Super God Gene 2705-2711
ตอนที่ 2705
“ถึงแม้เจ้าจะทนต่อความเจ็บปวดได้ แต่เจ้าจะมองดูคนของเจ้ากระเสือกกระสนอย่างไร้ประโยชน์ไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรอ? เจ้าต้องการให้พวกเขาทุกข์ทรมานอยู่ในที่แห่งนี้ราวกับซากศพเดินได้หรือยังไง?”
ราชาจุนมองลงมาที่ยักษ์และพูด
ฮอไรซอนทอลยังคงถูกทรมานอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังหัวเราะออกมา
“ถึงแม้ทุกคนจะทอดทิ้งข้า แต่พวกเขาก็จะไม่ยอมรับเบรกสกาย แบบนั้นมันจะสำคัญอะไร พวกเจ้าต้องการสุดยอดยีนอย่างนั้นสินะ? แต่เสียใจด้วย ข้าจะไม่มอบมันให้ใครทั้งนั้น”
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจที่ได้ยินแบบนั้น ในที่สุดสุดยอดยีนอันลึกลับก็ถูกพูดถึงอีกครั้ง
สีหน้าของราชาจุนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขามองไปที่ฮอไรซอนทอลอีวิลอย่างสงบนิ่งและพูด
“เจ้าจะยอมสังเวยตัวเองและคนของเจ้าเพื่อความลับที่มีค่ามากที่สุดของผู้นำเซเคร็ด นั่นเป็นคุ้มค่าจริงๆอย่างนั้นหรอ? เจ้าถูกทรมานอยู่ที่นี่ และพวกพ้องของเจ้าก็จะตายอยู่ที่นี่กับเจ้า ตอนนี้ผู้นำเซเคร็ดอยู่ที่ไหน? นี่เขาเคยคิดจะช่วยเจ้าบ้างไหม? นี่เขาเคยทำอะไรให้กับเผ่าเบรกสกายบ้าง?”
“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากกว่านั่น ไม่มีใครล้วงความลับของสุดยอดยีนจากข้าได้ ก่อนหน้านี้พระเจ้าแห่งนภาก็ล้มเหลวไปแล้ว และเจ้าราชาจุนก็จะล้มเหลวเช่นเดียวกัน” ฮอไรซอนทอลอีวิลพูดเย้นหยัน
ราชาจุนหัวเราะใส่ฮอไรซอนทอลอีวิล เขาไม่ได้สูญเสียความเยือกเย็นไป เขาพูดขึ้นว่า
“ข้ามีเวลามากมาย เจ้าควรจะลองคิดเกี่ยวกับมันให้ดี แต่ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพราะข้ามีเรื่องบางอย่างอยากจะบอกกับเจ้า ข้าจะไปจากที่นี่สักพัก ในตอนที่ข้ากลับมา ข้าจะมอบของขวัญอย่างหนึ่งให้กับเจ้า มันจะทำให้เจ้าประหลาดใจ และข้าคิดว่าเจ้าควรจะต้องตารอดูมัน”
“นั่นหมายความว่ายังไง?” ฮอไรซอนทอลอีวิลถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เจ้าจะรู้เองเมื่อเจ้าได้เห็นมัน และข้ารับประกันได้เลยว่าเจ้าต้องประหลาดใจมากๆ”
ราชาจุนยิ้มอย่างแปลกๆ หลังจากนั้นเขาก็หันหลังและบินไปหาดวงอาทิตย์ที่ดูเหมือนกับนาฬิกา ก่อนจะหายตัวไป
หลังจากผ่านไปสักพัก ฮอไรซอนทอลอีวิลก็พูดกับหานเซิ่น
“ตอนนี้เจ้าออกมาได้แล้ว”
หานเซิ่นออกมาจากเส้นผมของฮอไรซอนทอลอีวิลด้วยความรู้สึกโล่งใจ โชคดีที่ราชาจุนไม่ได้รู้สึกถึงตัวตนของหานเซิ่น
หลังจากที่ราชาจุนจากไป ชุดเกราะคริสตัลสีดำก็กลับไปอยู่ในสถานะสงบนิ่งดังเดิม
“เจ้าเป็นแค่ระดับราชัน เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง?”
ฮอไรซอนทอลอีวิลถามหานเซิ่น ในสายตาของเขาระดับครึ่งเทพและระดับราชันนั้นเหมือนๆกัน
หานเซิ่นบอกฮอไรซอนทอลอีวิลเกี่ยวกับลูกบาศก์สี่แกะ และเมื่อฮอไรซอนทอลอีวิลได้ยินคำอธิบายของหานเซิ่น เขาก็ขมวดคิ้ว
“ลูกบาศก์สี่แกะเป็นสมบัติที่มาจากโลกปฏิสสาร นั่นเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลก บางทีนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่มันส่งเจ้ามาที่นี่”
“ที่นี่เป็นสถานที่แบบไหนกัน? แล้วชายคนนั้นคือใครอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
ฮอไรซอนทอลอีวิลไม่ได้ตอบคำถามของหานเซิ่น เขาแค่ถามคำถามของตัวเอง “บอกข้าเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับจักรวาลในตอนนี้มา”
หานเซิ่นพยายามอดทนและเริ่มบรรยายเกี่ยวกับจักรวาลในทุกวันนี้ ฮอไรซอนทอลอีวิลฟังทุกคำพูดของเขาและถามหลากหลายคำถาม ใบหน้าของเขาดูกังวลขึ้นเรื่อยๆเมื่อการสนทนาดำเนินต่อไป
ที่สุดแล้วฮอไรซอนทอลอีวิลก็มองขึ้นไปยังดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าและทำท่าบอกให้หานเซิ่นหยุดพูด
“เวลาของข้าใกล้หมดแล้ว เจ้าควรจะกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้”
หานเซิ่นกำลังจะพูดต่อ แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงระฆัง เขาเงยหน้าขึ้นและสังเกตเห็นว่ามันผ่านไปสิบสองชั่วโมงแล้ว
เสาโลหะหยุดหมุนและแสงของมันก็เลือนหายไป มันกลับไปดูเหมือนกับเสาโลหะธรรมดาๆอีกครั้ง ดวงตาของฮอไรซอนทอลอีวิลค่อยๆปิดลงและเขาก็เข้าสู่สภาวะหลับไหลไป ไม่ว่าหานเซิ่นจะพยายามปลุกเขายังไง มันก็ไม่มีการตอบสนองกลับมา
ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงพวกยักษ์ที่กำลังตรงมาทางเขา พวกมันไม่ได้เห็นหานเซิ่น พวกมันแค่กลับมาเพื่อขุดภูเขาต่อ
ในตอนที่หานเซิ่นเห็นแบบนั้น เขาก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจขึ้นมา ตอนนี้เขาอยากจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากยิ่งกว่าเดิม
“เบรกสกายเหล่านี้พยายามขุดภูเขาทุกวันๆ พวกเขาพยายามจะช่วยอัลฟ่าของพวกเขา แต่มันเป็นงานที่ไม่มีวันทำสำเร็จ ใครก็ตามที่ทำเรื่องนี้จะต้องเป็นคนที่ชั่วร้ายเหนือจินตนาการ การฆ่าพวกเขาเป็นเรื่องง่ายๆ แต่คนๆนั้นกลับทำให้พวกเขาต้องมีชีวิตอยู่อย่างเจ็บปวดไปตลอดชีวิต มันเป็นอะไรที่น่ากลัว”
หานเซิ่นถอนหายใจ เขาไม่อยากจะอยู่ที่นั่นนานเกินความจำเป็น ดังนั้นเขาจึงบินกลับไปที่ลูกบาศก์สี่แกะ
ในตอนที่เขากลับไปที่ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ เขาก็เห็นเป่าเอ๋อและหมูน้อยสิบหกตัวรอคอยเขาอยู่ที่นั่น
“เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อได้มาที่นี่ในตอนที่พ่อไม่อยู่หรือเปล่า?” หานเซิ่นถามขณะที่อุ้มเป่าเอ๋อขึ้นมา
“ไม่” เป่าเอ๋อส่ายหัว
หานเซิ่นพยักหน้า นั่นหมายความว่าเขามีเรื่องที่ต้องกังวลน้อยลงไปหนึ่งเรื่อง เขาลองเก็บลูกบาศก์สี่แกะเข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตา และพบว่าามารถเก็บมันเข้าไปข้างในได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร นั่นทำให้เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
‘ถ้ามีโอกาสอีกครั้งในอนาคต เราควรกลับไปหาฮอไรซอนทอลอีวิลคนนั้น บางทีเราอาจจะได้รู้ความลับบางอย่างจากเขา จากสิ่งที่ราชาจุนพูด ดูเหมือนว่าฮอไรซอนทอลอีวิลจะมีความเกี่ยวข้องกับผู้นำเซเคร็ด’
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มคิดหาวิธีที่จะเอาล้วงความลับจากฮอไรซอนทอลอีวิล
นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ฮอไรซอนทอลอีวิลอยู่ที่นั่นมานานแค่ไหนไม่มีใครรู้ แต่เขาก็ยังคงไม่บอกความลับกับราชาจุน หานเซิ่นเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าคนหนึ่ง การจะสร้างความเชื่อใจระหว่างพวกเขาเป็นเรื่องที่ยากมากๆ
หานเซิ่นฝึกฝนที่ริมทะเลสาบอยู่ครึ่งวัน เขาตั้งใจจะรอให้ผ่านไปสิบสองชั่วโมงก่อนที่เขาจะกลับไปที่ดินแดนปริศนานั่นอีกครั้ง แต่ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง เขาก็เห็นใครบางคนบินเข้ามาหาเขา
“มิสเตอร์อวี้” หานเซิ่นพูดเมื่อเห็นว่าคนๆนั้นเป็นใคร อวี้ซ่านซินกำลังขี่นกกระเรียนมาทางเขา
อวี้ซ่านซินลงจากนกกระเรียนและเดินเข้ามาหาหานเซิ่นด้วยรอยยิ้ม
“สิ่งที่ท่านผู้นำต้องการให้เจ้าทำ มันคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”
“หมายความว่ายังไง? ผู้นำปราสาทนภาไม่ได้ขอให้ข้าทำอะไรสักหน่อย” หานเซิ่นพูดโดยแกล้งทำเป็นว่าประหลาดใจ
อวี้ซ่านซินพยักหน้าและพูด “เจ้าเป็นคนระมัดระวังตัวจริงๆ แต่เจ้าจำเป็นต้องหาผู้หญิงคนนั้นให้พบโดยเร็ว”
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น หานเซิ่นก็เชื่อว่าอวี้ซ่านซินคงจะรู้ถึงสิ่งที่ผู้นำปราสาทนภาขอให้เขาทำจริงๆ เขายกมือขึ้นเพื่อยอมแพ้และพูด
“ตั้งแต่มาถึงเอาท์เตอร์สกาย ข้ายังไม่มีโอกาสได้พบเจอเวรี่ไฮมากนัก แบบนั้นข้าจะไปหาเป้าหมายเจอได้ยังไง?”
