Super God Gene 2791-2802

ตอนที่ 2791

 

เมื่อหานเซิ่นไปถึงสถานที่ที่มีการต่อสู้เกิดขึ้น เขาก็เห็นฟลาวเวอร์ก็อตยี่สิบถึงสามสิบคนกำลังจู่โจมนักดาบคนหนึ่ง นักดาบคนนั้นสวมใส่ชุดสีเขียว เขายังดูสบายดี ถึงแม้เขาจะถูกล้อมอยู่ก็ตาม ไม่ว่าเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน พวกมันก็ไม่สามารถแตะต้องแม้แต่ชุดของชายคนนั้นได้ ขณะที่ทุกดาบที่เขาฟันออกไปนั้นสามารถสร้างความเสียหายกับเหล่าฟลาวเวอร์ก็อต


 


ถึงแม้พลังของเขาไม่เพียงพอที่จะฆ่าเหล่าฟลาวเวอร์ก็อต แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปชั่วขณะ


 


“ไผ่เดียวดายนี้แข็งแกร่งจริงๆ” หานเซิ่นแปลกใจ นักดาบที่เขาเห็นนั้นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นไผ่เดียวดาย


 


ถึงแม้ไผ่เดียวดายจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่มีพลังพอจะฆ่าเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตได้ เพราะยังไงซะพวกมันก็อยู่ภายใต้การควบคุมของพระเจ้า


 


หานเซิ่นนำเอาขนนกฟีนิกซ์ออกมาและรีบเข้าไปช่วย เขาแค่ต้องฟันหนึ่งครั้งต่อศัตรูหนึ่งคน ฟลาวเวอร์ก็อตที่ถูกขนนกฟีนิกซ์นั้นจะถูกแผดเผา พวกมันส่งเสียงกรีดร้องขณะที่กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น ไม่นานหลังจากนั้นดอกไม้บนหัวของพวกเขาก็ถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน และร่างกายของพวกเขาก็กลับคืนเป็นปกติ


 


“เจ้ามีวิชาดาบที่ทรงพลังมาก” ไผ่เดียวดายพูด “ชื่อของเจ้าคืออะไร?”


 


“ซานมู่” หานเซิ่นตอบ


 


ไผ่เดียวดายมองไปที่หานเซิ่นด้วยสีหน้าแปลกๆ


 


‘ไม่มีทางที่หมอนี่จะสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่าง’ หานเซิ่นคิดอย่างเป็นกังวล


 


ไผ่เดียวดายไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น ผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตและคนอื่นๆตามหานเซิ่นมาจนทัน พวกเขาหายใจหอบขณะที่ถามขึ้นว่า

“เจ้าเข้ามาทำอะไรในเมืองของพวกเรา?”


 


ไผ่เดียวดายยิ้ม “ข้าได้ยินจากหนึ่งในผู้อาวุโสว่าฟลาวเวอร์ก็อตนั้นควบคุมสเปชการ์เด้นด้วยการใช้เมล็ดพันธุ์หนึ่ง ข้ากำลังจะเข้าไปเอามันมา แต่น่าเสียดายที่สถานที่ที่เก็บเมล็ดพันธุ์นั่นเอาไว้ถูกยึดครองโดยซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัว แม้แต่ข้าก็เข้าไปไม่ได้”


 


“ซีโน่เจเนอิค? ซีโน่เจเนอิคอะไร?” ผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตแปลกใจ สถานที่เก็บเมล็ดพันธุ์ไม่ควรจะมีพืชซีโน่เจเนอิคอยู่รอบๆ ถึงแม้พืชชีโน่เจเนอิคของสเปชการ์เด้นทั้งหมดจะกลายพันธุ์ มันก็ไม่ควรจะมีพืชซีโน่เจเนอิคอะไรอยู่ในบริเวณนั้น


 


“ข้าไม่แน่ใจว่ามันเป็นซีโน่เจเนอิคแบบไหน แต่มันเป็นเด็กในชุดคลุมสีแดง เขาหัวโล้นและมีจุดแดงบนหัวของเขา”

ไผ่เดียวดายบรรยายเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของซีโน่เจเนอิคและพูดต่อไปว่า “พลังของซีโน่เจเนอิคนั่นเป็นอะไรที่แปลกประหลาด มันควบคุมพืชซีโน่เจเนอิคทั้งหมดที่อยู่รอบๆได้ ในตอนนี้สถานที่เก็บเมล็ดพันธุ์นั้นถูกยึดครองโดยพืชซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้านับสิบ ข้าไม่อาจจะฝ่าเข้าไปได้”


 


ในตอนที่ผู้นำฟลาวเวอร์ก็อตได้ยินสิ่งที่ไผ่เดียวดายบอก ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

“นี่หรือว่าเมล็ดพันธุ์ดอกไม้จะกลายพันธุ์เป็นซีโน่เจเนอิคไปด้วย? ถ้านั่นเป็นความจริงล่ะก็ มันก็เป็นอะไรที่เลวร้ายอย่างที่สุด”


 


“เมล็ดพันธุ์ดอกไม้ที่ว่านั่นคืออะไรกัน?” เซี่ยชิงถามขึ้นมา


 


ผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะปิดบังความจริงต่อไป

“จากบันทึกของพวกเรา ในตอนที่สปอร์ของเห็ดหลินจือปลิวมาบนศพของพระเจ้า มันดูดซับพลังของศพของพระเจ้าและกลายเป็นสเปชการ์เด้นเหมือนอย่างทุกวันนี้ ในความจริงแล้วสเปชการ์เด้นก็คือซีโน่เจเนอิคเห็ดหลินจือขนาดยักษ์ เมล็ดพันธุ์ดอกไม้นั่นมาพร้อมกับสปอร์ของเห็ดหลินจือ แต่ว่ามันไม่เจริญเติบโต ถึงอย่างนั้นดูเหมือนว่าเมล็ดพันธุ์ดอกไม้นั่นจะมีความสัมพันธ์ประหลาดกับเห็ดหลินจือ ถ้าเจ้าได้เมล็ดพันธุ์นั้นมา เห็ดหลินจือก็จะเชื่อฟังคำสั่งของเจ้า ถ้าเมล็ดพันธุ์ดอกไม้นั้นกลายพันธุ์ขึ้นมา แบบนั้นพวกเราก็จะควบคุมซีโน่เจเนอิคเห็ดหลินจือไม่ได้อีกต่อไป”


 


“ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเราควรจะไปตรวจดูก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

หานเซิ่นไม่ได้กังวลอะไรมากนัก ถึงแม้เมล็ดพันธุ์ดอกไม้จะกลายเป็นซีโน่เจเนอิคจริงๆ มันก็ยังมีโอกาสที่เขาจะได้ครอบครองมัน


 


ผู้นำของฟลาวเวอร์ก็อตดูกังวลขณะที่เขานำทางไปข้างหน้า ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เห็นเหล่าพืชซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่ไผ่เดียวดายพูดถึง พืชซีโน่เจเนอิคนั้นเป็นเถาวัลย์ดอกไม้ที่ดูเหมือนกับมังกรจีน ส่วนอีกพืชซีโน่เจเนอิคนั้นเป็นดอกไม้ที่ดูเหมือนกับผีเสื้อยักษ์ และมันยังมีต้นดอกไม้ขนาดยักษ์ที่มีผู้หญิงมากมายอยู่ด้านบน ส่วนด้านล่างของมันเหมือนกับงูกำลังเลื้อยไปมา


 


บริเวณนี้เป็นเหมือนกับสรวงสวรรค์ของสัตว์ประหลาด มันมีพืชซีโน่เจเนอิคที่แปลกประหลาดมากมายมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ และพวกมันก็ดูน่ากลัวมากๆ


 


บนหอคอยเถาวัลย์มีซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งอยู่ มันคือเด็กในชุดคลุมสีแดง ดวงตาของมันเบิกกว้าง ขณะที่มันมองมาที่หานเซิ่นและคนอื่นๆ


 


ในตอนที่ผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตเห็นเด็กในชุดคลุมสีแดง ใบหน้าของเขาก็ซีดไป

“เป็นไปไม่ได้ มันคือเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ที่กลายพันธุ์ ออร่าของมันเหมือนกับเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ไม่มีผิด แต่มันแค่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้น”


“อ้า! อ้า!”


หานเซิ่นอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเด็กในชุดคลุมสีแดงก็ส่งเสียงร้องออกมา ขณะที่ชี้มาที่หานเซิ่นราวกับคนบ้า


 


ไม่มีใครบอกได้ว่ามันหมายความว่าอะไร แต่พวกเขาเห็นพืชซีโน่เจเนอิคที่มีดอกไม้ผีเสื้ออยู่บนต้นมากมาย ในตอนที่พวกมันเริ่มเคลื่อนไหว ดอกไม้ผีเสื้อนับล้านก็กลายเป็นผีเสื้อจริงๆ และพวกมันก็ถาโถมเข้ามาหาพวกเขาราวกับคลื่น


 


“โอ้ ไม่นะ! ทุกคนถอยกลับไป!” ไผ่เดียวดายตะโกน

“รัศมีการโจมตีของต้นไม้ผีเสื้อระดับเทพเจ้านี้กว้างเกินไป ข้ากลัวว่านี่จะไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะรับมือได้”


 


“ไม่เป็นอะไร” หานเซิ่นพูดพร้อมกับปลดปล่อยอาณาเขตตงเสวียนออกมา เขาสามารถควบคุมฟันเฟืองจักรวาลทั้งหมดที่อยู่ภายในอาณาเขตได้ ทันทีที่เขาใช้มัน ผีเสื้อทั้งหมดที่บินอยู่บนท้องฟ้าใกล้ๆกับเขาก็แข็งทื่อไป พวกมันเป็นเหมือนกับดวงดาวที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้


 


“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไปตรวจดูเด็กชุดคลุมสีแดงคนนั้น”

หานเซิ่นพูดและเดินตรงออกไปในทิศทางของหอคอยเถาวัลย์


 


ต้นไม้ผีเสื้อไม่สามารถทำอะไรได้ และเด็กในชุดคลุมสีแดงก็ทำเสียง “อ้า” อยู่เรื่อยๆ หานเซิ่นเห็นพืชซีโน่เจเนอิคที่อยู่รอบๆหอคอยเถาวัลย์เริ่มจะเรืองแสงแห่งเทพ พลังหลากหลายอย่างถูกปล่อยออกมาใส่เขา


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้สนใจอะไรพวกมัน เขายังคงเดินตรงเข้าไปหาเด็กในชุดคลุมสีแดง


 


สกายแรดิชเพิ่งจะระเบิดตัวเองไป ยีนของมันกระจัดกระจายไปทั่วสเปชการ์เด้น และทำให้พืชซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์


 


เหตุการณ์นั้นเพิ่งจะผ่านมาไม่นาน ดังนั้นพืชซีโน่เจเนอิคส่วนใหญ่จึงยังอยู่ระหว่างการกลายพันธุ์ พวกมันจำเป็นต้องใช้เวลาในการย่อยยีนของสกายไวน์แรดิส ดังนั้นระดับของพวกมันจึงยังไม่สูงจนเกินไป พืชซีโน่เจเนอิคที่กลายเป็นระดับเทพเจ้านั้นจึงเป็นแค่ขั้นพริมิทีฟเท่านั้น


 


หานเซิ่นใช้อาณาเขตตงเสวียนอย่างเต็มกำลังเพื่อหยุดพลังของศัตรูทั้งหมด พืชซีโน่เจเนอิคที่เข้ามาใกล้กับเขาจะสูญเสียพลังของพวกมันไป


 


ทุกคนเห็นหานเซิ่นเดินผ่านพืชซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัวไปอย่างง่ายดาย พลังของพวกมันถูกหยุดเอาไว้โดยที่เขาไม่แม้แต่จะต้องกระดิกนิ้ว


 


“คนๆนี้… คนๆนี้เป็นใครกัน…” ผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตตกตะลึง ไม่มีใครเชื่อว่าหานเซิ่นเป็นเพียงแค่บอดี้การ์ดของเซี่ยชิง


 


ระดับเทพเจ้าขั้นพริมีทีฟคนหนึ่งใช้พลังของเขาเพื่อสยบซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัวมากมายตามลำพัง นั่นไม่ใช่บางสิ่งที่แม้แต่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงหรือเวรี่ไฮจะทำได้


 


“มันไม่สำคัญว่าเขาเป็นใคร ทั้งหมดที่พวกเจ้าจำเป็นต้องรู้ก็คือเรื่องที่เขาเป็นฝ่ายเดียวกับพวกเรา” เซี่ยชิงพูด ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟ พลังที่หานเซิ่นแสดงออกมานั้นทำให้เขาอยากจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าด้วยเช่นกัน


 


เด็กในชุดคลุมสีแดงเห็นหานเซิ่นเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และพืชซีโน่เจเนอิคของเขาทั้งหมดนั้นไร้ประโยชน์ต่อหน้าศัตรูคนนี้ เขาจ้องมองไปที่หานเซิ่นอย่างรำคาญ และร่างกายของเขาก็เริ่มจะมีแสงสีแดงส่องสว่างขึ้นมา

 

 

 


ตอนที่ 2792

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่าเด็กในชุดคลุมสีแดงนั้นเป็นใคร เขาเห็นร่างกายของเด็กคนนั้นกระพริบแสงสีแดงเหมือนกับไซเรนรถตำรวจ เขาหยุดเดินไปข้างหน้าและจ้องมองไปที่เด็กในชุดคลุมสีแดง เขาอยากจะเห็นว่าเด็กคนนั้นมีพลังแบบไหนกันแน่


 


มันต้องเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดาถึงสามารถควบคุมเหล่าพืชซีโน่เจเนอิคได้ สเปชการ์เด้นนั้นไม่ได้เต็มไปด้วยพืชซีโน่เจเนอิคระดับสูง แต่ถึงอย่างนั้นพืชซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟทั้งหมดต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่


 


หลังจากที่มองไปที่หานเซิ่น จู่ๆเด็กในชุดคลุมสีแดงก็ยิ้มออกมาอย่างแปลกๆ หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เห็นพืชซีโน่เจเนอิคทั้งหมดที่อยู่รอบๆเริ่มรวบรวมพลังของพวกมัน แต่พวกมันไม่ได้เข้ามาหาหานเซิ่น พวกมันเข้าไปหาเด็กในชุดคลุมสีแดงแทน


 


มันมีต้นไม้ต้นหนึ่งที่เต็มไปด้วยดาบเก่า ดาบเก่าทั้งหมดกลายเป็นดาบแสงที่น่ากลัวและถูกปล่อยออกไปใส่เด็กในชุดคลุมสีแดงราวกับสายฝน ดอกไม้เถาวัลย์ที่ดูเหมือนกับแม่มดก็ฟาดใส่เด็กในชุดคลุมสีแดงเช่นกัน พลังที่น่ากลัวต่างๆถูกปลดปล่อยออกมา ซึ่งพวกมันทั้งหมดจู่โจมไปที่เด็กในชุดคลุมสีแดงอย่างไม่มีการออมมือ


 


“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมพืชซีโน่เจเนอิคถึงได้โจมตีเขา”

หานเซิ่นไม่ใช่คนเดียวที่สับสนกับเรื่องนี้ เซี่ยชิงและคนอื่นๆเองก็เช่นกัน


 


มันยากที่จะเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และทำไมจู่ๆพืชซีโน่เจเนอิคถึงได้โจมตีเด็กในชุดคลุมสีแดง


 


หานเซิ่นขมวดคิ้วและมองไปที่เด็กในชุดคลุมสีแดง เด็กในชุดคลุมสีแดงมองกลับมาที่หานเซิ่น เขามีรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้า เขาดูไม่เหมือนกับคนที่กำลังตกอยู่ภายใต้การโจมตีของพืชซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัว


 


แต่ในจังหวะที่เด็กในชุดคลุมสีแดงกำลังจะถูกพลังของเหล่าพืชซีโน่เจเนอิค ร่างกายของเขาก็ระเบิดด้วยแสงสีแดง และในจังหวะต่อมามีบางสิ่งที่แปลกมากๆเกิดขึ้น หานเซิ่นรู้สึกว่าตัวเองถูกพลังบางอย่างเข้า เขาไม่มีเวลาที่จะตอบสนองได้ทัน หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็ถูกเทเลพอร์ตไป เขาไปปรากฏตัวในจุดที่เด็กในชุดคลุมสีแดงเคยอยู่และเด็กในชุดคลุมสีแดงก็ไปอยู่ในตำแหน่งที่หานเซิ่นเคยยืนอยู่ มันเหมือนกับว่าพวกเขาทั้งคู่สลับที่กัน


 


การสลับที่กันนั้นไม่เป็นไร แต่ตอนนี้หานเซิ่นถูกล้อมด้วยพลังที่น่ากลัวมากมาย และพลังเหล่านั้นก็ใกล้จะมาถึงตัวเขาแล้ว มันจึงสายเกินไปแล้วที่เขาจะใช้อาณาเขตตงเสวียนได้ทันเวลา


 


ตูม!


