Super God Gene 2656-2669
ตอนที่ 2656
“นี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการ แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่ถูกต้อง ฉันใช้วิญญาณอสูรไม่ได้ ฉันจำเป็นต้องใช้พลังของตัวเองเพื่อต่อสู้กับมัน แต่นั่นไม่เพียงพอที่จะเอาชนะด้วงดาราระดับเทพเจ้า” หานเซิ่นลำบากใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ด้วงดารามีพลังป้องกันสูงมากๆ แม้แต่ด้วงดาราระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟก็มีเปลือกที่แข็งแกร่งกว่าเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟส่วนใหญ่ ถึงแม้หานเซิ่นจะใช้เสื้อคลุมวิญญาณราชาขนนกหรือธนูงูหกคอร์ การจะเจาะทะลวงเปลือกของมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมมันเขายังไม่สามารถใช้พวกมันได้ในตอนนี้
“อย่าได้แม้แต่จะคิดเกี่ยวกับการจัดการกับด้วงดาราระดับเทพเจ้านั่น เราควรจะจดจ่อกับด้วงดาราระดับราชันเพื่อจะได้รับผลไม้ดารา” หานเซิ่นพูดกับตัวเองและมองไปรอบๆ
หานเซิ่นไม่รู้ว่าด้วงดาราพวกนั้นมาจากที่ไหน แต่พวกมันมีอยู่เป็นจำนวนมากจริงๆ ในตอนแรกหานเซิ่นกังวลว่าบนต้นไม้อาจจะไม่มีด้วงดาราหนึ่งพันตัวให้ฆ่า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันมีด้วงดาราอย่างน้อยหมื่นตัวกำลังลงมาบนต้นไม้
ในตอนที่ด้วงดารามาถึงต้นไม้ พวกมันก็กระจายตัวกันออกไปบนใบ กิ่งก้านและผลของต้นไม้ และถึงแม้ต้นไม้ดาราจะแข็งแรงมากๆ แต่เขี้ยวของพวกมันก็คมพอจะทิ้งรอยกัดเอาไว้บนเปลือกไม้ ในตอนนี้มันอาจจะดูไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร แต่ถ้าพวกมันกัดแทะต้นไม้ทุกวันๆ มันก็คงจะขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่ต้นไม้จะโค่นลงมา
หานเซิ่นยังคงฆ่าพวกแมลงต่อไป เขาฆ่าด้วงดาราไปมากมาย ในเวลาสามถึงสี่ชั่วโมง เขาก็ฆ่าไปได้ทั้งหมดห้าร้อยตัว และเขายังได้รับวิญญาณอสูรมาอีกสามดวง
‘ดูเหมือนว่าเราคงจะฆ่าด้วงดาราได้สองพันตัวก่อนที่เวลาจะหมด นั่นหมายความว่าเราจะได้รับผลไม้ดารายี่สิบลูก แต่ผลไม้ดารามีขนาดใหญ่โต อย่างนั้นเราจะขนพวกมันกลับไปได้ยังไง?’ ขณะที่หานเซิ่นครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งกำลังเข้ามาหาเขาจากด้านหลัง เขารีบเทเลพอร์ตหนีไปในทันที
หลังจากที่เขาเทเลพอร์ตไปแล้ว ด้วงดาราระดับเทพเจ้าก็มาถึงตำแหน่งเก่าของเขา มันบินลงมาบนกิ่งของต้นไม้และดวงตาสีฟ้าของมันก็จ้องมาที่ตำแหน่งใหม่ของหานเซิ่น
“โอ้ไม่นะ! ทำไมเจ้าตัวนี้ถึงหมายตาเรา?” หานเซิ่นจงใจหลีกเลี่ยงด้วงดาราระดับเทพเจ้าขณะที่เขาเคลื่อนที่ลงมาด้านล่างของต้นไม้ เขาไม่ได้คาดคิดว่าด้วงตัวนี้จะพยายามลอบโจมตีเขา
หานเซิ่นไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับมันมากนัก เพราะด้วงดาราระดับเทพเจ้าเริ่มจะโจมตีเขาอีกครั้งแล้ว ร่างกายสีฟ้าของมันกลายเป็นสายฟ้าที่พุ่งเข้าไปหาหานเซิ่น
หานเซิ่นไม่รวดเร็วพอจะหลบหลีกการพุ่งชนของด้วงระดับเทพเจ้า เขาต้องเทเลพอร์ตหนีไปอีกครั้งเพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างเขากับด้วงระดับเทพเจ้า และเขาไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เขาเทเลพอร์ตหนีไปอีกครั้งเพื่อเพิ่มระยะห่างจากเจ้าแมลงขึ้นอีก
แต่ด้วงดาราระดับเทพเจ้าไม่คิดจะปล่อยหานเซิ่นไป มันยังคงพยายามจะโจมตีใส่เขาต่อไป ความสามารถในการเทเลพอร์ตของหานเซิ่นไม่ไกลมากพอ ทำให้เขาไม่สามารถสลัดด้วงดาราระดับเทพเจ้าหลุดไปได้ ทุกครั้งที่หานเซิ่นปรากฏตัวจากการเทเลพอร์ต ด้วงดาราระดับเทพเจ้าก็จะพุ่งเข้าใส่เขาราวกับลำแสงสีฟ้า หานเซิ่นไม่มีทางเลือกนอกจากเทเลพอร์ตต่อไป เขาไม่มีเวลาไปล่าด้วงดาราระดับราชันอีกแล้ว เพราะในตอนนี้เขาต้องใช้สมาธิไปกับการรับมือศัตรูระดับเทพเจ้า
หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เนื่องจากเขาถูกไล่ล่าโดยด้วงดาราระดับเทพเจ้า ทำให้เขาพลาดโอกาสที่จะฆ่าด้วงดาราระดับราชันตัวอื่นๆ ถ้าเขาฆ่าด้วงไม่ครบหนึ่งพันตัว เขาก็ไม่แน่ใจว่าชายแก่จะอนุญาตให้เขาเก็บผลไม้ดาราไปไหม
“แปลกจริงๆ ทำไมด้วงดาราระดับเทพเจ้าตัวนี้ถึงไม่ยอมปล่อยเราไป?”
หานเซิ่นขมวดคิ้ว มันเหมือนกับว่าเจ้าแมลงตัวนี้ถูกบังคับให้จู่โจมเขาอย่างไรอย่างนั้น
“นี่มันแปลกๆ ทำไมด้วงดาราระดับเทพเจ้าตัวนี้ถึงเอาแต่ไล่ล่าหานเซิ่น?” เอ็กซ์ควิสิทสับสนเช่นกัน ด้วงดาราไม่ค่อยมีสติปัญญา และการที่พวกมันหาต้นไม้ดาราเจอก็เป็นเพราะสัญชาตญาณเท่านั้น ถ้าสติปัญญาของพวกมันสูงกว่านี้ พวกเขาก็คงจะหนีไปเมื่อพวกมันสัมผัสได้ถึงชายแก่ที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้
หลี่อวี้เจินหัวเราะกับตัวเอง ในจังหวะที่ฝูงด้วงดาราบินลงมา เขาและหานเซิ่นเห็นพวกมันด้วยกันทั้งคู่ หลังจากที่สังเกตเห็นด้วงดาราระดับเทพเจ้า ไอเดียอย่างหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา
เขาไม่ได้มีพลังจะควบคุมด้วงดาราระดับเทพเจ้า แต่เขาไม่จำเป็นต้องควบคุมมัน เขาแค่จำเป็นต้องมอบเป้าหมายให้กับเจ้าแมลง หานเซิ่นกำลังล่าด้วงดาราอยู่และกลิ่นของด้วงที่ตายไปก็ยังคงเกาะอยู่ตามร่างกายของเขา หลี่อวี้เจินเพียงแค่ใช้เทคนิคลับเพื่อทำให้ด้วงระดับเทพเจ้าดมกลิ่นของด้วงที่ตายไปได้ง่ายขึ้น แบบนั้นมันจะถูกดึงดูดไปที่หานเซิ่นแต่เพียงผู้เดียว
“การปรากฏตัวของด้วงดาราระดับเทพเจ้าตัวนี้ช่วยลดปัญหาของเราลงไปมาก เพราะยังไงซะเราก็จำเป็นต้องสั่งสอนบทเรียนให้กับเขา ตอนนี้เราไม่แม้แต่จะต้องทำมันด้วยตัวเอง” หลี่อวี้เจินหยุดให้ความสนใจหานเซิ่นและกลับไปใช้สมาธิกับการล่าด้วงดาราระดับราชันต่อ
ถึงแม้หานเซิ่นจะสามารถหนีจากการโจมตีของด้วงดาราได้ แต่เขาไม่มีเวลาไปฆ่าด้วงดาราระดับราชันอีกต่อไป
ชายแก่หลี่ตา แต่ใบหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง เทคนิคของหลี่อวี้เจินถูกใช้อย่างลับๆ แต่มันไม่มีทางเล็ดลอดไปจากสายตาของเขา แต่ถึงอย่างนั้นชายแก่ก็ยังคงไม่พูดอะไร
เขาไม่ได้สนใจความบาดหมางระหว่างชายหนุ่มทั้งสองคน เขาแค่ต้องการคนที่สามารถปกป้องต้นไม้ดาราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับตอนนี้ผลงานของหลี่อวี้เจินถือว่าไม่เลว ความสามารถของเขาสูงกว่าคนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกัน เขาพอจะรับหน้าที่เป็นคนเฝ้าต้นไม้ดาราได้
เทคนิคที่เขาใช้กับหานเซิ่นเป็นอะไรที่ไม่ยุติธรรม แต่มันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของเขา
หานเซิ่นรู้ว่าไม่สามารถปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ดำเนินต่อไปได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะไม่มีเวลาไปฆ่าด้วงตัวอื่น ซึ่งจะทำให้เขาไม่ผ่านการทดสอบ
‘ถ้าเรากำจัดมันไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเราก็แค่ต้องเมินเฉยต่อมัน’ สมองของหานเซิ่นเริ่มคิดคำนวณอย่างรวดเร็ว
เอ็กซ์ควิสิทกังวลเกี่ยวกับหานเซิ่น แต่สิ่งที่เขาทำต่อไปทำให้เอ็กซ์ควิสิทตกใจยิ่งกว่าเดิม
ขณะที่ยังคงถูกไล่ล่าโดยด้วงระดับเทพเจ้าอยู่นั้น หานเซิ่นก็เคลื่อนที่เข้าไปหาด้วงระดับราชันตัวหนึ่งหลังจากที่หลบหลีกการโจมตีครั้งต่อไปได้แล้ว
จากมุมมองของคนอื่น มันอาจจะดูเหมือนกับเรื่องบังเอิญ ในตอนที่หานเซิ่นหลบหลีกนั้น เขาแค่ไปเจอเข้ากับด้วงระดับราชันและฆ่ามันโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่เขาจะเทเลพอร์ตหนีการโจมตีครั้งต่อไปของด้วงระดับเทพเจ้า ทุกอย่างเป็นไปอย่างไหลลื่นจนดูเหมือนกับเป็นเรื่องบังเอิญ
แต่เอ็กซ์ควิสิทสัมผัสได้ถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิดอย่างชัดเจน นี่ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ หานเซิ่นวางแผนในทุกการเคลื่อนไหวที่ทำ
ขณะที่ถูกไล่ล่าโดยซีโน่เนเจอิคระดับเทพเจ้า หานเซิ่นยังคงมีเวลาวางแผนทั้งหมดนั้น เอ็กซ์ควิสิทได้รับรู้ถึงวิธีการคิดของเขา แต่ถ้าเธอตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเขา เธอก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทำแบบนั้นได้
