Super God Gene 2670-2690
ตอนที่ 2670
‘ดูเหมือนว่าเราจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำการอธิษฐาน’ หานเซิ่นเริ่มคำนึงถึงคำอธิษฐานที่จะขอ ครั้งก่อนที่เขาทำการอธิษฐานในหอคอยแห่งโชคชะตาของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ดวงตาของรูปปั้นถูกทำลาย ถ้าเกิดเขาทำการอธิษฐานแบบเดิมออกไป บางทีผลลัพธ์ก็อาจจะเป็นเหมือนกัน
แต่ถึงดวงตาของพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าจะระเบิด มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขามากนัก เพราะรูปปั้นจะยังคงมีพลังอยู่
‘ไม่ว่าเราจะทำการอธิษฐานอะไร นอกซะจากชุดเกราะคริสตัลสีดำจะโจมตีเขา อายุขัยของเราก็จะถูกเอาไป แบบนั้นทำไมเราไม่ถามคำถามที่อยากรู้มาตลอดแทนล่ะ? อย่างน้อยๆเราก็จะได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์จากเรื่องนี้’
หานเซิ่นคิด หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าและถาม “คำอธิษฐานของข้าเป็นคำถามได้ไหม?”
“แน่นอน ข้าทำได้ทุกสิ่ง ข้าจะตอบคำถามของเจ้า” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูด
“ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าและข้าเหมือนกันหรือเปล่า? เจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตของจักรวาลนี้? หรือว่าเจ้ามาจากนอกจักรวาลกันแน่? และไม่ว่าคำตอบจะคืออะไร ข้าก็อยากรู้ว่าพระเจ้ากำเนิดจากที่ไหน?” หานเซิ่นพูด
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ามองหานเซิ่นและพูด “เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าต้องการถามคำถามเหล่านี้กับข้า? มันดูเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์สำหรับเจ้า”
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่ได้ขาดอะไร แต่ข้าสงสัยเกี่ยวกับเจ้า ถ้าเจ้าอยากจะให้ข้าทำการอธิษฐาน ข้าก็อยากจะรู้คำตอบของเรื่องนี้” หานเซิ่นพูด
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ามองหานเซิ่นและขมวดคิ้ว “มันมีทั้งหมดสามคำถาม ข้าจะตอบแค่คำถามเดียว”
หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าอยู่นาน หลังจากนั้นเขาก็ถามออกมา “ได้โปรดบอกข้ามาว่าเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตของจักรวาลนี้หรือไม่?”
หานเซิ่นสงสัยมาตลอดว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้านี้มาจากจีโนฮอลล์ เพราะแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอย่างแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตก็ยังถูกฆ่าตายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว พลังของอะไรก็ตามที่อยู่ภายในนั้นเป็นอะไรที่น่าตกใจเกินไป นอกจากเหล่าคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นพระเจ้าแล้ว หานเซิ่นก็คิดไม่ออกว่าจะมีสิ่งมีชีวิตไหนที่มีพลังมากขนาดนั้น
แต่ถ้าหานเซิ่นถามพระเจ้าไปว่าเขามาจากที่ไหน พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็จะตอบโดยการบอกชื่อสถานที่ที่เขาไม่รู้จัก ถ้าหานเซิ่นไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับที่แห่งนั้นมาก่อน แบบนั้นเขาก็จะไม่รู้ว่ามันอยู่ในจักรวาลนี้หรือไม่ ดังนั้นสุดท้ายหานเซิ่นจึงตัดสินใจถามคำถามที่ง่ายที่สุด เขาต้องการยืนยันว่าพระเจ้านี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากจักรวาลจีโนหรือไม่ นี่เป็นรากฐานของคำถามทั้งหมดที่หานเซิ่นอยากรู้ ด้วยการมีรากฐาน เขาก็จะสามารถตั้งสมมติฐานขึ้นมาได้ นี่ถือเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ
ครั้งนี้พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าไม่ได้ลังเล เขาตอบคำถามไปตรงๆ
“ไม่ ข้าเป็นพระเจ้า ข้ามาจากสถานที่ของพระเจ้า”
เมื่อหานเซิ่นได้ยินคำตอบนี้ เขาก็พยักหน้า วิธีการที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดออกมานั้นเป็นอะไรที่คลุมเครือ บางทีเขาจงใจจะบิดเบือนคำตอบ แต่หานเซิ่นก็ยังคงได้รับคำตอบที่เขาต้องการ
พระเจ้าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มาจากจักรวาลจีโน อย่างน้อยๆคำตอบนี้ก็ทำให้หานเซิ่นสามารถยืนยันได้ว่าพระเจ้าที่เขาเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้เป็นบางสิ่งที่มากไปกว่ายอดฝีมือระดับเทพเจ้า สิ่งมีชีวิตนี่เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากกว่านั้น คนพวกนี้เรียกตัวเองว่าเป็นพระเจ้า แต่หานเซิ่นคิดว่าพวกเขาเป็นเหมือนกับปีศาจมากกว่า
เมื่อหานเซิ่นได้รับคำตอบนี้ เขาก็รู้สึกว่าพลังชีวิตของตัวเองเริ่มจะเบาบางลงไป พลังของเขาถูกดูดไปอย่างรวดเร็วจนมันดูดร่างกายของเขาเข้าไปหาพระเจ้าแห่งความว่างเปล่า
หานเซิ่นเคยประสบกับอะไรแบบนี้มาก่อน เขารู้ว่ามันเป็นอายุขัยของเขาที่กำลังลดลง แต่ครั้งนี้มันลดลงเร็วยิ่งกว่าตอนที่เขาทำการอธิษฐานครั้งแรก เขาสามารถเห็นอายุขัยของตัวเองลดลงราวกับหิมะถล่ม
ในชั่วครู่อายุขัยกว่าศตรวรรษก็หายออกมาจากร่างกายของหานเซิ่น และการดูดอายุขัยก็ยังคงไม่หยุดลงแค่นั้น ตอนนี้หานเซิ่นสูญเสียอายุขัยอย่างรวดเร็วขึ้นไปอีก
หานเซิ่นเตรียมตัวจะยอมเสียอายุขัยไป ดังนั้นเขาไม่รังเกลียดที่จะเสียสละอายุขัยหลายปี เพราะยังไงซะการเอาความลับจากปากของคนที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
แถมหานเซิ่นยังได้รับอายุขัยเสริมมาจากรูปปั้นของพระเจ้าคนก่อนหน้านี้แล้ว เขายอมรับการสูญเสียแบบนี้ได้
แต่วินาทีต่อมา ชุดเกราะคริสตัลสีดำภายในจิตก็มีปฏิกิริยาขึ้นมา ขณะที่หานเซิ่นกำลังสูญเสียอายุขัยไป ชุดเกราะคริสตัลสีดำก็ระเบิดพลังออกมา และพลังนั้นก็แพร่กระจายไปทั่วร่างของหานเซิ่น
พลังของชุดเกราะคริสตัลสีดำให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาด มันเหมือนกับว่ามีพลังชีวิตของใครบางคนกำลังห่อหุ้มตัวของเขา
หานเซิ่นคุ้นเคยกับพลังชีวิตนี้ เขาพยายามคิดเกี่ยวกับมันและในที่สุดเขาก็จำได้ว่าพลังชีวิตนี้จากที่ไหน มันเป็นพลังชีวิตเดียวกันกับที่เขาสัมผัสได้ในตอนที่ชุดเกราะคริสตัลสีดำระเบิดรูปปั้นของพระเจ้าคนก่อน
หานเซิ่นไม่มีเวลาจะคิด ชุดเกราะคริสตัลสีดำเรืองแสงและออกมาจากจิตด้วยตัวเอง หลังจากนั้นมันก็ชกใส่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าที่กำลังนั่งอยู่บนแท่นหิน
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ากำลังดูดอายุขัยของหานเซิ่นอย่างรื่นเริงโดยที่ไม่ได้รู้สึกตัวถึงภัยที่กำลังมา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ได้ระวังตัวกับการโจมตีอย่างกะทันหัน
ปัง!
ภายใต้พละกำลังมหาศาลของชุดเกราะคริสตัลสีดำ ร่างกายของพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าแตกเป็นเสี่ยงๆ และอายุขัยก็รั่วไหลออกมาจากรูปปั้นที่พังทลาย
“อายุขัย +1… อายุขัย +1…”
เสียงประกาศอายุขัยเพิ่มขึ้นดังขึ้นซ้ำไปซ้ำมา พลังใหม่ที่เข้าไปในร่างกายของหานเซิ่นยืดอายุขัยของเขาออกไปอีก
หลังจากที่รูปปั้นถูกทำลาย ภายในห้องโถงแห่งหนึ่งของดินแดนที่ว่างเปล่า ดวงตาของพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าก็ลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ
“พลังชุดเกราะนภา… พระเจ้าแห่งนภา… นี่ข้าแค่ทำลายดวงตาตุ๊กตาเทพของเจ้า เจ้ากล้าดียังไงมาทำลายตุ๊กตาเทพของข้า! มันจะไม่จบเพียงแค่นี้…”
หานเซิ่นไม่ได้รู้เรื่องอะไร แต่สิ่งที่เขาทำลงไปนั้นทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างพระเจ้าทั้งสอง
เมื่อชุดเกราะคริสตัลสีดำกลับเข้าไปในจิตของหานเซิ่น หานเซิ่นก็ได้รับอายุขัยเพิ่มมากกว่าหนึ่งพันปี
“ดูเหมือนว่าถ้าอยากจะร่ำรวยในชั่วค่ำคืน การฆ่าพระเจ้าถือเป็นหนทางที่เหมาะสม” หานเซิ่นดีใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา เพราะยังไงซะเขาก็เพิ่งจะได้รับอายุขัยมาเพิ่มและเขายังได้รับพลังชีวิตมาอีก ในตอนนี้ทั้งร่างกายของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตที่น่ากลัว
หานเซิ่นไม่กล้าจะอยู่ในหอคอยแห่งโชคชะตานานกว่านั้น เขาอุ้มหลี่เคอเอ๋อขึ้นมาและรีบลงบันไดไป ครั้งนี้เมื่อเขาไปถึงชั้นแรก เขาก็เห็นประตูที่จะนำเขาออกไปข้างนอก
“เกิดอะไรขึ้น?” ในที่สุดหลี่เคอเอ๋อที่สลบไปก็ตื่นขึ้นมา
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ไอ้แก่นั่นแปลกมากๆ หลังจากที่เจ้าโจมตีใส่เขา เจ้าก็ถูกส่งกระเด็นไปชนเข้ากับกำแพงและสลบไป แต่หลังจากนั้นเขาเองก็แตกเป็นชิ้นๆ” หานเซิ่นโกหกหลี่เคอเอ๋อ
“เรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นได้ยังไง?” หลี่เคอเอ๋อมองหานเซิ่นด้วยความสงสัย เธอไม่เชื่อเรื่องที่เขาพูด แต่เธอไม่แน่ใจว่าเขาโกหกหรือไม่ เธอกลับเข้าไปที่ชั้นบนสุดและเธอก็เห็นรูปปั้นแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างที่หานเซิ่นบอก
ตอนที่ 2671 ข้อความจากจีโนฮอล์
ถึงแม้หลี่เคอเอ๋อจะยังคงสงสัยและค้นหาจนทั่วหอคอย แต่เธอก็ไม่พบอะไรที่น่าสงสัย สุดท้ายเธอก็ยอมแพ้และกลับออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา พวกเขาเริ่มกลับไปทำตามจุดประสงค์เดิม ขณะที่พวกเขาทั้งคู่เดินไปบนทะเลทราย หานเซิ่นก็ยังคงมองไปยังสิ่งต่างๆที่ผุดขึ้นมาจากทราย รูปร่างของพวกมันเป็นอะไรที่แปลกประหลาด หลังจากที่พวกเขาเดินไปจนถึงโอเอซิสแห่งหนึ่ง หลี่เคอเอ๋อก็บอกกับหานเซิ่น
“มิติอวกาศของที่นี่เสถียรมากกว่าบริเวณอื่นๆ เจ้าจะเปิดประตูไปสู่คอร์แอเรียได้จากที่นี่”
หานเซิ่นกล่าวขอบคุณหลี่เคอเอ๋อ หลังจากนั้นเขาก็ลองเรียกประตูสู่คอร์แอเรียออกมา ครั้งนี้ประตูสู่คอร์แอเรียเปิดออกเหมือนกับปกติ และหานเซิ่นก็สามารถเข้าไปในคอร์แอเรียได้สำเร็จ
ที่หานเซิ่นอยากเข้าไปในคอร์แอเรียนั่นเป็นเพราะว่าเมื่อเข้ามาแล้ว หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความคิดของเขาอีก แบบนั้นหานเซิ่นก็จะสามารถฝึกวิชาจีโนลับได้อย่างไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะถูกจับตามอง
หานเซิ่นไม่กล้าจะฝึกวิชาจีโนที่แท้จริงของเขาในเอาท์เตอร์สกาย เพราะถ้าเขาทำแบบนั้นความลับของวิชาจีโนทั้งสี่ก็จะถูกเปิดเผยกับหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิท หานเซิ่นเชื่อว่านั่นจะสร้างความยุ่งยากให้กับชีวิตของเขา
สำหรับช่วงเวลาที่เขาอยู่ในเอาท์เตอร์สกาย หานเซิ่นใช้เวลาไปกับฝึกวิชาจีโนที่เอ็กซ์ควิสิทมอบให้กับเขา และจากวิชาจีโนลับทั้งสี่ หานเซิ่นเลือกจะฝึกแค่เรื่องราวของยีนเท่านั้น เพราะทางรีเบทและปราสาทนภารู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของมันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถ้าพวกเขารู้ เผ่าเวรี่ไฮเองก็คงจะรู้เช่นเดียวกัน
แต่เมื่อหานเซิ่นเข้ามาในคอร์แอเรีย เขาสามารถฝึกวิชาจีโนอื่นได้ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่เขามาที่นี่ เขาต้องการจะฝึกฮาร์ทคอนเน็คชั่น ถ้าเขาไม่สามารถใช้วิญญาณอสูรในการประลองได้ นี่ก็อาจจะเป็นการโจมตีเดียวของเขาที่จะความเสียหายกับคู่ต่อสู้ระดับเทพเจ้าได้
แถมหานเซิ่นยังต้องการจะพบกับกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ เขาต้องการให้พวกเธอทำบางสิ่งแทนเขา โชคดีที่กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์กำลังฝึกฝนอยู่ในคอร์แอเรียเช่นกัน และพวกเธอก็อยู่ไม่ไกลไปจากตำแหน่งของหานเซิ่น หานเซิ่นจึงรีบไปหาพวกเธอ
“มันรู้สึกเป็นยังไงบ้างที่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงของสาวงามเผ่าเวรี่ไฮ?” จันทราสวรรค์พูดเย้ยหานเซิ่นด้วยรอยยิ้ม
“แย่มาก มันเหมือนกับว่าฉันเปลือยเปล่าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยแม้แต่นิดเดียว” หานเซิ่นพูดยอมรับอย่างหดหู่
“เจ้ารีบมาหาพวกเราแบบนี้ มันมีบางสิ่งเกิดขึ้นอย่างนั้นหรอ?” จันทราสวรรค์สามารถบอกได้ว่าเขาต้องมีปัญหาบางอย่าง
“ฉันมีวิชาจีโนอยู่ตัวหนึ่ง แต่ไม่แน่ใจว่ามันทำอะไรได้ และฉันก็ไม่อยากจะเสี่ยงฝึกมันด้วยตัวเอง ดังนั้นฉันต้องการให้พวกเธอนำวิชาจีโนนี้ไปหาคนๆหนึ่ง ให้เขาช่วยดูและระบุว่ามันมีประโยชน์อะไร” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็ส่งคัมภีร์นภาอำพันให้กับกู่ชิงเฉิง
“พวกเราต้องนำมันไปมอบให้กับใครกัน?” กู่ชิงเฉิงถามขณะที่รับคัมภีร์นภาอำพันไป
“ในหมู่เอ็กซ์ตรีมคิงมีชายอยู่คนหนึ่งที่ถูกเรียกว่ากุนซือไวท์ ฉันมีหนทางติดต่อกับเขาอยู่ แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้กลัวว่าการจะไปพบกับเขาคงจะเป็นเรื่องยาก ดังนั้นพวกเธอต้องระมัดระวังให้ดีขณะที่ติดต่อไปหาเขา หลังจากนั้นนำคำพูดของกุนซือไวท์มาบอกกับฉัน” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็อธิบายเกี่ยวกับวิธีที่จะติดต่อไปหากุนซือไวท์
หานเซิ่นแค่อยากรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาใช้คัมภีร์นภาอำพัน ถ้ามันไม่มีปัญหาอะไร เขาก็จะใช้มันได้อย่างอิสระ เขาไม่จำเป็นต้องฝึกมันด้วยซ้ำ เขาแค่ต้องใช้วิชาโลหิตชีพจรแบบกลับตาลปัตร
หลังจากที่กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์จากไป หานเซิ่นก็หาที่เงียบๆเพื่อฝึกฮาร์ทคอนเน็คชั่น ถ้าเขาต้องการจะสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับเชล เขาก็จำเป็นต้องมีวิชานี้
หานเซิ่นมีวิชาเบรกซิกซ์สกายอยู่เช่นกัน แต่มันเป็นการโจมตีในวงกว้าง ดังนั้นพลังของมันไม่ได้อัดแน่นเหมือนอย่างฮาร์ทคอนเน็คชั่น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นหนึ่งในวิชาจีโนที่มีพลังทำลายล้างสูงที่สุด
มันไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นเหมือนที่หานเซิ่นหวังเอาไว้ เขารอคอยอยู่สี่วันก่อนที่จันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงจะกลับเข้ามาในคอร์แอเรีย
“ฉันได้มอบสิ่งนั้นให้กับกุนซือไวท์เรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อตรวจสอบมันสักสองอาทิตย์” กู่ชิงเฉิงพูด
“สองอาทิตย์?” หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว มันเหลือเวลาอีกแค่สามวันเท่านั้นก่อนที่การประลองระหว่างตัวไหมจะเริ่มต้นขึ้น ถ้ามันใช้เวลาถึงสองอาทิตย์กว่าที่กุนซือไวท์จะติดต่อกลับมา เขาก็ไม่สามารถใช้วิชาจีโนนี้ในการประลองได้
แต่หานเซิ่นไม่คิดจะใช้วิชาโลหิตชีพจรในการประลองอยู่แล้ว ดังนั้นเขาไม่ได้ผิดหวังจนเกินไป
หานเซิ่นถามกู่ชิงเฉิงเกี่ยวกับดาวอุปราคาและสถานการณ์ภายในของปราสาทนภา หลังจากนั้นเขาก็ฝึกวิชาจีโนต่ออีกหน่อย และเมื่อถึงเวลาเขาก็กลับออกจากคอร์แอเรีย
“ทำไมเจ้าถึงได้ใช้เวลานานนัก?” หลี่เคอเอ๋อรู้สึกโล่งใจเมื่อได้เห็นหานเซิ่น มันเหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งวันก่อนที่การประลองจะเริ่มขึ้น มันจะเป็นปัญหาถ้าหานเซิ่นกลับมาไม่ทันเวลา
“เพื่อนของข้าไม่ได้เข้ามาในคอร์แอเรียเร็วอย่างที่หวังเอาไว้ ข้าต้องรอคอยอยู่หลายวันก่อนที่จะได้พบกับเขา” หานเซิ่นพูด
“เกิดอะไรขึ้น?” หลี่เคอเอ๋อถาม
“มันเป็นอะไรที่เสียเวลาเปล่า เขาไม่มีเวลาพอจะคิดอะไรออกมาได้” หานเซิ่นพูดและแสดงสีหน้าที่เจ็บปวด
“นี่เจ้าต้องการจะหาหนทางทำให้ระดับราชันขั้นที่เก้าคนหนึ่งจะเอาชนะระดับเทพเจ้าจริงๆอย่างนั้นหรอ?” หลี่เคอเอ๋อถาม
“มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะรอนานสักแค่ไหน นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ นอกซะจากเจ้าจะใช้สมบัติ เรื่องแบบนั้นก็ไม่มีวันเกิดขึ้น และมันก็ถูกตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าสมบัติทุกอย่างถูกห้ามนำมาใช้ในประลอง มันเห็นได้ชัดว่าเชลจะได้อันดับที่หนึ่งในการประลองครั้งนี้”
หานเซิ่นคิดว่าเธอพูดถูก แต่การตัดสินใจของเผ่าเวรี่ไฮนั้นเหมือนกับว่าพวกเขาต้องการให้เชลได้อันดับที่หนึ่ง
“เชลคนนั้นเป็นใครกัน? ทำไมเหมือนกับว่าเผ่าเวรี่ไฮต้องการมอบอันดับที่หนึ่งให้กับเขา?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่หลี่เคอเอ๋อ
“มันเกือบจะถึงเวลาแล้ว พวกเราเป็นต้องไปที่หุบเขาและเข้าร่วมการประลอง พวกเราค่อยคุยระหว่างเดินทาง” หลี่เคอเอ๋อพูด หลังจากนั้นเธอก็รีบออกไปจากโอเอซิส
ขณะที่พวกเขาเดินทางข้ามทะเลทราย หลี่เคอเอ๋อก็อธิบายให้หานเซิ่นฟัง
เนื่องจากเชลเป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดและมีพรสวรรค์ระดับสิบเปลือก เขาอาจจะกลายเป็นขั้นทรูก็อตได้สำเร็จถ้าเขามีทรัพยากรที่มากพอ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออัจฉริยะคนหนึ่งของเผ่าเวรี่ไฮที่ทำพันธสัญญากับเชลนั้นเป็นบุคคลที่สำคัญมากๆ เผ่าเวรี่ไฮดูเหมือนจะตั้งใจทำให้เขาเป็นคนที่เก่งกาจที่สุด เผ่าเวรี่ไฮต้องการทำให้เขาต่อสู้เพื่อเปิดประตูของจีโนฮอลล์ ด้วยเหตุนั้นตัวไหมของอัจฉริยะจึงได้รับการสนับสนุนอย่างดีที่สุดเช่นเดียวกันเพื่อเพิ่มโอกาสของเขา
“เผ่าเวรี่ไฮเองก็ต้องการจะเข้าไปในจีโนฮอล์เหมือนกัน? ภายในจีโนฮอล์มีอะไรอยู่กัน?” หานเซิ่นถามด้วยความอยากรู้
“ข้าไม่รู้ หนึ่งในบรรพบุรุษของพวกเราเคยเข้าไปในจีโนฮออล์และนำข้อมูลบางอย่างกลับมา แต่ข้อมูลที่เขามอบให้กับพวกเราเป็นอะไรที่คลุมเครือมากๆ มันเหมือนกับว่ามีใครบางคนต้องการให้พวกเราเข้าไปในจีโนฮอลล์ และข้าคิดว่าพวกเขากำลังขอความช่วยเหลือ” หลี่เคอเอ๋อพูด
“ข้าคิดว่าการได้เข้าไปในจีโนฮอล์หมายความว่าคนๆนั้นจะกลายเป็นเทพสปิริตซะอีก ทำไมใครบางคนที่อยู่ภายในถึงส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน
“นั่นคือสิ่งที่ทำให้พวกเราอยากจะหาความจริง แต่พวกเรายังคงไม่พบคำตอบ” หลี่เคอเอ๋อพูด
ตอนที่ 2672 การประลองเริ่มต้น
หุบเขาที่เป็นสถานที่จัดการประลองนั้นเป็นแอ่งขนาดใหญ่ในเอาท์เตอร์สกาย ทั้งแอ่งมีรูปร่างเหมือนกับถ้วนขนาดมหึมา มันล้อมไปด้วยภูเขาที่สูงเสียดฟ้า ภูมิประเทศของแอ่งนั้นเป็นอะไรที่ซับซ้อน ตัวไหมทุกคนจะประลองกันภายในหุบเขาแห่งนี้ หลี่เคอเอ๋อและหานเซิ่นไปถึงหุบเขาก่อนที่การประลองจะเริ่มต้นขึ้นอย่างฉิวเฉียด เมื่อเอ็กซ์ควิสิทเห็นพวกเขา เธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
เธอคาดคิดว่าหานเซิ่นจะพ่ายแพ้อย่างน้อยหนึ่งครั้งในการต่อสู้ แต่ถ้าเขาไม่มาเข้าร่วมการประลองเลย คนของเผ่าเวรี่ไฮก็จะเกลียดชังเขายิ่งไปกว่าเดิม
เนื่องจากถึงเวลาที่ตัวไหมทุกคนจะต้องเข้าไปในหุบเขาแล้ว ดังนั้นเอ็กซ์ควิสิทจึงไม่ได้ถามอะไรหานเซิ่น เธอปล่อยให้เขาเข้าไปในแอ่งเพื่อร่วมการประลอง
ในจังหวะที่หานเซิ่นก้าวเข้าไปในหุบเขา ทั้งหุบเขาก็ถูกปิดผนึกด้วยบาเรีย ใบเสมาจะป้องกันพลังทำลายล้างของผู้เข้าร่วมการประลองเล็ดลอดออกไปจากหุบเขา แต่มันไม่ได้หยุดร่างกายของผู้เข้าประลองจากการเทเลพอร์ตออกมา ตัวไหมสามารถเทเลพอร์ตออกมาจากบาเรียได้ แต่มันจะถือว่าพวกเขาพ่ายแพ้
ในตอนที่การประลองระหว่างตัวไหมเริ่มต้นขึ้น มีคนของเผ่าเวรี่ไฮไม่กี่คนเท่านั้นที่มาดูการต่อสู้ มันมีเพียงแค่เจ้านายของตัวไหมทั้งสิบสองเท่านั้นที่จะมาดูด้วยตัวเอง
คนของเวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์นั้นไม่มีความสนใจการแข่งขันแบบนี้ ส่วนคนอื่นๆพวกเขามีวิธีการจะดูการประลอง มันไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาต้องมาที่หุบเขา
มีเพียงแค่เจ้านายของตัวไหมเท่านั้นที่จะมาดูการประลองอย่างใกล้ชิด พวกเขาจำเป็นต้องมาอยู่ใกล้ๆเพื่อจะได้รับประสบการณ์การต่อสู้ของตัวไหม
“ในที่สุดมันก็เริ่มต้นขึ้น ตอนนี้ถ้าตัวไหมทั้งสิบเอ็ดคนพบหานเซิ่น พวกเขาก็จะต่อสู้อย่างเต็มที่” หลี่เสวี่ยเฉิงหัวเราะออกมา
“แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราจงใจทำให้คนอื่นเชื่อว่าหานเซิ่นที่เป็นระดับราชันขั้นที่เก้านั้นเป็นรองเพียงแค่เชลเท่านั้น ตัวไหมคนอื่นที่เป็นระดับครึ่งเทพคงจะไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงแม้พวกเขาจะเป็นคนจิตใจดี แต่นี่ก็จะยังคงทำให้พวกเขาเข้าสู่อารมณ์การแข่งขันถูกไหม?” หลี่อวี้เจินหลี่ตาของเขา
“หานเซิ่นอาจจะตกรอบซะก่อนที่จะได้ประลองกับเชลด้วยซ้ำ” หลี่เสวี่ยเฉิงพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย
หลังจากที่หานเซิ่นเข้าไปในหุบเขา เขาก็ไม่ได้รีบร้อนจะไปหาตัวไหมคนอื่นๆ หุบเขาแห่งนี้มันใหญ่โตเหมือนกับดวงดาว แต่สำหรับระดับครึ่งเทพหรือระดับเทพเจ้า สนามประลองแบบนั้นไม่ถือว่าใหญ่จนเกินไป มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่ตัวไหมแต่ละคนจะหาตำแหน่งของตัวไหมคนอื่น
แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่ปะทุขึ้นข้างหน้า ดูเหมือนว่าใครบางคนจะเริ่มการต่อสู้เรียบร้อยแล้ว
“พลังนี่มันของอวี้ซ่านซินหนิ” ทันทีที่หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงพลังนั้น เขาก็รีบตรงเข้าไปในสถานที่ที่เกิดการต่อสู้ขึ้น
เนื่องจากจุดที่เกิดการต่อสู้อยู่ไม่ไกล ดังนั้นหานเซิ่นจึงไปถึงที่นั่นอย่างรวดเร็ว ที่นั่นเขาเห็นอวี้ซ่านซินและเอ็กซ์ตรีมคิงระดับครึ่งเทพคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนภูเขาคนละลูก พวกเขามองหน้ากันอย่างนิ่งสนิท สิ่งที่เคลื่อนไหวอย่างเดียวคือพลังของพวกเขาที่กำลังสั่นสะเทือนภูเขารอบๆ
หานเซิ่นจดจำคู่ต่อสู้ของอวี้ซ่านซินได้ จากข้อมูลที่เขาได้รับเอ็กซ์ตรีมคิงคนนี้มีชื่อว่ากรู ถึงแม้เขาจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันกับราชาไป๋ แต่ร่างกายแห่งราชันของเขาก็แข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าคนในราชวงศ์ เขามีพรสวรรค์ระดับเก้าเปลือกและเป็นนักสู้ที่มีประสบการณ์สูง เขาเชี่ยวชาญในการใช้ดาบ
ในจังหวะนี้กรูกำลังถือดาบใหญ่อยู่ในมือ ร่างกายของเขาก็พลุ่งพล่านไปด้วยจิตแห่งดาบที่ทรงพลัง และก่อนที่อาวุธของเขาจะเคลื่อนไหว จิตแห่งดาบของเขาก็ตรงเข้าไปหาอวี้ซ่านซินเรียบร้อยแล้ว
หานเซิ่นขมวดคิ้ว จิตแห่งดาบของกรูไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ฝึกมันจนถึงระดับเทพเจ้า กรูเป็นครึ่งเทพที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง ไม่แปลกใจเลยที่คนของเผ่าเวรี่ไฮเลือกเขาเป็นตัวไหม
ส่วนพลังของอวี้ซ่านซินเป็นอะไรที่ยากจะหยั่งถึง บางครั้งมันจะคลุ้มคลั่งเหมือนกับไฟ และในบางครั้งมันจะสงบราวกับน้ำนิ่ง มันทำให้เป็นเรื่องยากที่จะระบุว่าเขามีพลังแบบไหนกันแน่
‘โชคดีที่เราได้ดูการต่อสู้นี้ มันหมายความว่าเราจะได้สังเกตอวี้ซ่านซินและดูว่าวิถีเอ็กซ์ตรีมอีวิลของเขาทำอะไรได้’ หานเซิ่นยังคงรักษาระยะห่างจากการต่อสู้เพื่อสังเกตการณ์
“อวี้ซ่านซิน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าถูกเรียกว่าเป็นครึ่งเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล ข้าขอดูหน่อยว่าวิถีเอ็กซ์ตรีมอีวิลของเจ้านั้นพิเศษยังไง” กรูมองไปที่อวี้ซ่านซินอย่างเย็นชาขณะที่พูดออกมา
กรูนั้นไม่ชอบอวี้ซ่านซินด้วยเหตุผลง่ายๆเหตุผลเดียว เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นควรจะเป็นหนึ่งในสามเผ่าพันธุ์สูงสุดของจักรวาล แต่พวกเขากลับไม่มีครึ่งเทพคนไหนที่แข็งแกร่งเหมือนอย่างอวี้ซ่านซินของปราสาทนภา ตอนนี้การประลองระหว่างตัวไหมมอบโอกาสให้เขาได้ต่อสู้กับอวี้ซ่านซิน ความจริงแล้วเขาต้องการจะใช้โอกาสนี้เพื่อฆ่าอวี้ซ่านซินซะ
“ผู้คนพูดเวอร์กันเกินไป ข้าเชื่อว่าคำพูดเหล่านั้นไม่เป็นความจริง เมื่อเทียบกับเอ็กซ์ตรีมคิงที่เลื่องชื่อแล้ว ข้าไม่โด่ดเด่นอะไร” อวี้ซ่านซินพูดด้วยรอยยิ้ม
กรูไม่คิดจะปล่อยอวี้ซ่านซินไปง่ายๆ จิตแห่งดาบของเขาพลุ่งพล่านออกมาขณะที่เขาแกว่งดาบเหล็ก ดาบแสงถูกปล่อยออกไปในทิศทางของอวี้ซ่านซิน
การประลองระหว่างตัวไหมในครั้งนี้ไม่อนุญาตให้ใช้สมบัติซีโน่เจเนอิค ดังนั้นดาบใหญ่เหล็กนั่นจะต้องเป็นอาวุธจีโนของกรู ขณะที่ดาบแสงพุ่งผ่านอากาศไป แม้แต่หานเซิ่นก็ยังประหลาดใจกับพลังของมัน วิชาดาบและจิตแห่งดาบของเอ็กซ์ตรีมคิงคนนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าของเขาเลย
แต่หานเซิ่นไม่คิดว่าการฟันนี้จะเอาชนะอวี้ซ่านซินได้ เขาจับจ้องไปที่อวี้ซ่านซินโดยต้องการจะดูว่าชายคนนั้นจะรับมือกับการโจมตีนี้ยังไง
ร่างกายของอวี้ซ่านซินยังคงไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว ในตอนที่ดาบแสงมาถึง อวี้ซ่านซินก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาราวกับว่าเขาต้องการจะจับดาบแสงเอาไว้
ดาบแสงถูกหยุดไปเมื่อเผชิญกับมือของอวี้ซ่านซิน แต่แรงจากการฟันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ถึงแม้มือของอวี้ซ่านซินจะรับการโจมตีเอาไว้ได้ แต่แรงของมันก็ยังคงส่งร่างกายของเขากระเด็นออกไป
ปัง!
