Super God Gene 2719-2739
ตอนที่ 2719
ผ่านไปไม่กี่วัน รูปลักษณ์ของอิมมอร์ทัลดราก้อนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก มันเหมือนกับงูที่ลอกคราบ เกล็ดของมันหลุดร่วงออกมาเรื่อยๆ และร่างกายของมันก็หดเล็กลงทุกครั้งที่มันลอกคราบ
แต่ขณะที่ร่างกายของมันหดเล็กลง โซ่สสารก็ก่อตัวขึ้นจากเกล็ดของมันชัดเจนยิ่งขึ้น กระบวนการวิวัฒนาการของมันดูจะเป็นไปอย่างราบรื่น
‘ถ้าคริสตัลสีดำทำให้ซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งพัฒนาไปสู่ระดับเทพเจ้าได้ นั่นจะเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ! ความจริงที่คริสตัลสีดำส่งผลกระทบต่อมอนสเตอร์ในก็อตแซงชัวรี่ก็ถือเป็นอะไรที่สุดยอด แต่มันไม่น่าตกใจจนเกินไป มอนสเตอร์เหล่านั้นมียีนที่ดีและพลังที่จำเป็นต้องใช้ในการวิวัฒนาการ เมื่อเทียบกันแล้วพลังงานที่จำเป็นสำหรับการทำให้ซีโน่เจเนอิคระดับราชันเพื่อกลายเป็นระดับเทพเจ้านั้นเป็นอะไรที่สูงมากๆ การที่อิมมอร์ทัลดราก้อนถูกยกระดับขึ้นในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน นั่นหมายความว่าคริสตัลสีดำนี่ต้องบรรจุพลังงานจำนวนมหาศาลเอาไว้ข้างใน’ หานเซิ่นคิดกับตัวเองด้วยความตกใจ
ถึงแม้หานเซิ่นจะเป็นคนทำการทดสอบนี้ด้วยตัวเอง เขาก็ยังคงไม่อยากจะเชื่อ
ร่างกายของอิมมอร์ทัลดราก้อนยังคงเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ และในวันที่สิบมันก็ดูเหมือนกับว่าร่างกายของมันถูกทำขึ้นมาจากคริสตัล ร่างกายของมันระยับระยิบกับแสงและก่อให้เกิดโซ่สสารขึ้นมา
พืชรอบๆตัวอิมมอร์ทัลดราก้อนเติบโตอย่างรวดเร็ว และหานเซิ่นก็มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึง
‘ดูเหมือนว่าอิมมอร์ทัลดราก้อนจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าจริงๆ’
หานเซิ่นคิด หลังจากนั้นเขาก็เห็นอิมมอร์ทัลดราก้อนยกหัวขึ้นด้วยความเจ็บปวด มันปลดปล่อยเสียงร้องประหลาดออกมาและโซ่สสารศักดิ์สิทธิ์ของมันก็ปะทุราวกับภูเขาไฟ
“มันกำลังจะเลื่อนระดับขึ้นในตอนนี้?”
โซ่สสารศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้มทั้งร่างกายของอิมมอร์ทัลดราก้อนจนดูเหมือนกับดวงอาทิตย์เล็กๆ หานเซิ่นจำเป็นต้องหลี่ตา แต่เขาก็ยังไม่สามารถมองทะลุผ่านแสงที่เจิดจ้า เขาทำได้แค่สัมผัสถึงพลังชีวิตของอิมมอร์ทัลดราก้อน มันมีพลังงานที่น่ากลัวหมุนวนรอบๆตัวของมันราวกับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์
หานเซิ่นจำเป็นต้องเทเลพอร์ตออกห่างไปจากอิมมอร์ทัลดราก้อนเพื่อป้องกันตัวเองจากแสงนั่น
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นพลังที่น่ากลัวก็เริ่มจางหายไป ในตอนที่แสงศักดิ์สิทธิ์มัวลงไป หานเซิ่นก็อ้าปากค้าง
อิมมอร์ทัลดราก้อนหายตัวไป และเหลือเพียงแค่คริสตัลสีดำเท่านั้นที่อยู่ตรงนั้น
“นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น…” หลังจากที่รู้สึกตัว หานเซิ่นก็เรียกวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงออกมาตรวจเช็ดบริเวณรอบๆคริสตัลสีดำ
อิมมอร์ทัลดราก้อนไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว และร่องรอยทั้งหมดของมันก็หายไปราวกับว่ามันไม่เคยอยู่ในที่แห่งนี้ นอกจากคริสตัลสีดำแล้วมันก็ไม่มีอะไรอย่างอื่น แม้แต่เกล็ดของอิมมอร์ทัลดราก้อนที่อยู่ตกบนพื้นก็หายไปเช่นเดียวกัน
หานเซิ่นเดินเข้าไปหาคริสตัลสีดำอย่างระมัดระวัง เขามองไปที่คริสตัลสีดำและสังเกตเห็นบางสิ่งภายในคริสตัล มันมีเงาที่ดูเหมือนกับอิมมอร์ทัลดราก้อนอยู่ภายในคริสตัล
ในชั่วพริบตา อิมมอร์ทัลดราก้อนก็หายไปและคริสตัลสีดำก็กลับสู่สภาพปกติ มันเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง?” หานเซิ่นสั่นไหวเล็กน้อย แต่ลึกๆแล้วเขารู้สึกดีใจ
“โชคดีที่เราไม่ได้กินคริสตัลสีดำเข้าไป ไม่อย่างนั้นเราก็อาจจะมีจุดจบเหมือนอย่างอิมมอร์ทัลดราก้อน ดูเหมือนว่าคริสตัลสีดำนี้จะแตกต่างไปจากอันที่เราเคยพบ”
หานเซิ่นจ้องมองคริสตัลสีดำที่อยู่บนพื้น แต่เขาไม่กล้าจะเก็บมันขึ้นมา สิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนั้นเป็นอะไรที่แปลกเกินไป
ขณะที่หานเซิ่นมองไปที่คริสตัลสีดำ จู่ๆมันก็เริ่มจะเคลื่อนไหว มันเด้งไปมากับพื้นอย่างรุนแรงราวกับถั่ว
Katcha!
หลังจากนั้นจู่ๆคริสตัลสีดำก็เปิดออก หานเซิ่นจ้องมองไปที่คริสตัลสีดำอยู่ตลอดเวลา แต่เขาไม่สามารถบรรยายถึงมิติที่บิดเบี้ยวได้ มันอาจจะเป็นอะไรที่ถูกต้องมากกว่าถ้าบอกว่าคริสตัลเปลี่ยนร่าง
หนึ่งนาทีต่อมา หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าคริสตัลสีดำเริ่มจะดูคล้ายคลึงกับอิมมอร์ทัลดราก้อน แต่ขณะที่อิมมอร์ทัลดราก้อนดังเดิมมีสีขาวเหมือนกับหิมะ อิมมอร์ทัลดราก้อนตัวใหม่นี่มีสีดำสนิทเหมือนกับคริสตัล คริสตัลสีดำยังคงเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ และในท้ายที่สุดอิมมอร์ทัลดราก้อนตัวเป็นๆก็กลับมาอยู่ตรงหน้าหานเซิ่นอีกครั้ง
วินาทีต่อมา อิมมอร์ทัลดราก้อนก็ลืมตาขึ้นมาและมองตรงมาที่หานเซิ่น
หานเซิ่นจ้องกลับไป เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่เป็นอิมมอร์ทัลดราก้อนตัวเดิมหรือเปล่า
หานเซิ่นและอิมมอร์ทัลดราก้อนจ้องตากันอยู่สักพักโดยไม่มีฝ่ายไหนทำอะไร
ภายในจิตของหานเซิ่น จู่ๆชุดเกราะคริสตัลสีดำที่หลับใหลอยู่ก็ทำงานขึ้นมา มันบินออกมาและเข้าไปจับตัวอิมมอร์ทัลดราก้อนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคริสตัลสีดำ
อิมมอร์ทัลดราก้อนไม่ได้พยายามจะต่อต้านชุดเกราะคริสตัลสีดำ
ภาพที่น่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นต่อหน้าหานเซิ่น ขณะที่ชุดเกราะคริสตัลสีดำสัมผัสกับอิมมอร์ทัลดราก้อน อิมมอร์ทัลดราก้อนก็กลับไปดูเหมือนกับคริสตัลอีกครั้ง ก่อนที่หานเซิ่นจะเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ชุดเกราะคริสตัลสีดำก็กลับเข้าไปในจิตของเขาอีกครั้ง ขณะที่ยังคงถือคริสตัลนั่นเอาไว้
หลังจากนั้นชุดเกราะคริสตัลสีดำก็ปลดปล่อยพลังลึกลับออกมาเพื่อปิดผนึกร่างกายของหานเซิ่น สำหรับคนอื่นที่มองหานเซิ่นจากภายนอก พวกเขาจะเห็นหานเซิ่นดูธรรมดาๆและไม่น่าสนใจอะไร มีเพียงแค่พลังของวิชากายหยกเท่านั้นที่อยู่ภายในตัวของเขา
หานเซิ่นรู้สึกสงสัย เขาไม่รู้ว่าชุดเกราะคริสตัลสีดำกำลังทำอะไรกันแน่
แต่เขารู้ว่าชุดเกราะคริสตัลสีดำจะไม่เคลื่อนไหวโดยไม่มีเหตุผล ในอดีตชุดเกราะคริสตัลสีดำจะทำงานก็ต่อเมื่อหานเซิ่นตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน และบ่อยครั้งที่สถานการณ์เหล่านั้นจะเกี่ยวข้องกับจีโนฮอลล์
ขณะที่หานเซิ่นกำลังขมวดคิ้ว เขาก็เห็นคนๆหนึ่งกำลังเดินทางเข้ามา แต่ในชั่วครู่ชายคนนั้นก็อยู่ห่างจากต้นไม้ดาราไปแค่ไม่กี่ก้าว
ในตอนที่หานเซิ่นเห็นใบหน้าของคนๆนั้น เขาก็รู้สึกตกใจ ชายคนนี้ดูเหมือนกับหนึ่งในเผ่าเวรี่ไฮ แต่หานเซิ่นรู้ว่ามันไม่ใช่ เขาจดจำใบหน้าของชายคนนี้ได้
ในตอนที่หานเซิ่นและหลี่เคอเอ๋อเข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตาที่อยู่ในทะเลทราย เขาก็ได้พบกับรูปปั้นของพระเจ้าที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่า รูปปั้นนั้นมีใบหน้าแบบเดียวกับชายคนนี้ แต่ออร่าของรูปปั้นนั่นไม่ได้เหมือนกับชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้เลยสักนิดเดียว
ถึงแม้พวกเขาจะดูเหมือนกันไม่มีผิด แต่ชายคนนี้ดูมีออร่าที่ชัดเจน ถ้ารูปปั้นนั้นมาอยู่ที่นี้ในตอนนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะดูเหมือนกันสักแค่ไหน รูปปั้นก็ดูเหมือนเป็นเพียงแค่คนรับใช้เท่านั้น
“นี่คงจะไม่ได้เป็นร่างจริงของพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าหรอกใช่ไหม?”
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมชุดเกราะคริสตัลสีดำถึงได้ทำการซ่อนตัว
“แปลกจริงๆ ก่อนหน้านี้ข้าสัมผัสได้ถึงจีโนโพรโทพลาสซึม แต่ตอนนี้มันหายไปไหนแล้ว? มีคนอื่นมาถึงที่นี่ก่อนหน้าข้าอย่างนั้นหรอ? ไม่มีทาง ที่แห่งนี้เป็นดินแดนของข้า มันไม่มีทางที่พวกเขาจะสัมผัสได้ถึงมันก่อนข้าไปได้” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าขมวดคิ้ว หลังจากนั้นเขาก็มองเห็นหานเซิ่นที่กำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้
“นี่เจ้าเห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดแถวนี้บ้างไหม?” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าถามขณะที่เดินเข้ามาหาหานเซิ่น
“สิ่งมีชีวิตประหลาดอะไร?” หานเซิ่นถามกลับไป
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าขมวดคิ้ว เขาไม่ควรถามคำถามแบบนั้น เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร และถึงแม้สิ่งมีชีวิตอื่นจะเห็นจีโนโพรโทพลาสซึม พวกเขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันคืออะไร
“ช่างเถอะ ไหนๆตอนนี้ข้าก็มาอยู่ที่นี่แล้ว วันนี้ถือเป็นโชคดีของเจ้า ข้าจะทำให้คำอธิษฐานของเจ้าเป็นจริงขึ้นมา บอกคำอธิษฐานข้อหนึ่งออกมา และข้าจะทำให้มันกลายเป็นความจริง” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดกับหานเซิ่น
ตอนที่ 2720
“เจ้าเป็นพระเจ้า?” หานเซิ่นถามและแกล้งทำเป็นตกใจ
“ใช่ ข้าคือพระเจ้า ข้าทำได้ทุกอย่าง” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูด
“แต่พ่อแม่ของข้าบอกว่าในโลกนี้ไม่มีพระเจ้าอยู่และวิทยาศาสตร์คือความเป็นจริง” หานเซิ่นมองพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าด้วยสายตาที่ไม่เชื่อ
“ถ้าอย่างนั้นพ่อแม่ของเจ้าก็โง่เขลา” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ามองไปที่หานเซิ่นและพูดต่อ
“เจ้าเป็นคริสตัลไลเซอร์ ไม่แปลกที่เจ้าจะคิดแบบนั้น พวกเจ้าแค่รู้เกี่ยวกับการทำงานของจักรวาลเพียงอย่างสองอย่าง แต่พวกเจ้าก็คิดไปว่าพวกเจ้ารู้ทั้งหมดแล้ว นั่นเป็นอะไรที่โง่เขลา”
เห็นได้ชัดว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าคิดว่าหานเซิ่นโง่เง่า เขาพูดต่อไปว่า
“เจ้าจะอธิษฐานอะไรก็ได้ที่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่นเจ้าอธิษฐานขอให้ตัวเองกลายเป็นระดับเทพเจ้า เจ้าอธิษฐานขอสมบัติระดับเทพเจ้าขั้นสูง หรือเจ้าอธิษฐานให้เจ้าได้ขึ้นเป็นผู้ปกครองของเอาท์เตอร์สกายก็ยังได้ ข้าจะทำให้คำอธิษฐานของเจ้าเป็นจริงและแสดงให้เจ้าดูว่าพระเจ้าที่แท้จริงทำอะไรได้”
หานเซิ่นกระพริบตาปริบๆ เขาดูไร้เดียงสาขณะที่พูดออกมา “แต่ข้าไม่ได้ต้องการอะไรพวกนั้น”
“เจ้าไม่อยากเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างนั้นหรอ? เจ้าไม่อยากครอบครองจักรวาลหรือยังไง? สำหรับข้าแล้ว การมอบพลังแบบนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ ถ้าเจ้าทำการอธิษฐาน ข้าจะทำให้มันเป็นความจริงขึ้นมา”
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดเพื่อพยายามจะล่อหลอกหานเซิ่น
“ข้าจำเป็นต้องมีอะไรพวกนั้นด้วยหรอ?” หานเซิ่นถามพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าด้วยสีหน้าที่ดูสับสน
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าดูพร้อมจะตอบคำถามทุกอย่าง
“เพื่อที่เจ้าจะได้มีทุกอย่างที่ต้องการ ผู้หญิงที่งดงามของทุกเผ่าพันธุ์จะกลายเป็นของเล่นของเจ้า ยอดฝีมือของทุกเผ่าพันธุ์จะกลายเป็นทาสรับใช้ของเจ้า เจ้าจะเป็นผู้นำของทั้งจักรวาล ทุกสิ่งมีชีวิตในจักรวาลจะเชื่อฟังและหวาดกลัวเจ้า”
“นั่นฟังดูไม่เห็นจะดีตรงไหน ข้าไม่อยาได้อะไรพวกนั้น”
หานเซิ่นไม่ต้องการอธิษฐานอะไรแบบนั้น เพราะถ้าเกิดเขาทำการขอมากถึงขนาดนั้นล่ะก็ พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็คงจะเก็บค่าตอบแทนจนถึงกระดูกของเขา
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องการอะไร?” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าถามพร้อมกับขมวดคิ้ว ชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ดูโง่เขลา แต่คนที่โง่นั้นโน้มน้าวได้ยากกว่าคนส่วนใหญ่
“ในตอนนี้ข้ามีความสุขมากแล้ว ข้าไม่ได้ต้องการอะไร ถ้าเจ้าเป็นพระเจ้าจริงๆ ก็ควรจะเก็บคำอธิษฐานพวกนี้เอาไว้ให้กับคนที่ทุกข์ยากและจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ” หานเซิ่นพูด
หานเซิ่นรู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าอย่างราชาจุนไม่สามารถทำร้ายสิ่งมีชีวิตของจักรวาลจีโนตรงๆได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่กลัวว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าจะทำอะไรเขา
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเจอกับคนของจักรวาลนี้ เขาจะหาหนทางทำให้คนๆนั้นทำการอธิษฐานขออะไรสักอย่างเสมอ แต่วันนี้เขามาที่นี่เพื่อตามหาจีโนโพรโทพลาสซึม เขาไม่มีอารมณ์จะมาเสียเวลาพูดคุยกับหานเซิ่น หลังจากที่จ้องมองหานเซิ่นอยู่ชั่วครู่ เขาก็หันกลับและไม่สนใจหานเซิ่นอีก เขาอยากจะเดินดูรอบๆเพื่อหาเบาะแสของจีโนโพรโทพลาสซึม
ในตอนที่หานเซิ่นเห็นว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าเลิกสนใจเขา หานเซิ่นก็อดกลั้นความโล่งใจเอาไว้ ชุดเกราะคริสตัลสีดำยังคงปิดผนึกร่างกายของเขา มันยังเร็วเกินไปที่จะดีใจ เพราะพระเจ้าแห่งความว่างเปล่ายังคงเดินอยู่รอบๆ
‘ถ้าเขาไม่ไป แบบนั้นเราก็ควรจะเป็นฝ่ายไปจากที่นี่แทน’
หานเซิ่นคิด เขาจะอยู่ให้ห่างจากต้นไม้ดาราจนกระทั่งพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าตัดสินใจจากไป
แต่หลังจากที่หานเซิ่นบินไปได้ไม่นาน พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็มาปรากฏตัวด้านหน้าของเขาอีกครั้ง
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าไม่พบร่องรอยของจีโนโพรโทพลาสซึม ดังนั้นเขาจึงกลับมาหาหานเซิ่น
หานเซิ่นเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ในบริเวณนี้ ถ้ามันมีจีโนโพรโทพลาสซึมในบริเวณนี้จริงๆ หานเซิ่นก็เป็นคนที่น่าจะได้เห็นมัน พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าไม่พอใจนักที่ไม่สามารถอ่านจิตใจของหานเซิ่นได้
ใบหน้าของหานเซิ่นยังคงไร้ซึ่งความรู้สึก เขายังคงบินไปข้างหน้าเรื่อยๆ เขาไม่อยากให้พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าเกิดสงสัยในตัวเขาขึ้นมา
ในตอนที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าเข้ามาใกล้หานเซิ่น เขาก็พูดอีกครั้ง
“เจ้าคิดเกี่ยวกับข้อเสนอของข้าหรือยัง? เจ้ายังมีโอกาสที่จะทำการอธิษฐาน”
“ตอนนี้ข้ายังไม่ได้ต้องการอะไร เจ้าควรไปถามคนอื่นแทน”
หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆบินผ่านพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าไป
“ข้าบอกให้เจ้าทำการอธิษฐาน ดังนั้นทำการอธิษฐานซะ หยุดพูดจาไร้สาระ!”
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าดูเย็นชาขึ้นมา เขาโบกมือเพื่อฉีกมิติของอวกาศ หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าโลกกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
แต่หานเซิ่นไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกข่มขู่ เขาเข้าใจถึงธรรมชาติและข้อจำกัดของเหล่าคนที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้านี้ เขาจะไม่ถูกขู่ให้กลัวง่ายๆแบบนั้น
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่รู้จักข้าดีพอ มันไม่สำคัญว่าเจ้าต้องการให้ข้าทำการอธิษฐานมากขนาดไหน เพราะข้าจะไม่ทำมัน เจ้าจะทำอะไรข้าก็ได้? ถ้าเจ้าเป็นพระเจ้าจริงๆ ก็ควรจะฆ่าข้าได้อย่างง่ายดาย” หานเซิ่นพูดด้วยสีหน้าที่แข็งกร้าว
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าดูประหลาดใจ การฉีกมิติออกด้วยมือเปล่านั้นควรจะทำให้หานเซิ่นตื่นกลัว แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ควรจะตกใจจนพูดอะไรไม่ออก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างคนที่ไร้สมองคนนี้กลับไม่สะทกสะท้านต่อการแสดงพลังของเขาเลยสักนิดเดียว นั่นทำให้พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าไม่แน่ใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
ถ้าทำได้ พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็คงจะตบหน้าของหานเซิ่นจนตายและขโมยความทรงจำของเขาไป แต่เขาไม่สามารถโจมตีหานเซิ่นแบบนั้นได้ อย่างน้อยๆก็ไม่สามารถทำในจักรวาลนี้ได้
“ดีมาก” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าไม่ได้พูดอะไรอีก เขาหันกลับและหายตัวไป หลังจากนั้นการแตกสลายของมิติก็กลับสู่สภาพปกติ
‘คนพวกนี้ทำอะไรในจักรวาลจีโนไม่ได้จริงๆ บางทีมันอาจจะมีเงื่อนไขบางอย่างที่ผูกมัดพวกเขา แต่ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็หมายความว่าเราจะไม่เป็นอะไร ถึงแม้ผู้คนที่อ้างตัวว่าเป็นพระเจ้าทั้งหมดจะกลายเป็นศัตรูกับเรา ตราบใดที่เราไม่ทำการอธิษฐาน พวกเขาก็ทำอะไรเราไม่ได้’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
แต่ชุดเกราะคริสตัลสีดำยังคงไม่ปลดผนึกบนร่างกายของเขา ซึ่งทำให้หานเซิ่นรู้ว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่ายังไม่ได้ออกไปจากบริเวณนี้จริงๆ หานเซิ่นกลับไปที่ต้นไม้ดารา แต่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ายังคงซ่อนตัวอยู่
ไม่นานหลังจากนั้นเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อก็พาเป่าเอ๋อมาที่ต้นไม้ดารา หานเซิ่นกระวนกระวายขึ้นมาในทันที พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าอาจจะทำอะไรหานเซิ่นไม่ได้ แต่เขาอาจจะพยายามให้คนรอบๆตัวเขาทำการอธิษฐาน เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อนั้นเป็นเป้าหมายที่ง่ายกว่า
หานเซิ่นใส่ความกังวลเข้าไปในรูปปั้นหยกเพื่อที่เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อจะได้สัมผัสถึงความกังวลของเขาและระมัดระวังตัว
เมื่อเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อรู้สึกได้ถึงความกังวลของหานเซิ่น พวกเธอก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น หานเซิ่นบอกพวกเธอเกี่ยวกับพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าและแนะนำให้พวกเธอระมัดระวังเอาไว้
ขณะที่พวกเขาทั้งสามพูดคุยกัน เป่าเอ๋อก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ดารา เธอกำลังเล่นอยู่ผลไม้ดารา และทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งปรากฏกายบนกิ่งไม้ข้างๆเธอ
“หนูน้อย เจ้าต้องการนี่ไหม?” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ากำลังถืออัญมณีที่งดงามอันหนึ่งอยู่ในมือ เขายิ้มให้กับเป่าเอ๋อและแกว่งอัญมณีไปมาขณะที่พูดกับเธอ
หานเซิ่นคิดถูกแล้วเรื่องที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าจะเล็งเป้ามาที่คนรอบๆตัวเขา แต่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าไม่ได้เลือกเอ็กซ์ควิสิทหรือหลี่เคอเอ๋ออย่างที่หานเซิ่นคิดเอาไว้ พระเจ้าแห่งความว่างเปล่านั้นเล็งเป้าไปที่เป่าเอ๋อที่ดูไร้เดียงสา
เป่าเอ๋อมองไปที่อัญมณีในมือของพระเจ้าแห่งความว่างเปล่า ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
ตอนที่ 2721
“นั่นเป็นอัญมณีที่งดงามมากๆ” เป่าเป๋อพูด ขณะที่เธอจ้องไปที่อัญมณีในมือของพระเจ้าแห่งความว่างเปล่า ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความสนใจ
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ายิ้มที่มุมปาก เขาดูอวดดีขณะที่พูดขึ้นว่า
“หนูต้องการมันไหม? แค่พูดว่าหนูต้องการมันและมันจะเป็นของหนู”
“จริงอย่างนั้นหรอ?” เป่าเอ๋อดูประหลาดใจ เธอจ้องไปที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“แน่นอน ตราบใดที่หนูพูดสิ่งที่ต้องการออกมา สาวน้อยน่ารักอย่างหนูก็จะมีทุกอย่างที่หนูใฝ่ฝัน”
“ลุงเป็นคนดีจริงๆ!” เป่าเอ๋อพูดด้วยความตื่นเต้น
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าหัวเราะ เขาถืออัญมณีไว้ตรงหน้าเป่าเอ๋อและยิ้ม
“แค่พูดออกมาว่าหนูต้องการมัน หลังจากนั้นอัญมณีนี่จะตกเป็นของหนู”
เป่าเอ๋อมองไปที่อัญมณีด้วยความปรารถนา และเธอก็ค่อยๆเอื้อมมือออกไปหาอัญมณี
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าซ่อนรอยยิ้มเหยียดหยามขณะที่คิดกับตัวเอง
‘ผู้หญิงทุกคนเป็นเหมือนกันหมด ไม่สำคัญว่าพวกนางจะเป็นเด็กหรือคนชรา พวกนางก็รักสิ่งที่เป็นประกายกันทุกคน’
แต่จู่ๆเป่าเอ๋อก็ดึงมือกลับ และพูดด้วยใบหน้าที่ดูผิดหวัง “ความจริงแล้วหนูไม่ต้องการมัน”
“อะไรกัน? ทำไมจู่ๆหนูถึงไม่ต้องการมัน?” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าถามด้วยความประหลาดใจ เขาตกใจกับการเปลี่ยนใจอย่างกะทันหันของเป่าเอ๋อ
“แม่เคยบอกว่าไม่ควรรับสิ่งของจากคนแปลกหน้า”
เป่าเอ๋อพูดอย่างจริงจัง แต่ดวงตาของเธอยังคงมองไปที่อัญมณี ดูเหมือนกับว่าเธอพยายามจะห้ามตัวเองจากการเอื้อมมือออกไปคว้ามัน
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าหนูจะรับสิ่งของจากคนแปลกหน้าไม่ได้ แต่ลุงไม่ใช่คนแปลกหน้า ลุงเป็นเพื่อนสนิทของพ่อหนู แบบนั้นหนูรับของจากลุงได้ถูกไหม?”
“ลุงเป็นเพื่อนสนิทของพ่อหนู?” เป่าเอ๋อถาม
“ใช่แล้ว พวกเราเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูด
“ถ้าลุงเป็นเพื่อนสนิทของพ่อ แบบนั้นพวกเราก็ไม่ใช่คนแปลกหน้ากัน!” เป่าเอ๋อพูดอย่างดีใจ
“แน่นอนว่าไม่ใช่!” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดพร้อมกับส่ายหัว
“ขอบคุณลุงมาก ถ้าอย่างนั้นหนูก็จะรับอัญมณีนั่นเอาไว้” เป่าเอ๋อยื่นมือออกไปรับอัญมณีที่อยู่ในมือของพระเจ้าแห่งความว่างเปล่า
ขณะที่เธอยื่นมือออกมา พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็ไม่แน่ใจว่าควรจะปล่อยมันไปหรือควรจะถือมันเอาไว้ เป่าเอ๋อนั้นไม่ได้กล่าวคำอธิษฐานออกมา ตอนนี้ถ้าเธอเอามันไป พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็จะไม่ได้อะไรเป็นการตอบแทน
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าไม่ตอบสนอง ซึ่งทำให้เป่าเอ๋อมองเขาด้วยความสับสน
“นี่ลุงไม่ต้องการมอบอัญมณีให้กับหนูอย่างนั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ยังไงซะแม่หนูก็บอกว่าไม่ควรขโมยสิ่งของของคนอื่น”
คำพูดของเป่าเอ๋ออาจจะฟังดูดี แต่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความดูถูก เธอคิดว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่านั้นขี้เหนียวที่ไม่ยอมมอบอัญมณีให้กับเธอ
“อะแฮ่ม อะแฮ่ม หนูยังไม่ได้บอกลุงเลยว่าหนูต้องการมันหรือเปล่า” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูด ตอนนี้เขาดูไม่ค่อยสบายใจ
“ลุง อัญมณีนี้ดูจะสำคัญต่อลุงมาก ลุงควรจะเก็บมันเอาไว้” หลังจากที่พูดจบ เป่าเอ๋อก็หันกลับเพื่อจะจากไป
ถึงแม้เป่าเอ๋อจะไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น แต่เธอมีใบหน้าที่ดูถูกขณะที่เธอหันไป มันทำให้พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ารู้สึกหดหู่ยิ่งกว่าเดิม
เขาเป็นพระเจ้าแห่งความว่างเปล่า แต่เขาถูกดูหมิ่นโดยเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่ง
“เป่าเอ๋อ หนูอย่าเพิ่งไป! ลุงจะมอบอัญมณีนี้ให้กับหนูในฐานะของขวัญ ตอนนี้หนูเอามันไปจากลุงได้เลย”
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าไม่ได้สนใจอะไรอัญมณีนั่น และการมอบมันให้กับเป่าเอ๋ออาจจะทำให้เขาได้รับความเชื่อใจจากเธอ เขาไม่คิดจะปล่อยให้เธอจากไปง่ายๆ
“ลุงจะมอบมันให้หนูจริงๆ? ลุงจะไม่คิดถึงมันอย่างนั้นหรอ?” เป่าเอ๋อมองไปที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าด้วยความสงสัย
“สำหรับลุงแล้ว อัญมณีนี่เป็นเพียงแค่ก้อนหินก้อนหนึ่ง มันไร้ค่าเมื่อเทียบกับสิ่งของอื่นๆที่ลุงครอบครอง” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าวางอัญมณีลงในมือของเป่าเอ๋อ
“ขอบคุณลุงมาก ลุงเป็นคนดี” เป่าเอ๋อรับอัญมณีด้วยรอยยิ้ม
“ลุงดีใจที่หนูชอบมัน” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ายิ้มตอบ แต่เขากำลังคิดกับตัวเอง
‘ข้าก็กลัวว่านางจะไม่รับมันไปซะอีก ตอนนี้เมื่อนางเริ่มติดนิสัยรับสิ่งของจากข้า นี่ก็ควรจะเป็นอะไรที่ง่ายขึ้น’
เป่าเอ๋อดูจะชอบอัญมณีนั่นมากๆ เธอเล่นกับมันอย่างสนุกสนาน
หลังจากนั้นพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าและนำเอาอัญมณีที่ใหญ่โตกว่าอันแรกออกมา
“เป่าเอ๋อ หนูไม่คิดว่าอัญมณีนี้งดงามยิ่งกว่าหรอ? หนูชอบมันไหม?”
