Super God Gene 2698-2704

ตอนที่ 2698

 

หานเซิ่นใช้การเทเลพอร์ตหลบหลีกการโจมตีครั้งต่อไปของเรดบลัดเดม่อน ความเร็วในการตอบสนองของเรดบลัดเดม่อนนั้นช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความเร็วที่ลดลงไป ทำให้หานเซิ่นมีโอกาสที่จะหลบหลีกการโจมตีของมัน


 


ถึงแม้หานเซิ่นจะยังเป็นฝ่ายที่ถูกไล่ต้อนโดยเรดบลัดเดม่อน แต่เขาก็เริ่มจะปกป้องตัวเองจากการโจมตีของเจ้าซีโน่เจเนอิคได้


 


“นี่คัมภีร์นภาอำพันได้ผลอย่างนั้นหรอ? แต่มันดูอ่อนแอกว่าที่เราคิดเอาไว้มาก มันแค่ลดความเร็วของเรดบลัดเดม่อนลงเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น….” ถึงแม้หานเซิ่นจะคิดกับมันในทางลบ แต่เขาก็ค่อนข้างดีใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา


 


ถึงแม้ศัตรูจะอ่อนแอลงไปกว่าเดิมเพียงแค่นิดเดียว แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาสามารถต่อสู้ต่อไปได้ เขาจะไม่ถูกฆ่าโดยเรดบลัดเดม่อน และนั่นหมายความว่าเขาสามารถ่วงเวลาจนคนของเผ่าเวรี่ไฮมาช่วยได้


 


แต่เมื่อเวลาผ่านไป หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าพลังของเรดบลัดเดม่อนยังคงลดลงไปเรื่อยๆ โซ่สสารสีแดงของมันเบาบางลงไป และพวกมันก็เริ่มแหลกสลาย


 


“เกิดอะไรขึ้น?” หานเซิ่นสับสน


 


ถ้านี่เป็นพลังของคัมภีร์นภาอำพัน แบบนั้นมันก็เป็นอะไรที่น่ากลัวจริงๆนั่นแหละ มันทำให้แม้แต่โซ่สสารที่เป็นแก่นแท้ของพลังระดับเทพเจ้าอ่อนพลังลง


 


แสงที่ส่องสว่างออกมาจากร่างกายของเรดบลัดเดม่อนเริ่มจะมัวลง และร่างกายของมันก็ดูเหมือนจะกำลังเปลี่ยนแปลง เจ้าซีโน่เจเนอิคเริ่มจะขยายใหญ่ขึ้น มันเหมือนกับการมองดูนักเพาะกายค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็นคนอ้วนคนหนึ่ง ร่างกายของมันใหญ่โตขึ้น แต่ความแข็งแกร่งและความเร็วของมันกลับลดลง


 


การต่อสู้เป็นอะไรที่ง่ายขึ้นสำหรับหานเซิ่น เขายังคงไม่สามารถเอาชนะเรดบลัดเดม่อนได้ แต่เขาสามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเทเลพอร์ตหนีอีกต่อไป


 


หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เห็นโซ่สสารของเรดบลัดเดม่อนระเบิดราวกับดอกไม้ไฟ พลังชีวิตรั่วไหลออกมาร่างของศัตรูราวกับลมที่รั่วจากลูกโป่ง


 


“นี่…นี่…มันคงจะไม่ได้ตกจากระดับเทพเจ้ามาเป็นครึ่งเทพหรอกใช่ไหม?” หานเซิ่นไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง แต่นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น มันไม่มีคำอธิบายอื่นที่จะสมเหตุสมผล พลังชีวิตของเรดบลัดเดม่อนในตอนนี้ดูเหมือนกับระดับราชันมากกว่า และพลังของมันก็ไม่เพียงพอที่จะก่อให้เกิดโซ่สสารอีกต่อไป มันดูไม่เหมือนระดับเทพเจ้าเลยสักนิดเดียว


 


ปัง!


หานเซิ่นยังคงถือโล่เมดูซ่าส์เกซอยู่และใช้มันป้องกันการโจมตีต่อไป พลังของพวกเขาเสมอกัน และหานเซิ่นก็ไม่ได้ถูกส่งกระเด็นออกไปเหมือนกับครั้งก่อนๆ


 


“ว้าว! คัมภีร์นภาอำพันร้ายกาจอะไรขนาดนี้ มันทำให้เรดบลัดเดม่อนตกจากระดับเทพเจ้ามาสู่ระดับราชัน นั่นเป็นอะไรที่น่ากลัว…” หานเซิ่นรู้สึกดีใจ


 


ถึงแม้กุนซือไวท์จะสันนิษฐานว่ามันเป็นวิชาจีโนที่น่ากลัวมากๆ แต่หานเซิ่นก็ไม่ได้คาดคิดว่าคัมภีร์นภาอำพันจะทรงพลังถึงขนาดนี้ มันได้กลับตาลปัตรโลหิตชีพจรของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าและส่งมันกลับไปสู่ระดับราชัน


 


ใบหน้าของเรดบลัดเดม่อนเต็มไปด้วยความตกตะลึง มันไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น


 


“ตอนนี้เมื่อพวกเราทั้งคู่เป็นระดับราชันเหมือนกัน ความสนุกก็จะเริ่มต้นขึ้น”

ดวงตาของหานเซิ่นเริ่มเป็นประกาย เขาถูกไล่ต้อนโดยเรดบลัดเดม่อนมาเป็นเวลานาน และเขาก็เกือบจะถูกฆ่าตายหลายครั้ง ตอนนี้มันถึงเวลาที่เขาจะปลดปล่อยความโกรธจากการเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำ


 


“ตายซะ!” หานเซิ่นคำราม เขากระโจนเข้าหาเรดบลัดเดม่อนราวกับเสือ


 


ประสบการณ์การต่อสู้และจิตใจของเรดบลัดเดม่อนยังคงเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต แต่พลังของมันถูกลดลงมาสู่ระดับครึ่งเทพ หานเซิ่นกำลังใช้เซ็ตอะพอลโลและวิญญาณอสูร เขาใช้พลังระดับเทพเจ้าในการต่อสู้กับมัน


 


ถึงแม้จิตใจและทักษะการต่อสู้ของเรดบลัดเดม่อนจะแข็งแกร่ง แต่พลังที่เหนือกว่าอย่างเด็ดขาดของหานเซิ่นก็เพียงพอจะพลิกสถานการณ์มาเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ และประสบการณ์ในการต่อสู้และจิตใจของหานเซิ่นก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน แถมหลังจากที่ได้ต่อสู้กับเรดบลัดเดม่อนมาระยะหนึ่ง ประสบการณ์ในการต่อสู้ของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นอีก ความรู้ของเขาเกี่ยวกับวิธีการต่อสู้ของเรดบลัดเดม่อนนั้นคงจะเหนือกว่าที่คนของเวรี่ไฮรู้เสียอีก


 


ก่อนหน้านี้หานเซิ่นขาดพลังที่จะต่อสู้กับเรดบลัดเดม่อน แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หานเซิ่นเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบในเรื่องของพลัง และเขาก็คิดจะใช้ความได้เปรียบนั้นในการบดขยี้ศัตรู ธนูงูหกคอร์ของเขาถูกยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง ลูกธนูทั้งหมดพุ่งไปเจาะร่างของเรดบลัดเดม่อนและทำให้มันอ่อนแอลงไปอีก


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าพลังของคัมภีร์นภาอำพันจะคงอยู่เป็นเวลานานแค่ไหน ดังนั้นเขาจะมัวชักช้าไม่ได้ เขาตั้งใจจะฆ่าเรดบลัดเดม่อนโดยเร็วที่สุด


 


การต่อสู้ในตอนแรกของพวกเขาใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น และในการต่อสู้ตอนนี้ก็ไม่ใช้เวลานานเช่นกัน ภายในสามนาทีเรดบลัดเดม่อนถูกลูกธนูไม่รู้กี่ดอก รูเกิดขึ้นตามเปลือกของมันมากขึ้นเรื่อยๆ และมันก็มีเลือดไหลออกมาทุกหนทุกแห่ง


 


คัมภีร์นภาอำพันไม่ได้แค่ทำให้เรดบลัดเดม่อนอ่อนแอลงเท่านั้น มันยังทำให้โลหิตชีพจรกลับตาลปัตร เรดบลัดเดม่อนในตอนนี้แตกต่างไปจากระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟที่มันเคยเป็น


 


ขณะที่หานเซิ่นยังคงยิงธนูใส่มันต่อไป เขาเห็นแสงสีแดงของเรดบลัดเดม่อนแว็บขึ้นมา มันเริ่มจะก่อตัวเป็นโซ่สสารอีกครั้ง


 


“โอ้ไม่นะ! พลังของคัมภีร์นภาอำพันกำลังจะหายไป” หานเซิ่นตกใจ เขาไม่กล้าจะชักช้า เขารวบรวมพลังและตรงเข้าไปหาเรดบลัดเดม่อน เขาต้องการจะฆ่ามันก่อนที่พลังของมันจะกลับคืนมา โชคดีที่หานเซิ่นได้สร้างความเสียหายอย่างหนักกับเรดบลัดเดม่อนเรียบร้อยแล้ว



 


เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อรีบไปที่เจลเดม่อนฮอลล์อย่างเร่งรีบ ในตอนที่พวกเธอไปถึง คนของฝ่ายตรวจการก็ได้มาเพื่อทำการปิดระบบป้องกันของเจลเดม่อนฮอลล์เรียบร้อยแล้ว


 


“เกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น? นี่หานเซิ่นอยู่ข้างในนั้นหรือเปล่า?” เอ็กซ์ควิสิทถามด้วยความเร่งรีบ


 


“ข้าไม่รู้ ในตอนที่ระบบป้องกันของเจลเดม่อนฮอลล์ทำงาน มันก็ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์ พวกเราจะต้องรอจนกระทั่งปิดระบบป้องกันให้ได้ก่อน พวกเราถึงจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างใน” เวรี่ไฮชายที่เป็นคนของฝ่ายตรวจการพูด


 


“ถ้าอย่างนั้นยังมัวรออะไรอยู่อีก? รีบไปปิดมันเร็วเข้า!” หลี่เคอเอ๋อพูด


 


เวรี่ไฮชายคนนั้นส่ายหัวและพูด “พวกเรายังปิดระบบป้องกันไม่ได้ พวกเราจะต้องรอจนกระทั่งผู้อาวุโสโอเพ่นสกายมาถึงที่นี่”


 


“ทำไมกัน?” เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อถามพร้อมๆกัน


 