อวี้ซ่านซินถูกผลักผ่านบาเรียออกไป และทำให้เขาตกรอบในการประลองระหว่างตัวไหม
การประลองระหว่างตัวไหมมีกฎอยู่หลายข้อ แต่มันมีอยู่ข้อหนึ่งที่ผู้เข้าร่วมการประลองทุกคนรู้ดี ซึ่งก็คือเรื่องที่คนที่ออกจากหุบเขาเป็นคนแรกจะได้อันดับสุดท้าย อวี้ซ่านซินถูกผลักกระเด็นออกไปจากหุบเขาในทันทีที่การประลองเริ่มต้นขึ้น และเขาจะได้อันดับที่สิบสองของการประลอง
หานเซิ่นรู้สึกมึนงง “นี่อวี้ซ่านซินเป็นบ้าอะไร? กรูแข็งแกร่งมากก็จริง แต่มันไม่มีทางที่อวี้ซ่านซินจะด้อยกว่า เขาถูกส่งกระเด็นออกไปด้วยการโจมตีแบบนั้นได้ยังไง? เขาต้องจงใจให้เป็นแบบนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลย ถึงแม้เขาจะไม่ได้อันดับที่หนึ่ง แต่มันก็ยังมีรางวัลอีกมากมายที่เขาจะได้รับจากการติดอันดับหนึ่งในห้า ทำไมเขาถึงได้ยอมแพ้ง่ายๆแบบนั้น?”
กรูเองก็ไม่เชื่อว่าอวี้ซ่านซินจะอ่อนแอแบบนั้นเช่นเดียวกัน ชายคนนั้นถูกส่งกระเด็นออกจากบาเรียไปโดยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
แต่อวี้ซ่านซินออกไปจากหุบเขาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นกรูไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้ หลังจากนั้นเขาก็หันมามองที่หานเซิ่นแทน
“ถ้าอวี้ซ่านซินขี้ขลาดเกินกว่าจะต่อสู้กับข้าอย่างจริงจัง แบบนั้นเจ้าก็มาต่อสู้กับข้าแทน เจ้าเองก็มาจากปราสาทนภาเหมือนกัน มันเป็นเรื่องดีที่จะทดสอบความกล้าหาญของพวกเจ้า” กรูพูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่น
หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วขนาดนี้ ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็กลายเป็นคู่ต่อสู้ของกรูไปเรียบร้อยแล้ว
แต่หานเซิ่นไม่ได้พยายามจะหนี เขาสามารถถอยไปได้ตราบใดที่ไม่ออกไปจากหุบเขา หานเซิ่นตันสินใจเรียกปืนคู่ของมนตราออกมาแทน
ตอนที่ 2673
เมื่อเห็นหานเซิ่นเตรียมตัวจะต่อสู้ คนของเผ่าเวรี่ไฮที่มองดูการประลองอยู่ก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมา ถึงแม้เวรี่ไฮหลายคนจะมั่นใจว่าหานเซิ่นจะพ่ายแพ้ในการประลอง แต่ลึกๆแล้วพวกเขาก็ยังหวังให้หานเซิ่นเป็นผู้ชนะ พวกเขาภาวณาว่าถึงแม้จะไม่มีสมบัติ หานเซิ่นก็ยังคงมีไพ่ตายอย่างอื่นอยู่อีก
“ในบรรดาตัวไหมทั้งสิบสอง พลังของกรูถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง เขาถือเป็นคนที่เหมาะสมที่จะตัดสินถึงความแข็งแกร่งของหานเซิ่น” หลี่อวี้เจินดูตื่นเต้นขึ้นมาขณะที่มองไปที่วิดีโอถ่ายทอดสด
หลี่เสวี่ยเฉิงดูกังวลและพูด “ตราบใดที่หานเซิ่นไม่ได้อันดับที่หนึ่ง ใครจะได้บัลลังก์อันทรงเกียรตินั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ข้าคิดว่าพวกเราอาจจะชะล่าใจเกินไปกับการเดิมพันนี้ เพราะแม้แต่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายก็ยังเดิมพันด้วยอัญมณีโอเพ่นสกายว่าหานเซิ่นจะได้อันดับที่หนึ่ง นั่นเป็นอะไรที่แปลก… ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายรู้ว่าการประลองระหว่างตัวไหมในครั้งนี้จะไม่อนุญาตให้ใช้สมบัติซีโน่เจเนอิค แบบนั้นทำไมเขายังเดิมพันข้างหานเซิ่นอีก? ถ้าพวกเราแพ้การเดิมพัน พวกเราจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเรามี”
“อย่าได้กังวล มันไม่สำคัญว่าใครจะเดิมพันข้างหานเซิ่น เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเชล” หลี่อวี้เจินพูดราวกับว่าพยายามทำให้ตัวเองความมั่นใจเช่นเดียวกับหลี่เสวี่ยเฉิง
ความจริงที่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายวางเดิมพันข้างหานเซิ่นนั้นทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ
ในขณะเดียวกันผู้อาวุโสโอเพ่นสกายยิ้มออกมาขณะที่มองดูหานเซิ่นกับกรูต่อสู้กัน หลี่ฉียวี่ที่เป็นผู้อาวุโสของเผ่าเวรี่ไฮมองไปที่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายและพูด
“นี่เจ้าเดิมพันว่าหานเซิ่นจะชนะการประลองด้วยอัญมณีโอเพ่นสกายจริงๆอย่างนั้นหรอ? เจ้ารู้ตัวใช่ไหมว่าการประลองในครั้งนี้ถูกฉ้อโกงให้เชลเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบน่ะ?”
“ข้ารู้” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายยิ้มและพยักหน้า สีหน้าของเขาไม่สั่นคลอดเลย
“ถ้าเจ้ารู้ ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้? เจ้าเพิ่งจะมอบสิ่งที่ล้ำค่าให้กับหลี่เสวี่ยเฉิงและหลี่อวี้เจิน” ผู้อาวุโสฉียวี่มองไปที่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกาย
ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายหัวเราะและพูด “เจ้ารู้มาโดยตลอดว่าข้าต้องการอีวิลดราก้อนออร์บที่เป็นของพ่อหลี่อวี้เจิน แต่เขาหวงมันอย่างมาก ด้วยเหตุนั้นข้าจำเป็นต้องคิดนอกกรอบ ถ้าหลี่อวี้เจินแพ้การเดิมพันในครั้งนี้ เจ้าคิดว่าเขาจะหาสิ่งที่มีค่าเทียบเท่ากับอัญมณีโอเพ่นสกายได้ด้วยตัวเขาเองอย่างนั้นหรอ? ด้วยเหตุนั้นเขาต้องไปพบพ่อของเขา เขาจะต้องยอมมอบอีวิลดราก้อนออร์บให้กับข้าอย่างไม่ต้องสงสัย”
“แต่เชลเข้าร่วมการประลองนี่ด้วย แบบนั้นพวกเขาจะแพ้การเดิมพันได้ยังไง?” ผู้อาวุโสฉียวี่ไม่เข้าใจผู้อาวุโสโอเพ่นสกาย
“ถ้าเกิดว่าเชลต่อสู้ได้อย่างไม่เต็มกำลังล่ะ?” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายยิ้มขณะที่พูดอออกมา
“ต่อสู้ได้อย่างไม่เต็มกำลัง? เจ้าหมายความว่ายังไง?” ผู้อาวุโสฉียวี่ถามด้วยความสับสน
ผู้อาวุโสโอเพ่นหัวเราะและพูด “จำเรื่องที่เชลไปที่ทะเลสาบปีศาจเพื่อล่าซีโน่เจเนอิคได้ไหม? ข้ามีธุระต้องไปที่นั่นในเวลาเดียวกัน และข้าก็เห็นเชลได้รับของที่มีค่าบางอย่าง”
“เขาได้รับอะไรจากทะเลสาบปีศาจ?”
ผู้อาวุโสฉียวี่สงสัย แต่หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง “นี่เขาได้รับผลไม้ปีศาจอย่างนั้นหรอ?”
ผู้อาวุโสโอเพ่นพยักหน้าและหัวเราะ “ข้าเห็นเชลกำลังถือผลไม้ปีศาจอยู่ในมือ หลังจากนั้นข้าก็มองดูเขากินมันเข้าไป”
ผู้อาวุโสมองหุบเขาในวิดีโอด้วยความแปลกใจ เขาพยายามจะมองหาตำแหน่งของเชล และขณะที่เขาทำอย่างนั้น เขาก็พูดขึ้นมา
“นั่นหมายความว่าเชลตกลงมาจากระดับเทพเจ้าอย่างนั้นหรอ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ผลไม้ปีศาจเป็นสมบัติจากโลกปฏิสสาร แม้แต่คนที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดก็ทนต่อผลของมันไม่ได้ เชลถูกลดระดับจากระดับเทพเจ้ามาสู่ระดับราชัน ถึงแม้เชลจะกลายเป็นระดับราชัน แต่ศักยภาพของเขาก็เพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ เขาเป็นมีพรสวรรค์ระดับสิบเปลือก ดังนั้นหลังจากที่กินผลไม้ปีศาจเข้าไป เขาเสียสละระดับเทพเจ้าเพื่อแลกกับพรสวรรค์อีกเปลือกหนึ่ง ถึงแม้พรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือกของเขาจะไม่ใช่ของจริงเหมือนอย่างในตำนาน แต่มันก็เป็นระดับพรสวรรค์ที่หาได้ยากมากๆ”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายก็พูดต่อ “ตอนนี้เมื่อเขากินผลไม้ปีศาจเข้าไป มันต้องใช้เวลาอีกนานก่อนที่เขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าอีกครั้ง ตอนนี้มันมีโอกาสสูงที่หานเซิ่นจะชนะการต่อสู้ในครั้งนี้”
“ถ้าเจ้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำไมเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้? ถ้าข้ารู้ ข้าก็คงจะเพิ่มเดิมพันไปอีก ข้าชื่นชอบการสร้างปัญหาให้กับหลี่อวี้เจินและหลี่เสวี่ยเฉิง”
ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายยิ้มและพูด “มันยังคงเป็นการเดิมพัน ถึงแม้เชลจะไม่ใช่ระดับเทพเจ้าอีกแล้ว แต่เขายังคงมีจิตใจระดับเทพเจ้า ข้าไม่แน่ใจว่าหานเซิ่นจะเป็นฝ่ายชนะ แถมตัวไหมคนอื่นก็ไม่ใช่พวกที่อ่อนแอเช่นกัน โชคดีที่อวี้ซ่านซินถอนตัวออกจากการประลองตั้งแต่เริ่มต้น ไม่อย่างนั้นโอกาสที่หานเซิ่นจะได้รับอันดับที่หนึ่งก็คงจะน้อยลงไปอีก”
ผู้อาวุโสฉียวี่คิดเกี่ยวกับมันและได้ข้อสรุปว่าที่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายพูดนั้นถูกต้อง ถึงแม้เชลจะไม่ใช่ระดับเทพเจ้าอีกแล้ว แต่หานเซิ่นก็อาจจะไม่ได้รับอันดับที่หนึ่ง ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายเสี่ยงเดิมพันกับมัน แต่ผลของการประลองยังคงไม่แน่นอน
จิตแห่งดาบของกรูสั่นสะเทือนทั้งฟ้า ดาบใหญ่ฟันออกไปในทิศทางของหานเซิ่นแบบเดียวกันกับที่ฟันใส่อวี้ซ่านซินก่อนหน้านี้
ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีนั้นด้วยตัวเอง เขาก็รู้สึกตัวว่ามันน่ากลัวถึงขนาดไหน
ดาบแสงที่พุ่งเข้ามาทรงพลังราวกับว่าทั้งกาแล็กซี่จะถล่มภายใต้น้ำหนักของมัน และหานเซิ่นจะต้องรับการโจมตีนั้นด้วยร่างกายเท่านั้น
‘อวี้ซ่านซินใช้มือรับดาบแสงนั่น ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเราเลย อวี้ซ่านซินเป็นผู้ชายที่น่ากลัวจริงๆ’ หานเซิ่นคิด
ในตอนที่ดาบแสงมาถึง ร่างกายของหานเซิ่นก็แว๊บหายไป ตอนนี้การโจมตีของกรูฟันถูกอากาศที่ว่างเปล่า หานเซิ่นใช้ก็อตส์วอนเดอร์เพื่อหลบหลีกมัน
หานเซิ่นไปปรากฎตัวอีกด้านหนึ่ง แต่ทว่าทันทีที่เขาปรากฎตัวออกมา เขาก็พบว่าเอ็กซ์ตรีมคิงคนนั้นเทเลพอร์ตมาฟันใส่เขาอีกครั้งหนึ่ง
ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงเทเลพอร์ตอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นในตอนที่เขาปรากฏตัวออกมา เขาก็พบว่าดาบแสงถูกฟันเข้ามาหาเขา เขาเทเลพอร์ตอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ยังไม่สามารถสลัดการโจมตีของกรูได้
‘แปลกจริงๆ เขาคาดเดาตำแหน่งการเทเลพอร์ตของเราได้ยังไงกัน?’
หานเซิ่นขมวดคิ้ว ก็อตส์วอนเดอร์ของเขาไม่ได้ดีเหมือนอย่างหลี่เคอเอ๋อหรือเอ็กซ์ควิสิท แต่เขาก็สามารถเทเลพอร์ตในระยะสั้นๆได้อย่างเชี่ยวชาญ ในระยะสั้นๆเขาจะไปที่ไหนก็ได้ที่เขาต้องการ
แต่กรูสามารถเทเลพอร์ตไล่ตามเขาได้ทัน แค่ความจริงเรื่องนี้ก็มากพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความร้ายกาจของชายคนนี้
หานเซิ่นไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกรูมากนัก และเขาก็ไม่รู้ว่าชายคนนี้มีพลังแบบไหนกันแน่ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงรู้สึกสับสนเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้
“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น? กรูคาดเดาตำแหน่งที่หานเซิ่นจะเทเลพอร์ตไปได้ยังไงกัน?” หลี่เคอเอ๋อแปลกใจเช่นกัน
เอ็กซ์ควิสิทขมวดคิ้วขณะที่เธอพยายามจะวิเคราะห์การต่อสู้ของทั้งสองคน
“ถ้าข้าดูไม่ผิดล่ะก็ กรูไม่ได้คาดเดาตำแหน่งการเทเลพอร์ตของหานเซิ่น แต่เขาตรวจจับหานเซิ่นด้วยพลังอาณาเขตของเขาแทน”
“พลังอาณาเขต? อาณาเขตของกรูเป็นธาตุดาบไม่ใช่หรอ?”
หลี่เคอเอ๋อถามขณะที่พยายามนึกเกี่ยวกับมัน ในข้อมูลของกรูนั้นบอกว่าอาณาเขตของเขาเป็นอาณาเขตธาตุดาบ และร่างกายแห่งราชันของเขาก็เป็นธาตุดาบเช่นเดียวกัน พวกมันจะทำให้วิชาดาบของเขาทรงพลังขึ้น
“มันเป็นธาตุดาบ แต่มันเป็นอาณาเขตธาตุดาบที่พิเศษ” เอ็กซ์ควิสิทพูด
หานเซิ่นยังคงเทเลพอร์ตต่อไป แต่เขาไม่สามารถหนีจากดาบแสงของกรูได้ เขาจึงตัดสินใจเทเลพอร์ตออกไปในระยะที่ไกลขึ้นเพื่อสร้างระยะห่างระหว่างกรูกับตัวเขา
ครั้งนี้กรูไม่ได้ไล่ตามมาฟันใส่เขา และหานเซิ่นก็รู้สึกตัวในทันทีว่ากรูคาดเดาการเคลื่อนไหวของเขาได้ยังไง ถ้าการโจมตีของชายคนนั้นมีฟังก์ชั่นการติดตามเป้าหมายโดยอัตโนมัติอย่างที่หานเซิ่นคิดไว้ตอนแรก แบบนั้นการโจมตีของกรูก็จะต้องติดตามเขาไป ไม่ว่าเขาจะเทเลพอร์ตไปไกลสักแค่ไหน
“เจ้ามีอาณาเขตที่ทรงพลัง มันเรียกว่าอะไร?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่กรู เขาสามารถบอกได้ว่าทั้งหมดนี่เป็นผลจากพลังอาณาเขตของกรู
“อาณาเขตซอร์ดฮาร์ท ดาบของข้าจะตรงเข้าสู่หัวใจ ภายใต้พลังของอาณาเขตนี้ ข้าจะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน ภายในอาณาเขตของข้าไม่มีเป้าหมายไหนหนีจากดาบของข้าได้ แม้แต่ศัตรูที่ล่องหนก็ยังถูกมองเห็นได้ในอาณาเขตของข้า” กรูพูด
ตอนที่ 2674
นักสู้ส่วนใหญ่ในจักรวาลเป็นเหมือนกับเทียนไข แต่ตัวไหมของเผ่าเวรี่ไฮเป็นเหมือนกับกองไฟที่โชติช่วง
หานเซิ่นตั้งใจจะใช้เวลาเพื่อสังเกตวิชาดาบของกรู แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องสู้
หานเซิ่นกดไกปืนและปืนคู่ของมนตราก็พ่นกระสุนออกไปอย่างต่อเนื่อง
ดาบใหญ่ในมือของกรูกวัดแกว่งราวกับสายลมและตัดทุกกระสุนที่เข้ามาจนขาดครึ่ง ไม่มีกระสุนไหนที่เล็ดลอดไปจากดาบของเขา
“นั่นเป็นวิชาดาบที่ดี” หานเซิ่นเอยชมคู่ต่อสู้
วิชาการต่อสู้ของกรูนั้นด้อยกว่าไผ่เดียวดาย แต่หานเซิ่นชื่นชมในความเสถียรอย่างไม่น่าเชื่อของเขา ทุกการเคลื่อนไหวถูกฝึกฝนอย่างเคร่งครัดและมีท่าทางที่มั่นคง กรูนั้นฝึกฝนวิชาของเขาจนถึงขีดจำกัด
นี่เป็นวิธีการที่คนๆหนึ่งควรจะฝึกฝนวิชาดาบของพวกเขา มันไม่ใช่หนทางที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่า หนทางแบบนั้นเป็นกลยุทธิ์ที่คนอ่อนแอมักจะใช้ การมีกระบวนท่าที่มั่นคงและใช้กำลังบดขยี้คู่ต่อสู้โดยไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ตอบโต้ นั่นคือวิธีการใช้ดาบที่แท้จริง
“มันไม่ใช่วิชาดาบที่ดี” กรูพูด
“ข้าเริ่มฝึกการใช้ดาบตั้งแต่อายุห้าขวบ ในตอนที่ข้าอายุสามสิบ วิชาดาบของข้าก็ยังคงไม่ดี ผู้คนมักจะคิดว่าข้าโง่เขลาและไม่เหมาะสมกับการเป็นนักดาบ แต่ข้ามีร่างกายแห่งราชันธาตุดาบ มันจะเป็นอะไรที่เสียเปล่าถ้าข้าไม่ฝึกการใช้ดาบ ดังนั้นข้าจึงฝึกมันต่อไป ตอนนี้มันผ่านมาสี่สิบหกปีแล้ว แต่วิชาดาบของข้าก็ยังคงไม่ดี ทั้งหมดที่ข้ารู้ก็คือข้าเหนือกว่าบรรพบุรุษ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้วิชาดาบของข้าดี”
“ถ้าเจ้ากำลังใช้สิ่งที่เรียนรู้มา เชื่อข้าในตอนที่ข้าบอกว่านั่นเป็นวิชาดาบที่ดี น้อยคนนักที่จะใช้ดาบได้ดีขนาดนี้” หานเซิ่นรู้ว่าการฝึกวิชาดาบจนถึงขีดจำกัดนั้นยากยิ่งกว่าการคิดวิชาดาบใหม่ขึ้นมา
วิชาดาบใหม่จะถูกสร้างขึ้นมาในในช่วงเวลาที่เกิดแรงบันดาลใจ แต่การจะใช้วิชาดาบที่มีอยู่แล้วให้สมบูรณ์แบบไม่ว่าจะในสภาพแวดล้อมไหนนั้นเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนนับไม่ถ้วน มันต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน มือของพวกเขาไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว ดาบแสงและกระสูงยังคงพุ่งมาปะทะกันอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีฝ่ายไหนที่สามารถสัมผัสร่างของอีกฝ่ายได้
“ไม่อยากเชื่อเลยว่ากรูจะเก่งกาจถึงขนาดนี้ วิชาดาบของเขายอดเยี่ยม แม้แต่ในหมู่เผ่าเวรี่ไฮ วิชาดาบนี้ก็ถือว่าอยู่ในระดับสูงสุด” หลี่เสวี่ยเฉิงพูด
“กรูเป็นคนที่เติบโตช้า” หลี่อวี้เจินพูดพร้อมกับพยักหน้า
“ถึงเขาจะไม่ได้มีความเร็วของเพกาซัส แต่เขาก็เป็นคนที่มั่นคงจนเหมือนกับว่าเขาทนต่ออันตรายได้ทุกอย่างในโลกนี้ ถ้าคู่ต่อสู้ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าเขา มันก็ไม่มีทางที่จะทำลายวิชาดาบของเขาได้ ถ้าเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงใช้เขาในฐานะยาม ฐานของพวกเขาก็จะแข็งแกร่งดังหินผา”
“โชคดีสำหรับพวกเราที่หานเซิ่นเจอกับกรูเป็นคนแรก ด้วยเสถียรภาพของกรู เขาควรจะบีบให้หานเซิ่นต้องใช้พลังทุกหยด ถึงแม้กรูจะเป็นฝ่ายแพ้ แต่ตัวไหมคนอื่นก็จะได้รู้ถึงพลังของหานเซิ่น” ตอนนี้หลี่เสวี่ยเฉิงรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม
ในระยะที่ไกลออกไปชายหัวสิงโตคนหนึ่งกำลังมองมาที่หานเซิ่นและกรู
“ดูเหมือนว่าหานเซิ่นจะไม่ได้มีพรสวรรค์เหมือนอย่างที่ผู้คนกล่าว ถ้าไม่มีสมบัติ เขาก็ไม่ได้พิเศษอะไร” จิ้งจอกผู้หญิงคนหนึ่งหัวเราะขณะที่เดินเข้ามาข้างเชล
เชลดูจริงจังขณะที่พูดขึ้นมา “ดาบวิถีกษัตริย์ของกรูเป็นวิชาดาบที่ร้ายกาจ ความจริงที่หานเซิ่นต่อสู้กับเขาได้โดยไม่เปิดเผยกระบวนท่าของตัวเองนั้นถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของเขา แม้แต่ร่างกายระดับราชันขั้นที่เก้าของข้าก็ยังอาจจะเปิดเผยกระบวนท่าเมื่อต่อสู้กับกรูที่เป็นครึ่งเทพ”
จิ้งจอกผู้หญิงหัวเราะและพูด “ในตอนที่เจ้าลดลงมาสู่ระดับราชัน ความกล้าหาญของเจ้าก็ลดลงไปด้วยอย่างนั้นหรอ? นี่เชลผู้ไร้ความกลัวคนนั้นหายไปไหนแล้ว? นี่เจ้าเห็นเขาหรือเปล่า? แม้แต่หานเซิ่นที่เป็นแค่ระดับราชันขั้นที่เก้าก็ยังทำให้เจ้ามีปฏิกิริยาแบบนี้จริงๆหรอเนี่ย?”
“ข้าต้องแบกรับชะตากรรมของเผ่าไลอ้อนฮาร์ท ดังนั้นข้าจะทำทุกอย่างอย่างระมัดระวังที่สุด ข้าอาจจะพ่ายแพ้ แต่ข้าจะไม่ล้มเหลวเนื่องจากความประมาทของตัวเอง” เชลพูดเสียงแข็ง
จิ้งจอกผู้หญิงกรอกตา เธอมองไปที่เชลและพูด “ยังไงก็ตาม เจ้าคิดยังไงกับพลังของหานเซิ่น? เขาจะเอาชนะกรูได้ไหม?”
“กรูนั้นแข็งแกร่ง แต่หานเซิ่นจะเอาชนะเขา” เชลตอบ
“ถ้ากรูแข็งแกร่ง ทำไมหานเซิ่นจะชนะ?” จิ้งจอกผู้หญิงถามด้วยความสนใจ
“เขาอาจจะชนะ หรือเขาอาจจะแพ้” เชลพูดเพียงแค่นั้น
“แล้วเจ้าล่ะ? ระหว่างเจ้ากับเขาใครแข็งแกร่งกว่ากัน? เจ้าหรือหานเซิ่น?” จิ้งจอกหญิงมองไปที่เชลและพยายามจะอ่านความคิดของเขา
เชลพูด “พวกเราไม่เคยสู้กันมาก่อน ดังนั้นใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น?”
หานเซิ่นและกรูยังคงทำการต่อสู้กันต่อไป แต่จนถึงตอนนี้หานเซิ่นก็ยังไม่พบหนทางที่จะเอาชนะกรู ขาต้องขอยอมรับว่ากรูนั้นมั่นคงเกินไป หานเซิ่นเริ่มคิดว่าถ้าเขายังต่อสู้แบบนี้ต่อไป เขาก็คงจะแก่ตายซะก่อนที่จะพบจุดอ่อนของชายคนนี้ ดูเหมือนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะกรูด้วยวิชาการต่อสู้
‘ถ้าความว่องไวไม่ได้ผลกับเขา แบบนั้นก็ดูเหมือนว่าเราต้องใช้วิธีการอื่น’ หานเซิ่นเทเลพอร์ตถอยออกไปเพื่อสร้างระยะห่างระหว่างเขากับกรู
“กรู ข้ารู้สึกชื่นชมวิชาดาบของเจ้า แต่พวกเราจำเป็นต้องตัดสินผู้ชนะ ด้วยเหตุนั้นข้าต้องขอโทษด้วย” หานเซิ่นยกปืนขึ้นและเล็งไปที่กรู
“ใช้ทุกอย่างที่เจ้าซะ” กรูกำดาบใหญ่เอาไว้แน่น ใบหน้าของเขาดูสงบนิ่ง มันเหมือนกับว่าทั้งท้องฟ้าจะถล่มหรือแผ่นดินจะทลาย พวกมันก็จะไม่ทำให้เขาสั่นคลอน
หานเซิ่นและเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงเป็นศัตรูกัน แต่หานเซิ่นยังคงรู้สึกชื่นชมคู่ต่อสู้ กรูเป็นคนที่เข้มแข็ง และถ้าเขาได้กลายเป็นผู้นำของเอ็กซ์ตรีมคิง เผ่าพันธ์ของพวกเขาก็คงจะก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก
‘น่าเสียดายที่ตอนนี้เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงถูกปกครองโดยราชาไป๋ กรูคงจะไม่มีโอกาส’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง เขาเล็งไปที่กรูและเหนี่ยวไกปืน
ปัง!
กระสุนพุ่งออกจากปากกระบอกปืนและพุ่งตรงเข้าไปหากรู เมื่อเห็นแบบนั้น กรูก็จับดาบแน่นด้วยทั้งสองข้าง เขาตะโกนและนำดาบใหญ่ขึ้นเหนือหัวเพื่อจะฟันลงมาใส่กระสุน
ดาบแสงส่องสว่างจนแสบตา แต่เมื่อดาบแสงปะทะกับเป้าหมายของมัน กระสุนไม่ได้ถูกตัดขาดครึ่ง แต่มันระเบิดออกแทน
ตูม!
มันเหมือนกับการระเบิดของระเบิดไฮโดรเจน การมองไปที่มันเหมือนกับการจ้องตรงไปที่ดวงอาทิตย์ มันเข้าปกคลุมกรูและดินแดนส่วนใหญ่
ในตอนที่แรงระเบิดจางหายไปก็มีหลุมขนาดใหญ่
ปรากฏขึ้นในภูเขา ร่างกายที่อาบด้วยเลือดของกรูนอนอยู่ในหลุมนั้น แขนขาของเขาหายไปและบาดแผลก็ปกคลุมทุกซอกทุกมุมของร่างกายที่เหลืออยู่ของเขา
“เป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวอะไรขนาดนี้” ผู้ชมรู้สึกตกใจ ระดับราชันขั้นที่เก้าคนหนึ่งใช้พลังทำลายล้างล้วนๆเพื่อเอาชนะกรูที่เป็นระดับครึ่งเทพ มันเป็นอะไรที่น่าตกใจ
ตอนที่ 2675
จิ้งจอกหญิงถอนหายใจออกมา “เจ้าพูดถูก กรูมั่นคงมากๆ แต่เขาขาดพลังที่จะเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า เขาไม่อาจจะโค่นล้มคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าได้ เขาอาจจะไม่แพ้คนที่อ่อนแอกว่า แต่ในตอนที่เขาต้องพบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง เขาก็ขาดหนทางที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้”
หานเซิ่นมองกรูที่อยู่ในสภาพปางตาย เขากำลังจะปิดชีวิตของคู่ต่อสู้ด้วยกระสุนนัดสุดท้าย เขามีความสัมพันธ์ที่เลวร้ายกับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง และคนอย่างกรูนั้นอาจจะเป็นปัญหากับเขาในอนาคต เขารู้ว่าควรจะปลิดชีวิตของกรูซะเดี๋ยวนี้
แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะได้ทำอะไร เงาของคนๆหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกรู คนๆนั้นมองมาที่หานเซิ่น เขาอุ้มกรูขึ้นมาและเทเลพอร์ตออกไปจากสนามประลอง
หานเซิ่นไม่จำเป็นต้องคาดเดา เขารู้ว่านั่นคือเวรี่ไฮคนที่พาตัวกรูไปนั้นเป็นคนเดียวกันกับที่ทำพันธสัญญากับกรู
‘น่าเสียดาย’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
“หานเซิ่นเป็นบุคคลที่เก่งกาจสมคำล่ำลือจริงๆ พลังของกระสุนเพียงนัดเดียวนั้นมากพอจะสยบกรูได้อย่างง่ายดาย บอกตามตรงมันควรจะทำให้พวกเรารู้สึกอับอาย” ใครบางคนพูดขึ้นมา
เมื่อหานเซิ่นหันไปมอง เขาก็เห็นว่ามีกลุ่มคนกำลังเดิมเข้ามาหาเขา
“พวกเจ้าต้องการอะไร?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่คนทั้งสี่คน หานเซิ่นเคยเห็นพวกเขาในข้อมูลที่ได้รับ คนที่พูดขึ้นมานั้นเป็นเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ส่วนอีกสามคนที่เหลือคนหนึ่งเป็นเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง และอีกสองคนมาจากเผ่าพันธุ์อื่น แต่ถ้าพวกเขาถูกรับตัวมาในฐานะตัวไหม มันก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ใช่ศัตรูที่หานเซิ่นจะประมาทได้
“เจ้าแข็งแกร่ง แต่พวกเราต้องการอันดับดีๆ ดังนั้นพวกเราต้องขอให้เจ้าออกไปจากหุบเขา” เอ็กซ์ตรีมคิงชายที่เป็นผู้นำพูด
หลังจากนั้นตัวไหมทั้งสี่คนก็เข้ามาล้อมหานเซิ่น
ทางเผ่าเวรี่ไฮไม่เคยบอกว่าการร่วมมือกันระหว่างตัวไหมเป็นสิ่งต้องห้าม และมันก็ไม่ได้มีกฏที่บอกว่าตัวไหมจะต้องต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวเท่านั้น ถ้าการต่อสู้จะเป็นแบบตัวต่อตัวตลอดเวลา มันก็ไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาจะต้องส่งตัวไหมทั้งสิบสองคนเข้าไปในหุบเขาพร้อมกัน
ทางเผ่าเวรี่ไฮไม่ได้ต้องการเรียนรู้แค่ประสบการณ์การต่อสู้ของตัวไหมเท่านั้น พวกเราอยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในจิตใจของตัวไหมในระหว่างการประลอง เพื่อที่พวกเขาจะได้ตัดสินว่าอะไรที่มีประโยชน์ มันจะช่วยให้คนของเวรี่ไฮตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในอนาคต
“เจ้าจะออกไปอย่างภาคภูมิ หรือว่าเจ้าจะให้พวกข้าส่งเจ้าออกไปในถุงศพ?” มนุษย์ตั๊กแตนพูดขึ้นมา
หานเซิ่นหัวเราะ “คิดว่าจะรังแกข้าได้เพียงเพราะพวกเจ้ามีจำนวนมากกว่าอย่างนั้นหรอ?”
