Super God Gene 2740-2746
ตอนที่ 2740
ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่ากำแพงโบราณจะเป็นสถานที่ที่ลึกลับ แต่น่าประหลาดใจที่มันเป็นแค่กำแพงธรรมดาที่อยู่บนภูเขา นอกจากภาพวาดที่อยู่บนกำแพงแล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
ภาพบนกำแพงนั้นเป็นอะไรที่แปลกประหลาด หานเซิ่นต้องผ่านระบบป้องกันหลายชั้นก่อนที่เขาจะมาถึงที่นี่ แต่ถ้าพวกเขาไม่ได้ผ่านระบบป้องกันเข้าไป หานเซิ่นก็คงจะคิดว่าภาพพวกนี้เป็นสิ่งที่ถูกวาดโดยจิตรกรธรรมดาๆมากกว่าจะเป็นยอดฝีมือจากโบราณกาล
ในตอนที่พวกเขามาถึงกำแพงโบราณ หานเซิ่นก็เห็นว่ามีเวรี่ไฮหลายคนอยู่ที่นี้ บางคนกำลังนั่ง บางคนกำลังยืน บางคนจ้องไปที่กำแพงและบางคนลดหัวลงต่ำอย่างครุ่นคิด มันดูเหมือนกับว่าพวกเขาทุกคนกำลังพยายามจะสัมผัสบางสิ่งจากภาพวาดบนกำแพง
เวรี่ไฮบางคนที่อยู่ที่นี่เป็นบุคคลที่น่ากลัวมากๆ แม้แต่ในหมู่เผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาก็จะถือว่าเป็นยอดฝีมือชั้นสูง
หานเซิ่นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เอ็กซ์ควิสิททำท่าทางบอกให้เขาเงียบๆ หลังจากนั้นเธอก็บอกให้เขามองไปที่รูปภาพ
เมื่อหานเซิ่นเห็นว่าเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อมองเวรี่ไฮรอบๆอย่างระมัดระวัง เขาก็รู้สึกตัวว่าพวกเธอพยายามจะไม่ไปรบกวนคนอื่น
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขาแค่เคลื่อนที่เข้าไปเพื่อดูภาพบนกำแพง เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋ออยู่ข้างๆเขาและมองไปที่กำแพงเช่นเดียวกัน
ขณะที่พวกเธอพยายามทำความเข้าใจภาพบนกำแพง พวกเธอก็ให้ความสนใจกับสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิด การที่เข้าถึงมุมมองของหานเซิ่นนั้นจะทำให้พวกเธอเรียนรู้ได้มากขึ้น
แต่ไม่ใช่ว่าพวกเธอใช้ประโยชน์จากหานเซิ่น เพราะยังไงซะถ้าเขาไม่ได้กลายเป็นตัวไหมของเผ่าเวรี่ไฮ เขาก็จะไม่มีวันได้เห็นภาพวาดบนกำแพงนี้ตั้งแต่แรก
ทั้งภูเขาถูกปกคลุมไปด้วยภาพวาด ซึ่งหมายความว่ามันมีอยู่มากมายเหนือจินตนาการ หานเซิ่นต้องการหาจุดเริ่มต้นของภาพ เมื่อเขาพบจุดเริ่มต้นแล้ว เขาก็จะตามภาพวาดขณะที่พวกมันดำเนินต่อไป
แต่หลังจากที่ค้นหาอยู่สักพัก เขาก็ยังไม่รู้ว่าภาพวาดนั้นเริ่มตรงไหน
งานศิลปะที่แปลกประหลาดนี้เป็นบางสิ่งที่หานเซิ่นไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียว ภาพศิลปะนามธรรมหลายภาพดูเหมือนจะมารวมเข้าด้วยกันเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งมันไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดจบ มันยากที่จะบอกได้ว่าพวกมันทั้งหมดหมายถึงอะไร ถ้าภาพวาดนี้ไม่ได้ไหลลื่นและสวยงาม หานเซิ่นก็คงจะคิดว่ามันเป็นภาพที่เด็กคนหนึ่งวาดขึ้นมั่วๆ
เอ็กซ์ควิสิทสัมผัสได้ถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิด เธอกระซิบบอกหานเซิ่น
“มันไม่มีใครรู้ว่าภาพนี้เริ่มต้นที่ตรงไหน และไม่มีใครรู้ว่าภาพวาดนี้หมายถึงอะไร เจ้าควรจะเริ่มต้นจากรอยขีดข่วนนี่ก่อน”
หานเซิ่นพยักหน้า เขาไม่พบเบาะแสอะไร ดังนั้นเขาจึงทำตามที่เอ็กซ์ควิสิทแนะนำ เขาโฟกัสไปที่รอยขีดข่วนบนหิน
จิตใจของหานเซิ่นไม่ได้ด้อยไปกว่ายอดฝีมือระดับเทพเจ้าทั่วๆไป หลังจากที่มองภาพวาดอยู่สักพัก หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่ามันถูกวาดขึ้นโดยนิ้วมือของคน พวกมันไม่ได้เป็นรอยที่เกิดขึ้นจากอาวุธ และพวกมันก็ไม่ได้สง่างามเหมือนกับการเขียนด้วยปากกาเช่นกัน มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ
ถึงแม้เขาจะไม่แน่ใจว่าจิตใจที่แฝงอยู่ในรูปภาพเป็นจิตใจแบบไหนกันแน่ แต่เขาก็รู้ว่าคนที่วาดภาพทั้งหมดนี้นั้นมีจิตใจที่แข็งแกร่ง จิตใจของหานเซิ่นเองก็ถือว่าแข็งแกร่งเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับจิตใจของคนที่วาดภาพนี้แล้ว จิตใจของหานเซิ่นถือว่าเรียบง่ายและมีระดับต่ำ
หานเซิ่นไม่ได้รีบร้อนที่จะทำความเข้าใจจิตใจที่แฝงอยู่ในรอยขีดข่วนนั้น ก่อนอื่นเขาอยากจะมองดูภาพวาดในภาพรวมซะก่อน หลังจากนั้นเขาก็จะค่อยๆตรวจดูแต่ละภาพถึงรายละเอียดของพวกมัน
แต่ไม่สำคัญว่าเขาจะพยายามมองดูและทำความเข้าใจมากสักแค่ไหน เขาก็ไม่เข้าใจอะไรเลย เขาไม่แม้แต่จะหาเบาะแสอะไรได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงกลับมาเริ่มต้นที่รอยขีดข่วนอีกครั้ง
“จิตใจในรอยขีดข่วนนี้ถูกทิ้งเอาไว้โดยเวรี่ไฮที่ใช้พลังในการการวาด ความหมายที่ถูกทิ้งเอาไว้ในภาพวาดและรอยขีดข่วนบนหินนั้นแตกต่างกัน การเปิดเผยความลับของภาพวาดคงจะไม่ช่วยให้เราเข้าใจจิตใจที่ถูกสลักเอาไว้ในหินนี่ แต่ในทางกลับกันมันไม่มีใครคาดหวังให้เราเปิดเผยความลับของภาพ ถ้าเราเข้าใจความหมายของรอยข่วนนี้ได้ การเดินทางมาในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่า”
หานเซิ่นสงบจิตใจและโฟกัสไปที่ทำความเข้าใจความหมายของรอยขีดข่วนบนหิน
ในตอนแรกรอยขีดข่วนนั้นมอบความประทับใจของเมฆที่เลื่อนลอยให้กับหานเซิ่น แต่เมื่อความเข้าใจในรอยขีดข่วนนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น มันก็ทำให้เขาคิดอย่างหยุดไม่ได้
มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับคนที่รักการอ่านหนังสือที่ค้นพบหนังสือที่น่าหลงใหล หานเซิ่นถูกดึงดูดและเขาไม่ต้องการจะปลีกตัวออกมาแม้แต่วินาทีเดียว เขาต้องการจะอ่านต่อและหาว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ความประทับใจที่สองที่เขาได้รับนั้นถูกบรรยายได้ด้วยคำว่า “ประหลาด” ทุกจิตใจมักจะมีธีมของมันอยู่ ยกตัวอย่างเช่นจิตของวิชาใต้นภาของหานเซิ่น ธีมของมันคือทุกสิ่งในจักรวาลเป็นเพียงแค่ตัวหมากรุกตัวหนึ่ง
แต่จิตใจในรูปภาพนี้เป็นอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ ถ้าเราจะบรรยายจิตใจของคนธรรมดาทั่วๆไป เราอาจจะบอกได้ว่ามันเหมือนกับต้นไม้ ภูเขาหรือแม่น้ำ แต่ถ้าสิ่งเหล่านั้นเป็นตัวแทนของจิตใจธรรมดาๆ จิตใจของภาพวาดนี้ก็เป็นเหมือนกับหางว่าวที่มีความยาวหนึ่งหมื่นไมล์
ทุกเส้นตรงและทุกเส้นโค้งมีจิตใจที่แตกต่างกัน ส่วนหนึ่งสามารถเป็นภูเขาหรือเป็นแม่น้ำ อีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นก้อนเมฆหรือเม็ดดิน ส่วนโค้งของภาพวาดสามารถเป็นดอกไม้ นก แมลงหรือแม้แต่ปลา การเปลี่ยนแปลงของจิตใจนั้นดึงดูดผู้ชมเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้พวกเขาไม่สามารถหยุดดูมันได้ ในก้าวๆเดียวหานเซิ่นเห็นภาพที่แตกต่างกันสามภาพ ทุกเส้นตรงและทุกเส้นโค้งเต็มไปด้วยความคิดที่มหัศจรรย์ มันทำให้เขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าภาพต่อไปจะเป็นอะไร
“ไม่แปลกใจเลยที่เอ็กซ์ควิสิทบอกว่าจิตใจของสิ่งมีชีวิตที่ได้มาที่กำแพงโบราณนี้จะได้รับการส่งเสริม จิตใจบนกำแพงนี่ดูเหมือนจะครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง” ถึงแม้หานเซิ่นจะได้เห็นมันกับตาตัวเอง มันก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างเหลือเชื่อ
หานเซิ่นสงสัยว่าบรรพบุรุษของเวรี่ไฮคนนี้ต้องเป็นอัจฉริยะขนาดไหนกันถึงสามารถวาดภาพทั้งหมดนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว
ถ้าเผ่าเวรี่ไฮไม่ได้ยืนยันว่าภาพบนกำแพงโบราณถูกวาดโดยคนๆเดียว หานเซิ่นก็คงจะคิดว่าภาพวาดทั้งหมดนี้เป็นผลงานของคนหลายคน เพราะคนๆหนึ่งจะมีจิตใจมากมายขนาดนี้ได้ยังไง? มันไม่สมเหตุสมผล
ถึงแม้หานเซิ่นจะมีสติปัญญาและความสามารถในการเรียนรู้ที่สูง แต่เขาก็เดินบนวิถีทางเดียวเท่านั้น เขาไม่สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในจักรวาลนี้
“ถ้าทั้งหมดนี่ถูกวาดโดยคนๆเดียว จิตใจของบรรพบุรุษคนนี้ก็ต้องสุดยอดมากๆ เขาคงจะต้องเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในจักรวาลนี้” หานเซิ่นพึมพำขณะที่ตรวจดูภาพวาด