“ระบบป้องกันของเจลเดม่อนฮอลล์ทำงานขึ้นมา นั่นหมายความว่าเรดบลัดเดม่อนที่อยู่ภายในคลุ้มคลั่งเรียบร้อยแล้ว พลังของมันเป็นระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ แต่ถึงอย่างนั้นลำพังแค่พลังของพวกเราไม่เพียงพอจะรับมือกับมัน พวกเราจำเป็นต้องรอให้ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายมาถึงที่นี่ก่อนที่พวกเราจะปิดระบบป้องกัน” เวรี่ไฮชายคนนั้นอธิบาย


 


“พวกเราไม่มีเวลามากังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น รีบปิดระบบป้องกัน! หานเซิ่นยังคงอยู่ในนั้น! การช่วยเขาเป็นอะไรที่สำคัญกว่า” หลี่เคอเอ๋อพูด


 


เวรี่ไฮคนนั้นส่ายหัวและพูด “มันผ่านมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ตั้งแต่ที่ระบบป้องกันของเจลเดม่อนฮอลล์เริ่มทำงาน ถ้าหานเซิ่นอยู่ภายในนั้น เขาก็คงจะถูกเรดบลัดเดม่อนฆ่าตายไปเรียบร้อยแล้ว มันไม่มีประโยชน์อะไรที่พวกเราจะปิดระบบป้องกันในตอนนี้ พวกเราควรจะรอให้ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายมาถึงที่นี่ก่อน”


 


เอ็กซ์ควิสิทไม่ได้โต้เถียงอะไร เธอเทเลพอร์ตผ่านชายคนนั้นไป เธอกำลังจะกดปุ่มเพื่อปิดระบบป้องกันของเจลเดม่อนฮอลล์


 


เวรี่ไฮชายสองคนตกใจกับเรื่องนี้ พวกเขาเคลื่อนที่เข้าไปเพื่อจะหยุดเธอ แต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาเพื่อหยุดพวกเขาเอาไว้


 


“ปล่อยให้นางปิดมัน” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายพูดขณะที่เทเลพอร์ตมาอยู่ข้างพวกเขา ในตอนที่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายได้ยินข่าว เขาก็รีบมาที่นี่อย่างเร็วที่สุด แต่มันผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ด้วยเหตุนั้นมันคงจะสายเกินไปแล้ว

 

 

 


ตอนที่ 2699

 

 


หลี่อวี้เจินและหลี่เสวี่ยเฉิงมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นจากระยะไกล ใบหน้าของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความสุข

“ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว มันไม่สำคัญว่าหานเซิ่นจะโชคดีสักแค่ไหน ในตอนนี้เขาคงจะถูกกินโดยเรดบลัดเดม่อนเรียบร้อยแล้ว การปิดระบบป้องกันในตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อะไร” หลี่เสวี่ยเฉิงพูดพร้อมกับหัวเราะ


 


“หวังว่าเอ็กซ์ควิสิทจะไม่เสียใจจนเกินไป ข้าจำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับหนทางที่จะปลอบนาง” หลี่อวี้เจินพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง


 


“ถ้าอย่างนั้นข้าหวังว่าเจ้าเอาชนะใจนางได้” หลี่เสวี่ยเฉิงรู้สึกดีใจ มันเหมือนกับว่าเขารอคอยโอกาสที่จะเอาคืนหานเซิ่นมานานแสนนาน


 


“เอ็กซ์ควิสิท ให้พวกเขาเป็นคนจัดการ เจ้าไม่รู้วิธีปิดระบบป้องกัน เจ้าจะทำให้เสียเวลาเปล่า” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายพูดกับเอ็กซ์ควิสิทที่กำลังยื่นมือออกไปกดปุ่ม


 


ในตอนที่เอ็กซ์ควิสิทได้ยินเขา เธอก็ถอยออกไปและรีบพูด “เร็วเข้า รีบปิดระบบป้องกัน!”


 


ในตอนนี้เอ็กซ์ควิสิทรู้สึกแย่อย่างมาก ถึงแม้หานเซิ่นจะตายไป เธอและหลี่เคอเอ๋อก็สามารถหาตัวไหมคนใหม่ได้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอไม่อยากจะนึกถึงเรื่องที่ต้องหาตัวไหมใหม่


 


“เราไม่มีวันหาตัวไหมอย่างหานเซิ่นได้อีก นั่นเป็นเหตุผลที่เรารู้สึกแบบนี้” เอ็กซ์ควิสิทพยายามจะโน้มน้าวตัวเอง


 


เวรี่ไฮชายสองคนของฝ่ายตรวจการก้าวไปข้างหน้าและกดปุ่ม ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายถอนหายใจและพูด

“หานเซิ่นเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยาก น่าเสียดายที่เขาต้องมาตายในโศกนาฏกรรมแบบนี้”


 


ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายคุ้นเคยกับเจลเดม่อนฮอลล์และซีโน่เจเนอิคที่ถูกกักขังอยู่ภายในเป็นอย่างดี เขารู้ว่าหานเซิ่นไม่มีโอกาสรอดถ้าถูกขังอยู่ภายในนั้น มันไม่สำคัญว่าหานเซิ่นจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เขายังคงเป็นแค่ครึ่งเทพ เขาต้องพึ่งพาพลังจากสมบัติถึงจะต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าได้


 


ต่อหน้าของระดับเทพเจ้าธรรมดาๆ หานเซิ่นก็พอจะมีโอกาสชนะ แต่เรดบลัดเดม่อนห่างไกลจากคำว่าธรรมดาๆ และในตอนที่มันคลุ้มคลั่ง แม้แต่ระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วาก็ไม่สามารถฆ่ามันได้


 


ระบบป้องกันของเจลเดม่อนฮอลล์ถูกปิดลง โดยที่ไม่ต้องรอให้เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว เอ็กซ์ควิสิทเข้าไปเปิดประตูสู่เจลเดม่อนฮอลล์อย่างเร่งรีบ


 


ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายตามเธอไปติดๆเพื่อในกรณีที่เรดบลัดเดม่อนพยายามจะผ่านประตูออกมา


 


แต่ในตอนที่เอ็กซ์ควิสิทเปิดประตูออก ทุกคนก็อ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า


 


หานเซิ่นกำลังยืนอยู่ตรงกลางห้องโถง เท้าข้างหนึ่งของเขาเหยียบบนร่างของเรดบลัดเดม่อน เขาถือคันธนูอยู่ในมือและกำลังใช้สายของมันเป็นเหมือนกับใบเลื่อย


 


สายธนูตัดผ่านเนื้อหนังบริเวณคอของเรดบลัดเดม่อนอย่างๆ พวกเขามองดูหัวของเรดบลัดเดม่อนตกลงบนพื้นอย่างตกตะลึง เอ็กซ์ควิสิทและคนอื่นๆตัวแข็งทื่อไป พวกเขาอึ้งจนไม่รู้ว่าจะตอบสนองยังไง


 


“หานเซิ่น…ฆ่าเรดบลัดเดม่อนที่คลุ้มคลั่งได้สำเร็จ…” เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อทั้งตกใจและดีใจที่เห็นแบบนี้


 


ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายและเวรี่ไฮสองคนจากฝ่ายตรวจการมองดูภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ พวกเขารู้ดีว่าเรดบลัดเดม่อนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน หานเซิ่นเป็นแค่ครึ่งเทพคนหนึ่ง แต่เขากลับสังหารเรดบลัดเดม่อนได้สำเร็จ ถึงแม้เขาจะได้รับการช่วยเหลือจากเซ็ตอะพอลโล นี่ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่ดี


 


หลี่อวี้เจินและหลี่เสวี่ยเฉิงที่มองดูจากระยะไกลก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง และหลี่เสวี่ยเฉิงก็ตะโกนออกมา

“เป็นไปไม่ได้! นั่นเป็นไปได้ยังไง?! เขาฆ่าเรดบลัดเดม่อนได้ยังไงกัน… นี่มันเป็นไปไม่ได้…”


 


เรดบลัดเดม่อนที่คลุ้งคลั่งถูกจัดการโดยครึ่งเทพคนหนึ่ง นี่เป็นอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขา


 


ในตอนที่หานเซิ่นตัดหัวของเรดบลัดเดม่อน เขาก็ได้ยินเสียงประกาศที่คุ้นเคยดังขึ้นในหัว


 


“ซีโน่เจเนอิคเรดบลัดเดม่อนระดับเทพเจ้ากลายพันธุ์ถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูรเรดบลัดเดม่อน”


 


หานเซิ่นไม่กล้าจะคิดเกี่ยวกับเสียงประกาศที่ได้ยิน เขาควบคุมจิตใจของตัวเองอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อรู้สึกตัวว่ามีบางสิ่งผิดปกติ


 


“เจ้าเป็นอะไรไหม?” เอ็กซ์ควิสิทถามขณะที่รีบเข้ามาหาหานเซิ่น ถึงแม้เธอจะเห็นว่าหานเซิ่นไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามเขาอยู่ดี


 


“ข้าไม่เป็นอะไร แค่ได้รับบาดแผลและรอยขีดข่วนนิดหน่อยเท่านั้น” หานเซิ่นตอบ


 


“มันเป็นเรื่องดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร พวกเราเป็นห่วงเจ้า ทำไมเรดบลัดเดม่อนถึงได้คลุ้มคลั่งขึ้นมา?” หลี่เคอเอ๋อถาม


 


“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ทันทีที่ข้าเข้ามาข้างใน เรดบลัดเดม่อนก็เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา มันระเบิดพลังออกมาโดยที่ไม่มีสัญญาเตือนใดๆ” หานเซิ่นตอบ


 


หานเซิ่นไม่ได้อธิบายเกี่ยวกับวิธีที่เขาเอาชนะเรดบลัดเดม่อนได้สำเร็จ เขาบอกแค่ว่าตัวเองโชคดี และบอกว่าเขาจำเป็นต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อจะเอาชนะมัน เขาบอกไปว่าดวงคือเหตุผลหลักที่ทำให้เขาเป็นฝ่ายชนะ


 


“ดวงอย่างนั้นหรอ?” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายมองหานเซิ่นด้วยความสนใจ เขาไม่ใช่คนที่เชื่อในเรื่องดวง


 


เรดบลัดเดม่อนที่คลุ้มคลั่งไม่ใช่บางสิ่งที่จะพิชิตได้ด้วยดวง แต่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายก็ไม่ได้ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปมากกว่านั้น เขาแค่ถามเกี่ยวกับเรื่องของเรดบลัดเดม่อน เขาจำเป็นต้องหาความจริงว่าทำไมเรดบลัดเดม่อนถึงได้บ้าคลั่งขึ้นมา


 


