Super God Gene 2808-2817
ตอนที่ 2808 เสียมารยาท
“ซีโน่เจเนอิคตัวนี้ทรงพลังมาก… ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ”
หานเซิ่นเห็นว่าลูกธนูของเขาไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเจ้าซีโน่เจเนอิคได้เลย ก่อนที่ร่างกายของเขาจะฟื้นตัว เขาไม่คิดว่าจะทำอะไรกับมันได้ เจ้าซีโน่เจเนอิคนั้นไม่ได้ตอบสนองอะไรกับการโจมตีของหานเซิ่น มันแค่จ้องมาที่หานเซิ่นราวกับว่าเขาเป็นตัวตลก
หานเซิ่นตัดสินใจจะไม่โจมตีต่อ เขาออกจากปราสาทหมายเลข0002และไปเช็คปราสาทต่อไป เขาสังเกตว่าปราสาทหมายเลข0003และ0004นั้นว่างเปล่า เขาต้องไปที่ปราสาทหมายเลข0005 เขาถึงจะเห็นซีโน่เจเนอิคอีกตัว
ครั้งนี้หานเซิ่นไม่ทำการโจมตี นั่นเป็นเพราะเขาไม่จำเป็นต้องโจมตี ทันทีที่เขาเห็นซีโน่เจเนอิคที่ดูเหมือนกับมังกรหิมะ เขาก็รู้ว่ามันเป็นระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วา ด้วยเหตุนั้นเขารู้ว่าไม่สามารถฆ่ามันได้
“ไม่รู้ว่ามันมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าถูกขังอยู่ที่นี่มากเท่าไหร่ แต่คุณภาพของพวกมันนั้นสูงเกินไป” หานเซิ่นตัดสินใจจะหยุดเดินดูเพียงแค่นั้น ยังไงซะแค่ยีนซีโน่เจเนอิคของวานรปีศาจตัวนั้นก็มากพอที่จะให้เขากินได้หลายวัน
หานเซิ่นลากร่างกายของวานรปีศาจออกไปจากปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ หลังจากนั้นเขาก็หยุดใช้วิญญาณอสูร และไปเรียกทหารยามมาลากร่างกายของวานรปีศาจกลับไปที่พระราชวัง
ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าทหารยามและสาวใช้ในพระราชวังนั้นมองมาที่เขาอย่างแปลกๆ
“ทำไมเจ้าถึงมองมาที่ข้า?” หานเซิ่นถามหนึ่งในสาวใช้
“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้อภัยให้ข้าด้วย” สาวใช้ดูหวาดกลัว เธอรีบคุกเข่าลงไปกับพื้น
“ข้าถามว่าทำไมเจ้าถึงมองมาที่ข้า ทำไมเจ้าถึงไม่ตอบข้า?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
“ข้า…ข้า…” สาวใช้ตกใจจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“เจ้าทรงพลังมากๆ โฮลี่เบบี้” เสียงดังขึ้นมาจากระยะไกล มันดังมาจากผู้หญิงที่สง่างามคนหนึ่ง เธอสวมใส่ชุดที่สวยงามเป็นพิเศษ เธอเป็นคนเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง เธอมีสาวใช้ติดตามมาหลายคน ซึ่งทุกคนต่างมองมาที่หานเซิ่นอย่างเย็นชา
“เจ้าเป็นใครกัน?” หานเซิ่นรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นหนึ่งในภรรยาของราชาไป๋ แต่ราชาไป๋มีภรรยาอยู่มากเกินไป เขาไม่สามารถจดจำพวกเธอได้ทั้งหมด ความจริงแล้วเขาไม่สนใจจะรู้ชื่อภรรยาของราชาไป๋
“ซีโน่เจเนอิคยังไงก็เป็นแค่ซีโน่เจเนอิคจริงๆ ช่างไม่มีมารยาท” ผู้หญิงที่สง่างามคนนั้นมองมาที่หานเซิ่นอย่างเย็นชาและถือตัว
“เจ้ากล้าดียังไง? เจ้าไม่รู้หรือยังว่าเจ้าต้องก้มหัวต่อหน้าพระมเหสี?” สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังตะโกนขึ้นมา
“โอ้ นี่คือภรรยาของท่านอาจารย์อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นยิ้ม แต่เขาไม่ได้ก้มหัว
ราชาไป๋เป็นคนที่บังคับให้เขาเป็นลูกศิษย์ เขาไม่เคยต้องการจะอยู่ที่นี่ ดังนั้นหานเซิ่นไม่คิดจะมีมารยาทกับภรรยาทุกคนของเขา
ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็คือพระมเหสี นั่นหมายความว่าเธอคือแม่ของไป๋ว่านเจี้ยและไป๋อู๋ฉาง ทั้งสองคนเป็นศัตรูของหานเซิ่น มันจึงไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องมีมารยาทกับเธอ
หานเซิ่นคิดว่าผู้หญิงคนนี้มาก็เพื่อหาเรื่องเขา ดังนั้นเขาไม่คิดจะยอมอ่อนข้อให้กับเธอ
พระมเหสีดูไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม เธอพูดกับหนึ่งในสาวใช้ของเธอ
“เป่าอิง สั่งสอนกฎของพระราชวังให้กับเขาเพื่อที่เขาจะได้ไม่ไปก่อปัญหาขึ้น”
“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ควรจะโค้งคำนับพระมเหสี”
สาวใช้ที่ชื่อเป่าอิงนั้นสวมใส่ชุดคลุมสีขาวเหมือนกับหิมะ มันดูเหมือนกับชุดคลุมของแม่ชี แต่เธอไม่ได้สวมใส่ผ้าคลุมศีรษะหรือคลุมหน้า เส้นผมของเธอถูกมัดเอาไว้
ผิวของเป่าอิงเรียบเนียนเหมือนกับหยก เธอดูงดงามมากๆ ออร่าของเธอเหมือนกับแฟรี่ในเทพนิยาย ใบหน้าของเธอดูงดงามจนดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นโดยเทพ
เป่าอิงแสดงวิธีการโค้งคำนับให้หานเซิ่นดู มันเป็นท่าคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เธอทำมันอย่างสง่างาม ในตอนที่เธอก้มหัวลง คอของเธอดูเหมือนกับหยกขาวอ่อน มันเป็นเหมือนกับคอของหงส์ที่ดูงดงามมากๆ
‘ราชาไป๋นั้นโชคดีมากๆ ผู้หญิงทุกคนในพระราชวังของเขาล้วนแต่งดงาม’ หานเซิ่นชื่นชม
แต่หานเซิ่นแค่รู้สึกชื่นชมในความงดงามของเป่าอิงเท่านั้น เขาไม่คิดจะทำตามสิ่งที่เธอบอกกับเขา ใบหน้าของพระมเหสีมืดมัวขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเธอก็พูดขึ้นว่า
“เป่าอิง เจ้าพาเขาไปที่ฝ่ายธรรมเนียมปฏิบัติและสอนบทเรียนให้กับเขาสักอย่างสองอย่าง”
“เพคะ” เป่าอิงมองไปที่หานเซิ่นและพูด
“มิสเตอร์โฮลี่เบบี่ ได้โปรดตามข้าไปที่ฝ่ายธรรมเนียมปฏิบัติ”
“ข้าไม่มีเวลาไปที่ฝ่ายธรรมเนียมปฏิบัติ พวกเจ้าไปกันเองได้เลย”
หานเซิ่นพูดและหันกลับเพื่อเตรียมจะจากไป
“ข้าต้องขออภัยมิสเตอร์โฮลี่เบบี้ที่ล่วงเกิน” เป่าอิงพูด เธอยกนิ้วขึ้นและดอกซากุระก็ปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วของเธอ หลังจากนั้นมันก็บินออกไปหาหานเซิ่น
‘ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะเป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่อายุเพียงแค่นี้’
หานเซิ่นแปลกใจกับเรื่องนี้ และเขาก็รีบหลบดอกไม้ที่กำลังเข้ามาหาเขา
แต่ดอกซากุระนั้นเหมือนกับมีชีวิตจริงๆ มันเหมือนกับฝีเสื้อที่บินติดตามการเคลื่อนไหวของหานเซิ่น ไม่ว่าเขาจะเคลื่อนที่ไปทางไหน เขาก็ไม่สามารถหลบหลีกมันได้
หานเซิ่นพลิกฝ่ามือและมีหัวกะโหลกปรากฎบนฝ่ามือของ ดวงตาของหัวกะโหลกระเบิดแสงสีเขียวออกมาและมันเปลี่ยนดอกซากุระให้กลายเป็นความว่างเปล่า
หัวกะโหลกนั้นคือวิญญาณอสูรที่เขาได้มาจากมิสเตอร์หยินของเผ่าโกสต์เฮด เขาเข้าใจว่ามันเป็นวิญญาณอสูรประเภทอาวุธ แต่ทว่าเขาไม่เคยใช้อาวุธที่เป็นหัวกะโหลกมาก่อน
ประสิทธิภาพของมันถือว่าไม่เลย แต่มันเป็นวิญญาณอสูรระดับเทพเจ้าที่มีพลังที่ค่อนข้างต่ำ โดยรวมแล้วพลังของวิญญาณอสูรโกสต์เฮดนั้นอ่อนแอกว่าธนูเทพงูหกคอร์ ด้วยเหตุนั้นก่อนหน้านี้หานเซิ่นจึงไม่เอามันออกมาใช้ ในสถานการณ์นี้หานเซิ่นสามารถใช้วิญญาณอสูรดวงอื่นได้ แต่เขาไม่อยากจะแสดงพวกมันออกมา
“เจ้ากล้าขัดขืนอย่างนั้นหรอ” พระมเหสีพูด
“เจ้ากล้าดียังไงมาใช้สมบัติซีโน่เจเนอิคภายในพระราชวัง! เป่าอิง พาตัวเขาไปซะ!”
เป่าอิงมองไปที่หานเซิ่นและถอนหายใจ “มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ ควรจะไปที่ฝ่ายธรรมเนียมปฏิบัติกับข้าดีๆ”
“เป่าอิง ข้าสั่งให้เจ้ารีบพาตัวเขาไป!” พระมเหสีพูดอีกครั้ง
“เพคะ” เป่าอิงรับคำสั่ง เธอนำเอาแจกันหยกขาวออกมา มันมีขนาดค่อนข้างเล็ก
หานเซิ่นรู้ว่ามันคืออาวุธจีโนของเป่าอิง เขาไม่คิดจะประมาทเธอ เขาถือกะโหลกอยู่ในมือ ขณะที่มองไปที่แจกันในมือของเป่าอิง
ในตอนที่เป่าอิงยกแจกันในมือขึ้น จู่ๆเสียงของราชาไป๋ก็ดังขึ้นมา
“นี่พวกเจ้ากำลังทำอะไร?”
“ฝ่าบาท!” ทุกคงโค้งคำนับต่อราชาไป๋
ราชาไป๋เดินเข้ามาหาพระมเหสีและมองไปที่หานเซิ่น
“พระมเหสี นี่เจ้ากำลังทำอะไร?”
พระมเหสีพูด “เด็กคนนี้เสียมารยาทกับข้า และเขาก็ใช้สมบัติซีโน่เจเนอิคในพระราชวัง ข้าแค่จะสั่งสอนบนเรียนให้กับเขา ไม่อย่างนั้นใครจะรู้ว่าเขาอาจจะก่อปัญหาขึ้นมากแค่ไหนในอนาคต”
ราชาไป๋มองไปที่หานเซิ่นและถาม “โฮลี่เบบี้ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างนั้นหรอ?”
“ท่านอาจารย์ ท่านควรจับตาดูภรรยาของท่านให้ดีๆ”
หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม “ในตอนที่นางเบื่อๆ นางจะบังคับให้คนอื่นคุกเข่าต่อหน้านาง ข้าไม่มีเวลาจะมาทำอะไรแบบนั้น”
“ฝ่าบาทเห็นไหมว่าเขาเสียมารยาทมากแค่ไหน?” พระมเหสีรู้สึกโกรธกับคำพูดของหานเซิ่น
เมื่อได้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ใบหน้าของสาวใช้ก็ดูแปลกๆ เธอไม่เคยเห็นใครพูดกับราชาไป๋แบบนั้นมาก่อน เธอเชื่อว่าเขาจะต้องถูกลงโทษแน่นอน
“โฮลี่เบบี้ไม่ได้เสียมารยาท เขาเพียงแค่มาจากเผ่าพันธุ์ที่ต่างออกไป ธรรมเนียมปฏิบัติของเขาแตกต่างจากพวกเรา เจ้าไม่ควรไปบังคับให้เขาทำตามธรรมเนียมปฏิบัติที่พวกเราตั้งขึ้นมาเอง”
หลังจากที่ราชาไป๋พูดแบบนั้น ทุกคนก็รู้สึกแปลกใจ พวกเขาคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป
“ฝ่าบาท…” ใบหน้าของพระมเหสีดูย่ำแย่ เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ราชาไป๋ขัดเธอเอาไว้
ราชาไป๋พูดต่อ “พระมเหสี ข้ากำลังตามหาเจ้าอยู่พอดี โฮลี่เบบี้ เจ้าควรกลับไปได้แล้ว”
หลังจากนั้นเขาก็หันไปพูดกับเป่าอิง “เขายังจำเป็นต้องเรียนรู้กฎระเบียบ เป่าอิง เจ้าไปสั่งสอนกฎระเบียบให้กับโฮลี่เบบรี้ แต่เจ้าทำได้แค่สอนเขาเท่านั้น เจ้าเข้าใจใช่ไหม?”
“เพคะฝ่าบาท” เป่าอิงก้มหัวอย่างเก้ๆกังๆ
ตอนที่ 2809 ซีโน่เจเนอิคพิเศษ
หานเซิ่นไม่รู้ว่าราชาไป๋กำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาต้องมีแผนการบางอย่างแน่ถึงได้เอาอกเอาใจหานเซิ่นมากขนาดนี้ หลังจากที่ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ทุกคนในเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงก็รู้สึกตกใจ พวกเขารู้ว่าราชาไป๋ไม่เคยเอาอกเอาใจใครแบบนี้มาก่อน แม้แต่บุตรชายคนแรกของราชาไป๋ก็ไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีแบบนี้
ความจริงแล้วราชาไป๋มักจะโหดกับลูกของตัวเอง เขาไม่เคยตามใจใครคนไหนเหมือนกับที่เขากำลังทำอยู่ในตอนนี้
ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือความจริงที่ราชาไป๋มอบสิทธิ์ในการเข้าไปในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ให้กับโฮลี่เบบี้ ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปหลังจากที่ผู้คนได้เห็นร่างของวานรปีศาจ ซึ่งทำให้พวกเขาตกใจยิ่งกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในพระราชวัง
“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้จะเริ่มเรียนรู้ธรรมเนียมปฏิบัติได้ในตอนนี้เลยใช่ไหม?” เป่าอิงเอนตัวลงบนเก้าอี้โยก เธอดูสิ้นหวังขณะที่พูดออกมา
ถ้าเธอเลือกได้ เธอก็คงจะไม่มาสอนหานเซิ่น แต่เนื่องจากว่าราชาไป๋สั่งให้เธอทำ เธอก็ไม่สามารถขัดคำสั่งได้
หานเซิ่นกระพริบตาปริบๆและพูด “ชื่อของข้าคือโฮลี่เบบี้ และชื่อของเจ้าคือเป่าอิง นั่นถือเป็นเรื่องบังเอิญ ด้วยความบังเอิญนี้ เจ้าจะตอบคำถามของข้าได้ไหม?”
“นอกจากเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว ข้าไม่รู้อะไรอย่างอื่น” เป่าอิงพูด
“ไม่ต้องกังวล” หานเซิ่นพูด
“ข้าไม่ได้จะถามเพื่อล้วงความลับสุดยอดอะไร ตอนนี้ข้าได้รับสิทธิ์ให้เข้าไปในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ ดังนั้นเจ้าพอจะบอกข้าเกี่ยวกับปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ได้ไหม?”
“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ต้องการจะรู้อะไรเกี่ยวกับปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์?” เป่าอิงถามอย่างแปลกๆ
“สถานที่ที่เรียกว่าปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์คืออะไร?” หานเซิ่นถามด้วยรอยยิ้ม
“และพระมเหสีแค่มาหาเรื่องข้าเพราะข้าได้สิทธิ์เข้าไปในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์อย่างนั้นใช่ไหม?”
ก่อนหน้านี้พระมเหสีไม่ได้มายุ่งอะไรกับเขา ดังนั้นมันดูจะพอดิบพอดีเกินไปที่เธอมาหาเรื่องเขาหลังจากที่เขาเดินทางเข้าไปในปราสาทไนน์ดีเฟ้นเป็นครั้งแรก และเมื่อคำนึงถึงท่าทางของไป๋ว่านเจี้ย มันก็ไม่ยากอะไรที่จะคาดเดาในเรื่องนั้น
ดวงตาของเป่าอิงสั่นไหวเล็กน้อย แต่เธอยังคงส่ายหัว “ข้าไม่รู้ถึงความคิดของพระมเหสี”
“ถึงอย่างนั้นเจ้าจะต้องรู้เกี่ยวกับปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์บ้างถูกไหม?”
หานเซิ่นถาม “เจ้าจะต้องรู้บางสิ่ง หยุดบอกข้าว่าเจ้าไม่รู้”
“ข้าไม่รู้จริงๆ มิสเตอร์โฮลี่เบบี้เป็นคนที่ได้สิทธิ์เข้าไปในปราสาทไนน์ดีเฟ้น ถ้าแม้แต่ท่านยังไม่รู้ แบบนั้นข้าจะไปรู้ได้ยังไง?” เป่าอิงยังคงพูดอย่างเย็นชา
“พวกเรามาทำการตกลงกัน” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่เป่าอิง
“เจ้าบอกข้าเกี่ยวกับปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ และข้าจะยอมเรียนรู้ธรรมเนียมปฏิบัติ ไม่อย่างนั้นเจ้าก็เตรียมตัวสอนข้าไปตลอดการ”
เป่าอิงดูลังเลเล็กน้อย เธอขมวดคิ้วและคิดเกี่ยวกับมันอยู่สักพัก
“ข้าไม่ได้รู้อะไรมากนัก ข้ารู้แค่ว่าปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์นั้นขังซีโน่เจเนอิคที่พิเศษเอาไว้ และมันก็ถูกควบคุมโดยกษัตริย์หรือองค์รัชทายาทมาหลายต่อหลายรุ่น”
ถึงแม้เป่าอิงจะพูดแค่สามประโยค แต่มันก็มีข้อความหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ในสิ่งที่เธอพูดออกมา
ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์นั้นขังซีโน่เจเนอิคที่พิเศษเอาไว้ และมันถูกควบคุมโดยองค์รัชทายาทมาหลายต่อหลายรุ่น นั่นหมายความว่าคนที่ควบคุมปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์นั้นอาจจะกลายเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป
ตอนนี้เมื่อราชาไป๋มอบปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ให้กับหานเซิ่น มันก็เป็นอะไรที่แปลกมากๆ หานเซิ่นรู้ว่าราชาไป๋นั้นจะไม่มอบบัลลังก์ให้กับลูกศิษย์คนหนึ่ง
‘อย่างนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่ไป๋ว่านเจี้ยจะโกรธมากขนาดนั้น แม้แต่พระมเหสีก็ยังมาหาเรื่องเรา นี่ราชาไป๋กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? ถ้ามิสเตอร์ไวท์อยู่ที่นี่ เขาก็อาจจะวิเคราะห์อะไรได้บ้าง แต่เมื่อคำนึงถึงฐานะของเราในตอนนี้ การเรียกหาเขาอาจจะดูเป็นอะไรที่น่าสงสัย มันอาจจะทำให้เขามีภัยไปด้วย’
หานเซิ่นตัดสินใจจะลืมเรื่องทั้งหมดไปก่อน ในตอนนี้เขาต้องการจะกอบโกยผลประโยชน์ให้มากที่สุด
“มันมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับซีโน่เจเนอิคที่ถูกขังอยู่ในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์?” หานเซิ่นถาม
“ข้าไม่รู้จริงๆ” เป่าอิงส่ายหัว
เมื่อเห็นว่าเป่าอิงไม่ต้องการจะตอบคำถามของเขา หานเซิ่นก็พยายามจะเปลี่ยนเรื่อง
“ชื่อสกุลของเจ้าคือเป่า เจ้าอยู่ฝ่ายของราชาเป่าอย่างนั้นหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมเจ้าถึงมาเป็นแค่สาวใช้อยู่ที่นี่?”
“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ พวกเราควรจะเริ่มบทเรียนของพวกเราได้แล้ว” เป่าอิงไม่ต้องการจะตอบคำถามของเขาไปมากกว่านี้
“ตอบคำถามของข้าก่อน หลังจากนั้นพวกเราจะเริ่มเรียนธรรมเนียมปฏิบัติ” หานเซิ่นพูด
เป่าอิงไม่สามารถทำอะไรได้ เธอเงียบไปอยู่สักพักก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์มักจะถูกรับผิดชอบโดยกษัตริย์หรือไม่ก็องค์รัชทายาท คนนอกนั้นไม่รู้ว่าทำไมซีโน่เจเนอิคถึงถูกขังเอาไว้ข้างใน ซีโน่เจเนอิคเหล่านั้นถูกขังเอาไว้โดยตัวกษัตริย์เอง ข้ากลัวว่ามิสเตอร์โฮลี่เบบี้จะเป็นคนเดียว นอกเหนือจากกษัตริย์หรือองค์รัชทายาทที่เข้าไปในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ได้ ถ้าต้องการคำตอบที่ชัดเจน ท่านจำเป็นต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง”
เมื่อหานเซิ่นเห็นว่าเป่าอิงไม่ได้พยายามที่จะหลอก เขาก็ไม่ได้บังคับให้เธอพูดอะไรไปมากกว่านั้น เขายิ้มและพูดขึ้นว่า
“พวกเรามาเริ่มเรียนกันเลย เจ้าสอนธรรมเนียมปฏิบัติให้กับข้า หลังจากนั้นพวกเราจะพักเบรกเพื่อพูดคุยกันต่อ”
ขณะที่เป่าอิงอ่านเกี่ยวกับธรรมเนียมปฏิบัติให้หานเซิ่นฟัง เขาก็กำลังคิดกับตัวเอง
‘นี่แผนการของราชาไป๋เกี่ยวข้องกับการที่เรามีสิทธิ์ได้เข้าไปในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์อย่างนั้นหรอ? แต่เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับมัน เขาแค่อนุญาตให้เราฆ่าซีโน่เจเนอิคในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ได้ ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น?’
สาวใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามาในสวนและพูดกับเป่าอิงที่กำลังอ่านธรรมเนียมปฏิบัติให้หานเซิ่นฟัง
“เป่าอิง พระมเหสีรู้สึกไม่ค่อยดี นางต้องการให้เจ้าไปพบนาง”
สีหน้าของเป่าอิงเปลี่ยนไป สาวใช้พูดต่อไปว่า “พระมเหสีบอกว่าไม่ว่ายังไง เจ้าก็ต้องกลับไปหานางเดี๋ยวนี้”
“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ ข้ากลัวว่าพวกเราจำเป็นต้องหยุดบทเรียนไว้เพียงแค่นี้” เป่าอิงลุกขึ้นและโค้งคำนับ
“เป่าอิง อาจารย์ของข้าสั่งให้เจ้าสอนให้กับข้าไม่ใช่หรอ?” หานเซิ่นถาม
“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ ข้าจะกลับมาใหม่วันพรุ่งนี้” เป่าอิงพูด
“ข้าต้องการเรียนรู้มันในตอนนี้! ไม่อย่างนั้นมันจะถือว่าเจ้าขัดคำสั่งของราชาไป๋” หานเซิ่นพูด
เป่าอิงดูลำบากใจ เธอมองไปยังสาวใช้ที่กำลังขมวดคิ้ว
“เจ้าจะเรียนรู้ธรรมเนียมปฏิบัติเมื่อไหร่ก็ได้ พระมเหสีนั้นรู้สึกไม่ค่อยดี นางต้องการให้เป่าอิงไปพบนางเดี๋ยวนี้ เรื่องนี้ไม่อาจจะล่าช้าได้”
“เจ้าจะบอกว่าเรื่องของพระมเหสีสำคัญกว่าเรื่องของราชาไป๋อย่างนั้นหรอ? ถ้าเรื่องของพระมเหสีสำคัญถึงขนาดนั้น ดูเหมือนว่าข้าควรจะนำเรื่องนี้ไปบอกกับท่านอาจารย์” หานเซิ่นดูเหมือนกับว่าเขากำลังยิ้มให้กับสาวใช้ แต่เขาไม่ได้กำลังยิ้ม
ใบหน้าของสาวใช้เปลี่ยนไป เธอกัดฟัน “ไม่มีความจำเป็น…”
“ถ้าไม่มีความจำเป็น อย่างนั้นก็รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ ถ้าเจ้าเข้ามาในสวนของข้าอีกครั้ง ข้าจะไม่ใจดีแบบนี้” หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรโกสต์เฮดออกมาและส่องแสงไปใส่สาวใช้คนนั้น
ปัง!
สาวใช้ถูกส่งกระเด็นออกไปจากสวนพร้อมกับส่งเสียงร้องออกมา ทุกคนหันมามองสิ่งที่เกิดขึ้น
“เขาอวดดีจริงๆ นี่เขากล้าทำร้ายสาวใช้ของพระมเหสีเลยหรอเนี่ย”
“นั่นเป็นเพราะเขามีราชาไป๋คอยหนุนหลัง ก่อนหน้านี้ราชาไป๋ไม่เคยปฏิบัติกับใครแบบนี้มาก่อน ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมราชาไป๋ถึงได้มองว่าเขาสำคัญขนาดนั้น”
…
“ทำไมมิสเตอร์โฮลี่เบบี้ถึงได้ล่วงเกินพระมเหสี?”
เป่าอิงถามพร้อมกับถอนหายใจ “ท่านจะไม่ได้อะไรจากการทำแบบนั้น”
“เจ้าเองก็ไม่อยากกลับไปเช่นกันถูกไหม?” หานเซิ่นถามพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ
เป่าอิงดูตกใจ เธอไม่คิดว่าหานเซิ่นจะมีสายตาที่แหลมคมแบบนั้น เขาเห็นถึงสิ่งที่เธอเก็บซ่อนเอาไว้ในใจ
ตอนที่ 2810
เป่าอิงอยู่ในสวนต่อและอ่านธรรมเนียมปฏิบัติให้หานเซิ่นฟัง หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันไม่สำคัญว่าเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน หานเซิ่นก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งถึงขนาดใช้ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าเป็นสาวใช้ มันจึงแปลกที่คนอย่างเป่าอิงถูกปฏิบัติเหมือนกับสาวใช้ทั่วไป
แถมเป่าอิงจะต้องมาจากฝ่ายของราชาเป่า ถ้านั่นเป็นความจริง มันก็ไม่มีทางที่เธอจะเป็นแค่สาวใช้ไปได้ ถึงแม้ในตอนนี้ฝ่ายของราชาเป่าจะไม่ได้เป็นฝ่ายควบคุมเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ระดับเทพเจ้าของฝ่ายราชาเป่าก็ไม่ควรจะถูกปฏิบัติราวกับเป็นแค่สาวใช้ชั้นต่ำแบบนี้
“ดูเหมือนว่าผู้คนอย่างเป่าอิงจะมีเรื่องราวที่ใหญ่หลวงซ่อนอยู่เบื้องหลังของพวกเขา”
แต่หานเซิ่นไม่ได้สนใจในความลับของเป่าอิง เขาแค่เก็บเธอเอาไว้ที่นี่เพื่อที่จะได้มีคนคอยบอกเขาเกี่ยวกับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง
หานเซิ่นอยากจะถามคำถามกับราชาไป๋ เขาอยากรู้ว่าปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์นั้นคืออะไรกันแน่ แต่จนกระทั่งเขากินร่างของวานรปีศาจจนหมดแล้ว เขาก็ยังไม่ได้เห็นแม้แต่เส้นผมของราชาไป๋
“ในเมื่อเขาไม่ได้อธิบายเกี่ยวกับมัน เขาก็จะมาโทษเราที่กินซีโน่เจเนอิคของเขาจนหมดไม่ได้” หานเซิ่นไม่สามารถเข้าพบกับราชาไป๋ได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจกลับไปที่ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ เขามีแผนที่จะเก็บยีนระดับเทพเจ้าให้เต็มเพื่อวิวัฒนาการสู่ขั้นลาร์วา
หลังจากที่เข้าไปในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ หานเซิ่นก็กลับไปยังสถานที่ที่เต็มไปด้วยปราสาทจำนวนมาก
เขาข้ามปราสาทห้าหลังแรกไปและเริ่มต้นจากปราสาทหมายเลข0006 ปราสาทหลายปราสาทต่อไปนั้นว่างเปล่า พวกมันว่างเปล่าไปจนถึงปราสาทหมายเลข0013 ที่นั่นเขาพบซีโน่เจเนอิคถูกล็อคเอาไว้อยู่ภายใน
ครั้งนี้ปราสาทนั้นขังซีโน่เจเนอิคเอาไว้มากกว่าหนึ่งตัว หานเซิ่นเห็นซีโน่เจเนอิคสี่ตัวที่ดูเหมือนกันไม่มีผิด พวกมันถูกล็อคเอาไว้ในปราสาทเดียวกัน
มันเป็นซีโน่เจเนอิคที่ดูเหมือนกับหมาป่า ร่างกายของมันมีขนสีฟ้าที่แวววาว และดวงตาของมันก็มีสีแดง ทันทีที่หานเซิ่นเข้าไปในปราสาท ซีโน่เจเนอิคทั้งสี่ก็แยกเขี้ยวและส่งเสียงขู่ใส่เขาอย่างเกรี้ยวโกรธ
โซ่สสารของพวกมันถูกปล่อยออกมา แต่พลังของปราสาทก็หยุดพวกมันเอาไว้อย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนั้นพวกมันจึงทำได้แค่ส่งเสียงขู่ใส่หานเซิ่นเท่านั้น
หานเซิ่นเห็นว่าพวกมันไม่ได้มีพลังสูงมากนัก พวกมันเป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงเรียกวิญญาณอสูรออกมาอย่างไม่ลังเล เขายิงธนูออกไปใส่หนึ่งในหมาป่าขนสีฟ้า
ลูกธนูพุ่งทะลุผ่านหัวของหมาป่าสีฟ้าและฆ่ามันตายในทันที