“โอ้ ไม่นะ…” ใบหน้าของผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตและคนอื่นๆเปลี่ยนไป ไม่มีใครคาดคิดว่าเด็กในชุดคลุมสีแดงจะมีพลังแบบนั้น มันสามารถสลับที่กับศัตรูได้ตามต้องการ หานเซิ่นไม่มีเวลาที่จะหนีได้ทัน


 


การถูกโจมตีด้วยพลังที่น่ากลัวมากขนาดนั้นพร้อมๆกัน แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่นก็ยากจะรอดไปได้


 


“ไม่ต้องกังวล เขาไม่ใช่คนที่จะถูกตายได้ง่ายๆ” เซี่ยชิงไม่ได้กังวลเลยแม้แต่นิดเดียว


 


เด็กในชุดคลุมสีแดงยิ้มอย่างพอใจในตัวเอง ในตอนที่แรงระเบิดเริ่มจะหายไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กในชุดคลุมสีแดงก็หายไป หานเซิ่นนั้นเดินออกมาจากการระเบิดด้วยชุดเกราะที่สะอาดเหมือนของใหม่ มันกำลังลุกโชติช่วงด้วยเพลิงฟีนิกซ์สีขาว ดูเหมือนเขาจะไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว


 


“เจ้าน่ะอ่อนแอมากๆ” หานเซิ่นพูดขณะที่หลี่ตามองไปยังเด็กในชุดคลุมสีแดง ก่อนที่เด็กในชุดคลุมสีแดงจะตอบ ร่างกายของหานเซิ่นก็แว็บราวกับลูกสายฟ้า เขาเทเลพอร์ตไปตรงหน้าเด็กในชุดคลุมสีแดง หานเซิ่นจับที่คอเสื้อของเด็กในชุดคลุมสีแดงและยกเขาขึ้น


 


เด็กในชุดคลุมสีแดงเริ่มจะส่งเสียงร้องและแกว่งแขนขาไปมาเพื่อจะหนีจากการจับกุมของหานเซิ่น แสงสีแดงบนร่างกายของเขาระเบิดออกอีกครั้ง ทันใดนั้นเด็กในชุดคลุมสีแดงก็สลับตำแหน่งกับหานเซิ่น


 


เด็กในชุดคลุมสีแดงดูอวดดีขึ้นมา เขาออกแรงที่มือและคิดจะโยนหานเซิ่นไปหากลุ่มของพืชซีโน่เจเนอิค


 


แต่ก่อนที่เขาจะมีโอกาส หานเซิ่นก็เอื้อมมือมาจับและโยนเด็กในชุดคลุมลงกับพื้น หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ตีไปที่ก้นของเด็กในชุดคลุมสีแดง


 


เด็กในชุดคลุมสีแดงเริ่มมีดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา และแสงสีแดงก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขาอีกครั้ง


 


แต่ครั้งนี้มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น อาณาเขตตงเสวียนของหานเซิ่นได้หยุดฟันเฟืองจักรวาลที่มีผลในการสลับที่ไปเรียบร้อยแล้ว แสงสีแดงจึงแค่แว็บขึ้นมาจากร่างกายของเด็กในชุดคลุมสีแดง ก่อนที่จะจางหายไป


 


หลังจากการถูกสลับที่สองครั้ง หานเซิ่นก็รู้ถึงวิธีการต่อสู้ของเด็กในชุดคลุมสีแดง พลังของเขานั้นด้อยกว่าหานเซิ่นมากเมื่อเทียบกันแล้ว ดังนั้นอาณาเขตตงเสวียนของหานเซิ่นจึงทำให้พลังประหลาดของเขาใช้งานไม่ได้


 


หานเซิ่นใช้มือตบใส่ก้นของเด็กในชุดคลุมสีแดงหลายครั้ง และเด็กในชุดคลุมสีแดงก็ร้องไห้ออกมา


 


เด็กในชุดคลุมสีแดงแค่มีพลังในการควบคุมพืชซีโน่เจเนอิคและสลับตำแหน่งเท่านั้น ร่างกายของเขาไม่ได้แข็งแกร่งอะไร และเขาก็ไม่สามารถตอบโต้อะไรหานเซิ่นได้


 


หานเซิ่นไม่ได้ลงมือฆ่าเด็กในชุดคลุมสีแดงเผื่อในกรณีที่เขาเป็นเมล็ดพันธุ์ดอกไม้เหมือนอย่างที่ผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตพูดถึง บางทีหานเซิ่นอาจจะจำเป็นต้องใช้เด็กคนนี้เพื่อควบคุมสเปชการ์เด้น หานเซิ่นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเด็กคนนี้ถูกฆ่าตายไป


 


แถมหานเซิ่นยังรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับพลังของเด็กในชุดคลุมสีแดง เขาคิดว่าพลังของเด็กในชุดคลุมสีแดงเป็นธาตุอวกาศ และนั่นคือเหตุผลที่เขาสลับตำแหน่งกับคนอื่นได้ ในครั้งที่สองที่เด็กในชุดคลุมสีแดงใช้พลังนั้น หานเซิ่นหยุดฟันเฟืองจักรวาลธาตุอวกาศรอบตัว แต่ถึงอย่างนั้นเด็กในชุดคลุมสีแดงก็ยังสามารถสลับที่กับเขาได้


 


ถึงแม้หานเซิ่นจะเห็นฟันเฟืองจักรวาลที่เด็กในชุดคลุมสีแดงใช้ เขาก็ไม่รู้ว่าฟันเฟืองจักรวาเหล่านั้นมีธาตุอะไร ด้วยเหตุนั้นเขายังไม่รู้ว่าพลังของเด็กในชุดคลุมสีแดงคืออะไรกันแน่


 


“ถ้าเจ้าเป็นเด็กดีและยอมเชื่อฟังข้า ข้าจะปล่อยเจ้าไป”

หานเซิ่นหยุดตีก้นและจับเด็กในชุดคลุมสีแดงลุกขึ้นมา ใบหน้าของเด็กในชุดคลุมสีแดงเต็มไปด้วยน้ำตา ขณะที่มองมาที่หานเซิ่น


 


เด็กในชุดคลุมสีแดงได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นบอกกับเขา เขารู้สึกแย่ แต่เขาก็พยักหน้าอยู่ดี มันดูเหมือนว่าเขาจะหวาดกลัว


 


หานเซิ่นคิดว่าดวงตาของเด็กในชุดคลุมสีแดงนั้นดูชั่วร้ายหน่อยๆ แต่เขาไม่ได้สนใจอะไร เขาปล่อยเด็กในชุดคลุมสีแดงไป


 


ทันทีที่เด็กในชุดคลุมสีแดงเป็นอิสระ แสงสีแดงก็แว็บขึ้นจากร่างกายของเขาอีกครั้ง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าหานเซิ่นเปลี่ยนไปในทันที เด็กในชุดคลุมสีแดงเปลี่ยนไปเป็นเซี่ยชิง และเขาไปยืนอยู่ในจุดที่เซี่ยชิงยืนอยู่ก่อนหน้านี้


 


เด็กในชุดคลุมสีแดงแลบลิ้นให้กับหานเซิ่นก่อนที่จะพยายามจะหนีไป แต่เขาถูกจับตัวเอาไว้ซะก่อนโดยไผ่เดียวดาย


 


หลังจากนั้นร่างกายของเด็กในชุดคลุมสีแดงก็ระเบิดด้วยแสงสีแดงอีกครั้ง และคนที่ไผ่เดียวดายจับเอาไว้ก็กลายเป็นผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต เด็กในชุดคลุมสีแดงไปปรากฏในตำแหน่งที่ผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตเคยอยู่


 


พลังของเด็กคนนี้เป็นอะไรที่ยากจะรับมือ ถึงแม้ความสามารถในการต่อสู้ของเขาจะดูแย่มากๆ แต่ผู้คนก็ไม่กล้าจะโจมตีใส่เด็กในชุดคลุมสีแดง เพราะพวกเขากลัวจะโจมตีไปถูกพวกพ้องของตัวเองในวินาทีถัดไป


 


ขณะที่ผู้คนถูกสลับที่ไปมา ทุกคนก็ทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายเด็กในชุดคลุมสีแดงก็หนีไปได้สำเร็จ เมื่อเขาหนีออกไปได้ไกลพอสมควร เขาก็หันกลับมายิ้มเยาะเย้ยให้กับหานเซิ่น แต่เมื่อเขาหันกลับไป เขาก็เห็นเงาของคนๆหนึ่งปรากฏตรงหน้าของเขา


 


คนๆนั้นมาปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ซึ่งทำให้เด็กในชุดคลุมสีแดงหยุดเดินไม่ทัน เขาชนกเข้ากับคนๆนั้นจนล้มลงไป หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองและสังเกตเห็นว่ามันคือหานเซิ่น


 


“เจ้าจะหนีไปไหน?” หานเซิ่นหลี่ตาและมองลงไปที่เด็กในชุดคลุมสีแดง มันทำให้เด็กในชุดคลุมสีแดงรู้สึกหนาวขึ้นมา แสงสีแดงระเบิดขึ้นมาจากร่างกายของเขาอีกครั้ง เขาต้องการจะหนีไปโดยการสลับตำแหน่งกับคนอื่น แต่ครั้งนี้มันไม่ได้ผล มือขนาดใหญ่ของหานเซิ่นยกเด็กในชุดคลุมสีแดงขึ้นมาและนำตัวของเขากลับไปราวกับว่าเขาเป็นลูกสุนัขที่ซุกซน

 

 

 


ตอนที่ 2793

 

เด็กในชุดคลุมสีแดงแกว่งแขนขาไปมา แต่เขาไม่สามารถหนีไปได้ ไม่ว่าเขาจะพยายามมากสักแค่ไหน


 


“ถ้าเจ้าเชื่อฟังที่ข้าบอก บางทีเจ้าจะไม่ต้องทุกข์ทรมาน ไม่อย่างนั้นล่ะก็เจ้าจะต้องมีจุดจบเหมือนเจ้าสิ่งนี้”

หานเซิ่นสะบัดมือและตัดพืชซีโน่เจเนอิคที่อยู่ข้างๆจนขาดครึ่ง


 


เด็กในชุดคลุมสีแดงเงียบลงไป เขากัดริมฝีปากของตัวเองและหยุดดิ้นรน แต่ดวงตาของเขาแดงกล่ำด้วยน้ำตา เขามองหานเซิ่นราวกับว่าเขาเพิ่งจะถูกแกล้ง


 


“บอกให้พืชซีโน่เจเนอิคพวกนั้นถอยออกไป” หานเซิ่นสั่งเด็กในชุดคลุมสีแดง


 


เด็กในชุดคลุมสีแดงไม่ได้พูดหรือเคลื่อนไหวใดๆ หานเซิ่นยกมือขึ้นเพื่อแกล้งทำเป็นว่าเขาจะตีใส่เด็กในชุดคลุมสีแดง หลังจากนั้นเขาก็เห็นเหล่าพืชซีโน่เจเนอิคหลีกทางออกไป แม้แต่พืชซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าก็ถอยออกไปเช่นกัน


 


หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘พลังในการควบคุมพืชซีโน่เจเนอิคนี่เป็นอะไรที่แปลก นี่เขาควบคุมพืชซีโน่เจเนอิคที่ระดับสูงกว่าตัวเองได้อย่างนั้นหรอ นั่นเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ’

หลังจากนั้นหานเซิ่นก็หันไปหาผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตและพูด “ผู้นำเผ่าช่วยไปดูได้ไหมว่าเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ที่ว่านั่นยังอยู่ไหม?’


 


ผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตรีบเข้าไปในหอคอยเถาวัลย์ที่เก็บเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ ทุกคนตามเขาไปจากด้านหลัง ข้างในหอคอยเถาวัลย์นั้นเละเทะไปหมด แต่มันไม่มีเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ที่ว่าอยู่


 


ขณะที่มองตรงมาที่เด็กในชุดคลุมสีแดง ผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตก็พูด

“มันหายไปแล้ว ข้าเดิมพันว่าเขาก็คือเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ที่พวกเราตามหา ร่างกายของเขามีออร่าของเมล็ดพันธุ์ดอกไม้นั่นอยู่”


 


หานเซิ่นพยักหน้าและมองไปที่เด็กในชุดคลุมสีแดง เขากำลังคิดว่าจะจัดการกับเด็กคนนี้อย่างไรดี ก่อนอื่นเขาจะต้องยืนยันก่อนว่าเด็กคนนี้สามารถควบคุมสเปชการ์เด้นได้หรือเปล่า


 


ถึงแม้เด็กในชุดคลุมสีแดงจะไม่ชอบในเรื่องนี้ แต่พลังของเขาก็ถูกจำกัดเอาไว้โดยหานเซิ่น เขาไม่สามารถเอาชนะหานเซิ่นหรือหนีไปจากที่นี่ได้ ดังนั้นตอนนี้เขาจำเป็นต้องฟังคำสั่งของหานเซิ่น


 


หานเซิ่นบอกให้เด็กในชุดคลุมสีแดงพาฟลาวเวอร์ก็อตทั้งหมดมาที่นี่ และเนื่องจากพืชทั้งหมดในสเปชการ์เด้นนั้นเชื่อฟังคำสั่งของเด็กในชุดคลุมสีแดง มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะรวบรวมผู้คนของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตทั้งหมดมาอยู่ในที่เดียวกัน


 


หานเซิ่นใช้เพลิงฟีนิกซ์เผาผลาญดอกไม้บนหัวของพวกเขาแต่ละคนเพื่อทำให้พวกเขากลับมาเป็นปกติ


 


เมื่อเห็นในสิ่งที่หานเซิ่นทำ และด้วยการที่เด็กในชุดคลุมสีแดงนั้นเชื่อสิ่งที่หานเซิ่นบอก เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตจึงไม่กล้าจะผิดสัญญา พวกเขาเชื่อฟังและทำอะไรก็ตามที่หานเซิ่นกับเซี่ยชิงสั่งให้ทำ พวกเขากลายเป็นเผ่าพันธุ์ใต้บังคับบัญชา


 


หานเซิ่นยังรวบรวมยอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่เหลือรอดและสั่งให้เด็กในชุดคลุมสีแดงเปิดประตูของสเปชการ์เด้นเพื่อส่งพวกเขากลับออกไป


 


“ลาก่อน” ก่อนที่ไผ่เดียวดายจะจากไป เขาก็ยิ้มให้กับหานเซิ่น ดูเหมือนกับเขาจะรู้ว่าจริงๆแล้วซานมู่เป็นใคร เพียงแต่เขาไม่คิดจะเปิดโปงตัวจริงของหานเซิ่น


 


ในตอนที่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าทั้งหมดออกไปแล้ว หานเซิ่นก็ไม่ได้กังวลจนเกินไปเกี่ยวกับการที่คนอื่นรู้ความลับของสเปชการ์เด้น


 


เพราะถึงแม้พวกเขาจะรู้เกี่ยวกับมัน ความรู้เหล่านั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร สเปชการ์เด้นเป็นเห็นหลินจือซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัว แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถก้าวข้ามพลังของเห็ดหลืนจือยักษ์นี้ได้ ตราบใดที่หานเซิ่นมีเด็กในชุดคลุมสีแดงคนนี้อยู่ มันก็ไม่มีใครสามารถเข้ามาในสเปชการ์เด้นได้


 


“จากตอนนี้เป็นต้นไป พวกเราจะมีดินแดนเป็นของตัวเอง ตอนนี้ทั้งหมดที่พวกเราจำเป็นต้องทำก็คือการจุดดวงไฟตะเกียงในจีโนฮอลล์”

เซี่ยชิงและหานเซิ่นกำลังผ่อนคลายอยู่ในสวน พวกเขากำลังทำบาร์บีคิวและดื่มเบียร์กัน


 


เด็กในชุดคลุมสีแดงนั่งถัดไปจากหานเซิ่น เขากำลังถือเนื้อย่างอยู่ในมือ และดูเหมือนเขาจะชื่นชอบมันมาก


 


“การจะจุดดวงไฟตะเกียงในจีโนฮอลล์นั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่พวกเราจำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ที่พวกเราจะเข้าไปแทนที่” หานเซิ่นพูด


 


“พวกเราจำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับมันด้วยอย่างนั้นหรอ?” เซี่ยชิงถาม

“เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตและเผ่าทรีเมนมีความบาดหมางกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราจะใช้ชื่อของฟลาวเวอร์ก็อตเพื่อกำจัดเผ่าทรีเมนก็ได้”


 


หานเซิ่นส่ายหัวและพูด “การทำแบบนั้นพวกเราจะช่วยเหลือเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตจุดดวงไฟของพวกเขา มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมนุษย์และสปิริต พวกเราจะต้องจุดดวงไฟของพวกเราเอง พวกเราจะใช้ชื่อของเผ่าพันธุ์อื่นไม่ได้”


 


“เรื่องนั้นมันสำคัญด้วยหรือยังไง?” เซี่ยชิงถามด้วยเสียงหัวเราะ


“จากที่รู้ มันมีปัญหาอย่างหนึ่งเกี่ยวกับชื่อเผ่ามนุษย์ ผู้คนที่น่ากลัวหลายคนในจักรวาลนี้กำลังค้นหามนุษย์อยู่ ถ้าฉันใช้ชื่อนั้นเพื่อจุดดวงไฟในตะเกียง มันก็คงจะดึงดูดหายนะมาสู่สเปชการ์เด้น”


 


หลังจากหยุดไปชั่วครู่ หานเซิ่นก็พูดต่อ “ไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อน ฉันมีแผนการหนึ่งอยู่ พวกเราควรจะใช้เวลานี้เพื่อพาพวกพ้องของพวกเรามาที่สเปชการ์เด้น ฉันจำเป็นต้องคอยจับตาดูเด็กคนนี้เอาไว้เพื่อในกรณีที่เขาพยายามจะทำอะไรไม่ดีอีก ด้วยเหตุนั้นนายจะต้องเป็นคนรับหน้าที่พาคนอื่นมาที่นี่”


 


เซี่ยชิงตกลงและพูด “นั่นเป็นเรื่องง่ายๆ ข้าจะไปที่ปราสาทนภาและรับเป่าเอ๋อกับคนอื่นมา ส่วนที่เหลือข้าจะติดต่อไปหาพวกเขา”


 


หานเซิ่นพยักหน้า เขารู้สึกคิดถึงเป่าเอ๋อ ซีโร่ นางฟ้าและหานเหยียน ก่อนหน้านี้เขาไม่มีดินแดนของตัวเอง แต่ตอนนี้เขามีแล้ว ดังนั้นเขาจะพาทุกคนมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน


 


หานเซิ่นยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องหนึ่ง ยีนของสกายไวน์แรดิชนั้นทรงพลังเกินไป หลังจากที่มันถูกดูดซับไปโดยสเปชการ์เด้น มันก็ทำให้สเปชการ์เด้นวิวัฒนาการขึ้นอย่างต่อเนื่อง พืชซีโน่เจเนอิคมากมายเพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว มันจึงมีพืชซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าป้วนเปี้ยนอยู่เต็มไปหมด ถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป มันก็จะต้องมีพืชซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่วิวัฒนาการไปถึงขั้นทรานส์มิวเทชั่นหรือแม้แต่ขั้นลาร์วา ถ้าเขาไม่สามารถทำให้เด็กในชุดคลุมสีแดงคนนี้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมได้ มันจะเป็นปัญหาใหญ่


 


ถึงแม้เด็กในชุดคลุมสีแดงจะเชื่อฟังเขาในตอนนี้ แต่หานเซิ่นก็สัมผัสได้ว่าทันทีที่มีโอกาสเด็กคนนี้จะก่อกบฏ


 


หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘ดูเหมือนเราจะต้องรอจนกระทั่งเป่าเอ๋อมาถึงที่นี่ เราต้องรอดูว่าเป่าเอ๋อจะทำอะไรกับเด็กคนนี้ได้บ้าง ถ้าแม้แต่เป่าเอ๋อก็ยังทำให้เขายอมเชื่อฟังไม่ได้ เราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอาตัวเขาไปขังเอาไว้”


 


หลังจากที่เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตสูญเสียดอกไม้บนหัวไป ระดับของพวกเขาก็ลดลงอย่างมาก ตอนนี้แม้แต่คนที่เป็นระดับราชันก็ถือเป็นอะไรที่หาได้ยาก โชคดีที่พวกเขามีความสามารถในการทำจีโนฟลูอิด และการทำแบบนั้นก็ไม่ได้ใช้พลังอะไรมาก


 


เนื่องจากสเปชการ์เด้นผ่านการกลายพันธุ์ พืชซีโน่เจเนอิคมากมายจึงเพิ่มระดับขึ้น ในตอนที่พวกเขาใช้สูตรเก่าในการทำจีโนฟลูอิด ผลลัพธ์ที่จีโนฟลูอิดมีต่อวิชาจีโนจึงเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม นั่นทำให้พวกเขาประหลาดใจอย่างมาก


 


ด้วยพรสวรรค์ในการทำจีโนฟลูอิดของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต พวกเขาสามารถสร้างจีโนฟลูอิดที่อัดแน่นไปด้วยยีนซีโน่เจเนอิคจำนวนมาก หลังจากที่มนุษย์ใช้พวกมัน ยีนของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาย่อยเนื้อของซีโน่เจเนอิคอีก


 


“เทคโนโลยีนั้นทำให้สิ่งต่างๆง่ายขึ้นมาก” หานเซิ่นพูด

“ถ้ารู้ว่ามีอะไรแบบนี้อยู่ เราก็คงไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกวิชาจีโนเพื่อช่วยในการย่อยอาหาร”


 


แต่ยีนระดับเทพเจ้าของหานเซิ่นครบหนึ่งร้อยแล้ว ดังนั้นในตอนนี้เขาไม่มีความจำเป็นต้องดื่มจีโนฟลูอิดพวกนั้นอีก


 