“หานเซิ่น นี่เจ้าไร้เดียงสาพอจะเชื่อว่าพวกเราจะต่อสู้กับเจ้าแบบตัวต่อตัวหรือยังไงกัน?” มนุษย์ตั๊กแตนพูดอย่างดูถูก
เขาและหานเซิ่นมาจากเผ่าพันธุ์เล็กๆด้วยกันทั้งคู่ แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นกลับเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วจักรวาล แม้แต่ในหมู่ของเวรี่ไฮ เขาก็ถือเป็นบุคคลที่มีเกียรติ
มนุษย์ตั๊กแตนคนนี้มีภูมิหลังที่คล้ายคลึงกับหานเซิ่น แต่เขาไม่เคยเป็นจุดสนใจ การขาดชื่อเสียงนั้นทำให้เขารู้สึกเกลียดชังหานซิ่น
“ไม่ใช่แบบนั้น ข้าแค่อยากจะแนะนำพวกเจ้า ถ้าพวกเจ้าต้องการจะรังแกข้า พวกเจ้าสี่คนยังคงไม่พอ พวกเจ้าควรจะไปตามคนอื่นมาเพิ่มอีกก่อนที่จะลองเสี่ยงดวง” หานเซิ่นพูด
“เหลวไหล ถ้าอย่างนั้นก็แสดงให้พวกเราดู! ให้พวกเราดูสิว่าเจ้าเก่งจริงอย่างที่เจ้าเชื่อหรือเปล่า” มนุษย์ตั๊กแตนพูดขณะที่แขนตั๊กแตนสีม่วงแดงฉีกผ่านมิติของอวกาศและตรงเข้าไปหาหานเซิ่น
มนุษย์ตั๊กแตนคนนั้นมีพลังธาตุอวกาศ ที่ไหนก็ตามที่แขนของมนุษย์ตั๊กแตนเคลื่อนไป รอยยาวจะถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง
หานเซิ่นถอยออกไป แต่เขารู้สึกราวกับว่ามิติของอวกาศกำลังแปรปรวน ถึงแม้เขาจะถอยออกไปเป็นพันเมตร แต่มนุษย์ตั๊กแตนคนนั้นก็ไม่ได้อยู่ไกลจากเขามากไปกว่าเดิม
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขามองไปด้านข้างและเห็นเอ็กซ์ตรีมคิงคนหนึ่งกำลังปลดปล่อยพลังอาณาเขตอยู่ เขาคิดว่ามันคงจะเป็นพลังอาณาเขตที่บิดเบือนมิติรอบๆตัวเขา
ขณะที่แขนตั๊กแตนถูกฟันลงมา หานเซิ่นก็ใช้ปืนคู่รับแขนที่เหมือนกับเคียวของมนุษย์ตั๊กแตนคนนั้น
เคร๊ง!
ด้วยพลังของหานเซิ่น มันควรจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะโต้กลับแขนของมนุษย์ตั๊กแตน แต่เมื่อพวกเขาปะทะกัน หานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาล และทำให้เขาโซเซไปด้านหลังหลายก้าว หานเซิ่นรู้สึกเจ็บปวดและปืนคู่ก็เกือบจะหลุดมือของเขาไป
หานเซิ่นมองกลับไปที่มนุษย์ตั๊กแตนและเห็นแสงสีทองประหลาดปกคลุมแขนของอีกฝ่าย จริงๆแล้วแสงสีทองนั้นมาจากครึ่งเทพทั้งสี่คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอ็กซ์ตรีมคิงอีกคนที่กำลังเรืองแสงอย่างสว่างไสวเป็นพิเศษ นั่นจะต้องเป็นพลังอาณาเขตของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ก่อนที่หานเซิ่นจะตอบสนอง มันมีลูกธนูลูกหนึ่งตรงเข้ามาหาเขา มันถูกยิงมาจากครึ่งเทพของเผ่าไอจิ ไอจินั้นเป็นเผ่าพันธุ์ของนักธนู พรสวรรค์ในการยิงธนูของพวกเขานั้นโดดเด่นเหนือเผ่าพันธุ์อื่นๆ
หานเซิ่นต้องต่อสู้กับตัวไหมสี่คนพร้อมกัน ซึ่งทำให้เขาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ แถมครึ่งเทพทั้งสี่คนยังใช้พลังพิเศษของพวกเขาร่วมกัน
มนุษย์ตั๊กแตนมีพลังธาตุอวกาศที่สามารถฉีกอวกาศด้วยแขนตั๊กแตนของเขา ส่วนหนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิงสามารถควบคุมมิติของอวกาศ ขณะที่เอ็กซ์ตรีมคิงอีกคนสามารถเสริมความแข็งแกร่งทางร่างกายของพวกพ้อง
ส่วนนักธนูจากไอจิถือเป็นตัวเสริมที่ทำให้สิ่งที่ดีอยู่แล้วดียิ่งขึ้นไปอีก เขามีความเชี่ยวชาญในการใช้ธนูที่จะคอยโจมตีหานเซิ่นจากระยะไกล และอาณาเขตของเขาก็สามารถเสริมความเร็วให้กับทั้งสามคน
เนื่องจากมิติอวกาศนั้นบางครั้งจะถูกยืดและในบางครั้งจะหด ระยะห่างระหว่างหานเซิ่นกับคู่ต่อสู้จึงไม่สามารถพึ่งพาได้อีกต่อไป การโจมตีที่เขาจะหลบหลีกได้ ในตอนนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป ระยะที่เขาจะต้องโจมตีใส่ศัตรูก็ถูกทำให้ไกลขึ้นเช่นกัน ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถแตะต้องตัวคู่ต่อสู้ได้
“ถึงแม้หานเซิ่นจะแข็งแกร่ง แต่ตัวไหมคนอื่นก็แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน เขาต้องต่อสู้กับตัวไหมสี่คนพร้อมกัน แม้แต่ข้าที่เป็นเผ่าเวรี่ไฮก็ทำแบบนั้นไม่ได้” หลี่อวี้เจินพูด
หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทไม่ได้กังวลอะไรมากนัก เพราะพวกเธอสัมผัสได้ถึงจิตใจของหานเซิ่น ถึงแม้มันจะดูเหมือนกับว่าหานเซิ่นกำลังตกที่นั่งลำบาก แต่พวกเธอสัมผัสได้ว่าจิตใจของหานเซิ่นยังคงสงบนิ่งและเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
ถึงแม้พวกเธอจะไม่รู้ว่าหานเซิ่นไปเอาความมั่นใจเหล่านั้นมาจากไหน แต่พวกเธอก็รู้ว่าสถานการณ์ของหานเซิ่นไม่ได้คับขันอย่างที่ตาเห็น
ธนูอีกลูกพุ่งตรงเข้าไปที่ใบหน้าของหานเซิ่น ขณะที่ดาบแสงตรงเข้ามาที่เอวของเขา แขนของตั๊กแตนและปืนคู่ของมนตราปะทะกันและส่งหานเซิ่นกระเด็นไปด้านหลังหลายร้อยเมตร ทุกวินาทีของการต่อสู้ทำให้หานเซิ่นตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย มันดูเหมือนกับว่าอีกเพียงแค่นิดเดียวทั้งสี่คนก็จะเอาชนะหานเซิ่นได้แล้ว
การต่อสู้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ หานเซิ่นถูกโจมตีด้วยพลังอาณาเขต มีด ดาบแสงและแขนของตั๊กแตน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังป้องกันทุกการโจมตีที่เข้ามาได้อย่างสมบูรณ์
ในตอนแรกตัวไหมทั้งสี่คนดูเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็รู้ตัวว่าความได้เปรียบของพวกเขาเริ่มจะน้อยลงไปเรื่อยๆ มันเหมือนกับว่าพลังอาณาเขตไม่ได้ช่วยอะไรพวกเขาอีกต่อไป
ที่สุดแล้วหานเซิ่นก็สามารถต่อสู้กับพวกเขาทั้งสี่คนพร้อมๆกันได้อย่างง่ายดาย เขาสามารถจะโจมตีและป้องกันได้ดั่งใจ
“พรสวรรค์ของเขาน่ากลัวเกินไปแล้ว” จิ้งจอกผู้หญิงพูด เธอมองดูหานเซิ่นต่อสู้อย่างตกตะลึง ตัวไหมแต่ละคนที่กำลังต่อสู้กับหานเซิ่นอยู่นั้นแข็งแกร่งพอๆกับเธอ แต่หานเซิ่นสามารถต่อสู้กับพวกเขาทั้งสี่คนได้สบายๆ และเขาก็เป็นเพียงแค่ระดับราชันขั้นที่เก้าเท่านั้น
ตอนที่ 2676
“ข้าเคยได้ยินมาว่าคริสตัลไลเซอร์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่พึ่งพาเทคโนโลยี ไม่อยากเชื่อเลยว่าร่างกายของพวกเขาจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้”
จิ้งจอกหญิงพูดด้วยความแปลกใจ “และนั่นไม่ใช่ข้อดีเพียงอย่างเดียวของเขา พละกำลังทางกายภาพเป็นเพียงแค่หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาแข็งแกร่ง เขาไม่ใช่สิ่งมีชีวิตไร้สมองที่จะต่อสู้โดยใช้พละกำลังเพียงอย่างเดียว”
“เจ้ายังคิดว่าจะเอาชนะเขาได้อยู่ไหม?” จิ้งจอกผู้หญิงพูดขณะที่มองไปที่เชลด้วยความสนใจ
“ข้าจะไม่แพ้” เชลยังคงดูสงบนิ่งเหมือนเดิมในตอนที่เขาพูดออกมา
ครึ่งเทพทั้งสี่คนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ถึงแม้พวกเขาจะร่วมมือกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะหานเซิ่นได้ นอกจากนั้นหานเซิ่นยังกำลังเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ
พวกเขาถือเป็นหนึ่งในครึ่งเทพที่เก่งกาจที่สุด โดยปกติแล้วพวกเขาจะเอาชนะครึ่งเทพได้อย่างสบายๆ แต่ทว่าตอนนี้พวกเขากำลังจะแพ้ในการต่อสู้แบบสี่รุมหนึ่ง และคู่ต่อสู้ของพวกเขาก็เป็นแค่ระดับราชันขั้นที่เก้าเท่านั้น
หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทก็แปลกใจเช่นเดียวกัน พวกเธอสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของหานเซิ่น พวกเธอได้รับประสบการณ์เสมือนกับว่าพวกเธอกำลังเป็นคนที่ต่อสู้แบบเดียวกันกับเขา
สิ่งที่น่าแปลกก็คือเรื่องที่หานเซิ่นไม่มีความสนใจจะทำการต่อสู้ด้วยวิชาจีโนและพละกำลัง มันเหมือนกับว่าเขากำลังเล่นเกมส์หมากรุก การมองดูเขาเดินหมากนั้นเป็นเรื่องง่าย และการเดินแต่ละตาก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แต่การจะรวมการเดินหมากทั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อจำลองยุทธวิธีของเขาขึ้นมานั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ มันไม่ใช่สิ่งที่จะลอกเลียนได้จากการมองดูเพียงอย่างเดียว
“วิธีการต่อสู้นี้คล้ายคลึงกับเวรี่ไฮเซ้นส์ แต่หานเซิ่นฝึกแค่วิชาใต้นภา เขาไม่ได้อ่านตำราไร้อักษรทั้งหมดด้วยซ้ำ แต่เขาก็ทำเรื่องทั้งหมดนี่ได้ พรสวรรค์ของเขาเป็นอะไรที่น่ากลัวจริงๆ” หลี่เคอเอ๋อพูด
เอ็กซ์ควิสิทพยักหน้าและพูด “นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี มันจะช่วยให้พวกเราเชี่ยวชาญในวิชาเวรี่ไฮเซ้นส์มากขึ้น”
ปัง!
กระสุนพุ่งไปถูกแขนของมนุษย์ตั๊กแตนและระเบิดด้วยพลังที่น่ากลัวของเบรกซิกซ์สกาย มันส่งมนุษย์ตั๊กแตนกระเด็นออกไป พวกเขาทั้งสี่ไม่ได้เหมือนกับกรู มันมีช่องโหว่ในวิธีการต่อสู้ของพวกเขา ดังนั้นเมื่อหานเซิ่นพบโอกาสที่จะสร้างระยะห่างระหว่างเขากับคู่ต่อสู้ได้ เขาก็เริ่มเหนี่ยวไกออกไป
ในตอนแรกหานเซิ่นอยู่ใกล้กับคู่ต่อสู้มากเกินกว่าจะใช้พลังของเบรกซิกซ์สกายได้ เนื่องจากกลัวว่าจะระเบิดตัวเองไปด้วย ด้วยเหตุนั้นเขาจึงใช้วิชาจีโนที่มีพลังทำลายล้างน้อยกว่าเป็นเชื้อเพลิง แต่ตอนนี้เมื่อเขาสร้างระยะห่างได้แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป
กระสุนถูกยิงออกไป และพลังที่น่ากลัวก็ระเบิดใกล้ๆกับครึ่งเทพทั้งสี่คน พวกเขายกมือขึ้นปิดหัวของตัวเองขณะที่วิ่งหนีเอาตัวรอดราวกับหนู พวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้หานเซิ่นอีกต่อไป
กระสุนที่อัดแน่นไปด้วยพลังของเบรกซิกซ์สกายนั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะทนรับได้ ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าจะต่อสู้อีกต่อไป พวกเขาพยายามจะวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อจะออกจากรัศมีการโจมตีของหานเซิ่น
หานเซิ่นไม่ได้ไล่ตามไป เขารอคอยจนกระทั่งคู่ต่อสู้ออกไปไกลมากพอก่อนที่เขาจะประสานมือของตัวเองเข้าด้วยกัน เขาเปลี่ยนปืนคู่ให้กลายเป็นปืนไรเฟิล
หานเซิ่นยกปืนไรเฟิลขึ้นและเล็งไปที่มนุษย์ตั๊กแตน หลังจากนั้นเขาก็เหนี่ยวไก
ปัง!
กระสุนลูกหนึ่งพุ่งผ่านอากาศไป มนุษย์ตั๊กแตนรู้สึกได้ถึงพลังที่กำลังตรงเข้ามา แต่เขารู้ว่าไม่สามารถใช้แขนป้องกันมันได้
ก่อนหน้านี้ที่เขาใช้แขนป้องกันพลังของหานเซิ่นได้นั้นเป็นเพราะพลังเสริมจากอาณาเขตของเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ตอนนี้เมื่อพวกเขาหนีกันไปคนละทิศละทาง มันก็ไม่มีใครกล้าจะต่อสู้โดยปราศจากการสนับสนุนของคนอื่น
ทันใดนั้นมนุษย์ตั๊กแตนก็กางปีกออกและพาเขาหนีไปกว่าหนึ่งกิโลเมตรในชั่วพริบตา เขาคิดว่านั่นจะทำให้หลบกระสุนได้สำเร็จ แต่กระสุนนั้นเปลี่ยนวิถีกลางอากาศและพุ่งตามเขาไป แถมมันยังดูเหมือนจะเร่งความเร็วขึ้นอีกด้วย
ใบหน้าของมนุษย์ตั๊กแตนซีดเผือก เขาพยายามจะบินวนไปวนมา แต่ไม่ว่าเขาจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางไหน การโจมตีของหานเซิ่นก็ยังคงติดตามเขาราวกับกระสุนตรวจจับความร้อน ความเร็วของมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่มันไล่ตามเขา ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปมันก็จะตามมนุษย์ตั๊กแตนทันในที่สุด
มนุษย์ตั๊กแตนกัดฟันและหนีลงไปในหลุมหลังภูเขาลูกหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็หันกลับมาจ้องภูเขาที่อยู่ด้านหลัง
ปัง!
กระสุนเจาะทะลุภูเขาเข้ามาโดยที่ไม่ระเบิด และในชั่วพริบตามันก็มาอยู่ตรงหน้ามนุษย์ตั๊กแตน มนุษย์ตั๊กแตนนั้นเตรียมตัวจะรับแรงระเบิดในตอนที่กระสุนชนเข้ากับภูเขา แต่กระสุนนั้นไม่ได้ระเบิดออก ซึ่งทำให้เขารู้สึกตกใจ
มนุษย์ตั๊กแตนยกแขนขึ้นมาป้อง เขาใส่พลังทั้งหมดเข้าไปในแขนของตัวเองเพื่อจะตั้งรับกระสุนที่เข้ามา
ปัง!
กระสุนพุ่งทะลุแขนของมนุษย์ตั๊กแตนไปได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้นมันก็พุ่งตรงเข้าไปที่หัวของมนุษย์ตั๊กแตนและระเบิดออกมา
ขณะที่ร่างของมนุษย์ตั๊กแตนล้มลงไปกับพื้น ตัวไหมคนอื่นและผู้ชมที่ดูอยู่ก็รู้สึกสยดสยอง
มนุษย์ตั๊กแตนเป็นหนึ่งในครึ่งเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล แต่กระสุนของหานเซิ่นเพิ่งจะฆ่าเขา ขณะที่เขาพยายามจะหนีอย่างสุดชีวิต กระสุนนั้นเป็นอะไรที่แปลกประหลาด จนทำให้ผู้คนที่ได้เห็นมันรู้สึกตกใจไปตามๆกัน
“อาวุธจีโนของเขาคืออะไรกันแน่? ทำไมมันถึงได้แปลกประหลาดและทรงพลังขนาดนั้น? มันพุ่งผ่านทั้งภูเขาและแขนของมนุษย์ตั๊กแตน แต่มันก็ยังฆ่าเขาได้สำเร็จ!” หลี่เสวี่ยเฉิงแปลกใจ
“มันไม่สำคัญว่าเขาจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เขายังคงไม่แข็งแกร่งเท่ากับระดับเทพเจ้า” แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น ใบหน้าของหลี่อวี้เจินกำลังทรยศคำพูดของเขา
ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายหัวเราะออกมา “พลังทำลายล้างนั่นทำให้เขาใกล้เคียงกับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า! ก่อนหน้านี้มันอาจจะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะเชล แต่ในตอนนี้เชลถูกลดลงมาสู่ระดับราชัน และด้วยพลังที่หานเซิ่นเพิ่งจะแสดงออกมา มันก็มีโอกาสสูงที่เขาจะเป็นผู้ชนะ”
ทุกคนตกใจกับกระสุนที่น่าสะพรึงกลัวของหานเซิ่น ครึ่งเทพอีกสามคนที่เหลือวิ่งหนีอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเขากลัวว่าหานเซิ่นจะยิงใส่พวกเขาด้วยเช่นกัน
หานเซิ่นแค่อยากจะลองใช้วิชาฮาร์ทคอนเน็คชั่น แต่ในการทำแบบนั้นทำให้เขาต้องสูญเสียพลังทั้งหมดไป เขาไม่มีพลังเหลือพอที่จะยิงกระสุนแบบนั้นอีกลูก
“ซีโน่เจเนอิคตั๊กแตนเบรกสเปชระดับราชันกลายพันธุ์ถูกฆ่า ยีนซีเจเนอิคกลายพันธุ์ถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูรตั๊กแตนเบรกสเปช”
‘นี่เราเพิ่งจะเริ่มฝึกมันได้ไม่นาน แต่วิชาฮาร์ทคอนเน็คชั่นก็ทรงพลังถึงขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย? น่าเสียดายที่วิชาจีโนนี้ใช้พลังมากเกินไป มันคงจะต้องใช้เวลาอีกสักพักก่อนที่เราจะใช้มันได้อีกครั้ง’
ถึงแม้หานเซิ่นจะได้ยินเสียงประกาศ แต่เขาก็ไม่กล้าจะไปสนใจมัน เขารู้ว่ากำลังถูกจับตามองโดยเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อ
ร่างกายตั๊กแตนเบรกสเปชถูกเอาไปโดยเวรี่ไฮหญิงคนหนึ่ง ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่มีโอกาสจะเก็บยีนซีโน่เจเนอิคมา
‘เมื่อคำนึงถึงพลังที่เราเพิ่งจะแสดงออกมา มันคงจะไม่มีใครเข้ามายุ่งกับเราสักพักหนึ่ง’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง แต่หลังจากนั้นจู่ๆก็มีคนๆหนึ่งปรากฏตัวออกมา
“เชล?” หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทอุทานออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นคนๆนั้น
พวกเธอรู้ว่าหานเซิ่นกำลังเหนื่อยล้า และเขาจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อพักฟื้น เขาไม่สามารถต่อสู้อย่างเต็มกำลังได้ แต่ตอนนี้เชลปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเขา
เมื่อเห็นเชล หานเซิ่นก็หัวเราะและพูด “นี่เจ้ารีบร้อนจะต่อสู้กับข้าขนาดนั้นเลย?”
“เจ้าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการฟื้นพลัง?” เชลถามหานเซิ่น
“สิบชั่วโมง” หานเซิ่นตอบ
“ดี ข้าจะให้เจ้าได้พักเป็นเวลาสิบชั่วโมง ถ้าใครกล้าเข้ามาใกล้ ข้าจะจัดการกับพวกเขาเอง” เชลนั่งลงใกล้ๆ เขามีผมสีทองและใบหน้าสี่เหลี่ยม มันทำให้ดูแข็งแกร่งและกล้าหาญ
ตอนที่ 2677
‘เป็นชายที่แข็งแกร่งและภาคภูมิอะไรขนาดนี้’ หานเซิ่นคิดด้วยความนับถือ หานเซิ่นไม่ได้สงสัยในตัวเชล ดังนั้นเขาจึงเข้าไปนั่งลงใกล้ๆ เขาใช้วิชาเรื่องราวของยีนเพื่อฟื้นพลังที่สูญเสียไปกลับคืนมา ฮาร์ทคอนเน็คชั่นเป็นวิชาที่บีบอัดพลังทั้งหมดเข้าไปในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ที่หานเซิ่นลองใช้ฮาร์ทคอนเน็คชั่น นั่นก็เพราะเขามีหนทางที่จะฟื้นฟูพลังของตัวเองกลับมาในเวลาอันสั้นอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องรอคอยเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะกลับมาต่อสู้ได้อีกครั้ง
แต่ถ้าเชลยินดีจะรอให้เขาได้พักฟื้นก่อน แบบนั้นหานเซิ่นก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการของเขาเพื่อเร่งการฟื้นตัว
ครึ่งเทพทั้งสามคนที่หนีไปนั้นไม่ได้รู้ถึงเรื่องที่หานเซิ่นใช้พลังไปจนหมด ตอนนี้พวกเขารู้สึกเสียใจที่เลือกหนีออกมา พวกเขาควรจะโจมตีหานเซิ่นในตอนที่ยังมีโอกาส
เวรี่ไฮที่เป็นเจ้านายของตัวไหมทั้งสามคนส่ายหัวด้วยความผิดหวัง
คนของเวรี่ไฮนั้นเลือกตัวไหมดูจากสามสิ่ง ซึ่งก็คือพรสวรรค์ พลังและบุคลิกภาพ แต่ทว่าบุคลิกภาพของคนๆหนึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะตัดสินได้ ความจริงแล้วอุปนิสัยของคนๆหนึ่งจะถูกเปิดเผยออกมาเฉพาะในช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย ถ้าตัวไหมคนไหนเผยบุคลิกภาพที่แย่ออกมาในระหว่างการประลอง มันก็มีโอกาสที่เจ้านายเผ่าเวรี่จะทิ้งพวกเขาไป นั่นคือจุดประสงค์ที่การประลองระหว่างตัวไหมถูกเป็นแบบแบทเทิลรอยัล
ถึงแม้กรูจะพ่ายแพ้ แต่เวรี่ไฮที่ทำพันธสัญญากับกรูก็รู้สึกพอใจกับบุคลิกภาพของเขา ด้วยเหตุนั้นกรูจะไม่ถูกทอดทิ้ง แต่มนุษย์ตั๊กแตนและครึ่งเทพอีกสามคนนั้นมีโอกาสสูงที่จะถูกทิ้ง
แน่นอนว่าถ้าตัวไหมเหล่านั้นทำงานอย่างหนักและแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นคนที่มุ่งมั่น มันก็ยังพอจะมีโอกาสที่พวกเขาจะได้ความรักจากเจ้านายกลับคืนมา
เนื่องจากมีเชลนั่งอยู่ด้วย มันก็ไม่มีตัวไหมคนไหนกล้าที่จะเข้ามาใกล้หานเซิ่น หานเซิ่นยังคงใช้เรื่องราวของยีนต่อไปเพื่อฟื้นฟูพลังต่อไป
จิ้งจอกหญิงเข้ามาหาเชลและมองไปที่หานเซิ่น “เชล ทำไมเจ้าถึงยังไม่ลงมือ?”
“ข้ามาที่เอาท์เตอร์สกายเพื่อฝึกฝน ไม่ได้มาเพื่อฆ่าฟัน” เชลพูดอย่างสงบนิ่ง
“นี่เจ้าลืมไปแล้วหรอว่าเจ้าไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้าอีกต่อไปแล้ว? ด้วยพลังที่เขาเพิ่งจะแสดงออกมา ถ้าเจ้าปล่อยให้เขาได้ฟื้นตัว เจ้าก็อาจจะไม่เป็นฝ่ายชนะ นี่เจ้าจะยอมเสี่ยงปล่อยให้เซ็ตอะพอลโลหลุดมือไปจริงๆอย่างนั้นหรอ?” จิ้งจอกหญิงพูด
เชลไม่ตอบ ซึ่งทำให้จิ้งจอกหญิงคนนั้นพูดต่อไปว่า “ถ้าเจ้าไม่ลงมือ แบบนั้นข้าก็จะลงมือเอง”
หลังจากนั้นจิ้งจอกหญิงก็เดินเข้ามาหาหานเซิ่น แสงประหลาดเริ่มส่องสว่างขึ้นรอบๆนิ้วมือของเธอ
“ข้าบอกเขาไปว่าข้าจะปกป้องเขาเป็นเวลาสิบชั่วโมง ถ้าเจ้าเข้าไปใกล้เขามากกว่านี้ ข้าจะถือว่าเจ้าเป็นศัตรูคนหนึ่ง” เชลพูด
“เจ้าจะต้องเสียใจกับเรื่องนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็กคือกฎของจักรวาลนี้ มีแค่คนที่เก่งที่สุดเท่านั้นที่จะอยู่รอด ถ้าเจ้ายังทำอะไรแบบนี้ เจ้าก็จะไม่แข็งแกร่งพอที่จะยกระดับคนอื่นในเผ่าพันธุ์ตัวเอง” จิ้งจอกหญิงพูด
“อาจจะใช่” เชลไม่ได้โต้เถียงกับเธอ
เมื่อเห็นว่าเชลไม่คิดจะเปลี่ยนใจ เธอก็กรอกตาและหัวเราะออกมา
“เชลนะเชล เจ้ากินผลไม้ปีศาจเข้าไปจึงตกลงมาจากระดับเทพ เจ้าอาจจะเอาชนะหานเซิ่นไม่ได้ แต่เจ้าก็ยังคงดูภาคภูมิ ข้ากลัวว่าในจักรวาลนี้มีน้อยคนนักที่จะภาคภูมิในตัวเองเหมือนอย่างเจ้า”
เสียงของเธอเป็นไปได้ทั้งคำดูถูกและคำชื่นชม แต่สิ่งที่ชัดเจนอย่างหนึ่งก็คือเรื่องที่เสียงของเธอดังพอจะทำให้ทุกคนที่ดูการประลองอยู่ได้ยิน
คนของเวรี่ไฮหลายคนไม่ได้รู้เรื่องที่เชลกินผลไม้ปีศาจเข้าไป พวกเขารู้สึกตกใจที่ได้ยินแบบนี้
“เชลกินผลไม้ปีศาจเข้าไป?” สีหน้าของหลี่อวี้เจินและหลี่เสวี่ยเฉิงดูแย่
ก่อนหน้านี้เชลที่เป็นระดับเทพเจ้าถูกคำนึงว่าเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในการประลองระหว่างตัวไหม แต่ถ้าเขากินผลไม้ปีศาจเข้าไปและตกลงมาสู่ระดับราชัน มันก็มีโอกาสที่เขาจะไม่เป็นผู้ชนะ
“ไม่แปลกใจเลยที่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายลงเดิมพันด้วยอัญมณีโอเพ่นสกาย เขาต้องรู้เรื่องที่เชลกินผลไม้ปีศาจเข้าไปแน่”
หลี่เสวี่ยเฉิงกัดฟัน เขาชี้ไปที่เชลและตะโกน “ไอ้โง่เอ้ย! นี่เจ้าตกลงมาสู่ระดับครึ่งเทพแล้ว แต่เจ้าก็ยังทำตัวภาคภูมิอยู่อีกอย่างนั้นหรอ?”