“ซีโน่เจเนอิคหมาป่าสกายสตาร์ระดับเทพเจ้าถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์”
หานเซิ่นรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินเสียงประกาศบอกว่าเขาได้รับวิญญาณอสูร
“ไม่รู้ว่าทำไมกษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิงถึงได้นำซีโน่เจเนอิคมาขังเอาไว้ที่นี่ พวกมันบางตัวแข็งแกร่ง ขณะที่พวกมันบางตัวอ่อนแอ พวกมันทั้งหมดแตกต่างกันออกไป มันไม่ได้มีกฎเกณฑ์ระหว่างพวกมัน”
หานเซิ่นมองหมาป่าสกายสตาร์อีกสามตัวที่เหลือ และยิงลูกธนูออกไปอีกลูก
“ซีโน่เจเนอิคหมาป่าสกายสตาร์ระดับเทพเจ้าถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์”
“วิญญาณอสูรอีกดวง? วันนี้เราโชคดีจริงๆ เราได้รับวิญญาณอสูรระดับเทพเจ้าถึงสองดวง” หานเซิ่นรู้สึกโชคดีจนไม่อยากจะเชื่อ
ในตอนที่หานเซิ่นยิงใส่หมาป่าสกายสตาร์ตัวที่สาม เขาก็ได้รับวิญญาณอสูรอีกดวง
‘โอ้ว้าว! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? ทำไมวันนี้เราถึงได้โชคดีนัก เราได้วิญญาณอสูรระดับเทพเจ้าติดต่อกัน นี่มันยากยิ่งกว่าการถูกลอตเตอรี่ซะอีก หมาป่าตัวสุดท้ายคงจะไม่มอบวิญญาณอสูรให้กับเราหรอกใช่ไหม’
ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิดแบบนั้น เขาก็ยิงลูกธนูออกไปใส่หมาป่าสกายสตาร์ตัวสุดท้าย
ในจังหวะต่อมาเขาก็ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน เขาได้รับวิญญาณอสูรอีกดวง
‘โอ้พระเจ้า! วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น? นี่เราเพิ่งจะใช้ดวงทั้งหมดที่เหลืออยู่ในวันนี้วันเดียวอย่างนั้นหรอ?’ ขณะที่กำลังคิดแบบนั้น หานเซิ่นก็ตรวจเช็ควิญญาณอสูรของหมาป่าสกายสตาร์ที่เขาได้รับมา
“วิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์ระดับเทพเจ้า: ประเภทกริฟ(เสีย)”
หานเซิ่นมองไปที่พวกมัน วิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์ทั้งสี่นั้นเป็นวิญญาณอสูรกริฟที่เสียทั้งหมด
“วิญญาณอสูรเสียสี่ดวง ไม่รู้ว่าเราจะทำวิญญาณอสูรที่สมบูรณ์ดวงหนึ่งขึ้นมาจากพวกมันได้ไหมนะ” หานเซิ่นพูดกับตัวเอง แต่วิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์ทั้งสี่นั้นสามารถรวมกันได้
แสงสีฟ้าทั้งสี่หลอมรวมเข้าได้กันและกลายเป็นหมาป่าสกายสตาร์ยักษ์ที่น่ากลัว ออร่าของมันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก
“โอ้ว้าว! พวกมันรวมเข้าด้วยกันได้จริงๆ!” หานเซิ่นอึ้งไป เขาเปิดดูข้อมูลของหมาป่าสตาร์สกายอีกครั้งหลังจากที่รวมกันแล้ว
“วิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์ระดับเทพเจ้า: ประเภทกริฟ(เสีย)”
“ทำไมมันยังเสียอยู่?” หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆ เขาเรียกวิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์ออกมาอย่างลังเล
หานเซิ่นเห็นรูปร่างของหมาป่าสีฟ้าที่ดูดุร้ายก่อตัวขึ้นตรงหน้า มันเริ่มที่จะกลายเป็นรอยสักของหมาป่าสีฟ้าบนแผ่นหลังของเขา
หานเซิ่นรู้สึกว่าร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่น่ากลัวมากๆ มันเหมือนกับว่าเขาเชื่อมต่อกับท้องฟ้าและดวงดาว ดวงดาวทุกดวงในจักรวาลนั้นส่งพลังมาให้กับเขา
“นี่เป็นวิญญาณอสูรที่ทรงพลังมากๆ!” หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงพลังในร่างกายที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง พลังของรอยสักนั้นมากยิ่งกว่าในตอนที่เขาใช้เสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูง ธนูเทพงูหกคอร์และวิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างเรดบลัดเดม่อนพร้อมๆกันซะอีก
“แปลกจริงๆ พลังของวิญญาณอสูรหมาป่าสกายสตาร์นั้นสูงมากๆ มันคงจะเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่น ไม่สิมันอาจจะถึงขั้นลาร์วาได้เลย แต่ตัวหมาป่าสกายสตาร์ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร พวกมันถือเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟที่อ่อนแอ แต่วิญญาณอสูรที่พวกมันมอบให้เป็นอะไรที่แข็งแกร่งเพราะพวกมันทั้งสี่ดวงรวมกันได้” หานเซิ่นรู้สึกอัศจรรย์ใจ
“นั่นหมายความว่าวิญญาณอสูรเสียรวมกันได้ ดังนั้นเสื้อคลุมวิญญาณราชาขนนุกก็ควรจะรวมกันได้เช่นกัน แต่เราจะไปหาวิญญาณอสูรราชานกยูงเทียนเซียจากที่ไหนได้อีก?” หานเซิ่นคิดว่าโอกาสที่เขาจะได้รับวิญญาณอสูรราชานกยูงเทียนเซียมาอีกดวงนั้นเป็นอะไรที่ต่ำมากๆ
ยีนซีโน่เจเนเอิคของหมาป่าสกายสตาร์สี่ตัวนั้นเพียงพอจะให้หานเซิ่นกินไปได้สักพัก แถมเขายังได้รับวิญญาณอสูรที่สุดยอดมาอีก หานเซิ่นจึงพอใจแล้วกับการมาในครั้งนี้
หานเซิ่นนำร่างของหมาป่าสีตัวกลับออกมาจากปราสาท ในตอนที่เขาไปถึงที่สวน เขาก็เห็นว่าเป่าอิงกำลังรอคอยเขาอยู่ที่นั่น
“เป่าอิง เจ้าไม่จำเป็นต้องทำงานหนักขนาดนั้น” หานเซิ่นพูดพร้อมกับหัวเราะ
เป่าอิงส่ายหัวและพูด “มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ ข้ามาที่นี่เพื่อบอกลา”
“ทำไมกัน? นี่พระมเหสีต้องการให้เจ้ากลับไปอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
เป่าอิงส่ายหัว “หานเซิ่นฆ่าระดับเทพเจ้าของเอ็กซ์ตรีมคิงในระบบเรียลโอลด์ ราชาไป๋นั้นโกรธมากๆ และเขาจะส่งระดับเทพเจ้าหลายคนไประบบเรียลโอลด์เพื่อฆ่าหานเซิ่น ซึ่งข้าเป็นหนึ่งในคนที่ถูกส่งไป”
“หานเซิ่น… ฆ่าเอ็กซ์ตรีมคิงคนหนึ่งในระบบเรียลโอลด์?”
หานเซิ่นอึ้งกับเรื่องนั้น เขากำลังอยู่ที่นี่และเขาก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับระบบเรียลโอลด์มาก่อน แบบนั้นเขาจะไปฆ่าระดับเทพเจ้าของเอ็กซ์ตรีมคิงที่นั่นได้ยังไง?
“มิสเตอร์โอลี่เบบี้อาจจะไม่รู้เกี่ยวกับมันมากนัก แต่หานเซิ่นคนนี้เป็นศัตรูคู่แค้นของเอ็กซ์ตรีมคิง ข้าได้ยินมาว่าทางเผ่าเวรี่ไฮก็กำลังตามหาตัวเขาอยู่เช่นกัน” เป่าอิงอธิบายให้หานเซิ่นฟัง
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อได้ยินคำอธิบายของเป่าอิง นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ
ตอนที่ 2811
“ข้าจะไปที่ระบบเรียลโอลด์กับเจ้าด้วยได้ไหม?” หานเซิ่นถาม
“ข้าเองก็อยากจะช่วยเหลือเอ็กซ์ตรีมคิงเช่นกัน”
“ถ้ามิสเตอร์โฮลี่เบบี้ต้องการจะไป ท่านจำเป็นต้องไปขอลุงสอง เขาเป็นคนที่รับผิดชอบในเรื่องนี้” เป่าอิงพูด
“โอเค พาข้าไปพบกับลุงสอง” หานเซิ่นไม่รู้ว่าเขาจะได้รับอนุญาตให้ออกไปจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงหรือเปล่า แต่เขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อทดสอบขอบเขตอิทธิพลของราชาไป๋ นอกจากนั้นเขายังอยากจะรู้ว่าใครกันที่ปลอมตัวเป็นเขาและไปฆ่าระดับเทพเจ้าคนหนึ่งของเอ็กซ์ตรีมคิง
เป่าอิงไม่ได้ปฏิเสธคำขอของหานเซิ่น และเธอก็พาเขาไปพบกับลุงสอง
ลุงสองไม่ปฏิเสธคำขอของหานเซิ่นเช่นกัน เขาแค่บอกว่าจำเป็นต้องไปขออนุญาตจากราชาไป๋ซะก่อนถึงจะพาหานเซิ่นไปได้ ดังนั้นเขาจึงให้หานเซิ่นรอฟังข่าว
หานเซิ่นไม่คิดว่าราชาไป๋จะปล่อยให้เขาไป แต่น่าประหลาดใจที่ไม่นานหลังจากนั้นลุงสองก็กลับมาบอกให้เขาไปเตรียมตัวให้พร้อม พวกเขาจะออกเดินทางไปที่ระบบเรียลโอลด์ในตอนกลางคืน
หานเซิ่นไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าราชาไป๋กำลังคิดอะไรอยู่
“ราชาไป๋ยอมปล่อยให้เราออกจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมไป! เขาไม่กลัวว่าเมื่อเราออกไปแล้ว เราจะไม่กลับมาอีกหรือยังไง? เขาจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง”
ถ้าราชาไป๋ยอมปล่อยเขาไป หานเซิ่นก็ไม่รังเกียจที่จะไปดูสถานที่ใหม่ๆ ในคืนนั้นเขาตามเป่าอิงไปยังจุดที่ลุงสองนัดรวมตัวกัน
จากคนที่ไปทั้งหมด ลุงสองคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด หานเซิ่นได้ยินมาว่าลุงสองเป็นถึงยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลาย แต่นั่นเป็นเพียงแค่ข่าวลือที่เขาได้ยินมาเท่านั้น พลังของหานเซิ่นยังคงไม่กลับคืนมา ดังนั้นเขาไม่สามารถตัดสินอย่างถูกต้องได้
มันยังมีเป่าอิง เป่าฉิน เหมิงเลี่ยและยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนนอกอีกสี่คนเดินทางไปด้วย การเดินทางในครั้งนี้ทางเอ็กซ์ตรีมคิงส่งกองกำลังที่ประกอบไปด้วยยอดฝีมือระดับเทพเจ้าแปดคน ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการจะล่าตัวหานเซิ่นให้ได้
พวกเขาคงจะไม่เคยคิดว่าจริงๆแล้วหานเซิ่นที่พวกเขาออกเดินทางไปล่านั้นแฝงอยู่ในหมู่พวกเขาเรียบร้อยแล้ว
ในระหว่างทาง ลุงสองและคนอื่นๆไม่ได้พยายามจับตาดูหานเซิ่นเลยแม้แต่น้อย หานเซิ่นมั่นใจว่าถ้าเขาตัดสินใจหนีไป มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘ไอ้โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์นั่นเชื่อไม่ได้จริงๆ เขาบอกว่าจะมาลักพาตัวเรากลับไป แต่เราไม่เคยเห็นเขาพยายามจะช่วยเราเลยสักนิด โชคดีที่เราไม่จำเป็นต้องพึ่งการช่วยเหลือของเขา’
เมื่อพวกเขาไปถึงระบบเรียลโอลด์แล้ว พวกเขาก็รู้สึกตัวว่าสถานที่แห่งนั้นตกอยู่ในความยุ่งเหยิง ประตูของซีโน่เจเนอิคสเปชถูกระเบิดและภายในก็มีร่องรอยการต่อสู้ครั้งใหญ่ ดวงดาวหลายดวงได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้น
ทั้งระบบเรียลโอลด์นั้นถูกทำลาย มันมีคนอื่นที่ทางเอ็กซ์ตรีมคิงส่งมาล่วงหน้าเพื่อล่าตัวหานเซิ่น แต่ยังไม่มีใครหาตัวหานเซิ่นเจอเลย
พวกหานเซิ่นถือว่ามาสาย สถานที่ส่วนใหญ่ถูกทำลายไปหมดแล้ว โชคดีที่มันยังมีสมาชิกของเอ็กซ์ตรีมคิงหลงเหลืออยู่ พวกเขากระจายตัวกันออกไปเพื่อป้องกันจุดสำคัญ
ตอนนี้เมื่อลุงสองและคนอื่นๆมาถึง ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเผชิญนั้นไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะเอาชนะหานเซิ่นได้ยังไง แต่มันเป็นเรื่องที่พวกเขาต้องหาตัวหานเซิ่นให้เจอ
ทีมที่ลุงสองพามาด้วยนั้นถนัดในเรื่องนั้น พวกเขาต่างใช้วิธีการแกะรอยของตัวเอง พวกเขาลงมาที่สนามต่อสู้และหานเซิ่นก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นสิ่งที่หลงเหลืออยู่
“วิชามีดใต้นภา? นั่นเป็นไปได้ยังไง?”
หานเซิ่นมองรอยมีดที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ มันไม่มีอะไรที่จะต้องสงสัย เขาสามารถบอกได้ว่าพวกมันเกิดจากการฟันของวิชามีดใต้นภา
และพวกมันไม่ใช่วิชามีดใต้นภาของปราสาทนภา พวกมันเป็นวิชามีดใต้นภาที่หานเซิ่นเป็นคนปรับแต่งด้วยตัวเอง
‘ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนจะเชื่อว่ามันเป็นฝีมือของหานเซิ่น ถ้าเราไม่ใช่หานเซิ่นล่ะก็ เราก็คงจะเชื่อแบบนั้นเหมือนกัน เจ้าตัวปลอมนี้เป็นใครกันถึงลอกเลียนแบบวิชามีดใต้นภาของเราได้?’ หานเซิ่นคิด
ลุงสองและคนอื่นๆรู้ว่ามันเกิดจากวิชามีดใต้นภาเช่นเดียวกัน พวกเขายังรู้อีกว่ามันถือเป็นวิชาประจำตัวของหานเซิ่น ดังนั้นพวกเขาไม่คิดว่ามันจะเป็นของหานเซิ่นตัวปลอม
วิชามีดใต้นภาของหานเซิ่นถือเป็นเอกลักษณ์ แม้แต่ปราสาทนภาที่มีวิชาใต้นภาต้นฉบับอยู่ก็ไม่สามารถลอกเลียนแบบวิชามีดใต้นภาที่หานเซิ่นใช้ได้
ลุงสองมองไปที่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนหนึ่งและถาม “เกอร์ เจ้าพบอะไรไหม?”
