Super God Gene 2781-2790
ตอนที่ 2781
“ถ้าใครช่วยเผ่าพันธุ์ของเรา พวกเราจะมอบกุญแจสำหรับครึ่งหนึ่งของสเปชการ์เด้นให้กับคนๆนั้น”
ไวโอเล็ตประกาศอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะชื่นชอบการให้สัญญา “ครึ่งหนึ่งของสเปชการ์เด้นจะถูกแบ่ง นั่นคือสัญญาของพวกเรา”
กลุ่มของยอดฝีมือมาที่สเปชการ์เด้นโดยยานรบของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต พวกเขาไม่ได้รู้ถึงเส้นทางมาที่นี่ เพราะอย่างนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รู้ว่าการจะเข้ามาในสเปชการ์เด้นนั้นจำเป็นต้องมีรหัสผ่านหรือเทคนิคพิเศษอะไรหรือเปล่า ดังนั้นถึงพวกเขาจะยืดครองสเปชการ์เด้นในตอนนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าพวกเขาไม่สามารถเข้ามาอีกครั้งได้
จากสิ่งที่ไวโอเล็ตพูด ดูเหมือนกับว่าพวกเขาจำเป็นต้องมีของบางอย่างเพื่อเข้ามาในสเปชการ์เด้น นั่นทำให้ทุกคนสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและเปราะบางที่สุดของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต แต่ถ้าไวโอเล็ตกล้าพาพวกเขาทั้งหมดมาที่นี่ นั่นก็หมายความว่าเขาต้องเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้นเขาไม่มีทางพกของอะไรก็ตามที่จะทำให้คนอื่นเข้ามาในสเปชการ์เด้นได้ในภายหลัง
ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าทั้งหมดกำลังตรวจสอบเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตที่ถูกฝังอยู่ในพื้น และขณะที่พวกเขาทำแบบนั้น หานเซิ่นเองก็กำลังครุ่นคิดเช่นกัน หลังจากนั้นเขาก็บินขึ้นไปสู่ท้องฟ้า เขาอยากจะมองลงมาที่สเปชการ์เด้นจากด้านบน
แต่ขณะที่หานเซิ่นบินขึ้นไป เขาก็สังเกตเห็นว่ามีคนๆหนึ่งบินขึ้นมาพร้อมกับเขา เห็นได้ชัดว่าคนๆนั้นก็มีความคิดแบบเดียวกัน
เงานั่นสังเกตเห็นหานเซิ่นเช่นกัน พวกเขาจ้องหน้ากัน และหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กสาวที่ติดตามไป๋ว่านเจี้ย พวกเขาพบกันในโรงอาหารของยานรบ
เด็กสาวไม่ได้ดูแก่ไปกว่าไป๋ว่านเจี้ย แต่ดูเหมือนไป๋ว่านเจี้ยจะเคารพเธออย่างมาก เมื่อดูจากวิธีการที่เขาปฏิบัติกับเธอ หานเซิ่นไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเธอเป็นใครกันแน่
ตระกูลไป๋มีองค์ชายและองค์หญิงอยู่มากมาย แถมมันยังมีสมาชิกของตระกูลอื่นในราชวงศ์อีกมากมายเช่นกัน ซึ่งหานเซิ่นเคยได้เห็นสมาชิกของเอ็กซ์ตรีมคิงเพียงแค่หยิบมือเท่านั้น
“เจ้ามาทำอะไรข้างบนนี่?” เด็กสาวแบะปากถาม
“ข้ากำลังชื่นชมวิว” หานเซิ่นตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“แปลกคน” เด็กสาวหันหน้าหนีและบินขึ้นสู่ท้องฟ้าต่อไป
หานเซิ่นรู้วีธีการเทเลพอร์ต แต่ถ้าเขาใช้มันอย่างเปิดเผย ยอดฝีมือบางคนอาจจะจำได้ว่ามันคือก็อตส์วอนเดอร์ เขาไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นมัน ดังนั้นเขาจึงหลีกเลี่ยงที่จะใช้มันที่นี่
สเปชการ์เด้นมีขนาดพอๆกับดาวดวงหนึ่ง แต่นั่นไม่ส่งผลกระทบต่อคุณสมบัติที่หายากและเป็นเอกลักษณ์ของมัน ในตอนที่หานเซิ่นบินขึ้นสูงพอจะเห็นทั่วทั้งสเปชการ์เด้น เขาก็อึ้งที่ค้นพบว่าสถานที่แห่งนี้ดูเหมือนกับเห็ดหลินจือขนาดยักษ์ ทุ่งดอกไม้หนึ่งทุ่งเป็นเหมือนกับชั้นหนึ่งของเห็ด
ตอนนี้หานเซิ่นเริ่มเชื่อว่าสเปชการ์เด้นนั้นอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆ บางทีมันอาจจะเป็นพืชซีโน่เจเนออิคขั้นสูง
การปลูกพืชบนพืชซีโน่เจเนอิคเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ แต่ตอนนี้หานเซิ่นเริ่มจะคำนึงถึงเรื่องนั้นขึ้นมาจริงๆ หานเซิ่นเคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในท้องของแมงมุมหลุมดำมาก่อน ดังนั้นเรื่องนี้อาจจะเป็นไปได้
“เจ้าเห็นอะไร?” เด็กสาวจากเอ็กซ์ตรีมคิงถามขณะบินมาข้างๆหานเซิ่น
“ข้ามองเห็นเห็ดขนาดใหญ่” หานเซิ่นยิ้ม
“นี่เจ้าโอ้อวดความแข็งแกร่งในตอนที่อยู่บนยานรบ แต่แล้วเจ้ากลับไม่เห็นอะไร” เด็กสาวเบะปาก
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าเห็นว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“แน่นอน” เด็กสาวดูค่อนข้างอวดดี
“เจ้าเด็กเกินกว่าจะมองเห็นอะไร” หานเซิ่นแกล้งทำเป็นว่าเขาไม่เชื่อเธอ
เด็กสาวพูด “อายุมากกว่าไม่ได้หมายว่าคนๆนั้นจะดีกว่า เหมือนอย่างเจ้า เจ้ามีดวงตา แต่เจ้ายังตาบอด เจ้ามองไม่เห็นอะไร”
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกมาสิว่าเจ้าเห็นอะไร” หานเซิ่นพูด
เด็กสาวพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “ได้เลย ถ้าข้ามองได้ถูกต้อง สเปชการ์เด้นนี้คือพืชขนาดยักษ์ มันเป็นซีโน่เจเนอิคระดับสูงมากๆ มันอาจจะเป็นขั้นทรูก็อตได้เลย แต่ตอนนี้พลังชีวิตของมันอ่อนแอ ดูเหมือนว่ามันกำลังจะตายในเร็วๆนี้”
“ไวโอเล็ตบอกว่าในตอนที่ฟลาวเวอร์ก็อตทำจีโนฟลูอิด พวกเขาใช้วัตถุดิบพิเศษในดินแดนแห่งนี้ ในตอนแรกข้าไม่เชื่อในเรื่องนั้น แต่ตอนนี้ข้าเริ่มจะชื่อเขา ถ้านี่คือพีชซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตจริงๆ พืชซีโน่เจเนอิคที่ปลูกขึ้นที่นี่ก็จะได้รับธาตุของมัน แม้แต่พืชซีโน่เจเนอิคธรรมดาที่ปลูกที่นี่ก็จะแตกต่างไปจากพืชซีโน่เจเนอิคที่ปลูกภายนอก”
เด็กสาวดูเหมือนจะเป็นคนที่รอบรู้เช่นเดียวกับหานเซิ่น ดูเหมือนเธอจะคิดว่าสเปชการ์เด้นนั้นคือพืชซีโน่เจเนอิคขนาดยักษ์
หานเซิ่นมองเด็กสาวด้วยความแปลกใจและคิดกับตัวเอง
‘เอ็กซ์ตรีมคิงนี่แตกต่างออกไปจริงๆ ด้วยความรู้และพลัง พวกเขาเหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆมาก’
“ถ้าเจ้าคิดว่าสเปชการ์เด้นคือพืชซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต แบบนั้นเจ้าจะอธิบายการที่เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตฝังตัวเองลงในพื้นดินยังไง?” หานเซิ่นถาม
เด็กสาวนั้นดูเหมือนจะชอบที่หานเซิ่นประหลาดใจ
“นั่นเป็นเรื่องที่บอกได้ยาก พืชซีโน่เจเนอิครู้ว่ามันกำลังจะตาย ด้วยเหตุนั้นมันจึงพยายามจะเก็บพลังงานให้ได้มากที่สุดเพื่อมีชีวิตรอด หรือไม่เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตก็อาจจะทำพันธสัญญาบางอย่างกับพืชซีโน่เจเนอิค ในตอนนี้เมื่อพืชซีโน่เจเนอิคกำลังจะตาย เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตก็จะต้องตายไปกับมันด้วย มันมีความเป็นไปได้หลายอย่าง แต่จนกว่าพวกเราจะได้รู้อะไรมากกว่านี้ มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าคำอธิบายไหนถูกต้อง”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะหาความจริงได้ยังไง?”
ครั้งนี้หานเซิ่นตกตะลึงอย่างแท้จริง ถึงแม้เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจะมีทรัพยากรอยู่มากมาย แต่มันก็ต้องใช้เวลาในการดูดซับเข้าไป เด็กสาวคนนี้ยังอายุน้อย ดังนั้นเขาจึงประหลาดใจที่เธอรู้มากขนาดนี้
เด็กสาวคิดอยู่ชั่วครู่และพูด “หนทางเดียวที่จะได้รู้มากกว่านี้คือการขุดผู้คนของฟลาวเวอร์ก็อตขึ้นมา หลังจากนั้นถ้าพวกเราตรวจสอบร่างกายของพวกเขา พวกเราก็จะได้รู้อะไรอย่างสองอย่าง”
“นั่นเป็นเรื่องง่ายที่จะพูด นี่เจ้าไม่เห็นพลังที่เหล่ายอดฝีมือระดับเทพเจ้าใช้หรือยังไง? แม้แต่พวกเขาก็ขุดดินขึ้นมาไม่ได้”
หานเซิ่นแบะปาก ดูเหมือนเขาจะติดเชื้อมาจากกิริยาท่าทางของเด็กสาว เขาเริ่มจะทำท่าทางเหมือนกับเธอ
เด็กสาวมองที่ทุ่งหญ้าด้วยความดูถูก “เจ้าประเมินยอดฝีมือระดับเทพเจ้าต่ำเกินไป ข้าไม่รู้เกี่ยวกับคนอื่น แต่ข้ารู้ว่าไป๋ว่านเจี้ยไม่ได้ไร้ประโยชน์แบบนั้น ถ้าเขาคิดอย่างหนัก เขาก็จะหาหนทางขุดเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตขึ้นมาได้ แต่อย่างหนึ่งที่จะตามมาคือความจริงที่ว่าใครก็ตามที่ถูกขุดขึ้นมาคงจะต้องตาย ด้วยความรู้เกี่ยวกับเขา ข้าเชื่อว่าเขาจะเริ่มลงมือในเร็วๆนี้”
“ไป๋ว่านเจี้ยมีฐานะสูงกว่าเจ้าไม่ใช่หรอ?” หานเซิ่นถาม เขาสังเกตเห็นว่าเด็กสาวไม่ได้ใช้คำให้เกียรติเมื่อพูดถึงไป๋ว่านเจี้ย นั่นทำให้เขาแปลกใจ
“ใครบอกเจ้าว่าไป๋ว่านเจี้ยฐานะสูงกว่าข้า? มันกลับกัน ข้ามีฐานะสูงกว่าเขา” เด็กสาวพูดขณะที่มองหานเซิ่นด้วยความโกรธ
หานเซิ่นอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาเห็นว่าไป๋ว่านกำลังทำบางสิ่งเหมือนที่เด็กสาวคาดการณ์เอาไว้จริงๆ
ไป๋ว่านเจี้ยเลือกสมาชิกคนหนึ่งของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต หลังจากนั้นเขาก็นำถ้วยไวน์ออกมาและราดใส่สมาชิกของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต และเขาก็เริ่มดึงฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นขึ้นมา
สมาชิกของฟลาวเวอร์ก็อตที่ก่อนหน้าไม่สามารถดึงขึ้นมาได้ ตอนนี้ไป๋ว่านเจี้ยเริ่มดึงฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นขึ้นมาทีละนิดๆ ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย เขาดูไม่เป็นอะไร
ไป๋ว่านเจี้ยดึงขึ้นมาเรื่อยๆ และหลังจากนั้นไม่นานเท้าของฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นก็ขึ้นมาจากดิน ผู้คนต่างพากันมองไปที่เขา
ขณะที่ทุกคนหันไปมองฟลาวเวอร์ก็อตที่ถูกขุดขึ้นมา ฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นก็ลืมตาขึ้นมา ดอกไม้บนหัวของเขาเปิดออกและระเบิดด้วยโซ่สสารที่ทรงพลัง หลังจากนั้นเขาก็กระโดดเข้าหาไป๋ว่านเจี้ยด้วยความบ้าคลั่ง
“แปลกจริงๆ… คิดว่าฟลาวเวอร์ก็อตไม่มีระดับเทพเจ้าอยู่ซะอีก”
หานเซิ่นตกใจ ฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นมีพลังโซ่สสารที่เป็นของระดับเทพเจ้า
ตอนที่ 2782
โซ่สสารของไป๋ว่านเจี้ยระเบิดออกมา เขาชกใส่อกของฟลาวเวอร์ก็อตที่กระโดดเข้ามา ถ้าพลังนั่นปล่อยไปใส่ระดับเทพเจ้าคนอื่น คนๆนั้นก็คงจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่ในตอนที่หมัดของไป๋ว่านเจี้ยไปถูกฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้น มีเพียงแค่เสื้อผ้าของอีกฝ่ายเท่านั้นที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ตัวฟลาวเวอร์ก็อตแค่เซถอยหลังไปไม่กี่ก้าวก่อนที่จะกระโดดเข้าใส่ไป๋ว่านเจี้ยอีกครั้ง
ทุกคนรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนั้น พวกเขารู้ดีว่าเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตเป็นอย่างไง ถึงแม้พวกเขาจะเก่งเรื่องการทำจีโนฟลูอิด แต่พลังในการต่อสู้ของพวกเขาต่ำมาก
แต่ตอนนี้ฟลาวเวอร์ก็อตที่ถูกขุดขึ้นมาสามารถรับการโจมตีของไป๋ว่านเจี้ยได้โดยไม่เป็นอะไร นี่เป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
ร่างกายของไป๋ว่านเจี้ยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาชกหมัดที่ก่อให้เกิดเป็นหลุมดำขึ้นมา เขาดูดฟลาวเวอร์ก็อตเข้าไปในหลุมดำนั่น ทุกคนที่อยู่ใกล้เคียงเห็นว่าหลุมดำกำลังจะปิดลงและขับไล่ฟลาวเวอร์ก็อตออกไปสู่อวกาศ
แต่ทันใดนั้นก็มีดอกไม้สีม่วงโผล่ออกมาหลุมดำที่กำลังจะปิด หลุมดำนั้นพยายามจะปิดตัวเอง แต่มันไม่สามารถปิดตัวลงได้
ดอกไม้สีม่วงคืบคลานออกมาจากหลุมดำมากขึ้นเรื่อยๆ และใบหน้าที่น่าขนลุกก็ตามดอกไม้สีม่วงออกมา
วินาทีต่อมามือคู่หนึ่งออกมาจากหลุมดำและฉีกปากของหลุมดำให้เปิดออก หลังจากนั้นฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นก็กลับออกมาจากหลุมดำ
ทุกคนที่เห็นตกตะลึง ฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นใช้พละกำลังเพื่อฉีกหลุมดำให้เปิดออก นั่นเป็นพลังทางกายภาพที่น่ากลัวมากๆ
“โอ้ ไม่นะ! ฟลาวเวอร์ก็อตมีร่างกายที่น่ากลัวขนาดนั้นได้ยังไง?”