ในตอนนี้หลี่เสวี่ยเฉิงอยากจะจับมือเชลและใช้มันโจมตีใส่หานเซิ่น
ใบหน้าของหลี่อวี้เจินเปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่หลังจากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นสีขาว เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ที่ขมขื่นกำลังเกิดขึ้นภายในหัวใจของเขา
พวกเขาทั้งคู่เกือบจะกระอักเลือดออกมาจากการกระทำของเชล ในขณะที่ทางด้านเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อนั้นดูดีใจ เชลไม่ใช่ระดับเทพเจ้าอีกต่อไปแล้ว และนั่นจะเพิ่มโอกาสชนะของหานเซิ่นขึ้น
ผู้ชมอาจจะประหลาดใจกับข่าวที่เชลลดระดับลงมา แต่สำหรับตัวไหมในหุบเขา ข่าวนี้ทำให้พวกเขารู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ชายเผ่าเวรี่ไฮคนนั้นหลี่ตาขณะที่มองไปที่เชล
“เชลกินผลไม้ปีศาจเข้าไปและกลายเป็นครึ่งเทพอย่างนั้นหรอ? ในตอนแรกข้าคิดว่าไม่มีความหวังที่จะได้รับอันดับที่หนึ่งซะอีก แต่ดูเหมือนว่าข้าจะยังมีหวังอยู่”
เวรี่ไฮชายคนนั้นรีบเทเลพอร์ตไปที่อีกด้านหนึ่งของหุบเขา เขาไปปรากฏตัวต่อหน้าตัวไหมระดับครึ่งเทพทั้งสามคนที่เพิ่งจะต่อสู้กับหานเซิ่นก่อนหน้านี้
“ม่อฟาง…” ในตอนที่ทั้งสามคนเห็นเวรี่ไฮชายคนนั้น พวกเขาก็รู้สึกตกใจ ด้วยความตื่นตระหนก พวกเขารีบรวบรวมพลังทั้งหมดของตัวเอง
จากตัวไหมทั้งสิบสองคน นอกจากเชลและหานเซิ่นแล้ว ม่อฟางถือได้ว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียงที่สุด ความจริงแล้วตัวไหมบางคนนั้นหวาดกลัวม่อฟางยิ่งกว่าหานเซิ่นและเชลซะอีก
ถึงแม้ม่อฟางจะเป็นแค่ครึ่งเทพ แต่เขาก็เป็นหนึ่งในเผ่าเวรี่ไฮ ความจริงในเรื่องนั้นทำให้เขาแตกต่างไปจากตัวไหมคนอื่น
“พวกเจ้าอย่าได้กังวล ข้ามาที่นี่เพื่อร่วมมือกับพวกเจ้าทั้งสาม ข้าไม่ได้มีเจตนาจะมาทำร้ายอะไรพวกเจ้า” ม่อฟางพูดด้วยรอยยิ้ม
“ร่วมมือ? เจ้าหมายถึงร่วมมือกันจัดการกับเชลอย่างนั้นหรอ?” หนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิงถามขึ้นมา
ม่อฟางไม่ได้เข้าร่วมกับพวกเขาจนกระทั่งจิ้งจอกหญิงพูดถึงเรื่องที่เชลตกระดับลงมา พวกเขาสามารถคาดเดาได้ว่าม่อฟางตั้งใจจะทำอะไร
“ไม่เลวหนิ ถ้าเชลยังคงเป็นระดับเทพเจ้าอยู่ ข้าก็คงจะไม่มีโอกาสชนะ แต่ตอนนี้เขาเป็นแค่ครึ่งเทพคนหนึ่ง แบบนั้นทำไมพวกเราไม่มาร่วมมือกันจัดการกับเขาล่ะ? หลังจากนั้นพวกเราค่อยไปจัดการกับหานเซิ่นที่ยังคงอ่อนแรงไปพร้อมๆกัน” ม่อฟางพูด
“แต่การร่วมมือกับเจ้าจะไม่ได้ทำให้พวกเราได้รับอันดับที่หนึ่ง เจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ แล้วพวกเราล่ะ? ทำไมพวกเราต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเจ้าด้วย” นักธนูไอจิถาม
“ขออภัยที่ข้าต้องพูดตามตรง ด้วยพลังที่พวกเจ้ามี พวกเจ้าก็คงจะเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในหุบเขาแห่งนี้ นอกจากคนที่ตกรอบไปแล้ว พวกเจ้าทั้งสามก็จะต่อสู้กันเพื่ออันดับสุดท้าย แต่ถ้าพวกเจ้ายอมช่วยเหลือข้า เมื่อพวกเราจัดการเชลและหานเซิ่นได้แล้ว พวกเราก็จะร่วมมือกันต่อเพื่อจัดการกับตัวไหมคนอื่นที่เหลืออยู่ แบบนั้นข้าจะได้รับอันดับที่หนึ่ง ส่วนพวกเจ้าจะได้รัยอันดับที่สอง สามและสี่” ม่อฟางพูด
“นี่เจ้าพูดจริงอย่างนั้นหรอ?” ครึ่งเทพทั้งสามคนยิ้มอย่างพึงพอใจ ที่พวกเขาทั้งสามคนร่วมมือกันตั้งแต่แรก นั่นก็เพราะว่าพวกเขารู้ตัวว่าพลังของพวกเขาด้อยกว่าคนอื่น
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คนของเผ่าเวรี่ไฮไม่รักษาคำพูด?” ม่อฟางพูดอย่างภาคภูมิ
เอ็กซ์ตรีมคิงระดับครึ่งเทพสองคนมองหน้ากัน หลังจากนั้นหนึ่งในพวกเขาก็หันกลับมาพูดกับม่อฟาง “โอเค พวกเราตกลงจะร่วมมือกับเจ้า”
ถ้าตัวไหมคนอื่นมาขอร่วมมือกันกับพวกเขา พวกเขาก็จะรู้สึกลังเล แต่ทว่าม่อฟางเป็นคนที่มีชื่อเสียง ถึงแม้เขาจะเป็นตัวไหม แต่เขาก็เป็นหนึ่งในเผ่าเวรี่ไฮ
ตอนที่ 2678
หานเซิ่นได้พักฟื้นอยู่แค่ครึ่งชั่วโมงก่อนที่ม่อฟางจะปรากฏตัวออกมาพร้อมกับมีครึ่งเทพสามคนตามเขามาราวกับลูกเป็ด เชลชำเลืองมองม่อฟาง ม่อฟางเบะปากขณะที่จ้องกลับไปที่เชล ไม่มีคนไหนพูดอะไร แต่พวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังคิดอะไรอยู่
“บัตเตอร์ฟลาย เจ้าจะอยู่ข้างพวกเราหรืออยู่ข้างเชล?” ม่อฟางถามขณะที่มองไปที่จิ้งจอกหญิง
“ข้าเป็นเพียงผู้หญิงที่อ่อนแอ ข้าคงจะช่วยใครไม่ได้” บัตเตอร์ฟลายพูดขณะที่ถอยออกไป เธอไม่อยากจะช่วยข้างไหนทั้งนั้น
ม่อฟางรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจงใจปล่อยข่าวเรื่องที่เชลไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้าแล้วออกมา มันเห็นได้ชัดว่าเธอต้องการจะดูการต่อสู้อยู่ห่างๆและรอรับผลประโยชน์
แต่ม่อฟางไม่รังเกลียดที่จะปล่อยให้เธอทำแบบนั้น เพราะเขาเชื่อว่าเธอไม่แข็งแกร่งพอที่จะส่งผลกระทบต่อการได้อันดับที่หนึ่งของเขา สำหรับตอนนี้คนที่ขวางทางอยู่คือเชลต่างหาก
“เชล นี่เจ้าคิดจะปกป้องหานเซิ่นจริงๆอย่างนั้นหรอ?” ม่อฟางถาม
เชลพยักหน้า หลังจากนั้นครึ่งเทพทั้งสามคนก็กระจายตัวกันออกไปเพื่อล้อมเชลเอาไว้
“ไม่ว่าข้าจะปกป้องเขาหรือไม่ ที่สุดแล้วข้าก็ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าอยู่ดี”
เชลพูดขณะที่ลุกขึ้นยืน ร่างกายของเขาสูงถึงสามเมตร เขาดูน่ายำเกรงถึงแม้เขาจะไม่ได้พยายามทำตัวแบบนั้นก็ตาม เขาดูเหมือนกับมนุษย์สิงโตขนทอง
ม่อฟางยิ้มและพูด “ถ้าเจ้าถอนตัวไปซะตอนนี้ พวกเราก็ไม่ต้องเสียเวลาต่อสู้กัน”
“จะสู้ก็รีบสู้” เชลดูสงบนิ่ง เขาดูมั่นคงดังขุนเขา
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ต้องระวังตัวให้ดี” ม่อฟางพูด เขาชี้นิ้วออกไปและพลังพิชิตมารของเผ่าดราก้อนก็มารวมกันอยู่ที่ปลายนิ้วของเขา
เผ่าดราก้อนนั้นถูกกล่าวขานว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่กล้าหาญที่สุด และพลังพิชิตมารของพวกเขาก็เป็นพลังที่อัดแน่นไปที่จุดๆเดียว มันคล้ายคลึงกับวิชาฮาร์ทคอนเน็คชั่นของหานเซิ่น
แต่ฮาร์ทคอนเน็คชั่นนั้นจะปลดปล่อยพลังทั้งหมดของผู้ใช้ออกมาในครั้งคราวเดียว ขณะที่พลังพิชิตมารจะใช้พลังเท่าที่ผู้ใช้ต้องการเท่านั้น
หานเซิ่นเคยวิเคราะห์เกี่ยวกับพลังพิชิตมารของเผ่าดราก้อน และเขาก็ได้ข้อสรุปว่ามันเป็นวิชาจีโนที่น่ากลัวมากๆ
ในตอนนี้ม่อฟางกำลังใช้วิชาพิชิตมารเพื่อรวบรวมพลังมาที่จุดๆเดียว พลังที่เขารวบรวมมาได้นั้นเหนือกว่าของยอดฝีมือระดับเทพเจ้าของเผ่าดราก้อนซะอีก
เชลไม่ได้หลบหลีกหรือวิ่งหนี เขาก้าวไปข้างหน้าและแกว่งกำปั้นออกไป เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขากระโจนออกไปราวกับสิงโตที่เกรี้ยวกราด
ตูม!
นิ้วมือและกำปั้นปะทะกัน แรงระเบิดที่ตามพานั้นฉีกสภาพแวดล้อมรอบๆ เชลไม่ได้ขยับเขยื้อน ขณะที่ม่อฟางถอยออกไปสิบเมตร
ม่อฟางยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะและพูด “สมกับเป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดจริงๆ ถึงแม้ตอนนี้เจ้าจะอ่อนแอลงไป แต่ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเจ้าก็ยังเป็นอะไรที่หาได้ยาก”
“นั่นเป็นเพียงแค่พละกำลังทางกายภาพ มันเทียบไม่ได้กับวิชาลับของเผ่าเวรี่ไฮ” เชลพูดอย่างถ่อมตัว
“ลำพังแค่พลังของตัวเอง ข้าเทียบเจ้าไม่ได้จริงๆ แต่ข้าต้องการจะได้อันดับที่หนึ่ง ด้วยเหตุนั้นข้าต้องขอโทษด้วย” ม่อฟางพูด หลังจากนั้นครึ่งเทพของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงและเผ่าไอจิก็เริ่มลงมือ
ตอนนี้เชลตกอยู่สถานการณ์เดียวกันกับที่หานเซิ่นเคยประสบก่อนหน้านี้ แต่สถานการณ์ของเชลนั้นคับขันยิ่งกว่า
ปัจจัยหลักคือการสลับเปลี่ยนระหว่างม่อฟางและมนุษย์ตั๊กแตน มันมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างความสามารถของพวกเขาทั้งคู่ พลังของม่อฟางนั้นเหนือกว่ามนุษย์ตั๊กแตนมากนัก
มันอาจจะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา แต่การเข้าร่วมของม่อฟางทำให้การประสานงานของคนอื่นๆก็ดูดีขึ้นกว่าครั้งก่อน ค่ายกลของพวกเขาดูเป็นอะไรที่ไม่สามารถูกทำลายได้
ม่อฟางนั้นทำได้มากกว่าการควบคุมครึ่งเทพเพียงแค่สามคน เขาสามารถแผ่อิทธิพลต่อทั้งกองทัพที่ประกอบไปด้วยทหารนับหมื่น การจะทำเรื่องแบบนั้นถือเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับม่อฟาง
“ม่อฟางเชี่ยวชาญการควบคุมคนอื่น ด้วยความสามารถในการออกคำสั่ง เขาสั่งการตัวไหมคนอื่นง่ายเหมือนกับการกระดิกนิ้วของตัวเอง เขาทำให้ตัวไหมทั้งสามคนต่อสู้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เชลไม่มีพลังพอจะต่อกรกับพวกเขา เห็นได้ชัดว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตราย” เอ็กซ์ควิสิทพูดขณะที่มองเชลที่อยู่ในหุบเขา
เชลกำเนิดมาจากเผ่าพันธ์เล็กๆที่ไม่ได้มีวิชาจีโนดีๆเลยสักวิชา นอกจากพรสวรรค์และระดับพลังของเขาแล้ว มรดกของเขานั้นเลวร้ายยิ่งกว่าของหานเซิ่น วิชาจีโนดีๆที่เขาได้ฝึกทั้งหมดนั้นมาจากในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในเอาท์เตอร์สกาย
มันเป็นไปไม่ได้ที่เชลจะเอาชนะทั้งสี่คนด้วยวิชาที่เขามี
ทักษะการต่อสู้ของเชลอาจจะไม่ได้ด้อยไปกว่าหานเซิ่น แต่เขาขาดความยืดหยุ่นและความหลากหลายอย่างที่หานเซิ่นมี
ด้วยพลังอาณาเขตของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงสองคนและเผ่าไอจิหนึ่งคน พลังของเชลก็ไปไม่ถึงตัวของม่อฟาง เขาเป็นเหมือนกับสัตว์ที่ถูกขังอยู่ในกรง ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนมากสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถออกไปจากกรงได้
ม่อฟางเคลื่อนไหวนิ้วมือราวกับว่าพวกมันเป็นมีดดาบสิบเล่ม แสงแห่งเทพที่น่ากลัวสาดส่องออกไปทุกหนทุกแห่ง และรอยแผลนับไม่ถ้วนก็เกิดขึ้นตามร่างกายของเชล
“เป็นร่างกายที่แข็งแกร่งอะไรอย่างนี้ ดูเหมือนเจ้าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเวรี่ไฮทั่วไป พรสวรรค์สิบเปลือกเป็นอะไรที่หายากมากๆ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ากลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง”
ม่อฟางใช้พลังพิชิตมารโจมตีใส่เชลหลายครั้ง แต่เขาก็ทำได้แค่ทิ้งบาดแผลตื้นๆเอาไว้เท่านั้น
หัวใจของหลี่อวี้เจินและหลี่เสวี่ยเฉิงเกือบจะหลุดออกจากอก ในตอนนี้พวกเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องที่หานเซิ่นอาจจะชนะเชลอีกต่อไป เพราะดูเหมือนว่าเชลจะอยู่ได้ไม่นานพอที่จะต่อสู้กับหานเซิ่นด้วยซ้ำ
“เวรเอ้ย!” ใบหน้าของหลี่เสวี่ยเฉิงเต็มไปด้วยความโกรธ เขาคิดเกี่ยวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นถ้าเชลพ่ายแพ้การประลองระหว่างตัวไหม เขารู้สึกเวียนหัวและร่างกายของเขาก็สั่นไหว ส่วนเวรี่ไฮที่เดิมพันข้างหานเซิ่นนั้นดูดีใจเมื่อเทียบกันแล้ว
“ม่อฟางคนนั้นไม่เลวเลย ถึงแม้พลังของเขาจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนอย่างหานเซิ่นหรือเชล แต่ข้าไม่คิดว่าจะมีเวรี่ไฮคนไหนในรุ่นนี้ที่จะเป็นผู้บัญชาการที่ดีไปกว่าเขา”
“ทำได้ดีมาก กำจัดเชลเร็วเข้า”
“ฮ่าๆ! ม่อฟางจะฆ่าเชล หลังจากนั้นเขาก็จะฆ่าหานเซิ่นต่อ ข้าชอบเรื่องนี้”
…
เชลได้รับบาดแผลมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นครึ่งเทพคนอื่นล่ะก็ พวกเขาก็คงจะพ่ายแพ้ไปเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อมองไปในดวงตาของเชล มันก็เห็นได้ชัดว่าเชลไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิดเดียว เขาไม่คิดจะถอย
ดวงตาของเขาดูเหมือนกับดวงตาของสิงโต เขาดูตื่นเต้น เขาตื่นเต้นราวกับสัตว์ที่กระหายเลือด
ม่อฟางขมวดคิ้ว เขารู้สึกตัวว่ามันเป็นเรื่องยากขนาดไหนที่จะสร้างความเสียหายกับเชล เขาสามารถใช้แต่ละวิชาโจมตีเชลได้เพียงแค่เดียวเท่านั้น หลังจากนั้นการโจมตีแบบเดิมก็จะไม่สามารถสร้างความเสียหายกับเชลได้อีกต่อไป ม่อฟางจำเป็นต้องเปลี่ยนวิชาไปเรื่อยๆ
ในสายตาของคนนอกมันอาจจะดูเหมือนกับว่าเชลกำลังถูกไล่ต้อน แต่ถ้าลองมองดูดีๆแล้วจะเห็นว่าม่อฟางกำลังตกที่นั่งลำบาก
ถึงแม้เผ่าเวรี่ไฮจะมีวิชาจีโนอยู่มากมาย แต่ส่วนใหญ่เป็นวิชาจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ แต่ม่อฟางไม่ได้ฝึกพวกมันทั้งหมด ถ้าเกิดยังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาก็ต้องวนกลับมาใช้วิชาเดิม
“แค่นั้นเองหรอ?” ความผิดหวังปรากฏในดวงตาของเชล
ตอนที่ 2679
ไม่นานผู้ชมก็เริ่มจะสังเกตเห็นว่าเชลได้รับบาดแผลน้อยลงเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป แถมบาดแผลที่เขาได้รับก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ หลังจากผ่านไปสักพักบาดแผลเกือบทั้งหมดของเขาก็หายไป
“เขาแข็งแกร่งอะไรขนาดนี้… นี่มันมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่ตามเผ่าพันธุ์ต่างๆกี่คนกันแน่?”
หลี่เคอเอ๋อพึมพำด้วยความประหลาดใจ ทั้งหานเซิ่น ดอลลาร์และตอนนี้เชลอีกคนหนึ่ง พวกเขาไม่ได้เป็นสมาชิกของเผ่าพันธุ์ชั้นสูง ความจริงแล้วเผ่าพันธุ์ของพวกเขาแทบจะไม่เป็นที่พูดถึง แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มีพรสวรรค์ที่น่ากลัว แม้แต่ในเผ่าเวรี่ไฮก็ถือว่าหาได้ยาก
เวรี่ไฮหลายคนก็มีความคิดที่เหมือนกัน คนของเผ่าเวรี่ไฮทั่วไปนั้นไม่ได้เหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆมากนัก มันไม่มีพวกเขาคนไหนที่แข็งแกร่งไปกว่าหานเซิ่นหรือเชล
ส่วนเวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์นั้นจะมีความสามารถที่สุดยอดก็จริง แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเพียงแค่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์แล้วจะทำให้พวกเขามีพลังในระดับที่กำลังถูกแสดงอยู่ในตอนนี้ แต่ทว่าในตอนที่ตัวไหมของพวกเขากลายเป็นระดับเทพเจ้า พวกเขาจะได้รับประสบการณ์ที่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาตัวเองไปอย่างก้าวกระโดด
นี่เป็นเรื่องจริงกับเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อด้วยเช่นกัน ในตอนนี้พวกเธอไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับหานเซิ่น พวกเธอไม่สามารถเอาชนะเขาได้ เอ็กซ์ควิสิทนั้นเคยพ่ายแพ้เขามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเธอจะเรียนรู้ทุกสิ่งจากหานเซิ่นขณะที่เขากลายเป็นระดับเทพเจ้า ถึงแม้ตอนนั้นพวกเธอจะยังไม่ได้กลายเป็นระดับเทพเจ้า แต่จิตใจของพวกเธอก็จะแข็งแกร่งเหมือนอย่างของหานเซิ่นที่เป็นระดับเทพเจ้า
ในตอนที่ม่อฟางรู้สึกตัวว่าไม่สามารถสยบเชลได้ เขาก็ใช้สมาธิทั้งหมดไปที่คู่ต่อสู้และดวงตาที่สามของเขาก็เปิดออก มันกลายเป็นดวงตาหยินหยางของไท่เก๊กที่กระจ่างใสราวกับคริสตัล
เมื่อดวงตาที่สามเปิดออก ออร่าของม่อฟางก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เขาไม่ได้กลายเป็นเครื่องจักรที่ไร้ซึ่งชีวิตเหมือนอย่างเอ็กซ์ควิสิท แต่เขายังคงมีพลังที่จะทำให้ทุกคนตื่นกลัว
ในขณะเดียวกันดวงตาของครึ่งเทพทั้งสามคนก็สูญเสียโฟกัสไป พวกเขากลายเป็นเพียงหุ่นเชิดที่เคลื่อนไหวตามจิตใจของม่อฟาง มันเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายม่อฟาง
ครึ่งเทพทั้งสามคนรู้สึกแย่ พวกเขาถูกเลือกมาเป็นตัวไหม แต่พวกเขากลับตกอยู่ในสภาพที่น่าอัปยศแบบนี้ มันเป็นไปได้สูงที่เจ้านายของพวกเขาจะเลือกตัวไหมคนใหม่
ในจังหวะที่ม่อฟางเปิดเนตรเวรี่ไฮ สถานการณ์ก็พลิกกลับ เชลที่เพิ่งจะชิงความได้เปรียบกลับมาได้ ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกครั้ง
ตอนนี้ตัวไหมทั้งสี่กำลังต่อสู้กับเชล ไม่ได้เป็นกลุ่มที่ประกอบไปด้วยม่อฟางและครึ่งเทพอีกสามคนอีกต่อไป ตอนนี้มันกลายเป็นกลุ่มของม่อฟางสี่คน ตัวไหมทั้งสามยังคงใช้พลังดั้งเดิมของพวกเขา แต่ร่างกายของพวกเขาถูกควบคุมโดยจิตใจของม่อฟางโดยสมบูรณ์
แต่ถึงแม้จะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันแบบนั้น ดวงตาของเชลก็ยังคงไร้ซึ่งความกลัว
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด พวกเขาทั้งสี่คนมีพลังที่แตกต่างกัน และม่อฟางก็ใช้ประโยชน์จากเรื่องนั้นเพื่อสร้างรูปแบบการโจมตีจำนวนนับไม่ถ้วน
ถึงแม้เชลจะยังไม่พ่ายแพ้ แต่เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะโต้กลับ การต่อสู้ดำเนินต่อไปและบาดแผลก็เริ่มจะสะสมตามร่างกายของเชลอีกครั้งหนึ่ง
ครั้งนี้จิ้งจอกสาวเดินเข้ามาหาหานเซิ่นที่กำลังอยู่ระหว่างการพักฟื้นอย่างเงียบๆ
“อ้า หานเซิ่นนะหานเซิ่น… ในที่สุดเจ้าก็ตกอยู่ในกำมือของข้า” จิ้งจอกสาวคนนั้นยกมือขึ้นและเตรียมตัวจะฟันมันลงมาใส่หลังของหานเซิ่น
หานเซิ่นยังคงอยู่ระหว่างการทำสมาธิ แต่เขาสามารถบอกได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัวได้ เขารู้ทุกการเคลื่อนไหวของจิ้งจอกสาว แต่ในจังหวะที่เขาเตรียมตัวจะลุกขึ้นเพื่อต่อสู้กับเธอ เขาก็ได้ยินเสียงตะโกน
เสียงนั่นออกมาจากปากของเชลและดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
ถึงแม้เชลจะกำลังต่อสู้กับม่อฟาง แต่เขาก็จับตาดูหานเซิ่นอยู่ตลอด ในตอนที่เขาเห็นว่าจิ้งจอกสาวแอบเข้ามาโจมตีหานเซิ่น เขาก็ปล่อยเสียงคำรามของสิงโตออกมา
ทันใดนั้นร่างกายของเชลก็ขยายใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่า กล้ามเนื้อทั้งร่างกายของเขาปูดบวมเป็นมัดๆ และแสงสีแดงก็ก่อตัวขึ้นมาราวกับเป็นไฟรอบร่างกายของเขา ผมสีทองที่หยักศกของเขาตั้งตรงในเปลวไฟ เขาดูเหมือนกับเทพปีศาจหัวสิงโต
เชลกำลังอยู่ระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือนกับม่อฟาง แต่ตอนนี้การกลายร่างของเชลทำให้ม่อฟางต้องถอยออกไป การถอยออกไปอย่างกะทันหันทำให้เสียจังหวะในการโจมตี เชลวิ่งเข้าไปในทิศทางของหานเซิ่นและชกหมัดใส่จิ้งจอกสาว
จิ้งจอกสาวตกใจ เธอรีบเทเลพอร์ตหายไปราวกับหมอกเมฆ
“เชล! นี่เจ้าจะต่อสู้กับข้าเพื่อศัตรูจริงๆอย่างนั้นหรอ?” จิ้งจอกสาวขมวดคิ้ว
“ข้าบอกเจ้าแล้วยังไงว่าข้าจะปกป้องเขาเป็นเวลาสิบชั่งโมง ใครที่กล้าแตะต้องตัวเขาจะกลายเป็นศัตรูของข้า” เชลมายืนอยู่ตรงหน้าหานเซิ่นขณะที่เขาดูเลือดเย็นราวกับเทพปีศาจ
ม่อฟางจ้องมองเชลด้วยความประหลาดใจ พลังและออร่าของเชลในตอนนี้ดูแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง เขาตกอยู่ในการต่อสู้ที่ยากลำบากก่อนหน้านี้ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดของตัวเอง
“ม่อฟาง เจ้ากับข้ามาร่วมมือกันเป็นยังไง?” จิ้งจอกสาวพูดกับม่อฟาง เธอไม่สามารถเอาชนะเชลได้ด้วยตัวเธอเอง
“เอาสิ” ม่อฟางไม่อยากจะพ่ายแพ้หรือทิ้งการต่อสู้นี้ไป ดังนั้นเขาจะต้องใช้ประโยชน์จากทุกโอกาสที่เข้ามา
จิ้งจอกสาวไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ร่างกายของเธอเรืองแสงสีแดงออกมาและก่อตัวเป็นชุดเกราะโลหะสีแดงทั้งชุด มันห่อหุ้มร่างกายทั้งร่างของเธอเหลือก็แต่บริเวณหางจิ้งจอกที่โบกไปมาอยู่ด้านนอก
หลังจากนั้นหางของเธอก็แยกออกเป็นเก้าหาง และอาณาเขตสีชมพูก็เข้าปกคลุมดินแดนโดยรอบ ทันใดนั้นจู่ๆร่างกายของเชลก็ถูกจับโดยโซ่สีชมพู มันล่ามร่างกายของเขาและดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
โดยที่ไม่ต้องทำการสื่อสารใดๆ ม่อฟางนำร่างทั้งสี่ร่างเข้าโจมตีเชล
ต่อหน้าครึ่งเทพห้าคน เชลตอบสนองด้วยการคำรามอย่างเกรี้ยวโกรธ ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟ และร่างกายของเขาก็เหมือนกับภูเขาไฟที่ปะทุ พลังที่น่ากลัวระเบิดโซ่ที่ล่ามร่างกายของเขาจนขาด หลังจากนั้นเขาก็ชกหมัดออกไป มันทำลายมิติที่บิดเบี้ยวและตรงไปที่หนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิง
ม่อฟางใช้จิตใจบังคับให้เอ็กซ์ตรีมคิงยกแขนขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีที่เข้ามา แต่ภายใต้หมัดที่โหดร้ายแบบนั้น ความพยายามของเขาเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ แขนที่ได้รับการเสริมพลังจากอาณาเขตนั้นแตกกระจายด้วยกำปั้นของเชล หมัดของเชลยังคงพุ่งต่อไปที่หน้าอกของเอ็กซ์ตรีมคิงและส่งเขาบินออกไปราวกับลูกอุกกาบาต
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เชลเป็นเหมือนกับเทพปีศาจที่หยุดไม่อยู่ ทุกหมัดของเขาส่งศัตรูคนหนึ่งกระเด็นออกไป ม่อฟางและตัวไหมคนอื่นที่เขาควบคุมถูกชกกระเด็นออกไป
ทุกหมัดของเชลนั้นดูง่ายๆ แต่จริงๆแล้วภายใต้ความเรียบง่ายนั้นเป็นอะไรที่ซับซ้อน มีเพียงแค่ม่อฟางที่รู้ว่าหมัดที่ดูเรียบง่ายของเชลนั้นทำลายแผนการของเขาทุกแผนการ
มันมีคำอธิบายเพียงอย่างเดียวถึงการที่เชลทำเรื่องแบบนี้ได้ ซึ่งก็คือเขาต้องรู้ถึงพลังและรูปแบบการโจมตีของคู่ต่อสู้แต่ละกัน นั่นเป็นหนทางเดียวที่เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้
‘นี่หมายความว่าในขณะที่พวกเราต่อสู้กันก่อนหน้านี้ เขาเรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบการโจมตีของพวกเราจนเข้าใจอย่างถ่องแท้?’ ม่อฟางคิดขณะที่กระเด็นออกไปด้านหลัง เขาไปชนเข้ากับภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงและเลือดกระอักออกมา เขาไม่สามารถลุกกลับขึ้นมาได้ และเขาก็ไม่อยากจะเชื่อถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ตอนที่ 2680
ทุกคนจ้องมองด้วยความตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเชลที่ตกลงมาจากระดับเทพเจ้าจะมีพลังที่น่ากลัวขนาดนั้น เขาสามารถจัดการยอดฝีมืออย่างม่อฟางได้ในหมัดเดียว การมีพลังแบบนี้จะทำให้เขาไร้เทียมทานเมื่อเขากลายเป็นระดับเทพเจ้าอีกครั้ง
“ฮ่าๆ! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเชลจะไม่แพ้ นี่ม่อฟางและหานเซิ่นคิดจริงๆหรือว่าพวกเขาจะสู้กับเชลได้น่ะ?” หลี่เสวี่ยเฉิงดูตื่นเต้นขึ้นมา
หลี่อวี้เจินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ถ้าเชลพ่ายแพ้ ชีวิตของพวกเขาก็จะกลายเป็นอะไรที่ยากลำบากในอนาคต
ตอนนี้เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อดูเป็นกังวลขึ้นมา เชลนั้นแข็งแกร่งมากๆ และถึงแม้เขาจะไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้าอีกแล้ว แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่หานเซิ่นจะเอาชนะเชลได้
“เชล เจ้าจะต้องเสียใจกับเรื่องนี้” จิ้งจอกสาวพูดอย่างอาฆาต เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ถูกชก เธอจ้องมองหานเซิ่นอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเธอก็จากไป
ใบหน้าของเชลยังคงสงบนิ่ง เขากลับมานั่งลงที่เดิม หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็กลับสู่ขนาดปกติ
เมื่อเห็นว่าคนอื่นถูกไล่ออกไปแล้ว หานเซิ่นก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมา เขาใช้สมาธิไปกับการพักฟื้นตัว ซึ่งหลังจากที่จบการต่อสู้ครั้งนั้น มันก็ไม่มีใครกล้ามารบกวนพวกเขาอีก
สิบชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อพลังของหานเซิ่นฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง เขาก็ยืนขึ้นและมองไปที่เชล มนุษย์สิงโตคนนั้นยังคงนั่งอย่างสงบนิ่งอยู่ที่เดิม
มันดูเหมือนกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงสายตาของหานเซิ่น ทำให้เขาลืมตาขึ้นมาและถาม
“เจ้าพักฟื้นเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
“ข้าฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว” หานเซิ่นตอบ
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาเริ่มกันเลย” เชลหันความสนใจมาที่หานเซิ่นขณะที่แสงสีแดงปรากฏขึ้นรอบๆตัวของเขา ร่างกายของเขาขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว เขากลับสู่ร่างของเทพปีศาจหัวสิงโตอีกครั้ง
“ซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด? ไม่แปลกใจเลยที่เขามีพรสวรรค์ระดับสิบเปลือก”
หานเซิ่นตรวจเช็คพลังของเชลและคิดต่อไปว่า ‘ถึงแม้เขาจะตกลงมาอยู่ระดับครึ่งเทพ แต่เขาก็ยังคงเป็นคนที่รับมือได้ยากอยู่ดี’
ก่อนหน้านี้ถึงหานเซิ่นจะหลับตาลง แต่เขาก็ยังคงให้ความสนใจกับการต่อสู้ของเชล เขารู้ว่าร่างกายของเชลไม่ได้ด้อยไปกว่าร่างกายของเขาเลย และความสามารถในการต่อสู้ของชายคนนี้ก็เป็นอะไรที่สุดยอด ถึงแม้จะต่อสู้กันเพียงช่วงสั้นๆ แต่เชลก็สามารถวิเคราะห์กระบวนท่าของคู่ต่อสู้ได้อย่างละเอียด พรสวรรค์แบบนั้นเป็นอะไรที่เป็นปัญหาสำหรับหานเซิ่น
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น เขายกมือขึ้นราวกับว่าพวกมันเป็นมีดคู่ เขาใช้วิชามีดใต้นภาและมีดเขี้ยวดาบร่วมกัน
เชลไม่คิดจะถอย เขาก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับกวัดแกว่งหมัดไปพร้อมๆกัน กำปั้นและฝ่ามือของพวกเขาเริ่มปะทะกันในอากาศ คลื่นกระแทกจากการต่อสู้ของพวกเขาระเบิดไปทั่วหุบเขาราวกับดอกไม้ไฟ
การต่อสู้ของพวกเขาทั้งคู่ดูเหมือนกับว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ความแข็งแกร่งของพวกเขาดูจะทัดเทียมกัน มันตัดสินได้ยากว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะ
“ความแข็งแกร่งทางร่างกายของพวกเขาน่ากลัวด้วยกันทั้งคู่ แต่ข้าคิดว่าหานเซิ่นนั้นน่ากลัวกว่า เพราะยังไงซะเขาก็เป็นแค่ระดับราชันขั้นที่เก้า ถ้าเขากลายเป็นครึ่งเทพ ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเหนือกว่าเชล ข้าอยากรู้จริงๆว่าคริสตัลไลเซอร์พัฒนาร่างกายจนแข็งแกร่งแบบนี้ได้ยังไงกัน? นี่วิชาจีโนที่เขาฝึกทรงพลังถึงขนาดนั้นเลยอย่างนั้นหรอ?” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายพึมพำกับตัวเอง
“ข้าก็คิดแบบนั้น แม้แต่ร่างกายของเวรี่ไฮอย่างพวกเราก็ตอบสนองความต้องการของวิชาจีโนนั้นไม่ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นที่ยากกว่ามากสำหรับสิ่งมีชีวิตอื่นในจักรวาล ที่หานเซิ่นเรียนรู้มันได้สำเร็จนั้นถือเป็นเรื่องที่โชคดีมากๆ” ผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่ยิ้มแห้งๆ
“เด็กคนนี้โชคดีมากจริงๆนั่นแหละ” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายพูดและหัวเราะออกมา
ปัง!