“ว่าแต่เราควรจะเพิ่มระดับร่างต่อสู้ไหนก่อนเป็นอันแรก?” หานเซิ่นกำลังคิดเกี่ยวกับวิชาจีโนที่เขาควรจะวิวัฒนาการเป็นอันดับแรก


 


หานเซิ่นไม่ได้ลังเลอะไรมาก ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจจะเพิ่มระดับของเรื่องราวของยีนก่อน


 


เรื่องราวของยีนเป็นวิชาที่ยากที่สุด ดังนั้นหานเซิ่นจึงเลือกมันก่อน ตอนนี้เขามีสเปชการ์เด้นอยู่ ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะเก็บยีนระดับเทพเจ้าเพิ่ม เขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนั้นอีก

 

 

 


ตอนที่ 2794

 

ในตอนที่หานเซิ่นตัดสินใจจะวิวัฒนาการ เขาก็รู้สึกว่ามันแตกต่างไปจากที่เขาคิดเอาไว้  กระบวนการวิวัฒนาการนี้ไม่ใช่สิ่งที่แบ่งแยกออกจากกัน ในจังหวะที่หานเซิ่นเริ่มวิวัฒนาการ ร่างกายของเขาก็กลายเป็นซีโน่เจเนอิคด้วยตัวของมันเอง วิชาจีโนทั้งสี่ของเขาเริ่มทำงานพร้อมๆกัน


 


หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังประหลาด มันเหมือนกับว่าเขากำลังลอกผิวหนังของตัวเอง ยีนเก่าของเขาถูกเอาออกไปและถูกแทนที่ด้วยยีนใหม่ที่ต่างไปจากเดิม ลมปราณสีดำถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของเขาและก่อตัวเป็นรังไหมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเขาทั้งตัว


 


หานเซิ่นรู้สึกค่อนข้างมีความสุข ตอนนี้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่โชคดีที่เขาเอาเด็กในชุดคลุมสีแดงไปไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตาก่อนแล้ว


 


หานเซิ่นคิดว่ากระบวนการวิวัฒนาการจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า แต่ร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุด เขาอยู่ในสภาพนั้นเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่เสร็จสิ้นการวิวัฒนาการ


 


เนื่องจากร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เขาไม่สามารถหยุดเอาไว้ชั่วคราวได้ เขาจำเป็นต้องทำการวิวัฒนาการต่อไป เขาจำเป็นต้องอดทนและรอคอยให้มันเสร็จสิ้น


 


เขารอคอยอยู่เป็นเวลานาน และหลังจากที่ผ่านไปเจ็ดสิบวัน หานเซิ่นก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาหยุดการเปลี่ยนแปลง และไม่มีอะไรปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขาอีก


 


รังไหมที่เหมือนกับลูกบอลสีดำนั้นแตกกระจายออก และหานเซิ่นก็เดินออกมา


 


หานเซิ่นเหยียบลงบนอากาศซึ่งส่งผลทำให้เขาร่วงลงกับพื้น เขากุมใบหน้าของตัวเองอย่างเจ็บปวด ขณะที่ดวงตาของเขามีน้ำตาไหลออกมา


 


“พลังของเราหายไปไหน?” หานเซิ่นตกใจ เขาไม่ได้รู้สึกถึงพลังในร่างกายอีกต่อไป มันเหมือนกับว่าเขาเป็นแค่สามัญชนที่ไม่เคยฝึกวิชา


 


หานเซิ่นรีบตรวจเช็คร่างกายของตัวเอง และสิ่งที่ได้เห็นก็ทำให้เขาแข็งทื่อไป


 


เขามีแขนและขาขนาดเล็ก พวกมันดูขาวและน่ารัก หานเซิ่นรู้สึกตกใจอย่างมาก เขาดูเหมือนกับเด็กอายุแค่หกขวบเท่านั้น เขาดูเหมือนกับเด็กในชุดคลุมสีแดง เหมือนกับว่าตอนนี้เขาอยู่ในร่างกายของเด็กคนนั้น


 


หานเซิ่นรีบวิ่งไปหน้ากระจกและส่องดูตัวเอง เขาเห็นว่าตอนนี้เขาดูเหมือนกับเด็กอายุห้าถึงหกขวบจริงๆ แต่เขาจำได้ว่าในตอนที่เขาอายุเท่านั้น เขาไม่ได้มีรูปลักษณ์เหมือนในขณะนี้


 


เด็กน้อยในกระจกมีดวงตาและผมสีดำ ใบหน้าของเขาดูซีดเซียวราวกับคริสตัล โครงสร้างใบหน้าของเขาดูงดงามมากๆ เขาดูเหมือนกับผู้หญิง


 


ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงดูเป็นแบบนี้ ในตอนที่เขารวมร่างกับมนตรา แน่นอนว่าเขาจะดูเหมือนกับผู้หญิงมากขึ้นกว่าเดิม


 


หานเซิ่นต้องการจะยกเลิกการรวมร่าง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลอีกต่อไป เขาไม่ได้รู้สึกถึงพลังในร่างกายของตัวเองอีกแล้ว มันเหมือนกับว่าร่างกายของเขาเป็นเด็กวัยหกขวบจริงๆ


 


“เราตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ยังไง? นี่มันมีความผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้นขณะที่เราวิวัฒนาการอย่างนั้นหรอ?”

ในหัวของหานเซิ่นเต็มไปด้วยคำถาม เขารีบเช็คสถานะของตัวเอง


 


โชคดีที่ถึงแม้พลังของเขาจะหายไป เขาก็ยังสามารถเข้าถึงทะเลจิตและวิญญาณอสูรได้ หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เห็นสถานะของตัวเอง


 


[หานเซิ่น: ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด]

[ร่างยีนต่อสู้: ซีโน่เจเนอิค (ขั้นทรานส์มิวเทชั่น)]

[ระดับ: เทพเจ้า]

[ยีนที่จำเป็นต่อการวิวัฒนาการ: 0/100]

[อายุ: 2,658 ปี]


 


“ข้อมูลทั้งหมดถูกต้อง เราเลื่อนระดับมาสู่ขั้นทรานส์มิวเทชั่นแล้ว แต่ทำไมร่างกายของเราถึงได้เป็นแบบนี้? และทำไมเราถึงใช้พลังของตัวเองไม่ได้”

หานเซิ่นเต็มไปด้วยคำถามมากมาย และเขาไม่สามารถหาคำตอบได้



 


บนดินแดนที่เต็มไปด้วยทรายสีเหลือง ชายคนนั้นกำลังเดินไปบนทะเลทราย มันมีหุบเขาลูกหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขา เมื่อชายคนนั้นเห็นหุบเขา เขาก็หลี่ตาและเดินเข้าไปหามัน


 


ปัง!


ในตอนที่ชายคนนั้นไปถึงหุบเขา ก็มีกระสุนลูกหนึ่งถูกยิงมาที่พื้นใกล้ๆกับเท้าของเขา มันเฉี่ยวรองเท้าของเขาไปแค่นิดเดียวเท่านั้น


 


“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว” เสียงดังก้องไปทั่วหุบเขา


 


“ท่านคือโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าโจรสลัดใช่ไหม? ชื่อของข้าคือไป๋ว่านเจี้ย ข้าอยากจะทำธุรกิจกับท่านโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์”

ไป๋ว่านเจี้ยไม่ได้เดินไปมากกว่านั้น เขายืนอยู่กับที่และพยายามจะพูดคุยกับคนที่อยู่ในหุบเขา


 


“องค์ชายไป๋ว่านเจี้ยของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง?” เสียงดังออกมาจากหุบเขาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเขาสับสนกับการประกาศตัวของชายที่เดินทางมา


 


“ใช่ นั่นคือข้า” ไป๋ว่านเจี้ยตอบ


 


“ราชาไป๋มาที่นี่ด้วยหรือไม่? ถ้าเขามาด้วย ให้เขามาพูดกับข้า เจ้าเป็นแค่เด็กอวดดีที่ไม่คู่ควรจะมาพูดคุยกับข้า” เสียงฟังดูเย็นชาอีกครั้ง


 


“ข้าได้ยินมาว่าท่านโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์รักภาพวาด มันมีรูปภาพไหมนภาที่เป็นของเผ่าพันธุ์ของข้าอยู่ ท่านโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์สนใจมันหรือไม่” ไป๋ว่านเจี้ยนำม้วนกระดาษที่มีภาพวาดอยู่ออกมา


 


“มันคือรูปภาพไหมนภาที่เป็นของชาโดว์คิง?” ขณะที่เขากำลังพูด เงาของชายแก่ก็ปรากฏตัวตรงหน้าของไป๋ว่านเจี้ย ชายแก่จ้องไปที่รูปภาพในมือของเขา


 


“ใช่แล้ว มันเป็นของชาโดว์คิงบรรพบุรุษของพวกเรา”

ไป๋ว่านเจี้ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์จะสนใจรับมันไปไหม?”


 


“เจ้าต้องการอะไร?” ชายแก่มองไปที่ไป๋ว่านเจี้ย


 


“ข้าต้องการให้ท่านโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ขโมยของอย่างหนึ่งให้กับข้า”

ไป๋ว่านเจี้ยพูดด้วยโทนเสียงจริงจัง “และไม่ว่าท่านจะทำได้สำเร็จหรือไม่ ข้าก็จะมอบภาพไหมนภานี้ให้กับท่าน”


 


“มันมีสถานที่ที่เอ็กซ์ตรีมคิงเข้าไม่ถึงด้วยหรือยังไง?

ชายแก่ถามขณะที่หลี่ตา “เจ้าคงจะไม่ได้ขอให้ข้าไปในเอาท์เตอร์สกายเพื่อขโมยบางสิ่งหรอกใช่ไหม”


 


ไป๋ว่านเจี้ยส่ายหัว “ข้าอยากให้ท่านโจรสลัดช่วยไปขโมยบางสิ่งจากภายในสเปชการ์เด้น”


 


“สเปชการ์เด้น? อย่างนี้นี่เอง นั่นเป็นสถานที่ที่น่ารำคาญ นอกจากข้าโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์แล้ว มันไม่มีใครที่จะแอบเข้าไปข้างในได้”

ชายแก่พยักหน้าและถาม “เจ้าต้องการให้ข้าขโมยอะไรออกมา? เจ้าคงจะรู้กฎสามข้อของพวกเราสินะ”


 


“แน่นอนอยู่แล้ว ข้ารู้เกี่ยวกับกฎของโจรสลัด” ไป๋ว่านเจี้ยพูดด้วยรอยยิ้ม

“สิ่งที่ข้าต้องการให้ท่านโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ขโมยออกมานั้นคือเด็กอายุห้าถึงหกขวบ ถึงเขาจะเป็นเด็ก แต่จริงๆแล้วเขาคือซีโน่เจเนอิค การขโมยซีโน่เจเนอิคควรจะไม่ผิดกฎสามข้อของโจรสลัด”


 


หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ไป๋ว่านเจี้ยก็เดินกลับออกมาจากหุบเขาด้วยรอยยิ้ม และรูปภาพไหมนภาก็ไม่ได้อยู่ในการครอบครองของเขาอีกต่อไป


 


“โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ตกลงจะช่วยเรา เขาไม่มีทางทำงานล้มเหลว ถ้าเราขโมยเด็กนั่นมาได้ สเปชการ์เด้นก็จะตกเป็นของเรา” ไป๋ว่านเจี้ยยิ้มอย่างชั่วร้าย


 


ถึงแม้ไป๋ว่านเจี้ยจะไม่ได้เห็นหานเซิ่นเอาตัวเด็กในชุดคลุมสีแดงไป แต่เขาเห็นหานเซิ่นพาเด็กในชุดคลุมสีแดงไปเพื่อช่วยเหล่าฟลาวเวอร์ก็อต เขาสามารถคาดเดาได้ว่าเด็กในชุดคลุมสีแดงนั้นทำบางสิ่งที่พิเศษ


 


แต่สเปชการ์เด้นตกอยู่ในกำมือของหานเซิ่นไปเรียบร้อยแล้ว มันเป็นอะไรที่ยากเกินไปถ้าคนนอกจะเข้าไปข้างในได้อีก ไป๋ว่านเจี้ยอยากจะได้สเปชการ์เด้นมาเป็นของตัวเอง เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับคนอื่นและเลือกที่จะมาขอความช่วยเหลือจากโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าโจรสลัด


 


เผ่าโจรสลัดอยู่ในจักรวาลมาเป็นเวลานาน แต่มีเพียงคนเดียวที่ได้รับสมญานามว่าโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ เหตุผลที่ว่าทำไมมีแค่เขาที่ได้รับสมญานามนั้นก็เพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถแอบเข้าไปในเอาท์เตอร์สกายเพื่อขโมยบางสิ่งและรอดชีวิตกลับมาได้ นั่นทำให้ทุกคนคิดว่าเขาคือโจรสลัดที่ดีที่สุด ดังนั้นเขาจึงได้รับชื่อเสียงว่าเป็นบุคคลที่สามารถขโมยได้ทุกสิ่งทุกอย่าง

 

 

 


ตอนที่ 2795

 

“ฮ่า! ฮ่า! หานเซิ่นน้อย เจ้าดูดีกว่าเมื่อก่อนมาก” เซี่ยชิงพูดขณะที่ลูบหัวของหานเซิ่น


 


“ไปลงนรกซะ นายรีบไปหาผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตและดูว่าพวกเขาทำจีโนฟลูอิดจากดอกไม้ราชินีเสร็จแล้วหรือยัง ฉันต้องการมันในตอนนี้”

หานเซิ่นผลักมือของเซี่ยชิงออกไป เขารู้สึกแย่มากๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น


 


แต่เซี่ยชิงดูมีความสุข เขายังคงลูบหัวของหานเซิ่นและพูด

“หานเซิ่นน้อย นายแค่ต้องรออยู่ที่นี่ พี่เซี่ยชิงคนนี้จะช่วยนายเอง”


 


“อย่าได้บอกใครเกี่ยวกับปัญหาทางร่างกายของฉัน” หานเซิ่นพูด เขาไม่อยากจะสร้างปัญหาไปมากกว่านี้


 


เซี่ยชิงตอบตกลงและไปหาผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตตามที่หานเซิ่นบอก เขานำจีโนฟลูอิดที่ถูกปรุงขึ้นจากดอกไม้ราชินีกลับมา มันเป็นขวดยาที่ใหญ่พอๆกับฝ่ามือ มันมีของเหลวสีม่วงอยู่ภายในขวด


 


หานเซิ่นเปิดขวดและจิบมันเข้าไป ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นในหัว


 


“ยีนระดับเทพเจ้า +1… ยีนระดับเทพเจ้า +1…”


หานเซิ่นแค่จิบมันเข้าไป เขาก็ได้รับยีนระดับเทพเจ้ามาสองพ้อย และมันยังคงเหลือของเหลวอยู่ในขวดอีกมาก


 


‘นี่คือหนทางที่ถูกต้องที่คนๆหนึ่งจะเพิ่มยีนระดับเทพเจ้าของตัวเอง เราเคยกินเนื้อจนท้องแทบแตกเพื่อยีนระดับเทพเจ้าแค่นิดเดียว’ หานเซิ่นถอนหายใจ


 


หานเซิ่นคิดต่อไป ‘ถ้าเรายังเพิ่มยีนระดับเทพเจ้าได้อยู่ นั่นหมายความว่าร่างกายของเราไม่ได้เป็นอะไร มันยังคงเก็บยีนได้อย่างปกติ แต่ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ และทำไมเราถึงใช้พลังไม่ได้?’


 


หานเซิ่นรู้สึกหดหู่เล็กน้อย เขาดื่มจีโนฟลูอิดทั้งหมดเข้าไป และมันเพิ่มยีนระดับเทพเจ้าให้เขาทั้งหมดเจ็ดพ้อย แต่ร่างกายของเขาไม่ได้ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ และเขายังไม่รู้สึกถึงพลังของตัวเองเหมือนเดิม


 


“ถ้ายังไม่ฟื้นตัว เราก็คงจะต้องเก็บยีนระดับเทพเจ้าให้ครบหนึ่งร้อย และดูว่าเราจะกลายเป็นขั้นลาร์วาได้ไหม บางทีตอนนั้นร่างกายของเราอาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” หานเซิ่นพยายามจะปลอบตัวเอง


 


ตอนนี้เขากำลังเผชิญกับปัญหาอย่างหนึ่ง หานเซิ่นเคยควบคุมเด็กในชุดคลุมสีแดงได้ เขาสามารถพาเด็กในชุดคลุมสีแดงไปฆ่าพืชซีโน่เจเนอิคโดยที่ไม่มีการต่อต้านใดๆ


 


แต่ตอนนี้หานเซิ่นไม่สามารถใช้พลังได้ เขาจึงไม่กล้าจะพาเด็กในชุดคลุมสีแดงออกมาอีก และมันก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะไปฆ่าพืชซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าเช่นกัน


 


เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตไม่มียอดฝีมือระดับเทพเจ้า และเซี่ยชิงก็ยังเป็นแค่ระดับราชันเท่านั้น ดังนั้นไม่มีใครในที่นี้ที่จะจัดการกับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าได้


 


“เราจำเป็นต้องรอให้เป่าเอ๋อและนกแดงน้อยมาถึงที่นี่ก่อน เราถึงจะออกไปล่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าได้อีกครั้ง”

หานเซิ่นพยายามจะดับความใจร้อนเพื่ออดทนให้ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ไป หลังจากที่เซี่ยชิงออกไปจากสเปชการ์เด้นเพื่อไปรับตัวเป่าเอ๋อมา หานเซิ่นก็ลองฝึกวิชาจีโนดูเผื่อมันจะไปกระตุ้นให้พลังของเขากลับคืนมา


 


เนื่องจากร่างกายของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ถึงแม้เขาจะใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด เขาก็ยังคงดูเหมือนเด็กคนหนึ่ง เขาไม่สามารถกลับไปเป็นแบบปกติอีกครั้งได้


 


วันหนึ่งหานเซิ่นกำลังอยู่ในสวนและฝึกวิชาจีโนของเขา โชคร้ายที่มันไม่มีความคืบหน้าอะไร ขณะที่เขากำลังหดหู่ ใครบางคนก็เปิดประตูและเข้ามาในสวนของเขา


 


“เซี่ยชิงกลับมาเร็วขนาดนั้นเลย?” หานเซิ่นแปลกใจ นอกจากเซี่ยชิงแล้ว คนของฟลาวเวอร์ก็อตจะไม่เข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเขาถ้าไม่ได้รับอนุญาต


 


แต่หานเซิ่นรู้ว่าเซี่ยชิงไม่ควรจะกลับมาเร็วขนาดนี้ หลังจากที่หันไปมอง เขาก็สังเกตว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่เซี่ยชิง คนที่เข้ามาคือชายแกในชุดสีดำ เส้นผมและเคราของเขามีสีเทา บอกตามตรง เขาดูค่อนข้างน่ารังเกียจ


 


หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจำไม่ได้ว่ามีคนแบบนี้อยู่ในสเปชการ์เด้นด้วย ถ้าชายแก่คนนี้ไม่ใช่เผ่าฟลาวเวอร์ก็อต มันก็น่าสงสัยว่าเขาเข้ามาในสเปชการ์เด้นได้ยังไง


 


ชายแก่เดินเข้ามาในสวนและเห็นหานเซิ่น เขามองมาที่หานเซิ่นและพึมพำกับตัวเอง

“มันมีซีโน่เจเนอิคอายุประมานหกขวบอยู่ที่นี่ แต่เขาไม่ได้สวมใส่ชุดคลุมสีแดง และเขาก็ไม่ได้หัวโล้นเช่นกัน นี่มันถูกคนไหมนะ?”


