป็นต้องกลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายเพื่อกลับเป็นปกติจริงๆ”
หานเซิ่นกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องที่จะหนีจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงได้ยังไง แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นแล้ว เขาตัดสินใจจะอยู่ในเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงต่อไปในฐานะโฮลี่เบบี้ และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของพวกเขาให้มากที่สุด
ขณะที่เขายังคงเป็นผู้ใหญ่ หานเซิ่นใช้ลูกบาศก์สี่แกะเพื่อเข้าไปในฟาร์มของพระเจ้า เขาต้องการดูว่าจะได้พบกับกู่หว่านเอ๋ออีกครั้งได้ไหม
ทันทีที่หานเซิ่นเข้าไปในฟาร์มของพระเจ้า เขาก็ได้เห็นกู่หว่านเอ๋อกำลังฆ่าพวกแกะด้วยมีดของเธอ นั่นทำให้เขารู้สึกดีใจ
“เราได้ศึกษาเกี่ยวกับวิธีการที่จะรับมือกับมีดเทพอยู่เป็นเวลานาน ตอนนี้เราจะลองนำมันมาใช้จริง”
หานเซิ่นเทเลพอร์ตไปตรงหน้ากู่หว่านเอ๋อ เขามองไปที่กู่หว่านเอ๋อและพูด “กู่หว่านเอ๋อ เธอถอยออกไป!”
ตอนที่ 2827
ตอนที่ 2827 ต่อสู้กับมีดเทพอีกครั้ง
“เจ้าเป็นใครกัน? เจ้ารู้ชื่อข้าได้ยังไง?” กูหว่านเอ๋อมองหานเซิ่นด้วยความแปลกใจ ใบหน้าของหานเซิ่นดูแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งนั่นทำให้เธอจำเขาไม่ได้ แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะได้ตอบกลับไป มีดเทพก็ปลดปล่อยเพลิงสีเลือดที่น่ากลัวออกมา มันพุ่งออกจากมือของกูหว่านเอ๋อและตรงเข้าหาหานเซิ่น เปลวเพลิงสีม่วงนั้นก่อตัวเป็นเงาปีศาจสีเลือดที่จับมีดเทพขณะที่พุ่งเข้าฟันใส่หานเซิ่น
“มันคือซุปเปอร์สเปชสแลซที่รวมพลังธาตุกาลเวลาและอวกาศเข้าด้วยกัน มันจะตัดสิ่งที่อยู่ในอดีต ซึ่งทำให้มันเป็นการโจมตีที่ไม่มีใครป้องกันได้ เราจะป้องกันมันได้ไหม? เราจะคาดเดาวิถีของมีดหนึ่งวินาทีก่อนหน้าได้ไหมนะ?” หานเซิ่นไม่แน่ใจ แต่เขาจำเป็นต้องลองดู
โล่เมดูซ่าส์เกซปรากฏขึ้นในมือของหานเซิ่น ส่วนมืออีกข้างของเขาถือดาบโคลด์ไลท์อยู่
ในตอนแรกหานเซิ่นมีแผนที่จะใช้ปืนของมนตรา แต่มนตราเป็นส่วนหนึ่งของเขาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทำให้เธอไม่สามารถกลายเป็นปืนได้ แถมตอนนี้พลังของดาบโคลด์ไลท์ก็เหนือกว่าปืนของมนตรา ดังนั้นหานเซิ่นจึงใช้ดาบโคลด์ไลท์แทน
หานเซิ่นคำนวณวิถีของดาบโคลด์ไลท์และตำแหน่งป้องกันของโล่เมดูซ่าส์เกซเพื่อบังคับให้มีดเทพฟันไปในตำแหน่งที่เขาต้องการ
การจะคาดเดาหนึ่งวินาทีล่วงหน้าให้ถูกต้องนั้นเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ แต่หานเซิ่นสามารถคาดเดาและบังคับให้มีดเทพไปทางที่เขาคิดเอาไว้ได้ นั่นทำให้มีดเทพไม่สามารถโจมตีใส่เขาในอดีตหนึ่งวินาทีก่อนหน้าได้
การใช้สติปัญญาเพื่อต่อสู้กับมีดที่สามารถเดินทางผ่านกาลเวลาได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ แต่นี่เป็นโอกาสเดียวของหานเซิ่นที่จะต่อสู้กับมีดเทพ
มีดเทพฟันถูกแผ่นหลังของหานเซิ่นและตัดผิวหนังของเขาจนเปิดออก เลือดที่ตกผลึกเหมือนกับคริสตัลและกล้ามเนื้อที่เหมือนกับหยกเผยออกมาให้เห็น
