Super God Gene 2803-2807
ตอนที่ 2803
ในอดีตตอนที่โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงตัดสินคนๆหนึ่งและตัวเลขห้าสิบถูกแสดงบนตุ่มถ่วงน้ำหนัก บุคคลนั้นก็ถือว่าเป็นคนที่บาปหนา บุคคลที่ตัวเลขอยู่ราวๆแปดสิบจะเป็นคนที่ก่อคดีที่ร้ายแรงมากๆเอาไว้ ส่วนตัวเลขมากกว่าหนึ่งร้อยจะถูกคำนึงว่าเป็นบุคคลที่บาปหนาอย่างที่สุด
ตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักของหานเซิ่นนั้นเกินหนึ่งร้อยเรียบร้อยแล้วและมันยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตาชั่งด้านซ้ายที่มีหานเซิ่นอยู่ยังคงไม่กลับขึ้นมา ดูเหมือนว่าตุ้มถ่วงน้ำหนักจะไม่สามารถสมดุลบาปที่เขาก่อเอาไว้ได้
“การทำลายล้างเผ่าพันธุ์จะนำไปสู่ตุ้มถ่วงน้ำหนักแค่หนึ่งร้อย แบบนั้นซีโน่เจเนอิคตัวนี้ไปทำอะไรเอาไว้กัน?” ไป๋ว่านเจี้ยขมวดคิ้ว ขณะที่เขาจ้องไปที่ตุ้มถ่วงน้ำหนักบนจานด้านขวาของตาชั่ง
ตอนนี้ตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักเกินสองร้อยแล้ว นี่เป็นบาปที่ควรจะเก็บเอาไว้สำหรับศัตรูตัวร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรวาล
ตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้หัวใจของไป๋ว่านเจี้ยเริ่มจะสั่นคลอน ไม่นานหลังจากนั้นมันก็เพิ่มขึ้นจนเกินห้าร้อย ตัวเลขขนาดนั้นจะต้องทำให้เขาเป็นบุคคลที่ชั่วร้ายที่สุดในจักรวาล มันไม่มีใครที่จะมีบาปมากขนาดนั้น
นอกจากนั้นจานด้านซ้ายของตาชั่งที่มีหานเซิ่นอยู่ยังคงถูกกดลง และตัวเลขบนตัวถ่วงน้ำหนักก็ยังเพิ่มขึ้นอีก มันเป็นอะไรที่น่ากลัว
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง?” ไป๋ว่านเจี้ยตกตะลึง ภายใต้น้ำหนักของบาปที่มากขนาดนี้ ร่างกายของคนๆนั้นควรจะถูกบดขยี้และถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว
ทันใดนั้นชายแก่ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นก็เงยหน้าขึ้นมา เขามองไปที่หานเซิ่นบนตาชั่ง สีหน้าของเขาก็เริ่มจะดูแปลกๆ
“ผู้อาวุโสเถี่ย ท่านหยุดการพิจารณาบาปของโอเวอร์แบริ่งอายได้ไหม?”
ไป๋ว่านเจี้ยถาม “ข้ากลัวว่าถ้าเกิดยังเป็นแบบนี้ต่อไป ถึงแม้โอเวอร์แบริ่งอายจะไม่ฆ่าเขาโดยตรง แต่เขาก็คงจะทนต่อน้ำหนักของบาปไม่ได้ มันจะบดขยี้ร่างกายของเขา”
“ไม่เป็นอะไร ในตอนที่โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงไม่ถูกควบคุมโดยใครคนไหน มันก็จะไม่ฆ่าใคร” ชายแก่พูด
“มันไม่สำคัญว่าเขาจะบาปหนาสักแค่ไหน เขาจะไม่ถูกฆ่าตาย”
เมื่อชายแก่พูดแบบนั้น ไป๋ว่านเจี้ยก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่มองดูตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ตัวเลขเพิ่มขึ้น มันก็ทำให้หัวใจของไป๋ว่านเจี้ยเต้นตึกตัก
ตัวเลขบนตัวถ่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้นไปจนถึงหนึ่งพัน ใบหน้าของชายแก่ก็เปลี่ยนไปเมื่อเห็นแบบนั้น ในตอนที่กษัตริย์องค์ที่สองสังหารยอดฝีมือขั้นบัตเตอร์ฟลาย บาปของยอดฝีมือขั้นบัตเตอร์ฟลายคนนั้นอยู่ที่หนึ่งพันถึงสองพัน ระดับบัตเตอร์ฟลายคนนั้นคือตัวร้ายของยุคสมัยนั้น มันยากที่จะหาคนที่เหมือนกับคนๆนั้นในยุคสมัยนี้
“มันเป็นอย่างที่องค์ชายบอกจริงๆอย่างนั้นหรอ? นี่เป็นซีโน่เจเนอิคที่มาจากสเปชการ์เด้น?” ชายแก่ตกใจกับระดับบาปของหานเซิ่น
“ข้าขอให้โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์จับตัวเขาออกมาจากสเปชการ์เด้น” ไป๋ว่านเจี้ยตอบ
“โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนที่จะผิดคำพูด ถ้าเขาตกลงที่จะทำงาน นี่ก็ควรจะเป็นเป้าหมายที่ถูกต้อง แต่ถ้านี่คือลูกของสเปชการ์เด้นจริงๆ ทำไมเขาถึงได้ถูกตัดสินว่าชั่วร้ายแบบนี้?” ชายแก่พูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่น
ดวงตาของชายแก่มีแสงสีม่วงเรืองขึ้นมา เขามองไปยังหานเซิ่นที่อยู่บนตาชั่งอยู่สักพัก ก่อนที่จะส่ายหัวและพูด
“แปลกจริงๆ นี่มันแปลกจริงๆ… ข้าไม่อาจมองทะลุผ่านร่างกายของเขาได้ นี่ร่างกายของเขาทรงพลังขนาดนั้นเลยหรอ?”
หัวใจของไป๋ว่านเจี้ยเต้นตึกตัก จู่ๆเขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
‘มิสเตอร์ไวท์บอกว่าซีโน่เจเนอิคนี้ไม่ใช่แค่ลูกของสเปชการ์เด้น เขาบอกว่าซีโน่เจเนอิคนี่มีพรสวรรค์ที่สูงมากๆ มันมีบางสิ่งที่พิเศษเกิดขึ้นทำให้เขาได้รับร่างกายนี้มา ก่อนหน้านี้จู่ๆมันมีแสงสีเขียวพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและตกลงมาทั่วสเปชการ์เด้น ในเวลาเดียวกันมันมีเทพสปิริตถูกฆ่าตายและจีโนฮอลล์ก็ปรากฏออกมา นี่การกำเนิดของซีโน่เจเนอิคนี้เกี่ยวข้องกับการตายของเทพสปิริตอย่างนั้นหรอ? หรือว่าบางทีเทพสปิริตนั่นจะถูกฆ่าตายโดยสเปชการ์เด้น หลังจากนั้นสเปชการ์เด้นก็ดูดซับสิ่งประจำตัวของพระเจ้าเข้าไปและให้กำเนิดซีโน่เจเนอิคพิเศษนี้ขึ้นมา?’
ขณะที่ไป๋ว่านเจี้ยคิดแบบนั้น ความเชื่อของเขาก็เพิ่มสูงขึ้น หัวใจของเขาเริ่มเต้นรัว
‘ถ้าเกิดว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เราก็จำเป็นต้องควบคุมเด็กคนนี้ให้ได้ เราจะใช้พลังของเขาเพื่อยึดครองสเปชการ์เด้นและได้สิ่งประจำตัวของพระเจ้ามา หลังจากนั้นเราก็จะได้เป็นเทพสปิริต…’ ไป๋ว่านเจี้ยคิด เขาเริ่มจะเชื่อจริงๆว่านี่เป็นโอกาสครั้งใหญ่ของเขา
‘ด้วยบาปมากขนาดนี้ ข้าเดิมพันว่าเขาคงจะสังหารพระเจ้า’
ไป๋ว่านเจี้ยเห็นตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ มันทำให้เขาเชื่อในการคาดเดาของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม
“สองพัน…สามพัน…” ตัวเลขบนตุ้มถ่วงหนักทะลุขีดจำกัดของมัน แม้แต่ชายแก่ก็ยังดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเห็นบาปของสิ่งมีชีวิตตนไหนสูงขนาดนี้ เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ซีโน่เจเนอิคนี่… ดูแปลกๆ… หรือว่าบางทีพวกเราควรจะหยุดการพิจารณาบาปของโอเวอร์แบริ่งอายจริงๆ?”