หานเซิ่นยังคงวิเคราะห์ภาพวาดไปทีละภาพ ถึงแม้เขาจะไม่สามารถเรียนรู้พวกมันได้ทั้งหมด แต่เพียงแค่ได้สัมผัสจิตใจต่างๆของรูปภาพก็เป็นเรื่องดีแล้ว มันจะช่วยให้เขาทีมุมมองใหม่ๆ
ขณะที่หานเซิ่นทำการสังเกตต่อไป จู่ๆเขาก็รู้สึกตกใจ ขนบนผิวของเขาลุกขึ้นมา จิตใจนี้เป็นอะไรที่บิดเบี้ยวและแปลกประหลาด ขณะที่ทำการสังเกตรูปภาพ หานเซิ่นก็สัมผัสกับจิตใจมากเกินไปจนมันเริ่มสั่นคลอนศรัทธาของเขา
มันเหมือนกับนักศึกษาจบใหม่ที่ได้รับคำเชิญจากบริษัทใหญ่นับไม่ถ้วน หนึ่งในพวกเขาบอกว่า “มาเป็นทนายความที่บริษัทของฉัน การเป็นทนายความมีประโยชน์มากมาย นายจะได้รับเงินจำนวนมาก” อีกบริษัทบอกว่า “มาเป็นหมอในบริษัทของฉัน การเป็นหมอจะทำให้นายโด่งดัง และชื่อเสียงของนายจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด”
ทุกบริษัทบอกว่าบริษัทของพวกเขาดีที่สุด และทุกบริษัทก็ดูน่าดึงดูดทั้งนั้น สำหรับนักศึกษาที่เพิ่งรับปริญญาแล้ว การถูกดึงดูดจากทุกทิศทุกทางทำให้พวกเขาหลงทาง
ตอนที่ 2741
ถ้าคนๆนั้นไม่ได้มีจิตใจที่มั่นคงมากๆ พวกเขาก็จะหลงทางโดยไม่รู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ในกรณีนี้การหลงทางไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย ในเวลาที่ผู้คนไม่มั่นใจว่าจะเดินไปในเส้นทางไหนในชีวิต พวกเขาสามารถหลงไปกับภาพวาดและเลือกจิตใจหนึ่งเพื่อตอบสนองจุดหมาย สำหรับผู้คนที่ยังไม่ได้เลือกเส้นทางของตัวเอง การหาจิตใจในรูปภาพนั้นจะช่วยเหลือพวกเขาในอนาคต
แต่หานเซิ่นนั้นต่างออกไป เขามีเส้นทางของตัวเองเรียบร้อยแล้ว และถ้าเขาปล่อยให้จิตใจของภาพวาดเข้ามาส่งอิทธิพลต่อจิตใจของเขา เขาก็อาจจะหลงทาง
หานเซิ่นบังคับให้ตัวเองหลับตาลงและหนีจากจิตใจเหล่านั้น แต่จิตใจทั้งหมดยังคงพยายามจะดึงดูดให้เขามองไปที่รูปภาพ
โชคดีที่หานเซิ่นมีจิตใจที่มั่นคงมากๆ เขาสามารถละสายตาจากกำแพง เขาค่อยๆบรรเทาจิตใจของตัวเอง
“การมีความสามารถที่จะหันหนีจากกำแพงโบราณนั้นพิสูจน์ว่าจิตใจของเจ้าไม่เลว” เสียงดังขึ้นด้านข้างของหานเซิ่น
หานเซิ่นลืมตาขึ้นมาและหันตามเสียงนั้นไป เขาเห็นชายวัยกลางคนกำลังนั่งอยู่บนก้อนหิน ชายคนนั้นกำลังมองมาทางหานเซิ่น
ชายวัยกลางมีรูปลักษณ์และเสื้อผ้าที่ดูธรรมดามากๆ แต่มันมีบางสิ่งเกี่ยวกับเขาที่ดึงดูดความสนใจของหานเซิ่น
“กำลังพูดกับข้าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสบสัน เขาไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใคร หานเซิ่นหลงใหลในรูปภาพจนเขาเดินมาค่อนข้างไกล เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋ออยู่ด้านหลังเขาไปไกลพอสมควร ดังนั้นมันไม่มีใครคนอื่นที่ชายคนนี้จะพูดด้วยได้
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อถูกดึงดูดโดยจิตใจบนกำแพงจนไม่ได้ให้ความสนใจอะไรอย่างอื่น ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ได้สังเกตว่าชายคนนั้นพูดกับหานเซิ่น
ชายวัยกลางคนหัวเราะและพูด “นอกจากเจ้าแล้ว ข้าไม่คิดว่าจะมีใครคนอื่นมาจนถึงที่นี่ในครั้งแรก”
“นั่นก็ใช่ เพราะยังไงซะอัจฉริยะอย่างข้าก็ถือว่าหาตัวได้ยาก” หานเซิ่นพูดขณะที่ยิ้ม
ชายวัยกลางคนดูประหลาดใจ แต่รอยยิ้มของเขากว้างขึ้น เขาก้าวลงจากก้อนหินและมายืนข้างๆหานเซิ่น โดยหันหน้าไปหากำแพงโบราณ
“เวรี่ไฮนั้นจะสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่าง ถึงแม้ธรรมชาติของจักรวาลนี้จะซับซ้อนและละเอียดอ่อนมากๆ พวกเราก็สัมผัสได้ถึงหัวใจของทุกๆสิ่ง แต่ทว่ากำแพงโบราณนี้อยู่ที่นี่มาเป็นพันล้านปีโดยไม่มีใครเข้าใจถึงความลับของมัน เจ้ารู้ไหมว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น?”
“ข้าไม่รู้” หานเซิ่นตอบอย่างรวดเร็ว ถ้าเขาไม่รู้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะเสแสร้งว่ารู้
ชายวัยกลางคนพยักหน้าเมื่อเขาได้ยินคำตอบของหานเซิ่น เขามองไปที่กำแพงโบราณและชี้ไปที่จุดๆหนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“เหตุผลที่ไม่มีใครเข้าใจความลับของมันก็เพราะนี่”
หานเซิ่นมองไปยังตำแหน่งที่ชายวัยกลางคนชี้ออกไปและเห็นสัญลักษณ์หนึ่งที่ซ่อนอยู่ในรูปภาพ มันมีดวงตาสามเหลี่ยมอยู่ที่ใจกลางของสัญลักษณ์นั้น และรูม่านตาก็ดูเหมือนกับหยินหยาง
“นี่คือเนตรเวรี่ไฮ?” หานเซิ่นถามด้วยความแปลกใจ
ชายวัยกลางคนพยักหน้าและพูด “ภาพวาดทั้งหมดนี้แปลกประหลาด ไม่มีใครบอกได้ว่ามันพยายามจะพรรณนาถึงอะไร จุดนี่เป็นจุดเดียวที่ภาพวาดนั้นชัดเจน และมันแสดงถึงอะไรน่ะหรอ? มันแสดงถึงเนตรเวรี่ไฮของเผ่าเวรี่ไฮ ทุกคนเข้าใจในเรื่องนี้ แต่ไม่มีใครบอกได้ว่าทำไมเนตรเวรี่ไฮถึงถูกวาดเอาไว้ที่นี่ และไม่มีใครรู้ว่ามันเชื่อมโยงยังไงกับภาพวาดที่เหลือ เจ้าควรจะใช้นี่เป็นจุดเริ่มต้น แต่ไม่มีใครเข้าใจว่าแท้จริงแล้วมันหมายถึงอะไร”
หานเซิ่นมองไปที่เนตรเวรี่ไฮและภาพวาดที่เหลือรอบๆ เขาเองก็คิดว่าการวาดนี้เป็นอะไรที่แปลกมากๆ และเขาก็ไม่สามารถจินตนาการได้ว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่ แต่ยังไงซะมันก็ไม่มีใครบอกเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเนตรเวรี่ไฮและส่วนที่เหลือของภาพวาดได้อยู่แล้ว
ชายวัยกลางคนละสายตาจากกำแพงโบราณและหันมาพูดกับหานเซิ่น
“ถึงแม้จะไม่มีใครเข้าใจความลับเบื้องหลังของภาพวาดนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะเรียนรู้อะไรจากมันไม่ได้ เนตรเวรี่ไฮในภาพวาดนี้เป็นอะไรที่พิเศษมากๆ ความหมายของมันต่างจากส่วนอื่นของภาพวาดโดยสิ้นเชิง ถ้าเจ้าสังเกตมันดีๆ เจ้าอาจจะได้เรียนรู้อะไรอย่างสองอย่าง”
“หมายความว่ายังไงที่บอกว่ามันพิเศษน่ะ?”
หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าชายวัยกลางคนหมายความว่ายังไง เนื่องจากจิตใจของภาพวาดนี้เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ทุกเส้นในภาพวาดที่กว้างใหญ่นี้จึงต่างกันออกไป แบบนั้นแล้วคนๆหนึ่งจะมองไปที่จุดๆหนึ่งของภาพและกล่าวอ้างว่ามันพิเศษได้ยังไง
ชายวัยกลางคนเงียบไป หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “บรรพบุรุษของพวกเราคนนี้เป็นอัจฉริยะที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์จนถึงขีดสุด เขาสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาวาดภาพที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ ถึงแม้จิตใจภายในภาพวาดนี้ดูเหมือนจะเป็นอะไรก็ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่มันก็ถูกสร้างขึ้นโดยการใช้เวรี่ไฮเซ้นส์ จิตใจนี้มาจากความสามารถพิเศษที่รู้จักกันในชื่อเวรี่ไฮฟอร์เก็ตเลิฟ บิ๊กเลิฟและเลิฟเลสส์ จิตใจของภาพวาดนี้ทรงพลังและแฝงอารมณ์ที่หลากหลาย แต่มันไม่ได้รวมถึงอารมณ์ของผู้วาด มีเพียงแค่เนตรเวรี่ไฮที่แตกต่างออกไป มันถูกวาดโดยอารมณ์ที่มาจากบรรพบุรุษคนนั้นโดยตรง”
“มันเป็นความรู้สึกแบบไหนกัน?” หานเซิ่นถามด้วยความอยากรู้
ถ้าเวรี่ไฮคนนั้นฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์จนถึงขั้นทรูก็อต เวรี่ไฮคนนั้นก็คงจะต้องเข้าใกล้การเป็นหนึ่งกับจักรวาล แม้แต่เอ็กซ์ควิสิทก็แทบจะไร้ความรู้สึก ซึ่งชายคนนี้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ในระดับที่เหนือมาก หานเซิ่นไม่สามารถจินตนาการได้ว่าอารมณ์แบบไหนกันที่ผู้ชายคนนั้นจะรู้สึกได้ เขาอาจจะไร้ความรู้สึกอย่างสมบูรณ์
ถ้าชายคนนั้นยังมีความรู้สึกอยู่อีก นั่นก็จะทำให้หานเซิ่นตกใจอย่างมาก
“ข้าบอกเจ้าไม่ได้ ถ้าเจ้าอยากรู้ เจ้าก็ควรจะมองดูมันด้วยตัวเอง” ชายวัยกลางคนพูดพร้อมกับหัวเราะ
ความอยากรู้อยากเห็นของหานเซิ่นถูกกระตุ้น เขาต้องการจะตรวจดูจิตใจของเนตรเวรี่ไฮนี่
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหันกลับไปเพื่อจะถามชายวัยกลางคน
“ข้าขอถามชื่อผู้อาวุโสหน่อยได้ไหม?”