ชายแก่ดูตกตะลึงเล็กน้อยหลังจากที่ได้เห็นการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของหานเซิ่น
ภายใต้การถูกไล่ล่าโดยด้วงระดับเทพเจ้า หานเซิ่นสังหารด้วงระดับราชันอีกตัวหนึ่งได้ และการโจมตีของเขาก็ยังคงแม่นยำเหมือนกับครั้งก่อนๆ การจู่โจมของด้วงระดับเทพเจ้าไม่ได้ลดความแม่นยำของเขาลงเลย เขายังคงรักษาความแม่นยำที่เหมือนกับมีดฝ่าตัดเอาไว้ได้
“เขาเป็นคนหนุ่ม แต่เขายังคงเยือกเย็นอยู่ได้ในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่ได้ตื่นตระหนกและยังคงทำทุกอย่างตามแผนการ คริสตัลไลเซอร์คนนี้เป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง เจ้าเลือกตัวไหมได้ยอดเยี่ยมมาก” ชายแก่พูดกับเอ็กซ์ควิสิท
ตอนที่ 2657
ขณะที่หลี่อวี้เจินยังคงล่าด้วงดาราอยู่นั้น เขายังคงได้ยินเสียงคำรามของด้วงระดับเทพเจ้าอยู่เป็นระยะๆ
“ไม่เลว เขาเอาตัวรอดได้นานขนาดนี้ แต่ทำไมเขาถึงไม่พยายามหนีไปจากต้นไม้ดารากันนะ?” หลี่อวี้เจินพึมพำกับตัวเอง เขาแค่มองไปในทิศทางของหานเซิ่น แต่ไม่ได้เข้าไปหา
ด้วงดาราระดับเทพเจ้าไล่ล่าหานเซิ่นก็เพราะหลี่อวี้เจินไปกระตุ้นกลิ่นของด้วงที่ตายไป ซึ่งหลี่อวี้เจินเองก็ฆ่าด้วงดาราไปเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนั้นด้วงดาราก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงมันเช่นเดียวกัน
โชคดีที่หลี่อวี้เจินอยู่ไกลออกไป และเขาก็ใช้วิชาลับเพื่อระงับกลิ่นที่อยู่รอบๆตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นถ้าเขาเข้าไปใกล้ด้วงระดับเทพเจ้ามากเกินไป มันก็มีโอกาสที่ด้วงระดับเทพเจ้าจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นบนตัวของเขาและหันมาไล่ล่าเขาแทน
ดังนั้นหลี่อวี้เจินจึงพยายามอยู่ห่างจากบริเวณที่หานเซิ่นอยู่ เขาไม่ได้รู้สึกตัวว่าแผนการที่จะหยุดหานเซิ่นนั้นจริงๆแล้วไม่ได้ผลดีเท่าไหร่นัก
หานเซิ่นหลบหลีกการโจมตีของด้วงระดับเทพเจ้า และในขณะเดียวกันเขาก็ยังคงฆ่าด้วงระดับราชันที่พบเจอไปด้วย เขาจัดการพวกมันรวดเร็วยิ่งกว่าหลี่อวี้เจินซะอีก
ชายแก่ที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้มองด้วยความประหลาดใจ ด้วงดาราระดับเทพเจ้านั้นไล่ล่าหานเซิ่นเป็นเวลานานและทำการโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีการโจมตีแม้แต่ครั้งเดียวที่สร้างความเสียหายกับต้นไม้
เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นเพราะหานเซิ่นหลอกล่อเจ้าแมลงอย่างระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นการโจมตีของด้วงดาราระดับเทพเจ้าก็อาจจะไปสร้างความเสียหายกับต้นไม้เข้า
ชายแก่รู้สึกชื่นชมหานเซิ่นยิ่งกว่าเดิม ถึงแม้หลี่อวี้เจินจะเก่งมากเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับหานเซิ่นแล้ว ชายแก่คิดว่าหลี่อวี้เจินยังขาดบางสิ่ง มันไม่ใช่ว่าหานเซิ่นแข็งแกร่งกว่า แต่มันมีบางสิ่งเกี่ยวกับความสามารถของเขาที่ทำให้เขาเหนือกว่าคนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกัน
หานเซิ่นอาจจะไม่ได้เหนือกว่าหลี่อวี้เจินมากนักในเรื่องพลัง แต่วิธีการรับมือกับปัญหาของหานเซิ่นเป็นอะไรที่โดดเด่น ถ้าหลี่อวี้เจินตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกัน เขาก็คงจะทำได้ไม่ดีเหมือนอย่างกับหานเซิ่น
“เอ็กซ์ควิสิท ข้าขอยืมตัวไหมของเจ้าได้ไหม?” ชายแก่ถามเอ็กซ์ควิสิทอย่างจริงจัง
“ท่านลุงหมายความว่ายังไง?” เอ็กซ์ควิสิทพอจะรู้ว่าชายแก่นั้นหมายถึงอะไร แต่มันดูเกินจริงไปหน่อย
“ข้าอยากให้เขาเป็นคนเฝ้าต้นไม้ดาราเป็นเวลาหนึ่งปี ถ้าเกิดผ่านไปหนึ่งปีแล้วข้ายังไม่กลับมา พวกเจ้าทั้งคู่ก็จะได้เป็นเจ้าของต้นไม้จนกระทั่งข้ากลับมา” ชายแก่พูดอย่างหนักแน่น
เอ็กซ์ควิสิทจ้องไปที่ชายแก่ เธอไม่อยากเชื่อว่าเขาจะตัดสินใจแบบนั้น การให้ตัวไหมมาเป็นคนเฝ้าต้นไม้ดาราหรือได้เป็นเจ้าของครึ่งหนึ่งนั้นเป็นบางสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ท่านลุงแน่ใจหรือว่าต้องการให้เขาเป็นคนรับผิดชอบต้นไม้ดารา?” เอ็กซ์ควิสิทไม่อยากจะเชื่อ ดังนั้นเธอจึงถามเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ ข้าคิดดีแล้ว เขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ เจ้ายินดีจะให้เขาเฝ้าอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปีไหม?” ชายแก่ตอบอย่างมั่นใจ
“ถ้าท่านลุงตัดสินใจแบบนี้ ข้าก็ไม่กล้าจะปฏิเสธ” เอ็กซ์ควิสิทพูดติดขัดเล็กน้อย เนื่องจากไม่แน่ใจว่าสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง
หานเซิ่นเป็นตัวไหมของเธอ เธอควรจะช่วยเขาหาทรัพยากรที่จำเป็น แต่ตอนนี้หานเซิ่นได้รับสิทธิ์ให้เป็นคนเฝ้าต้นไม้ดาดรา และถ้าชายแก่ไม่กลับมาในหนึ่งปี หานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทก็จะได้ครอบครองต้นไม้ดาราอย่างสมบูรณ์ สำหรับเอ็กซ์ควิสิทแล้วต้นไม้ดาราถือเป็นอะไรที่มีค่ามากๆ
เอาท์เตอร์สกายนั้นอุดมไปด้วยทรัพยากร แต่มันก็เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย ด้วยกฎของเผ่าเวรี่ไฮ หลังจากที่เธอเลือกตัวไหมได้แล้ว เธอจะต้องหาทรัพยากรด้วยตัวเอง ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆในสถานที่อย่างเอาท์เตอร์สกาย
แต่ต้นไม้ดารานั้นต่างออกไป ทั้งหมดที่เธอต้องทำก็คือเลือกผลไม้สักลูก ซีโน่เจเนอิคที่อยู่ภายในไม่ได้เป็นอะไรที่อันตรายเหมือนกับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่ถูกพบได้ในโลกภายนอกเช่นกัน
เวลาที่ถูกกำหนดใกล้เข้ามา เนื่องจากความสามารถในการเทเลพอร์ตของหานเซิ่นถูกจำกัดในระยะสั้นๆ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงกลับลงมาจากต้นไม้ก่อนล่วงหน้าหนึ่งชั่วโมงเพื่อให้ทันเวลาที่ชายแก่กำหนด
ด้วงระดับเทพเจ้าหยุดไล่ล่าหานเซิ่นหลังจากที่เขากลับไป
หลี่อวี้เจินไม่ได้ยินเสียงของด้วงดาราระดับเทพเจ้าอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงรับรู้ว่าในที่สุดหานเซิ่นก็ลงไปจากต้นไม้
“มันมีประโยชน์อะไรที่รอจนถึงตอนนี้? นี่เขาปล่อยให้ตัวเองถูกไล่โดยซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าเกือบทั้งวัน แบบนั้นมันไม่มีทางที่เขาจะผ่านการทดสอบของผู้อาวุโส” หลี่อวี้เจินพูดกับตัวเองขณะที่ยังคงล่าด้วงดาราต่อ เมื่อถึงเวลาที่กำหนด เขาก็เทเลพอร์ตกลับลงมาหาชายแก่
เนื่องจากหานเซิ่นใช้วิธีบินกลับมา เขาจึงมาถึงผู้อาวุโสพร้อมๆกับหลี่อวี้เจิน
“ท่านลุง ข้าฆ่าด้วงดาราระดับราชันได้สองพันสี่ร้อยสิบหกตัว นี่ข้าผ่านการทดสอบใช่ไหม?” หลี่อวี้เจินโค้งคำนับต่อหน้าชายแก่
ชายแก่พยักหน้าและพูด “ดูเหมือนว่าเสี่ยวฉวี่จะสอนศิษย์ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้เจ้าจะไม่ได้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ แต่พลังของเจ้าก็ไม่ได้แย่ไปกว่าคนที่ฝึก”
หลี่อวี้เจินดีใจหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น คำชมเชยจากผู้อาวุโสเป็นบางสิ่งที่ควรจะดีใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนอย่างหลี่อวี้เจิน
แถมชายแก่ยังฟังดูพึงพอใจอย่างมากกับความสามารถของเขา ตอนนี้หลี่อวี้เจินมั่นใจแล้วว่าตัวเองจะได้เป็นคนดูแลต้นไม้ดาราต่อจากผู้อาวุโสคนนี้
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ ข้าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นอาจารย์ก็คงจะไม่แนะนำให้ข้ามาที่นี่เพื่อแสดงความสามารถให้ท่านลุงได้เห็น” หลี่อวี้เจินพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง
ชายแก่หยุดไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “แต่…ข้าได้พบคนที่จะดูแลต้นไม้ต่อจากข้าเรียบร้อยแล้ว เจ้าช่วยไปขอบคุณเสี่ยวฉวี่แทนข้าที”
หลี่อวี้เจินกำลังรู้สึกอวดดีเมื่อครู่นี้ แต่หลังจากที่ได้ยินอย่างนั้น เขาก็คิดว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เขาคงจะต้องฟังชายแก่ผิดไป
“ท่านลุงจะบอกว่าท่านลุงพบคนที่จะมาดูแลต้นไม้ดาราแล้วอย่างนั้นหรอ?”