เกอร์นั้นมีพลังชาโดว์อาย ถึงแม้เขาจะมองไม่เห็นอนาคตหรืออดีต แต่เขาสามารถปะติดปะต่อสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านชั้นบรรยากาศ เขามีความสามารถที่จะจำลองภาพของสิ่งที่เคยเกิดขึ้น มันคล้ายคลึงกับที่วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงสามารถทำได้
ดวงตาของเกอร์กระพริบแสงและวนเวียนภาพที่แตกต่างกันหลายภาพ หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางหนึ่ง
ลุงสองและคนอื่นๆตามเกอร์ไป เกอร์นำพวกเขาทุกคนออกไปจากระบบเรียลโอลด์
“นี่เขาออกไปจากระบบเรียลโอลด์แล้วอย่างนั้นหรอ?” เป่าฉินถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“นั่นหมายความว่าการจะตามหาตัวเขาจะเป็นอะไรที่ยากขึ้นกว่าเดิมมาก”
“เขากล้าฆ่าคนของข้าและทำลายซีโน่เจเนอิคสเปชของข้า” ลุงสองพูด
“ถึงแม้ข้าจะต้องไล่ตามเขาไปสุดขอบจักรวาล ข้าก็จะฆ่าเขาให้ได้”
“บางทีเขาอาจจะยังไปได้ไม่ไกล” จู่ๆเกอร์ก็พูดขึ้นมา
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” เหมิงเลี่ยถาม
เหมิงเลี่ยถูกแช่แข็งเป็นหินในการเผชิญหน้ากับหานเซิ่นครั้งก่อน มันทำให้เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงต้องสูญเสียทรัพยากรจำนวนมากเพื่อช่วยเขา และเขาต้องพักฟื้นอยู่ในอาณาจักรกษัตริย์ตั้งแต่นั้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมาข้างนอกหลังจากที่หายดีแล้ว
เกอร์พูดขึ้นว่า “หานเซิ่นออกเดินทางไปอย่างช้าๆ ดูเหมือนกับว่าเขาไม่ได้รีบร้อนอะไร จากภาพที่ข้าเห็น นอกซะจากเขาจะใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่น ข้าไม่คิดว่าเขาจะไปได้ไกลจากที่นี่”
“เขาน่าจะได้เรียนรู้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นจากเผ่าเวรี่ไฮ แต่กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะเรียนรู้ได้ในเวลาอันสั้น” ลุงสองพูด
“เขาคงจะใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นในระยะไกลไม่ได้”
“มันไม่สำคัญว่าเขาจะหนีไปไกลแค่ไหน พวกเราต้องไล่ล่าเขาต่อไป”
เหมิงเลี่ยพูด การเผชิญหน้ากับหานเซิ่นในครั้งก่อนทำให้เขาอับอายอย่างมาก ครั้งนี้เขาขอเข้าร่วมเดินทางมาด้วยก็เพื่อที่เขาจะได้แก้แค้นหานเซิ่น
เกอร์เห็นด้วย เขานำทางทุกคนต่อไป พวกเขาเดินทางผ่านอวกาศโดยทิ้งระบบเรียลโอลด์เอาไว้เบื้องหลัง
“เดี๋ยวก่อน” ทันใดนั้นใบหน้าของลุงสองก็เปลี่ยนไป
ทุกคนหันมามองลุงสอง ลุงสองมองไปที่เกอร์และถาม “เกอร์ เจ้าแน่ใจหรือว่าหานเซิ่นบินออกมาทางนี้?”
“ถึงแม้ข้าจะเห็นเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่มันต้องเป็นทางนี้ไม่ผิดแน่” เกอร์พูดหลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่
“นั่นเป็นอะไรที่แปลก” ลุงสองพูด
“ถ้าข้าดูไม่ผิดล่ะก็ ทางนี้จะนำไปสู่ระบบจักรวาลร้าง”
“พี่สอง พี่จำผิดไปหรือเปล่า? ที่นี่อยู่ห่างไปจากระบบจักรวาลร้าง” เหมิงเลี่ยมองไปที่ลุงสองด้วยความสับสน
“ไม่ผิดแน่นอน ถ้าพวกเรายังเดินทางต่อไปในทิศทางนี้ พวกเราจะไปถึงระบบจักรวาลเคออส ที่นั่นมีบริเวณที่อวกาศบิดเบี้ยว การตกลงไปในนั้นจะทำให้เจ้าหลงเข้าไปในระบบจักรวาลร้าง บริเวณอวกาศที่บิดเบี้ยวนั้นถูกรู้จักกันในชื่อลอสท์แลนด์” ลุงสองพูดด้วยความจริงจังอย่างที่สุด
เหมิงเลี่ยหันไปมองเกอร์และถาม “เกอร์ เจ้าแน่ใจใช่ไหมว่าหานเซิ่นหนีไปทางนี้?”
เกอร์ใช้พลังของเขาอีกครั้งเพื่อยืนยัน หลังจากนั้นเขาก็พยักหน้าและพูด
“ดูเหมือนเขาจะไปทางนี้ไม่ผิดแน่ แต่ข้าไม่รู้ว่าเขาเข้าไปในลอสท์แลนด์หรือเปล่า พวกเราจำเป็นต้องไปถึงที่นั่นก่อน ข้าถึงจะบอกอะไรเพิ่มเติมได้”
“โอเค พวกเราจะไปที่ลอสท์แลนด์และวางแผนการใหม่อีกครั้งเมื่อไปถึงที่นั่น”
ลุงสองคิดเกี่ยวมันอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะบอกให้เกอร์นำทางต่อไป
ตอนที่ 2812
ลุงสองและคนอื่นๆหวังว่าหานเซิ่นจะไม่หนีไปที่ลอสท์แลนด์ แต่ในตอนที่เกอร์นำทองพวกเขาไปถึงที่ลอสท์แลนด์ ความหวังของพวกเขาก็ถูกดับลง
“หานเซิ่นรู้ว่าเขาทำผิดพลาด นั่นจะต้องเป็นเหตุผลที่เขาเสี่ยงเข้าไปในลอสท์แลนด์ นี่พวกเราจะตามเขาเข้าไปข้างในหรือเปล่า?”
ทุกคนหันไปมองลุงสอง เป่าฉินเป็นคนที่ถามขึ้นมา
ลุงสองดูลังเล ถึงแม้ลอนส์แลนด์จะไม่ใช่ระบบจักรวาลร้าง แต่มันอาจจะทำให้พวกเขาหลงเข้าไปในระบบจักรวาลล้างได้
ระบบจักรวาลร้างนั้นเต็มไปด้วยเศษซากอารยธรรมของเซเคร็ด มันไม่มีใครรู้ว่าเซเคร็ดนั้นล่มสลายได้ยังไง และหลังจากการล่มสลายของพวกเขา ดินแดนที่เคยถูกควบคุมโดยเซเคร็ดก็กลายเป็นเขตมรณะไป มันมีซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์นับไม่ถ้วนป้วนเปี้ยนอยู่ภายในนั้น
พวกมันแตกต่างไปจากซีโน่เจเนอิคธรรมดาๆ ซีโน่เจเนอิคในระบบจักรวาลร้างนั้นผ่านการกลายพันธุ์มา ซึ่งทำให้พวกมันแข็งแกร่งกว่าซีโน่เจเนอิคอื่นในระดับเดียวกันมาก และพวกมันทั้งหมดก็ดูเหมือนจะบ้าคลั่ง พวกมันเต็มไปด้วยความกระหายเลือด
ถึงแม้ระดับเทพเจ้าจะเข้าไปข้างใน นอกซะจากพวกเขาจะเป็นขั้นทรูก็อต มันก็เป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะไม่รอดชีวิตกลับออกมา
“ราชาไป๋ส่งพวกเรามาเพื่อจับตัวหานเซิ่น” เหมิงเลี่ยพูด
“ถ้าพวกเรากลับไปในตอนนี้ ภารกิจของพวกเราจะล้มเหลว”
“ใช่แล้ว ถ้าพวกเรากลับไปในตอนนี้ ภารกิจของพวกเราจะล้มเหลว” ลุงสองพยักหน้าและพูดต่อ
“มันควรจะไม่เป็นอะไร ถ้าหานเซิ่นเข้าไปในนั้นได้ แบบนั้นพวกเราก็เข้าไปได้เช่นกัน ข้าไม่คิดว่าเขาจะกล้าไปที่ระบบจักรวาลร้าง เขาจะต้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในลอสท์แลนด์”
ทุกคนรู้ว่ามันเป็นอันตราย แต่พวกเขาไม่สามารถกลับไปมือเปล่าได้ พวกเขาหวังว่าหานเซิ่นจะยังอยู่ในลอสท์แลนด์ ดังนั้นพวกเขาจึงตกลงจะไปต่อ พวกเขาคิดว่าถ้าไม่ได้ตกเข้าไปในระบบจักรวาลร้าง พวกเขาก็คงจะไม่เป็นอะไร
ลุงสองมองไปที่หานเซิ่นและพูด “โฮลี่เบบี้ ลอสท์แลนด์นั้นอันตรายเกินไป เจ้าไม่ควรเสี่ยงเข้าไปในนั้นและให้เป่าอิงพาเจ้ากลับไป”
หานเซิ่นไม่คิดจะกลับไป เขาพูดอย่างกล้าหาญ
“ตอนนี้ข้าเป็นส่วนหนึ่งของเอ็กซ์ตรีมคิงเหมือนกับพวกเจ้าแล้ว และข้าก็เป็นลูกศิษย์ของราชาไป๋ ข้าจะถอยกลับไม่ได้ นั่นเป็นที่น่าอับอายสำหรับท่านอาจารย์ ลุงสองได้โปรดให้ข้าไปด้วย ข้าต้องการจะช่วยเหลือเอ็กซ์ตรีมคิงอีกแรง”
หานเซิ่นออกมาแบบนั้น แต่ในจิตใจเขากำลังคิดไปว่า
‘จริงๆแล้วฉันกำลังหาโอกาสเข้าไปในระบบจักรวาลร้างเพื่อตามหาเสี่ยวฮวา มันจะเป็นเรื่องที่ดีมากๆถ้าได้ไปพร้อมกับพวกนาย เพราะนั่นหมายความว่าฉันจะมีที่กำบังในกรณีที่เกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นมา หวังว่าหานเซิ่นตัวปลอมที่พวกเรากำลังไล่ล่าคนนั้นจะเข้าไปในระบบจักรวาลร้าง’
เมื่อได้ยินหานเซิ่นพูดแบบนั้น ลุงสองและคนอื่นๆก็มองหานเซิ่นราวกับว่าเขาเป็นดวงดาวที่เปล่งประกาย พวกเขาเริ่มจะรู้สึกว่าการที่ราชาไป๋เลือกหานเซิ่นเป็นลูกศิษย์นั้นไม่ได้เป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล
“ถ้าเจ้ารู้สึกแบบนั้น พวกเราก็ไปกันเถอะ! พวกเราจะจับตัวหานเซิ่นและบรรลุเป้าหมายของพวกเรา” ลุงสองพยักหน้า
ทัศนคติของทุกคนที่มีต่อหานเซิ่นนั้นดีขึ้นกว่าเดิม ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ค่อยชอบการที่ราชาไป๋รับคนนอกคนหนึ่งมาเป็นลูกศิษย์
ถึงพวกเขาจะไม่ได้ชื่นชอบหานเซิ่นซะทีเดียว แต่การที่เขาแสแสร้งว่าจะต้องทำทุกอย่างเพื่อเอ็กซ์ตรีมคิง ทำให้ทัศนคติที่ทุกคนมีต่อเขาดีขึ้น
ทุกคนเดินทางเข้าไปในลอสท์แลนด์ นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นเคยเข้ามาที่นี่ เขาเห็นแสงวูบวาบบนท้องฟ้าที่เกิดเป็นภาพที่แปลกประหลาด
หลุมดำหนึ่งหมุนวนในวงแหวน และจุดแสงบางจุดเคลื่อนที่ไปรอบๆอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า ลอสท์แลนด์นั้นเป็นสถานที่ที่ประหลาดมากๆ หลายอย่างข้างในเป็นสิ่งที่หานเซิ่นไม่เคยเห็นมาก่อน
หลังจากที่เข้าไปในลอสท์แลนด์ พลังของเกอร์ก็ไม่สามารถทำงานได้อีก เขาดูหดหู่ขณะที่พูดขึ้นมา
“พลังของข้าจำเป็นต้องพึ่งสภาพแวดล้อมและบรรยากาศ แต่บรรยากาศที่นี่ถูกรบกวนมากเกินไป มันบิดเบี้ยวไปหมด ข้าไม่อาจจะจับภาพอะไรได้”
“เป่าอิง ดูเหมือนว่ามันจะขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว พวกเราหวังพึ่งเจ้า”
ดูเหมือนลุงสองรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ดังนั้นเขาจึงหันมาพูดกับเป่าอิงในทันที
ทุกคนหันไปมองเป่าอิง หานเซิ่นเองก็อยากรู้ว่าเป่าอิงมีพลังแบบไหนกันแน่ ตัวตนของเธอยังคงเต็มไปด้วยความลับ
เป่าอิงพยักหน้า เธอนำเอาแจกันหยกขาวออกมาถือในมือ มันเป็นแจกันเดียวกับที่หานเซิ่นเคยเห็นก่อนหน้านี้ มันน่าจะเป็นอาวุธจีโนของเธอ
เป่าอิงถือแจกันในมือและพูดขึ้นว่า “ข้าจำเป็นต้องใช้บางสิ่งที่เป็นของของหานเซิ่น”
“นั่นง่ายมาก เกอร์” ลุงสองโบกมือสั่งเกอร์
เกอร์ยกมือขึ้นมา ซึ่งบนนิ้วมือของเขามีฝุ่นผงอยู่เล็กน้อย
“นี่คือร่องรอยที่ข้าหามาได้ มันมีเพียงเท่านี้เท่านั้น มันจะเพียงพอไหม?”