กำปั้นและป่ามือปะทะกัน และคลื่นกระแทกลูกใหญ่ก็ส่งเชลและหานเซิ่นกระเด็นออกไป
หลังจากหานเซิ่นกลับมาทรงตัวได้แล้ว เขาก็ใช้มือเพื่อฟันออกไปข้างหน้า มีดเส้นไหมนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในอากาศ
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ส่งพวกมันเข้าไปหาร่างของเชล เนื่องจากพวกมันมาจากทุกทิศทุกทาง เชลจึงไม่มีสามารถหลบพวกมันได้
แต่ทันใดนั้นเชลก็ชกใส่พื้นอย่างรุนแรงจนแม้แต่ภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงก็เริ่มจะถล่ม หินพุ่งขึ้นมาจากพื้นรอบๆหมัดของเชลเพื่อสกัดกั้นมีดเส้นไหมของหานเซิ่น
มีดเส้นไหมส่วนใหญ่ถูกหินทำลายไป มีเพียงแค่พวกมันไม่กี่เส้นเท่านั้นที่พุ่งไปจนถึงตัวเชลได้ เขาสะบัดมือและทำลายพวกมันที่เหลืออยู่ได้อย่างง่ายดาย
“มันนานมากแล้วที่ข้าไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อแบบนี้” หานเซิ่นพูด
“นั่นคือสิ่งที่ข้ากำลังจะพูดเช่นเดียวกัน ข้าต้องขอบอกว่าเจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ” ดวงตาของเชลเต็มไปด้วยความหลงไหล
“แต่เจ้าทำให้ข้าผิดหวัง ข้าคิดว่าจะได้รับอันดับที่หนึ่งมาง่ายๆซะอีก แต่ในตอนนี้ข้ารู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้” หานเซิ่นรู้สึกกระหายและเลียริมฝีปาก นั่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาทำจนติดเป็นนิสัย ในตอนที่เขาเผชิญหน้ากับสิ่งที่เขาไม่มั่นใจ เขาก็มักจะทำแบบนั้น
“ชีวิตเป็นอะไรที่น่าผิดหวังในบางครั้ง” เชลพูดก่อนที่จะชกหมัดออกไปอีกหมัด
หมัดของเขาเป็นอะไรที่เรียบง่าย แต่ทว่าพวกมันทำให้หานเซิ่นนึกถึงเทคนิคที่ซับซ้อนที่ถูกพัฒนาจนอยู่ในรูปแบบที่ง่ายขึ้น เชลนั้นใช้วิชาหมัดพื้นฐาน มันเป็นวิชาที่พบเห็นได้ทั่วไปในหมู่เผ่าพันธุ์เล็กๆ แต่เชลฝึกวิชาหมัดพื้นๆนั้นจนถึงระดับน่ากลัว
หานเซิ่นวนเวียนระหว่างวิชามีดและวิชาหมัด พวกมันทั้งหมดเป็นวิชาระดับสูงทั้งนั้น พวกมันบางส่วนมาจากเผ่ารีเบท ขณะที่บางส่วนมาจากปราสาทนภา ทุกวิชาที่เขาใช้เป็นเอกลักษณ์
ทุกครั้งที่หานเซิ่นใช้วิชาใหม่ เขาก็จะสามารถชิงความได้เปรียบมาได้ แต่ไม่นานหลังจากนั้นเชลก็จะชิงความได้เปรียบกลับคืนไปได้เสมอ ซึ่งตลอดเวลานั้นเชลใช้เพียงแค่วิชาหมัดพื้นๆของเขา เขาไม่ได้เปลี่ยนวิชาของตัวเองจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับวิชาของหานเซิ่น หลังจากนั้นเขาก็จะเปลี่ยนวิชาหมัดแค่เพียงพอที่จะโต้กลับเทคนิคที่หานเซิ่นใช้
“หมอนี่มันจะเกินไปแล้ว! เขาไม่ใช่แค่เกิดมาเป็นระดับเทพเจ้าเท่านั้น เขายังเกิดมาเป็นปรมาจารย์การต่อสู้อีกด้วย วิชาเดิมใช้กับเขาได้เพียงแค่สองครั้งก่อนที่เขาจะเรียนรู้วิชาการที่จะรับมือกับมัน หมอนี่เป็นตัวอะไรกัน?” หานเซิ่นไม่เคยพบคนที่มีพรสวรรค์ในการต่อสู้ที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อน
เชลและไผ่เดียวดายนั้นแตกต่างกัน เนื่องจากไผ่เดียวดายมีประสบการณ์มากมายในชีวิต เขาสามารถปรับตัวและควบคุมสไตล์การต่อสู้ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาสามารถเรียนรู้วิชาจีโนของผู้อ่อนแอได้ง่ายๆ และทุกเทคนิคที่เขาใช้ก็เป็นระดับสูง ส่วนเชลนั้นไม่ได้พยายามจะเรียนรู้วิชาจีโนของคนอื่น เขาเพียงแค่ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเพื่อจะพาตัวเองฝ่าอุปสรรคทั้งหมดไป
มันเหมือนกับว่าวิชาเดียวของเขาสามารถทำลายวิชานับพันได้ มันไม่ใช่ว่าวิชานั้นพึ่งพาพลัง พลังเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของมัน เชลนั้นสามารถประยุกต์วิชาอย่างสร้างสรรค์เพื่อจะโต้กลับการโจมตีทุกรูปแบบ เชลนั้นมีจิตใจที่แข็งแกร่ง และนั่นเป็นต้นตอของความสามารถในการโต้กลับคู่ต่อสู้ของเขา
“เขามีร่างกายที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ และเขายังมีจิตใจในการแก้ไขปัญหา หมอนี่ทำให้เราปวดหัวจริงๆ!” หานเซิ่นลองใช้วิชาจีโนไม่รู้กี่วิชา แต่เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะเชลได้
แต่หานเซิ่นแตกต่างไปจากม่อฟาง ในตอนที่ม่อฟางใช้วิชาจีโนเดิมเป็นครั้งที่สอง เชลจะจับจุดอ่อนของมันได้ แต่ถึงแม้หานเซิ่นจะใช้วิชาจีโนเดิมหลายต่อหลายครั้ง เชลก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนั้นได้
นั่นทำให้เชลประหลาดใจอย่างมาก เขาเห็นจุดอ่อนในวิชาของหานเซิ่น แต่ในตอนที่หานเซิ่นใช้วิชาเดิมอีกครั้ง มันมีบางสิ่งที่หยุดเชลจากการใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนเหล่านั้น
เชลพยายามจะเล็งไปที่จุดอ่อนในวิชาจีโนของหานเซิ่นหลายต่อหลายครั้ง แต่ความพยายามของเขาก็ล้มเหลวทุกครั้ง เขาไม่เคยประสบกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
ตอนที่ 2681
พวกเขาทั้งสองยังคงต่อสู้กันต่อไป แต่พวกเขาไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อกันได้ หานเซิ่นสลับเปลี่ยนวิชามีดไปมา ขณะที่เชลยังคงใช้วิชาหมัดเดิม พวกเขาต่อสู้กันอย่างรุนแรงและรวดเร็ว แต่ไม่มีฝ่ายไหนที่เป็นฝ่ายได้เปรียบ มันเป็นเวลานานมากแล้วที่หานเซิ่นไม่ได้ต่อสู้แบบนี้ การต่อสู้ในช่วงนี้ถ้าเขาไม่ได้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เขาก็มักจะบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามแทบจะในทันที เขาไม่ได้ต่อสู้อย่างดุเดือดแบบนี้ตั้งแต่การประลองกับไผ่เดียวดาย
การต่อสู้แบบนี้จะใช้พลังงานจากร่างกายจำนวนมากและมันยังบังคับให้เขาต้องใช้จิตใจของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าเขาทำพลาด คู่ต่อสู้ก็จะใช้ประโยชน์จากความผิดพลาดนั้น เขาไม่สามารถทำพลาดได้แม้แต่นิดเดียว
ขณะที่คนของเวรี่ไฮมองดูการต่อสู้ของทั้งคู่ ความขัดแย้งก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา นักสู้ทั้งสองเป็นระดับราชัน แต่จิตใจของพวกเขาเป็นระดับเทพเจ้า การต่อสู้นี้เป็นอะไรที่แตกต่างออกไป และผู้ชมก็ไม่รู้ว่าจะคิดยังไงกับมันดี
นี่ไม่ใช่การต่อสู้ธรรมดาๆ การต่อสู้นี้จำเป็นต้องใช้พลังสมองอย่างมากในการรับชม การโจมตีและการโต้กลับของทั้งคู่ดูเหมือนเป็นอะไรที่เรียบง่าย จนกระทั่งผู้ชมใช้เวลาเพื่อหยุดคิดเกี่ยวกับเหตุผลที่นักสู้ทั้งคู่เลือกใช้กระบวนท่าเหล่านั้น ทุกการกระทำในการต่อสู้นี้ถูกทำโดยมีจุดประสงค์แอบแฝง
การต่อสู้ระหว่างหมัดและมีดนั้นดูจะเป็นอะไรที่เรียบง่าย แต่ผู้คนจะคิดเกี่ยวกับมันเป็นเวลานานหลังจากที่การต่อสู้จบลง
ร่างกายของหลี่อวี้เจินและหลี่เสวี่ยเฉิงกำลังสั่นไหว พวกเขาไม่แน่ใจว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะ
“พี่ใหญ่ การที่พี่มีเชลเป็นตัวไหมถือว่าเป็นอะไรที่โชคดีมากๆ” ปี้ซีมองหลี่ชุนชิวพี่ชายของเขาด้วยความนับถืออย่างยิ่ง
“อวี้ซ่านซินเองก็ไม่เลวเช่นกัน” หลี่ชุนชิวพูดอย่างเหินห่าง เนื่องจากเชลเป็นตัวไหมของเขา เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับการพูดคุยมากนัก เขากำลังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่กำลังต่อสู้กับหานเซิ่น แต่มันมีอะไรหลายอย่างที่เขาไม่เคยได้พบมาก่อนและจำเป็นต้องเรียนรู้
การได้ประสบการณ์การต่อสู้จากในมุมมองของเชลนั้นเป็นอะไรที่พิเศษไม่เหมือนใคร เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังต่อสู้อยู่ แต่ในขณะเดียวกันเขาสามารถใช้เวลาเพื่อวิเคราะห์การตัดสินใจของเชลได้ เขาสามารถบอกได้ว่าการตัดสินใจไหนของเชลดีกว่าคู่ต่อสู้และการตัดสินใจไหนแย่กว่า มันทำให้เขาสามารถเลือกเอาเฉพาะสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับเขา
ในตอนนี้เชลเป็นเพียงแค่ครึ่งเทพ ในอนาคตข้างหน้าเชลจะต้องเดินทางผ่านระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ ขั้นทรานส์มิวเทชั่น ขั้นลาร์วา ขั้นบัตเตอร์ฟลายและบางทีอาจจะถึงขั้นทรูก็อต หลี่ชุนชิวสามารถค่อยๆดูดซับทุกสิ่งทุกอย่างที่เชลประสบ
เมื่อถึงตอนนั้นแม้หลี่ชุนชิวจะยังเป็นแค่ครึ่งเทพ แต่เขาจะมีประสบการณ์ของขั้นทรูก็อต หลี่ชุนชิวสามารถศึกษาทุกสิ่งที่เชลเรียนรู้จากการวิวัฒนาการ ถึงแม้ตัวเขาจะยังเป็นแค่ครึ่งเทพ แต่จิตใจของเขาก็จะอยู่ในระดับที่แตกต่างออกไป
ปี้ซีดูขมขื่นขณะที่พูดขึ้นมา “อวี้ซ่านซินคนนี้ปิดบังอะไรหลายอย่างจากข้า เขาเป็นคนที่เข้มแข็งและอดทน แต่เขาก็เป็นคนที่ยากจะรับมือ จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่ได้เรียนรู้อะไรสักอย่างจากจิตใจของเขาเลย”
“ตัวไหมแบบนั้นอาจจะเป็นอะไรที่ยุ่งยาก แต่ผลตอบแทนที่จะได้รับก็เป็นอะไรที่คุ้มค่า การมีตัวไหมแบบนี้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในระยะยาว” หลี่ชุนชิวพูด
“พี่ใหญ่พูดถูก แต่ว่า… ช่างเถอะ ข้าคิดว่าเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อเองก็คงจะมีปัญหาแบบเดียวกัน…” ปี้ซีพูด
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อมีปัญหาเดียวกันกับปี้ซีจริงๆนั่นแหละ แต่หานเซิ่นปล่อยให้พวกเธอสัมผัสจิตใจของเขาในตอนที่เขาต่อสู้ เช่นเดียวกันกับหลี่ชุนชิว พวกเธอได้รับประสบการณ์การต่อสู้มากมายจากหานเซิ่น ทุกการตัดสินใจของเขาทำให้พวกเธอได้เรียนรู้อะไรมากมาย
แต่ในตอนนี้หานเซิ่นเป็นเพียงแค่ระดับราชันขั้นที่เก้า เขามีพลังที่น่ากลัวและจิตใจที่น่ากลัวยิ่งกว่า มันทำให้พวกเธอดีใจที่มีเขาเป็นตัวไหม ถึงแม้หานเซิ่นจะพ่ายแพ้การต่อสู้ครั้งนี้ แต่เพียงแค่ประสบการณ์ที่ได้รับจากการต่อสู้ก็เป็นอะไรที่คุ้มค่าสำหรับพวกเธอแล้ว
แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเธอต้องประหลาดใจ ถึงแม้จะในการต่อสู้ที่ดุเดือดแบบนี้ พวกเธอก็สัมผัสได้ว่าหานเซิ่นจงใจเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้
‘นี่หานเซิ่นยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดอย่างนั้นหรอ?’ ความเป็นไปได้นี้ทำให้พวกเธอตกตะลึง หานเซิ่นกำลังต่อสู้ในระดับที่ไม่น่าเชื่อเรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดของตัวเอง นั่นเป็นอะไรที่น่ากลัวจะคำนึงถึง
หลี่เคอเอ๋อคิดมาโดยตลอดว่าดอลลาร์นั้นแข็งแกร่งกว่าหานเซิ่น แต่ตอนนี้เธอพบว่าตัวเองกำลังมองชายคนนั้นด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
ถึงแม้เขาจะกำลังต่อสู้กับยอดฝีมืออย่างเชล แต่หานเซิ่นก็ยังคงเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงของตัวเอง นี่ไม่ใช่แค่การแสดงความสามารถที่น่ายำเกรงอีกต่อไป มันเป็นอะไรที่น่าหวาดกลัว
ถึงแม้หานเซิ่นจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงการคิดเกี่ยวกับศาสตร์ตงเสวียนและร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด แต่หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทก็ยังสัมผัสได้ว่าเขากำลังยับยั้งบางสิ่งบางอย่าง พวกเธอจึงรู้สึกตัวว่าหานเซิ่นกำลังปิดบังพลังที่แท้จริงของเขา แต่เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ความจริงแล้วความสามารถในการยับยั้งความคิดแม้จะในอยู่สถานการณ์แบบนี้เป็นตัวบ่งบอกว่าพลังจิตใจของเขานั้นน่ากลัวขนาดไหน ในการต่อสู้แบบนี้คนส่วนใหญ่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับวิชาจีโนและพลังที่พวกเขาถนัดที่สุด
“เขาจะน่ากลัวเกินไปแล้ว…” หลี่เคอเอ๋อพูดขณะที่เธอมองดูหานเซิ่น
“เขาค่อนข้างน่ากลัวจริงๆนั่นแหละ ทุกครั้งที่พวกเราคิดว่าเห็นทุกอย่างแล้ว เขาก็จะทำอะไรที่เกิดความคาดหมายของพวกเรา” เอ็กซ์ควิสิทพูดด้วยรอยยิ้มที่กังวลใจ
ในตอนที่เธอต่อสู้กับหานเซิ่น เธอคิดว่าบังคับให้เขาใช้ความสามารถทั้งหมดที่เขามีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหานเซิ่นจะใช้เพียงแค่เศษเสี้ยวของพรสวรรค์ในตอนที่เขาต่อสู้กับเธอ ตอนนี้เขาแสดงความสามารถออกมาเพิ่มอีก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงปิดบังพลังที่แท้จริงเอาไว้
“พวกเราจะต้องเจาะเข้าไปในจิตใจของชายคนนี้ และขุดเอาความลับทั้งหมดของเขา” หลี่เคอเอ๋อพูดด้วยความตื่นเต้น
หลี่เคอเอ๋อมีพรสวรรค์มากกว่าเอ็กซ์ควิสิท แต่เธอไม่ได้ตั้งใจฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์มากนัก เวรี่ไฮฟอร์เก็ตเลิฟของเธอจึงไม่ได้พัฒนาแล้วเหมือนอย่างของเอ็กซ์ควิสิท ด้วยเหตุนั้นเธอจึงมีแนวโน้มที่จะแสดงอารมณ์ออกมามากกว่า
เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างเยือกเย็น “ไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อน พวกเรามีเวลาสี่ปี เขาจะเผยความลับกับพวกเราเมื่อเวลาผ่านไป ในตอนนี้มันไม่ได้สำคัญอะไรที่เขาจะซ่อนพวกมันเอาไว้”
ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายดูเศร้าหมองเล็กน้อย เขาพูดขึ้นว่า
“ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยจะตัดสินการต่อสู้ในครั้งนี้ ในตอนนี้ไม่ว่าใครก็เป็นผู้ชนะได้ หานเซิ่นนั้นแข็งแกร่ง แต่เขาเป็นแค่ระดับราชันขั้นที่เก้า เขาระดับต่ำกว่าเชล ถ้าพวกเขาทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน มันก็มีโอกาสกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ที่หานเซิ่นจะเป็นฝ่ายชนะ”
ผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่ส่ายหัวและพูด “ไม่ ดูเหมือนมันจะไม่ได้เป็นแบบนั้น เชลเป็นครึ่งเทพ แต่จิตใจของเขาเป็นระดับเทพเจ้า ส่วนหานเซิ่นเป็นแค่ระดับราชันขั้นที่เก้า แต่แล้วเขากลับต่อกรกับเชลได้อย่างสูสี นั่นหมายความว่าพรสวรรค์ของเขานั่นน่ากลัวยิ่งกว่าของเชล”
“นั่นหมายความว่าพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือกของเขาเป็นของจริงอย่างนั้นหรอ?” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายขมวดคิ้ว
“ข้าไม่แน่ใจ แต่ถ้าหานเซิ่นไม่ได้ทำได้ดีขนาดนี้เพราะพรสวรรค์ของเขา มันก็ยากจะจินตนาการได้ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้เขาต่อสู้กับเชลได้ถึงขนาดนี้” ผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่มองไปที่หานเซิ่นด้วยใบหน้าที่ดูขัดแย้ง
“แค่พรสวรรค์ระดับสิบเปลือกก็หาได้ยากมากๆแล้ว พรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือกนั้นจะทำให้คนๆนั้นเป็นกลายคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคสมัย เจ้าคิดว่าหานเซิ่นจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นเลยอย่างนั้นหรอ?” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายถาม เขาดูกังวลใจเล็กน้อย
“ข้าไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่เห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์ของเขาเป็นอะไรที่สุดยอด หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทนั้นโชคดีมากๆที่ได้ทำพันธสัญญากับคนอย่างเขา” ผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่พูด
“เดี๋ยวก่อนนะ… มันมีบางสิ่งผิดปกติกับเชล!” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาตกใจมากเกินไป หลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีขาว เขามองไปที่เชลและร้องตะโกนออกมา “เขา…เขากำลังเลื่อนระดับขึ้น!”
ตอนที่ 2682
ทุกคนรู้ถึงความผิดปกติของเชล และเมื่อเวลาผ่านไปแสงสีแดงรอบๆตัวเขาก็หรี่ลงและกลายเป็นสีคล้ำ หลังจากนั้นสีแดงคล้ำก็เริ่มเปลี่ยนไปสู่สีดำสนิท
“มันจะต้องเป็นผลไม้ปีศาจ… ผลไม้ปีศาจกำลังแสดงผล! เชลกำลังจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า?” หลี่เสวี่ยเฉิงพูดด้วยความดีใจ
หลี่อวี้เจินเองก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นเดียวกัน “ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว เชลรู้ว่าการประลองระหว่างตัวไหมกำลังจะเริ่มต้นขึ้น แต่เขาก็ยังตัดสินใจกินผลไม้ปีศาจเข้าไปอยู่ดี เขาหวังจะใช้แรงกดดันจากการประลองเพื่อปลุกพลังของผลไม้ปีศาจที่หลับไหลอยู่ให้ตื่นขึ้น และในระหว่างการต่อสู้กับหานเซิ่น ผลไม้ปีศาจที่อยู่ภายในตัวเขาก็ค่อยๆถูกดูดซับ ตอนนี้มันคงจะถูกดูดซับไปจนหมด และเขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าท่ามกลางการต่อสู้นี้”
“เชลกำลังจะเลื่อนไปสู่ระดับเทพเจ้าจริงๆสินะ? ในตอนนี้มันไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไปว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ มันเป็นไปไม่ได้ที่หานเซิ่นจะเอาชนะเชลที่เป็นระดับเทพเจ้า” หลี่เสวี่ยเฉิงนั้นสั่นไหวด้วยความกลัวก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เขาหัวเราะด้วยความดีใจ
ไฟรอบๆร่างกายของเชลกลายเป็นสีดำ สัญลักษณ์สีดำปรากฏบนตัวของเขาราวกับว่าพวกมันสลักเข้าไปในผิวหนังของเขา ออร่าที่น่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมาจากสัญลักษณ์นั่น พลังของเชลเริ่มจะก่อให้เกิดโซ่สสาร
“ระดับเทพเจ้า?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ตาบอด เขาเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเชล
เชลเงยหน้าขึ้นไปข้างบนและคำรามสู่ท้องฟ้า พลังของโซ่สสารของเขาระเบิดออกมาและเส้นผมที่เคยเป็นสีทองของเขาถูกย้อมเป็นสีดำสนิท
เชลนั้นเคยดูเหมือนกับสิงโตทอง ตอนนี้ร่างกายของเขาหดลง แต่กล้ามเนื้อของเขาดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม มันเหมือนกับว่าทุกเซลล์ในร่างกายของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการ
เส้นผมสีดำใหม่ของเชลไม่ได้ดูน่าเกรงขามเหมือนกับราชสีห์อีกต่อไป ตอนนี้เขาดูลึกลับและแปลกใหม่ ลวดลายสีดำปรากฎให้เห็นบนหน้าและเปลวเพลิงที่ดำก็ลุกโชติช่วงไปทั่วร่างกายของเขา เขาดูเหมือนกับสิงโตปีศาจจากขุมนรก
“เขากลับคืนสู่ระดับเทพเจ้าแล้ว” สีหน้าของหลี่เคอเอ๋อดูแย่
มันไม่สำคัญว่าหานเซิ่นจะแข็งแกร่งหรือมีพรสวรรค์สักแค่ไหน เขาไม่สามารถเอาชนะเชลที่เป็นระดับเทพเจ้าได้ เพราะยังไงซะระดับเทพเจ้าก็แตกต่างไปจากระดับอื่นที่ต่ำกว่าโดยสิ้นเชิง มันต่างกันราวฟ้ากับเหว
“เชลคงวางแผนที่จะใช้การต่อสู้นี้เพื่อกลับคืนสู่ระดับเทพเจ้าอีกครั้งตั้งแต่แรก เขาต้องการใช้หานเซิ่นเป็นหินลับมีดของเขา”
เอ็กซ์ควิสิทพูด หลังจากนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมา ตอนนี้เธอเข้าใจความจริงเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด
“นั่นเป็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมของเชล” หลี่เคอเอ๋อพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ
“เขากินผลไม้ปีศาจเข้าไปก่อนการประลอง ถ้าไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขา เขาก็จะได้รับอันดับที่หนึ่งอยู่ดี แต่ถ้าเขาพบคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียม เขาก็จะใช้คนๆนั้นเพื่อกลับคืนสู่ระดับเทพเจ้าอีกครั้ง ข้าต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนที่หลักแหลมมากๆ”
เอ็กซ์ควิสิทส่ายหัว “แต่ลองมาคิดอีกที มันอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น ผู้คนปกติจะไม่กลายเป็นระดับเทพเจ้าอีกครั้งอย่างง่ายดายหลังจากที่พวกเขากินผลไม้ปีศาจเข้าไป ที่เชลกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้นั่นเป็นเพราะพรสวรรค์ที่สุดยอดของเขา นี่อาจจะไม่ใช่แผนการที่เขาวางเอาไว้”
“ไม่ว่ามันจะเป็นแผนการของเขาหรือไม่ มันก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีสำหรับเขา” หลี่เคอเอ๋อพูดอย่างไม่พอใจ
สีหน้าของผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่และผู้อาวุโสโอเพ่นสกายดูแย่ คนของเวรี่ไฮที่เดิมพันข้างหานเซิ่นก็ดูแย่ไม่แพ้กัน
พวกเขาคิดว่ามีหวังที่จะชนะการเดิมพัน แต่ตอนนี้มันสิ้นหวังแล้ว ในจังหวะที่เชลกลายเป็นระดับเทพเจ้า ความหวังที่เหลืออยู่ก็ถูกบดขยี้
“ข้าต้องขอโทษด้วย ข้าพยายามจะควบคุมพลังตัวเอง แต่ข้ายับยั้งมันไม่ได้ ข้าจำเป็นต้องกลับคืนสู่ระดับเทพเจ้าในตอนนี้” เชลหยุดการโจมตี เขารู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
สิ่งที่เขาพูดทำให้ทุกคนที่ดูอยู่อยากจะกระอักเลือดออกมา สิ่งมีชีวิตมากมายไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากการกลายเป็นระดับเทพเจ้า แต่เชลนั้นพยายามที่จะยับยั้งมัน นั่นเป็นอะไรที่น่าโมโห
ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้ พวกเขาก็อาจจะฟังดูอวดดี แต่เชลถูกรู้จักกันดีในเรื่องของความตรงไปตรงมา เขาจะไม่พูดแสแสร้ง เขาพยายามจะยับยั้งพลังของตัวเองเอาไว้จริงๆ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็กลายเป็นระดับเทพเจ้าอยู่ดี เขาอยากจะตัดสินการต่อสู้ครั้งนี้ในขณะที่ยังเป็นครึ่งเทพ
แต่การต่อสู้กับหานเซิ่นเป็นอะไรที่มากเกินไปจนเขาไม่สามารถยับยั้งพลังของตัวเองได้ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากใช้พลังทั้งหมดเพื่อต่อสู้ และกลายเป็นระดับเทพเจ้าในที่สุด
“ไม่มีความจำเป็นต้องขอโทษ ระดับของเจ้าก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของพลัง”
หานเซิ่นไม่ได้คิดว่ามันน่าอายอะไรที่คนๆหนึ่งจะต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่ระดับต่ำกว่า
“การต่อสู้ในวันนี้ไม่นับ ข้าจะรอคอยจนกระทั่งเจ้ากลายเป็นระดับเทพเจ้า หลังจากนั้นพวกเราค่อยมาต่อสู้กันอีกครั้ง” เชลพูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่น
“การต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่จบ” หานเซิ่นตอบ ใบหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
เชลส่ายหัว “ถึงแม้ข้าไม่อยากจะเอาชนะเจ้าในขณะที่เจ้าระดับต่ำกว่า แต่ข้าก็ยังจำเป็นต้องได้อันดับที่หนึ่ง ดังนั้นข้าขอโทษด้วย พวกเราควรจะหยุดการต่อสู้เพียงแค่นี้”
“ไม่มีความจำเป็นต้องขอโทษ ข้าเพิ่งจะบอกไม่ใช่หรือว่าการต่อสู้ยังไม่จบ? ถ้าเจ้าเอาชนะข้าได้ มันก็เป็นเพราะว่าเจ้าเหนือกว่าข้า แต่การจะตัดสินใจในเรื่องนั้น พวกเราต้องต่อสู้กันจนรู้ผลแพ้ชนะ”
หานเซิ่นจ้องมองไปที่เชลอย่างสงบนิ่ง เขาไม่ได้ถูกควบคุมโดยอารมณ์เลยแม้แต่นิดเดียว
ในตอนที่หลี่อวี้เจินได้ยินหานเซิ่นพูดออกมาแบบนั้น เขาก็หัวเราะและพูด
“หานเซิ่นคนนี้ไม่รู้ฐานะของตัวเองจริงๆ เชลมอบโอกาสให้เขาได้หยุดการต่อสู้แต่เพียงเท่านั้นและเสนอจะออกไปจากหุบเขาร่วมกัน นั่นหมายความว่าหานเซิ่นจะได้รับอันดับที่สอง แต่ถึงอย่างนั้นเจ้านี่ก็ยังยืนกรานจะต่อสู้ต่อ ถ้าเขาพ่ายแพ้ซะตอนนี้ เขาก็จะไม่ได้รับแม้แต่อันดับที่สอง”
หลี่เคอเอ๋อ เอ็กซ์ควิสิทและเวรี่ไฮคนอื่นทุกคนคิดว่าคำตอบของหานเซิ่นเป็นอะไรที่อวดดีเกินไป
แต่ถึงหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทจะคิดแบบนั้น พวกเธอก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความกลัวภายในจิตใจของหานเซิ่น แต่พวกเธอสัมผัสได้ถึงความสงบนิ่งและความมั่นใจในตัวของเขาแทน
มันไม่มีความจำเป็นต้องโกรธ มันไม่มีความจำเป็นต้องเกลียดชัง มันไม่มีความจำเป็นต้องโทษชะตากรรมหรือผู้คนรอบๆตัวเขา ความมั่นใจและความสงบนิ่งนี่เป็นบางสิ่งที่มีแค่ผู้คนที่เหนือกว่าเท่านั้นที่จะมีได้
“ตอนนี้หานเซิ่นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน แต่ทำไมเขาถึงยังมั่นใจอยู่ได้?” เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อคิดว่าหานเซิ่นไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อมั่นในตัวเองขนาดนี้ แต่ความมั่นใจของเขาแรงกล้าจนทำให้พวกเธอเริ่มรู้สึกว่าควรจะเชื่อในตัวหานเซิ่น
“ข้าจะต่อสู้กับเจ้าต่อไป ไม่ว่าข้าจะชนะหรือแพ้ ข้าจะเดินออกไปจากที่นี่ตามลำพัง” หานเซิ่นพูดอย่างสงบนิ่งขณะที่มองไปที่เชล
“เจ้าพูดถูก นี่คือสิ่งที่มันควรจะเป็น” ดวงตาของเชลลุกโชนด้วยความตื่นเต้น เขามองหานเซิ่นราวกับว่าเขากำลังมองงานศิลปะชิ้นโปรด
ถึงพลังของหานเซิ่นจะไม่ได้มากเท่าพลังของเชล แต่เชลก็ไม่คิดจะดูถูกหานเซิ่น โซ่สสารรอบๆตัวของเชลระเบิดอย่างบ้าคลั่ง เขาดูเหมือนกับมนุษย์สิงโตแห่งความมืดที่คลานขึ้นมาจากขุมนรก
“เนื่องจากความนับถือที่ข้ามีต่อเจ้า ข้าจะต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมด” เสียงของเชลดังก้องเหมือนกับฟ้าร้องขณะที่เขาชกหมัดออกไปใส่หานเซิ่น
ตอนที่ 2683
หมัดแรกพุ่งออกไปข้างหน้า และเงาที่ตามหลังมันมาดูเหมือนกับสิงโต หานเซิ่นไม่มีแม้แต่เวลาจะหลบหลีก เงาสิงโตที่น่ากลัวเข้ามาถึงตัวเขาเรียบร้อยแล้ว หานเซิ่นยังคงดูสงบนิ่ง เขาเปลี่ยนมนตราเป็นชุดเกราะเพื่อปกป้องร่างกายของตัวเอง และเขาก็ใช้ก็อตส์วอนเดรอ์เพื่อจะเทเลพอร์ตหนีไป
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกราวกับว่ามิติของอวกาศรอบๆตัวถูกปิดผนึก เขาไม่สามารถเทเลพอร์ตไปได้ เขาทำได้แต่มองดูหมัดเงาสิงโตคลั่งตรงเข้ามาหาเขา
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขารวบรวมพลังในกำปั้นและชกหมัดไปปะทะกับหมัดเงาสิงโต
แต่หมัดของหานเซิ่นทะเลผ่านหมัดเงาสิงโตไป มันเหมือนกับว่าหมัดเงาสิงโตนั้นเป็นเพียงแค่เงาจริงๆ
ในตอนที่หมัดเงาสิงโตถูกตัวของหานเซิ่น มันไม่ได้หนักหน่วงเหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้ หมัดนั้นเข้าไปในร่างกายของหานเซิ่นและหายไป
ตูม!