ทุกคนมองดูฟลาวเวอร์ก็อตต่อสู้กับไป๋ว่านเจี้ยอย่างสูสี
ไป๋ว่านเจี้ยใช้วิชาจีโนหลายสิบวิชา ขณะที่เขาพยายามจะจัดการกับศัตรูคนนี้ แต่เขาไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อร่างกายของฟลาวเวอร์ก็อตได้เลย
“ไวโอเล็ต ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ฟลาวเวอร์ก็อตมีระดับเทพเจ้าอยู่ในเผ่าด้วย” ระดับเทพเจ้าคนหนึ่งพูดกับไวโอเล็ต
ไวโอเล็ตส่ายหัว “นี่เป็นฟลาวเวอร์ก็อตระดับเอิร์ล เขาเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง เขาไม่ควรจะเป็นระดับเทพเจ้า ข้าไม่รู้ว่าเขาไปเอาพลังแบบนี้มาจากไหน”
ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนนั้นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มีใครบางคนตะโกนขึ้นมา
“ฟลาวเวอร์ก็อตทั้งหมดกำลังขึ้นมาจากพื้น!”
หานเซิ่นเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นข้างล่าง และเขาก็เห็นว่าเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตกำลังขึ้นมาจากพื้นดินจริงๆ
แค่หนึ่งในฟลาวเวอร์ก็อตก็ยากจะรับมือแล้ว แต่ตอนนี้ฟลาวเวอร์ก็อตนับหมื่นกำลังขึ้นมาจากพื้น ถ้าพวกเขาทุกคนน่ากลัวเหมือนอย่างฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้น สถานการณ์ก็จะเลวร้ายอย่างที่สุด
แต่เหล่ายอดฝีมือไม่คิดว่านั่นจะเป็นไปได้ เพราะถ้าทุกคนในเผ่าพันธุ์หนึ่งกลายเป็นระดับเทพเจ้าทั้งหมด แบบนั้นระดับเทพเจ้าก็คงจะไม่ใช่อะไรที่พิเศษอีกต่อไป
ระดับเทพเจ้าคนนั้นสร้างโซ่สสารขึ้นมา และมันก็กลายเป็นสายฟ้าที่พุ่งเข้าไปโจมตีใส่ฟลาวเวอร์ก็อตคนหนึ่งที่ขึ้นมาจากพื้น
ตูม!
สายฟ้าระเบิดชุดเกราะของฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นเป็นชิ้นๆ แต่ร่างกายของเขายังคงอยู่ดี มันกระจ่างใสราวกับหยกและไม่มีด่างพร้อยเลยแม้แต่น้อย หัวของฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นมีดอกไม้ที่ดูเหมือนจะกำลังบานออก
“เจ้านี่…เป็นระดับเทพเจ้าเหมือนกัน?” ใบหน้าของเหล่ายอดฝีมือเปลี่ยนไป ดราก้อนวันและเดียร็อบเบอร์เองก็รู้สึกได้ว่าบางสิ่งผิดปกติ
“ถอยกลับ! มีบางสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับฟลาวเวอร์ก็อตพวกนี้” เดียร็อบเบอร์พูดกับคนของเขา
ไป๋ว่านเจี้ยกระโดดออกห่างจากฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นและมองไปรอบๆอย่างเร่งรีบ เมื่อเขาเห็นเด็กสาวอยู่บนท้องฟ้า เขาก็รีบบินขึ้นไปหาเธอ
“ท่านป้า มีบางสิ่งผิดปกติ ที่นี่อันตรายเกินไป พวกเราจำเป็นต้องรีบไปจากที่นี่!”
แต่ก่อนที่ไป๋ว่านเจี้ยจะพาเด็กสาวหนีไป ฟลาวเวอร์ก็อตที่เขาต่อสู้ด้วยก่อนหน้านี้ก็กระโดดตามเขามา
“อ้า!” ระดับราชันคนหนึ่งถูกฆ่าโดยฟลาวเวอร์ก็อตหญิง เลือดและอวัยวะภายในของเขากระเด็นกระจัดกระจายไปทั่ว
ในตอนนี้ฟลาวเวอร์ก็อตทุกคนที่ออกมาจากพื้นมีพลังระดับเทพเจ้า ไม่ว่าพวกเขาจะมีอายุเท่าไหร่หรือเป็นเพศไหน และหลังจากที่พวกเขาขึ้นมาจากพื้น พวกเขาก็คลุ้มคลั่งและทำการโจมตีทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัว
ปัง!
เซี่ยชิงชกหมัดใส่หน้าฟลาวเวอร์ก็อตคนหนึ่ง แต่แรงจากหมัดถูกสะท้อนกลับ ทำให้เซี่ยชิงกระเด็นออกไปราวกับลูกอุกกาบาต กระดูกมือของเขาหัก
“เวยเอ้ย! นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ย? ทำไมเจ้าพวกนี้ถึงมีพลังระดับเทพเจ้า?”
ในตอนนี้ทั้งสเปชการ์เด้นดังก้องด้วยเสียงกรีดร้อง แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าอย่างดราก้อนวันก็แทบจะเก็บความกลัวเอาไว้ไม่ได้ เหล่าระดับราชันนั้นล้มตายไปตามๆกันโดยฝีมือของฟลาวเวอร์ก็อต พวกเขาไม่รวดเร็วพอจะต่อสู้ และพวกเขาก็ไม่สามารถหนีไปได้เช่นกัน
“ไวโอเล็ตอยู่ที่ไหน?” หานเซิ่นรีบเข้าไปหาเซี่ยชิง เขาชกหมัดใส่ฟลาวเวอร์ก็อตที่กำลังเข้ามาจู่โจมเซี่ยชิง
ฟลาวเวอร์ก็อตที่ถูกหานเซิ่นชกใส่นั้นกระเด็นออกไปพร้อมกับมีรูบนอก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ดูไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร เขาเป็นเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักความเจ็บปวด และหลังจากที่ลุกขึ้นมาได้แล้ว เขาก็เริ่มวิ่งเข้าหาพวกหานเซิ่นอีกครั้ง
“ข้าไม่เห็นเขา เมื่อครู่เขาอยู่ยังที่นี่อยู่เลย แต่ตอนนี้เขาหายตัวไปแล้ว!” เซี่ยชิงพูด
“มีบางสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับฟลาวเวอร์ก็อตพวกนี้ พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด” หานเซิ่นดึงเซี่ยชิงไปโดยต้องการจะพาเขาออกจากสเปชการ์เด้นให้เร็วที่สุด
ปัง!
แต่ขณะที่หานเซิ่นบินไป เขาก็ชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น มันทำให้เขาและเซี่ยชิงเด้งกลับไปด้านหลัง
“โอ้ไม่นะ! มันคือกำแพงอวกาศ ถ้าไม่มีกุญแจเพื่อเปิดกำแพงอวกาศ พวกเราก็ผ่านไปไม่ได้ ไม่ว่าพวกเขาจะใช้พลังโจมตีใส่มันมากสักแค่ไหน” หานเซิ่นพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เวรเอ้ย! ถ้าข้าเป็นระดับเทพเจ้า ข้าก็คงจะชกพวกมันทั้งหมดให้ตายและพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องหนี” เซี่ยชิงพูดด้วยความขมขื่น
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาโอดครวญเกี่ยวกับสิ่งที่ทำไม่ได้ พวกเราจำเป็นต้องหาไวโอเล็ตให้เจอ เขาเป็นคนเดียวที่จะพาพวกเราออกไปจากที่นี่ได้” หานเซิ่นใช้อาณาเขตตงเสวียนอย่างเต็มขีดจำกัดเพื่อหาตำแหน่งของไวโอเล็ต
ทุกอย่างตกอยู่ในความโกลาหล ยอดฝีมือทุกคนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับหานเซิ่น และไม่มีใครที่หนีไปได้ พวกเขาจำเป็นต้องต่อสู้กับเหล่าฟลาวเวอร์ก็อต
แต่เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตทุกคนที่ขึ้นมาจากพื้นนั้นมีพลังระดับเทพเจ้า พวกเขาทั้งหมดแข็งแกร่ง เหล่าขุนนางระดับราชันที่มานั้นไม่มีโอกาสจะต่อต้านศัตรูที่ทรงพลังขนาดนั้นได้ และพวกเขาก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย
แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง เมื่อต้องรับมือกับฟลาวเวอร์ก็อตนับหมื่นที่มีพลังระดับเทพเจ้า
ไผ่เดียวดายยืนอยู่ตามลำพังขณะที่ถือดาบหยกเล่มหนึ่งอยู่ในมือ เขาเคลื่อนไหวผ่านเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตอย่างว่องไวและที่ไหนก็ตามที่ดาบหยกของเขาถูกฟันออกไป ฟลาวเวอร์ก็อตคนหนึ่งก็จะถูกฟันจนกระเด็นออกไป
แต่ถึงดาบของเขาจะทรงพลัง เขาก็ไม่สามารถฆ่าเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตได้อยู่ดี
ไผ่เดียวดายไม่ใช่แค่คนเดียวที่กำลังลำบาก ไป๋ว่านเจี้ย เดียร็อบเบอร์และดราก้อนวันเองก็กำลังลำบากเช่นเดียวกัน ไม่มีพวกเขาคนไหนที่ฆ่าเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตได้
ตอนที่ 2783
ไป๋ว่านเจี้ยใช้อาวุธระดับเทพเจ้าตัดผ่านสมองของฟลาวเวอร์ก็อตคนหนึ่ง แต่ถึงสมองจะถูกทำลาย ฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
สเปชการ์เด้นที่กว้างใหญ่เต็มไปด้วยเสียงการฆ่าฟัน เหล่าราชันที่มานั้นตอนนี้ถูกฆ่าตายไปหมดแล้ว แม้แต่เหล่ายอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก เลือดกระจัดกระจายทุกหนทุกแห่ง
“ไปกันเถอะ!” หานเซิ่นมองไปที่ไผ่เดียวดายและเห็นว่าชายเผ่านภาที่มีพรสวรรค์คนนั้นยังมีพลังที่จะต่อสู้ต่อไป ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับชายคนนั้นมากนัก เขาคว้าแขนของเซี่ยชิงและบินตรงลึกเข้าไปในสเปชการ์เด้น
ส่วนลึกของสเปชการ์เด้นนั้นไม่ได้ปลอดภัยเช่นเดียวกัน แต่หานเซิ่นสัมผัสได้ถึงตัวตนของไวโอเล็ตที่ไหนสักแห่งบริเวณนั้น และดูเหมือนกับว่าเขาจะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว มันมีฟลาวเวอร์ก็อตคนอื่นอยู่กับเขาด้วย
เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตหลายคนโผล่ขึ้นมาจากพื้นและพยายามจะหยุดหานเซิ่นเอาไว้ แต่หานเซิ่นชกใส่ฟลาวเวอร์ก็อตกระเด็นออกไปราวกับเป็นกระสอบทราย ไม่มีใครหยุดหานเซิ่นได้ เขาฟันฝ่าเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตจนมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของสเปชการ์เด้น ที่นั่นเขาได้พบกับต้นไม้ต้นหนึ่ง เขาชกกำปั้นใส่ลำต้นของต้นไม้จนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่ขึ้น ดูเหมือนว่าต้นไม้นั้นจะกลวงโบ๋ หานเซิ่นจึงพาเซี่ยชิงข้างใน เมื่อพวกเขาเข้าไปข้างใน เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตที่ไล่ตามพวกเขามาก็ถอยออกไป
“ที่นี่ดูแปลกมากๆ” เซี่ยชิงพูดขึ้นมาขณะที่เดินตามหลังหานเซิ่น
“มันแปลกจริงๆนั่นแหละ” หานเซิ่นพยักหน้าเห็นด้วยขณะที่มองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง
พวกเขาทั้งคู่เดินไปบนเส้นทางใต้ดิน แต่ผนังรอบๆตัวพวกเขาไม่ได้ทำขึ้นมาจากดินหรือหิน พวกมันเป็นเถาวัลย์ขนาดใหญ่ที่พันกันเป็นกำแพงที่แข็งแรง ยิ่งไปกว่านั้นเถาวัลย์ยังกึ่งโปร่งใส ซึ่งทำให้พวกมันดูเหมือนกับเส้นเลือด หานเซิ่นไม่สามารถบอกได้ว่าภายในเถาวัลย์นั้นคืออะไร แต่เขาสามารถบอกได้ว่ามีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในนั้น
หลังจากที่เดินไปได้ไม่นานพวกเขาก็เห็นว่าทางข้างหน้าเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น พวกเขาออกไปสู่พื้นที่ว่างขนาดใหญ่ เถาวัลย์นับไม่ถ้วนร่วมตัวกันเป็นกำแพงของโลกใต้ดินอันกว้างใหญ่
หานเซิ่นพบไวโอเล็ตและฟลาวเวอร์ก็อตคนอื่นที่นั่น พวกเขากำลังยืนอยู่หน้าเถาวัลย์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมพื้นกับเพดาน
“ไวโอเล็ต เจ้าเป็นผู้ชายที่ชั่วร้ายมากๆ กลลวงของเจ้านำภัยมาสู่ผู้คนมากมาย เจ้าคิดว่าจะรอดตัวไปได้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามขณะที่เดินเข้าไปหาไวโอเล็ตอย่างช้าๆ
แต่ไวโอเล็ตและคนอื่นไม่แม้แต่จะชำเลืองมองหานเซิ่น มือของพวกเขาประสานในท่าสวดภาวนา และพวกเขาก็กำลังพึมพำกับตัวเอง
แต่ไวโอเล็ตนั้นตอบกลับหานเซิ่น “ถ้าพวกเราไม่ทำแบบนี้ ฟลาวเวอร์ก็อตก็จะต้องสูญพันธุ์ มันจะไม่มีอนาคตสำหรับพวกเรา”
ขณะที่ไวโอเล็ตพูด หานเซิ่นและเซี่ยชิงก็เดินมาถึง แต่ทั้งสองคนหันไปมองสิ่งที่กำกำลังดึงดูดความสนใจของพวกเขา และพวกเขาก็ได้เห็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งอยู่ภายในเถาวัลย์ที่พัวพันกันอยู่ตรงใจกลาง มันดูเหมือนกับยักษ์
สิ่งมีชีวิตในเถาวัลย์นั้นมีความสูงหนึ่งร้อยเมตร และร่างกายทั้งร่างของมันก็ดูเหมือนกับหยก ผิวหนังของมันแวววาวราวกับคริสตัล เถาวัลย์จำนวนมากเชื่อมต่อกับร่างกายของมันจากจุดต่างๆ พวกมันกำลังดูดซับพลังงานออกจากร่างกายของยักษ์
“มันคืออะไร?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่รูปปั้นยักษ์หยก เขารู้สึกได้ถึงออร่าที่คุ้นเคยจากยักษ์ที่อยู่ตรงหน้า
“เขาคือพระเจ้า” ไวโอเล็ตตอบ
“พระเจ้า? เขาเป็นพระเจ้าแบบไหน?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เขาไม่ได้เหมือนกับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าเศษสวะพวกนั้น นี่คือพระเจ้าที่แท้จริง เขาคือพระเจ้าที่ทำได้ทุกสิ่ง” สีหน้าของไวโอเล็ตดูเหมือนกับคนบ้าที่ควบคุมตัวเองไม่ได้
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเขาคือพระเจ้าจริงๆน่ะ?”