เป่าเอ๋อมองไปที่อัญมณีในมือของพระเจ้าแห่งความว่างเปล่า มันใหญ่โตเท่ากับกำปั้นของผู้ใหญ่ เธอกระพริบตาปริบๆก่อนจะพูดขึ้นว่า
“มันใหญ่เกินไป หนูจะดูเหมือนเป็นคนหัวสูงถ้าหนูมีมัน หนูชอบอันนี้มากกว่า”
หลังจากนั้นเป่าเอ๋อก็กลับไปเล่นกับอัญมณีในมือและเลิกให้ความสนใจพระเจ้าแห่งความว่างเปล่า
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ารู้สึกหดหู่ เขาคิดว่าการเสนออัญมณีที่ใหญ่โตและงดงามกว่าจะทำให้เป่าเอ๋อเชื่อในตัวเขา แต่ทว่าอัญมณีนั่นกลับทำให้เขาถูกเมินแทน
‘ดูเหมือนว่าการใช้อัญมณีจะดึงดูดนางไม่ได้อีกต่อไป’ พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าเริ่มคิดหาแผนการใหม่
“เป่าเอ๋อ หนูดูนี่สิ” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่านำบางสิ่งออกมาให้เธอดู
เป่าเอ๋อเงยหน้าขึ้นมาและเห็นว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่ากำลังถือกระจกทองแดงอยู่ กระจกนั่นมีความยาวแค่สิบเซนติเมตร และมันก็ดูบอบบางมากๆ
ด้านหน้าของกระจกดูเรียบเนียนและแวววาว ด้านหลังของกระจกเป็นเส้นที่กระจายออกจากจุดศูนย์กลางของกระจกไปยังมุมต่างๆเหมือนกับเป็นหน้าปัดของนาฬิกา สัญลักษณ์ประหลาดบางอย่างสลักอยู่ในช่องว่างระหว่างเส้นแต่ละเส้น
“นี่คืออะไร?” เป่าเอ๋อถามพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าด้วยความสงสัย
“นี่คือกระจกสตาร์เกจ มันเป็นสมบัติระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต มันจะทำให้หนูมองเห็นอดีตและอนาคต”
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดอวดกระจกโบราณ ถึงแม้เขาจะโอ้อวดความสามารถของมัน กระจกนี้ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างพิเศษจริงๆ พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าเคยต้องการกระจกนี้อย่างมาก และเขาก็ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักกว่าจะได้มันมา
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าและราชาจุนกล่วงอ้างว่าตัวเองเป็นพระเจ้า แต่พวกเขาไม่สามารถสร้างบางสิ่งขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้ ทุกอย่างที่พวกเขาใช้หรือควบคุมเป็นสิ่งที่มีอยู่ในจักรวาลอยู่แล้ว พวกเขาไม่สามารถเสกสิ่งของขึ้นมาอย่างตามใจชอบได้
กระจกสตาร์เกจบานนี้เป็นสมบัติที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าได้มาจากยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตเมื่อหลายพันล้านปีก่อน เขาต้องใช้เวลาเป็นร้อยๆปีก่อนที่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตคนนั้นจะทำการอธิษฐาน และหลังจากที่ยอดฝีมือคนนั้นทำการอธิษฐาน พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็ขโมยอายุขัยและกระจกสตาร์เกจมา
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าภาคภูมิกับความสำเร็จของเขา มันมีพระเจ้าหลายคนที่พยายามจะหลอกยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตคนนั้น แต่พวกเขาล้มเหลว พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าทำได้สำเร็จและได้รับสมบัติมา ดังนั้นถึงแม้กระจกนี้อาจจะไร้ประโยชน์สำหรับเขา แต่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็ยังคงพกมันไปไหนมาไหนด้วย ตอนนี้มันเป็นสิ่งที่เหมาะที่สุดที่จะใช้หลอกเป่าเอ๋อ
“กระจกนั่นทรงพลังขนาดนั้นเลย?” เป่าเอ๋อดูค่อยไม่เชื่อ
“แน่นอนอยู่แล้ว หนูดูนี่” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูด เขากดมือลงกับกระจกสตาร์เกจและควบคุมสัญลักษณ์บนด้านหลังของมัน
บนผิวของกระจกโบราณมีแสงกระพริบขึ้นมา และหลังจากผ่านไปสักพัก แสงนั่นก็ค่อยๆกลายเป็นภาพที่ไม่เสถียรเหมือนกับทีวีเก่า
ภาพในกระจกมีต้นไม้ดาราตั้งอยู่ และมันก็มีด้วงดาราฝูงใหญ่แห่กันมาที่ต้นไม้ราวกับคลื่นทะเล หานเซิ่นกำลังต่อสู้กับดวงดาราเหล่านั้น
เมื่อสังเกตดูดีๆ เป่าเอ๋อก็รู้สึกตัวว่ามันเป็นภาพตอนที่หานเซิ่นเข้ารับการทดสอบเพื่อรับผลไม้ดารา
ตอนที่ 2722
“กระจกสตาร์เกจส่องแสงไปยังอดีต มันย้อนเวลาเพื่อเผยสิ่งที่เกิดขึ้นในวันเวลาที่ผ่านมาแล้ว”
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม กระจกสตาร์เกจนั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับเขา แต่พลังของมันก็เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมอยู่ดี มันสามารถย้อนเวลาได้ และแค่พลังนั้นเพียงอย่างเดียวก็ทำให้มันเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากๆแล้ว
แต่ทว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าและพระเจ้าคนอื่นมักจะหลีกเลี่ยงการเปิดเผยความจริงทั้งหมด พลังของกระจกสตาร์เกจนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก แต่มันมีข้อจำกัดถึงสิ่งที่จะแสดงออกมา และคนปกติก็ไม่สามารถใช้กระจกได้ง่ายๆเหมือนอย่างที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่า
แน่นอนว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าไม่ได้บอกเรื่องนั้นกับเป่าเอ๋อ เขาจะให้เป่าเอ๋อเห็นแต่ความมหัศจรรย์ของกระจกสตาร์เกจเท่านั้น
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าสังเกตใบหน้าของเป่าเอ๋อขณะที่เขาแสดงพลังของกระจก ดวงตาของเป่าเอ๋อนั้นเบิกกว้าง ขณะที่เธอมองไปที่ภาพที่กำลังเล่นอยู่ในกระจกสตาร์เกจ แต่หลังจากที่มองดูอยู่สักพัก เธอก็ดูสับสน เธอพูดขึ้นว่า
“ลุง พลังนี้ที่บ้านของหนูเรียกว่ากล้องวิดีโอ พวกเรามีสิ่งของหลายอย่างที่จะแสดงภาพในอดีต อย่างดาต้าแพดและโทรศัพท์มือถือ มันยังมีโฮโลแกรมและเครื่องมืออื่นๆที่คล้ายกันอยู่อีก ถ้าลุงชอบมันมากขนาดนั้น หนูจะขอให้พ่อช่วยซื้อกล่องวิดีโอที่ดีที่สุดให้กับลุง มันจะแสดงภาพที่สวยงามและชัดเจนกว่ากระจกบานนี้ คิดซะว่ามันเป็นของตอบแทนที่ลุงมอบอัญมณีนี้ให้กับหนู”
เป่าเอ๋อมองพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าราวกับว่าเธอกำลังมองบางคนที่ล้าสมัย พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ารู้สึกว่ากล้ามเนื้อบริเวณแก้มของเขากระตุก
เขาอยากจะฆ่าเป่าเอ๋อซะตรงนี้ แต่เขาอดกลั้นความโกรธเอาไว้และพูดขึ้นว่า
“นี่ไม่ใช่กล้องวิดีโอ หนูจะย้อนเวลาได้ มันจะแสดงอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในอดีตให้หนูดู”
“มันแตกต่างอย่างไง?” เป่าเอ๋อเอนหัวอย่างสับสน
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ากำลังจะอธิบาย แต่หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกตัวว่ามันอาจจะเป็นแนวคิดที่ยากเกินไปสำหรับเด็กคนหนึ่ง การเดินทางข้ามเวลาเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และการจะอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างเรื่องนั้นกับการใช้กล้องวิดีโอเพื่อบันทึกเหตุการณ์ในอดีตดูจะเป็นอะไรที่ยากเกินไป
“ไม่เป็นไรถ้าหนูไม่สนใจพลังนี้ กระจกสตาร์เกจยังมีพลังที่สุดยอดอย่างอื่นอยู่อีก”
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าไม่รู้จะอธิบายยังไง ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนไปพูดถึงด้านอื่นที่น่าสนใจของกระจกสตาร์เกจแทน
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าหมุนหน้าปัดที่เหมือนกับเข็มทิศ และกระจกก็เริ่มจะเรืองแสงที่วูบวาบ
ในจังหวะต่อมา ผิวของกระจกก็แสดงภาพที่ต่างอออกไป ต้นไม้ดารายังคงอยู่ที่ใจกลางของรูปภาพ แต่มันไม่ได้มีแมลงดาราหรือหานเซิ่นอยู่
ภาพในวิดีโอ มีชายที่มีร่างกายของมนุษย์และหัวของสิงโตอยู่คนหนึ่ง เขาคนนั้นกำลังเด็ดผลไม้ดารา
ครั้งนี้ภาพวิดีโอนั้นสั้นมากๆ ชายหัวสิงโตคนนั้นเด็ดผลไม้อยู่ไม่กี่วินาทีก่อนที่ภาพจะหายไป
“นั่นคืออะไร?” เป่าเอ๋อถามด้วยความสับสน
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าตอบกลับไปว่า “นี่คือพลังที่แท้จริงของกระจกสตาร์เกจ มันเผยอนาคตข้างหน้า ภาพที่หนูเพิ่งจะเห็นไปคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ อีกไม่นานมันจะมีสิ่งมีชีวิตหัวสิงโตมาเก็บผลไม้ดารา ทุกอย่างที่หนูเห็นในกระจกจะเกิดขึ้นจริง”
“ลุงเป็นผู้กำกับภาพยนตร์อย่างนั้นหรอ?” เป่าเอ๋อมองไปที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าด้วยท่าทางสงสัย
กล้ามเนื้อบริเวณแก้มของพระเจ้าแห่งความว่างเปล่ากระตุก เขายับยั้งความอยากจะฆ่าเด็กเวรคนนี้และตอบไปว่า
“ผู้กำกับ? ลุงไม่ได้จ้างคนให้มาถ่ายภาพพวกนี้ ลุงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนๆนี้เป็นใคร สิ่งที่กระจกสตาร์เกจแสดงให้หนูเห็นเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
“อ้า มันมองเห็นอนาคต? พลังของมันมหัศจรรย์ขนาดนั้นเลย?”
ในที่สุดเป่าเอ๋อก็ดูประหลาดใจ เธอจ้องมองไปที่กระจกสตาร์เกจด้วยดวงตาที่เบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อเห็นใบหน้าของเป่าเอ๋อ พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เขาหัวเราะและพูด
“นี่เป็นหนึ่งในสมบัติขั้นทรูก็อตที่ดีที่สุด หนูแค่ต้องพูดออกมาว่าหนูต้องการมัน และลุงจะมอบมันให้กับหนู”
“ลุงพูดจริงอย่างนั้นหรอ? ลุงเป็นคนดีจริงๆ” เป่าเอ๋อมองพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าด้วยความประหลาดใจ
“หนูต้องการมันใช่ไหม?” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูด
เป่าเอ๋ออ้าปาก เมื่อดูจากสีหน้าของเธอแล้ว ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะพูดออกมา นี่ทำให้พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ารู้สึกมีความสุข ถ้าเป่าเอ๋อพูดสามคำว่า “หนูต้องการมัน” มันก็จะถือว่าเธอทำการอธิษฐานกับเขา
หลังจากนั้นเขาก็จะสามารถควบคุมชะตากรรมของเธอ และส่วนเรื่องของกระจกสตาร์เกจ เขาก็ไม่จำเป็นต้องมอบมันให้กับเธออีกต่อไป มันมีวิธีการหลายอย่างที่จะบิดเบือนคำอธิษฐานของคนๆหนึ่ง และพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็ได้คิดข้ออ้างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
แต่หลังจากที่เป่าเอ๋อเปิดปาก เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ดูเหมือนเธอจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และเธอกปิดปากลงอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรอย่างนั้นหรอ?” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าถามอย่างใจคอไม่ดี การถูกบังคับให้รอคอยแบบนี้เหมือนกับการมีอาการคัน แต่ไม่สามารถเกาได้
เป่าเอ๋อดูตื่นเต้นเล็กน้อย เธอคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้และเกือบจะหัวเราะออกมา พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ามองเป่าเอ๋อด้วยความสับสน เขาไม่รู้ว่ามันมีอะไรน่าตลกกับสถานการณ์ในตอนนี้ มันทำให้เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ตัวเองมองข้ามไป
“ลุง กระจกนี่ทำนายอนาคตได้อย่างนั้นใช่ไหม?” เป่าเอ๋อถามขึ้นมา
“ใช่แล้ว” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดพร้อมกับพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นมันทำนายหมายเลขของลอตเตอรี่สากลงวดต่อไปได้ใช่ไหม? มันจะทำให้หนูถูกรางวัลได้สินะ” เป่าเอ๋อมองพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าด้วยความตื่นเต้น
หลายเผ่าพันธุ์มีลอตเตอรี่ ดังนั้นพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าจึงคุ้นเคยกับแนวคิดของมัน ลอตเตอรี่สากลที่มีชื่อเสียงนั้นถูกจัดทำขึ้นโดยเผ่าพันสมบัติ
ตั๋วลอตเตอรี่มีราคาถูก แต่ถ้าใครคนหนึ่งถูกรางวัล พวกเขาก็จะได้รับเหรียญของเผ่าพันสมบัติเป็นพันล้านเหรียญ
พันล้านเหรียญของเผ่าพันสมบัตินั้นมีมูลค่ามากขนาดไหนอย่างนั้นหรอ? มันมากพอจะซื้อสมบัติระดับเทพเจ้าขั้นต่ำจากเผ่าพันสมบัติโดยตรงได้เลย
ในตอนนี้รางวัลของลอตเตอรี่สากลเพิ่มสูงขึ้นจนไปอยู่ที่พันล้านเหรียญ ใครก็ตามที่ถูกรางวัลจะได้รับเงินทั้งหมดไปโดยที่ไม่ต้องจ่ายภาษีใดๆ
ตลอดหลายปีได้มีสิ่งมีชีวิตมากมายทำการอธิษฐานเกี่ยวกับลอตเตอรี่สากล และพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็มีวิธีการหลายอย่างที่จะทำให้พวกเขาถูกรางวัล แต่ทว่ากระจกสตาร์เกจนั้นไม่ได้มีฟังก์ชั่นแบบนั้นอยู่ กระจกสตาร์เกจทำนายได้แค่อนาคตที่จะเกิดขึ้นในตำแหน่งเฉพาะที่มันถูกใช้งานเท่านั้น แถมอนาคตที่มันแสดงออกมายังเป็นอะไรที่ถูกสุ่มขึ้น ผู้ใช้ไม่สามารถเลือกความใกล้ไกลของอนาคตที่ถูกแสดงได้
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าไม่มีหนทางจะเพิ่มพลังแบบนั้นเข้าไปกับกระจกสตาร์เกจ ดังนั้นเขาจึงพูดอะไรไม่ออก
“ลุงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับลอตเตอรี่สากลอย่างนั้นหรอ? มันเป็นตั๋วเล็กๆที่มีหมายเลขอยู่บนตั๋ว ถ้าลุงถูกรางวัล ลุงก็จะซื้ออาหารและเสื้อผ้าได้เยอะมากๆ”
เป่าเอ๋อคิดว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับลอตเตอรี่สากล ดังนั้นเธอจึงพยายามจะอธิบายเกี่ยวกับมัน
“กระจกสตาร์เกจเป็นสมบัติขั้นทรูก็อต มันมีเกียรติมากเกินกว่าจะนำใช้ทำอะไรแบบนั้น” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูด
“มันทำเรื่องนั้นไม่ได้อย่างนั้นหรอ?” เป่าเอ๋อดูผิดหวัง หลังจากนั้นเธอก็คิดเกี่ยวกับอะไรบางอย่างได้และถาม
“ถ้าอย่างนั้นมันทำนายได้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในหนังสือเรื่องรักของท่านประธานผู้เอาแต่ใจ? หนูดูมันก่อนที่มันจะออกมาได้ไหม?”
“มันคืออะไร?” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าดูงุนงง
“มันเป็นผลงานของนักเขียนนิยายที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง นิยายของเขาดีมากๆ แต่นักเขียนนั้นทำงานช้า มันเพิ่งจะออกมาเพียงแค่เจ็ดเล่มเท่านั้น หนูอยากรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป กระจกสตาร์เกจนี้ทำนายได้ไหม?” เป่าเอ๋อมองพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าอย่างมีความหวัง
“เรื่องนี้…” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดอะไรไม่ออก กระจกสตาร์เกจไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้ ถึงแม้กระจกจะสามารถเผยการทำงานของผู้เขียนขณะที่เขากำลังเขียนนิยายเล่มต่อไปได้ แต่มันก็จะไม่แสดงอะไรมากนัก ในกรณีที่ดีที่สุด เป่าเอ๋อก็จะได้เห็นแค่งานเขียนของเขาแบบผ่านๆเท่านั้น
ตอนที่ 2723
“ไหนลุงบอกว่ามันเป็นของดี แต่มันทำเรื่องนี้ไม่ได้ เรื่องนั้นก็ไม่ได้ แบบนั้นแล้วมันมีเอาไว้ทำอะไรกัน?” เป่าเอ๋อเบะปากด้วยความเย้ยหยันเล็กน้อยขณะที่พูดออกมา
“ทำไม่ได้อะไรกัน? นี่ข้าเสนอสมบัติขั้นทรูก็อตที่ทำนายอนาคตได้ให้กับเจ้า แต่ทั้งหมดที่เจ้าต้องการคือการอ่านนิยายและถูกลอตเตอรี่เนี่ยนะ”
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพึมพำกับตัวเองอย่างหดหู่ เขาพูดกลับไปว่า
“กระจกบานนี้มีประโยชน์ของมันอยู่ หนูจะทำนายสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตได้”
“นั่นไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับหนู ถ้าหนูไม่ได้เงิน อาหารดีๆและมีเสื้อผ้าสวยๆใส่ มันก็เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์”
เป่าเอ๋อไม่สนใจมันอีกต่อไป เธอกลับไปเล่นบนผลไม้ดารา เธอไม่ต้องการจะพูดคุยเกี่ยวกับมันอีกแล้ว
การพูดคุยนี้ทำให้พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ารู้สึกแย่ กระจกสตาร์เกจนั้นเป็นสมบัติที่เขาหวงแหนมากที่สุด แต่เป่าเอ๋อพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเศษขยะที่ไร้ค่าชิ้นหนึ่ง เขาไม่สามารถยอมรับมันได้
“เด็กๆนี้เป็นอะไรที่แย่ที่สุด” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ารู้สึกโกรธ แต่การจะหลอกล่อเด็กคนนี้ก็ยังเป็นอะไรที่ง่ายกว่าการล่อหลอกหานเซิ่น ดังนั้นเขาจึงระงับความโกรธของตัวเอง เขายังไม่คิดจะยอมแพ้
“เป่าเอ๋อ หนูอย่าเพิ่งไป ลุงเพิ่งจะแสดงพลังด้านหนึ่งของกระจกสตาร์เกจเท่านั้น จริงๆแล้วมันยังมีอีกหลายอย่างที่กระจกนี้ทำได้” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูด เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะอดทนเอาไว้
“มันยังมีพลังอะไรอีก?” เป่าเอ๋อถามอย่างไม่ค่อยเต็มใจ เธอไม่อยากจะพูดคุยกับชายคนนี้อีกต่อไป
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ารีบพูดขึ้นว่า “หนูจะรู้เมื่อได้เห็นมัน และหนูจะชอบมันมากเช่นกัน”
เป่าเอ๋อหันไปมองพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าด้วยความเบื่อหน่าย เธอแค่ตอบเขาตามมารยาทเท่านั้น
เมื่อได้เห็นสีหน้าของเป่าเอ๋อ พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็รู้ว่าครั้งนี้เขาต้องแสดงอะไรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะพูดกับเธอได้ยากขึ้น
ขณะที่ยกกระจกสตาร์เกจขึ้นอีกครั้ง พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็ดูจริงจังอย่างมาก ในตอนแรกเขาปฏิบัติกับเป่าเอ๋อเหมือนกับเด็กธรรมดา แต่เป่าเอ๋อนั้นตอบสนองกลับมาในรูปแบบที่คาดไม่ถึง นั่นทำให้เขาต้องจริงจังกับเรื่องนี้มากขึ้น
เขาสัมผัสด้านหลังของกระจก และทำให้หน้าปัดด้านหลังหมุนอีกครั้ง แสงสว่างส่องออกมาจากกระจกและส่องไปที่เป่าเอ๋อ มันเปลี่ยนชุดคาวบอยของเป่าเอ๋อให้เป็นชุดเกราะที่แวววาว
“ว้าว! นี่มันสุดยอดไปเลย” ในตอนที่เป่าเอ๋อเห็นชุดเกราะ เธอก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีใจ
ในตอนที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าเห็นเป่าเอ๋อดูมีความสุข เขาก็เริ่มจะดูอวดดีขึ้นมาอีกครั้ง เขาพูดขึ้นว่า
“นี่คือชุดเกราะกระจกของกระจกสตาร์เกจ มันจะทำให้หนูมีชุดเกราะที่มีพลังป้องกันระดับเทพเจ้า”
เป่าเอ๋อดูชื่นชอบชุดใหม่อย่างมาก และพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็กำลังจะแสดงพลังของชุดเกราะเพิ่มอีก แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำแบบนั้น เป่าเอ๋อก็เดินเข้ามาตรงหน้าเขา เธอจ้องไปที่กระจกสตาร์เกจและพูด
“กระจกนี่ทรงพลังจริงๆ มันเปลี่ยนชุดได้ในชั่วพริบตา นี่เป็นสิ่งของที่ดีสำหรับการเปลี่ยนเสื้อผ้า ด้วยกระจกบานนี้ หนูจะไม่ต้องซักเสื้อผ้าหรือเปลี่ยนพวกมันด้วยตัวเองอีกต่อไป ด้วยการใช้กระจกนี้ หนูจะเปลี่ยนเสื้อผ้าได้อย่างง่ายดาย นี่มันดีมากๆ”
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าแทบจะกระอักเลือดออกมา เขาไม่สามารถเข้าใจเด็กที่อยู่ตรงหน้าได้ กระจกสตาร์เกจนั้นสามารถทำนายอนาคตและมอบชุดเกราะที่มีพลังป้องกันสูงให้กับผู้ใช้ได้ แต่ดูเธอจะไม่ได้สนใจอะไรเรื่องพวกนั้น ทั้งหมดที่เธอสนใจคือความจริงที่มันสามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอได้
“แต่มันยังดีที่เราดึงความสนใจของนางได้” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ายิ้มแห้งๆ
“หนูชอบมันไหม? หนูแค่ต้องบอกลุงมาหนูต้องการมัน และลุงจะมอบมันให้กับหนู หนูใช้กระจกนี้เพื่อทำนาย… ลุงจะบอกว่าหนูใช้มันเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ทุกเมื่อ”
“หนูจะเปลี่ยนชุดของหนูไปเป็นชุดของเจ้าหญิงได้ไหม? หนูชอบชุดของเจ้าหญิง แต่พ่อมักจะบอกว่าพวกมันน่ารำคาญ พ่อไม่ยอมให้หนูใส่พวกมัน” เป่าเอ๋อพูดอย่างน่าสงสาร
“เอิ่ม…” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง การหลอกล่อเด็กคนนี้เป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่าการหลอกบิฮีมอทที่มีชีวิตอยู่มาเป็นพันปีซะอีก
สิ่งมีชีวิตที่โบราณแบบนั้นอย่างน้อยก็มีสามัญสำนึกและตรรกะ พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าจะคาดเดาสิ่งที่พวกมันต้องการได้ แต่หลังจากที่พูดคุยกับเป่าเอ๋อมาจนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่เข้าใจถึงวิธีการคิดของเด็กคนนี้
“ทำไม่ได้อย่างนั้นหรอ? ถ้าแบบนั้นมันก็เป็นอะไรที่น่าเสียดาย ถ้าเปลี่ยนได้แค่ชุดเดียว มันก็ไม่มีประโยชน์ นั่นเป็นอะไรที่น่าเบื่อ” เป่าเอ๋อดูผิดหวังอย่างมาก
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าอยากจะยอมแพ้ จู่ๆการหลอกล่อหานเซิ่นก็ดูจะเป็นอะไรที่ง่ายกว่าการหลอกเด็กสาวคนนี้
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าคิดอยู่สักพักก่อนที่จะตัดสินใจว่าควรจะเปลี่ยนเป้าหมาย เขาไม่รู้ว่าทำไมหานเซิ่นถึงพาเด็กอย่างเป่าเอ๋อไปไหนมาไหนด้วย แต่มันไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะมาเสียเวลากับเด็กแบบนี้
เขายกกระจกสตาร์เกจขึ้นและส่องมันไปทางเป่าเอ๋ออีกครั้ง พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าลบล้างชุดเกราะของเป่าเอ๋อและเปลี่ยนเธอกลับไปสู่ชุดคาวบอยดังเดิม
“อย่าขยับ!” เป่าเอ๋อตะโกนใส่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าอย่างกะทันหันด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“มันมีอะไร?” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าหยุดนิ่งในท่านั้น
ใบหน้าของเป่าเอ๋อดูประหลาดใจอย่างมาก หลังจากนั้นเธอก็บินไปหาพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าและพูด “นี่มันสุดยอดไปเลย กระจกนี่เป็นอะไรที่ดีขนาดนี้เลยหรอเนี่ย?”
ขณะที่เป่าเอ๋อพูดแบบนั้น เธอก็กระโดดขึ้นมาตรงหน้ากระจกสตาร์เกจและจ้องมองไปที่มันด้วยความดีใจ
“หนูหมายความว่ายังไง?” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าไม่เข้าใจว่าเป่าเอ๋อกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ตอนนี้เขายังไม่ได้ใช้พลังอะไรของกระจกสตาร์เกจ ดังนั้นมันจึงไม่ควรจะมีอะไรในตอนนี้
แต่เมื่อดูจากอาการตกใจบนใบหน้าของเป่าเอ๋อ มันก็ดูเหมือนกับว่าเธอค้นพบอะไรบางอย่างที่สุดยอดจริงๆ
“นี่ลุงไม่เห็นมันอย่างนั้นหรอ? กระจกนี่สุดยอด ลุงดูนี่สิ” ขณะที่เป่าเอ๋อกำลังพูด เธอก็เอื้อมมือออกไปคว้ากระจกสตาร์เกจที่อยู่ในมือของพระเจ้าแห่งความว่างเปล่า
หลังจากที่เป่าเอ๋อปฏิเสธอัญมณีอันที่สองและกระจกสตาร์เกจ พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในตอนที่เธอแสดงความสนใจกระจกของเขาอย่างแท้จริง
เขาปล่อยให้เธอดึงกระจกไปจากมือของเขา เนื่องจากเขาอยากรู้ว่าเธอค้นพบอะไร
เป่าเอ๋อกำลังถือกระจกสตาร์เกจและตรวจดูมันอย่างละเอียด เธอพึมพำซ้ำๆว่า “นี่มันสุดยอดไปเลย กระจกนี่มันสุดยอด”
“มีอะไรสุดยอดอย่างนั้นหรอ?” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าเอนตัวมาข้างๆเป่าเอ๋อเพื่อดูว่าเธอเห็นอะไร แต่มันไม่ได้มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับกระจก เขาไม่สามารถตรวจจับถึงพลังประหลาดอะไรได้ กระจกยังคงเป็นเหมือนกับปกติ เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเป่าเอ๋อค้นพบอะไรกันแน่
“ลุงไม่ได้สังเกตอย่างนั้นหรอ? กระจกนี่ไม่สะท้อนใบหน้าของหนู” เป่าเอ๋อพูดขณะที่มองไปที่กระจก
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าอยากจะร้องไห้ เขาพูดขึ้นว่า
“แน่นอนอยู่แล้วว่าหนูจะไม่เห็นตัวเอง นี่ไม่ใช่กระจกธรรมดาๆ กระจกนี่ทรงพลังมากๆ ดังนั้นนอกซะจากหนูจะมีพลังที่เหนือกว่ากระจกนั่น มันก็จะไม่แสดงภาพสะท้อนของหนู ด้วยเหตุนั้นหนูจึงไม่เห็นภาพสะท้อนของตัวเอง”
“นี่มันสุดยอดไปเลย พ่อบอกว่ามีเพียงแค่แวมไพร์เท่านั้นที่ไม่มีภาพสะท้อน ตอนนี้หนูไม่มีภาพสะท้อนในกระจก พ่อจะต้องตกใจมากแน่ๆ!”