ตัวตนของหานเซิ่นเปลี่ยนเป็นสีดำ และรูปลักษณ์ของเขาก็บิดเบี้ยวจนกระทั่งเขาเริ่มจะดูเหมือนกับเชล ทั้งร่างกายของเขาถูกกลืนด้วยเปลวไฟสีดำ และเขาก็ดูเหมือนกับคู่ต่อสู้ไม่มีผิด
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขารู้สึกตัวว่าตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร และพลังของเขาก็กลายเป็นธาตุเดียวกันกับเชล นอกจากเรื่องนั้นแล้วมันไม่มีผลทางลบอย่างอื่น และมันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายกับเขาเช่นกัน
แต่ขณะที่ไฟสีดำลามไปทั่วร่างของหานเซิ่น เชลก็พูดขึ้นมา
“พลังสิงโตปีศาจของข้าไม่ได้มีพลังทำลายล้าง แต่มันจะเปลี่ยนธาตุในร่างกายของเจ้า มันเรียกว่าพลังปีศาจ”
“ถ้าเจ้าทำร้ายคู่ค่อสู้ไม่ได้ แบบนั้นพลังปีศาจของเจ้ามีประโยชน์ยังไง?” หานเซิ่นถาม
“มันมีพลังอยู่เป็นล้านๆอย่างในจักรวาลนี้ ข้ารับมือกับพลังทุกรูปแบบไม่ได้ แต่ไม่ว่าพลังแบบไหนที่คู่ต่อสู้จะมี ข้าก็แค่เปลี่ยนธาตุของพวกเขาให้เป็นเหมือนกับข้า และเนื่องจากข้าคุ้นเคยกับพลังของตัวเอง มันก็จะไม่มีใครเอาชนะข้าได้” เชลพูด
ในตอนที่หานเซิ่นคำนึงถึงเรื่องนั้น เขาก็รู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วพลังนี้ของเชลนั้นน่ากลัวขนาดไหน ด้วยระดับในขณะนี้ของเขา พลังของหานเซิ่นไม่สามารถเทียบชั้นกับพลังของเชลได้ ถ้าหานเซิ่นสามารถพึ่งพาธาตุที่หลากหลายและวิชาพิเศษ เขาก็จะยังคงพอมีโอกาสชนะ
แต่ตอนนี้เมื่อพลังของเขาถูกเปลี่ยนไปเป็นธาตุที่เชลเชี่ยวชาญ หานเซิ่นก็ไม่มีหวังที่จะชนะ ถึงแม้เขาจะเข้ากับธาตุใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี แต่มันก็ไม่มีทางที่เขาจะเชี่ยวชาญมันมากไปกว่าเชล เขาไม่สามารถเอาชนะเชลได้ด้วยพลังของอีกฝ่าย
‘ทำไมพลังนี้ของเชลถึงทำให้เรานึกถึงบางสิ่ง?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
แต่เชลไม่ปล่อยให้หานเซิ่นมีเวลาคิด เขาชกอีกหมัดหนึ่งเข้าใส่หานเซิ่น
หานเซิ่นเริ่มจะเข้าใจถึงความร้ายกาจของการเปลี่ยนธาตุของเชล ตัวเขาไม่ได้รับความเสียหายทางกายภาพใดๆ และเมื่อเวลาผ่านไปเขาจะทำความเข้าใจธาตุใหม่นี้ได้เพียงจะใช้มันในการต่อสู้ แต่ทว่าคู่ต่อสู้ระดับสูงอย่างเชลนั้นจะไม่ปล่อยให้เขามีเวลาได้ปรับตัวเข้ากับมัน
เทเลพอร์ต เทเลพอร์ตไปเรื่อยๆ
หานเซิ่นเริ่มจะพึ่งพาเพียงแค่วิชาก็อตส์วอนเดอร์เพื่อปกป้องตัวเองจากเอื้อมมือของเชล เขาไม่สามารถทำการป้องกันหรือโต้กลับได้ การจะพลิกสถานการณ์นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ
หานเซิ่นยังไม่คุ้ยเคยกับพลังใหม่นี้เลยสักนิดเดียว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพลังนี้สามารถทำอะไรได้ และไม่ว่าวิชาจีโนไหนที่หานเซิ่นพยายามจะใช้ เขาก็ใช้ได้แค่พลังในธาตุประหลาดของเชลเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าหานเซิ่นกำลังจะแพ้” หลี่เสวี่ยเฉิงพูด ในตอนนี้เขาดูมีความสุขมากๆ
ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าหานเซิ่นไม่มีโอกาสอีกต่อไป ระดับของเขาต่ำกว่าเชล เขาทั้งอ่อนแอและเชื่องช้ากว่าเชล ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ที่ธาตุของเขากลายเป็นแบบเดียวกันกับของเชล หานเซิ่นจะไปมีหวังได้ยังไงกัน?
ถึงแม้คู่ต่อสู้ของเชลจะเป็นระดับเทพเจ้าเหมือนกัน คนๆนั้นก็ไม่สามารถเอาชนะเชลได้ถ้าถูกบังคับให้ใช้ธาตุเดียวกัน
พลังปีศาจของเชลเป็นอะไรที่ค่อนข้างลึกลับ การลอกเลียนพลังของคู่ต่อสู้ไม่ถือว่าหายากอะไร แต่พลังของเชลกลับบังคับให้คู่ต่อสู้ลอกเลียนแบบพลังของตัวเอง ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่ไม่ค่อยยุติธรรม
ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายมีรอยยิ้มแห้งๆ
ผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่ส่ายหัว “นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงถูกเรียกว่าเป็น ‘คนที่เก่งกาจที่สุดในหมู่คนที่อยู่ระดับเดียวกัน’ ทุกพลังจะมีธาตุที่แพ้ทางอยู่ ไม่ว่าพลังของยอดฝีมือคนนั้นจะแปลกประหลาดสักแค่ไหน มันก็จะมีพลังที่สยบมันได้อยู่เสมอ แต่พลังสิงโตปีศาจของเชลนั้นเพิกเฉยต่อกฎของจักรวาลข้อนั้น”
หานเซิ่นใช้พลังทางจิตใจทั้งหมดเพื่อทำความคุ้นเคยกับพลังของเชล แต่เขามีเวลาน้อยเกินไป เขาสามารถใช้พลังใหม่นี้ในขั้นพื้นฐานเท่านั้น การจะใช้มันต่อสู้กับคนอย่างเชลนั้นเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้
ปัง!
ครั้งนี้หานเซิ่นเทเลพอร์ตช้าเกินไป และหมัดของเชลก็ถูกเข้าที่แขนของเขา ชุดเกราะมนตรานั้นปกป้องร่างกายของเขาเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นหมัดของเชลก็เกือบจะบดขยี้กระดูกแขนของเขา
หานเซิ่นใช้ก็อตส์วอนเดอร์ แต่เชลเองก็สามารถใช้มันได้เช่นกัน และเชลค่อนข้างเชี่ยวในวิชานี้ หานเซิ่นพยายามจะเทเลพอร์ตหนีไปเรื่อยๆ แต่เขาไม่สามารถสลัดการไล่ตามของเชลได้ ยิ่งเวลาผ่านไปเขาก็ได้รับบาดแผลมากขึ้นๆ
ปัง!
หานเซิ่นถูกชกใส่ที่อกและเขาก็ถูกส่งกระเด็นออกไปราวกับลูกปืนใหญ่ หานเซิ่นร่วงลงกับพื้นใกล้ๆกับบาร์เรียของหุบเขา ตอนนี้ร่างกายทั้งร่างของหานเซิ่นเต็มไปด้วยบาดแผล และหลายส่วนของชุดเกราะมนตราก็แตกร้าว ซึ่งส่วนที่แย่ที่สุดก็คือบริเวณอกที่เขาเพิ่งจะถูกชกเมื่อครู่นี้
ชุดเกราะมนตราไม่สามารถทนรับการโจมตีได้มากกว่านี้ และร่างกายของหานเซิ่นเองก็ไม่สู้ดีเช่นกัน แขนข้างหนึ่งของเขาห้อยอยู่ข้างลำตัว เขารู้สึกราวกับว่ากระดูกทั้งร่างกายของเขาหัก เขาไม่สามารถแม้แต่จะเคลื่อนไหว ขาข้างหนึ่งของเขาก็หักเช่นเดียวกัน เขาได้แค่คุกเข่าข้างหนึ่งอยู่กับพื้น
หานเซิ่นไม่สามารถจำครั้งสุดท้ายที่เขาตกอยู่ในสภาพแย่แบบนี้ได้ แม้แต่ในตอนที่เขาถูกดูดพลังจนแห้งโดยโล่เมดูซ่าส์เกซ เขาก็ไม่ได้บาดเจ็บหนักขนาดนี้
แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังไม่คิดจะยอมแพ้ จริงๆแล้วเขากำลังรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าที่เคย
ความตื่นเต้นนั้นมาจากชุดเกราะมนตรา ถึงแม้ชุดเกราะของเขาจะดูเหมือนกับว่าพร้อมจะแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆได้ทุกเมื่อ แต่จู่ๆก็ดูเหมือนกับว่ามันกำลังจะวิวัฒนาการ
เรื่องราวของยีนเป็นวิชาจีโนที่ฝึกฝนได้ยากที่สุดในบรรดาวิชาจีโนทั้งหมดของเขา แต่ภายใต้แรงกดดันจากเชล ดูเหมือนกับว่ามันกำลังจะรวมทั้งเก้าขั้นเป็นหนึ่งเดียว เขากำลังจะกลายเป็นระดับครึ่งเทพ
“เกือบแล้ว… อีกเพียงแค่นิดเดียว…” หานเซิ่นสัมผัสได้ว่าเรื่องราวของยีนใกล้จะเลื่อนระดับเต็มทีแล้ว แต่เขายังคงรู้สึกราวกับว่ามันขาดบางสิ่งไป มันเหมือนกับว่าเขาพยายามจะเกาเท้าของตัวเองผ่านถุงเท้า
“พวกเรามาจบมันเพียงแค่นี้เถอะ” เชลไม่คิดจะยืดเยื้อการต่อสู้นี้ให้นานเกินกว่าที่จำเป็น ถึงแม้เขาจะยอมรับว่าหานเซิ่นเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควร แต่ในตอนนี้หานเซิ่นก็เป็นแค่ระดับราชันขั้นที่เก้าเท่านั้น เขาหวังจะต่อสู้กับหานเซิ่นอีกครั้งในตอนที่หานเซิ่นกลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว
เชลชกหมัดออกไปอีกครั้ง พลังที่น่าสะพรึงกลัวของหมัดเป็นเหมือนกับการคำรามของสิงโตปีศาจ ซึ่งตรงเข้าไปหาหานเซิ่นที่ยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้น
ตอนที่ 2684
หมัดของเชลตรงเข้าไปหาหานเซิ่น แต่หานเซิ่นไม่มีแผนจะหลบหลีกมัน เขารวบรวมพลังไปในกำปั้นของมือข้างซ้ายละชกหมัดออกไปปะทะกับหมัดของเชล
“พยายามไปเพื่ออะไร? พ่ายแพ้ดีกว่าต้องตาย!” จิ้งจอกสาวถอนหายใจขณะที่มองดูจากระยะไกล
บาร์เรียนั้นอยู่ด้านหลังของหานเซิ่น เขาสามารถเทเลพอร์ตออกไปได้ และนั่นดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่จะรับประกันความอยู่รอดของเขา แต่เขาไม่ทำแบบนั้น เขาเลือกที่จะต่อสู้ต่อไป
แต่เมื่อคำนึงถึงพลังที่ด้อยกว่า มันก็ดูเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถรวบรวมพลังได้มากพอที่จะรับหมัดของเชล
“เขาไม่รู้ที่ของตัวเอง! ฆ่าเขาซะ!” หลี่อวี้เจินกำมือแน่น ดวงตาของเขาแดงกล่ำขณะที่เขาตะโกนอย่างอาฆาตใส่ภาพวิดีโอ
หลี่เสวี่ยเฉิงรู้สึกดีใจเช่นกัน การต่อสู้นี้กำลังจะจบลงอย่างที่เขาหวังเอาไว้ พวกเขาทั้งคู่จะชนะการเดิมพันนี้
มันไม่มีทางที่หานเซิ่นจะหลบหลีกหมัดที่กำลังเข้ามาได้ และมันมีผลลัพธ์ที่เป็นไปได้สองอย่างที่พยายามจะรับหมัดๆนั้น เขาไม่ตายก็พิการ ไม่ว่าผลจะออกมายังไง หานเซิ่นก็ไม่สามารถต่อสู้ต่อไปได้ มันจะไม่มีใครหยุดเชลจากการได้รับอันดับที่หนึ่งในการประลองอีก
ปัง!
หมัดของหานเซิ่นปะทะกับหมัดที่น่ากลัวนั้น ชุดเกราะและแขนของเขาระเบิด และร่างกายทั้งร่างของหานเซิ่นก็กระเด็นออกไป ขณะที่เขากระเด็นผ่านอากาศ ชุดเกราะมนตราของเขาก็แตกเป็นชิ้นๆราวกับแจกัน
“มันจบสิ้นแล้ว” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายดูเศร้า เขาไม่อยากจะสูญเสียอัญมณีโอเพ่นสกายไป
ใบหน้าของเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อเปลี่ยนไป หัวใจของหานเซิ่นไม่ได้หมดความหวัง เขายังคงส่งความรู้สึกว่าเขายังสามารถต่อสู้ต่อไปได้ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเหนือกว่าสักแค่ไหน แต่ชุดเกราะจีโนของเขาแตกกระจาย และร่างกายของเขาก็บาดเจ็บสาหัส พวกเธอจึงหวังว่าเขาจะรอดชีวิต
ตอนนี้พวกเธอได้แต่ภาวนาว่าหานเซิ่นจะไม่สิ้นใจต่อแรงกระแทกที่เหลืออยู่ เอ็กซ์ควิสิทอยากจะเทเลพอร์ตเข้าไปในหุบเขาเพื่อช่วยเขาจากความตาย
เวรี่ไฮหลายคนที่เชื่อว่าหานเซิ่นมีโอกาสชนะตอนนี้เงียบสนิทไป หานเซิ่นพยายามอย่างเต็มความสามารถ แต่ความแตกต่างระหว่างพลังระดับราชันและระดับเทพเจ้านั้นมีมากเกินไป พวกเขาไม่สามารถโทษหานเซิ่นที่พ่ายแพ้ต่อเชลได้ แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจของพวกเขาก็เจ็บปวดเมื่อคิดเกี่ยวกับทุกสิ่งที่พวกเขาต้องเสียไปกับการเดิมพัน
มีเพียงแค่หลี่เสวี่ยเฉิงและหลี่อวี้เจินที่ดีใจจนกระโดดโลดเต้น พวกเขาเกือบจะกอดกันและกัน
ทรัพยากรที่พวกเขาจะได้รับจากการชนะการเดิมพันนั้นมากพอจะสนับสนุนพวกเขาไปจนถึงระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลาย นอกจากนั้นพวกเขายังจะได้รับสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้มาอีก
ปัง!
ร่างกายของหานเซิ่นกระเด็นไปหาบาร์เรียของหุบเขา หลี่อวี้เจินและหลี่เสวี่ยเฉิงกำลังเตรียมตัวจะปรบมือ แต่จู่ๆพวกเขาก็แข็งทื่อไป
มันไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้นที่กำลังจ้องมองด้วยความตกใจ คนอื่นๆเองก็เช่นกัน หลังจากที่ร่างกายของหานเซิ่นกระเด็นไปถึงบาร์เรีย เขาไม่ได้ผ่านบาร์เรียออกไป เขาหยุดนิ่งและลอยอยู่ตรงนั้น
ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของหานเซิ่นกำลังปลดปล่อยคลื่นพลังที่แทบจะสัมผัสไม่ได้ออกมา หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มจะห่อหุ้มด้วยแสงสว่าง
แต่ในตอนที่พวกเขามองดูมันดีๆ พวกเขาก็เห็นว่านั่นไม่ใช่แสงสว่าง มันเป็นเมฆหมอกของผงสีขาวที่เหมือนกับฝุ่น และผงสีขาวก็ก่อตัวรอบๆร่างกายของหานเซิ่น
ในชั่วพริบตาชุดเกราะสีขาวเข้าห่อหุ้มร่างกายของหานเซิ่น ชุดเกราะมนตราที่แตกกระจายกลับคืนมาอีกครั้ง และมันดูดีเหมือนของใหม่
ไม่สิ มันทรงพลังยิ่งกว่าก่อนที่มันจะถูกทำลาย ลวดลายบนชุดเกราะนั้นงดงามและปลดปล่อยออร่าที่น่ากลัวออกมา แสงศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆห้อมล้อมร่างกายของหานเซิ่นเอาไว้ และเขาดูเหมือนกับเทพเจ้าจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์
“เขากำลังกลายเป็นครึ่งเทพ!” เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อเป็นคนแรกๆที่ตอบสนองกับเรื่องนี้ พวกเธอสัมผัสได้ว่าพลังของหานเซิ่นเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
“ท่ามกลางเรื่องทั้งหมดนั้น เขากลายเป็นครึ่งเทพได้สำเร็จ… เจ้านี่มันมากเกินไปจริงๆ” เวรี่ไฮหลายคนที่ดูการต่อสู้อยู่รู้สึกตกตะลึง
มันเป็นไปได้ที่จะเลื่อนระดับขึ้นในระหว่างการต่อสู้ เพราะการเลื่อนระดับขึ้นจำเป็นต้องใช้พลังสนับสนุนจำนวนมาก ในกรณีของเชล เขาได้กินผลไม้ปีศาจเข้าไป ด้วยเหตุนั้นเขาจึงมีแหล่งพลังงานเรียบร้อยแล้ว
แต่หานเซิ่นไม่เพียงแค่จะกำลังบาดเจ็บสาหัส แม้แต่ชุดเกราะจีโนของเขาก็ถูกทำลาย ในสภาพแบบนั้นมันควรจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเลื่อนระดับขึ้น
แต่หานเซิ่นกลายเป็นครึ่งเทพได้สำเร็จ มันเป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจได้
“เขากลายเป็นระดับครึ่งเทพแล้วยังไง? ระดับครึ่งเทพก็ยังเป็นแค่รูปแบบหนึ่งของระดับราชัน เขาไม่มีทางต่อกรกับเชลได้” หลี่เสวี่ยเฉิงพูดพร้อมกับกัดฟันแน่น เขาไม่พอใจกับเรื่องนี้ เขาหวังว่าเชลจะรีบเข้าไปฆ่าหานเซิ่นโดยเร็ว
แต่เชลเพียงแค่ยืนมองหานเซิ่น เขาไม่ได้เข้าไปโจมตีเหมือนอย่างที่หลี่เสวี่ยเฉิงต้องการ
“เจ้าเป็นคนที่น่าพิศวงจริงๆ เจ้ากลายเป็นครึ่งเทพได้ท่ามกลางเรื่องทั้งหมดนี้” เชลพูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่น
“ข้าแค่ดวงดีเท่านั้น” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม
เชลส่ายหัวและพูด “มันไม่มีสิ่งที่เรียกว่าดวงในจักรวาลนี้ คนที่ถูกหวยอาจจะคิดว่าพวกเขาดวงดี แต่ไม่ว่าพวกเขาจะดวงดีสักแค่ไหน พวกเขาก็จะไม่ถูกหวยถ้าพวกเขาไม่ได้ซื้อมันตั้งแต่แรก”
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรกลับไป เขาไม่ได้พึ่งดวงจริงๆนั่นแหละ
ในจังหวะที่หมัดสุดท้ายของเชลชกเข้ามา ในที่สุดหานเซิ่นก็เข้าใจถึงกุญแจที่จะช่วยให้ทั้งเก้าขั้นรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เขารู้สึกตัวถึงวิธีที่จะกลายเป็นครึ่งเทพ และนั่นเป็นเหตุผลที่เขารับหมัดๆนั้น พลังนั่นมากพอจะทำให้ชุดเกราะมนตราของเขาถูกทำลายโดยสมบูรณ์ และหลังจากนั้นก็สร้างตัวเองขึ้นใหม่
“แต่น่าเสียดาย ถ้าเจ้ากลายเป็นระดับเทพเจ้า พวกเราก็จะตัดสินได้ว่าระหว่างพวกเราใครเหนือกว่ากัน” เชลพูดด้วยความเสียใจ
“ข้าคิดว่าพวกเรายังตัดสินกันได้ ข้าบอกเจ้าแล้วยังไงว่าการต่อสู้ของพวกเรายังไม่จบ” หานเซิ่นพูด
เชลส่ายหัวและไม่พูดอะไรอีก เขายอมรับว่าหานเซิ่นเป็นคนที่แข็งแกร่ง แต่ระดับครึ่งเทพนั้นยังถือว่าเป็นระดับราชัน หานเซิ่นยังคงไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่คิดว่าหานเซิ่นมีพลังพอจะต่อกรกับเขา
“หานเซิ่น พวกเราจบการต่อสู้เพียงแค่นี้เถอะ สำหรับตอนนี้เช็ตอะพอลโลจะถูกเก็บเอาไว้ก่อน และในตอนที่เจ้ากลายเป็นระดับเทพเจ้า เจ้าค่อยมาต่อสู้กับข้า ถ้าเจ้าเป็นฝ่ายชนะ เจ้าก็เอาเซ็ตอะพอลโลไปได้เลย” เชลพูดหลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่
คู่ต่อสู้ที่คู่ควรเป็นเหมือนกับไวท์ชั้นดีที่ต้องใช้เวลาบ่ม เชลอยากจะรอคอยให้หานเซิ่นกลายเป็นระดับเทพเจ้าซะก่อน
แต่หานเซิ่นไม่มีความอดทนมากขนาดนั้น เมื่อเห็นว่าเชลไม่คิดจะโจมตี หานเซิ่นก็ยกมือขึ้นเหมือนกับมีด หลังจากนั้นเขาก็ฟันออกไปใส่เชลด้วยวิชามีดเขี้ยวดาบ
เชลขมวดคิ้ว เขาได้ตัดสินใจว่าจะจบการต่อสู้เรียบร้อยแล้ว เขารวบรวมพลังปีศาจอีกครั้ง และหมัดของเขาก็กลายเป็นสิงโตปีศาจที่ตรงเข้าไปหาหานเซิ่น
เป็นเหมือนกับครั้งก่อน หมัดของเชลทะลุผ่านเข้าไปในร่างกายของหานเซิ่น
“มันจะเป็นเหมือนเดิม นี่หานเซิ่นไม่เข้าใจหรือยังไงว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเชล เขาไม่มีวันจะเอาชนะเชล…?” เสียงของหลี่เสวี่ยเฉิงขาดหายไปก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค
พลังปีศาจจมเข้าไปในร่างกายของหานเซิ่น แต่พลังที่หานเซิ่นกำลังใช้โจมตีไม่ได้เป็นพลังปีศาจเหมือนกับของเชล วิชามีดเขี้ยวดาบของเขายังคงเป็นมีดลมปราณสีม่วง มันไม่ได้รับผลกระทบจากพลังปีศาจของเชล
ตอนที่ 2685
พลังของชุดเกราะมนตรานั้นคงทีมาเป็นเวลานาน ก่อนหน้านี้ในการต่อสู้ มันไม่สามารถป้องกันพลังปีศาจของเชลได้ นั่นก็เพราะว่าพลังของเชลมากเกินไป แต่ตอนนี้เมื่อทั้งเก้าขั้นของเรื่องราวของยีนรวมเป็นหนึ่งเดียว มันก็ทำให้ชุดเกราะมนตราเพิกเฉยต่อความแตกต่างระหว่างพลังของนักสู้ทั้งสองได้ พลังของหานเซิ่นไม่ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นธาตุเดียวกันกับของเชลอีกต่อไป
เชลดูแปลกใจเล็กน้อยกับเรื่องนี้ เขาลองใช้พลังปีศาจอีกหลายครั้ง แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามยังไง เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนธาตุของหานเซิ่นได้
“หานเซิ่นต้านพลังปีศาจของเชลได้ นั่นเป็นอะไรที่คาดไม่ถึง” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายพูด
“ถึงแม้พลังปีศาจจะไม่ได้เปลี่ยนธาตุของเขาอีกต่อไป เขาก็ยังคงเป็นระดับครึ่งเทพที่เผชิญหน้ากับระดับเทพเจ้า มันยังคงมีความแตกต่างของพลัง” ผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่พูด
“ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีโอกาส ถึงแม้มันจะน้อยนิดก็ตาม” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายฝากความหวังทั้งหมดกับหานเซิ่น
ถึงแม้พลังปีศาจของเชลจะสูญเสียประสิทธิภาพไป แต่พลังของหานเซิ่นก็ยังคงเป็นรองอยู่ดี มันยังคงมีความแตกต่างระหว่างระดับพลังของพวกเขา และวิชาจีโนของหานเซิ่นก็เพิ่งจะกลายเป็นระดับครึ่งเทพ มันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้หานเซิ่นต่อสู้กับยอดฝีมือระดับเทพเจ้าได้
ภายใต้แรงกดดันของเชล หานเซิ่นต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เขาต้องเทเลพอร์ตเพื่อหลบหลีกการโจมตีของเชล
หานเซิ่นยังไม่มีพลังพอจะต่อสู้กับเชลแบบตรงๆ ทุกการโจมตีของเชลนั้นถือเป็นสิ่งที่อันตราย แต่ในตอนนี้หานเซิ่นสามารถปกป้องตัวเองจากพวกมันได้
เหมือนกับว่าหานเซิ่นกำลังเดินไต่ลวด ถ้าเขาไม่ระมัดระวัง เขาก็จะตกลงไปในเหวที่ไร้ก้นบึ้ง แต่ถึงแม้สถานการณ์ของเขาจะดูเต็มไปด้วยอันตราย หานเซิ่นก็ยังคงเอาตัวรอดได้
“ในที่สุดข้อเสียของการที่เชลมาจากเผ่าพันธุ์เล็กๆก็แสดงออกมา” หลี่ชุนชิวถอนหายใจ
เชลเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากๆ เขาสามารถต่อกรกับวิชาจีโนได้ทุกรูปแบบและสร้างปาฏิหาริย์ด้วยวิชาหมัดพื้นๆของเขา ด้วยพลังปีศาจที่เขามีอยู่ เขาสามารถเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่อยู่ในระดับเดียวกันได้อย่างสบายๆ
แต่ตอนนี้เมื่อพลังปีศาจไม่ได้ผล นั่นก็หมายความว่าวิชาหมัดที่เรียบง่ายของเขาก็อาจจะไม่เพียงพอ ไม่ว่านักขับรถจะมีพรสวรรค์สักแค่ไหน พวกเขาก็จะขับได้เพียงแค่รถยนต์ แม้แต่นักขับรถที่เก่งที่สุดในโลกก็ไม่อาจจะพัฒนาความสามารถเพื่อขับเครื่องบินได้อย่างกะทันหัน
วิชาหมัดของเชลเป็นอะไรที่เรียบง่าย เขาใช้แค่วิธีการธรรมดาๆเพื่อจะชนะการต่อสู้ครั้งนี้ เขาไม่มีพลังที่จะจบการต่อสู้ได้ เขาเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เขาไม่สามารถจัดการหานเซิ่นได้
‘ถ้าเชลฝึกวิชาจีโนในเอาท์เตอร์สกายอีกสักหนึ่งถึงสองปี ด้วยพลังและพรสวรรค์ของเขา เขาก็จะเอาชนะหานเซิ่นได้อย่างแน่นอน’ หลี่ชุนชิวคิดกับตัวเอง
หลี่ชุนชิวสัมผัสได้ทุกสิ่งที่เชลรู้สึก ถึงแม้สถานการณ์จะเปลี่ยนไปแล้ว แต่เชลก็ยังคงพยายามอย่างเต็มความสามารถเพื่อจะเอาชนะหานเซิ่น
แต่หลี่ชุนชิวเห็นหลายจังหวะที่เขามั่นใจว่าเชลจะสามารถจัดการกับหานเซิ่นได้ แต่ทุกครั้งเชลไม่สามารถแตะต้องตัวคู่ต่อสู้ได้
หลี่ชุนชิวเริ่มจะวิเคราะห์จิตใจของเชล และในที่สุดเขาก็ค้นพบว่าทำไมเชลถึงไม่สามารถทำลายวิชาของหานเซิ่นได้
เชลจำเป็นต้องเห็นวิชาจีโนเพื่อมองทะลุถึงจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ การใช้วิชาจีโนของหานเซิ่นไม่ได้ไร้ซึ่งจุดอ่อน จริงๆแล้วมันมีจุดอ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก
แต่เมื่อเชลพยายามจะใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนพวกมัน เขาก็รู้สึกตัวว่าจุดอ่อนพวกนั้นเป็นกับดักที่หานเซิ่นจงใจแสดงออกมา ไม่เพียงแค่พวกมันจะไม่ส่งผลเสียต่อการใช้วิชาของหานเซิ่นแล้ว พวกมันยังจะทำให้หานเซิ่นมีโอกาสได้พักหายใจ
ทุกวิชาจีโนมีจุดอ่อนอยู่ แต่หานเซิ่นซ่อนจุดอ่อนที่แท้จริงของวิชาด้วยจุดอ่อนปลอมๆที่เขาจงใจแสดงออกมา เขาปล่อยให้เชลคาดเดาว่าจุดอ่อนไหนกันแน่ที่เป็นของจริง แต่จนถึงตอนนี้เชลก็ยังไม่สามารถคาดเดาจุดอ่อนที่ถูกต้อง
“มันมีห้าสิบทางให้เลือก และมันมีสี่สิบเก้าทางที่เลือกได้ การเอาออกไปหนึ่งจะทำให้เกิดความไม่แน่นอนในจิตใจของผู้เลือก ความไม่สมบูรณ์แบบคือความสมบูรณ์แบบที่แท้จริงของโลกนี้ หานเซิ่นเรียนรู้ถึงความหมายเบื้องหลังของการเอาออกไปหนึ่ง เขาเป็นคนที่น่ากลัว เมื่อเขาเติบใหญ่ เขาอาจจะเหนือกว่าคนหนุ่มของเผ่าเวรี่ไฮ” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายจ้องมองการต่อสู้ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“ข้าได้ยินมาว่าวิชาจีโนของเขาจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก แม้แต่เวลาสี่ปีที่อยู่ภายในเอาท์เตอร์สกาย ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้หรือเปล่า ถึงแม้เขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟได้ ใครในจักรวาลนี้จะมอบทรัพยากรที่มากพอจะทำให้เขาพัฒนาไปมากกว่านั้นได้?” ผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่ส่ายหัว เขาไม่มีความหวังกับอนาคตของหานเซิ่นมากนัก
“น่าเสียดาย ถ้าเขากำเนิดในฐานะเผ่าเวรี่ไฮ เขาอาจจะกลายเป็นหลี่ชุนชิวอีกคนหนึ่ง พวกเราจะมอบทรัพยากรทั้งหมดให้กับเขา และเขาก็คงจะเข้าไปในจีโนฮอลล์ได้เป็นแน่” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายพูด
“อย่าได้คิดเกี่ยวกับมัน เจ้าก็รู้ว่าตาเฒ่าหัวแข็งนั่นจะไม่ยอมให้คนนอกกลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา” ผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่พูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
เมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายก็ถอนหายใจและพูด “ในบางครั้งข้าก็รู้สึกอิจฉาจางเสวียนเต้าของเผ่านภา อย่างน้อยเขาก็ทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ”
ใบหน้าของผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่เปลี่ยนไป “เจ้าพูดแบบนั้นที่นี่ได้ แต่อย่าได้ให้ตาเฒ่าหัวแข็งนั่นได้ยินเป็นอันขาด เจ้าก็รู้ว่ามันมีความรู้สึกเกลียดชังเกี่ยวกับเรื่องที่เผ่านภาทรยศพวกเราหลงเหลืออยู่”
ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายส่ายหัวและไม่พูดอะไรอีก เขามองดูการต่อสู้ระหว่างหานเซิ่นและเชลต่อไป
หมัดของเชลเป็นเหมือนกับสิงโตปีศาจ ทุกหมัดนั้นดูเหมือนกับว่ามันสามารถกลืนท้องฟ้าและกินดวงอาทิตย์ หานเซิ่นเป็นเหมือนกับเรือเล็กที่ท่องอยู่ในคลื่นที่บ้าคลั่ง แต่ไม่ว่าหมัดของเชลจะน่ากลัวสักเพียงไหน เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะหานเซิ่นได้
ตอนนี้จิตใจของหานเซิ่นปลอดโปร่ง เขาใช้วิชาใต้นภาและก็อตวอนเดอร์ร่วมกัน เขาใช้มีดเส้นไหมอย่างต่อเนื่อง ทุกมีดเส้นไหมนั้นดูเหมือนกับว่ามันพลิกท้องฟ้าและผืนดิน
หานเซิ่นฝึกวิชามีดมาเป็นเวลานาน เขาได้เรียนรู้จิตแห่งมีดมาจากคนอื่น แต่ตอนนี้มันเป็นจิตแห่งมีดของหานเซิ่นเองที่ทำให้เชลตกอยู่ในแรงกดดัน
“ท้องฟ้าและผืนดินเป็นเหมือนกับกระดานหมากรุก เราเป็นหนึ่งในตัวหมาก แต่ขณะที่พวกมันถูกเดินไปบนท้องฟ้าและผืนดิน ความหมายของตัวหมากแต่ละตัวจะเพิ่มสูงขึ้น มันมีวิถีทางนับพัน และตัวหมากจำเป็นต้องเลือกหนึ่งวิถีทาง โดยปราศจากตัวหมาก มันก็ไม่มีวิถี…”
จู่ๆหานเซิ่นก็พูดราวกับว่าเขาเหม่อลอย “ใต้นภา เราคือวิถี ถ้าเรายังอยู่ วิถีก็ยังอยู่ ถ้าเราตาย วิถีก็จะตาย”
ตอนที่ 2686
เสียงของหานเซิ่นไม่ได้ดังมากนัก แต่เวรี่ไฮและตัวไหมทุกคนกำลังจับจ้องไปที่การต่อสู้ พวกเขาได้ยินทุกสิ่งที่หานเซิ่นพูด
“เขาบ้าไปแล้ว คำพูดเหล่านั้นเหมาะสมกับเขา” หลี่อวี้เจินพูดอย่างไม่พอใจ
เขาจะต้องบ้าไปแล้ว และมันไม่ใช่แค่หลี่อวี้เจินคนเดียวที่คิดแบบนั้น แม้แต่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายและคนอื่นๆที่อยากให้หานเซิ่นชนะก็เชื่อว่าทุกอย่างที่เขาพูดเป็นอะไรที่บ้าเกินไป
วิถีคือจักรวาล จักรวาลคือวิถี ในตอนที่พวกเขาคำนึงถึงคำพูดของหานเซิ่น มันดูเหมือนกับว่าเขากำลังพูดว่าชีวิตของเขาคือเหตุผลของการมีอยู่ของจักรวาล ถ้าเขาตายไป จักรวาลก็จะตายไปพร้อมกับเขา
ตลอดประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตก็ไม่กล้าจะพูดอะไรแบบนั้น มันมียอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตอยู่ไม่มากนัก แต่มันจะมีอยู่จำนวนหนึ่งในทุกยุคสมัย ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตมีอยู่กี่คนนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้ แต่ในตอนที่พวกเขาตายนั้น จักรวาลไม่ได้ตายไปพร้อมกับพวกเขา และในตอนนี้หานเซิ่นเป็นเพียงแค่คนที่เพิ่งจะกลายเป็นครึ่งเทพเท่านั้น
ความจริงแล้วคำพูดนั้นไม่เหมาะจะถูกเรียกว่าบ้า พวกมันเป็นคำพูดที่โง่เขลา
แต่ผู้คนเข้าใจสิ่งที่หานเซิ่นหมายถึงผิดไป คำว่า “เรา” ที่เขาพูดนั้นไม่ได้หมายถึงตัวเอง เขาหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่าง
ทุกคนเหมือนกับหมากตัวหนึ่ง พวกเขาถูกควบคุมโดยชะตากรรม แต่ถ้าปราศจากตัวหมาก กระดานหมากรุกก็ไร้ความหมาย มันไม่สำคัญว่ากระดานหมากรุกจะดีสักแค่ไหน มันก็เป็นเพียงแค่วัตถุที่ไร้ค่า หมากนั้นจะนำไปสู่เหตุกาณ์ต่างๆ และการเดินแต่ละตาก็จะนำไปสู่วิถีทาง
ในตอนที่หานเซิ่นเข้าใจความหมายของเรื่องนี้ เขาก็ดูมีความสุขอย่างมาก และมันเป็นเพราะความสำราญนั้นที่ทำให้เขาพูดออกมา
ผู้คนคิดว่าหานเซิ่นเป็นบ้าและโง่เขลา มีเพียงแค่หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทเท่านั้นที่เข้าใจถึงสิ่งที่หานเซิ่นรู้สึกจริงๆ ดวงตาของพวกเธอเต็มไปด้วยความดีใจและความประหลาดใจ
เมื่อหานเซิ่นได้รับความเข้าใจ พวกเธอก็เข้าใจด้วยเช่นกัน พวกเธอจมอยู่ในประสงค์ของวิชาใต้นภา ประสงค์นั้นแรงกล้าขนาดที่พวกเธอจะเห็นบางสิ่งแบบนี้เฉพาะกับเวรี่ไฮที่แข็งแกร่งไม่กี่คนเท่านั้น แต่ในวันนี้ภายใต้อิทธิพลของประสงค์นั่น พวกเธอได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แบบนั้นพวกเธอจะไม่รู้สึกดีใจและประหลาดใจได้ยังไง?
