Super God Gene 2754-2760
ตอนที่ 2754
ลุงเก้ามองไปที่ปะการังโลหิตอย่างเงียบๆ และเขาก็พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
“พวกเราจำเป็นต้องไปพบท่านผู้นำเดี๋ยวนี้ นำปะการังของเจ้าไปกับพวกเราด้วย”
หานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทตกใจ เวรี่ไฮเซ้นส์ของลุงเก้าอยู่ในระดับที่สูงมากๆ ดังนั้นโอกาสที่เขาจะมีอารมณ์ความรู้สึกจึงเป็นอะไรที่ต่ำ
แต่ตอนนี้ลุงเก้าดูค่อนข้างสั่นคลอน เขาต้องการจะพาหานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทไปพบกับผู้นำของเวรี่ไฮ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นอะไรที่มีความสำคัญ
“ลุงเก้า นี่หานเซิ่นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายอย่างนั้นหรอ?” เอ็กซ์ควิสิทอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
ลุงเก้าพยักหน้าและพูด “พวกเราค่อยพูดกันในตอนที่ไปพบท่านผู้นำ เรื่องนี้ถือเป็นร้ายแรงมากๆ ถ้าพวกเราไม่จัดการเรื่องนี้อย่างถูกต้อง มันก็จะเกิดเรื่องเลวร้ายตามมา”
หลังจากนั้นลุงเก้าก็ไม่รอคำตอบจากทั้งหานเซิ่นหรือเอ็กซ์ควิสิท เขาพับแขนเสื้อขึ้นและเทเลพอร์ตทั้งคู่ไป
“ผู้อาวุโสเก้า เจ้ามาทำอะไรที่นี่? ทำไมเจ้าถึงดูรีบร้อนนัก?”
ผู้นำของเวรี่ไฮกำลังนั่งพักอยู่บนเก้าอี้โยกภายในหอคอยไม้ ในตอนที่เขาเห็นลุงเก้าพาหานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทเข้ามาข้างใน เขาก็ขมวดคิ้ว
แทนที่จะอธิบาย ลุงเก้าเพียงแค่ชี้ไปที่หานเซิ่นและปะการังโลหิตพร้อมกับพูด “ท่านผู้นำลองมองดูร่างกายของเขา”
ผู้นำของเวรี่ไฮสับสน แต่ในตอนที่เขาเห็นปะการังโลหิตและเกล็ดของหานเซิ่น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์อันดับหนึ่งในจักรวาล แต่เขาก็ยังคงประหลาดใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ขณะที่เขาจ้องไปที่หานเซิ่นและปะการังโลหิต เขาไม่แม้แต่จะกระพริบตา
ตอนนี้หานเซิ่นแน่ใจแล้วว่าเรื่องนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่มากๆ ถ้าแม้แต่ผู้นำของเวรี่ไฮยังแสดงปฏิกิริยาขนาดนั้น นั่นก็หมายความว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงจริงๆ
หานเซิ่นกำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลุงเก้าถามขึ้นมาก่อน
“ท่านผู้นำ นี่คือสิ่งที่ข้ากำลังคิดใช่ไหม?”
ผู้นำของเวรี่ไฮพยักหน้า หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็พูดขึ้นด้วยโทนเสียงที่ห่างเหิน “ข้าไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น”
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากผู้นำของเวรี่ไฮ ใบหน้าของลุงเก้าก็ดูมืดมัวยิ่งกว่าเดิม
“พวกเราควรจะทำยังไง?” เขาถามผู้นำของเวรี่ไฮอย่างจริงจังขณะที่มองไปที่หานเซิ่น
“พวกเราต้องยับยั้งเรื่องนี้ พวกเราจะเสี่ยงไม่ได้” ผู้นำของเวรี่ไฮตอบโดยไม่ลังเล
“ท่านผู้นำบอกข้าได้ไหมว่ามีอะไรผิดปกติกับหานเซิ่น?” เอ็กซ์ควิสิทถาม ตอนนี้เธอกังวลอย่างมาก
ผู้นำของเวรี่ไฮและลุงเก้าจ้องไปที่หานเซิ่น หลังจากที่มองอยู่สักพัก ผู้นำของเวรี่ไฮก็พูดขึ้นมา
“นี่เป็นบางสิ่งที่เริ่มต้นในยุดสมัยของเซเคร็ด เมื่อก่อนนั้นเผ่าเวรี่ไฮไม่ได้ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงเหมือนอย่างทุกวันนี้ และเผ่านภาก็ยังไม่ได้แยกตัวไปจากพวกเรา เผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคสมัยนั้นคือเผ่าเซเคร็ด”
ผู้นำของเวรี่ไฮหยุดไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพูดต่อไปว่า
“จากบันทึกประวัติศาสตร์ของพวกเรา มันเคยมีหายนะครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับเผ่าของพวกเรา และมันทำให้พวกเราต้องไปขอความช่วยเหลือจากเซเคร็ด เซเคร็ดจึงส่งยอดฝีมือคนหนึ่งมาเพื่อช่วยเหลือพวกเรา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ยอดฝีมือของเวเคร็ดคนนั้นตายในทะเลฝังมังกร”
“อะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นกับข้าเกี่ยวข้องกับยอดฝีมือของเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
ผู้นำของเวรี่ไฮพยักหน้าและพูด “ยอดฝีมือคนนั้นเสียสละตัวเองเพื่อช่วยพวกเราจากหายนะ แต่เนื่องจากการกระทำของเขา เขาได้ถูกคำสาปจากคู่ต่อสู้ของเขา”
ดวงตาของหานเซิ่นแคบลงและเขาถามขึ้นว่า “ถ้ายอดฝีมือคนนั้นตายไปแล้ว ทำไมคำสาปถึงยังอยู่?”
“บรรพบุรุษของพวกเราคิดว่าเรื่องทั้งหมดนั้นจบลงในตอนที่ยอดฝีมือของเซเคร็ดตายไป แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น ร่างกายของเจ้ามีเกล็ดงอกออกมา นั่นหมายความว่าคำสาปไม่ได้หายไปกับยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้น…” ลุงเก้าตอบ
“นี่มันเป็นคำสาปแบบไหนกัน?” เอ็กซ์ควิสิทถามด้วยความกังวล
ผู้นำของเวรี่ไฮและลุงเก้ามองหน้ากัน ลุงเก้าถอนหายใจและพูด
“คำสาปนั้นประกาศตัวเองว่าหลังจากที่ยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้นตายไป วันหนึ่งเขาจะลุกขึ้นอีกครั้ง เขาจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่รู้จักเฉพาะการฆ่าฟันเท่านั้น”
“บรรพบุรุษของพวกเราเชื่อว่ายอดมือของเซเคร็ดคนนั้นถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ พวกเขาคิดว่าความหายนะได้จบลงแล้ว แต่…”
เสียงของผู้นำของเวรี่ไฮขาดหายไป ขณะที่มองไปที่ปะการังโลหิต และหลังจากที่ผ่านไปสักพักเขาก็พูดขึ้นมา “แต่ปะการังโลหิตที่เจ้ากำลังถืออยู่นี้เหมือนกับอาวุธจีโนที่ถูกใช้โดยยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้น เกล็ดที่งอกขึ้นบนตัวของเจ้าก็เหมือนกับชุดเกราะเกล็ดของเขา ยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้นอาจจะเกิดใหม่ในร่างกายของเจ้า นั่นคือธรรมชาติของคำสาป”
“มันไม่มีหนทางที่จะลบล้างคำสาปนี้เลยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นไม่ตื่นเต้นกับข่าวนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
ผู้นำของเวรี่ไฮและลุงเก้าส่ายหัว เอ็กซ์ควิสิทรีบพูดขึ้นมา
“ท่านผู้นำ ด้วยพลังของท่าน มันต้องมีบางสิ่งที่ท่านทำได้ ได้โปรดช่วยหานเซิ่น”
ผู้นำของเวรี่ไฮส่ายหัวและพูด “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะช่วย แต่ข้าช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ สิ่งมีชีวิตที่สาปยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้นเป็นพระเจ้าตัวจริง ยอดฝีมือของเซเคร็ดต่อสู้กับพระเจ้าคนนั้น และในตอนที่พระเจ้าถูกไล่ไปแล้ว คำสาปก็เริ่มแสดงผล ซึ่งพลังของพวกเราไม่อาจจะลบล้างมันได้”
“พระเจ้าเป็นคนที่สาปยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้น?” หานเซิ่นตกใจและหัวใจของเขาก็เต้นรัวขึ้นมา
ผู้นำของเวรี่ไฮพูด “บางที่เจ้าอาจจะไม่เชื่อว่าในจักรวาลนี้มีพระเจ้าอยู่ แต่พวกเขามีอยู่จริงๆ สิ่งมีชีวิตธรรมดาส่วนใหญ่นั้นไม่เห็นพวกเขา”
“ข้าเชื่อในพระเจ้า พระเจ้าคนนี้ถูกเรียกว่าอะไร? และชื่อของยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้นคืออะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามผู้นำของเวรี่ไฮขณะที่พยายามควบคุมความคิดของตัวเองเอาไว้
“ข้าไม่ได้รู้เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากนัก และมันก็ไม่ได้มีรายละเอียดเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนั้นถูกบันทึกเอาไว้ มันดูเหมือนว่ามีใครบางคนพยายามจะลบรายละเอียดเกี่ยวกับมัน พวกเรารู้แค่ว่าการต่อสู้นั้นถูกเรียกว่าหายนะของพระเจ้า และยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้นก็ถูกเรียกว่ามังกร”
ผู้นำของเวรี่ไฮมองไปที่หานเซิ่นและพูด “ถ้าพลังของยอดฝีมือคนนั้นกำลังเกิดขึ้นใหม่ผ่านตัวเจ้า พวกเราจำเป็นต้องยับยั้งมัน ถ้าคำสาปเป็นความจริง พวกเราก็จะไม่ปล่อยให้เจ้ากลายเป็นสัตว์ประหลาดไม่ได้”