ชายแก่มองที่ไป๋ว่านเจี้ย ด้วยบาปมากขนาดนั้น แม้แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
โดยปกติแล้วไม่มีใครสามารถควบคุมโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงได้ และมันจะไม่ฆ่าใครเช่นกัน แต่บาปมากขนาดนี้เป็นบางสิ่งที่น่ากลัวเกินไป มันมีความเป็นไปได้ที่หานเซิ่นจะถูกบดขยี้
แต่ไป๋ว่านเจี้ยลังเลที่จะหยุดมันในตอนนี้ ถ้าการคาดเดาของเขาถูกต้อง ซีโน่เจเนอิคตัวนี้ก็ควรจะเป็นลูกของขั้นทรูก็อตและเทพสปิริต ร่างกายของมันทรงพลังเหนือจินตนาการ ถ้าการพิจารณาบาปของโอเวอร์แบริ่งอายถูกหยุดลงในตอนนี้ เขาก็ต้องรอไปอีกเป็นเดือนกว่าที่โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงจะใช้งานได้อีกครั้ง
เมื่อคิดเกี่ยวกับสเปชการ์เด้นและสิ่งประจำตัวของพระเจ้า ไป๋ว่านเจี้ยก็ไม่สามารถทนรอได้
“ผู้อาวุโสเถี่ย ไหนบอกว่าถ้าไม่มีใครควบคุมโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง มันจะไม่ฆ่าใครไง” ไป๋ว่านเจี้ยพูด
“ตามทฤษฎีแล้วมันควรจะเป็นแบบนั้น แต่ในอดีตไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตไหนที่มีบาปมากขนาดนี้มาก่อน” ผู้อาวุโสเถี่ยพูด
“ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราก็ควรจะรออีกหน่อย” ไป๋ว่านเจี้ยพูด
“สี่พัน… ห้าพัน… หกพัน…” ตัวเลขบนตัวถ่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้หน้าของชายแก่เปลี่ยนสี เขาไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตไหนที่บาปหนาขนาดนี้มาก่อน
หัวใจของไป๋ว่านเจี้ยเริ่มจะสั่นไหว เขาพูดกับชายแก่
“ผู้อาวุโสเถี่ย พวกเราจบมันเพียงเท่านี้เถอะ ข้ากลัวว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ร่างกายของเขาจะทนต่อน้ำหนักของบาปที่เขาก่อไม่ได้”
ปัง!
ชายแก่พยักหน้า เขาลุกขึ้นและคิดจะเดินเข้าไปหาตาชั่ง แต่ทันใดนั้นจู่ๆโซ่ที่เชื่อมต่อกับจานของตาชั่งก็ขาด
แสงสีดำและขาวยังคงส่องออกมาจากดวงตาของรูปปั้นต่อไป และจานด้านซ้ายของตาชั่งที่รองรับหานเซิ่นอยู่ก็ยังคงลอยตัวอยู่ในอากาศ จานอีกด้านหนึ่งที่รับแสงสีดำก็ลอยตัวอยู่ในอากาศเช่นกัน ตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และพวกมันก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม
ท่ามกลางความตกใจของพวกเขา ชายแก่และไป๋ว่านเจี้ยเห็นหมายเลขที่แสดงบาปของหานเซิ่นเพิ่มขึ้นจนถึงหนึ่งหมื่น
ในตอนที่ตัวเลขของตัวถ่วงน้ำหนักถึงหนึ่งหมื่น ตัวเลขก็หยุดเพิ่มขึ้นไปมากกว่านั้น แต่แสงสีดำและสีขาวยังคงส่องออกมาจากดวงตาของรูปปั้นโดยไม่มีวี่แววที่จะหยุดลง มันยังคงส่องแสงไปที่หานเซิ่น
ชายแก่ตกตะลึง เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ตัวเลขบนตัวถ่วงน้ำหนักนั้นหยุดไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นการพิจารณาบาปของโอเวอร์แบริ่งอายก็ยังไม่หยุดลง
“นี่หมายความว่าบาปของซีโน่เจเนอิคตัวนี้สูงเกินกว่าที่จะถูกวัดได้ และโอเวอร์แบริ่งอายก็แสดงบาปสูงสุดแค่หนึ่งหมื่นเท่านั้น!” ชายแก่และไป๋ว่านเจี้ยมีความคิดที่เหมือนกัน
ปัง!
ทันใดนั้นรูปปั้นของกษัตริย์องค์ที่สองก็เรืองแสงออกมา และดวงตาของรูปปั้นก็ระเบิดออกมาจากเบ้าตาของมัน
ตอนที่ 2804
ชายแก่และไป๋ว่านเจี้ยตกตะลึง โอเวอร์แบริ่งอายเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างที่สุดสำหรับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ถ้ามีบางสิ่งเกิดขึ้นกับมัน มันก็จะส่งผลกระทบต่อทั้งเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง
ปัง!
ลูกตาสีดำและขาวระเบิดออกมาจากเบ้าตา มันมีขนาดพอๆกับลูกฟุตบอล ครึ่งหนึ่งมันเป็นสีขาวขณะที่อีกครึ่งเป็นสีดำ ชายแก่ตกใจกับเรื่องนั้น ร่างกายของเขาระเบิดด้วยเปลวเพลิงสีเงินที่ทะลักออกมาจากร่างกายของเขาราวกับสึนามิ เขากลายเป็นปีศาจที่จะหยุดลูกตาสีดำและสีขาวเอาไว้
แต่หลังจากที่สัมผัสเพียงแค่นิดเดียว พลังของชายแก่ก็หายไป พลังปีศาจของชายแก่สลายเป็นผุยผงอย่างง่ายดาย และโอเวอร์แบริ่งอายก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าของหานเซิ่น
ร่างกายของหานเซิ่นเป็นอิสระอีกครั้ง แต่ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงก็เข้าไปในดวงตาข้างซ้ายของเขา
มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าภาพที่กำลังเกิดขึ้นเป็นภาพแบบไหน ลูกตาสีดำและสีขาวที่มีขนาดเท่ากับลูกฟุตบอลเข้าไปในดวงตาข้างซ้ายของหานเซิ่น ดวงตาของเขาค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับมนุษย์คนอื่น แต่พวกมันไม่ได้ใหญ่โตเท่ากับลูกฟุตบอล มันทำให้ดวงตาของเขาดูเหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุ มันปลดปล่อยแสงสีดำและสีขาวออกมา
ภายใต้ความเจ็บปวดที่แสนสาหัส หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะกุมดวงตาของเขา มือของเขาไม่สามารถห้ามแสงสีดำและสีขาวจากการระเบิดออกมาได้
ไป๋ว่านเจี้ยและชายแก่ตกตะลึง พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ดังนั้นพวกเขาแค่ยืนอยู่กับที่ พวกเขาจ้องมองไปยังหานเซิ่นที่ลอยอยู่กลางอากาศ เขากำลังใช้มือปิดดวงตาของตัวเองขณะที่แสงสีดำและสีขาวรั่วไหลออกมาจากช่องว่างระหว่างนิ้วมือของเขา มันเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆเป็นสีขาวดำ มันเป็นเหมือนกับหนังสือการ์ตูนที่ไม่มีสี
ตูม! ตูม! ตูม!