หานเซิ่นสันนิษฐานว่าชายคนนี้คงจะไม่ได้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ แต่ถึงเขาจะไม่ได้ฝึก คนของเวรี่ไฮก็สามารถฝึกวิชาจีโนระดับสูงอื่นๆได้ เวรี่ไฮมียอดฝีมืออยู่มากมาย พวกเขาสามารถฝึกวิชาใหม่ได้ดีไม่น้อยกว่าที่พวกที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์
“หลี่จื่อ” ชายวัยกลางคนตอบอย่างเป็นกันเอง ดูเหมือนเขาไม่ได้รังเกลียดอะไรที่จะบอกชื่อของตัวเองกับหานเซิ่น
“ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำ” หานเซิ่นโค้งคำนับและหันความสนใจกลับไปที่เนตรเวรี่ไฮ
ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นมองดูมัน เขาก็สัมผัสได้ว่าจิตใจของมันแตกต่างจากส่วนอื่นของภาพวาดจริงๆ เมื่อหานเซิ่นรู้สึกตัวแบบนั้น เขาก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงไม่ได้สังเกตเรื่องนี้ มันมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างความหมายของเนตรเวรี่ไฮและส่วนอื่นๆของภาพวาด
หานเซิ่นจ้องมองไปที่เนตรเวรี่ไฮ ร่างกายของเขาหยุดนิ่งโดยสมบูรณ์ เขาหยุดนิ่งจนดูเหมือนกับว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของภูมิประเทศ เขาไม่แม้แต่จะกระพริบตา
ไม่นานหลังจากนั้น จู่ๆน้ำตาก็เริ่มไหลออกมาจากดวงตาของหานเซิ่น แต่เขายังคงไม่ขยับเขยื้อน เขาจ้องไปที่เนตรเวรี่ไฮ ขณะที่น้ำตาไหลลงมาบนแก้มของเขา น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆจนเปียกใบหน้าและเสื้อผ้าของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงมองไปที่เนตรเวรี่ไฮโดยไม่กระพริบตา
หลังจากนั้นน้ำตาของหานเซิ่นก็ดูเหมือนจะแห้งเหือดไป ต่อมาดวงตาของเขาก็เริ่มจะมีเลือดไหล น้ำตาสีเลือดไหลลงมาบนแก้มของเขา
ตอนที่ 2742
ความโศกเคร้าเข้าครอบงำหานเซิ่น ถึงแม้หานเซิ่นจะรู้ว่าอารมณ์ความรู้สึกนั้นไม่ใช่ของตัวเอง แต่มันก็ฝังลึกเข้าไปภายในตัวของเขา ความเศร้าโศกนั้นกว้างใหญ่ราวกับแม่น้ำ ความรู้สึกนั้นส่งผลกระทบต่อหานเซิ่นอย่างลึกซึ้ง ความโศกเศร้านั้นชัดเจน แต่มันไม่ใช่อารมณ์ที่รุนแรงหรือรุ่มร้อน มันไม่ได้เป็นความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนในครอบครัว และมันก็ไม่ได้เป็นความผิดหวังจากการถูกทรยศโดยคนที่รัก มันแค่เป็นความรู้สึกอ่อนๆในอกของหานเซิ่น มันอ่อนซะจนหานเซิ่นแทบจะสัมผัสถึงมันไม่ได้
แต่ความเศร้าแบบนี้เป็นอะไรที่ทรงพลัง มันทำให้หานเซิ่นต้องร้องไห้ออกมา เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเอง และเขาไม่สามารถละสายตาไปจากเนตรเวรี่ไฮได้ เขาแค่ยืนอยู่ตรงหน้ากำแพงหินและจ้องมองมันขณะที่ดวงตามีเลือดไหลออกมา
หานเซิ่นรู้ว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เลือดในร่างกายของเขาจะแห้งเหือดและเขาจะต้องตาย แต่เขาไม่สามารถขยับตัวเองเพื่อออกไปจากภาพที่แสนเศร้านั้นได้
สำหรับเวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์จนถึงระดับปานกลาง การจะสื่ออารมณ์ความรู้สึกออกมาโดยภาพวาดนั้นเป็นอะไรที่ยากมากแล้ว แต่เวรี่ไฮที่วาดภาพนี้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์จึงถึงระดับสูงสุด มันน่าสับสนที่จะได้เห็นความโศกเศร้ามากขนาดนี้ผ่านงานศิลปะชิ้นนี้
‘ทำไมเวรี่ไฮคนนี้ถึงมีความรู้สึกโศกเศร้ามากขนาดนี้? เขาเป็นถึงระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต เขาอยู่บนจุดสูงสุดของพีระมิดระดับพลัง อะไรกันที่ทำให้เขาเศร้าโศกแบบนี้?’ หานเซิ่นคิด
“เวรี่ไฮคนนี้ทิ้งภาพวาดทั้งหมดเอาไว้ ก่อนที่เขาจะไปที่จีโนฮอลลฺ นี่ความโศกเศร้าของเขาเกี่ยวข้องกับจีโนฮอลล์อย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นพยายามคิดเกี่ยวกับมัน แต่เขาไม่สามารถหาข้อสรุปได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถกำจัดความเศร้าโศกนี้ไปได้ ถึงแม้เขาจะมีจิตใจที่แข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่สามารถดึงสายตาไปจากภาพวาดได้
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อจดจ่อกับกำแพงโบราณตั้งแต่ที่พวกเธอมาถึงที่นี้ ดังนั้นพวกเธอจึงเมินเฉยต่อความรู้สึกที่หานเซิ่นส่งให้กับพวกเธอ
แต่ทว่าความโศกเศร้านี้มันรุนแรงเกินกว่าที่จะเพิกเฉยได้ ดังนั้นเมื่อมันส่งไปถึงพวกเธอ มันก็ดึงเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อออกมาจากจิตใจของกำแพงโบราณ พวกเธอได้รับผลกระทบจากความโศกเศร้านั้นไปด้วย และไม่นานก็มีน้ำตาไหลลงมาบนแก้มของพวกเธอ
ทันใดนั้นใบหน้าของเอ็กซ์ควิสิทก็ซีดไป เธอเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
“โอ้ไม่นะ! หานเซิ่นกำลังเห็นเนตรเวรี่ไฮของกำแพงโบราณ”
หลี่เคอเอ๋อเองก็รู้สึกตัวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าของเธอดูซีดเซียวและมีน้ำตาสีเลือดไหลออกมาจากดวงตาของเธอ
“เขากระตุ้นจิตใจของเนตรเวรี่ไฮได้ยังไง? ข้าคิดว่ามีแค่เวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์เท่านั้นที่จะทำได้ซะอีก”
“ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ได้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ แต่วิชามีดใต้นภาของเขาดูเหมือนกับสกายแอนท์บีอิ้งคอมบิเนชั่น มันคล้ายคลึงกับเวรี่ไฮเซ้นส์ บางทีนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขากระตุ้นจิตใจของเนตรเวรี่ไฮ… แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงเรื่องนั้น พวกเราต้องรีบหาทางดึงหานเซิ่นออกมาจากจิตใจนั่น ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ใช่แค่คนเดียวที่ได้รับความเสียหายจากจิตใจนั่น”
ดวงตาของเอ็กซ์ควิสิทเต็มไปด้วยเลือด และมันเกือบจะไหลลงมาบนใบหน้าของเธอ
“พวกเราจะดึงเขาออกมาได้ยังไง? เนตรเวรี่ไฮบนกำแพงโบราณไม่ใช่ของเล่นๆ ถึงแม้พวกเราจะเคลื่อนย้ายร่างกายของเขาออกมา พวกเราก็หยุดพลังจิตใจของเนตรเวรี่ไฮไม่ได้ และถ้าพวกเราเคลื่อนย้ายเขาไป เขาก็อาจจะถูกกลืนกินโดยจิตใจนั่น พี่จำเรื่องเล่านั้นไม่ได้หรอ?” หลี่เคอเอ๋อพูด
เอ็กซ์ควิสิทไม่ตอบ เธอรู้ว่าหลี่เคอเอ๋อหมายถึงอะไร ใครก็ตามที่กระตุ้นจิตใจของเนตรเวรี่ไฮนั้นต้องเอาตัวรอดเอง ถ้าพวกเขารอดจากมันได้ ความเชี่ยวชาญในเวรี่ไฮเซ้นส์ของพวกเขาก็จะเพิ่มสูงขึ้น แต่ถ้าพวกเขาล้มเหลว จิตใจของพวกเขาก็จะถูกทำลายด้วยความโศกเศร้านั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะฟื้นตัวจากมัน พวกเขาอาจจะไม่สามารถเลื่อนระดับได้อีกต่อไป
บางคนเสียชีวิตจากการมองเนตรเวรี่ไฮของกำแพงโบราณ และไม่มีใครสามารถช่วยพวกเขาได้
เรื่องเล่าคือสิ่งหนึ่ง แต่การเผชิญหน้ากับภัยอันตรายในชีวิตจริงเป็นบางสิ่งที่ต่างออกไป ถ้าพวกเธอไม่สามารถคิดหาหนทางทำอะไรได้ จิตใจของพวกเธอก็อาจจะได้รับความเสียหายจากสิ่งที่หานเซิ่นกำลังประสบไปด้วย พวกเธออาจจะไม่ตาย แต่พวกเธอจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก ในอดีตมีผู้อาวุโสของเวรี่ไฮหลายคนที่ถูกทำร้ายโดยจิตใจของเนตรเวรี่ไฮบนกำแพงโบราณ พวกเธอทั้งสองไม่คิดว่าตัวเองจะดีไปกว่าผู้อาวุโสเหล่านั้น แถมพวกเธอยังไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้าด้วยซ้ำ
พวกเธอทั้งคู่พยายามจะเดินไปหาหานเซิ่น แต่ขณะที่พวกเธอเข้าไปใกล้ พวกเธอก็ถูกครอบงำโดยอารมณ์ความรู้สึกของกำแพงโบราณ พวกเธอยืนนิ่งขณะที่ดวงตามีเลือดไหลออกมา พวกเธอไม่สามารถดึงจิตใจของตัวเองออกมาจากภาพวาดบนกำแพงได้
สถานการณ์แปลกๆของพวกเธอดึงดูดความสนใจของเวรี่ไฮที่อยู่ใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว
“แปลกจริง ดูเหมือนพวกนางจะได้รับผลกระทบจากจิตใจที่โศกเศร้าของเนตรเวรี่ไฮ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ข้าไม่คิดว่าพวกนางจะไปกระตุ้นจิตของเนตรเวรี่ไฮบนกำแพงโบราณ”
“นี่พวกนางไม่รู้หรือยังไงว่าหลังจากที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ พวกนางจะมองไปที่เนตรเวรี่ไฮบนกำแพงโบราณไม่ได้น่ะ?”