“พลังของเขาอาจจะไม่ได้เกิดใหม่ในร่างกายของหานเซิ่น บางทีการเกิดใหม่นี้อาจจะหมายถึงตัวของยอดฝีมือคนนั้นเอง นี่หานเซิ่นบอกไม่ใช่หรือว่าป่าปะการังโลหิตนั้นมีร่างของสิ่งมีชีวิตอยู่ บางทีนั่นอาจจะเป็นร่างกายของเขา…” เอ็กซ์ควิสิทรีบพูดขึ้นมา
ผู้นำของเวรี่ไฮพยักหน้าและพูด “ป่าปะการังและร่างกายที่อยู่ใต้มันก็จะถูกยับยั้งเช่นกัน”
หานเซิ่นไม่คิดว่าสถานการณ์เป็นได้สวยนัก ทางเวรี่ไฮมีแผนที่จะจับตัวเขาไปขังเหมือนกับสัตว์ป่า
“ท่านผู้นำ ข้าอาจจะถูกคำสาป แต่มันไม่มีหนทางที่จะช่วยข้าจริงๆอย่างนั้นหรอ เผ่าเวรี่ไฮมียอดฝีมืออยู่มากมาย ดังนั้นมันจะต้องมีหนทางที่จะลบล้างคำสาปนี้ออกไป” หานเซิ่นรีบพูด
“พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่ถ้าไม่มีอะไรได้ผล พวกเราอาจจะต้องขังเจ้าเอาไว้เพื่อหลีกเลี่ยงบางสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นมา”
ผู้นำของเวรี่ไฮเป็นคนที่ทำอะไรด้วยเหตุผล เขาไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆเมื่อเผชิญหน้ากับวิกฤต เขาจะจัดการปัญหาต่างๆในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด
หานเซิ่นรู้ว่าในตอนนี้เขาเป็นเหมือนคนที่ติดโรคระบาด หนทางที่ดีที่สุดที่จะรับมือกับมันก็คือการจับตัวเขาไปขังเอาไว้ ผู้นำของเวรี่ไฮทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่หานเซิ่นไม่คิดว่าการจับตัวไปขังจะเป็นวิธีการที่ยอมรับได้ เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก
ตอนที่ 2755
ลุงเก้านำตัวหานเซิ่นไปขังเอาไว้ที่ปราสาท และผู้นำของเวรี่ไฮก็เริ่มรวบรวมกองกำลังเพื่อไปที่ทะเลฝังมังกร พวกเขามีแผนที่จะยังยั้งปะการังโลหิตและอะไรก็ตามที่อยู่ใต้พวกมัน
หานเซิ่นไม่รู้ว่าพวกเขาจะยับยั้งปะการังโลหิตและสิ่งที่อยู่ใต้มันยังไง แต่สี่วันหลังจากนั้น เหล่ายอดฝีมือก็เริ่มมารวมตัวกันในปราสาท ในตอนที่คนสุดท้ายมาถึง มันก็มียอดฝีมือขั้นทรูก็อตถึงสี่คนและขั้นบันเตอร์ฟลายอีกเป็นสิบคน มันเป็นทีมที่ทรงพลังมากๆ
พวกเขาตรวจสอบเกล็ดของหานเซิ่นก่อนที่จะจากไป น่าเศร้าที่ความพยายามทุกอย่างนั้นล้มเหลว พวกเขาพยายามแม้กระทั่งลอกมันออกจากผิวของหานเซิ่น แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผล
เนื้อหนังของหานเซิ่นสามารถถูกตัดออกไปได้ แต่ในตอนที่เนื้อหนังของเขาฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ เกล็ดก็จะงอกออกมาด้วยเช่นเดียวกัน
ยอดฝีมือของเวรี่ไฮไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของหานเซิ่นได้ สถานการณ์ดูเหมือนจะแย่ลงเรื่อยๆ
หานเซิ่นเกลียดที่ต้องถูกกักขัง แต่เขารู้ว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเผ่าเวรี่ไฮ ยังไงซะมันก็ไม่มีใครอยากให้หานเซิ่นกลายเป็นสัตว์ประหลาด ถึงแม้เผ่าเวรี่ไฮจะขึ้นชื่อเรื่องความเด็ดขาด แต่พวกเขาก็ไม่ได้ฆ่าหานเซิ่นในทันที หานเซิ่นค่อนข้างโล่งใจที่พบว่าทางเผ่าเวรี่ไฮไม่มีแผนที่จะปลิดชีวิตของเขา
พวกเขาปล่อยให้หานเซิ่นอยู่ในปราสาทที่ห้อมล้อมไปด้วยเมฆหมอก หานเซิ่นเอนตัวลงบนบันไดที่นำไปสู่ประตูหน้าของปราสาทและมองออกไปสู่ก้อนเมฆด้านนอก
ความจริงแล้วถึงแม้ปราสาทนี้จะดูเหมือนกับสิ่งก่อสร้างธรรมดาๆ แต่ปราสาททั้งหลังอยู่ภายในสมบัติขั้นทรูก็อตของเผ่าเวรี่ไฮ หานเซิ่นมีโอกาสได้เห็นสมบัติขั้นทรูก็อตนั่น ซึ่งมันดูเหมือนกับขวดหยก แต่เขาไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับมันมากนัก เขาถูกพาตัวมายืนตรงหน้ารูปปั้นอัลฟ่าของเวรี่ไฮ หลังจากนั้นเขาก็ถูกส่งเข้าไปในขวด
ถึงแม้ก้อนเมฆที่ห้อมล้อมปราสาทจะดูสวยงาม แต่สถานที่แห่งนี้ยังคงเป็นแค่คุก นอกจากนั้นคุกนี้ยังใช้เพื่อกักขังเขาเพียงคนเดียว
ทุกอย่างนอกจากตัวปราสาทเป็นอะไรที่เบลอๆ หานเซิ่นไม่สามารถสัมผัสถึงพลังชีวิตอะไรได้เลย สถานที่ที่เขาอยู่นั้นดูเหมือนจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ความจริงแล้วหานเซิ่นไม่สามารถแม้แต่จะฝึกวิชา
“ถ้าทางเวรี่ไฮไม่มีหาหนทางที่จะกำจัดเกล็ดจริงๆ นั่นหมายความว่าเราจะถูกกักขังภายในนี้ไปตลอดการอย่างนั้นหรอ?” ใบหน้าของหานเซิ่นดูกระวนกระวายขึ้นทุกวินาทีที่ผ่านไป
ถึงแม้ปะการังโลหิตประหลาดนั้นจะถูกเผ่าเวรี่ไฮนำเอาไปไว้ที่อื่นแล้ว แต่เกล็ดก็ยังคงงอกออกมาเรื่อยๆ ในตอนนี้ร่างกายส่วนใหญ่ของหานเซิ่นถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ด นอกจากส่วนหัวที่ไม่มีเขางอกออกมาแล้ว หานเซิ่นดูเหมือนกับมังกรร่างมนุษย์อย่างมาก
ภายในปราสาทมีอาหารและน้ำพุที่บริสุทธิ์ แต่มันก็แค่ตอบสนองความหิวกระหายและทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้เท่านั้น มันไม่ได้ทำอะไรเพื่อส่งเสริมยีนของเขา
ในตอนแรกยอดฝีมือของเวรี่ไฮจะมาเยี่ยมเขาเป็นครั้งคราวเพื่อลองใช้วิธีใหม่ๆในการกำจัดเกล็ดของเขา แต่พวกเขาล้มเหลวทุกครั้ง และยิ่งเวลาผ่านไปพวกเขาก็มาเยี่ยมน้อยครั้งลงเรื่อยๆ
ในตอนนี้เผ่าเวรี่ไฮไม่ได้ช่วยหานเซิ่น พวกเขากลายเป็นผู้กดขี่หานเซิ่นแทน พวกเขาไม่สามารถยืนยันได้ว่าหานเซิ่นนั้นคือยอดฝีมือของเซเคร็ดหรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นเผ่าเวรี่ไฮก็เลือกที่จะกักขังเขาเอาไว้ ตราบใดที่มีความเป็นไปได้แม้จะเล็กน้อยสักแค่ไหน พวกเขาก็จะไม่ปล่อยหานเซิ่นออกไป
“ทางเผ่าเวรี่ไฮให้สัญญากับเราว่าพวกเขาจะส่งตัวเป่าเอ๋อไปที่ปราสาทนภา ตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเราแล้ว เราจำเป็นต้องคิดหาทางหนีออกไป”
หานเซิ่นลองพยายามอยู่หลายวิธี แต่พวกมันทั้งหมดดูจะไร้ประโยชน์ ปราสาทนั้นตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ แม้แต่จะกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ก็ยังทำไม่ได้
เขาไม่สามารถเข้าไปในก็อตแอเรียหรืออะไรทำนองนั้นได้เช่นกัน สถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนกับคุกขนาดใหญ่ เขาไม่ได้กำลังมีชีวิตหรือกำลังตาย เขาแค่ถูกขังอยู่ตรงนั้น
“เราจะโชคร้ายขนาดนี้ได้ยังไงกัน?” หานเซิ่นถอนหายใจ แต่ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็แว็บเข้ามาในหัวของเขา
“จริงด้วย บางทีเราควรจะลองวิธีนั้นดู!”
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขาวิ่งไปที่หน้าปราสาทและปิดประตู
หานเซิ่นอยู่ที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าขวดนี้ทำงานยังไง เนื่องจากโลกภายในขวดถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นข้างในหรือข้างนอก นอกซะจากทางเผ่าเวรี่ไฮจะมาเยือนด้วยตัวเอง พวกเขาก็ไม่สามารถบอกว่าหานเซิ่นกำลังทำอะไรอยู่ ก่อนหน้านี้หานเซิ่นได้ลองทดสอบดูแล้ว ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่ามันเป็นแบบนั้น
เมื่อหานเซิ่นขังตัวเองภายในปราสาทแล้ว เขาก็เรียกบางสิ่งออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา มันเป็นวัตถุทองแดงที่มีความสูงหลายเมตร หัวแกะประดับอยู่ทั้งสี่มุมของวัตถุทองแดงนั้น และมันดูค่อนข้างชั่วร้าย
“หนึ่งในหัวแกะจะส่งเราไปยังโลกที่ขังอัลฟ่าของเบรกสกายเอาไว้ ถ้าหัวแกะอีกสามหัวทำแบบเดียวกัน แบบนั้นมันจะพาเราไปจากที่นี่ไหมนะ? ก่อนหน้านี้เจ้าสิ่งนี้เทเลพอร์ตเราออกไปจากเอาท์เตอร์สกาย แบบนั้นบางทีมันอาจจะได้ผลในที่แห่งนี้” หานเซิ่นกัดฟันและเอื้อมมือออกไปจับหนึ่งในหัวแกะบนลูกบาศก์สี่แกะ พร้อมกับสวดภาวณาในใจ
หัวของแกะถูกกดลงภายใต้แรงจากมือของหานเซิ่น ปลาสีขาวและดำภายในลูกบาศก์เริ่มว่ายอย่างรวดเร็ว ความเร็วของพวกมันก่อให้เกิดวังวนภายในน้ำ
หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงแรงดูดที่พยายามจะดึงร่างของเขาเข้าไปในวังวน เขาประหลาดใจที่เห็นว่ามันได้ผล เขาไม่รู้ว่าลูกบาศก์สี่แกะจะพาเขาไปที่ไหน แต่ไม่ว่ามันจะไปที่ไหน มันก็เป็นโอกาสที่จะเขาได้รับอิสรภาพคืน เขาไม่อยากจะอยู่ภายในปราสาทนี้ไปตลอดกาล
วา-ลา!