ในที่สุดหานเซิ่นก็เข้าใจว่าทำไมยักษ์นี่ถึงมีออร่าที่คุ้นเคย ถึงแม้ยักษ์นี่ดูเหมือนว่าตายไปแล้ว แต่ร่างกายของมันก็ยังคงให้ความรู้สึกที่หานเซิ่นเกลียด มันไม่ใช่พระเจ้า แต่มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ้างตัวว่าเป็นพระเจ้าเหมือนอย่างราชาจุน
“ข้าแค่รู้ว่าเขาคือพระเจ้า” ไวโอเล็ตพูด หลังจากนั้นเขาก็อธิบายต่อ
“สเปชการ์เด้นที่พวกเจ้ารู้จักนั้นเคยเป็นเห็ดหลินจือเล็กๆ มันมีขนาดเท่ามือคนๆหนึ่ง แต่เนื่องจากอุบัติเหตุอย่างหนึ่ง สปอร์ของเห็ดหลินจือขนาดเล็กนั่นปลิวมาบนร่างของพระเจ้าที่ตายไป มันดูดซับพลังของพระเจ้าและเติบโตจนกระทั่งมันเป็นอย่างทุกวันนี้ เห็ดหลินจือใหญ่โตจนกลายเป็นซีโน่เจเนอิคสเปช และมันก็ให้กำเนิดพืชซีโน่เจเนอิคมากมาย… ถ้าสิ่งมีชีวิตนี้ไม่ใช่พระเจ้า แบบนั้นแล้วศพของสิ่งมีชีวิตอะไรที่จะมอบพลังแบบนั้นได้?”
หานเซิ่นมองไปที่ยักษ์หยก เท่าที่เขารู้พระเจ้าไม่สามารถโจมตีสิ่งมีชีวิตในจักรวาลจีโนได้ แต่สิ่งมีชีวิตของจักรวาลจีโนก็ไม่ควรจะแตะต้องพวกเขาได้เช่นกัน
ถ้ายักษ์หยกตัวนี้เป็นพระเจ้าเหมือนอย่างราชาจุนจริงๆ ถึงแม้เขาจะตายไป มันก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะใช้ศพของเขาเป็นฐานสำหรับการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตอื่น
‘สิ่งนี้คืออะไรกันแน่? มันเป็นศพของพระเจ้าจริงๆอย่างนั้นหรอ?’ หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัวขณะที่เขาพยายามคิด
ก่อนที่หานเซิ่นจะได้ถามอะไรไปมากกว่านั้น ไวโอเล็ตก็พูดต่อไปด้วยท่าทางตื่นเต้น
“บรรพบุรุษของพวกเราได้เป็นพยานต่อการเริ่มต้นของเห็ดหลินจือ และพวกเขาได้ปกป้องที่แห่งนี้ด้วยชีวิตของพวกเขา พวกเขาพยายามจะหาคำตอบว่าพระเจ้านี้คืออะไรกันแน่ แต่พวกเขาหาคำตอบไม่พบ แต่ทว่าเผ่าพันธุ์ของพวกเราเริ่มจะมีดอกไม้ขึ้นบนหัว ดอกไม้เหล่านั้นมอบความสามารถที่จะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วให้กับพวกเรา แต่ถึงพวกเราจะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเราก็ไล่ตามสิ่งมีชีวิตอื่นในจักรวาลที่พัฒนามากว่าพันล้านปีไม่ได้ แต่ความเร็วในการพัฒนาของพวกเรานั้นถูกเร่งอย่างก้าวกระโดด”
“หลังจากที่ผ่านหลายช่วงอายุคน ในที่สุดพวกเราก็ค้นพบหนทางที่จะดูดซับพลังจากพระเจ้าโดยตรง… พวกเขาแค่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นพืช พวกเราลอกเลียนแบบสิ่งที่เห็ดหลินจือทำกับศพของพระเจ้า มันดูดซับพลังของศพของพระเจ้าเข้าไป และพวกเราก็มีเจตนาที่จะทำแบบเดียวกัน”
“ข้าไม่คิดว่าแผนของพวกเจ้าเป็นไปได้สวย เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตนั้นแข็งแกร่งขึ้นก็จริง แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นบ้ากันหมด”
ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมจู่ๆเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตถึงได้มีระดับพลังที่น่าสะพรึงกลัวแบบนั้น มันเป็นเพราะพวกเขาดูดซับพลังจากศพของพระเจ้าเข้าไป
“นั่นก็ใช่ แต่พวกเราเชื่อว่าพวกเราสำเร็จมากกว่าล้มเหลว ในตอนนี้พวกเราดูดซับพลังงานจากศพของพระเจ้าได้โดยตรง พวกเราไม่จำเป็นต้องกินพืชซีโน่เจเนอิคอีกต่อไปแล้ว การทำแบบนี้เป็นอะไรที่รวดเร็ว ความแข็งแกร่งของพวกเราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นพิสูจน์ว่าทฤษฎีของพวกเรานั้นถูกต้อง”
“ในอดีต มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะไปถึงระดับเทพเจ้า แต่ตอนนี้หลังจากที่ดูดซับพลังจากศพของพระเจ้าเข้าไปตรงๆ ทุกคนก็เริ่มกลายเป็นระดับเทพเจ้าราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดในโลก”
ขณะที่ไวโอเล็ตพูดแบบนั้น ใบหน้าของเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิ
“แต่มันเป็นอะไรที่น่าเสียดาย ในตอนนี้ภาวะแทรกซ้อนอย่างหนึ่งแสดงขึ้น พวกเขาทนรับพลังของพระเจ้าไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มจะกลายเป็นพืช แม้แต่ความรู้สึกนึกคิดก็เริ่มจะสูญสิ้น พวกเขาแม้กระทั่งฝังตัวเองลงในพื้นดินเหมือนอย่างพืช… แต่ข้าแตกต่างออกไป…”
“ทำไมเจ้าถึงแตกต่างออกไป?” หานเซิ่นรู้ว่านี่คือจุดที่สำคัญที่สุด เขาจ้องมองไปที่ไวโอเล็ต ซึ่งดูเหมือนจะบ้าขึ้นเรื่อยๆ
ใบหน้าของไวโอเล็ตเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ข้าคือคนที่ถูกเลือก ข้ารับพลังของพระเจ้าได้โดยที่ไม่กลายเป็นพืชเหมือนกับคนอื่นๆ แต่ทว่าข้ามีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง ข้าจำเป็นต้องผ่านการทดสอบที่พระเจ้ามอบให้กับข้า”
ตอนที่ 2784
“การทดสอบอะไร?” หานเซิ่นถาม สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง
“ข้าจำเป็นต้องมียีนของสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อจะได้การกลายเป็นพระเจ้า”
ไวโอเล็ตหันไปมองยักษ์หยก ดวงตาของเขาดูจริงใจอย่างมากขณะที่เขาพูดออกมา
เซี่ยชิงหัวเราะออกมาเสียงดัง เขาเบะปากและพูด
“เจ้าพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่ข้าคิดว่าเจ้าจำเป็นต้องใช้ยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการกลายเป็นพืชซะมากกว่า”
“นี่คือการทดสอบที่พระเจ้ามอบให้กับข้า มันเป็นบันไดขั้นแรกสู่เส้นทางการกลายเป็นพระเจ้าของข้า” ไวโอเล็ตพูด เขาดูไม่สั่นคลอนต่อการเย้ยหยันของเซี่ยชิงเลยแม้แต่น้อย
หานเซิ่นยังคงสับสนกับเรื่องทั้งหมดนี้ ดังนั้นเขาจึงถามขึ้นมา
“ถ้าเจ้าจำเป็นต้องใช้ยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น ทำไมเจ้าไม่ไปเก็บรวบรวมยีนจากสิ่งมีชีวิตตายที่อยู่ข้างบน ทำไมเจ้ามาสวดภาวณาต่อพระเจ้าอยู่ข้างล่างนี่?”
ไวโอเล็ตยิ้มและพูด “ข้าไม่จำเป็นต้องไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับความโกลาหลบนพื้นผิว ในตอนที่พวกเจ้าลงมาที่นี่ ทุกอย่างก็เข้าที่ พวกเจ้าจะกลายเป็นเครื่องสังเวยต่อพระเจ้า และข้าจะไปแทนที่ของเขา”
“ถ้าข้าเข้าใจถูกต้อง เจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้ยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น แต่เป็นเขาที่ต้องการใช้มันอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นชี้ไปที่ยักษ์หยก
“เจ้าเป็นคนฉลาด ศพของพระเจ้านั้นแข็งแกร่งเกินไป ถ้าข้าดูดซับมันเข้าไปในทันที ร่างกายของข้าจะทนต่อพลังของมันไม่ได้ แต่ถ้าข้าให้ศพของพระเจ้าดูดซับยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นเข้าไป ยีนเหล่านั้นก็จะช่วยบรรเทาพลังของพระเจ้า หลังจากนั้นข้าก็จะดูดซับพลังจากศพของพระเจ้าเข้าไป เมื่อพลังของพระเจ้าเจือจางลงไป มันก็ไม่ควรจะส่งผลเสียต่อร่างกายของข้า”
ไวโอเล็ตนั้นดูอารมณ์ดีมากๆและเห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ใครสักคนชื่นชมกับความสำเร็จของของเขา ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เขาใช้เวลาอธิบายให้หานเซิ่นและเซี่ยชิงได้ฟัง
หานเซิ่นถอนหายใจและส่ายหัว “เจ้ามันน่าสมเพช ข้าไม่ได้คิดว่าเจ้าจะโง่ขนาดนี้ เจ้ากำลังจะกลายเป็นเครื่องสังเวยเช่นกัน”
ไวโอเล็ตยิ้ม “ข้ารู้ว่าเจ้าจะบอกอะไร แต่นั่นเป็นไปไม่ได้ ในตอนที่พระเจ้าตาย พวกเขาตายไปจริงๆ มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะทรงพลังขนาดไหน เมื่อพวกเขาตายไปแล้ว พวกเขาก็เป็นแค่วัตถุที่ไม่เคลื่อนไหว”
“เจ้าแน่ใจหรือว่านั่นเป็นความจริง?” หานเซิ่นจ้องมองไปที่ยักษ์หยก เขาไม่คิดว่าพระเจ้านั้นจะตายไปง่ายๆ
“แน่นอน ข้าต้องปล่อยให้เขาดูดซับยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น และข้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ยิ่งเขาดูดซับยีนไปมากเท่าไหร่ ข้าก็จะได้รับพลังมากขึ้นเท่านั้น” ไวโอเล็ตดูมั่นใจอย่างมาก
หานเซิ่นไม่รู้ว่าคนที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของพระเจ้านั้นโง่กันแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า แต่เห็นได้ชัดว่าไวโอเล็ตเชื่อในเรื่องนั้นอย่างสนิทใจ มันเหมือนกับว่าไวโอเล็ตถูกขายในฐานะทาส แต่เขาก็ยังภาคภูมิในการคำนวณว่าตัวเองมีมูลค่ามากแค่ไหน
“เวลาเกือบจะหมดแล้ว พวกเจ้าควรจะมอบพลังให้ข้าเพื่อที่ข้าจะได้กลายเป็นพระเจ้า”
ขณะที่ไวโอเล็ตพูด โซ่สสารหยกลอยขึ้นมาจากร่างกายของเขา ดอกไม้สีม่วงบนหัวของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวและเปล่งประกายราวกับคริสตัล
“พลังระดับเทพเจ้าไม่ได้พิเศษอะไร ในตอนที่ข้ากลายเป็นพระเจ้า ข้าจะแสดงให้จักรวาลนี้ได้เห็นถึงความหมายที่แท้จริงของพลัง เทพเจ้าขั้นทรูก็อตจะถูกข้ากำจัดอย่างง่ายดาย ทั้งเผ่าเวรี่ไฮ แอนเชี่ยนท์ก็อตและเอ็กซ์ตรีมคิงจะถูกกำจัดจนสูญสิ้น เผ่าพันธุ์ชั้นสูงในจักรวาลจะมีแค่เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตเพียงเผ่าพันธุ์เดียว ข้าจะกลายเป็นผู้นำของจักรวาล” ดวงตาของไวโอเล็ตเต็มไปด้วยตัณหา
“เป็นเด็กที่ไร้เดียงสาอะไรขนาดนี้ เจ้าควรจะรอคอยจนกระทั่งเจ้ากลายเป็นพระเจ้าซะก่อนที่จะพูดอะไรแบบนั้นออกมา”
เซี่ยชิงรีบถอยออกไป หลังจากนั้นเขาก็ตะโกนบอกหานเซิ่น “หานเซิ่น ข้าจะปล่อยให้เจ้าจัดการเจ้าคนโรคจิตนี่ กำจัดเขาซะ ข้าไม่อยากจะกลายเป็นเครื่องสังเวย”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าเรียนรู้ที่จะถอยออกไปแบบนั้น?”
หานเซิ่นคิดว่านั่นเป็นอะไรที่แปลก เซี่ยชิงนั้นยอมถอยออกไป ซึ่งโดยปกติแล้วนั่นไม่ใช่สไตล์ของชายคนนั้น
“มันเป็นอะไรที่โง่เขลาที่จะต่อสู้เมื่อรู้ว่าโอกาสตายนั้นสูงมากๆ”
เซี่ยชิงจุดซิการ์ขณะที่พูดกับหานเซิ่น “ข้ายังไม่ถึงระดับเทพเจ้า ดังนั้นข้าจะปล่อยให้เจ้าจัดการเรื่องนี้ เพลิดเพลินกับมันให้หนำใจก่อนที่ข้าจะไล่ตามเจ้าทัน ในตอนที่ข้ากลายเป็นระดับเทพเจ้า เวลาเฉิดฉายของเจ้าก็จะหมดลง”
‘หมอนี่เริ่มเหมือนกับมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ’ หานเซิ่นมองเซี่ยชิงด้วยความยินดี ในตอนที่เซี่ยชิงอยู่ในก็อตแซงชัวรี่ เขาต้องการจะต่อสู้อย่างหน้ามืดตามัว เขาไม่สนใจเหตุผลอะไรทั้งนั้น
“อาจารย์เซี่ย ข้าชอบนิยายของอาจารย์ ข้านับถือพรสวรรค์ของอาจารย์อย่างมาก แต่ชีวิตจริงไม่เหมือนในนิยาย ในตอนนี้ไป๋ว่านเจี้ยและขุนนางคนอื่นนั้นเทียบกับข้าไม่ได้ ข้าแข็งแกร่งกว่าทุกคนในที่นี้ ข้ากลัวว่าบอดี้การ์ดของอาจารย์จะปกป้องอาจารย์ไม่ได้”
ไวโอเล็ดพูดก่อนที่จะปล่อยโซ่สสารที่กลายเป็นเถาวัลย์สีเขียวออกไปใส่หานเซิ่น
ในชั่วพริบตา หานเซิ่นก็ถูกกักขังระหว่างเถาวัลย์ เขาถูกห่อเหมือนกับหมูภายในเกี๊ยว
“อาจารย์เซี่ย ก่อนที่ข้าจะฆ่าอาจารย์ ข้าจะให้อาจารย์ได้เห็นพลังของพระเจ้า มันน่าเสียดายที่อาจารย์จะไม่ได้วาดเรื่องนี้ลงในนิยายของอาจารย์” ไวโอเล็ตพูด เถาวัลย์สีเขียวนั้นกลวงโบ๋เหมือนกับท่อ และพวกมันก็ดูเหมือนกับกำลังจะดูดบางสิ่งออกจากร่างกายของหานเซิ่น
“พระเจ้าอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง พระเจ้าควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง พระเจ้าช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่าง ข้าคือพระเจ้า และข้าก็จะเอาพลังของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง”
ใบหน้าของไวโอเล็ตเต็มไปด้วยความมั่นใจ ขณะที่เขาพูดโอ้อวด แต่หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง
เถาวัลย์สีเขียวพยายามจะดูดพลังของหานเซิ่น แต่มันไม่ได้ผล มันไม่มีอะไรถูกดูดออกมา ซึ่งนั่นทำให้ไวโอเล็ตรู้สึกสับสน
เซี่ยชิงหัวเราะและพูด “ข้าลืมบอกเจ้าไป เจ้ายังไม่ใช่พระเจ้า และถึงเจ้าจะกลายเป็นพระเจ้า มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี นั่นเป็นเพราะว่าชายที่อยู่ตรงหน้าของเจ้าคือบิดาของเทพทั้งปวง ถึงแม้เจ้าจะกลายเป็นพระเจ้า เจ้าก็ยังต้องคุกเข่าต่อหน้าเขา”
“นั่นหมายความว่ายัง…” ไวโอเล็ตไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้พูดจนจบประโยค
ปัง!