หานเซิ่นคิดอยู่ในใจ ‘ถึงแม้ฉันจะได้เจอเวรี่ไฮครบทุกคนแล้ว แต่ฉันก็ปลดเสื้อผ้าพวกเขาเพื่อมองหาปานรูปหัวใจไม่ได้อยู่ดี’
“นี่เป็นสถานการณ์ที่ยุ่งยาก แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทำได้สำเร็จ” อวี้ซ่านซินพูดด้วยรอยยิ้ม
“หมายความว่ายังไง? ถ้าแบบนั้นทำไมไม่ทำมันด้วยตัวเอง?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
“นี่เป็นงานของเจ้า ไม่ใช่ของข้า ข้ามีเรื่องอื่นต้องทำ”
อวี้ซ่านซินยิ้มและพูดต่อ “ถ้าเจ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ในอีกไม่กี่วันเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อจะพาเจ้าไปที่ก็อตแอเรีย เจ้าควรจะปฏิบัติตัวดีๆ”
“ก็อตแอเรีย? ข้าเป็นแค่ครึ่งเทพ แล้วข้าจะไปที่ก็อตแอเรียได้ยังไง?” หานเซิ่นถาม
หานเซิ่นเคยได้ยินเกี่ยวกับก็อตแอเรียมาก่อน มันเป็นซีโน่เจเนอิคสเปชที่คล้ายคลึงกับคอร์แอเรีย แต่ในขณะที่คอร์แอเรียนั้นมีเพียงแค่ระดับราชันเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ ก็อตแอเรียก็เป็นซีโน่เจเนอิคสเปชสำหรับระดับเทพเจ้า
ตอนที่ 2706
“เผ่าเวรี่ไฮมีหนทางที่จะพาเจ้าเข้าไปในก็อตแอเรีย แต่ภายในนั้นชื่อเสียงอาจจะเป็นสิ่งที่ทำร้ายเจ้า” อวี้ซ่านซินพูดพร้อมกับหัวเราะ
“ชื่อเสียงของข้าจะเกี่ยวข้องอะไรกับการเข้าไปในก็อตแอเรีย?” หานเซิ่นไม่เข้าใจ
รอยยิ้มของอวี้ซ่านซินเป็นอะไรที่น่ากลัว เขาพูดกับหานเซิ่น
“ในก็อตแอเรีย มันมีอะไรมากกว่าแค่ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ และแม้แต่ครึ่งเทพที่แข็งแกร่งที่สุดก็จะพบว่าตัวเองเป็นลำดับล่างสุดของห่วงโซ่อาหารภายในก็อตแอเรีย การฆ่าซีโน่เจเนอิคในก็อตแอเรียเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ถึงแม้เจ้าจะฆ่าพวกมันได้ เจ้าก็ไม่ควรเข้าไปในก็อตแอเรียอยู่ดี เอาท์เตอร์สกายมีซีโน่เจเนอิคอยู่มากมาย ความจริงแล้วพวกมันคงจะมีกันอยู่มากกว่าภายในก็อตแอเรียซะอีก ด้วยเหตุนั้นตัวไหมจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปล่าซีโน่เจเนอิคในก็อตแอเรีย”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงพาพวกเราไปที่นั่น?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน
อวี้ซ่านซินหัวเราะ “นั่นมันง่ายมากๆ พวกเขาต้องการให้พวกเราต่อสู้กับยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนอื่น”
เมื่อหานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็เกือบจะหัวเราะอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่มีทาง! ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนอื่นเป็นอะไรรับมือได้ยากยิ่งกว่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าซะอีก ถ้ายังฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าไม่ได้ แบบนั้นข้าจะรับมือกับยอดฝีมือระดับเทพเจ้าได้ยังไงกัน?”
“เป็นคำถามที่ดี โดยปกติแล้วพวกเราไม่มีพลังพอจะต่อสู้กับยอดฝีมือระดับเทพเจ้าของเผ่าพันธุ์อื่น แต่เผ่าเวรี่ไฮทำให้สถานการณ์มันต่างออกไปเล็กน้อย” อวี้ซ่านซินพูดด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้ว ทางเผ่าเวรี่ไฮมีจุดประสงค์ที่จะให้พวกเขาต่อสู้กับยอดฝีมือระดับเทพเจ้าจากเผ่าพันธุ์อื่น มันถือเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่ง
เมื่อคำนึงถึงความสำคัญของตัวไหมเผ่าเวรี่ไฮ ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าจากเผ่าพันธุ์อื่นก็จะออมมือให้ พวกเขาจะไม่ฆ่าตัวไหมอย่างหานเซิ่น
แบบนั้นตัวไหมก็จะสามารถต่อสู้กับนักสู้จากเผ่าพันธุ์ต่างๆได้อย่างสบายใจ พวกเขาจะได้รับประสบการณ์มากขึ้นจากการทำแบบนั้น มันเหมือนกับว่าพวกเขาจะใช้ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าจากเผ่าพันธุ์อื่นเป็นคู่ซ้อม มีเพียงแค่เผ่าเวรี่ไฮที่จะกล้าทำอะไรแบบนี้
“แล้วถ้าเกิดพวกเราไปเจอกับยอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่ไม่ได้เคารพต่อเผ่าเวรี่ไฮล่ะ? แบบนั้นพวกเราจะทำยังไง?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน
ไม่ว่าเผ่าเวรี่ไฮจะยิ่งใหญ่สักแค่ไหน มันก็ไม่มีทางที่ทุกคนในจักรวาลจะเคารพพวกเขาเหมือนกันหมด ถ้าหานเซิ่นไปเจอกับคนที่ไม่ชอบเผ่าเวรี่ไฮเข้า การเดินทางเข้าไปในก็อตแอเรียก็จะเป็นอะไรที่อันตราย
อวี้ซ่านซินเอียงหัวและพูด “นี่เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าตัวไหมคืออะไร? สำหรับเผ่าเวรี่ไฮ พวกเราถือเป็นเครื่องมือ ถ้าเครื่องมือหนึ่งพัง พวกเขาก็แค่หาอันใหม่มาเปลี่ยน”
หลังจากหยุดไปสักครู่ อวี้ซ่านซินก็พูดต่อ “แถมยอดฝีมือระดับเทพเจ้าหลายคนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าพวกเขาปฏิเสธคำขอของเผ่าเวรี่ไฮ มันก็จะสร้างปัญหากับพวกเขา พวกเขาหลายคนอยากจะส่งสอนบทเรียนให้กับพวกเราที่ถูกเลือกโดยเผ่าเวรี่ไฮ พวกเขาอาจจะไม่ฆ่าพวกเรา แต่พวกเขาชื่นชอบการทำให้พวกเราต้องทุกข์ทรมาน ในตอนที่เจ้าไปที่นั่น เจ้าต้องระวังตัวให้ดี”
“นั่นหมายความว่าพวกเราจะเข้าไปในคอร์แอเรียเพื่อถูกซ้อมอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆ
“นั่นไม่ได้ไกลจากความเป็นจริง แต่การต่อสู้แบบนี้จะช่วยให้จิตใจของพวกเราแข็งแกร่งขึ้นและยังช่วยพัฒนาความสามารถในการต่อสู้ของพวกเรา ตัวไหมครึ่งเทพมากมายกลายเป็นระดับเทพเจ้าจากการต่อสู้ภายในก็อตแอเรีย ข้าเดาว่านั่นถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของเรื่องนี้”
อวี้ซ่านซินยักไหล่ หลังจากนั้นเขาก็โบกมือลาหานเซิ่น “ข้าต้องขอตัวล่ะ เจ้าจำเป็นต้องรีบทำงานที่ท่านผู้นำมอบหมายให้ เวลาสี่ปีนั้นไม่ถือว่าเป็นเวลาที่ยาวหรือสั้น แต่ยังไงก็ตามเจ้าก็ควรจะทำมันให้เสร็จโดยเร็วที่สุด”
ไม่นานหลังจากที่อวี้ซ่านซินจากไป หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทก็มาที่ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ พวกเธอมาเพื่อบอกหานเซิ่นว่าเขาจำเป็นต้องไปในก็อตแอเรียเพื่อฝึกฝน
หานเซิ่นเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงในทันที แต่เพราะแบบนี้ หานเซิ่นจึงไม่มีโอกาสไปพบกับฮอไรซอนทอลอีวิลอีกครั้ง
การเข้าไปในก็อตแอเรียนั้นเหมือนกับการเข้าไปในคอร์แอเรีย คนๆหนึ่งจะต้องสร้างโซ่สสารขึ้นมา หลังจากนั้นพวกเขาก็จะสามารถเปิดประตูไปสู่ก็อตแอเรียได้ หานเซิ่นและตัวไหมส่วนใหญ่ยังไม่สามารถสร้างโซ่สสารขึ้นมาได้ แต่เผ่าเวรี่ไฮมีจีโนฟลูอิดที่จะช่วยให้สร้างโซ่สสารขึ้นมาได้ในเวลาช่วงสั้นๆ
แถมเวรี่ไฮยังสามารถใช้การเชื่อมต่อพิเศษกับตัวไหมเพื่อตามตัวไหมเข้าไปในก็อตแอเรียได้
แต่เนื่องจากการสร้างจีโนฟลูอิดนี้เป็นเรื่องยาก ตัวไหมแต่ละคนจึงได้รับพวกมันเพียงแค่คนละสามขวด นั่นหมายความว่าจนกว่าจะหานเซิ่นกลายเป็นระดับเทพเจ้า เขาก็จะสามารถไปในก็อตแอเรียได้เพียงสามครั้ง ดังนั้นทุกครั้งที่เขาเข้าไปในก็อตแอเรีย เขาจะต้องอยู่ที่นั่นให้นานที่สุด
หลังจากที่หานเซิ่นใช้จีโนฟลูอิดขวดแรก พลังของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่การเปลี่ยนเริ่มเกิดขึ้นทั่วร่างกายของเขา และเขาก็สามารถสร้างโซ่สสารขึ้นมาได้
ความจริงแล้วมันเป็นเพียงแค่ของจำลอง มันมีโครงสร้างของโซ่สสาร แต่มันยังขาดพลังของระดับเทพเจ้า ความแข็งแกร่งส่วนตัวของหานเซิ่นไม่ได้เพิ่มขึ้นหลังจากที่ดื่มมันเข้าไป
กระบวนการเปิดประตูไปสู่ก็อตแอเรียเป็นเหมือนกับการเปิดประตูสู่คอร์แอเรีย มันแตกต่างเพียงแค่เรื่องที่หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทสามารถเข้าไปในประตูเดียวกับหานเซิ่นได้
“ก็อตแอเรียดูเหมือนกับจักรวาลปกติ” หานเซิ่นพบตัวเองยืนอยู่บนทุ่งหญ้า เขามองไปรอบๆ และเขาก็คิดว่าก็อตแอเรียและจักรวาลดูเหมือนกัน
ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดคือความจริงที่ดินแดนรอบๆตัวเขายืดออกไปไกล จนดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด
“เจ้าเพิ่งมาที่ก็อตแอเรีย ดังนั้นเจ้ายังไม่คุ้นเคยกับที่แห่งนี้”
หลี่เคอเอ๋อพูด “ในตอนที่เจ้าได้เห็นก็อตสปิริตสตอร์ม เจ้าจะรู้สึกตัวว่าก็อตแอเรียนั้นน่ากลัวขนาดไหน”
“ก็อตสปิริตสตอร์มคืออะไร?” หานเซิ่นถาม
“โดยปกติแล้วในก็อตแอเรียไม่มีซีโน่เจเนอิค พวกมันจะแสดงตัวในตอนที่ก็อตสปิริตสตอร์มปรากฏออกมา ซีโน่เจเนอิคจะปรากฏกายในก็อตสปิริตสตอร์มเท่านั้น และนั่นแสดงถึงความเป็นจริงที่โหดร้ายของก็อตแอเรีย ถ้ามันไม่มีก็อตสปิริตสตอร์ม สถานที่แห่งนี้ก็เหมือนกับเป็นสถานที่พักร้อนแห่งหนึ่ง” หลี่เคอเอ๋อหัวเราะ
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน มีใครบางคนบินผ่านท้องฟ้ามาทางพวกเขา หานเซิ่นมองไปที่คนๆนั้นและสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายคือเอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าคนหนึ่ง
“เจ้าคือเอ็กซ์ตรีมคิงที่ชื่อเป่าเหลียนใช่ไหม?” เอ็กซ์ควิสิทถาม
“เจ้าเป็นใคร?” เอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าคนนั้นมองเอ็กซ์ควิสิทด้วยความสับสน
“พวกเราเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อมาจากเผ่าเวรี่ไฮ ยินดีที่ได้รู้จัก” เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อทักทายชายคนนั้น
เมื่อเป่าเหลียนได้ยินคำว่า “เวรี่ไฮ” ก็ดูเหมือนเขาจะนึกบางสิ่งขึ้นได้ เขายิ้มและถาม
“พวกเจ้าทั้งสองเป็นคนเผ่าเวรี่ไฮ? พวกเจ้าต้องการอะไรอย่างนั้นหรอ?”