ในตอนที่หานเซิ่นออกมาจากน้ำ เขาก็รู้ในทันทีว่าตัวเองไม่ได้อยู่ภายในปราสาทนั้นอีกต่อไป
หานเซิ่นกลัวว่าคนอื่นจะเห็นเกล็ดบนผิว ดังนั้นเขาจึงเรียกชุดเกราะตงเสวียนออกมาสวมใส่ทันที ถึงแม้จะมีคนจดจำชุดเกราะตงเสวียนได้ แต่พวกเขาก็จะคิดไปว่าเขาคือดอลลาร์ มันไม่มีใครที่รู้ว่าหานเซิ่นหนีออกมาจากสมบัติขั้นทรูก็อตของเวรี่ไฮ
“ที่นี่มันที่ไหนกัน?” หานเซิ่นมองไปรอบๆ หลังจากนั้นเขาก็รีบร้อนกลับไปหาลูกบาศก์สี่แกะอย่างรวดเร็ว มือของเขาทุบลงไปหัวของแกะ
หานเซิ่นยืนอยู่บนแท่นหินยักษ์ที่ล้อมไปด้วยซีโน่เจเนอิคที่ดูน่ากลัว ทางทิศตะวันออกมีซีโน่เจเนอิคที่มีผมสีขาวหน้าสีดำ ซึ่งดูเหมือนกับวานรยักษ์อยู่ ทางทิศใต้มีมอนสเตอร์ร่างมนุษย์ที่มีหัวของวัว ทางทิศเหนือมีอสูรที่ดูเหมือนกับกิเลน ทางทิศตะวันตกมีงูประหลาดที่มีเก้าหัว
ซีโน่เจเนอิคทั้งสี่ปลดปล่อยออร่าที่น่าสะพรึงกลัวออกมา เพียงแค่สัมผัสพวกมันก็ทำให้หานเซิ่นหนาวไปถึงกระดูก ซีโน่เจเนอิคพวกนั้นล้อมแท่นหินเอาไว้ราวกับว่าแท่นหินนั้นเป็นโต๊ะอาหารค่ำ และหานเซิ่นเป็นไส้กรอกที่วางอยู่ตรงกลาง
ปัง!
หานเซิ่นเห็นวานรยักษ์ยื่นมือออกมาหาเขา แต่เขาถูกดูดเข้าไปในลูกบาศก์สี่แกะเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นการมองเห็นของเขาก็เริ่มหมุน ในตอนที่เขาออกมาจากน้ำ เขาก็กลับมาอยู่ภายในขวดของเวรี่ไฮอีกครั้ง
“โชคดีที่เราปฏิกิริยารวดเร็ว ถ้าเราช้ากว่านี้ เราก็คงจะกลายเป็นอาหารของซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัวพวกนั้น” หานเซิ่นพูดกับตัวเองด้วยเสียงสั่นๆ
ตอนที่ 2756
หานเซิ่นไม่อยากจะเสี่ยงกลับไปที่สถานที่ที่น่ากลัวนั้น เขามองไปที่หัวแกะที่ยังไม่ได้ลองและพูดกับตัวเอง
“ทำไมลูกบาศก์สี่แกะนี่ถึงได้ส่งเราไปในสถานที่ที่ประหลาดและอันตราย?”
ลูกบาศก์สี่แกะนั้นคือโอกาสเดียวที่หานเซิ่นจะหนีไปได้ เขาไม่สามารถหยุดเพียงแค่นี้ เขาจะไม่ยอมแพ้จนกระทั่งเขาลองไปครบทั้งสี่สถานที่แล้ว
หานเซิ่นกัดฟันขณะที่เอื้อมมือไปกดหัวแกะอีกตัวหนึ่ง ลูกบาศก์สี่แกะทำงานอีกครั้ง และมันก็ดูดหานเซิ่นเข้าไปข้างใน
วา-ลา!
หลังจากที่หานเซิ่นออกมาจากลูกบาศก์สี่แกะ เขาก็มองไปรอบๆอย่างรีบร้อน โชคดีที่สถานที่แห่งนี้แตกต่างไปจากสถานที่ครั้งก่อน ที่นี่มันไม่ได้มีซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัวจ้องมองมาที่เขา
สถานที่แห่งนี้ดูค่อนข้างปกติ หานเซิ่นกำลังยืนอยู่บนดาวเคราะห์น้อย และเขาก็เห็นดวงดางมากมายบนท้องฟ้า มันมีดวงดาวขนาดใหญ่อยู่รอบๆตัวเขาเต็มไปหมด
หานเซิ่นมองไปรอบๆและรู้สึกว่ามันมีดวงดาวหลายดวงอยู่ใกล้เคียงดาวเคราะห์น้อยที่เขายืนอยู่ หลังจากนั้นเขาก็เลือกบินไปหาดวงดาวที่เขาสามารถสัมผัสพลังชีวิตได้
“ว้าว! มันเป็นทุ่งหญ้าหรือเนี่ย?” หลังจากที่หานเซิ่นเข้าไปสู่ชั้นบรรยากาศ เขาก็ประหลาดใจที่ได้เห็นว่าผิวของดวงดาวดูเหมือนจะปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้า เขาเห็นแกะจำนวนมากกัดกินหญ้าอยู่ พวกมันอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม และพวกมันก็มีกันอยู่อย่างน้อยหนึ่งพันตัว
แกะนั้นมีอยู่หลากหลายสีสันและสายพันธุ์ด้วยกัน พวกมันส่วนใหญ่ดูบอบบางและคล่องแคล่วเหมือนกับละองละมั่ง ขณะที่พวกมันบางตัวกำยำและทรงพลังเหมือนกับแพะ ขณะที่บางตัวดูเหมือนกับแกะธรรมดาๆ
“นี่เราหลงเข้ามาในฟาร์มแกะอย่างนั้นหรอ? น่าเสียดายที่เจ้าแกะที่ขี้ขลาดตาขาวที่เราพบในก็อตแซงชัวรี่ไม่ได้อยู่ที่นี่ มันคงจะช่วยเราถามแกะพวกนี้ได้ว่าที่นี่คือที่ไหน”
หานเซิ่นสัมผัสได้ว่าฝูงแกะนั้นไม่ได้พิเศษอะไร แกะส่วนใหญ่ดูเหมือนจะไม่ได้เหนือไปกว่าระดับบารอนด้วยซ้ำ แม้แต่ระดับไวเคานต์ก็ถือว่าหาได้ยาก หานเซิ่นไม่ได้ถูกห้อมล้อมไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอแบบนี้มาเป็นเวลานานแล้ว
หัวแกะสองหัวแรกนั้นส่งหานเซิ่นไปในสถานที่ที่อันตรายมากๆ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยแกะ เขาไม่เคยชินกับเรื่องนั้น
ขณะที่หานเซิ่นบินลงมายังทุ่งหญ้า พวกแกะก็สังเกตเห็นเขาและพากันวิ่งเข้ามาล้อม หนึ่งในพวกแกะก้าวมาข้างหน้าและส่งเสียงร้องใส่หานเซิ่นขณะที่เขายังคงอยู่บนท้องฟ้า
หานเซิ่นไม่ได้พูดภาษาของแกะ ดังนั้นเขาเปิดใช้อาณาเขตตงเสวียนและใช้มันเพื่ออ่านจิตใจของพวกแกะ แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินแกะที่อยู่หน้าสุดพูดภาษาสากลของจักรวาลจีโนออกมา
“คนนอก! เจ้ามาที่ฟาร์มของพระเจ้าได้ยังไง?”
‘ดีที่พวกมันพูดได้’ หานเซิ่นคิดอย่างดีใจ เขามองไปที่พวกแกะและพูด
“ข้าหลงทางในอวกาศ และข้าก็พบดาวดวงนี้เข้าโดยบังเอิญ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะบอกได้ว่าที่นี่คือที่ไหน ถ้าเป็นไปได้ พวกเจ้าจะขายแผนที่ให้กับข้าหน่อยได้ไหม?”
ในตอนที่ฝูงแกะได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นพูด การตอบสนองของพวกมันก็ดูเหมือนกับมนุษย์มากๆ มันมองหน้ากัน หลังจากนั้นพวกมันก็เริ่มหัวเราะออกมา
หานเซิ่นไม่เคยเห็นแกะฝูงใหญ่หัวเราะกันแบบนี้ มันเป็นภาพที่ประหลาดมากๆ เขาขมวดคิ้วและพูด “มันมีอะไรน่าขำ?”
หนึ่งในแกะพูดขึ้นมา “ที่นี่คือฟาร์มของพระเจ้า พวกเราเป็นอาหารที่ถูกเลี้ยงสำหรับพระเจ้า เมื่อเจ้ามาอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าก็ไปจากที่นี่ไม่ได้ เจ้าและข้าจะกลายเป็นอาหารของพระเจ้าร่วมกัน”
“ไม่มีใครบังคับให้ข้าอยู่ที่นี่ได้” หานเซิ่นพูดอย่างรำคาญ
พวกแกะมองหานเซิ่นราวกับว่าเขาเป็นตัวตลก หนึ่งในแกะยิ้มและพูด
“ถ้าทำได้ เจ้าก็ลองดูตอนนี้เลย ดูสิว่าเจ้าจะไปจากฟาร์มของพระเจ้าได้ไหม”
“ฟาร์มของพระเจ้าที่พวกเจ้ากำลังพูดถึงนี่ พวกเจ้าหมายถึงดาวทั้งดวงอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“ใช่” แกะตอบพร้อมกับพยักหน้า
“มันมีอะไรยากเกี่ยวกับการออกไปจากที่นี่?” หานเซิ่นพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้าราวกับจรวดโดยมีเจตนาที่จะบินออกชั้นบรรยากาศ
แต่ในตอนที่เขาเกือบจะออกไปจากชั้นบรรยากาศได้แล้ว เขาก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของสายลม ทันใดนั้นก็มีใบมีดขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นมาและฟันเข้าใส่เขา ขณะที่เขาบินอยู่
ดวงตาของหานเซิ่นแคบลง เขารวบรวมดาบแสงในมือและฟันออกไปใส่ใบมีดขนาดยักษ์
ปัง!
ดาบแสงปะทะใบมีดยักษ์ และหานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงการสะท้อนกลับของพลัง เขากระเด็นกลับไปสู่พื้นผิวของดวงดาว และแรงกระแทกก็ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมา
ใบมีดยักษ์นั่นหายไปราวกับว่าไม่เคยมีอยู่ หานเซิ่นขมวดคิ้วขณะที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกแกะหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
“เมื่อเจ้ามาอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าควรจะยอมรับชะตากรรม เจ้าจะกลายเป็นอาหารของพระเจ้าไม่ช้าก็เร็ว เจ้าต้องยอมรับในเรื่องนี้”
หานเซิ่นไม่เชื่อว่านี่จะเป็นฟาร์มของพระเจ้า นอกซะจากพระเจ้าจะแฟนตัวยงของเนื้อแกะ ถ้าทั้งหมดที่พระเจ้าทำคือเลี้ยงแกะ พวกเขาคงจะมีกลิ่นที่ฉุนกว่านี้
หานเซิ่นหันความสนใจกลับไปที่ท้องฟ้าและกระโดดขึ้นไปอีกครั้ง
ในตอนที่หานเซิ่นเกือบจะออกจากชั้นบรรยากาศ ใบมีดยักษ์ก็ปรากฏออกมาอีกครั้งและฟันเข้าใส่เขา
“มันไม่มีประโยชน์! เมื่อเจ้าเข้ามาในฟาร์มของพระเจ้าแล้ว เจ้าก็เป็นอาหารของพระเจ้า ไม่มีใครหนีไปได้” แกะพูดเสียงดัง
ปัง!