เป่าเอ๋อปลาบปลื้ม เธอกอดกระจกสตาร์เกจในอ้อมแขน ก่อนที่จะโค้งคำนับพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าและพูด “ขอบคุณลุงมาก ลุงเป็นคนดีจริงๆ ลุงมอบสมบัติที่สุดยอดแบบนี้ให้กับหนู ถ้าหนูมีโอกาส หนูจะเลี้ยงอาหารลุง”
หลังจากพูดอย่างนั้นเป่าเอ๋อก็กระโดดลงจากต้นไม้ขณะที่ยังคงถือกระจกสตาร์เกจอยู่ เธอวิ่งไปหาหานเซิ่นพร้อมกับตะโกน
“พ่อ! พ่อ! ดูอะไรนี่สิ! หนูได้รับสมบัติที่สุดยอดมากๆ ลุงใจดีคนหนึ่งมอบมันให้กับหนู”
ตอนที่ 2724
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าอยากจะบ้าตาย เขาถูกหลอกโดยเป่าเอ๋อ ซึ่งทำให้เขาโกรธจัดจนแทบจะกระอักเลือดออกมา เขาอยากจะเข้าไปจับตัวเธอซะเดี๋ยวนี้ แต่หานเซิ่นเทเลพอร์ตมาอยู่ข้างเธอเรียบร้อยแล้ว
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าไม่ได้หวาดกลัวหานเซิ่น แต่สถานการณ์ทั้งหมดนี้เป็นอะไรที่น่าอับอายเกินไป เขาพยายามจะหลอกเด็กคนหนึ่ง แต่เขาล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสูญเสียกระจกสตาร์เกจที่เป็นสมบัติระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตไป
เขาเริ่มเดินไปหาพวกหานเซิ่น แต่เขารู้สึกตัวว่าไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นได้ เขาไม่สามารถนำกระจกสตาร์เกจกลับคืนมา และหานเซิ่นก็อาจจะเย้นหยันเขาที่พยายามทำแบบนั้น
“ฝากไว้ก่อนเถอะ มันจะไม่จบแค่นี้!” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าคำรามกับตัวเองขณะที่จ้องไปที่สองพ่อลูก หลังจากนั้นเขาก็เทเลพอร์ตจากไป
ในตอนที่หานเซิ่นได้ยินเป่าเอ๋อตะโกนเรียก เขาก็รู้สึกตกใจ สถานที่อย่างต้นไม้ดาราไม่ควรจะมีใครมาป้วนเปี้ยน ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงรีบเทเลพอร์ตไปหาเป่าเอ๋อ แต่เขาไม่ได้เห็นชายที่เธอพูดถึง และเขาก็สังเกตเห็นว่าเธอถือกระจกทองแดงอยู่
“พ่อ! ดูกระจกและอัญมณีนี่สิ ลุงใจดีมอบพวกมันให้กับหนู” เป่าเอ๋อยื่นกระจกสตาร์เกจและอัญมณีให้หานเซิ่นดู
“ลุงใจดี?” หานเซิ่นขมวดคิ้วขณะที่มองไปที่สิ่งของทั้งสองชิ้น
“หนูเล่นอยู่บนต้นไม้ดาราก่อนหน้านี้…” เป่าเอ๋อรีบเล่าเรื่องราวทั้งหมด
หลังจากที่ได้ยินเป่าเอ๋อพูด หานเซิ่นก็เกือบจะหัวเราะลั่น ชายคนที่เธอพบจะต้องเป็นพระเจ้าแห่งความว่างเปล่า ตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าจะเล็งมาที่เอ็กซ์ควิสิทหรือหลี่เคอเอ๋อ แต่จริงๆแล้วเขากลับไปเลือกเป่าเอ๋อแทน
‘พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าเอ๋ย นายโชคร้ายที่เลือกเป่าเอ๋อ ไม่เพียงแค่นายจะทำให้เธอทำการอธิษฐานไม่ได้ นายยังสูญเสียสมบัติขั้นทรูก็อตให้กับเธออีก’ หานเซิ่นส่ายหัวและรับกระจกสตาร์เกจจากมือของเป่าเอ๋อ
พระเจ้าเหล่านั้นอาจจะหลอกผู้คนได้ แต่พวกเขาไม่สามารถพูดโกหกได้ ถ้าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าบอกว่ากระจกสตาร์เกจนี้เป็นสมบัติขั้นทรูก็อต มันก็ควรจะเป็นเรื่องจริง
หานเซิ่นนึกถึงโล่เมดูซ่าส์เกซที่เป็นอาวุธขั้นทรูก็อตเหมือนกัน กระจกนี้จะทำให้เขามองเห็นอนาคตและอดีต หานเซิ่นดีใจที่ได้รับอะไรแบบนี้มา
ชุดเกราะคริสตัลสีดำไม่ได้ปิดผนึกพลังในร่างกายของเขาอีกต่อไป ซึ่งหมายความว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าคงจะจากไปแล้ว ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อพยายามใช้กระจกสตาร์เกจ เขาอยากรู้ว่ามันจะดีเหมือนอย่างที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดไว้หรือเปล่า
ถึงแม้เขาจะไม่สามารถเปิดใช้พลังของกระจกสตาร์เกจได้อย่างสมบูรณ์ แต่ศาสตร์ตงเสวียนก็ทำให้กระจกสตาร์เกจมีปฏิกิริยาตอบสนองอยู่บ้าง แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้เขารู้สึกผิดหวัง
หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะพลังของเขาอ่อนแอเกินไปหรือว่าเป็นเพราะตัวกระจกมีข้อจำกัดบางอย่างอยู่ แต่ยังไงก็ตาม ภาพอนาคตที่กระจกสตาร์เกจแสดงเป็นเพียงแค่ภาพเหตุการณ์สั้นๆ
หลังจากที่หานเซิ่นใช้กระจกสตาร์เกจเพื่อดูอนาคต เขาก็เห็นแค่ภาพๆหนึ่งแว็บขึ้นบนผิวของกระจก ภาพที่แว็บขึ้นมาแสดงภาพของหานเซิ่นกำลังนอนหลับอยู่แค่นั้น
และหลังจากที่หานเซิ่นใช้งานมัน เขาก็จำเป็นต้องใช้เวลาในการฟื้นพลังกว่าจะใช้งานมันได้อีกครั้ง
หานเซิ่นลองใช้มันอยู่หลายครั้ง แต่ภาพในอนาคตที่แสดงเป็นอะไรที่เสียเวลาและสิ้นเปลืองพลังงาน พวกมันเป็นแค่ภาพที่แว็บขึ้นมา ซึ่งหานเซิ่นไม่สามารถได้ข้อมูลอะไรที่มีประโยชน์จากมัน
และพลังในการมองย้อนไปในอดีตก็เป็นอะไรที่ห่วยเช่นกัน การจะเปิดใช้งานความสามารถของกระจกสตาร์เกจเป็นอะไรที่กินพลังงานมากๆ และยิ่งอดีตที่เขาต้องการจะเห็นย้อนเวลากลับไปนานเท่าไหร่ พลังที่ต้องใช้มันก็จะมากขึ้นเท่านั้น
ด้วยพลังของหานเซิ่นในตอนนี้ เขาสามารถมองย้อนไปในอดีตได้มากที่สุดแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น และกระจกก็แสดงภาพแค่บริเวณหนึ่งเมตรในจุดที่เขาอยู่เท่านั้น นั่นคือผลลัพธ์ที่หานเซิ่นได้จากการทดสอบ
เห็นได้ชัดว่ากระจกสตาร์เกจมีระดับสูงเกินไปสำหรับเขาเช่นเดียวกับโล่เมดูซ่าส์เกซ พลังของหานเซิ่นในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะเปิดใช้พลังที่แท้จริงของพวกมัน
แต่ชุดเกราะของกระจกสตาร์เกจเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจ หานเซิ่นลองใช้มันขณะที่สวมใส่เซ็ตอะพอลโล และเขาก็พบว่าชุดเกราะทั้งสองส่งเสริมกันและกัน พลังป้องกันของชุดเกราะนั้นเทียบได้กับสมบัติระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วาแล้วในตอนนี้
แต่ทว่ามันมีเวลาจำกัด หลังจากที่เขาเปิดใช้ความสามารถนี้ ชุดเกราะของหานเซิ่นก็คงอยู่ในสภาพที่เหมือนกับกระจกได้เพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ก่อนที่ชุดเกราะของเขาจะกลับสู่สภาพปกติ
หานเซิ่นสรุปไปว่าที่ความสามารถทุกอย่างของกระจกสตาร์เกจนั้นสั้นคงจะเกี่ยวข้องกับพลังของเขาเอง ในตอนนี้เขายังไม่สามารถใช้สมบัติขั้นทรูก็อตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป่าเอ๋อไม่ได้สนใจอะไรในกระจกสตาร์เกจ เธอเล่นกับมันเพียงแค่นิดหน่อยก่อนที่จะโยนมันไปให้หานเซิ่น หานเซิ่นยินดีรับมันเอาไว้ มันจะเป็นอะไรที่มีประโยชน์ถ้าเขากลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว
“มันมีหนทางที่จะกำจัดพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าที่น่ารำคาญไหมนะ?” หานเซิ่นเริ่มจะรำคาญกับคนๆนั้น แต่เขายังไม่สามารถคิดหาวิธีที่จะรับมือกับพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าได้
หานเซิ่นคาดคิดว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าจะกลับมาแก้แค้นพวกเขา แต่หลังผ่านไปหลายวัน ชุดเกราะคริสตัลสีดำก็ยังคงไม่มีปฏิกิริยาอะไร นั่นหมายความว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่ายังไม่ได้กลับมาที่นี่
นั่นทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ แต่นั่นเป็นเพราะหานเซิ่นขาดข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับพระเจ้าเหล่านั้น พวกเขาสามารถไปที่ไหนในจักรวาลได้อย่างอิสระก็จริง แต่ร่างกายของพวกเขามีขีดจำกัดหลายอย่าง พวกเขาไม่สามารถอยู่ในสถานที่หนึ่งเป็นเวลานานเกินไปได้ ดังนั้นพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าจึงไม่สามารถอยู่ภายในเอาท์เตอร์สกายได้นานนัก
แต่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ายังคงคิดหาหนทางที่จะกลับมาแก้แค้นหานเซิ่นและลูกสาว ในตอนแรกเขาไปที่ต้นไม้ดาราเพื่อค้นหาจีโนโพรโทพลาสซึม แต่ความโกรธต่อพ่อลูกทั้งสองทำให้ลืมเรื่องของจีโนโพรโทพลาสซึมไปจนหมด
หานเซิ่นยืนอยู่ข้างๆต้นไม้ดารา ขณะที่ถือคริสตัลสีดำอยู่ในมือ เขามองไปที่มันอย่างครุ่นคิด
ชุดเกราะคริสตัลสีดำปลดการปิดผนึกแล้ว ดังนั้นหานเซิ่นจึงเอาคริสตัลสีดำออกมา เมื่อมันมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง หานเซิ่นก็พยายามจะป้อนคริสตัลสีดำให้กับซีโน่เจเนอิคอีกตัว
แต่ทว่าซีโน่เจเนอิคที่เขาทดสอบด้วยไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร มันเหมือนกับว่าคริสตัลสีดำกลายเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์แล้ว
และหลังจากที่หานเซิ่นพยายามจะใส่พลังของตัวเองเข้าไปข้างในคริสตัลสีดำ เขาก็รู้สึกตัวว่าศาสตร์ตงเสวียนไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ในตอนที่เขาใช้เรื่องราวของยีน คริสตัลสีดำก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
คริสตัลสีดำในมือของหานเซิ่นเปลี่ยนรูปร่างเป็นอิมมอร์ทัลดราก้อนน้อยๆ นอกจากขนาดที่เล็กและสีดำสนิทแล้ว มันก็ดูเหมือนกับอิมมอร์ทัลดราก้อนทุกอย่าง
หานเซิ่นส่งพลังของวิชาเรื่องราวของยีนเข้าไปในคริสตัลสีดำ และคริสตัลก็ลอยออกจากมือของเขา มันขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับอิมมอร์ทัลดราก้อนตัวจริง และมันก็จ้องมองมาที่หานเซิ่นเหมือนกับตอนแรก
แต่ทันใดนั้นร่างกายของอิมมอร์ทัลดราก้อนก็ปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาปกคลุมบริเวณรอบๆ ต้นไม้ที่อยู่ใกล้เคียงมีร่องรอยที่เกิดจากถูกแมลงกัด ความเสียหายนั้นถูกรักษาโดยแสงศักดิ์สิทธิ์ของอิมมอร์ทัลดราก้อน
ตอนที่ 2725
“อิมมอร์ทัลดราก้อนตัวใหม่นี้ยังมีพลังในการรักษา?” เมื่อหานเซิ่นเห็นแบบนั้น เขาก็ดีใจมากๆ
หานเซิ่นสามารถออกคำสั่งกับคริสตัลสีดำที่เปลี่ยนเป็นอิมมอร์ทัลดราก้อนได้ด้วยโทรจิต และพลังในการรักษาของมันก็เป็นระดับเทพเจ้า
พลังของคริสตัลสีดำอันนี้ไม่ได้เป็นไปอย่างที่หานเซิ่นคิดเอาไว้ซะทีเดียว มันไม่ได้มีพลังเหมือนกับคริสตัลสีดำอันแรกที่เขาได้รับ แต่ทว่าพลังที่มันเพิ่งจะแสดงออกมาก็ดูไม่เลวเช่นกัน
เมื่อมีอิมมอร์ทัลดราก้อนอยู่ หานเซิ่นก็สามารถต่อสู้ได้โดยไม่ต้องระมัดระวังมากนัก เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการได้รับบาดเจ็บอีกต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ตาย อิมมอร์ทัลดราก้อนก็สามารถรักษาให้เขาได้
สิ่งที่น่าแปลกที่สุดชก็คือการที่อิมมอร์ทัลดราก้อนสามารกลายเป็นคริสตัลสีดำได้ ในหลายๆด้านมันก็เหมือนกับวิญญาณอสูร เขาสามารถเก็บมันเข้าไปในจิต ซึ่งหมายความว่าเขาสามารถเอามันออกมาใช้ตอนไหนก็ได้
หานเซิ่นแทบจะรอไม่ไหวที่จะได้ต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า เมื่อคิดเกี่ยวกับการต่อสู้ ขณะที่มีพลังของอิมมอร์ทัลดราก้อนคอยสนับสนุน มันก็ทำให้หานเซิ่นตื่นเต้นขึ้นมา
เป่าเอ๋อเริ่มจะรู้สึกเบื่อ เธอใช้เวลาเล่นอยู่กับอัญมณีอยู่สักพัก แต่ที่สุดแล้วเธอก็เอามันไปเก็บ
ในตอนนี้เป่าเอ๋อรู้สึกคิดถึงพระเจ้าแห่งความว่างเปล่า เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ใจดีพอจะยอมมอบของเล่นหลายอย่างให้กับเธอแบบฟรีๆ
ขณะที่หานเซิ่นฝึกวิชาอยู่ใต้ต้นไม้ มีใครบางคนเทเลพอร์ตมาที่เขตแดนของต้นไม้ดารา หานเซิ่นเงยหน้าขึ้นและรู้สึกตัวว่าคนๆนั้นก็คือเชล
“หานเซิ่น”
“เชล?” หานเซิ่นประหลาดใจ เขาไม่ได้เห็นเชลตั้งแต่การประลองระหว่างตัวไหมจบลง เขาไม่รู้ว่าทำไมเชลถึงมาที่ต้นไม้ดารา
“ข้าได้รับอนุญาตจากท่านผู้นำให้มาที่นี่เพื่อรับผลไม้ดารา” เชลนำเอาใบประกาศออกมาแสดงให้หานเซิ่นดู
“ข้าเข้าใจแล้ว เชิญเจ้าเข้ามา” หลังจากที่ยืนยันได้ว่าใบประกาศเป็นของจริง หานเซิ่นก็ปิดระบบป้องกันของต้นไม้ดาราเพื่อให้เชลเข้ามา
แต่หานเซิ่นรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับเรื่องนี้ หลังจากที่คนเฝ้าต้นไม้ดาราคนก่อนจากไป ต้นไม้ดาราก็ถูกห้ามไม่ให้ใครมาเอาผลไม้ไป แต่ผู้นำของเวรี่ไฮกลับอนุญาตให้เชลมาที่นี่ นั่นถือเป็นอะไรที่ไม่ปกติ
เชลไม่ลังเลและเดินตรงเข้าไปในเขตแดนของต้นไม้ดารา หานเซิ่นสั่งให้ฝูงซีโน่เจเนอิคออกห่างจากชายคนนั้น และเชลก็มาถึงใต้ต้นไม้อย่างปลอดภัย
ในตอนที่เป่าเอ๋อเห็นเชล เธอก็ดูสนใจขึ้นมา นั่นเป็นเพราะว่าในตอนที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าแสดงอนาคตด้วยการใช้กระจกสตาร์เกจ เธอเห็นเชลกำลังเด็ดผลไม้ดารา ดังนั้นเมื่อตอนนี้เชลปรากฏตัว เธอก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
เชลตรงขึ้นไปบนต้นไม้ในทันที เขาไม่ได้หยุดเพื่อมองดูรอบๆ ดูเหมือนเชลจะมีเป้าหมายที่เลือกเอาไว้แล้ว
หานเซิ่นไม่คิดว่านี่เป็นอะไรที่แปลก การที่ผู้นำของเวรี่ไฮอนุญาตให้เชลมารับผลไม้ดาราลูกหนึ่งไปแบบนี้ ผู้นำของเวรี่ไฮก็คงจะไม่ปล่อยให้มันขึ้นอยู่กับดวง ผลไม้ที่เชลจะรับไปนั้นได้ถูกกำหนดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
หานเซิ่นรู้สึกอยากรู้อยากเห็น ดังนั้นเขาจึงตามหลังเชลไป เขาอยากเห็นว่าผลไม้ดาราลูกไหนกันแน่ที่เชลจะเลือก
หลังจากผ่านไปหลายนาที เชลก็ไปถึงผลไม้ดาราที่เขาเลือก หานเซิ่นไม่สามารถบอกได้ว่ามันมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับผลไม้ลูกนั้น เชลไม่ได้เด็ดมันลงมาในทันที เขาหันมาหาหานเซิ่นและพูด
“หานเซิ่น มันอาจจะมีการต่อสู้เกิดขึ้น ข้าหวังว่าเจ้าจะคอยปกป้องต้นไม้ดารา”
“แน่นอนอยู่แล้ว” หานเซิ่นพูด นั่นเป็นความรับผิดชอบของเขา แต่เชลที่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟพูดราวกับว่าเขาไม่มั่นใจ นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ
ซีโน่เจเนอิคที่ออกมาจากผลไม้ดารานั้นจะหลับใหลอยู่ และถ้าคนที่เด็ดผลไม้ไม่ต้องการทำพันธสัญญากับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างใน คนๆนั้นก็สามารถฆ่ามันได้ขณะที่มันยังคงหลับอยู่
แต่เชลที่เป็นระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟพูดว่ามันจะมีการต่อสู้เกิดขึ้น นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
เมื่อหานเซิ่นเตรียมตัวพร้อมแล้ว เชลก็บินไปบนผลไม้ดาราลูกที่เขาเลือก เขาเด็ดมันลงมาจากกิ่งของต้นไม้ดารา
กระบวนการทั้งหมดจนถึงตอนนี้เหมือนกับในตอนที่หานเซิ่นเด็ดผลไม้ดารา ตัวผลไม้ถูกเผาไหม้หายไปและเผยให้เห็นซีโน่เจเนอิคที่อยู่ข้างใน
ร่างกายของซีโน่เจเนอิคตัวนั้นไม่ได้ใหญ่มากนัก มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูกำยำเหมือนกับเชล ตัวของมันสูงราวๆสามเมตรและมันก็มีขนสีทอง
“ลิงขนทอง” หานเซิ่นแปลกใจ ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นมีขาที่สั้นและแขนที่ยาว บนหัวของมันมีหูที่ดูเหมือนกับหอยทากอยู่สามคู่ มันดูเป็นซีโน่เจเนอิคที่แข็งแกร่งมากๆ แต่มันก็ยังมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตตัวนี้
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่เห็นโซ่สสาร แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่ามันมีพลังชีวิตที่น่ากลัว เขารู้ว่าลิงขนทองหกหูตัวนี้เป็นระดับเทพเจ้า
มันแตกต่างไปจากซีโน่เจเนอิคปกติของผลไม้ดารา ในตอนที่ลิงขนทองตัวนี้เผยออกมา ดวงตาของมันก็เปิดออกและเปล่งประกายสีทองออกมา
ทันทีที่เห็นเชลอยู่ตรงหน้า ลิงขนทองหกหูก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา โซ่สสารสีทองของมันระเบิดราวกับแสงศักดิ์สิทธิ์ พลังที่น่ากลัวแผ่รัศมีออกมาห่อหุ้มร่างกายทั้งร่างของมัน และสิ่งมีชีวิตนั้นก็พุ่งเข้าไปหาเชลราวกับลูกไฟสีทอง
เชลไม่สั่นคลอน เขาเรียกโซ่สสารสีทองของตัวเองออกมาและเข้าไปปะทะกับลิงตัวนั้นตรงๆ
หมัดของพวกเขาปะทะกัน แต่ร่างกายของเชลกระเด็นไปด้านหลังหลายสิบเมตร ขณะที่ลิงขนทองยังคงอยู่ที่เดิม เมื่อดูจากพลังที่แสดงออกมาแล้ว เชลดูจะอ่อนแอ่กว่าลิงนั่น
โดยไม่มีการลังเลแม้แต่นิดเดียว เจ้าลิงพุ่งตรงเข้าไปหาเชลด้วยความเร็วสูง แต่เชลดูเหมือนจะไม่ได้กังวลกับพลังที่เหนือกว่าของเจ้าลิง เขาเคลื่อนไหวอย่างสง่างามและต่อสู้กับเจ้าลิงโดยใช้พรสวรรค์ในวิชาการต่อสู้แทนที่จะปะทะกับมันด้วยพลังตรงๆ
ถึงแม้เชลจะมีพรสวรรค์มากๆ แต่เขาก็เกิดในเผ่าพันธุ์เล็กๆ ในตอนที่หานเซิ่นต่อสู้กับเขาครั้งแรก เชลไม่ได้รู้เกี่ยวกับวิชาจีโนขั้นสูงมากนัก แต่หลังจากที่ได้พบกันครั้งก่อน วิชาหมัดของเชลก็พัฒนาขึ้นมาก และเขายังมีวิชาขั้นสูงอีกหลายอย่าง เขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนการประลองอย่างเห็นได้ชัด
“เขากินผลไม้ปีศาจเข้าไปและได้รับพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือกมาจริงๆ ความเร็วในการพัฒนาจะรวดเร็วเกินไปแล้ว” หานเซิ่นชื่นชมเชล
แต่หลังจากที่มองดูการต่อสู้อยู่สักพัก หานเซิ่นก็ต้องขมวดคิ้ว เชลที่แข็งแกร่งกำลังถูกไล่ต้อนโดยลิงหกหู
ขณะที่พวกเขาทำการต่อสู้กัน หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่าลิงหกหูเป็นระดับเทพเจ้าขั้นพริมีทีฟ แต่ทว่าความเร็วและพลังของมันเหนือกว่าเชลที่มีพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือกเทียม
แถมพลังของลิงหกหูยังเป็นอะไรที่แปลกมากๆ เชลมีโอกาสจะชกถูกเจ้าลิงอยู่เป็นครั้งคราว แต่หลังจากที่เขาโจมตี เงาของเจ้าลิงก็จะเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ และร่างจริงของลิงหกหูก็จะไปปรากฏที่อื่น หลังจากนั้นมันก็จะส่งการโจมตีที่ร้ายกาจกลับไปใส่เชล
เชลยังคงสงบนิ่ง แต่การโจมตีของเจ้าลิงทิ้งรอยแผลเอาไว้ตามร่างกายของเขา ตอนนี้เขามีเลือดไหลออกมาเรื่อยๆ เขาดูย่ำแย่
ตอนที่ 2726
“ลิงขนทองตัวนี้แข็งแกร่งมาก ถึงไล่ต้อนเชลที่อยู่ในระดับเดียวกันได้ ซีโน่เจเนอิคที่ออกมาจากผลไม้ดารานี่พิเศษจริงๆ” หานเซิ่นมองไปที่ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นด้วยความสนใจ
สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งขนาดนั้นมอบแรงบันดาลใจให้กับหานเซิ่นอย่างมาก สิ่งที่พิเศษที่สุดเกี่ยวกับมันก็คือความสามารถในการโคลนร่างของตัวเอง
แม้แต่หานเซิ่นก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเจ้าลิงนั้นกำลังใช้ร่างจริงหรือร่างปลอมในระหว่างการต่อสู้ ร่างจริงและร่างปลอมของเจ้าลิงนั้นเหมือนกันอย่างมาก ใครที่ไม่ระมัดระวังก็จะหลงกลมันอย่างแน่นอน
หานเซิ่นรู้สึกลังเล เขาพยายามตัดสินใจว่าจะเข้าไปช่วยเชลดีหรือไม่ แต่ทันใดนั้นก็มีเวรี่ไฮชายคนหนึ่งปรากฏตัวข้างๆเขา หานเซิ่นสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นคนๆนั้น เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายคนนี้มาอยู่ข้างเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
“หลี่ชุนชิว?” หานเซิ่นจดจำชายคนนี้ได้ในทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย
หลี่ชุนชิวมีชื่อเสียงมากในหมู่เวรี่ไฮ เขาเป็นพี่คนโตของเอ็กซ์ควิสิทและคนอื่นๆ เขามีพรสวรรค์อย่างมาก และไม่มีใครในเผ่าเวรี่ไฮที่เทียบชั้นกับเขาได้ แม้แต่หลี่เคอเอ๋อที่มีพรสวรรค์ระดับสิบเปลือกก็เทียบเขาไม่ได้
หลี่ชุนชิวมองดูเชลและลิงทำการต่อสู้กัน และเขาก็พูดขึ้นว่า “อย่าเข้าไปช่วยเขา เขาต้องต่อสู้ด้วยตัวเขาเอง”
เมื่อหานเซิ่นได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาก็รู้สึกเบาใจขึ้นมา ดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือเชล
เชลเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ แต่เขาไม่ได้บาดเจ็บหนัก เขายังพอจะรับมือกับเจ้าลิงหกได้ และยิ่งเวลาผ่านไปเขาก็เริ่มจะได้รับบาดแผลน้อยลง
หลี่ชุนชิวยืนมองดูการต่อสู้อย่างเงียบๆ แต่จู่ๆเขาก็พูดขึ้นมา “เจ้าคิดยังไงกับการพัฒนาของเชล?”
หานเซิ่นมองไปรอบๆและสังเกตเห็นว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่รอบๆ เห็นได้ชัดว่าหลี่ชุนชิวกำลังพูดกับเขา แต่หลี่ชุนชิวยังคงจ้องไปที่การต่อสู้
“เขาพัฒนาเร็วมากๆ มันสมเหตุสมผลที่เขามีพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือก” หานเซิ่นพูด และมันเป็นความจริงซะส่วนใหญ่ การพัฒนาของเชลทำให้เขาประทับใจจริงๆนั่นแหละ
หลี่ชุนชิวไม่ได้หันมาขณะที่เขายังคงดูการต่อสู้ เขาพูดขึ้นว่า
“ลิงขนทองตัวนี้เป็นซีโน่เจเนอิคที่ถูกเรียกว่าแม็กแคกหกหู ยีนของมันแข็งแกร่งมากๆ และมันก็มีพรสวรรค์ระดับสิบเปลือก ซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าสิ่งที่เจ้ากำลังมองอยู่นั้นเป็นร่างจริงหรือร่างปลอมกันแน่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาคู่ต่อสู้แบบนี้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน แม้แต่เชลที่กำเนิดมาเป็นระดับเทพเจ้าก็เอาชนะแม็กแคกหกหูไม่ได้ง่ายๆ”
“ด้วยพลังของเชล เขาก็แค่จำเป็นต้องใช้เวลาสักหน่อยเท่านั้น ที่สุดแล้วเขาจะเอาชนะแม็กแคกหกหูนั่นได้” หานเซิ่นพูด
หลี่ชุนชิวพยักหน้าและพูด “ข้าไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น แม็กแคกหกหูถือเป็นงานง่ายสำหรับเชล การจะโค่นล้มมันไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป”
เมื่อพูดแบบนั้น ในที่สุดหลี่ชุนชิวก็หันมามองที่หานเซิ่น เขาพูดต่อไปว่า
“จริงๆแล้วคนๆเดียวที่จะเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงของเชลก็คือเจ้า”
“ล้อเล่นแน่ๆ ข้าเป็นแค่ครึ่งเทพคนหนึ่ง ข้าไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของเชล” หานเซิ่นไม่คิดจะหลงตัวเองกับคำชมนั้น
หลี่ชุนชิวไม่ได้พูดอะไรในเรื่องนั้น เขาหันไปพูดเรื่องอื่นแทน
“ข้าเป็นผู้รับผิดชอบสระแห่งความโชคดีของเวรี่ไฮ ถ้าเจ้าต้องการ เจ้าไปใช้มันได้”
“นั่นหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นถาม เขาตามหลี่ชุนชิวไม่ทัน หลี่ชุนชิวเปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหัน เขาเพิ่งจะบรรยายว่าหานเซิ่นเป็นอุปสรรคที่ใหญ่หลวงที่สุดของเชล แต่ตอนนี้เขากลับบอกให้หานเซิ่นไปใช้สระแห่งความโชคดีของเวรี่ไฮได้
สิทธิ์ในการเข้าไปใช้สระแห่งความโชคดีของเวรี่ไฮนั้นไม่ได้ถูกมอบให้กับทุกๆคน หานเซิ่นเคยได้ยินเกี่ยวกับสระแห่งความโชคดีก่อนที่เขาจะมาที่เผ่าเวรี่ไฮซะอีก แม้แต่เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อก็ไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้าไปใช้มัน ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงยังไม่มีโอกาสไปที่นั่น
ตอนนี้หลี่ชุนชิวเสนอโอกาสให้เขาได้ไปใช้ที่นั่น มันเป็นอะไรที่น่าสับสน
หลี่ชุนชิวรู้ว่าหานเซิ่นกำลังคิดอะไร เขาพูดขึ้นมา
“เจ้ากลายเป็นปีศาจของเชล ถ้าเชลเอาชนะเจ้าไม่ได้ มันก็จะเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของเขา เขาอาจจะสูญเสียโอกาสที่จะกลายเป็นขั้นทรูก็อต ดังนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าโดยเร็ว หลังจากนั้นเชลก็จะมีโอกาสได้เอาชนะปีศาจที่ทำลายจิตวิญญาณของเขา”
ดูเหมือนหลี่ชุนชิวจะคิดว่าถึงแม้หานเซิ่นจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า เชลก็คงจะเอาชนะเขาได้อยู่ดี แต่หานเซิ่นไม่ได้รังเกลียดในเรื่องนั้น
หานเซิ่นเคยชินที่คนอื่นทำตัวอวดดี มันจะเสียหายตรงไหนถ้าจะปล่อยให้คนอื่นอวดดีสักนิดสักหน่อย?
“ถ้าเสนอโอกาสแบบนี้ให้กับข้า ข้าก็ขอขอบคุณมากๆ ว่าแต่ขอถามได้ไหมว่าข้าจะไปที่สระแห่งความโชคดีของเวรี่ไฮได้เมื่อไร?” หานเซิ่นต้องการคว้าโอกาสนี้ให้เร็วที่สุด
เพราะยังไงซะหานเซิ่นก็ยังมีวิชาจีโนอีกสองตัวที่จำเป็นต้องเลื่อนสู่ระดับครึ่งเทพ บางทีเขาอาจจะใช้สระแห่งความโชคดีของเวรี่ไฮช่วยในเรื่องนั้นได้
สระแห่งความโชคดีของเวรี่ไฮเป็นอะไรที่ค่อนข้างลึกลับ มันสามารถเพิ่มศักยภาพของยีนและเลือดให้กับคนๆหนึ่งได้อย่างมาก หานเซิ่นอยากจะไปที่นั่นมานานแล้ว แต่เขาไม่มีโอกาส
“รับยันต์แห่งความโชคดีไป หลังจากวันนี้ เจ้าจะไปเมื่อไหร่ก็ได้” หลี่ชุนชิวส่งยันต์ให้กับหานเซิ่น
หานเซิ่นรับยันต์นั้นมาและสังเกตเห็นว่ามันมีความกว้างแค่สองนิ้วมือเท่านั้น มันดูใสเหมือนกับคริสตัล และมันก็มีคำว่าความโชคดีถูกเขียนเอาไว้
“ขอบคุณมาก ข้าจะพยายามกลายเป็นระดับเทพเจ้าให้เร็วที่สุด”
หานเซิ่นเก็บยันต์แห่งความโชคดีเข้ากระเป๋าไป หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มให้กับหลี่ชุนชิว แต่ทว่าเขากำลังคิดว่า ‘เผ่าเวรี่ไฮนี่ร่ำรวยจริงๆ การที่พวกเขาอนุญาตให้คนนอกคนหนึ่งข้าไปในสระแห่งความโชคดี ในทางหนึ่งมันก็เหมือนกับว่าพวกเขามอบมันให้กับศัตรู’
หลี่ชุนชิวมองหานเซิ่นด้วยความสนใจและพูด “เจ้าเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเชลและอวี้ซ่านซิน ข้าก็คงจะบอกว่าเจ้าเป็นตัวไหมที่น่าสนใจที่สุดในรุ่นนี้”
จากคำพูดของหลี่ชุนชิว ดูเหมือนเขาคิดว่าหานเซิ่นอ่อนแอกว่าเชลกับอวี้ซ่านซิน
แต่หานเซิ่นไม่มีอารมณ์จะมาโต้เถียงอะไร ในตอนนี้เขากำลังรู้สึกดีใจ
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน เชลก็เริ่มจะรับมือกับแม็กแคกหกหูได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เจ้าลิงไม่ได้เป็นฝ่ายที่ได้เปรียบอีกต่อไป ร่างปลอมของมันไม่ได้ทำให้เชลสับสนอีกแล้ว
หานเซิ่นต้องยอมรับว่าเชลเป็นอัจฉริยะ ในเวลาอันสั้นเขาก็สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับแม็กแคกหกหูได้สำเร็จ
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็มีคำถามเกี่ยวกับแม็กแคกหกหูขึ้นมา เขาหันไปหาหลี่ชุนชิวและถาม “รู้ได้ยังไงว่าผลไม้ดาราลูกนั้นมีแม็กแคกหกหูอยู่?”
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อบอกกับเขาว่าซีโน่เจเนอิคที่อยู่ภายในผลไม้ดารานั้ไม่สามารคาดเดาจากภายนอกได้ แต่เห็นได้ชัดว่าหลี่ชุนชิวและเชลรู้เกี่ยวกับสิ่งที่จะออกมาจากผลไม้ที่พวกเขาเลือก พวกเขารู้ว่ามันจะเป็นแม็กแคกหกหู
“เวรี่ไฮเซ้นส์ทำให้พวกเรามีความสามารถในการทำนาย”
หลี่ชุนชิวตอบ “ข้าได้ใช้เวลาสักพักเพื่อมองดูต้นไม้นี่อย่างละเอียด และหลังจากที่พิจารณาเป็นอย่างดีแล้ว เขาก็ได้ข้อสรุปว่าสิ่งมีชีวิตตัวนี้นอนอยู่ที่ไหน แถมผลไม้ดาราลูกนี้ก็เกิดขึ้นมาอย่างแปลกๆ มันง่ายที่ข้าจะคาดเดาว่าข้างในนั้นคืออะไร”
“เกิดขึ้นมาอย่างแปลกๆ?” หานเซิ่นเอนหัวไปด้านข้างขณะที่มองไปที่หลี่ชุนชิว
“ในตอนที่ผลไม้ลูกนี้เกิดขึ้นมา เงาสีทองประหลาดทอดมาที่ต้นไม้ดารา หลังจากที่ข้าเห็นภาพประหลาดนี่ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะระบุว่าซีโน่เจเนอิคอะไรที่อยู่ในผลไม้นั่น” หลี่ชุนชิวพูด
ตอนที่ 2727
ปัง!