“ไม่ พวกนางไม่ได้เห็นมัน พวกนางได้รับผลกระทบเพราะตัวไหมของพวกนางเห็นเนตรเวรี่ไฮ”
“นั่นเป็นไปได้ยังไง? เขาไม่ได้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ เขาไม่ควรจะรู้สึกอะไรถึงแม้เขาจะมองไปที่เนตรเวรี่ไฮบนกำแพง”
เวรี่ไฮหลายสิบคนที่เห็นเหตุการณ์เข้าใจถึงสถานการณ์ของหานเซิ่นได้ในทันที พวกเขารับรู้ว่าหานเซิ่นต้องเป็นคนที่กระตุ้นจิตใจของเนตรเวรี่ไฮของกำแพงโบราณ ซึ่งนั่นทำให้หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทได้รับผลกระทบไปด้วย
“นี่มันแปลกมากๆ คนนอกที่ไม่ได้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์จะกระตุ้นจิตใจของเนตรเวรี่ไฮได้ยังไง?”
“นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาตั้งคำถาม พวกเราต้องหาทางดึงเขาออกมาจากจิตใจนั้น เนตรเวรี่ไฮของกำแพงโบราณนั้นเป็นอันตราย และสำหรับเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อที่ยังไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้าแล้ว มันอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต”
“แต่พวกเราจะทำอะไรได้? เจ้าก็รู้ว่าพลังจิตใจของเนตรเวรี่ไฮนั้นทรงพลังแค่ไหน ถึงแม้พวกเราจะเคลื่อนย้ายเขาไปที่อื่น พวกเราก็หยุดจิตใจนั่นจากการถูกกลืนกินไม่ได้ และถ้าพวกเราเคลื่อนย้ายเขาไปที่อื่น พวกเราอาจจะไปทำให้จิตใจของเขายุ่งเหยิงและเร่งให้จิตใจของเขาถูกกลืนกินเร็วขึ้นกว่าเดิม พวกเราได้แต่หวังว่าเขาจะหนีรอดจากจิตใจนั่นได้ด้วยตัวเขาเอง”
“แต่นั่นจะเป็นไปได้ยังไง? ถึงแม้พวกเราจะเป็นยอดฝีมือของเผ่าเวรี่ไฮก็ยังหนีจากพลังจิตใจของเนตรเวรี่ไฮได้ยาก เขาเป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง”
“ตัวไหมคนนั้นเป็นเพียงแค่ความหวังเดียว เขาต้องทำมันด้วยตัวเขาเอง ถึงแม้เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อจะต่อสู้กับพลังของเนตรเวรี่ไฮได้ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ตราบใดที่เขายังคงถูกมันครอบงำ จิตใจที่โศกเศร้าก็จะถูกส่งมาที่เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋ออยู่ดี”
ตอนที่ 2743
“เรื่องประหลาดแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง? ทำไมคนนอกถึงกระตุ้นจิตใจของเนตรเวรี่ไฮบนกำแพงโบราณได้กัน?”
“พวกเราหยุดจิตใจของเนตรเวรี่ไฮไม่ได้ ถ้าพวกเราต้องการเข้าไปแทรกแซง ทางเลือกเดียวของพวกเราก็คือการทำลายพันธสัญญาระหว่างพวกเขา ร่างกายของพวกนางอาจจะได้รับความเสียหายในตอนที่พวกเราตัดการเชื่อมต่อโดยการใช้กำลัง แต่อย่างน้อยจิตใจของพวกนางก็จะไม่ถูกทำลายโดยเนตรเวรี่ไฮนั่น”
“ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นทางออกเดียว”
เวรี่ไฮสิบหลายสิบคนใช้เวลาปรึกษากันกว่าครึ่งวัน แต่พวกเขาคิดหาทางออกได้แค่อย่างเดียว แต่ทางออกนี้จะช่วยได้แค่เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อเท่านั้น มันจะไม่ช่วยอะไรหานเซิ่น
“มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องลังเล พวกเราลงมือกันเดี๋ยวนี้เลย”
หนึ่งในเวรี่ไฮพูด เขาเตรียมตัวที่จะทำลายพันธสัญญาระหว่างหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทกับหานเซิ่น
“ลุงเก้า หยุดก่อน!” จู่ๆเอ็กซ์ควิสิทก็พูดขึ้นมา
จิตใจของเธอกำลังจมอยู่ในทะเลแห่งความเศร้าที่ออกมาจากเนตรเวรี่ไฮ แต่ความรู้สึกนั้นถูกกรองผ่านหานเซิ่น ความโศกเศร้าที่เธอได้รับจึงเจือจางลงไป มันไม่ได้แรงกล้าเหมือนอย่างคนที่มองตรงไปที่เนตรเวรี่ไฮนั่น เนื่องจากจิตใจของหานเซิ่นยังคนต่อต้านพลังจิตใจของเนตรเวรี่ไฮเอาไว้ได้ เธอจึงไม่เสียสติไปกับความโศกเศร้า เธอยังคงมีสติอยู่
“เอ็กซ์ควิสิท มีอะไรก็พูดออกมาเร็วเข้า!” ลุงเก้ากลัวว่าจิตใจของเอ็กซ์ควิสิทอาจจะพ่ายแพ้ต่อจิตใจของเนตรเวรี่ไฮได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงบอกให้เธอรีบพูดออกมา
“ลุงเก้า ได้โปรดอย่าทำลายพันธสัญญาของพวกเรากับหานเซิ่น” เอ็กซ์ควิสิทพูด
“ทำไมกัน?” ลุงเก้าถามขณะที่มองไปที่เอ็กซ์ควิสิท เวรี่ไฮคนอื่นที่อยู่รอบๆนั้นต่างก็รู้สึกแปลกใจ
“ข้าเชื่อว่าเขาจะหยุดยั้งการรุกรานทางจิตใจของเนตรเวรี่ไฮได้”
เอ็กซ์ควิสิทพูดขณะที่กัดฟันของตัวเอง เธอกำลังตกอยู่ท่ามกลางจิตใจที่เศร้าโศก และเพียงแค่จะพูดออกมานั้นก็ต้องใช้กำลังของเธออย่างมาก
หลังจากที่ได้ยินคำตอบของเอ็กซ์ควิสิท พวกเวรี่ไฮที่ไม่ได้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์รู้สึกตกใจ
“เอ็กซ์ควิสิท เจ้าประเมินเขาสูงเกินไปแล้ว แม้แต่เวรี่ไฮอย่างพวกเราก็ไม่อาจจะต้านทานจิตใจของเนตรเวรี่ไฮได้ เขาเป็นแค่ตัวไหมจากเผ่าพันธุ์อื่น…”
“เอ็กซ์ควิสิท ข้ารู้ว่ามันเป็นเรื่องยากกว่าที่เจ้าจะหาตัวไหมดีๆมาได้ แต่ตอนนี้เจ้าต้องยอมตัดใจจากเขา ถึงแม้มันจะเป็นการตัดสินใจที่ยาก”
…
“ลุงเก้าได้โปรด!” เอ็กซ์ควิสิทร้องขอ เธอรวบรวมพลังงานเฮือกสุดท้ายเพื่อพูดออกมา เธอไม่ได้สนใจเวรี่ไฮคนอื่น ขณะที่เธอพูดกับลุงเก้า สิ่งรบกวนเพียงแค่นิดเดียวจะทำให้ความโศกเศร้าครอบงำจิตใจของเธอยิ่งกว่าเดิม นางไม่สามารถให้ความสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวของเธอได้
“ลุงเก้าจะฟังที่นางพูดไม่ได้ มันจะฆ่าชีวิตของนาง”
“ใช่แล้ว! คนนอกคนหนึ่งที่ไม่มีทางป้องกันตัวเองจากจิตใจของเนตรเวรี่ไฮได้ สุดท้ายมันจะทำร้ายพวกนางทั้งสอง”
เวรี่ไฮคนอื่นพยายามจะโน้มน้าวเขา แต่ลุงเก้าขมวดคิ้วและพูด
“การตัดสินใจในเรื่องนี้เป็นสิทธิ์ของเอ็กซ์ควิสิท และนางก็ได้ทำการตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว”
บางคนที่อยู่ที่นั่นไม่เห็นด้วยกับลุงเก้า แต่พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา พวกเขาเพียงแค่ส่ายหัวและถอนหายใจ
“ถ้าเอ็กซ์ควิสิทไม่ยินยอมจะยกเลิกพันธสัญญา แบบนั้นพวกเราก็ทำลายพันธสัญญาของที่หลี่เคอเอ๋อ” เวรี่ไฮคนหนึ่งเสนอขึ้นมา
ลุงเก้ามองไปที่หลี่เคอเอ๋อ หลี่เคอเอ๋อไม่ได้เข้มแข็งเหมือนอย่างเอ็กซ์ควิสิท เธอไม่สามารถให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัวได้
“พวกเรารออีกสักหน่อย ถ้าตัวไหมคนนั้นต่อต้านจิตใจนั่นไม่ได้จริงๆ หลังจากนั้นพวกเราค่อยเข้าไปแทรกแซง” ลุงเก้าพูด
เหล่าเวรี่ไฮทำได้แค่รอคอย แต่ในหมู่คนที่กำลังมองดูอยู่นั้นแม้แต่ลุงเก้าเองก็ไม่เชื่อว่าหานเซิ่นจะต่อต้านจิตใจของเนตรเวรี่ไฮบนกำแพงโบราณได้
หานเซิ่นเพิ่งจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า ดังนั้นจิตใจของเขาควรจะเป็นอะไรที่น้อยนิดเมื่อเทียบกับจิตใจของเทพเจ้าขั้นทรูก็อต
แถมหานเซิ่นยังไม่เคยฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ ดังนั้นไม่มีใครคิดว่าหานเซิ่นจะต่อต้านความรู้สึกโศกเศร้าที่ออกมาจากเนตรเวรี่ไฮได้
จิตใจของเนตรเวรี่ไฮบนกำแพงโบราณนั้นเป็นอะไรที่อันนตราย แต่สำหรับเวรี่ไฮฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์แล้ว อย่างน้อยมันก็ยังมีโอกาส
ถ้าเวรี่ไฮคนหนึ่งเอาชนะความโศกเศร้าทางจิตใจของเนตรเวรี่ไฮได้ พวกเขาจะได้รับความชำนาญในการใช้เวรี่ไฮเซ้นส์เพิ่มขึ้น
เหล่าเวรี่ไฮคิดว่ามันน่าเสียดายที่หานเซิ่นไม่ได้เป็นหนึ่งในพวกเขา เขาไม่ได้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ ดังนั้นถึงเขาจะรอดจากจิตใจของเนตรเวรี่ไฮได้ เขาก็ไม่ได้รับประโยชน์เหมือนกับคนอื่นๆ
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ และน้ำตาเลือดก็ยังคงไหลออกมาจากดวงตาของหานเซิ่นกับพวกเธอทั้งสอง ทุกคนรู้ว่าเวลาของพวกเขาทั้งสามคนใกล้จะหมดแล้ว ถ้าพวกเขาไม่สามารถหลุดพ้นจากความเศร้าโศกได้โดยเร็ว เลือดก็จะไหลออกมาร่างกายของพวกเขาจนหมด
หานเซิ่นรู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย ถึงจิตใจของเขาจะแข็งแกร่ง แต่เขาไม่สามารถต่อต้านความโศกเศร้าที่รุกรานเข้ามานานๆได้ ความเศร้าโศกนั้นดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด มันลึกเข้าไปเรื่อยๆและเขาก็เริ่มจะคิดว่าตัวเองเบื่อการมีชีวิต ถ้าเป็นระดับเทพเจ้ามีจิตใจที่อ่อนแอกว่ามาแทนที่หานเซิ่นในตอนนี้ เขาก็คงจะเฉือนคอของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ได้ เราปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้….”