หลังจากตอบคำถามของผู้อาวุโสโอเพ่นสกายเสร็จแล้ว หานเซิ่นก็จากไปพร้อมกับเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อ ในตอนที่เขามีเวลาส่วนตัว เขาก็รีบตรวจเช็ควิญญาณอสูรที่ได้รับมา


 


“วิญญาณอสูรเรดบลัดเดม่อนกลายพันธุ์: วิญญาณอสูรปีศาจ (ไม่สมบูรณ์)”


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นวิญญาณอสูรปีศาจ และเหมือนกับวิญญาณอสูรราชานกยูงเทียนเซีย วิญญาณอสูรเรดบลัดเดม่อนเป็นวิญญาณอสูรที่ไม่สมบูรณ์ เขาไม่รู้ว่าพลังของวิญญาณอสูรที่สมบูรณ์จะเป็นยังไง


 


‘วิญญาณอสูรปีศาจคืออะไร?’ หานเซิ่นคิดขณะที่เรียกมันออกมา


 


วินาทีต่อมา หานเซิ่นก็รู้สึกราวกับว่ามีพลังที่น่ากลัวเข้าครอบงำเขา ร่างกายทั้งร่างของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังเลือดสีแดง แสงสีเลือดหมูเริ่มจะรั่วไหลออกจากผิวของเขา


 


โซ่สสารมากมายระเบิดทั่วเซลล์พร้อมกับเปลี่ยนแปลงเซลล์ของเขา ในไม่นานความเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้ก็เกิดขึ้นกับผิวของหานเซิ่น


 


ภายใต้อิทธิพลของแสงและโซ่สสาร ผิวของหานเซิ่นก็แข็งเหมือนกับเปลือกของแมลง ผิวของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงที่ดูเหมือนกับเรดบลัดเดม่อน ในชั่วพริบตาร่างกายทั้งร่างของเขาก็ถูกห่อหุ้มอยู่ในเปลือก พลังของหานเซิ่นเพิ่มสูงขึ้นขณะเดียวกับร่างกายของเขาก็ดูเหมือนกับเรดบลัดเดม่อนขึ้นเรื่อยๆ โซ่สสารหมุนวนอย่างไม่หยุดรอบตัวของเขา


 


“นี่เป็นเหมือนกับวิญญาณอสูรเปลี่ยนร่าง แต่มันแตกต่างออกไปเล็กน้อย วิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างจะเปลี่ยนร่างกายของเราให้เหมือนกับตัวซีโน่เจเนอิค ส่วนวิญญาณอสูรปีศาจจะเสริมกำลังให้กับร่างกายของเรา ตอนนี้เราเหมือนกับเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ”

หานเซิ่นพึมพำกับตัวเอง ขณะที่พยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของวิญญาณอสูร เขาพึงพอใจกับรางวัลที่ได้มา


 


ถึงแม้รูปลักษณ์ของหานเซิ่นจะเปลี่ยนไป แต่วิญญาณอสูรปีศาจก็ไม่ได้เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นซีโน่เจเนอิค เขามีทั้งพลังของเรดบลัดเดม่อนและพลังของตัวเอง


 


“ในโหมดปีศาจ เราคงจะมีพลังพอจะต่อสู้กับเรดบลัดเดม่อนนั่น ดังนั้นถ้าเกิดเราต้องต่อสู้กับมันอีกครั้ง เราก็จะไม่มีช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนั้นอีก” หานเซิ่นลองทดสอบพลังของวิญญาณอสูร พลังของมันเหนือกว่าที่หานเซิ่นคาดคิดเอาไว้ เขาชอบมันมากขึ้นเรื่อยๆ


 


‘แต่ส่วนที่บอกว่าไม่สมบูรณ์หมายความว่ายังไงกัน? มันหมายความว่าวิญญาณอสูรราชานกยูงและวิญญาณอสูรเรดบลัดเดม่อนยังอัพเกรดได้อย่างนั้นหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะทำให้พวกมันเป็นวิญญาณอสูรที่สมบูรณ์ได้ยังไงกัน?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

 

 


ตอนที่ 2700

 

เหตุการณ์ในเจลเดม่อนฮอลล์ยังคงไม่คลี่คลาย ฝ่ายตรวจยังคงไม่ได้ข้อสรุปออกมา แต่พวกเขาสงสัยว่าการบ้าคลั่งของเรดบลัดเดม่อนนั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับบลัดแมร์โรว์จีโนฟลูอิด ก่อนหน้าไม่มีใครรู้ว่าบลัดแมร์โรว์จีโนฟลูอิดจะก่อให้เกิดเรื่องแบบนี้ เนื่องจากบลัดแมร์โรว์จีโนฟลูอิดมักจะเป็นสิ่งที่ถูกมอบให้หลังจากที่จีโนฟลูอิดสำหรับการรักษาแบบธรรมดาถูกใช้จนหมด ดังนั้นเรื่องทั้งหมดนี่จึงดูเหมือนกับว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ


 


แต่หานเซิ่นไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องบังเอิญ เขาเชื่อว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับหลี่อวี้เจินและหลี่เสวี่ยเฉิง


 


แต่มันไม่มีหลักฐานอะไรที่เชื่อมโยงไปถึงหลี่เสวี่ยเฉิง และนั่นหมายความว่าหานเซิ่นไม่สามารถทำอะไรได้


 


‘น่าเสียดายที่ร่างโคลนของเรดบลัดเดม่อนจะใช้เวลาอีกหกเดือนถึงจะเกิดขึ้นมาใหม่ ไม่อย่างนั้นเราก็จะไปฆ่ามันอีกครั้ง บางทีนั่นอาจจะช่วยให้เรารู้ว่าวิญญาณอสูรที่ไม่สมบูรณ์คืออะไร’ หานเซิ่นคิดกับตัวเองขณะที่ตกปลาอยู่ที่ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเป่าเอ๋อตะโกน


 


“พ่อ! หนูตกหัวแกะได้อีกแล้ว” เป่าเอ๋อตะโกนขณะที่ดึงเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์


 


หานเซิ่นมองไปทางเป่าเอ๋อและเห็นว่าเธอตกลูกบาศก์สี่แกะขึ้นมาได้จริงๆ ครึ่งหนึ่งของมันโผล่ขึ้นมาให้เห็นผ่านก้อนเมฆของทะเลสาบ


 


หานเซิ่นเคยชินกับเหตุการณ์แบบนี้แล้ว เป่าเอ๋อมักจะตกลูกบาศก์สี่แกะได้อยู่บ่อยๆ แต่เธอไม่เคยนำมันขึ้นมาจากทะเลสาบได้เลย เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกบาศก์สี่แกะเกือบจะถูกดึงขึ้นจนพ้น เส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ก็มักจะขาด และลูกบาศก์สี่แกะก็จะจมกลับลงไปในเมฆหมอกอีกครั้งหนึ่ง


 


หลังจากที่ตกมันได้หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่สามารถดึงมันขึ้นมาได้ เป่าเอ๋อก็เริ่มจะโกรธ ขณะที่เธอมองดูลูกบาศก์สี่แกะกำลังจะร่วงกลับลงไปในทะเลสาบ เธอตัดสินใจลองวิธีใหม่ เธอเรียกน้ำเต้าของเธอออกมา


 


เธอเล็งน้ำเต้าไปทางลูกบาศก์สี่แกะที่กำลังจมลงไป หลังจากนั้นเธอก็ตบด้านบนของน้ำเต้าเบาๆเพื่อปลดปล่อยพลังประหลาดออกมา มันเหมือนกับว่าบ่วงบาศที่มองไม่เห็นถูกโยนไปคล้องรูปบาศก์สี่แกะ และมันก็ดึงลูกบาศก์สี่แกะกลับมา


 


หานเซิ่นมองเป่าเอ๋อด้วยความตกใจ สิ่งต่างๆในทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์นั้นเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ โดยปกติแล้วมีเพียงแค่เส้นไหมอันเดอร์เวิลด์เท่านั้นที่จะส่งผลกระทบต่อพวกมัน พลังอย่างอื่นไม่สามารถทำอะไรสิ่งที่อยู่ในทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ได้


 


จนกว่าสิ่งของชิ้นนั้นจะถูกดึงขึ้นมาจากทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ได้สำเร็จ มันก็ไม่ควรมีพลังไหนที่มีผลต่อพวกมัน หานเซิ่นเคยลองพยายามใช้พลังของตัวเองเพื่อจเอาลูกบาศก์สี่แกะขึ้นมาจากทะเลสาบ แต่มันไม่ได้ผล


 


แต่น้ำเต้าของเป่าเอ๋อดูเหมือนจะได้ผล มันสามารถดึงลูกบาศก์สี่แกะขึ้นมาได้ แต่โชคร้ายที่เป่าเอ๋อไม่มีพลังเพียงพอ เธอดูลำบากลำบนที่จะดึงลูกบาศก์สี่แกะขึ้นมาจากหมอกเมฆ


 


เขาไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า แต่เขารู้สึกเหมือนกับว่าลูกบาศก์สี่แกะกำลังใช้พลังของมันเองเพื่อดึงตัวเองกลับลงไปในทะเลสาบ


 


เป่าเอ๋อจับน้ำเต้าเอาไว้แน่น และน้ำหนักของลูกบาศก์สี่แกะก็เริ่มจะลากร่างกายของเธอไปที่ทะเลสาบ หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัวๆ เขารีบเทเลพอร์ตไปจับตัวเธอเอาไว้


 


หานเซิ่นสัมผัสได้ว่ามีพลังประหลาดบางอย่างพยายามจะดึงร่างของเป่าเอ๋อและตัวเขาลงไปทางทะเลสาบ


 


“เป็นพลังที่น่ากลัวอะไรขนาดนี้!” หานเซิ่นไม่มีเวลามามัวคิด เขารีบเรียกเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูงออกมาและใช้พลังทั้งหมดเพื่อจะปักหลักอยู่กับที่ ขาของเขาเจาะลงไปในพื้นริมทะเลสาบ


 


แต่มันก็ยังคงไม่เพียงพอ แม้แต่วิญญาณอสูรที่ทรงพลังก็ไม่สามารถต่อต้านพลังที่ดึงร่างของเขาเข้าไปใกล้ทะเลสาบได้ ขาของหานเซิ่นค่อยๆลากเป็นทางยาวบนพื้น


 


หานเซิ่นกับเป่าเอ๋อใช้พลังทั้งหมด และใบหน้าของเป่าเอ๋อก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถต่อสู้กับพลังนั้นได้ ไม่ว่าเธอจะพยายามมากสักแค่ไหน เธอกำลังจะตกลงไปในทะเลสาบ


 