หลี่อวี้เจินลังเล แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงถามออกไป เขารู้ว่ามันไม่สมควรที่จะตั้งคำถามแบบนั้น แต่หลี่อวี้เจินกำลังสบสันอย่างมาก ถ้าชายแก่เลือกคนๆหนึ่งเอาไว้แล้ว ทำไมถึงต้องลำบากทำการทดสอบอีก?
ชายแก่พยักหน้าและพูด “ใช่ ข้าได้พบคนๆหนึ่งที่เหมาะสมจะดูแลต้นไม้ดาราต่อจากข้า ข้าต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เจ้าต้องมาลำบาก เชิญเจ้ารับผลไม้ดาราสิบลูกกลับไป นั่นถือเป็นการขออภัยต่อเจ้าในฐานที่ข้าทำให้เจ้าต้องมาที่นี่โดยเสียเปล่า”
“มาที่นี่โดยเสียเปล่า?” หลี่อวี้เจินไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองยังไงกับเรื่องนี้
หลังจากนั้นชายแก่ก็ชี้ไปที่หานเซิ่นและพูด “ข้าได้ตัดสินใจให้เขาเป็นคนรับหน้าที่ดูแลต้นไม้ดาราต่อจากข้า”
“อะไรนะ…เขา…?” หลี่อวี้เจินมองหานเซิ่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่สามารถเชื่อได้ว่าหานเซิ่นจะเป็นคนที่ถูกเลือก ชายแก่นั้นเลือกตัวไหมคนหนึ่งให้มาเป็นคนดูแลต้นไม้ดารา
หานเซิ่นแปลกใจเช่นเดียวกันเมื่อได้ยินชายแก่พูดแบบนั้น เขาไม่ได้คาดคิดว่าตัวเองจะได้เป็นคนดูแลต้นไม้เช่นกัน เพราะนี่มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา เขาแค่ทำการทดสอบเพื่อจะรับผลไม้ดารา
“นี่ท่านลุงเพิ่งจะทำการตัดสินใจในเรื่องนี้อย่างนั้นหรอ?”
หลี่อวี้เจินพยายามจะเก็บความโกรธเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงถามขึ้นมา เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองด้อยกว่าหานเซิ่นตรงไหน ถึงได้ทำให้ชายแก่เลือกตัวไหมมาเป็นคนดูแลต้นไม้ดาราแทนที่จะเป็นเขา นอกจากนั้นหานเซิ่นก็ไม่ผ่านการทดสอบที่ชายแก่มอบให้ด้วยซ้ำ
หลี่อวี้เจินคิดหานเซิ่นคงจะฆ่าด้วงดาราระดับราชันได้ไม่ถึงหนึ่งพันตัว มันไม่มีทางที่เขาจะผ่านการทดสอบไปได้
ตอนที่ 2658
“ใช่” ชายแก่รู้ว่าหลี่อวี้เจินกำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากหยุดไปชั่วครู่เขาก็พูดขึ้นมา
“หานเซิ่นทำได้ดีกว่าเจ้า ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเหมาะสมจะมาดูแลต้นไม้ดารามากกว่า”
“นั่นเป็นไปไม่ได้! ข้าเดิมพันว่าเขาฆ่าด้วงดาราได้ไม่ถึงหนึ่งพันตัวด้วยซ้ำ จะบอกว่าเขาทำได้ดีกว่าข้าได้ยังไงกัน?”
หลี่อวี้เจินพูด เขาไม่เชื่อในเรื่องนี้ เขารู้ว่าหานเซิ่นถูกไล่ล่าโดยด้วงดาราระดับเทพเจ้าอยู่ตลอดทั้งวัน ดังนั้นมันไม่มีทางที่หานเซิ่นจะทำได้ดีกว่าเขาที่เป็นหนึ่งในเผ่าเวรี่ไฮ
“ลองไปดู เจ้าควรจะหาความจริงด้วยตัวเจ้าเอง” แทนที่จะอธิบาย ชายแก่ชี้ขึ้นไปบนต้นไม้
หลี่อวี้เจินถูกคนอื่นแนะนำให้มารับงานนี้ ชายแก่จึงไม่ได้สนใจความรู้สึกส่วนตัวของหลี่อวี้เจิน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงคิดว่าควรจะให้ชายหนุ่มได้เห็นกับตาตัวเอง ไม่อย่างนั้นหลี่อวี้เจินจะยังมีคำถามที่ค้างคาใจ และผู้คนอาจจะพูดไม่ดีเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนี้
แทนที่จะไปดูด้วยตัวเอง หลี่อวี้เจินเพียงแค่หันมาถามหานเซิ่น “เจ้าฆ่าด้วงดาราไปกี่ตัว?”
“สามพันหกร้อยสิบสี่ตัว” หานเซิ่นตอบ
“เป็นไปไม่ได้! เจ้าถูกด้วงดาราระดับเทพเจ้าไล่ล่าอยู่ตลอด และถึงแม้เจ้าจะไม่ได้ถูกไล่ล่า มันก็ไม่มีทางที่เจ้าจะฆ่าด้วงดาราได้มากมายขนาดนั้นในเวลาอันสั้น” ดวงตาของหลี่อวี้เจินเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เนื่องจากพวกเขาถูกสั่งห้ามไม่ให้สร้างความเสียหายกับต้นไม้ขณะที่กำจัดแมลง ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถใช้วิชาจีโนที่มีพลังทำลายล้างในวงกว้างได้ พวกเขาต้องฆ่าด้วงดาราทีละตัวๆด้วยความระมัดระวัง การฆ่าด้วงดาราได้สองพันตัวในหนึ่งวันถือเป็นจำนวนที่น่าตกใจแล้ว แต่หานเซิ่นกล่าวอ้างว่าฆ่าได้สามพันหกร้อยสิบสี่ตัว นั่นเป็นจำนวนที่มีเฉพาะยอดฝีมือระดับเทพเจ้าเท่านั้นที่จะทำได้
แถมหานเซิ่นยังต้องใช้เวลาในการเดินทางไปกลับอีก ดังนั้นเขาจึงมีเวลาน้อยกว่าหนึ่งวันในการฆ่าเหล่าแมลง
หานเซิ่นยิ้ม แต่เขาไม่ได้พูดอะไรอีก
สีหน้าของหลี่อวี้เจินเปลี่ยนไป เขาเทเลพอร์ตขึ้นไปยังบริเวณที่หานเซิ่นเคยอยู่
หลี่อวี้เจินพบด้วงดาราที่ถูกหานเซิ่นฆ่าตายอย่างรวดเร็ว ในตอนแรกที่เขาเห็นพวกมัน เขาคิดว่าพวกมันยังมีชีวิตอยู่ นั่นเป็นเพราะดูเหมือนกับว่าพวกมันไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลย
แต่พลังชีวิตของพวกมันดับไปแล้ว พวกมันเป็นเพียงแค่ซากศพ
หลี่อวี้เจินขมวดคิ้ว เขาตรวจเช็คร่างกายด้วงที่อยู่ใกล้ที่สุดและค้นพบรูขนาดเล็กบนหน้าผากของมัน
“หนึ่งการโจมตีเพื่อฆ่าพวกมันด้วยการตัดเส้นประสาท แบบนั้นด้วงดาราก็ไม่มีเวลาจะดิ้นรน นั่นเป็นทั้งวิชาจีโนที่ทรงพลังและเป็นการควบคุมที่แม่นยำ” หลี่อวี้เจินพึมพำ
แต่เขายังไม่เชื่อว่าหานเซิ่นจะฆ่าด้วงดาราได้ทั้งหมดสามพันหกร้อยสิบสี่ตัว วิชาจีโนที่แม่นยำสูงแบบนั้นสามารถใช้ได้เฉพาะในสถานการณ์ที่เป็นใจเท่านั้น
หลี่อวี้เจินบินไปรอบๆและพบร่างของด้วงมากมายตายเกลื่อนอยู่บนต้นไม้ดารา พวกมันทั้งหมดตายด้วยบาดแผลบนหน้าผากที่เหมือนกันทุกตัว
ความสามารถที่ถูกสร้างขึ้นเป็นอะไรที่แม่นยำ แม้แต่หลี่อวี้เจินเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำได้ถึงแม้เขาจะมีเวลาในการเตรียมตัวก็ตาม และยิ่งถ้าเขากำลังถูกไล่ล่าโดยซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า เขาก็คงจะทำไม่ได้อย่างแน่นอน
หลังจากที่ค้นหาอยู่ช่วงสั้นๆ หลี่อวี้เจินก็ค้นพบร่างของด้วงดาราสามพันตัว หลังจากนั้นเขาก็ตัดสินใจหยุดจะค้นหาตัว จำนวนที่หานเซิ่นบอกนั้นคงจะเป็นอะไรที่ถูกต้อง เพราะไม่มีทางที่หานเซิ่นจะหลอกผู้อาวุโสเกี่ยวกับจำนวนที่เขาฆ่าได้
แต่ตอนนี้หลี่อวี้เจินเชื่อว่าหานเซิ่นต้องขี้โกงหรือใช้อาวุธที่ทรงพลังบางอย่าง ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีทางที่เขาจะฆ่าด้วงได้มากมายขณะที่ถูกไล่ล่าโดยด้วยระดับเทพเจ้า
เขาเทเลพอร์ตกลับไปหาชายแก่ หลี่อวี้เจินโค้งคำนับและพูด “ท่านลุง ข้าขอดูวิดีโอการทดสอบหน่อยจะได้ไหม?”