ถึงเป่าเหลียนจะพูดแบบนั้น แต่เขามองไปที่หานเซิ่นแทน เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่าหลี่เคอเอ๋อกับเอ็กซ์ควิสิทต้องการอะไร และเขาก็จดจำหานเซิ่นได้เช่นกัน
มันเป็นเรื่องยากที่คนเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจะลืมเลือนหานเซิ่น เพราะยังไงซะเขาก็ได้ฆ่าองค์ชายหนึ่งคน เอาชนะผู้อาวุโสและลักพาตัวบุตรชายคนโปรดของราชาไป๋ มันมีผู้คนมากมายในจักรวาลที่อาจจะจำหานเซิ่นไม่ได้ในแว็บแรก แต่เอ็กซ์ตรีมคิงส่วนใหญ่จำหานเซิ่นได้เป็นอย่างดี ความเกลียดชังที่พวกเขามีต่อหานเซิ่นนั้นฝังลึกในหัวใจของพวกเขา
‘ได้ยินมาว่าหานเซิ่นกลายเป็นตัวไหมของเผ่าเวรี่ไฮ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะมาปรากฏตัวในก็อตแอเรียเร็วขนาดนี้ นี่ถือเป็นโอกาสดีสำหรับเรา’ เป่าเหลียนคิดกับตัวเอง
ตอนที่ 2707
เป่าเหลียนไม่ได้คิดจะฆ่าหานเซิ่นต่อหน้าคนเผ่าเวรี่ไฮ แต่เขาต้องการจะใช้โอกาสนี้เพื่อส่งสอนบทเรียนให้กับหานเซิ่น
แต่เป่าเหลียนรู้ว่าหานเซิ่นมีโล่เมดูซ่าส์เกซอยู่ แม้แต่เหมิงเลี่ยก็ยังถูกแช่แข็ง ทางเอ็กซ์ตรีมคิงต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อช่วยเหมิงเลี่ยจากการต่อสู้ในครั้งนั้น แถมเป่าเหลียนก็เป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ เขาไม่กล้าจะพยายามเผชิญหน้ากับโล่เมดูซ่าส์เกซ
“พวกเราพาหานเซิ่นมาที่ก็อตแอเรียเพื่อฝึกฝน ข้าหวังว่าเจ้าจะชี้แนะอะไรสักอย่างสองอย่างให้กับเขา” หลี่เคอเอ๋อพูด
“ถ้าพวกเจ้าขอข้าแบบนั้น ข้าก็คงจะปฏิเสธพวกเจ้าไม่ได้ แต่ถ้าพวกเราใช้อาวุธ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็อาจจะได้รับบาดเจ็บ ข้าจึงขอเสนอให้พวกเราไม่ใช่สมบัติซีโน่เจเนอิค พวกเจ้าคิดยังไงกับเรื่องนี้?” เป่าเหลียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ข้าเห็นด้วย” เอ็กซ์ควิสิทรู้ถึงสิ่งที่เป่าเหลียนกำลังคิด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงตอบรับข้อเสนอของเขา
ถ้าพวกเธอไม่ตอบตกลง เป่าเหลียนก็คงปฏิเสธที่จะต่อสู้กับหานเซิ่น และถ้าต่อสู้โดยใช้สมบัติซีโน่เจเนอิค หานเซิ่นก็คงจะไม่ได้รับประสบการณ์จากการต่อสู้รมากนัก สำหรับหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทแล้ว นั่นขัดกับจุดประสงค์ที่พวกเธอพาหานเซิ่นมาที่นี่
ส่วนในเรื่องที่เป่าเหลียนอาจจะพยายามฆ่าหานเซิ่น เอ็กซ์ควิสิทไม่ได้เป็นกังวล เป่าเหลียนนั้นเป็นเพียงแค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่สามารถใช้สมบัติซีโน่เจเนอิคได้ เขาก็ยังมีก็อตส์วอนเดอร์อยู่ แค่วิชานั้นก็เป็นอะไรที่มากพอแล้ว และด้วยการที่พวกเธอทั้งสองดูการต่อสู้อยู่ใกล้ๆ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่หานเซิ่นจะถูกฆ่า
หานเซิ่นไม่มีความเห็นกับเรื่องนี้ เขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งของตัวเองแตกต่างกับยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟมากน้อยแค่ไหน
เมื่อเห็นว่าเอ็กซ์ควิสิทตอบตกลง เป่าเหลียนก็ยิ้มและพูด
“ถ้าเป็นแบบนั้น ข้าก็จะช่วยพวกเจ้า”
หานเซิ่นรู้ว่าเป่าเหลียนกำลังคิดอะไรอยู่เช่นเดียวกัน แต่เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น เขาเดินเข้าไปหาเป่าเหลียนและสังเกตชายคนนั้นก่อนที่จะถามขึ้นมา
“เจ้ามีความเกี่ยวข้องอะไรกับเป่าฉิน?”
เมื่อหานเซิ่นพูดชื่อเป่าฉิน ใบหน้าของเป่าเหลียนก็ดูเย็นชาขึ้นมา “เป่าฉินเป็นสมาชิกในตระกูลของข้า”
“อ้า พวกเจ้าเป็นคนตระกูลเดียวกัน? นั่นเป็นเรื่องดี ข้าไม่มีโอกาสได้สะสางกับเขา แต่ถ้าพวกเจ้าเป็นครอบครัวเดียวกับเขา ข้าก็จะถือโอกาสล้างแค้นผ่านเจ้า ถือซะว่ามันเป็นบาปของตระกูล” หานเซิ่นพูด
“แน่นอนว่าข้ารู้สึกเหมือนกัน ว่าแต่เจ้าหมายความว่ายังไงที่ว่าล้างแค้นน่ะ?” เป่าเหลียนหัวเราะ
“ข้าแค่คิดว่ามันเหมาะสมที่พวกเราจะต่อสู้เพื่อชีวิตของตัวเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องกฎ ใช้ทุกอย่างที่เจ้ามี เพราะยังไงซะความเป็นความตายก็ขึ้นอยู่กับชะตากรรม” หานเซิ่นพูด
“เจ้าคิดจะใช้โล่เมดูซ่าส์เกซต่อสู้กับข้าอย่างนั้นหรอ?”
เป่าเหลียนมองหานเซิ่นและพูดเสียงแข็ง เขาไม่คิดว่าหานเซิ่นโง่พอจะปล่อยให้ตัวเองถูกเขาฆ่าแบบนั้น
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขาถอดเซ็ตอะพอลโลและส่งมันให้กับหลี่เคอเอ๋อ หลังจากนั้นเขาก็ส่งโล่เมดูซ่าส์เกซให้เธอเช่นกัน
“เหมือนอย่างที่เจ้าเสนอก่อนหน้านี้ ข้าจะไม่ใช่สมบัติ แต่เจ้าจะใช้อะไรก็ได้ตามที่ต้องการ” หานเซิ่นพูดกับเป่าเหลียน
เป่าเหลียนมองหานเซิ่นด้วยความสับสน เขาไม่รู้ว่าหานเซิ่นคิดอะไรอยู่ แต่ไม่ว่ามันจะคืออะไร มันก็ดูเหมือนกับว่าหานเซิ่นกำลังจะฆ่าตัวตาย แต่หานเซิ่นไม่ได้ดูเหมือนคนที่ต้องการจะตาย ด้วยเหตุนั้นเป่าเหลียนจึงเชื่อว่าเขาต้องมีลูกไม้บางอย่างซ่อนอยู่
“อะไรกัน? นี่ระดับเทพเจ้าของเอ็กซ์ตรีมคิงกลัวการต่อสู้มือเปล่ากับครึ่งเทพคนหนึ่งอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองเป่าเหลียนด้วยรอยยิ้ม
“ข้าแค่กลัวว่าพวกเจ้าทั้งสองคนอาจจะไม่เห็นด้วย” เป่าเหลียนพูดขณะที่มองไปที่เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อ
“ถ้านี่เป็นการตัดสินใจของเขา พวกเราก็จะไม่เข้าไปแทรกแซง” เอ็กซ์ควิสิทพูด
เธอและหลี่เคอเอ๋อสามารถอ่านจิตใจของหานเซิ่นได้ ดังนั้นพวกเธอไม่จำเป็นต้องรอให้หานเซิ่นอธิบาย
“ถ้าแบบนั้นอย่าโทษว่าข้าไม่เคารพต่อเผ่าเวรี่ไฮ”
ดวงตาของเป่าเหลียนเรืองแสงออกมา เขามองไปที่หานเซิ่นขณะที่โซ่สสารคลี่ออกรอบๆตัวของเขาราวกับกลีบดอกไม้
หานเซิ่นไม่เคลื่อนไหว แต่เขาปลดปล่อยพลังของวิชาเรื่องราวของยีนออกมามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขามองไปที่เป่าเหลียนและพูด
“เชิญลงมือ ถ้าเจ้าปล่อยให้ข้าเป็นฝ่ายลงมือก่อน ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสได้ตอบโต้”
“ถ้าเจ้าอยากตายมากนัก ข้าจะทำให้เจ้าสมหวังเอง”
เป่าเหลียนโกรธจัดเมื่อได้ยินคำพูดอวดดีของหานเซิ่น เขาดูอาฆาต แต่เขาไม่ได้สูญเสียการควบคุมตัวเอง เขากางนิ้วออกและมองไปที่หานเซิ่น
โซ่สสารดอกบัวขนาดยักษ์ปรากฏถัดไปจากหานเซิ่น กลีบของดอกบัวเปิดออกราวกับว่ามันพร้อมจะคว้าตัวหานเซิ่น
หานเซิ่นเทเลพอร์ตออกไป เขาหลบการโจมตีไปดั่งสายลม
พลังของเป่าเหลียนดูเหมือนกับดอกไม้ที่กำลังบาน ที่ไหนก็ตามที่เขาโจมตีไป ดอกบัวก็จะปรากฏขึ้นมา ทำให้ดูเหมือนกับว่าหานเซิ่นกำลังเต้นระบำอยู่ท่ามกลางทะเลดอกไม้
หานเซิ่นสงบนิ่ง เขาเดินทางไปรอบๆทะเลดอกไม้โดยไม่ถูกทำร้าย
“พลังในการต่อสู้ของหานเซิ่นพัฒนาขึ้น เป่าเหลียนที่เป็นระดับเทพเจ้าไม่แม้แต่จะทำให้เขาเหงื่อตก” หลี่เคอเอ๋อพึมพำ เธอรู้สึกตกใจหลังจากที่ได้อ่านจิตใจของหานเซิ่น
เอ็กซ์ควิสิทพยักหน้าและพูด “ดูเหมือนว่าการต่อสู้กับเรดบลัดเดม่อนจะช่วยให้เขาเติบโตขึ้น น่าเสียดายที่พวกเราไม่ได้เห็นการต่อสู้นั้น ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะช่วยพวกเราได้มาก”
“ไม่เป็นอะไร พวกเราจะได้พบกับยอดฝีมือมากมายภายในก็อตแอเรีย มันยังมีโอกาสอีกมากให้พวกเราได้เรียนรู้จากเขา” หลี่เคอเอ๋อพูด
“มันไม่เหมือนกัน การต่อสู้กับเรดบลัดเดม่อนนั้นเป็นการต่อสู้เพื่อชีวิตที่แท้จริง ส่วนในก็อตแอเรีย ยอดฝีมือคนอื่นจะออมมือให้กับหานเซิ่นเพราะเห็นแก่เผ่าเวรี่ไฮ”
เอ็กซ์ควิสิทหยุดไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเธอก็พูดต่อ “แต่การต่อสู้นี้คงจะช่วยหานเซิ่นได้พอสมควร ถ้าเจ้าและข้าตั้งใจดูมัน พวกเราก็ต้องได้รับบางสิ่งจากมัน”
หลี่เคอเอ๋อพยักหน้า หลังจากนั้นพวกเธอก็หยุดพูด พวกเธอพยายามโฟกัสไปที่ความรู้สึกของหานเซิ่นและเรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานของมันในระหว่างการต่อสู้
หัวใจของเป่าเหลียนเต้นรัว เขารู้สึกตัวว่าไม่มีวิธีที่จะหยุดหานเซิ่น ความเร็วและพลังของเขาเหนือกว่าหานเซิ่น แต่ไม่ว่าเขาจะโจมตีไปตรงไหน หานเซิ่นก็สามารถเทเลพอร์ตไปยังที่ปลอดภัยได้
หานเซิ่นรู้สึกผิดหวังอย่างมากกับคู่ต่อสู้ เขาเผชิญหน้ากับเทพเจ้าขั้นพริมีทีฟ แต่เป่าเหลียนอ่อนแอกว่าเรดบลัดเดม่อนอย่างมาก ถึงพลังของเป่าเหลียนและเรดบลัดเดม่อนจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่จิตใจและประสบการณ์การต่อสู้ของเป่าเหลียนนั้นด้อยกว่ามาก