แต่วินาทีต่อมา ดวงตาของแกะทุกตัวก็เบิกกว้าง พวกมันดูไม่อยากจะเชื่อ
แทนที่จะพยายามหลบใบมีด หานเซิ่นชกใส่มัน หมัดของเขาปะทะกับใบมีดยักษ์ และทำให้ใบมีดแตกกระจาย หลังจากที่ใบมีดก็สลายไปในอากาศ
‘ถ้านั่นคือพลังของพระเจ้า แบบนั้นพระเจ้าก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลย’
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง เขาตั้งใจจะบินกลับไปที่ทุ่งหญ้าเพื่อถามคำถามเกี่ยวกับที่แห่งนี้กับพวกแกะเพิ่ม แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นใบมีดอีกมากมายปรากฏขึ้นในท้องฟ้า พวกเขาปกคลุมทั้งท้องฟ้าและชี้มาในทิศทางของหานเซิ่น
หานเซิ่นตกใจ และเขาก็เทเลพอร์ตกลับไปที่ทุ่งหญ้า เขาเงยหน้าขึ้นและมองเห็นใบมีดนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมทั้งฟ้าเริ่มจางหายไป พวกมันหายไปในไม่กี่วินาที
ใบหน้าของหานเซิ่นดูตรึงเครียดขึ้นมา พลังของใบมีดยักษ์พวกนั้นเทียบได้กับการโจมตีของระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ ถ้าใบมีดมากมายขนาดนั้นโจมตีใส่เขาพร้อมๆกัน แม้แต่หานเซิ่นก็ไม่สามารถป้องกันพวกมันได้
“พวกข้าบอกเจ้าแล้ว ที่นี่คือฟาร์มของพระเจ้า มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขนาดไหน ในสายตาของพระเจ้า เจ้าก็เป็นแค่อาหาร” แกะพูดด้วยรอยยิ้ม
“พระเจ้าที่พวกเจ้ากำลังพูดถึง เขามีลักษณะยังไง?” หานเซิ่นถามโดยเมินเฉยต่อการพูดเหลวไหลของพวกแกะ
“พระเจ้าคือพระเจ้า เขาจะเป็นอะไรอย่างอื่นไปได้อีก?” แกะตอบขณะที่มองหานเซิ่นด้วยความดูถูก
หานเซิ่นอยากจะถามเพิ่มอีก แต่ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นรถม้าสีขาวบินผ่านท้องฟ้ามา ยูนิคอร์นสีขาวเก้าตัวกำลังลากรถม้านั้นตรงมาที่ทุ่งหญ้า
ในตอนที่ฝูงแกะเห็นรถม้าสีขาว พวกมันก็เริ่มตัวสั่นอย่างรุนแรง มันเหมือนกับว่าพวกแกะไม่มีแม้แต่กำลังจะวิ่งหนี และทั้งหมดที่พวกมันทำได้ก็คือยืนตัวสั่นอยู่กับที่ พวกมันลดหัวลงราวกับว่าพวกมันเป็นนกกระจอกเทศที่ไม่ต้องการอะไรนอกจากการเอาหัวมุดลงไปในพื้นดิน
ตอนที่ 2757
หานเซิ่นมองไปรอบๆและเห็นว่าบนทุ่งหญ้าที่ไร้ที่สิ้นสุดนั้นไม่มีสถานที่ไหนให้เขาซ่อนตัวเลย ดังนั้นเขาจึงใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อลดพลังชีวิตของตัวเองลงและเข้าไปปะปนในฝูงแกะ
ยูนิคอร์นสีขาวทั้งเก้าตัวโฉบลงมาบนพื้นหญ้าอย่างสง่างาม หานเซิ่นซ่อนตัวอยู่ในฝูงแกะ แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปรถม้า เขาสงสัยว่าสิ่งมีชีวิตแบบไหนกันที่ซ่อนตัวอยู่ภายในนั้น มันต้องเป็นบางสิ่งที่น่ากลัวมากถึงทำให้พวกแกะหวาดกลัวขนาดนั้น แต่ไม่มีพวกมันตัวไหนเลยที่กล้าวิ่งหนีไป พวกมันทั้งหมดยืนปักหลักอยู่กับที่ขณะที่ตัวสั่นรัว
เสียงเอี๊ยดดังขึ้นมาขณะที่ประตูของรถม้าค่อยๆเปิดออกมา มีคนๆหนึ่งเดินลงมาจากรถม้า และหานเซิ่นก็ขมวดคิ้วเมื่อได้เห็น คนที่ลงมาจากรถม้านั้นเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก เธอดูอายุไม่เกินสิบขวบ
“สิ่งมีชีวิตที่พวกแกะทั้งหมดหวาดกลัวไม่มีทางเป็นเด็กสาวคนนี้ไปได้”
หานเซิ่นยังคงไม่ละสายตาไปจากรถม้า เขาเชื่อว่ายังจะมีสิ่งมีชีวิตอื่นตามเด็กผู้หญิงลงมา เด็กผู้หญิงคนนี้คงจะต้องเป็นแค่สาวใช้หรืออะไรทำนองนั้น
แต่มันไม่มีใครลงมาอีก และตอนนี้รถม้าก็ดูเหมือนจะว่างเปล่า เด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นเป็นเพียงคนเดียวที่ออกมา และในมือของเธอก็ถือมีดอยู่ เธอเริ่มเดินเข้าหาฝูงของแกะ
หานเซิ่นหันความสนใจกลับไปที่เด็กผู้หญิง ร่างกายของเธอเป็นเด็กอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างดวงตาของเธอดูเป็นผู้ใหญ่กว่ารูปลักษณ์ของเธอ
“เผ่านภา?” หานเซิ่นสังเกตเห็นรอยที่อยู่บนหน้าฝากของเธอ เธออาจจะเป็นหนึ่งในเผ่านภาหรือไม่เธอก็อาจจะเป็นหนึ่งในเผ่าเวรี่ไฮ ถึงแม้มันจะมีความแตกต่างระหว่างทั้งสองเผ่าพันธุ์ แต่ในเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ทั้งสองเผ่าเรียกได้ว่าเหมือนกันไม่มีผิด เผ่าเวรี่ไฮเพียงแค่มีเลือดที่บริสุทธิ์กว่าเท่านั้น
เด็กผู้หญิงยกมีดขึ้นต่อหน้าฝูงแกะก่อนที่จะถอนหายใจและพูด
“แกะน้อย ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำแบบนี้ ถ้าพวกเจ้าต้องการจะแก้แค้น ก็มาแก้แค้นข้า อย่าได้ไประบายความโกรธแค้นกับใครคนอื่น”
หลังจากนั้นเด็กผู้หญิงก็แทงมีดออกไปข้างหน้า มันตรงเข้าไปในหัวใจของแกะและฆ่ามันในการโจมตีเพียงครั้งเดียว เลือดไหลทะลักออกมาจากบาดแผลบริเวณอกของแกะ
แต่น่าแปลกที่เลือดไหลออกมานั้นไม่ได้หยดลงไปบนพื้น ทันทีที่มันทะลักออกมาจากร่างของแกะ พวกมันก็ถูกดูดซับเข้าไปในมีด และในเวลาชั่วครู่ร่างกายของแกะก็ถูกดูดจนแห้ง
เมื่อแกะตัวแรกตายไปแล้ว เด็กผู้หญิงก็เดินไปหาแกะอีกตัว พวกแกะตัวสั่นอย่างรุนแรง แต่พวกมันไม่กล้าจะขัดขืน เด็กผู้หญิงยกมีดขึ้นและแทงเข้าไปในแกะตัวต่อไป และเหมือนกับตัวก่อนหน้านี้เลือดของมันถูกดูดจนแห้ง
หานเซิ่นตกใจกับภาพที่เห็น เด็กผู้หญิงนั้นดำเนินการฆ่าแกะต่อไปเรื่อยๆ และไม่มีพวกมันเลยสักตัวที่ขัดขืน ดูเหมือนกับว่าพวกแกะทั้งหมดเข้าคิวเพื่อจะถูกฆ่าทีละตัวๆ
ไม่นานแกะที่ตายไปก็เพิ่มขึ้นจนถึงหนึ่งร้อยตัว ในตอนนี้ใบมีดของเด็กผู้หญิงนั้นแดงเหมือนกับเลือด ดูเหมือนกับว่าเลือดพร้อมที่จะหยดออกมาจากมันได้ทุกเมื่อ
กลิ่นของเลือดนั้นรุนแรงมากๆ และหานเซิ่นก็สัมผัสถึงมันได้จากระยะไกล มันเป็นกลิ่นที่น่าสะอิดสะเอียน
“มันต้องมีบางสิ่งผิดปกติกับมีดของเด็กผู้หญิงคนนั้น” หานเซิ่นขมวดคิ้วขณะที่จ้องมองไปที่อาวุธในมือของเธอ
ออร่าของเด็กผู้หญิงนั้นไม่ได้ดูแข็งแกร่งอะไรมากนัก แต่มีบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวและแปลกประหลาดเกี่ยวกับมีดในมือของเธอ มันดูยิ่งใหญ่กว่าออร่าของเด็กผู้หญิง
เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ควรจะใช้อาวุธที่ทรงพลังขนาดนั้นได้ แต่เธอใช้มันได้อย่างง่ายดายและเธอก็ไม่ได้ถูกกลืนกินโดยพลังของมีดอีกด้วย นี่เป็นสถานการณ์ที่หานเซิ่นไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ก่อนที่หานเซิ่นจะกลายเป็นระดับเทพเจ้านั้น แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถใช้พลังของสมบัติระดับเทพเจ้าเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ แต่แล้วเด็กผู้หญิงคนนี้กลับใช้มีดที่ดูทรงพลังยิ่งกว่าตัวเธอได้อย่างง่ายดาย ทุกอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์นี้เป็นอะไรที่แปลกประหลาด
“พวกแกะคงจะหวาดกลัวมีดเล่มนั้นมากกว่าที่พวกมันจะหวาดกลัวเด็กผู้หญิง” หานเซิ่นคาดเดา แต่เขายังคงไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ดังนั้นเขาจึงจ้องมองไปที่มีดต่อไป
มีดของเด็กผู้หญิงเป็นมีดสั้นที่ประกอบด้วยด้ามจับไม้และใบมีดเหล็ก ด้ามจับไม้มีความยาวเจ็ดนิ้ว แต่หานเซิ่นไม่สามารถระบุได้ว่ามันทำขึ้นมาจากไม้แบบไหน ด้ามจับมีสีคล้ำจนเกือบจะเป็นสีดำ ส่วนใบมีดนั้นมีความยาวหนึ่งฟุต มันมีรูปร่างเหมือนกับพระจันทร์เสี้ยว และเนื่องจากมันดูดเลือดเข้าไปเป็นจำนวนมาก มันจึงเรืองแสงสีแดง ดูเหมือนกับว่ามันเริ่มจะมีเลือดไหลออกมาจากปลายของมันได้ทุกเมื่อ