 


เมื่อหานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้สึกตกใจอย่างมาก ชายแก่นั้นกำลังพึมพำถึงเด็กในชุดคลุมสีแดง

‘นี่ชายแก่คนนี้มาเพื่อเด็กในชุดคลุมสีแดงอย่างนั้นหรอ แต่เขาเข้ามาในสเปชการ์เด้นได้ยังไงกัน?’ หานเซิ่นคิด


 


ด้วยสภาพร่างกายในตอนนี้ หานเซิ่นไม่สามารถใช้พลังหรือต่อรองกับชายแก่ได้


 


ชายแก่เลิกสนใจหานเซิ่นและมองไปรอบๆเหมือนกับว่าเขากำลังหาอะไรบางอย่าง เขาพูดกับตัวเอง

“ทั้งเมืองดอกไม้นี่มีซีโน่เจเนอิคที่ดูเหมือนแบบนี้อยู่แค่คนเดียว เสื้อผ้าถูกเปลี่ยนได้และเส้นผมก็งอกขึ้นมาได้ นี่คงจะเป็นซีโน่เจเนอิคที่เรากำลังมองหา”


 


ในตอนที่หานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา ชายแก่คนนั้นเข้าใจผิดและเชื่อว่าเขาคือเด็กในชุดคลุมสีแดงคนนั้น หานเซิ่นอยากจะอธิบายว่าเขาไม่ใช่เด็กในชุดคลุมสีแดง แต่ชายแก่สะบัดมือและปล่อยพลังประหลาดบางอย่างออกมา มันทำให้หานเซิ่นบินเข้าไปในแขนเสื้อของเขา


 


“เป็นวิชาที่ทรงพลังมากๆ!” หานเซิ่นเห็นว่าภายในแขนเสื้อนั้นมีเพียงแค่ความมืด เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหนกันแน่ มันเหมือนกับว่าเขาถูกดูดเข้ามาอยู่ในดินแดนที่ตัดขาดจากโลกภายนอก


 


“เรานี่โชคร้ายจริงๆ ทำไมในเวลาแบบนี้ต้องมีชายแก่ที่น่าขนลุกมาลักพาตัวเราด้วย?” หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ เขาถูกขังอยู่ในสถานที่ที่มืดมิดนั้นและเขาไม่สามารถทำอะไรได้


 


หลังจากที่ชายแก่จับตัวหานเซิ่นได้แล้ว เขาก็เดินทางออกจากสเปชการ์เด้นทันที มันมีพืชซีโน่เจเนอิคมากมายในสเปชการ์เด้น แต่โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้คิดว่าพวกมันมีความสำคัญอะไร เขาแค่จับตัวหานเซิ่นและรีบทำการหนีไป


 


สเปชการ์เด้นที่ทรงพลังนั้นไม่สามารถหยุดการเข้าออกของชายแก่ได้ พวกเขาทั้งสองเดินทางผ่านอวกาศ และหลายวันต่อมาชายแก่ก็กลับไปถึงสถานที่ที่เขาอยู่อาศัย


 


“จริงด้วย ไป๋ว่านเจี้ยต้องการให้เขามีชีวิต เราจะฆ่าเขาไม่ได้”

ชายแก่คิดได้ว่าหานเซิ่นถูกขังอยู่ในแขนเสื้อมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว เขาจึงสะบัดแขนเสื้อเพื่อปล่อยหานเซิ่นออกมา


 


ชายแก่ที่จับตัวหานเซิ่นมาก็คือโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ที่ไป๋ว่านเจี้ยจ้าง เขาแอบเข้าไปในสเปชการ์เด้นเพื่อลักพาตัวเด็กในชุดคลุมสีแดง แต่เขาทำผิดพลาดและลักพาตัวหานเซิ่นมาแทน


 


หานเซิ่นถูกขังอยู่ในแขนเสื้อเป็นเวลาหลายวัน เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนหรือว่าตอนนี้มันเป็นเวลาอะไรจนกระทั่งชายแก่ปล่อยเขาออกมา


 


สิ่งแรกที่หานเซิ่นเห็นก็คือชายแก่ที่จับตัวเขามา เขารีบมองไปรอบๆและสังเกตว่าตัวเองอยู่ในหุบเขาที่เต็มไปด้วยดอกไม้และหญ้าที่แปลกประหลาด มันมีลำธารสีฟ้าอยู่ในหุบเขาและมีสัตว์ต่างๆมากมายป้วนเปี้ยนอยู่รอบลำธาร


 


“เจ้าควรกินนี่” ชายแก่เก็บผลไม้สองลูกจากต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆและโยนพวกมันให้กับหานเซิ่น เขารับผลไม้มาและมองไปที่ชายแก่ด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน เขาไม่รู้ว่าควรจะอธิบายความจริงดีไหม เพราะยังไงซะเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมชายแก่ถึงต้องการตัวเด็กในชุดคลุมสีแดง ถ้าเกิดเขาบอกไปว่าตัวเองไม่ใช่เด็กคนนั้น ชายแก่อาจจะคิดว่าเขาไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป และชายแก่ก็อาจจะตัดสินใจฆ่าเขา นั่นเป็นผลลัพธ์ที่เลวร้ายอย่างที่สุด


 


เมื่อคิดได้แบบนั้น หานเซิ่นจึงไม่คิดจะอธิบายอะไร เขาหันไปถามแทน

“ทำไมเจ้าถึงพาข้ามาที่นี่”


 


“ข้าลักพาตัวเจ้าเพื่อสมบัติ” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์นั้นกำลังอารมณ์ดี เขานำเอารูปภาพไหมนภาออกมา เขาจ้องมองมันราวกับว่าเขากำลังมึนเมา


 


“เจ้าต้องการสมบัติอะไร?” หานเซิ่นถาม


 


“นี่คือสมบัติ” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์พูดขณะที่ยังคงจ้องไปที่รูปภาพ


 


หานเซิ่นมองไปยังสิ่งที่ชายแก่พูดถึงและสังเกตเห็นว่ามันคือภาพวาด ในภาพวาดนั้นมีแฟรี่ที่กำลังบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้า

 

 

 


ตอนที่ 2796

 

“ข้ามีรูปภาพผู้หญิงสวยอยู่มากมาย ถ้าเจ้ายอมปล่อยข้าไป ข้าจะมอบให้เจ้าสิบรูปภาพ ไม่สิ ข้าจะมอบให้เจ้าเป็นร้อยๆรูปภาพเลย”

เมื่อรู้ว่าตัวเองมีค่าแค่รูปภาพรูปหนึ่ง หานเซิ่นก็รู้สึกหดหู่


 


“เจ้าไม่รู้อะไร นี่คือภาพไหมนภาที่ถูกวาดโดยชาโดว์คิงของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง รูปภาพนี้คือภาพความรักในชีวิตของชาโดว์คิง แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้นางมา ชาโดว์คิงเห็นคนที่เขาหลงรักบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้าและฝ่าประตูเข้าไปในจีโนฮอลล์ ซึ่งหมายความว่าเขารู้ว่าตัวเองจะไม่มีวันได้เห็นนางอีกครั้ง ในความโศกเศร้าที่ลึกซึ้ง เขาตัดสินใจวาดภาพไหมนภานี้ขึ้นมา”


 


หลังจากหยุดไปชั่วครู่ โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ก็พูดต่อไปว่า

“รูปภาพนี้แสดงถึงความคิดถึงที่ชาโดว์คิงมีต่อนาง นี่ไม่ใช่ภาพวาดธรรมดาๆ เจ้าไม่มีทางหาภาพวาดที่แฝงไปด้วยอารมณ์มากขนาดนี้… มันเป็นรูปภาพที่ดีมากๆ…”


 


โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้มองมาที่หานเซิ่น เขายังคงมองไปที่รูปภาพไหมนภาและชื่นชมมันอย่างหลงไหล


 


“นี่ผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิงใช้รูปภาพนี้เพื่อแลกเปลี่ยนกับชีวิตของเราอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นคาดเดา


 


“เจ้าแค่ต้องนั่งอยู่ที่นี่นิ่งๆ และข้าจะไม่ทำอะไรเจ้า แต่ถ้าเจ้าไม่เชื่อฟังข้าล่ะก็ ข้าจะจับตัวเจ้าไปขัง”

โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ยังคงไม่มองมาที่หานเซิ่น เขาเชื่อว่าตัวเองเก่งกาจขนาดที่หานเซิ่นไม่มีวันหนีไปจากเขาได้


 


“เจ้าเป็นใครกัน?” หานเซิ่นถาม


 


“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าโจรสลัดไหม?” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ดูภาคภูมิขณะที่พูดออกมา


 


“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเผ่าโจรสลัด แต่ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์มาก่อน”

หานเซิ่นไม่ได้คิดจะทำให้ชายแก่โกรธ เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับชายแก่จริงๆ เพราะยังไงซะหานเซิ่นก็ไม่ได้รู้เกี่ยวกับจักรวาลจีโนมากนัก สำหรับคนอย่างโจรสลัดแล้ว ถ้าใครบางคนไม่พูดถึงเขาขึ้นมา หานเซิ่นก็ไม่มีทางจะรู้เกี่ยวกับเขา


 


“มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะรู้หรือไม่ แค่นั่งอยู่เฉยๆและรออยู่ที่นี้”

โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์พูด หลังจากนั้นเขาก็เลิกสนใจหานเซิ่น เขาหันไปชื่นชมรูปภาพไหมนภาต่อไป


 


หานเซิ่นพยายามจะถามคำถามชายแก่อีกหลายคำถาม แต่โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ไม่ตอบคำถามของเขาเลยสักคำถาม ชายแก่ดูจะหลงใหลกับรูปภาพไหมนภาอย่างหัวปักหัวปำ


 


หานเซิ่นเอนหัวไปใกล้ๆเพื่อมองดูมัน และเขาก็สังเกตเห็นว่าเหนือก้อนเมฆไปนั้นมีวิหารที่ดูเหมือนกับปราสาท มันดูเหมือนกับจีโนฮอลล์ที่เขาเคยเห็น


 


หานเซิ่นอยากจะถามว่าผู้หญิงที่อยู่ในรูปนั้นคือใครกัน เพราะยังไงซะเธอก็มีพลังพอที่จะเข้าไปในจีโนฮอลล์ เธอจะต้องเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังอย่างที่สุด


 


แต่โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์เมินเฉยเขาอย่างสมบูรณ์ ชายแก่นั้นหลงไหลกับรูปภาพจนน้ำลายเกือบจะไหลออกมาจากปากของเขา


 


หานเซิ่นกินผลไม้สองลูกที่ได้รับมาเข้าไป มันหวานมากๆ และหลังจากที่กินมันเข้าไป ความรู้สึกอุ่นก็เริ่มจะแพร่กระจายภายในร่างกายของเขา เขาคิดว่ามันอาจจะเป็นบางสิ่งที่พิเศษ แต่สำหรับร่างกายของเขาในตอนนี้ ผลไม้แบบนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยสักนิดเดียว


 


‘ชายแก่ที่น่าขนลุกคนนี้เรียกตัวเองว่าโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ เขาเข้าไปในสเปชการ์เด้นได้อย่างอิสระ ดังนั้นระดับพลังของเขาคงจะค่อนข้างสูง ซึ่งในตอนนี้เราใช้พลังอะไรไม่ได้ และเราก็คงจะหนีไปไม่ได้’

หานเซิ่นคิด หลังจากนั้นเขาก็หันไปหาโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์และพูด “ข้าขอไปเดินดูรอบๆหุบเขาได้ไหม?”


 


เมื่อเห็นว่าชายแก่ยังคงเมินเฉยใส่เขา หานเซิ่นก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากบ้านไม้ไป เขาอยากจะรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนกันแน่


 


หุบเขาแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ใหญ่โตอะไร นอกจากบ้านไม้ไม่กี่หลังแล้ว ในหุบเขามีดอกไม้และต้นหญ้าที่แปลกประหลาดอยู่เต็มไปหมด มันมีสัตว์อยู่ทุกหนทุกแห่ง มันเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว


 


ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็ไปถึงทางเข้าของหุบเขา เขามองออกไปและเห็นบางสิ่งที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ทรายสีเหลืองนั้นอยู่ทุกหนทุกแห่ง เหนือหุบเขาไปคือทะเลทรายที่รกร้างว่างเปล่าที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มันแตกต่างจากโลกที่อุดมสมบูรณ์ของหุบเขาโดยสิ้นเชิง


 


หานเซิ่นไม่คิดจะหนีออกจากหุบเขาไป ดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับและเดินลึกเข้าไปในหุบเขา


 


ในตอนที่หานเซิ่นเดินผ่านบ้านไม้หลังหนึ่ง เขาเห็นกำแพงของภูเขาที่แสดงภาพวาดภาพหนึ่ง ภาพวาดนั้นดูจะเป็นเกมส์กระดานเกมส์หนึ่งที่ถูกหยุดลงกลางคัน


 


ภาพวาดนี้ดูคล้ายกับหมากล้อม แต่กระดานหมากล้อมนั้นมีตารางขนาดสิบเก้าคูณสิบเก้าเท่านั้น แต่กระดานบนภาพวาดนี้มีตารางอยู่มากกว่านั้น เมื่อดูจากตำแหน่งสีดำและสีขาวของตัวหมากแล้ว มันดูเหมือนกับหมากล้อมไม่มีผิด ในตอนที่หานเซิ่นฝึกหมากล้อมสวรรค์นั้น เขาเคยได้ศึกษาเกี่ยวกับหมากล้อมอยู่บ้าง เขาไม่ใช่มืออาชีพ แต่เขาสามารถเล่นหมากล้อมได้ค่อนข้างดี


 


หลังจากที่จ้องมันอยู่สักพัก เขาก็ยืนยันได้ว่ากฎของมันเหมือนกับหมอกล้อม ภาพบนกำแพงแสดงเกมส์หมากล้อมที่ถูกหยุดลงกลางคัน


 


“นี่โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ชอบหมากล้อมอย่างนั้นหรอ? นั่นเป็นเหตุผลที่เขาสลักเกมส์หมากล้อมเอาไว้บนกำแพง? นี่เขาทำแบบนั้นก็เพื่อที่เขาจะได้มองดูมันทุกวันอย่างนั้นหรอ?”

หานเซิ่นตรวจดูมันอยู่สักพัก เขาอ่านหมากที่ถูกหยุดลงกลางคันนี้ได้ว่าหมากขาวเป็นฝ่ายที่กำลังได้เปรียบและน่าจะเป็นฝ่ายชนะ ขณะที่หมากดำกำลังถูกไล่ต้อน และดูเหมือนว่าหมากดำกำลังจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้


 


หานเซิ่นรักการเล่นหมากล้อม แต่เขาไม่มีอารมณ์จะมาเล่นมันในตอนนี้ เขาเดินลึกเข้าไปในหุบเขาต่อไป ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็เห็นภาพของเกมส์หมากล้อมที่ถูกหยุดลงกลางคันบนกำแพงอีกภาพ ในตอนที่หานเซิ่นเดินไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของหุบเขา เขาก็นับเกมส์หมากล้อมที่ถูกหยุดลงกลางคันได้ทั้งหมดสิบเจ็ดเกมส์


 


เกมส์หมากล้อมบนภาพวาดแต่ละภาะนั้นแตกต่างกันออกไป บางเกมส์เล่นไปจนเกือบจะจบเกมส์ ขณะที่บางเกมส์เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น


 


หานเซิ่นคิดว่าเกมส์หมากล้อมเหล่านี้คือตัวอย่างการศึกษาของโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ จากการตรวจดูพวกมันคร่าวๆ พวกมันดูเหมือนกับเกมส์หมากล้อมธรรมดาๆ พวกมันไม่ได้ดูมีค่าจนถูกสลักเอาไว้บนกำแพง


 


“นี่หมายความว่าจริงๆแล้วโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์เล่นหมากล้อมไม่เก่งอย่างนั้นหรอ? นั่นเป็นเหตุผลที่เขาสลักเกมส์หมากล้อมง่ายๆเอาไว้บนกำแพงอย่างนั้นใช่ไหม?” หานเซิ่นไม่คิดว่านั่นจะเป็นไปได้


 


จิตใจของยอดฝีมือระดับเทพเจ้านั้นควรจะทำให้พวกเขาเก่งในการเล่นหมากล้อม ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีพรสวรรค์ในการเล่มหมากล้อมเลยก็ตาม มันก็ไม่มีทางที่เกมส์หมากล้อมง่ายๆแบบนี้จะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเข้าใจได้ มันไม่มีความจำเป็นที่ต้องสลักตัวอย่างเกมส์หมากล้อมเหล่านี้เอาไว้บนกำแพงเพื่อมองดูพวกมันทุกๆวัน


 


นอกจากภาพวาดเกมส์หมากล้อมพวกนั้นแล้ว หานเซิ่นไม่เห็นอะไรอย่างอื่นในหุบเขา เขาไม่กล้าจะเข้าไปในบ้านไม้ ทั้งหุบเขาดูเหมือนจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติซะส่วนใหญ่ มันแทบไม่มีเส้นทางที่ถูกสร้างขึ้นด้วยมือคน


 


ในตอนที่หานเซิ่นกลับไปที่บ้านไม้ เขาก็เห็นว่าโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์เก็บรูปภาพไหมนภาไปแล้ว เขาเอนตัวบนเก้าอี้อาบแดดตัวหนึ่ง เขาดูมีความสุขมากๆ


 


“ทำไม…โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์…ถึงสลักภาพของกระดานหมากล้อมเอาไว้บนภูเขาอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นพยายามจะถามแบบอ้อมๆโดยหวังที่จะหาทางโน้มน้ามให้โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์พูดเกี่ยวกับมัน


 


เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นเกลียดชังเขามากๆ ถ้าเขาตกไปอยู่ในมือของเอ็กซ์ตรีมคิงล่ะก็ หานเซิ่นก็ไม่คิดว่าตัวเองจะปลอดภัย


 


โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์พูดอย่างไม่ค่อยพอใจ “ถ้าข้ารู้ว่าเกมส์หมากล้อมพวกนั้นหมายถึงอะไร ข้าก็คงจะไม่มาอยู่ในสถานที่แบบนี้”


 


“นั่นหมายความว่ายังไง? นี่เจ้าไม่ได้เป็นคนที่สลักเกมส์หมากล้อมเอาไว้บนกำแพงหรอกหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ด้วยความแปลกใจ


 


“ข้าไม่มีเวลาจะมาทำอะไรแบบนั้น” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์พูด

“พวกมันถูกสลักเอาไว้โดยตาเฒ่าคนหนึ่ง เขาบอกว่าถ้าข้าไขความลับของเกมส์หมากล้อมได้ ข้าจะเจอสมบัติที่เขาทิ้งเอาไว้ ข้าศึกษาพวกมันมาหลายสิบปี แต่ข้าก็ยังไม่ค้นพบอะไร”


 


หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขามองไปที่โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์และถาม

“ถ้าข้าช่วยเจ้าไขความลับของเกมส์หมากล้อมพวกนี้ได้ เจ้าจะยอมปล่อยข้าไปไหม?”