ทั้งอาณาจักรของกษัตริย์สั่นไหวเล็กน้อยราวกับว่าบางสิ่งแตกหัก
“โอ้ ไม่นะ!” ใบหน้าของไป๋ว่านเจี้ยเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาดูมืดมนและเกือบจะมีน้ำตาไหลออกมา ดูเหมือนกับว่าจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง ซึ่งนั่นส่งผลต่อระบบป้องกันของอาณาจักรกษัตริย์
ก่อนที่ไป๋ว่านเจี้ยจะคิดเกี่ยวกับมันได้มากกว่านั้น เขาก็เห็นคนหลายคนปรากฏตัวขึ้นมา พวกเขาทุกคนมีออร่าที่น่าสะพรึงกลัว หนึ่งในพวกเขาคือกษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิง
ราชาไป๋หันไปมองหานเซิ่นที่กำลังลอยตัวอยู่ในอากาศขณะที่ดวงตาข้างซ้ายของเขาปล่อยแสงสีดำและสีขาวออกมา หลังจากนั้นเขาก็หันไปหาชายแก่และถาม “ผู้อาวุโสเถี่ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ฝ่าบาท…” ชายแก่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไป๋ว่านเจี้ยพูดขัดขึ้นมา
“ท่านพ่อ มันเป็นความผิดของลูกเอง” ไป๋ว่านเจี้ยคุกเข่าต่อหน้าราชาไป๋และอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไปตามมิสเตอร์ไวท์มาที่นี่” หลังจากที่ราชาไป๋ได้ยินเรื่องราว เขาก็ไม่ได้เอาโทษอะไรไป๋ว่านเจี้ย เขาแค่หันไปพูดกับยอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงที่มาพร้อมกับเขา
ยอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงคนนั้นพยักหน้าและรีบทำตามที่ราชาไป๋สั่ง ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็กลับมาพร้อมกับมิสเตอร์ไวท์
“คารวะฝ่าบาท” มิสเตอร์ไวท์โค้งคำนับราชาไป๋
“มิสเตอร์ไวท์ เจ้าอธิบายได้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
ราชาไป๋มองไปที่มิสเตอร์ไวท์ เสียงของเขาฟังดูอ่อนโยน แต่มันมีแรงกดดันซ่อนอยู่ในคำพูดของเขา ถ้าเป็นคนที่มีจิตใจที่มีอ่อนแอ ถึงแม้คนๆนั้นจะไม่ได้ทำผิด เขาก็จะต้องคุกเข่าต่อหน้าราชาไป๋
มิสเตอร์ไวท์มองหานเซิ่นที่กำลังลอยตัวอยู่ในอากาศ เขามีรอยยิ้มที่แดกดันบนใบหน้า เขาโค้งคำนับราชาไป๋และพูด
“มันเป็นความผิดของข้าเอง ถ้าฝ่าบาทจะลงโทษ ก็ได้โปรดลงโทษข้า”
“ทำไมเจ้าถึงพูดแบบนั้น?” ราชาไป๋ไม่เคลื่อนไหว เขาแค่ถามอย่างเป็นกันเอง
“ข้าเป็นคนที่แนะนำให้องค์ชายว่านเจี้ยใช้โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง”
มิสเตอร์ไวท์พูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “ข้าไม่ได้คาดคิดว่าซีโน่เจเนอิคตัวนี้จะดึงดูดโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง เรื่องนี้เป็นความผิดของข้า”
“โอ้ เจ้าบอกว่านเจี้ยว่ายังไง?” ราชาไป๋ถาม
มิสเตอร์ไวท์อธิบายถึงสิ่งที่เขาบอกกับไป๋ว่านเจี้ย ก่อนที่ถอนหายใจและพูดต่อ “มันเป็นความผิดของข้าเอง ฝ่าบาทควรจะลงโทษข้าแทน”
ราชาไป๋เลิกสนใจมิสเตอร์ไวท์และหันไปมองไป๋ว่านเจี้ยที่กำลังคุกเข่าไป๋ว่านเจี้ยอยู่
“มิสเตอร์ไวท์ได้พูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
“ไม่มี” ไป๋ว่านเจี้ยพูดขณะที่ก้มหัวต่ำ ร่างกายทั้งร่างของเขากำลังสั่นไหว
“ถ้ามันเป็นอย่างที่เจ้าพูด ในตอนที่เจ้าพบถึงความผิดปกติของโอเวอร์แบริ่งอาย ทำไมเจ้าถึงไม่หยุดมัน?” ราชาไป๋ถาม
“ลูก…” จู่ๆไป๋ว่านเจี้ยก็พูดอะไรไม่ออก มิสเตอร์ไวท์ได้กำชับกับเขาว่าอย่าได้ใจร้อน แต่ทั้งหมดที่เขาคิดคือเรื่องของสเปชการ์เด้นและสิ่งประจำตัวของพระเจ้า
ไป๋ว่านเจี้ยรู้ว่าถ้าไม่อธิบายเรื่องนี้ เขาก็จะมีความผิดใหญ่หลวง เขาอาจจะต้องสูญเสียตำแหน่งองค์รัชทายาทไป
“ท่านพ่อ มันมีบางสิ่งที่ลูกอยากจะพูดกับท่านพ่อเป็นการส่วนตัว” ไป๋ว่านเจี้ยกัดฟันขณะที่พูดออกมา
“พูดมันออกมา” ราชาไป๋ไม่ได้ขยับไปไหน แต่มันมีพลังที่มองไม่เห็นแยกตัวพวกเขาออกมาจากทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ
ไป๋ว่านเจี้ยไม่กล้าจะปกปิดความจริงอีกต่อไป เขาบอกทุกอย่างเกี่ยวกับหานเซิ่นให้ราชาไป๋ฟัง และนั่นรวมถึงข้อสันนิษฐานของเขาด้วย
“นั่นเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรอ?” เมื่อราชาไป๋ได้ยินเรื่องราว เขาก็หันไปมองหานเซิ่นที่ยังคงลอยอยู่กลางอากาศด้วยความแปลกใจ เห็นได้ชัดว่าสิ่งประจำตัวของพระเจ้าทำให้เขาประหลาดใจพอสมควร
“มันเป็นเพราะลูกโง่เขลา ลูกโลภมากเกินไป…” ไป๋ว่านเจี้ยยังคงก้มหัวขณะที่พูด
“ถ้าเจ้าไม่ใช่คนทะเยอทะยานและเด็ดขาด เจ้าก็ไม่ใช่ลูกของข้า”
ราชาไป๋เปลี่ยนโทนเสียง “แต่เจ้ายังคงทำอะไรเหมือนกับเด็ก…”
ก่อนที่ราชาไป๋จะพูดจบ จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา พวกเขาเห็นหานเซิ่นร่วงลงมาที่พื้นของห้องโถง ดวงตาข้างซ้ายของเขาไม่ได้ปล่อยแสงสีดำและสีขาวออกมาอีกแล้ว แต่มันก็ไม่ได้กลับเป็นเหมือนปกติซะทีเดียว ดวงตาข้างซ้ายของหานเซิ่นยังคงมีลูกตาสีขาวและรูม่านตาสีดำเหมือนเดิม แต่ทว่ามันแตกต่างไปจากดวงตาอีกข้าง ลูกตาสีขาวและรูม่านตาสีดำนั้นตัดกันอย่างชัดเจน มันมีสีขาวของหิมะกับสีดำของหมึก มันดูไม่มีชีวิตชีวาเหมือนกับเป็นดวงตาของคนที่ตายไปแล้ว
“ฝ่าบาท เป็นข้าเองที่ไม่ระมัดระวัง และทำให้โอเวอร์แบริ่งอายประสบกับอุบัติเหตุนี้”
ชายแก่พูด “ได้โปรดฝ่าบาทลงโทษข้า”
ราชาไป๋โบกมือเพื่อบอกให้ชายแก่หยุดพูด “ไม่มีความจำเป็นที่ผู้อาวุโสเถี่ยจะต้องทำแบบนี้ เจ้าคอยเฝ้าโถงแห่งกฎของเอ็กซ์ตรีมคิงมาเป็นเวลายาวนาน เจ้าดีกับพวกเรามาโดยตลอด เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ดังนั้นอย่าได้โทษตัวเอง”
ราชาไป๋มองไปที่หานเซิ่นและเดินเข้าไปหาเขา
หานเซิ่นรู้สึกแย่ เขาไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา และแม้แต่ราชาไป๋ก็มาอยู่ที่นี่ หานเซิ่นรู้สึกว่าบางสิ่งที่เลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้
ขณะที่ราชาไป๋เดินเข้ามา หานเซิ่นก็ดูหดหู่มากๆ เขาคิดกับตัวเอง
‘ดูเหมือนไม่ว่ายังไงมันก็จะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเรา ถ้าอย่างนั้นเราก็ควรจะเป็นฝ่ายลงมือก่อน’
หลังจากที่คิดได้แบบนั้นเขาก็ลุกขึ้นมาจากพื้น เขายืนตัวตรงและจ้องมองไปที่ราชาไป๋ เขาจะไม่ก้มหัวให้กับอีกฝ่าย
ตอนที่ 2805
“เด็กน้อย เจ้าต้องการเป็นอย่างเขาที่จะเอาอะไรก็ได้และแกล้งใครก็ได้ไหม?”