หานเซิ่นรู้ว่ากลยุทธ์ในตอนนี้นั้นไม่ได้ผล การต่อสู้ระหว่างจิตใจนั้นไม่ใช่บางสิ่งที่จะก้าวข้ามด้วยพลัง เขาจำเป็นต้องรอดจากมันโดยใช้จิตใจของตัวเอง
ตั้งแต่ที่เขาเข้าใจถึงจิตใจของวิชาใต้นภา ความแข็งแกร่งทางจิตใจของหานเซิ่นก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่นั่นก็ยังคงไม่เพียงพอที่จะต่อต้านจิตใจระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตตรงๆ จิตใจของเขาค่อยๆถูกรุกรานจากจิตใจของฝ่ายตรงข้าม จิตใจของเขาเริ่มจะสั่นคลอนและพังทลาย มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจมลงไปในทะเลแห่งความโศกเศร้า
หานเซิ่นหวังว่าชุดเกราะคริสตัลสีดำจะยื่นมือเข้ามาช่วย แต่ชุดเกราะคริสตัลสีดำไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจำเป็นต้องต่อสู้กับความโศกเศร้าด้วยตัวเขาเอง
“สมัยนี้หาตัวช่วยดีๆไม่ได้จริงๆ เราจำเป็นต้องพึ่งตัวเองอีกครั้งหนึ่ง”
หานเซิ่นเป็นคนจะสงบนิ่งขึ้นเรื่อยๆยิ่งตัวเองตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้หัวใจของเขาสงบนิ่งโดยสมบูรณ์ เขาคำนึงถึงสถานการณ์ของตัวเองและคิดไปว่า ‘ถ้าทางเวรี่ไฮไม่ได้ตั้งระบบป้องกันอะไรเพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนจากการมองไปที่เนตรเวรี่ไฮ นั่นหมายความว่ามันต้องมีหนทางสำหรับเราที่จะต่อสู้กับความโศกเศร้าของจิตใจนี้ แต่เราควรจะทำยังไงกับมัน?’
“ด้วยจิตใจของเรา การจะเผชิญหน้ากับความโศกเศร้านี้ดูจะเป็นไปไม่ได้ โอกาสเดียวของเราก็คือการทำความเข้าใจว่าความเศร้านี้มาจากไหนกันแน่ ถ้าเราเข้าใจว่าอะไรที่เป็นสาเหตุของความเศร้าโศกของเวรี่ไฮคนนั้น บางทีเราอาจจะหาหนทางก้าวข้ามมันได้”
เมื่อคิดได้แบบนั้น หานเซิ่นก็ล้มเลิกความพยายามที่จะต่อต้านจิตใจที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า เขาพยายามจะวิเคราะห์ถึงต้นกำเนิดของมันแทน
หานเซิ่นรู้ว่านี่เป็นอะไรที่อันตราย มันเหมือนกับว่าเขากำลังถือยาพิษขวดหนึ่งอยู่ และเขาจำเป็นต้องลิ้มรสของมันเพื่อหาส่วนประกอบของยาพิษ การทำแบบนั้นเป็นอะไรที่เสี่ยง แต่มันก็เป็นหนทางเดียวที่เขาจะคิดหายาแก้พิษได้
จิตใจโศกเศร้าที่เขากำลังประสบไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรักใคร่ของชายหญิง และมันก็ไม่ใช่ความรักในครอบครัวเช่นกัน หานเซิ่นวิเคราะห์ความโศกเศร้านั้นต่อไป และเขาก็คิดกับตัวเอง ‘นี่เป็นความโศกเศร้าแบบไหนกัน?’
ตอนที่ 2744
“ในตอนที่เวรี่ไฮตั้งชื่อวิชาว่าฟอร์เก็ตเลิฟ พวกเขาหมายความว่าแบบนั้นจริงๆ เขาคงจะเข้าใกล้การระงับอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดภายในตัวแล้ว อะไรกันที่ทำให้ยอดฝีมือแบบนั้นรู้สึกเสียใจมากขนาดนี้?”
หานเซิ่นยังไม่ได้พัฒนาวิชาจีโนจนถึงระดับสูงขนาดนั้น ด้วยเหตุนั้นเขาจำเป็นต้องเสี่ยงปล่อยให้ตัวเองดำลึกไปในความโศกเศร้านั้น
เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะต่อสู้กับจิตใจที่เศร้าโศกมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงได้ประสบเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น ตอนนี้เมื่อเขาปล่อยให้จิตใจของตัวเองจมลงไปในจิตใจอันโศกเศร้า เขาก็เข้าใจมันได้ลึกซึ้งขึ้น
แต่สิ่งที่เขาต้องจ่ายเพื่อความเข้าใจนั่นเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่ากลัว ในเวลาเพียงชั่วครู่แรงกระตุ้นจากการอยากฆ่าตัวตายส่งมาสู่หานเซิ่นถึงหกครั้ง
‘ถ้าเราทำไม่สำเร็จ เราก็คงจะจบลงด้วยการฆ่าตัวตาย’
หานเซิ่นคิด แต่เขาไม่ลังเล เขาปล่อยให้จิตใจที่โศกเศร้านั้นเข้าครอบงำร่างกาย
ตลอดหลายยุคสมัยที่ผ่านมา เวรี่ไฮมากมายได้กระตุ้นจิตใจของเนตรเวรี่ไฮบนกำแพงโบราณ และส่วนใหญ่พวกเขาก็เริ่มต้นเหมือนกับหานเซิ่น พวกเขาเลือกจะต่อสู้กับความโศกเศร้าที่รุกรานเข้ามา
ทุกคนรู้ว่าการประสบกับความเศร้าโศกระดับนั้นเป็นอะไรที่อันตราย และใครก็ตามที่ประสบมันเป็นเวลานานมีโอกาสสูงที่จะฆ่าตัวตาย
ถึงแม้บางคนพยายามจะเรียนรู้เกี่ยวกับจิตใจที่โศกเศร้านั่น มันก็มีขีดจำกัดอยู่ ในตอนที่พวกเขารู้สึกว่าความคิดอยากฆ่าตัวตายเริ่มเข้าครองงำ พวกเขาก็จะหันหนีและหยุดพยายามทำแบบนั้น
เวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ฉลาดกว่านั้น แทนที่จะตรงไปข้างหน้าที่เห็นว่าเป็นทางตัน พวกเขาจะหาหนทางอื่นเพื่อออกจากความรู้สึกที่โศกเศร้านั้น
แต่หานเซิ่นแตกต่างออกไป เขาเป็นคนที่หัวแข็งมากๆ เขาไม่ได้เหมือนกับคนของเวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ไปต่อ พวกเขาก็ยังคงมีโอกาสรอดโดยได้รับความเสียหายเพียงแค่เล็กน้อย
ตอนนี้หานเซิ่นจะต้องเดินไปให้สุดทาง ถึงแม้ทุกวินาทีที่ผ่านไปจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของเขา เขาก็จำเป็นต้องเข้าใจถึงจิตใจของบรรพบุรุษคนนั้นให้ได้
ความโศกเศร้าฝังลึกในจิตใจของเขา และหานเซิ่นก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับมันมากขึ้นเรื่อยๆ
หานเซิ่นไม่เคยคิดมาก่อนว่าทะเลแห่งความโศกเศร้าที่บริสุทธิ์จะมีอยู่ในจักรวาลนี้ด้วย มันไม่ใช่ความเกลียดชังตัวเองหรือความเกลียดชังสิ่งอื่นๆในจักรวาล มันเป็นความโศกเศร้าที่เหมือนกับความเมตตาแทน
ในตอนที่หานเซิ่นรู้สึกตัวแบบนั้น เขาก็สะดุ้งด้วยความประหลาดใจ ความเมตตาในความโศกเศร้า เขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับอะไรแบบนี้มาก่อน แต่ในตอนนี้เขารู้สึกมันจริงๆ ร่างกายของเขาถูกครอบงำด้วยความโศกเศร้าที่เมตตานั้น
“นี่คือน้ำตาสุดท้ายที่ข้าจะหลั่งให้จักรวาลนี้”
ภายในความโศกเศร้าที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั้น หานเซิ่นได้ยินเสียงหนึ่งดังออกมาจากความว่างเปล่า
เสียงนั้นฟังดูมีพลังเกินบรรยาย เมื่อหานเซิ่นได้ยินมัน เขาก็รู้สึกเจ็บปวดเกินจินตนาการ เขาต้องการจะล้มลงไปกับพื้นและร้องไห้
แต่เขารู้ว่าน้ำตาเลือดของเขาเกือบจะเหือดแห้งแล้ว และเขาไม่สามารถร้องไห้ต่อไปได้อีก หลังจากที่ได้ยินเสียงจากความว่างเปล่านั้น หานเซิ่นก็รู้สึกเศร้ายิ่งกว่าเดิม แต่นี่เป็นความโศกเศร้าที่ต่างออกไป ความโศกเศร้านี้ยังทำให้เขารู้สึกไร้ที่พึ่งและโดดเดี่ยว
วินาทีต่อมา หานเซิ่นก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด นั่นเป็นเพราะเขาค้นพบว่าความโศกเศร้านั้นไม่ได้มาจากเนตรเวรี่ไฮ มันมาจากตัวเขาเอง มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป เขารู้สึกราวกับว่าไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่เขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