ทันใดนั้นโซ่สสารสีเขียวก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ และหานเซิ่นก็เดินออกมาอย่างไม่เป็นอะไร เขามองไปที่ไวโอเล็ตและพูด
“นั่นคือพลังทั้งหมดของพระเจ้าที่มหัศจรรย์อย่างนั้นหรอ?”
“เป็นไปไม่ได้… แม้แต่ไป๋ว่านเจี้ยก็ฉีกพลังของข้าไม่ได้ง่ายๆ… แต่ทำไมเจ้าถึง… เจ้าเป็นใครกัน?” ไวโอเล็ตมองไปที่หานเซิ่นด้วยความตกใจ
“บิดาของเทพทั้งปวง!” หานเซิ่นพูดสั้นๆ เขาเดินเข้าไปหาไวโอเล็ต และทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ห่อหุ้มด้วยชุดเกราะสีขาวที่กึ่งโปร่งใส ร่างกายของเขาลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีขาว
ไวโอเล็ตรวบรวมพลังของตัวเองอีกครั้งเพื่อจะต่อสู้กับหานเซิ่น แต่ในตอนที่เขาสร้างโซ่สสารสีเขียวขึ้นมา เขาก็ตัวแข็งทื่อไป จู่ๆเขาก็ลอยอยู่ในอากาศและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ มันเหมือนกับว่าเขาถูกตรึงเอาไว้
“เจ้า… เจ้าเป็นใครกัน?” ไวโอเล็ตตกตะลึงเมื่อรู้สึกตัวว่าไม่สามารถใช้พลังของตัวเองได้อีกต่อไป ร่างกายและพลังของเขาเป็นเหมือนกับภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุ แต่เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้
หานเซิ่นเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ขณะที่มีอาณาเขตตงเสวียนคอยควบคุมฟันเฟืองจักรวาลในบริเวณรอบๆทั้งหมด นอกซะจากพลังของไวโอเล็ตจะเหนือกว่าหานเซิ่น ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถหมุนฟันเฟืองจักรวาลของตัวเองได้
ตอนที่ 2785
ดวงตาของไวโอเล็ตเบิกกว้างจนดูเหมือนกับว่าพวกมันกำลังจะหลุดออกมาจากเบ้า แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามใช้พลังสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้ เขาได้แต่มองหานเซิ่นเดินเข้ามาหาเขา
ไวโอเล็ตพยายามจะหลีกหนีจากหานเซิ่น แต่เขาสูญเสียการควบคุมร่างกายของตัวเองทั้งหมด หานเซิ่นยังคงเดินเข้ามาหาเขาด้วยความสงบนิ่ง
ในจังหวะที่หานเซิ่นกำลังจะไปถึงตัวไวโอเล็ต จู่ๆดอกไม้บนหัวของไวโอเล็ตก็ส่องสว่างและแตกหน่อสีเขียวออกมาเป็นจำนวนมาก พวกมันพันรอบร่างกายของเขาราวกับเถาวัลย์หยก เถาวัลย์นั่นก่อตัวเป็นชุดเกราะสีเขียว
ในที่สุดร่างกายของไวโอเล็ตก็เคลื่อนไหว ลมปราณสีเขียวรอบๆร่างกายของเขากำลังลุกโชน ในที่สุดเขาก็ปลดปล่อยพลังออกมาได้ ดวงตาสีมรกตของเขามองผ่านช่องว่างของหมวกเถาวัลย์ออกมา พวกมันมองตรงมาที่หานเซิ่น
“ในตอนนี้ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าไวโอเล็ตหรือพระเจ้าดีล่ะ?”
หานเซิ่นถามขณะที่ตรวจดูไวโอเล็ตในชุดเกราะเถาวัลย์อย่างระมัดระวัง
“ชื่อของข้าคือสกายไวน์แรดิช” ไวโอเล็ตพูดจากภายในชุดเกราะของเขา
ถึงแม้เสียงของเขาจะไม่ได้เปลี่ยนไป แต่โทนเสียงของเขาฟังดูต่างไปจากเดิม มันเป็นแค่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่มันเพียงพอที่จะทำให้เขาดูต่างออกเป็นคนละคน
“เจ้าคือพระเจ้าจริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่สกายไวน์แรดิช
“คงงั้น” สกายไวน์แรดิชพูด
“พระเจ้าที่จะทำให้คำอธิฐานของคนหนึ่งเป็นจริงได้?” หานเซิ่นถามอีกครั้ง
“ไม่ใช่” คำตอบของสกายไวน์แรดิชทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ
สกายไวน์แรดิชพูดต่อ “ร่างกายพระเจ้าของข้าเกือบจะถูกทำลายในการต่อสู้ของพระเจ้า ข้าไม่มีพลังที่จะทำให้คำอธิษฐานของเจ้าเป็นจริง แต่แน่นอนว่าถ้าพวกเจ้าช่วยข้าด้วยการทำการอธิษฐานที่ไม่ยากจนเกินไป แบบนั้นข้าก็จะลองดู ยกตัวอย่างเช่นข้าจะเพิ่มระดับของเจ้าหนึ่งระดับเพื่อที่เจ้าจะได้กลายเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่น”
“เจ้าจำเป็นต้องใช้พลังเพื่อทำให้คำอธิษฐานเป็นจริง?” หานเซิ่นเย้นหยันสกายไวน์แรดิช
ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าสกายไวน์แรดิชนั้นเหมือนกับราชาจุน แต่เขาดูจะได้รับบาดเจ็บ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่มีวันพาตัวเองมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
ดวงตาสกายไวน์แรดิชส่องสว่างด้วยแสงสีเขียว “เจ้าเป็นใคร?”
“ข้าคือคนที่จะฆ่าเจ้า” ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ระเบิดพลังของตัวเองออกมา เขาใช้พลังของศาสตร์ตงเสวียนอย่างเต็มกำลังและชกหมัดออกไปใส่สกายไวน์แรดิช เพลิงฟินิกซ์สีขาวห่อหุ้มรอบๆมือของหานเซิ่น
สกายไวน์แรดิชไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะถอย เขายื่นมือออกมาอย่างรวดเร็วและจับกำปั้นของหานเซิ่นเอาไว้ เขาป้องกันการโจมตีของหานเซิ่นได้อย่างง่ายดาย
“ถึงแม้ข้าจะได้รับบาดเจ็บและจำเป็นต้องยืมร่างของสิ่งมีชีวิตระดับต่ำ แต่สิ่งมีชีวิตที่น่าสมเพชอย่างเจ้าก็ต่อกรกับข้าไม่ได้อยู่ดี” สกายไวน์แรดิชพูดอย่างเย้ยหยัน
แต่วินาทีต่อมา สกายไวน์แรดิชก็ปล่อยมือจากกำปั้นของหานเซิ่นราวกับว่าเขาถูกไฟฟ้าช็อต เขาโซเซไปด้านหลังและยกมือข้างที่รับหมัดของหานเซิ่นขึ้นมาดู มือของเขากำลังลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีขาว
“เพลิงฟีนิกซ์! เจ้าคือฟีนิกซ์อย่างนั้นหรอ? ไม่ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่…”
สกายไวน์แรดิชมองหานเซิ่นด้วยความแปลกใจ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความสับสน
เปลวเพลิงของฟีนิกซ์ยังคงไม่ดับ และมันก็เผาผลาญร่างกายของสกายไวน์แรดิชมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่กี่วินาทีต่อมาทั้งแขนของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิง
หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าเพลิงฟีนิกซ์จะทรงพลังถึงขนาดนี้ การโจมตีเต็มกำลังของเขาถูกป้องกันโดยสกายไวน์แรดิชอย่างง่ายดาย แต่ศัตรูของเขาไม่สามารถทำอะไรกับเปลวเพลิงสีขาวของฟีนิกซ์ได้ ชายคนนั้นได้แต่มองดูร่างกายของตัวเองถูกเผาไหม้
“เป็นอะไรที่น่าเสียดายสำหรับเจ้า เจ้าไม่ใช่ฟีนิกซ์ที่แท้จริง ถ้าเจ้าเป็นฟีนิกซ์ การต่อสู้นี้ก็คงจะเป็นอะไรที่น่ารำคาญสำหรับข้า”
สกายไวน์แรดิชพูดกับตัวเองขณะที่เขามองดูแขนที่ลุกไหม้ เปลวเพลิงของฟีนิกซ์แพร่กระจายไปทั่วร่างของเขา และทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นสีขาวอยู่ชั่วครู่
แต่หลังจากที่มันเผาผลาญสกายไวน์แรดิชจนเสร็จสิ้นแล้ว มีเพียงแค่ชุดเกราะเถาวัลย์สีเขียวเท่านั้นที่ถูกเผาหายไป ขณะที่ร่างกายของสกายไวน์แรดิชนั้นไม่ได้รับความเสียหายอะไร
สิ่งเดียวที่ขาดหายไปจากร่างกายของไวโอเล็ตคือดอกไม้ที่เคยอยู่บนหัวของเขา ภายใต้เปลวไฟของฟีนิกซ์ แม้แต่ดอกไม้นั่นก็ถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน
หานเซิ่นสัมผัสได้ว่าออร่าจากร่างกายของไวโอเล็ตนั้นเกิดความเปลี่ยนแปลง สิ่งที่หานเซิ่นสัมผัสได้ในตอนนี้นั้นแตกต่างไปจากไวโอเล็ตที่เขาพบในตอนแรก แต่มันก็ไม่ใช่ออร่าของสกายไวน์แรดิชเช่นกัน
แต่ยังไงก็ตามไวโอเล็ตไม่ได้มีพลังระดับเทพเจ้าอีกต่อไป หานเซิ่นสัมผัสได้ว่าพลังของศัตรูจางหายไปและกลายเป็นอะไรที่เล็กน้อยมาก พลังของไวโอเล็ตในตอนนี้ไม่ถึงระดับราชันด้วยซ้ำ
‘ทำไมพลังของฟีนิกซ์ถึงเป็นอะไรที่แปลกประหลาด? มันไม่ได้ทำร้ายไวโอเล็ต นี่มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือว่ามันเป็นวิธีการทำงานของมันกัน?’ หานเซิ่นครุ่นคิด
แต่หานเซิ่นไม่มีเวลาจะมาคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นอย่างละเอียด เขาเลิกสนใจไวโอเล็ตที่หมดสติและหันไปมองยักษ์หยกที่อยู่ระหว่างเถาวัลย์
เห็นได้ชัดว่านั่นคือร่างกายที่แท้จริงของสกายไวน์แรดิชที่ได้รับความเสียหายเมื่อนานมาแล้ว
จากที่หานเซิ่นรู้ พระเจ้าไม่สามารถทำร้ายสิ่งมีชีวิตของจักรวาลโดยตรงได้ แต่ร่างกายของพระเจ้าคนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นข้อยกเว้นของกฎนั่น
“พวกเรามาทำการแลกเปลี่ยนกันเป็นยังไง?” ดวงตาของยักษ์หยกยังคงปิดสนิทและปากของมันก็ไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่ถึงอย่างนั้นเสียงของมันก็เข้ามาในหูของหานเซิ่น
“ข้าไม่ทำการแลกเปลี่ยนกับพระเจ้า” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็ชกใส่ยักษ์หยก
ปัง!
หมัดของหานเซิ่นถูกเข้าที่ตาของยักษ์หยก แต่ร่างกายของยักษ์หยกนั้นไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เปลวเพลิงของฟีนิกซ์ลุกไหม้ผิวหนังของยักษ์หยก แต่มันก็ทำได้แค่ช่วงสั้นๆเท่านั้นก่อนที่ไฟจะดับไป ดูเหมือนว่ามันไม่สามารถเผาร่างของยักษ์หยกได้
“ถ้าเจ้าเป็นฟีนิกซ์จริงๆ เจ้าก็อาจจะทำร้ายร่างกายพระเจ้าของข้าได้ แต่เจ้าแค่มีเปลวเพลิงของฟีนิกซ์ ซึ่งมันใช้ไม่ได้ผลกับข้า แบบนั้นทำไมพวกเราไม่ทำใจให้เย็นลงและมาพูดคุยกัน?” เสียงของสกายไวน์แรดิชดังขึ้นอีกครั้ง
แต่หานเซิ่นไม่ได้สนใจอะไรสิ่งที่อีกฝ่ายพูด นี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาที่จะได้เอาชนะพระเจ้า ใครจะรู้ว่าเขาจะมีโอกาสแบบนี้อีกไหม
ในตอนนี้สกายไวน์แรดิชสามารถพูดคุยได้ แต่เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ร่างกายของเขายังคงได้รับความเสียหายอย่างหนัก และตลอดหลายปีที่ผ่าน มันก็ยังคงไม่ฟื้นตัว
หานเซิ่นชกใส่ร่างของสกายไวน์แรดิชซ้ำๆโดยที่อีกฝ่ายไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ แต่ทว่าสิ่งเดียวที่เพลิงฟีนิกซ์ของหานเซิ่นทำได้ก็คือเผาไหม้ส่วนเล็กๆบนผิวของสกายไวน์แรดิช
“ข้าบอกเจ้าแล้วยังไง เจ้าทำร้ายร่างกายของข้าไม่ได้” สกายไวน์แรดิชพูดอย่างหยิ่งยโส
“นั่นอาจจะไม่เป็นความจริง” หานเซิ่นนำเอาขนนกฟีนิกซ์ออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา เขาจับมันในมือเหมือนกับดาบ หลังจากนั้นเขาก็ฟันใส่ร่างของสกายไวน์แรดิช
เปลวเพลิงสีขาวห่อหุ้มขนนกฟีนิกซ์เอาไว้ ขณะที่หานเซิ่นใช้มันฟันใส่ร่างของสกายไวน์แรดิช ผลลัพธ์ที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าเนื้อของสกายไวน์แรดิชมีสีเขียวเหมือนกับหยกและเลือดสีเขียวของมันก็เริ่มจะไหลออกมาจากเนื้อหนังที่ถูกเปิดออก
ตอนที่ 2786
หานเซิ่นจ้องมองไปยังบาดแผลที่ขนนกฟีนิกซ์สร้างขึ้นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง จนถึงตอนนี้หานเซิ่นยังสร้างความเสียหายให้กับอีกฝ่ายไม่ได้เลย แม้แต่เปลวเพลิงฟีนิกซ์ก็ทำได้แค่เผาไหม้ผิวของสกายไวน์แรดิชในช่วงสั้นๆเท่านั้น แต่ตอนนี้ขนนกฟีนิกซ์สามารถตัดผ่านร่างกายพระเจ้าของสกายไวน์แรดิชเข้าไปได้
เปลวไฟสีขาวของฟีนิกซ์แผดเผาบาดแผลที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเทียบกับขนาดร่างกายของสกายไวน์แรดิชแล้ว บาดแผลแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยและไม่ค่อยมีความสำคัญอะไร แต่สำหรับหานเซิ่นแล้วมันถือเป็นก้าวที่สำคัญมากๆที่จะโค้นล้มสกายไวน์แรดิช
หานเซิ่นเริ่มจะเปลี่ยนความคิดต่อเพลิงฟีนิกซ์ที่เขาได้รับมา ในตอนแรกเขาอยากจะกำจัดมันทิ้งไป เขาไม่ได้คาดคิดว่าการใช้เพลิงฟีนิกซ์คู่กับขนนกฟีนิกซ์จะปลดปล่อยพลังทำลายล้างที่สุดยอดแบบนั้น มันสามารถตัดร่างของพระเจ้าให้เปิดออกได้
แต่ในตอนนี้หานเซิ่นไม่มีเวลาที่จะมัวมาคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น เขารีบใช้ขนนกฟีนิกซ์ฟันใส่ร่างของสกายไวน์แรดิชอย่างบ้าคลั่ง ดาบแสงบินไปทุกหนทุกแห่งและเฉือนร่างกายพระเจ้าของสกายไวน์แรดิช ขณะที่หานเซิ่นฟันใส่สกายไวน์แรดิชซ้ำแล้วซ้ำเล่า เลือดสีเขียวก็ไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
“หยุดเดี่ยวนี้ ไม่อย่างนั้นข้าจะฝังเจ้า!” สกายไวน์แรดิชคำรามอย่างเกรี้ยวโกรธ
แต่หานเซิ่นเมินเฉยต่อคำเตือนและฟันใส่ร่างกายของสกายไวน์แรดิชต่อไปอย่างไม่ลดละ
“นี่ถือเป็นการดูหมิ่นต่อพระเจ้า! ลูกหลาน ครอบครัวและเผ่าพันธุ์สกปรกของเจ้าจะต้องคำสาปตั้งแต่ตอนนี้ไปตลอดกาล! ภัยพิบัติครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นกับเจ้า!”