“ความเข้าใจนี้เป็นสิ่งที่อยู่เหนือสิ่งที่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าทั่วไป…”
หลี่เคอเอ๋อมีสีหน้าที่ซับซ้อน เธอรู้สึกดีใจ แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่กำลังได้เห็น หานเซิ่นเป็นเพียงแค่ครึ่งเทพ แต่แล้วเขากลับเข้าใจประสงค์ของวิชาใต้นภาได้สำเร็จ
หานเซิ่นเรียนรู้ทั้งหมดนี่ด้วยตัวเขาเอง ก่อนหน้านี้เขาแค่ใช้มีด แต่ตอนนี้มีดของเขาผสมไปด้วยความเข้าใจและความรู้ของเขา
ก่อนหน้านี้ถึงแม้หานเซิ่นจะเอาตัวรอดจากการโจมตีของเชลได้ แต่ชีวิตของเขาก็ดูเหมือนกับว่าถูกแขวนอยู่พบเส้นด้าย
แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป หานเซิ่นยังคงถูกไล่ต้อนโดยเชล แต่ผู้ชมสัมผัสได้ว่าเขาผ่อนคลายมากกว่าเดิม แม้แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาก็ยังคงดูผ่อนคลาย เขาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวหรือกังวลใจเลยสักนิดเดียว
หานเซิ่นใช้มือเหมือนกับเป็นมีด วิชามีดที่เขาใช้ให้ความรู้สึกว่าพวกมันมีรูปธรรม และมันทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่าเขาจงใจทำให้พวกมันดูเป็นแบบนั้น แต่ในตอนนี้หานเซิ่นสามารถใช้วิชาได้ดั่งใจโดยไม่ต้องบังคับ มันเหมือนกับว่าทุกการโจมตีของเขาถูกปล่อยออกไปอย่างมั่วๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงต่อสู้ต่อไปด้วยการเคลื่อนไหวที่แม่นยำเช่นเดิม
“ท้องผ้าและผืนดินเป็นกระดานหมากรุก และเราเป็นตัวหมาก ทุกลมหายใจและทุกสัมผัสคือวิถีหนึ่ง”
หานเซิ่นจมอยู่ภายใต้ประสงค์ของวิชาใต้นภาอย่างสมบูรณ์ ขณะที่ความรู้ในวิชาของเขาเพิ่มขึ้น การโจมตีของเขาก็ดูมั่วยิ่งกว่าเดิม แต่ในขณะเดียวกันมันดูเหมือนกับว่าจักรวาลกำลังชักนำการเคลื่อนไหวของเขา
เชลรู้สึกแย่ ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ได้ทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายอะไร แต่เชลก็ยังรู้สึกใจคอไม่ดีราวกับว่าทุกอย่างนั้นผิดพลาด
เชลไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรกันแน่ที่ผิดพลาด แต่ในตอนนี้ทุกสิ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ
ภูเขาก็ผิด ก้อนหินก็ผิด ทุกสิ่งผิดไปหมด มันให้ความรู้สึกราวกับว่าตอนนี้โลกทั้งใบกำลังต่อต้านเขา ขณะที่หานเซิ่นเคลื่อนไหวอย่างไหลลื่น มันเหมือนกับว่าทุกสิ่งกำลังสนับสนุนหานเซิ่น เชลไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง
“นี่มัน… นี่มันสกายแอนด์บีอิ้งคอมบิเนชั่นหนึ่งในเทคนิคของเวรี่ไฮเซ้นส์หนิ?” หลี่ชุนชิวและคนอื่นๆที่ศึกษาเวรี่ไฮเซ้นส์มองไปที่หานเซิ่นราวกับว่าพวกเขาเห็นผี ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง
เมื่อฝึกฝนเวรี่ไฮเซ้นส์ ผู้ฝึกก็จะสามารถฝึกสกายแอนด์บีอิ้งคอมบิเนชั่นได้ โดยการเชื่อมต่อวิชาร่วมกับจักรวาล ท้องฟ้าและผืนดิน ผู้ฝึกจะสามารถใช้มันเพื่อยืมพลังของจักรวาล
แต่พลังนั้นจะใช้ได้เฉพาะผู้ที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์เท่านั้น มีเพียงแค่พวกเขาที่ควรจะทำสิ่งที่หานเซิ่นกำลังทำอยู่ได้ เอ็กซ์ควิสิทเรียนรู้มันได้เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น เธอยังไม่ได้เชี่ยวชาญในการใช้สกายแอนด์บีอิ้งคอมบิเนชั่น
หานเซิ่นไม่เคยศึกษาวิชาเวรี่ไฮเซ้นส์ แต่วิชามีดของเขาให้ผลลัพธ์เดียวกันกับสกายแอนด์บีอิ้งคอมบิเนชั่น นั่นจะไม่ทำให้หลี่ชุนชิวและคนอื่นตกใจได้ยังไง
เหล่าคนที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์รู้สึกตกตะลึง ถึงแม้เขาจะตัดขาดจากอารมณ์ความรู้สึกแล้ว หลี่ชุนชิวก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไป
“หนุ่มคนนี้แปลกจริงๆ…” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายพึมพำ
เขาและผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่ไม่ได้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มีประสบการณ์มากมาย และถึงพวกเขาจะไม่ได้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ด้วยตัวเอง แต่พวกเขาก็รู้เกี่ยวกับมันเป็นอย่างดี
ในตอนนี้วิชามีดของหานเซิ่นคล้ายคลึงกับสกายแอนด์บีอิ้งคอมบิเนชั่นของเวรี่ไฮเซ้นส์ นั่นทำให้พวกเขารู้สึกตกใจ
ในจักรวาลนี้ ต้นไม้ทุกต้น ภูเขาทุกลูก น้ำทุกหยดและแม้แต่ฝุ่นผงกับแบคทีเรีย พวกมันทุกอย่างดูมีความหมายในสายตาของหานเซิ่น มันเหมือนกับว่าทุกอย่างมีการเชื่อมต่อบางอย่างกับวิชามีดของเขา
“ทุกอย่างในโลกนี้เป็นตัวหมาก ตัวหมากแต่ละตัวจะถูกใช้ในทางใดทางหนึ่ง และการรวมตัวหมากทุกตัวเข้าด้วยกันจะเกิดเป็นเกมส์หมากรุกเกมส์หนึ่ง ตัวหมากที่ไม่เชื่อมต่อกันนั้นจริงๆแล้วเชื่อมต่อกัน หมากทุกตัวจะส่งผลกับเกมส์ และสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำก็คือกลายเป็นตัวหมากที่จะเปลี่ยนรูปเกมส์ๆนี้” หานเซิ่นพยายามทำความเข้าใจ
“เราไม่จำเป็นต้องมีพลังที่พิเศษ เราแค่จำเป็นต้องมีพลังที่จำเป็น ถ้าเราไปว่ายน้ำ เราจะเป็นปลา ถ้าเราไปบนท้องฟ้า เราจะเป็นนก เราจะไปพร้อมกับจักรวาล ท้องฟ้าและผืนดิน และเราจะช่วยท้องฟ้า ผืนดินและจักรวาล”
วิชามีดของหานเซิ่นกลายอะไรที่ยากจะคาดเดามากขึ้นเรื่อยๆ และการโจมตีที่ดูมั่วๆนั้นก็สร้างปัญหาให้กับเชลอย่างมาก
เวรี่ไฮหลายคนที่เยาะเย้ยหานเซิ่นตอนนี้เงียบสนิทไป หานเซิ่นควรจะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ แต่ตอนนี้เขาดูไม่ลำบากลำบนเลยแม้แต่นิดเดียว
การโจมตีของเชลเป็นฝ่ายที่ดูติดขัดแทน พวกมันไม่ได้ไหลลื่นอีกต่อไปแล้ว
“น่าสนใจมาก เขาใช้วิชาใต้นภาเพื่อสร้างสกายแอนด์บีอิ้งคอมบิเนชั่นขึ้นมา… เหล่าผู้อาวุโสของเวรี่ไฮคงจะเป็นบ้าด้วยความอิจฉา…”
ขณะที่อวี้ซ่านซินมองดูวิชามีดของหานเซิ่น เขาก็ยิ้มอย่างแปลกประหลาดและไม่สามารถอ่านได้
ตอนที่ 2687
ใบหน้าของหลี่เสวี่ยเฉิงและหลี่อวี้เจินเปลี่ยนเป็นสีเขียว พวกเขารู้สึกว่ากำลังจะเป็นบ้า ดวงตาของเขาแดงกล่ำ และพวกเขากำมือของตัวเองแน่นโดยที่ไม่รู้สึกตัวว่าเล็บนั้นจิกลงไปในฝ่ามือ พวกเขาดูเหมือนกับคนบ้าสองคนขณะที่มองดูการต่อสู้ของหานเซิ่น
“เป็นไปไม่ได้…นี่มันเป็นไปไม่ได้…” พวกเขารู้สึกราวกับว่าถูกรัดคอ
ครึ่งเทพคนหนึ่งต่อสู้กับระดับเทพเจ้าโดยที่ไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ มันทำให้พวกเขารู้สึกกังวลใจเกี่ยวกับผลที่จะออกมามากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขากลัวว่าฝันร้ายอาจจะเป็นจริงขึ้นมา และพวกเขาจะพ่ายแพ้การเดิมพันในครั้งนี้
“ไม่มีทาง… มันไม่มีทางที่ระดับครึ่งเทพจะเอาชนะระดับเทพเจ้าในการต่อสู้แบบนี้ได้… แถมระดับเทพเจ้าคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเชล… ข้าเชื่อว่าเชลจะเป็นฝ่ายชนะ…” หลี่อวี้เจินพูดอย่างช้าๆขณะที่กัดฟันแน่น มันเหมือนกับว่าเขากำลังพูดกับตัวเองเช่นเดียวกันกับหลี่เสวี่ยเฉิง ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปที่หน้าจอตรงหน้า
เชลขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะยังเป็นคนที่ควบคุมสถานการณ์ แต่เขาก็รู้สึกว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ ทุกการเคลื่อนไหวของหานเซิ่นดูเหมือนจะถูกชักนำโดยเทพ เชลพบว่ามันยากลำบากที่จะโต้กลับการฟันที่ดูทำไปอย่างลวกๆของหานเซิ่น การฟันธรรมดานั้นมีประสิทธิภาพเกินกว่าที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเขาจะวิเคราะห์เทคนิคของหานเซิ่นยังไง เชลก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
เชลไม่ใช่บุคคลที่จะนอนรอความพ่ายแพ้ ดังนั้นในตอนที่เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เขาก็ทำการตัดสินใจที่ดีที่สุด เปลวเพลิงนรกรอบๆร่างกายของเขาลุกโชนขึ้น เขาเลือกจะเมินเฉยต่อการโจมตีของหานเซิ่นและพุ่งตรงเข้าไปหาคู่ต่อสู้ของเขา
“ไม่สำคัญว่าเจ้าจะชำนาญในวิชาสักแค่ไหน พลังของเจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า พลังของข้าจะบดขยี้เจ้าและวิชาของเจ้าไปพร้อมกัน ข้าจะรวบรวมพลังที่มากพอจะทำลายวิชาของเจ้า” เชลเป็นเหมือนกับเทพปีศาจ เขานำพาโซ่สสารที่น่ากลัวไปพร้อมกับเขาขณะที่เขาพุ่งเข้าไปหาคู่ต่อสู้
มีดลมปราณของหานเซิ่นฟันไปถูกตัวของเชล แต่โซ่สสารบดขยี้พวกมัน หานเซิ่นไม่สามารถตัดผ่านโซ่สสารเพื่อสร้างความเสียหายกับร่างกายของเชลได้
แต่หานเซิ่นไม่ได้แตกตื่น ร่างกายของเขาลอยจากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่งเหมือนกับก้อนเมฆ พลังที่เชลรวบรวมในการโจมตีนั้นมหาศาล แต่เขาไม่สามารถทำร้ายหานเซิ่นได้ มันเหมือนกับการมองดูเรือลำเล็กๆโต้คลื่นลูกใหญ่
คลื่นลูกใหญ่ซัดผ่านไปอย่างรุนแรง แต่พวกมันไม่สามารถพลิกเรือลำเล็กๆให้คว่ำได้
ร่างกายของหานเซิ่นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานจากจิตแห่งมีด เชลพยายามโจมตีใส่หานเซิ่นอย่างไม่หยุด แต่เขาไม่แม้แต่จะทำให้เสื้อผ้าของหานเซิ่นยับได้
ปี้ซีมองดูการต่อสู้กับหานเซิ่นและเชลขณะที่อ้าปากค้าง “นี่เชลจะ…”
เขากำลังสงสัยว่าเชลจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่เขารู้สึกตัวว่าไม่ควรจะพูดอะไรแบบนั้นออกไปต่อหน้าหลี่ชุนชิว ด้วยเหตุนั้นเขาจึงกลืนคำพูดของตัวเองลงไป
“ข้ากลัวว่าเขาจะพ่ายแพ้ เชลนั้นแข็งแกร่ง แต่เขามาจากเผ่าพันธุ์เล็กๆ เขามีเวลาฝึกฝนไม่มากนัก ถ้ามันมีเวลาอีกสักสามปีให้เขาฝึกฝน บางทีเขาคงจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้” หลี่ชุนชิวพูดขึ้นมา
ปี้ซีพยักหน้า “หานเซิ่นคนนั้นโชคดีจริงๆ จิตแห่งมีดของเขาเป็นบางสิ่งที่ค่อนข้างพิเศษ มันปลดปล่อยออร่าของสกายแอนด์บีอิ้งคอมบิเนชั่น”
“นั่นไม่ใช่สกายแอนด์บีอิ้งคอมบิเนชั่น เขาแค่ทำตามประสงค์ของท้องฟ้า” หลี่ชุนชิวพูด
“เมื่อเทียบกับพี่ใหญ่แล้ว เขายังไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อเทียบกับคนธรรมดาทั่วไป เขาถือว่าน่าประทับใจอย่างมาก” ปี้ซีพูดหลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่
หลี่ชุนชิวพยักหน้าและพูด “เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อใช้หานเซิ่นในฐานะตัวไหมร่วมกัน ภายนอกเผ่าเวรี่ไฮ อัจฉริยะแบบนี้หาได้ยากมากๆ”
ตอนนี้ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายดูผ่อนคลายอย่างมาก เขายิ้มและพูด
“ระดับเทพเจ้าแล้วยังไง? ถึงแม้เจ้าจะเป็นระดับเทพเจ้า เจ้าก็ยังเป็นฝ่ายแพ้อยู่ดี สายตาของข้านี่ไม่เลวเลย”
ผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่มองเขาด้วยสายตาดูถูก ในตอนที่เชลกลายเป็นระดับเทพเจ้า ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายดูเหมือนกับว่าเขาเพิ่งจะเห็นพ่อแม่ของตัวเองเสียชีวิต แต่แน่นอนว่าผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่ไม่ได้พูดเรื่องนั้นออกมา
ขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไป เวรี่ไฮหลายคนก็เริ่มจะสังเกตเห็นว่าสถานการณ์ของหานเซิ่นเริ่มจะดีขึ้นเรื่อยๆ เชลต่อสู้อย่างโหดร้าย แต่เขาก็ยังไม่สามารถสร้างความเสียหายกับหานเซิ่นได้
“วิชามีดของหานเซิ่นนั้นดีมากๆ”
“มันมากกว่าคำว่าดี วิชามีดนั้นเป็นวิชาระดับสูงสุด มันสมเป็นวิชามีดจากเผ่านภาจริงๆ”
“แน่นอนอยู่แล้ว เผ่านภาเคยเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์พวกเรา”
“ถ้าหานเซิ่นได้อันดับที่หนึ่งขึ้นมาจริงๆ ข้าอยากจะเห็นเหลือเกินว่าใบหน้าของหลี่เสวี่ยเฉิงจะเป็นยังไง”
“ข้ายังไม่คิดว่าเขาจะชนะ วิชามีดของหานเซิ่นนั้นสุดยอด แต่พลังของเขายังด้อยกว่าเชล เชลทำร้ายเขาไม่ได้ แต่เขาก็ทำร้ายเชลไม่ได้เช่นกัน ถ้าการต่อสู้นี้มีเวลาจำกัดก็คงจะจบลงโดยไม่มีผู้ชนะ แต่ถ้าพวกเขาต่อสู้กันไปเรื่อยๆ แรงของหานเซิ่นที่เป็นแค่ครึ่งเทพก็คงจะหมดก่อน”
“ใครจะไปรู้? มันอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้”
“ฮ่าๆ! ถ้าหานเซิ่นได้อันดับที่หนึ่งจริงๆ ใบหน้าของหลี่เสวี่ยเฉิงคงจะเป็นอะไรที่ตลกน่าดู”
“มันไม่ใช่แค่หลี่เสวี่ยเฉิงคนเดียว หลี่อวี้เจินเองก็ลงเรือลำเดียวกันกับเขา ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่อวี้เจิน หลี่เสวี่ยเฉิงก็คงจะรู้ก่อนล่วงหน้าว่าการประลองไม่อนุญาตให้ใช้สมบัติ”
“ข้าหวังว่าหานเซิ่นจะเป็นฝ่ายชนะ หลังจากนั้นข้าอยากจะเห็นใบหน้าของเจ้าสองคนนั้น กล้าดียังไงมาหลอกพวกเรา”
…
ในตอนนี้ใบหน้าของหลี่เสวี่ยเฉิงและหลี่อวี้เจินก็เป็นอะไรที่ดูตลกมากแล้ว ดวงตาของพวกเขาเกือบจะหลุดออกมาจากเบ้าขณะที่พวกเขาจ้องมองวิดีโอการต่อสู้
“เขาจะไม่แพ้… เชลจะไม่พ่ายแพ้การประลองนี้… เขาจะชนะ เขาจะชนะ…”
พวกเขาทั้งคู่กำลังจะเป็นบ้า ปากของพวกเขาพูดประโยคเหล่านั้นซ้ำๆ ความกังวลใจของพวกเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกวินาทีที่ผ่านไป
“ท้องฟ้าและผืนดินเป็นเหมือนกับเกมส์หมากรุกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเหมือนกับมีด และพวกมันทั้งหมดมีวิถีหนึ่ง เชล เจ้าลองลิ้มรสมีดใต้นภาของข้าดู”
จิตแห่งมีดของหานเซิ่นเป็นเหมือนกับภูเขาไฟที่ไม่สามารถกักเก็บลาวาเอาไว้ได้อีกต่อไป มันปะทุออกมาราวกับน้ำพุขนาดใหญ่ หานเซิ่นใช้มือของเขาเป็นเหมือนกับมีดและฟันไปในทิศทางของเชล
“ดี” เชลมีพลัง แต่เขาไม่มีหนทางไหนที่จะใช้มัน ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นต้องการจะต่อสู้กันตรงๆ นี่ก็เป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขา โซ่สสารมารวมตัวกันที่หมัดของเขา และเขาก็ชกหมัดออกไปปะทะกับการโจมตีของหานเซิ่น
มิติอวกาศสั่นไหวและแตกกระจายภายใต้แรงของหมัดเชล โซ่สสารนั้นดูเหมือนกับสิงโตปีศาจที่ฉีกผ่านความเป็นจริงรอบๆตัวของเขา ปากสิงโตกลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ที่พยายามจะกลืนกินหานเซิ่นเข้าไป
แต่หานเซิ่นไม่ได้หลบ มือของเขาฟันลงมาโดยที่ไม่มีมีดลมปราณปรากฏขึ้นรอบๆมือของเขา มือของเขาฟันลงมาในท่าตัดที่เรียบง่าย
ภาพนั้นทำให้ผู้ชมเต็มไปด้วยความสับสน ขณะที่พวกเขามองดูต่อไป พวกเขาก็เห็นภูเขาทุกลูก แม่น้ำทุกสาย ใบหญ้าทุกใบ ดอกไม้ทุกดอกและต้นไม้ทุกต้นที่อยู่ภายในหุบเขาก็กลายเป็นมีดแสง มีดแสงต่างๆนาๆทุกรูปแบบทั่วหุบเขาสว่างไสวขึ้นมา จู่ๆดูเหมือนว่าดินแดนที่อยู่รอบๆทำขึ้นมาจากมีดแสง และพวกมันทั้งหมดก็พุ่งเข้ามาจู่โจมเชล
มีดแสงนับไม่ถ้วนมาประจบกันและตรงเข้าไปหาเชลกับสิงโตปีศาจของเขา
เชลรวบรวมพลังจากโซ่สสารของเขา เขาไม่หวาดกลัวต่อมีดแสงของระดับราชัน แต่เขารู้สึกตัวช้าเกินไปว่าพวกมันมีจำนวนมากเกินไป พลังของหมัดสิงโตปีศาจและโซ่สสารถูกทำลายท่ามกลางมีดแสงนั้น
ตอนที่ 2688
เมื่อทุกคนเห็นหานเซิ่นแทงมือไปข้างหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลก็ดูเหมือนจะปลดปล่อยมีดแสงออกมา พวกมันทั้งหมดทำตามประสงค์ของหานเซิ่น มีดแสงนับไม่ถ้วนปกคลุมท้องฟ้าและผืนดิน พวกมันพุ่งตรงเข้าไปหาเชลที่ดูเหมือนกับสิงโตปีศาจ
แม้แต่ยอดฝีมืออย่างเชลก็ไม่สามารถป้องกันมีดแสงที่ถูกปล่อยออกมาจากทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลได้ เขาห่อหุ้มตัวเองด้วยโซ่สสารขณะที่พุ่งเข้าไปหาหานเซิ่น
“เป็นไปไม่ได้… เชลจะไม่แพ้การต่อสู้นี้…. ไม่ ไม่ ไม่!”