หานเซิ่นค่อนรู้สึกตัวถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น แต่เขาไม่สามารถควบคุมมันได้ เขารู้สึกไร้ที่พึ่งและโดดเดียวมากขึ้นเรื่อยๆ เขาค่อยๆยกมือขึ้นมาและเตรียมจะบดขยี้กะโหลกของตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย
เวรี่ไฮหลายสิบคนที่อยู่รอบๆนั้นเห็นว่าความโศกเศร้าที่หานเซิ่นกำลังต่อสู้นั้นรุนแรงขึ้นกว่าเดิม พวกเขารู้ว่านี่เป็นสัญญาณที่ไม่ดี หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทเองก็ตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เช่นกัน
“โอ้ไม่นะ! หานเซิ่นหยุดต่อต้านมัน จิตใจที่โศกเศร้านั่นกำลังเข้าครอบงำร่างกายของเขา” ลุงเก้าพูดขึ้นมา
แต่มันไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องพูดแบบนั้น คนอื่นๆก็พอจะบอกได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าเอ็กซ์ควิสิทจะเชื่อในตัวเขามากขนาดนั้น ทำไมเขาถึงได้ยอมแพ้เร็วนัก?” เวรี่ไฮคนหนึ่งพูดอย่างเกรี้ยวโกรธ
“เจ้าต้องคำนึงว่ายังไงซะเขาก็เป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง” เวรี่ไฮอีกคนพูดพร้อมกับถอนหายใจ
เวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์มองไปที่หานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทอย่างเงียบๆ พวกเขารอให้จังหวะนั้นมาถึง ลุงเก้าก็เตรียมตัวเช่นกัน เขาจะทำลายพันธสัญญาของหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทกับหานเซิ่น เขาขอเลือกที่จะให้พวกเธอทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บดีกว่าปล่อยให้พวกเธอตาย
ไม่นานหลังจากนั้นในที่สุดจังหวะนั้นก็เกิดขึ้น หานเซิ่นค่อยๆยกมือขึ้น ทุกคนบอกได้ว่าเขาต้องการจะฆ่าตัวตาย เนื่องจากอิทธิพลของจิตใจที่เศร้าโศก
ในเวลาเดียวกัน หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทก็ยกมือของพวกเธอเหมือนกับที่หานเซิ่นทำ พวกเธอสัมผัสหน้าผากของตัวเองและใบหน้าของพวกเธอดูไร้ซึ่งความหวัง
ลุงเก้าส่ายหัว เขาไม่สามารถรอได้อีกแล้ว หานเซิ่นกำลังจะตาย และหลี่เคอเอ๋อกับเอ็กซ์ควิสิทจำเป็นต้องถูกช่วยเหลือ
เวรี่ไฮมีประชากรเพียงไม่มาก พวกเขามีกันไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถสูญเสียใครไปได้
ลุงเก้ายกมือขึ้นและรวบรวมพลังเพื่อจะทำลายพันธสัญญาระหว่างพวกเขา หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองหานเซิ่นเป็นครั้งสุดท้าย
ทุกคนรอให้ลุงเก้าช่วยเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋ออย่างใจจดใจจ่อ เวรี่ไฮทุกคนมองไปที่เขา แต่ทันใดนั้นเหล่าเวรี่ไฮก็สังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆของเขา
ในตอนที่เหล่าเวรี่ไฮมองตามสายตาของลุงเก้าไป พวกเขาก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่าลุงเก้ากำลังมองไปที่หานเซิ่น และหานเซิ่นก็ดูแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย
หานเซิ่นยกมือขึ้นมาเพื่อจะฆ่าตัวตาย และใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยอารมณ์แห่งความตาย แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาแสดงการดิ้นรนจากภายใน และมือของเขาก็หยุดชะงักไป
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อได้รับผลกระทบจากอารมณ์ความรู้สึกของหานเซิ่น มือของพวกเธอหยุดอยู่กลางอากาศเช่นเดียวกัน พวกเขาแข็งทื่อไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง
“ยังคงต่อสู้ดิ้นรน” ลุงเก้าพึมพำกับตัวเอง
“ลุงเก้ามัวลังเลอะไรอีก ไม่ว่าตัวไหมคนนั้นจะดิ้นรนต่อสู้สักแค่ไหน เขาก็ต่อต้านจิตใจอันโศกเศร้าของเนตรเวรี่ไฮไม่ได้ เขาจะต้องตายไม่ว่าจะยังไงก็ตาม พวกเราควรจะรีบทำลายพันธสัญญาระหว่างพวกเขา”
“ใช่แล้ว ความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเราควรจะรีบทำให้เรื่องทั้งหมดนี้จบๆไป ถ้าเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อต้องประสบกับความคิดที่จะฆ่าตัวตาย มันจะเป็นบาดแผลต่อจิตใจของพวกนาง”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น บางสิ่งที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้นกับหานเซิ่น
ตอนที่ 2745
สัญญาณของการต่อสู้ดิ้นรนทั้งหมดหายไปจากใบหน้าของหานเซิ่น และถูกแทนที่ด้วยความสงบนิ่ง มือที่จะใช้เพื่อฆ่าตัวตายนั้นถูกลดลงไปแล้ว
สิ่งที่ไม่ปกติที่สุดเกี่ยวกับความสงบนิ่งของเขาคือออร่าที่น่ากลัวของหานเซิ่น ในตอนที่เหล่าเวรี่ไฮรู้สึกได้ถึงออร่านั้น เขาก็รู้สึกหนาวไปถึงหัวใจ
ในเวลาเดียวกัน ใบหน้าของเอ็กซ์ตวิสิทและหลี่เคอเอ๋อก็ดูผ่อนคลายเช่นเดียวกัน ร่างกายของพวกเธอเคลื่อนไหวแบบเดียวกับหานเซิ่น
“ทำไมมันถึงได้ดูคุ้นเคยนัก? ออร่านี้มัน…?” หนึ่งในเวรี่ไฮพึมพำ
“นี่มันไม่ใช่แค่คุ้นเคย…ออร่านี้มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเวรี่ไฮเซ้นส์ ทำไมร่างกายของหานเซิ่นถึงปล่อยออร่าของเวรี่ไฮเซ้นส์ออกมาได้?” เวรี่ไฮอีกคนถาม
“มันไม่ใช่เวรี่ไฮเซ้นส์” ลุงเก้าพูดขณะที่จ้องไปที่หานเซิ่นด้วยสายตาที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้
“ถึงแม้ออร่าจะคล้ายคลึงกัน แต่มันไม่ใช่เวรี่ไฮเซ้นส์จริงๆ มันจะต้องเป็นหนึ่งในวิชาจีโนที่แตกแขนงจากเวรี่ไฮเซ้นส์”
“วิชาจีโนที่แตกแขนงจากเวรี่ไฮเซ้นส์?” เหล่าเวรี่ไฮหันไปมองลุงเก้า พวกเขาไม่ได้แปลกใจ พวกเขาแค่สับสนเท่านั้น
มันมีวิชาจีโนมากมายที่แตกแขนงจากเวรี่ไฮเซ้นส์ นั่นรวมถึงตำราไร้อักษรของเผ่านภาด้วย มันไม่ได้แปลกอะไรเกี่ยวกับวิชาที่แตกแขนงจากวิชาอื่น แต่สิ่งที่น่าแปลกคือพวกเขาไม่รู้ว่าวิชาจีโนไหนกันที่ลุงเก้ากำลังพูดถึง ทั้งๆที่พวกเขามีความรู้และประสบการณ์มากมาย
ใบหน้าของลุงเก้าดูซับซ้อน เขาจ้องมองไปที่หานเซิ่นอยู่สักพักและเขาก็พูดขึ้นว่า
“ถ้าการคาดเดาของข้าถูกต้อง ออร่านี้เป็นของอนัตตาที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยอัลฟ่าของพวกเรา”
เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็อ้าปากค้าง แม้แต่คนที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ก็ไม่สามารถรักษาความสงบนิ่งไว้ได้
อัลฟ่าที่ลุงเก้าพูดถึงคือบรรพบุรุษของเวรี่ไฮที่ทิ้งภาพวาดเอาไว้บนกำแพงโบราณ วิชาจีโนที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาคือ ‘อนัตตา’ ซึ่งแตกแขนงมาจากเวรี่ไฮเซ้นส์
“อนัตตาของอัลฟ่าหายสาญสูญไปแล้วไม่ใช่หรอ? แบบนั้นหานเซิ่นมีออร่าของอนัตตาได้ยังไง? นี่หรือว่าเขา…”
หนึ่งในเวรี่ไฮเริ่มพูดขึ้นมา มันดูเหมือนกับเขากำลังคิดบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อขึ้นได้ เขามองไปที่ภาพวาดบนกำแพงโบราณและพูด “นี่อนัตตาซ่อนอยู่ในกำแพงโบราณมาโดยตลอดอย่างนั้นหรอ?”