เชลชกหมัดไปถูกแม็กแคกหกหูเข้าอย่างจัง และส่งร่างของซีโน่เจเนอิคลอยขึ้นไปสู่ท้องฟ้า
“เขาชกถูกร่างจริง?” หานเซิ่นหันความสนใจกลับไปที่การต่อสู้ในทันที ครั้งนี้แม็กแคกหกไม่ได้หลบหลีกการโจมตีด้วยใช้ร่างปลอม หมัดของเชลนั้นถูกร่างจริงของเจ้าลิง
เชลไล่ตามหลังเจ้าลิงขึ้นไปบนฟ้าราวกับว่าเขาเป็นเงาของมัน หลังจากนั้นเขาก็กระหน่ำชกใส่แม็กแคกหก ร่างกายของซีโน่เจเนอิคเริ่มแตกร้าวและเลือดก็หลั่งไหลออกมาจากทุกหนทุกแห่ง
ไม่ว่ามันจะใช้วิชาอะไรหรือร่างปลอมมากเท่าไหร่ เจ้าลิงก็ยังคงหลบการโจมตีของเชลไม่ได้ ตอนนี้มันไม่มีพลังจะต่อสู้กับหมัดที่ร้ายกาจของเชลอีกแล้ว
ภายใต้การถูกชกอย่างต่อเนื่อง แม็กแคกหกหูก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา ขณะที่บาดแผลมากมายปรากฏขึ้นทั่วร่างกายของมัน แต่ร่างกายของแม็กแคกหกหูนั้นแข็งแกร่ง จนถึงตอนนี้เชลก็ยังคงไม่สามารถสร้างความเสียหายที่ร้ายแรงให้กับมันได้ มีเพียงแค่ผิวของมันเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บ
จู่ๆเชลก็หยุดการโจมตี เขาปล่อยให้แม็กแคกหกหูถอยกลับไปตั้งตัว เชลมองดูมันจากระยะไกลและปล่อยให้มันได้พักหายใจ หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆชกหมัดออกไปพร้อมกับส่งเสียงตะโกน
หลังจากที่เชลตะโกน อวกาศรอบๆตัวของเขาก็สว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์ ประกายนับไม่ถ้วนหลั่งไหลออกจากร่างของเขา พวกมันเป็นเหมือนกับฝนดาวตกที่พุ่งไปใส่แม็กแคกหกหูอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งแต่ละประกายแสงนั้นจะระเบิดเมื่อสัมผัสกับเป้าหมายราวกับอาวุธนิวเคลียร์
Boom!
แรงระเบิดที่น่ากลัวเกือบจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ภายใต้การโจมตีด้วยพลังที่น่ากลัวนั่น ร่างกายของแม็กแคกหกหูไม่สามารถทนไหว ร่างกายระดับเทพเจ้าของจ้าลิงเริ่มจะค่อยๆฉีกขาด
หานเซิ่นมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความประหลาดใจ หมัดของเชลค่อนข้างคล้ายคลึงกับวิชามีดใต้นภา
แต่ทว่าการโจมตีของเชลไม่ได้เหมือนกับวิชาใต้นภาซะทีเดียว มันแค่คล้ายคลึงกันเท่านั้น
“นี่คือวิชาคืนสู่สายธาร มันคล้ายคลึงกับวิชามีดใต้นภาของเจ้า เจ้าคิดว่ามันเป็นยังไง?” หลี่ชุนชิวถามอย่างสงบนิ่ง
“แข็งแกร่งมาก” หานเซิ่นตอบไปตรงๆ ในเวลาอันสั้นเชลฝึกวิชาจีโนที่ร้ายกาจจนเชี่ยวชาญ นั่นหมายความว่าเขาแข็งแกร่งมากๆ
ก่อนหน้านี้เชลขาดความรู้และวิชาจีโน แต่เผ่าเวรี่ไฮนั้นใจกว้างพอจะช่วยแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านั้น ยิ่งเชลได้เรียนรู้วิชาจีโนมากเท่าไหร่ เขาก็น่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น มันเหมือนกับว่าเขาเพิ่มระดับขึ้นอีกครั้ง
“ข้าหวังว่าเจ้าจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าโดยเร็ว อย่าทำให้เชลต้องรอนานเกินไป” หลี่ชุนชิวพูด
เชลเดินเข้ามาหาพวกเขา ขณะที่แบกร่างของแม็กแคกหกหูเอาไว้บนไหล่ เขาพยักหน้าให้กับหานเซิ่น และจากไปพร้อมกับหลี่ชุนชิว
หานเซิ่นไม่ได้มองว่าเรื่องของพวกเขาเป็นอะไรที่สำคัญมากนัก เขาถือยันต์แห่งความโชคดีอย่างมีความสุขและถอนหายใจออกมา
‘มันคงจะดีมากๆถ้าในจักรวาลนี้มีผู้คนอย่างหลี่ชุนชิวอยู่เยอะๆ เราสร้างศัตรูเอาไว้มากมาย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เราไม่จำเป็นต้องหาทรัพยากรด้วยตัวเองอีกแล้ว เราจะมีพวกมันอย่างไม่จำกัด’
หานเซิ่นเตรียมตัวจะจากไป แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย
วินาทีต่อมา หานเซิ่นก็เทเลพอร์ตหนีไป หลังจากนั้นก็มีเงาพุ่งเข้ามาโจมตีใส่จุดที่เขายืนอยู่ก่อนหน้านี้
หานเซิ่นหันไปมองเงานั่น และเขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น มันเป็นลิงตัวหนึ่งที่มีขนาดครึ่งหนึ่งของมนุษย์ หัวของมันมีหกหูและแต่ละหูก็เหมือนกับหอยทาก ขนสีทองปกคลุมทั่วร่างของมัน มันดูเหมือนกับแม็กแคกหกหู เพียงแต่มันมีขนาดเล็กกว่าแม็กแคกหกหูที่เขาได้เห็นก่อนหน้านี้มาก
ก่อนหน้านี้หานเซิ่นมองดูเชลเอาชนะแม็กแคกหกหูได้สำเร็จ และชายคนนั้นยังแบกร่างของมันกลับไปด้วย แต่ตอนนี้มันมีตัวที่เล็กกว่าอยู่ที่นี่ นั่นเป็นอะไรที่คาดไม่ถึง
“แม็กแคกหกหูตัวก่อนหน้าเป็นลิงตัวแม่อย่างนั้นหรอ? นี่มันมีลูกที่เชลไม่สังเกตเห็น?” หานเซิ่นพึมพำกับตัวเอง ขณะที่มองไปที่แม็กแคกหกหูตัวเล็ก
หานเซิ่นไม่สามารถคิดหาคำอธิบายได้ว่าทำไมถึงมีแม็กแคกหกหูอีกตัวมาปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา แต่ซีโน่เจเนอิคที่อยู่ในผลไม้ดาราไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ด้วยเหตุนั้นข้อสันนิษฐานของเขาจึงไม่สมเหตุสมผล
“เจ้าสิเป็นลิงตัวแม่ พวกเจ้าทั้งหมดเป็นลิงตัวแม่ นี่คือร่างจริงของข้า ที่พวกเขาเอาไปเป็นเพียงแค่ร่างปลอมของข้า” แม็กแคกหกหูตะโกนเสียงแหลมใส่หานเซิ่น
‘เยี่ยม ร่างปลอมนั้นหลอกหลี่ชุนชิวได้? มันหลอกได้แม้แต่เรา วิชาร่างปลอมของแม็กแคกหกหูนี่สุดยอดจริงๆ’ หานเซิ่นคิด
แม็กแคกหกหูดูอาฆาต มันจ้องมองไปที่หานเซิ่นและพูด
“ก่อนหน้านี้ เวรี่ไฮที่น่ากลัวคนนั้นยังอยู่ใกล้ ข้าจึงต้องแกล้งตาย แต่ตอนนี้มันไม่มีความจำเป็นที่ข้าต้องซ่อนตัวอีกแล้ว หลังจากที่ข้าฆ่าเจ้า ข้าจะออกไปในเอาท์เตอร์สกาย ถึงแม้เวรี่ไฮคนนั้นจะรู้สึกตัวที่หลังว่าร่างกายนั่นเป็นแค่ร่างปลอม เขาก็หาตัวข้าไม่เจอ”
“นั่นเป็นความคิดที่ไม่เลว แต่ข้าคิดดว่าเจ้าคาดการณ์ผิดไปอย่างหนึ่ง” หานเซิ่นหัวเราะ
“คาดการณ์อะไรผิด?” แม็กแคกหกหูถาม
“ข้าน่ากลัวกว่าเวรี่ไฮคนนั้น ถ้าเจ้าซ่อนตัวอยู่เงียบๆและรอให้ข้าไปก่อน เจ้าก็คงจะหนีไปได้ แต่น่าเสียดายที่เจ้าต้องการจะฆ่าข้า เจ้าจึงต้องตายอยู่ที่นี่” หานเซิ่นพูด
“เจ้าเป็นแค่ครึ่งเทพคนหนึ่ง กล้าดียังไงมาขู่ข้า!” แม็กแคกหกหูตะโกนด้วยความโกรธ มันกระโดดเข้าใส่หานเซิ่น
เซ็ตอะพอลโลของหานเซิ่นเรืองแสงออกมา ขณะที่เขาชกหมัดเข้าใส่แม็กแคกหกหู
ปัง!
หมัดของหานเซิ่นชกไปถูกร่างของแม็กแคกหกหูที่กระโดดขึ้นมาและฉีกมันจนขาดครึ่ง แต่ทว่ามันเป็นเพียงแค่ร่างปลอม
ปัง!
ทันใดนั้นแม็กแคกหกหูก็ไปปรากฏที่ด้านหลังของหานเซิ่น มันชกใส่แผ่นหลังของหานเซิ่นและส่งเขาออกไป ด้านหลังของเซ็ตอะพอลโลบุบเป็นรูปกำปั้นจากหมัดของแม็กแคกหกหู
“กล้าดียังไงมาอวดดีต่อหน้าข้า!” แม็กแคกหกหูกรีดร้องและกระโดดเข้าใส่หานเซิ่นอีกครั้ง
“ลิงนี่แข็งแกร่งจริงๆ มันใช้ร่างปลอมและมีความสามารถในการซ่อนตัวที่ไม่มีใครเปรียบ” ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ไม่คิดจะถอย เขาชกหมัดเข้าใส่เจ้าซีโน่เจเนอิคอีกครั้ง
ร่างกายของแม็กแคกหกหูถูกทำลาย แต่มันเป็นแค่ร่างปลอมอีกครั้งหนึ่ง หานเซิ่นไม่รู้ว่าร่างจริงของมันหายไปไหนแล้ว
หานเซิ่นใช้ศาสตร์ตงเสวียน และทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลก็กลายเป็นฟันเฟืองในสายตาของเขา ถึงแม้เขาจะไม่เห็นร่างของแม็กแคกหกหู แต่เขาก็เห็นฟันเฟืองของจักรวาลที่กำลังเคลื่อนไหว
แม็กแคกหกหูโกรธ ดวงตาของมันเต็มไปด้วยอาฆาต และมันก็กระโดดเข้าใส่หานเซิ่นด้วยความเร็วสูง มันจ้องไปในดวงตาของหานเซิ่น ขณะที่ยกอุ้งมือขึ้นและพยายามจะจกเอาดวงตาของหานเซิ่นออกมา
แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ชกหมัดออกไป เขาส่งหมัดออกไปยังร่างจริงของศัตรูที่ควรจะมองไม่เห็น
แม็กแคกหกหูตกตะลึง มันไม่รู้เลยว่าหานเซิ่นหาร่างจริงของมันเจอได้ยังไง มันไม่มีเวลาจะหลบหลีกได้ มันส่งหมัดของตัวเองออกไปเพื่อตอบโต้หมัดของหานเซิ่น
แม็กแคกหกหูพบว่าตัวเองถูกห่อหุ้มด้วยหิมะ และเงาของสาวหิมะก็เข้าปกคลุมร่างกายของมัน
ตอนที่ 2728
แม็กแคกหกหูไม่ได้ให้ความสนใจกับพลังน้ำแข็งในตอนแรก มันโฟกัสไปที่การต่อสู้กับหานเซิ่น แต่สาวหิมะยังคงติดตามแม็กแคกหกหูต่อไป
ถึงแม้เจ้าลิงจะไม่ได้รับผลกระทบจากพลังอันหนาวเย็น แต่ไม่นานดวงตาของเจ้าลิงก็เริ่มจะหนักขึ้น หลังจากนั้นมันก็ร่วงลงไปบนผลไม้ดาราและหลับไป
หานเซิ่นเห็นว่ามันไม่ได้มีเกล็ดของหิมะติดอยู่บนตัวจ้าลิง เขาคิดว่าพลังน้ำแข็งอาจจะไม่ได้ผลกับแม็กแคกหกหู แต่พลังกล่อมประสาทนั้นไม่ใช่บางสิ่งที่แม็กแคกหกหูจะต้านทานได้
ขณะที่เจ้าซีโน่เจเนอิคนอนหลับอยู่บนผลไม้ แขนและขาของมันกางออกในท่าที่ไม่สง่างาม หานเซิ่นอยากจะฆ่ามัน แต่เขาคิดขึ้นมาได้
‘ในตอนนี้แม็กแคกหกหูกำลังหลับอยู่ แบบนั้นแล้วพันธสัญญาของเวรี่ไฮจะได้ผลกับมันไหมนะ พลังของลิงตัวนี้ไม่เหมือนใคร… ถ้าเราทำพันธสัญญากับมันได้ มันอาจจะเป็นอะไรที่มีประโยชน์’
เมื่อคิดได้แบบนั้น หานเซิ่นก็ลองใช้วิชาทำพันธสัญญาของเวรี่ไฮ เขาไม่ได้คิดว่ามันจะได้ผล แต่ในตอนที่เขาลองมันดู เขาก็รู้สึกว่าพันธสัญญานั้นเข้าที่
“ไม่คิดว่ามันจะได้ผลจริงๆ” แม็กแคกหกหูยังคงหลับอยู่โดยที่มีเงาของสาวหิมะปกคลุมตัวมันอยู่ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงต้องรอจนกระทั่งสาวหิมะหายไปแล้ว
ถึงแม้หานเซิ่นจะเป็นคนใช้พลังนั้น แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมมันได้ มันมีจิตใจของตัวเอง และนั่นเป็นข้อเสียที่ใหญ่หลวงที่สุดของวิชาจากจีโนคอร์เทพเจ้า
หลังจากที่ผ่านไปหลายชั่วโมง ในที่สุดเงาของสาวหิมะก็หายไป หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าแม็กแคกหกหูยังคงหลับใหลอยู่ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงแตะใส่ก้นของมัน
แม็กแคกหกหูถูกปลุกด้วยวิธีที่หยาบคาย มันกระโดดขึ้นจากพื้นและโซ่สสารสีทองก็ลอยออกมารอบๆตัวของมัน มันส่งเสียงร้องและเคลื่อนที่มาข้างหน้าเพื่อโจมตีหานเซิ่น
หานเซิ่นใช้จิตใจของเขา และเครื่องหมายพันธสัญญาก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของแม็กแคกหกหู
แม็กแคกหกหูล้มลงไปบนผลไม้ดารา มันยกมือขึ้นมากุมหัวตัวเอง ขณะที่ดิ้นไปมาราวกับว่ามันกำลังอยู่ในความเจ็บปวด
ในตอนที่เขาเห็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตกอยู่ในสภาพที่เจ็บปวด หานเซิ่นก็ยิ่งประหลาดใจกับประสิทธิภาพของพันธสัญญาของเผ่าเวรี่ไฮ
“เจ้าลิง เจ้าจะยอมเชื่อฟังข้าไหม?” หานเซิ่นถามเจ้าลิง หลังจากที่ปลดปล่อยมันจากความเจ็บปวด
เจ้าลิงคำรามด้วยความโกรธและกระโดดเข้าใส่หานเซิ่น ร่างกายของมันเบลอๆ ขณะที่มันพุ่งเข้าไปหาหานเซิ่น
แต่ในจังหวะที่แม็กแคกหกหูกำลังจะถึงตัวหานเซิ่น เจ้าลิงก็จับหัวของตัวเองและหงายหลังไป มันกระเด้งกับกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้เคียง ก่อนที่จะร่วงลงไปกระแทกกับพื้น มันสร้างรูขนาดบนพื้นในจุดที่มันร่วงลงไป
“เจ้าลิง! เจ้าจะยอมเชื่อฟังและทำตามทุกคำสั่งของข้าไหม?” หานเซิ่นถามอีกครั้งหลังจากที่หยุดพลังของพันธสัญญา
“เจ้าใช้ลูกไม้สกปรกเพื่อหลอกข้า ถ้าเจ้าแข็งแกร่งอย่างที่เจ้าว่า แบบนั้นก็เอาชนะข้าให้ได้”
ครั้งนี้แม็กแคกหกหูไม่ได้กระโดดไปข้างหน้า มันส่งเสียงร้องใส่หานเซิ่นอย่างเกรี้ยวโกรธ
“การเอาชนะเจ้าไม่ใช่เรื่องยากอะไร” หานเซิ่นหัวเราะ
“เจ้าเอาชนะไม่ได้แม้แต่ด้วงดารา ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้ ถ้าเจ้าไม่ใช่ลูกไม้สกปรก ข้าก็คงจะฆ่าเจ้าไปแล้ว” แม็กแคกหกหูดูโกรธ
หานเซิ่นมองไปที่แม็กแคกหกหูด้วยความประหลาดใจ “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าต่อสู้กับด้วงดาราที่นี่?”
แม็กแคกหกหูมองหานเซิ่นด้วยความดูถูกและพูด “ข้าเป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด ข้าไม่เหมือนซีโน่เจเนอิคตัวอื่นในผลไม้ดารา ข้ารู้อะไรหลายอย่างตั้งแต่ที่ข้าถือกำเนิด ข้ารู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่”
“เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด?” หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินแบบนั้น ซีโน่เจเนอิคแบบนั้นมีโอกาสสูงที่จะวิวัฒนาการไปจนถึงขั้นทรูก็อต
“ถ้าเจ้าไม่ใช่ลูกไม้สกปรกกับข้า เจ้าจะเอาชนะข้าได้ยังไง?” แม็กแคกหกหูยังคงพูดต่อด้วยโทนเสียงที่หยิ่งยโส
“ก็ได้ ข้าจะมอบโอกาสให้กับเจ้า ข้าจะไม่ใช่พลังของพันธสัญญา และถ้าเจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าจะคืนอิสระภาพให้กับเจ้า แต่ถ้าเจ้าแพ้ ข้าก็จะเป็นเจ้านายของเจ้า และเจ้าก็ต้องเชื่อฟังข้า ตกลงไหม?” หานเซิ่นยิ้ม
“ได้ ข้าตกลง” แม็กแคกหกหูรีบพูด เห็นได้ชัดว่ามันมั่นใจว่าตัวเองจะเอาชนะหานเซิ่นได้ มันรีบตอบเพราะกลัวว่าหานเซิ่นจะเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา
เซ็ตอะพอลโลของหานเซิ่นระเบิดด้วยแสงแห่งเทพอีกครั้ง ปีกอะพอลโลกางออก และทำให้เขาดูเหมือนกับเทพในท้องฟ้า เขามองลงมายังแม็กแคกหกหูและพูด
“เข้ามาได้เลย แสดงให้ข้าเห็นหน่อยว่าซีโน่เจเนอิคที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน”
แม็กแคกหกหูไม่ได้พูดอะไรอีก ดวงตาและร่างกายของมันระเบิดด้วยแสงสีทอง มันเป็นเหมือนกับลูกไฟสีทองที่พุ่งเข้าใส่หานเซิ่น
กรงเล็บแสงสีทองนับไม่ถ้วนกวัดแกว่งเข้าใส่หานเซิ่น หานเซิ่นถูกปกคลุมด้วยกรงเล็บแสง
หานเซิ่นกระพือปีกเพื่อหลบหลีกการโจมตี แต่วินาทีต่อมา แม็กแคกหกหูก็ปรากฏตัวถัดไปจากหานเซิ่น มันโจมตีไปที่เป้าของหานเซิ่นราวกับลิงที่พยายามจะขโมยลูกท้อ
แม็กแคกหกหูคิดว่าร่างปลอมและการร่องหนของมันสามารถซ่อนตัวตนที่แท้จริงของมันได้ แต่ความจริงแล้วหานเซิ่นเห็นทุกการเคลื่อนไหวของมัน หานเซิ่นขยับร่างกายเล็กน้อยเพื่อหลบหลีกการโจมตีของเจ้าลิง
แม็กแคกหกหูรู้สึกแย่มากกับเรื่องนั้น ในตอนที่มันต่อสู้กับเชล เชลไม่สามารถบอกได้ว่าร่างจริงของมันอยู่ที่ไหน แม้แต่ในตอนสุดท้าย มันก็ใช้พลังแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น และถึงอย่างนั้นเขายังคงไม่สามารถหาร่างจริงของมันเจอ
ถ้าเจ้าลิงใช้พลังทั้งหมดของมัน มันก็สามารถเอาชนะเชลได้ แต่มันหวาดกลัวหลี่ชุนชิว
แต่ตอนนี้เมื่อมันต่อสู้กับหานเซิ่น ร่างปลอมและการล่องหนของมันก็ใช้ไม่ได้ผล ไม่ว่ามันจะใช้ร่างปลอมหรือการล่องหน หานเซิ่นก็มองเห็นทุกอย่าง พวกมันเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ และเจ้าลิงก็เริ่มจะได้รับบาดเจ็บ
“ไม่ยุติธรรม! ไม่ยุติธรรม!” จู่ๆแม็กแคกหกหูก็เริ่มร้องตะโกนขึ้นมา
“อะไรไม่ยุติธรรม?” หานเซิ่นถามด้วยรอยยิ้มขณะที่หยุดการโจมตี
“เจ้าไม่ได้ใช้พลังของตัวเอง เจ้าแค่พึ่งพลังของสมบัติ ถ้าเจ้าเอาชนะข้าได้ มันก็เป็นเพราะพลังของสมบัติ”
แม็กแคกหกหูเย้ยหยันและพูดต่อไปว่า “ถ้าเจ้าไม่ใช่สมบัติ ข้าก็เอาชนะเจ้าได้ด้วยนิ้วก้อยของข้า”
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ใช่สมบัติ” หานเซิ่นยังคงยิ้ม
“ฮ่าๆ! ถ้าเจ้าไม่ใช่สมบัติ ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ” แม็กแคกหกหูพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญลองดู!” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็ถอดชุดเกราะเซ็ตอะพอลโลออก
เมื่อหานเซิ่นถอดชุดเกราะออก เจ้าลิงก็กรีดร้องเสียงดัง มันกระโดดเข้าใส่หานเซิ่นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาต
ถ้าไม่มีพลังเสริมจากเซ็ตอะพอลโล พลังและความเร็วของหานเซิ่นก็ด้อยกว่าแม็กแคกหกหู มันเป็นเรื่องยากที่จะหลบหลีกการโจมตีของมัน
แต่หานเซิ่นไม่ได้พยายามจะหลบ ประกายแสงเข้าไปในดวงตาของเขา และใบหน้าของเขาก็มีสีแดงคล้ำที่ดูประหลาด วิชาโลหิตชีพจรกำลังกลับตาลปัตร
ตอนที่ 2729
ในตอนที่วิชาโลหิตชีพจรถูกใช้อย่างกลับตาลปัตร มันก็กลายเป็นคัมภีร์นภาอำพัน ขณะที่แม็กแคกหกหูกระโดดเข้ามาตรงหน้าเขา หานเซิ่นก็ส่งลูกตบไปข้างหน้า และพลังของคัมภีร์นภาอำพันก็เข้าไปในตัวของแม็กแคกหกหู แม็กแคกหกหูเป็นระดับเทพเจ้า และหานเซิ่นก็ไม่ได้ใช้สมบัติอะไร ในสายตาของเจ้าลิงแล้ว เขาเป็นแค่ครึ่งเทพธรรมดาคนหนึ่ง เจ้าลิงจึงไม่มัวเสียเวลาหลบการโจมตีของหานเซิ่นและปล่อยให้การโจมตีของเขาเข้ามาถูกตัวของมัน เจ้าลิงนั้นกระหายที่จะฉีกร่างของหานเซิ่นเป็นชิ้นๆจนเกินไป
แต่ในตอนที่พลังของคัมภีร์นภาอำพันถูกตัวมัน ร่างกายของแม็กแคกหกหูก็สั่นไหว โลหิตชีพจรของมันกลับตาลปัตรและพลังของมันก็หายไปอย่างกะทันหัน ร่ายกายของมันเปลี่ยนแปลงและเหี่ยวเฉาราวกับว่ามันกำลังจะตาย
“เกิดอะไรขึ้น…” แม็กแคกหกหูเห็นร่างกายของตัวเองกำลังแห้งเหี่ยวไปเรื่อยๆ มันดูหวาดกลัวขึ้นมา
หานเซิ่นไม่ตอบ เขามองดูแม็กแคกหกหูอย่างสงบนิ่ง
ความเปลี่ยนแปลงต่อร่างกายของแม็กแคกหกหูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขนสีทองที่เรืองแสงราวกับดวงอาทิตย์มัวลงไป และดวงตาสีทองของมันก็ไม่ได้เปล่งประกายอีกแล้ว
หลังจากนั้นมันก็มีเสียงแตกหักประหลาดดังขึ้นมา โซ่สสารของแม็กแคกหกหูเริ่มแตกสลาย ในชั่วพริบตามันก็ถูกลดพลังจากระดับเทพเจ้าลงไปสู่ระดับราชัน มันยังคงมีพลังของครึ่งเทพ แต่พลังของมันด้อยกว่าก่อนหน้านี้มาก
“นี่…นี่มันเป็นไปได้ยังไง?” ดวงตาของแม็กแคกหกหูเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว มันไม่อยากเชื่อว่ามันจะกลายเป็นระดับราชัน
“เจ้า…เจ้าทำอะไรกับข้า? นี่เจ้าใช้ลูกไม้สกปรกบางอย่างกับข้าอีกแล้วใช่ไหม?” แม็กแคกหกหูตะโกนใส่หานเซิ่น
“เจ้าลิง เจ้ารู้ไหมว่าข้ามีสมญานามในจักรวาลนี้ว่าอะไร?” หานเซิ่นถามขณะที่ยิ้มให้กับแม็กแคกหกหู
“ข้าไม่ได้สนใจสมญานามของเจ้า เจ้าใช้ลูกไม้สกปรกอะไรกับข้า?”
แม็กแคกหกหูตะโกนใส่หานเซิ่น แต่มันไม่กล้าจะโจมตีเขาอีกแล้ว
แค่การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ลดระดับพลังของมันลงมาสู่ระดับราชัน มันไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้ ตอนนี้มันค่อนข้างหวาดกลัวหานเซิ่น และมันก็ไม่กล้าจะเข้าไปโจมตีเขาอีก
หานเซิ่นเมินเฉยต่อการร้องตะโกนของแม็กแคกหกหู เขาหัวเราะและพูด
“ในจักรวาลนี้ผู้คนเรียกข้าว่าบิดาของเทพ เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงได้รับสมญานามนี้มา?”
“ข้าจะไปรู้ได้ยังไง บิดาของเทพ? นี่เจ้าจะอวดดีเกินไปแล้ว…” เมื่อได้ยินสมญานามของหานเซิ่น แม็กแคกหกหูก็โกรธยิ่งกว่าเดิม
เจ้าลิงนั้นเป็นระดับเทพเจ้า แต่หานเซิ่นดูเหมือนจะกล่าวอ้างว่าตัวเองมีระดับที่สูงกว่า เห็นได้ชัดว่าเจ้าลิงไม่เห็นด้วยกับเขา
หานเซิ่นมองไปที่แม็กแคกหกหูและพูด
“ผู้คนในจักรวาลนี้เรียกข้าว่าบิดาของเทพก็เพราะสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าเป็นเหมือนกับลูกหลานของข้า ข้าปล่อยให้พวกเขามาเป็นลูกชายและลูกสายของข้าถ้าพวกเขามีคุณสมบัติพอ ถ้าข้าไม่อนุญาตให้ชายคนหนึ่งกลายเป็นลูกชายของข้า อย่างนั้นความหวังสุดท้ายของเขาก็คือกลายเป็นหลานชายของข้า เช่นเดียวกับเจ้า เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นลูกชายของข้า”
เจ้าลิงอึ้งไป มันอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อมันคิดเกี่ยวกับการที่หานเซิ่นลดระดับพลังของมันลงมาสู่ระดับราชัน สิ่งที่หานเซิ่นพูดก็ดูเหมือนจะสมเหตุสมผล
“ข้าไม่สน เจ้าต้องใช้ลูกไม้สกปรกบางอย่างกับข้า… ถ้าเจ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถพอ…”
“หุบปาก!” หานเซิ่นขึ้นเสียง เขาจ้องมองไปที่แม็กแคกหกหูด้วยสายตาที่เย็นชาและพูด
“ข้าเห็นว่าเจ้ามีพรสวรรค์ ข้าจึงไว้ชีวิตของเจ้า แต่เจ้ายังคงไม่ซาบซึ้งในความเมตตาของข้า เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้า? ในสายตาของข้า ระดับเทพเจ้าก็เป็นแค่เศษสวะ ถ้าข้าปล่อยให้พวกเขามีชีวิต พวกเขาก็จะมีชีวิตต่อไป แต่ถ้าข้าต้องการให้พวกเขาตาย พวกเขาก็จะต้องตาย ระดับเทพเจ้าเป็นเพียงแค่ของเล่นของข้า”
หลังจากนั้นร่างกายของหานเซิ่นก็ดูราวเป็นเทพ เขายกมือขึ้นและเตรียมตัวจะฆ่าแม็กแคกหกหู
แม็กแคกหกหูดูหวาดกลัว ตอนนี้มันเกรงกลัวต่ออิทธิฤทธิ์ของหานเซิ่นอย่างมาก ร่างกายของมันสั่นรัว
“อย่าฆ่าข้าเลย! ข้าจะยอมเชื่อฟัง…”
“ไม่ต้องกังวล มันไม่มีความจำเป็นต้องฝืนตัวเอง” หานเซิ่นจ้องมองไปที่แม็กแคกหกหู มือของเขายังคงยกขึ้นและเตรียมตัวจะฆ่าเจ้าลิง
แม็กแคกหกหูรีบพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้ฝืนตัวเอง ข้าไม่ได้ฝืนตัวเองจริงๆ… มันถือเป็นเกียรติสูงสุดที่จะได้ติดตามคนอย่างนายท่าน! นายท่านเปลี่ยนข้ากลับไปสู่ระดับเทพเจ้าได้ใช่ไหม?”