 


“อย่าเสียเวลาเปล่าเลย ข้ามีสมญานามในจักรวาลแห่งนี้ว่าราชาหมากล้อม แต่หลังจากที่ข้าตรวจสอบมันหลายสิบปี ข้าก็ยังไม่พบอะไร มันคงจะต้องเป็นคำโกหกที่ถูกแต่งขึ้นโดยตาเฒ่าคนนั้น”

โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์รู้สึกตัวว่าเขาพูดบางสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป ดังนั้นเขาจึงหยุดพูดเพียงแค่นั้น


 


หานเซิ่นคิดว่าพวกมันเป็นแค่เกมส์หมากล้อมธรรมดาๆ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ได้ตรวจดูพวกมันอย่างละเอียด แต่หลังจากที่เขาได้ยินแบบนั้น เขาก็คิดว่านี่อาจจะเป็นโอกาสดี ดังนั้นเขาจึงกลับไปเพื่อมองดูกระดานหมากล้อมบนกำแพงอีกครั้ง


 


ถึงแม้เขาจะไขความลับของเกมส์หมากล้อมพวกนี้ไม่ได้ นี่คือสิ่งเดียวที่หานเซิ่นทำได้ในตอนนี้ ถ้าเขาค้นพบความลับของเกมส์หมากล้อมขึ้นมา บางทีเขาอาจจะต่อรองกับโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ได้


 


หานเซิ่นตรวจเช็อคภาพวาดแต่ละภาพอีกครั้ง แต่มันก็เป็นเหมือนกับครั้งก่อน พวกมันดูไม่มีอะไรพิเศษ พวกมันก็เป็นแค่เกมส์หมากล้อมสิบเจ็ดเกมส์ที่ถูกหยุดลงกลางคัน

 

 

 


ตอนที่ 2797

 

ด้วยพรสวรรค์ในด้านหมากล้อมของหานเซิ่น เขาไม่สามารถบอกถึงอะไรที่พิเศษเกี่ยวกับเกมส์หมากล้อมทั้งสิบเจ็ดเกมส์ได้ หรืออย่างน้อยๆเขาก็ไม่สามารถบอกถึงความลับอะไรก็ตามที่ยังไม่ถูกค้นพบ


 


“นั่นหมายความว่าความลับของกระดานหมากล้อมจริงๆแล้วไม่ได้อยู่ในกระดานหมากล้อมอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นพยายามจะวิเคราะห์รูปภาพจากมุมมองต่างๆ


 


หมากล้อมสวรรค์และวิชามีดใต้นภาของหานเซิ่นนั้นเกี่ยวข้องกับหมากล้อม ดังนั้นเขาพยายามจะแยกตัวหมากดำจากตัวหมากขาวและเริ่มเคลื่อนไหวเหมือนกับตัวหมาก


 


หานเซิ่นกลับไปที่หมากกระดานแรกที่เขาเห็น เขาคิดว่าตัวเองเป็นหมากตัวหนึ่งและเขาก็เริ่มจะเดินตามหมากดำบนกระดาน


 


หานเซิ่นค้นพบอย่างรวดเร็วว่านั่นไม่ได้ผล ตำแหน่งของหมากบางตัวนั้นกลับตาลปัตรกับตำแหน่งที่เขาเคลื่อนที่ไป นอกซะจากเขาจะมีขาแปดคู่ เขาก็ไม่มีทางเดินแบบนั้นได้


 


“นั่นหมายความว่าตัวหมากพวกนี้ไม่ได้บอกถึงตำแหน่งที่จะต้องไป”

หานเซิ่นพยายามทำแบบนั้นกับทุกรูปภาพ และเขาก็รู้ว่ามันไม่ได้ผล กระดานหมากนั้นไม่ได้บอกถึงทิศทาง


 


“เลิกเสียเวลาได้แล้ว ข้าได้ลองวิธีต่างๆมากมาย มันไม่มีความลับอะไรซ่อนอยู่”

โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์เข้ามาหาหานเซิ่น เขาโยนผลไม้ให้และพูดต่อ “เจ้าควรกินเข้าไปมากๆ พรุ่งนี้จะมีคนมารับตัวเจ้าไป แต่ไม่ต้องกังวล ไม่มีใครต้องการจะฆ่าเจ้า เจ้าแค่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขา”


 


“คนของเอ็กซ์ตรีมคิงจะมาถึงพรุ่งนี้? นั่นหมายความว่าเราไม่มีเวลาแล้ว!”

หานเซิ่นมองขึ้นไปบนท้องฟ้า พระอาทิตย์นั้นกำลังจะตกในเร็วๆนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องทำอะไรมากมายในช่วงเวลาแค่คืนเดียว


 


แต่หานเซิ่นไม่คิดจะยอมแพ้ เขานั่งกินผลไม้ที่ได้รับขณะที่ตรวจสอบหมากล้อมบนหนึ่งในกำแพง เขาคิดกับตัวเอง

‘ตัวกระดานหมากล้อมนั้นดูไม่พิเศษอะไร และตัวหมากก็ไม่ได้บอกทิศทาง แบบนั้นความลับของกระดานหมากล้อมพวกนี้คืออะไรกันแน่? หรือว่าบางทีมันอาจจะเป็นอย่างที่โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์พูดจริงๆ? ทั้งหมดนี่เป็นเพียงแค่การเล่นตลกจริงๆงั้นหรอ?’


 


หานเซิ่นไม่มีอะไรอย่างอื่นทำ ดังนั้นเขาจึงมองดูกระดานหมากล้อมต่อไป ขณะที่เขามองดูพวกมัน จู่ๆสมองของเขาก็เกิดไอเดียบางอย่างขึ้นมา “จะเป็นอย่างไรถ้าเราเกิดเล่นเกมส์หมากล้อมพวกนี้ขึ้นมา? ถ้าเราทำอย่างนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้น?”


 


หลังจากที่หานเซิ่นคิดได้แบบนั้น เขาก็ต้องการจะรีบลองทำมันดูในทันที เขาเลือกกระดานหมากล้อมที่อยู่ใกล้ที่สุด เขาลองเล่นหมากของตัวเองและดำเนินเกมส์ต่อไป


 


เนื่องจากเกมส์นั้นถูกหยุดในตอนที่ใกล้จะจบเกมส์ ผู้ชนะจึงเรียกได้ว่าถูกตัดสินเรียบร้อยแล้ว หานเซิ่นแค่เดินหมากต่อไปให้มันจบเท่านั้น ตลอดการเดินหมากล้อมที่เหลือ เขาไม่ได้สังเกตเห็นถึงปัญหาใดๆ


 


หานเซิ่นใช้ตัวหมากที่เพิ่งจะเล่นไปเพื่อเดินอีกครั้ง แต่เขาสังเกตเห็นว่ามันยังคงไม่ได้ผล


 


หานเซิ่นยังคงไม่ยอมแพ้ เขามองไปที่กระดานหมากล้อมอีกครั้งหนึ่ง เขาสังเกตเห็นว่าในตอนที่เกมส์หมากล้อมจบลงแล้ว มันดูแตกต่างไปจากในตอนที่มันยังไม่จบเล็กน้อย


 


“ความแตกต่างของมันคืออะไร?” หานเซิ่นมองไปที่กระดานหมากอย่างครุ่นคิด เขามองไปที่มันอยู่สักพักก่อนที่จะตบขาของตัวเองและพูด

“หรือว่าบางทีกระดานหมากพวกนี้จะเป็นรหัสผ่าน? เหมือนอย่างที่เบรกสกายใช้มือของพวกเขาเป็นรหัสผ่านสำหรับกล่องโลหะ กล่องโลหะของพวกเขาจำเป็นต้องถูกฝ่ามือในรูปแบบที่ถูกกำหนดเอาไว้ถึงจะถูกเปิดออก นี่ถ้าเราใช้หลักการเดียวกันกับกระดานหมากล้อมพวกนี้ มันจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ?”


 


หานเซิ่นตรวจสอบหนึ่งในกระดานหมากล้อมอีกครั้ง แต่เขาค้นพบถึงปัญหาอย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปทางไหน หมากล้อมนั้นไม่เหมือนกับหมากรุกจีน ถ้ามันเป็นหมากรุกจีน คนที่เป็นมืออาชีพจะมองตัวหมากและบอกถึงการเดินของหมากได้


 


แต่ในเกมส์หมากล้อม มันเป็นเรื่องยากมากๆที่จะดูว่าหมากตัวไหนถูกเดินก่อนและตัวหมากตัวไหนที่ถูกเดินที่หลัง ดังนั้นมันยากที่จะหาถึงลำดับของตัวหมากได้


 


“ถ้าเป็นแบบนั้นเราก็จำเป็นต้องย้อนการเดินของหมากและเดินหมากบนกระดานนั่นใหม่ตั้งแต่ต้น แบบนั้นเราอาจจะเจออะไรบางอย่าง” หานเซิ่นเริ่มจะย้อนการเดินหมากบนกระดานนั้น


 


มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหานเซิ่นที่จะทำแบบนั้น ถึงแม้เขาจะเชี่ยวชาญในหมากล้อมสวรรค์ ศาสตร์ตงเสวียนและมีดใต้นภา แต่กว่าที่เขาจะทำเสร็จหนึ่งกระดาน มันก็เที่ยงคืนเรียบร้อยแล้ว มันเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น


 


แต่ความพยายามของเขาไม่เสียเปล่า หลังจากที่หานเซิ่นย้อนการเดินของหมาก เขาก็สามารถหาลำดับการเดินของหมากแต่ละตัวได้


 


“โอกาสของเราขึ้นอยู่กับสิ่งนี้แล้ว” หานเซิ่นเดินไปตรงหน้ากระดานหมาก เขาต้องการจะกดตัวหมากบนภาพ แต่เขาไม่สูงพอ เขาไม่สามารถสัมผัสพวกมันได้


 


“ร่างกายของเด็กที่แย่จริงๆ” หานเซิ่นไม่มีทางเลือก ในตอนนี้เขาไม่มีพลัง เขาไม่สามารถเอื้อมมือไปยังสิ่งที่อยู่สูงกว่าตัวของเขาได้


 


เขามองไปรอบๆและเห็นท่อนไม้ที่พอจะใช้เป็นบันไดได้ หานเซิ่นปีนขึ้นไปและใช้มือกดลงบนตัวหมากตัวแรกจากการคำนวนของเขา


 


หมากตัวนั้นถูกกดเข้าไปในภูเขา และนั่นทำให้หานเซิ่นดีใจอย่างมาก จากสิ่งที่เขาคิดเอาไว้ ตอนนี้เขาแค่จำเป็นต้องกดหมากแต่ละตัวตามลำดับ


 


“ฮะ? เกิดอะไรขึ้น?” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์เดินออกมาจากบ้านไม้ เขามองไปยังหานเซิ่นที่กำลังกดตัวหมากด้วยความตกใจ


 


เขาเคยทำแบบนั้นมาก่อน แต่เขาไม่สามารถกดมันเข้าไปได้ ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นทำในสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้ มันก็ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก เขาไม่รู้เลยว่าหานเซิ่นทำแบบนั้นได้ยังไง


 


หานเซิ่นกดหมากดำทั้งหมดเข้าไป แต่มันยังคงเงียบสนิทอยู่ เขาไม่เห็นอะไรถูกปลดล็อคหรือความลับอะไรเปิดเผยออกมา มันไม่มีอันตรายอะไรแสดงตัวออกมาเช่นกัน


 


หานเซิ่นใจเต้นตึกตัก เขาเริ่มจะกดตัวหมากขาวเข้าไป


 


ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวของหานเซิ่นด้วยการใช้ท่อนไม้เป็นขั้นบันไดนั้นจะช้าเกินไป และทำให้โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์เทเลพอร์ตเข้ามายกตัวของเขาขึ้น

“บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการให้ข้ากดหมากตัวไหน และข้าจะช่วยกดมันให้กับเจ้า”


 


หานเซิ่นบอกลำดับที่โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์จำเป็นต้องกด และเขาก็กดพวกมันอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงไม่นานตัวหมากทั้งหมดบนกระดานก็ถูกกดเข้าไปข้างใน


 


แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น


 


“นี่เราจำเป็นต้องกดตัวหมากบนกระดานทั้งสิบเจ็ดกระดานเลยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม


 


“นั่นไม่ใช่เรื่องยากอะไร” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์บินไปที่กระดานหมากกระดานที่สอง เขาเอื้อมมือออกไปเพื่อจะกดตัวหมากตัวหนึ่ง แต่ในตอนที่นิ้วมือของเขากดลงไป ตัวหมากนั้นไม่เคลื่อนไหว มันไม่ได้จมลงไปในกำแพงหินเหมือนอย่างก่อนหน้านี้


 


เขากดตัวหมากทุกตัวที่อยู่บนกระดานหมาก แต่ไม่มีตัวไหนที่ถูกกดลงไป


 


“ทำไมมันถึงไม่ได้ผล?” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์หันมามองหานเซิ่น


 


เขาบอกว่าตัวเองมีสมญานามว่าราชาหมากล้อม แต่วิชาการเล่มหมากล้อมของเขานั้นไม่ได้สูงอะไรเลยสักนิด มันเป็นเหมือนที่หานเซิ่นคิดเอาไว้ โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์นั่นเล่มหมากล้อมไม่ได้เก่งอะไร ถึงแม้ชายแก่นั้นจะมั่นใจในความสามารถในการเล่มหมากล้อมของตัวเองก็ตาม


 


“ถ้าเจ้าอยากรู้ว่าจะกดตัวหมากพวกนี้ให้ถูกต้องได้ยังไง เจ้าต้องสัญญาว่าจะปล่อยข้าไป” หานเซิ่นพูด


 


“เรื่องนี้…” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ลังเล


 


ถึงแม้ไป๋ว่านเจี้ยจะบอกกับว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่ แต่เขาก็ยังอยากจะได้รูปภาพไหมนภามาครอบครอง แต่ในฐานะหนึ่งในเผ่าโจรสลัด การขโมยผลประโยชน์โดยที่ไม่ทำอะไรตอบแทนนั้นไม่ใช่ตัวเลือกของพวกเขา


 


ด้วยเหตุนั้นโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์จึงไม่อยากจะปล่อยตัวหานเซิ่นไป แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไขความลับของกระดานหมากล้อมพวกนี้ ถ้าหานเซิ่นไปแล้ว เขาก็คงจะไม่สามารถไขความลับของมันได้ด้วยตัวเขาเอง

 

 

 


ตอนที่ 2798

 

 


“ซีโน่เจเนอิตตัวนี้แปลกจริงๆ นี่มันไขความลับของกระดานหมากล้อมได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์มองหานเซิ่นอย่างแปลกๆ


 


“เอาแบบนี้เป็นยังไง ข้าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับความลับของกระดานหมากล้อม แต่เจ้าจะต้องปล่อยข้าไป” หานเซิ่นพูด


“เจ้าแค่แกล้งทำเป็นว่าไม่เคยเห็นข้ามาก่อน”


 


โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ส่ายหัว “แม้แต่หัวขโมยก็มีจรรยาบรรณ ข้ารับงานมาและรับรูปภาพไหมนภานี่มาแล้ว ข้าจะกลับคำพูดและผิดสัญญาที่ให้เอาไว้ไม่ได้”


 


หานเซิ่นรู้สึกหดหู่และคิด ‘นายมันก็เป็นแค่หัวขโมย อย่ามาพูดเรื่องจรรยาบรรณกับฉัน นี่สมองของนายมีปัญหาหรือยังไง?’


 


โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ไม่ต้องการจะกลับคำพูดเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องส่งตัวหานเซิ่นไปให้กับเอ็กซ์ตรีมคิง นั่นทำให้หานเซิ่นหดหู่อย่างมาก


 


แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็คิดไอเดียหนึ่งขึ้นมาได้


“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยข้าไป ข้าจะใช้ความลับของกระดานหมากล้อมแลกเปลี่ยนกับเจ้า”


 


“แลกเปลี่ยนแบบไหน?” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์มองหานเซิ่นด้วยความสนใจ ดูเหมือนเขาไม่ต้องการจะปล่อยให้ความลับของกระดานหมากล้อมหลุดมือไป


 


“ข้าจะขอจ้างให้เจ้าลักพาตัวข้าอีกครั้งหนึ่ง” หานเซิ่นพูด


 


โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์เข้าใจในทันทีว่าหานเซิ่นหมายความว่ายังไง


“เจ้าต้องการให้ข้าลักพาตัวเจ้ามาจากเอ็กซ์ตรีมคิง หลังจากที่เจ้าถูกส่งตัวไปที่นั่นแล้วถูกไหม?”


 


“ถูกต้อง” หานเซิ่นพูดพร้อมกับพยักหน้า


 


“นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์พูด


 


“เจ้าเข้าออกสเปชการ์เด้นได้อย่างง่ายดาย” หานเซิ่นพูด


“แบบนั้นการแอบเข้าไปในเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจะเป็นเรื่องยากอะไร?”


 


“ในจักรวาลนี้ไม่มีใครเข้าออกสเปชการ์เด้นได้อย่างอิสระนอกจากข้า”


โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์พูด “การเข้าไปในเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นเป็นอะไรที่ง่ายกว่าการเข้าไปในสเปชการ์เด้นมาก แต่ในเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นมียอดฝีมืออยู่มากมาย และนั่นรวมถึงราชาไป๋ เขาเป็นถึงระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต การลักพาตัวเจ้าภายใต้สายตายอดฝีมือจำนวนมากนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ถ้าพวกเขาเกิดรู้ขึ้นมาว่าข้าลักพาตัวเจ้าออกมา ข้ากลัวว่าข้าจะต้องหนีเอาตัวรอดจากเอ็กซ์ตรีมคิงไปตลอดชีวิตที่เหลือของข้า”


 


“นี่เจ้าเป็นโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์แน่หรอ เจ้าควรจะเปลี่ยนชื่อไปเป็นโจรสลัดใจเสาะซะดีกว่า” หานเซิ่นพูด


 


โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ไม่โกรธ เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า


“เอางั้นก็ได้ ข้าอาจจะต้องยอมเสี่ยง แต่มันก็คุ้มค่าสำหรับความลับของกระดานหมากล้อม บอกข้ามาว่าความลับของกระดานหมากล้อมพวกนี้คืออะไร?”