หานเซิ่นกำลังจะบอกให้เป่าเอ๋อเก็บน้ำเต้าไป แต่ทันใดนั้นก็มีพลังใหม่ดึงเขาจากด้านหลัง หานเซิ่นหันกลับไปมองและเห็นว่าเป็นหมูน้อยทั้งสิบหกตัว พวกมันเรียงแถวกันขณะที่หมูแต่ละตัวจะงับหางของหมูตัวข้างหน้า หมูน้อยที่อยู่หน้าสุดงับเสื้อคลุมวิญญาณอสูรของหานเซิ่นและพยายามดึงเขากลับไป


 


สัญลักษณ์ลึกลับบนหน้าผากของหมูน้อยแต่ละตัวเรืองแสงขึ้นมา และพลังประหลาดก็แพร่กระจายในหมู่พวกมัน


 


หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ พลังระดับนี้ควรจะอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตระดับราชันธรรมดาๆ ถึงแม้เขาจะสวมใส่ชุดเกราะวิญญาณราชานกยูง แต่เขาก็ยังคงถูกดึงไปทางทะเลสาบ แต่หมูน้อยทั้งสิบหกตัวดูเหมือนจะต้านพลังที่ดึงพวกเขาได้ นั่นเป็นอะไรที่แปลกมากๆ


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้คิดเกี่ยวกับมันมากนัก เพราะยังไงซะเขาและเป่าเอ๋อก็ใช้กำลังทั้งหมดของตัวเอง บางทีพวกเขาอาจจะขนาดพลังเสริมอีกเพียงแค่นิดเดียว และนั่นเป็นสิ่งที่ถูกมอบโดยหมูน้อยทั้งสิบหกตัว จริงๆแล้วสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนี้อาจจะไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น


 


ลูกบาศก์สี่แกะใกล้จะถูกดึงขึ้นมาจากทะเลสาบ และหานเซิ่นก็เห็นใบหน้าของแกะทองแดงที่กำลังขึ้นมาเหนือเมฆ พวกมันดูเหมือนกับว่ากำลังหวาดกลัว


 


“ดีมาก! ให้ฉันดึงแกขึ้นมาดูสิว่าแกคืออะไรกันแน่”

เมื่อรู้สึกตัวว่าการชักเย่อใกล้จะจบลงแล้ว หานเซิ่นก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา


 


ทุกครั้งที่พวกเขาดึงมันขึ้นมาไม่สำเร็จ หัวแกะก็จะเย้ยหยันเขา และนั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่


 


ในจังหวะที่ลูกบาศก์สี่แกะถูกดึงขึ้นมาจากทะเลสาบ หานเซิ่น เป่าเอ๋อและหมูน้อยทั้งสิบหกตัวก็ถูกส่งลอยออกไปด้านหลัง


 


ปัง!


ลูกบาศก์สี่แกะที่สูงสามถึงสี่เมตรบินขึ้นมาจากเมฆหมอก มันร่วงลงบนพื้นดินและด้านล่างของมันก็จมลงไปในพื้น


 


“ในที่สุดก็ดึงแกขึ้นมาได้! นี่แกคืออะไรกัน?” หานเซิ่นดีใจ เขาลุกขึ้นจากพื้นและเดินเข้ามาหาลูกบาศก์สี่แกะ


 


เป่าเอ๋อและหมูน้อยก็รีบมาดูมันเช่นกัน พวกเขาเข้าล้อมลูกบาศก์สี่แกะเอาไว้


 


หลังจากที่เดินวนรอบๆ หานเซิ่นก็ยืนยันได้ว่าลูกบาศก์สี่แกะดูเหมือนกับรูปปั้นทองแดงธรรมดาๆ เขาไม่สามารถสัมผัสถึงพลังชีวิตใดๆจากมัน มันดูเหมือนกับวัตถุที่ไม่มีชีวิตชิ้นหนึ่ง


 


หานเซิ่นมองไปที่ใบหน้าของแกะทั้งสี่ตัวและเห็นว่าใบหน้าของมันดูเหมือนเดิม พวกมันกำลังปิดตาลงเหมือนกับพระสงฆ์ที่กำลังทำสมาธิ พวกมันไม่ได้กำลังเย้ยหยันใคร


 


“แปลกจริงๆ สาบานว่าเห็นสีหน้าอื่นบนใบหน้าของพวกมัน ทำไมตอนนี้ใบหน้าของพวกมันถึงไม่มีการเปลี่ยนแปลง?”

หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อมองดูมัน แต่เขาไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติ พลังย้อนเวลาของวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงดูเหมือนจะไม่ได้ผลกับมัน


 


“เจ้าสิ่งนี้มีชีวิตหรือไม่มีกันแน่?” หานเซิ่นสงสัย ถึงแม้มันจะไม่ได้ตอบสนองใดๆ แต่หานเซิ่นก็ไม่เชื่อว่ารูปปั้นนี่จะเป็นเพียงแค่วัตถุทองแดงธรรมดาๆ


 


หานเซิ่นลองชกหมัดออกไปใส่ลูกบาศก์สี่แกะและพบว่ารูปปั้นไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อหานเซิ่นเห็นแบบนั้น เขาก็รู้สึกมั่นใจว่านี่ไม่ใช่แค่วัตถุทองแดงธรรมดาๆ


 


ด้วยพลังของเขาแม้แต่สมบัติซีโน่เจเนอิคระดับราชันก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ลูกบาศก์สี่แกะนี้กลับไม่เป็นอะไรเลย นั่นหมายความว่าวัสดุของมันจะต้องเป็นอะไรที่พิเศษ


 


เป่าเอ๋อกระโดดขึ้นมาลูกบาศก์สี่แกะเพื่อจะดูมันใกล้ๆ หลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “พ่อ มันมีปลาสองตัว!”


 


“ปลา?” หานเซิ่นถาม เขาบินขึ้นไปเหนือลูกบาศก์สี่แกะ ด้านบนของลูกบาศก์สี่แกะนั้นเต็มไปด้วยน้ำและมันมีปลาทองสองตัวอยู่ภายใน พวกมันเป็นสีดำและขาว

 

 

 


ตอนที่ 2701

 

หัวของพวกมันเหมือนกับพระสงฆ์ และหางของพวกมันก็กางออกเหมือนกับปีกของผีเสื้อ ร่างกายของพวกมันอ้วนกลม นอกจากสีดำและขาวของพวกมันแล้ว พวกมันดูเหมือนกับปลาทองหัวสิงห์ พวกมันว่ายอย่างใจเย็นอยู่ภายในลูกบาศก์


 


เป่าเอ๋อนั่งยองๆลงบนลูกบาศก์สี่แกะและยื่นมือลงไปในน้ำเพื่อสัมผัสปลาทั้งสอง ปลานั้นอยู่ต่ำกว่าผิวน้ำเพียงแค่ไม่กี่นิ้ว แต่เป่าเอ๋อไม่สามารถเอื้อมมือไปถึงพวกมันได้ ถึงแม้แขนของเธอจะจุ่มลงไปในน้ำทั้งแขนแล้วก็ตาม เธอก็ไม่สามารถแตะต้องปลาทองทั้งสองได้


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาเอามีดเขี้ยวผีสิงออกมาและแทงใส่ปลาสีขาวที่อยู่ใต้น้ำ ปลาสีขาวตัวนั้นอยู่ใกล้กับผิวน้ำ แต่ในตอนที่หานเซิ่นปล่อยมีดลมปราณลงไป มีดลมปราณของเขาก็จมลงไปในน้ำโดยไม่ได้เข้าไปใกล้ปลาทองสีขาว


 


ปลาทั้งสองตัวดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงการโจมตีของหานเซิ่นเลยแม้แต่นิดเดียว และพวกมันยังคงว่ายไปมาอย่างช้าๆ ระยะทางจากผิวน้ำไม่กี่นิ้วเหมือนกับเป็นความยาวของทั้งระบบสุริยะจักรวาล ไม่ว่ามีดลมปราณของหานเซิ่นจะน่ากลัวสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถผ่านน้ำไปถึงตัวของปลาทองที่อยู่ข้างในได้


 


‘ลูกบาศก์สี่แกะนี้แปลกจริงๆ’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง เขายื่นมือออกไปจับลูกบาศก์และพลิกมันเอียงไปด้านข้าง ซึ่งน้ำก็เริ่มจะไหลออกมา


 


น้ำทะลักออกมาอย่างรุนแรงราวกับเขื่อนแตก น้ำไหลออกมาอย่างรวดเร็วจนดูเหมือนกับว่ามันจะก่อตัวเป็นทะเลสาบอีกทะเลสาบหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นระดับน้ำในลูกบาศก์ก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย


 


‘สิ่งนี่คืออะไรกัน?’ หานเซิ่นคิด ลูกบาศก์สี่แกะเป็นอะไรที่แปลกเกินไป แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร


 


ถ้าลูกบาศก์นี้เป็นระดับเทพเจ้า มันก็ยังคงแปลกที่หานเซิ่นไม่สามารถสัมผัสพลังของมันได้ และถ้ามันเป็นเพียงแค่วัตถุธรรมดาๆ มันก็ไม่ควรจะกักเก็บน้ำที่มากมายขนาดนั้นเอาไว้ได้


 


หานเซิ่นพยายามครุ่นคิด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นว่าเป่าเอ๋อได้ปีนขึ้นไปบนหนึ่งในหัวแกะทองแดง และเธอก็ใช้เท้าของเธอเหยียบลงบนหัวของมัน


 


เป่าเอ๋อดูจะยังคงโกรธเคือง เธอจำได้ว่าทุกครั้งที่ลูกบาศก์จมกลับลงไปในเมฆหมอกของทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ พวกมันจะเย้ยหยันเธอ ด้วยเหตุนั้นเธอต้องการจะเหยียบหัวแกะเพื่อระบายความโกรธ


 


แต่ในตอนที่เธอเริ่มเหยียบหัวของมัน มันก็มีเสียงดังขึ้นมา หัวของแกะถูกกดลงโดยเท้าของเป่าเอ๋อ มันเหมือนกับว่าหัวแกะก้มลงไปเพื่อจะกินหญ้าบนพื้น


 


เป่าเอ๋อดูแปลกใจกับเรื่องนี้ เธอไม่ได้คาคคิดว่าลูกบาศก์สี่แกะจะบอบบางขนาดนี้


 


หานเซิ่นรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในตอนแรกที่เขาชกใส่ลูกบาศก์ เขาพบว่ามันเป็นวัตถุที่แข็งแรงมากๆ แต่ทว่าหัวแกะทองแดงกลับถูกเหยียบลงง่ายดายทั้งๆเป่าเอ๋อแค่เหยียบมันเบาๆสองครั้ง