“นั่นไม่ใช่เรื่องยาก เข้ามานี่” หานเซิ่นดูเหมือนกับเทพ ขณะที่เขามองลงมาที่แม็กแคกหกหูจากเบื้องบน
แม็กแคกหกหูดูลังเลที่จะเข้าไปใกล้หานเซิ่น
“ถ้าข้าต้องการจะฆ่าเจ้า ทั้งหมดที่ข้าต้องทำก็คือยกมือ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร” หานเซิ่นมองไปที่แม็กแคกหกหูด้วยความดูถูก
แม็กแคกหกหูฝืนยิ้มออกมา “ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น ข้าไม่ได้สงสัยในเจตนาของนายท่าน…”
แม็กแคกหกหูรีบเข้ามาหาหานเซิ่น ร่างกายของมันสูงครึ่งหนึ่งของมนุษย์ และเมื่อมันมายืนอยู่ต่อหน้าหานเซิ่น มันก็ดูเหมือนกับเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่ง
หานเซิ่นมองไปที่เจ้าลิงและยกมือขึ้น เขาสัมผัสหัวของมันราวกับเป็นพ่อและพูด
“ข้า…หานเซิ่น…ในนามของเทพทั้งปวง…ขอมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ชั่วนิรันดร์…เพื่อเปิดประตูแห่งโชคชะตา…”
หานเซิ่นแต่งคำพูดไร้สาระขึ้นมาเพื่อขู่แม็กแคกหกหู มันไม่ได้รู้ว่าเขาแค่กำลังถ่วงเวลาอยู่เท่านั้น หานเซิ่นจำเป็นต้องรอจนกระทั่งผลของคัมภีร์นภาอำพันหายไป หลังจากนั้นแม็กแคกหกหูก็จะกลับคืนสู่ระดับเทพเจ้าอีกครั้ง หานเซิ่นไม่จำเป็นต้องใช้วิชาโลหิตชีพรด้วยซ้ำ เขาแค่ลูบไปบนหัวของแม็กแคกหกหูมั่วๆ
หานเซิ่นคำนวณเวลาและค่อยๆพูดการอวยพรที่แต่งขึ้นมา หลังจากที่เขาพูดจบ พลังของคัมภีร์นภาอำพันก็หายไป และร่างกายของแม็กแคกหกหูก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
แม็กแคกหกหูรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลง มันกลับกลายเป็นระดับเทพเจ้าอีกครั้ง ซึ่งทำให้เจ้าลิงเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดีและความโล่งใจ
เจ้าลิงดีใจที่ได้กลับสู่ระดับเทพเจ้าอีกครั้ง และมันก็หวาดกลัวชายที่อยู่ตรงหน้าของมัน คนๆนี้สามารถเพิ่มหรือลดระดับของมันได้ตามใจชอบ
‘เจ้านี่น่ากลัวเกินไปแล้ว ดูเหมือนว่ามันอาจจะเป็นเรื่องจริงที่เขาเป็นบิดาของเทพ เขาอาจจะเป็นแค่ระดับราชัน แต่เราด้อยกว่าเขาในทุกด้าน สำหรับตอนนี้เราคงจะต้องหยุดท้ายทายเขา’ แม็กแคกหกหูพยายามปลอมตัวเอง มันหวาดกลัวอย่างมาก และมันไม่กล้าจะต่อสู้กับหานเซิ่นอีกต่อไป
ในตอนที่แม็กแคกหกหูกลับไปสู่ระดับเทพเจ้า มันก็คุกเข่าต่อหน้าหานเซิ่นและพูด
“ข้ายินดีจะติดตามนายท่านไปตลอดการ ข้าหวังว่านายท่านจะลืมเรื่องในอดีตและยินดีให้ข้าติดตามนายท่าน”
ขณะที่ปากของมันพูดแบบนั้น ในหัวของของแม็กแคกหกหูก็กำลังคิดอีกอย่างหนึ่ง
‘ให้ข้าหาจุดอ่อนของเจ้าได้ก่อนเถอะ หลังจากนั้นข้าจะหนีไปจากที่นี่และบางทีอาจจะฆ่าเจ้าได้ด้วย’
หานเซิ่นคาดเดาได้ถึงสิ่งที่แม็กแคกหกหูกำลังคิดอยู่ แต่เขาไม่ได้พูดเรื่องนั้นขึ้นมา เขาพูดไปว่า
“เจ้าควรจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ดี เมื่อเจ้าเริ่มติดตามข้า มันจะไม่มีโอกาสมาเสียใจในภายหลัง”
“ข้าคิดเกี่ยวกับมันดีแล้ว ข้าจะติดตามนายท่านไปชั่วชีวิต และข้าจะจงรักภักดีต่อนายท่านเพียงผู้เดียว” แม็กแคกหกหูพูดเป็นตุเป็นตะ แต่เจตนาที่แท้จริงของมันตรงกันข้ามกับที่มันพูด
“ลุกขึ้นและบอกชื่อของเจ้ามา” หานเซิ่นพูด
“ข้าคือแม็กแคกหกหู ข้าไม่มีชื่อ” เจ้าลิงพูด
“ถ้าอย่างนั้นข้าต้องชื่อให้กับเจ้า” หานเซิ่นเงียบไปสักคู่ หลังจากนั้นเขาพูดขึ้นว่า
“ในเมื่อเจ้าเป็นลิงซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าและเป็นแม็กแคกหกหู อย่างนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าหมายเลขหกน้อย”
แม็กแคกหกหูอึ้งไปเมื่อได้ยินชื่อที่หานเซิ่นตั้งให้กับมัน
‘นั่นเป็นชื่อที่ห่วยแตก! เขาเงียบไปนาน และสุดท้ายเขาก็มอบชื่อที่เหมือนเด็กให้กับข้า’
ตอนที่ 2730
หลังจากที่เชลและหลี่ชุนชิวเทเลพอร์ตไปจากต้นไม้ดารา เชลก็วางร่างของแม็กแคกหกหูลงเพื่อตรวจดูมัน ขณะที่หลี่ชุนชิวสังเกตมัน เขาก็รู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติ เขาแกว่งหมัดชกใส่ร่างของแม็กแคกหกหู หลังจากนั้นร่างของแม็กแคกหกหูก็สลายกลายเป็นผุยผง
“นี่เป็นไปได้ยังไง?” เชลรู้สึกตกใจ เขาหันหลังเพื่อจะกลับไปที่ต้นไม้ดารา
หลี่ชุนชิวหยุดเขาเอาไว้และพูด “มันสายเกินไปแล้วที่จะกลับไปตอนนี้ ปานนี้แม็กแคกหกหูนั่นคงจะหนีไปในเอาท์เตอร์สกายและหายตัวไปเรียบร้อยแล้ว”
“หานเซิ่นเฝ้าต้นไม้ดารานั่นอยู่ ข้าไม่คิดว่ามันจะหนีไปได้ง่ายๆ” เชลพูด
“ถ้าข้าตรวจจับร่างจริงของแม็กแคกหกหูไม่ได้ ข้าก็ไม่คิดว่าหานเซิ่นจะทำมันได้เช่นกัน” หลี่ชุนชิวพูดอย่างไร้ความรู้สึก
“และถึงแม้เขาจะพบมัน เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเขาจะหยุดแม็กแคกหกหูจากการหนีไปได้น่ะ?”
“ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง ข้าแยกร่างปลอมร่างจริงของมันไม่ออก” เชลพูด
หลี่ชุนชิวส่ายหัว “เจ้าไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง ร่างปลอมของแม็กแคกหกหูนั้นเป็นอะไรที่พิเศษ แม้แต่ข้าก็แยกมันไม่ออก”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ หลี่ชุนชิวก็พูดปลอบเชล
“ในเอาท์เตอร์สกายมีซีโน่เจเนอิคนับไม่ถ้วน เจ้าจะล่าพวกมันมาเพิ่มได้อีกมาก แต่อย่าเพิ่งไปในตอนนี้ หานเซิ่นกำลังจะมาเยือนสระแห่งความโชคดี พวกเราจะไปหลังจากนั้น”
เชลพยักหน้า “สระแห่งความโชคดีคงจะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อพลังของเขา แต่มันส่งกระทบต่อสิ่งมีชีวิตแต่ละอย่างแตกต่างกันออกไป หานเซิ่นจะได้รับประโยชน์จากมันมากน้อยขนาดไหนกันแน่”
“ข้าไม่เชื่อว่าจะมีสิ่งมีชีวิตไหนได้รับประโยชน์จากมันมากเหมือนอย่างที่เจ้าได้รับ” หลี่ชุนชิวพูดอย่างไร้ความรู้สึก
…
หานเซิ่นคิดว่าหลี่ชุนชิวและเชลจะกลับมาตามหาแม็กแคกหกหู แต่หลังจากรอคอยอยู่สักพัก เขาก็ยังไม่เห็นทั้งคู่กลับมา
ในวันรุ่งขึ้น หานเซิ่นบอกให้หมายเลขหกน้อยคอยเฝ้าต้นไม้ดาราร่วมกับซีโน่เจเนอิคตัวอื่นๆ เป่าเอ๋อตัดสินใจรออยู่ที่นั่นเช่นกัน และหานเซิ่นก็ตรงไปที่สระแห่งความโชคดีตามลำพัง
หานเซิ่นรีบร้อนไปที่สระแห่งความโชคดีก็เพราะเขาต้องการจะใช้มันก่อนที่เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อจะรู้เรื่องนี้
เขาต้องการใช้สระแห่งความโชคดีเพื่อนำวิชากายหยกและศาสตร์ตงเสวียนขึ้นไปสู่ระดับครึ่งเทพ ถ้าพวกเธออยู่ด้วย เขาก็จะไม่สามารถเสี่ยงใช้วิชาจีโนทั้งสองต่อหน้าพวกเธอได้
ความจริงแล้วสระแห่งความโชคดีนั้นไม่ใช่สระน้ำจริงๆ มันเหมือนกับบ่อน้ำมากกว่า จากที่หานเซิ่นรู้ น้ำที่อยู่ภายในสระแห่งความโชคดีนั้นไม่ใช่น้ำจริงๆ มันเป็นของเหลวที่เกิดขึ้นจากเศษซากของซีโน่เจเนอิคที่ตายไป
อย่างน้อยๆนั่นก็คือสิ่งที่หานเซิ่นเคยได้ยินมา ไม่ว่ามันจะเป็นความจริงหรือไม่ เขาก็ไม่อาจจะรู้ได้ มันไม่ใครรู้อย่างแน่ชัดถึงสิ่งที่อยู่ที่ก้นบึ้งของสระแห่งความโชคดี แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตก็ไม่สามารถไปถึงก้นบึ้งของมันได้
ถึงแม้ยอดฝีมือของเวรี่ไฮจะลงไปไม่ถึงก้นบึ้งของสระแห่งความโชคดี แต่พวกเขาก็ได้ทำการวิเคราะห์และตัดสินว่ามันมีร่างของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ากลุ่มหนึ่งอยู่ที่ก้นของสระแห่งความโชคดี ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าเหล่านั้นจะต้องตายมาเป็นเวลาล้านล้านปี และซากศพของพวกมันก็คงอยู่จนมาถึงทุกวันนี้ ตลอดเวลาอันยาวนานแก่นแท้ของพวกมันได้กลายเป็นของเหลวที่เติมโตหลุมศพจนกลายเป็นสระแห่งความโชคดี
กระบวนของมันเหมือนกับการก่อตัวของน้ำมัน
เนื่องจากภายในสระแห่งความโชคดีมียีนระดับเทพเจ้าอยู่มายมาย มันจึงส่งเสริมยีนของสิ่งมีชีวิตที่ได้อาบมัน
ผลประโยชน์ที่คนๆหนึ่งจะได้รับขึ้นอยู่กับความยาวนานที่พวกเขาอยู่ภายในสระและความสามารถในการดูดซับมัน
แต่ข้อมูลทั้งหมดนี้ของสระแห่งความโชคดีเป็นเพียงแค่การคาดเดาของทางเวรี่ไฮ ส่วนความจริงนั้นไม่มีใครรู้
แต่ในตอนที่ผู้คนเข้าไปในสระแห่งความโชคดี บางคนจะไปกระตุ้นน้ำของสระแห่งความโชคดีและสร้างบางสิ่งที่ประหลาดขึ้นมา
ในอดีตเคยมีโกเล็มตัวหนึ่งเข้าไปในสระแห่งความโชคดี มันได้ไปกระตุ้นสระแห่งความโชคดีจนเกิดเป็นภาพนิมิตของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าสมัยโบราณที่โจมตีใส่รูปปั้นนภา เพราะนิมิตประหลาดนี้ โกเล็มดูเหมือนจะดูดซับน้ำในสระได้มากกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น โกเล็มนั้นก้าวหน้าขึ้นอย่างมากและเกือบจะกลายเป็นขั้นทรูก็อต ถึงแม้สุดท้ายแล้วมันจะทำไม่สำเร็จ แต่มันก็ถือเป็นปาฏิหาริย์แล้วที่โกเล็มดูดซับได้มากขนาดนั้น
หานเซิ่นไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะไปกระตุ้นให้เกิดภาพนิมิตขึ้นมา เขาเพียงแค่หวังจะดูดซับน้ำของสระแห่งความโชคดีให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทางเวรี่ไฮได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่าที่บางคนสามารถกระตุ้นให้เกิดภาพนิมิตประหลาดได้นั้นเป็นเพราะพวกเขาไปถึงส่วนลึกของสระแห่งความโชคดี ในตอนที่พวกเขาค้นพบซากของสิ่งมีชีวิตที่มีความยาวคลื่นที่ตรงกันกับของตัวเอง ภาพนิมิตก็จะถูกเกิดขึ้นมา
สายเลือดของมนุษย์สืบทอดมาจากคริสตัลไลเซอร์ และประวัติศาสตร์ของคริสตัลไลเซอร์ก็ไม่ได้ย้อนกลับไปไกลถึงขนาดนั้น มันไม่มีทางที่พวกเขาจะมาถึงเอาท์เตอร์สกายและมาอยู่ภายในสระแห่งความโชคดีได้ ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่คิดว่าตัวเขาจะก่อให้เกิดภาพนิมิตขึ้นมา
จากการวิเคราะห์ของเวรี่ไฮ การดูดซับน้ำในสระแห่งความโชคดีจะช่วยให้ยีนนั้นกลายพันธุ์ การกลายพันธุ์แบบนั้นมักจะให้ผลลัพธ์ที่ดี
แต่ถ้าคนๆหนึ่งดูดซับน้ำในสระแห่งความโชคดีและกลายพันธุ์มากเกินไป มันก็อาจจะทำร้ายร่างกายของพวกเขา การรู้ถึงขีดจำกัดของตัวเองจึงเป็นกุญแจสำคัญ การดูดซับน้ำในสระมากเกินไปจะเป็นอะไรที่เสี่ยง แต่ถ้าคนๆหนึ่งดูดซับน้ำในสระไปน้อยเกินไป ความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของพวกเขาก็จะไม่ชัดเจน ความมากน้อยที่คนๆหนึ่งควรจะดูดซับน้ำเข้าไปนั้นขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งและความทนทานของผู้ที่ลงไป
หานเซิ่นมายืนอยู่ด้านนอกปราสาทที่มีสระแห่งความโชคดีตั้งอยู่ข้างใน เขาไม่เห็นหลี่ชุนชิว แต่เขาเห็นเชลยืนอยู่ที่ด้านนอกของปราสาท มันเหมือนกับว่าชายหัวสิงโตคนนั้นกำลังรอคอยเขาอยู่
“เชล ตอนนี้ข้าเข้าไปใช้สระแห่งความโชคดีได้ใช่ไหม?” หานเซิ่นส่งยันต์แห่งความโชคดีให้กับเชล
“แน่นอนอยู่แล้ว ข้ารอคอยอยู่ที่นี่ก็เพื่อเปิดประตูให้กับเจ้า”
เชลพูด เขารับยันต์แห่งความโชคดีมาจากหานเซิ่น หลังจากนั้นเขาก็นำยันต์ที่เหมือนกันของตัวเองออกมา เขาสไลด์ยันต์ทั้งสองไปที่ตัวล็อคบนประตู
ประตูไปสู่สระแห่งความโชคดีค่อยๆเปิดออก เชลทำท่าทางบอกให้หานเซิ่นเข้าไปและพูด “ข้าหวังว่าเจ้าจะใช้สระแห่งความโชคดีและกลายเป็นระดับเทพเจ้า”
“ข้าเองก็หวังเช่นนั้น ข้าจะเข้าไปละนะ” หานเซิ่นพยักหน้าให้กับเชลและเดินเข้าไปข้างใน
ภายในศูนย์กลางของปราสาท มันมีสระที่ทำขึ้นจากหินหยก น้ำในสระนั้นนิ่งสนิทโดยที่ไม่มีคลื่นหรือการกระเพื่อมเลยแม้แต่นิดเดียว น้ำควรจะโปร่งใส แต่เนื่องจากความลึกของสระ มันนั้นมืดสนิท มันดูเหมือนกับประตูไปสู่นรก
ถึงแม้สระแห่งความโชคดีจะนิ่งสนิทราวกับบ่อน้ำลึก หานเซิ่นก็สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่น่ากลัว น้ำของสระที่เงียบสงัดนั้นเอ่อล้นไปด้วยพลังงานราวกับภูเขาไฟที่ปะทุ มันน่ากลัวยิ่งกว่าพลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าเป็นแสนเท่า เพียงแค่ยืนอยู่ข้างสระก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาจะละลาย
“เป็นพลังชีวิตที่สุดยอดอะไรขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่สระแห่งความโชคดีนี้เป็นตำนาน” หานเซิ่นพูดกับตัวเอง โดยไม่ลังเลเขากระโดดลงไปในสระแห่งความโชคดีโดยเอาหัวลงก่อน
ในตอนที่หานเซิ่นกระโดดลงไปในสระแห่งความโชคดี หลี่ชุนชิวก็ปรากฏตัวข้างๆเชล
“หานเซิ่นจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าภายในสระแห่งความโชคดีได้ไหมนะ” เชลพูดกับตัวเอง
“เขาเป็นแค่คริสตัลไลเซอร์ ไม่เหมือนกับเจ้า เขาไม่ได้มีเลือดของซีโน่เจเนอิคโบราณที่จะไปกระตุ้นให้เกิดภาพนิมิต มันไม่มีทางที่เขาจะได้รับมากนัก เขาจะไม่กลายเป็นระดับเทพเจ้า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คงจะได้รับผลประโยชน์ที่ช่วยให้เขาเจริญก้าวหน้า” หลี่ชุนชิวพูดอย่างตรงไปตรงมา
ตอนที่ 2731
ในตอนที่หานเซิ่นลงไปในสระแห่งความโชคดี เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกระโดดลงไปในน้ำพุร้อน ความร้อนไหลผ่านรูขุมขนของเขาและแพร่กระจายไปทั่วร่างกายของเขา
หานเซิ่นยิ้มกว้างกับความรู้สึกนั้น ความร้อนที่เข้ามาในร่างกายของเขาเป็นพลังชีวิตอย่างหนึ่ง สระแห่งความโชคดีควรจะส่งเสริมยีนของเขา แต่ลำพังแค่พลังชีวิตของมันก็เป็นประโยชน์กับเขาอย่างมากแล้ว
ภายใต้พลังชีวิตที่หลั่งไหลเข้ามานั้น หานเซิ่นรู้สึกว่าร่างกายของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน มันเหมือนกับว่าเขาสามารถเล่นไพ่นกกระจอกติดต่อกันสามวันโดยไม่รู้สึกเหนื่อย
แต่พลังชีวิตที่บริสุทธิ์นั้นยังคงไม่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของหานเซิ่น หานเซิ่นทำจิตใจให้ว่างเปล่าและเริ่มใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อดูดซับพลังชีวิตของสระแห่งความโชคดีเข้าไป
หลังจากที่หานเซิ่นเริ่มใช้ศาสตร์ตงเสวียน เขาก็รู้สึกว่ามันมีกระแสของพลังงานพุ่งพล่านเข้ามาในตัวของเขาอย่างไม่หยุด มันทำให้ทุกเซลล์ในร่างกายของเขาเริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลง
เพียงแค่ไม่กี่วินาทีต่อมา หานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในศาสตร์ตงเสวียน ศาสตร์ตงเสวียนเริ่มแสดงสัญญาณของการรวมทั้งเก้าขั้นเป็นหนึ่งเดียว
“สุดยอด! มันสุดยอดเกินไปแล้ว! สระแห่งความโชคดีนี่สุดยอดอย่างไม่น่าเชื่อ”
หานเซิ่นทั้งตกใจและดีใจ พลังงานที่สระแห่งความโชคดีมอบให้กับเขานั้นมากกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้มาก
‘ถ้ารู้ว่ามีสระที่เต็มเปี่ยมไปด้วยทรัพยากรแบบนี้อยู่ เราก็คงจะหาทางมาที่นี่ให้เร็วกว่านี้ การกลายเป็นระดับเทพเจ้านั้นเป็นอะไรที่ง่ายยิ่งกว่าการถูตัวเอง ถ้าเรามาที่นี่เร็วกว่านี้ วิชาจีโนทั้งสี่ตัวของเราก็คงจะกลายเป็นระดับครึ่งเทพไปนานแล้ว มันจะช่วยลดปัญหาของเราลงไปมาก’
หานเซิ่นคิดขณะที่ยังคงใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อดูดพลังงานเข้าไปเรื่อยๆ
จังหวะต่อมา หานเซิ่นก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาระเบิดด้วยพลัง มันเหมือนกับว่าฟันเฟืองจักรวาลนับไม่ถ้วนหมุนร่วมกับศาสตร์ตงเสวียน แรงของฟันเฟืองเหล่านั้นผลักดันฟันเฟืองของศาสตร์ตงเสวียนและช่วยให้เขากลายเป็นระดับครึ่งเทพได้สำเร็จ
หานเซิ่นประหลาดใจ แต่เขาไม่มีเวลาจะมาตรวจเช็คความแตกต่างจากการที่ศาสตร์ตงเสวียนเลื่อนไปสู่ระดับครึ่งเทพ เขาเริ่มใช้วิชากายหยกต่อในทันที เขาต้องการใช้พลังชีวิตอันมหาศาลรอบตัวเพื่อเป็นพลังเสริมให้กับกายหยกเช่นเดียวกัน
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากสระแห่งความโชคดีมอบพลังงานที่มากมายให้กับหานเซิ่น ในตอนที่กายหยกดูดซับพวกมันเข้าไป หานเซิ่นก็สามารถรวมทั้งเก้าขั้นให้เป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร้การติดขัด
ร่างกายทั้งร่างของหานเซิ่นเปลี่ยนไปเป็นหยกน้ำแข็ง ทันใดนั้นเขาก็ดูเหมือนกับรูปปั้น ขณะที่กายหยกยังคงเกิดความเปลี่ยนแปลง ร่างกายของเขาก็ดูเหมือนกับคริสตัลมากขึ้นเรื่อยๆ มันเปล่งรัศมีราวกับเพชร
ชั้นหยกฉีกตัวเองออกจากร่างกายของหานเซิ่นทีละชั้นๆ และขณะที่มันลอกออกไป เนื้อหนังของหานเซิ่นก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ มันเหมือนกับว่าเขากำจัดเนื้อหนังเก่าของตัวเองออกไปและใส่เนื้อหนังใหม่เข้าไปแทน
“มันเพิ่มระดับขึ้นแล้วหรอเนี่ย?” หานเซิ่นแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น การเลื่อนระดับของศาสตร์ตงเสวียนและกายหยกนั้นง่ายดายที่สุดในโลก และมันยังคงมีพลังชีวิตหลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของเขาเพิ่มอีกเรื่อยๆ มันเหมือนกับว่าเขาคาดหวังที่จะเจอกับหยาดฝน แต่ตอนนี้แม่น้ำทั้งหลายกำลังไหลลงมาใส่เขา มันมากมายเกินไป
“บางสิ่งผิดปกติ… บางสิ่งจะต้องผิดปกติแน่ๆ…” หานเซิ่นยังคงดูดซับพลังงานเหล่านั้นเข้าไป แต่เขาไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้
จากการวิเคราะห์ของเวรี่ไฮ สระแห่งความโชคดีนั้นเกิดขึ้นจากยีนของพวกซีโน่เจเนอิคที่มารวมอยู่ด้วยกัน มันเป็นการผสมผสาน ด้วยเหตุนั้นส่วนประกอบของน้ำในสระแห่งความโชคดีจึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างซับซ้อน
ในตอนที่สิ่งมีชีวิตปกติลงมาในสระแห่งความโชคดี พวกเขาจะดูดซับแค่พลังที่เข้ากันกับยีนของพวกเขาเข้าไปเท่านั้น พลังที่เข้ากันไม่ได้จำเป็นต้องถูกขับออกไป ไม่อย่างนั้นมันก็จะสร้างความเสียหายต่อร่างกายของพวกเขา
ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีสิ่งมีชีวิตที่ฝึกวิชาธาตุไฟมาที่สระแห่งความโชคดี มันก็จำเป็นต้องขับพลังธาตุน้ำที่มันดูดซับเข้าไปออกมาให้หมด ไม่อย่างนั้นธาตุที่ขัดแย้งก็จะสร้างความเสียหายกับสิ่งมีชีวิตธาตุไฟนั้น
เนื่องจากพลังส่วนใหญ่ในสระแห่งความโชคดีนั้นไม่เหมาะสมกับผู้คนส่วนใหญ่ ดังนั้นคนๆหนึ่งจะไม่สามารถใช้เวลาอยู่ในสระน้ำได้เป็นเวลานาน เมื่อพลังที่ขัดแย้งเข้าไปในร่างกายถึงระดับที่เป็นอันตราย พวกเขาก็จำเป็นต้องขึ้นจากสระแห่งความโชคดี และเมื่อพวกเขาออกไปจากสระแล้ว พวกเขาก็ต้องขับพลังที่เป็นภัยทั้งหมดออกไปอย่างระมัดระวัง
ถ้าคนในสระกระตุ้นให้เกิดภาพนิมิตขึ้นมา ภาพนิมิตก็จะช่วยขับพลังธาตุอื่นออกไปและดึงดูดพลังที่มีประโยชน์มาให้คนๆนั้น ด้วยเหตุนั้นในตอนที่เกิดภาพนิมิตขึ้น คนที่อยู่ในสระจึงสามารถดูดซับพลังของสระแห่งความโชคดีได้มากกว่าปกติ พลังที่เป็นอันตรายจะเข้าไปเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งทำให้คนที่กระตุ้นให้เกิดภาพนิมิตนั้นได้รับผลประโยชน์จากสระแห่งความโชคดีมากกว่าคนอื่น
แต่ตอนนี้สถานการณ์ของหานเซิ่นเป็นอะไรที่แปลก เขาดูดซับพลังของสระแห่งความโชคดีมาสักพักหนึ่งแล้ว ภาพนิมิตยังคงไม่เกิดขึ้นมา แต่พลังที่เขาดูดซับเข้าไปก็ดูเหมือนจะเข้ากันได้กับร่างกายของเขาเป็นอย่างดี มันไม่มีพลังไหนที่เป็นภัยกับเขาเหมือนอย่างทฤษฎีบอก มันเหมือนกับว่าทั้งสระแห่งความโชคดีนั้นมีแค่พลังที่บริสุทธิ์อยู่เท่านั้น พลังทุกหยดที่ถูกดูดซับเข้าไปนั้นจะช่วยให้วิชาจีโนของเขาก้าวหน้าขึ้น
หานเซิ่นกลืนกินราวกับวาฬและดูดเหมือนกับยุง เขาดูดซับพลังงานเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเอาพลังเข้าไปมากซะจนเขาเกือบจะหวาดกลัว
‘เราดูดซับพลังเข้าไปเป็นจำนวนมาก ทำไมมันถึงไม่มีอะไรมาหยุดความก้าวหน้าของเรา มันเหมือนกับว่าเราจะดูดซับพลังเข้าไปมากเท่าไรก็ได้ นี่มันแปลกจริงๆ’ หานเซิ่นคิดอย่างกระวนกระวายใจเล็กน้อย
มันเหมือนกับว่าเขาไปกินสเต็กบุฟเฟ่ต์ที่คนส่วนใหญ่กินสเต็กได้แค่สามจานเท่านั้นก่อนที่จะรู้สึกอิ่ม ขณะที่หานเซิ่นกินไปแล้วมากกว่าสิบจาน และเขาก็ยังคงกินต่อไปอย่างไม่หยุด ท้องของเขาดูเหมือนกับว่ามีที่ว่างอย่างไม่จำกัด
‘นี่มันเป็นเพราะร่างกายของเราไม่มีธาตุพิเศษ ทำให้เราดูดซับพลังธาตุไหนเข้าไปก็ได้อย่างนั้นหรอ? นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้การสถานการณ์แบบนี้ขึ้นอย่างนั้นใช่ไหม?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
ถึงแม้คำอธิบายนี้จะดูไม่น่าเชื่อ แต่การที่มีของดีแบบนี้กำลังเข้ามาในปากของเขานั้นไม่ใช่บางสิ่งที่เขาจะปฏิเสธได้
‘พลังงานนี่มันมากมายจริงๆ ถ้าเราดูดซับมันเข้าไปเรื่อยๆ เราจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าเลยไหมนะ?’