 


“พวกเราจะแลกเปลี่ยนกันเมื่อเจ้าทำตามข้อตกลงแล้ว เมื่อเจ้าช่วยข้าออกมาจากเอ็กซ์ตรีมคิงได้แล้ว ข้าจะบอกเจ้าถึงสิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องรู้”


หานเซิ่นไม่คิดจะบอกความลับของกระดานหมากล้อมกับโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้


 


“ข้าจะไม่ผิดคำสัญญาที่ได้ให้เอาไว้ ทุกคนในจักรวาลนี้รู้ว่าข้าเป็นคนรักษาคำพูด” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ลูบเคราและมองไปที่หานเซิ่น เขาดูโกรธขึ้นมา


 


“เจ้าเป็นหัวขโมยที่ลักพาตัวเด็กคนหนึ่งมา ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้าด้วย?” หานเซิ่นถาม


 


โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์พูดอะไรไม่ออก กฎของโจรสลัดสามข้อประกอบไปด้วยความจริงที่เขาจะไม่ลักพาตัวเด็กคนหนึ่ง แต่เขาไม่คำนึงว่าซีโน่เจเนอิคจะถูกนับ เพราะยังไงซะการล่าซีโน่เจเนอิคหรือกินซีโน่เจเนอิคก็เป็นเรื่องปกติในจักรวาล


 


“จะบอกก่อนหรือหลังจากที่ข้าไปช่วยเจ้ามันก็เหมือนกัน” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์พูด


 


“ใครกันที่เป็นคนทิ้งภาพวาดกระดานหมากล้อมพวกนี้เอาไว้บนกำแพง?” หานเซิ่นเปลี่ยนเรื่องและชี้ไปที่กระดานหมากที่อยู่บนกำแพง


 


“มอนสเตอร์เฒ่าคนหนึ่ง” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี เขาไม่ตอบคำถามของหานเซิ่น เขาไปนอนหลับบนเก้าอี้โยกของเขาต่อ


 


หานเซิ่นตรวจสอบกระดานหมากต่อตามลำพัง หลังจากที่ศึกษาเกี่ยวกับพวกมันอยู่สักพัก เขาก็รู้ว่าไม่สามารถไขรหัสของกระดานหมากได้ทัน ด้วยเหตุนั้นเขาจำเป็นต้องจดจำพวกมันเอาไว้ก่อน


 


เช้าวันต่อมา มีคนๆหนึ่งมายืนตะโกนเรียกโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์อยู่นอกหุบเขา ในตอนที่หานเซิ่นได้ยินเสียงของคนๆนั้น เขาก็รู้ในทันทีว่าอีกฝ่ายคือไป๋ว่านเจี้ย


 


‘เป็นเขาจริงๆ’ หานเซิ่นคิด ‘เป็นผู้ชายที่น่ารำคาญอะไรขนาดนี้ อย่าให้ฉันได้มีโอกาสนะ’


 


โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ยกตัวหานเซิ่นขึ้นมาและเทเลพอร์ตออกไปจากหุบเขา เขาโยนหานเซิ่นลงตรงหน้าไป๋ว่านเจี้ยและพูด


“นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการ ทีนี้การแลกเปลี่ยนก็ถือว่าเสร็จสิ้น”


 


ไป๋ว่านเจี้ยยกหานเซิ่นขึ้นมาด้วยความสับสนและถาม “ทำไมเขาถึงมีเส้นผมและดวงตาสีดำ? ที่ข้าต้องการคือเด็กหัวโล้นในชุดคลุมสีแดง”


 


“เขาเปลี่ยนชุดและมีเส้นผมงอกขึ้นมา” โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ตอบ


“แถมมันมีซีโน่เจเนอิคแค่ตัวเดียวในสเปชการ์เด้นที่ตรงกับที่เจ้าบอก ถ้าเจ้าหาซีโน่เจเนอิคอีกตัวที่เหมือนกันได้ เจ้ามาเอาหัวของข้าไปได้เลย”


 


“แน่นอนว่าข้าเชื่อท่านโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์” ไป๋ว่านเจี้ยตรวจเช็คหานเซิ่น


 


ก่อนหน้านี้เขาเห็นแค่หานเซิ่นพาเด็กในชุดคลุมสีแดงไปเพื่อช่วยเหล่าฟลาวเวอร์ก็อต เขาไม่ได้เห็นรายละเอียดอะไรมากนัก


 


นอกจากชุดและเส้นผมแล้ว เด็กคนนี้ก็ดูเหมือนกับเด็กในชุดคลุมสีแดงคนนั้น เขามีร่างกายซีโน่เจเนอิคเหมือนๆกัน ด้วยเหตุนั้นไป๋ว่านเจี้ยจึงแยกหานเซิ่นกับเด็กในชุดคลุมสีแดงที่เขาต้องการไม่ออก


 


ไป๋ว่านเจี้ยมองหานเซิ่นและถาม “เจ้าคือเด็กในชุดคลุมสีแดงจากสเปชการ์เด้นสินะ?”


 


หานเซิ่นแค่มองด้วยสายตาเย็นชาและไม่ได้พูดอะไรกลับไป


 


ไป๋ว่านเจี้ยขมวดคิ้ว เขาต้องการทำอะไรบางอย่าง แต่โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์พูดขึ้นมาก่อน “ตอนนี้พวกเจ้าไปได้แล้ว”


 


“ขอบคุณท่านโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์มาก ข้าต้องขอตัวก่อน”


ไป๋ว่านเจี้ยไม่อยากจะล่วงละเมิดโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ เขายังคงรู้สึกสงสัย แต่เขาก็ยอมจากไปพร้อมกับหานเซิ่น


 


หลังจากที่พวกเขาเดินออกไปจากดวงดาวแล้ว ไป๋ว่านเจี้ยก็กลับไปที่ยานรบของเขาและนำตัวหานเซิ่นไปขังเอาไว้


 


ไป๋ว่านเจี้ยมองดูหานเซิ่นผ่านหน้าจออยู่สักพัก แต่เขาก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าหานเซิ่นใช่เด็กในชุดคลุมสีแดงที่เขาเห็นในวันนั้นหรือเปล่า


 


“ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องกลับไปที่อาณาจักรของกษัตริย์และลองอ่านความทรงจำของเขาดู”


ไป๋ว่านเจี้ยไม่คิดจะเสียเวลาตรวจสอบหานเซิ่นด้วยตัวเอง นั่นไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่เขาต้องทำ มันมีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมายในเอ็กซ์ตรีมคิง


 


หานเซิ่นกังวลว่าไป๋ว่านเจี้ยอาจจะเลือกใช้การทรมานกับเขา ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ต้องทุกข์ทรมานอย่างมาก แต่หลังจากที่ไป๋ว่านเจี้ยเอาตัวของเขาไปขังเอาไว้ ไป๋ว่านเจี้ยก็ไม่ได้กลับมาหาเขาอีก


 


“เมื่อไหร่กันนะที่โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์จะมาช่วยเรา” หานเซิ่นไม่ได้ฝากความหวังเอาไว้กับโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์มากนัก ถ้าโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์หวาดกลัวเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง เขาก็จะรอคอยความช่วยเหลือที่จะไม่มีวันมาถึง


 


“ถ้าร่างกายของเราเป็นปกติ เราก็คงจะหนีไปจากที่นี่ได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร” หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ เขายังคงไม่สามารถใช้พลังใดๆได้


 


“โชคดีที่เรายังใช้วิญญาณอสูรได้ มันไม่ใช่ว่าไม่มีหนทางอยู่เลย” หานเซิ่นยังคงสงสัยว่ามีหนทางที่เขาจะหนีไปได้ไหม


 


แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะมีโอกาส พวกเขาก็ไปถึงอาณาจักรของกษัตริย์เรียบร้อยแล้ว


 


นี่เป็นครั้งที่สองที่หานเซิ่นมาที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง และเขาก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เขาคาดคิดเอาไว้ว่าเขาจะกลับมาที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง แต่เขาจะกลับมาในฐานะผู้ปกครองคนใหม่ เขาจะทำให้เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงตกอยู่ภายใต้กำมือของเขา


 


เขาไม่ได้คาดคิดว่าตัวเองจะกลับมาที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงในฐานะนักโทษแทน ท้องฟ้าของเผ่าเอ็กซ์ตรีงคิงเป็นสิ่งที่หานเซิ่นคุ้นเคย และเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา


“ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่เราโชคร้ายอะไรขนาดนี้ เราเป็นแพะรับบาปแทนเด็กในชุดคลุมสีแดงนั่น เราถูกจับตัวและนำกลับมาที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง แถมในตอนนี้เรายังไม่มีพลังอยู่อีก”

 

 

 


ตอนที่ 2799

 

หลังจากที่กลับไปถึงดวงดาว ไป๋ว่านเจี้ยก็พูดกับคนรับใช้ของเขา


“ไปตามมิสเตอร์หยินมาหาข้า”


 


จากทั้งสามเผ่าพันธุ์สูงสุดในจักรวาล เอ็กซ์ตรีมคิงเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีคนนอกมากที่สุด และพวกเขายังเพิ่มระดับพลังคนนอกหลายคนจนไปถึงระดับเทพเจ้า ระดับเทพเจ้าคนนอกส่วนใหญ่จึงจงรักภักดีและทำงานเพื่อเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงเท่านั้น พวกเขาแทบจะไม่กลับไปที่เผ่าของตัวเอง


 


มิสเตอร์หยินที่ไป๋ว่านเจี้ยพูดถึงคือหนึ่งในคนนอกที่เป็นระดับเทพเจ้าของเอ็กซ์ตรีมคิง เขาเป็นยอดฝีมือจากเผ่าโกสต์เฮดที่ไป๋ว่านเจี้ยส่งเสริมไปจนถึงระดับเทพเจ้า เขาจึงทำงานเพื่อไป๋ว่านเจี้ย


 


เผ่าโกสต์เฮดนั้นเก่งเรื่องการอ่านความทรงจำผู้คน และเมื่อพูดถึงระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่น มิสเตอร์หยินก็ถือว่าพิเศษกว่าคนอื่น เขาสามารถอ่านความทรงจำไปจนถึงตอนที่กำเนิดขึ้นมา เขาแค่จำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาเท่านั้น และเขายังสามารถเปลี่ยนความทรงจำเพื่อที่จะควบคุมคนๆนั้นได้อีกด้วย


 


เผ่าโกสต์เฮดนั้นสามารถเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้ และมันไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับมิสเตอร์หยินที่จะทำแบบนั้น


 


การอ่านความทรงจำตื้นๆเป็นบางสิ่งที่พวกเขาจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ ส่วนในตอนที่พวกเขาจะอ่านความทรงจำที่ฝังลึก พวกเขาจำเป็นต้องควบคุมคนๆนั้นซะก่อน มันจะเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลงความทรงจำของพวกเขา


 


หานเซิ่นถูกขังเอาไว้ในห้องแรงโน้มถ่วงสูงตลอดการเดินทาง และในตอนที่ประตูห้องเปิดออก เขาก็เห็นไป๋ว่านเจี้ยเดินเข้ามาข้างใน เขามากับคนที่ดูเหมือนกับราชาปีศาจพิคโกโร่


 


หานเซิ่นตรวจเช็คบุคคลผิวสีเขียวและเห็นหนวดสองหนวดงอกขึ้นมาบนหัวของเขา หานเซิ่นรู้ว่าไป๋ว่านเจี้ยจะไม่พาใครมาโดยไม่มีเหตุผล


 


“มิสเตอร์หยิน ขอบคุณที่มา” ไป๋ว่านเจี้ยพูด


 


มิสเตอร์หยินยิ้มและพูด “ด้วยความยินดีองค์ชาย ยังไงซะนี่ก็เป็นงานของข้า”


 


หลังจากนั้นมิสเตอร์หยินก็เดินมาตรงหน้าหานเซิ่น เนื่องจากหานเซิ่นถูกล็อคเอาไว้กับพื้นด้วยแรงโน้มถ่วง เขาไม่สามารถต่อต้านหรือเคลื่อนไหวร่างกายได้ เขาได้แต่มองดูมิสเตอร์หยินเดินมาตรงหน้าของเขา


 


ดวงตาสีเขียวของมิสเตอร์หยินมองมาที่ดวงตาของหานเซิ่น ริมฝีปากของเขายกขึ้น เขามีรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้าขณะที่พูดขึ้นว่า


“ไม่ต้องกลัวเด็กน้อย มันจะจบลงในไม่ช้า”


 


หลังจากนั้นหนวดสีเขียวบนหัวของเขาก็เรืองแสงสีเขียวออกมา ไม่กี่วินาทีต่อมาแสงสีเขียวก็พุ่งเข้าไปในกะโหลกของหานเซิ่นบริเวณช่องว่างระหว่างคิ้วของเขา


 


ตูม!


แสงสีเขียวรุกรานสมองของหานเซิ่นอย่างรวดเร็ว มันทำให้หานเซิ่นเข้าใจในทันทีว่าชายผิวเขียวนั้นมาที่นี่เพื่อทำอะไรกับเขา


 


“เขาต้องการจะอ่านความทรงจำของเรา!” หานเซิ่นหัวเราะในใจ เขาไม่กลัวว่าใครจะพยายามทรมานเขา แต่การพยายามจะอ่านความทรงจำของเขาเป็นเหมือนกับการรนหาที่ตาย ถึงแม้ตัวเขาจะไม่สามารถต่อต้านอะไรชายคนนั้นได้ แต่ชุดเกราะคริสตัลสีดำจะไม่ปล่อยให้อะไรแบบนั้นเกิดขึ้น


 


ถึงแม้ชุดเกราะคริสตัลจะไม่ได้สนใจอะไรในตัวหานเซิ่น แต่มันก็จะไม่ปล่อยให้ใครสแกนความทรงจำของหานเซิ่น เพราะนั่นจะทำให้การมีอยู่ของชุดเกราะคริสตัลสีดำถูกเปิดโปงไปด้วย


 


หลังจากที่แสงสีเขียวเข้าไปสมองของหานเซิ่น ชุดเกราะคริสตัลสีดำก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร ซึ่งนั่นทำให้หานเซิ่นสับสน แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เห็นใบหน้าของมิสเตอร์หยินเริ่มจะเปลี่ยนไป ดวงตาของเขาเบิกกว้างและผิวสีเขียวของเขาก็เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีดำ


 


ปัง!


มิสเตอร์หยินกรีดร้องและกระเด็นออกไปด้านหลังจนไปชนเข้ากับกำแพง พร้อมกับกระอักเลือดออกมา


 


“มิสเตอร์หยิน!” ไป๋ว่านเจี้ยขมวดคิ้วขณะที่เข้าไปพยุงมิสเตอร์หยินขึ้นมาจากพื้น


 


มิสเตอร์หยินเช็ดเลือดออกจากปากและจ้องไปที่หานเซิ่นด้วยความตกใจ


“ซีโน่เจเนอิคนี่แปลกมากๆ หัวของเขาแข็งเหมือนกับหิน มันไม่มีข้อมูลอะไรรั่วไหลออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว แม้แต่พลังโกสต์เบรกของข้าก็รุกรานสมองของเขาไม่ได้ องค์ชาย นี่เขาเป็นซีโนเจเนอิคระดับเทพเจ้าที่สูงกว่าขั้นลาร์วาอย่างนั้นหรอ?”


 


“ข้าไม่รู้ระดับพลังของซีโน่เจเนอิคนี้” ไป๋ว่านเจี้ยขมวดคิ้วและถาม


“เจ้าคิดว่ามีหนทางที่จะอ่านความทรงจำของเขาไหม?”


 


“ในตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเราจะใช้ได้แค่โกสต์เฮดฟอลที่เป็นวิชาจีโนลับของเผ่าข้าเท่านั้น”


มิสเตอร์หยินพูดอย่างลังเล “หลังจากการใช้วิชาจีโนนี้ ถึงแม้ซีโน่เจเนอิคนี่จะขั้นลาร์วา พวกเราก็ยังอ่านความทรงจำของเขาได้ แต่การใช้วิชาจีโนนี้จะสร้างความเสียหายต่อสมองของเป้าหมาย”


 


“เสียหายมากขนาดไหนกัน?” ไป๋ว่านเจี้ยถาม


 


“ถ้าพวกเราควบคุมมันได้อย่างถูกต้อง เขาก็จะสูญเสียแค่ความทรงจำบางส่วนไปเท่านั้น” มิสเตอร์หยินพูด


“แต่ถ้ามันไม่เป็นไปอย่างราบรื่น มันก็อาจจะเกิดความเสียหายมากถึงขนาดที่เขาจะกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไป”


 


ไป๋ว่านเจี้ยครุ่นคิดก่อนที่จะถามขึ้นมา “ถ้าเขากลายเป็นคนปัญญาอ่อน เจ้าคิดว่าพวกเราจะยังควบคุมร่างกายของเขาได้ไหม?”


 


“นั่นไม่ใช่เรื่องยากอะไร” มิสเตอร์หยินพูด


“พวกเราแค่จำเป็นต้องเขียนความทรงจำลงไปเพื่อให้เขาทำอะไรก็ตามที่องค์ชายต้องการ แต่เขาจะคิดด้วยตัวเองไม่ได้อีกต่อไป”


 


“นั่นไม่เป็นอะไร” ไป๋ว่านเจี้ยพูด


 


เมื่อไป๋ว่านเจี้ยอนุญาต มิสเตอร์หยินก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป หนวดบนหัวของเขาเริ่มจะเรืองแสงสีเขียวอีกครั้ง ครั้งนี้แสงสีเขียวไม่ได้พุ่งไปใส่หานเซิ่น มันพุ่งกลับมาที่หนวดของเขาและทำให้ร่างกายของมิสเตอร์หยินทั้งร่างปะทุด้วยสายฟ้าสีเขียว


 


มันเป็นอย่างนั้นประมาณเจ็ดถึงแปดนาที หลังจากนั้นเมื่อร่างกายของมิสเตอร์หยินสะสมสายฟ้าสีเขียวได้มากขึ้น ทั้งร่างกายของเขาก็กลายเป็นเงาสีเขียว


 


มิสเตอร์หยินจ้องมองไปที่หานเซิ่นอย่างน่ากลัว และเขาก็ใช้มือกดไปที่หัวของหานเซิ่น


 


มือของเขาเปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีเขียวเรียบร้อยแล้ว และเมื่อฝ่ามือของเขาสัมผัสหัวของหานเซิ่น มันก็ทำให้หัวของหานเซิ่นถูกช็อตด้วยสายฟ้า มันเหมือนกับว่ามีไฟฟ้านับไม่ถ้วนพลุ่งพล่านเข้าไปในสมองของหานเซิ่น


 


ทั้งร่างกายของมิสเตอร์หยินกลายเป็นสายฟ้าสีเขียวที่ตรงเข้าไปในสมองของหานเซิ่น มันทำให้ร่างกายของหานเซิ่นเรืองแสงสีเขียวออกมา แม้แต่เส้นผมของเขาก็ตั้งตรงเนื่องจากถูกไฟฟ้าช็อต


 


‘พลังในการต่อสู้ของโกสต์เฮดไม่ได้สูงมากนัก แต่พลังโกสต์เบรนของพวกเขาเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่ากลัว มันเป็นบางสิ่งที่หาได้ยากในจักรวาล ไม่แปลกใจเลยที่ท่านแม่ใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อส่งเสริมพวกเขา’


เมื่อเห็นทั้งหมดนี้ ไป๋ว่านเจี้ยก็พยักหน้า การส่งเสริมให้คนๆหนึ่งไปถึงพลังระดับเทพเจ้าด้วยจุดประสงค์นี้ถือเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากแล้ว ความสามารถของมิสเตอร์หยินนั้นทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ


 


ขณะที่ไป๋ว่านเจี้ยกำลังคิดแบบนั้น เขาก็หันไปมองหานเซิ่นที่กำลังถูกรุกรานโดยมิสเตอร์หยิน เขาพบว่าหานเซิ่นมองกลับมาที่เขาด้วยสีหน้าที่ดูถูก


 


จู่ๆไป๋ว่านเจี้ยก็รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร แสงสีเขียวบนร่างกายของหานเซิ่นก็ระเบิดเหมือนกับดอกไม้ไฟ หลังจากนั้นมันก็หายไป


 


ใบหน้าของไป๋ว่านเจี้ยเปลี่ยนไป เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงตัวตนของมิสเตอร์หยินภายในร่างกายของหานเซิ่นอีกต่อไป


 


“ซีโน่เจเนอิคโกสต์เฮดระดับเทพเจ้าถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูรโกสต์เฮด”


“ยีนระดับเทพเจ้าถูกดูดซับ ยีนระดับเทพเจ้า+6… ”


 


เสียงประกาศดังขึ้นในหัวของหานเซิ่น เขาได้รับยีนระดับเทพเจ้ามาถึงหกพ้อย


 


“เป็นผู้ชายที่ใจกว้างอะไรขนาดนี้! เขามอบยีนระดับเทพเจ้าและวิญญาณอสูรให้กับเราแบบฟรีๆ”


หานเซิ่นเอยในใจ ในตอนที่มิสเตอร์หยินเข้าไปในหัวของเขา เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่มีทางรอดกลับไป


 


มันเป็นอย่างที่หานเซิ่นคาดคิดเอาไว้ ชุดเกราะคริสตัลสีดำถูกกระตุ้นให้ตื่นจากการหลับไหล การรุกรานเข้ามาเพียงเล็กน้อยคือทั้งหมดที่มิสเตอร์หยินจำเป็นต้องทำเพื่อจะถูกฆ่าตายในวินาทีต่อมา เขากลายเป็นของหวานของหานเซิ่น


 


ขณะเดียวกันไป๋ว่านเจี้ยดูแย่มากๆ เขาไม่เคยคิดว่าการอ่านความทรงจำของหานเซิ่นจะยากขนาดนี้ แถมเขายังสูญเสียมิสเตอร์หยินที่เขาใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อยกระดับไปจนถึงระดับเทพเจ้าอีก

 

 

 


ตอนที่ 2800

 

ถึงไป๋ว่านเจี้ยจะรู้สึกแย่ แต่เรื่องนี้เขาก็ทำให้เขาเชื่อว่าโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์นั้นลักพาตัวมาถูกคนแล้ว ถ้านี่ไม่ใช่ซีโน่เจเนอิคที่พิเศษ แบบนั้นมันจะควบคุมสถานที่ที่แปลกประหลาดอย่างสเปชการเด้นได้ยังไง?