เด็กผู้หญิงดูเหมือนว่าไม่ได้พกปลอกมีดมาด้วย เมื่อดูจากรูปร่างของมีดแล้ว หานเซิ่นคาดเดาว่ามีดนั่นไม่ใช่อาวุธสำหรับต่อสู้ มันดูเหมือนกับมีดของพ่อครัวหรือเครื่องมือของคนขายเนื้อมากกว่า
หลังจากนั้นจู่ๆหานเซิ่นก็รู้สึกหนาวขึ้นมา บางทีมันอาจจะเป็นเพราะมีดนั้นดูดเลือกไปมาก แต่ขณะที่อยู่ใต้แสงอาทิตย์ หานเซิ่นเห็นใบมีดปล่อยแสงสีเลือดออกมา แสงสีเลือดนั้นก่อตัวเป็นเงาของปีศาจสีแดง ยิ่งแกะถูกเด็กสาวฆ่าตายไปมากเท่าไหร่ เลือดที่เจ้าปีศาจดูดเข้าไปก็มากขึ้นเท่านั้น ปีศาจสีเลือดนั่นดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆยิ่งเวลาผ่านไป
ในตอนที่เด็กผู้หญิงฆ่าแกะตัวที่หนึ่งพัน เงาของมีดเล่มนั้นก็ก่อตัวเป็นเปลวเพลิงสีเลือดที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
‘ดูเหมือนว่าฝูงแกะจะกลัวมีดเล่มนั้นจริงๆด้วย แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาด เด็กผู้หญิงคนนั้นดูอ่อนแอ แต่เธอใช้อาวุธที่น่ากลัวขนาดนั้นได้ยังไง และพลังของมีดก็ไม่ได้กลืนกินเธอด้วย’ หานเซิ่นคิดกับตัวเองขณะที่สังเกตเด็กผู้หญิงและมีดของเธอ
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกหนาวจนถึงกระดูกสันหลัง เขาโฟกัสไปที่มีดมากเกินไป และเงาของปีศาจสีเลือดก็ค้นพบการมีอยู่ของเขา จู่ๆร่างเงาของปีศาจก็หันมา เบ้าตาของมันว่างเปล่ายกเว้นก็แต่เปลวไฟสีเลือด และไฟนั่นตอนนี้ก็จ้องมองมาที่หานเซิ่น
ก่อนที่หานเซิ่นจะได้ทำอะไร มีดก็ปลดปล่อยเสียงหึ่งๆที่แปลกประหลาดออกมา หลังจากนั้นมีดก็เริ่มบินตรงมาในทิศทางของเขา ร่างของเด็กผู้หญิงนั้นถูกลากตามมาขณะที่อาวุธพุ่งตรงเข้าไปหาหานเซิ่น
หานเซิ่นเห็นเงาปีศาจสีเลือดอย่างชัดเจน มันอ้าปากเพื่อจะกลืนกินเขาเข้าไป ขณะเดียวกันในตอนที่เด็กผู้หญิงเห็นหานเซิ่น เธอก็ดูประหลาดใจ
หานเซิ่นเตรียมตัวจะต่อสู้ แต่เด็กผู้หญิงดึงมือกลับไป เด็กผู้หญิงพยายามจะหยุดมีดจากการพุ่งตรงเข้าไปหาหานเซิ่น
แต่พละกำลังของเธอน้อยเกินไป และมีดเล่มนั้นก็ดูกระหายเลือดอย่างมาก เธอใช้มือทั้งสองข้างจับมีดเอาไว้และดึงอย่างสุดกำลัง แต่ความพยายามของเธอไร้ประโยชน์ เธอไม่สามารถหยุดมีดเอาไว้ได้ และร่างที่บอบบางของเธอก็ถูกดึงไปข้างหน้าเรื่อยๆ
หานเซิ่นขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม เขาเตรียมตัวจะต่อสู้ แต่ทันใดนั้นเด็กผู้หญิงก็กดมือของเธอกับใบมีด ใบมีดเฉือนเข้าไปในผิวหนังของเธอและเลือดที่ไหลออกมาก็ถูกดูดเข้าไปในมีดอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นมีดก็สงบนิ่งไป
เงาของปีศาจสีเลือดนั้นยังมองเห็นได้ แต่มันถูกหยุดยั้งเอาไว้โดยพลังบางอย่าง แสงสีเลือดที่ก่อตัวขึ้นเป็นเงาของปีศาจสีแดงนั้นมัวลงไปเล็กน้อย
‘ไม่แปลกใจเลยที่เธอใช้มีดประหลาดนั่นได้ บางสิ่งเกี่ยวกับร่างกายของเธอนั้นพิเศษ เธอคงจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติกับมีดเล่มนี้’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
เมื่อดูจากท่าทางของเด็กผู้หญิงแล้ว ดูเหมือนเธอไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายอะไรเขา หานเซิ่นจึงเดินเข้าไปหาและถาม
“หนูน้อย เจ้ามีชื่อว่าอะไรอย่างนั้นหรอ?”
“หนีไป! รีบหนีไปจากที่นี่!” เด็กผู้หญิงพูดอย่างรีบร้อนขณะที่ยังคงจับมีดเอาไว้แน่น
ตอนที่ 2758
“ทำไมข้าต้องหนีไปด้วย?” หานเซิ่นถามขณะที่ยืนนิ่งอยู่กับที่
“ข้าควบคุมมันได้ไม่นานนัก มันจะฆ่าเจ้า รีบหนีไป!” เด็กผู้หญิงพูดด้วยเสียงที่ดูตื่นตระหนก
หานเซิ่นมองเด็กผู้หญิงที่กำลังจับมีดเอาไว้ มือของเธอยังคงมีเลือดไหลออกมาเรื่อยๆ ขณะที่เลือดของเธอไหลออกมาสู่ใบมีด ออร่าของมีดก็จางลงไปเล็กน้อย แต่มันยังคงไม่ได้หายไป ออร่าของมีดยังอยู่ที่นี่และมันกำลังโหยหวนเบาๆ หานเซิ่นรู้ว่าถ้าเด็กผู้หญิงหยุดให้เลือดกับมันเมื่อไหร่ มีดก็จะไล่ล่าเขาอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปตามที่เจ้าบอก แต่เจ้าช่วยบอกข้าได้ไหมว่าข้าจะออกไปจากดาวดวงนี้ได้ยังไง? อีกอย่างหนึ่งเจ้ามีชื่อว่าอะไรอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นรู้ว่าถ้าเขายังอยู่ที่นี่ต่อไป เขาก็จะสร้างความเจ็บปวดให้กับเธอยิ่งกว่าเดิม ด้วยเหตุนั้นเขาจึงหมอบลงเพื่อเตรียมตัวจะกระโดดขึ้นสู่ท้องฟ้า
เด็กผู้หญิงส่ายหัว “ข้าไม่รู้ แต่เจ้าจำเป็นต้องหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
“ข้าจะทำแบบนั้น ว่าแต่เจ้าช่วยบอกชื่อของเจ้าหน่อยได้ไหม?” หานเซิ่นถาม
“กู่หว่านเอ๋อ ตอนนี้เจ้าควรไปได้แล้ว ไปให้ไกลจากที่นี่และอย่าได้กลับมาจนกว่าข้าจะไปแล้ว” เด็กผู้หญิงพูด
หานเซิ่นเตรียมตัวจะจากไป แต่ในตอนที่เขาได้ยินชื่อของเธอ ร่างกายของเขาก็หยุดนิ่งไป เขามองไปที่เด็กผู้หญิงด้วยความแปลกใจและถาม
“ชื่อของเจ้าคือกู่หว่านเอ๋อ? เจ้ารู้จักไผ่เดียวดายไหม?”
หานเซิ่นจำได้ว่าครั้งหนึ่งไผ่เดียวดายเคยบอกว่าน้องสาวของเขามีชื่อว่าหว่านเอ๋อ และเนื่องจากเธอทำการอธิษฐานกับพระเจ้าและถูกพระเจ้าพาตัวไป นั่นเห็นเหตุการณ์ที่ชายคนนั้นไม่สามารถปล่อยไปได้
ถ้าหานเซิ่นจำได้ถูกต้อง น้องสาวของไผ่เดียวดายอายุราวๆสิบขวบในตอนที่เธอถูกพาตัวไป มันผ่านมาหลายปีแล้ว ดังนั้นน้องสาวของไผ่เดียวดายก็ควรจะโตขึ้นแล้ว การที่มาพบเธอในร่างเด็กนั้นเป็นอะไรที่น่าประหลาด
“เจ้า…เจ้ารู้จักพี่ชายของข้า…” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกู่หว่านเอ๋อขณะที่เธอมองมาที่หานเซิ่น
“ข้ารู้จักเขา พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่? และที่นี่คือที่ไหนกัน?” หานเซิ่นพูดและเหลือบมองไปที่มีดในมือของเธอ
หานเซิ่นจะจากไปถ้าพวกเขาเป็นแค่คนแปลกหน้า แต่ตอนนี้เมื่อเขารู้ว่าเด็กคนนี้เป็นน้องสาวของไผ่เดียวดาย เขาก็ไม่สามารถจากไปทั้งๆแบบนี้ได้
“ที่นี่คือฟาร์มของพระเจ้า มันเป็นเหมือนกับบุฟเฟ่ต์สำหรับมีดเทพ พระเจ้าพาข้ามาที่นี่เพื่อคอยดูแลมีด…” กู่หว่านเอ๋ออธิบาย หลังจากนั้นเธอก็รีบถาม “พี่ชายของข้าสบายดีไหม?”
ถึงแม้คำอธิบายของกู่หว่านเอ๋อจะสั้นมากๆ แต่หานเซิ่นก็เข้าใจ เธอถูกพาตัวมาโดยพระเจ้า หลังจากนั้นพระเจ้าก็มอบมีดเล่มนี้ให้กับเธอและมอบหมายให้เธอคอยดูแลมัน
มีดเทพเล่มนี้ดูเหมือนจะกินเลือดของสิ่งมีชีวิตเป็นอาหาร ที่แห่งนี้ถูกเรียกว่าฟาร์มของพระเจ้า แต่มันเป็นแค่หนึ่งในหลายๆที่ มันมีดวงดาวที่คล้ายคลึงกันอยู่มากมายในระบบจักรวาลแห่งนี้ และกู่หว่านเอ๋อก็จำเป็นต้องทำตามตารางเวลาอย่างเคร่งครัด เธอจะพามีดไปแต่ละดวงดาวตามเวลาที่ถูกกำหนดเอาไว้และปล่อยให้มีดเทพนี้ได้กินเลือดของสิ่งมีชีวิตต่างๆ
หานเซิ่นยังบอกได้อีกว่ามันมีช่องโหว่ในสิ่งที่เธอบอกกับเขา เธอปิดบังบางอย่างอยู่
“นอกจากเลือดของพวกซีโน่เจเนอิคแล้ว มันจำเป็นต้องกินเลือดของเจ้าด้วยถูกไหม?” หานเซิ่นถามกู่หว่านเอ๋อไปตรงๆ
กู่หว่านเอ๋อพยักหน้าและฝืนยิ้มออกมา “ข้าจำเป็นต้องให้เลือดของตัวเองกับมันทุกๆวัน แต่ไม่ต้องกังวล ข้ามีร่างกายที่เป็นอมตะ ในตอนที่ข้าหลับ ร่างกายของข้าก็จะฟื้นตัว ข้าไม่เป็นอะไร แต่พี่ชายของข้าล่ะ เขาสบายดีไหม? ถ้าเจ้าออกไปจากที่นี่ได้สำเร็จ อย่าบอกกับเขาได้ไหมว่าเจ้าพบกับข้า?”