หานเซิ่นทั้งหวาดหวั่นและยินดีกับความคิดนั่น ‘ถ้าเป็นแบบนั้นจริง นั่นจะเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆ’
หานเซิ่นใช้เรื่องราวของยีนอย่างเต็มกำลัง ตลอดหลายปีที่เขาฝึกมันมา วิชาจีโนนี้มักจะเรียกร้องทรัพยากรมากกว่าที่เขาจะมีให้กับมัน เขาไม่รู้ว่าจะหาโอกาสแบบนี้ได้อีกครั้งเมื่อไหร่ถ้าเขาไม่ใช้ประโยชน์จากมันในตอนนี้
ขณะที่หานเซิ่นกำลังดูดซับพลังจากสระแห่งความโชคดีอย่างบ้าคลั่ง เชลและหลี่ชุนชิวก็กำลังรอดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากด้านนอกสระแห่งความโชคดี
พลังชีวิตของสระแห่งความโชคดียังคงมหาศาลเหมือนอย่างเคย น้ำของสระกำลังหมุนวนเหมือนกับวังวน แต่นอกจากเรื่องนั้นแล้ว มันก็ไม่มีอะไรที่แปลกประหลาด พวกเขายังคงไม่เห็นหานเซิ่นขึ้นมาสู่ผิวน้ำ
“มันผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมหานเซิ่นยังไม่ขึ้นมาอีก?” เชลถามด้วยความสับสน
สำหรับระดับราชันที่ไม่ได้กระตุ้นให้เกิดภาพนิมิต ครึ่งชั่วโมงควรจะเป็นเวลานานที่สุดแล้วที่พวกเขาจะทนได้ แม้แต่ครึ่งเทพที่แข็งแกร่งก็จะได้รับความเสียหายถ้าพวกเขาอยู่ในสระนานกว่านั้น
แต่หานเซิ่นที่ไม่ได้กระตุ้นให้เกิดภาพนิมิตยังคงไม่โผล่ขึ้นมาจากสระแห่งความโชคดี มันไม่ใช่แค่เชลคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลี่ชุนชิวเองก็รู้สึกเหมือนกัน
ตอนที่ 2732
“หานเซิ่นนั้นไม่เลวเลยจริงๆ มันน่าประทับใจที่คริสตัลไลเซอร์คนหนึ่งอยู่ในนั้นได้ถึงครึ่งชั่วโมง เขาคือตัวอย่างที่หาได้ยากมากๆ” หลี่ชุนชิวพูดขณะที่จ้องไปในน้ำ
แต่หลังจากผ่านไปอีกครั้งชั่วโมง หานเซิ่นก็ยังคงไม่โผล่ออกมาจากสระแห่งความโชคดี ตอนนี้แม้แต่ใบหน้าของหลี่ชุนชิวก็ดูตกตะลึง
“มันผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่เขายังคงไม่กลับออกมา… มันควรจะมีแค่สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟที่ทำได้หนิ?” เชลพูดด้วยความแปลกใจ
หลี่ชุนชิวพยักหน้าและพูด “ตามทฤษฎีของพวกเรา นอกซะจากพวกเขาจะกระตุ้นให้เกิดภาพนิมิต อย่างนานที่สุดครึ่งเทพก็ควรจะอยู่ได้แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟจะอยู่ได้หนึ่งชั่วโมง…”
เสียงของหลี่ชุนชิวขาดหายไป เขากำลังสงสัยว่าทำไมหานเซิ่นถึงได้ใช้เวลานานนัก และทำไมหานเซิ่นถึงยังคงไม่ขึ้นมา
แม้แต่ตัวหานเซิ่นเองก็กำลังสับสนไม่ต่างไปจากพวกเขา ในตอนนี้หานเซิ่นดูดซับพลังเข้าไปยิ่งกว่าที่ร่างกายของเขาใช้ไปก่อนหน้านี้ และเขาก็ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เขารู้สึกว่ายังสามารถดูดซับเข้าไปได้อีก มันเหมือนกับว่าระบบประสาทของเขาบกพร่อง เขาเลยไม่รู้สึกอิ่ม
“ยีนระดับเทพเจ้า +1 ยีนระดับเทพเจ้าทั้งหมด: 30/100”
ทันใดนั้นก็เสียงดังขึ้นในหัวของหานเซิ่น มันทำให้เขารู้สึกตกใจ เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่มันพูด เขาก็รู้สึกดีใจ
“ว้าว! น้ำในสระแห่งความโชคดีเพิ่มยีนระดับเทพเจ้าของเราได้ นี่มันเป็นเหมือนที่เวรี่ไฮสันนิษฐานไว้จริงๆหรอเนี่ย? น้ำในสระแห่งความโชคดีนี้เกิดขึ้นเพราะยีนของซีโน่เจเอนอิคละลายไปกับน้ำ…”
หานเซิ่นประหลาดใจ มันเป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้รับยีนระดับเทพเจ้า เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้รับพวกมันที่นี่
หานเซิ่นเคยพยายามจะดูดซับยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า แต่เขาไม่สามารถย่อยพวกมันได้ แต่ทว่ายีนในน้ำพวกนี้สามารถดูดซับเข้าไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร
ในตอนนี้หานเซิ่นไม่สนใจว่าจะต้องอยู่ใต้น้ำนานสักแค่ไหน นี่เป็นโอกาสดีของเขา ดังนั้นเขาจะไม่หยุดจนกระทั่งมันไม่มีที่ว่างให้เขาดูดซับเข้าไปได้อีก
“ยีนระดับเทพเจ้า +1 ยีนระดับเทพเจ้าทั้งหมด: 40/100…”
ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงประกาศอีกครั้ง
หลังจากที่ได้ยินเสียงประกาศอีกครั้ง หานเซิ่นก็พยายามจะดูดซับพลังของสระแห่งความโชคดีมากยิ่งกว่าเดิม ร่างกายของเขาจมลึกลงไปในสระมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งเขาลงไปลึกเท่าไร พลังชีวิตของสระแห่งความโชคดีก็เข้มข้นขึ้นตามไปด้วย
หานเซิ่นลอยตัวอยู่ในสระแห่งความโชคดีและยังคงดูดซับพลังเข้าไปเท่าที่จะทำได้ เชลและหลี่ชุนชิวยังคงยืนอยู่ด้านนอก สีหน้าของพวกเขาดูไม่สู้ดีนัก พวกเขารอมากว่าสองชั่วโมงแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าหานเซิ่นจะกลับขึ้นมา
นั่นถือเป็นปัญหาใหญ่ เชลเป็นระดับเทพเจ้า ในตอนที่เขาลงไปในสระแห่งความโชคดี เขากระตุ้นให้เกิดภาพนิมิตขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยู่ได้แค่สองชั่วโมงเท่านั้น
ตอนนี้หานเซิ่นอยู่ในน้ำเกือบจะนานเท่ากับเชล และมันก็ยังคงไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับออกมา นี่เป็นอะไรที่แปลกมากๆ
“ร่างกายของหานเซิ่นควรจะเป็นระดับครึ่งเทพ มันมีขีดจำกัดพลังที่เขาจะดูดซับเข้าไปได้ ถึงแม้พลังทั้งหมดจะมีประโยชน์ต่อเขา พวกมันก็ควรจะเติมร่างกายของเขาจนเต็มแล้วในตอนนี้ อย่างนั้นทำไมเขาถึงยังอยู่ข้างในนั่นอีก?” เชลถามด้วยเสียงกระซิบ
หลี่ชุนชิวมองลงไปในน้ำโดยที่ไม่พูดอะไร เขาพยายามจะคาดเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับหานเซิ่น เขาคำนึงถึงความเป็นไปได้ต่างๆ แต่เขาไม่คิดว่าพวกมันทั้งหมดจะเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล เขาคิดว่านอกซะจากหานเซิ่นจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า ปานนี้พลังของสระแห่งความโชคดีก็ควรจะอัดแน่นจนร่างกายของเขาระเบิดไปแล้ว
แต่ถ้าหานเซิ่นกลายเป็นระดับเทพเจ้าภายในสระแห่งความโชคดี พวกเขาก็ควรจะสังเกตเห็นอะไรบ้าง และสระแห่งความโชคดีก็ไม่ควรจะนิ่งเงียบเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่หานเซิ่นจะตายอยู่ข้างในเช่นกัน มันเคยมีคนที่ตายอยู่ในสระแห่งความโชคดีเนื่องจากดูดซับพลังเข้าไปมากเกินไป แต่ในตอนที่พวกเขาตาย พลังที่ถูกดูดซับเข้าไปก็จะระเบิดอย่างรุนแรง เชลและหลี่ชุนชิวจะสัมผัสถึงมันได้ ถ้ามีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น
“นี่เขากำลังทำอะไรอยู่ข้างในนั้น?” หลี่ชุนชิวไม่สามารถเก็บความสงสัยเอาไว้ได้อีกต่อไป ถึงแม้เขาจะเป็นผู้รับผิดชอบสระแห่งความโชคดี แต่เขาก็ไม่สามารถลงไปในสระเพื่อตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้นได้
สระแห่งความโชคดีมีพลังอยู่มหาศาล แค่ส่วนประกอบของมันก็เป็นอะไรที่ซับซ้อนเกินไป เมื่อคนๆหนึ่งถึงขีดจำกัดที่พวกเขาจะทนได้และออกมาจากสระ พวกเขาก็จะเริ่มขับพลังที่เป็นภัยออกมา แต่ถึงอย่างนั้นคอร์ยีนของพวกเขาก็จะได้รับผลกระทบจากมันไปตลอดการ พวกเขาจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นตั้งแต่นั้นไป
ผลข้างเคียงจะไม่ส่งผลอะไรกับร่างกายของคนๆนั้น แต่ถ้าคนๆนั้นต้องการจะเข้าไปในสระแห่งความโชคดีอีกครั้ง ความเร็วที่พลังจะไหลเข้าไปในร่างกายของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ด้วยเหตุนั้นการลงไปในน้ำอีกครั้งจึงเป็นอะไรที่อันตรายอย่างมาก
ดังนั้นคนปกติจะได้รับผลประโยชน์จากการลงไปในสระแห่งความโชคดีแค่ครั้งแรกเท่านั้น การลงไปในสระแห่งความโชคดีอีกครั้งจะทำให้ผลข้างเคียงนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม และยิ่งหลายๆครั้งเข้า คนๆนั้นก็จะไม่สามารถสัมผัสกับน้ำของสระแห่งความโชคดีได้อีกต่อไป
นั่นคือสถานการณ์ของหลี่ชุนชิวในตอนนี้ เขาอยากจะลงไปในสระเพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้
เชลเพิ่งจะลงไปในสระแห่งความโชคดี ดังนั้นเขาไม่สามารถลงไปอีกครั้งได้เช่นเดียวกัน พวกเขาทั้งคู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมองดูจากขอบสระ พวกเขาหวังว่าหานเซิ่นจะกลับออกมาโดยเร็ว เพื่อที่พวกเขาได้จะรู้ว่าหานเซิ่นทำอะไรอยู่ในนั้นกันแน่
“ยีนระดับเทพเจ้า +1 ยีนระดับเทพเจ้าทั้งหมด: 56/100”
หานเซิ่นยังคงดูดพลังของสระแห่งความโชคดีเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง ยีนระดับเทพเจ้าของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“นี่ฉันกำลังจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า?” หานเซิ่นตื่นเต้นขึ้นมา ถ้าเขากลายเป็นระดับเทพเจ้า อย่างนั้นในสายตาของจักรวาลนี้ เขาก็จะเป็นบุคคลที่มีอำนาจพอจะเริ่มต้นเผ่าพันธุ์ของตัวเอง นั่นหมายความว่าเขาจะเป็นตัวแทนเผ่ามนุษย์และไปต่อสู้เพื่อแย่งชิงตะเกียงในจีโนฮอลล์ มนุษย์จะสามารถกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง
การต่อสู้กับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงหรือเผ่าพันธุ์ที่ใหญ่โตอย่างเผ่านภาคงจะเป็นไปไม่ได้ เขาต้องหาเผ่าพันธุ์ชั้นสูงที่มีระดับเทพเจ้าอยู่ในเผ่าแค่ไม่กี่คน หรือไม่ก็เผ่าที่ไม่มีระดับเทพเจ้าเลย แบบนั้นหานเซิ่นถึงจะมั่นใจว่าสามารถเอาชนะเผ่าพันธุ์เหล่านั้นได้
แน่นอนว่าทุกเผ่าพันธุ์ชั้นสูงมีสายสัมพันธ์ของตัวเองอยู่ หานเซิ่นไม่สามารถเริ่มทำสงครามกับเผ่าพันธุ์ไหนก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นเผ่ารีเบท ถ้าใครพยายามจะทำสงครามแย่งชิงตะเกียงกับพวกเขา คนๆนั้นก็จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับการตอบสนองของปราสาทนภาซะก่อน
แต่หานเซิ่นไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นมากจนเกินไป เขาแค่จำเป็นต้องหาเผ่าพันธุ์ชั้นสูงสักเผ่าที่เป็นพันธมิตรกับเอ็กซ์ตรีมคิง หลังจากนั้นก็แย่งตะเกียงในจีโนฮอลล์ของพวกเขามา หานเซิ่นกับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นบาดหมางกันอยู่แล้ว ดังนั้นการต่อสู้กันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“ยีนระดับเทพเจ้า +1 ยีนระดับเทพเจ้าทั้งหมด: 98/100”
ขณะที่เวลาผ่านไป ยีนระดับเทพเจ้าของหานเซิ่นก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นสัมผัสได้ถึงพลังที่สะสมภายในตัวของเขา มันมีความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในร่างกายของเขา
ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิชาจีโนของเขา มันเป็นร่างกายของหานเซิ่นเองที่กำลังเปลี่ยนแปลง มันเป็นกระบวนการที่หานเซิ่นไม่สามารถบรรยายได้ เนื้อหนัง กระดูก อวัยวะภายในและเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเขากำลังเกิดความเปลี่ยนแปลง
“ยีนระดับเทพเจ้า +1 ยีนระดับเทพเจ้าทั้งหมด: 100/100… ร่างเทพเริ่มการวิวัฒนาการ…”
เมื่อยีนระดับเทพเจ้าครบหนึ่งร้อย หานเซิ่นก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาเป็นดอกไม้ที่กลีบแต่ละกลีบกำลังร่วงหล่นลงมาตามๆกัน เขารู้สึกเหมือนกับงูที่กำลังลอกคราบ และถึงแม้มันจะเป็นอะไรที่แปลกประหลาด มันก็รู้สึกดีอย่างน่าอัศจรรย์
ตอนที่ 2733
ขณะที่เชลและหลี่ชุนชิวจ้องมองลงไปในสระแห่งความโชคดีอย่างว้าวุ่น จู่ๆน้ำของสระก็พุ่งขึ้นมาราวกับน้ำพุ
ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น น้ำที่พุ่งขึ้นมาก็ก่อตัวเป็นอสูรจากโบราณกาล
อสูรตัวนั้นดูใหญ่มหึมาจนน่ากลัว มันมีหัวสองหัวและมีปีกสี่ปีก ในจังหวะที่มันปรากฏตัว มันก็คำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า เสียงคำรามของมันดังกึ่งก้องไปทั้งห้องโถง
“มังกรปีศาจสองหัว? สายเลือดของคริสตัลไลเซอร์ไม่มีทางเกี่ยวข้องกับมังกรปีศาจสองหัวไปได้” หลี่ชุนชิวจ้องมองไปที่อสูรตัวนั้นอย่างตกตะลึง ในหัวของเขาเต็มไปด้วยคำถามที่ผุดขึ้นมา
ก่อนที่เขาจะหาคำตอบของคำถามเหล่านั้นได้ ภาพของมังกรปีศาจสองหัวก็หายไป วินาทีต่อมาสิ่งมีชีวิตอื่นก็พุ่งขึ้นมาจากสระแห่งความโชคดี
รูปร่างของมันใหญ่โตและสง่างามราวกับนกโบราณจากตำนาน มันกระพือปีกบินไปรอบๆสระแห่งความโชคดีพร้อมกับปลดปล่อยเสียงที่เหมือนกับเหยี่ยว
“ฟินิกซ์เทพ…” หลี่ชุนชิวฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์จนถึงขั้นสูง แต่ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีขาว เขาไม่สามารถสงบนิ่งได้อีกต่อไป
หานเซิ่นไม่ได้กระตุ้นภาพนิมิแค่ภาพเดียว เขากระตุ้นภาพนิมิตถึงสองภาพ นั่นเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อ
มังกรปีศาจสองหัวและฟินิกซ์เทพเป็นซีโน่เจเนอิคสมัยโบราณ สายเลือดของพวกมันสูญพันธุ์ไปเป็นเวลานานแล้ว ถึงแม้สายพันธุ์ของพวกมันจะยังคงเหลืออยู่ในจักรวาล มันก็จะไม่ถูกพบในคริสตัลไลเซอร์แน่นอน
หลี่ชุนชิวไม่สามารถจินตนาการได้ว่าหานเซิ่นกระตุ้นให้เกิดภาพนิมิตของซีโน่เจอิคที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองได้ยังไง และดูเหมือนว่ามันจะยังไม่จบลงเพียงแค่นั้น ในตอนที่ภาพของฟินิกซ์เทพจางหายไป สระแห่งความโชคดีก็ยังคงแปรปรวนและมีภาพปรากฏขึ้นมาอีกภาพ
ตอนนี้เชลตัวแข็งทื่อไป เขามีสายเลือดของไลอ้อน และมันถือเป็นอะไรที่โชคดีมากแล้วที่เขากระตุ้นให้เกิดภาพนิมิตของไล้อนหัวสิงโต
หานเซิ่นเป็นเพียงแค่คริสตัลไลเซอร์คนหนึ่ง แต่เขากลับกระตุ้นให้เกิดภาพนิมิตของสิ่งมีชีวิตจากโบราณกาลถึงสามตัว
ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นคือความจริงที่ภาพนิมิตยังคงปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ ซีโน่เจเนอิคจากสมัยโบราณปรากฏตัวให้เห็นจนดูเหมือนกับว่าท้องฟ้าเหนือสระแห่งความโชคดีนั้นเป็นสวนสัตว์
หลี่ชุนชิวและเชลยืนแข็งทื่อไป พวกเขาจ้องมองภาพนิมิตที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึง สมองของพวกเขาไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไปแล้ว
พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าทำไมสระแห่งความโชคดีถึงแสดงภาพนิมิตมากมายขนาดนั้น สิ่งมีชีวิตที่ปรากฏขึ้นมานั้นไม่มีทางเกี่ยวข้องกับคริสตัลไลเซอร์ที่อยู่ภายในสระไปได้ แบบนั้นพวกมันทั้งหมดแสดงตัวขึ้นมาเพราะหานเซิ่นที่เป็นคนจากเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอได้ยังไง?
หานเซิ่นไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน ยีนระดับเทพเจ้าของเขาถึงหนึ่งร้อยแล้วในตอนนี้ หลังจากที่ร่างเทพของเขาเริ่มวิวัฒนาการ ภาพนิมิตก็ปรากฏขึ้นในสระแห่งความโชคดี หลังจากนั้นพวกมันก็พุ่งผ่านเขาและหายไปเหนือหัวของเขา แต่ละครั้งหานเซิ่นรู้สึกว่าบางสิ่งที่ประหลาดในร่างกายของเขาถูกลอกออกไป
หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆ มันเป็นความรู้สึกที่เขาแทบจะไม่สามารถสัมผัสได้ เขารู้สึกว่าบางสิ่งถูกลอกออกไปจากภายในของเขา แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเขา และในตอนที่ภาพนิมิตประหลาดปรากฏขึ้น พวกมันทำให้พลังที่เขาดูดซับเข้าไปบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเดิม และความเปลี่ยนแปลงภายในตัวของเขาก็เร่งความเร็วขึ้น
หานเซิ่นคิดในหัว ‘สิ่งมีชีวิตในก็อตแซงชัวรี่เกิดมาจากเลือดของซีโน่เจเนอิคในจักรวาลจีโน เรากินสิ่งมีชีวิตเข้าไปเป็นจำนวนมาก เราดูดกลืนยีนของพวกมันเพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น บางทียีนของพวกมันอาจจะหลงเหลืออยู่ในตัวของเรา และในตอนที่ร่างกายของเราเริ่มวิวัฒนาการ มันก็ไปกระตุ้นให้เกิดภาพนิมิตประหลาดพวกนี้ขึ้น?’
หานเซิ่นคิดว่าการคาดเดานั้นฟังดูมีเหตุผล แต่เขาไม่รู้ว่ามันเป็นความจริงหรือไม่ ตอนนี้ร่างกายของเขาถึงจังหวะที่สำคัญที่สุดของการวิวัฒนาการ เขาไม่มีเวลาจะมาทำอะไรอย่างอื่น
ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับทุกอย่างในร่างกายของหานเซิ่น มันเหมือนกับว่าทุกเซลล์ภายในตัวของเขาได้เกิดใหม่ มันทำให้ร่างกายของเขาบริสุทธิ์เหมือนกับทารกที่เพิ่งกำเนิดขึ้นมา มันไม่มีอะไรในร่างกายของเขาที่ไม่บริสุทธิ์
แต่หานเซิ่นยังไม่ได้ยินเสียงประกาศว่าร่างเทพเสร็จสิ้นการวิวัฒนาการ ในตอนที่ร่างกายของเขาหยุดการวิวัฒนาการ วิชาจีโนทั้งสี่ของเขาก็เริ่มทำงาน
วิชาโลหิตชีพจร ศาสตร์ตงเสวียน กายหยกและเรื่องราวของยีน วิชาจีโนทั้งสี่เริ่มทำงานภายในร่างกายของหานเซิ่นพร้อมๆกัน
มันมีหลายด้านของวิชาจีโนทั้งสี่ที่เหมือนกัน ดังนั้นถ้าพวกมันทำงานพร้อมกัน มันอาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้นมา มันอาจจะทำให้พลังลมปราณของเขายุ่งเหยิง และในกรณเลวร้ายที่สุด ร่างกายของหานเซิ่นก็อาจจะพังทลาย
แต่ความกังวลของเขาไม่เป็นความจริง วิชาจีโนทั้งสี่เดินกระแสพลังของตัวเองอย่างราบรื่น และร่างกายของหานเซิ่นดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร มันไม่มีความขัดแย้งระหว่างวิชาทั้งสี่
วิชาโลหิตชีพจรและกายหยกเป็นพลังซีโน่เจเนอิค พวกมันจะส่งผลกระทบต่อเซลล์ของร่างกาย แต่จุดประสงค์ของวิชานั้นแตกต่างจากกันและกัน ถึงแม้พวกมันทั้งคู่จะส่งผลกระทบต่อร่างกายของหานเซิ่นเหมือนกัน แต่โลหิตชีพจรจะมุ่งเน้นไปที่เลือดและอวัยวะภายใน ขณะที่กายหยกจะมุ่งเน้นไปที่กระดูก
ภายใต้อิทธิพลของพลังทั้งสอง ร่างกายของหานเซิ่นปลดปล่อยศักยภาพระดับเทพเจ้าออกมา โซ่สสารเริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆร่างกายของเขา
ศาสตร์ตงเสวียนและเรื่องราวของยีนเป็นพลังของอาวุธจีโน พวกมันส่งผลกระทบต่อร่างกายของหานเซิ่นอยู่บ้าง แต่ความเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่จะอยู่ที่อาวุธจีโนของพวกมัน
ชุดเกราะตงเสวียนและมนตราเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเริ่มปลดปล่อยโซ่สสารออกมาเช่นเดียวกัน
โซ่สสารของพวกมันทั้งสองแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โซ่สสารของชุดเกราะตงเสวียนเป็นสีดำ และรูปแบบของการเชื่อมต่อของโซ่ก็เป็นอะไรที่ซับซ้อนมากๆ ราวกับว่าโซ่นั่นเป็นตัวแทนของกฎธรรมชาตที่ควบคุมจักรวาล
ส่วนโซ่สสารของมนตราเป็นสีขาว ด้วยเหตุผลบางอย่างดูเหมือนมันจะเป็นเอกราชจากกฎของจักรวาล นอกจากการเชื่อมกับหานเซิ่นแล้ว ดูเหมือนกับว่ามันจะอยู่นอกเหนือจากจักรวาล
ขณะที่วิชาจีโนทั้งสี่กำลังเกิดความเปลี่ยนแปลง ร่างกายของหานเซิ่นก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ร่างกายของเขากลายเป็นยีนซีโน่เจเนอิค เขาดูเหมือนกับซีโน่เจเนอิคร่างมนุษย์ที่น่ากลัว
ในจังหวะที่วิชาจีโนทั้งสี่กำลังจะเสร็จสิ้นการวิวัฒนาการ ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกว่าพลังของวิชาจีโนทั้งสี่กำลังเข้าครอบงำร่างกายของเขา มันก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมา
หานเซิ่นกระอักเลือด เซลล์ในร่างกายของเขาถูกบดขยี้ภายใต้ความขัดแย้งของพลังทั้งสี่ เขาแทบจะทนต่อแรงกดดันไม่ได้ และพลังของเขาก็บิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวด ตอนนี้พลังทั้งสี่ที่เกือบจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าหายไป และโซ่สสารที่ก่อตัวขึ้นก็พังทลายไปด้วย
ตอนที่ 2734
พลังทั้งสี่ภายในร่างกายของหานเซิ่นยังคงปะทะกัน และก่อให้เกิดความเสียหายที่สาหัสต่อร่างกาย ภายในร่างกายของเขาตกอยู่ในความยุ่งเหยิง
โชคดีที่ถึงแม้หานเซิ่นจะยังไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้า แต่ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งทัดเทียมกับระดับเทพเจ้าอยู่แล้ว ถ้าเขาเป็นครึ่งเทพปกติ ร่างกายของเขาก็คงจะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์โดยพลังทั้งสี่
ถึงแม้ร่างกายของหานเซิ่นจะยังพอทนอยู่ได้ แต่สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ก็ไม่สู้ดีนัก เพราะไม่ว่าร่างกายของหานเซิ่นจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถทนต่อการปะทะกันของพลังได้เป็นเวลานาน
หานเซิ่นพยายามอย่างเต็มที่ที่จะใช้วิชาจีโน เขาจำเป็นต้องทำให้พลังที่ยุ่งเหยิงกลับเข้าที่ แต่เขารู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะทำแบบนั้น
ในตอนที่เขาใช้วิชาโลหิตชีพจร มันจะทำให้พลังของวิชาโลหิตชีพจรเพิ่มมากขึ้น เมื่อเป็นแบบนั้นพลังของอีกสามวิชาก็จะมารวมกันเพื่อต่อต้านมัน การขึ้นๆลงของพลังทำให้หานเซิ่นควบคุมมันได้ยาก
การใช้อีกสามวิชาจีโนก็นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เหมือนๆกัน และหานเซิ่นก็ใช้วิชาจีโนได้แค่ทีละวิชาเท่านั้น เขาไม่สามารถใช้วิชาจีโนสี่วิชาพร้อมๆกันได้
วิชาจีโนของหานเซิ่นตกอยู่ในความโกลาหล หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าควรจะทำยังไงดี เพราะไม่ว่าเขาจะพยายามยังไง เขาก็ไม่สามารถหาหนทางทำให้พวกมันทำงานร่วมกันได้
“เราจำเป็นต้องเสี่ยง” หานเซิ่นรู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองกำลังได้รับความเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆทุกวินาที ถ้าเขาไม่หาหนทางทำอะไรสักอย่าง เขาก็คงจะต้องตายด้วยพลังของตัวเอง
หานเซิ่นไม่มีเวลาจะมามั่วลังเล เขาแบ่งจิตใจของตัวเองออกเป็นสี่ส่วนและพยายามใช้วิชาจีโนทั้งสี่ในเวลาเดียวกัน เขาต้องการควบคุมวิชาจีโนทั้งสี่พร้อมกัน และทำให้พวกมันกลับเข้าที่ แบบนั้นเขาก็จะสามารถรักษาสมดุลของพลังทั้งสี่ได้
ก่อนหน้านี้เขาเคยใช้วิชาจีโนทั้งสี่ในเวลาเดียวได้สำเร็จ หานเซิ่นหวังว่าเขาจะทำแบบเดียวกันนั้นซ้ำอีกครั้ง และทำให้วิชาจีโนทั้งสี่ทำงานร่วมกัน นั่นเป็นความหวังเดียวของเขาที่จะทำให้พวกมันกลับเข้าที่
หานเซิ่นค้นพบอย่างรวดเร็วว่าการใช้วิชาจีโนสี่วิชาในเวลาเดียวกันเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากๆ
ก่อนหน้าที่ร่างกายของหานเซิ่นจะได้รับบาดเจ็บ การใช้วิชาจีโนทั้งสี่ก็เป็นอะไรที่ยากมากแล้ว แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก แถมพลังทั้งสี่ก็กำลังยุ่งเหยิง การจะดึงวิชาจีโนทั้งสี่กลับมาเข้าที่นั้นยากยิ่งกว่าเดิม
ทันทีที่หานเซิ่นใช้ทั้งสี่วิชาจีโนของเขา เขาก็รู้สึกว่าความขัดแย้งภายในร่างกายนั้นรุนแรงมากยิ่งขึ้น ตอนนี้พลังนั้นฉีกลึกเข้าไปในร่างกายของเขามากยิ่งกว่าเดิม
หานเซิ่นกรีดร้องออกมา เขารู้สึกราวกับว่าชีพจร เส้นเลือดและอวัยวะภายในของเขาถูกฉีกเป็นชิ้นโดยพลังนั้น
แต่หานเซิ่นรู้ว่าไม่สามารถหยุดเพียงแค่นั้นได้ เขาจำเป็นต้องทำให้พลังทั้งสี่กลับเข้าที่ ถ้าเขาไม่ทำแบบนั้น มันก็จะมีจุดจบที่น่าเศร้ารอเขาอยู่
หานเซิ่นอดทนต่อความเจ็บปวดและพยายามใช้วิชาจีโนทั้งสี่วิชาต่อไป เขาต้องการทำให้พวกมันกลับสู่สภาพปกติ แต่ยิ่งเขาใช้พวกมันมากเท่าไหร่ ร่างกายของเขาก็ได้รับความเสียหายมากขึ้นเท่านั้น เลือดหลั่งไหลออกมาจากเนื้อหนังที่ถูกฉีกขาด
“อิมมอร์ทัลดราก้อน” หานเซิ่นเรียกคริสตัลสีดำที่ดูเหมือนกับอิมมอร์ทัลดราก้อนออกมา มันเริ่มใช้โซ่สสารเพื่อรักษาร่างกายของหานเซิ่น
ร่างกายของหานเซิ่นถูกฉีกขาดอย่างรวดเร็ว แต่อิมมอร์ทัลดราก้อนก็รักษามันได้อย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน หานเซิ่นอดทนต่อความเจ็บปวดเอาไว้และใช้สมาธิไปกับการบังคับให้วิชาจีโนทั้งสี่กลับเข้าที่
กระบวนการทั้งหมดเป็นอะไรที่ทุกข์ทรมาน คนที่มีจิตใจที่อ่อนแอคงจะล้มเหลวในการทนต่อความเจ็บปวด แม้แต่หานเซิ่นก็ยังลำบากที่จะทนต่อความเจ็บปวด เขารู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจถูกฉีกขาดและเนื้อหนังถูกขูดออกจากกระดูกของเขา เขาค่อยๆนำพลังของวิชาจีโนทั้งสี่กลับเข้าที่อย่างช้าๆ
โชคดีที่อิมมอร์ทัลดราก้อนมีพลังในการรักษาที่สุดยอดอยู่ ไม่อย่างนั้นถึงแม้หานเซิ่นจะอดทนต่อความเจ็บปวดได้ แต่ร่างกายของเขาก็จะถูกฉีกเป็นชิ้นๆอยู่ดี
หลังจากหนึ่งชั่วโมงของการทุกข์ทรมาน ในที่สุดหานเซิ่นก็ทำให้วิชาจีโนทั้งสี่กลับเข้าที่ได้สำเร็จ
แต่นั่นไม่ใช่จุดจบของเรื่องนี้ เมื่อวิชาจีโนทั้งสี่กลับเข้าที่ พวกมันก็เริ่มทำงานในความเร็วสูงและเริ่มสร้างโซ่สสารขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หานเซิ่นเข้าสู่การวิวัฒนาการสู่ระดับเทพเจ้าอีกครั้ง
หานเซิ่นรู้สึกตัวว่าเขาตกอยู่ในวัฏจักรที่ไม่มีที่สิ้นสุด ร่างกายของเขาได้เติมเต็มคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการกลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว ในสถานการณ์ปกติเขาคงจะเลื่อนระดับเรียบร้อยแล้ว
แต่วิชาจีโนทั้งสี่พยายามจะเลื่อนไปสู่ระดับเทพเจ้าในเวลาเดียวกัน ในตอนที่พวกมันจำเพิ่มระดับขึ้น วิชาแต่ละวิชาก็จำเป็นต้องให้ร่างกายของเขาสนับสนุนการพัฒนาของพวกมัน แต่ละพลังพยายามจะเข้าครอบงำร่างกายของเขา และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น
การทำให้ร่างกายของเขากลับไปสู่การเลื่อนระดับขึ้น แต่การพยายามจะเลื่อนระดับขึ้นจบลงด้วยความล้มเหลว ถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป หานเซิ่นก็ต้องตายในที่สุด แม้แต่จิตใจที่แข็งแกร่งของเขาก็ไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้ตลอด
หานเซิ่นพยายามจะใช้วิชาจีโนทีละวิชาเพื่อทำให้มันเลื่อนสู่ระดับเทพเจ้า แต่เขาไม่สามารถทำได้ นั่นเป็นเพราะว่ายีนระดับเทพเจ้าในร่างกายของเขาครบหนึ่งร้อยแล้ว มันบังคับให้วิชาจีโนทั้งสี่ทำงานพร้อมกัน ร่างกายของหานเซิ่นต้องการให้เขาเลื่อนระดับขึ้นอย่างครบถ้วน มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยับยั้งวิชาจีโนอื่นๆเพื่อให้วิชาจีโนหนึ่งเลื่อนสู่ระดับเทพเจ้า
มันเหมือนกับการเติบโตของเด็กทารก มันเป็นไปไม่ได้ที่เด็กทารกจะเจริญเติบโตเพียงแค่แขนหรือขาเพียงข้างเดียว
ตอนนี้สถานการณ์ของหานเซิ่นเป็นแบบนั้น เขาต้องเลื่อนระดับขึ้นพร้อมๆกัน เขาไม่สามารถเลือกด้านใดด้านหนึ่งได้ ถ้าเขาจะเลื่อนสู่ระดับเทพเจ้า ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาก็ต้องกลายเป็นระดับเทพเจ้า
“ถ้าเรายับยั้งอีกสามวิชาจีโนไม่ได้ เราก็ต้องปล่อยให้ทั้งสี่วิชากลายเป็นระดับเทพเจ้า…”
หลังจากที่หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ เขาก็รู้สึกตัวว่าจำเป็นต้องลองเสี่ยงดู เขาไม่สามารถถอยกลับไปได้แล้วในตอนนี้
แต่ในขั้นสุดท้าย ขณะที่วิชาจีโนทั้งสี่พยายามจะใช้ร่างกายของเขาเพื่อเลื่อนไปสู่ระดับเทพเจ้า พลังของพวกมันก็จะขัดแย้งกันเอง และหานเซิ่นก็ล้มเหลวอีกครั้งหนึ่ง พลังของวิชาจีโนทั้งสี่ตกอยู่ในความยุ่งเหยิงและทำให้โซ่สสารที่ก่อตัวขึ้นมาพังทลาย หานเซิ่นประสบกับความเจ็บปวดที่เกือบจะทำลายร่างกายของเขา
“ไม่ได้ ถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป เราจะทำไม่สำเร็จ”
หานเซิ่นอดทนต่อความเจ็บปวดที่กำลังจะฉีกร่างกายของเขาเป็นชิ้นๆ ไอเดียหลายอย่างผุดขึ้นมาในหัวของเขา ขณะที่เขาพยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้วิชาจีโนทั้งสี่กลายเป็นระดับเทพเจ้าพร้อมกัน
เมื่อดูจากสิ่งที่หานเซิ่นรู้เกี่ยวกับการวิวัฒนาการ ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า นั่นเป็นเพราะว่าวิชาจีโนทั้งสี่วิชาไม่สามารถรวมกันเป็นหนึ่งได้ และพวกมันก็ไม่สามารถวิวัฒนาการแยกกันได้ พวกมันจำเป็นต้องเข้าครอบงำร่างกายของหานเซิ่นอย่างสมบูรณ์ นั่นเป็นความขัดแย้งที่ไม่สามารถแก้ไขได้
“เดี๋ยวก่อนนะ… ตามทฤษฎีแล้วมนตรามีพลังชีวิตของตัวเอง… เธอมีโครงสร้างและวงจรของร่างกายที่สมบูรณ์… บางทีนั่นอาจจะได้ผล!”
ไอเดียหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของหานเซิ่น
เขาใช้พลังของอิมมอร์ทัลดราก้อนอีกครั้ง เขากัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดและบังคับให้พลังของวิชาจีโนที่ยุ่งเหยิงกลับเข้าที่ ความเจ็บปวดที่เขาต้องประสบนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย มันเหมือนกับการถูกเฉือนจนถึงกระดูกเป็นพันล้านครั้ง หานเซิ่นไม่คิดว่าตัวเองจะทนได้อีกถ้าเขาต้องทำมันอีกครั้งหนึ่ง
“มันจะต้องได้ผล…” หานเซิ่นภาวนาและเรียกมนตราออกมา
ตอนที่ 2735
มนตราปรากฏตัวตรงหน้าหานเซิ่นในร่างหญิงสาว หลังจากนั้นเธอก็เข้ามาในร่างกายของหานเซิ่นและรวมเป็นหนึ่งกับเขา ไม่นานร่างกายของหานเซิ่นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ขึ้น
หลังจากที่เขารวมร่างกับมนตราสำเร็จแล้ว โครงสร้างในร่างกายของหานเซิ่นก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาต้องการใช้ร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อเปลี่ยนเส้นทางของวิชาจีโนทั้งสี่ เขาหวังว่าการทำแบบนั้นจะช่วยให้วิชาจีโนทำงานร่วมกันได้อย่างไม่เกิดความขัดแย้ง
แต่หลังจากที่มนตรารวมเข้ากับร่างกายของเขา หานเซิ่นก็สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลง วิชาจีโนทั้งสี่ของเขาออกนอกเส้นทางที่ถูกกำหนดเอาไว้และพลังของมันเริ่มกระจัดกระจายไปทั่ว ในความยุ่งเหยิงนี้พลังของวิชาจีโนทั้งสี่รั่วไหลออกไปอย่างอิสระ พวกมันเริ่มจะหาเส้นทางใหม่เพื่อหมุนเวียนพลังของตัวเอง และการค้นหาเส้นทางอย่างกะทันหันของพวกมันก็สร้างสมดุลชั่วคราวขึ้นมา แต่หานเซิ่นแทบจะตามสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายไม่ทัน พลังของวิชาจีโนทั้งสี่นั้นไหลเวียนไปทุกหนทุกแห่ง
ในสถานการณ์ที่โกลาหล หานเซิ่นไม่มีทางเลือกอื่น เขาจำเป็นต้องใช้วิชาจีโนทั้งสี่ต่อไป มันเป็นโอกาสเดียวที่เขาจะวิวัฒนาการได้สำเร็จ
หานเซิ่นต้องประหลาดใจเมื่อค้นพบว่าหลังจากที่เขารวมร่างกับมนตรา ความเข้ากันได้ของพลังก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น พลังของวิชาจีโนทั้งสี่ทำงานร่วมกันโดยที่ไม่เกิดความขัดแย้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวของยีน หลังจากที่หานเซิ่นรวมร่างกับมนตรา พลังของเรื่องราวของยีนก็ดูสงบลงมาก มันเหมือนกับทะเลสาบที่เงียบสงบ และที่ไหนก็ตามที่พลังไหลผ่าน ความโกลาหลก็จะจางหายไปอย่างช้าๆ บริเวณไหนในร่างกายของเขาที่ไม่มีพลังอยู่ก็ค่อยๆถูกเติมเต็ม
พลังของศาสตร์ตงเสวียนนั้นตอบสนองอย่างเป็นเอกลักษณ์ยิ่งกว่า มันแยกตัวออกไปจากร่างกายของหานเซิ่นและกังขังพลังงานส่วนใหญ่เอาไว้ในชุดเกราะตงเสวียน ระหว่างชุดเกราะตงเสวียนและหานเซิ่น มันมีวงจรพิเศษที่กำลังไหลเวียน
เลือดและกระดูกกลายเป็นกำลังหลักของหานเซิ่น ขณะที่โซ่สสารถูกสร้างขึ้นมา พวกมันก็ผลักดันร่างกายของหานเซิ่นไปสู่ระดับเทพเจ้า
ในที่สุดวิชาจีโนทั้งสี่ก็สามารถสร้างโซ่สสารขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ร่างกายของหานเซิ่นเองก็กำลังพยายามจะวิวัฒนาการ
หานเซิ่นรู้ว่าตัวเองมาถึงจุดที่สำคัญที่สุด ถ้าเขาล้มเหลวอีกครั้ง เขาก็ไม่รู้ว่าจะทนต่อความเจ็บปวดได้อีกครั้งหรือเปล่า วิชาจีโนทั้งสี่สร้างโซ่สสารของมันขึ้นมา พลังที่พลังที่แตกต่างกันละลายและเข้าไปในร่างกายของหานเซิ่น
หานเซิ่นไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาเอนไปด้านหลังและคำรามขึ้นไปสู่ท้องฟ้า เซลล์ในร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ในจังหวะนั้นวิชาจีโนทั้งสี่ที่แตกต่างกันก็สร้างความสอดคล้องที่อัศจรรย์ขึ้นมา ขณะที่โครงสร้างของพวกมันกลายเป็นหนึ่ง พลังของพวกมันก็ลุกโชนขึ้นราวกับไฟที่ถูกจุดขึ้นจากไม้ขีด
พลังของพวกมันไม่ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันจริงๆ แต่ตอนนี้พวกมันเป็นเหมือนกับเครื่องจักรที่ประกอบด้วยสี่ส่วน ถึงแม้พวกมันจะยังคงเป็นพลังที่แตกต่างกัน แต่พวกมันก็ทำงานร่วมกันได้เหมือนเป็นพลังเดียวกัน
หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขากำลังจะเลื่อนระดับขึ้น ความรู้สึกนั่นเป็นอะไรที่ยากจะบรรยาย โซ่สสารสีดำที่ลอยขึ้นจากร่างกายของหานเซิ่นและทำให้เขาดูเหมือนกับเทพปีศาจซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัว แม้แต่ตัวตนของเขาก็ดูเหมือนกับซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่ง
“ร่างเทพวิวัฒนาการเสร็จสิ้น ร่างยีนต่อสู้เลื่อนสู่ระดับเทพเจ้า…”
ในตอนที่หานเซิ่นได้ยินเสียงประกาศ เขาก็เช็คข้อมูลของตัวเอง
หานเซิ่น: ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด
ยีนต่อสู้ : ซีโน่เจเนอิค (ขั้นพริมิทีฟ)
ระดับ: เทพเจ้า
เปอร์เซ็นต์: 0%
อายุขัย: 2658
“วิชาจีโนทั้งสี่ของเรารวมเป็นหนึ่งอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นเห็นว่าร่างยีนต่อสู้ของเขาถูกระบุแค่“ซีโน่เจเนอิค” สี่ร่างยีนต่อสู้ที่เคยถูกระบุไว้ก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว
หานเซิ่นรู้สึกตกใจ เขาลองเรียกมนตราออกมา และในตอนที่เขาทำแบบนั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่าสมดุลบางอย่างภายในร่างกายพังทลาย พลังของเขาแตกแยกออกจากกัน และทำให้พลังโดยรวมของเขาอ่อนแอลง
ถึงแม้พลังของเขาจะอ่อนแอลงไป แต่เขาก็ไม่ได้ถูกลดระดับลงจากระดับเทพเจ้า เขายังคงมีพลังของโซ่สสารอยู่
หานเซิ่นมองดูข้อมูลของตัวเองอีกครั้ง และเขาก็สังเกตเห็นว่าร่างยีนต่อสู้ของเขาถูกแยกออกเป็นสี่อย่างเหมือนที่เขาคุ้นเคย
เลือดกลายพันธุ์(ขั้นพริมิทีฟ) กายหยก(ขั้นพริมิทีฟ) ศาสตร์ตงเสวียน(ขั้นพริมิทีฟ) มนตรา(ขั้นพริมิทีฟ)
ร่างยีนต่อสู้ทั้งสี่ของเขาเป็นเหมือนเดิม พวกมันทั้งหมดเลื่อนสู่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ และร่างยีนต่อสู้ซีโน่เจเนอิคนั้นได้หายไปแล้ว
“แปลกจริงๆ” หานเซิ่นส่ายหัวกับความแปลกประหลาดของสถานการณ์ แต่ก่อนที่เขาจะระบุได้ว่าเกิดอะไรขึ้น รูปปั้นหยกก็เริ่มจะสั่นไหว
นั่นบอกให้เขารู้ว่าหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทกำลังเดินทางมา หานเซิ่นจึงรีบว่ายขึ้นจากสระแห่งความโชคดี
ในตอนที่หานเซิ่นขึ้นมาจากน้ำ เขาก็เห็นหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทยืนอยู่ใกล้กับประตูของห้องโถง เชลและหลี่ชุนชิวก็อยู่ที่นี่ด้วย ทั้งสี่คนจ้องมองมาที่เขา
“เจ้ากลายเป็นระดับเทพเจ้าจริงๆ?” เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อมองหานเซิ่นด้วยความตกใจ
ในตอนที่พวกเธอได้ยินข่าวจากหลี่ชุนชิว พวกเธอก็รีบมาที่นี่ ทันทีที่พวกเธอมาถึง พวกเธอก็เห็นหานเซิ่นออกมาจากสระแห่งความโชคดี พวกเธอสัมผัสได้ถึงโซ่สสารถที่แผ่รัศมีออกมาจากร่างกายของหานเซิ่น เขากลายเป็นระดับเทพเจ้าเรียบร้อยแล้ว
หลี่ชุนชิวมองไปที่หานเซิ่นอย่างแปลกๆ เขารอคอยให้หานเซิ่นออกมาเป็นเวลานาน และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาไปเรียกเอ็กซ์ควิสิทกับหลี่เคอเอ๋อมาที่นี่ เขาต้องการให้พวกเธอสัมผัสจิตใจของหานเซิ่นและหาว่ามันเกิดอะไรขึ้นภายในสระแห่งความโชคดี
แต่ใครจะไปรู้ว่าทันทีที่หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทมาถึง หานเซิ่นก็ออกมาจากสระ และเขาก็ออกมาพร้อมกับพลังระดับเทพเจ้าอีกด้วย นี่เป็นอะไรที่แปลกเกินไป หลี่ชุนชิวไม่สามารถคาดเดาได้ว่าหานเซิ่นทำแบบนั้นได้ยังไง
ครึ่งเทพคนหนึ่งอยู่ในสระแห่งความโชคดีนานถึงเจ็ดชั่วโมง เขากระตุ้นให้เกิดภาพนิมิตนับไม่ถ้วน นอกจากนั้นเขายังกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้สำเร็จ นั่นไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของหลี่ชุนชิว
“หานเซิ่น เจ้ากลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้วสินะ?” เชลถามหานเซิ่น
หานเซิ่นพูดกับหลี่ชุนชิว “ขอบคุณมากที่มอบโอกาสให้กับข้า ถ้าไม่ได้เข้าไปในสระแห่งความโชคดี ข้าก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่จะเลื่อยไปสู่ระดับเทพเจ้า”
“ดีมาก ตอนนี้เจ้าและข้าก็ต่อสู้กันได้อย่างยุติธรรม” ดวงตาของเชลลุกเป็นไฟขึ้นมา
“ที่นี่คงไม่เหมาะจะต่อสู้” หานเซิ่นเองก็อยากจะลองทดสอบพลังระดับเทพเจ้าเช่นกัน แต่ที่นี่คือสระแห่งความโชคดี มันไม่เหมาะสมที่จะต่อสู้กันที่นี่
“ไปที่หุบเขา” หลี่ชุนชิวพูด หลังจากนั้นเขาก็เทเลพอร์ตไป
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อเข้ามาล้อมหานเซิ่นเอาไว้ พวกเธอมองเขาด้วยความโกรธและพูด
“ทำไมเจ้าถึงได้วิวัฒนาการเป็นระดับเทพเจ้าโดยที่ไม่บอกพวกเรา?”
“ข้าไม่ได้คาดคิดว่าจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าภายในสระแห่งความโชคดี เรื่องทั้งหมดเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น”
หานเซิ่นพูดอย่างบริสุทธิ์ใจ เขาแค่หวังจะเพิ่มระดับวิชาโลหิตชีพจรและกายหยกไปสู่ระดับครึ่งเทพ เขาไม่ได้คาดคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าภายในสระแห่งความโชคดีแบบนั้น
การกลายเป็นระดับเทพเจ้าเป็นสิ่งที่หานเซิ่นเองก็ประหลาดใจเช่นกัน
“ไปกันเถอะ! ให้พวกเราดูหน่อยว่าเจ้าแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหนเมื่อเจ้ากลายเป็นระดับเทพเจ้า”
เอ็กซ์ควิสิทวางมือบนไหล่ของหานเซิ่นและเทเลพอร์ตตามหลี่ชุนชิวไปที่หุบเขา
ตอนที่ 2736
หานเซิ่นเคยมาที่หุบเขาแห่งนี้แล้ว ครั้งก่อนที่เขามาที่นี่คือระหว่างการประลองระหว่างตัวไหม
ตอนนี้เมื่อเขากลับมาที่หุบเขา เชลก็เป็นคู่ต่อสู้ของเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปจากเดิม หานเซิ่นเปลี่ยนไปมากจากการต่อสู้ครั้งก่อน ตอนนี้เขากลายเป็นระดับเทพเจ้าเรียบร้อยแล้ว
เชลเองก็ไม่ได้เหมือนกับครั้งก่อนเช่นเดียวกัน เขาได้เรียนรู้วิชาจีโนมากมายในช่วงที่ผ่านมา เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อก่อน
หลี่ชุนชิวยืนอยู่ด้านนอกหุบเขาและไปมองที่จากหานเซิ่นอย่างไม่ละสายตา
หลี่ชุนชิวรู้ว่าเชลไม่น่าจะชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ เขาไม่ได้คิดว่าหานเซิ่นจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าเร็วขนาดนี้ เขายังคงสอนวิชาให้กับเชลไม่เสร็จ มันยังมีวิชาจีโนที่เชลจำเป็นต้องฝึกฝน
แต่ที่สุดแล้วเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอะไร การต่อสู้ที่แท้จริงคือการเติบโตของนักสู้ การได้ต่อสู้กับหานเซิ่นจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาของเชล
และหลี่ชุนชิวก็ยังอยากจะรู้ว่าหานเซิ่นนั้นแข็งแกร่งขนาดไหนเมื่อตอนนี้เขากลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว
ภายในหุบเขา เชลมองไปที่หานเซิ่นและพูด
“ข้าพบหนทางที่จะทำลายวิชามีดใต้นภาของเจ้าแล้ว ครั้งนี้เจ้าจะเอาชนะข้าด้วยวิธีเดิมไม่ได้อีกแล้ว”
“ข้าไม่ได้คิดจะใช้วิชาใต้นภาอยู่แล้ว” หานเซิ่นยิ้มและเรียกปืนคู่ของมนตราออกมา
ตอนนี้ปืนคู่ของมนตรากลายเป็นระดับเทพเจ้าเรียบร้อยแล้ว รอยแกะสลักที่ปกคลุมอาวุธอยู่นั้นละเอียดอ่อนยิ่งกว่าเดิม และเนื้อสัมผัสของอาวุธก็สบายมือยิ่งขึ้น ปืนพกทั้งสองสลักไปด้วยสัญลักษณ์ดอกไม้ลึกลับ
‘ขอทดสอบหน่อยว่ามนตรานั้นทรงพลังขนาดไหนแล้ว เมื่อเธอกลายเป็นระดับเทพเจ้า’
หานเซิ่นยกมือข้างหนึ่งขึ้นและเหนี่ยวไก กระสุนลูกหนึ่งพุ่งออกจากปากกระบอกปืนและตรงไปในทิศทางของเชล
เชลยังคงยืนนิ่ง แทนที่จะพยายามหลบกระสุน เขากลับชกหมัดออกไปปะทะกับกระสุน
ปัง!
หมัดและกระสุนปะทะกัน ทำให้เกิดเป็นแรงกระแทกที่น่ากลัว ร่างกายของเชลแข็งแกร่งดังสิงโต แต่แรงระเบิดนั้นส่งเขากระเด็นไปด้านหลังหลายร้อยเมตร
ใบหน้าของเชลเปลี่ยนไป เขาผลิกดูมือของตัวเองและเห็นกระสุนฝังอยู่ในนิ้วมือของเขา เลือดไหลออกมาจากบาดแผลนั่น
หลี่ชุนชิวขมวดคิ้ว พลังของเชลเป็นที่สุดในบรรดาระดับเทพเจ้าขั้นพริมีทีฟ แต่ถึงอย่างนั้นเชลก็ยังตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ ดูเหมือนว่าเขาจะอ่อนแอกว่าหานเซิ่นที่เพิ่งจะเลื่อนมาสู่ระดับเทพเจ้ามาก
“หานเซิ่นแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นได้ยังไงกัน?” หลี่ชุนชิวสงสัยกับตัวเองขณะที่หันสายตากลับที่หานเซิ่น
คริสตัลไลเซอร์นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีร่างกายที่อ่อนแอ แต่ร่างกายของหานเซิ่นเหนือกว่าคนที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด นี่มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ
ส่วนทางด้านหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทนั้นดีใจอย่างมาก หานเซิ่นแข็งแกร่งขึ้นมากหลังจากที่เลื่อนสู่ระดับเทพเจ้า เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเวรี่ไฮที่อยู่ในระดับเดียวกัน นี่เป็นอะไรที่น่ากลัว
“เป็นพลังที่สุดยอด” ดวงตาของเชลลุกเป็นไฟขณะที่เขามองไปที่หานเซิ่น ความแน่วแน่ในการต่อสู้ของเขาไม่ได้ลดลงไปเลย จริงๆแล้วการได้เห็นความแข็งของหานเซิ่นกลับทำให้ไฟในหัวใจของเขาลุกโชนยิ่งกว่าเดิม
โซ่สสารเต้นระบำอย่างบ้าคลั่งรอบๆตัวของเขา บรรยากาศรอบตัวของเขาเป็นเหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ
เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของหานเซิ่นกระตุ้นความอยากจะเอาชนะของเชลยิ่งกว่าเดิม
“เชลได้เรียนรู้อะไรมากมายหลังจากการต่อสู้ครั้งก่อน นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะวัดขอบเขตพลังของระดับเทพเจ้า” หานเซิ่นไม่โจมตี เขารอให้เชลรวบรวมพลังเสร็จซะก่อน
ครั้งก่อนที่เชลพ่ายแพ้ให้กับหานเซิ่น นั่นเป็นเพราะเขาไม่มีพลังที่เด็ดขาด มันทำให้หานเซิ่นมีโอกาสได้ใช้ท่าลับของวิชาใต้นภา หลังจากความล้มเหลวในครั้งนั้น เชลได้ใช้เวลาอย่างมากเพื่อคิดหาวิธีที่จะเอาชนะหานเซิ่น และด้วยความช่วยเหลือของหลี่ชุนชิว เชลจึงคิดวิธีขึ้นมาได้สองวิธี
วิธีการแรกคือการใช้วิชาหมัดที่คล้ายคลึงกับวิชาใต้นภาของหานเซิ่น ซึ่งมันถูกเรียกว่าคืนสู่สายธาร มันสามารถรวบรวมพลังจำนวนมากและก่อให้เกิดหมัดแสงที่น่ากลัวเหมือนกับสายธาร ด้วยการใช้วิชานี้เชลก็จะสามารถรับมือกับวิชาใต้นภาของหานเซิ่นได้
อีกวิธีหนึ่งคือวิชาระเบิดดารา ในช่วงเวลาสั้นๆวิชาจีโนนี้จะเพิ่มความแข็งแกร่งทางร่างกายให้กับเชลอย่างมาก ด้วยพลังและความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้น เขาก็จะสามารถเอาชนะหานเซิ่นได้โดยการใช้พลังที่เด็ดขาด มันจะจำกัดความสามารถในการใช้วิชามีดที่ทรงพลังของหานเซิ่น
แต่จุดอ่อนของวิชาระเบิดดาราคือช่วงเวลาที่สั้น เนื่องจากมันเป็นการระเบิดพลัง เชลจึงมีเวลาน้อยกว่าสิบนาทีที่จะเอาชนะหานเซิ่นให้ได้
ถ้าเขาเอาชนะหานเซิ่นภายในสิบนาทีไม่ได้ ร่างกายของเขาก็จะอ่อนแอเนื่องจากระเบิดพลังมากเกินไป
ในตอนที่วิชาระเบิดดาราถูกใช้ ร่างกายทั้งร่างของเชลจะเรืองแสงสีเงินออกมา มันเหมือนกับว่าดวงดาวปลดปล่อยพลังทั้งหมดในคราวเดียว
“หานเซิ่น ลองรับวิชาหมัดของข้า!” เชลตะโกนและชกหมัดเข้าใส่หานเซิ่น
เชลยังคงใช้วิชาหมัดเก่า แต่มันทรงพลังจนดูเหมือนจะไร้เทียมทาน มันดูเรียบง่ายยิ่งกว่าครั้งก่อน แต่พลังและความเร็วของมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ในตอนที่เชลชกหมัดออกไป โซ่สสารของเขาก็กระจายออกราวกับการระเบิดของซูเปอร์โนวา มันเป็นเหมือนกับหมัดที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
หมัดของเชลนำพาพลังที่อัดแน่นเหมือนกับดวงอาทิตย์นับพัน แต่หานเซิ่นไม่ได้พยายามจะหลบมัน เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นและเล็งปืนไปยังพลังที่กำลังตรงเข้ามา ขณะที่พลังที่เหมือนกับดวงดาวพุ่งเข้ามา หานเซิ่นก็เหยี่ยวไกอย่างสงบนิ่ง
ปัง!
กระสุนพุ่งออกจากปากกระบอกปืนและตรงไปทางพลังพุ่งที่เข้ามา
ตูม!
แสงจากการระเบิดบดบังสายตาของทุกคนที่ดูการต่อสู้อยู่ และเมื่อแสงเบาบางลงไป พวกเขาก็เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าของพวกเขาดูตกตะลึง
กระสุนของหานเซิ่นไม่ได้ถูกหยุดจากพลังหมัดของเชล มันพุ่งผ่านละอองดาวและไปถูกหมัดของเชลอีกครั้ง
แต่หลังจากที่ผ่านพลังของเชลมา กระสุนก็อ่อนพลังลงไปมาก มันไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับเชลเหมือนกับกระสุนนัดแรก มันแค่หล่นลงไปบนพื้น
ถึงแม้กระสุนนั่นจะไม่ได้สร้างความเสียหายกับเชล แต่พลังของมันก็ยังคงทำให้หลี่ชุนชิว เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อพูดอะไรไม่ออกอยู่ดี หลังจากที่เชลใช้วิชาระเบิดดารา พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก หมัดของเขาควรจะทำลายคนที่อยู่ในระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย
กระสุนของหานเซิ่นเป็นเพียงแค่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาจากโซ่สสาร มันไม่ได้มีรูปธรรม ความจริงที่มันทะลุผ่านพลังหมัดของเชลมาได้นั้นเป็นอะไรที่น่าตกใจยิ่งกว่า
“พลังในการแช่แข็งของอีเทอร์นิตี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม มันสร้างกระสุนที่ไม่ถูกทำลายโดยพลังแบบนั้นได้ คิดว่ามันถึงระดับที่เป็นนิรันดร์แล้วในตอนนี้” หานเซิ่นเอยชมมัน
ตอนที่ 2737
ความอยากชนะที่ลุกโชนในหัวใจของเชลมากมายเหลือคณานับ เขาชกออกไปใส่หานเซิ่นราวกับพายุลูกเห็บ
หานเซิ่นยิงปืนอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อตอบโต้แต่ละพลังหมัดของเชล ไม่ว่าหมัดของเชลจะทรงพลังสักแค่ไหน พวกมันก็ไม่สามารถเข้ามาใกล้ตัวหานเซิ่นได้
หลี่ชุนชิวสามารถบอกได้ว่าถึงเชลจะใช้วิชาระเบิดดารา เขาก็แค่ทัดเทียมกับหานเซิ่นเท่านั้น สีหน้าของหลี่ชุนชิวดูตรึงเครียดและเขาก็คิดกับตัวเอง ‘ถ้านี่คือพลังพื้นฐานของหานเซิ่น แบบนั้นมันก็น่ากลัวเกินไปแล้ว’
หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทตกตะลึงยิ่งกว่า เพราะพวกเธอรู้ว่าหานเซิ่นแค่ใช้พลังพื้นฐานเท่านั้น เขาไม่ได้ใช้วิชาจีโนเสริมพลังเหมือนกับเชล
แค่พลังพื้นฐานของเขาก็มากพอจะต่อสู้กับเชลที่ใช้วิชาระเบิดดารา นั่นเกือบจะเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ
ความจริงแล้วหานเซิ่นคิดว่านี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่น่าแปลกใจอะไร เพราะยังไงซะวิชาจีโนทั้งสี่ของเขาก็เลื่อนไปสู่ระดับเทพเจ้าทั้งหมดแล้ว ซึ่งแต่ละวิชาจีโนจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเขา
ขณะที่เวลาผ่านไป เชลก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของเขาเรืองแสงสว่างสไวยิ่งกว่าเดิม แต่หมัดของเขาก็ยังคงถูกหยุดเอาไว้โดยกระสุนของหานเซิ่น เวลาสิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และผิวของเชลก็เริ่มจะแตกร้าวและมีเลือดไหลออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะทนได้อีกไม่นานนัก
“หานเซิ่น รับหมัดสุดท้ายของข้า!” เชลคำราม เขาชกไปใส่หานเซิ่นราวกับคนที่คลุ้มคลั่ง
วินาทีต่อมา หานเซิ่นก็เห็นว่าภายในหุบเขาตรงหน้าเต็มไปด้วยดวงอาทิตย์จำนวนนับไม่ถ้วน พลังหมัดนั่นเป็นเหมือนกับกลุ่มดาวที่กำลังจะระเบิด
‘คืนสู่สายธารภายใต้การใช้ระเบิดดารา แม้แต่ระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วาก็ต้องกลัวการโจมตีนั้น’ หลี่ชุนชิวคิดกับตัวเอง
ความสามารถของเชลยอดเยี่ยมยิ่งกว่าที่เขาคิด ขณะที่ใช้วิชาระเบิดดารา เขายังสามารถใช้วิชาคืนสู่สายธารได้อย่างสมบูรณ์แบบ พลังและพรสวรรค์ของเชลนั้นเป็นอะไรที่สุดยอดอย่างแท้จริง
หานเซิ่นเห็นพลังหมัดซัดเข้ามาราวกับแม่น้ำ แต่เขาไม่มีแผนจะถอยออกไป เขารวมปืนคู่เข้าด้วยกันและเปลี่ยนเป็นปืนอาร์พีจี
หานเซิ่นเล็งปืนไปยังพลังหมัดที่เหมือนกับแม่น้ำดวงดาว จรวดพุ่งตรงไปที่ใจกลางการโจมตีของเชล
‘ไม่ว่าจรวดนั่นจะทรงพลังแค่ไหน มันก็ต่อต้านวิชาคืนสู่สายธารที่ถูกเสริมพลังด้วยวิชาระเบิดดาราไม่ได้’ หลี่ชุนชิวคิดกับตัวเอง แต่วินาทีต่อมาเขาก็ต้องอึ้งไป
จรวดชนเข้าไปที่จุดศูนย์กลางของสายธารพลังหมัด หลังจากนั้นมันก็ระเบิดออกราวกับอาวุธนิวเคลียร์ แรงระเบิดนั้นดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ
ตูม!