“เรดบลัดเดม่อนมีจิตใจของเทพเจ้าขั้นทรูก็อตจริงๆ มันแตกต่างไปจากเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟธรรมดาๆโดยสิ้นเชิง”
ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกตัวว่ากำลังต่อสู้กับระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟของแท้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้แข็งแกร่งกว่า แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟธรรมดาจะจัดการหานเซิ่นได้ ถ้าวิชาจีโนทั้งสี่ของหานเซิ่นเลื่อนสู่ระดับครึ่งเทพเมื่อไหร่ เขาก็คงจะเอาชนะเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟธรรมดาได้อย่างง่ายดาย
เป่าเหลียนไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นได้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธและความอับอาย เขาเป็นระดับเทพเจ้าของเอ็กซ์ตรีมคิง แต่เขาไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นที่ตัวเปล่าได้ มันเป็นอะไรที่น่าอับอายถ้าผู้คนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
เป่าเหลียนเห็นเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อจ้องมองการต่อสู้ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก เขาคิดกับตัวเอง ‘ถ้าหานเซิ่นอยากตายมากนัก ข้าก็จะฆ่าเขา ถึงแม้เขาจะเป็นคนของเผ่าเวรี่ไฮ’
ด้วยความคิดนั้น เป่าเหลียนไม่ลังเลอีกต่อไป หน้าผากของเขาเรืองแสงแห่งเทพออกมา ดอกบัวสีขาวดอกหนึ่งปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขา และมันก็เริ่มจะหมุนเป็นวงกลม
“ในที่สุดเขาก็ใช้มันสักที ว่าแต่ร่างกายแห่งราชันของเป่าเหลียนทำอะไรได้กัน?” หานเซิ่นรู้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น เขาจึงมองดูเป่าเหลียนอย่างตั้งใจ
ตอนที่ 2708
ในตอนที่ดอกบัวบานออก เป่าเหลียนเป็นเหมือนกับพระพุทธเจ้าที่นั่งบนอากาศ ดวกบัวกลายเป็นเงาที่ห่อหุ้มร่างกายของเขา มันเหมือนกับว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่กำเนิดจากดอกบัว
หานเซิ่นสัมผัสได้ถึงออร่าประหลาดที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเป่าเหลียน แม้แต่หานเซิ่นก็ยังต้องชื่นชมเขา
“ร่างกายแห่งราชันของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นน่ากลัว เพียงแค่ใช้ร่างกายแห่งราชันก็ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า ระดับเทพเจ้าของเผ่าพันธุ์อื่นไม่มีทางจะต่อสู้กับระดับเทพเจ้าของเอ็กซ์ตรีมคิงได้”
ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิดอยู่นั้น เป่าเหลียนก็หลับตาและพูด
“ข้าไม่อยากจะฆ่าเจ้า แต่ดูเหมือนเจ้าจะแสวงหาความตาย อย่าได้มาโทษข้าทีหลัง”
“ถ้าเจ้ามีพลังก็แสดงมันออกมา ไม่อย่างนั้นก็เลิกพูดจาไร้สาระ” หานเซิ่นพูด
เป่าเหลียนไม่ได้พูดอะไรอีก เขาลืมตาขึ้นมาและมองมาที่หานเซิ่น
ในจังหวะที่หานเซิ่นถูกมองโดยเป่าเหลียน เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังงานประหลาดรอบๆตัว แต่พลังงานใหม่นี้คืออะไรนั้น หานเซิ่นยังสามารถระบุได้ มันเหมือนกับว่าอยู่ตรงนี้ แต่มันไม่ได้อยู่ตรงนี้
หลังจากนั้นเป่าเหลียนก็หันหลังกลับและเริ่มจะวิ่งหนีไป
“พวกเรายังไม่ได้ตัดสินผู้ชนะ เจ้ากำลังจะไปไหน?” หานเซิ่นพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เจ้ากำลังจะตาย กลับไปเตรียมงานศพเถอะ” เป่าเหลียนพูดขณะที่หนีไป เขาวิ่งหายไปจากสายตาในเวลาเพียงไม่นาน
หานเซิ่นอยากจะตามเป่าเหลียนไป แต่พลังประหลาดที่ไม่สามารถตรวจจับได้นั้นกำลังทำให้เขารู้สึกแย่
เนื่องจากเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อยังคงอยู่ใกล้ๆ หานเซิ่นจึงไม่อยากใช้วิชาจีโนอื่นเพื่อกำจัดผลของมัน เขามองไปที่พวกเธอและถาม
“พวกเจ้าเห็นไหมว่าเป่าเหลียนใช้พลังแบบไหนกับข้า?”
หลี่เคอเอ๋อส่ายหัว “เป่าเหลียนเป็นทายาทของราชาเป่าที่เป็นผู้ปกครองเอ็กซ์ตรีมคิงคนก่อน ในตอนนี้ราชาไป๋เป็นคนที่ขึ้นของบัลลังก์ ราชาเป่าไม่ได้ทรงพลังมากนัก ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดัง”
“บอกได้ไหมว่ามันเป็นพลังธาตุอะไร?” หานเซิ่นถาม
เอ็กซ์ควิสิทตรวจเช็คร่างกายของหานเซิ่น หลังจากผ่านไปสักพักเธอก็พูดขึ้นมา
“เวรี่ไฮนั้นเชี่ยวชาญเรื่องการสัมผัสถึงธาตุของพลัง แต่ว่าพลังของเป่าเหลียนเป็นอะไรที่แปลกมากๆ แม้แต่ข้าก็บอกไม่ได้ว่าเขาใช้พลังธาตุอะไร มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นพลังเหตุกรรม แต่นั่นก็ไม่ใช่ซะทีเดียว”
หานเซิ่นขมวดคิ้วเมื่อพบว่าทั้งเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อไม่สามารถระบุสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะเห็นได้ เขาใช้พลังของเรื่องราวของยีนเพื่อตรวจสอบร่างกายตัวเอง แต่เขาก็ไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติ
ร่างกายของเขาดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร มันไม่ได้มีบาดแผลที่ถูกซ่อนหรืออะไรทำนองนั้น เขาไม่รู้เลยว่าพลังของเป่าเหลียนทำอะไรได้
“นี่เป่าเหลียนเล่นตลกกับเราอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นเช็คร่างกายของตัวเองซ้ำสองเพื่อทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างปกติดี
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อใช้วิธีการต่างๆตรวจสอบหานเซิ่น แต่พวกเธอก็ไม่ได้รู้อะไรเพิ่ม
หานเซิ่นสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างรอบตัวเขา แต่มันไม่สามารถขจัดออกไปได้ หานเซิ่นรู้ว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ
ขณะที่หานเซิ่นพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลีกเลี่ยงการใช้อาณาเขตตงเสวียน ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่น่ากลัวดังมาจากบนท้องฟ้า
พวกเขาทั้งสามคนเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างพร้อมเพรียงกัน ท้องฟ้าที่แจ่มใสกลายเป็นท้องฟ้าที่มืดครึ้มและเต็มไปด้วยก้อนเมฆ ในชั่วพริบตาท้องฟ้าก็ดูมืดมิด
“ก็อตสปิริตสตอร์มมาถึงแล้ว พวกเราจำเป็นต้องไปจากที่นี่” เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อดูตกใจ พวกเธอรีบพาหานเซิ่นไปด้วยใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ต พวกเธออยากจะออกห่างจากก็อตสปิริตสตอร์มให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อเป็นเพียงแค่ครึ่งเทพ ที่พวกเธอกล้าเข้ามาในดินแดนแห่งนี้ก็เป็นเพราะความจริงที่ว่าพวกเธอมีพลังของก็อตส์วอนเดอร์ พวกเธอสามารถใช้มันเพื่อหลีกเลี่ยงบริเวณที่เกิดก็อตสปิริตสตอร์มได้
ไม่อย่างนั้นด้วยพลังของพวกเธอในตอนนี้ มันก็คงใช้เวลาเพียงไม่นานก่อนที่ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าจะฆ่าพวกเธอ
หลังจากการใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ต หานเซิ่นก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในทะเลทรายแห่งหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าตัวเองถูกเทเลพอร์ตมาไกลขนาดไหน แต่บนท้องฟ้านั้นไม่ได้มีก็อตสปิริตสตอร์มอีกต่อไปแล้ว
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไร พวกเขาก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องที่น่ากลัวดังขึ้น และก้อนเมฆก็เริ่มเข้าปกคลุมท้องฟ้าอีกครั้ง
“ทำไมพวกเราถึงได้โชคร้ายขนาดนี้? พวกเรามาเจอกับก็อตสปิริตสตอร์มอีกครั้ง” เอ็กซ์ควิสิทพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“พวกเราไม่มีเวลาจะมากังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นในตอนนี้ รีบไปกันเถอะ” หลี่เคอเอ๋อพูด
ถ้าพวกเขาถูกลากเข้าไปในก็อตสปิริตสตอร์ม มันก็มีโอกาสแปดสิบถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่พวกเขาจะถูกฆ่าตาย
พวกเขาทั้งสามใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตอีกครั้ง พวกเขาไปปรากฏตัวในสถานที่อื่น แต่ทันทีที่พวกเขาไปถึง บนท้องฟ้าก็แสดงวี่แววของการเกิดก็อตสปิริตสตอร์มอีกครั้งหนึ่ง
ครั้งนี้แม้แต่หานเซิ่นเองก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เขาหลี่ตาลงและเขาพูด
“คงไม่ได้เป็นเพราะพลังของเป่าเหลียนที่ทำเป็นแบบนี้หรอกใช่ไหม?”