“ไม่” หานเซิ่นรู้สึกแย่ ถึงแม้กู่หว่านเอ๋อจะไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับตัวเองมากนัก แต่หานเซิ่นก็รู้ว่าพระเจ้าต้องทำบางสิ่งที่โหดร้ายกับเธอ พระเจ้าพากู่หว่านเอ๋อมาที่นี่และมอบร่างกายที่เป็นอมตะให้กับเธอเพื่อที่เธอจะได้มอบเลือดให้กับมีด
กู่หว่านเอ๋อถูกบังคับให้สังเวยเลือดของตัวเอง ซึ่งทุกวันเธอจะต้องมอบเลือดของตัวเองให้กับมีดโดยไม่มีข้อยกเว้น เธอไม่สามารถแม้แต่จะตายได้
“เจ้าหมายความว่ายังไงที่ว่าไม่? เกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของข้า? พระเจ้าให้สัญญากับข้าว่าถ้าข้าช่วยดูแลมีดนี่ เขาจะให้พี่ชายของข้ามีชีวิตที่ดี…” กู่หว่านเอ๋อดูซีดไป
ร่างกายของเธอมีขนาดเล็ก และเห็นได้ชัดว่าเธอไม่มีเลือดมากนัก เลือดของเธอไหลออกมานานเกินไปและร่างกายของเธอก็ไม่สามารถทนต่อไปได้แล้ว
“ถ้าเจ้าไม่ได้อยู่ด้วย โลกนี้ไม่มีความหมายอะไรกับเขา”
หานเซิ่นเดินมาตรงหน้ากู่หว่านเอ๋อและยื่นมือออกไปแย่งมีดมาจากมือของเธอ “มอบมีดนั่นมาให้กับข้า”
“ไม่ ไม่ ไม่ เจ้าควรไปได้แล้ว มันจะฆ่าเจ้า…” กู่หว่านเอ๋อก้าวถอยหลังไป
หานเซิ่นรู้ว่ากู่หว่านเอ๋อไม่ได้พูดโกหก ตั้งแต่ที่เขาสัมผัสมีดเล่มนั้น เขาก็รู้ว่ามันเป็นอาวุธที่โหดร้าย นั่นเป็นเหตุผลที่หานเซิ่นคิดจะหนีไปในตอนแรก เขาไม่อยากจะเอาตัวเองมาเสี่ยง
แต่ตอนนี้เมื่อเขารู้ว่าน้องสาวของไผ่เดียวดายอยู่ที่นี่ และเธอกำลังถูกทรมาน เขาก็ไม่สามารถปล่อยเธอไปตามชะตากรรมได้ เขาต้องช่วยเธอไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาหวังที่จะพากู่หว่านเอ๋อไปจากที่นี่
“มันฆ่าข้าไม่ได้” หานเซิ่นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและแย่งมีดออกมาจากมือของกู่หว่านเอ๋อ
ดวงตาของกู่หว่านเอ๋อเบิกกว้างในตอนที่เธอเห็นว่ามีดไม่ได้อยู่ในมือของเธออีกแล้ว เธอพูดขึ้นว่า “รีบคืนมันให้กับข้าเดี๋ยวนี้! นี่คือมีดเทพ มันน่ากลัวมากๆ และมันจะฆ่าเจ้า”
หานเซิ่นเพิกเฉยต่อกู่หว่านเอ๋อ เขาถือมีดเอาไว้และสังเกตใบมีดอย่างระมัดระวัง เมื่อไม่มีเลือดของกู่หว่านเอ๋อ สีเลือดของโลหะก็เริ่มจางหายไป เงาของปีศาจเริ่มจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันหันมามองที่หานเซิ่น และมีดก็เริ่มจะสั่นไหวในมือของเขา
ตูม!
ในตอนที่มีดรู้สึกตัวว่าหานเซิ่นกำลังจับมันอยู่ แสงสีเลือดก็ส่องสว่างรอบตัวมีด พลังของหานเซิ่นไม่เพียงพอจะจับมีดเอาไว้ได้ และมีดก็บินออกจากมือของเขาไป
เงาปีศาจของมีดก่อตัวเป็นร่างกายที่ทำขึ้นจากเปลวไฟสีเลือด มันก่อตัวเป็นรูปร่างของมนุษย์ที่กำลังลุกเป็นไฟ มันถือมีดเอาไว้ในมือ และดวงตาสีแดงที่กลวงโบ๋ของมันก็จ้องตรงมาที่หานเซิ่นราวกับว่ามันไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการดื่มเลือดของเขา
เงาสีเลือดเริ่มเคลื่อนไหว มีดฉีกผ่านอวกาศขณะที่มันฟันออกไปเพื่อโจมตีหานเซิ่น
“อย่าฆ่าเขา!” กู่หว่านเอ๋อตะโกน เธอก้าวเข้ามาตรงหน้าหานเซิ่นและกางแขนออก
ก่อนที่มีดนั่นจะเข้ามาสัมผัสเธอได้ หานเซิ่นก็จับตัวเด็กผู้หญิงตัวน้อยมาอยู่ด้านหลัง เขาชกหมัดออกไปปะทะกับมีดพร้อมกับพูดว่า
“จำเอาไว้ว่า ไม่ว่าเมื่อไหร่หรือที่ไหน เด็กผู้หญิงควรจะอยู่หลังผู้ชายและถูกปกป้อง”
ตูม!
ขณะที่เขากำลังพูด กำปั้นและมีดก็ปะทะกัน ผลลัพธ์ก่อให้เกิดคลื่นกระแทกที่ฉีกเข้าไปในทุ่งหญ้ารอบๆตัวพวกเขาจนก่อให้เกิดหลุมขนาดใหญ่
แกะที่อยู่ใกล้เคียงถูกลูกหลงไปด้วย เมื่อแรงระเบิดซัดมาถูกพวกแกะ มันก็เหลือแค่เลือดนองอยู่บนพื้น
หานเซิ่นไม่ได้กระเด็นถอยไปด้านหลัง แต่เขารู้สึกว่าบางสิ่งฉีกขาดในอกของเขา เขารู้สึกอยากจะกระอักเลือดออกมา แต่เขาอดกลั้นเอาไว้
มีดเทพส่งเสียงคำรามราวกับอสูรที่ชั่วร้ายกำลังประกาศท้า วินาทีต่อมา วิชาจีโนทั้งสี่ของหานเซิ่นก็ทำงานภายในร่างกายของเขา เขารวมร่างกับมนตราและเข้าสู่โหมดร่างต่อสู้ซีโน่เจเนอิค
ตอนที่ 2759
ร่างต่อสู้ซีโน่เจเนอิคของหานเซิ่นปกคลุมด้วยเปลวเพลิงสีดำ เขาดูเหมือนกับปีศาจที่เพิ่งจะคลานออกมาจากขุมนรก เขาจ้องไปที่ปีศาจสีแดงที่กำลังถือมีดอยู่ในมือ พวกเขาทั้งคู่ดูเหมือนกับลอร์ดของนรกที่เตรียมตัวจะทำการต่อสู้กัน
“ถอยออกไป! นี่เป็นสนามรบของลูกผู้ชาย เจ้าไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้อง”
หานเซิ่นพูดขณะที่สายตาของเขายังจ้องไปที่ปีศาจสีแดง
หลังจากที่หานเซิ่นรวมวิชาจีโนทั้งสี่ พลังอาณาเขตของตงเสวียนก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก หานเซิ่นค้นพบว่ามีดเทพนี้ไม่ใช่มีดจริงๆ มันคือซีโน่เจเนอิค ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งมีชีวิต แต่ร่างกายและจิตวิญญาณของมันเหมือนกับมีด
หานเซิ่นไม่รู้ว่าระดับพลังของซีโน่เจเนอิคตัวนี้คืออะไร พลังของมันอยู่เหนือกว่าที่หานเซิ่นจะประเมินได้อย่างถูกต้อง
เงาของปีศาจสีเลือดจ้องมองมาที่หานเซิ่น มีดในมือของมันเรืองแสงสีเลือดและมิติรอบๆมีดก็บิดเบี้ยว สิ่งเดียวที่มองเห็นได้ผ่านมิติที่บิดเบี้ยวคือมีดแสงที่เรืองแสงออกมาจากมือของเงานั่นเท่านั้น
วินาทีต่อมา เงาปีศาจก็เริ่มเคลื่อนไหว มันเคลื่อนที่ราวกับหมอกสีแดงภายใต้พระอาทิตย์ มันตรงเข้ามาหาหานเซิ่น
พลังภายในร่างกายของหานเซิ่นระเบิด เขาเทเลพอร์ตไปด้านหลังของเงาและส่งหมัดเข้าใส่ปีศาจสีเลือด
แต่ปีศาจสีเลือดทำเหมือนกับว่ามันไม่รู้ว่าหานเซิ่นเทเลพอร์ตมาเรียบร้อยแล้ว มีดของมันยังคงตรงไปในตำแหน่งที่หานเซิ่นอยู่ก่อนหน้านี้
หานเซิ่นประหลาดใจที่คู่ต่อสู้หลงกลลูกไม้ง่ายๆแบบนั้น แต่เขายังคงโจมตีต่อไป สำหรับเขาแล้วนี่ถือเป็นโอกาสดี เขาไม่คิดจะหยุดโจมตีเพราะเรื่องนี้
แต่ก่อนที่หมัดของหานเซิ่นจะไปถึงปีศาจสีเลือด อกของเขาก็ถูกตัดเปิดออกมา เนื้อส่วนซี่โครงของเขาถูกตัดจนขาด และอวัยวะภายในกับเลือดที่ตกผนึกก็เผยออกมาให้เห็น
“เกิดอะไรขึ้น…? ทำไมเราถึงถูกฟันได้?” ใบหน้าของหานเซิ่นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายโจมตีถูกตัวเขาได้ยังไง
เงาของปีศาจสีเลือดนั้นไม่ได้หันกลับมาหรือแม้แต่แกว่งมีดเข้าใส่หานเซิ่น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงได้รับบาดเจ็บ นี่เป็นแปลกมากๆ
หานเซิ่นรีบเรียกอิมมอร์ทัลดราก้อนออกมาและปลดปล่อยพลังของโซ่สสารใส่หานเซิ่นเพื่อรักษาบาดแผลบริเวณอกของเขาอย่างรวดเร็ว
ปีศาจสีเลือดเคลื่อนที่มาข้างหน้าและแกว่งมีดของมันเข้าใส่หานเซิ่นอย่างบ้าคลั่ง
หานเซิ่นเข้าใจว่าพลังของร่างต่อสู้ซีโน่เจเนอิคยังคงด้อยกว่าพลังของอีกฝ่าย แต่เขาอยากรู้ว่าตัวเองถูกโจมตีได้ยังไง ดังนั้นแทนที่จะพยายามป้องกัน เขาใช้การเทเลพอร์ตอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้เทเลพอร์ตไปด้านหลังของปีศาจสีเลือด เขาเทเลพอร์ตออกไปเพื่อสร้างระยะห่างแทน
มันมีที่ว่างหนึ่งร้อยไมล์ระหว่างหานเซิ่นกับปีศาจสีเลือด และมีดแสงก็ไม่ได้ฟันมาในทิศทางของหานเซิ่น แต่ถึงอย่างนั้นใบมีดที่มองไม่เห็นก็ตัดหัวของหานเซิ่นเปิดออก หัวกะโหลกของเขาเผยช่องว่างที่กว้างพอจะแสดงสมองสีชมพูออกมาให้เห็น ความเจ็บปวดของการโจมตีเป็นอะไรที่แสนสาหัส และใบหน้าของหานเซิ่นก็เปลี่ยนเป็นสีขาว