“ข้าจะลองดู” เป่าอิงเอาฝุ่นผงมาใส่ในแจกัน
หานเซิ่นเห็นถึงการเคลื่อนไหวแปลกๆภายในแจกัน เป่าอิงรีบเอียงแจกันหยกไปด้านข้างราวกับว่าเธอกำลังเทน้ำออก แต่มันไม่มีน้ำไหลออกมา ที่ออกมาคือกลีบดอกซากุระจำนวนมาก
กลีบดอกซากุระนั้นเป็นเหมือนกับผีเสื้อ พวกมันทั้งหมดบินออกไปในทิศทางหนึ่ง
“ตามข้ามา” เป่าอิงถือแจกันหยกในมือขณะที่เริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้า กลีบดอกไม้ที่ออกมาจากแจกันนั้นยังคงนำทางไป
ด้วยการนำทางของกลีบดอกไม้ กลุ่มของพวกเขาเดินทางอย่างรวดเร็วผ่านดินแดนของลอสท์แลนด์ จนถึงตอนนี้มันยังไม่มีอันตรายอะไร
“อาวุธจีโนของเป่าอิงเป็นอะไรที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ จากการได้เห็นกลีบดอกไม้พวกนั้น ดูเหมือนว่ามันอาจจะเป็นธาตุพืช แต่มันไม่มีทางที่แจกันหยกนั่นจะประกอบขึ้นมาจากบางสิ่งที่เป็นธาตุพืช”
หานเซิ่นไม่สามารถใช้อาณาเขตตงเสวียนได้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่ามันมีพลังอะไรกันแน่
“ทำไมกลีบดอกไม้ถึงบินเข้าไปในหลุมดำ?” เป่าฉินถามด้วยความแปลกใจ
ทุกคนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน กลีบดอกไม้กำลังพากันบินเข้าไปในหลุมดำตรงหน้าพวกเขา หลังจากที่กลีบดอกไม้เข้าไปในหลุมดำแล้ว พวกมันก็หายไป ในเวลาไม่นานกลีบดอกไม้ส่วนใหญ่ก็หายเข้าไปในหลุมดำ
ลุงสองมองไปที่เป่าอิงและถาม “เป่าอิง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ถ้าฝุ่นนั่นมาจากหานเซิ่น แบบนั้นเขาก็เข้าไปในหลุมดำนี้จริงๆ”
เป่าอิงหยุดไปชั่วครู่ เธอมองไปที่หลุมดำและพูดต่อ “กลีบดอกไม้เหล่านั้นยังคงมีชีวิตอยู่หลังจากที่เดินทางผ่านเข้าไปในหลุมดำ พวกมันไม่ได้ถูกฆ่าตาย นี่ควรจะเป็นหลุมดำที่ค่อนข้างเสถียร พวกเราเดินทางผ่านมันได้”
“ข้ากลัวว่าหลุมดำนี้จะพาพวกเราไปสู่ระบบจักรวาลร้าง มันง่ายที่จะผ่านเข้าไป แต่พวกเราจะกลับออกมายังไง?” เป่าฉินยิ้มแห้งๆ
“เป่าอิง เจ้ามีหนทางไหนที่จะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ข้างในหลุมดำนั่นไหม?” ลุงสองถาม
เป่าอิงส่ายหัว “ข้าคิดว่ามันไกลเกินไป ข้ายังคงสัมผัสได้ถึงกลีบดอกไม้ แต่ข้าสัมผัสถึงอะไรอย่างอื่นไม่ได้”
“ถ้ามันไกลเกินไป หลุมดำนี้ก็อาจจะนำไปสู่ระบบจักรวาลล้างจริงๆ น้องสี่ เจ้าคิดยังไง?” ลุงสองหันไปถามเหมิงเลี่ย
“ถ้านี่เป็นหลุมดำที่เสถียร แบบนั้นทำไมพวกเราไม่ลงไปดูลาดราวกันก่อน?” เหมิงเลี่ยเสนอ
“ถ้าพวกเราพบว่ามันอันตรายเกินไป พวกเราก็เดินทางผ่านหลุมดำกลับมา”
“แบบนั้นมันจะได้ผลไหม?” ลุงสองหันไปมองเป่าอิง
“พวกเราลองดู” เป่าอิงมองไปที่หลุมดำ เธอยกแจกันหยกที่มีแสงประหลาดหมุนวนอยู่ภายในขึ้นมา หลังจากนั้นมันก็มีกลีบดอกไม้จำนวนมากกลับออกมาจากหลุมดำ พวกมันทั้งหมดกลับเข้าไปในแจกันหยก
ในตอนที่กลีบดอกไม้กลีบสุดท้ายกลับเข้าไปในแจกันหยก เป่าอิงก็พูด
“กลีบดอกไม้กลับออกมาได้ทั้งหมด และไม่มีกลีบดอกไม้ไหนที่ได้รับความเสียหายระหว่างการเดินทาง”
ตอนที่ 2813
ทุกหนทุกแห่งในดินแดนแห่งนี้เต็มไปด้วยเครื่องจักรโลหะและสิ่งก่อสร้างหินที่พังทลาย ชิ้นส่วนที่แตกหักของเครื่องจักรนั้นเป็นบางสิ่งที่ดูเหมือนจะมาจากยุคสตีมพังค์ ขณะที่สิ่งก่อสร้างนั้นดูเก่าแก่ยิ่งกว่าพวกมันอีก เครื่องดินเผา เตาหินและหอคอยหินถูกทำลายไม่มีเหลือ เตาหลอมที่สูงกว่าสามเมตรถูกตัดขาดครึ่ง สิ่งก่อสร้างหินและเครื่องเรือนที่ทำจากดินเผากระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เครื่องจักรโลหะขนาดใหญ่มีให้เห็นทุกทิศทาง แต่พวกมันเสื่อมโทรมซะจนไม่สามารถบอกได้ว่าพวกมันคืออะไร
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน ดินแดนแห่งนี้ดูเหมือนกับซากปรักหักพังที่ถูกทิ้งเอาไว้หลังจากวันสิ้นโลก หานเซิ่นและคนอื่นๆเพิ่งจะมาถึง ทันทีที่ได้เห็นทั้งหมดนี้ พวกเขาก็ขมวดคิ้ว
“จากที่ข้าคำนวณ มีความเป็นไปได้มากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่าที่นี่เป็นระบบจักรวาลร้าง” เหมิงเลี่ยพูดขณะที่เขามองไปรอบๆ
หานเซิ่นมองเห็นสิ่งก่อสร้างที่พังทลายรอบๆ พวกมันเป็นอะไรที่ดูคุ้นเคย สไตล์ของสิ่งก่อสร้างนั้นดูเหมือนกับสถาปัตยกรรมในหุบเขาแห่งกาลเวลาในก็อตแซงชัวรี่
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘นี่หมายความว่าเครื่องหินพวกนั้นมาจากที่นี่อย่างนั้นหรอ? นั่นหมายความว่าแผ่นหินนั้นก็มาจากที่นี่ด้วย?’
เนื่องจากพลังของเกอร์ยังคงใช้งานไม่ได้ พวกเขาจึงต้องพึ่งพาพลังของเป่าอิงในการตามล่าตัวหานเซิ่น
กลีบดอกไม้นำทางพวกเขาผ่านซากปรักหักพังไป ลุงสองและคนอื่นค่อยๆตามกลีบดอกไม้ไปอย่างระมัดระวัง ไม่มีใครกล้าชะล่าใจแม้แต่นิดเดียว
ระบบจักรวาลร้างคือสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในจักรวาลจีโน แม้แต่ระดับเทพเจ้าที่แข็งแกร่งอย่างลุงสองก็ไม่กล้าจะประมาท
หลังจากที่เดินทางไปกว่าหนึ่งร้อยไมล์ พวกเขาก็ยังเห็นเพียงแค่ซากปรักหักพัก พวกเขาไม่เห็นซีโน่เจเนอิคเลยแม้แต่ตัวเดียว ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นมาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่มีใครกล้าจะชะล่าใจ
ทันใดนั้นกลีบดอกไม้ก็ไปหยุดตรงหน้าหอคอยหินแห่งหนึ่ง พวกมันวนเวียนรอบๆหอคอยหินนั้น
เป่าอิงมองไปที่หอคอยหินและพูด “ที่นี่แหละ”
ทุกคนรู้สึกดีใจ ถ้าพวกเขาจับตัวหานเซิ่นภายในนั้น พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางลึกเข้าไปในระบบจักรวาลร้างมากไปกว่านี้
“หานเซิ่นคงคิดไม่ถึงที่พวกเรากล้าไล่ตามเขามาถึงที่นี่” เป่าฉินพูด
“ลอนโด ทำลายหอคอยหินนี่ซะ” ลุงสองพูดกับระดับเทพเจ้าที่มีหัวเป็นวัว
ชายหัววัวรับคำสั่งและเรียกอาวุธจีโนของเขาออกมา มันเป็นขวานขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยโซ่สสารที่ดูทรงพลัง
ชายหัววัวคำรามและแกว่งขวานขนาดใหญ่เข้าใส่หอคอยอย่างเต็มกำลัง เขาตัดหอคอยที่สูงเป็นสิบเมตรจนขาดครึ่ง
หอคอยหินถูกแยกออกเป็นสองด้าน ในตอนที่ขวานใหญ่ไปถึงฐานของหอคอย มันมีบางสิ่งป้องกันขวานจากการฟันลงไปมากกว่านั้น มันทำให้เกิดเป็นเสียงโลหะปะทะกัน
ทุกคนจ้องไปยังจุดที่ขวานใหญ่ถูกหยุดเอาไว้ และพวกเขาก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในหอคอยหิน เขากำลังยกมือขวาขึ้นมาและขวานก็ถูกหยุดเอาไว้ระหว่างนิ้วของชายคนนั้น
ลอนโดคำรามอย่างบ้าคลั่ง โซ่สสารระเบิดออกมาราวกับภูเขาไฟ เขาต้องการจะกดขวานลงไปตัดแขนของชายหนุ่มคนนั้นให้ขาด
แต่ไม่ว่าลอนโดจะระเบิดพลังออกมามากสักแค่ไหน ขวานก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มหัวเราะ เขาออกแรงมากขึ้นและหักขวานด้วยสองนิ้วของเขา
ลอนโดกระอักเลือดออกมา เขาโซเซถอยไปด้านหลัง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาว
ขวานใหญ่คืออาวุธจีโนของเขา เนื่องจากอาวุธจีโนของเขาถูกทำลาย เขาจึงได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ลุงสองและคนอื่นๆดูตกตะลึง ถึงแม้ลอนโดจะเป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ แต่อาวุธจีโนของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่จะถูกทำลายได้ง่ายๆ แต่ชายหนุ่มคนนั้นใช้แค่นิ้วมือเพื่อทำลายขวาน ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ทุกคนก็รับรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้น่ากลัวขนาดไหน
ลุงสองและคนอื่นๆเข้ามาล้อมชายหนุ่มเอาไว้ เป่าฉินตะโกนใส่ชายหนุ่ม
“หานเซิ่นไม่ว่าเจ้าจะชั่วร้ายสักแค่ไหน วันนี้คือวันตายของเจ้า!”
หานเซิ่นมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความสับสน นั่นก็เพราะชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนกับเขาไม่มีผิด หานเซิ่นเกือบจะคิดไปว่าตัวเองกำลังมองเข้าไปในกระจก
‘หมอนี่เป็นใครกัน? เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเราตอนก่อนจะกลายเป็นแบบนี้ซะอีก ทำไมเขาถึงได้ปลอมตัวเป็นเรา?’ หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมันอย่างสงสัย
ชายหนุ่มมองไปที่ลุงสองและยิ้มออกมา “ข้าคิดว่าเผ่าเวรี่ไฮจะมาถึงที่นี่ก่อนซะอีก ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะมาถึงก่อน แต่นั่นไม่เป็นอะไร ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงที่นี่ก่อน มันก็คงจะต้องเป็นพวกเจ้า จากนี้เป็นต้นไปพวกเจ้าจะต้องฟังคำสั่งของข้า ถ้าพวกเจ้าขัดคำสั่งแม้แต่นิดเดียว พวกเจ้าจะถูกลงโทษ”
ชายหนุ่มพูดออกมาราวกับว่าลุงสองและคนอื่นๆเป็นทาสของเขา ลุงสองและเหมิงเลี่ยมีตำแหน่งที่สูงส่ง พวกเขาไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน มันทำให้พวกเขารู้สึกโกรธ
เหมิงเลี่ยพูด “หานเซิ่น เจ้าอย่าได้อวดดีเพียงเพราะเจ้ามีโล่เมดูซ่าส์เกซ วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าโล่เมดูซ่าส์เกชเป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่ง”
หลังจากที่พูดแบบนั้น เหมิงเลี่ยก็นำเอายาเม็ดหนึ่งออกมา เขาบดขยี้มันในมือ หลังจากนั้นมันก็มีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่น่ากลัวออกมา มันคืองูยักษ์เก้าหัวที่มีเกล็ดสีดำ
เหมิงเลี่ยเอื้อมมือไปจับหางของงูยักษ์ ร่างกายของเขาส่องแสงแห่งเทพสีทองออกมา เขาย้อมเกล็ดสีดำของงูตัวนั้นให้กลายเป็นสีทอง
หลังจากนั้นงูยักษ์เก้าหัวก็ถูกเปลี่ยนเป็นหอกเก้าง่ามสีทอง เหมิงเลี่ยยกมันขึ้นโดยเล็งไปยังชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่บนแท่นหินและปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมา
‘เหมิงเลี่ยคนนี้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก นี่เขากลายเป็นขั้นลาร์วาแล้วอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นคิด
ชายหนุ่มมองไปที่เหมิงเลี่ยด้วยความสนใจ เขาไม่มีแผนที่จะลุกขึ้นมาจากแท่นหิน เขายิ้มและมองไปที่หอกเก้าง่าม
“ร่างกายแห่งราชันโกลโซลเยอร์เป็นอะไรที่น่าสนใจ แต่ข้าคิดว่าเจ้ายังคงอ่อนแอเกินไป”
“มันเพียงพอที่จะฆ่าเจ้าล่ะกัน” เหมิงเลี่ยพูดพร้อมกับปลดปล่อยแสงสีทองที่น่ากลัวออกมาจากหอกเก้าง่าม แสงสีทองกลายเป็นงูปีศาจสีทองเก้าตัวที่พุ่งตรงเข้าไปหาชายหนุ่ม พวกมันเป็นเหมือนกับมังกรที่ชั่วร้ายที่สามารถกลืนกินโลกทั้งใบ
หานเซิ่นต้องยอมรับว่าเหมิงเลี่ยแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก ถึงแม้เขาใช้ร่างต่อสู้ซีโน่เจเนอิค เขาก็ไม่สามารถรับการโจมตีนั้นได้
วินาทีต่อมาทุกคนก็ตกตะลึงอีกครั้ง ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนแท่นหินดีดนิ้วครั้งเก้า ซึ่งการดีดนิ้วแต่ละครั้งจะเข้าไปถูกหัวของหนึ่งในงูปีศาจสีทอง
หูของงูปีศาจถูกระเบิดในทันทีทันใด และหอกเก้าง่ามสีทองก็ถูกทำลายไปด้วย เหมิงเลี่ยกระอักเลือดออกมาขณะที่กระเด็นออกไปด้านหลัง เขาไปชนเข้ากับเครื่องจักรโลหะขนาดใหญ่
ตอนที่ 2814
ทุกคนตกตะลึง เหมิงเลี่ยเป็นระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วาเรียบร้อยแล้ว และเขายังใช้ร่างกายแห่งราชันโกลโซลเยอร์เพื่อเปลี่ยนงูเก้าหัวเกล็ดดำระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วาเป็นอาวุธของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ถูกส่งกระเด็นออกไปอย่างง่ายดาย
“เป็นไปไม่ได้… เจ้าไม่ใช่หานเซิ่น…” เหมิงเลี่ยพยายามพยุงตัวเองขึ้นมา มือของเขาเต็มไปด้วยเลือก แต่เขาไม่ได้สนใจในเรื่องนั้น เขาจ้องมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความตกตะลึง
“โอ้? ทำไมข้าจะไม่ใช่หานเซิ่น? มันเป็นเพราะข้าไม่ได้ใช้วิชามีดใต้นภาอย่างนั้นหรอ? ถ้าเจ้าอยากเห็นข้าใช้มัน ข้าก็จะแสดงมันให้เจ้าดู” ชายหนุ่มมองเหมิงเลี่ยด้วยความสนใจ
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ร่างกายของชายหนุ่มก็ปลดปล่อยจิตแห่งมีดของวิชาใต้นภาออกมา จิตใจที่น่ากลัวเข้าปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆอย่างฉับพลัน แม้แต่ใบหน้าของลุงสองก็เปลี่ยนไป เมื่อเขาได้เห็นมัน แม้แต่จิตใจที่แข็งแกร่งของเขาก็ได้รับผลกระทบจากจิตแห่งมีดของของอีกฝ่าย มันเหมือนกับว่าพวกเขาทุกคนกลายเป็นหุ่นเชิด ถ้าชายหนุ่มคนนั้นต้องการ เขาก็สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของทุกคนได้ในชั่วพริบตา
หานเซิ่นสังเกตได้ว่าจิตแห่งมีดของชายหนุ่มนั้นคลายคลึงกับจิตแห่งมีดของเขา แต่มันแตกต่างออกไปเล็กน้อย จิตแห่งมีดของชายหนุ่มเหมือนกับจิตใจของเวรี่ไฮมากกว่า มันเหมือนกับว่าเขาเป็นบุคคลที่เล่นหมากรุก ทุกอย่างนั้นเป็นตัวหมาก และตัวหมากก็อยู่ในมือของเขา
มันเหมือนกับจิตใจของหานเซิ่น แต่เขาใช้ตัวเองเป็นตัวหมากตัวหนึ่ง เขาไม่ได้เป็นคนที่เล่นหมากรุกเหมือนกับชายหนุ่ม จิตใจของชายหนุ่มนั้นแข็งแกร่งและไม่ได้ด้อยไปกว่าหานเซิ่นเลยแม้แต่น้อย หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจที่ชายหนุ่มคนนี้อาจจะเป็นคนที่ชาญฉลาดที่สุดในโลกใบนี้เลยก็เป็นได้ หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงได้ปลอมตัวเป็นเขา
“เจ้าไม่ใช่หานเซิ่น” เหมิงเลี่ยยังคงพูดเสียงแข็ง
“โอ้? เจ้าพูดแบบนั้นเพราะข้าแข็งแกร่งเกินไป และเขาไม่ได้แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ใช่ไหม?” ชายหนุ่มถามขึ้นมา
เมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดออกมาอย่างนั้น ทุกคนก็เข้าใจว่าที่เหมิงเลี่ยพูดนั้นถูกต้อง ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่หานเซิ่น
“ไม่ใช่ ออร่าของเจ้านั้นต่างออกไป ถึงแม้เจ้าจะเลียนแบบใบหน้าของเขาได้ แต่เจ้าไม่อาจลอกเลียนออร่าของเขาได้ เจ้าไม่ใช่หานเซิ่น”
เหมิงเลี่ยกัดฟันของเขาและถามขึ้นว่า “เจ้าเป็นใครกัน?”