 


‘ถ้าเป่าเอ๋อไม่ได้ใช้พลังพิเศษเพื่อทำแบบนั้น แบบนั้นลูกบาศก์…’

ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิดอยู่นั้น เขาก็เห็นปลาทองที่อยู่ในลูกบาศก์ว่ายเร็วขึ้น


 


ขณะที่ปลาทองทั้งสองว่ายด้วยความเร็วสูง น้ำก็เริ่มจะหมุนจนกระทั่งก่อให้เกิดเป็นวังวนขึ้นมา


 


หานเซิ่นรู้สึกว่าจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น เขารีบคว้าตัวเป่าเอ๋อเพื่อจะเทเลพอร์ตออกห่างจากลูกบาศก์ แต่หลังจากที่เขาอุ้มเป่าเอ๋อขึ้นมา เขาก็รู้สึกตัวว่ามันสายเกินไปแล้ว มันมีพลังดูดที่รุนแรงออกมาจากลูกบาศก์และดึงเขากับเป่าเอ๋อเข้าไปสู่วังวนที่เกิดขึ้น


 


หมูทั้งสิบหกตัวก็ถูกดูดเข้าไปด้วยเช่นกัน พวกมันหมุนวนไปรอบๆร่วมกับหานเซิ่นและเป่าเอ๋อ


 


หานเซิ่นจับตัวเป่าเอ๋อเอาไว้แน่นและพยายามจะหนีไป แต่โลกรอบๆตัวเขาตกอยู่ในความโกลาหล ในตอนที่เขาควบคุมตัวเองได้แล้ว เขาก็ชะงักไป ลูกบาศก์สี่แกะตั้งอยู่ไม่ไกลจากเขาและปลาทองทั้งสองก็กำลังว่ายไปน้ำอย่างช้าๆ วังวนได้หายไปแล้ว และหัวแกะที่เป่าเอ๋อเหยียบก็เงยกลับขึ้นมาเหมือนกับหัวแกะอื่นอีกครั้ง มันเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น


 


หมูน้อยทั้งสิบหกตัวก็ออกมาจากน้ำเช่นเดียวกัน พวกมันยืนเรียงกันบนขอบของลูกบาศก์ ขณะที่เขย่าตัวเพื่อสลัดน้ำออกจากผิวของพวกมัน


 


ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สภาพแวดล้อมรอบๆแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง หานเซิ่นกำลังอยู่ที่ริมทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์เมื่อครู่นี้ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในที่ที่ต่างออกไป ขณะที่มองไปรอบๆ หานเซิ่นไม่คิดว่าตัวเองยังคงอยู่ในเอาท์เตอร์สกายด้วยซ้ำ


 


รอบๆตัวพวกเขาเต็มไปด้วยปราสาท แต่มันไม่เหมือนกับปราสาทที่ถูกพบเห็นได้ในเอาท์เตอร์สกาย ปราสาทพวกนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นบนภูเขา พวกมันถูกสร้างขึ้นบนทะเลแทน


 


มันมีปราสาทที่แตกต่างกันออกไปตั้งอยู่บนทะเลที่ดูไร้ที่สิ้นสุด พวกมันเป็นเหมือนกับเกาะที่กระจายออกไปตามมหาสมุทร


 


“ที่นี่ที่ไหนกัน?” หานเซิ่นมองไปรอบๆ นอกจากปราสาทแล้ว มันก็ไม่มีอะไรให้เห็น มันดูเหมือนจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอะไรอยู่รอบๆเช่นกัน


 


ทะเลใต้พวกเขาดูลึกไร้ก้นบึ้ง แต่มันไม่ได้เหมือนกับทะเลธรรมดาๆ ทะเลที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ไม่ได้เป็นสีฟ้า มันโปร่งใสราวกับคริสตัลและมันก็ไม่คลื่นทะเลแม้แต่น้อย น้ำของทะเลดูสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด


 


“พ่อ ดวงอาทิตย์ดูแปลกๆ” เป่าเอ๋อชี้ไปที่ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า เธอมองไปที่มันด้วยความสงสัย


 


หานเซิ่นไม่ได้สังเกตดวงอาทิตย์ แต่ตอนนี้เมื่อเป่าเอ๋อชี้นิ้วไป เขาก็มองตามไป และต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น


 


ดวงอาทิตย์นั้นจะปลดปล่อยแสงและความร้อน แต่ดวงอาทิตย์ของที่นี่เป็นอะไรที่แปลกประหลาด การจะเรียกมันว่า “ดวงอาทิตย์” ดูจะเป็นการเรียกที่ผิด มันเป็นเหมือนกับนาฬิกาบนท้องฟ้ามากกว่า


 


หน้าปัดของนาฬิกามีเข็มสามเข็มที่มีความยาวและความหนาแตกต่างกัน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นตัวแทนของวินาที นาทีและชั่วโมง


 


ถึงแม้มันจะไม่มีหมายเลขบนหน้าปัดนาฬิกา แต่ตำแหน่งของเข็มดูเหมือนจะกำลังแสดงเวลาสิบสองนาฬิกา


 


‘ปราสาทบนทะเลอันเงียบสงัดที่มีดวงอาทิตย์เป็นนาฬิกา… นี่พวกเราถูกพามาในสถานที่แบบไหนกันแน่?’ หานเซิ่นคิดอย่างเป็นกังวล


 


เหล่าปราสาทลอยอย่างสงบนิ่งอยู่บนทะเลโดยที่ไม่มีอะไรคอยค้ำจุน แม้แต่ลูกบาศก์สี่แกะเองก็ลอยอยู่บนผิวน้ำได้ ทุกอย่างรอบๆตัวพวกเขาดูเงียบสงัด ตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงที่นี่ หานเซิ่นก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรจากรอบๆเลยแม้แต่นิดเดียว


 


ปลาทองสองตัวภายในลูกบาศก์ยังคงว่ายไปมา พวกมันดูเหมือนจะกำลังเล่นกันอยู่ในน้ำ


 


ขณะที่หานเซิ่นหันมองปราสาทรอบๆที่กระจายตัวกันออกไปทั่วทะเล เขาก็สงสัยว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี ขณะที่เขาครุ่นคิดอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากระยะไกล


 


เสียงระฆังดังกังวานไปทั่วบริเวณ หานเซิ่นเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าเพื่อดูดวงอาทิตย์ที่เหมือนกับนาฬิกา เข็มทั้งสามเข็มชี้ไปที่ด้านบนสุด สำหรับนาฬิกาปกตินั่นจะหมายถึงเที่ยงวันหรือเที่ยงคืน

 

 

 


ตอนที่ 2702

 

เสียงระฆังดังก้องไปทั่วมหาสมุทร มันแปลกมากๆที่จะได้ยินเสียงดังก้องขนาดนี้ในสถานที่ที่ก่อนหน้านี้เงียบสนิท


 


“ห้าครั้ง… หกครั้ง…” หานเซิ่นนับเสียงระฆังอยู่ในใจ เขานับไปจนถึงเลขสิบสองก่อนที่เสียงระฆังจะเงียบไป


 


หลังจากที่เสียงระฆังหยุดไป ประตูของปราสาทก็เปิดออก บางส่วนของปราสาทดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นจากโลหะที่ทันสมัย ขณะที่บางส่วนดูเก่าแก่อย่างมาก แต่ไม่ว่าลักษณะภายนอกของพวกมันจะเป็นยังไง ประตูของปราสาททุกหลังก็เปิดออกอย่างพร้อมเพรียงกัน ราวกับว่าพวกมันถูกเปิดโดยระบบอัตโนมัติ


 


ในตอนที่ประตูของปราสาทเปิดออก สัมผัสของชีวิตก็กลับมาสู่มหาสมุทรที่ก่อนหน้านี้ดูรกร้างว่างเปล่า


 


แม้แต่คนที่เกือบจะหูหนวกก็ยังได้ยินเสียงฝีเท้าเหล่านั้น ทุกฝีเท้าเป็นเหมือนกับแผ่นดินไหวเล็กๆ


 


เสียงฝีเท้าที่เหมือนกับแผ่นดินไหวดึงดูดสายตาของหานเซิ่นไปทางปราสาท และไม่นานเขาก็เห็นบางสิ่งออกมาจากประตูปราสาท


 


ยักษ์ตัวสูงกว่าหนึ่งร้อยเมตรก้าวออกมา ถึงแม้มันจะตัวใหญ่ แต่มันก็ไม่ได้ดูเชื่องช้าเลยแม้แต่น้อย มันเคลื่อนไหวร่างกายที่ใหญ่มหึมาด้วยความสง่างาม


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว ขณะที่สังเกตกุญแจมือที่คล้องแขนและขาของยักษ์อยู่ ดวงตาของยักษ์ดูขาดความมีชีวิตชีวามากๆ ราวกับว่ามันกำลังเหม่อลอย


 


หานเซิ่นรู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่ายักษ์นั่นไม่ใช่แค่ตนเดียวที่ออกมา ตอนนี้ด้านหน้าทุกปราสาทในมหาสมุทรมียักษ์ออกมายืนอยู่


 


ยักษ์ตนอื่นเองก็ถูกล่ามเช่นเดียวกัน และดวงตาของพวกมันก็ดูไร้ชีวิตชีวา พวกมันยืนอยู่ตรงหน้าปราสาทอย่างเงียบๆ


 


“พวกมันมีร่างกายที่ใหญ่โตขนาดนั้น แต่พวกมันกลับไม่จมลงไป ทั้งๆที่พวกมันกำลังยืนอยู่บนทะเล ถึงอย่างนั้นกระแสน้ำก็ดูเหมือนจะกำลังเคลื่อนพวกมันไป พวกมันทั้งหมดถูกดึงไปในทิศทางเดียวกัน” หานเซิ่นลังเล เขาไม่แน่ใจว่าควรจะตามไปดีหรือเปล่า


 


หานเซิ่นเคยไปเยือนสถานที่ที่แปลกประหลาดมากมาย ดังนั้นถึงสถานที่แห่งนี้จะแปลกมากๆ แต่หานเซิ่นก็ไม่ได้สั่นคลอน แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือการมีอยู่ของยักษ์เหล่านั้น


 


ยักษ์แต่ละตนปล่อยออร่าที่หนักแน่นออกมา หานเซิ่นจึงสงสัยว่าพวกมันเป็นระดับเทพเจ้าหรือเปล่า


 


แต่ขณะที่หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมัน เขาก็รู้สึกตัวว่าเห็นยักษ์สองร้อยถึงสามร้อยตน ถ้าพวกมันทั้งหมดเป็นระดับเทพเจ้า เขาก็ไม่อาจจะจินตนาการได้ว่าเผ่าพันธุ์ไหนที่มีระดับเทพเจ้าอยู่มากมายขนาดนี้


 


ที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านั้นคือความจริงที่ยักษ์เหล่านี้ถูกปฏิบัติเหมือนกับนักโทษ แขนและขาของพวกมันถูกล่ามและมีบางสิ่งผิดปกติในดวงตาของพวกมัน ใครกันจะขังเหล่ายักษ์ได้แบบนี้?