“แบบนี้นี่เอง…” ถึงแม้มันจะเป็นการโจมตีที่เจ็บปวด แต่หานเซิ่นก็ได้เรียนรู้บางสิ่ง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าตัวเองถูกฟันได้ยังไง
มีดแสงสีเลือดเดินทางไปในตำแหน่งที่หานเซิ่นเคยอยู่ก่อนหน้านี้ ตรงนั้นมีเงาเลือดรางๆปรากฏขึ้นมา เงาเลือดเงานั้นดูเหมือนกับหานเซิ่น เมื่อมีดแสงฟันถูกเงาเลือดนั้น ร่างกายของหานเซิ่นก็จะได้รับบาดเจ็บจากการโจมตี
“นี่มันพลังธาตุเวลาหรือธาตุอวกาศ? หรือบางทีมันอาจจะเป็นทั้งสองธาตุ?” บาดแผลที่หานเซิ่นได้รับถูกรักษาด้วยพลังของอิมมอร์ทัลดราก้อน ตอนนี้แม้แต่อาการบาดเจ็บสาหัสก็ไม่อาจฆ่าเขาได้
แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าปีศาจสีเลือดเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวกว่าที่เขาคิดเอาไว้ หานเซิ่นใช้พลังของอีเทอร์นิตี้กับตัวเองเรียบร้อยแล้ว ภายใต้พลังเสริมของอีเทอร์นิตี้ แม้แต่เทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่นก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อร่างต่อสู้ซีโน่เจเนอิคของเขาได้
แถมเขายังมีเกล็ดมังกรที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทางร่างกายอีก เขาควรจะอยู่ยงคงกระพัน
มีดแสงสีเลือดนั้นไม่ได้ฟันถูกร่างของเขาโดยตรง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ตัดผ่านชุดเกราะ เกล็ดและกระดูกของเขา นั่นเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ
ปีศาจสีเลือดดูเหมือนจะไม่ได้ใช้ความคิดอะไรมาก ใบหน้าของมันดูกระหายเลือดขณะที่มันเข้ามาหาเขาโดยไม่ลังเล ที่ไหนก็ตามที่มีดแสงเคลื่อนไป มิติบริเวณใกล้เคียงก็จะบิดเบี้ยว มันเหมือนกับว่ามีแสงสีเลือดมากมายที่บิดงอเต้นระบำรอบมีดแสง
ครั้งนี้หานเซิ่นไม่ได้พยายามจะเทเลพอร์ตหนีไป เขาเรียกโล่เมดูซ่าส์เกสออกมาแทน เขาคิดจะป้องกันมีดของอีกฝ่ายตรงๆ
พลังของปีศาจสีเลือดเป็นอะไรที่แปลกประหลาด และการพยายามหลบมันดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ หานเซิ่นจำเป็นต้องป้องกันมัน
แต่วินาทีต่อมา อกของหานเซิ่นก็มีเลือดทะลักออกมา ร่างกายของเขาถูกส่งกระเด็นออกไปหลายไมล์ ก่อนที่จะร่วงลงมากระแทกกับทุ่งหญ้าราวกับดาวตก
หานเซิ่นรู้สึกตัวอีกครั้งในหลุมขนาดใหญ่ ชุดเกราะบริเวณอกของเขาถูกตัดเปิดออกและเผยให้เห็นเนื้อข้างใน เกล็ด กระดูกและซี่โครงของเขาถูกตัดจนขาดครึ่ง
โล่ของหานเซิ่นยังคงอยู่ดี ถึงแม้โล่จะหยุดการโจมตีทางกายภาพได้ทุกอย่าง แต่ดูเหมือนมันจะไม่สามารถป้องกันมีดแสงของปีศาจสีเลือดตัวนี้ได้
มีดแสงประหลาดนั่นทะลุผ่านโล่ราวกับผีและถูกอกของหานเซิ่นโดยที่ไม่ถูกขังขวาง
ปีศาจสีเลือดพุ่งเข้ามาจู่โจมอีกครั้ง และมันทำการโจมตีอย่างไม่มีหยุด ไม่สำคัญว่าหานเซิ่นจะหลบหลีกหรือป้องกันยังไง เขาก็ไม่สามารถรอดไปจากมีดแสงของเจ้าปีศาจได้ การฟันทุกครั้งของมันถูกร่างกายของเขาและทำให้เขาได้รับบาดแผลซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ถ้าไม่มีอิมมอร์ทัลดราก้อนคอยช่วยรักษา หานเซิ่นก็คงจะถูกสับเป็นชิ้นๆไปนานแล้ว
ถึงอย่างนั้นมันก็มีขีดจำกัดถึงความเร็วที่อิมมอร์ทัลดราก้อนจะรักษาให้กับเขา ก่อนที่บาดแผลของหานเซิ่นจะถูกรักษาจนเสร็จสิ้น เขาก็จะได้รับบาดแผลใหม่มาเพิ่มอีก
“แข็งแกร่ง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว มันแข็งแกร่งซะจนการต่อสู้กับมันจะทำให้คนๆนั้นรู้สึกหมดหวัง”
“หนีไป! เจ้าจะถูกมันฆ่าตาย!” กู่หว่านเอ๋อตะโกนขึ้นมา คลื่นกระแทกนับไม่ถ้วนถูกปลดปล่อยจากการต่อสู้ของหานเซิ่นกับปีศาจสีเลือด แต่บริเวณรถม้านั้นไม่ได้รับความเสียหายอะไร ดูเหมือนว่ามันจะมีพลังบางอย่างที่คอยปกป้องพาหนะนี้เอาไว้ เมื่อไหร่ก็ตามที่คลื่นกระแทกซัดมาถึงรถม้า มันก็จะสลายไป
หานเซิ่นเองก็อยากจะหนีไปเช่นกัน แต่เขาไม่สามารถทำได้ แม้แต่การเทเลพอร์ตหนีก็เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ เขายังคงได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของเจ้าปีศาจ และมันยังมีพลังที่ปิดกั้นดาวดวงนี้เอาไว้อีก การเข้ามาเป็นเรื่องง่าย แต่การจะออกไปจำเป็นต้องฝ่าระบบป้องกันไป แม้แต่ความสามารถในการเทเลพอร์ตก็ไม่สามารถหนีออกไปได้
พลังของมีดปีศาจสีเลือดเป็นอะไรที่แปลกประหลาด ไม่ว่าหานเซิ่นจะทำอะไร สุดท้ายแล้วเขาก็จะถูกฟันอยู่ดี
เรื่องดีอย่างเดียวของสถานการณ์นี้คือการที่พลังของปีศาจสีเลือดไม่สามารถฆ่าเขาในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ถ้ามันแข็งแกร่งมากกว่านี้อีกสักนิด เขาก็คงจะถูกฆ่าตายก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้ทำอะไร
ร่างกายของหานเซิ่นถูกฟันอีกครั้ง และเขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บได้ยังไง การฟันนั้นเกือบจะตัดแขนออกจากไหล่ของเขา
ทันใดนั้นร่างกายของหานเซิ่นก็เริ่มเรืองแสงเลือด เกล็ดสีดำงอกขึ้นบนผิวของเขาอย่างบ้าคลั่งและพยายามงอกผ่านชุดเกราะของเขาออกมา ไม่กี่วินาทีต่อมาเกล็ดก็ห่อหุ้มรอบๆร่างกายของเขาผ่านชุดเกราะ
ก่อนที่หานเซิ่นจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็รู้สึกได้ถึงการสั่นไหวของพื้น แสงสีเลือดพุ่งลงมาจากอวกาศ และตอนนี้มันมาเรืองแสงอยู่ตรงหน้าของหานเซิ่น มันคือปะการังโลหิตประหลาดที่ดูเหมือนกับมังกร
ตอนที่ 2760
“ผู้อาวุโสของเวรี่ไฮผนึกปะการังโลหิตเอาไว้แล้วไม่ใช่หรอ? ทำไมตอนนี้มันถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
หานเซิ่นจ้องมองไปที่ปะการังโลหิตด้วยความประหลาดใจ เขาใช้ลูกบาศก์สี่แกะเพื่อมาที่นี่ แบบนั้นปะการังโลหิตที่ถูกปิดผนึกจะมาถึงที่นี่ได้ยังไง? ขณะที่หานเซิ่นกำลังพยายามทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แขนซ้ายของเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว มันเหมือนกับว่าเลือดในแขนของเขากำลังขับเคลื่อนกล้ามเนื้อไปข้างหน้า สมองของหานเซิ่นไม่ได้สั่งให้แขนขยับ แต่ถึงอย่างนั้นมือของเขาก็เอื้อมไปจับปะการังโลหิตอยู่ดี
หานเซิ่นมองไปที่มือตัวเองอย่างตกตะลึง แต่เขาไม่สามารถหยุดมันได้ มือซ้ายของเขาจับปะการังโลหิตตรงส่วนที่ดูเหมือนกับหัวของมังกร
“ยอดฝีมือของเซเคร็ดคนนั้นคงไม่ได้คิดจะใช้ร่างกายของเราเพื่อเกิดใหม่จริงๆหรอกใช่ไหม?” หานเซิ่นสงสัย หลังจากนั้นร่างกายและปะการังโลหิตก็เริ่มเรืองแสงสีแดงออกมา
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือเรื่องที่เขาสูญเสียการควบคุมร่างกายตัวเองไปในตอนที่เป็นจังหวะคอขาดบาดตาย เจ้าปีศาจยังคงเข้ามาหาเขา มันกำลังจะฆ่าเขา
‘พี่ชาย ฉันเข้าใจว่านายพยายามจะเข้าครอบงำร่างกายของฉัน แต่เลื่อนมันไปอีกเดี๋ยวไม่ได้หรอ? ตอนนี้มันเป็นเวลาที่ไม่เหมาะ’
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง แต่หลังจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าปีศาจสีเลือดหยุดเคลื่อนที่ มันยืนห่างออกไปพอสมควรและมองมาที่หานเซิ่นด้วยท่าทางสับสน
ตูม!