สกายไวน์แรดิชปลดปลดปล่อยเสียงคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ ขณะที่หานเซิ่นยังคงฟันใส่ร่างกายพระเจ้าต่อไปราวกับคนบ้า
ถึงแม้การฟันแต่ละครั้งจะสร้างบาดแผลเล็กๆบนเนื้อหนังของพระเจ้า แต่หลังจากที่หานเซิ่นฟันใส่ศัตรูเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง เขาก็สามารถเปิดเนื้อหนังของสกายไวน์แรดิชจนเห็นกระดูก เลือดสีเขียวหลั่งไหลออกมา
ขณะที่สกายไวน์แรดิชตะโกนคำสาปแช่งและคำหยาบคายมาอย่างไม่หยุด หานเซิ่นก็ลืมไปแล้วว่าเขาฟันใส่พระเจ้าไปกี่ครั้ง สุดท้ายแล้วเขาก็สามารถตัดหัวของสกายไวน์แรดิชจนขาด
หัวหยกขนาดใหญ่ตกลงบนพื้นจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ ใบหน้าของหัวนั้นหันขึ้นไปสู่ท้องฟ้าและในที่สุดดวงตาที่เปิดสนิทอยู่ก็เปิดออก พวกมันจ้องมาที่หานเซิ่นก่อนที่จะตะโกนขึ้นว่า
“พระเจ้าไม่มีวันถูกฆ่าตาย! วันนี้เจ้าได้ทำลายร่างกายพระเจ้าของข้า แต่ข้าจะทำให้ลูกหลานและครอบครัวของเจ้าต้องชดใช้เป็นล้านเท่า ผู้หญิงทุกคนในเผ่าพันธุ์ของเจ้าจะกลายเป็นโสเภณีและผู้ชายทุกคนจะกลายเป็นทาส”
หานเซิ่นแทงขนนกฟีนิกซ์ใส่ดวงตาของพระเจ้า เลือดสีเขียวพุ่งออกมาราวกับน้ำพุและกระเด็นเต็มร่างกายของหานเซิ่น
หานเซิ่นไม่มีอะไรต้องกลัว เขารู้ว่าตระกูลของเขาต้องต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าพวกนี้ เขาจึงไม่หวาดกลัวต่อคำข่มขู่พวกนี้
หานเซิ่นได้เห็นสกายไวน์แรดิชปฏิบัติกับเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตแล้ว ดังนั้นเขารู้ว่าพระเจ้าไม่เคยปฏิบัติกับผู้คนของจักรวาลในฐานะคนที่เท่าเทียมกัน พระเจ้านั้นคิดกับผู้คนในจักรวาลนี้ไม่ได้มากไปกว่าปศุสัตว์ พวกเขาจะฆ่าและกินผู้คนอย่างหานเซิ่นเป็นอาหาร
“ถ้าพระเจ้ากินผู้คน แบบนั้นทำไมผู้คนจะไม่กินพระเจ้า? วันนี้ฉันหานเซิ่นจะเป็นคนแรกที่กินเนื้อของพระเจ้า” หานเซิ่นเลียเลือดของพระเจ้าที่กระเด็นมารอบริมฝีปากของเขา มันรู้สึกร้อนเหมือนกับน้ำเดือด
‘ยีนระดับเทพเจ้า+1…’
‘เพียงแค่หยดเลือดของพระเจ้าก็เพิ่มยีนระดับเทพเจ้าหนึ่งพ้อยต์… ไม่แปลกใจเลยที่นายถูกคำนึงว่าเป็นพระเจ้า’
หานเซิ่นมองศัตรูด้วยความดูถูก หลังจากนั้นเขาก็กวัดแกว่งขนนกฟีนิกซ์เพื่อตัดร่างกายของสกายไวน์แรดิชซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มันมีเหตุผลที่พระเจ้าเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตในตำนาน แม้แต่ร่างกายที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักก็ยังแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ความแข็งแกร่งของมันเป็นอะไรที่ยากจะหยั่งถึง หานเซิ่นตัดหัวของมันจนขาดและแทงหัวใจของมันจนเป็นรูพรุน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สามารถฆ่ามันได้
‘ฉันไม่เชื่อว่านายจะยังมีชีวิตอยู่ได้ ถ้าฉันสับร่างกายนายเป็นชิ้นๆ’
หานเซิ่นยังคงฟันใส่ร่างของสกายไวน์แรดิชต่อไป ขณะที่เขากินเลือดที่กระเด็นมาถูกตัวของเขาเข้าไป
มันเหมือนกับว่าเขากลืนลาวาเข้าไปในท้องของเขา หานเซิ่นรู้สึกว่าทั้งร่างกายลุกเป็นไฟ มันร้อนมากซะจนเขาต้องการจะถอดหนังของตัวเองออกเพื่อจะได้เย็นขึ้นมาหน่อย
“ยีนระดับเทพเจ้า +1… ยีนระดับเทพเจ้า +1…”
เสียงประกาศดังขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งเลือดหยดของพระเจ้านั้นมอบหนึ่งยีนระดับเทพเจ้าให้กับเขา ร่างกายของพระเจ้านั้นเป็นอะไรที่มีค่าเหนือจินตนาการสำหรับคนอย่างหานเซิ่น
“ยีนระดับเทพเจ้าครบหนึ่งร้อย…สามารถวิวัฒนาการ…”
ในที่สุดหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงประกาศที่เขากำลังรอคอย แต่เขาไม่มีเวลาที่จะวิวัฒนาการในตอนนี้ เขามุ่งมั่นที่จะฆ่าสกายไวน์แรดิชให้ได้ เขาไม่สามารถปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสฟื้นคืนพลังและประกอบตัวเองอีกครั้งได้
หานเซิ่นตัดผ่านโครงกระดูกของสกายไวน์แรดิชไปเรื่อยๆจนกระทั่งขนนกฟีนิกซ์ฟันไปถึงกระดูกชิ้นหนึ่งที่เขาไม่สามารถตัดได้ กระดูกอื่นนั้นถูกขนนกฟีนิกซ์ตัดผ่านอย่างง่ายดาย แต่เขาไม่สามารถทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้บนกระดูกชิ้นนี้ได้
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนั้น และเขาก็เอนตัวเข้าไปดูกระดูกใกล้ๆ หานเซิ่นไม่เข้าใจถึงการทำงานของร่างกายพระเจ้า แต่มันเห็นได้ชัดว่ากระดูกนี้ไม่เหมือนกับกระดูกในโครงสร้างร่างกายของมนุษย์
กระดูกนี้เชื่อมต่อระหว่างหัวใจและปอดราวกับเถาวัลย์ที่คดเคี้ยว มันมีสีเขียวและมีความยาวเพียงแค่สองเมตร กระดูกแบบนั้นสำหรับร่างกายที่ใหญ่โตของสกายไวน์แรดิชแล้วมันถือว่าเล็กมากๆ แถมมันยังมีรูปร่างที่แตกต่างไปจากกระดูกส่วนอื่นอีกด้วย
ถึงแม้กระดูกส่วนอื่นจะดูเหมือนกับว่าพวกมันทำขึ้นมาจากหินสีเขียว กระดูกนี้ดูค่อนข้างโปร่งใส ภายในของกระดูกนั้นดูเหมือนว่ามีสัญลักษณ์ประหลาดลอยอยู่ กระดูกนี้ดูเหมือนกับบางสิ่งที่ออกมาจากความฝันที่มีอยู่ในจินตนาการของหานเซิ่นเท่านั้น
“พวกเรามาทำการตกลงกัน ถ้าเจ้าหยุดเพียงแค่นี้ ข้าจะช่วยเจ้ายึดครองจักรวาล…” เสียงของสกายไวน์แรดิชสั่นๆราวกับว่ามันกำลังหวาดกลัว
หานเซิ่นทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินที่สกายไวน์แรดิชพูด เขาฟันใส่กระดูกที่เชื่อมต่อระหว่างหัวใจและปอดขนาดยักษ์
“อ้า!” สกายไวน์แรดิชกรีดร้องราวกับว่าหัวใจถูกฉีกออกมา เขาไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องในตอนที่หัวของเขาถูกตัด แต่ตอนนี้เขากรีดร้องราวกับหมู
“นั่นคงจะต้องเป็นจุดอ่อนของเจ้า” หานเซิ่นยิ้มด้วยความดีใจ เขาใช้ขนนกฟีนิกซ์ฟันใส่กระดูกประหลาดนั่นอย่างรวดเร็วขึ้นอีก
สกายไวน์แรดิชกรีดร้องและสาปแช่งหานเซิ่น แต่หานเซิ่นยังคงไม่หยุด เขาอาจจะเชื่อฟังพระเจ้า แต่ไม่ใช่พระเจ้าแบบนี้
“เจ้าจะต้องตาย!” ทันใดนั้นสกายไวน์แรดิชก็ร้องตะโกนออกมา เมื่อเขาเห็นว่าหานเซิ่นกำลังจะตัดกระดูกประหลาดนั่นจนขาด ร่างกายพระเจ้าของเขาแว็บแสงสีเขียว และเนื้อหนังของเขาก็เริ่มจะเรืองแสงเหมือนกับเหล็กร้อน
“โอ้ไม่นะ!” หานเซิ่นเข้าใจในทันทีว่าสกายไวน์แรดิชต้องการจะทำอะไร เขารู้ว่าไม่มีโอกาสรอดไปจากหานเซิ่น ดังนั้นเขาจึงคิดจะระเบิดตัวเอง
หานเซิ่นไม่สามารถหยุดพระเจ้าจากการระเบิดตัวเองได้ ดังนั้นเขาจึงเร่งตัวเองให้ฟันเร็วขึ้นอีก เขาต้องการจะตัดกระดูกนั่นให้ได้ก่อนที่สกายไวน์แรดิชจะระเบิดตัวเอง
แต่ร่างกายของสกายไวน์แรดิชระเบิดตัวเองเร็วเกินไป และหานเซิ่นไม่มีเวลาพอที่จะตัดกระดูกประหลาดนั่นให้ขาด พลังที่น่ากลัวระเบิดขึ้นจากภายในร่างกายของสกายไวน์แรดิช มันเป็นเหมือนกับระเบิดนิวเคลียร์
ตูม!
ที่ด้านบนของสเปชการ์เด้น แสงสีเขียวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับภูเขาไฟปะทุ เมื่อมันขึ้นไปสู่ท้องฟ้าแล้ว มันก็แพร่กระจายออกและเริ่มตกลงราวสายฝน ฝนแสงตกลงมาบนทุ่งดอกไม้และพืชซีโน่เจเนอิคที่สัมผัสกับแสงนั่นก็เริ่มจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งสเปชการ์เด้นเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน มันเหมือนกับว่าท้องฟ้าและผืนดินถูกพลิกกลับ
หานเซิ่นออกจากโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นในหัว
“เทพสปิริตถูกฆ่า คุณได้รับเทพสปิริต ยีนเทพสปิริตถูกค้นพบ”
ตอนที่ 2787
ภายในสเปชการ์เด้น แสงสีเขียวพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้าราวกับภูเขาไฟปะทุ มันทำให้ทั้งสเปชการ์เด้นสั่นสะเทือน ทุกซอกทุกมุมของจักรวาลจีโนมีน้ำตาสีเขียวปรากฏให้เห็นในอวกาศ มันเหมือนกับว่าอวกาศได้รับบาดเจ็บ
จากรอยแผลสีเขียวที่ฉีกขาดของอวกาศ มันมีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนกับวิหารของเทพในสมัยโบราณโผล่ออกมา
“จีโนฮอลล์!” ทุกสิ่งมีชีวิตในจักรวาลดูสับสน เมื่อเห็นจีโนฮอลล์ปรากฏต่อหน้าต่อตาพวกเขา พวกเขาเงยหน้าขึ้นไปมองจีโนฮอลล์ด้วยความสับสน พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมมันถึงปรากฏออกมา
“การต่อสู้ในบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนเพิ่งจะจบไปไม่นาน ทำไมจีโนฮอลล์ถึงปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง?”