ราชาไป๋เดินมาตรงหน้าหานเซิ่นและยื่นมือออกมา เขาลูบหัวของหานเซิ่นด้วยรอยยิ้มและชี้ไปที่ไป๋ว่านเจี้ย หานเซิ่นอึ้งไปขณะที่เขาจ้องมองไปที่ราชาไป๋ เขาไม่รู้ว่าราชาไป๋กำลังพูดถึงเรื่องอะไร
“ถ้าเจ้าติดตามข้า เจ้าจะรังแกผู้คนได้โดยที่ไม่ต้องเสียใจทีหลัง”
ราชาไป๋พูดขณะที่พาหานเซิ่นเดินออกไป “จะไม่มีใครรังแกเจ้าได้เช่นกัน มีเพียงแค่เจ้าที่แกล้งคนอื่นได้”
ยอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงมองหน้ากันอย่างแปลกๆ พวกเขาไม่รู้เลยว่าราชาไป๋กำลังคิดอะไรอยู่ แถมนี่คือกษัตริย์ที่เกือบจะยึดครองทั้งจักรวาล มันไม่มีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมา พวกเขาได้แต่มองดูราชาไป๋เดินจูงมือหานเซิ่นออกจากโถงแห่งกฎไป
หานเซิ่นเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเกินไป ความคิดของราชาไป๋เป็นอะไรที่แตกต่างอย่างน่าประหลาด มันทำให้หานเซิ่นทำตัวไม่ถูก
หานเซิ่นคิดว่าตัวเองจะถูกฆ่าตาย แต่ไม่เพียงแค่เขาจะไม่ถูกฆ่า ราชาไป๋ยังพาเขาไปที่พระราชวัง ผู้หญิงที่งดงามที่นั่นรักษาบาดแผลให้กับเขาและนำชุดที่หรูหรามาให้เขาใส่ เขาสามารถทานอาหารอะไรก็ตามที่เขาปรารถนา มันทำให้หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขากำลังฝันไป เขาไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ดังนั้นมันจึงดูเหมือนไม่เป็นความจริง
ในพระราชวังที่ใหญ่โตนั้นนอกจากราชาไป๋แล้ว มันมีผู้หญิงอยู่ทุกหนทุกแห่ง หานเซิ่นเป็นผู้ชายคนที่สองในที่แห่งนั้น
‘ไม่แปลกใจเลยที่ตำนานกล่าวว่าราชาไป๋เป็นกษัตริย์ที่ความต้องการทางเพศสูงมากๆ ตอนนี้มันสมเหตุสมผล เพียงแค่ดูจากจำนวนลูกของเขาและจำนวนของผู้หญิงที่อยู่ในพระราชวัง มันก็เป็นอะไรที่ชัดเจน’
หานเซิ่นเอนหลังบนเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย ผู้หญิงจากเผ่าเฟเธอร์คนหนึ่งอยู่ข้างๆเขา เธอกำลังปอกผลไม้และป้อนมันให้กับหานเซิ่น ผลไม้ที่ถูกเตรียมให้กับเขามีรสชาติที่มหัศจรรย์ มันเหมือนกับว่าเขากินผลไม้ที่มีชีวิต รูขุมขนทั้งหมดของเขารู้สึกสบายจนพวกมันครางด้วยความสุข
ขณะที่กินมันเข้าไป หานเซิ่นก็คิดกับตัวเอง ‘แม้แต่ผลไม้ที่กินเป็นปกติก็ยังเป็นผลไม้ซีโน่เจเนอิคชั้นสูง พวกมันแค่ลูกหนึ่งก็ทำให้บารอนคนหนึ่งกลายเป็นไวเคานท์ได้เลย พวกเขานี่ร่ำรวยจริงๆ’
หานเซิ่นอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสิบห้าวัน ถ้าเขาพูดว่าต้องการบางสิ่ง เขาก็จะได้มันมา มันไม่มีใครมาคอยจับตาดูเขาเช่นกัน ถ้าเขาต้องการ เขาสามารถไปทุกซอกทุกมุมของพระราชวังได้ตามใจชอบ
แต่ตลอดเวลาที่หานเซิ่นอยู่ที่นั่น เขาก็ไม่เห็นราชาไป๋เลย มันเหมือนกับว่าหลังจากที่ราชาไป๋พาเขาไปที่นั่น เขาก็ลืมเรื่องเกี่ยวกับหานเซิ่นไป
ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิดแบบนั้น ราชาไป๋ก็เดินเข้ามาในสวน เขายิ้มให้กับหานเซิ่นและถาม
“เจ้าคุ้นเคยกับการอยู่ที่นี่แล้วหรือยัง? ถ้ามันมีบางสิ่งที่เจ้าไม่ชอบเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี่ ทั้งหมดที่เจ้าต้องทำก็คือบอกกับข้า”
“ราชาไป๋ เจ้าควรบอกข้ามาตรงๆว่าเจ้าต้องการอะไร?”
หานเซิ่นรู้ว่าราชาไป๋ไม่ได้ปฏิบัติกับเขาแบบนี้โดยที่ไม่มีเหตุผล หานเซิ่นรู้ว่าราชาไป๋ต้องมีแผนการบางอย่าง
ราชาไป๋สะบัดมือเพื่อบอกให้คนรับใช้และเจ้าหน้าที่ทุกคนออกไปจากสวน ราชาไป๋นั่งลงบนเก้าอี้หินถัดไปจากหานเซิ่น เขาเทน้ำชาให้กับตัวเองและยกขึ้นมาจิบ ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“ข้าไม่มีทางเลือก เจ้ารวมเข้ากับโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง ซึ่งถ้าไม่มีอาวุธจีโนนี่อยู่ ระบบป้องกันของอาณาจักรกษัตริย์ก็จะสั่นคลอน ด้วยเหตุนั้นข้าจำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากเจ้า”
หานเซิ่นมองราชาไป๋อย่างแปลกๆ กษัตริย์ผู้เผด็ชการในตำนานพูดด้วยความถ่อมตัวอย่างน่าประหลาดใจ มันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของหานเซิ่น
จากเผ่าพันธุ์สูงสุดทั้งสาม เผ่าแอนเชี่ยนท์ก็อตนั้นไม่มีความทะเยอทะยานที่จะควบคุมทั้งจักรวาล เผ่าเวรี่ไฮเองก็ไม่ได้สนใจจะทำอะไรแบบนั้นเช่นกัน ด้วยเหตุนั้นเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจึงเป็นเหมือนกับผู้นำของจักรวาล สำหรับกษัตริย์ของเผ่าพันธุ์แบบนั้น ถ้าเขาต้องการให้หานเซิ่นตาย ถึงแม้หานเซิ่นจะอยู่ห่างไปเป็นพันล้านปีแสง หานเซิ่นก็จะต้องตาย
แต่ตอนนี้ราชาไป๋ดูเหมือนกับชายวัยกลางคนที่กำลังพูดเกี่ยวกับปัญหาของตัวเอง ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ในพระราชวังล่ะก็ หานเซิ่นก็คงจะสงสัยว่าคนๆนี้ใช่กษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิงจริงๆหรือเปล่า
“อย่ามองข้าแบบนั้น” ราชาไป๋พูดอย่างนอบน้อม
“ข้าก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ข้าไม่ใช่พระเจ้าที่สูงส่ง ตอนนี้ข้ามีตัวเลือกสองอย่าง หนึ่งคือฆ่าเจ้าและเอาโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงกลับคืนมา การทำแบบนั้นจะทำให้ระบบป้องกันของเอ็กซ์ตรีมคิงกลับมาเป็นปกติ”
หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา ราชาไป๋ยิ้มและพูด
“แต่ข้าไม่มีแผนที่จะทำแบบนั้น การพัฒนาเผ่าพันธุ์นั้นเหมือนกับการพายเรือทวนกระแสน้ำ ถ้าเจ้าไม่พายไปข้างหน้า เจ้าก็จะถอยหลังไปตามกระแสน้ำ ถึงตอนนี้เอ็กซ์ตรีมคิงจะอยู่บนจุดสูงสุดของจักรวาล แต่พวกเราไม่ได้ถูกพัฒนามาเป็นเวลายาวนานแล้ว ถ้ามันมีโอกาสที่พวกเราจะพัฒนาขึ้น ข้าก็ยินดีจะลองเสี่ยงดู ถ้าเจ้ายินดีจะช่วยข้า เผ่าพันธุ์ของพวกเราก็จะพัฒนา ถึงแม้โอกาสนั้นจะน้อย แต่มันก็ดีกว่าไม่มีโอกาสเลย”
หานเซิ่นขมวดคิ้วและถาม “เจ้าต้องการให้ข้าไปที่สเปชการ์เด้นร่วมกับเจ้า?”