แสงสีเลือดพลุ่งพล่านจากร่างกายของหานเซิ่น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปตรงกันข้ามกับที่หานเซิ่นคาดคิด แทนที่จะเปลี่ยนแปลงร่างกายของเขา แสงสีเลือดกลับออกมาจากร่างของหานเซิ่นและมุ่งหน้าไปที่ปะการังโลหิตในมือของเขา
แสงสีเลือดหายเข้าไปในปะการังโลหิต และเกล็ดสีดำของหานเซิ่นก็เริ่มจะเบาบางลงไป มันดูเหมือนว่าเขากำลังวิวัฒนาการย้อนกลับ
“เกิดอะไรขึ้น? มันไม่ได้จะครอบงำร่างกายของเราหรอกหรอ? นี่มันกำลังจะดูดเราจนแห้งหรือยังไง?”
หานเซิ่นมองปะการังโลหิตที่เริ่มจะเปลี่ยนแปลงขณะที่ดูดซับแสงสีเลือดที่ออกมาจากร่างกายของหานเซิ่น แต่น่าแปลกที่หลังจากนั้นปะการังโลหิตก็เริ่มจะสูญเสียรูปลักษณ์ของมังกรไป และตอนนี้มันก็เริ่มจะมีรูปร่างเหมือนมนุษย์
ไม่ มันกำลังจะเปลี่ยนไปเป็นรูปร่างของมนุษย์จริงๆ หัวของมังกรกลายเป็นหัวของมนุษย์ และแขนของมนุษย์ก็งอกออกมาจากร่างกาย แต่ทว่าหางนั้นยังคงดูเหมือนเดิม
ขณะที่ปะการังโลหิตเปลี่ยนแปลง เกล็ดสีดำของหานเซิ่นก็หายไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาอันสั้นหานเซิ่นก็กลับมาดูเหมือนปกติอีกครั้ง ดูเหมือนกับว่าบางสิ่งถูกดึงออกไปจากร่างกายของเขา
“เดี๋ยวก่อนนะ รูปร่างของปะการังโลหิตเริ่มจะดูคุ้นๆ… แอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ นี่มันแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้หนิ?”
หานเซิ่นใช้เวลาอยู่เป็นนาที แต่ในที่สุดเขาก็รู้สึกตัวว่าทำไมรูปร่างครึ่งมนุษย์ครึ่งมังกรของปะการังโลหิตถึงได้ดูคุ้นนัก
ตอนนี้ปะการังโลหิตมีหัวของมนุษย์และหางของมังกร เกล็ดปกคลุมทั่วร่างกายและบนหัวของเธอก็มีเขางอกออกมา แอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้คือสิ่งมีชีวิตที่ถูกวาดลงบนหลังของเขาเมื่อนานมาแล้ว แต่แอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้บนหลังของเขามีเกล็ดสีเงิน ขณะที่แอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้มีเกล็ดสีแดง
‘ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมปะการังโลหิตถึงได้ตามเรามา ที่แท้มันก็เป็นเพราะรอยสักของแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ ถ้าแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้คือเจ้าของปะการังโลหิตนี่ แบบนั้นก็หมายความว่าเธอคิดจะใช้ภาพวาดของแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้บนหลังของเราเพื่อเกิดใหม่ จริงๆแล้วมันไม่ได้พยายามจะครอบงำร่างกายของเราเลยเลยสักนิด’ หานเซิ่นคิดและพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ได้เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าการคาดเดาของตัวเองนั้นเข้าใกล้ความเป็นจริงแล้ว
ในตอนที่เกล็ดสีดำบนร่างกายของหานเซิ่นหายไปจนหมด ปะการังโลหิตก็กลายเป็นแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ ร่างกายของเธอลอยอยู่ในอากาศ ขณะที่ดวงตาของเธอปิดอยู่ เธอดูเหมือนกับรูปปั้น
“เซเคร็ดส่งแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้มาช่วยเผ่าเวรี่ไฮ ตอนนี้ทุกอย่างถูกอธิบายแล้ว”
ร่างกายของหานเซิ่นกลับมาเป็นอิสระอีกครั้งหนึ่ง เขามองไปที่แอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ในอากาศ แต่เขาไม่รู้ว่านี่ถือเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย
ปีศาจสีเลือดไม่ได้มีความอดทนเหมือนหานเซิ่น เมื่อมันเห็นแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ลอยตัวอยู่ในอากาศราวกับรูปปั้นที่ไม่มีชีวิต เพลิงสีเลือดของมันก็ระเบิดออกมา มีดแสงถูกปล่อยออกไปเพื่อจู่โจมแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้
“ระวัง!” หานเซิ่นตะโกน แต่ดูเหมือนว่าแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ยังไม่ตื่นขึ้นมา ดังนั้นหานเซิ่นจึงใช้พลังบางส่วนในการตะโกนเพื่อพยายามจะปลุกแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้
เขาไม่รู้ว่าแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้เป็นมิตรหรือศัตรู แต่เจ้าปีศาจสีเลือดเป็นศัตรูอย่างแน่นอน ดังนั้นศัตรูของศัตรูก็คือมิตรของเขา ในตอนนี้หานเซิ่นหวังว่าแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้จะไม่ถูกฆ่าตายซะก่อนที่เธอจะตื่นขึ้นมา
มีดแสงสีเลือดพุ่งเข้ามาหาแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ แต่ดวงตาของเธอยังคงปิดสนิท เธอไม่ตอบสนองใดๆต่อพลังทำลายล้างที่กำลังเข้ามา
หานเซิ่นรู้ว่ามีดแสงนั้นน่ากลัวขนาดไหน มันเป็นการโจมตีที่ไม่สามารถป้องกันได้ ถ้าแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ถูกมันเข้า มันก็บอกไม่ได้ว่าเธอจะทนการโจมตีนั้นได้หรือไม่
ในตอนที่มีดแสงกำลังจะมาถึงตัว ในที่สุดแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ก็ลืมตาขึ้นมา หานเซิ่นไม่เคยเห็นดวงตาที่เหมือนกับของเธอมาก่อน มันเหมือนกับว่าดวงดาวมากมายกำลังหมุนวนอยู่ภายในนั้น พวกมันเป็นเหมือนกับท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง เพียงแค่มองเข้าไปในดวงตานั้นก็มากพอที่จะทำให้คนส่วนใหญ่ถูกพิชิตด้วยความบริสุทธิ์และความยิ่งใหญ่ของพวกมัน
“ดวงตาของเธอคือบ้านชั่วนิรันดร์” หานเซิ่นเคยได้ยินคำพูดที่โรแมนติกแบบนั้นมาก่อน แต่เขาไม่เคยเข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร จนกระทั่งตอนนี้ การมองเข้าไปในดวงตาของแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้นั้นทำให้หานเซิ่นได้เข้าใจ
แอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ลืมตาขึ้นมามองปีศาจสีเลือดอย่างใจเย็น ขณะที่มีดแสงมาถึงตัว เธอก็ยกแขนขึ้นมา นิ้วของเธอที่ดูเหมือนกับหยกชี้ออกไปข้างหน้า
ตูม!
ลำแสงที่บางเหมือนกับปากกาพุ่งออกไปจากนิ้วของเธอ พลังของมันทำลายมีดแสงสีเลือดและเงาของเจ้าปีศาจ มีดเทพถูกลำแสงนั่นและกระเด็นไปกระแทกกับพื้นจนเกิดเป็นรู มันจมลงไปในพื้นลึกขนาดไหนนั้นไม่มีใครรู้
“แข็งแกร่งจริงๆ” หานเซิ่นตกใจ มีดเทพนั่นเป็นซีโน่เจเนอิคที่ประหลาด และมันคงจะเป็นขั้นลาร์วาหรือไม่ก็สูงยิ่งกว่านั้น มันจึงยากจะหยั่งถึงได้ว่าทางด้านแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้นั้นแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกัน
มีดเทพดูเหมือนจะค่อนข้างทนทาน ถึงแม้เงาเพลิงสีเลือดที่ปกคลุมมันอยู่จะถูกทำลายไป แต่ตัวใบมีดดูจะไม่ได้รับความเสียหายอะไร
ในชั่วพริบตามีดเทพก็กลับขึ้นมาจากรู และเปลวเพลิงสีเลือดก็ลุกโชติช่วงยิ่งกว่าเดิม มันสร้างเงาปีศาจสีเลือดขึ้นมาอีกครั้งและฟันเข้าใส่แอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้
แอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ไม่ได้ขยับไปไหน เธอยกนิ้วมือขึ้นและทำลายเงาเพลิงสีเลือดที่ห้อมล้อมมีดเทพอีกครั้งหนึ่ง
มีดเทพสร้างเปลวเพลิงสีเลือดขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่แอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ก็ปัดเป่าพวกมันทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย มันทำให้เลือดของหานเซิ่นเดือดขึ้นมา
“นี่คือตัวอย่างของพลังที่แท้จริง ไม่แปลกใจเลยที่แอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้จะบังคับให้ผู้คนที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าพวกนั้นถอยออกไปได้ เธอแข็งแกร่งจริงๆ”
หานเซิ่นมองมีดเทพที่ยังคงพยายามจะโจมตีใส่แอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ให้ได้ เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้นมา “พี่สาวดราก้อนเลดี้ ได้โปรดระเบิดมีดนั่น!”
ปัง!
มีดเทพถูกแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้โจมตีใส่อีกครั้ง มันกระเด็นออกไปไกลหลายไมล์ และหนึ่งนาทีหลังจากนั้นมันก็บินกลับมาพร้อมกับเพลิงสีเลือดที่น่ากลัว มันยังไม่คิดจะยอมแพ้
หานเซิ่นคิดจะเชียร์แอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ต่อไป แต่จู่ๆร่างกายของแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ก็ชะงักไป ทันใดนั้นเธอก็ร่วงลงมาจากฟ้าและตกลงใกล้ๆกับหานเซิ่น พร้อมกับกลายเป็นปะการังโลหิตอีกครั้ง
ดวงตาของหานเซิ่นเบิกกว้าง เขากำลังจะตะโกนเชียร์ แต่ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะทำแบบนั้น เขามองไปที่ปีศาจสีเลือดซึ่งๆหน้า บรรยากาศนั้นเงียบสงัดและตรึงเครียดขึ้นมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น