“ข้าเดิมพันว่ามียอดฝีมือบางเผ่าจะทำการต่อสู้เพื่อแย่งชิงตะเกียงในจีโนฮอลล์”
“ข้าไม่คิดแบบนั้น ครั้งก่อนในตอนที่ข่งเฟยทำการต่อสู้มันมีบรรยายกาศที่แตกต่างออกไป ก่อนหน้านี้ดวงดาวทั้งหมดจะลอยขึ้นเต็มท้องฟ้า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันมีบาดแผลในจักรวาล มันให้ความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิม”
“ใช่ รอยแผลสีเขียวบนอวกาศนั้นหมายความว่ายังไงกัน? นี่เป็นอะไรที่แปลกมากๆ ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับอะไรแบบนี้มาก่อน การได้เห็นรอยแผลสีเขียวนั้นทำให้ข้ารู้สึกเศร้าขึ้นมาจนอยากจะร้องไห้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
บนยอดของเอมตี้เมาท์เทนมีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีเขาศักดิ์สิทธิ์งอกจากบนหัวของเธอ เธอยืนอยู่ข้างอสูรขนสีเขียว ทั้งคู่มองขึ้นไปที่รอยแผลสีเขียวบนอวกาศ สายตาของพวกเขาดูแรงกล้าอย่างแปลกประหลาด
“ในที่สุดมันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง มันผ่านมากว่าพันล้านปีตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ข้าเห็นความเศร้าของพระเจ้า ข้าคิดถึงสมัยของผู้นำเมาท์เทน เขาฝ่าประตูของจีโนฮอลล์ สังหารพระเจ้าและกลายเป็นเทพสปิริต มันเป็นเวลากว่าพันล้านปีแล้ว ตั้งแต่ที่ใครสักคนทำอะไรแบบนี้ วันนี้ข้าได้เห็นความเศร้าของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง” อสูรขนสีเขียวพูด มันมองไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
“แต่ใครกันที่สังหารพระเจ้าและชิงตำแหน่งเทพสปิริตไปได้สำเร็จ” ผู้หญิงที่มีเขาขมวดคิ้ว
“นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพระเจ้าเหล่านั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่โค่นล้มไม่ได้”
อสูรขนเขียวพูด หลังจากนั้นมันก็หันไปมองอสูรขนทองที่กำลังหลับอยู่และพูดต่อ “นี่อาจจะเป็นโอกาสของเอมตี้เมาท์เทน เมื่อผู้นำเมาท์เทนน้อยอยู่ที่นี่ มันก็ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งเอมตี้เมาท์เทนจากการกลับมาผงาดอีกครั้งได้”
เมื่อได้ยินอสูรขนสีเขียวพูดถึง “ผู้นำเมาท์เทนน้อย” ใบหน้าของผู้หญิงที่ดูจริงจังก็แสดงรอยยิ้มที่หาได้ยากออกมา
“เลือดของผู้นำเมาท์เทนน้อยไม่บริสุทธิ์ ดังนั้นศักยภาพของเขาจึงคาดเดาได้ยาก แต่เขาต้องกลายเป็นขั้นทรูก็อตอย่างแน่นอน เขาจะเข้าไปในจีโนฮอลล์เหมือนอย่างที่ผู้นำเมาท์เทนทำและกลายเป็นบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า หลังจากนั้นผู้คนก็จะได้รู้ว่าเอมตี้เมาท์เทนยังคงอยู่ที่นี่และเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่มีสายเลือดที่ไร้เทียมทาน”
บนดาวแคระสีแดงที่ดูน่ากลัว มันมีปราสาทหลังหนึ่งซ่อนอยู่ ภายในปราสาทนั้นมีสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนกับมนุษย์อยู่หลายคน พวกเขาจ้องมองไปที่ความเศร้าของพระเจ้าในอวกาศ
ถ้าหานเซิ่นมาอยู่ที่นี่ เขาก็จะต้องตกใจที่เห็นว่าเทพแห่งผลกรรมอยู่ในหมู่คนพวกนั้น เขาเป็นสมาชิกของพยุหะโลหิต
“สิ่งที่พวกเรารู้ว่าจะเกิดขึ้น ในที่สุดก็เกิดขึ้นมา นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ยุคสมัยของเซเคร็ด ในที่สุดสงครามของพระเจ้าก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง มันน่าเสียดายที่พวกเรายังเตรียมตัวไม่พร้อม” ชายที่มีดวงตาสีฟ้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและถอนหายใจ
“ถึงแม้พวกเราจะยังไม่พร้อม มันก็ไม่ใช่ว่าพวกเราจะไม่มีโอกาส พยุหะโลหิตนั้นซ่อนตัวมาเป็นเวลานานเกินไปแล้ว มันถึงเวลาที่พวกเราจะต้องต่อสู้กับเทพสปิริต”
“คงเป็นแบบนั้น” ชายดวงตาสีมองไปที่รอยแผลสีเขียวที่อยู่ห่างไกลออกไป ไม่มีใครบอกได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
บนดาวเล็กๆแห่งหนึ่งของเทาซันด์เทรเชอร์ ชายแก่คนหนึ่งกำลังถือธงผ้าและมองรอยแผลในอวกาศ เขาพูดกับตัวเอง
“นี่ไม่ควรจะเกิดขึ้น มันยังไม่ถึงเวลา นี่มีใครบางคนฆ่าพระเจ้าได้สำเร็จอย่างนั้นหรอ? แต่นั่นไม่ควรจะเป็นไปได้”
ในสถานที่ลึกลับนับไม่ถ้วนในจักรวาล ยอดฝีมือที่น่ากลัวเงยหน้าขึ้นไปมองรอยแผลในอวกาศและจีโนฮอลล์ค่อยๆที่ปรากฏออกมา พวกเขาทุกคนนั้นคิดต่างกันออกไป บางคนตื่นเต้น บางคนสงสัย บางคนแค่มองดู พวกเขามองดูด้วยความหวังที่จะได้รู้ว่าใครกันที่ฆ่าเทพสปิริตคนหนึ่งและชิงตำแหน่งเทพสปิริตไปเป็นของตัวเองได้
ตอนนี้จีโนฮอลล์ปรากฏออกมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ทั้งจักรวาลมืดไปและมีเพียงแค่แสงสีเขียวจากรอยแผลในอวกาศเท่านั้นที่เรืองแสงอย่างสวยงาม
ประตูของจีโนฮอลล์ที่ลึกลับดูเหมือนจะไม่ถูกเปิดมาเป็นเวลากว่าพันล้านปี แต่วันนี้ในที่สุดมันก็เปิดขึ้นอีกครั้ง
นี่แตกต่างไปจากการต่อสู้ชิงตะเกียงในจีโนฮอลล์ของข่งเฟย และมันก็แตกต่างไปจากตอนที่แอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตพยายามจะฝ่าประตูเข้าไป ในตอนนี้ประตูของจีโนฮอลล์เปิดอย่างสมบูรณ์ และทำให้สิ่งมีชีวิตจากทุกซอกทุกมุมของจักรวาลสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในประตูได้
ภายในประตูนั้นมีรูปปั้นยักษ์ที่ดูเหมือนกับว่าทำขึ้นมาจากหยก ถึงแม้มันจะเป็นแค่รูปปั้น แต่มันก็ขู่ขวัญเกินบรรยาย เพียงแค่ได้เห็นมันก็เป็นน้ำหนักที่ถ่วงจิตใจเหมือนกับทั่งตีเหล็ก ในตอนที่สิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจอ่อนแอได้เห็นรูปปั้น พวกเขาก็พบว่าตัวเองนั้นคุกเข่าลงไปก่อนที่จะรู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ในตอนนี้มีเลือดไหลออกมาจากดวงตาของรูปปั้น ภาพของมันทำให้ทุกคนที่ได้เห็นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มันเป็นอะไรที่ขู่ขวัญ แต่มันไม่ได้ให้ความรู้สึกที่คุกคามเหมือนอย่างที่ผู้คนอาจจะคาดคิด
ท่ามกลางสายตาของสิ่งมีชีวิตมากมาย รูปปั้นนั่นค่อยๆออกมาจากจีโนฮอลล์ รอยร้าวที่เหมือนกับใยแมงมุมเริ่มเกิดขึ้นบนผิวของรูปปั้น
ในตอนที่รูปปั้นผ่านประตูของจีโนฮอลล์ออกมา มันก็แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วนและกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง
ท้องฟ้าสั่นสะเทือนราวกับว่าพายุฝนฟ้าคะนอง มันเหมือนกับว่าท้องฟ้ากำลังร้องไห้ต่อความตายของเทพสปิริต
“ใครจะเป็นเทพสปิริตคนใหม่?” ผู้นำปราสาทนภาหลี่ตา เขาจ้องมองไปที่ประตูของจีโนฮอลล์อย่างใจจดใจจ่อ
รูปปั้นนั้นออกมาจากจีโนฮอลล์แล้ว ดังนั้นตอนนี้ที่ของเทพสปิริตจึงว่างอยู่ ผู้นำปราสาทนภาอยากจะรู้ว่าใครกันที่สังหารพระเจ้าและเข้าไปแทนที่พระเจ้าคนนั้น
คนอื่นๆก็รู้สึกแบบเดียวกัน พวกเขาทุกคนจับจ้องไปที่ประตูของจีโนฮอลล์ พวกเรารอคอยให้ยอดฝีมือที่ฆ่าเทพสปิริตขึ้นรับตำแหน่งเทพสปิริตคนใหม่
แต่หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน พวกเขาก็ยังไม่เห็นใครบินขึ้นที่จีโนฮอลล์เพื่อรับตำแหน่ง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังก้องออกมาจากจีโนฮอลล์ มันเป็นเสียงที่ได้ยินอย่างชัดเจนไปทั่วทั้งจักรวาล
“สกายไวน์แรดิชถูกโค่นล้ม สิ่งประจำตัวของพระเจ้าสูญหายไป ใครก็ตามที่หาสิ่งประจำตัวของพระเจ้าของสกายไวน์แรดิชได้ คนคนนั้นจะได้ขึ้นครองตำแหน่งเทพสปิริต”
ทุกคนในจักรวาลรู้สึกแปลกใจ เทพสปิริตคนหนึ่งถูกโค่นล้ม และสิ่งประจำตัวของพระเจ้าก็สูญหายไป พวกเขาไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน ยอดฝีมือที่ฆ่าสกายไวน์แรดิชควรจะนำสิ่งประจำตัวของพระเจ้าไปที่จีโนฮอลล์และกลายเป็นพระเจ้าด้วยตัวเอง
“มันหมายความว่ายังไงที่ว่าสิ่งประจำตัวของพระเจ้าสูญหายไป? นั่นหมายความว่ายอดฝีมือคนนั้นฆ่าเทพสปิริตโดยที่ไม่ได้เอาสิ่งประจำตัวของพระเจ้าไปอย่างนั้นหรอ?”
“ไม่มีทาง สิ่งที่ทรงพลังขนาดนั้น ทำไมเขาถึงไม่เอามันไป”
“หรือไม่บางทียอดฝีมือคนนั้นอาจจะตายไปพร้อมกับสกายไวน์แรดิช”
“มันก็เป็นไปได้”
หัวใจของใครหลายคนเต้นรัว ถ้ายอดฝีมือคนนั้นและพระเจ้าตายไปทั้งคู่จริงๆ ใครที่เอาสิ่งประจำตัวของพระเจ้ามาได้ เขาก็จะได้กลายเป็นพระเจ้าซะเอง
หลังจากนั้นประตูของจีโนฮอลล์ก็ปิดลงและหายกลับไปสู่ความว่างเปล่า แต่ความเศร้าบนท้องฟ้าเหมือนกับรอยแผลสีเขียวนั้นไม่ได้จางหายไป
ตอนที่ 2788
หานเซิ่นกำลังถือกระดูกที่ดูเหมือนกับเถาวัลย์หยกอยู่ในมือ เขามองไปที่มันด้วยความสงสัย ในตอนที่สกายไวน์แรดิชระเบิดตัวเอง หานเซิ่นใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเพื่อเอาตัวรอดจากแรงระเบิดที่น่ากลัว
แต่สิ่งที่อยู่รอบๆตัวเขาไม่ได้โชคดีแบบนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆนั้นถูกทำลายด้วยแรงระเบิดนั่น มันไม่มีแม้แต่ฝุ่นที่หลงเหลืออยู่
มีเพียงแค่กระดูกที่ดูเหมือนกับหยกเท่านั้นที่เหลืออยู่ มันไม่ได้รับความเสียหายอะไรจากแรงระเบิดที่น่ากลัวนั่น มันเป็นกระดูกที่หานเซิ่นสันนิษฐานว่าเป็นจุดอ่อนของสกายไวน์แรดิช และเป็นยีนเทพสปิริตที่ประกาศในหัวของเขา
“ถ้ารู้ว่าการระเบิดตัวเองของสกายไวน์แรดิชจะระเหยเลือดไปจนหมด เราก็คงจะดื่มมันให้มากกว่านี้” หานเซิ่นพูดอย่างละโมบ
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฆ่าเทพสปิริต และตอนนี้เราก็ได้แค่กระดูกชิ้นหนึ่งมา”
“โอ้ ไม่นะ! นี่เซี่ยชิงคงไม่ได้ตายไปในแรงระเบิดหรอกใช่ไหม?” หานเซิ่นนึกถึงเซี่ยชิงขึ้นมาได้
ก่อนที่หานเซิ่นจะได้ไปตามหาเซี่ยชิง เขาก็เห็นเซี่ยชิงโผล่ออกมาจากถ้ำด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยดิน เขาบินมาหาหานเซิ่นและพูด
“แรงระเบิดนั้นรุนแรงมาก มันเกือบจะฆ่าข้า”
หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจขึ้นมา “โชคดีที่นายรีบหนีออกจากรัศมีของการระเบิดไปซะก่อน ไม่อย่างนั้นแม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ทนต่อการระเบิดตัวเองนั่นไม่ได้”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงไม่เป็นอะไร ตอนนี้หานเซิ่นก็มีเวลาที่จะตรวจเช็คทะเลจิตของเขา มันมีร่างสปิริตของยักษ์ที่ดูเหมือนกับหยกอยู่ มันคล้ายคลึงกับร่างพระเจ้าของสกายไวน์แรดิช แต่ร่างจริงของสกายไวน์แรดิชนั้นมีรูปธรรม นี่เป็นแค่ร่างสปิริต
“ในตอนที่ซีโน่เจเนอิคธรรมดาตาย พวกมันจะทิ้งวิญญาณอสูรเอาไว้”
หานเซิ่นพูดขณะที่ตรวจสอบข้อมูลของร่างสปิริต “แต่สกายไวน์แรดิชนั้นทิ้งเทพสปิริตเอาไว้ มันแตกต่างกันยังไง?”
[สกายแรดิชก็อต: เทพสปิริตขั้นเดสทรัคชั่น]
“การเป็นขั้นเดสทรัคชั่นนั้นหมายความว่ายังไง?”
ในหัวของหานเซิ่นเต็มไปด้วยคำถาม ระดับขั้นของเทพสปิริตดูเหมือนจะแตกต่างไปจากวิญญาณอสูร และมันก็ไม่มีประเภทบ่งบอก มันมีเพียงแค่ระดับขั้นเท่านั้น และนี่เป็นขั้นเดสทรัคชั่น
หานเซิ่นลองเรียกสกายแรดิชก็อตออกมาเพื่อดูว่ามันทำอะไรได้
ร่างเทพสปิริตยักษ์ของสกายแรดิชปรากฎขึ้นตรงหน้าของหานเซิ่น ออร่าของมันเหมือนกับอสูรที่น่ากลัวอย่างที่สุด มันเหมือนกับว่ามันสามารถระเบิดโลกนี้ได้ด้วยหมัดเดียว
“สิ่งนี้เหมือนกับวิญญาณอสูรสัตว์เลี้ยงอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นทำการออกคำสั่งให้สกายแรดิชก็อตชกใส่กำแพงโดยใช้การความคิด
สกายแรดิชก็อตเชื่อฟังคำสั่งของหานเซิ่นและทำตามสิ่งที่เขาบอก แสงเทพสปิริตสีเขียวบนร่างกายของมันส่องสว่างออกมา ขณะที่มันชกใส่กำแพง
หานเซิ่นกังวลขึ้นมาเกี่ยวกับการที่สเปชการ์เด้นจะถูกทำลาย แต่ทันใดนั้นเขาก็อึ้งไป พลังของสกายแรดิชก็อตนั้นทะลุผ่านกำแพงไปราวกับว่าสกายแรดิชก็อตนั้นเป็นผี
“นี่เทพสปิริตเป็นเหมือนกับพระเจ้าอย่างนั้นหรอ? พวกเขาแตะต้องสสารของจักรวาลนี้ไม่ได้?” หานเซิ่นพยายามออกคำสั่งอีกหลายครั้ง แต่ไม่สำคัญว่าสกายแรดิชก็อตจะจะปลดปล่อยพลังออกมามากเท่าไหร่ มันก็ไม่สามารถทำลายใบไม้ที่เล็กที่สุดได้ หานเซิ่นรู้สึกผิดหวังกับเรื่องนั้น
“คิดว่านี่จะเป็นของดีซะอีก แต่มันแตะต้องอะไรไม่ได้ นี่เป็นแค่ขยะ”
หานเซิ่นคิด แต่เขาคิดต่อไปว่านั่นไม่ถูกต้อง “ถ้าเทพสปิริตเป็นเหมือนกับพระเจ้าที่แตะต้องสสารของจักรวาลไม่ได้จริงๆ มันก็พิสูจน์ว่าพวกมันเหมือนกัน นั่นหมายความว่าเทพสปิริตทำร้ายพระเจ้าได้อย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นคิดว่านั่นอาจจะเป็นไปได้ แต่มันไม่มีพระเจ้าคนไหนที่จะมายืนเฉยๆให้เขาทดสอบ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่สามารถยืนยันความคิดนั้นได้
“แต่ทำไมร่างจริงของสกายไวน์แรดิชถึงทำร้ายสิ่งมีชีวิตในจักรวาลจีโนอย่างเราได้? มันเป็นเพราะเขากำลังบาดเจ็บอย่างนั้นหรอ? หรือมันมีเหตุผลอื่นอยู่?” หานเซิ่นคาดเดาต่อไป เขาคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นอะไรที่ง่ายแบบนั้น
เซี่ยชิงบินเข้ามาหาหานเซิ่นและมองเขาด้วยความสับสน
“นี่เจ้ากำลังทำอะไร? เจ้าเคลื่อนไหวขาและแขนไปๆมาๆ นี่แรงระเบิดทำลายสมองของเจ้าหรือยังไง?”