หลี่อวี้เจินและหลี่เสวี่ยเฉิงร้องตะโกน หลังจากนั้นพวกเขาก็อ้าปากค้าง พวกเขาอึ้งกับภาพที่เห็นเกินกว่าจะส่งเสียงอะไรออกมาได้อีก แต่ทว่าในหัวใจของพวกเขา น้ำตาแห่งความโศกเศร้ากำลังไหลออกมา
เชลพยายามจะพุ่งผ่านมีดแสงไป แต่มีดแสงนั้นยังคงปรากฏออกมาจากทั้งท้องฟ้าและผืนดินอย่างไม่หยุดยั้ง ที่สุดแล้วพลังของเชลก็ทนต่อไปไม่ไหว ในจังหวะที่โซ่สสารรอบร่างกายของเชลเริ่มจะแตกกระจาย มีดแสงก็เริ่มเฉือนร่างกายของเขา
มีดแสงเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ระดับครึ่งเทพ การฟันหนึ่งครั้ง สิบครั้งหรือแม้แต่ร้อยครั้งก็ไม่เพียงพอจะสร้างความเสียหายกับเชลที่เป็นระดับเทพเจ้า
แต่มีดแสงเหล่านั้นมีจำนวนมากเกินกว่าจะนับได้ แม้แต่ร่างกายของเชลที่เป็นระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถทนได้ แน่นอนว่าทั้งหมดนี่เป็นเพราะร่างกายระดับเทพเจ้าของเชลไม่แข็งแกร่งพอ ถ้าเขาอยู่ยงคงกระพันอย่างแท้จริง มันก็ไม่สำคัญว่าจะมีมีดแสงพุ่งมาใส่เขามากสักแค่ไหน น่าเสียดายที่ร่างกายของเชลยังไม่แข็งแกร่งถึงขั้นนั้น
เมื่อได้เห็นร่างกายของเชลถูกกระหน่ำโจมตีจนมีเลือดกระเด็นออกไปทุกทิศทุกทาง หลี่อวี้เจินและหลี่เสวี่ยเฉิงก็แทบจะเป็นลม ขณะที่ทางด้านของผู้อาวุโสโอเพ่นสกายและคนอื่นกำลังมีความสุขเหมือนได้อยู่บนสวรรค์
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อเองก็มีความสุขเช่นกัน พวกเธอสัมผัสจิตแห่งมีดของหานเซิ่น โดยการมองดูการต่อสู้นี้ พวกเธอก็สามารถเรียนรู้วิชาใต้นภาของเขา
ที่สุดแล้วมีดแสงมากมายนับไม่ถ้วนก็ไม่ได้มาจากท้องฟ้าหรือผืนดินโดยตรง ความจริงแล้วพวกมันทั้งหมดเป็นมีดแสงที่หานเซิ่นเคยปล่อยออกไป หลังจากที่มันถูกทำลาย พวกมันก็ละลายไปในท้องฟ้า ผืนดินและทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ เขาได้ใช้พลังของท้องฟ้าและผืนดินเพื่อจะใช้พลังงานเหล่านั้นสร้างมีดแสงขึ้นมาใหม่
นี่คล้ายคลึงกับมีดเส้นไหมแต่เป็นอะไรที่ดียิ่งกว่า ท้องฟ้าและผืนดินนั้นได้กลายเป็นผู้ถือมีดแสงเหล่านั้น หลังจากที่มีดแสงถูกสร้างขึ้นมา พวกมันก็ปรากฏในทุกธาตุที่สามารถจินตนาการได้ พวกมันกลายเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่ามีดเส้นไหม
มีดแสงที่ถูกทำลายและลงไปในน้ำ หลังจากที่พวกมันถูกสร้างขึ้นมาเป็นมีดแสงอีกครั้ง พวกมันก็จะบรรจุธาตุน้ำเอาไว้ข้างใน ในตอนที่มีดแสงละลายเข้าไปในดินของภูเขา หลังจากที่พวกมันถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้ง พวกมันก็จะบรรจุธาตุของภูเขา
แต่ถึงอย่างนั้นมีดแสงทั้งหมดก็ยังคงพึ่งพาพลังของหานเซิ่น หานเซิ่นต้องใช้เวลาในการสะสมพลังเอาไว้ในสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเพื่อจะทำการโจมตีแบบนี้ ยิ่งหานเซิ่นใช้มีดแสงในระหว่างการต่อสู้มากเท่าไหร่ มีดแสงที่จะหลั่งไหลออกมาในตอนสุดท้ายก็จะน่าสะพรึงกลัวขึ้นมากเท่านั้น
นั่นหมายความว่าท่านี้ใช้เวลานานในการจัดเตรียม ไม่อย่างนั้นเขาก็จะไม่สามารถปลดปล่อยมีดแสงที่มากมายขนาดนี้ได้
“วิชาใต้นภานี่ไม่เลวเลย ด้วยวิชานี้หานเซิ่นจะต่อสู้กับคนอื่นที่อยู่ระดับเดียวกันหรือสูงกว่าได้ ถ้าเขาทำแบบนี้เมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ เขาจะเป็นนักสู้ที่ไร้เทียมทาน ถ้าเขารอดชีวิตได้นานพอ ในตอนที่เขาใช้มัน คนอื่นที่อยู่ระดับเดียวกันก็จะไม่มีทางป้องกันสายธารของมีดแสงที่เข้ามาจากทุกทิศทุกทางได้ เชลนั้นโชคร้ายที่ต้องมาสู้กับหานเซิ่น”
หลี่เคอเอ๋อสรุปพร้อมกับถอนหายใจออกมา ในตอนนี้ร่างกายของเชลอยู่เหนือการควบคุม คลื่นของมีดแสงที่ไร้ที่สิ้นสุดกำลังซัดร่างกายของเขาไปราวกับซากเรืออับปางบนมหาสมุทร
“เพื่อจะเอาชนะหานเซิ่น คนนั้นจะต้องเอาชนะเขาอย่างรวดเร็ว ศัตรูของหานเซิ่นต้องสยบเขาให้ได้ในเวลาอันสั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ซะเอง” เอ็กซ์ควิสิทพูด
“การใช้วิชาใต้นภาของเขายอดเยี่ยม มันทำให้เขาเอาชนะเชลได้ในท้ายที่สุด ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องฝึกเชลเพื่อรับมือกับพลังนี้ ในตอนที่พวกเขาต่อสู้กันอีกครั้ง หานเซิ่นจะใช้พลังนี้ของวิชามีดใต้นภาไม่ได้อีกต่อไป” หลี่ชุนชิวพูด เขาวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่เชลเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และหาวิธีการที่จะทำให้เชลกลายเป็นนักสู้ที่สมบูรณ์แบบ
เมื่อเห็นว่าร่างกายของเชลไม่สามารถทนมีดแสงมากมายนับไม่ถ้วนได้ หานเซิ่นก็ยกมือขึ้นเพื่อทำให้มีดแสงที่อยู่ทุกหนทุกแห่งหายไป เขาไม่คิดจะปล่อยให้มีดแสงฉีกร่างกายของเชลจนเป็นชิ้นๆ หลังจากนั้นหุบเขาก็กลับสู่ความเงียบสงัดอีกครั้งหนึ่ง
“เจ้าเป็นฝ่ายชนะ” เชลพูดหลังจากที่ลุกขึ้นมาได้ เขายังสามารถต่อสู้ต่อได้ แต่ตอนนี้เขายอมแพ้ต่อหานเซิ่นและเทเลพอร์ตออกไปจากหุบเขาด้วยตัวเอง
เชลรู้ว่าหานเซิ่นหยุดการโจมตีกลางคัน และเขาก็รู้ว่าถ้าต้องรับมีดแสงทั้งหมด ร่างกายของเขาก็คงจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ดังนั้นเขาจึงยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเอง
หลี่เสวี่ยเฉิงและหลี่อวี้เจินคุกเข่าลงไปกับพื้น พวกเขาจ้องตาค้างไปที่หน้าจออย่างไม่อยากจะเชื่อกับผลลัพธ์ พวกเขาไม่สามารถยอมรับมันได้
“พวกเราจะทำยังไงดี? พวกเราจะต้องจ่ายหนี้ครั้งใหญ่ และยังอัญมณีโอเพ่นสกาย…” จิตใจของทั้งคู่ยุ่งเหยิงจนทำอะไรไม่ถูก
“แค่วิชามีดเดียวก็เพียงพอจะจำลองสกายแอนด์บีอิ้งคอมบิเนชั่นขึ้นมา หานเซิ่นคนนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ น่าเสียดายที่เขาเป็นเพียงแค่ตัวไหมและไม่ใช่ทายาทของเผ่าเวรี่ไฮ” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายดีใจที่ชนะการเดิมพัน แต่เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดายกับฐานะที่ต่ำของหานเซิ่น
หลังจากที่ต่อสู้กับเชล มันก็ไม่มีตัวไหมคนอื่นกล้ามาท้าสู้กับหานเซิ่นอีก พวกเขาต่อสู้กันเองก่อนที่จะออกจากหุบเขาไป ที่สุดแล้วหานเซิ่นก็เป็นเพียงคนเดียวที่ยังอยู่ในหุบเขา ในตอนที่คนอื่นๆออกกันไปหมดแล้ว บาร์เรียของหุบเขาก็หายไป
ในขณะเดียวกันกล่องสมบัติทองแดงสี่เหลี่ยมก็ปรากฏออกมา มันร่วงลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้าๆ มันลงมาตรงหน้าของหานเซิ่น
หานเซิ่นเปิดกล่องสมบัติทองแดงนั้นและเห็นว่าภายในมีสมบัติซีโน่เจเนอิคเจ็ดชิ้นที่ประกอบเป็นเซ็ตอะพอลโล
หานเซิ่นไม่คิดจะมัวแสแสร้งว่าตัวเองเป็นคนที่สมถะ เขารีบสวมใส่เซ็ตอะพอลโลในทันที สมบัติทั้งเจ็ดชิ้นประกอบไปด้วยส่วนหมวกหนึ่งชิ้น ส่วนลำตัวท่อนบนหนึ่งชิ้น ส่วนลำตัวท่อนล่างหนึ่งชิ้นและส่วนถุงมือกับรองเท้าอีกอย่างละสองชิ้น ตอนนี้สมบัติระดับเทพเจ้าทั้งเจ็ดห่อหุ้มตัวของเขา ชุดเกราะโครเมียมนี้ทำให้หานเซิ่นดูเหมือนกับมนุษย์กระจก
ในตอนที่หานเซิ่นสวมใส่ชุดเกราะชิ้นสุดท้าย ปีกเงินขนาดใหญ่ก็ปรากฏบนหลังของเขา พวกมันทำให้เขาดูเหมือนกับอะพอลโลที่เฉิดฉายในท้องฟ้า
ตัวไหมหลายคนมองหานเซิ่นด้วยความอิจฉา แต่หานเซิ่นยังกล้าดีพอที่จะบ่น
“เช็ตอะพอลโลนี่มันอะไรกัน? มันเหมือนกับว่าฉันกำลังสวมใส่หลอดไฟ ฉันจะสว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์เสียอีก ศัตรูจะสังเกตเห็นฉันเข้ามาตั้งแต่ระยะไกลเป็นหมื่นไมล์ และฉันก็คงจะซ่อนตัวในพุ่มไม้ไม่ได้เมื่อสวมเจ้าสิ่งนี้ ฉันจะเหมือนกับเป้าหมายติดไฟนีออนที่สว่างไสว”
ถึงแม้หานเซิ่นจะบ่น แต่เซ็ตอะพอลโลก็ปลดปล่อยออร่าที่ทรงพลังออกมา นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกดีใจมากๆ
พลังระดับครึ่งเทพของเขาไม่เพียงพอจะใช้พลังเต็มที่ของเซ็ตอะพอลโลได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นอะไรที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีกอะพอลโลที่ปรากฏจากด้านหลังของเขา พวกมันจะมอบความเร็วที่เทียบได้กับระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟให้กับหานเซิ่น เขาอาจจะรวดเร็วยิ่งกว่าเชลขณะที่เขามีมันอยู่
หานเซิ่นกางปีกอะพอลโล หลังจากนั้นเขาก็เทเลพอร์ตไปหาหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิท ความเร็วของเขาเหนือกว่าก่อนหน้านี้
“ชุดเกราะนี่มอบพลังที่ใกล้เคียงกับตอนที่เราสวมเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูง ปีกอะพอลโลนั้นไม่ได้มอบความเร็วที่มากไปกว่าเสื้อคลุมวิญญาณ แต่พลังเต็มที่ของเซ็ตอะพอลโลยังคงไม่ได้แสดงออกมา เมื่อเราใช้พลังที่แท้จริงของมันได้เมื่อไหร่ เราก็อาจจะต่อสู้กับยอดฝีมืออย่างเหมิงเลี่ยได้” หานเซิ่นหลงรักเซ็ตอะพอลโลของเขา
ตอนที่ 2689
ภายในสวนๆหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ หลี่เคอเอ๋อกับเอ็กซ์ควิสิทกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหิน พวกเธอดูจะกำลังตกอยู่ในสภาวะสับสน
“เจ้าคิดเกี่ยวกับข้อบกพร่องของวิชาใต้นภาได้หรือยัง?” เอ็กซ์ควิสิทถามขณะที่มองไปที่หลี่เคอเอ๋อ
หลี่เคอเอ๋อส่ายหัว “แล้วพี่ล่ะ?”
เอ็กซ์ควิสิทส่ายหัวเช่นเดียวกัน เธอขมวดคิ้วและพูด
“สำหรับพวกเรา ตัวไหมคือหนทางสำหรับการได้รับความเข้าใจใหม่ๆ แต่ทว่าพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือสำหรับการเรียนรู้ สถานการณ์ของพวกเราในตอนนี้ทั้งดีและแย่ ในด้านบวกคือพวกเราได้เรียนรู้อะไรมากมายจากหานเซิ่น และเขาจะช่วยให้พวกเราได้รู้สึกว่าจิตใจที่ทรงพลังนั้นเป็นยังไง เขาจะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพวกเรา แต่ถ้าพวกเราเอาแต่เรียนรู้ตามเขาเพียงอย่างเดียว พวกเขาก็แค่ก็อบปี้ความก้าวหน้าของเขาเท่านั้น พวกเราจะเป็นแค่ของเลียนแบบ และไม่สำคัญว่าพวกเราจะพยายามทำตามสิ่งที่เขาทำมากสักแค่ไหน พวกเราก็จะไม่มีวันได้ผลลัพธ์เดียวกับที่เขาบรรลุ เส้นทางที่พวกเราก้าวไปนั้นจะต้องนำไปสู่อนาคตที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวไหม พวกเราจำเป็นต้องบุกเบิกเส้นทางของตัวเอง แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ มันดูจะเป็นเรื่องที่ยากมากๆ”
หลี่เคอเอ๋อรีบพูดขึ้นมา “แต่จิตใจของหานเซิ่นแข็งแกร่งเกินไป ด้วยระดับของพวกเรา พวกเราไม่มีทางระบุข้อบกพร่องของเขาได้”
“ความจริงที่พวกเราพูดแบบนั้นออกมาถือเป็นอะไรที่แย่อย่างไม่ต้องสงสัย เขาควรจะเป็นตัวไหมของพวกเรา ไม่ใช่พวกเราเป็นตัวไหมของเขา ถ้าหานเซิ่นสร้างทัศนคติกับพวกเราว่าไม่อาจจะก้ามข้ามเขาไปได้ แบบนั้นพวกเราก็ถูกจำกัดโดยเขาเรียบร้อยแล้ว” เอ็กซ์ควิสิทพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ถ้าอย่างนั้นพี่คิดว่าพวกเราควรทำจะยังไงดี?” หลี่เคอเอ๋อไม่สามารถคิดเกี่ยวกับหนทางแก้ไขปัญหานี้ได้
ถ้าหานเซิ่นสร้างภาพของความไร้เทียมทานที่ลบไม่ออกกับพวกเธอ แบบนั้นพวกเธอก็จะอยู่ใต้เงาของเขาไปตลอดการ นั่นไม่ใช่ตัวไหมที่พวกเธอแสวงหา
“หานเซิ่นจำเป็นต้องพ่ายแพ้สักครั้ง ความพ่ายแพ้คือหนทางเดียวที่จะลบล้างภาพความไร้เทียมทานของเขาออกไปจากหัวใจของพวกเรา” เอ็กซ์ควิสิทพูด
“แต่เชลก็ยังพ่ายแพ้ต่อเขา ข้าไม่คิดว่าจะมีตัวไหมคนไหนที่จะต่อกรกับเขาได้” หลี่เคอเอ๋อมองเอ็กซ์ควิสิทด้วยความสับสน เธอไม่แน่ใจว่าพี่สามของเธอหมายถึงอะไร
“ทำไมถึงคิดว่ามันต้องเป็นตัวไหมที่จะทำให้เขาพ่ายแพ้? ตอนนี้หานเซิ่นได้อันดับที่หนึ่งในการประลอง แบบนั้นเขาควรจะไปที่เจลเดม่อนฮอลล์ เขาจะเริ่มฝึกฝนที่นั่น อย่างแรกมันจะช่วยเขาในการฝึกฝนอย่างมาก อย่างที่สองเขาคงจะถูกบดขยี้ เมื่อเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เขาก็จะสูญเสียความมั่นใจและความอวดดีไป อย่างที่สามมันจะทำให้ทัศนคติที่พวกเรามีต่อเขาเปลี่ยนไป พวกเราจะไม่มองเขาเป็นคนที่ไร้เทียมทานอีกต่อไปถ้าพวกเราเห็นเขาพ่ายแพ้” เอ็กซ์ควิสิทพูด
“นี่เป็นไอเดียที่ดีมากๆ ตอนนี้พวกเรารีบไปสมัครเข้าสู่เจลเดม่อนฮอล์ให้กับเขากัน ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายได้รับผลประโยชน์จากหานเซิ่น ดังนั้นข้าเชื่อว่าเขาจะไม่ปฏิเสธคำขอเข้าร่วมของหานเซิ่น” หลี่เคอเอ๋อตอบอย่างดีใจ
หานเซิ่นและเป่าเอ๋อยังคงตกปลาอยู่ที่ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ หลี่เคอเอ๋อมอบเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ให้กับเป่าเอ๋อ ดังนั้นหานเซิ่นไม่จำเป็นต้องผลัดกันตกปลากับเธออีกต่อไป แต่หานเซิ่นยังคงรู้สึกหดหู่ หลังจากที่เขาตกคัมภีร์นภาอำพันขึ้นมาได้ ของอย่างอื่นที่เขาดึงขึ้นมาจากทะเลสาบก็เป็นขยะทั้งนั้น ชุดเกราะขึ้นสนิมและอาวุธที่หักเป็นภาพที่เห็นบ่อยๆ เขายังตกได้แม้กระทั่งเศษของรูปปั้นที่แตกหรืออะไรทำนองนั้น
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แย่เป็นพิเศษ ในครั้งนั้นหลังจากที่เส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ของเขากระตุก เขาก็รู้สึกว่ามันเป็นบางสิ่งที่หนักมากๆ นั่นทำให้เขาสันนิษฐานไปทันทีว่ามันต้องเป็นบางสิ่งที่มหัศจรรย์ เขาใช้เวลาอยู่ครึ่งวันเพื่อจะดึงมันขึ้นมา แต่หลังจากที่เขาดึงมันขึ้นมาได้ เขาก็เห็นว่ามันเป็นแค่รูปปั้นขาขาดที่สูงสามเมตร
ในบางครั้งเป่าเอ๋อสามารถตกชิ้นอัญมณีขึ้นมาได้ แต่หานเซิ่นไม่รู้ว่าพวกมันเอาไว้ใช้ทำอะไร
ตลอดเวลาที่พวกเขาตกปลากันอยู่นั้น หมูทั้งสิบหกตัวก็ยังคงตามติดเป่าเอ๋อ พวกมันกินขนมที่เป่าเอ๋อมอบให้กับพวกมันอยู่เป็นประจำ แต่พวกมันไม่โตขึ้นเลยสักนิดเดียว พวกมันแต่ละตัวยังคงมีขนาดเท่ากำปั้น พวกมันดูตัวเล็กน่ารัก แต่หานเซิ่นคิดว่าพวกมันไร้ประโยชน์ ถ้าพวกมันไม่ได้ใช้เวลาในการกินและนอน พวกมันก็แค่ตามหลังเป่าเอ๋อไปไหนมาไหนแค่นั้น
“พ่อมานี่เร็ว! หนูตกบางสิ่งได้ มันหนักมากๆ” จู่เป่าเอ๋อก็พูดขึ้นมา
หานเซิ่นรีบเข้ามาหาเธอและช่วยเธอดึงเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ขึ้นมา เขารู้สึกว่ามันเป็นบางสิ่งที่หนักมากจริงๆนั่นแหละ มันเหมือนกับว่าสิ่งที่อยู่ที่ปลายสายคือภูเขาลูกน้อยๆ
หานเซิ่นและเป่าเอ๋อใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อพยายามดึงเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ขึ้นมาจากทะเลสาบ หลังจากที่ดึงอยู่สักพักใหญ่ๆ ในที่สุดพวกเขาก็เห็นบางสิ่งค่อยๆขึ้นมาจากก้อนเมฆ พวกเขาเห็นส่วนมุมสี่มุมของมันโผล่ขึ้นมาจากเมฆหมอก
“นั่นมันอะไรกัน?” หานเซิ่นตกใจในตอนที่ได้เห็นมัน
จากที่มองเห็น หานเซิ่นสามารถบอกว่ามันเป็นวัตถุที่ทำขึ้นมาจากทองแดง ขณะที่วัตถุทองแดงนั้นค่อยๆถูกดึงขึ้นมา มันก็ปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานหานเซิ่นก็เห็นว่าวัตถุที่โผล่ขึ้นมานั้นเป็นหัวของรูปปั้นแกะ
และมันไม่ใช่เพียงแค่หัวแกะแค่ตัวเดียว ทั้งสี่มุมของวัตถุเป็นหัวของแกะ
‘สิ่งนี้…ดูเหมือนกับลูกบาศก์สี่แกะ’ หานเซิ่นคิดกับตัวเองในตอนที่วัตถุทองแดงปรากฏขึ้นมาให้เห็น
ปัง!
เสียงขาดของบางสิ่งดังขึ้นมา ถึงแม้วัตถุทองแดงจะเกือบถูกดึงขึ้นมาจากทะเลสาบแล้ว แต่การดึงก็ถูกหยุดไป เส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ที่ตกมันขึ้นมาได้นั้นขาด
หานเซิ่นมองดูลูกบาศก์สี่แกะจมกลับลงไปในเมฆหมอก เขาไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า แต่เขาเห็นว่าหัวของแกะทั้งสี่หัวดูเหมือนจะยิ้มอย่างแปลกๆให้กับเขา ขณะที่วัตถุทองแดงนั้นจมกลับลงไป
หานเซิ่นจ้องทะเลสาบด้วยความสับสน นี่เป็นครั้งแรกที่เส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ขาดง่ายๆแบบนี้ หานเซิ่นและเป่าเอ๋อตกปลาด้วยเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์หลายต่อหลายครั้ง แต่เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หานเซิ่นอยากจะไปถามกับหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิท แต่พวกเธอยังคงไม่กลับมา ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นนอกจากตกปลาต่อไป
“มันผ่านมาหลายวันแล้ว กุนซือไวท์น่าจะส่งข่าวกลับมาแล้ว เราควรจะขอให้หลี่เคอเอ๋อพาเราไปที่ทะเลทรายนั่นอีกครั้ง” หานเซิ่นพูดกับตัวเองขณะที่ตกปลาต่อไป เขารู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับคัมภีร์นภาอำพันที่ตกขึ้นมาได้
หานเซิ่นไม่จำเป็นต้องฝึกวิชาจีโนประหลาดนั่น เขาแค่ต้องใช้วิชาโลหิตชีพจรอย่างกลับตาลปัตรเท่านั้น มันเป็นอะไรที่โชคดีขนาดไหนที่เขาจะเจอวิชาจีโนใหม่ง่ายๆแบบนี้?
‘หวังว่าคัมภีร์นภาอำพันจะเป็นอะไรที่มีประโยชน์’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง แต่หลังจากนั้นจู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกของเป่าเอ๋ออีกครั้ง “พ่อ หนูตกบางสิ่งได้อีกแล้ว พ่อรีบมาช่วยหนูดึงมันขึ้นมาที!”
หานเซิ่นเห็นเป่าเอ๋อใช้มือจับเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์เอาไว้แน่น เธอดูพยายามดึงอย่างสุดแรง ดูเหมือนว่าเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์จะตกบางสิ่งที่หนักอึ้งขึ้นมาได้เหมือนกับก่อนหน้านี้
หานเซิ่นรีบเข้าไปช่วยเป่าเอ๋อดึงเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ขึ้นมา ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เธอตกได้ในครั้งนี้ มันก็หนักยิ่งกว่าลูกบาศก์สี่แกะซะอีก
หานเซิ่นและเป่าเอ๋อต่อสู้กับน้ำหนักที่มหาศาล มันเหมือนกับว่ามีพลังบางอย่างกำลังดึงสวนทางกับพวกเขา พวกเขาเริ่มจะจับเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์เอาไว้ไม่อยู่
หมูน้อยทั้งสิบหกตัวรีบเข้ามาช่วย พวกมันเรียงแถวกันและใช้ปากงับที่เส้นไหมอันเดอร์เวิลด์เพื่อช่วยพวกหานเซิ่นดึงมันขึ้นมาราวกับเป็นการแข่งขันชักเย่อครั้งใหญ่
คนสองคนและหมูสิบหกตัวดึงเส้นไหมอย่างสุดชีวิต หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ในที่สุดพวกเขาก็เห็นบางสิ่งขึ้นมาจากทะเลสาบ
ในตอนที่ได้เห็นมัน หานเซิ่นก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้นมา “มันเป็นลูกบาศก์สี่แกะอีกแล้ว!”
ตอนที่ 2690
“พวกเราตกมันได้อีกครั้ง!” หานเซิ่นแปลกใจ เขาคิดเกี่ยวกับลูกบาศก์สี่แกะที่ร่วงกลับลงไปด้วยใบหน้ายิ้มๆอย่างน่าขนลุก และมองไปที่หัวของแกะที่ถูกตกขึ้นมา
หานเซิ่นผงะด้วยความประหลาดใจ แกะทองแดงนี้มีคิ้วที่ต่ำกว่าและดวงตาก็ปิดอยู่ พวกมันดูเหมือนกับพระสงฆ์ที่กำลังทำสมาธิ พวกมันไม่ได้ยิ้มอย่างน่าขนลุกเหมือนกับก่อนหน้านี้
“นี่สีหน้าของหัวแกะทั้งสี่ต่างไปจากเดิมอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นสงสัยกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา เส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ขาดอีกครั้งหนึ่ง
หานเซิ่นมองดูลูกบาศก์สี่แกะจมกลับลงไปอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้เขาเห็นหัวแกะทองแดงอย่างชัดเจน ตอนนี้สีหน้าทำสมาธิของพวกมันได้หายไปแล้ว แกะทั้งสี่ยิ้มอย่างน่าขนลุกอีกครั้ง มันเหมือนกับว่าพวกมันหลี่ตาเพื่อมองมาที่พวกเขา
“เจ้าสิ่งนั้นมีชีวิต?” หานเซิ่นตั้งคำถามอย่างสงสัย แต่ก่อนที่เขาจะได้ตรวจสอบมันมากกว่านั้น ลูกบาศก์สี่แกะก็หายไปในทะเลสาบอีกครั้งหนึ่ง
“นี่มันแปลกจริงๆ ทำไมพวกเราถึงตกของสิ่งเดิมได้ถึงสองครั้งติดต่อกัน? และทำไมเจ้าสิ่งนั้นถึงดูเหมือนกับว่ามีชีวิต? นี่จริงๆแล้วมันมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในโลกปฏิสสารด้วยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นครุ่นคิด เขาไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์มากนัก ดังนั้นเขาจะต้องรอให้หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทกลับมา
หลังจากนั้นเป่าเอ๋อก็ตกลูกบาศก์สี่แกะขึ้นมาได้อีกหลายครั้ง แต่พวกเขาไม่สามารถดึงมันขึ้นมาจากทะเลสาบได้ เส้นไหมอันเดอร์เวิลด์นั้นมักจะขาดซะก่อน และทำให้ลูกบาศก์สี่แกะร่วงกลับลงไปในทะเลสาบ
ส่วนทางด้านหานเซิ่น เขายังคงตกได้แต่ขยะที่ไร้ประโยชน์
สัญลักษณ์บนรูปปั้นหยกเรืองแสงขึ้นมา และทำให้หานเซิ่นรู้ตัวว่าหลี่เคอเอ๋อกับเอ็กซ์ควิสิทกำลังกลับมา ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เห็นพวกเธอเทเลพอร์ตมาถึงชายฝั่งของทะเลสาบ
“หานเซิ่น ข้าเข้าใจว่าเจ้าอยากจะล่าซีโน่เจเนอิคมาโดยตลอดใช่ไหม? พวกเราได้เตรียมสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับเจ้า มันมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟให้เจ้าล่าได้อย่างปลอดภัย เจ้าจะมีโอกาสได้จัดการซีโน่เจเนอิคตามลำพัง” หลี่เคอเอ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม
“มันมีสถานที่ดีๆแบบนั้นอยู่ด้วยอย่างนั้นหรอ? ทำไมพวกเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่หลี่เคอเอ๋อด้วยความสงสัย
“ก่อนการประลองระหว่างตัวไหม มันเป็นสถานที่ที่เจ้าไม่มีสิทธิ์จะเข้าไป แต่ตอนนี้เมื่อเจ้าได้รับอันดับที่หนึ่งในการประลอง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป” หลี่เคอเอ๋ออธิบาย
“แบบนี้นี่เอง” หลังจากนั้นหานเซิ่นก็นึกย้อนไปถึงลูกบาศก์สี่แกะ ดังนั้นเขาจึงถามพวกเธอเกี่ยวกับเรื่องนั้น
เมื่อพวกเธอได้ยินเรื่องราว ใบหน้าของทั้งหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทก็เปลี่ยนเป็นสีเทา เอ็กซ์ควิสิทมองมาที่หานเซิ่นและถาม “ลูกบาศก์สี่แกะที่เจ้าตกขึ้นมาได้… มันมีความสูงสามถึงสี่เมตรใช่ไหม?”
เอ็กซ์ควิสิทเริ่มบรรยายเกี่ยวกับลูกบาศก์สี่แกะที่เธอกำลังคิด และปรากฏว่ามันเป็นสิ่งเดียวกับที่หานเซิ่นได้เห็น
“ใช่ ลูกบาศก์อันนั้นแหละ มันมีปัญหาอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นถามเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของพวกเธอ เขารู้ว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลกับเรื่องนี้
หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทมองหน้ากัน หลังจากนั้นเอ็กซ์ควิสิทก็พูดขึ้นว่า “ลูกบาศก์สี่แกะนั่นเป็นสิ่งที่พวกเราเวรี่ไฮเคยตกได้มาก่อน…”
หลังจากพูดแบบนั้น เอ็กซ์ควิสิทก็เงียบไป
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?” หานเซิ่นถาม
“ให้ข้าอธิบาย” หลี่เคอเอ๋อมองไปที่หานเซิ่นด้วยใบหน้าแปลกๆและพูด
“คนของพวกเราเคยตกได้ลูกบาศก์สี่แกะมาก่อน แต่สิ่งนั้นไม่ใช่ลางของความโชคดี เวรี่ไฮทุกคนที่ตกลูกบาศก์สี่แกะขึ้นมาได้มักจะประสบกับความโชคร้ายบางอย่าง”
หานเซิ่นตกใจ เขาขมวดคิ้วและถาม “เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา? นี่พวกเขาได้รับบาดเจ็บหรือถูกฆ่าตายอย่างนั้นหรอ?”
หลี่เคอเอ๋อส่ายหัว “พวกเขาไม่ได้บาดเจ็บหรือถูกฆ่า จากประวัติศาสตร์ของเผ่าเวรี่ไฮ มันมีเวรี่ไฮสามคนที่ตกลูกบาศก์สี่แกะขึ้นมาได้ หนึ่งในพวกเขาคือผู้ก่อตั้งเผ่านภาและปราสาทนภา”
“นั่นเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอ? ทำไมเจ้าถึงบอกว่านั่นเป็นความโชคร้าย?”
หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าเธอพยายามจะบอกอะไร การสร้างเผ่าพันธุ์หนึ่งที่กลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้นั้นถือเป็นเรื่องดี แบบนั้นทำไมพวกเธอถึงบอกว่านั่นเป็นความโชคร้าย?”
หลี่เคอเอ๋อยิ้มแห้งๆและพูดต่อ “เวรี่ไฮคนที่สองที่ตกลูกบาศก์สี่แกะขึ้นมาได้นั้นมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับเขา มันทำให้เขาฆ่าพ่อแม่ของตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็ทรยศเผ่าเวรี่ไฮ”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ หลี่เคอเอ๋อก็พูด “คนที่สามที่ตกลูกบาศก์สี่แกะขึ้นมานั้นขโมยสมบัติที่สำคัญของเผ่าเวรี่ไฮ หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไป เขาหายตัวไปที่ไหนนั้นไม่มีใครรู้”
“เจ้าจะบอกว่าเวรี่ไฮคนที่ตกลูกบาศก์สี่แกะขึ้นมาได้จะทรยศเผ่าเวรี่ไฮอย่างนั้นหรอ” ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมการตกลูกบาศก์สี่แกะขึ้นมาได้ถึงเป็นลางของความโชดร้าย
“ถึงแม้มันจะไม่มีหลักฐาน แต่มันก็มีบันทึกที่ยืนยันว่าลูกบาศก์สี่แกะนั้นเกี่ยวข้องกับทั้งสามคน” เอ็กซ์ควิสิทยิ้มแห้งๆ
หานเซิ่นไออย่างเก้ๆกังๆ “ข้าไม่ใช่คนเผ่าเวรี่ไฮ วันหนึ่งข้าจะจากไป นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าทรยศพวกเจ้าถูกไหม?”
เอ็กซ์ควิสิทเงียบไปสักพัก หลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า “เวรี่ไฮทั้งสามคนเคยตกลูกบาศก์สี่แกะขึ้นมาได้เพียงแค่ครั้งเดียว พวกเขาไม่เคยเห็นมันอีกหลังจากนั้น แต่เจ้าดูเหมือนจะตกมันขึ้นมาได้ถึงหกครั้ง ถึงแม้เรื่องการทรยศอาจจะเป็นเพียงแค่การคาดเดา แต่สิ่งนี้ถูกคำนึงว่าเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเผ่าพันธุ์ของพวกเรา เจ้าและเป่าเอ๋อไม่ควรพูดถึงเรื่องที่พวกเจ้าตกลูกบาศก์สี่แกะขึ้นมาได้อีก”
หานเซิ่นพยักหน้า ในตอนแรกเขาคิดว่ามันอาจจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เขาไม่ได้รู้ว่าจริงๆแล้วมันถือเป็นลางร้าย เขาจะไม่พูดถึงสิ่งที่ตกขึ้นมาได้กับใครอีก
แต่ถึงจะพูดแบบนั้น เขาก็ไม่ได้รู้จักใครคนอื่นในเผ่าพันธุ์เวรี่ไฮ ดังนั้นถึงแม้เขาอยากจะบอกใครสักคน มันก็ไม่มีใครที่เขาสามารถบอกได้
“ไปกันเถอะ พวกเจ้าทั้งคู่ควรจะไปจากทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์สักพัก”
เอ็กซ์ควิสิทพูดกับพวกเขา หลังจากนั้นเธอก็เทเลพอร์ตหานเซิ่นและเป่าเอ๋อออกไปจากทะเลสาบ
หานเซิ่นถามหลี่เคอเอ๋อเกี่ยวกับสถานที่ที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไป มันเป็นสถานที่ที่ถูกรู้จักกันในชื่อเจลเดม่อนฮอลล์ และเขาก็ถามเกี่ยวกับซีโน่เจเนอิคที่สามารถล่าได้ เขาได้รู้ว่าสถานที่แห่งนั้นเคยเป็นเพียงแค่ถ้ำๆหนึ่ง แต่เผ่าเวรี่ไฮได้สร้างปราสาทขึ้นบนถ้ำๆนั้น
แต่การเรียกสิ่งก่อสร้างนั่นว่า “ปราสาท” อาจจะเป็นอะไรที่ผิดไปหน่อย ในความจริงแล้วมันเหมือนกับคุกมากกว่า มันมีซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำใต้เจลเดม่อนฮอลล์มาเป็นเวลายาวนาน ซีโน่เจเนอิคตัวนี้ขาดพลังที่จะหนีออกมาจากคุก แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันก็ได้เรียนรู้วิธีการสร้างร่างโคลนที่จะเข้าไปในปราสาทที่อยู่เหนือถ้ำได้สำเร็จ ร่างโคลนที่ถูกสร้างขึ้นเป็นระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ เผ่าเวรี่ไฮนั้นจำเป็นต้องส่งคนไปในเจลเดม่อนฮอลล์เป็นระยะๆเพื่อฆ่าร่างโคลนและทำให้แน่ใจว่าซีโน่เจเนอิคตัวนั้นจะหนีออกมาไม่ได้
หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทได้จัดการเรื่องเอกสารการขออนุญาตเข้าไปล่าในเจลเดม่อนฮอลล์เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เมื่อคำขอของพวกเธอได้รับการอนุมัติ หานเซิ่นก็ได้รับโอกาสให้ล่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตามลำพัง
‘ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟอย่างนั้นหรอ? เราควรจะทดสอบพลังของเซ็ตอะพอลโลกับมัน และเรายังจะได้รับยีนซีโน่เจเนอิคมาด้วย นั่นเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว’ หานเซิ่นคิดอย่างมีความสุข
วิญญาณอสูรเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูงและธนูงูหกคอร์นั้นไม่ใช่สิ่งที่หานเซิ่นจะนำออกมาใช้ได้ ขณะที่หลี่เคอเอ๋อหรือเอ็กซ์ควิสิทยังอยู่รอบๆ เขาไม่อยากให้พวกเธอรู้สึกตัวว่าวิญญาณอสูรและสมบัติซีโน่เจเนอิคนั้นแตกต่างกัน
เซ็ตอะพอลโลที่เขาได้รับมาใหม่นี้จะช่วยเหลือหานเซิ่นอย่างมากในการเก็บความลับของเขา
พวกเขาทั้งสี่เดินทางไปที่เจลเดม่อนฮอลล์ ที่นั่นหลี่เคอเอ๋อรับตัวเป่าเอ๋อจากหานเซิ่นเพื่อให้เขาเข้าไปล่าในเจลเดม่อนฮอลล์ตามลำพัง พวกเธอจะรอคอยอยู่ด้านนอก
หานเซิ่นไม่ได้หวาดระแวงอะไร เขาคิดว่าพวกเธอแค่ต้องการจะได้รับประสบการณ์การต่อสู้ของเขามากขึ้น และนั่นเป็นเหตุผลที่พวกเธอขอให้เขาไปฆ่าร่างโคลนของซีโน่เจเนอิค ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงเปิดประตูเข้าไปสู่เจลเดม่อนฮอลล์อย่างไม่ลังเล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น