“นั่นเป็นไปไม่ได้ เป่าเหลียนเป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ พลังของเขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะส่งผลกระทบต่อก็อตสปิริตสตอร์ม และการควบคุมยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เขาอยู่ในระดับเทพเจ้าขั้นต่ำที่สุด แม้แต่ขั้นทรูก็อตก็เรียกก็อตสปิริตสตอร์มไม่ได้” หลี่เคอเอ๋อพูด
พวกเขาทั้งสามใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตอีกครั้ง แต่หลังจากทำการเทเลพอร์ตหลายต่อหลายครั้ง พวกเขาก็รู้สึกตัวว่าก็อตสปิริตสตอร์มมักจะก่อตัวขึ้นที่ไหนก็ตามที่พวกเขาไป
“ข้าคงจะพูดถูก มันต้องเป็นเพราะพลังของเป่าเหลียนที่ส่งผลให้ก็อตสปิริตสตอร์มก่อตัวขึ้นรอบๆพวกเรา”
ถึงแม้ความเป็นไปได้นั่นจะเป็นอะไรที่ยากจะเชื่อได้ แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่มีคำอธิบายอื่นๆ
ก่อนหน้าที่พวกเขาจะพบกับเป่าเหลียน มันไม่ได้มีก็อตสปิริตสตอร์มตามหลอกหลอนพวกเขาแบบนี้ เห็นได้ชัดว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับพลังของเป่าเหลียน
หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทพบว่าเรื่องนี้เป็นอะไรที่ยากจะเชื่อ เพราะยังไงซะเป่าเหลียนก็เป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ ความคิดที่ว่าเขาสามารถควบคุมก็อตสปิริตสตอร์มได้นั้นเป็นอะไรที่เหลือเชื่อ แต่นี่คือความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า พวกเธอไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับความเป็นจริง
“ก็อตสปิริตสตอร์มมาถึงรวดเร็วเกินไป พวกเราไม่มีเวลาพอจะเปิดประตูเพื่อออกไปจากก็อตแอเรีย และถ้าพวกเราพยายามจะใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตต่อไป ที่สุดแล้วพลังของพวกเราก็จะหมด” หลี่เคอเอ๋อพูด
กาแล็กซี่เทเลพอร์ตนั้นใช้พลังงานมาก และยิ่งเทเลพอร์ตไปไกลมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ต้องเสียพลังงานมากเท่านั้น แต่การจะเทเลพอร์ตในระยะใกล้ๆก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาปลอดภัย
หานเซิ่นศึกษาเกี่ยวกับก็อตวอนเดอร์เรียบร้อยแล้ว แต่เขายังคงไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเทเลพอร์ต และนั่นทำให้พวกเธอต้องใช้พลังงานมากยิ่งกว่าเดิม
ถ้าพวกเธอยังใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตแบบนั้นต่อไป พวกเธอก็มีพลังงานพอที่จะทำการเทเลพอร์ตอีกยี่สิบถึงสามสิบครั้งเท่านั้น และเนื่องจากพลังงานที่สูญเสียไป ระยะทางที่พวกเธอเธอเทเลพอร์ตได้ก็จะสั้นลงเรื่อยๆ
“หลี่เคอเอ๋อ เจ้าเทเลพอร์ตไปที่อื่น เอ็กซ์ควิสิท เจ้าเทเลพอร์ตไปกับข้า หลังจากนั้นพวกเราไปเจอกันอีกครั้งในการเทเลพอร์ตครั้งต่อไป” หานเซิ่นพูด
พวกเธอรู้ถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิดอยู่ พวกเธอไม่ได้คัดค้าน และพวกเธอก็ทำตามที่เขาบอก
ด้วยการทำแบบนั้น พวกเขาสามารถยืนยันได้ว่าปัญหาคือหานเซิ่นจริงๆ หลังจากที่หลี่เคอเอ๋อไปที่อื่นตามลำพัง เธอไม่ได้เจอกับก็อตสปิริตสตอร์มอีกครั้ง
หลังจากที่เอ็กซ์ควิสิทและหานเซิ่นเทเลพอร์ตไป พวกเขาก็เจอเข้ากับก็อตสปิริตสตอร์มในทันที
“ดูเหมือนว่าเราจะประเมินยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนนั้นต่ำเกินไป”
หานเซิ่นต้องยอมรับความล้มเหลวในครั้งนี้ เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เป่าเหลียนที่เป็นแค่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟนั้นทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย
นี่เป็นสถานการณ์ที่อันตรายมากสำหรับหานเซิ่น เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อตามเขามาที่นี่ ดังนั้นถึงพวกเธอจะเปิดประตูเพื่อออกไปได้ แต่หานเซิ่นไม่สามารถออกไปพร้อมกับพวกเธอได้ เขาจำเป็นต้องเปิดประตูเพื่อออกไปเอง แต่ทว่าเมื่อดูจากเวลาที่จำเป็นต้องใช้ในการเปิดประตู และเวลาที่ก็อตสปิริตสตอร์มก่อตัวขึ้น เขาจะถูกดูดเข้าไปพายุก่อนที่เขาจะออกไปจาก็อตแอเรียได้
ในตอนนี้เขามาถึงทางตัน นอกซะจากก็อตสปิริตสตอร์มจะหยุดไล่ตามเขา ไม่อย่างนั้นเขาก็จะถูกดูดเข้าไปข้างใน เมื่อคิดเกี่ยวกับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้านับไม่ถ้วนที่อยู่ในพายุเหล่านั้น หานเซิ่นก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
ตอนที่ 2709
เอ็กซ์ควิสิทพาหานเซิ่นไปกับเธอ ขณะที่เธอเทเลพอร์ตไปอีกหลายครั้ง แต่ก็อตสปิริตสตอร์มก็ยังเกิดขึ้นทุกครั้ง ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะเทเลพอร์ตไปที่ไหน ก็อตสปิริตสตอร์มก็จะก่อตัวขึ้นเหนือหัวพวกเขาในทันที
“ทิ้งข้าไว้ที่นี่และเทเลพอร์ตหนีไป” หานเซิ่นเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อของเอ็กซ์ควิสิท เขารู้ว่าเธอใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตหลายครั้งเกินไป ร่างกายของเธอมีขีดจำกัดและเธอเกือบจะหมดแรงแล้ว
แต่เอ็กซ์ควิสิทเมินเฉยต่อสิ่งที่หานเซิ่นบอก เธอคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้นมา
“ข้าพบหนทางหนึ่ง พวกเราจะเทเลพอร์ตไปหาเป่าเหลียน เป่าเหลียนคงจะไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกดูดเข้าไปในก็อตสปิริตสตอร์มแน่ ดังนั้นถ้าพวกเราตามเขาไป เขาก็จะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลบพลังนี้ออกไปจากตัวเจ้า”
“แต่พวกเราจะหาเขาได้ยังไง?” หานเซิ่นส่ายหัวและยิ้มแห้งๆ
เอ็กซ์ควิสิทเทเลพอร์ตอีกครั้งและดวงตาของเธอก็เปลี่ยนสีอย่างช้าๆ เธอมองออกไปทุกทิศทุกทาง แต่เธอก็หาตัวเป่าเหลียนไม่เจอ
“เลิกหาเถอะ เขาคงจะออกไปจากก็อตแอเรียแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องตายไปพร้อมกับพวกเรา” หานเซิ่นพูด เขาเดาออกนานแล้ว และนี่ก็ช่วยยืนยันความสงสัยของเขา
“มันจะต้องมีหนทาง” ใบหน้าของเอ็กซ์ควิสิทดูต่างไปจากปกติ และนั่นเป็นเพราะว่าเธอกำลังหมดหนทาง เธอไม่สามารถควบคุมสถานที่อย่างก็อตแอเรียได้
“เจ้าควรจะรีบหนีไป ก็อตสปิริตสตอร์มนั้นติดตามข้า และข้าก็เป็นคนที่ท้าท้ายเป่าเหลียนเอง นี่เป็นความรับผิดชอบของข้า” หานเซิ่นพูด
เอ็กซ์ควิสิมส่ายหัว “เจ้าเป็นตัวไหมของข้า ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตาย”
“ข้าคิดว่าสำหรับเวรี่ไฮแล้ว ตัวไหมเป็นเพียงแค่เครื่องมือ ถ้าข้าตายไป เจ้าก็แค่ต้องหาตัวไหมใหม่” หานเซิ่นพูด
เอ็กซ์ควิสิทสั่นไหว มันเป็นอย่างที่หานเซิ่นพูด ตัวไหมไม่ได้ต่างจากเครื่องมือที่ถูกใช้ในการวิวัฒนาการของเผ่าเวรี่ไฮ และหานเซิ่นก็ไม่ใช่แค่คนเดียวที่คิดแบบนั้น เวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์นั้นจะคิดกับตัวไหมไม่ต่างไปจากของเล่นของจักรวาล พวกเขาจะมองผู้คนและสิ่งมีชีวิตของเผ่าพันธุ์อื่นๆแบบนั้น
ในตอนนี้เอ็กซ์ควิสิทรู้สึกสับสน จากสิ่งที่เธอถูกสั่งสอนมา สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้เป็นอะไรที่ชัดเจน เธอควรจะหนีไปจากที่นี่และเลือกตัวไหมคนใหม่
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เอ็กซ์ควิสิทไม่ต้องการจะทำแบบนั้น เธอรู้ว่ามันไม่ช่วยอะไร แต่เธอยังคงพาหานเซิ่นเทเลพอร์ตไปครั้งแล้วครั้งเล่า
เธอไม่ได้เทเลพอร์ตไปหาหลี่เคอเอ๋อเช่นกัน เธอรู้ว่าการทำแบบนั้นไม่มีประโยชน์อะไร
‘เขาเป็นตัวไหมที่แข็งแกร่ง เราไม่มีวันหาตัวไหมแบบนี้ได้อีก ถ้าเราอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต เราจำเป็นต้องมีคนอย่างเขา เราต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยเขา’ เอ็กซ์ควิสิทอธิบายทั้งหมดนี้กับตัวเอง ทุกครั้งที่เธอเทเลพอร์ตไป เธอก็จะมองหาหนทางที่จะช่วยหานเซิ่น
แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามสักแค่ไหน มันก็ดูเหมือนจะไม่มีหนทางออกไปจากวิกฤตนี้ ถึงแม้เผ่าเวรี่ไฮจะถูกบอกว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด มันก็มีเพียงแค่ระดับเทพเจ้าเท่านั้นที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้ เอ็กซ์ควิสิทอ่อนแอกว่าที่จะทำแบบนั้น
ดวงตาของเธอเริ่มแดงก่ำ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ หานเซิ่นรู้ว่าเธอถึงขีดจำกัดแล้ว เธอดูเหนื่อยล้ามากๆ
หานเซิ่นรู้สึกซาบซึ้งกับความพยายามของเธอ แต่เขาเองก็กำลังร้อนรนเช่นกัน เขาไม่กล้าจะคิดอะไรเมื่อเธอยังอยู่ใกล้ๆ เขาจำเป็นต้องให้เอ็กซ์ควิสิทยอมปล่อยเขาไป เพื่อที่เขาจะได้คิดหาทางแก้ไขสถานการณ์นี้
แต่เอ็กซ์ควิสิทหัวแข็งเกินกว่าที่จะปล่อยเขาไปตามลำพัง พลังชีวิตของเธอเริ่มจะยุ่งเหยิง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นเพื่อพาหานเซิ่นหนีไป
หลังจากที่ใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นอีกครั้ง เอ็กซ์ควิสิทก็กระอักเลือดออกมา เธอใช้พลังมากเกินไป
“ข้ารู้สึกขอบคุณในความพยายามของเจ้า แต่เจ้าควรจะรีบหนีไป ข้าจะหาทางเอาตัวรอดด้วยตัวเอง” หานเซิ่นพูดขณะที่ช่วยพยุงเอ็กซ์ควิสิท
เอ็กซ์ควิสิทเช็ดเลือดที่มุมปาก เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเห็นเมฆดำก่อตัวขึ้นมา สีหน้าของเธอดูไร้ความรู้สึกขณะที่พูดออกมา
“ถ้าข้ายังช่วยชีวิตตัวไหมไม่ได้ แบบนั้นข้าจะปลดล็อคศักยภาพเต็มที่ของสกายแอนด์บีอิ้งคอมบิเนชั่นได้ยังไงกัน?”
เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น หานเซิ่นก็รู้สึกกังวลยิ่งกว่าเดิม ถึงแม้สถานการณ์จะคับขันมากๆ แต่เอ็กซ์ควิสิทก็ยังคงปฏิเสธที่จะหนีไป
ขณะที่ก็อตสปิริตสตอร์มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เอ็กซ์ควิสิทก็จับตัวหานเซิ่นและใช้ก็อตส์วอนเดอร์เพื่อเทเลพอร์ตหนีไป
แต่ครั้งนี้ในตอนที่พวกเขาปรากฏตัวอีกครั้ง หานเซิ่นรู้สึกตัวว่าพวกเขาเทเลพอร์ตได้ไม่ไกลพอจะหนีไปจากก็อตสปิริตสตอร์ม เอ็กซ์ควิสิทใช้พลังมากเกินไป และเธอไม่มีพลังเหลืออยู่ในตัวอีกแล้ว
เอ็กซ์ควิสิทสังเกตเห็นว่าพวกเขายังคงอยู่ใต้ก็อตสปิริตสตอร์มลูกเดิม และใบหน้าของเธอก็ซีดไป เธอพยายามจะเทเลพอร์ตอีกครั้ง แต่ทันทีที่เธอขยับร่างกาย เธอก็กระอักเลือดออกมาเพิ่มอีก
ร่างกายของเธอเหนื่อยล้าเกินกว่าจะใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตอีกครั้ง
หานเซิ่นรู้สึกแย่กับเรื่องนี้ ถ้าเอ็กซ์ควิสิทยอมทิ้งเขาไป เขาก็อาจจะพอหาทางแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ แต่ความหัวแข็งของเอ็กซ์ควิสิทกำลังสร้างปัญหาให้กับเขา
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกซาบซึ้ง เพราะยังไงซะเหตุผลที่เอ็กซ์ควิสิทไม่จากไป ก็เพราะว่าเธอต้องการจะช่วยเขาให้ได้
‘มันจะมีสักกี่คนที่ยอมเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่น? เวรี่ไฮเป็นเผ่าพันธุ์ที่ซับซ้อนมากๆ แต่ทำไมผู้คนถึงกล่าวว่าพวกเขาไร้หัวใจ?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
เอ็กซ์ควิสิทสัมผัสได้ถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิด และสีหน้าที่ไม่สามารถอ่านได้ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ก็อตสปิริตสตอร์มกำลังก่อตัวขึ้น แต่เธอไม่สามารถหนีไปไหนได้
ทันใดนั้นเอ็กซ์ควิสิทก็หันมาหาหานเซิ่น “หานเซิ่น ข้ากลัวว่าพวกเราจะไม่รอดไปจากที่นี่แล้ว”
“พวกเราจะไม่ตาย” หานเซิ่นพูด เขาใช้รูปปั้นหยกเพื่อหยุดการเชื่อมต่อระหว่างเขากับเอ็กซ์ควิสิท เอ็กซ์ควิสิทไม่รู้ถึงจิตใจและอารมณ์ของเขาอีกต่อไป
เอ็กซ์ควิสิทยังคงพูดราวกับว่าเธอไม่ได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นพูด
“ข้าเคยคิดว่าสิ่งที่น้องสาวของข้าเลือกเป็นอะไรที่บ้าบอสิ้นดี ข้าคิดว่าเวรี่ไฮเซ้นส์คือความภาคภูมิใจของเผ่าเวรี่ไฮ มันคือมรดกของเผ่าเรา น้องสาวของข้าไม่ได้ภาคภูมิใจกับมรดก นางมักจะหาทางหลีกเลี่ยงการฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์อีกด้วย ข้าไม่เคยเข้าใจว่าทำไม”
ก่อนที่หานเซิ่นจะตอบอะไร เอ็กซ์ควิสิทก็พูดต่อ “แต่ตอนนี้ข้าเริ่มจะเข้าใจแล้ว การมีหัวใจที่เชื่อมต่อกับทั้งจักรวาลเป็นอะไรที่ว่างเปล่า เวรี่ไฮฟอร์เก็ตเลิฟ นี่คือคำสอนของเผ่าเรามาเป็นเวลายาวนาน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราแต่ละคนก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตหนึ่งในจักรวาล พวกเราไม่ใช่เครื่องจักร ในบางครั้งการมีหัวใจเป็นอะไรที่น่าดึงดูด”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์” หานเซิ่นพูด
เอ็กซ์ควิสิทส่ายหัว “ข้าไม่มีทางเลือก ชะตากรรมของคนในเผ่าเวรี่ไฮนั้นถูกกำหนดตั้งแต่ตอนที่พวกเราถือกำเนิด หลี่เคอเอ๋อไม่มีทางเลือก ข้าเองก็ไม่มีทางเลือก ข้าเคยคิดว่าหลี่อวี้เจินน่าสงสารที่ไม่มีโอกาสได้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ แต่ตอนนี้ข้าอิจฉาเขาและคนอื่น ถ้าข้ามีทางเลือก ข้าเลือกจะเป็นอย่างพวกเขา ข้าไม่อยากจะฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ ข้าต้องการจะเป็นสมาชิกธรรมดาของเผ่าเวรี่ไฮ”
“แต่นั่นไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว” เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างเยือกเย็นขณะที่มองไปที่ก็อตสปิริตสตอร์ม เธอดูใจเย็นอย่างมาก ดูเหมือนกับว่าเธอไม่กลัวตาย
ตอนที่ 2710
หานเซิ่นมองขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่เอ็กซ์ควิสิท จู่ๆเขาก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นและสับที่หลังคอของเอ็กซ์ควิสิทเพื่อทำให้เธอสลบไป
ถ้าเอ็กซ์ควิสิทอยู่ในสภาพปกติ การจะทำให้เธอสลบคงไม่ง่ายแบบนี้ แต่ในตอนนี้เธอเหนื่อยล้าอย่างมาก และเธอก็ไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะโจมตีเธอ ดังนั้นเธอจึงสลบไปในทันที
“ต้องขอโทษด้วย แต่ข้าจะปล่อยให้ใครคนไหนรู้เกี่ยวกับมันไม่ได้”
หานเซิ่นอุ้มเอ็กซ์ควิสิทที่หมดสติขึ้นมาและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ขณะเดียวกันดวงตาของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว หลังจากนั้นร่างกายทั้งร่างของเขาก็เรืองแสงออกมา ขณะที่เขาเปิดใช้งานโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด
ถึงแม้การแปลงร่างเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น แต่พลังประหลาดที่อยู่บนร่างกายของหานเซิ่นก็หายไปในทันที มันหายไปอย่างสมบูรณ์
แต่ในชั่วครู่แสงสีขาวที่ส่องสว่างออกมาจากร่างกายของหานเซิ่นก็หายไปเช่นเดียวกัน และหานเซิ่นก็กลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง
“ในที่สุดมันก็หายไปสักที!” พลังประหลาดที่ห้อมล้อมตัวเขาอยู่หายไปแล้ว หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นก็อตสปิริตสตอร์มที่ก่อตัวขึ้นก็ไม่ได้หายไป มันยังคงอยู่บนท้องฟ้าเหนือหัวของเขา
ตูม! ตูม! ตูม!
ในตอนที่ฟ้าผ่า ทั้งท้องฟ้าก็กึ่งก้องด้วยเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าและฟ้าร้องเริ่มเกิดขึ้นในความถี่ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และมันทำให้ทั้งท้องฟ้าและผืนดินกลายเป็นมหาสมุทรของสายฟ้า
หานเซิ่นดูหม่นหมอง เขาไม่รู้ว่าก็อตสปิริตสตอร์มนั้นเป็นเศษพลังที่เหลืออยู่ของเป่าเหลียนหรือว่ามันไม่สลายไปเพียงเพราะว่ามันก่อตัวเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ตอนนี้เขาติดอยู่ภายในก็อตสปิริตสตอร์ม ความหวังที่จะหนีออกไปจากที่นี่อย่างง่ายดายได้หายไปแล้ว
พายุฝนฟ้าคะนองเป็นอะไรที่แปลก ถึงแม้มันจะมีสายฟ้าผ่าลงมา แต่สายฟ้าพวกนั้นก็ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อสิ่งที่สัมผัสแต่อย่างใด มันเหมือนกับว่าสายฟ้านั่นเป็นของปลอม
แต่หานเซิ่นรู้ว่าสายฟ้าพวกนั้นเป็นของจริง เพียงแต่ธาตุของพวกมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างพิเศษ และตอนนี้เมื่อเขาอยู่ในพายุฝนฟ้าคะนอง เขาก็ไม่สามารถใช้การเทเลพอร์ตได้ บริเวณรอบๆดูเหมือนจะถูกปิดตายโดยก็อตสปิริตสตอร์ม
เอ็กซ์ควิสิทได้ใช้พลังไปจนหมดก่อนที่หานเซิ่นจะทำให้เธอสลบไป และถึงแม้เธอจะตื่นขึ้นมาด้วยพลังเต็มที่ เธอก็ไม่สามารถพาพวกเขาเทเลพอร์ตออกไปจากที่นี่ได้อยู่ดี
“ไม่รู้ว่าพวกเราจะหนีออกไปจากก็อตสปิริตสตอร์มนี้ได้ไหม”
หานเซิ่นไม่ลังเล ขณะที่ยังอุ้มเอ็กซ์ควิสิทอยู่ เขาบินผ่านพายุฝนฟ้าคะนองด้วยความเร็วสูงสุด
ตูม! ตูม!