“ได้แน่นอน” ชายแก่พูด
หลี่อวี้เจินเปิดวิดีโอการทดสอบ ด้านหนึ่งของหน้าจอแสดงการทดสอบของหลี่อวี้เจิน ขณะที่อีกด้านแสดงการทดสอบของหานเซิ่น เขาไม่ได้ดูภาพวิดีโอของตัวเอง เขาจดจ่อไปที่การทดสอบของหานเซิ่น เขาดูมันด้วยความเร็วแปดเท่าของความเร็วปกติเพื่อตรวจเช็คว่าหานเซิ่นทำการฆ่าด้วงทั้งหมดได้ยังไง
ในตอนแรกหลี่อวี้เจินพยายามจะหาหลักฐานการขี้โกงของหานเซิ่น แต่หลังจากที่มองดูไปสักพัก ใบหน้าของหลี่อวี้เจินก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
ถึงแม้จะถูกไล่ล่าโดยด้วงระดับเทพเจ้า แต่หานเซิ่นก็ยังคงล่าด้วงดาราระดับราชันต่อไป ทุกครั้งที่เขาฆ่าด้วงตัวหนึ่งได้ เขาจะเคลื่อนที่ไปอื่น การเคลื่อนไหวของเขาลื่นไหลและมันเป็นอะไรที่อิ่มใจที่ได้ดูพวกมันทั้งหมดเกิดขึ้น
หลังจากที่มองดูอยู่สักพัก หลี่อวี้เจินก็สรุปได้ว่าวิธีการฆ่าพวกแมลงของหานเซิ่นเป็นอะไรที่แปลก แต่เขาไม่ได้ขี้โกงแต่อย่างใด หานเซิ่นทำเหมือนกับว่าด้วงดาราระดับเทพเจ้านั้นหุ่นเชิดที่ถูกชักใย
ถ้าหานเซิ่นล่อมันไปทางซ้าย มันก็จะไปทางซ้าย ถ้าเขาล่อมันไปทางขวา มันก็จะไปทางขวา มันติดตามเขาเหมือนกับลูกสุนัข
แต่หลี่อวี้เจินรู้ว่าด้วงระดับเทพเจ้าไม่ใช่ลูกสุนัข มันเป็นซีโน่เจเนอิคที่ทรงพลังและน่ากลัว ถึงแม้เขาจะใช้สมบัติระดับเทพเจ้าช่วย หลี่อวี้เจินก็ไม่คิดว่าฆ่ามันได้ง่ายนัก
หานเซิ่นไม่ได้ใช้สมบัติอะไร แต่เขาก็ยังหลอกล่อด้วงดาราระดับเทพเจ้าได้อย่างสบายๆ วิธีการควบคุมสภาพแวดล้อมรอบตัวของหานเซิ่นนั้นคล้ายคลึงกับวิชาเวรี่ไฮเซ้นส์ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดูต่างออกไป
“เจ้าฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์อย่างนั้นหรอ?” หลี่อวี้เจินถามหานเซิ่น
หานเซิ่นส่ายหัว “ข้าไม่เคยฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ ข้าแค่ใช้วิชาใต้นภาของปราสาทนภา”
เอ็กซ์ควิสิทพยักหน้าและพูด “เขาเชี่ยวชาญในการใช้วิชาใต้นภา”
เนื่องจากเอ็กซ์ควิสิทยืนยันในเรื่องนี้ หลี่อวี้เจินก็ไม่สามารถสงสัยอะไรได้อีก หานเซิ่นเป็นตัวไหมของเอ็กซ์ควิสิท ดังนั้นความคิดของเขาไม่สามารถซ่อนจากเธอได้
หลี่อวี้เจินดูไม่ค่อยพอใจ เขาตั้งใจจะสั่งสอนบทเรียนให้กับหานเซิ่น แต่ไม่เพียงแค่เขาจะสั่งสอนบทเรียนให้กับหานเซิ่นไม่ได้แล้ว หานเซิ่นยังแย้งงานที่ควรจะเป็นงานของเขาไป
ตอนนี้หลี่อวี้เจินรู้สึกเสียใจที่เสนอว่าควรทำการทดสอบพร้อมๆกัน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะได้เป็นคนดูแลต้นไม้ดาราไปแล้ว
หลังจากที่ได้เห็นการทดสอบของหานเซิ่น หลี่อวี้เจินก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น เขาโค้งคำนับชายแก่และรีบจากไป เขาอับอายเกินกว่าจะอยู่ต่อ พวกเขาทั้งคู่เป็นระดับราชันขั้นที่เก้าเหมือนกัน แต่หานเซิ่นที่ถูกไล่ล่าโดยด้วงดาราระดับเทพเจ้ายังฆ่าด้วงได้มากกว่าเขาถึงหนึ่งพันตัว ในตอนที่หลี่อวี้เจินจากไป เขาเอาวิดีโอของหานเซิ่นกลับไปด้วย ไม่มีใครรู้ว่าเขามีแผนจะทำอะไรกับมัน
“ตามข้อตกลง เจ้าจะได้รับผลไม้ดาราทั้งหมดสามสิบหกลูก แบบนั้นทำไมข้าไม่ปัดขึ้นไปเป็นสี่สิบลูกซะเลยล่ะ?” ชายแก่ยิ้ม หลังจากนั้นเขาพูดต่อไปว่า
“จากนี้เป็นต้นไปเจ้าจะได้รับหน้าที่ดูแลต้นไม้ดารา เจ้าจะรับผลไม้ดาราสิบลูกต่อเดือนเป็นรางวัล ดังนั้นในตอนนี้เจ้าจะรับผลไม้ดาราไปทั้งหมดห้าสิบลูก”
หานเซิ่นดีใจ มันนานมากแล้วที่ไม่มีเรื่องดีๆแบบนี้เกิดขึ้นกับเขา เขาแค่ต้องคอยเฝ้าต้นไม้ดาราและกำจัดแมลง นั่นทำให้เขาได้รับผลไม้ดาราสิบลูกต่อเดือน มันเป็นรางวัลที่ได้มาง่ายๆ แถมการฆ่าด้วงดาราก็ถือเป็นรางวัลอย่างหนึ่งด้วย
เอ็กซ์ควิสิทอธิบายเกี่ยวกับวิธีการจะรับผลไม้ดาราไป หานเซิ่นไม่สามารถรอได้อีกต่อไป ดังนั้นหลังจากที่ฟังคำอธิบายจบ หานเซิ่นก็รีบบินขึ้นไปหาผลไม้ดาราที่ดูเหมือนกับดวงอาทิตย์ในทันที
ตอนที่ 2659
ผลไม้ดารานั้นเป็นเหมือนกับดาวเคราะห์น้อย แต่นั่นเป็นเพียงแค่เปลือกนอกของมันเท่านั้น แกนกลางของผลไม้ไม่ได้ใหญ่โตแบบนั้น ความจริงแล้วภายในของมันมีซีโน่เจเนอิคนาอยู่ ซึ่งผลไม้แต่ละลูกก็จะมีซีโน่เจเนอิคที่แตกต่างกัน
ตำนานบอกว่าต้นไม้ดาราเป็นเงาของจักรวาล ผลไม้ดาราเป็นตัวแทนของดวงดาวในจักรวาล ดังนั้นผลไม้ดาราแต่ละลูกจะบรรจุซีโน่เจเนอิคท้องถิ่นของดวงดาวที่ผลไม้นั้นเป็นตัวแทน ด้วยเหตุนั้นผลไม้จากต้นไม้ต้นเดียวกันถึงให้กำเนิดซีโน่เจเนอิคชนิดต่างๆมากมาย
แน่นอนว่านั้นเป็นเพียงแค่ตำนาน ในความเป็นจริงแล้วการทำงานของต้นไม้แตกต่างออกไปเล็กน้อย แต่ผลไม้ดาราแต่ละลูกจะให้กำเนิดซีโน่เจเนอิคที่แตกต่างกันออกไปจริงๆ และพวกมันก็เป็นระดับราชันเป็นอย่างน้อย
“เอาท์เตอร์สกายเป็นสถานที่ที่มหัศจรรย์ ถ้าต้นไม้ดารานี้ไปอยู่จักรวาลภายนอก มันก็คงจะทำให้ทั้งจักรวาลตกอยู่ในสงคราม ไม่แปลกใจเลยที่เผ่าเวรี่ไฮไม่เคยต่อสู้เพื่อแย่งทรัพยากรเหมือนอย่างเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ในเอาท์เตอร์สกายถึงแม้เผ่าพันธุ์ของพวกเขาจะมีกันอยู่แค่ไม่กี่ร้อยคน แต่ทรัพยากรของพวกเขาก็ดูจะมีอยู่อย่างไม่จำกัด”
หลังจากที่หานเซิ่นคิดอย่างนั้น เขาก็รู้สึกตัวขึ้นมา “เอาท์เตอร์สกายอยู่ระหว่างโลกความเป็นจริงและโลกปฏิสสาร ดินแดนแห่งนี้อยู่ในมิติของมันเองอย่างนั้นหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้น นั่นก็หมายความว่าเผ่าเวรี่ไฮเพียงแค่ไม่กี่ร้อยคนกำลังใช้ทรัพยากรของทั้งมิติ นั่นเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ แถมเอาท์เตอร์สกายยังมีทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ที่เชื่อมต่อกับโลกปฏิสสารอีก พวกเขาจะได้ทรัพยากรจากโลกปฏิสสารขณะที่ยังคงเชื่อมต่อกับโลกความเป็นจริง นั่นแสดงให้เห็นว่าเผ่าเวรี่ไฮเชื่อมต่อกับทั้งสามโลก มันจะยังมีอะไรดีไปกว่านั้นอีก?”