“เจ้าพูดถูก” ชายหนุ่มตอบ “หานเซิ่นเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ มันไม่สำคัญว่าข้าจะพยายามปลอมตัวเองให้เหมือนเขายังไง ข้าก็ยังคงไม่มีออร่าที่ต่ำต้อยแบบเขา”
ใบหน้าของลุงสองเปลี่ยนไป เขามองไปที่ชายหนุ่มและพูด
“ถ้าเจ้าไม่ใช่หานเซิ่น แบบนั้นพวกเราก็ไม่ใช่ศัตรูของเจ้า นี่เป็นแค่การเข้าใจผิด พวกเราควรจะหยุดต่อสู้กันเพียงเท่านี้”
ชายหนุ่มยิ้มและถาม “นี่ข้าเพิ่งจะบอกพวกเจ้าไม่ใช่หรือว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเจ้าต้องฟังคำสั่งของข้า? ถ้าพวกเจ้าทำงานได้ดี ข้าก็อาจจะไว้ชีวิตของพวกเจ้า”
“เจ้าทรงพลังมากๆ แต่ถ้าพวกเราต่อสู้กันจริงๆ มันก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าเจ้าจะเป็นฝ่ายชนะ อย่างนั้นแทนที่จะเป็นศัตรู ทำไมพวกเราไม่เป็นมิตรต่อกัน? ครั้งนี้เจ้าล่วงเกินพวกเรา ถ้าเจ้าหยุดซะตอนนี้ เจ้าจะกลายเป็นพันธมิตรของเอ็กซ์ตรีมคิง”
พลังของลุงสองเหนือกว่าเหมิงเลี่ย แต่เขาไม่ใช่คนที่จะแก้ไขปัญหาด้วยการใช้กำลังเพียงอย่างเดียว และเขาก็ไม่คิดว่าจะเอาชนะชายปริศนาตรงหน้าได้
หลังจากได้ยินที่ลุงสองพูด ชายหนุ่มก็ยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม
“ในสายตาของสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ เอ็กซ์ตรีมคิงอาจจะพันธมิตรที่แข็งแกร่ง แต่สำหรับคนอย่างข้า เอ็กซ์ตรีมคิงก็เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำไม่ต่างอะไรจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆทั้งหมด พวกเขาไม่คู่ควรที่จะมาเจรจากับคนอย่างข้า”
‘หมอนี่เป็นใครกัน? เขาอวดดีมากๆ เขาไม่ยำเกรงเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงเลยแม้แต่นิดเดียว’ หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาแค่มองไปที่ชายหนุ่ม
“เจ้าจะอวดดีเกินไปแล้ว” ลุงสองโกรธ เขาไม่คิดจะปล่อยให้ชายหนุ่มมาหยามเกียรติของเอ็กซ์ตรีมคิงแบบนั้น
คลื่นกระแทกแปลกๆมากมายถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของลุงสอง คลื่นกระแทกนั้นไร้รูปและสีสัน แต่คนอื่นเห็นคลื่นกระแทกนั้นกระเพื่อมอย่างรุนแรงและเกิดเป็นอาณาเขตพิเศษสำหรับร่างกายของลุงสอง
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย พลังที่ลุงสองใช้เหมือนจะเป็นพลังธาตุกาลเวลา มันเป็นธาตุที่หาได้ยากมากๆ
“ธาตุกาลเวลา? นั่นหาได้ยากมากๆ แต่เจ้าอ่อนแอเกินไป” ชายหนุ่มลุกขึ้นมาจากแท่นหิน ในจังหวะต่อมาเขาก็บินเข้าไปหาลุงสอง
ในการก้าวขาเพียงก้าวเดียว เขาก็มาอยู่ตรงหน้าลุงสองเรียบร้อยแล้ว
ดวงตาของลุงสองมีแสงแห่งเทพอยู่ภายใน พลังกาลเวลาในร่างกายของเขาบิดเบือนมิติรอบๆ มันเหมือนกับเวลาในบริเวณรอบๆนี้ช้าลงไป ทุกสิ่งทุกอย่างเคลื่อนที่แบบสโลโมชั่น
แม้แต่การร้องตะโกนของเป่าฉินก็ถูกทำให้ช้าลงไปหลายเท่า เขาอ้าปากของตัวเอง แต่เขาไม่สามารถสร้างเสียงขึ้นมาได้เป็นเวลานาน
ปัง!
แต่ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย มือของเขากดลงบนหัวของลุงสองและทำให้ขาของอีกฝ่ายนั้นอ่อนไป ลุงสองคุกเข่าลงต่อหน้าชายหนุ่ม
ทุกคนไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้เห็น แม้แต่ระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลายที่มีร่างกายแห่งราชันธาตุกาลเวลาอย่างลุงสองก็ยังถูกกดลงไปด้วยมือข้างเดียว นี่ชายหนุ่มคนนั้นแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกันแน่?
ลุงสองโกรธมากๆ เขาไม่เคยถูกหยามเกียรติแบบนี้มาก่อน พลังภายในตัวของเขาระเบิดออกมา เขาต้องการจะหนีจากพลังของชายหนุ่ม
แต่ไม่ว่าเขาจะระเบิดพลังออกมามากสักแค่ไหน มือของชายหนุ่มก็ยังคงกดลงบนหัวของเขา และทำให้เขาคุกเข่าต่อไป
“ข้าบอกเจ้าแล้วยังไง พลังธาตุกาลเวลาของเจ้าอาจจะเป็นอะไรที่หาได้ยาก แต่เจ้ายังอ่อนแอเกินไปเมื่อเทียบกับคนอย่างข้า สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำยังไงก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ” ชายหนุ่มทำเหมือนกับว่าเขากำลังสอนรุ่นน้อง มันทำให้ลุงสองโกรธจนหน้าแดง
แต่ไม่ว่าลุงสองจะโกรธสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถหนีไปจากมือของชายหนุ่มได้ มันทำให้เขารู้สึกแย่ และความโกรธของเขาก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เหมิงเลี่ยคำราม เขาหยิบหอกเก้าง่ามที่หักขึ้นมา แสงแห่งเทพสีทองระเบิดจากร่างกายของเขาราวกับสึนามิ ขณะที่เขาแทงหอกออกไปใส่ชายหนุ่ม
เกอร์ ลอนโอ เป่าฉิน เป่าอิงและระดับเทพเจ้าคนอื่นทั้งหมดต่างก็ใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของตัวเองโจมตีไปใส่ชายหนุ่มพร้อมๆกัน พวกเขาต้องการจะใช้จังหวะที่ชายหนุ่มยังรับมือกับลุงสองอยู่เพื่อสร้างความเสียหายกับอีกฝ่าย
ชายหนุ่มหันมามองด้วยความดูถูก มือข้างหนึ่งของเขายังคงกดลุงสองเอาไว้ และเขาไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน เขาแค่ปลดปล่อยแสงแห่งเทพออกมาห่อหุ้มร่างกายเอาไว้
ปัง!
พลังที่น่ากลัวต่างพุ่งไปถูกแสงแห่งเทพนั่น แต่พวกมันไม่สามารถเจาะทะลวงผ่านไปได้
“ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าพวกเจ้ายังไม่ฟังคำสั่งของข้า พวกเขาก็ไร้ค่าและไม่คู่ควรที่จะมีชีวิตต่อไป”
ชายหนุ่มพูด ร่างกายของเขาระเบิดแสงแห่งเทพออกมา มันพัดเหมิงเลี่ยและระดับเทพเจ้าคนอื่นกระเด็นออกไป
เมื่อเห็นระดับเทพเจ้าของเอ็กซ์ตรีมคิงพ่ายแพ้อย่างราบคาบ หานเซิ่นก็รู้สึกตกใจ เขาคิดกับตัวเอง ‘หมอนี่เป็นใครกัน? เขาคือยอดฝีมือขั้นทรูก็อตอย่างนั้นหรอ? แต่ทำไมเขาถึงได้ปลอมตัวเป็นเรากัน? นี่เขาเป็นมิตรหรือศัตรู?’
ตอนที่ 2815
ลุงสองพยายามเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มที่ดูเหมือนกับเทพ และคิดบางสิ่งขึ้นมาได้
“เจ้ามาจากก็อตฮอลล์อย่างนั้นหรอ?” เขามองชายหนุ่มด้วยความกลัวพอสมควร ขณะที่พูดออกมา
“ดูเหมือนเจ้าจะพอมีความรู้อยู่บ้าง” ชายหนุ่มพูด เขาปล่อยมือจากหัวของลุงสอง
“เจ้ามาจากก็อตฮอลล์จริงๆ!” ลุงสองลุกกลับขึ้นมา เขายังคงมองไปที่ชายหนุ่มอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่มีความจำเป็นต้องพูดอะไรมาก จากนี้เป็นต้นไปพวกเจ้าต้องฟังคำสั่งของข้า” ชายหนุ่มพูดด้วยความเย่อหยิ่ง
ครั้งนี้ลุงสองหยุดตั้งคำถามกับชายหนุ่ม เขาก้มหัวและพูด “พวกเราควรจะเรียกท่านว่าอย่างไร”
“อีวิลโลตัส” ชายหนุ่มตอบอย่างภาคภูมิ
“ท่านต้องการให้พวกเราทำอะไร? มันถือเป็นเกียรติของพวกเราที่จะได้รับใช้ท่าน” จู่ๆคำพูดของลุงสองก็ฟังดูอ่อนน้อม
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘ก็อตฮอลล์? นั่นหมายถึงจีโนฮอลล์อย่างนั้นหรอ? สิ่งมีชีวิตจากจีโนฮอลล์ออกมาจากในนั้นได้ด้วยหรือเนี่ย? ไม่สิ พวกเขาควรจะออกมาได้ ไม่อย่างนั้นสกายไวน์แรดิชก็คงจะไม่ได้รับบาดเจ็บหนักอยู่ในสเปชการ์เด้น’
“มันถือเป็นเรื่องดีที่พวกเจ้ายอมเชื่อฟังข้าแล้ว ทั้งหมดที่พวกเจ้าต้องทำก็คือทำงานอย่างเต็มที่ หลังจากที่พวกเจ้าทำงานเสร็จ พวกเจ้าก็จะได้รับผลประโยชน์”
อีวิลโลตัสดูเหมือนจะรู้วิธีสร้างความเสียหายกับพวกเขา หลังจากนั้นอีวิลโลตัสก็สะบัดมือเพื่อใช้แสงแห่งเทพรักษาบาดแผลให้กับพวกเขาทุกคน พวกเขากลับมาเป็นปกติในชั่วพริบตา
“ท่านต้องการให้พวกเราทำอะไร? ท่านสั่งมาได้เลย” ลุงสองพูดอย่างมีมารยาท
“แค่ตามข้ามาก็พอ” อีวิลโลตัสไม่ได้พูดอะไรมาก เขาแค่สั่งให้คนอื่นตามเขาลึกเข้าไปในระบบจักรวาลร้าง
ลุงสองและคนอื่นๆดูเป็นกังวล อีวิลโลตัสนั้นอาจจะรอดชีวิตในระบบจักรวาลร้างได้ แต่ถ้าพวกเขาเดินทางเข้าไปลึกมากกว่านี้ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะรอดชีวิตกลับออกมาได้หรือเปล่า
หานเซิ่นและเหมิงเลี่ยเดินอยู่ที่ท้ายกลุ่ม หานเซิ่นกระซิบถามเหมิงเลี่ย
“ลุงสี่ พระเจ้านี่มาจากจีโนฮอลล์อย่างนั้นหรอ?”
เหมิงเลี่ยพยักหน้าและพูด “อย่าได้ถามอะไรมาก แค่ตามเขาไปก็พอ เจ้าควรจะอยู่ติดกับเป่าอิงเอาไว้และอย่าได้ออกห่างจากนางมากเกินไป”
หานเซิ่นพยักหน้า แต่เขาเห็นอีวิลโลตัดหันมามองที่เขา หานเซิ่นรู้ว่าอีวิลโลตัสได้ยินที่พวกเขาพูด แต่เขาดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไร
อีวิลโลตัสแค่มองมาที่หานเซิ่น ก่อนที่จะหันกลับไปโดยไม่ได้พูดอะไร พวกเขาเดินทางผ่านซากปรักหักพังไปเรื่อยๆ ขณะที่พวกเขาเดินทาง อีวิลโลตัสดูเหมือนจะเลือกเส้นทางที่เฉพาะเจาะจง ราวกับว่าเขาพยายามจะหลีกเลี่ยงบางสิ่ง
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘แปลงจริงๆ ผู้คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นพระเจ้าไม่ควรจะได้รับความเสียหาย และพวกเขาก็ไม่ควรจะสร้างความเสียหายกับสิ่งมีชีวิตของจักรวาลได้ แต่อีวิลโอตัสและสกายไวน์แรดิชไม่ได้เป็นแบบนั้น ทำไมพวกเขาถึงแตกต่างออกไป? นี่พวกเขาไม่ใช่พระเจ้าแบบเดียวกันหรือยังไง?’
อีวิลโลตัสดูเหมือนจะรู้จักที่นี่เป็นอย่างดี การเดินทางนั้นเป็นไปอย่างปลอดภัย และพวกเขาก็ไม่ได้เจอกับซีโน่เจเนอิคตัวไหนที่ป้วนเปี้ยนอยู่ในระบบจักรวาลร้าง พวกเขาไปถึงเมืองเก่าที่จมอยู่ในพื้นดิน
เมืองเก่านั่นไม่ได้จมอยู่ในพื้นแค่นิดหน่อย แต่เกือบทั้งหมดของเมืองนั้นจมอยู่ในพื้นดิน มีเพียงแค่บริเวณป้ายของประตูเมืองเท่านั้นโผล่ขึ้นมาให้เห็น ป้ายนั้นสลักคำสามคำเอาไว้ ซึ่งอ่านได้ว่า “อีสท์โฮลี่การ์เด้น”
เมื่อลุงสองและคนอื่นเห็นคำสามคำที่ว่า พวกเขาก็รู้สึกตกใจอีกครั้งหนึ่ง
“นี่คืออีสท์โฮลี่การ์เด้น ซึ่งเป็นที่อยู่ของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ?”