ราชาไป๋หัวเราะและพูด “เจ้าประเมินตัวเองต่ำเกินไปแล้ว สิ่งประจำตัวของพระเจ้าเป็นสิ่งที่หาได้ยาก แต่ข้าไม่ได้สนใจมัน ข้าต้องการเจ้า”
ราชาไป๋ดูสงบนิ่งมากๆ แต่เขาให้ความรู้สึกที่เหมือนกับการมองโลกจากเบื้องบน มันเป็นบางสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถทำได้
“เจ้าต้องการข้า?” หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าราชาไป๋พยายามจะบอกอะไรกับเขา
“ใช่ ข้าต้องการเจ้า ถ้าเจ้ากำเนิดในสเปชการ์เด้นจากความตายของพระเจ้าจริงๆ นั่นหมายความว่าเจ้าเป็นครึ่งพระเจ้า ตอนนี้เมื่อเจ้ารวมเข้ากับโอเวอร์แบริ่งอายของของกษัตริย์องค์ที่สองของพวกเรา ข้าก็อยากจะเห็นว่าเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหน ถ้าเจ้ายินดี เจ้าจะได้เป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของข้า เจ้าจะได้รับผลประโยชน์มากกว่าลูกของข้าเอง ข้าจะส่งเสริมให้เจ้าไปถึงขั้นทรูก็อต” ทุกสิ่งที่ราชาไป๋พูดเป็นอะไรที่น่าตกใจอย่างมาก
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัวในตอนที่เขาได้ยินมัน
“ทำไมเรื่องนี้ถึงจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้า?” หานเซิ่นมองราชาไป๋อย่างแปลกๆ เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าราชาไป๋ยินดีจะช่วยเหลือซีโน่เจเนอิคคนนอก
“ข้าจะได้รับผลประโยชน์” ราชาไป๋พูด
“เจ้าแค่ต้องบอกมาว่าเจ้ายินดีจะรับความช่วยเหลือจากข้าหรือไม่?”
“ข้ามีทางเลือกด้วยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยรอยยิ้ม
ราชาไป๋ยิ้มตอบและพูด “ข้าไม่ชอบการบังคับคนอื่น ถ้าเจ้าไม่ต้องการทำ เจ้าก็จะต้องตาย ข้าจะไม่บังคับเจ้า อย่างน้อยๆข้าจะมอบความตายที่รวดเร็วเพื่อที่เจ้าจะไม่ต้องเจ็บปวด และข้ายังจะจัดงานศพที่ใหญ่โตให้กับเจ้า”
“ข้าต้องการจะมีชีวิตอยู่” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“ถ้าเจ้ายินดีจะช่วยข้า อีกสองสามวันเจ้าต้องเตรียมให้พร้อม ข้าไม่เคยมีลูกศิษย์มาก่อน ดังนั้นข้าคาดหวังว่าเจ้าจะไม่ได้เป็นเพียงแค่ลูกศิษย์คนแรกของข้า แต่เป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายด้วย พวกเราจะต้องจัดพิธีการที่ใหญ่โต ข้าต้องการให้ทั้งจักรวาลได้รู้ว่าเจ้าเป็นลูกศิษย์ของข้า จริงด้วย เจ้ามีชื่อว่าอะไร? ถ้าเจ้าไม่มีชื่อ ข้าจะมอบชื่อให้กับเจ้า เจ้ายังจะได้ชื่อสกุลของข้าอีกด้วย…”
“โฮลี่เบบี้” หานเซิ่นรีบพูด เขาไม่ต้องการชื่อสกุลของราชาไป๋
โฮลี่เบบี้นั้นเป็นชื่อที่หานเซิ่นมอบให้กับเด็กในชุดคลุมสีแดง ถ้าเขายังคงใช้ตัวตนของเด็กคนนั้น หานเซิ่นก็คิดว่าควรจะใช้ชื่อที่เขาตั้งให้กับเด็กคนนั้น
“โฮลี่เบบี้ นั่นเป็นชื่อที่ดี” ราชาไป๋พูดขณะที่หลี่ตาของเขา
“จากนี้เป็นต้นไปโฮลี่เบบี้คือลูกศิษย์ของราชาไป๋ เจ้าเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเขา”
ตอนที่ 2806
ราชาไป๋รับซีโน่เจเนอิคที่เป็นคนนอกมาเป็นลูกศิษย์ ข่าวนั้นแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งจักรวาลอย่างรวดเร็ว ทุกคนรู้สึกตกใจกับข่าวนั้น คนธรรมดาส่วนใหญ่คิดว่าราชาไป๋เป็นบ้าไปแล้ว มีเพียงแค่บุคคลที่น่ากลัวเท่านั้นที่เข้าใจว่าราชาไป๋พยายามจะทำอะไร
แต่ซีโน่เจเนอิคคนนั้นไม่ได้มีประวัติหรือชื่อเสียงที่เลื่องลืออะไร ผู้คนรู้แค่ว่าซีโน่เจเนอิคนั่นเป็นเด็กอายุราวๆห้าถึงหกขวบที่ชื่อโฮลี่เบบี้เท่านั้น นอกจากเรื่องนั้นแล้วก็ไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับเขา ไม่มีใครรู้ว่าซีโน่เจเนอิคนั้นเป็นเผ่าพันธุ์อะไร และไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากที่ไหนกันแน่
ยอดฝีมือมากมายได้รับคำเชิญจากราชาไป๋ให้มาร่วมพิธีการของเขา ผู้คนที่เดินทางมานั้นอยากจะรู้เกี่ยวกับซีโน่เจเนอิคที่ชื่อโฮลี่เบบี้ให้มากที่สุด แต่พวกเขาไม่สามารถระบุถึงระดับของซีโน่เจเนอิคคนนั้นได้ ซึ่งทำให้พวกเขาตกใจยิ่งกว่าเดิม
หานเซิ่นคิดว่าที่ราชาไป๋รับเขาเป็นลูกศิษย์ก็เพื่อจะกักตัวเขาเอาไว้ในเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงและเอาสเปชการ์เด้นไปครอบครอง
แต่หลังจากที่พิธีการจบลง ราชาไป๋ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องของสเปชการ์เด้นอีก และราชาไป๋ก็ไม่ได้หยุดหานเซิ่นจากการไปที่ไหนก็ตาม ถึงแม้เขาต้องการจะออกจากดินแดนของเอ็กซ์ตรีมคิง ราชาไป๋ก็ไม่คิดจะหยุดเขาเอาไว้
ขณะที่อยู่ไม่ไกลไปจากประตูทางออกของเอ็กซ์ตรีมคิง หานเซิ่นกำลังคิดกับตัวเองว่าควรจะจากไปดีหรือไม่ แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นมิสเตอร์ไวท์บินเข้ามา “มิสเตอร์ไวท์”
“เอ็กซ์ตรีมคิงไม่ใช่สถานที่ที่เลวร้าย” มิสเตอร์ไวท์พูด
“บางทีเจ้าควรจะอยู่ที่นี้ต่ออีกสักพัก”
“รู้ว่าข้าต้องการจะไปจากที่นี่อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นไม่รู้ว่ามิสเตอร์ไวท์รู้ว่าเขาเป็นใครหรือเปล่า
มิสเตอร์ไวท์ยิ้ม “ถ้าข้าไม่รู้ ข้าจะส่งเจ้าไปที่โถงแห่งกฎทำไม?”