แต่เรื่องนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหานเซิ่น หานเซิ่นบินไปได้ไม่นาน เอ็กซ์ควิสิทก็เทเลพอร์ตมาปรากฏตัวตรงหน้าเขาพร้อมกับเป่าเอ๋อ
“นี่เจ้าจะบินไปอีกนานแค่ไหนกัน? ให้ข้าพาเจ้าไปบนนั้น” เอ็กซ์ควิสิทวางมือลงบนไหล่ของหานเซิ่นและเทเลพอร์ตขึ้นไปบนต้นไม้
หานเซิ่นมองไปที่ผลไม้ดาราแต่ละลูกที่อยู่ใกล้เคียงและทำการตัดสินใจเลือกผลไม้ที่ต้องการ
เอ็กซ์ควิสิทบอกกับเขาว่าซีโน่เจเนอิคที่เติบโตอยู่ภายในจะทำให้เปลือกของผลๆไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำในตอนที่พวกมันโตเต็มที่ ถ้าเกิดเขาเลือกผลไม้ดาราลูกหนึ่งก่อนหน้านี้ ซีโน่เจเนอิคที่อยู่ภายในจะมีระดับต่ำ
“ให้ข้าลองทดสอบดวง” หานเซิ่นไม่สามารถบอกได้ว่าผลไม้แต่ละลูกบรรจุซีโน่เจเนอิคแบบไหนอยู่ ดังนั้นไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องเลือกอย่างระมัดระวัง เขาเลือกผลไม้ดาราที่อยู่ใกล้ที่สุดและบินเข้าไปหามัน เปลือกของผลไม้ดาราลูกนั้นเป็นสีแดงคล้ำเรียบร้อยแล้ว มันดูเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่กำลังตก
หานเซิ่นบินไปยังกิ่งไม้ที่เชื่อมต่อกับผลไม้ดาราและทำตามวิธีการที่เอ็กซ์ควิสิทบอก หลังจากนั้นผลไม้ดาราขนาดยักษ์ก็หลุดออกมาจากกิ่งไม้
ผลไม้ดาราร่วงลงไปอย่างรวดเร็ว แต่มันดูจะไม่มีมวลสารและน้ำหนักที่หานเซิ่นคาดหวังว่ามันจะมี จริงๆแล้วมันเบามากๆ
ขณะที่ผลไม้ดาราร่วงลงไป เปลือกสีแดงคล้ำของมันก็เริ่มจะลอกออกเหมือนกับลูกไฟยักษ์ที่สูญเสียไฟไปเรื่อยๆขณะที่เคลื่อนไป
มันใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวินาทีเท่านั้นก่อนที่เปลือกของมันจะสลายไปจนหมด และซีโน่เจเนอิคที่ขดตัวอยู่ภายในก็ปรากฏให้เห็น
ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นดูเหมือนกับมังกร หัวของมันอยู่ติดกับหางและปีกของมันก็หุบอยู่ ร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเขียว เมื่อดูจากความยาวของร่างกายและหางแล้ว มันจะต้องมีความยาวอย่างน้อยสี่สิบเมตร
‘มันดูทรงพลังมากๆ มันคงจะไม่ได้เป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าหรอกใช่ไหม’ หานเซิ่นคิด
เอ็กซ์ควิสิทบอกว่าผลไม้ดาราส่วนใหญ่จะบรรจุซีโน่เจเนอิคระดับราชันเอาไว้ และมันหาได้ยากที่พวกมันจะมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอยู่ภายใน แต่ไม่ว่าซีโน่เจเนอิคนั้นจะเป็นระดับอะไรก็ตาม มันก็จะอยู่ขั้นต่ำในตอนที่ปรากฏออกมา มันจะเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่เพิ่งจะวิวัฒนาการเป็นระดับราชันขั้นแรกหรือไม่ก็เป็นระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ
แน่นอนว่าหลังจากนั้นพวกมันจะพัฒนาเหมือนกับซีโน่เจเนอิคทั่วไป พวกมันสามารถเติบโตขึ้นได้ ซึ่งจะมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของพวกมัน
ซีโน่เจเนอิคเหมือนกับว่ายังคงหลับอยู่ ดังนั้นมันเป็นเรื่องง่ายที่จะฆ่าพวกมันในตอนที่พวกมันปรากฏตัวออกมา แต่มันยังมีอีกตัวเลือกหนึ่ง พวกเขาสามารถปล่อยให้ซีโน่เจเนอิคเติบโตอย่างเต็มที่ เผ่าเวรี่ไฮมีพันธสัญญาพิเศษอยู่ ถ้าพวกเขาทำพันธสัญญากับซีโน่เจเนอิคที่ออกมา มันก็จะกลายเป็นเหมือนกับสัตว์เลี้ยงของพวกเขา
แน่นอนว่ากระบวนการนี้ไม่สามารถทำได้ถ้าซีโน่เจเนอิคนั้นต่อต้าน นั่นเป็นเหตุผลที่คนเผ่าเวรี่ไฮส่วนใหญ่มักจะทำพันธสัญญาตั้งแต่ตอนที่ซีโน่เจเนอิคยังคงหลับอยู่ แบบนั้นมันก็จะหยุดซีโน่เจเนอิคจากการต่อต้าน ซึ่งทำให้โอกาสสำเร็จสูงยิ่งขึ้น
“นี่ควรจะเป็นมังกรอรัญ มันเป็นซีโน่เจเนอิคระดับราชัน ถ้ามันได้รับทรัพยากรที่มากพอ มังกรอรัญก็จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ มันเป็นซีโน่เจเนอิคที่ดี” เอ็กซ์ควิสิทพูดขณะที่มองดูมังกรสีเขียวร่วงลงไป
หานเซิ่นผิดหวังอย่างมาก มันเป็นเพียงแค่ซีโน่เจเนอิคระดับราชันธรรมดาๆ สำหรับหานเซิ่นการมีซีโน่เจเนอิคแบบนั้นเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์
เอ็กซ์ควิสิทสัมผัสได้ถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิด เธอพูดขึ้นว่า
“มันไม่ได้ไร้ประโยชน์ซะทีเดียว ถ้าเจ้าเฝ้าต้นไม้ดาราด้วยตัวเอง เจ้าจะต้องรอคอยจนกระทั่งด้วงลงมาก่อนที่จะจัดการพวกมัน แต่ทว่าถ้าเจ้ามีผู้ช่วย พวกมันก็จะฆ่าด้วงดาราก่อนที่พวกมันจะมาถึงต้นไม้ดารา แถมเจ้าอาจจะจำเป็นต้องการความช่วยเหลือเมื่อเจ้าออกเดินทางไปรอบๆเอาท์เตอร์สกาย ข้าแนะนำให้เจ้าทำพันธสัญญากับซีโน่เจเนอิคส่วนใหญ่ที่ออกมาจากผลไม้ดารา”
หานเซิ่นคิดว่าคำแนะนำของเธอเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล ที่ชายแก่นั้นแค่ปล่อยให้ด้วงไปอยู่บนต้นไม้เป็นฝูง นั่นก็เพราะเขาจำเป็นต้องใช้พวกมันทดสอบหานเซิ่นและหลี่อวี้เจิน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะจัดการกับพวกมันก่อนที่พวกมันจะมาถึงต้นไม้ด้วยซ้ำ
โดยปกติแล้วด้วงดาราจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสต้นไม้ดาราด้วยซ้ำ ชายแก่จะฆ่าพวกมันก่อนที่พวกมันจะได้เข้าใกล้ ถึงแม้หานเซิ่นจะตั้งตาข่ายเพื่อป้องกัน ด้วงก็จะเล็ดลอดผ่านตาข่ายมาได้อยู่ดี และหานเซิ่นต้องฆ่าพวกมันด้วยตัวเอง
ชายแก่นั้นสามารถทำงานนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่นั่นเป็นเพราะเขาแข็งแกร่งกว่าหานเซิ่นมาก ถ้าด้วงดาราฝูงใหญ่มุ่งหน้ามาหาต้นไม้ดารา เขาก็จำเป็นต้องมีกำลังเสริม
หานเซิ่นมองมังกรอรัญที่หลับอยู่ เขารู้ว่ามันจะตื่นขึ้นในเร็วๆนี้ และเขาต้องทำการตัดสินใจให้ได้ก่อนหน้านั้น เพราะถ้ามันตื่นขึ้นมา เขาก็จำเป็นต้องฆ่ามัน มันเป็นเรื่องยากที่จะบังคับให้ซีโน่เจเนอิคทำพันธสัญญาเมื่อมันตื่นขึ้นมาแล้ว
หลังจากที่สลัดความลังเลทิ้งไป หานเซิ่นก็ใช้วิธีการที่เอ็กซ์ควิสิทสอนเพื่อทำพันธสัญญากับมังกรอรัญ
ในตอนที่พันธสัญญาเสร็จสมบูรณ์ มนต์สะกดประหลาดก็มารวมตัวกันเหนือมังกรอรัญ พวกมันแว๊บแสงซ้ำๆและปลุกมังกรอรัญให้ตื่นขึ้น
มังกรอรัญกางปีกและปลดปล่อยเสียงคำรามออกมา หลังจากนั้นมันก็จ้องมาที่หานเซิ่น
หานเซิ่นส่งความคิดเข้าไปให้กับมังกรอรัญ และเจ้าซีโน่เจเนอิคก็ตอบสนองในทันที มันลดตัวลงมาแทบเท้าของหานเซิ่น
หานเซิ่นก้าวขึ้นไปบนหลังของมังกรอรัญ เขาพูดอย่างรู้สึกดี
“การมีสัตว์ขี่เป็นอะไรที่ไม่เลวเลย ข้าจะใช้เจ้าตัวนี้เป็นยานพาหนะ”
‘เรายังเลือกผลไม้ดาราได้อีกสี่สิบเก้าลูก หวังว่าเราจะได้รับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าสักสองสามตัว!’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็บินออกไปหาผลไม้ดาราอีกลูก
ตอนที่ 2660