“เจ้ารู้มากจริงๆ เจ้ารู้เกี่ยวกับกิเลนศักดิ์สิทธิ์ด้วยอย่างนั้นหรอ?” อีวิลโลตัสมองไปที่ลุงสอง
“ข้าแค่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันเท่านั้น” ลุงสองรีบตอบ
อีวิลโลตัสมองไปที่คำสามคำและพูดขึ้นว่า
“ใช่แล้ว ที่นี่คือสถานที่ที่กิเลนศักดิ์สิทธิ์อยู่อาศัย สี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเซเคร็ดนั้นกำเนิดมาในฐานะขั้นทรูก็อต พวกมันแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอย่างพวกเจ้า พวกมันกำเนิดมาในฐานะสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่า แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นอย่างพวกมันก็ยังถูกใช้โดยผู้นำเซเคร็ด ข้าไม่เคยเข้าใจว่าทำไม ที่ข้ามาที่ระบบจักรวาลร้างก็เพราะว่ามันมีข้อมูลที่ข้าต้องการ ข้าอยากจะเรียนรู้มันจากที่อยู่อาศัยของสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ อีวิลโลตัสก็ชี้ไปที่อีสท์โฮลี่การ์เด้นและพูด
“ในตอนนี้ข้าพบแค่อีสท์โฮลี่การ์เด้นที่จมอยู่ในพื้นดินเท่านั้น และมันจำเป็นต้องขุดขึ้นมา ภายในหนึ่งเดือน พวกเจ้าต้องขุดอีสท์โฮลี่การ์เด้นทั้งหมดขึ้นมาจากพื้นดิน”
ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าอีวิลโลตัสต้องการให้พวกเขาทำงานเหมือนกับทาสเท่านั้น
ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าบ้านของกิเลนศักดิ์สิทธิ์นั้นอาจจะไม่เป็นอันตราย แต่การขุดขึ้นมามั่วๆก็อาจนำไปสู่หายนะได้ ถึงอย่างนั้นด้วยการที่อีวิลโลตัดอยู่ที่นี่ พวกเขาก็ไม่กล้าจะขัดคำสั่งที่ได้รับ
ทุกคนทำตามคำสั่งของอีวิลโลตัสและเริ่มขุดจากประตูของอีสท์โฮลี่การ์เด้น ดินและหินของระบบจักรวาลร้างนั้นเป็นอะไรที่พิเศษ มันแข็งกว่าดินและหินของระบบจักรวาลอื่นมาก ถึงแม้จะใช้พลังระดับเทพเจ้า พวกเขาก็ไม่สามารถขุดดินและหินขึ้นมาทีละมากๆได้
“ถ้าเปลี่ยนดินและหินของที่นี่เป็นสมบัติได้ มันก็จะเป็นสมบัติที่ดีกว่าสมบัติระดับเทพเจ้าไหนๆ” หานเซิ่นพูดเบาๆกับตัวเอง
เป่าอิงที่อยู่ใกล้ๆพูดขึ้นมา “นั่นเป็นไปไม่ได้ ระบบจักรวาลร้างนั้นมีพลังที่น่ากลัวบางอย่างที่คอยกัดกร่อนสถานที่แห่งนี้ สสารของที่นี่เกิดความเปลี่ยนแปลงจนนำไปทำเป็นสมบัติไม่ได้ โดยการใช้เครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อวิเคราะห์สสารของมัน สสารของที่นี่ดูเหมือนจะมีกัมมันตภาพรังสี ถ้าสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ร่างกายพวกมันก็จะได้รับผลกระทบจากกัมมันตรังสีและเกิดความเปลี่ยนแปลง”
เป่าฉินพูด “พวกเราเป็นระดับเทพเจ้า ดังนั้นพวกเราจึงพอทนต่อกัมมันกัมมันตรังสีได้ แต่พวกเราจะอยู่ที่นี่นานเกินไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะกลายเป็นเหมือนกับพวกซีโน่เจเนอิคที่อยู่ที่นี่ จิตใจของพวกเราจะถูกทำลาย และพวกเราจะกลายเป็นมอนสเตอร์ที่รู้จักแต่การฆ่าฟัน”
เป่าฉินมองหานเซิ่นและถาม “พูดถึงเรื่องนั้น โฮลี่เบบี้ นี่ท่านเป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดอย่างนั้นใช่ไหม? แบบนั้นทำไมท่านถึงได้อ่อนแอนัก?”
“เผ่าพันธุ์ของข้าไม่เก่งเรื่องการต่อสู้” หานเซิ่นพูด
ดูเหมือนเหมิงเลี่ยจะพบอะไรบางอย่างเข้า เสียงโลหะดึงความสนใจของทุกคนให้หันไปมอง พวกเขาเห็นว่าเหมิงเลี่ยขุดไปเจอประตูบานหนึ่ง ซึ่งเมื่อเปิดประตูออก พวกเขาก็เห็นดินทรายอยู่ข้างใน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างดินทรายบริเวณนี้มีสีแดงแทนที่จะเป็นสีเทา
ดินทรายเริ่มจะเป็นสีแดงเข้มขึ้นเรื่อยๆยิ่งเขาขุดลึกเข้าไป และทุกการขุดจะเกิดเสียงดังของโลหะ หลังจากที่ขุดลึกลงไปหลายฟุต พวกเขาก็เห็นว่าทรายข้างหน้าเริ่มจะมีของเหลวสีแดงคล้ำรั่วไหลออกมา
“อ้า!” เท้าวัวของลอนโดสัมผัสกับของเหลวสีแดงคล้ำ ซึ่งทำให้เขากรีดร้องออกมา เขารีบตะเกียกตะกายไปด้านหลัง ในเวลาชั่วพริบตา เท้าวัวของเขาก็ละลาย เนื่องจากถูกของเหลวสีแดงคล้ำกัดกร่อน
ตอนที่ 2816
เท้าวัวของลอนโดยังคงถูกกัดกร่อน และดูเหมือนมันจะเริ่มลามไปที่ยังส่วนอื่นๆ
อีวิลโลตัสเคลื่อนไหวมือของเขา มีดแสงถูกปล่อยออกมาตัดเท้าวัวของลอนโดจนขาด ทุกคนมองดูเท้าวัวที่ถูกตัดละลายกลายเป็นของเหลว
การสูญเสียเท้าของตัวเองไปไม่ถือว่าเป็นอะไรที่มากนักสำหรับระดับเทพเจ้าอย่างลอนโด แต่ความเจ็บปวดนั้นก็ทำให้หน้าของเขาซีดไป หน้าฝากของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ท่านอีวิลโลตัส ของเหลวสีแดงนี่คืออะไรกัน? มันกัดกร่อนร่างกายระดับเทพเจ้าได้ยังไง?” ลุงสองถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
เหตุผลที่เขาถามไม่ใช่เพราะว่าเขาอยากรู้ว่าของเหลวนั่นคืออะไร แต่มันเป็นเพราะเขาไม่ต้องการจะขุดต่อไปอีก
พวกเขากำลังขุดบ้านของซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตที่อยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังภายในระบบจักรวาลร้าง ถ้าเกิดพวกเขายังขุดต่อไป มันก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่าอันตรายแบบไหนที่พวกเขาต้องเจอ
อีวิลโลตัสพูด “นั่นคือเลือดของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นพลังยีนที่บริสุทธิ์ พวกมันจะรวมเข้ากับยีนอื่น ถ้ายีนของสิ่งมีชีวิตอื่นสัมผัสกับเลือดของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ มันก็จะถูกดูดซับเข้าไป แม้แต่ระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตก็ไม่กล้าจะแตะต้องร่างกายของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้เมื่อได้เห็นเลือดอยู่ที่นี่ ข้าก็ยืนยันได้ว่ากิเลนศักดิ์สิทธิ์ตายที่นี่จริงๆ”
ลุงสองพูดขึ้นว่า “ยีนของมันจะกลืนกินยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น แม้จะมันตายไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะขุดต่อไปได้ยังไง? ในเมื่อพวกเราแตะต้องเลือดของมันไม่ได้”
อีวิลโลตัสมองไปยังดินที่มีของเหลวสีแดงอยู่ หลังจากเงียบไปชั่วครู่ เขาก็พูดขึ้นว่า
“ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็เปลี่ยนไปขุดที่อื่น พวกเจ้าแค่ต้องพยายามหลีกเลี่ยงเลือดของกิเลนเท่าที่จะทำได้”
ถึงแม้ไม่มีใครต้องการจะขุดอีกต่อไป แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น พวกเขาเปลี่ยนตำแหน่งในการขุดและเริ่มขุดต่อตามที่ถูกสั่ง
พวกเขาไม่กล้าจะขุดใกล้บริเวณประตูอีกต่อไป โชคดีที่อีสท์โฮลี่การ์เด้นมีขนาดใหญ่ ถ้านี่เป็นเมื่อก่อน มันก็คงจะมีใบเสมาคอยปกป้องมันเอาไว้ ตอนนี้อีสท์โฮลี่การ์เด้นจมอยู่ในพื้นดินและมันไม่ได้มีใบเสมาคอยปกป้องมันอีกแล้ว ผู้คนสามารถเดินเข้าไปข้างในได้ตามใจชอบ อีวิลโลตัสเลือกจุดๆหนึ่งให้หานเซิ่นและคนอื่นทำการขุดกันต่อ
ครั้งนี้ตำแหน่งที่พวกเขาทำการขุดคือปราสาทที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินให้เห็น มันไม่สามารถบอกได้ว่าปราสาทนั้นสูงขนาดไหน เพราะพวกเขาเห็นเพียงแค่ดาดฟ้าเท่านั้น ส่วนที่เหลือของปราสาทยังจมอยู่ในพื้นทราย
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘พลังของอีวิลโลตัสแข็งแกร่งกว่าลุงสอง แต่เขาไม่กล้าจะขุดด้วยตัวเอง เห็นได้ชัดว่าเขาหวาดกลัวกิเลนศักดิ์สิทธิ์ ขนนกฟินิกซ์และเปลวเพลิงฟินิกซ์นั้นฆ่าสกายไวน์แรดิสได้ ดูเหมือนว่าระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตนั้นพอจะต่อสู้กับพระเจ้าได้ แต่ดูเหมือนว่าเรายังมองข้ามอะไรบางอย่างไป’
ลุงสองและคนอื่นๆกังวลขณะที่พวกเขาทำการขุดพื้นทราย พวกเขาตื่นตัวตลอดเวลาขณะที่ทำการขุด หลังจากที่ขุดลึกลงไปหลายสิบเมตร พวกเขาก็ยังเห็นเพียงแค่ชั้นบนของปราสาท ไม่มีใครรู้ว่าปราสาทนั้นมีกี่ชั้นกันแน่ และขณะที่พวกเขาทำการขุดลงไป พวกเขาก็พบว่าทรายเริ่มจะเป็นสีแดงมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่ามันเปื้อนเลือดของกิเลนเช่นเดียวกัน
ลุงสองและคนอื่นๆหยุดมือ พวกเขาไม่กล้าจะขุดต่อไป
“ท่านอีวิลโลตัส มันมีเลือดของกิเลนบริเวณนี้ด้วย”
ลุงสองพูดอย่างมีมารยาท “พวกเราขอเปลี่ยนไปขุดที่อื่นได้ไหม?”
อีวิลโลตัสพยักหน้า และพวกเขาก็เปลี่ยนสถานที่ขุดอีกครั้ง แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนสถานที่ขุดสักกี่ครั้ง หลังจากที่ขุดลงไปหลายสิบเมตร พวกเขาก็เห็นว่าทรายเปลี่ยนเป็นสีแดง มันเหมือนกับว่าทั้งอีสท์โฮลี่การ์เด้นนั้นเต็มไปด้วยเลือดของกิเลนศักดิ์สิทธิ์
อีวิลโลตัสขมวดคิ้วเมื่อเห็นแบบนั้น ลุงสองพูดขึ้นว่า
“ท่านอีวิลโลตัส กิเลนศักดิ์สิทธิ์นั้นคงจะตายอยู่ในอีสท์โฮลี่การ์เด้น ตอนนี้อีสท์โฮลี่การ์เด้นจึงเต็มไปด้วยเลือดของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้พวกเราจะขุดต่อไป พวกเราก็ขุดผ่านเลือดของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้”
“ถ้าพวกเจ้าขุดพื้นดินต่อไปไม่ได้ อย่างนั้นมันก็เหลืออยู่แค่หนทางเดียว”
อีวิลโลตัสพูด “ขุดด้านบนปราสาทและดูว่าข้างในมีอะไรอยู่”
ทุกคนคิดว่าจะได้หยุดขุดดิน แต่พวกเขายังคงต้องขุดต่อไป ตอนนี้พวกเขาเปลี่ยนไปขุดปราสาทแทนที่จะเป็นพื้นดิน
ปราสาทนั้นถูกทำขึ้นมาจากหินและแข็งแรงมากๆ ลุงสองใช้พลังทั้งหมดเพื่อโจมตีใส่มัน แต่เขาก็ทำได้แค่ทิ้งรอยร้าวเอาไว้เท่านั้น ทุกคนใช้พลังของตัวเองโจมตีใส่ด้านบนของปราสาทเป็นเวลาหลายสิบชั่วโมง ที่สุดแล้วพวกเขาก็สร้างรูที่ด้านบนของปราสาทได้สำเร็จ
เมื่อมองผ่านรูลงไป พวกเขาก็เห็นว่าภายในปราสาทยังคงปกติดี พวกเขาเห็นรูปปั้นและรูปภาพหลายรูปอยู่ภายในปราสาท
“เจ้า เข้าไปดูข้างใน” อีวิลโลตัสชี้ไปที่ลอนโด
เห็นได้ชัดว่าอีวิลโลตัสกลัวว่าภายในปราสาทจะเต็มไปด้วยกับดัก ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าจะเข้าไปก่อนเป็นคนแรก
ลอนโดลังเล แต่เขาจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของอีวิลโลตัส เขาเข้าไปในรูอย่างไม่เต็มใจ ทุกคนมองดูลอนโดเข้าไปในปราสาท แต่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกโล่งใจขึ้นมา
“ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีกับดักอะไรอยู่ภายในปราสาท”
ลอนโดเดินกลับไปกลับมาในปราสาทอยู่หลายรอบ แต่เขาไม่ค้นพบอะไรที่ผิดสังเกต หลังจากที่เห็นว่าข้างในปลอดภัย พวกเขาก็ตามลงไป
บนผนังของปราสาทประดับไปด้วยรูปภาพของสัตว์นานาชนิด และรูปปั้นในห้องโถงนั้นมีรูปร่างเหมือนกับกิเลน พวกมันเป็นรูปปั้นของกิเลนที่มีรูปร่างและขนาดที่หลากหลายอยู่ทั้งสองด้านของห้องโถง
“รูปปั้นกิเลนนี่ดูไม่เหมือนกับงานแกะสลัก มันดูเหมือนกับงานปั้นมากกว่า” เป่าฉินพูดขณะที่มองไปยังหนึ่งในรูปปั้นกิเลนที่สูงหกฟุต
ลุงสองย่อตัวลงไปตรงหน้ารูปปั้นกิเลนที่แตกหัก เขาหยิบชิ้นส่วนของมันขึ้นมาดูและพูด “มันเป็นงานปั้นจริงๆ”
ลุงสองลองออกแรงเพื่อจะบีบเศษของรูปปั้น หลังจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและพูด
“แปลกจริงๆ ทำไมกิเลนศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ถึงมีรูปปั้นอยู่ตั้งมากมาย แถมวัสดุที่นำมาใช้ปั้นยังดูธรรมดาๆ มันไม่ได้แข็งเหมือนกับทรายที่อยู่ข้างนอก”
อีวิลโลตัสมองไปรอบๆปราสาท ภายในปราสาททั้งสามชั้นนั้นไม่อะไรอย่างอื่น ทุกชั้นมีแค่รูปปั้นกิเลนที่เกิดจากการปั้นอยู่ ดูเหมือนว่าปราสาทจะถูกใช้เพื่อเก็บเครื่องปั้นดินเผา