ที่ไหนสักแห่งภายในพายุฝนฟ้าคะนอง สายฟ้าลูกใหญ่ฝ่าลงมา ภายในสายฟ้านั่น หานเซิ่นสังเกตเห็นเงาของบางสิ่งยืนอยู่บนพื้น
สายฟ้านั่นสว่างมากจนหานเซิ่นมองเห็นแค่เงาของมันเท่านั้น มันเป็นมอนสเตอร์ที่มีหัวและเขาของกระทิง แต่ปีกที่กางออกมาจากด้านหลังของมันดูเหมือนกับค้างคาว
นั่นคือทั้งหมดที่หานเซิ่นมองเห็นในตอนที่สายฟ้าผ่าลงมา
หานเซิ่นไม่กล้าอยู่ดูว่ามันคืออะไร เขาบินต่อไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุดแทน ขณะที่เขาบินต่อไป สายฟ้าลูกใหญ่ก็ผ่าลงมาตรงหน้าของเขา หานเซิ่นเห็นมอนสเตอร์ที่เหมือนกับกระทิงตัวก่อนมาปรากฏตรงหน้าของเขา และมันก็ค่อยๆเดินเข้ามา
ฟ้าร้องดังขึ้นในทุกการก้าวเดินของมัน ร่างกายของมันสูงกว่าหนึ่งร้อยเมตร และทุกก้าวของมันก็ก่อให้เกิดแผ่นดินไหว
หานเซิ่นรู้สึกขนลุกขึ้นมา เขารู้ว่าตัวเองถูกเล็งเป้าโดยซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัว ถึงแม้พวกเขาจะยังไม่ได้เผชิญหน้ากัน แต่หานเซิ่นก็สัมผัสได้ว่าพลังชีวิตของมันไม่ใช่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ
“เครื่องสังเวย เจ้าเรียกข้าอย่างนั้นหรอ?” มอนสเตอร์กระทิงที่ใหญ่โตยืนอยู่ท่ามกลางสายฟ้าที่ฝ่าลงมา ตัวของมันเองเป็นเหมือนกับสายฟ้า ดวงตาของมันใหญ่จ้องตรงมาที่หานเซิ่น เสียงของมันดังก้องจนหานเซิ่นได้ยินอย่างชัดเจนภายในพายุฝนฟ้าคะนอง
ถึงแม้มันจะมองมาที่หานเซิ่น แต่เจ้ามอนสเตอร์ดูสับสน มันไม่แน่ใจว่าหานเซิ่นใช่เครื่องสังเวยของมันหรือเปล่า
หานเซิ่นสะดุ้งและคิดกับตัวเอง ‘ไอ้เป่าเหลียนเวรนั่น! พลังของเขาวางเครื่องหมายเครื่องสังเวยไว้บนตัวของฉันอย่างนั้นหรอ? ไม่แปลกใจเลยที่ก็อตสปิริตสตอร์มไล่ตามเรา เขาทำให้เราเป็นเครื่องสังเวยของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า’
“ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ใช่เครื่องสังเวยของเจ้า เจ้าควรจะไปมองหามันที่อื่น”
หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าเจ้ามอนสเตอร์จะเข้าใจที่เขาพูดหรือไม่ แต่มันดูจะมีสติปัญญา ถ้าเจ้ามอนสเตอร์สามารถใช้เหตุผลด้วยได้ บางทีพวกเขาก็อาจจะแก้ไขสถานการณ์นี้โดยการพูดคุยกันดีๆ
มอนสเตอร์กระทิงได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นพูด แต่มันไม่ได้จากไป มันมองไปที่เขาและเอ็กซ์ควิสิท
“เจ้าอาจจะไม่ใช่เครื่องสังเวยของข้า แต่ในเมื่อข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าจะไม่กลับไปมือเปล่า ข้าต้องพาหนึ่งในพวกเจ้ากลับไปในฐานะเครื่องสังเวย” เสียงของกระทิงดังก้องราวกับฟ้าร้อง
หานเซิ่นเข้าใจว่าเจ้ามอนสเตอร์นั้นหมายความว่ายังไง คนใดคนหนึ่งระหว่างเขากับเอ็กซ์ควิสิทต้องไปกับมัน
หานเซิ่นมองเอ็กซ์ควิสิทที่หมดสติ มันไม่มีใครจะมาหยุดเขาจากการมอบตัวเธอให้กับมันได้ แต่เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เธอพยายามจะช่วยชีวิตเขา เขาก็รู้ว่าการมอบเธอให้กับเจ้ามอนสเตอร์นั้นไม่ใช่ตัวเลือก
แต่หานเซิ่นไม่ต้องการจะสังเวยตัวเองเช่นกัน
“พวกเราทั้งคู่เป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่อ่อนแอ พวกเราไม่เหมาะสมจะเป็นเครื่องสังเวยของเจ้า ทำไมเจ้าไม่ไปหาเครื่องสังเวยอื่นที่ดีกว่า?”
มอนสเตอร์กระทิงไม่ได้พูดอะไร มันยืนอย่างเงียบๆขณะที่เสียงฟ้าร้องยังคงดังอย่างต่อเนื่องทั่วท้องฟ้า
ถึงแม้มันจะไม่พูด แต่หานเซิ่นก็เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง มันได้ติดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าจะเอาหนึ่งในพวกเขาไปในฐานะเครื่องสังเวย
“เครื่องสังเวยจำเป็นต้องเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างนั้นหรอ? มันพอจะเป็นอย่างอื่นได้ไหม?” หานเซิ่นถาม
“ข้าไม่รังเกียจที่จะเอาโล่ที่เจ้าแบกอยู่บนหลัง” มอนสเตอร์กระทิงพูด
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ เขารู้ในทันทีว่าโล่ที่มอนสเตอร์กระทิงกำลังพูดถึงคือโล่เมดูซ่าส์เกซ
‘เจ้าตัวนี้เฉลียวฉลาด แต่มันเป็นแค่ซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่ง มันไม่ใช่เผ่ากาน่า แบบนั้นมันจะอยากได้โล่เมดูซ่าส์เกซไปทำไม?’
หานเซิ่นรู้สึกสับสน ดังนั้นเขาจึงถามมอนสเตอร์กระทิง “เจ้าต้องการโล่นี้ไปทำอะไร? โล่นี่เป็นสมบัติของเผ่ากาน่า ถ้าไม่มีเลือดของเผ่ากาน่า เจ้าจะเปิดใช้งานมันไม่ได้”
แต่หลังจากนั้นเมื่อหานเซิ่นลองคิดเกี่ยวกับมันดูดีๆ เขาก็เข้าใจว่าทำไมมอนสเตอร์กระทิงถึงมายืนคุยกับพวกเขาแทนที่จะเข้ามาโจมตีพวกเขาในทันที
‘เจ้านี่หวาดกลัวโล่เมดูซ่าส์เกซ นั่นเป็นเหตุผลที่มันยังไม่เข้ามาโจมตีเรา’
เมื่อรู้สึกตัวถึงเรื่องนี้ มันก็ทำให้หานเซิ่นโล่งใจอย่างมาก ถ้ามอนสเตอร์กระทิงมีเหตุผลที่จะหวาดกลัวหานเซิ่น แบบนั้นเขาและเอ็กซ์ควิสิทก็มีโอกาสที่จะหนีไปได้
หานเซิ่นไม่คิดจะมอบโล่เมดูซ่าส์เกซให้กับมัน อีกฝ่ายเป็นแค่ซีโน่เจเนอิค ไม่มีใครรู้ว่ามันจะรักษาสัญญาหรือเปล่า หานเซิ่นจะไม่ปล่อยให้คนอื่นควบคุมชะตากรรมของเขา
‘ดูเหมือนมันจะไม่รู้ว่าเราใช้โล่เมดูซ่าส์เกซไม่ได้ นี่เป็นโอกาสของเรา’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
ตอนที่ 2711
“ส่งโล่นั่นมาเป็นเครื่องสังเวย หรือไม่ก็สละชีวิตของพวกเจ้าคนใดคนหนึ่ง!” มอนสเตอร์กระทิงจ้องไปที่หานเซิ่น
“พวกเราไม่ใช่เครื่องสังเวยของเจ้า แต่เจ้ายังขอให้พวกเรามอบบางสิ่งที่มีค่าให้กับเจ้า นั่นเป็นอะไรที่ไม่เหมาะสมเลยสักนิดเดียว”
หานเซิ่นมองเห็นว่าสติปัญญาของมอนสเตอร์กระทิงตัวนี้ไม่ได้สูงมากนัก เขาสามารถบอกได้ว่ามันหวาดกลัวโล่เมดูซ่าส์เกซ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเลิกพูดดีๆกับมัน
หลังจากที่มอนสเตอร์กระทิงได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นพูด มันก็เริ่มจะโกรธ แต่ก่อนที่มันจะได้ทำอะไร หานเซิ่นก็พูดต่อไปว่า
“เอาแบบนี้เป็นอย่างไง พวกเรามาเดิมพันกัน ถ้าเจ้าเป็นฝ่ายชนะ ข้าจะมอบโล่นี้ให้กับเจ้า”
“เจ้าต้องการจะเดิมพันอะไร?” มอนสเตอร์กระทิงถาม
หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเจ้ามอนสเตอร์กระทิงดูจะสนใจข้อเสนอของเขา เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าเจ้ามอนสเตอร์กระทิงจะยอมตกลง ตอนแรกเขาแค่ต้องการจะถ่วงเวลาและล้วงข้อมูลจากมอนสเตอร์กระทิงเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าเจ้ามอนสเตอร์กระทิงจะสนใจการเดิมพันจริงๆ
‘สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้านี่พูดคุยได้ง่ายกว่าที่คิดเอาไว้’
แต่หานเซิ่นยังไม่กล้าจะประมาท เขาคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็ถามขึ้นมา “ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าอะไร?”
“อะไรก็ได้ตามใจเจ้า” มอนสเตอร์กระทิงพูด
“ข้าจะเรียกเจ้าว่าพี่กระทิง นี่พี่กระทิงเคยเล่นโยนเหรียญหรือเปล่า?” หานเซิ่นถาม
“โยนเหรียญคืออะไร?” มอนสเตอร์กระทิงถามด้วยความสงสัย
เมื่อโอกาสมาปรากฏอยู่ตรงหน้า หานเซิ่นก็รีบนำเอาเหรียญออกมาและอธิบาย
“เหรียญนี้มีสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นหมายเลข และอีกด้านหนึ่งเป็นรูปหัวคน ข้าจะเขย่าเหรียญในมือ และพี่กระทิงต้องเดาว่ามันเป็นด้านหมายเลขหรือรูปหัวคนในตอนที่ข้าเผยเหรียญออกมา ถ้าพี่กระทิงเดาได้ถูกต้อง ข้าก็จะมอบโล่ให้กับพี่กระทิงเป็นเครื่องสังเวย นั่นฟังดูเป็นยังไง?”