หานเซิ่นเลือกผลไม้ดาราอีกสิบลูก ซึ่งซีโน่เจเนอิคแต่ละตัวที่ปรากฏตัวออกมาเป็นระดับราชันขั้นที่หนึ่งเหมือนกันหมด พวกมันต่างกันเพียงแค่สายพันธุ์และศักยภาพในการพัฒนา
ถึงแม้ซีโน่เจเนอิคที่ออกมาจากผลไม้ดาราจะเริ่มต้นที่ระดับราชันเสมอ แต่หานเซิ่นก็สามารถพัฒนาพวกมันได้ด้วยการมอบทรัพยากร แต่มันก็ยังคงมีขีดจำกัดอยู่ ระดับครึ่งเทพนั้นเหมือนจะมากที่สุดแล้วที่พวกมันจะสามารถพัฒนาไปได้
หานเซิ่นยังคงไม่พบซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าเลยสักตัว ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกผิดหวัง
เอ็กซ์ควิสิทปลอบเขา “ผลไม้น้อยลูกที่จะมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอยู่ ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เจ้าจะไม่พบมันเลยสักตัว แถมเจ้ายังมีโอกาสอีกสี่สิบครั้ง ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อน ถ้าดวงของเจ้าไม่แย่จนเกินไป ผลไม้หนึ่งหรือสองจากทั้งห้าสิบลูกก็ควรจะมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอยู่”
สิ่งที่เธอพูดถูกต้อง แต่มันยังคงทำให้หานเซิ่นหดหู่
“พ่อ เป่าเอ๋ออยากจะเลือกผลไม้บ้าง” เป่าเอ๋อพูดขณะที่ดึงเสื้อของหานเซิ่น
เนื่องจากเอ็กซ์ควิสิทสัมผัสได้ถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิด หานเซิ่นจึงพยายามทำจิตใจให้ว่างเปล่า เขาพูดกับเป่าเอ๋อ “เอาสิ หนูช่วยพ่อเลือกผลไม้ดาราหน่อย”
เป่าเอ๋อดูกระตือรือร้น เธอรีบมองไปรอบๆด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่ผลไม้ดาราลูกหนึ่งและพูด “หนูอยากได้ลูกนั้น”
หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อขึ้นมาและบินไปหาผลไม้ลูกนั้น เขาบินไปด้านบนของผลไม้ดาราและให้เป่าเอ๋อเอามือสัมผัสกับกิ่งที่เชื่อมต่อกับผลไม้ หลังจากนั้นผลไม้ดาราก็ร่วงลงไป
หานเซิ่นจับจ้องไปที่เปลือกของผลไม้ดาราที่ค่อยๆละลายออกไป เขารู้ว่าเป่าเอ๋อมักจะดวงดีในเรื่องแบบนี้ ดังนั้นเขาหวังจะใช้ประโยชน์จากความโชคดีของเป่าเอ๋อเพื่อรวบรวมกองทัพของนักสู้ระดับเทพเจ้า
เปลือกเริ่มลอกออกไปและเผยให้เห็นซีโน่เจเนอิคที่อยู่ภายใน หานเซิ่นมองไปที่ซีโน่เจเนอิคประหลาดนั้นอย่างตั้งใจ
ร่างกายของมันมีขนาดเล็กมากๆ มันแทบจะไม่ใหญ่กว่ากำมือของหานเซิ่น มันมีหูขนาดใหญ่และหางสั้นๆ ร่างกายของมันอ้วนและเป็นทรงกลม มันดูเหมือนกับหมูสีชมพูตัวน้อยๆ
“นี่คือซีโน่เจเนอิคอะไรกัน?” หานเซิ่นหันไปถามเอ็กซ์ควิสิท เขาสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตของซีโน่เจเนอิคตัวนี้ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร มันเหมือนซีโน่เจเนอิคตัวอื่นที่เขาเลือก มันไม่ได้มีพลังของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า มันดูไม่เหมือนกับนักรบที่แข็งแกร่งเลยสักนิดเดียว
“ข้าไม่รู้ ข้าไม่ได้จดจำซีโน่เจเนอิคได้ทุกชนิด” เอ็กซ์ควิสิทพูดขณะที่ส่ายหัว
“ดูเหมือนว่าดวงของเป่าเอ๋อจะไม่ได้ดีเสมอไป” หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
เอ็กซ์ควิสิทกรอกตา ชายคนนี้กำลังคิดจะใช้ลูกสาวของตัวเองเพื่อผลประโยชน์ เธอไม่เคยเห็นคนที่น่าไม่อายแบบนี้มา
แต่เป่าเอ๋อดูเหมือนจะถูกใจสิ่งชีวิตขนาดเล็กตัวนี้ เธอย่อตัวลงไปลูบตัวของมัน
“พ่อ! หนูเก็บเจ้าหมูน้อยตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของหนูได้ไหม?” เป่าเอ๋อถามหานเซิ่นขณะที่มองมาที่เขา
“แน่นอนว่าหนูเก็บมันไปเลี้ยงได้” เมื่อเห็นว่าหมูน้อยตัวนี้ไม่ใช่ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า หานเซิ่นก็ไม่รังเกลียดอะไรที่จะมอบมันให้กับเป่าเอ๋อ เขามีซีโน่เจเนอิคระดับราชันอยู่มากพอแล้ว
เป่าเอ๋อดีใจที่ได้รับมันมา แต่เธอไม่ได้ทำพันธสัญญากับมันก่อนที่จะปลุกมันให้ตื่นขึ้น
เอ็กซ์ควิสิทสะดุ้งด้วยความตกใจ เป่าเอ๋อปลุกซีโน่เจเนอิคให้ตื่นขึ้นมาโดยที่ยังไม่ได้ทำพันธสัญญา ซีโน่เจเนอิคที่ไม่มีพันธสัญญานั้นจะเป็นอันตรายเหมือนกับซีโน่เจเนอิคทั่วไป
แต่หลังจากที่เจ้าหมูตัวน้อยตื่นขึ้นมา มันไม่ได้ดูความดุร้ายอะไร มันพยายามยกร่างกายกลมโตขึ้นและเริ่มเดินไปรอบเป่าเอ๋ออย่างร่าเริง มันดูมีความสุข
เป่าเอ๋ออุ้มมันขึ้นมา ซึ่งเจ้าหมูน้อยไม่ได้ต่อต้านอะไร มันถูหน้าของมันกับมือของเป่าเอ๋อ
“โชคดีที่มันไม่ได้เป็นซีโน่เจเนอิคที่ดุร้าย” เอ็กซ์ควิสิทรู้สึกโล่งใจ
“เป่าเอ๋อ หนูเลือกผลไม้เพิ่มอีก” หานเซิ่นพูดกับเป่าเอ๋อ
เป่าเอ๋อพยักหน้า เธอวางหนูน้อยลงและบินไปหาผลไม้อีกผลหนึ่ง หมูตัวน้อยบินตามหลังเป่าเอ๋อไปขณะที่ก้นของมันกระดุกกระดิกไปมา
เป่าเอ๋อตัดสินใจเลือกผลไม้อีกลูกอย่างรวดเร็ว เปลือกของผลไม้ลอกออกขณะที่มันหล่นลงมา และในตอนที่ซีโน่เจเนอิคที่หลับไหลอยู่ภายในเผยออกมาให้เห็น หานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทก็ต้องตกใจ
มันเป็นหมูน้อยอีกตัว มันดูเหมือนกับตัวแรกที่เป่าเอ๋อเลือกและมันมีขนาดพอๆกับกำปั้นเช่นเดียวกัน หมูน้อยทั้งสองตัวดูเหมือนกับเป็นฝาแฝดกัน
“แปลกจริงๆ ผลไม้ดาราสองลูกไม่ควรให้ซีโน่เจเนอิคแบบเดียวกัน แต่แล้วซีโน่เจเนอิคสองตัวที่ปรากฏออกมากับเป็นสายพันธุ์เดียวกัน ทำไมนางถึงได้พบหมูน้อยสองตัวที่เหมือนกันไม่มีผิด?” เอ็กซ์ควิสิทมองไปที่หมูน้อยด้วยความสับสน
หานเซิ่นมองไปที่หมูทั้งสองตัว และเขาก็สังเกตเห็นว่ามันมีความแตกต่างระหว่างพวกมันอยู่
ในตอนที่เขามองดูใกล้ๆ เขาก็รู้สึกตัวว่ามันมีสัญลักษณ์สีขาวบนหน้าผากของหมูแต่ละตัว เนื่องจากสัญลักษณ์นั้นเกือบจะเป็นสีเดียวกันกับตัวหมู สัญลักษณ์นั่นจึงยากจะมองเห็นนอกซะจากเขาจะมองมันใกล้ๆ
สัญลักษณ์บนหน้าผากของหมูแต่ละตัวนั้นแตกต่างกัน แต่หานเซิ่นไม่รู้ว่าพวกมันหมายความว่ายังไง
หานเซิ่นมองไปที่เอ็กซ์ควิสิท แต่เอ็กซ์ควิสิทส่ายหัว “ข้าไม่รู้ว่าสัญลักษณ์นี่หมายความว่าอะไร บางทีเจ้าพวกนี้อาจจะเป็นสายพันธุ์ที่หายาก แต่เมื่อดูจากพลังชีวิตของพวกมัน พวกมันก็ควรจะเป็นแค่ระดับราชัน แถมพวกมันก็ไม่ได้ดุร้ายด้วย”
‘ทำไมวันนี้เป่าเอ๋อถึงดวงไม่ดี?’ หานเซิ่นคิดอย่างหดหู่ เธอเพิ่งจะได้รับหมูตัวน้อยสองตัว และพวกมันดูเหมือนจะไม่สามารถโจมตีได้ พวกมันดูไร้ประโยชน์ พวกมันไม่สามารถเป็นทาสรับใช้ได้ด้วยซ้ำ
เป่าเอ๋อพาหมูน้อยทั้งสองตัวไปเด็ดผลไม้เพิ่มอีก และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปก็ทำให้หานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทแข็งทื่อไป เธอได้รับหนูน้อยอีกตัว
ก่อนที่หานเซิ่นจะได้พูดอะไรต่อไป เป่าเอ๋อก็เริ่มกระโดดไปรอบๆต้นไม้ดารา เธอเด็ดผลไม้ดาราหลายลูกติดต่อกัน ผลไม้มากกว่าสิบลูกร่วงลงมาก่อนที่หานเซิ่นจะได้เปิดปากเพื่อห้ามเธอ