แรงระเบิดนั้นดูเหมือนกับว่าจะทำลายทั้งจักรวาล ภายในแรงระเบิดนั้นมีแสงสว่างมากเกินไปจนผู้ชมมองไม่มองเห็นอะไร
เมื่อแสงจากแรงระเบิดเบาบางลงไปแล้ว หลี่ชุนชิวก็เห็นหานเซิ่นและเชลอยู่ยืนในหุบเขาอย่างครบสามสิบสอง แต่มีหลุมขนาดใหญ่มหึมาถูกสร้างขึ้นบนพื้นหินระหว่างพวกเขาทั้งคู่
หานเซิ่นไม่ได้ทำการโจมตีต่อ เชลเองก็เช่นกัน แต่ทุกคนรู้ว่าเชลเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เรียบร้อยแล้ว เวลาของวิชาระเบิดดาราหมดลงแล้ว เชลไม่เหลือพลังจะใช้ต่อสู้กับหานเซิ่นอีกต่อไป
“ข้าเป็นฝ่ายแพ้” เชลยอมรับอย่างตรงไปตรงมา แต่หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่าแชลยังคงต้องการจะต่อสู้ เขาไม่คิดจะยอมแพ้เพราะความล้มเหลวแค่ครั้งสองครั้ง
หลี่ชุนชิวไม่ได้พูดอะไร หานเซิ่นเป็นฝ่ายชนะจริงๆ ไม่ว่าใครก็บอกได้ว่าหานเซิ่นนั้นแข็งแกร่งกว่าเชล และมันไม่ใช่การเอาชนะแบบฉิวเฉียด
แต่หลี่ชุนชิวยังคงมั่นใจว่าถ้าเขาช่วยเชลฝึกจนถึงจุดสูงสุด เชลก็มีโอกาสที่จะเอาชนะหานเซิ่นได้
หลี่ชุนชิวต้องยอมรับว่าในตอนนี้หานเซิ่นแข็งแกร่งกว่า ความจริงแล้วคริสตัลไลเซอร์คนนี้แข็งแกร่งกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก เขาคิดว่าหานเซิ่นนั้นด้อยกว่าเชลและอวี้ซ่านซิน แต่ตอนนี้มันเห็นได้ชัดว่าหานเซิ่นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าทั้งคู่เลย เขาคงจะแข็งแกร่งกว่าทั้งคู่ด้วยซ้ำ
“พลังในการต่อสู้ไม่ได้เป็นทุกอย่าง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสามารถที่จะกลายเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต เชลเป็นคนที่มีพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือกเทียม มันมีโอกาสสูงที่เขาจะไปถึงขั้นทรูก็อต นั่นจะเป็นชัยชนะที่แท้จริง” หลี่ชุนชิวจ้องไปที่หานเซิ่นอยู่สักพัก หลังจากนั้นเขาจากไปพร้อมกับเชล
“เจ้ากลายเป็นระดับเทพเจ้าโดยที่ไม่บอกพวกเรา เจ้าจะชดใช้ในเรื่องนี้ยังไง?” หลี่เคอเอ๋อยิ้มให้กับหานเซิ่นขณะที่พูด
“ข้าจะทำทุกอย่างที่พวกเจ้าต้องการ” หานเซิ่นพูดขณะที่แบมือทั้งสองข้าง
“ข้าต้องการให้เจ้าไปยืนเอาหน้าเข้าหากำแพง” หลี่เคอเอ๋อพูดขณะที่ทำท่าทางโกรธ
“ข้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ข้าไม่ใช่เด็กสามขวบ ลงโทษข้าด้วยวิธีอื่น”
หานเซิ่นยิ้มแห้งๆ มีเพียงแค่เด็กเท่านั้นที่ถูกลงโทษโดยการให้ยืนเอาหน้าเข้าหากำแพง
“ไม่ เจ้าต้องไปยืนเอาหน้าเข้าหากำแพง เจ้าต้องไปยืนเอาหน้าเข้าหากำแพงเป็นเวลาหนึ่งเดือน” หลี่เคอเอ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เอ็กซ์ควิสิทพูดขัดขึ้นมาก่อน
“หยุดเถียงกันได้แล้ว ที่หลี่เคอเอ๋อบอกว่าเจ้าต้องไปยืนเอาหน้าเข้าหากำแพงนั้นเป็นเพราะว่าหลังจากที่ตัวไหมกลายเป็นระดับเทพเจ้า พวกเขาจะต้องไปที่กำแพงโบราณ นั่นเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเราทุกคน”
“แบบนี้นี่เอง” หานเซิ่นเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าหลี่เคอเอ๋อไม่ได้โมโห เธอแค่หยอกล้อเขาเล่น
“แต่เจ้าเพิ่งจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า ตอนนี้เจ้าควรไปหาเป่าเอ๋อและใช้เวลากับนางซะก่อน เจ้าจะไม่ได้เห็นนางเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆขณะที่เจ้าอยู่ที่กำแพงโบราณ” เอ็กซ์ควิสิทพูด
หานเซิ่นพยักหน้า หลังจากนั้นเอ็กซ์ควิสิทก็พาเขากลับไปที่ต้นไม้ดารา เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทก็ไม่กล้าจะออกห่างจากหานเซิ่นอีก หนึ่งในพวกเธอจะอยู่ข้างกายหานเซิ่นเสมอเพื่อในกรณีที่มีเรื่องใหญ่โตอะไรเกิดขึ้นอีก นั่นทำให้เขารู้สึกหดหู่อย่างมาก เขาไม่มีเวลาอิสระอีกแล้ว
‘เราทำตัวให้ดูพิเศษเกินไปไม่ได้จริงๆ ไม่อย่างนั้นเราก็จะไม่มีอิสระเลยสักนิดเดียว’ หานเซิ่นคิดขณะที่นั่งดื่มชาอยู่ใต้ต้นไม้
เอ็กซ์ควิสิทสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เขากำลังคิด แต่เธอไม่ได้สนใจอะไรเขาและยังคงอ่านหนังสือต่อไป
“เจ้ากำลังอ่านอะไร?” หานเซิ่นถามขณะที่ยื่นหัวเข้ามาข้างๆเธอ
“ไม่มีอะไร” เอ็กซ์ควิสิทรีบปิดหนังสือก่อนที่หานเซิ่นจะเห็นว่ามันคืออะไร และเธอก็เก็บมันเข้ากระเป๋าไป
“กำแพงโบราณคือสถานที่แบบไหนกัน?” ถึงแม้หานเซิ่นจะอยากรู้ว่าเอ็กซ์ควิสิทกำลังอ่านอะไรอยู่ แต่ถ้าเธอไม่อยากจะบอกเขา แบบนั้นเขาก็จะไม่ถามต่อ
เอ็กซ์ควิสิทพูด “กำแพงโบราณคือสถานที่ที่บรรพบุรุษเคยไปวาด”
“วาด?” หานเซิ่นประหลาดใจ
เมื่อเห็นความประหลาดใจของหานเซิ่น เอ็กซ์ควิสิทก็ยิ้มและอธิบาย
“มันไม่ใช่การวาดธรรมดาๆ เขาเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงของเผ่าพันธุ์ ถึงแม้เขาจะไม่เคยได้ขึ้นเป็นผู้นำ แต่เขาก็ศึกษาเวรี่ไฮเซ้นส์จนเทียบชั้นได้กับอัลฟ่า”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เอ็กซ์ควิสิทก็มองไปที่ผลไม้ดาราและพูด
“ก่อนที่เขาจะเข้าไปในจีโนฮอลล์ เขาได้นั่งอยู่ตรงหน้ากำแพงโบราณเป็นเวลาสองปี สองปีต่อมาในตอนที่เขาลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาทำก็คือวาดรูปลงบนกำแพง หลังจากที่เขาวาดมัน เขาก็บินไปที่จีโนฮอลล์ ภาพวาดอยู่ที่นั่นตั้งแต่นั้นมา มันเป็นตำนานและจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเข้าใจว่าภาพวาดของเขา”
ตอนที่ 2738
“ถ้าไม่มีใครเข้าใจความหมายเบื้องหลังการวาดนั่น แล้วมันมีประโยชน์อะไรที่จะไปที่นั่น?” หานเซิ่นถามอย่างไม่เข้าใจ
เอ็กซ์ควิสิทยิ้มและพูด “ถึงแม้การวาดนั้นจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเข้าใจ แต่ภาพวาดก็มีจิตวิญญาณและพลังของบรรพบุรุษอยู่ แค่ใช้เวลาศึกษามันและเจ้าก็จะได้ประโยชน์”
ตอนนี้ในที่สุดหานเซิ่นก็เข้าใจ เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อต้องการให้เขาได้ประสบกับศิลปะของระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต เพราะสุดท้ายมันจะมีประโยชน์ต่อพวกเธอ ประสบการณ์จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาทุกคน ดังนั้นมันไม่ใช่ความคิดที่เลวร้ายอะไร
แต่ภาพบนกำแพงโบราณเป็นสิ่งที่ถูกทิ้งไว้โดยบรรพบุรุษของเวรี่ไฮ โดยปกติแล้วคนนอกจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปใกล้ แต่หานเซิ่นและตัวไหมคนอื่นจะสามารถไปที่นั่นได้เป็นเวลาหนึ่งเดือนหลังจากที่เลื่อนขึ้นสู่ระดับเทพเจ้า กฎนั้นยังห้ามเป่าเอ๋อจากการไปที่นั่น ถึงแม้เธอจะเป็นสมาชิกในครอบครัวของหานเซิ่นก็ตาม
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อต้องไปที่กำแพงโบราณพร้อมกับหานเซิ่น ดังนั้นพวกเธอไม่สามารถอยู่ดูแลเป่าเอ๋อได้
แต่หานเซิ่นถามเป่าเอ๋อแล้ว และเธอก็ยินดีจะอยู่ที่ต้นไม้ดารา ดังนั้นหานเซิ่นจึงให้เธอรอเขาอยู่ที่นั่น ด้วยการที่มีซีโน่เจเนอิคอยู่มากมาย เป่าเอ๋อก็คงจะไม่เบื่อจนเกินไป
หลังจากที่ทั้งสามคนจากไป แม็กแคกหกหูก็เริ่มจะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
แม็กแคกหกหูแตกต่างไปจากซีโน่เจเนอิคตัวอื่น สติปัญญาของมันสูงพอจะแกล้งทำเป็นเชื่อฟังหานเซิ่นในฐานะเจ้านาย แต่ความจริงแล้วมันก็แค่รอโอกาส
แต่ร่างกายของมันยังคงมีพันธสัญญาอยู่ และแม็กแคกหกหูก็ไม่มีหนทางจะลบล้างมันได้ ถ้ามันหนีไปโดยที่ไม่ลบล้างพันธสัญญาซะก่อน มันก็คงจะถูกกดขี่โดยพลังของพันธสัญญา หานเซิ่นจะสามารถเข้าครอบงำจิตใจของมันได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้เขาจะอยู่ห่างออกไปจากระบบจักรวาลที่เจ้าลิงซ่อนตัวอยู่ก็ตาม เจ้าลิงจะตกอยู่ในความเจ็บปวดจนกระทั่งต้องทำตามที่หานเซิ่นต้องการ
“ถ้าเราต้องการอิสระที่แท้จริง เราก็ต้องทำลายพันธสัญญา” ดวงตาของแม็กแคกหกหูเรืองแสง และมันก็จ้องมองไปที่เป่าเอ๋ออย่างขะมักเขม้น
แม็กแคกหกหูรู้ว่าเป่าเอ๋อเป็นลูกสาวของหานเซิ่น มันเห็นได้ชัดว่าเธอสำคัญต่อหานเซิ่นอย่างมาก ตอนนี้หานเซิ่นต้องไปจากที่นี่และเขาจะไม่กลับมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ
“ถ้าเราจับตัวนาง เราก็จะใช้นางเพื่อข่มขู่หานเซิ่นได้” แม็กแคกหกหูรู้สึกว่าโอกาสของมันมาถึงแล้ว
“ซีโน่เจเนอิคตัวอื่นอาจจะทำตามคำสั่งของนาง แต่ในหมู่พวกมันมีระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟแค่ตัวเดียว พวกมันไม่มีโอกาสจะเอาชนะเราได้ แต่ถึงจะพูดแบบนั้น เราก็ไม่มีความจำเป็นต้องต่อสู้กับพวกมัน เราแค่ต้องใช้ร่างปลอมและล่องหนไปทำให้นางสลบ”
ขณะที่แม็กแคกหกหูกำลังวางแผนการอยู่นั้น มันก็เห็นเป่าเอ๋อมองมาทางมัน
แม็กแคกหกหูรู้สึกตกใจ มันคิดว่าเป่าเอ๋อรู้สึกตัวว่ามันกำลังวางแผนการบางอย่าง แต่หลังจากนั้นมันก็ได้ยินเป่าเอ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม
“หกน้อย ฉันต้องการผลไม้เพิ่มอีก”
แม็กแคกหกหูรู้สีกเกลียดชังชื่อหกน้อยอย่างมาก แต่เป่าเอ๋อกำลังเรียกหามัน นี่ถือเป็นโอกาสดี ด้วยเหตุนั้นแม็กแคกหกหูจึงรีบวิ่งเข้าไปหาเป่าเอ๋อ
“คุณหนูอยากกินผลไม้อะไรอย่างนั้นหรอ?” แม็กแคกหกหูมองเป่าเอ๋ออย่างระมัดระวัง ขณะที่นางเอนตัวนอนอย่างสบายใจ มันคิดในใจ
‘นี่สมบูรณ์แบบที่สุด เราไม่จำเป็นต้องล่องหนด้วยซ้ำ เราแค่ต้องนำผลไม้มาส่งให้กับนางและทำให้นางสลบไป หลังจากนั้นก็พานางไปซ่อนในที่ที่ไม่มีใครหาเจอ แบบนั้นหานเซิ่นก็ต้องทำลายพันธสัญญากับเรา’
“ฉันต้องการนั่น” เป่าเอ๋อชี้ไปที่ผลไม้ที่เธอต้องการ เธอกำลังสวมแว่นกันแดนขณะที่เอนตัวนอนบนเก้าอี้
แม็กแคกหกหูหยิบมีดปอกผลไม้ขึ้น มันตัดผลไม้เป็นชิ้นเล็กๆและนำมันมาให้กับเป่าเอ๋อ มันยื่นผลไม้มาตรงหน้าเธอพร้อมกับเตรียมตัวที่จะลงมือ
เป่าเอ๋อมองไปที่แม็กแคกหกหู เธอไม่ได้ยื่นมือออกมาเพื่อหยิบผลไม้ เธอยิ้มและพูด
“นี่ฉันบอกหรือว่าฉันต้องการกินมัน? มอบมันให้กับคนอื่นๆ คนละหนึ่งชิ้นไม่ขาดไม่เกิน”
คนอื่นที่เป่าเอ๋อกำลังพูดถึงคือเหล่าหมูน้อย พวกมันติดตามเป่าเอ๋อและกินของดีอยู่ทุกวัน แต่ขนาดตัวของพวกมันไม่เคยเปลี่ยนแปลง พวกมันยังคงตัวเล็กเหมือนเดิม
“ข้าจะตัดก้นของเจ้า” จู่ๆแม็กแคกหกหูก็ตะโกนขึ้นมา มันยกกรงเล็บขึ้นเพื่อจะจับตัวเป่าเอ๋อ
ในจังหวะที่กรงเล็บของแม็กแคกหกหูกำลังจะสัมผัสกับคอของเป่าเอ๋อ ร่างกายของเป่าเอ๋อก็เรืองแสงสีขาวออกมา กรงเล็บของแม็กแคกหกหูปะทะกับแสงนั้น กรงเล็บของเจ้าลิงไม่สามารถทะลวงผ่านการป้องกันนั้นได้ และการโจมตีของมันก็ถูกหยุดโดยสมบูรณ์
แม็กแคกหกหูรู้สึกตกใจ มันเอนตัวไปใกล้ๆเพื่อจะดูชัดๆ แสงนั่นไม่ได้มาจากเป่าเอ๋อ มันมาจากเหล่าหมูน้อยรอบตัวเธอ
ในตอนนี้หมูน้อยทั้งสิบหกตัวยืนอยู่รอบตัวเป่าเอ๋อ ดวงตาของพวกมันเบิกกว้าง ขณะที่จ้องไปที่แม็กแคกหกหู สัญลักษณ์ลึกลับเรืองแสงบนหน้าผากของพวกมัน
แสงศักดิ์สิทธิ์ของหมูน้อยทั้งสิบหกตัวรวมเข้าด้วยกันและเปลี่ยนเป็นโล่แสงที่กักขังแม็กแคกหกหูเอาไว้ภายใน
“พวกเจ้าเป็นเพียงแค่หมูตัวน้อยๆ! พวกแกหยุดข้าไม่ได้”
แม็กแคกหกหูคำรามออกมา ร่างกายของมันเรืองแสงสีทองขณะที่มันฟันใส่โล่แสงด้วยกรงเล็บ
ในเมื่อมันไม่สามารถจับตัวเป้าหมายอย่างเงียบๆได้ เจ้าลิงจึงต้องทำเรื่องนี้โดยใช้กำลังแทน แม็กแคกหกหูรู้ว่าหานเซิ่นจะไม่กลับมาเป็นเวลาหนึ่งเดือน และมันเดิมพันว่ามันมีเวลามากพอที่จะจับตัวเป่าเอ๋อ ส่วนในเรื่องซีโน่เจเนอิคตัวอื่นๆและหมูน้อยทั้งสิบหกตัว แม็กแคกหกหูนั่นไม่ได้สนใจอะไรพวกมัน
แต่ในตอนที่กรงเล็บของมันฟันใส่โล่แสง แม็กแคกหกหูก็สังเกตว่าพลังของมันไม่เพียงพอจะฉีกผ่านโล่แสงได้ หมูน้อยทั้งสิบหกตัวยังคงยืนปักหลักอยู่ด้านนอก ไม่มีพวกมันตัวไหนที่ได้รับบาดเจ็บ พวกมันทั้งหมดแค่จ้องมองมาที่เจ้าลิงด้วยความโกรธ
แม็กแคกหกหูรู้สึกตกใจอีกครั้ง มันพยายามจะโจมตีใส่โล่แสงซ้ำๆ แต่ไม่ว่าเจ้าลิงจะพยายามสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถทำลายโล่แห่งแสงได้ มันถูกกักขังอยู่ภายในนั้นจริงๆ
“หกน้อย นายช่างเป็นเด็กที่ซุกซนจริงๆ”
แม็กแคกหกหูเห็นเป่าเอ๋อลุกขึ้นมา เธอถอดแว่นกันแดดออกและเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม
ด้วยเหตุผลบางอย่าง แม็กแคกหกหูรู้สึกหนาวจนถึงกระดูก มันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้
…
ถังหมิงเอ๋อเพิ่งจะเข้ามาในเมืองสตาร์มูน ทันใดนั้นก็มีใครบางคนจำเธอได้
“ถังหมิงเอ๋อ เธอคือถังหมิงเอ๋อใช่ไหม?”
หนุ่มรูปงามที่สวมใส่ชุดเกราะเข้ามาหาเธอ เขากำลังขี่เสือที่เป็นวิญญาณอสูรประเภทสัตว์ขี่อยู่ เขานำหน้าอัศวินกลุ่มหนึ่งมา เขาดูประหลาดใจขณะที่หยุดลงตรงหน้าถังหมิงเอ๋อ
“ฉันคือถังหมิงเอ๋อ นายเป็นใครกัน?” ถังหมิงเอ๋อมองไปที่หนุ่มรูปงาม เธอพยายามจะนึกว่าเขาคือใคร แต่เธอจำเขาไม่ได้
“ฉันชื่อหนิงปู้อ้าว” หนุ่มรูปงามลงจากสัตว์ขี่และมองไปที่เธอด้วยความยินดี
“หนิงปู้อ้าว… นายเป็นลูกชายของลุงหนิงอย่างนั้นหรอ?”
ในที่สุดถังหมิงเอ๋อก็นึกออก เธอเคยเห็นหนิงปู้อ้าวหลายครั้ง แต่ในตอนนั้นเธออายุเพียงแค่เจ็ดขวบเท่านั้น เธอจำเขาได้ไม่ดีนัก แต่หนุ่มรูปงามตรงหน้าเธอก็ดูเหมือนกับเด็กที่เธอเคยรู้จักในฐานะหนิงปู้อ้าวจริงๆ
หนิงปู้อ้าวดูลุ่มหลงขณะที่พูดขึ้นว่า “หมิงเอ๋อ เธอมาถึงเมืองสตาร์มูนทั้งที ในเมื่อฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะรับประกันความปลอดภัยของเธอเอง ถ้าเธอต้องการวิญญาณอสูรชนิดไหน แค่บอกฉันมา ฉันจะมอบวิญญาณอสูรนั้นให้กับเธอ ฉันมีแม้กระทั่งวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิ์”
“พี่หมิงเอ๋อ พวกพี่คุยกันไป ฉันรู้สึกเหนื่อย ฉันจำเป็นต้องพักผ่อน”
มีเสียงดังขึ้นจากด้านข้างของถังหมิงเอ๋อ หนิงปู้อ้าวสังเกตเห็นว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่ข้างๆเธอ
หนิงปู้อ้าวขมวดคิ้ว เด็กผู้ชายคนนั้นอายุราวๆสิบสามสิบสี่ปีเท่านั้น เขาดูไม่เหมือนกับคนที่จะเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่ได้
ตอนที่ 2739
“ฉันซาบซึ้งในความหวังดีนาย แต่คนตระกูลถังไม่จำเป็นต้องให้ใครมาปกป้อง” ถังหมิงเอ๋อพูดอย่างไม่พอใจ เพราะยังไงซะหนิงปู้อ้าวก็พูดราวกับว่าเธอนั้นไร้ความสามารถ
“นั่นไม่ใช่เจตนาของฉัน ตระกูลของพวกเราเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ดังนั้นพวกเราควรจะช่วยเหลือกัน” ถึงแม้หนิงปู้อ้าวจะอวดดี แต่เขาไม่ได้โง่ เขารู้ว่าตัวเองพูดบางสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป
“ฉันเข้าใจเจตนาของนายดี แต่ฉันไม่จำเป็นต้องใช้ความช่วยเหลือ”
ถังหมิงเอ๋อพูด เธอจับแขนของเด็กชายและพูด “เสี่ยวฮวา พวกเราไปกันเถอะ”
เมื่อหนิงปู้อ้าวเห็นหญิงสาวที่เขาชอบสนิทสนมกับชายคนอื่น มันก็ทำให้เขาไม่พอใจ เขาวิ่งไปข้างหน้าเด็กผู้ชายและแกล้งทำเป็นแปลกใจ เขาถามขึ้นว่า “น้องชายชื่ออะไรนะ?”
“หานเสี่ยวฮวา” เด็กชายตอบขณะที่สบสายตากับหนิงปู้อ้าว
ในตอนที่เขาได้ยินแซ่หาน หนิงปู้อ้าวก็รู้สึกสะดุ้งขึ้นมา เขาหวาดกลัวแซ่นั้นอย่างมาก เนื่องจากบางสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่เขายังเด็ก
ครั้งหนึ่งบนชายหาดปีศาจ เด็กผู้หญิงตัวน้อยคนหนึ่งของตระกูลหานโยนเขาลงไปในทะเลลึก จนถึงตอนนี้หนิงปู้อ้าวก็ยังคงฝันร้ายถึงเหตุการณ์ในวันนั้น มันเป็นความทรงจำที่เขาหวาดกลัวที่สุด
‘หานเสี่ยวฮวา? ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้ในตระกูลหาน บางทีเขาอาจจะเป็นแค่สมาชิกตระกูลอื่นที่ใช้แซ่หานเหมือนกัน’
หนิงปู้อ้าวรู้สึกโล่งใจขึ้นมา ตราบใดที่เสี่ยวฮวาไม่ได้มาจากตระกูลหาน เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องกังวล
เท่าที่หนิงปู้อ้าวรู้ ตระกูลหานมีแค่ลูกสาวคนหนึ่งเท่านั้น และเธอยังอายุน้อย ดังนั้นมันไม่มีทางที่เธอจะเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่ในตอนนี้
เขายังเคยได้ยินเรื่องราวที่บอกว่าตระกูลหานเคยมีลูกชายคนหนึ่ง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ลูกชายคนนั้นได้หายตัวไป หนิงปู้อ้าวจำได้ว่าเด็กผู้ชายที่หายตัวไปนั้นมีชื่อหาหานเฟย เขาไม่ได้มีชื่อที่ตลกและล้าสมัยอย่างเสี่ยวฮวา
แต่เสี่ยวฮวาเป็นเพียงแค่ชื่อเล่นเท่านั้น สมาชิกในครอบครัวของเขาเรียกเขาว่าหานเสี่ยวฮวา แต่คนทั่วๆไปรู้จักเขาในฐานะหานเฟย ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่หนิงปู้อ้าวจะไม่รู้จักชื่อนี้
“น้องเสี่ยวฮวา ถ้าน้องต้องการอะไร น้องพูดมาได้เลย พี่หนิงปู้อ้าวเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากๆ แม้แต่การฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับคนอย่างพี่” หนิงปู้อ้าวยิ้มให้กับหานเสี่ยวฮวาขณะที่เขาพูดโอ้อวด
“ขอบคุณพี่มาก พี่เป็นคนดีจริงๆ ถ้าฉันมีเรื่องอะไร ฉันจะไปขอให้พี่ช่วย” หานเสี่ยวฮวาพูดอย่างมีมารยาท
ในเซเคร็ด อาเหมยได้สอนเสี่ยวฮวาให้มีมารยาทกับสิ่งมีชีวิตอื่น แม้แต่ในตอนที่เขากิน เขาก็จะกินอย่างสุภาพบุรุษ เขาจำเป็นต้องรักษามารยาทไว้ตลอดเวลา
“ถ้าอย่างนั้นน้องเสี่ยวฮวามัวรออะไร? พี่พบมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่งในทิศตะวันออกของเมือง พี่จะไปฆ่ามัน พวกเราไปด้วยกันเถอะ” หนิงปู้อ้าวพูดด้วยรอยยิ้ม
เขามั่นใจในพลังของตัวเอง เขาคิดว่าจำเป็นต้องแสดงพลังเพื่อทำให้หญิงสาวอย่างถังหมิงเอ๋อตกหลุมรักเขา
แต่หานเสี่ยวฮวาไม่ได้สนใจในการฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ ที่เขายังอยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขตที่หนึ่งนั้นเป็นเพราะเขามีปัญหากับการหามอนสเตอร์ขั้นสุดยอด ถ้าเขาหาพวกมันได้ง่ายๆ เขาก็คงจะไปสู่ก็อตแซงชัวรี่เขตสองเรียบร้อยแล้ว
“เสี่ยวฮวา คุณหนิงอุส่าชวนเธอไป ดังนั้นพวกเราควรไปกับเขา” ทันใดนั้นถังหมิงเอ๋อก็กระพริบตาให้กับเขา
เธอเป็นคนฉลาด ดังนั้นเธอรู้ว่าหนิงปู้อ้าวคิดจะทำอะไร มันเห็นได้ชัดว่าเขาชอบเธอ และเธอก็รู้ว่าคนตระกูลหนิงนั้นหยิ่งยโสอย่างมาก ถ้าเธอไม่จัดการปัญหาซะตอนนี้ หนิงปู้อ้าวก็จะตามสร้างความรำคาญให้กับเธอไม่เลิก นั่นเป็นเหตุผลที่เธอบอกว่าพวกเขาควรจะไป
หนิงปู้อ้าวดีใจเมื่อได้ยินว่าเธอเห็นด้วย เขาเรียกวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิ์ประเภทสัตว์ขี่สองตัวออกมาและพูด
“ระยะทางไกลพอสมควร ฉันจะมอบสัตว์ขี่เลือดศักดิ์สิทธิ์สองตัวนี้ให้กับพวกเธอ”
เขาไม่เคยลังเลที่จะโอ้อวดตัวเอง หนิงปู้อ้าวมักจะคิดอยู่เสมอว่าถ้าเขามีของดี เขาก็ควรจะให้คนอื่นได้รู้เกี่ยวกับมัน เพียงแค่พูดอย่างเดียวยังคงไม่พอ ดังนั้นในบางครั้งเขาต้องมอบพวกมันเป็นของขวัญเพื่อแสดงถึงความร่ำรวยของเขา
การมีสัตว์ขี่เลือดศักดิ์สิทธิ์สองตัวถือเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดา เพราะยังไงซะมันก็วิญญาณอสูรอยู่หลายประเภท ดังนั้นวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิ์ประเภทสัตว์ขี่จึงหาได้ไม่ง่ายนัก
“ไม่เป็นไร เสี่ยวฮวามีสัตว์ขี่เรียบร้อยแล้ว ฉันจะนั่งไปกับเขา” ถังหมิงเอ๋อยิ้มให้กับเสี่ยวฮวาขณะที่พูด
หานเสี่ยวฮวาไม่พูดอะไร เขาแค่เรียกสัตว์ขี่ของตัวเองออกมา
ตูม!
มังกรสองหัวสีทองปรากฏกายตรงหน้าหานเสี่ยวฮวา วิญญาณอสูรสัตว์ขี่ที่อยู่รอบๆเริ่มจะกรีดร้องและพยายามจะวิ่งหนี ถ้าเจ้านายของพวกมันไม่ได้ควบคุมพวกมันเอาไว้ล่ะก็ พวกมันก็คงจะวิ่งหนีไปกันหมดแล้ว
หนิงปู้อ้าวอึ้งไป มันเป็นวิญญาณอสูรที่ทรงพลังมากๆ เขาเคยเห็นบางสิ่งแบบนี้ในตระกูล แต่พวกมันเป็นวิญญาณอสูรระดับสูงจากก็อตแซงชัวรี่เขตอื่น ในก็อตแซงชัวรี่เขตแรก เขาไม่เคยเห็นอสูรที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อน
“นี่…นี่ไม่มีทางเป็นวิญญาณอสูรขั้นสุดยอดไปได้ นั่นเป็นไปไม่ได้ มันเป็นแค่การขู่แน่ๆ”
หนิงปู้อ้าวสงสัยอย่างมาก แต่เขาไม่ต้องการจะถามว่ามันเป็นวิญญาณอสูรแบบไหน ไม่อย่างนั้นมันก็จะทำให้เขาดูเหมือนกับคนบ้านนอกที่ไม่รู้เรื่องอะไร
“ไปกันเถอะ” หนิงปู้อ้าวฝืนยิ้มออกมา ขณะที่หานเสี่ยวฮวาและถังหมิงเอ๋อนั่งบนหลังของมังกรสองหัวอย่างมีความสุข
“เชิญคุณหนิงนำทาง” ถังหมิงเอ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม
ถึงแม้หนิงปู้อ้าวจะอารมณ์เสีย แต่เขาก็ยังคงสั่งให้ทีมของเขาเดินหน้าไปด้วยความเร่งรีบ เขาพยายามจะทิ้งมังกรสองหัวเอาไว้เบื้องหลัง
แต่ในจังหวะที่พวกมันเริ่มวิ่งไป มังกรยักษ์ก็กางปีกขนาดใหญ่มหึมาและทยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เมื่อเปรียบเทียบกับมังกรสองหัวแล้ว สัตว์ขี่เลือดศักดิ์สิทธิ์ของหนิงปู้อ้าวช้าเหมือนกับเต่า
“นั่นไม่มีทางเป็นวิญญาณอสูรขั้นสุดยอดหรอกใช่ไหม?” หนิงปู้อ้าวตกตะลึง อารมณ์ของเขาแย่ยิ่งกว่าเดิม เขาพยายามปลอบตัวเอง
“เด็กนั่นแค่โชคดีเท่านั้น สมาชิกในตระกูลของเขาอาจจะมอบมันให้กับเขา ในด้านพลังแล้วเขาไม่มีทางจะเทียบกับเราได้ ในตอนที่เราฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์นั่นได้ ถังหมิงเอ๋อก็จะรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นลูกผู้ชายตัวจริง”
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง พวกเขาก็ไปถึงที่หมาย ที่นั่นพวกเขาเห็นมอนสเตอร์ที่ดูเหมือนกับยักษ์ มันกำลังพักผ่อนอย่างเงียบอยู่บนเนินเขา
หนิงปู้อ้าวออกคำสั่งให้เข้าโจมตี และเขาก็นำทีมเข้าต่อสู้กับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้น
เจ้ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ลุกขึ้นและคำรามออกมาในตอนที่ทีมของหนิงปู้อ้าวเข้าล้อมมันเอาไว้ มันไม่สามารถตีฝ่าวงล้อมและถูกต้อนจากรอบด้าน
ทีมของหนิงปู้อ้าวเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบ มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ ตัวหนิงปู้อ้าวเองก็ไม่ได้ออกคำสั่งเพียงอย่างเดียว เขาเข้าโจมตีเจ้ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันใช้เวลาอยู่ครึ่งชั่วโมงก่อนที่พวกเขาจะโค้นล้มยักษ์ตนนั้นได้สำเร็จ
หนิงปู้อ้าวพึงพอใจอย่างมาก เขาต่อสู้และออกคำสั่งทีมอย่างเต็มความสามารถ เขารู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา
เขายิ้มให้กับหานเสี่ยวฮวาและถังหมิงเอ๋อ เขาเริ่มจะเดินเข้าไปหาทั้งคู่ แต่หลังจากที่เดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็ได้ยินเสียงคำรามที่ดังลงมาจากท้องฟ้า เขาเงยหน้าขึ้นไปมอง และใบหน้าของเขาก็ซีดไป
มอนสเตอร์ตัวที่มาใหม่นั้นเป็นระดับเลือดศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับตัวที่พวกเขาเพิ่งจะฆ่าไป แต่มอนสเตอร์ตัวนี้มีขนาดใหญ่กว่ามาก มันเหมือนกับภูเขาลูกน้อยๆขณะที่บินลงมาจากท้องฟ้า ทีมของหนิงปู้อ้าวยังคงอยู่ระหว่างการเฉลิมฉลองกับชัยชนะ พวกเขาไม่ได้รู้สึกตัวถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“วิ่ง!” หนิงปู้อ้าวตะโกนขณะที่เริ่มวิ่งหนี แต่คนอื่นในทีมไม่ได้ตอบสนองรวดเร็วเหมือนอย่างหนิงปู้อ้าว ในจังหวะที่เขาหันไปมอง มอนสเตอร์ตัวนั้นกำลังจะบดขยี้คนของเขา หนิงปู้อ้าวทั้งตกใจและโมโห แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้
ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งแว็บเข้ามาในสายตาของเขา มอนสเตอร์ตัวใหญ่ที่ลงมาจากท้องฟ้าหยุดชะงักไป การโฉบลงมาของมันถูกหยุดเอาไว้
หนิงปู้อ้าวรู้สึกตกใจ เขามองไปตามร่างกายขนาดมหึมาของมอนสเตอร์จนกระทั่งเขาเหลือบไปเห็นเสี่ยวฮวาที่ยืนอยู่ข้างใต้ ทุกคนที่อยู่รอบๆมองไปที่เสี่ยวฮวาด้วยความตกตะลึง พวกเขามองเด็กชายที่กำลังถือเจ้ามอนสเตอร์เอาไว้ราวกับว่าพวกเขากำลังมองเห็นผี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น