“เอาสิ ถ้าอย่างนั้นก็มาเริ่มกันเลย” มอนสเตอร์กระทิงพูด เสียงของมันเบาลงกว่าในตอนแรกที่มันปรากฏตัวออกมา
หานเซิ่นหัวเราะและพูด “พี่กระทิง นี่เป็นการเดิมพัน พวกเราทั้งคู่ต้องวางบางสิ่งสำหรับเดิมพัน ข้าเสนอโล่นี้ แต่ถ้าพี่กระทิงเป็นฝ่ายแพ้ พี่กระทิงจะมอบอะไรให้กับข้า?”
หานเซิ่นกำลังทดสอบว่าจะต่อรองกับมอนสเตอร์กระทิงตัวนี้ได้มากแค่ไหน เขาไม่ได้ต้องการอะไรจากอีกฝ่าย และถ้ามอนสเตอร์กระทิงโกรธขึ้นมา หานเซิ่นก็จะไม่ขออะไรอีก
น่าประหลาดใจที่มอนสเตอร์กระทิงนั้นนำบางสิ่งออกมา
ปัง!
มอนสเตอร์กระทิงโยนสิ่งนั่นลงตรงหน้าหานเซิ่น มันร่วงลงไปและเกิดเป็นหลุมลึกบนพื้น หานเซิ่นก้มลงไปมองและเห็นว่ามันเป็นหินอัญมณีที่มีสายฟ้ากักเก็บอยู่ภายใน มันมีขนาดพอๆกับไข่ไก่เท่านั้น แต่สายฟ้าที่อยู่ภายในนั้นสว่างไสวอย่างมาก ดูเหมือนกับว่ามันพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ มันมีพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ภายในอัญมณีเล็กๆนั่น
“ข้าใช้จีโนคอร์สายฟ้านี้ในการเดิมพัน” เสียงของมอนสเตอร์กระทิงดังก้อง
“นี่คือจีโนคอร์เทพเจ้า?” หานเซิ่นตกใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่ามอนสเตอร์กระทิงจะเดิมพันด้วยของที่มีค่าขนาดนั้น
จีโนคอร์เทพเจ้าเป็นสมบัติที่มีแค่ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าเท่านั้นที่จะสร้างขึ้นมาได้ พวกมันถูกเรียกว่าเป็นสมบัติ แต่พวกมันแตกต่างไปจากสมบัติซีโน่เจเนอิค จีโนคอร์เทพเจ้านั้นสามารถละลายเข้าไปในร่างกายและมอบพลังของจีโนคอร์ให้กับคนๆนั้นโดยตรง
โดยปกติแล้วสมบัติซีโน่เจเนอิคจำเป็นต้องใช้พลังของผู้ใช้ แต่จีโนคอร์เทพเจ้าสามารถถูกใช้โดยคนที่ดูดซับมันเข้าไปในร่างกายได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่ามันเป็นหนึ่งในวิชาจีโนของพวกเขา
ด้วยเหตุนั้นจีโนคอร์เทพเจ้าจึงถูกรู้จักในชื่อสกิลจีโนคอร์ พวกมันเป็นอะไรที่มีประโยชน์มากๆ แต่มีเพียงแค่ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าเท่านั้นที่จะสร้างพวกมันขึ้นมาได้ ด้วยเหตุนั้นจีโนคอร์เทพเจ้าจึงถือว่าเป็นสมบัติที่มีค่ามากๆ
ถึงแม้ผู้คนจะฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวหนึ่งได้ แต่ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าส่วนใหญ่ก็มักจะทำลายจีโนคอร์ของตัวเองก่อนที่จะสิ้นใจ พวกมันจะไม่ยอมปล่อยให้ศัตรูได้จีโนคอร์ของพวกมันไป
“พี่กระทิงนี้ใจกว้างจริงๆ” หานเซิ่นเกือบจะน้ำตาไหลออกมา ตอนนี้เมื่อมอนสเตอร์กระทิงเดิมพันบางสิ่งที่มีค่ามากๆ หานเซิ่นก็จำเป็นต้องสงบจิตใจและคิดดูดีๆก่อนที่จะตอบกลับไป
จีโนคอร์เทพเจ้าจะถูกแบ่งเป็นขั้นๆ และมอนสเตอร์กระทิงตัวนี้จะต้องอยู่เหนือขั้นพริมิทีฟอย่างแน่นอน ถ้าเขาได้รับจีโนคอร์เทพเจ้าของมันไป เขาก็จะได้รับพลังที่เทียบเท่ากับมอนสเตอร์กระทิง และในเมื่อมันเป็นวิชาจีโน นั่นจะเป็นสิ่งที่ดีมากๆ
“อะไร? นั่นมันยังไม่เพียงพออย่างนั้นหรอ?” มอนสเตอร์กระทิงเห็นหานเซิ่นจ้องไปที่จีโนคอร์เทพเจ้าอย่างนิ่งเงียบ มันจึงคิดว่าหานเซิ่นอาจจะต้องการบางสิ่งเพิ่มอีก
ถึงแม้มอนสเตอร์กระทิงจะไม่ได้มีสติปัญญาสูงมากนัก แต่มันก็ฉลาดกว่าซีโน่เจเนอิคส่วนใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับเผ่ามนุษย์หรือเวรี่ไฮแล้ว เจ้ามอนสเตอร์กระทิงนั้นมีจิตใจเหมือนเด็กเจ็ดถึงแปดขวบเท่านั้น
มันรู้ว่าโล่เมดูซ่าส์เกซเป็นสิ่งของที่ทรงพลังมากๆ และมันก็รู้ว่าจีโนคอร์ของมันไม่สามารถเทียบชั้นกับโล่ของหานเซิ่นได้ นั่นเป็นเหตุผลที่มันถามว่ายังจำเป็นต้องใช้อะไรอย่างอื่นอีกหรือเปล่า
“ถ้าถามข้า มันก็ยังเป็นอะไรที่ไม่ค่อยยุติธรรม แต่เห็นแก่พี่กระทิง ข้าจะยอมรับมัน” หานเซิ่นพูดขณะที่ดูเขินอายเล็กน้อย
เขาไม่ได้คาดคิดว่ามอนสเตอร์กระทิงที่น่ากลัวจะถูกหลอกได้ง่ายขนาดนี้ มันทำให้เขาสงสัยว่าตัวเองกำลังฝันไปหรือเปล่า เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าในโลกนี้มีซีโน่เจเนอิคที่พูดด้วยง่ายแบบนี้อยู่
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาเริ่มกันเลย!” มอนสเตอร์กระทิงพูดขณะที่จ้องอย่างใจจดใจจ่อไปที่เหรียญในมือหานเซิ่น
ครั้งหนึ่งมอนสเตอร์กระทิงตัวนี้เคยดูยิ่งใหญ่และน่ากลัว แต่ตอนนี้ภาพลักษณ์ของมันหายไปจากจิตใจของหานเซิ่นโดยสมบูรณ์ หานเซิ่นยกเหรียญขึ้นและยิ้ม
“พี่กระทิงดูดีๆนะ ด้านนี้คือหมายเลขและด้านนี้คือรูปภาพ”
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ประกบมือเข้าด้วยกันและเริ่มเขย่าพวกมันไปมา ขณะที่หานเซิ่นเขย่ามืออยู่นั้น เขาก็ใช้พลังของอาณาเขตตงเสวียนเพื่อตรวจดูว่ามอนสเตอร์กระทิงพยายามจะขโมยข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเหรียญหรือเปล่า
อาณาเขตตงเสวียนไม่ได้ทรงพลังเหมือนอย่างมอนสเตอร์กระทิง แต่มันทำให้หานเซิ่นมองเห็นการหมุนของฟันเฟืองทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียง เขาอาจจะไม่สามารถหยุดการหมุนของฟันเฟืองจักรวาลประหลาดได้ แต่เขาจะสังเกตเห็นมัน
แต่หานเซิ่นดูจะประเมินความซื่อตรงของมอนสเตอร์กระทิงต่ำเกินไป เจ้ามอนสเตอร์ไม่ได้พยายามจะแอบดูเหรียญเลยแม้แต่นิดเดียว ท้ายที่สุดหานเซิ่นก็หยุดเขย่ามือและยกมันขึ้นต่อหน้ามอนสเตอร์กระทิง เจ้ามอนสเตอร์มองไปที่มือของหานเซิ่นและทำการตัดสินใจอย่างลังเล ดูเหมือนกับว่ามันกำลังจะคาดเดาว่าด้านบนของเหรียญจะเป็นภาพหรือเป็นหมายเลข
‘มอนสเตอร์กระทิงตัวนี้เติบโตมาในครอบครัวผู้ดีหรือยังไง? ทำไมมันถึงได้ซื่อตรงขนาดนี้?’ หานเซิ่นไม่เคยคิดว่ามันจะมีซีโน่เจเนอิคแบบนี้อยู่ด้วย
“หมายเลข” ในที่สุดมอนสเตอร์กระทิงก็พูดออกมา หลังจากที่ลังเลอยู่นาน
“พี่กระทิง พี่กระทิงแน่ใจเหรือว่าเหรียญจะแสดงหมายเลขน่ะ? เมื่อพี่กระทิงทำการตัดสินใจแล้ว พี่กระทิงจะเปลี่ยนใจทีหลังไม่ได้นะ” หานเซิ่นพูดขณะที่ยิ้มให้กับมอนสเตอร์กระทิง
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเลือกรูปภาพ” มอนสเตอร์กระทิงพูด มันเปลี่ยนใจจริงๆ
“พี่กระทิงแน่ใจอย่างนั้นหรอว่ามันเป็นรูปภาพ? ตอนนี้พี่กระทิงแน่ใจแล้วใช่ไหม?” หานเซิ่นยิ้ม
“ใช่ มันเป็นรูปภาพ ข้าจะไม่เปลี่ยนใจ” มอนสเตอร์กระทิงพูดขณะที่กัดฟันแน่น
หานเซิ่นเปิดมือและเผยให้เห็นว่ามันเป็นด้านหมายเลยที่หงายหน้าอยู่ หานเซิ่นมองไปที่มอนสเตอร์กระทิงและพูด
“น่าเสียดายจริงๆพี่กระทิง พี่กระทิงควรจะเชื่อในสัญชาตญาณแรกของตัวเอง”
ถึงแม้หานเซิ่นจะยังคงดูใจเย็น แต่ร่างกายของเขาตึงเครียดและเตรียมตัวจะรับการโจมตี ถ้ามอนสเตอร์กระทิงเข้าทำร้ายเขาหลังจากที่แพ้การเดิมพัน หานเซิ่นก็จะตอบสนองได้ในทันที เขากลัวว่ามอนสเตอร์กระทิงจะไม่ยอมรับผลการเดิมพัน
แต่มอนสเตอร์กระทิงเพียงแค่จ้องมองไปที่เหรียญอยู่สักพัก ก่อนที่จะพูดขึ้นมา “อีกครั้งหนึ่ง”
ถ้ามอนสเตอร์กระทิงไม่ได้มีพลังชีวิตที่น่ากลัว หานเซิ่นก็คงจะไม่เชื่อว่ามันเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นสูง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น