 


หานเซิ่นอยากจะตามไปเพื่อหาความจริง แต่เขาคิดว่ามันเป็นอะไรที่อันตรายเกินไป ถ้าบางสิ่งสามารถกักขังยักษ์เหล่านี้ได้ มันก็อาจจะสัมผัสได้ถึงตัวตนของหานเซิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาตามไป


 


‘อย่าดีกว่า เราควรรีบหาทางออกไปจากที่แห่งนี้’ หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อขึ้นมา


 


“พ่อจะไม่ตามไปดูหรอ?” เป่าเอ๋อถามขณะที่มองดูเหล่ายักษ์ที่เคลื่อนไปกับกระแสน้ำ


 


“ตอนนี้มันอันตรายเกินไป พวกเราควรหาทางออกไปจากที่นี่ก่อน”

หานเซิ่นตอบ หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหาลูกบาศก์สี่แกะ เขาจำได้ว่าเป่าเอ๋อเหยียบบนหัวแกะตัวหนึ่ง ก่อนที่วังวนจะก่อตัวขึ้นมาและพาพวกเขามายังสถานที่แห่งนี้


 


“ตอนนี้พวกเราต้องลองเสี่ยงดู” หานเซิ่นบอกให้พวกหมูน้อยลงไปในสระน้ำบนลูกบาศก์สี่แกะ หลังจากนั้นเขาก็จะตามพวกมันลงไปพร้อมกับเป่าเอ๋อ


 


เมื่อเท้าของหานเซิ่นเหยียบลงบนหัวแกะทองแดง ปลาทองทั้งสองตัวก็เริ่มว่ายอย่างบ้าคลั่ง และน้ำในลูกบาศก์ก็ก่อตัวเป็นวังวนอีกครั้งหนึ่ง


 


“พวกเราจะต้องกลับไป” หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดที่ออกมาจากลูกบาศก์ หลังจากนั้นเขาและเป่าเอ๋อก็ถูกดูดเข้าไปในวังวน พวกหมูน้อยเองก็ถูกดูดเข้าไปเช่นเดียวกัน


 


ในตอนที่น้ำหยุดลง หานเซิ่นก็ออกมาจากลูกบาศก์ เขารู้สึกดีใจเมื่อเห็นว่าตัวเองกลับมาที่ริมทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์อีกครั้ง


 


‘นี่ลูกบาศก์สี่แกะเป็นเครื่องเทเลพอร์ตอย่างนั้นหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นมันส่งพวกเราไปที่ไหนกันแน่ แล้วยักษ์เหล่านั้นคืออะไรกัน?’

หานเซิ่นมองไปที่ลูกบาศก์สี่แกะ ขณะที่ครุ่นคิดคำถามเหล่านี้

‘ถ้ารูปปั้นหัวแกะอันนี้มีความสามารถในการเทเลพอร์ต หัวแกะที่เหลือจะทำอะไรได้ พวกมันจะทำงานต่างออกไปหรือว่าพวกมันจะส่งเราไปในสถานที่อื่นที่ไม่ใช่ทะเลนั่นกัน?’


 


ยิ่งหานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมัน ความอยากรู้ของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาไม่อยากจะเสี่ยง ถ้าสัญชาตญาณของเขาถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องที่ยักษ์เหล่านั้นเป็นระดับเทพเจ้า สถานที่ที่พวกเขาเทเลพอร์ตไปก็ต้องเป็นสถานที่ที่อันตรายมากๆ


 


เมื่อดูจากเรื่องนั้น หานเซิ่นก็เชื่อว่าหัวแกะทองแดงที่เหลือก็คงจะพาเขาไปในสถานที่ที่อันตรายเช่นเดียวกัน


 


ถึงหานเซิ่นจะแข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่เขาก็ยังคงมีข้อเสีย เขาเป็นคนที่ขี้สงสัยเกินไป เขารู้ว่าทะเลที่เต็มไปด้วยเหล่ายักษ์นั้นอันตรายแค่ไหน แต่ตอนนี้เมื่อเขาค้นพบสถานที่ปริศนา มันก็ทำให้เขาจะเป็นบ้า ถ้าเขาไม่ไปดูและเปิดเผยความลับของมัน


 


“เป่าเอ๋อ หนูรอพ่ออยู่ที่นี่” หานเซิ่นวางเปล่าเอ๋อลง เขาคิดจะกลับไปที่นั่นตามลำพัง


 


“พ่อ หนูจะไปกับพ่อด้วย” เป่าเอ๋อจับขาของหานเซิ่นเอาไว้


 


“ที่แห่งนั้นอันตรายเกินไป พ่อจะไปดูลาดเลาก่อน ถ้ามันเป็นสถานที่ที่สนุก พ่อจะกลับมาพาหนูไปด้วย” หานเซิ่นปลอบเป่าเอ๋ออยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะยอมปล่อยเขาไป


 


หานเซิ่นพาเป่าเอ๋อออกห่างจากลูกบาศก์สี่แกะ ก่อนที่เขาจะกลับไปใช้มือกดที่หัวของแกะทองแดง


 


ปลาทองทั้งสองเริ่มว่ายเป็นวงกลมเหมือนกับครั้งก่อน พวกมันสร้างวังวนขึ้นในน้ำและดูดหานเซิ่นเข้าไปข้างใน


 


ในตอนที่หานเซิ่นออกมาจากลูกบาศก์สี่แกะ เขาก็พบว่าตัวเองมายืนอยู่บนทะเลที่กว้างใหญ่อีกครั้ง ตอนนี้ยักษ์ทั้งหมดได้หายไปแล้ว เขามองไปยังดวงอาทิตย์ที่เป็นนาฬิกาและเห็นว่ามันผ่านไปแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น


 


ตูม!


 


ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากทางที่เหล่ายักษ์หายตัวไป เขาสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลจากทิศทางนั้น


 


ขณะที่พลังสั่นสะเทือนอากาศโดยรอบ สีหน้าของหานเซิ่นก็เปลี่ยนไป เขาคิดกับตัวเอง

‘คลื่นกระแทกนั่น… มันเหมือนกับวิชาเบรกซิกซ์สกาย ยักษ์พวกนั้นคือเผ่าเบรกสกายในตำนานอย่างนั้นหรอ?’


 


เบรกซิกซ์สกายเป็นวิชาจีโนลับของเผ่าเบรกสกาย เผ่าเดสทรอยเยอร์เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่มีสายเลือดของเบรกสกายอยู่ในตัว แต่พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนอย่างเผ่าเบรกสกายในอดีต


 


ตำนานบอกเอาไว้ว่าเผ่าเบรกสกายไม่สามารถสืบพันธ์ได้ ซึ่งทำให้จำนวนของพวกเขาลดน้อยลงเรื่อยๆ ถ้าพวกเขาต้องการจะสืบสายเลือดของตัวเอง พวกเขาจำเป็นต้องผสมพันธุ์กับเผ่าพันธุ์อื่นเพื่อสร้างลูกผสมอย่างเผ่าเดสทรอยเยอร์


 


ถ้ายักษ์เหล่านั้นเป็นเผ่าเบรกสกายจริงๆ แบบนั้นตำนานเกี่ยวกับการสูญพันธุ์ของเผ่าเบรกสกายก็อาจจะไม่เป็นความจริง

 

 

 


ตอนที่ 2703

 

หานเซิ่นรีบไปดูโดยไม่ลังเล เขาบินไปในทางที่พวกยักษ์หายตัวไป เขาไม่กล้าจะเทเลพอร์ต เขาแค่บินไปอย่างช้าๆ ขณะที่พยายามจะปิดบังพลังของตัวเอง เนื่องจากการเทเลพอร์ตจะสร้างการกระเพื่อมของมิติ ซึ่งยอดฝีมือระดับสูงจะสัมผัสถึงมันได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นหานเซิ่นต้องการจะหลีกเลี่ยง มันจะดีกว่าถ้าเขาบินไปอย่างช้าๆและเงียบเชียบ เขาไม่ต้องการจะดึงความสนใจของคนอื่น


 


ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!


เสียงระเบิดดังขึ้นติดๆกัน คลื่นกระแทกที่รุนแรง ทำให้หานเซิ่นเริ่มมั่นใจว่ามันเป็นพลังเบรกซิกซ์สกายจริงๆ เขาฝึกเบรกซิกซ์สกายมาก่อน แต่เขาไม่เคยใช้มันสร้างคลื่นกระแทกได้ทรงพลังขนาดนี้ ดังนั้นใครก็ตามที่กำลังใช้เบรกซิกซ์สกายอยู่จะต้องแข็งแกร่งกว่าเขา


 


“ยักษ์เหล่านั้นเป็นเผ่าเบรกสกายจริงๆหรอเนี่ย? พวกมันมาทำอะไรอยู่ที่นี่?”