 


‘แต่ถึงเราจะรู้ว่าเขาคือเด็กในชุดคลุมสีแดงคนนั้น มันก็เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ ถ้าเราควบคุมเขาไม่ได้ แม้แต่มิสเตอร์หยินก็ควบคุมเขาไม่ได้ นั่นหมายความว่าเราคงจะต้องไปขอให้ราชครูช่วย แต่ราชครูเพิ่งจะเดินทางไปที่ระบบจักรวาลร้าง ดังนั้นเขาคงจะไม่กลับมาในเร็วๆนี้’ ไป๋ว่านเจี้ยถอนหายใจ เขารีบคิดเกี่ยวกับคนอื่น


 


‘ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ไวท์ของวินเทอร์การ์เด้นแทน’


ไป๋ว่านเจี้ยเรียกคนใช้มาและมอบบัตรผ่านทางให้อีกฝ่าย เขากำชับคนใช้ของเขาว่า “มีมารยาทกับมิสเตอร์ไวท์ อย่าได้ล่วงละเมิดเขาเป็นอันขาด”


 


คนใช้รับบัตรผ่านทางไปและรีบออกเดินทางทันที ไป๋ว่านเจี้ยคิดกับตัวเองว่า


‘มิสเตอร์ไวท์เป็นคนที่รอบรู้ ก่อนที่เขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า เขาก็ทำสิ่งที่น่าตกใจสำเร็จหลายอย่าง และหลังจากที่กลายเป็นระดับเทพเจ้า เขาก็ดียิ่งขึ้นไปอีก ด้วยความสามารถของเขา เขาอาจจะพอทำอะไรกับซีโน่เจเนอิคนี่ได้บ้าง’


 


“คารวะองค์ชาย” มิสเตอร์ไวท์เดินทางมาที่คฤหาสน์และโค้งคำนับต่อไป๋ว่านเจี้ย


 


“ไม่มีความจำเป็นที่มิสเตอร์ไวท์ต้องมีมารยาทขนาดนั้น”


ไป๋ว่านเจี้ยบอกให้มิสเตอร์ไวท์เงยหน้าขึ้นมา และเขาก็พูดต่อ “วันนี้ข้าขอให้มิสเตอร์ไวท์มาที่นี่ก็เพราะมันมีเรื่องที่ข้าหวังจะให้มิสเตอร์ไวท์ช่วย”


 


“ได้โปรดองค์ชายบอกข้ามา” มิสเตอร์ไวท์พูดอย่างอ่อนโยน


“ถ้าข้าช่วยเหลือองค์ชายได้ ข้าก็ยินดีจะทำ”


 


ไป๋ว่านเจี้ยบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องที่มิสเตอร์หยินใช้โกสต์เฮดฟอลกับหานเซิ่นและถูกฆ่าตายไป แต่ไป๋ว่านเจี้ยไม่ได้บอกเกี่ยวกับเรื่องราวของหานเซิ่น


 


หลังจากที่ได้ยินเรื่องราว มิสเตอร์ไวท์ก็คิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นมา


“ข้าจำเป็นต้องไปดูซีโน่เจเนอิคนั่นซะก่อน ข้าถึงจะตอบได้ว่าข้าจะช่วยองค์ชายได้หรือไม่”


 


“เชิญมิสเตอร์ไวท์ทางนี้” ไป๋ว่านเจี้ยพามิสเตอร์ไวท์ไปที่ห้องแรงโน้มถ่วงสูงที่ขังหานเซิ่นเอาไว้


 


หานเซิ่นเห็นไป๋ว่านเจี้ยพามิสเตอร์ไวท์มาดูเขา และในตอนที่เห็นแบบนั้น เขาก็รู้สึกดีใจขึ้นมา แต่เขาไม่กล้าจะแสดงความรู้สึกดีใจออกมา เขายังคงมองไปที่ไป๋ว่านเจี้ยด้วยใบหน้าเย้ยหยัน


 


“นั่นคือซีโน่เจเนอิคที่ข้าพูดถึง” ไป๋ว่านเจี้ยไม่สนใจการเย้ยหยันของหานเซิ่นและหันไปพูดกับมิสเตอร์ไวท์


 


มิสเตอร์ไวท์เดินมาตรงหน้าหานเซิ่นและตรวจเช็คเขา เขายื่นมือออกมาจับตัวหานเซิ่น ขณะที่มืออีกข้างกำลังนับนิ้วราวกับว่าเขากำลังคำนวณบางสิ่งบางอย่าง


 


หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว แต่ใบหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความดูถูก เขาไม่อยากให้ไป๋ว่านเจี้ยจับผิดอะไรได้


 


ถึงแม้ไป๋ว่านเจี้ยจะไม่ได้สังเกตถึงมัน มันก็มีกล้องวงจรปิดอยู่ที่นี่ ถ้าไป๋ว่านเจี้ยย้อนกลับไปดูภาพในกล้องวงจรปิด นั่นก็อาจจะนำภัยมาสู่มิสเตอร์ไวท์ได้


 


หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘ด้วยพลังของมิสเตอร์ไวท์ เขาจะต้องจดจำเราได้แน่นอน’


 


มิสเตอร์ไวท์ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรที่บ่งบอกว่าเขารับรู้ถึงเรื่องนั้น ใบหน้าของเขาไม่มีความเปลี่ยนแปลง และเขาก็ทำเหมือนกับว่าหานเซิ่นเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง เขาสัมผัสทุกซอกทุกมุมของร่างกายหานเซิ่น ก่อนที่จะกลับไปหาไป๋ว่านเจี้ย


 


ตลอดเวลาที่เขาทำอย่างนั้น แม้แต่หานเซิ่นเองก็ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆในดวงตาของมิสเตอร์ไวท์


 


‘นี่มิสเตอร์ไวท์จำเราไม่ได้อย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นรู้สึกเศร้าเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่เขาไม่สามารถแสดงมันออกมาได้


 


“มิสเตอร์ไวท์พบอะไรไหม?” ไป๋ว่านเจี้ยถาม


 


มิสเตอร์ไวท์หันไปมองหานเซิ่น ก่อนที่จะตอบกลับไป๋ว่านเจี้ยไปว่า


“พวกเราควรจะพูดเกี่ยวกับมันในตอนที่พวกเราออกไปจากที่นี่แล้ว”


 


เมื่อได้ยินแบบนั้น หานเซิ่นก็รู้สึกหนาวขึ้นมา ‘นี่มิสเตอร์ไวท์จำเราได้อย่างนั้นหรอ?’


 


ไป๋ว่านเจี้ยเข้าใจและเชิญมิสเตอร์ไวท์ออกจากห้องแรงโน้มถ่วงไปด้วยกัน


 


เขาพามิสเตอร์ไวท์ไปที่ห้องรับรอง หลังจากที่พวกเขานั่งลง ไป๋ว่านเจี้ยก็พูดขึ้นว่า “พวกเราพูดกันที่นี่ได้ มิสเตอร์ไวท์บอกข้าได้ทุกอย่าง”


 


มิสเตอร์ไวท์ไม่ได้ตอบกลับในทันที ดูเหมือนว่าเขากำลังเรียบเรียงสิ่งที่จะพูด หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็พูดขึ้นว่า


“จากที่ข้าพอจะบอกได้ มิสเตอร์หยินไม่ควรใช้โกสต์เฮดฟอลกับเขา มิสเตอร์หยินเพิ่งจะกลายเป็นขั้นทรานส์มิวเทชั่น ถึงแม้เขาจะเป็นขั้นลาร์วาหรือขั้นบัตเตอร์ฟลาย การใช้โกตส์เฮดฟอลก็จะจบลงด้วยความตายของเขา”


 


ไป๋ว่านเจี้ยประหลาดใจ เขาถามขึ้นว่า “ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?”


 


“ถ้าข้าคาดเดาได้ถูกต้อง ซีโน่เจเนอิคนั่นมาจากสเปชการ์เด้น”


มิสเตอร์ไวท์ค่อยๆพูด “นี่ข้าพูดถูกใช่ไหม?”


 


“รู้ได้ยังไงว่ามันมาจากที่ไหน?” ไป๋ว่านเจี้ยแปลกใจ เขาไม่ได้บอกมิสเตอร์ไวท์เกี่ยวกับที่มาของหานเซิ่น แต่มิสเตอร์ไวท์ก็สามารถคาดเดามันได้ นั่นเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ


 


มิสเตอร์ไวท์พูด “ข้าถนัดเรื่องการคาดเดา และมันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะดูว่ามันมาจากที่ไหน”


 


“ยอดเยี่ยม แต่นั่นหมายความว่ายังไง?” ตอนนี้ไป๋ว่านเจี้ยเริ่มเชื่อมิสเตอร์ไวท์แล้ว


 


“จากที่ข้ารู้ สเปชการ์เด้นคือซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต”


มิสเตอร์ไวท์ตอบ “พลังของมันเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ ถึงแม้ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่นจะพยายาม พวกเขาก็ไม่อาจจะเข้าไปในสเปชการ์เด้นได้”


 


มิสเตอร์ไวท์บอกได้ถึงความลับของที่นั่น ด้วยเหตุนั้นเขาจึงรู้สึกเชื่อมิสเตอร์ไวท์ยิ่งกว่าเดิม


 


ความลับที่ว่าสเปชการ์เด้นเป็นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตนั้นมีน้อยคนที่จะรู้ ไป๋ว่านเจี้ยรู้ถึงเรื่องนี้ก็เพราะว่าเขาเคยได้ยินมาจากราชาไป๋


 


ส่วนมิสเตอร์ไวท์นั้นมาจากเผ่าพันธุ์เล็กๆเท่านั้น แต่เขากลับรู้ถึงความลับของสเปชการ์เด้น นั่นทำให้ไป๋ว่านเจี้ยเชื่อมิสเตอร์ไวท์ยิ่งกว่าเดิม


 


“เมื่อครู่นี้ข้าคำนวณถึงตัวตนของซีโน่เจเนอิคนั่น ถ้าให้ข้าคาดเดา เขาคือลูกของสเปชการ์เด้น นั่นทำให้เขามีความพิเศษที่สืบทอดมาจากมัน เขาเป็นเด็กพิเศษที่จะยึดครองจักรวาลได้เลย”


 


มิสเตอร์ไวท์หยุดไปชั่วคราวและพูดต่อ “ข้าเชื่อว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นในสเปชการ์เด้น ทำให้สิ่งมีชีวิตมากมายต้องตายไป นั่นจะต้องเกิดขึ้นในตอนที่เขากำเนิดขึ้นมา ซึ่งในตอนที่เด็กคนนี้ถือกำเนิด พลังชีวิตและยีนของเขาน่ากลัวยิ่งกว่าซีโน่เจเนอิคที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่เกิด เขาเกือบจะเป็นอมตะ ผู้คนอาจจะฆ่าเขาได้ แต่การจะครอบงำจิตใจของเขาเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้”


 


“ถ้านั่นเป็นความจริง ข้าจะควบคุมเขาได้ยังไง?” ไป๋ว่านเจี้ยรู้ว่ามิสเตอร์ไวท์ไม่ได้ไปที่สเปชการ์เด้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พูดราวกับว่าตัวเองอยู่ที่นั่น ซึ่งทำให้ไป๋ว่านเจี้ยรู้สึกสับสนอย่างมาก


 


“ด้วยพลังของข้า ข้าไม่คิดว่าจะช่วยเหลือองค์ชายได้” มิสเตอร์ไวท์พูด


“ทำไมองค์ชายไม่ไปขอความช่วยเหลือจากราชครู? ด้วยพลังของเขา ข้าเชื่อว่าองค์ชายจะควบคุมมันได้”


 


“ราชครูออกไปทำธุระ และข้ากลัวว่าเขาจะไม่กลัวมาในเร็วๆนี้”


ไป๋ว่านเจี้ยคิดว่ามิสเตอร์ไวท์ยังมีเรื่องที่จะพูดอีก ดังนั้นเขาจึงถามขึ้นว่า “มิสเตอร์ไวท์ มันไม่มีหนทางอื่นเลยอย่างนั้นหรอ?”


 


“มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหนทางอยู่เลย แต่มันจะเป็นอะไรที่น่ารำคาญมากๆ” มิสเตอร์ไวท์พูด


 


“มิสเตอร์ไวท์ได้โปรดบอกข้ามา” ไป๋ว่านเจี้ยพูด


 


“ถ้าองค์ชายต้องการควบคุมเด็กคนนี้ บางทีองค์ชายควรจะไปใช้โอเวอร์แบริ่งอาย” มิสเตอร์ไวท์พูดอย่างช้าๆ

 

 

 


ตอนที่ 2801

 

“โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง? หมายความว่าอะไร?”


ไป๋ว่านเจี้ยขมวดคิ้วและมองไปที่มิสเตอร์ไวท์ โอเวอร์แบริ่งอายเป็นสถานที่ต้องห้ามของเอ็กซ์ตรีมคิง แม้แต่ในหมู่ราชวงศ์ของเอ็กซ์ตรีมคิงก็มีผู้คนไม่มากนักที่ได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่น


 


ไป๋ว่านเจี้ยเป็นองค์รัชทายาทของเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เพิ่งจะได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่นเมื่อไม่นานมานี้ แน่นอนเขารู้ว่าโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงคืออะไร แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมิสเตอร์ไวท์ถึงได้พูดถึงโอเวอร์แบริ่งอายขึ้นมา เขาไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวข้องกับการจะควบคุมซีโน่เจเนอิคตัวนี้ยังไง?


 


มิสเตอร์ไวท์ไม่ได้เร่งรีบที่จะตอบ “ซีโน่เจเนอิคนี่เป็นอะไรที่พิเศษมากๆ มันเป็นซีโน่เจเนอิคที่เกิดขึ้นมาจากพืชที่มีร่างกายเป็นของตัวเอง ร่างกายของมันเกิดมาจากซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต โครงสร้างร่างกายและความคิดของมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นั่นเป็นเหตุผลที่วิชาโกสต์เฮดฟอลของมิสเตอร์หยินไม่ได้ผล”


 


หลังจากหยุดไปชั่วครู่ มิสเตอร์ไวท์ก็พูดต่อ “จากที่ข้ารู้ มันมีเพียงแค่โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงที่เป็นดวงตาขั้นทรูก็อตถึงจะได้ผล มันมีพลังที่เด็ดขาด ด้วยการใช้พลังที่เด็ดขาดควบคุมร่างกายขั้นทรูก็อตของซีโน่เจเนอิค หลังจากนั้นทั้งหมดที่องค์ชายจำเป็นต้องทำก็คือใช้วิชาควบคุมจิตใจธรรมดาเพื่อควบคุมหัวใจของมัน องค์ชายไม่จำเป็นต้องใช้อะไรอย่างโกสต์เฮดฟอล”


 


ไป๋ว่านเจี้ยมองมิสเตอร์ไวท์และถาม “นั่นจะได้ผลจริงๆอย่างนั้นหรอ?”


 


“ข้าแค่คาดเดาเท่านั้น แต่ข้าไม่คิดว่าความจริงจะแตกต่างไปจากที่ข้าคาดเดามากนัก”


มิสเตอร์ไวท์พูด “แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่องค์ชายต้องจำเอาไว้”


 


“บอกข้ามา” ไป๋ว่านเจี้ยมองมิสเตอร์ไวท์ด้วยดวงตาที่คมราวกับดาบ มันเหมือนกับว่าเขาพยายามจะมองทะลุเข้าในในหัวใจของอีกฝ่าย


 


มันเป็นอย่างที่มิสเตอร์ไวท์พูด โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงถูกทิ้งเอาไว้โดยกษัตริย์องค์ที่สองที่เป็นถึงระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต มันเป็นยีนที่ดีที่สุดของกษัตริย์องค์ที่สองของเอ็กซ์ตรีมคิง มันมีพลังมหาศาล


 


กษัตริย์องค์ที่สองตัดสินใจจะไม่เข้าไปในจีโนฮอลล์ เขานั้นเลือกจะทิ้งโอเวอร์แบริ่งอายเอาไว้ก็เพื่อความรุ่งเรืองของอาณาจักรกษัตริย์


 


มันคือกุญแจสำคัญของระบบป้องกันของอาณาจักรกษัตริย์ มันเหมือนกับสกายอายของปราสาทนภา มันเป็นสิ่งที่ควบคุมและตัดสินชะตากรรมของทั้งเผ่าพันธุ์ มันสำคัญมากกว่าสมบัติขั้นทรูก็อตชิ้นไหนๆของเอ็กซ์ตรีมคิง มันเป็นบางสิ่งที่พวกเขาไม่อาจจะสูญเสียไปได้


 


“ขณะที่องค์ชายใช้โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง องค์ชายอย่าได้เร่งกระบวนการ”


มิสเตอร์ไวท์พูดอย่างจริงจัง “องค์ชายจะต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ไม่อย่างนั้นมันอาจจะส่งผลตรงกันข้ามได้ ได้โปรดจำเอาไว้ให้ดีว่าถ้าองค์ชายตัดสินใจจะใช้วิธีนี้ องค์ชายอย่าได้เร่งมัน ไม่อย่างนั้นมันอาจจะมีหายนะเกิดขึ้น”


 


“โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงคือหัวใจของอารยธรรมของเอ็กซ์ตรีมคิง” ไป๋ว่านเจี้ยพูด


“ข้าคงจะพาสิ่งมีชีวิตอื่นไปที่นั่นไม่ได้ มันยังมีหนทางอื่นอีกไหม?”