ขณะที่มองไปที่รูปปั้นกิเลน เหมิงเลี่ยก็พูดขึ้นว่า “กิเลนศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางนำรูปปั้นที่ไร้ประโยชน์มาไว้ที่นี่โดยไม่มีเหตุผล บางทีมันอาจจะมีอะไรบางอย่างที่พิเศษเกี่ยวกับรูปปั้นพวกนี้”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ลองทำลายมัน และดูว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ข้างในหรือเปล่า” อีวิลโลตัสพูดกับเหมิงเลี่ย
เหมิงเลี่ยรู้สึกอยากจะตบหัวตัวเอง เขาไม่ควรจะพูดมาก เขาเคยชินกับการมีฐานะที่สูงส่ง ดังนั้นเขาจึงมักจะพูดอะไรที่อยู่ในใจออกมา เขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้
ถึงแม้เขาไม่อยากจะเสี่ยง แต่ด้วยการที่อีวิลโลตัสจ้องมองมาที่เขา เหมิงเลี่ยก็จำใจเลือกทำลายรูปปั้นกิเลนขนาดเล็กรูปหนึ่ง มันมีขนาดครึ่งหนึ่งของมนุษย์ เขารวบรวมแสงแห่งเทพสีทองเพื่อจะทำลายรูปปั้นจากระยะไกล
รูปปั้นถูกทำลายอย่างง่ายดาย มันบอบบางมากๆเหมือนกับเครื่องปั้นดินเผาธรรมดาทั่วไป
ทุกคนตื่นตัวและจับจ้องไปยังรูปปั้นที่ถูกทำลาย พวกเขากลัวว่าบางสิ่งอาจจะกระโดดออกมาจากรูปปั้น แต่พวกเขาก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่าในรูปปั้นนั้นว่างเปล่า มันไม่มีอะไรอยู่ภายใน
ภายใต้คำสั่งของอีวิลโลตัส เหมิงเลี่ยทำลายรูปปั้นกิเลนอีกสองรูป แต่พวกมันก็ว่างเปล่าเช่นเดียวกัน
ทุกคนหันไปมองอีวิลโลตัสเพื่อรอคอยคำสั่งต่อไป แต่ทันใดนั้นใบหน้าของอีวิลโลตัสก็เปลี่ยนไป จู่ๆเส้นผมและผิวของเขาก็ถูกแผดเผาและแสงสีแดงเริ่มส่องสว่างขึ้นมา
ตอนที่ 2817
“พลังของกิเลนศักดิ์สิทธิ์!” ใบหน้าของอีวิลโลตัสเปลี่ยนไป เขาเริ่มปลดปล่อยแสงแห่งเทพออกมาเพื่อขับไล่แสงสีแดงออกไป ทุกคนรู้สึกตกใจและรีบรวบรวมพลังเพื่อป้องกันตัวเอง แต่พวกเขาไม่สังเกตเห็นอะไรที่เป็นปัญหา ดูเหมือนว่าพลังนั้นจะมุ่งเป้าไปที่อีวิลโลตัสเพียงคนเดียว
“ผงรูปปั้นดินเผาพวกนี้มีพลังของกิเลนศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายใน”
อีวิลโลตัสยังคงปลดปล่อยแสงแห่งเทพของตัวเองออกมา ทุกคนเห็นว่ามีผงของรูปปั้นที่แตกกระจายบางส่วนปลิวมาถูกร่างกายของเขา มันส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงกับแสงแห่งเทพของอีวิลโลตัสจนเกิดเป็นประกายไฟขึ้น
ทุกคนก็ถูกผงปลิวมาใส่ร่างกายเช่นกัน และเหมิงเลี่ยก็เป็นคนที่ทำลายรูปปั้นดินเผาด้วยตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา
ลุงสองและคนอื่นๆรู้สึกสับสน แต่หานเซิ่นพอจะคาดเดาได้ว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น เพราะเปลวเพลิงของฟินิกซ์ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พวกมันจะไม่สร้างความเสียหายใดๆกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แต่พวกมันสามารถทำร้ายสกายไวน์แรดิชได้ ดูเหมือนว่ารูปปั้นดินเผาพวกนี้จะมีพลังแบบเดียวกัน
“ทำลายรูปปั้นดินเผาที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด ข้าอยากรู้ว่ากิเลนศักดิ์สิทธิ์ตั้งใจจะทำอะไร” อีวิลโลตัสออกคำสั่งกับลุงสอง
หัวใจของลุงสองเต้นตึกตัก เขาหันไปพูดกับคนอื่น
“พวกเจ้าไม่ได้ยินที่ท่านอีวิลโลตัสสั่งหรือยังไง! ท่านอีวิลโลตัสต้องการให้พวกเราทำลายรูปปั้นกิเลนทั้งหมด”
เหมิงเลี่ยเป็นน้องชายของลุงสอง ด้วยเหตุนั้นทันทีที่เขาสบสายตากับลุงสอง เขาก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร เขาชกหมัดออกไปใส่รูปปั้นกิเลนและทำลายพวกมันทั้งแถว
เหมิงเลี่ยสามารถทำลายเหล่ารูปปั้นกิเลนได้อย่างง่ายดาย ครั้งนี้เขาจงใจใช้การโจมตีทำให้ผงของรูปปั้นกระเด็นกระจัดกระจายไปทั่ว มันทำให้ทั้งห้องโถงถูกปกคลุมไปด้วยผงรูปปั้นดินเผา
ผงที่ปลิวมาสัมผัสกับร่างกายของหานเซิ่นและคนอื่นๆไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร แต่ในตอนที่พวกมันสัมผัสกับอีวิลโลตัส พวกมันก็เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงกับแสงแห่งเทพของเขา มันทำให้ทั้งร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มด้วยประกายไฟ
อีวีลโลตัสกรีดร้อง ร่างกายของเขากำลังลุกเป็นไฟ และเขาก็รีบวิ่งออกจากปราสาทไปราวกับว่าเขากำลังได้รับความเจ็บปวด
“ตอนนี้เป็นโอกาสเดียวที่พวกเราจะรอด ทุกคนทาผงรูปปั้นดินเผาพวกนี้บนร่างกายของตัวเอง!”
ลุงสองออกคำสั่ง เขาหยิบชิ้นของรูปปั้นดินเผาขึ้นมาและบดขยี้ หลังจากนั้นเขาก็ทาพวกมันบนร่างกายของตัวเอง ไม่นานเขาก็ดูเหมือนกับรูปปั้นดินเผา
ทุกคนรู้สึกตัวว่าพลังของรูปปั้นดินเผาส่งผลกระทบต่ออีวิลโลตัสเท่านั้น ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าทำไม แต่พวกเขาก็รู้ว่ามันเป็นอาวุธที่ดีที่สุดที่จะใช้ต่อกรกับอีวิลโลตัส
“เก็บผงรูปปั้นดินเผามาให้ได้มากที่สุด! พวกเราจำเป็นตั้งใช้มันเพื่อหนีออกไปจากที่นี่ พวกเราจะขุดที่นี่ต่อไปไม่ได้ ถ้าพวกเราทำแบบนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกเราทุกคนจะถูกฆ่าตาย”
หลังจากที่ลุงสองพูดแบบนั้น เขาก็ทำลายรูปปั้นดินเผาเพิ่มอีกและเก็บผงเข้าไปในแคปซูลที่สามารถอัดสิ่งต่างๆให้เล็กลง
ทุกคนทำตามลุงสอง พวกเขาทำลายรูปปั้นกิเลนและเก็บผงของมัน
หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกนับถือพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งลุงสอง ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์คับขัน เขาก็ไม่ตื่นตระหนก และเมื่อเวลามาถึงเขาก็สามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด เขาไม่ใช่คนธรรมดาๆ
“ไป๋ปู้อี เจ้าไม่รู้ถึงผลที่จะตามมาจากการทำแบบนั้นหรือยังไง? เจ้าคิดจริงๆหรือว่ารูปปั้นดินเผาพวกนี้จะต่อกรกับข้าได้? ข้าคือพระเจ้า” เสียงของอีวิลโลตัสดังมาจากด้านนอกของห้องโถง
“ท่านอีวิลโลตัส นี่ท่านกำลังพูดอะไรของท่าน?” ลุงสองพูดอย่างมีมารยาท “พวกเราแค่กำลังทำลายรูปปั้นดินเผาตามคำสั่งของท่าน”
ลุงสองยังคงทำลายรูปปั้นดินเผาและเก็บผงของมันต่อไป
“ฮ่า!” หานเซิ่นกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ ลุงสองเป็นอัจฉริยะที่ไม่เหมือนใคร ถึงจะอยู่ในเวลาแบบนี้เขาก็ยังสามารถพูดแบบนั้นออกไปได้
“ดี ดีมาก” อีวิลโลตัสกัดฟันพูดอีกไม่กี่คำจากด้านนอก หลังจากนั้นเขาก็หยุดพูดไป เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธมากๆ
“ท่านอีวิลโลตัน นี่พวกเรากำลังทำลายรูปปั้นดินเผาตามที่ท่านสั่ง”
ลุงสองพูด “มันยังมีอะไรอย่างอื่นที่ท่านอยากให้พวกเราทำอีกอย่างนั้นหรอ?”
พวกเขาไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากอีวิลโลตัสอีกแล้ว บางทีเขาอาจจะรู้สึกโกรธเกินกว่าที่จะพูดออกมาได้อีก หรือไม่บางทีเขาอาจจะกำลังทำอะไรอย่างอื่นอยู่
“เร็วเข้า! พวกเรามีเวลาไม่มาก พยายามรวบรวมผงรูปปั้นดินเผาให้ได้มากที่สุด พวกเราจะรอดกลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงได้ไหมนั้นขึ้นอยู่กับมัน” ลุงสองพูดเร่งทุกคน
หานเซิ่นเองก็กำลังเก็บผงของรูปปั้นดินเผาอยู่เช่นกัน แต่ทันใดนั้นจู่ๆเป่าอิงก็พูดขึ้นมา “รูปปั้นกิเลนนี้มีอะไรบางอย่างอยู่ภายใน”
ทุกคนหันมามองเป่าอิง เมื่อพวกเขาเห็นรูปปั้นกิเลนที่เป่าอิงเพิ่งจะทำลายไป ความสนใจของพวกเขาก็ถูกดึงดูดไปที่กล่องโลหะกล่องหนึ่ง
กล่องโลหะกล่องนั้นเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มันมีสีดำสนิทและดูหนักมากๆ บนด้านนอกของกล่องนั้นสลักรูปของกิเลนเอาไว้
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสิ่งที่กิเลนศักดิ์สิทธิ์ทิ้งเอาไว้ แต่ทำไมมันถึงทิ้งกล่องๆนี้เอาไว้ที่นี่กัน” ลุงสองพูดขณะที่เขาสังเกตกล่องโลหะ
“พวกเราควรจะเปิดมันดูไหม?” เป่าฉินถามขึ้นอย่างตื่นเต้น
“บางทีกิเลนศักดิ์สิทธิ์อาจจะทิ้งสมบัติเอาไว้ ถ้าผงของรูปปั้นดินเผาไม่ทำร้ายพวกเรา บางทีสิ่งที่อยู่ภายในกล่องๆนี้อาจจะช่วยเหลือพวกเราให้การจัดการกับอีวิลโลตัสนั่น”
แต่ลุงสองไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนอย่างเป่าฉิน เขาส่ายหัวและพูด
“ในตอนนี้พวกเราไม่ควรจะเสี่ยงทำอะไรแบบนั้น นำกล่องไปด้วย แต่อย่าเพึ่งเปิดมัน”
ลอนโดหยิบกล่องขึ้นมาอย่างระมัดระวัง มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ลุงสองรู้สึกโล่งใจขึ้นมา หลังจากนั้นทุกคนก็กลับไปเก็บผงรูปปั้นดินเผาต่อ
พวกเขาทำลายรูปปั้นดินเผาทั้งหมดที่อยู่ภายในปราสาทและเก็บผงของพวกมัน แต่พวกเขาไม่พบกล่องโลหะอื่น มันมีเพียงแค่กล่องโลหะกล่องเดียวเท่านั้น
ลุงสองต้องการจะใส่กล่องโลหะเข้าไปในแคปซูลเช่นกัน แต่เขาพบว่าไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ดังนั้นเขาจึงให้ลอนโดถือมันไป
“ในตอนที่พวกเราออกไป พวกเราจำเป็นต้องใช้ผงรูปปั้นดินเผา”
ลุงสองพูดเตือนทุกคน “ถ้าอีวิลโลตัสเข้ามาโจมตีพวกเรา พวกเราก็แค่ต้องโยนผงรูปปั้นดินเผาใส่เขา มันไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้พลังอื่น”
ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าต้องทำอะไร แต่หัวใจของพวกเขายังคงเต็มไปด้วยความกังวล พวกเขาไม่รู้ว่าผงรูปปั้นดินเผาพวกนี้จะจัดการกับอีวิลโลตัสได้จริงๆหรือเปล่า
การพยายามกลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงเป็นหนทางที่ยาวไกล ถึงแม้ผงรูปปั้นดินเผาจะขับไล่อีวิลโลตัสไปได้ แต่มันก็อาจจะไม่เพียงพอให้พวกเขากลับไปถึงเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง
แต่เนื่องจากมันไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว ดังนั้นถึงมันจะอันตราย แต่พวกเขาก็ต้องลองเสี่ยงดู
“โฮลี่เบบี้ ได้โปรดอยู่ข้างๆข้าเอาไว้” เป่าอิงพูดขณะที่เธอมองไปที่หานเซิ่น
หานเซิ่นพยักหน้า เขาอยู่ติดๆกับเป่าอิงและตามทุกคนออกไปข้างนอก
หลังจากที่พวกเขาออกไปจากปราสาท พวกเขาก็ต้องประหลาดใจที่ไม่ได้เห็นอีวิลโลตัส พวกเขาไม่แน่ใจว่าอีวิลโลตัสนั้นหายไปไหน
“อีวิลโลตัสหายไปไหน?” เหมิงเลี่ยขมวดคิ้ว
“ไม่ต้องไปสนใจเขา พวกเราแค่ต้องรีบหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด” ลุงสองพูด
กลุ่มของหานเซิ่นรีบเดินทางออกจากอีสท์โฮลี่การ์เด้นอย่างระมัดระวัง ซึ่งระหว่างทางพวกเขาไม่เห็นร่องรอยของอีวิลโลตัสเลย
“อีวิลโลตัสต้องรู้ว่าพวกเรามีผงรูปปั้นดินเผาปกป้องตัวเอง”
เป่าฉินพูดพร้อมกับหัวเราะ “ข้ากลัวว่าเขาจะไม่กล้าโผล่หน้ามาอีก”
ลุงสองขมวดคิ้วและพูด “หยุดพูดจาไร้สาระและรีบหนีไปจากที่นี่”
ทุกคนเตรียมตัวจะหนีไป แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่าพื้นดินกำลังสั่นไหว มันเหมือนกับว่ามีอสูรที่น่ากลัวกำลังวิ่งไปตามพื้นดิน พวกเขารีบหันกลับไปมองในทิศทางที่เสียงดังขึ้นมา
พวกเขาตกใจที่เห็นว่าอีวิลโลตัสกำลังเดินเข้ามาหาพวกเขาทีละก้าวๆ เขาไม่ได้เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วอะไร แต่ด้านหลังของเขามีซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัวตัวหนึ่ง
ทันทีที่ได้เห็นซีโน่เจเนอิคตัวนั้น ใบหน้าของลุงสองก็เปลี่ยนไป
“โอ้ ไม่นะ! อีวิลโลตัสหวาดกลัวต่อผงรูปปั้นดินเผา ดังนั้นเขาจะไม่โจมตีพวกเรา แต่เขานำซีโน่เจเนอิคมาจัดการกับพวกเราแทน”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น