เอ็กซ์ควิสิทรีบเทเลพอร์ตเข้าไปอุ้มเป่าเอ๋อออกมา
ผลไม้ดาราร่วงลงมาและลุกไหม้ราวกับดวงอาทิตย์ที่กำลังจะดับ ไฟของมันสลายไปอย่างรวดเร็วและเผยให้เห็นซีโน่เจเนอิคที่อยู่ภายใน
ลูกตาของหานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทเกือบจะหลุดออกมาจากเบ้า ภายในผลไม้ดาราที่ร่วงลงมานั้นคือหมูขนาดเล็กเหมือนกันหมด
หมูน้อยตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พวกมันลืมตาขึ้นมาทันทีที่เปลือกของพวกมันละลายหายไป หลังจากนั้นพวกมันก็วิ่งไปหาหมูสองตัวแรกอย่างร่าเริง พวกมันไปรวมตัวกันรอบๆเป่าเอ๋ออย่างมีความสุข
“นี่มันอะไรกัน?” แม้แต่ใบหน้าของเอ็กซ์ควิสิทก็เต็มไปด้วยความสับสน มันเป็นซีโน่เจเนอิคสายพันธ์เดียวกัน ซึ่งต้นไม้ดาราไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน
หานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทมองไปที่หมูจำนวนมากด้วความแปลกใจ ซึ่งนอกจากสัญลักษณ์บนหน้าผากของพวกมันแล้ว ทุกอย่างเกี่ยวกับพวกมันเหมือนกันหมด
“เป่าเอ๋อ หนูได้หมูไปหลายตัวแล้ว หนูควรจะให้พ่อเป็นคนเลือกผลไม้ที่เหลือ” หานเซิ่นพูดกับเป่าเอ๋อ ในตอนแรกเขาหวังว่าเป่าเอ๋อจะหาซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าให้กับเขา แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนั้นจะไม่เกิดขึ้น ในตอนนี้เป่าเอ๋อได้รับหมูมาจนเธอสามารถที่จะสร้างฟาร์มหมูเป็นของตัวเองได้แล้ว
มันมีหมูขนาดเล็กสิบหกตัววิ่งไปรอบๆตัวเป่าเอ๋อ
เป่าเอ๋อไม่ได้แสดงความเห็นอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เธอดูพึงพอใจมากๆกับผลไม้ที่เธอเลือก
ตอนที่ 2661
‘เราคงต้องพึ่งตัวเองแล้ว’ หานเซิ่นมองไปรอบๆ เขาเห็นผลไม้ดาราลูกหนึ่งที่ดูค่อนข้างสวยงาม ดังนั้นเขาจึงบินไปหามัน ผลไม้ลูกนี้ดูจะอุมดสมบูรณ์มากๆ เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นสัญญาณของความสุข มันคงจะต้องให้กำเนิดซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอย่างแน่นอน
ผู้คนที่ศึกษาเกี่ยวกับโหงวเฮ้งจะเชื่อว่าพวกเขาสามารถตัดสินบุคลิกภาพของคนๆหนึ่งโดยการวิเคราะห์เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก หานเซิ่นพยายามจะใช้หลักการเดียวกันกับผลไม้ดารา
“ฮ่าๆ! เจ้าพยายามจะอ่านโหงวเฮ้งของผลไม้อย่างนั้นหรอ?” เอ็กซ์ควิสิทอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เผ่าเวรี่ไฮนั้นมีวิชาทำนายโดยการดูจากโหงวเฮ้งอยู่เช่นกัน แต่พวกเขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับการใช้อะไรแบบนั้นกับผลไม้ดารามาก่อน
“คนเรามีหน้าตา ผลไม้เองก็มีหน้าตาเช่นกัน ถ้าเราดูโหงวเฮ้งของคนๆหนึ่งได้ แบบนั้นทำไมเราจะดูโหงวเฮ้งของผลไม้ไม่ได้?” หานเซิ่นตอบอย่างผ่าเผย
จริงๆแล้วเขาไม่ได้เข้าใจในโหงวเฮ้ง เขาเพียงแค่เคยเห็นมันจากการอ้างอิงในตำราของสำนักเสวียนเท่านั้น หานเซิ่นแทบจะไม่ได้เหลือบมองมันเลย เขาไม่ได้เป็นผู้ศึกษาขึ้นพื้นฐานด้วยซ้ำ เขาไม่สามารถอ่านใบหน้าของคนได้ ผลไม้ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ในตอนนี้เขาก็แค่จำเป็นต้องมีบางสิ่งมาเป็นหลักยึดว่าเขาไม่ได้ทำการเลือกอย่างมั่วๆ เขาหวังจะได้รับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอย่างแรงกล้า
แต่จนถึงตอนนี้หานเซิ่นก็ยังได้รับเพียงแค่ซีโน่เจเนอิคระดับราชันเท่านั้น เขาเลือกผลไม้อีกหลายลูก แต่ซีโน่เจเนอิคที่ปรากฏออกมาก็เป็นระดับราชันทั้งหมด เขาสามารถใช้พวกมันทำงานที่ไม่สำคัญเท่านั้น โดยรวมแล้วพวกมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนัก
หลังจากที่เลือกผลไม้ต่อไปเรื่อยๆ หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าเลือกผลไม้ได้อีกแค่สองลูกเท่านั้น ด้วยความเสียใจกับผลลัพธ์ที่น่าผิดหวัง เขาจึงเลือกผลไม้ที่อยู่ใกล้ๆโดยไม่มัวคิดให้เสียเวลา
เปลือกของผลไม้ทั้งสองลูกสลายไปอย่างรวดเร็วและเผยให้เห็นซีโน่เจเนอิคที่อยู่ภายใน
หนึ่งในพวกมันเป็นหมาป่า หานเซิ่นรู้ในทันทีว่าพลังชีวิตของมันเป็นระดับราชัน แต่อีกตัวหนึ่งทำให้เขารู้สึกมีความสุข
มันเป็นยักษ์หินที่สูงสิบเมตรและร่างกายของมันก็ประกอบด้วยหินดำ มันดูแข็งแกร่งมากๆราวกับภูเขาลูกน้อย
“ซีเจเนอิคระดับเทพเจ้า มันซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าจริงๆ ในที่สุดฉันก็ได้รับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า” หานเซิ่นรู้สึกปลาบปลื้มเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของยักษ์หิน
เอ็กซ์ควิสิทรู้สึกโล่งใจ ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าหนึ่งตัวจากผลไม้ห้าสิบลูกไม่ได้ถือว่าโชคดีหรือโชคร้ายจนเกินไป มันถือเป็นอะไรที่ปกติ ในขณะที่ยักษ์หินกำลังหลับใหลอยู่ หานเซิ่นก็รีบทำพันธสัญญากับมัน ภายในเอาท์เตอร์สกายนั้นเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า ดังนั้นการมีนักสู้ระดับเทพเจ้าอยู่ข้างกายจะทำให้ชีวิตของหานเซิ่นง่ายขึ้นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาต้องฆ่าด้วงดาราในอนาคต การมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอยู่จะช่วยบรรเทาปัญหาของเขา
หานเซิ่นนำกลุ่มซีโน่เจเนเนอิคไปหาชายแก่ ชายแก่ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ในตอนที่สายตาของเขาเหลือบไปเห็นหมูน้อยรอบๆตัวเป่าเอ๋อ เขาก็ดูประหลาดใจ
“ท่านลุง รู้ไหมว่าหมูน้อยพวกนี้คืออะไร ทำไมมันถึงได้มีซีโน่เจเนอิคที่คล้ายคลึงกันออกมาจากผลไม้ได้?” เอ็กซ์ควิสิทถาม
“ต้นไม้ดาราเป็นพืชขั้นทรูก็อต” ชายแก่พูด
“มันมีพลังงานของจักรวาลอยู่ มันไม่ใช่บางสิ่งที่ข้าจะเข้าใจได้ แต่ว่ามันต้องมีเหตุผลอยู่”
หลังจากที่พูดแบบนั้น ชายแก่ก็นำสิ่งของอย่างหนึ่งออกมามอบให้กับหานเซิ่น
“นี่เป็นโทเค็นของข้า เจ้าจำเป็นต้องใช้มันในตอนที่มากำจัดด้วง ทุกสิบวันเจ้าต้องกลับมาที่นี่เพื่อคอยดูแลต้นไม้ดารา เมื่อไหร่ก็ตามที่ฝูงแมลงมาถึง เจ้าต้องกำจัดพวกมันโดยไม่ปล่อยให้ตัวไหนรอดชีวิตไปได้”
หานเซิ่นโค้งคำนับและรับสิ่งของนั้นมา มันเป็นแท่งไม้เล็กๆที่มีสีของน้ำทะเล และดูเหมือนกับว่ามันถูกทำขึ้นมาจากหยก
โทเค็นนี้มีออร่าที่ทรงพลัง มันดูเหมือนจะเป็นสมบัติระดับเทพเจ้า
หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าตัวเองจะได้รับสิ่งของที่ทรงพลัง เขารีบรับแท่งไม้หยกเอาไว้และโค้งคำนับชายแก่อีกครั้ง
“ลุงอย่าได้กังวล ข้าจะดูแลต้นไม้ดาราอย่างดีจนกระทั่งลุงกลับมา”
“ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว” ชายแก่พูด