“นี่รู้ว่าข้าเป็นใครตั้งแต่แรกแล้วอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นอึ้งไป ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกตัวว่ามิสเตอร์ไวท์จงใจส่งเขาไปที่โถงแห่งกฎ
“รู้ได้ยังไงว่าข้าจะรวมเข้ากับโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน
“ข้าไม่รู้” มิสเตอร์ไวท์พูดขณะที่ส่ายหัว
“ข้าเพียงแค่ทำการคาดเดาเท่านั้น กงล้อชะตากรรมจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ และมันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดเดาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่มันมักจะมีกฎที่ช่วยเจ้าหลีกเลี่ยงภัยอันตราย เท่าที่ข้าพอจะบอกได้ การไปที่นั่นจะทำให้เจ้าได้รับชีวิตมากขึ้น มันถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีกับเจ้า ดังนั้นข้าจึงคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะให้เจ้าลองเสี่ยงดู”
“มิสเตอร์ไวท์เป็นคนที่กล้าได้กล้าเสียจริงๆ ไม่คิดหรือว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าข้าไม่ได้รวมเข้ากับโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง” หานเซิ่นทั้งอยากจะหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน
มิสเตอร์ไวท์ยิ้มและพูด “ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าเจ้าไม่มีหนทางแก้ไขที่แน่นอน แบบนั้นการเลือกหนทางที่มีความเป็นไปได้สูงที่สุดคือสิ่งที่เจ้าควรจะทำ ถ้าเจ้าเกิดโชคร้ายและไปประสบเคราะห์กกรรม มันก็ถือเป็นชะตากรรมของเจ้า”
หานเซิ่นรู้ว่าที่มิสเตอร์ไวท์พูดนั้นสมเหตุสมผล แต่มันก็ยังเป็นอะไรที่น่ากลัวอยู่ดี
“โชคดีที่การคาดเดานั้นไม่เลว นี่การให้ข้าอยู่ในเอ็กซ์ตรีมคิงต่อเป็นส่วนหนึ่งของการคาดเดาอย่างนั้นหรอ?”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นจะต้องคาดเดา” มิสเตอร์ไวท์พูด
“ราชาไป๋ยอบรับเจ้าเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเขา ตอนนี้ทุกสิ่งมีชีวิตในจักรวาลนั้นกำลังจับตามองเจ้า พวกเขาอยากจะรู้ว่าทำไมราชาไป๋ถึงต้องการจะรับเจ้าเป็นลูกศิษย์ มันไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าในเอ็กซ์ตรีมคิง เรื่องนั่นเป็นสิ่งที่มั่นใจได้ แต่ถ้าเจ้าออกไปจากเอ็กซ์ตรีมคิง ข้าเชื่อว่าผู้คนมากมายต้องการจะลักพาตัวเจ้าไปทำการวิจัยที่ชั่วร้าย”
“ราชาไป๋นี่เป็นจอมบงการจริงๆ นี่เขารับข้าเป็นลูกศิษย์ก็เพื่อทำให้ข้าไปจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงไม่ได้อย่างนั้นหรอ” ในที่สุดหานเซิ่นก็เข้าใจ
“เจ้าประเมินราชาไป๋ต่ำเกินไป” มิสเตอร์ไวท์พูด
“ถ้านั่นเป็นแค่เล่ห์เหลี่ยมเพียงอย่างเดียวของเขา เขาก็คงจะไม่เป็นคนที่ปกครองเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงและเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงก็คงจะไม่เป็นอย่างทุกวันนี้ เขาจะต้องมีแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่าที่แม้แต่ข้าและเจ้าไม่อาจจะรู้ได้”
“จากที่บอกมา ข้าควรจะอยู่ที่นี่ต่อไปอย่างนั้นใช่ไหม” หานเซิ่นพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ใช่ ข้าคิดว่าเจ้าควรอยู่ที่นี่และดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป” มิสเตอร์ไวท์ไม่มีหนทางที่ดีกว่านั้น
หานเซิ่นครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอยู่สักพัก และเขาก็เชื่อว่าที่มิสเตอร์ไวท์พูดน่าจะถูกต้อง ถ้าราชาไป๋ไม่ได้มีแผนการจะทำอะไรที่ชั่วร้ายกับเขา การอยู่ที่เอ็กซ์ตรีมคิงต่อไปก็ถือเป็นความคิดที่ดี
“ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยได้ไหม นี่ร่างกายของเจ้ากลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง?” มิสเตอร์ไวท์ถามเกี่ยวกับปัญหาของหานเซิ่น
หานเซิ่นก็อยากจะถามมิสเตอร์ไวท์ถึงเรื่องนั้นเช่นกัน เขาอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่เขาวิวัฒนาการไปสู่ขั้นทรานส์มิวเทชั่นให้มิสเตอร์ไวท์ฟัง
หลังจากที่มิสเตอร์ไวท์ฟังเรื่องราวของหานเซิ่นและคิดเกี่ยวกับมันอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นว่า
“ถ้าเจ้าฝึกวิชาจีโนสี่วิชาถึงระดับเทพเจ้า นั่นก็เป็นบางสิ่งที่สุดยอดมากๆ ถ้าข้าคาดเดาได้ถูกต้อง การวิวัฒนาการของเจ้าไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกอย่างปกติดี”
“ถ้ามันปกติ ทำไมข้าถึงใช้พลังไม่ได้?” หานเซิ่นถาม
“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมระดับเทพเจ้าถึงได้ถูกแบ่งเป็นขั้นพริมิทีฟ ขั้นทรานส์มิวเทชั่น ขั้นลาร์วา ขั้นบัตเตอร์ฟลายและขั้นทรูก็อตน่ะ?” มิสเตอร์ไวท์ถามด้วยรอยยิ้ม
“ข้าไม่รู้” หานเซิ่นพูดพร้อมกับส่ายหัว
“จริงๆแล้วกระบวนทั้งหมดนี่คือการกำเนิดของขั้นทรูก็อต”
มิสเตอร์ไวท์พูด “ลูกของขั้นทรูก็อตจะกำเนิดในตอนที่พวกเขากลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลาย ก่อนหน้านั้นพวกเขาเป็นบางสิ่งที่เหมือนกับตัวอ่อน ร่างกายของพวกเขาจะยังไม่ถูกพัฒนาขึ้น ดังนั้นพวกเขาจะยังใช้พลังของตัวเองไม่ได้”
“ในจักรวาลนี้เป็นอะไรที่ยากมากๆที่คนๆหนึ่งจะกำเนิดเป็นขั้นทรูก็อต โดยส่วนใหญ่แล้วผู้คนจำเป็นต้องฝึกฝนตัวเองเพื่อไปให้ถึงขั้นนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าเป็นเหมือนกับกระบวนการถือกำเนิดของขั้นทรูก็อต ถ้าข้าคาดเดาได้ถูกต้อง ในตอนที่เจ้ากลายเป็นระดับเทพเจ้า ยีนทั้งสี่ของเจ้ารวมเป็นหนึ่งและสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับร่างกายของเจ้า มันทำให้เกิดกระบวนการที่คล้ายคลึงกับการกำเนิดของขั้นทรูก็อต ในตอนที่เจ้ากลายเป็นขั้นทรานส์มิวเทชั่น มันก็หมายความว่าเจ้าเป็นตัวอ่อนที่กำลังเจริญเติบโต บางทีในตอนที่เจ้าถึงขั้นลาร์วาหรือขั้นบัตเตอร์ฟลาย ร่างกายของเจ้าจะพัฒนาขึ้นกว่านี้และเจ้าอาจจะกลับมาใช้พลังได้”