เรื่องนี้เป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อ เพราะยังไงซะหานเซิ่นก็เป็นเพียงแค่คนนอกคนหนึ่ง เขาไม่เคยศึกษาเกี่ยวกับเวรี่ไฮเซ้นส์มาก่อน และแม้แต่อัจฉริยะมากมายของเผ่าเวรี่ไฮก็เคยมาที่กำแพงโบราณ ด้วยเหตุนั้นเหล่าเวรี่ไฮจึงไม่สามารถยอมรับได้ว่าหานเซิ่นที่เป็นคนนอกจะเรียนรู้อนัตตาผ่านกำแพงโบราณได้
แต่อย่างนั้นความจริงของเรื่องก็มาอยู่ตรงหน้าของพวกเขา พวกเขาจำเป็นต้องทำใจเชื่อมัน ร่างกายของหานเซิ่นปลดปล่อยออร่าที่เหมือนกับเวรี่ไฮเซ้นส์ออกมาอย่างชัดเจน เมื่อคำนึงถึงทุกสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น มันก็อาจจะเป็นอนัตตาจริงๆ
และมันไม่ใช่แค่หานเซิ่นเท่านั้น แม้แต่เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อก็ปลดปล่อยออร่าที่เหมือนๆกันออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเองก็ได้รับความรู้ที่เขาได้รับ พวกเธอกำลังได้เรียนรู้อนัตตาโดยผ่านหานเซิ่น
อนัตตาถูกคิดค้นโดยบรรพบุรุษของเวรี่ไฮ แต่มันไม่ได้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นเหมือนวิชาจีโนอื่นๆ ไม่มีใครในเผ่าเวรี่ไฮที่รู้ว่ามันเป็นวิชาจีโนแบบไหน หลังจากที่อัลฟ่าของเวรี่ไฮคิดค้นอนัตตาขึ้นมาแล้ว เขาก็ได้พูดเกี่ยวกับมันเป็นเวลานาน แต่ไม่มีใครเคยได้เห็นเขาใช้มัน
หลังจากนั้นอัลฟ่าก็ตรงไปที่จีโนฮอลล์ เขาไม่ได้บันทึกอะไรเกี่ยวกับอนัตตาเอาไว้ ดังนั้นมันจึงไม่มีใครเคยฝึกอนัตตามาก่อน
แต่หลังจากที่เขาคิดค้นอนัตตาขึ้นมาได้ ออร่าของอัลฟ่าก็แตกต่างไปจากออร่าของเวรี่ไฮคนอื่นที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ นี่เป็นสิ่งที่ถูกจดเอาไว้ในบันทึกประวัติศาสตร์ของเผ่าเวรี่ไฮ ลุงเก้าคุ้นเคยกับบันทึกเหล่านั้นดี และเขาก็ได้ข้อสันนิษฐานนี้จากสิ่งที่เขาสัมผัสจากหานเซิ่น นั่นคือเหตุผลที่เขาระบุได้ว่าพลังต่อหน้านั้นจะต้องเป็นของอนัตตา
การสันนิษฐานของลุงเก้านั้นถูกต้อง ออร่าของหานเซิ่นเป็นของอนัตตา นั่นเพราะหยางสุดขีดก่อให้เกิดหยิน ในตอนที่สิ่งหนึ่งไปถึงขีดสุด พวกมันมักจะเกิดปฏิกิริยาขึ้น ในตอนที่จิตใจที่โศกเศร้าถูกผลักดันจนถึงขีดสุด หานเซิ่นเกือบจะตกไปสู่ดินแดนแห่งความตาย แต่เขาไม่เคยสูญเสียศรัทธา เขายึดมั่นในเจตจำนงของตัวเองและต่อสู้กับความตายที่พยายามจะเอาชีวิตของเขา
และทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกว่าจิตใจที่เศร้าโศกเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ความเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นบางสิ่งที่แม้แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้ ความโศกเศร้านั้นดูเหมือนจะละลายหายไปและถูกแทนที่ด้วยความสงบนิ่งที่ไม่ต่างจากน้ำ
เมื่อจิตใจนั่นเปลี่ยนแปลง หานเซิ่นก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเนตรเวรี่ไฮของกำแพงโบราณอีกต่อไป เขากลับมาควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกครั้ง เขาละสายตาไปจากเนตรเวรี่ไฮและมองไปยังกำแพงโบราณที่อยู่ใกล้เคียง ตอนนี้หานเซิ่นเห็นศิลปะนามธรรมในสิ่งที่พวกมันเป็น พวกมันไม่ได้ดูเป็นสิ่งนามธรรมหรือสิ่งเหนือจริงอีกต่อไป มันเหมือนกับว่าเขาเห็นเวรี่ไฮชายคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิและปลดปล่อยออร่าแปลกๆออกมา
เนตรเวรี่ไฮบนกำแพงคือจุดกำเนิด และเขามองตามการเคลื่อนไหวของการวาดเพื่อเรียนรู้มากขึ้น ราวกับว่าเขากำลังดูการสอนโดยที่ไม่มีเสียงหรือคำอธิบายใดๆ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง หานเซิ่นได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการมองดูการวาด ความหมายของศิลปะบนกำแพงถูกป้อนตรงเข้ามาในสมองของหานเซิ่น ราวกับว่าเขาเคยเห็นการวาดเหล่านั้นมาเป็นแสนๆครั้ง
หานเซิ่นจ้องมองไปที่กำแพงโบราณทีละส่วน และเขาดูตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆขณะที่มองไปภาพ ภาพบนกำแพงนั้นเป็นวิชาจีโนที่ลึกลับมากๆ ไม่นานเขาก็รู้สึกตัวว่าวิชาจีโนนี้ดีกว่าวิชามีดหรือวิชาหมัดไหนๆที่เขาเคยเรียนรู้มา
ยิ่งหานเซิ่นมองดูมันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกตกใจมากขึ้นเท่านั้น และความตกใจของเขาก็เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่วิชาใต้นภาก็ด้อยกว่าวิชาจีโนที่เขากำลังได้เรียนรู้ในตอนนี้มาก
แต่หานเซิ่นก็ยังสัมผัสได้ว่าวิชาจีโนนี้และวิชาใต้นภามีความคล้ายคลึงกันอยู่ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าพวกมันมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน แต่พวกมันถูกพัฒนาไปในทิศทางที่แตกต่างกัน
หานเซิ่นจดจ่ออยู่กับการเรียนรู้อนัตตาจนเขาไม่ได้สังเกตถึงพวกเวรี่ไฮที่อยู่รอบๆตัว เหล่าเวรี่ไฮทั้งหมดมีดวงตาที่เบิกกว้าง ขณะที่พวกเขาจ้องไปที่หานเซิ่น หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิท ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ ความอิจฉาและอารมณ์อีกมากมาย
ขณะที่หานเซิ่นศึกษารูปภาพบนกำแพงต่อไป ออร่าของอนัตตาก็หนักขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าใครก็บอกได้ว่าหานเซิ่นกำลังเรียนรู้ความลับของอัลฟ่าของพวกเขา ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้หานเซิ่นเปิดเผยปริศนาของภาพวาดบนกำแพงโบราณได้ เป็นอย่างที่ลุงเก้า เขานั้นจะต้องได้เรียนรู้อนัตตาจริงๆ
หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทเองก็ได้เรียนรู้อนัตตาผ่านหานเซิ่น ขณะที่ความรู้สึกหานเซิ่นขยายกว้างและลึกซึ้งขึ้น อนัตตาของพวกเธอก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน
เวรี่ไฮหลายคนเชื่อว่าความแน่วแน่ของเอ็กซ์ควิสิทที่จะรักษาพันธสัญญากับหานเซิ่นเป็นความคิดที่โง่เขลา แต่ตอนนี้พวกเขายิ่งกว่าอิจฉาเธอ ถ้าพันธสัญญาของเอ็กซ์ควิสิทถูกทำลายไปจริงๆ เธอก็จะไม่ได้ค้นพบอนัตตาร่วมกับหานเซิ่นแบบนี้ นั่นจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดของพวกเธอ
ถึงแม้เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อจะได้รับอนัตตาไปทั้งคู่ แต่เหล่าเวรี่ไฮก็ยังคงจ้องมองไปที่หานเซิ่น ตัวไหมที่เป็นคนนอกคนหนึ่งได้เรียนรู้หนึ่งในความลับของเผ่าเวรี่ไฮ และมันเป็นความลับที่พวกเขาเองไม่สามารถค้นพบได้ นอกจากนั้นมันยังเป็นความลับที่เกี่ยวข้องกับเวรี่ไฮเซ้นส์ที่พวกเขาฝึกอีก แต่หานเซิ่นไม่ได้ฝึก อารมณ์ของพวกเขาขณะที่มองไปที่หานเซิ่นนั้นเป็นอะไรที่บรรยายได้ยากมากๆ
ตอนที่ 2746
ทุกภาพวาดแว็บผ่านสมองของหานเซิ่นด้วยความกระจ่างของคริสตัล ซึ่งช่วยให้เขาเข้าใจเกี่ยวกับอนัตตามากขึ้นๆ
มันแตกต่างไปจากวิชาใต้นภา อนัตตาเป็นวิถีที่เป็นเอกลักษณ์ ถึงแม้หานเซิ่นจะศึกษาวิชาจีโนมามากมาย แต่วิชานี้ก็ยังเป็นอะไรที่แปลกใหม่และมหัศจรรย์ มันเหมือนกับการเปิดประตูสู่โลกใบใหม่
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อทั้งตกตะลึงและปลาบปลื้ม พวกเธอสัมผัสทุกสิ่งที่หานเซิ่นกำลังเรียนรู้ และพวกเธอก็ได้รับอะไรใหม่ๆทุกครั้งที่หานเซิ่นเข้าใจบางสิ่ง
พวกเธอยิ่งกว่ายินดีกับศักยภาพที่สุดยอดของอนัตตา พวกเธอทั้งคู่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ ดังนั้นพวกเธอรู้ดีว่าอนัตตานั้นเป็นสิ่งที่มีค่าขนาดไหน และในขณะเดียวกันพวกเธอก็รู้ว่ามันยากขนาดไหนที่จะเรียนรู้อนัตตา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ สำหรับพวกเขาแล้วการเรียนรู้อนัตตาเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้ ตลอดประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เวรี่ไฮที่มีพรสวรรค์นับไม่ถ้วนต่างก็ไม่สามารถเรียนรู้วิชาจีโนนี้ได้ถึงแม้มันจะมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาก็ตาม
อัลฟ่าของเผ่าเวรี่ไฮนั้นมีเหตุผลที่ไม่ได้จดบันทึกอนัตตาลงในประวัติศาสตร์ของเผ่าเวรี่ไฮ ถ้าคนที่ศึกษาเวรี่ไฮเซ้นส์มาฝึกอนัตตา ผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นหายนะสำหรับพวกเขาส่วนใหญ่ นอกซะจากพวกเขาจะก้าวข้ามขั้นลาร์วาและกลายเป็นเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลาย การเรียนรู้อนัตตาก็อาจจะสร้างความเสียหายกับพวกเขา ดังนั้นอัลฟ่าของเผ่าเวรี่ไฮจึงไม่ได้ทิ้งวิชาที่เขาคิดค้นมาใหม่นี้เอาไว้ เขาวาดมันลงไปบนกำแพงโดยหวังว่าสักวันหนึ่ง เวรี่ไฮที่มีคุณสมบัติครบถ้วนจะได้เรียนรู้มัน