หานเซิ่นรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เขาต้องการจะเทเลพอร์ตไปข้างหน้าเพื่อดูว่าพวกมันกำลังทำอะไร


 


คลื่นกระแทกที่รุนแรงอาจจะบ่งบอกถึงการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้น แต่หานเซิ่นไม่สามารถสัมผัสถึงพลังจากวิชาจีโนอื่นๆเลย ถ้าพวกยักษ์กำลังต่อสู้กับคนกลุ่มอื่นอยู่ หานเซิ่นก็ควรจะตรวจจับได้ถึงพลังที่แตกต่างออกไปจากเบรกซิกซ์สกาย


 


“หรือบางทียักษ์เหล่านั้นจะกำลังฆ่ากันเอง?” ถึงแม้หานเซิ่นอยากจะรู้ความจริงแค่ไหน เขาก็ยังคงอดทนและบินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ


 


ทะเลที่เคยสงบนิ่งกลับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงด้วยพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมา หานเซิ่นบินไประหว่างคลื่นเพื่อซ่อนตัวจากการถูกสังเกตเห็น


 


ทะเลแห่งนี้แปลกประหลาดเหนือจินตนาการ หานเซิ่นบินมาหลายสิบไมล์ แต่เขาก็ยังไม่เห็นสาหร่ายทะเลหรือสิ่งมีชีวิตอื่นเลย ทะเลแห่งนี้ดูเหมือนกับทะเลที่ถูกสร้างขึ้นมาจากน้ำกลั่นที่ไม่มีอากาศและปราศจากแบคทีเรีย


 


ปราสาทที่ลอยอยู่บนผิวน้ำตอนนี้อยู่เบื้องหลังหานเซิ่น เขาผ่านปราสาทกว่าสามร้อยหลังขณะที่บินมา แต่นั่นดูเหมือนจะเป็นทั้งหมดแล้ว


 


“ถ้าปราสาทแต่ละหลังมียักษ์หนึ่งตน แบบนั้นมันก็หมายความว่ามียักษ์สามร้อยตนอยู่ที่นี่ นั่นเป็นระดับเทพเจ้าจำนวนมาก! มันเกือบจะยิ่งใหญ่เหมือนกับตำนานที่เราได้ยินเกี่ยวกับเผ่าเซเคร็ด คนแบบไหนกันที่กักขังพวกเขาเอาไว้ที่นี่?” หานเซิ่นเริ่มรู้สึกกังวลเกี่ยวกับความแปลกประหลาดของสถานการณ์ทั้งหมดนี้


 


ที่สุดแล้วหานเซิ่นก็เห็นภูเขาลูกหนึ่งปรากฏที่ขอบฟ้า ภูเขาลูกนั้นค่อยๆบดบังทัศนวิสัยของเขามากขึ้นเรื่อยๆขณะที่เขาบินไปข้างหน้า


 


ยักษ์ที่อาจจะเป็นเผ่าเบรกสกายไปยืนรวมตัวกันอยู่ที่ตีนภูเขาลูกนั้น พวกมันทั้งหมดกำลังแกว่งหมัดใส่ภูเขา


 


คลื่นกระแทกจากหมัดของพวกมันซัดมาสู่ตัวเขา และหานเซิ่นก็ยืนยันถึงธรรมชาติของพลังพวกมันได้ มันเป็นวิชาเบรกซิกซ์สกายจริงๆ


 


แต่สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นประหลาดใจคือเรื่องที่พวกมันไม่ได้กำลังต่อสู้ พวกมันกำลังใช้พลังของเบรกซิกซ์สกายเพื่อขุดหิน


 


ยักษ์ทั้งสามร้อยตัวดูเหมือนกับนักโทษที่ถูกใช้ให้ขุดเหมือง พวกมันชกใส่ภูเขาซ้ำๆและทำลายหินของภูเขาไปทีละนิด


 


ภูเขามีสีเทา แต่หานเซิ่นไม่รู้ว่าหินของภูเขาเป็นหินแบบไหนกันแน่ ถึงแม้พวกยักษ์จะปลดปล่อยพลังมหาศาลใส่ภูเขา แต่พวกมันก็ทำได้แค่สร้างรูขนาดเท่ากำปั้นเท่านั้น


 


ยักษ์ทั้งสามร้อยตนแกว่งหมัดอย่างไม่หยุดยั้งราวกับเครื่องจักร แต่ภูเขามีขนาดใหญ่เกินไป ในตอนที่เปรียบเทียบความคืบหน้าในการทำงานของพวกยักษ์ มันก็เห็นได้ชัดว่างานแทบจะไม่คืบหน้าเลยสักนิดเดียว


 


“พวกมันกำลังทำอะไรกันอยู่ หมัดของพวกมันทำลายก้อนหินจนแหลกละเอียด ดังนั้นพวกมันคงจะไม่ได้ต้องการก้อนหินพวกนั้น” หานเซิ่นมองไปที่ภูเขาด้วยความสงสัย


 


หานเซิ่นยังคงบินต่อไปเพื่อตรวจเช็คบริเวณใกล้เคียง แต่นอกจากภูเขากับยักษ์สามร้อยตนแล้ว เขาก็ไม่เห็นอะไรอย่างอื่นเลย มันมีแค่น้ำทะเลในทุกทิศทางที่เขามองออกไป


 


หานเซิ่นเข้าไปใกล้ภูเขาอีกนิดหนึ่ง แต่เขาไม่กล้าเข้าไปใกล้จนเกินไป เขากังวลว่ามันอาจจะมีสิ่งชีวิตอื่นที่ซ่อนตัวอยู่


 


หานเซิ่นใช้เวลามองดูพวกยักษ์อยู่สักพัก แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าพวกมันกำลังทำอะไรกันอยู่


 


‘พวกมันคิดจะกำจัดภูเขาลูกนี้ออกไปให้พ้นทางอย่างนั้นใช่ไหม? หรือว่าบางทีในภูเขาลูกนี้อาจจะมีสมบัติอยู่?’ หานเซิ่นคิดด้วยความสนใจ


 


หานเซิ่นสังเกตภูเขาอย่างละเอียด ไม่มีใครรู้ว่ายักษ์ทั้งสามร้อยตนทำงานนี้มานานแค่ไหนแล้ว แต่พวกมันก็ขุดได้แค่ส่วนน้อยของตีนภูเขา ถ้าพวกมันคิดจะขุดอุโมงค์ มันก็ต้องใช้เวลาอีกนานแสนนาน


 


‘ดูจากวิธีการที่พวกมันใช้ ดูเหมือนกับว่าพวกมันพยายามจะกำจัดภูเขาไปให้พ้นทางมากกว่าที่จะพยายามขุดเข้าไปในภูเขา’

หานเซิ่นคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว เขาตัดสินใจว่าจะบินไปอีกด้านหนึ่งของภูเขา บางทีเขาอาจจะได้ข้อมูลที่มาไขข้อสงสัยให้กระจ่าง


 


หานเซิ่นบินรอบภูเขาได้ไม่นานก่อนที่เขาจะได้เห็นบางสิ่ง เขาต้องหยุดชะงักไปเมื่อได้เห็นมัน


 


มันมีเสาโลหะขนาดใหญ่ถูกดันเข้าไปในภูเขา มันดูเป็นบางสิ่งที่เหมือนกับเสาสกายก็อต


 


แต่ที่น่าแปลกยิ่งกว่าคือความจริงที่เสาโลหะแทงทะลุผ่านอกของยักษ์ตนหนึ่งอยู่ และมันก็ตรึงยักษ์ตนนั้นไว้กับภูเขา


 


ยักษ์ตนนั้นดูแข็งแกร่งยิ่งกว่ายักษ์ตนอื่น ชุดเกราะของมันเต็มไปด้วยเลือดที่แห้งเป็นสะเก็ด เส้นผมสีขาวที่เปื้อนเลือดยาวลงมาปกปิดใบหน้าของยักษ์ตนนั้น


 


หานเซิ่นไม่สามารถสัมผัสถึงพลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่นี้ได้ แต่เขาสัมผัสได้ถึงตัวตนของมัน มันเป็นอะไรที่ยากจะบรรยาย แต่จู่ๆเขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา


 


ยักษ์ที่ถูกตรึงกับภูเขาได้ตายไปแล้ว แต่หานเซิ่นยังรู้สึกราวกับว่าตัวตนของมันสามารถทลายดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้ มันเหมือนกับว่าท้องฟ้าและผืนดินถูกบังคับให้เชื่อฟังสัตว์ประหลาดตนนี้


 


“สิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วจะมีพลังแบบนี้ได้ยังไงกัน? และในตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่ มันจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกัน?”

หานเซิ่นรู้สึกตกใจ “นี่พวกยักษ์พยายามจะเคลื่อนย้ายภูเขาเพื่อนำร่างนี้ลงมาอย่างนั้นหรอ? แต่ถ้าเป็นแบบนั้น นั่นก็ดูเป็นอะไรที่โง่เขลา มันไม่ง่ายกว่าหรอที่จะขุดรอบเสาโลหะที่ตรึงร่างของยักษ์ตนนั้น? ถ้าพวกมันยังขุดตามเส้นทางต่อไป พวกมันก็ต้องขุดจนเกือบจะทะลุผ่านภูเขาเพื่อนำร่างนั้นลงมา”


 


หานเซิ่นไม่เข้าใจสิ่งที่พวกยักษ์กำลังคิด เขายังคงบินรอบๆภูเขาต่อไปเพื่อดูว่าจะหาอะไรอย่างอื่นได้ไหม


 


หานเซิ่นรู้สึกผิดหวังที่ไม่พบอะไรอย่างอื่น นอกจากร่างของยักษ์ที่ถูกตรึงไว้กับภูเขา


 


‘ยักษ์พวกนี้คงจะต้องการนำร่างนั้นลงมาจริงๆ แต่วิธีการขุดของพวกมันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด มันคงจะมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้พวกมันนำร่างนั้นลงมาไม่ได้’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง


 


หานเซิ่นมองดูพวกมันอยู่สักพัก เหล่ายักษ์ใช้หมัดของตัวเองชกใส่หินอย่างไม่ลดละ หานเซิ่นทำการคำนวณว่าโดยใช้ความเร็วในการทำงานของพวกมันในตอนนี้ ซึ่งมันต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งหมื่นปีก่อนที่พวกมันจะทำลายภูเขาทั้งลูกได้


 


เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง หานเซิ่นเงยหน้าขึ้นไปและเห็นเข็มทั้งสามชี้ไปที่ด้านบนสุดอีกครั้ง นั่นหมายถึงเวลาสิบสองนาฬิกา


 


เมื่อได้ยินเสียงระฆัง พวกยักษ์ที่กำลังชกใส่ภูเขาก็หยุดมือ หลังจากนั้นพวกมันทั้งหมดก็หันกลับหลังและเดินทางกลับไปยังสถานที่ที่พวกมันออกมา


 


หลังจากที่พวกยักษ์จากไปแล้ว หานเซิ่นก็เห็นบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ

 

 

 


ตอนที่ 2704

 

ไม่นานภูเขาที่เหล่ายักษ์เพิ่งจะขุดไปก็เริ่มกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างช้าๆ ทุกรูที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหมัดของพวกยักษ์ถูกเติมเต็ม ภูเขาลูกนี้ฟื้นฟูตัวเองได้ หานเซิ่นอึ้งไปเมื่อเห็นแบบนั้น และเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มองผิดไป หานเซิ่นจึงอยู่ที่นั่นต่ออีกสักพัก ซึ่งรูที่พวกยักษ์สร้างขึ้นเล็กลงเรื่อยๆ นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้ตาฝาดไป ภูเขากำลังฟื้นฟูตัวเองอยู่จริงๆ


 


ขณะที่หานเซิ่นกำลังจ้องมองมันอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา ในตอนที่เสียงนั้นมาถึงหูของเขา หัวของหานเซิ่นก็เริ่มเบลอๆ และเขาก็ร่วงลงไปในทะเลที่อยู่ด้านล่าง


 


หานเซิ่นรีบใช้พลังต่อต้านพลังเสียงนั้น และเขาก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แต่เขายังคงรู้สึกปวดหัวอยู่ เขาไม่สามารถปิดกั้นเสียงได้อย่างสมบูรณ์