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง “มีดเทพนั่นทรงพลังมากๆ ถึงร่างซีโน่เจเนอิคของเราจะเป็นแค่ขั้นลาร์วา แต่ความแข็งแกร่งของมันควรจะเทียบได้กับขั้นบัตเตอร์ฟลาย แต่มันก็ยังตัดร่างกายเราได้ พลังของมีดเทพนั้นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ มันอาจจะถึงขั้นทรูก็อตเรียบร้อยแล้ว”
การโจมตีนั้นอยู่ภายในการคาดเดาของหานเซิ่น ดังนั้นหานเซิ่นไม่ได้ตื่นตะหนกอะไร เขาปรับเปลี่ยนตำแหน่งของโล่เมดูซ่าส์เกซและดาบโคลด์ไลท์
“มันจะฆ่าเจ้า รีบหนีไปจากที่นี่!” ถึงกู่หว่านเอ๋อจะจำหานเซิ่นไม่ได้ แต่เธอก็ยังเตือนเขาด้วยความหวังดี
แต่หานเซิ่นไม่ได้สนใจที่เธอพูด กู่หว่านเอ๋อนั้นเป็นปมของความโศกเศร้าทั้งหมดของไผ่เดียวดาย ถ้าเขาช่วยกู่หว่านเอ๋อได้ ไผ่เดียวดายก็จะไม่ต้องเป็นทุกข์อีกต่อไป ในเมื่อเขามีโอกาสที่จะทำแบบนั้นได้ แน่นอนว่าเขาจะลองเสี่ยงดู
ร่างกายของหานเซิ่นถูกฟันอีกครั้ง แต่มันไม่ใช่ตำแหน่งที่เป็นอันตรายอะไร
“ดูเหมือนว่าการคาดเดาและการคำนวณของเรายังคงไม่ดีพอ เราจำเป็นต้องปรับปรุงในการต่อสู้จริง”
หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร จริงๆแล้วเขารู้สึกดีใจ ถึงแม้เขาจะถูกฟัน แต่มันไม่ใช่จุดที่เป็นอันตรายอะไร นั่นหมายความว่าวิธีการของเขาได้ผล
หานเซิ่นทำการต่อสู้กับมีดเทพต่อไปและได้รับบาดแผลมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าลองมองดูดีๆจะเห็นว่าบาดแผลที่เขาได้รับนั้นมีขนาดเล็กลง
เคร๊ง!
มีดเทพฟันถูกโล่เมดูซ่าส์เกซ ซึ่งทำให้ร่างกายของหานเซิ่นไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เขารู้สึกดีใจจนเขาเกือบจะร้องตะโกนด้วยความสุข ในที่สุดเขาก็สามารถป้องกันการโจมตีของมีดเทพก่อนล่วงหน้าหนึ่งวินาทีได้สำเร็จ พลังซุปเปอร์สเปชสแลซนั้นเป็นเหมือนกับการขี้โกง แต่เขาสามารถป้องกันมันได้
ขณะที่หานเซิ่นกำลังตื่นเต้น เขาก็ถูกฟันใส่อีกครั้ง ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เขากลับมามีสมาธิอีกครั้ง เขารู้ตัวว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวดีใจ เขายังคงไม่สามารถป้องกันซุปเปอร์สเปชสแลซได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่เมื่อเทียบกับตอนแรกที่เพิ่งจะเริ่มต่อสู้ การเคลื่อนไหวของหานเซิ่นในตอนนี้ดูไหลเลื่อนกว่ามาก เขาสามารถป้องกันการโจมตีของมีดเทพได้บ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ
กู่หว่านเอ๋อตั้งใจจะเตือนหานเซิ่นให้รีบหนีไปอีกครั้ง แต่เธอสังเกตเห็นว่าหานเซิ่นเริ่มจะป้องกันการโจมตีของมีดเทพได้ เธอดูตกตะลึงกับเรื่องนั้น
เธอไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตไหนที่ต่อสู้กับมีดเทพได้แบบนี้มาก่อน สิ่งมีชีวิตอื่นในฟาร์มพระเจ้านั้นจะแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นมีดเทพ
แต่คนแปลกหน้าคนนี้กลับสามารถต่อสู้กับมันได้ เขาป้องกันการโจมตีของมีดเทพได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ
ในเวลาแบบนี้หานเซิ่นรู้สึกตื่นเต้นทั้งร่างกายและจิตใจ มันเหมือนกับความตื่นเต้นในตอนที่เขาสามารถแก้ปัญหาเดิมที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้จนสำเร็จ
ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่ามีดเทพนั้นทรงพลังและซุปเปอร์สเปชสแลซของมันก็เป็นอะไรที่น่ากลัวอย่างที่สุด แต่ในตอนที่เขาป้องกันมันได้เป็นครั้งแรก มันเหมือนว่าภูเขาถูกยกออกจากอกของเขา เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆเมื่อการต่อสู้ดำเนินต่อไป
ก่อนหน้านี้หานเซิ่นจะรู้สึกได้ถึงแรงกดดันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมีดเทพ แต่ตอนนี้ความกดดันนั้นหายไปแล้ว เขาสามารถป้องกันซุปเปอร์สเปชสแลซได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป
หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขาสามารถควบคุมจักรวาลและกฎทั้งหมดของมันได้ มันเหมือนกับว่าเขาสามารถทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ
ทันใดนั้นจู่ๆหานเซิ่นก็เก็บโล่เมดูซ่าส์เกซไปและใช้เพียงแค่ดาบโคลด์ไลท์เพื่อต่อสู้กับมีดเทพ ในตอนนี้นั่นคือทั้งหมดที่เขาจำเป็นต้องใช้ เขาไม่จำเป็นต้องเอาแต่ป้องกันอีกต่อไป เขาเริ่มจะเป็นฝ่ายโจมตีบ้าง
เคร๊ง! เคร๊ง! เคร๊ง
มีดและดาบปะทะกันในอากาศ คลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นนั้นสร้างรอยร้าวของมิติในอากาศ หานเซิ่นใช้เพียงแค่ดาบเพื่อต่อสู้กับมีดเทพ มันไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เขาเอาแต่ป้องกันและหลบหลีก
“เจ้าฟันย้อนไปถูกข้าหนึ่งวินาทีก่อนหน้าแล้วจะยังไง? ข้าจะป้องกันการโจมตีของแกล่วงหน้าก่อนหนึ่งวินาที”
ในตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก ดาบโคลด์ไลท์ของเขาดูเหมือนกับว่าถูกกวัดแกว่งอย่างลวกๆเพื่อต่อสู้กับมีดเทพ
กู่หว่านเอ๋ออ้าปากค้าง ขณะที่เธอมองดูหานเซิ่นต่อสู้กับมีดเทพ เธอไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตไหนต่อสู้กับมีดเทพแบบนั้นมาก่อน ในตอนนี้มันเหมือนกับว่ามีดเทพกำลังเป็นฝ่ายที่ถูกไล่ต้อน
เคร๊ง!
ทันใดนั้นมีดเทพก็ถูกดาบแสงฟันกระเด็นออกไปด้านหลัง
“มีดเทพกำลังถูกไล่ต้อนจริงๆ!” ตอนนี้กู่หว่อนเอ๋อเชื่อแล้วว่ามีดเทพกำลังถูกไล่ต้อนโดยคนแปลกหน้าคนนี้
ในจังหวะต่อมา กู่หว่านเอ๋อก็เห็นมีดเทพบินหนีขึ้นไปสู่ท้องฟ้า แต่ดาบแสงของหานเซิ่นพุ่งออกไปฟันใส่มันจนร่วงกลับลงมา
“มีดเทพ… พยายามจะหนีไป…” กู่หว่านเอ๋อไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้เห็น มีดเทพกำลังพยายามหนีไปจากชายแปลกหน้าคนนี้ เธอไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้นจริงๆ
หานเซิ่นฟันใส่มีดเทพซ้ำๆและทำให้มันต้องถอยหนีไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นขมวดคิ้วคือความจริงที่เขาไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนต่อมีดเทพได้ เขาไม่รู้ว่ามันทำขึ้นมาจากอะไรกันแน่ แต่ดาบโคลด์ไลท์ของเขาไม่สามารถสร้างความเสียหายกับมันได้
“ถึงแม้เราจะก้าวข้ามซุบเปอร์สเปชสแลซไปได้ แต่เราก็ยังทำลายมีดเทพเล่มนี้ไม่ได้อยู่ดี ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปที่สุดแล้วเราจะแพ้” หานเซิ่นขมวดคิ้วขณะที่พยายามคิดหาทางทำลายมีดเทพเล่มนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น