“นายไม่เห็นมันอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน
เซี่ยชิงมองไปที่หานเซิ่นและถาม “เห็นอะไร? เจ้าหมายถึงเถาวัลย์สีเขียวที่เจ้ากำลังถืออยู่อย่างนั้นหรอ?”
“นายไม่เห็นเขาหรือยังไง?” หานเซิ่นชี้ไปยังตำแหน่งที่สกายแรดิชก็อตอยู่
“มันมีใครอยู่ตรงนี้อย่างนั้นหรอ?” เซี่ยชิงยื่นมือออกไปเพื่อสัมผัสอะไรก็ตามที่อยู่ตรงนั้น แต่มันไม่มีอะไรให้สัมผัส มือของเขาทะลุผ่านร่างเทพสปิริตของสกายแรดิชก็อตไป
“มันมีวิญญาณอสูรที่นายสัมผัสไม่ได้อยู่ ฉันได้มันมาจากคนที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้า” หานเซิ่นอธิบายสถานการณ์ของสกายแรดิชก็อตให้เซี่ยชิงฟัง
ในตอนที่เขาได้ยินแบบนั้น เซี่ยชิงก็เงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นมา
“เทพสปิริตที่เจ้าพูดดูคล้ายคลึงกับพระเจ้าอย่างนั้นหรอ? บางทีเจ้าอาจจะใช้มันต่อกรกับพระเจ้าได้”
“ฉันก็หวังแบบนั้น” หานเซิ่นพยักหน้า เขารู้สึกแย่มาโดยตลอดเกี่ยวกับการที่เขาไม่สามารถต่อสู้กับพระเจ้าได้ ถ้าเทพสปิริตต่อสู้กับพระเจ้าได้จริงๆ มันก็จะเป็นวิญญาณอสูรที่เขาหวงแหนยิ่งกว่าวิญญาณอสูรอื่นๆ
“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ” เซี่ยชิงมองไปรอบๆและพูด
“พวกเราทำเสียงดังเกินไป ข้ากลัวว่ามันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่คนอื่นจะมาที่นี่ พวกเราควรรีบหนีไป”
หานเซิ่นพยักหน้า เขาเก็บกระดูกยีนเทพสปิริตเอาไว้ภายในหอคอยแห่งโชคชะตาและทำการหนีไปพร้อมกับเซี่ยชิง
หลังจากที่พวกเขาออกมาแล้ว พวกเขาก็เห็นจีโนฮอลล์ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า หานเซิ่นได้ยินเสียงดังมาจากจีโนฮอลล์ และเขาก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่าสิ่งประจำตัวของพระเจ้าที่จีโนฮอลล์พูดถึงนั้นคงจะเป็นกระดูกยีนเทพสปิริตที่เขาได้มา
แต่หานเซิ่นไม่คิดจะเอายีนเทพสปิริตไปที่จีโนฮอลล์ เขาต้องการจะศึกษาเกี่ยวกับกระดูกก่อนเป็นอันดับแรก
หานเซิ่นคิดว่าสเปชการ์เด้นนั้นจะถูกทำลายโดยการระเบิดตัวเองของสกายไวน์แรดิช แต่เมื่อเขาดูดีๆแล้ว หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าสเปชการ์เด้นไม่ได้ถูกทำลาย จริงๆแล้วมันมีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าเดิม เขาไม่รู้ว่ามันใหญ่ขึ้นแค่ไหน แต่พืชซีโน่เจเนอิคในทุ่งดอกไม้นั้นเกิดการกลายพันธุ์ พวกมันกลายเป็นอะไรที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และแปลกประหลาด
ไม่ไกลจากพวกเขา หานเซิ่นเห็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนกับงูประหลาด มันปลดปล่อยออร่าที่น่ากลัวออกมา เขาสามารถบอกได้ว่ามันเป็นระดับเทพเจ้า
“ดูเหมือนว่าการระเบิดของสกายไวน์แรดิชจะกระจายพลังออกไป มันเป็นประโยชน์ต่อพืชซีโน่เจเนอิคที่อยู่รอบๆนี้ทั้งหมด และทำให้พวกมันวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว สเปชการ์เด้นในตอนนี้มีค่ามากกว่าสเปชการ์เด้นก่อนหน้านี้มาก มันเป็นอะไรที่เหมาะสมสำหรับพวกเราที่จะตั้งหลักปักฐาน น่าเสียดายที่ไวโอเล็ตถูกระเบิดเป็นชิ้นๆ นั่นหมายความว่าพวกเราไม่มีกุญแจที่จะเข้ามาในสเปชกาณ์เด้น” เซี่ยชิงดูเสียดายขณะที่เขาพูด
“มันต้องมีหนทางอยู่” หานเซิ่นเริ่มจะครุ่นคิด
“สเปชการ์เด้นนั้นคือซีโน่เจเนอิคเห็ดหลินจือขนาดยักษ์ ถ้ามันมีชีวิต นั่นหมายความว่าพวกเราพูดกับมันได้ แต่ฉันกลัวว่าสติปัญญาของเห็ดหลินจืออาจจะต่ำเกินไป ถ้ามันไม่เข้าใจคำพูดของพวกเรา มันก็อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะโน้มน้าว”
ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิด เขาก็ได้ยินเสียงผู้คนดังมาจากด้านซ้าย พวกเขากำลังทำการต่อสู้อยู่
ตอนที่ 2789
ผู้คนที่กำลังต่อสู้คือกลุ่มของเอ็กซ์ตรีมคิง พวกเขากำลังต่อสู้กับฟลาวเวอร์ก็อตหลายสิบคน ดูเหมือนว่าเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตนั้นจะยังไม่กลับมาเป็นปกติหลังจากการตายของสกายไวน์แรดิช พวกเขายังคงบ้าคลั่งเหมือนเดิม
ร่างกายของเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตยังคงทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ในตอนที่ไป๋ว่านเจี้ยปลดปล่อยพลังของเขาใส่ฟลาวเวอร์ก็อตคนหนึ่ง เขาก็ทำได้แค่ส่งฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นกระเด็นออกไปเท่านั้น
ไป๋ว่านเจี้ยที่เป็นระดับเทพเจ้าเพียงคนเดียวที่ทำแบบนั้นได้ ส่วนเอ็กซ์ตรีมคิงคนอื่นๆตกอยู่ในสภาพที่เลวร้ายกว่ามาก มันมีเอ็กซ์ตรีมคิงที่ติดตามไป๋ว่านเจี้ยเหลืออยู่ไม่มากนัก และตอนนี้พวกเขาส่วนใหญ่เต็มไปด้วยบาดแผล ดูเหมือนว่าเอ็กซ์ตรีมคิงหลายคนจะถูกฆ่าตายไป
เด็กสาวที่หานเซิ่นพูดด้วยก่อนหน้านี้ทำการเคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาด เธอสามารถหลบหลีกเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตที่เข้ามาโจมตีได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เนื่องจากกลุ่มของเอ็กซ์ตรีมคิงไม่สามารถฆ่าเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตได้ ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆจึงทำได้แต่ต่อสู้และถอยหนีไปเรื่อยๆ
หานเซิ่นไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปสนใจการดิ้นรนของพวกเขา แถมพวกเขาเป็นคนของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง หานเซิ่นและเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงมีความบาดหมางที่ฝังลึกระหว่างกัน หานเซิ่นคิดว่าตัวเองใจดีมากพอแล้วที่ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ของพวกเขาแย่ไปกว่านี้ ยังไงซะเขาก็ไม่มีความคิดที่จะเข้าไปช่วยองค์รัชทายาทของเอ็กซ์ตรีมคิง
ในตอนที่ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นผ่านมา ฟลาวเวอร์ก็อตหลายคนสังเกตก็เห็นพวกหานเซิ่นและเข้ามาจู่โจมพวกเขา
ไป๋ว่านเจี้ยและเด็กสาวนั้นเห็นเซี่ยชิงกับหานเซิ่น แต่พวกเขาไม่ได้จงใจพาเหล่าฟลาวเวอร์มาหาทั้งคู่
ไป๋ว่านเจี้ยไม่เชื่อว่าจะมีใครที่สามารถฆ่าฟลาวเวอร์ก็อตเหล่านี้ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะทำอะไรได้มาก ด้วยเหตุนั้นพวกเขาไม่ได้ดึงความสนใจของเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตมาทั้งสองคนอย่างจงใจ ในตอนที่ฟลาวเวอร์ก็อตบางคนสังเกตหานเซิ่นและเซี่ยชิง พวกมันก็เข้าไปจู่โจมพวกเขา
เด็กสาวตะโกนบอกหานเซิ่น “ทำไมพวกเจ้าถึงมัวยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น? รีบวิ่งหนีไป!”
ทันทีที่เธอตะโกนเสร็จ เธอก็เห็นหานเซิ่นชกหมัดใส่หนึ่งในฟลาวเวอร์ก็อต เธออดไม่ได้ที่จะคิดกับตัวเอง ‘เจ้านี่บ้าไปแล้วหรือยังไง?’
ขณะที่เด็กสาวกำลังคิดแบบนั้น หมัดของหานเซิ่นก็ชกไปถูกหน้าของหนึ่งในฟลาวเวอร์ก็อต พลังที่รุนแรงนั้นส่งฟลาวเวอร์ก็อตกระเด็นออกไปหลายร้อยเมตร
“แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้!” เด็กสาวตกใจ หมัดของหานเซิ่นนั้นทรงพลังกว่าที่ไป๋ว่านเจี้ยจะทำได้ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“แต่ถึงเขาจะแข็งแกร่ง มันก็เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์อยู่ดี ฟลาวเวอร์ก็อตพวกนี้…” เด็กสาวคิด แต่หลังจากนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ฟลาวเวอร์ก็อตที่ถูกชกกระเด็นออกไปโดยหานเซิ่นนั้นเริ่มจะลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีขาว
เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตนั้นต่อสู้กับพวกเขามาสักพักหนึ่งแล้ว พวกเขารู้ดีว่าร่างกายของฟลาวเวอร์ก็อตนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน ถึงแม้พวกฟลาวเวอร์ก็อตจะได้รับบาดเจ็บ พวกมันก็จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แถมพวกมันยังดูเหมือนจะไม่รู้ถึงความเจ็บปวดอีกด้วย
ไป๋ว่านเจี้ยได้ลองใช้วิชาจีโนต่างๆมากมายกับเหล่าฟลาวเวอร์ก็อต แต่พลังทุกอย่างของเขาไม่ได้ผลอะไรกับพวกมัน เขาไม่แม้แต่จะทำให้พวกมันส่งเสียงกรีดร้องออกมาได้
แต่ตอนนี้ฟลาวเวอร์ก็อตที่ถูกหานเซิ่นชกกระเด็นออกไปนั้นกำลังกรีดร้องและกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้น มันส่งเสียงร้องราวกับหมูที่กำลังจะถูกฆ่า
หานเซิ่นไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาชกใส่ฟลาวเวอร์ก็อตที่เข้ามาคนละหนึ่งครั้ง ในเวลาชั่วพริบตาพวกมันทั้งหมดก็ถูกส่งกระเด็นออกไป
แต่มันแตกต่างไปในตอนที่ไป๋ว่านเจี้ยส่งฟลาวเวอร์ก็อตกระเด็นออกไป ฟลาวเวอร์ก็อตที่หานเซิ่นชกกระเด็นออกไปนั้นไม่สามารถลุกกลับขึ้นมาได้ พวกมันทั้งหมดกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้นด้วยความเจ็บปวดจากเปลวเพลิงสีขาว มันทำให้ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นรู้สึกแปลกๆ
เปลวเพลิงสีขาวกำลังลุกไหม้ แต่ร่างกายของฟลาวเวอร์ก็อตไม่ได้กำลังถูกแผดเผา มีเพียงแค่ดอกไม้ที่อยู่บนหัวของพวกเขาเท่านั้นที่ถูกทำให้กลายเป็นเถ้าถ่าน ในตอนที่ดอกไม้หายไปแล้ว เปลวเพลิงสีขาวก็หายไปเช่นกัน หลังจากนั้นเสียงกรีดร้องของเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตก็เงียบไป และพวกมันทั้งหมดก็นอนแน่นิ่งไปกับพื้น
ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นสัมผัสได้ว่าออร่าของฟลาวเวอร์ก็อตที่ถูกหานเซิ่นชกนั้นอ่อนแอลงไป พวกมันไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้าอีกต่อไปแล้ว อย่างมากที่สุดพวกมันก็เป็นแค่ระดับราชัน
“เปลวไฟนั่นคืออะไรกัน?” เด็กสาวถามด้วยความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าพลังของหานเซิ่นคือหนทางแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ของพวกเขา
“ขอบคุณที่ช่วยพวกเรา” ไป๋ว่านเจี้ยพาคนของเขาเข้ามาหาหานเซิ่น และด้วยการทำแบบนั้นเขาก็ดึงดูดฟลาวเวอร์ก็อตคนอื่นที่เหลือเข้ามาหาหานเซิ่นด้วย
หานเซิ่นชกฟลาวเวอร์ก็อตทั้งหมดล้มลงไปกับพื้นอย่างรวดเร็ว และพวกมันก็ดิ้นไปดิ้นมากับพื้นอย่างเจ็บปวด เนื่องจากเปลวเพลิงสีขาวอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อได้เห็นแบบนั้นผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิงก็รู้สึกตกใจ พวกเขาถูกเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตไล่ล่ามาเป็นเวลานาน และพวกเขาไม่มีหนทางที่จะจัดการกับพวกมัน พวกเขาคิดว่าสุดท้ายแล้วคงจะไม่รอด เพราะยังไงซะพวกเขาหลายคนก็ถูกฆ่าตายไปเรียบร้อยแล้ว
แต่เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตที่พวกเขาเคยคิดว่าอยู่ยงคงกระพันนั้นถูกจัดการอย่างง่ายดายโดยหานเซิ่น พวกเขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กสาวของเอ็กซ์ตรีมคิง เธอมองหานเซิ่นอย่างแปลกๆราวกับว่าพวกเขาไม่รู้จักกันมาก่อน
“ด้วยความยินดีองค์ชาย” เซี่ยชิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“พวกเราทุกคนถูกขังอยู่ที่นี่ร่วมกัน ดังนั้นพวกเราก็ควรจะช่วยเหลือกันและกัน”
ไป๋ว่านเจี้ยขอบคุณเซี่ยชิงอีกครั้ง เขามองไปที่หานเซิ่นและพูด “ข้าขอทราบชื่อของเจ้าหน่อยได้ไหม”
“ซานมู่” หานเซิ่นตอบอย่างเย็นชา เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองไป๋ว่านเจี้ย
ไป๋ว่านเจี้ยไม่เคยได้ยินชื่อซานมู่มาก่อน แต่ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะเป็นมิตรกับหานเซิ่น ขณะที่เขาเอยชมหานเซิ่นหลายครั้ง แต่หานเซิ่นเมินเฉยต่อไป๋ว่านเจี้ยอย่างสมบูรณ์ เขาไม่พูดกลับไปเลยสักคำ
“ซานมู่มักจะเป็นแบบนี้ องค์ชายได้โปรดอย่าใส่ใจเขา” เซี่ยชิงพูด หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตที่ปราศจากดอกไม้ พวกเขายังคงไม่ตายและที่สุดแล้วพวกเขาก็ค่อยๆลุกกลับขึ้นมา
ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นกำลังจะฆ่าพวกเขา แต่เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตเดินมาตรงหน้าหานเซิ่นและคุกเข่าพร้อมกับพูด
“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเรา! ได้โปรดเมตตาช่วยเหลือคนอื่นๆด้วยเถิด”
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขาหันไปมองเซี่ยชิงที่ยืนอยู่ข้างๆ
เซี่ยชิงดูเหมือนจะรู้ว่าหานเซิ่นต้องการอะไร
“พวกเราจะช่วยเหลือพวกเจ้า แต่พวกเราจะได้อะไรเป็นการตอบแทน?”