มิสเตอร์ไวท์หยุดไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพูดต่อไปว่า
“นั่นไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ต้นกำเนิดยีนของมนุษย์นั้นมาจากคริสตัลไลเซอร์ รากฐานของพวกเราจึงไม่ได้ดีมากนัก เจ้าประสบกับการเจริญเติบโตครั้งที่สอง และทำให้ยีนของเจ้าใกล้เคียงกับการกำเนิดของขั้นทรูก็อต ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆสำหรับเจ้า”
“หวังว่ามันจะเป็นอย่างที่พูด” หานเซิ่นตอบ หลังจากที่ได้ฟังความเห็นของมิสเตอร์ไวท์ เขาก็รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม
มิสเตอร์ไวท์และหานเซิ่นแลกเปลี่ยนข้อมูลกันต่ออีกสักพัก หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ตัดสินใจจะอยู่ในเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงต่อไป
‘ตอนนี้เมื่อเรากลายเป็นลูกศิษย์ของเขาแล้ว ราชาไป๋พูดไม่ใช่หรือว่าเขาจะมอบอะไรก็ตามที่เราต้องการ? เราควรไปขอยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ากับเขา บางทีถ้าเรามีมันมากพอ เราก็อาจจะกลายเป็นขั้นลาร์วาได้อย่างรวดเร็ว และมันจะดีที่สุดถ้าเรากลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลาย’ หลังจากที่หานเซิ่นคิดได้แบบนั้น เขาก็กลับไปที่พระราชวัง
พระราชวังของราชาไป๋เป็นสถานที่ที่แม้แต่องค์ชายและองค์หญิงก็ไม่สามารถเข้าไปได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาต แต่ราชาไป๋อนุญาตให้หานเซิ่นเข้าออกพระราชวังได้ตามใจชอบ เรื่องนี้ทำให้เหล่าภรรยาและลูกของราชาไป๋ไม่พอใจอย่างมาก แต่แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าพูดอะไรเกี่ยวกับมัน
ผู้คนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับหานเซิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาอยากรู้ว่าเด็กคนนี้พิเศษยังไง ถึงทำให้ราชาไป๋เอาอกเอาใจเขาแบบนั้น เพราะยังไงซะเรื่องแบบนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในตอนที่หานเซิ่นไปเข้าในห้องทรงอักษรของราชาไป๋ เขาก็เห็นไป๋ว่านเจี้ยอยู่ที่นั่นด้วย
“โฮลี่เบบี้ เจ้าเข้ามานี่และนั่งลง” ราชาไป๋พูดอย่างอ่อนโยน
แม้แต่ไป๋ว่านเจี้ยที่เป็นองค์รัชทายาทก็ยังต้องยืน แต่ทว่าหานเซิ่นถูกบอกให้นั่งลง
หานเซิ่นพูดขึ้นว่า “ราชาไป๋ ข้าจะขออะไรก็ได้ใช่ไหม? ตอนนี้ข้าต้องการยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า ข้าต้องการสักสามร้อยถึงสี่ร้อยยีน”
หานเซิ่นไม่คิดว่าราชาไป๋จะมอบให้เขามากขนาดนั้น แต่ถ้าเขาขอไปมากๆ อย่างน้อยก็หมายความว่าเขาจะได้รับมันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“ได้แน่นอน” ราชาไป๋ตอบตกลงในทันที หลังจากนั้นเขาก็หันไปหาไป๋ว่านเจี้ยและพูด
“ว่านเจี้ย เจ้าพาโฮลี่เบบี้ไปที่ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปที่นั่นจะเป็นของโฮลี่เบบี้”
ในตอนที่ไป๋ว่านเจี้ยได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะเปลี่ยนกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แต่หานเซิ่นก็สัมผัสได้ว่าไป๋ว่านเจี้ยนั้นไม่พอใจอย่างมาก
ตอนที่ 2807
หานเซิ่นตามไป๋ว่านเจี้ยออกจากพระราชวังไป ราชาไป๋สั่งให้ไป๋ว่านเจี้ยพาเขาไปที่ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ แต่ราชาไป๋ไม่ได้อธิบายให้เขาฟังว่าปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ที่ว่าคืออะไร ขณะที่เขาเดินตามไป๋ว่านเจี้ยไป หานเซิ่นจึงถามขึ้นว่า
“องค์ชาย ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์คืออะไรอย่างนั้นหรอ?”
“ข้าไม่รู้” ไป๋ว่านเจี้ยตอบอย่างเย็นชา
หานเซิ่นประหลาดใจที่เห็นไป๋ว่านเจี้ยแสดงอารมณ์ออกมาแบบนั้น โดยปกติแล้วถึงมันจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจ ไป๋ว่านเจี้ยก็จะไม่แสดงมันออกมาบนใบหน้า แถมเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ราชาไป๋สั่งให้เขาทำ ดังนั้นถึงเขาไม่อยากจะทำสิ่งที่ถูกสั่ง แต่เขาก็ไม่ควรจะแสดงมันออกมาให้หานเซิ่นได้เห็น
ในตอนนี้ไป๋ว่านเจี้ยแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาอย่างเห็นได้ชัด นั่นหมายความว่าเรื่องนี้ต้องทำให้เขาไม่พอใจมากๆ ถึงขนาดที่เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้
หานเซิ่นเดินไปและคิดไปว่าปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์คือที่แบบไหนกันแน่ ถึงได้ทำให้ไป๋ว่านเจี้ยแสดงอาการแบบนั้นออกมา
ไป๋ว่านเจี้ยดูเย็นชาตลอดการเดินทาง มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่ากลัว หานเซิ่นไม่ได้พยายามจะยั่วยุไป๋ว่านเจี้ยไปมากกว่านั้น เขาแค่ตามไป๋ว่านเจี้ยไปเงียบๆจนไปถึงปราสาทที่ว่า
ปราสาทนั่นทำขึ้นจากโลหะสีม่วง หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันเป็นโลหะแบบไหนกันแน่ สิ่งที่แปลกเกี่ยวกับปราสาทคือเรื่องที่มันไม่มีหน้าต่างอยู่เลย
ปราสาทโลหะสีม่วงดูเหมือนจะมีความยาวหนึ่งพันไมล์ แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับไม่มีหน้าต่างเลยสักบาน และมันก็มีทางเข้าเพียงแค่ทางเดียว ประตูของปราสาทนั้นใหญ่โตราวกับภูเขาลูกหนึ่ง เหนือประตูไปนั้นมีป้ายที่อ่านได้ว่า “ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์”
ไป๋ว่านเจี้ยมองไปที่ประตูของปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ด้วยไปหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจ
“ถึงแล้ว” ไป๋ว่านเจี้ยพูดและจากไปในทันที เขาไม่ได้พูดอะไรกับหานเซิ่นไปมากกว่านั้น
“ไป๋ว่านเจี้ยโกรธมากๆ ดูเหมือนว่าปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์นี้จะเต็มไปด้วยของดี เนื่องจากราชาไป๋บอกเราว่าเขาจะมอบยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าให้กับเรา ที่นี่คือโกดังเก็บยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าใช่ไหม?”