ถึงแม้อนัตตาจะแตกแขนงมาจากเวรี่ไฮเซ้นส์ แต่มันก็เป็นอะไรที่ดูแตกต่างไปจากวิชาจีโนที่เป็นต้นกำเนิด นอกซะจากคนที่ฝึกจะเข้าใจอนัตตาอย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นวิชาจีโนทั้งสองก็จะเกิดความขัดแย้งกันเอง
เป้าหมายสุดท้ายของเวรี่ไฮเซ้นส์คือการบรรลุสกายแอนท์บีอิ้งคอมบิเนชั่น ผู้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ทุกคนต้องการทำให้ตัวเองรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล เพื่อที่พวกเขาจะได้เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างท้องฟ้าและผืนดิน พวกเขาต้องการจะควบคุมและปกครองทั้งจักรวาล
แต่อนัตตาแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ผู้ที่ฝึกมันจะแสวงการลืมสิ่งต่างๆ พวกเขาจะปล่อยวางจากจักรวาล ท้องฟ้าและผืนดินรอบๆตัว เมื่อพวกเขาปล่อยวางจากทุกสิ่งแล้ว พวกเขาถึงจะเป็นอิสระจากข้อจำกัดทั้งปวง
เนื่องจากหานเซิ่นเพิ่งจะเรียนรู้เกี่ยวกับวิชาจีโนใหม่นี้ เขาจึงไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนที่เขาใช้มัน ความจริงแล้วหานเซิ่นและพวกเธอทั้งสองยังไม่รู้ว่าอนัตตานั้นจะมอบประโยชน์อะไรให้กับพวกเขา
แต่สิ่งหนึ่งที่เอ็กซ์ควิสิทรู้อย่างแน่ใจก็คือว่าถ้าเธอเรียนรู้วิชาจีโนนี้ด้วยตัวเธอเอง อนัตตาและเวรี่ไฮเซ้นส์ก็คงจะขัดแย้งกันเอง เธอจะถูกทำลายขณะที่วิชาจีโนทั้งสองทำสงครามกันภายในตัวของเธอ
การเรียนรู้อย่างถ่องแท้เป็นหนทางเดียวที่จะได้รู้ว่าอนัตตาคือเวรี่ไฮเซ้นส์ในทางกลับตาลปัตร ในตอนที่พวกมันถูกผลัดดันจนถึงขีดสุด วิชาจีโนทั้งสองก็กลายเป็นวิชาที่มีแก่นแท้เดียวกัน
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อยังคงเรียนรู้ต่อไปและยิ่งพวกเธอได้เรียนรู้มากขึ้น พวกเธอก็ยิ่งรู้สึกตกใจกับสิ่งที่อัลฟ่าทำได้สำเร็จ มันไม่มีใครคนอื่นที่จะคิดค้นวิชาจีโนที่เรียกว่าอนัตตาขึ้นมาได้นอกจากเขา
หานเซิ่นมองไปที่ภาพวาดภาพสุดท้าย และหลังจากที่เขาทำแบบนั้น เขาก็รู้สึกราวกับว่าทั้งร่างกายของเขาเพิ่มระดับขึ้น ในตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลดูแตกต่างออกไปในสายตาของเขา
สิ่งดี สิ่งร้าย ความรัก ความเกลียดชัง ทุกอย่างนั้นสูญเสียความสำคัญของพวกมันไป ทุกอย่างดูสงบนิ่งจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ มนุษย์นั้นถูกขังอยู่ในความเจ็บปวดของความรักและความเกลียดชังมาโดยตลอด มันเป็นเพราะว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของเกมส์ พวกเขาไม่สามารถหนีไปจากมันได้
แต่ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกต่างออกไปเกี่ยวกับทุกสิ่ง มันเหมือนกับว่าเขาแยกตัวเองออกไปจากเกมส์ มันเหมือนกับว่าเขาเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่กำลังมองลงไปที่กลุ่มมด และในระหว่างมดพวกนั้นก็มีความรักและความเกลียดชัง แต่สำหรับหานเซิ่นแล้ว พวกมันเป็นเพียงแค่สิ่งเล็กๆที่ไม่มีความสำคัญอะไร
ถ้าจิตใจของวิชาใต้นภาทำให้เขาดูเหมือนกับตัวหมาก แบบนั้นสิ่งที่เขาได้รับจากอนัตตาก็ทำให้เขาเป็นบุคคลที่กำลังเล่นเกมส์หมากรุก เขากระโดดออกไปจากกระดาน และตอนนี้เขาก็เป็นคนที่มองลงมายังชะตากรรมของหมากทั้งหมด
มันไม่ใช่ว่าแบบไหนผิด มันก็แค่มุมมองของเขาถูกเปลี่ยนไป วิชาใต้นภาของหานเซิ่นเกี่ยวกับการเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ ขณะที่อนัตตาคือการมองลงมายังโลก มันแค่เป็นวิถีทางที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง
แน่นอนว่าระดับพลังของหานเซิ่นต่ำกว่าอัลฟ่าของเวรี่ไฮคนนั้นมาก อัลผ่าคนนั้นไปถึงปลายเส้นทางแล้ว แต่หานเซิ่นเพิ่งจะเริ่มการเดินทางของเขาเท่านั้น
มันไม่มีเส้นทางที่ถูกต้อง เช่นเดียวกับที่มันไม่มีเส้นทางที่ผิด แต่มันมีความแตกต่างระหว่างผู้คน หานเซิ่นต้องการจะไปถึงระดับที่สูงเทียบเท่าอัลฟ่าคนนั้น แต่เขารู้ว่ายังคงมีหนทางอีกไกลก่อนที่เขาจะไปถึงจุดนั้น
แต่จิตใจของอัลฟ่าและอนัตตามอบโอกาสให้หานเซิ่นได้มองผ่านดวงตาของผู้อื่น มันยากจะคาดเดาได้ว่านั่นมอบประโยชน์อะไรให้กับเขา
“หลังจากผ่านยุคสมัยนับไม่ถ้วน ในที่สุดอนัตตาก็กลับคืนสู่เผ่าเวรี่ไฮ หานเซิ่น เจ้าคือคนที่ทำเรื่องนี้ ข้ารับประกันได้เลยว่าเจ้าจะได้รับรางวัลอย่างงาม”
ในตอนที่หานเซิ่นมองกลับมา เขาเห็นชายแก่เผ่าเวรี่ไฮคนหนึ่ง ชายแก่คนนั้นผอมจนเห็นกระดูก เขากำลังพูดด้วยท่าทางดีใจ
เมื่อเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อเห็นชายแก่คนนั้น พวกเธอก็อึ้งไป พวกเธอรีบหันมาหาหานเซิ่นและพูด “รีบกล่าวขอบคุณลุงเก้า”
“ขอบคุณผู้อาวุโส” หานเซิ่นโค้งคำนับ เขาไม่ได้คิดว่าคำชมเชยของอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่น่าดีใจอะไร ในตอนนี้เขาไม่มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวสิ่งต่างๆในโลก
ลุงเก้าไม่ได้ติดใจอะไรกับท่าทางของหานเซิ่น เวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์นั้นไม่ได้สนใจอะไรในเรื่องมารยาท ลุงเก้าเป็นถึงยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลาย ดังนั้นเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องเล็กน้อยพวกนั้น
การกลับมาอีกครั้งของอนัตตาเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งเผ่าเวรี่ไฮตกตะลึง เวรี่ไฮมากมายที่รู้ข่าวพยายามจะศึกษาอนัตตา หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทนั้นสอนมันให้กับเวรี่ไฮคนอื่น แต่เวรี่ไฮส่วนใหญ่ต้องผิดหวังกับผลลัพธ์ในการเรียนรู้ของพวกเขา อนัตตาขัดแย้งกับเวรี่ไฮเซ้นส์มากเกินไป นอกซะจากจิตใจของพวกเขาจะถึงระดับอัลฟ่าของเวรี่ไฮ พวกเขาก็ไม่สามารถฝึกวิชาจีโนทั้งสองร่วมกันได้
อัลฟ่าเรียกตัวเองว่าเป็นเวรี่ไฮสูงสุดที่อยู่ข้างใต้ผู้นำ ในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขามองไปทั่วทั้งเผ่าเวรี่ไฮ แต่เขาก็ไม่พบสักคนเดียวที่มีจิตใจที่อยู่ในระดับเดียวกับเขา
ในตอนที่เหล่าเวรี่ไฮเรียนรู้วิชาจากหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทไม่สำเร็จ เวรี่ไฮบางคนพยายามจะจำลองวิธีการของหานเซิ่นโดยศึกษาจากความรู้สึกบนกำแพงโบณาณ แต่ทว่าในตอนที่พวกเขาจ้องไปที่เนตรเวรี่ไฮ พวกเขาก็ไม่สามารถกระตุ้นจิตใจที่อยู่ภายในได้
นอกจากหานเซิ่น เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อแล้ว ไม่มีใครในเผ่าเวรี่ไฮที่สามารถฝึกอนัตตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นทำให้เวรี่ไฮมากมายรู้สึกเศร้าใจ
แต่อย่างน้อยเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อก็ฝึกอนัตตาได้สำเร็จ และนั่นถือเป็นเรื่องดีมากสำหรับเผ่าเวรี่ไฮ พวกเขาดีใจกับเรื่องนั้น
เนื่องจากหานเซิ่นเป็นคนที่นำอนัตตากลับคืนสู่เผ่าเวรี่ไฮ เขาจึงได้รับรางวัลตอบแทน
แต่ในตอนที่หานเซิ่นรับรางวัล เขารู้สึกเสียใจ เขาคิดว่าจะได้รับยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าหรือสมบัติบางอย่าง ถ้าเขาได้รับสิ่งของขั้นทรูก็อตมา นั่นจะเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆ
แต่ทางเวรี่ไฮนั้นมอบบัตรผ่านที่จะอนุญาตให้เขาไปที่เวรี่ไฮคอร์ทแทน
เวรี่ไฮคอร์ทคือคลังสมบัติที่เวรี่ไฮเก็บวิชาจีโนของพวกเขาเอาไว้ ในตอนที่หานเซิ่นได้รับบัตรผ่านมา เขาก็ได้รับสิทธิพิเศษเฉพาะของเวรี่ไฮคนหนึ่ง เขามีสิทธิ์ที่จะเข้าไปในเวรี่ไฮคอร์ทและสามารถฝึกวิชาจีโนที่อยู่ภายในนั้น แต่สำหรับหานเซิ่นแล้ว รางวัลนี้เป็นอะไรที่แย่กว่าสมบัติและยีนซีโน่เจเนอิค
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อมองหานเซิ่นอย่างเย้ยหยัน ในตอนที่พวกเธอสัมผัสได้ถึงความคิดของหานเซิ่น เขานั้นโชคดีมาก แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รับรู้ในเรื่องนั้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น