“ถ้าพวกท่านทั้งสองยินดีจะช่วยเหลือพวกเรา พวกเรายินดีจะแบ่งสเปชการ์เด้นของพวกเรา” ฟลาวเวอร์ก็อตแก่คนหนึ่งพูด
เซี่ยชิงยิ้มและพูด “ข้าไม่ชอบการแบ่งสิ่งต่างๆ”
ใบหน้าของเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตเปลี่ยนไป พวกเขารู้ว่าเซี่ยชิงนั้นหมายความว่าอะไร
“ถ้าพวกท่านทั้งสองช่วยเหลือคนของพวกเรา ทั้งเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตยินดีจะรับใช้พวกท่าน” ฟลาวเวอร์ก็อตแก่คนเดิมพูดขึ้นมา
“พวกเราจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเจ้าซื่อตรงต่อคำพูด?” เซี่ยชิงพูดขณะที่มองไปที่ชายแก่
“ข้าคือผู้นำของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต” ชายแก่พูด
หานเซิ่นและเซี่ยชิงมองหน้ากัน ก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามจะคิดแทบตายเพื่อหาทางเอาสเปชการ์เด้นมาครอบครอง แต่ตอนนี้พวกเขากำลังจะได้รับมันมาอย่างง่ายดาย
ไป๋ว่านเจี้ยอยากจะได้เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตมาอยู่ใต้อำนาจ แต่เขาไม่รู้ว่าหานเซิ่นเป็นใครกันแน่ และเขาก็ประหลาดใจอย่างมากกับพลังของหานเซิ่น เขาไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับหานเซิ่น เขาได้แต่มองดูเซี่ยชิงเอาเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตไปครอบครอง
ตอนที่ 2790
ผู้คนของฟลาวเวอร์ก็อตนั้นถูกควบคุมโดยสกายไวน์แรดิช แต่จิตใจของพวกเขาไม่ได้ถูกกลืนกิน หลังจากที่เปลวเพลิงของฟีนิกซ์ลบล้างพลังของสกายไวน์แรดิชไปแล้ว พวกเขาก็กลับมาเป็นปกติพร้อมกับความทรงจำของสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
พวกเขารู้ว่าถ้าเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตไม่สามารถลบล้างคำสาปของสกายไวน์แรดิชได้ พวกเขาก็คงจะต้องเป็นซอมบี้ที่ไร้จิตใจไปตลอดการ นอกจากนั้นตอนนี้สเปชการ์เด้นประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั่วทั้งสเปชการ์เด้นนั้นเต็มไปด้วยพืชซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่น่ากลัว ลำพังแค่พลังของพวกเขานั้นไม่สามารถจัดการกับพวกมันได้ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากหานเซิ่น
อันดับแรกหานเซิ่นเป็นคนเดียวที่ลบล้างคำสาปของเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตได้ อันดับที่สองเซี่ยชิงและหานเซิ่นไม่ได้มีภูมิหลังที่โดดเด่นอะไร ด้วยความช่วยเหลือของพวกเขา เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตก็อาจจะเจริญรุ่งเรืองในอนาคต
“คำพูดไม่มีประโยชน์อะไร” หานเซิ่นมองไปที่ผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตและถามต่อไป
“เจ้าจะทำยังไงให้พวกเราเชื่อว่าฟลาวเวอร์ก็อตคนอื่นที่เหลือจะยอมติดตามพวกเราจริงๆ?”
“พวกท่านทั้งสองได้โปรดตามข้ามา ข้ามีบางสิ่งจะมอบให้กับพวกท่าน หลังจากที่ได้รับมัน พวกท่านจะควบคุมสเปชการ์เด้นได้โดยสมบูรณ์” ผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตไม่ลังเลที่จะบอกแบบนั้นกับพวกเขา
เซี่ยชิงและหานเซิ่นมองหน้ากัน เซี่ยชิงพยักหน้าและพูด
“ตกลง ถ้าเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตต้องการจะรับใช้พวกเราจริงๆ พวกเราก็จะพยายามช่วยเหลือฟลาวเวอร์ก็อตคนอื่นที่เหลือ”
ในตอนที่พวกเขากำลังจะเดินตามผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตไปนั้น ไป๋ว่านเจี้ยก้าวออกมาข้างหน้าด้วยรอยยิ้มและพูด
“อาจารย์เซี่ย ไหนๆพวกเราก็ถูกขังอยู่ที่นี่และออกไปไม่ได้ พวกเราอยากจะช่วยด้วยอีกแรง”
“ถ้าองค์ชายต้องการจะช่วยเหลือ ได้โปรดรออยู่ที่นี่ ถ้ามันมีบางสิ่งที่พวกเราต้องการ พวกเราจะมาหาองค์ชาย”
เซี่ยชิงไม่ได้โง่ เขาไม่คิดจะปล่อยให้ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นได้เห็นความลับของสเปชการ์เด้น
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะรอฟังข่าวจากอาจารย์เซี่ยอยู่ที่นี่”
ไป๋ว่านเจี้ยไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น เขาปล่อยให้เซี่ยชิงและหานเซิ่นตามผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตไป
หลังจากที่หานเซิ่นและคนอื่นไปแล้ว เด็กสาวก็ถามไป๋ว่านเจี้ย
“หลานชาย ทำไมเจ้าถึงไม่ฆ่าพวกเขา?”
“เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตและเซี่ยชิงนั้นไม่น่ากลัวอะไร แต่ซานมู่คนนั้นเป็นคนที่ลึกลับ”
ไป๋ว่านเจี้ยตอบ “พลังของเขาเหมือนกับเพลิงฟีนิกซ์ในตำนาน ถ้ามันคือเพลิงฟีนิกซ์จริงๆ เขาต้องมีฟีนิกซ์ขั้นทรูก็อตคอยสนับสนุนเขาอยู่ นั่นคือหนึ่งในสี่อสูรของเซเคร็ด มันไม่ใช่บางสิ่งที่พวกเราจะท้าทายได้”
“ไม่ว่าจะมองดูยังไง เขาก็ดูไม่เหมือนกับฟีนิกซ์” เด็กสาวพูด
“ข้าคิดว่าสี่อสูรของเซเคร็ดถูกฆ่าตายในสงครามของพระเจ้าแล้วซะอีก”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้มันเป็นอะไรที่น่ากลัว” ไป๋ว่านเจี้ยพูด
“ตำนานบอกว่าสี่อสูรและสิบขุนพลของเซเคร็ดนั้นถูกฆ่าตายไปหมดแล้ว แต่ในยุคสมัยนี้ดูเหมือนพวกเขาจะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง เมื่อครู่นี้เทพสปิริตคนหนึ่งก็เพิ่งจะถูกฆ่าตายไป พวกเราควรจะระมัดระวังเอาไว้ พวกเราไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ใหญ่โตและน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้”
“เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว ข้าเชื่อว่าเจ้าแค่หวาดกลัวต่อซานมู่มากกว่า” เด็กสาวพูดด้วยรอยยิ้ม
“คงจะเป็นแบบนั้น ยังไงซะเขาก็เป็นชายที่น่ากลัว ถ้าเขามีเพลิงฟีนิกซ์ในตำนานจริงๆ ข้าก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต่อสู้กับเขาได้” ไป๋ว่านเจี้ยตอบไปตามตรง
สเปชการ์เด้นนั้นใหญ่กว่าที่พวกเขาเชื่อในตอนแรกเป็นสิบเท่า ถึงแม้ภูมิประเทศนั้นจะไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมาก แต่มันก็มีความเปลี่ยนแปลงมากมายในรายละเอียด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความจริงที่พืชซีโน่เจเนอิคธรรมดาในทุ่งดอกไม้ทั้งหมดต่างเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พวกมันบางส่วนกลายเป็นระดับเทพเจ้า
ขณะที่พวกเขาเดินทางผ่านทุ่งดอกไม้ พวกเขาก็เห็นซีโน่เจเนอิคที่มีร่างกายท่อนบนเป็นแม่มดและท่อนล่างเป็นดอกไม้
“พืชซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า” หานเซิ่นมองไปที่ดอกไม้แม่มดประหลาดนั่น เขาเห็นโซ่สสารออกมาจากตัวเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า
“ดอกไม้ราชินีวิวัฒนาการมากถึงขนาดนั้นเลย? สเปชการ์เด้นมีพืชซีโน่เจเนอิคที่อยู่ในระดับเดียวกันกับดอกไม้ราชินีมากมาย ถ้าพวกมันทั้งหมดถูกเร่งการเจริญเติบโตเหมือนกับดอกไม้ราชินีนี้ สเปชการ์เด้นก็คงจะกลายเป็นสถานที่ที่อันตรายมากๆ” ผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตพูดด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
หลังจากที่เขาพูด ดอกไม้ราชินีก็ลืมตาขึ้นมา เธอจ้องมาที่หานเซิ่นและคนอื่นๆ ดวงตาสีม่วงของเธอกำลังเรืองแสงออกมา ชุดดอกไม้สีม่วงแดงของเธอปลิวไสวไปกับสายลม เธอยกมือหยกขึ้น และทันใดนั้นก็มีเถาวัลย์หนามจำนวนมากพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน พวกมันเป็นเหมือนกับมังกรปีศาจที่ตรงเข้าไปหาหานเซิ่นและคนอื่นๆ
หานเซิ่นรวบรวมเพลิงฟีนิกซ์และชกหมัดออกไปข้างหน้า เปลวเพลิงสีขาวพุ่งไปปะทะกับเถาวัลย์ที่กำลังเข้ามา แต่ปรากฏว่าเปลวไฟของหานเซิ่นไม่สามารถทำอะไรเถาวัลย์ของดอกไม้ราชินีได้
“โอ้ไม่นะ! นี่เพลิงฟีนิกซ์ได้ผลเฉพาะกับแค่สกายไวน์แรดิชอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ เถาวัลย์หนามพุ่งผ่านเปลวเพลิงสีขาวของหานเซิ่นมาและเข้าปกคลุมทั้งท้องฟ้าและผืนดิน
ใบหน้าของผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตและคนอื่นๆเปลี่ยนไป พวกเขาไม่เชื่อว่าหานเซิ่นจะต่อสู้กับดอกไม้ราชินีระดับเทพเจ้าได้
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็หันไปใช้อาณาเขตตงเสวียนแทน และทำให้เถาวัลย์ทั้งหมดที่กำลังพุ่งเข้ามาหยุดชะงักไป ราชินีดอกไม้พยายามจะควบคุมเถาวัลย์ของเธอ แต่ไม่ว่าเธอจะทำอะไร เถาวัลย์ทั้งหมดก็ไม่เคลื่อนไหว
หานเซิ่นไม่ได้ใช้เพลิงฟีนิกซ์อีก เขาเทเลพอร์ตไปตรงหน้าดอกไม้ราชินีและชกใส่ร่างของดอกไม้ราชินีประหลาดจนระเบิดในหมัดเดียว
ผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตและคนอื่นๆตกตะลึง
‘ข้าไม่รู้ว่าคนๆนี้เป็นใคร ข้าบอกไม่ได้จริงๆว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน ข้าไม่รู้ว่าการที่เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตรับใช้เขาจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย’
แต่สำหรับตอนนี้เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตไม่มีตัวเลือกอื่น นอกจากหานเซิ่นแล้ว มันไม่มีใครที่จะช่วยเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตที่ถูกควบคุมได้
“ซีโน่เจเนอิคดอกไม้ราชินีระดับเทพเจ้าถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”
หานเซิ่นไม่ได้รับวิญญาณอสูร ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกเสียดาย แต่สเปชการ์เด้นนั้นประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มันมีพืชซีโน่เจเนอิคอีกมายมายในสเปชการ์เด้นที่ถูกเร่งการเจริญเติบโตเหมือนกับดอกไม้ราชินี ซึ่งสำหรับหานเซิ่นแล้วนั่นถือเป็นเรื่องดี
หานเซิ่นฆ่าพืชซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ระหว่างทางอีกมากมาย แต่เขาไม่ได้เผชิญหน้ากับพืชซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอีก และภายใต้การนำทางของผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต พวกเขาก็มาถึงเมืองที่ทำขึ้นจากเถาวัลย์
ครั้งหนึ่งเถาวัลย์ที่ใช้สร้างเมืองขึ้นมาเป็นวัตถุที่ไม่มีชีวิต แต่ตอนนี้พวกมันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตที่สมบูรณ์ พวกมันงอกใบสีเขียวและดอกไม้ต่างๆออกมา เมืองเถาวัลย์เสมือนได้รับการตกแต่งใหม่ทั้งหมด เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตดูประหลาดใจกับเมืองที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
“ข้าชอบเมืองสวนดอกไม้ที่สวยงามนี้ ข้าจะอาศัยอยู่ที่นี่” เซี่ยชิงประกาศความรักของเขาที่มีต่อเมืองที่เหมือนกับสวนดอกไม้แห่งนี้
ปัง!
ทันใดนั้นมีการต่อสู้เกิดขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง ใบหน้าของผู้นำเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตเปลี่ยนไปเมื่อรู้สึกตัวถึงเรื่องนั้น
“มีใครบางคนบุกรุกเข้าไปในเมืองของพวกเรา สมบัติของฟลาวเวอร์ก็อตอยู่ภายในนั้น พวกเราจำเป็นต้องใช้มันเพื่อควบคุมสเปชการ์เด้น”
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขารีบเร่งฝีเท้าไปยังจุดที่มีการต่อสู้เกิดขึ้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น