หานเซิ่นรู้สึกตื่นเต้น ถ้ามันมีผลประโยชน์ให้เขาเอาไปจากเอ็กซ์ตรีมคิง หานเซิ่นก็จะไม่เกรงใจ
ปราสาทที่ใหญ่โตนั้นไม่ได้มียามเฝ้า ดังนั้นหานเซิ่นจึงนำเอากุญแจโลหะสีม่วงที่ราชาไป๋มอบให้กับเขาออกมา
หลังจากที่หานเซิ่นบิดกุญแจ ประตูโลหะขนาดยักษ์นั่นไม่เปิดออก แต่เขาเห็นรูปปั้นซีโน่เจเนอิคที่ติดอยู่กับประตูเริ่มจะเรืองแสงออกมา ดวงตาของมันส่องแสงออกไปที่หานเซิ่นและดูดเขาเข้าไปข้างใน
มันเป็นเหมือนกับเครื่องเทเลพอร์ตอย่างหนึ่ง ในตอนที่วิสัยทัศน์ของหานเซิ่นกลับมาอีกครั้ง เขาก็มาอยู่ในปราสาทเรียบร้อยแล้ว
เขาเห็นห้องโถงครึ่งวงกลมตรงหน้า ทั้งสองข้างของลานกว้างนั้นมีรูปปั้นซีโน่เจเนอิคเรียงรายกันอยู่เป็นจำนวนมาก พวกมันทำขึ้นมาจากโลหะเช่นกัน และขนาดของพวกมันแต่ละตัวก็แตกต่างกันออกไป บางตัวสูงสามร้อยฟุต ขณะที่บางตัวมีขนาดเล็กเหมือนกับลูกบอล
บนกำแพงของห้องโถงมีประตูขนาดใหญ่เก้าบานอยู่ แต่ละประตูนั้นมีตัวอักษรบางอย่างเขียนเอาไว้ แต่พวกมันไม่ได้เป็นภาษาสากลของจักรวาลจีโน ดังนั้นหานเซิ่นไม่สามารถอ่านพวกมันได้
“ไป๋ว่านเจี้ยไม่ได้บอกอะไรกับเรา เพราะเขาไม่รู้ว่าอะไรที่อยู่เบื้องหลังประตูทั้งเก้านี้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นลังเล เขาเลือกประตูบานหนึ่งและใส่กุญแจเข้าไปข้างใน
ครั้งนี้ประตูค่อยๆถูกดึงขึ้นไปด้านบน หานเซิ่นมองผ่านประตูไปและสังเกตว่ามันนำไปสู่อีกปราสาทหนึ่ง
‘ถ้าราชาไป๋ต้องการจะทำร้ายเรา เขาคงจะไม่ต้องลำบากทำอะไรแบบนี้ ที่นี่คงจะไม่มีอันตราย’ หานเซิ่นคิดและเริ่มเดินออกไปบนโถงทางเดินที่ยาวมากๆ
“นี่คือปราสาทที่อยู่ในปราสาท” ในตอนที่หานเซิ่นมองไปข้างหน้า เขาก็เห็นว่ามันมีปราสาทหลายหลังเรียงต่อกันอยู่ ปราสาททุกหลังนั้นมีขนาดพอๆกับสนามบาส
หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าทุกปราสาทมีหมายเลขกำกับอยู่ ปราสาทแรกที่หานเซิ่นเห็นคือ0001 และหมายเลขของปราสาทต่อๆไปก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ
หานเซิ่นไม่สามารถบอกได้ว่ามันมีปราสาททั้งหมดกี่หลังภายในปราสาทนี่
“ดูเหมือนว่าเราจะคิดถูก ที่นี่คือโกดังของเอ็กซ์ตรีมคิง นี่ราชาไป๋ใจดีถึงขนาดมอบกุญแจโกดังของเอ็กซ์ตรีมคิงให้กับเราเลยอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่เขาไม่คิดว่านั่นจะเป็นไปได้
ขณะที่เขากำลังคิด เขายังคงเดินต่อไปข้างหน้าและเปิดประตูของปราสาทหมายเลข0001 เขาเห็นซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งที่ดูเหมือนกับวานรขนาดยักษ์ถูกล่ามเอาไว้
ในตอนที่วานรยักษ์เห็นหานเซิ่น มันก็ส่งเสียงร้องที่เกรี้ยวโกรธออกมา ขนสีดำของมันตั้งตรงและโซ่สสารสีดำลอยขึ้นจากตัวของมัน มันดูเหมือนกับปีศาจ
แต่วินาทีต่อมาโซ่สสารของวานรยักษ์ก็ถูกโจมตีโดยแสงแห่งเทพ ดูเหมือนว่าตัวปราสาทจะมีระบบป้องกันอยู่ ซึ่งไม่ว่าวานรยักษ์จะพยายามมากสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถหนีออกมาได้
“ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า… ที่นี่ไม่ได้เก็บยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าเอาไว้ จริงๆที่นี่เก็บซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่เอาไว้แทน ถ้าทุกปราสาทมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าถูกขังอยู่ภายใน นี่พวกเขามีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอยู่มากเท่าไหร่กัน?”
หานเซิ่นตกใจ เขาหัวเราะและพูดออกมา “ราชาไป๋! คิดจริงๆหรือว่าข้าต่อสู้ไม่ได้?”
หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรออกมาในทันที มันทำให้ร่างกายของเขาดูเหมือนกับเรดบลัดเดม่อน และเขายังเรียกเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูงกับธนูเทพงูหกคอร์ออกมาอีกด้วย
พลังของตัวเขาเองยังไม่สามารถใช้ได้ แต่เขามีวิญญาณอสูรระดับเทพเจ้าสามดวงที่จะทำให้เขาฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟได้อย่างง่ายดาย
วานรขนสีดำนั้นถูกขังเอาไว้ ดังนั้นมันไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ หานเซิ่นดึงสายของธนูเทพงูหกคอร์และยิงลูกธนูออกไปใส่หัวของวานรยักษ์
วานรยักษ์ยังคงถูกจับตัวและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ พลังของมันก็ถูกหยุดเอาไว้เช่นกัน ซึ่งทำให้ลูกธนูของหานเซิ่นพุ่งไปปักที่หัวของมันอย่างง่ายดาย
หัวของวานรยักษ์ถูกเจาะทะลวง และมันก็ส่งเสียงร้องอย่างบ้าคลั่งใส่หานเซิ่น กว่าที่จะฆ่ามันได้ต้องหานเซิ่นยิงธนูออกไปอีกหลายสิบดอก
“ซีเจเนอิควานรปีศาจระดับเทพเจ้าถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”
หานเซิ่นปิดระบบป้องกันของปราสาทและมองไปที่วานรยักษ์ด้วยความรู้สึกผิด
“ข้าฆ่ามันตายไป แต่มันมีขนาดใหญ่ ข้าจะกินมันได้ยังไง? มันคงจะเป็นอะไรที่ดีถ้าฟลาวเวอร์ก็อตอยู่ที่นี่และเปลี่ยนมันเป็นจีโนฟลูอิด”
“ช่างเถอะ ไปดูปราสาทอื่นดีกว่ามีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอยู่ภายในเหมือนกันหรือเปล่า” หานเซิ่นออกจากปราสาทและตรงไปที่ปราสาทหมายเลข0002
เขาเปิดประตูของปราสาทและเห็นซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งถูกล็อคเอาไว้ภายในเช่นเดียวกัน แต่มันไม่ใช่วานรปีศาจ มันเป็นซีโน่เจเนอิคที่เขามองไม่เห็นรูปร่างหน้าตา เพราะร่างกายของมันถูกห่อหุ้มด้วยชุดเกราะสีม่วง
ซีโน่เจเนอิคตัวนี้ไม่ได้ตะโกนใส่หานเซิ่นเหมือนกับที่วานรปีศาจทำ มันแค่มองมาที่หานเซิ่น ดวงตาของมันออกมาจากภายในชุดเกราะและปลดปล่อยแสงสีม่วงออกมา ดูเหมือนกับว่ามันสามารถมองทะลุปอดของหานเซิ่น
หานเซิ่นดึงสายธนูเทพงูหกคอร์และยิงลูกธนูออกไปใส่ซีโน่เจเนอิค ซีโน่เจเนอิคที่อยู่ที่นี่ถูกล่ามเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจะไม่ออมมือให้กับพวกมัน นี่เป็นอะไรที่ดียิ่งกว่าการได้รับยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า แบบนี้นอกจากได้ยีนซีโน่เจเนอิคแล้ว หานเซิ่นยังมีโอกาสที่จะได้รับวิญญาณอสูรด้วย
ในตอนที่ลูกธนูของหานเซิ่นถูกชุดเกราะของซีโน่เจเนอิค ลูกธนูแสงของหานเซิ่นไม่แม้แต่จะทิ้งรอยสีขาวเอาไว้ ลูกธนูแสงนั้นระเบิดในทันทีที่สัมผัสกับชุดเกราะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น