 


การจะพาตัวเองกลับขึ้นมาจากน้ำนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ในจังหวะที่หัวของเขาพ้นผิวน้ำขึ้นมา เขาก็ได้ยินเสียงนั่นอย่างชัดเจนอีกครั้ง และเขาก็รู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วเสียงนั่นดังมาจากเสาโลหะ เสาโลหะกำลังหมุนเหมือนกับสว่านและลวดลายบนเสาก็เรืองแสงออกมา แสงนั่นหมุนร่วมกับเสาโลหะและเจาะทะลวงเข้าไปในอกของยักษ์ที่ถูกตรึงเอาไว้ เลือดไหลออกมาจากบาดแผลและกระจายไปทั่วชุดเกราะ


 


หานเซิ่นเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วชุดเกราะของยักษ์ไม่ได้เป็นสีแดง แต่มันถูกย้อมด้วยเลือกที่ไหลออกมา


 


เลือดนั้นแปดเปื้อนเส้นผมของยักษ์มาอย่างยาวนานเช่นเดียวกัน มีเพียงแค่ส่วนบนของเส้นผมเท่านั้นที่ยังคงเป็นสีขาวเงิน


 


ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าร่างของยักษ์ที่ถูกตรึงไว้กับภูเขาเป็นเพียงแค่ศพ แต่ทว่าในจังหวะที่เสาโลหะหมุน หานเซิ่นก็สัมผัสได้ถึงการสั่นของร่างกาย ดูเหมือนกับว่ายักษ์ตนนั้นกำลังประสบกับความเจ็บปวดเหนือจินตนาการ


 


‘หมอนั่นยังมีชีวิต!’ หานเซิ่นตกตะลึง


 


“เจ้าเป็นใคร? ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”

ขณะที่หานเซิ่นกำลังครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง เขาก็ได้ยินเสียงพูด เสาโลหะยังคงเจาะทะลวงอกของยักษ์อย่างโหดร้าย แต่ถึงอย่างนั้นเจ้ายักษ์ก็หันหน้ามาทางหานเซิ่นและพูดด้วยเสียงที่ดังกระหึ่ม ถึงแม้ยักษ์ตนนั้นจะแค่มองมาที่เขา แต่มันก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา


 


เสียงของยักษ์ตนนั้นดูสั่นๆขณะที่พูดออกมา ดูเหมือนกับว่ามันกำลังประสบกับความเจ็บปวด


 


“และเจ้าล่ะเป็นใคร? ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?” หานเซิ่นบินขึ้นจากน้ำและพยายามสร้างระยะห่างระหว่างตัวเขากับยักษ์ตนนั้น เขาถอยออกไปในระยะที่ปลอดภัย ก่อนที่จะถามกลับ


 


ยักษ์ที่น่ากลัวยังคงจ้องมาที่หานเซิ่น เขาไม่ได้หันหน้าหนี หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็พูดขึ้นมา

“ถ้าเจ้ามาที่นี่ได้ เจ้าก็ควรจะรู้ว่าข้าเป็นใครไม่ใช่หรอ?”


 


“ทำไมข้าถึงต้องรู้ว่าเจ้าเป็นใคร?” หานเซิ่นถามอีกครั้งพร้อมกับถอยออกไปไกลยิ่งกว่าเดิม


 


ยักษ์ตนนั้นดูแปลกใจ หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา

“ถ้าเจ้าไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร แบบนั้นก็เยี่ยมไปเลย นั่นหมายความว่าเจ้าไม่รู้จักว่าผู้นำเซเคร็ดเป็นใคร”


 


“เจ้าคือผู้นำเซเคร็ด?” หานเซิ่นตกใจ เขามองไปที่ยักษ์ตนนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ


 


ในตอนที่ยักษ์ตนนั้นได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นพูด เขาก็ดูแปลกใจเช่นเดียวกัน เขามองหานเซิ่นด้วยสีหน้าแปลกๆ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา มันดูเหมือนกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่


 


เมื่อเห็นยักษ์ตนนั้นเงียบไป หานเซิ่นก็ถามอีกครั้ง

“เจ้าเป็นใคร? ทำไมเจ้าถึงถูกตรึงไว้กับภูเขานี่?”


 


ยักษ์ที่น่ากลัวตนนั้นมองมาที่หานเซิ่นและพูด “ข้าคืออัลฟ่าของเผ่าเบรกสกาย”


 


ถึงแม้เขาจะถูกตรึงอยู่กับภูเขาและกำลังถูกทรมาน แต่ยักษ์ตนนั้นก็พูดออกมาอย่างภาคภูมิ มันเหมือนกับว่าทั้งจักรวาลมีเหตุผลที่จะยำเกรงเขาเพราะความจริงในเรื่องนั้น


 


“เจ้าคืออัลฟ่าของเผ่าเบรกสกาย? ถ้าอย่างนั้นยักษ์เหล่านั้นก็คือเบรกสกายจริงๆสินะ?”

ถึงแม้หานเซิ่นจะคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว แต่การได้ยินคำยืนยันจากปากของยักษ์ตนนี้ก็ทำให้เขาตกใจอยู่ดี


 


“ใช่ คนอื่นๆเองเป็นคนเผ่าเบรกสกายเช่นเดียวกัน”

หลังจากนั้นอัลฟ่าของเผ่าเบรกสกายถามหานเซิ่น “เจ้าเป็นใครกัน?”


 


“ข้าชื่อหานเซิ่น ข้าเป็นแค่คริสตัลไลเซอร์ที่ไร้ชื่อเสียง” หานเซิ่นพูด


 


“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คริสตัลไลเซอร์มีร่างกายที่แข็งแกร่งแบบนี้?”

อัลฟ่าของเผ่าเบรกสกายมองไปที่หานเซิ่น ใบหน้าของเขาสงบนิ่งและความคิดของเขาก็ถูกซ่อนเอาไว้


 


“เจ้าคงจะถูกตรึงอยู่ที่นี่มานานแล้ว เจ้าถึงไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก คริสตัลไลเซอร์ในยุคสมัยนี้แตกต่างไปจากสมัยก่อน” หานเซิ่นพูดและถามกลับไปว่า

“ทำไมเจ้าถึงถูกตรึงอยู่ที่นี่? และทำไมคนของเผ่าเบรกสกายไม่มาช่วยเจ้า”


 


“เจ้าพูดถูก ตอนนี้มันไม่ใช่ยุคสมัยของเบรกสกายอีกต่อไปแล้ว”

อัลฟ่าของเผ่าเบรกสกายถอนหายใจและพูดต่อ “ถ้าพวกเขาไม่ได้พยายามจะช่วยข้า พวกเขาก็คงจะไม่ถูกขังอยู่ที่นี่และถูกบังคับให้ขุดภูเขาลูกนี้ทุกวันๆ”


 


“ใครกันที่ขังพวกเจ้าเอาไว้? ผู้นำของเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม


 


อัลฟ่าของเผ่าเบรกสกายพูดถึงผู้นำเซเคร็ดก่อนหน้านี้ ดังนั้นมันอาจจะมีความเกี่ยวข้องระหว่างพวกเขาทั้งสอง


 


อัลฟ่าของเผ่าเบรกสกายส่ายหัว เขาอ้าปากกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขารีบบอกกับหานเซิ่น

“เจ้ารีบเข้ามาซ่อนตัวในเส้นผมของข้าเร็วเข้า! ไม่อย่างนั้นเจ้าจะต้องตาย”


 


หานเซิ่นรู้สึกตัวแล้วว่ามีบางสิ่งผิดปกติ แม้แต่ชุดเกราะคริสตัลสีดำเองก็ปลดปล่อยสัมผัสที่บ่งบอกถึงอันตรายร้ายแรงออกมา อัลฟ่าของเผ่าเบรกสกายไม่ได้พูดโกหก


 


ร่างกายของหานเซิ่นแว็บหายไป เขาบินไปที่ไหล่ของอัลฟ่าของเผ่าเบรกสกายและปีนเข้าไปในเส้นผมของยักษ์ตนนั้น


 


“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามปลดปล่อยพลังอะไรที่แสดงถึงการมีอยู่ของเจ้าออกมาเด็ดขาด” อัลฟ่าของเผ่าเบรกสกายพึมพำ หลังจากนั้นเขาก็หยุดพูดและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า


 


หานเซิ่นซ่อนตัวในเส้นผมของยักษ์และพยายามปกปิดพลังของตัวเอง แต่ทันใดนั้นชุดเกราะคริสตัลสีดำก็ปลดปล่อยพลังประหลาดมาล็อคร่างกายของเขา ออร่าของหานเซิ่นหายไปจนกระทั่งเขาสัมผัสถึงการมีอยู่ของตัวเองไม่ได้


 


หลังจากนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงการกระเพื่อมของมิติอวกาศ เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเห็นบางสิ่งออกมาจากดวงอาทิตย์ที่เป็นนาฬิกา


 


ในตอนที่หานเซิ่นเห็นคนที่ปรากฏตัวออกมา เขาก็เกือบจะร้องตะโกนออกมา คนที่ปรากฏตัวออกมาคือราชาจุนที่เขาเคยพบที่ดาวอุปราคาเมื่อนานมาแล้ว หลังจากที่ราชาจุนได้รับบาดเจ็บ หานเซิ่นไม่เคยได้เห็นราชาจุนอีกเลย หานเซิ่นไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะได้มาเห็นราชาจุนอีกครั้งในที่แบบนี้


 


“ฮอไรซอนทอลอีวิล เจ้าคิดได้หรือยัง?” ราชาจุนสวมชุดเกราะและหมวกทองคำ เขาดูเหมือนกับเทพในท้องฟ้า ดวงตาของเขาเป็นเหมือนกับสายฟ้าขณะที่มองลงมาสู่ยักษ์ที่ถูกตรึงไว้กับภูเขา


 


“ดูเหมือนว่าบาดแผลของเจ้าเกือบจะหายดีแล้ว แต่เจ้าก็ยังมีเวลามาที่นี่ทุกวันๆ ถ้าเจ้ามีเวลามากนัก ทำไมเจ้าไม่ไปตามหาคนที่ทำให้เจ้าเป็นแบบนี้?” ยักษ์ที่น่ากลัวพูดกลับไป


 


ราชาจุนตอบกลับด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น

“ฮอไรซอนทอลอีวิล เจ้าอยากจะถูกขังอยู่ที่นี่ไปตลอดอย่างนั้นหรอ? เจ้าอยากจะเห็นคนของเจ้าพยายามช่วยเจ้าตลอดไปหรือยังไง?”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)