 


มิสเตอร์ไวท์คิดอีกสักพักก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีอื่นอยู่เลย ข้าเคยได้ยินว่ากษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นมีหนังสือของกษัตริย์ที่จะแบ่งร่างกายและจิตใจของสิ่งมีชีวิตในจักรวาล ถ้าองค์ชายใช้หนังสือนั่น องค์ชายก็จะควบคุมจิตใจของซีโน่เจเนอิคตัวนั้นได้”


 


“หนังสือของกษัตริย์ไม่ได้ถูกใช้โดยท่านพ่อมาเป็นเวลานานแล้ว”


ไป๋ว่านเจี้ยพูด “และมันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำยกเว้นเพื่อใช้กับเรื่องแบบนี้”


 


“ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นที่ข้าจะทำได้” มิสเตอร์ไวท์โค้งคำนับและพูด


“ในอาณาจักรของกษัตริย์มียอดฝีมืออยู่มากมาย บางทีองค์ชายควรจะลองไปขอคำแนะนำจากคนอื่นถึงสิ่งที่องค์ชายจะทำได้”


 


“ขอบคุณมิสเตอร์ไวท์มาก” ไป๋ว่านเจี้ยส่งมิสเตอร์ไวท์กลับ


 


โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ ดังนั้นไป๋ว่านเจี้ยไม่คิดจะใช้มันตามคำแนะนำของมิสเตอร์ไวท์ เขาไปถามยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนอื่นเพื่อขอความเห็น แต่มันเป็นอย่างที่มิสเตอร์ไวท์พูด พวกเขาไม่สามารถทำอะไรกับหานเซิ่นได้ แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลายที่ถนัดในวิชาควบคุมจิตใจก็ไม่สามารถควบคุมจิตใจของหานเซิ่นได้


 


ไป๋ว่านเจี้ยขอให้ลุงของเขามาช่วยดู แต่เขาก็ยังไม่สามารถควบคุมหานเซิ่นได้ ดังนั้นเขาจึงบอกลุงของเขาเกี่ยวกับวิธีการของมิสเตอร์ไวท์


“ท่านลุงคิดว่าวิธีการของมิสเตอร์ไวท์จะได้ผลจริงไหม?”


 


“มันก็ฟังดูเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล แต่ก่อนที่พวกเราจะลองมันดู ข้าบอกไม่ได้ว่ามันจะได้ผลจริงๆ” หนานฮวายคังพูด


 


“ท่านลุงคิดว่าข้าควรลองมันดูไหม?” ไป๋ว่านเจี้ยถาม


 


ยิ่งหานเซิ่นทรงพลังมากเท่าไหร่ ไป๋ว่านเจี้ยก็ยิ่งปรารถนาจะควบคุมเขามากเท่านั้น ในตอนที่อยู่ในสเปชการ์เด้น ไป๋ว่านเจี้ยได้เห็นแสงสีเขียวพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้า เขาคิดว่าคนที่ฆ่าพระเจ้านั้นอยู่ภายในสเปชการ์เด้น บางทีสิ่งประจำตัวของพระเจ้าอาจจะยังอยู่ในสเปชการ์เด้น ซึ่งมันทำให้ไป๋ว่านเจี้ยต้องการจะได้สเปชการ์เด้นมากยิ่งกว่าเดิม


 


“มันเป็นอะไรที่มีประโยชน์ แต่โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงมันสำคัญเกินไป”


หนานฮวายคังพูด “องค์ชายไม่ควรจะใช้มันกับเรื่องเล็กๆแค่นี้ ในกรณีที่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น องค์ชายอาจจะระงับความโกรธของราชาไป๋ไม่ได้”


 


หนานฮวายคังไม่ได้รู้ว่าไป๋ว่านเจี้ยต้องการสเปชการ์เด้น และนอกจากทรัพยากรในสเปชการ์เด้นแล้ว เขายังต้องการสิ่งประจำตัวของพระเจ้าที่คนอื่นทุกคนก็ต้องการ


 


การได้สิ่งประจำตัวของพระเจ้ามานั่นหมายความว่าเขาจะได้กลายเป็นเทพสปิริต นั่นเป็นบางสิ่งที่แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตก็ต้องการ ไป๋ว่านเจี้ยไม่คิดจะปล่อยโอกาสแบบนี้ไป


 


หลังจากที่ส่งหนานฮวายคังกลับไป ไป๋ว่านเจี้ยก็ใช้เครื่องมือในการทรมานหลายอย่างกับหานเซิ่น แต่ไม่ว่าเขาจะทำยังไง เขาก็ไม่สามารถทำให้หานเซิ่นเชื่อฟังได้


 


สถานการณ์ของหานเซิ่นเป็นอะไรที่เลวร้าย ครั้งนี้เขาถูกทรมานจนได้รับบาดเจ็บไปทั่วร่างกาย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจ หานเซิ่นรู้ดีว่าไป๋ว่านเจี้ยต้องการสเปชการ์เด้น และไป๋ว่านเจี้ยจะไม่ฆ่าเขาจนกว่าที่จะได้มันมา


 


ไป๋ว่านเจี้ยมองไปที่หานเซิ่นด้วยความดูถูก แต่หลังจากที่เงียบไปเป็นเวลานาน จู่ๆเขาก็ปิดแรงโน้มถ่วงที่กดร่างของหานเซิ่นเอาไว้ เขายกหานเซิ่นขึ้นมาและออกไปจากห้องแรงโน้มถ่วงสูง


 


ไป๋ว่านเจี้ยคิดเกี่ยวกับมันทุกเช้าค่ำ เขาไม่สามารถอดทนต่อแรงดึงดูดของสเปชการ์เด้นและสิ่งประจำตัวของพระเจ้าได้พบอีกต่อไป เขาต้องการจะพาหานเซิ่นไปที่โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง และทำตามที่มิสเตอร์ไวท์บอกกับเขา


 


หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘นี่ไป๋ว่านเจี้ยกำลังจะพาเราไปไหน? ดูเหมือนกับมิสเตอร์ไวท์จะจำเราไม่ได้จริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะแสดงปฏิกิริยาออกมาบ้าง หรืออย่างน้อยๆเขาก็ควรบอกใบ้ให้เรารู้’


 


ไป๋ว่านเจี้ยแบกหานเซิ่นผ่านระบบป้องกันมากมาย หานเซิ่นรู้สึกตกใจกับเรื่องนั้น เขาคิดกับตัวเอง


‘แม้แต่ห้องนอนของราชาไป๋ก็ไม่ควรจะมีระบบป้องกันมากถึงขนาดนี้ นี่เขากำลังพาเราไปที่ไหนกัน?’


 


หานเซิ่นเริ่มจะรู้สึกกังวลขึ้นมา เพราะยังไงซะร่างกายของเขาก็ยังคงไม่ฟื้นตัว เขาค่อนข้างหวาดกลัว


 


ในตอนที่ไป๋ว่านเจี้ยไปหยุดอยู่หน้าปราสาทหลังหนึ่ง หานเซิ่นก็ได้เห็นรูปปั้นที่ดูคุ้นเคย รูปปั้นนั้นเหมือนกับที่เขาเห็นในพาวิลเลี่ยนของเอ็กซ์ตรีมคิง มันเป็นรูปปั้นกษัตริย์องค์ที่สองของเอ็กซ์ตรีมคิง


 


แต่รูปปั้นนี้ดูแตกต่างไปจากรูปปั้นที่เขาเคยเห็นในพาวิลเลี่ยนเล็กน้อย รูปปั้นกษัตริย์องค์ที่สองที่อยู่ตรงหน้าปราสาทหลังนี้ถือตาชั่งอยู่ในมือ มันทำให้ทั้งรูปปั้นดูจริงจัง มันดูเหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องเป็นอะไรที่เท่าเทียม มันเหมือนกับเทพแห่งความยุติธรรมที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกขณะที่มองไปที่ทุกๆคน

 

 

 


ตอนที่ 2802

 

 


มันมีบางสิ่งแปลกๆเกี่ยวกับรูปปั้น ดวงตาข้างหนึ่งของรูปปั้นปิดอยู่ ขณะที่ดวงตาอีกข้างนั้นเปิดออก แถมดวงตาที่เปิดอยู่นั้นยังดูแปลกประหลาดอีกด้วย


 


ดวงตานั้นเป็นสีดำและขาว แต่มันแตกต่างไปจากดวงตาปกติทั่วไปที่ลูกตาเป็นสีขาว ขณะที่รูม่านตาเป็นสีดำ ดวงตาของรูปปั้นเป็นสีดำครึ่งหนึ่งและสีขาวครึ่งหนึ่ง สีดำและสีขาวนั้นแยกออกไปกันคนละข้างจนเห็นได้อย่างชัดเจน


 


เมื่อหานเซิ่นได้เห็นดวงตาสีดำและขาว เขาก็เริ่มจะรู้สึกขนลุกขึ้นมา ดวงตาของรูปปั้นทำให้ทุกคนที่มองเห็นมันรู้สึกหนาวขึ้นมา มันเป็นดวงตาที่ตัดสินว่าพวกเขาทุกคนเป็นคนบาป


 


ใกล้ๆกับรูปปั้นของกษัตริย์องค์ที่สอง มีเสียงของคนๆหนึ่งดังขึ้นมา “องค์ชาย ทำไมองค์ชายถึงมาที่นี่?”


 


ทันใดนั้นหานเซิ่นก็สังเกตเห็นชายแก่คนหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้ารูปปั้น หานเซิ่นไม่ได้เห็นว่าเขามีหน้าตาเป็นยังไง เนื่องจากเขากำลังคุกเข่าอยู่ เขาดูเหมือนกับคนที่กำลังภาวณาต่อเทพ แถมเขายังหันหน้าไปทางรูปปั้น


 


หานเซิ่นเห็นว่าเส้นผมของชายแก่คนนั้นซีดราวกับหิมะ แต่เขาไม่สามารถระบุอย่างอื่นได้ เพราะเส้นผมปกคลุมทั้งร่างกายของชายแก่ เขาเหมือนกับวานรหิมะที่กำลังคุกเข่า ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่หานเซิ่นไม่ได้สังเกตเห็นเขาก่อนหน้านี้


 


“ไป๋ว่านเจี้ย คารวะผู้อาวุโสเถี่ย”


ฐานะภายในเอ็กซ์ตรีมคิงของไป๋ว่านเจี้ยนั้นถือว่าสูง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคารวะชายแก่ นั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าชายแก่คนนี้จะต้องเป็นบุคคลที่พิเศษมากๆ


 


“โอ้ไม่! ข้าเป็นแค่ข้ารับใช้คนหนึ่ง ทำไมองค์ชายถึงมาที่โถงแห่งกฎอย่างนั้นหรอ?”


ชายแก่ยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้นและไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ถ้ามีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย มันก็คงจะไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังพูดกับไป๋ว่านเจี้ย


 


“ข้าจับซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งมาได้” ไป๋ว่านเจี้ยพูดอย่างมีมารยาท


“ข้าต้องการจะควบคุมมัน แต่ร่างกายของมันแปลกประหลาดมากๆ มันเป็นครึ่งพืชครึ่งซีโน่เจเนอิคที่กำเนิดมาจากซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต มันไม่มีวิชาไหนจะควบคุมจิตใจของมันได้ ด้วยเหตุนั้นข้าจึงต้องการจะใช้พลังแห่งกฎของโอเวอร์แบริ่งอายเพื่อควบคุมมัน”


 


“องค์ชายรู้ใช่ไหมว่าโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงเป็นรากฐานของอาณาจักรกษัตริย์? องค์ชายคิดว่ามันเหมาะสมอย่างนั้นหรอที่จะทำให้พวกเราทุกคนต้องเสี่ยงกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้?” ชายแก่พูดขึ้นมา แต่เขายังคงคุกเข่าต่อหน้ารูปปั้นต่อไป


 


ไป๋ว่านเจี้ยไม่กล้าจะล่วงละเมิดชายแก่ เขาพูดอย่างมีมารยาท


“ผู้อาวุโสเถี่ย ถ้ามันเป็นแค่การควบคุมซีโน่เจเนอิคธรรมดา ข้าก็คงไม่กล้าจะมารบกวน แต่ซีโน่เจเนอิคตัวนี้เป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมซีโน่เจเนอิคสเปชที่พิเศษ ซีโน่เจเนอิคสเปชนั่นสำคัญต่อข้ามากๆ มันจะตัดสินอนาคตของข้าในฐานะขั้นทรูก็อต ด้วยเหตุนั้นข้าหวังว่าผู้อาวุโสเถี่ยจะช่วยเหลือข้า”


 


ชายแก่ไม่ได้พูดอะไร หัวใจของไป๋ว่านเจี้ยรู้สึกห่อเหี่ยวเล็กน้อยเมื่อเห็นแบบนั้น ถ้ามันมีหนทางอื่นอยู่อีกล่ะก็ เขาก็คงจะไม่มาที่นี่


 


แต่หลังจากที่ผ่านไปสักพัก ชายแก่ก็พูดขึ้นมา “วางมันลงบนด้านซ้ายของตาชั่งแห่งกฎ”


 


ทันใดนั้นไป๋ว่านเจี้ยก็รู้สึกดีใจขึ้นมา เขาเอาหานเซิ่นไปวางลงบนตาชั่งที่รูปปั้นกษัตริย์องค์ที่สองกำลังถืออยู่


 


หานเซิ่นรู้สึกแย่กับเรื่องนี้ เขาไม่รู้ว่าโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีงคิงนั้นจะทำอะไร หลังจากที่ไป๋ว่านเจี้ยปล่อยตัวเขาลงบนตาชั่ง เขาก็พยายามจะดิ้นรน


 


แต่เขาค้นพบว่าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ มันเหมือนกับว่ามีพลังที่มองไม่เห็นล็อคตัวเขาเอาไว้บนตาชั่ง


 


ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าตาชั่งเป็นเพียงแค่เครื่องประดับเท่านั้น เขาไม่ได้คิดว่าตาชั่งจะใช้งานได้จริงๆ หลังจากที่เขาถูกวางบนด้านซ้ายของตาชั่ง น้ำหนักของเขาก็ถ่วงจานข้างซ้ายของตาชั่งลง


 


ในตอนที่จานข้างซ้ายของตาชั่งถูกกดลง ดวงตาของกษัตริย์องค์ที่สองก็เริ่มเรืองแสงขึ้น แสงสีดำและสีขาวออกมาจากดวงตาของรูปปั้น แสงสีขาวนั้นส่องออกไปที่จานข้างซ้ายของตาชั่ง ขณะที่แสงสีดำส่องไปที่จานข้างขวาของตาชั่ง


 


แสงสีขาวส่องลงมาบนร่างกายของหานเซิ่น เขารู้สึกราวกับว่ามีพลังประหลาดรุกรานเข้าไปในร่างกายของเขา มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด มันเหมือนกับว่าเขากำลังถูกสแกนหรือถูกเอ็กซเรย์ทุกส่วนของร่างกาย หานเซิ่นสัมผัสว่าการเอ็กซเรย์นั้นไม่ได้ใช้เพื่อส่องดูกระดูกของเขา พวกมันกำลังส่องดูยีนของเขา


 


ในตอนที่แสงสีขาวสแกนร่างกายของหานเซิ่น แสงสีดำก็ส่องสว่างไปที่จานด้านขวาของตาชั่ง และก่อตัวเป็นตุ้มถ่วงน้ำหนักสีดำ


 


ตุ้มถ่วงน้ำหนักสีดำนั้นแสดงตัวเลขที่กำลังเปลี่ยนแปลง มันเริ่มต้นจากเลขหนึ่งและเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ


 


“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองได้รับความเสียหายอะไร แต่ความรู้สึกแปลกๆทำให้เขาใจคอไม่ดี เขาไม่รู้ว่าตัวเลขพวกนั้นหมายความว่าอะไร


 


ชายแก่ยังคงก้มหน้าคุกเข่าต่อไป ดังนั้นเขาไม่ได้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ไป๋ว่านเจี้ยจับจ้องไปที่ตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักสีดำ ซึ่งกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆบนจานด้านขวาของตาชั่ง


 


ถึงแม้เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจะเริ่มต้นจากอัลฟ่า แต่รากฐานอารยธรรมของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นถูกสร้างขึ้นโดยกษัตริย์องค์ที่สอง


 


มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเริ่มต้นธุรกิจ แต่การจะทำให้มันดำเนินต่อไปนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง กษัตริย์องค์ที่สองสานต่อสิ่งที่อัลฟ่าได้เริ่มต้นและสร้างอารยธรรมที่คอยค้ำจุนเอ็กซ์ตรีมคิง มันเป็นสิ่งที่ทำให้เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงอยู่มาเป็นพันล้านปี


 


ตำนานบอกว่ากษัตริย์องค์ที่สองเป็นคนที่โหดเหี้ยมและเลือดเย็น เขาปฏิบัติกับสมาชิกในราชวงศ์ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เขาประหารแม้กระทั่งลูกชายของตัวเองที่ทำผิดกฎหมาย


 


โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงคืออาวุธจีโนของเขา มันมีพลังประหลาดอยู่ภายในที่เรียกว่าซิน มันจะตัดสินว่าสิ่งมีชีวิตหนึ่งมีบาปหรือไม่


 


ถ้าสิ่งมีชีวิตนั่นมีบาปหนา พลังโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กษัตริย์องค์ที่สองตัดสินบาปของยอดฝีมือขั้นบัตเตอร์ฟลายคนหนึ่งในตอนที่เขาเพิ่งจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ เขาฆ่ายอดฝีมือขั้นบัตเตอร์ฟลายคนนั้นในการโจมตีเพียงครั้งเดียวโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาส


 


นั่นเป็นเหตุผลที่โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงเริ่มกลายเป็นสิ่งที่มีชื่อเสียง มันกลายเป็นหนึ่งในอาวุธจีโนที่ทรงพลังที่สุด มันติดสิบอันดับสูงสุดในจักรวาลจีโน


 


ด้วยพลังของกษัตริย์องค์ที่สองของเอ็กซ์ตรีมคิง ทุกคนเชื่อว่าเขาจะใช้โอเวอร์แบริ่งอายเพื่อเข้าไปในจีโนฮอลล์และกลายเป็นเทพสปิริต


 


มันไม่มีใครคาดคิดว่ากษัตริย์องค์ที่สองจะทิ้งอาวุธจีโนเอาไว้เบื้องหลังเพื่อเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ด้วยการทำแบบนั้นทำให้เขาสูญเสียโอกาสที่จะได้เข้าไปในจีโนฮอลล์


 


ตำนานหนึ่งกล่าวว่าถึงแม้โอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงจะทรงพลังมากๆ แต่มันใช้ไม่ได้ผลกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีบาปติดตัว ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีใครรู้ว่าโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นตัดสินบาปของคนๆหนึ่งได้ยังไง


 


ในตอนที่กษัตริย์องค์ที่สองยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนที่กล้าบุกมาโจมตีอาณาจักรของกษัตริย์ กษัตริย์องค์ที่สองได้สร้างรากฐานที่คอยค้ำจุนเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงมาเป็นเวลากว่าพันล้านปี


 


ตอนนี้หานเซิ่นถูกล็อคเอาไว้บนตาชั่งด้วยพลังโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง และตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักบนจานด้านขวาของตาชั่งก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งตัวเลขสูงมากเท่าไหร่ บาปที่หานเซิ่นก่อเอาไว้ก็มากขึ้นเท่านั้น


 


ในตอนที่ตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักเท่ากันกับจำนวนบาปของหานเซิ่น ตาชั่งก็จะกลับมาสมดุลอีกครั้ง ในเวลานั้นโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงก็จะตัดสินบาปของหานเซิ่น


 


ตอนนี้ตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักนั้นอยู่ที่สามสิบ แต่จานด้านซ้ายของตาชั่งที่มีหานเซิ่นอยู่นั้นยังคงต่ำกว่า มันยังคงไม่สมดุล


 


เมื่อเห็นตัวเลขบนตุ้มถ่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่องๆอย่างไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ใบหน้าของไป๋ว่านเจี้ยก็ดูแปลกๆ


“มันเกินหนึ่งร้อยแล้ว แต่ตาชั่งก็ยังไม่สมดุล นี่ซีโน่เจเนอิคตัวนี้ไปทำอะไรเอาไว้ ถึงได้ถูกตัดสินว่ามีบาปหนาขนาดนี้?”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)