เป่าเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทกลับไปพร้อมหานเซิ่น แต่เอ็กซ์ควิสิทไม่สามารถเทเลพอร์ตซีโน่เจเนอิคจำนวนมากไปพร้อมกับเธอได้ ถึงแม้เธอจะใช้ยานอวกาศของนาง มันก็ไม่มีที่ว่างพอจะขนซีโน่เจเนอิคทั้งหมดไปอยู่ดี
ดังนั้นหานเซิ่นจึงทิ้งพวกมันเอาไว้ที่นั่น เพราะยังไงซะเขาก็ต้องกลับมาที่ต้นไม้ในอีกสิบวันอยู่แล้ว
เหล่าหมูน้อยของเป่าเอ๋อมีขนาดพอๆกับกำปั้นเท่านั้น ดังนั้นการเคลื่อนย้ายพวกมันไม่ใช่เรื่องยากอะไร หานเซิ่นเอากระเป๋าออกมาใส่หมูน้อยทั้งหมด และเขาก็แบกพวกมันทั้งอย่างนั้น
“เจ้าควรปล่อยพวกมันออกมา ยังไงซะพวกมันก็ไม่ได้ใช้พื้นที่มากอยู่แล้ว” เอ็กซ์ควิสิทพูด เธอเห็นว่าพวกหมูน้อยนั้นดิ้นไปมาในกระเป๋าด้วยความไม่สบายตัว
หานเซิ่นคิดว่าเธอพูดถูก เขานำหมูน้อยออกจากกระเป๋าและปล่อยให้พวกมันทั้งหมดวิ่งไปหาเป่าเอ๋ออย่างมีความสุข หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทางไปโดยใช้ยานอวกาศของเอ็กซ์ควิสิท
“เจ้าอยากกลับไปที่ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์หรือไปล่าซีโน่เจเนอิค?” เอ็กซ์ควิสิทถามหานเซิ่นขณะที่พวกเขาทั้งคู่นั่งอยู่บนยานอวกาศ
“กลับไปที่ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ ข้าอยากจะฝึกก็อตส์วอนเดอร์ให้เชี่ยวชาญซะก่อนค่อยออกล่าซีโน่เจเนอิค” หานเซิ่นพูด
เอ็กซ์ควิสิทพยักหน้าและพาหานเซิ่นไปส่งที่ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์
นอกซะจากคนๆหนึ่งจะมีวิชาสเปชเทเลพอร์ตเทชั่น ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ต้องใช้ยานอวกาศเหมือนอย่างเอ็กซ์ควิสิทในการเดินทางไปรอบๆเอาท์เตอร์สกาย ยานอวกาศนั้นมีพลังพิเศษที่จะยับยั้งสิ่งมีชีวิตในเอาท์เตอร์สกาย ไม่อย่างนั้นแม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนในเอาท์เตอร์สกายโดยไม่เจอกับปัญหาได้ ซึ่งหานเซิ่นยังไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้า
ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงอยากจะฝึกวิชาเทเลพอร์ตซะก่อนเพื่อที่เขาจะได้เดินทางไปรอบๆเอาท์เตอร์สกายอย่างสะดวกมากขึ้น เขายังไม่มีแผนที่จะล่าซีโน่เจเนอิคในตอนนี้
และแน่นอนว่าหานเซิ่นยังต้องการจะตกแผ่นกระดาษสีเหลือที่เหลือให้ครบ นั่นเป็นเหตุผลหลักที่เขาขอให้เธอพาเขามาที่ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์แทนที่จะเป็นบ้านไม้
เอ็กซ์ควิสิทสัมผัสได้ถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิดและมันทำให้เธอหน้าแดง เธอคิดว่าหานเซิ่นอยากจะดูภาพบนกระดาษสีเหลืองพวกนั้น เธอไม่ได้รู้ว่าจริงๆแล้วกระดาษสีเหลืองพวกนั้นเป็นวิชาจีโนอย่างหนึ่ง
ไม่นานนักพวกเขาก็กลับมาถึงชายฝั่งของทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ แต่ครั้งนี้เอ็กซ์ควิสิทไม่ได้จากไปเหมือนกับครั้งก่อน เธออยู่ตกปลาข้างๆเขาแทน นั่นเป็นอะไรที่ค่อนข้างอึดอัด
เนื่องจากมีเอ็กซ์ควิสิทอยู่ด้วย หานเซิ่นก็จำเป็นต้องควบคุมความคิดของตัวเอง และนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
หานเซิ่นใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกวิชาจีโน และเอ็กซ์ควิสิทก็ได้ประสบการณ์ของทุกสิ่งที่เขาเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน ถึงแม้เอ็กซ์ควิสิทจะฝึกก็อตส์วอนเดอร์สำเร็จเรียบร้อยแล้ว แต่การมองดูหานเซิ่นฝึกก็ช่วยให้เธอได้รู้อะไรใหม่ๆบ้าง
แต่สิ่งที่เอ็กซ์ควิสิทประหลาดใจคือความสำเร็จในการตกปลาของหานเซิ่น ก่อนที่เธอจะตกอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ หานเซิ่นก็ตกบางสิ่งขึ้นมาได้หลายครั้งแล้ว
แต่หานเซิ่นดูเหมือนจะตกได้แค่กระดาษสีเหลืองอย่างเดียว เมื่อไหร่ก็ตามที่หานเซิ่นมองดูพวกมัน เธอก็จะสัมผัสมันได้ และทุกครั้งที่เขาทำอย่างนั้น เธอก็จะหน้าแดง
ตอนนี้เป่าเอ๋อดูสนิทสนมกับพวกหมูน้อยเรียบร้อยแล้ว เธอเล่นกับพวกมันอยู่ไม่ไกลจากจุดที่หานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทตกปลา มันเป็นเรื่องดีที่เป่าเอ๋อมีพวกหมูน้อยคอยเล่นด้วย ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะรู้สึกเบื่อขึ้นมา หมูน้อยพวกนั้นยังคงดูเชื่องและไม่แสดงความดุร้ายเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ถึงพวกมันจะดูเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดี โดยรวมแล้วพวกมันเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์สำหรับหานเซิ่น หานเซิ่นรู้สึกผิดหวังทุกครั้งที่เขามองไปที่พวกมัน
หลังจากผ่านไปหลายวัน หานเซิ่นก็ไม่สามารถทนถูกจับตามองได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงบอกเอ็กซ์ควิสิทว่าอยากจะเข้าไปในคอร์แอเรีย
แต่เอ็กซ์ควิสิทบอกเขาว่าเอาท์เตอร์สกายอยู่ระหว่างโลกความเป็นจริงและโลกปฏิสสาร เนื่องจากบาเรียของอวกาศ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปในคอร์แอเรียได้
แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็พยายามลองดูอยู่ดี และเขาก็พบว่าไม่สามารถเข้าไปในคอร์แอเรียได้จริงๆ
ตอนที่ 2662
บนภูเขาลูกหนึ่งภายในเอาท์เตอร์สกาย หลี่อวี้เจินไปพบกับชายเผ่าเวรี่ไฮคนหนึ่ง พวกเขาเริ่มดูวิดีโอที่หลี่อวี้เจินเอาติดตัวมา ซึ่งแสดงภาพที่หานเซิ่นกำลังสังหารด้วงดารา
“หลี่เสวี่ยเฉิง เจ้าคิดว่ายังไง?” หลี่อวี้เจินถามชายในชุดสีเขียว
“เขาแข็งแกร่งมากๆ เขาอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าคนเผ่าเวรี่ไฮที่อยู่ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำ เขาคือใคร?” หลี่เสวี่ยเฉิงถามโดยไม่ได้ละสายตาไปจากวิดีโอของหานเซิ่น
“เขาเป็นตัวไหมที่เอ็กซ์ควิสิทเลือก ชื่อของเขาคือหานเซิ่นและเขาก็เป็นคริสตัลไลเซอร์” หลี่อวี้เจินตอบ
“ข้าคิดว่าเอ็กซ์ควิสิทนั้นโชคดีมากๆที่ได้ตัวไหมแบบนี้มา” หลี่เสวี่ยเฉิงพูดพร้อมกับพยักหน้า
หลี่อวี้เจินยิ้มและพูด “ถึงแม้นางจะโชคดี แต่นั่นเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา? ขอบอกเจ้าตามตรง นางเป็นบุคคลที่มีค่ามากๆในเผ่าเวรี่ไฮ ในทางกลับกันพวกเราเป็นเพียงแค่เครื่องจักรสำหรับผลิตลูก”
เมื่อเห็นหลี่เสวี่ยเฉิงขมวดคิ้ว หลี่อวี้เจินก็พูดต่อ “หลังจากที่เห็นวิดีโอนี้ เจ้าไม่มีความคิดเห็นอะไรเลยอย่างนั้นหรอ?”
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” หลี่เสวี่ยเฉิงขมวดคิ้วอีกครั้ง
“เมื่อหลี่เคอเอ๋อเลือกตัวไหมได้แล้ว การประลองระหว่างตัวไหมก็จะเริ่มต้นขึ้น มันมีตัวไหมเข้าประลองทั้งหมดสิบสามคน เจ้าคิดว่าใครจะเป็นผู้ชนะ?” หลี่อวี้เจินพูด
“จากที่ข้าเห็น หานเซิ่นยอดเยี่ยมมากๆ แต่เขายังเป็นแค่ระดับราชันขั้นที่เก้า ตัวไหมส่วนใหญ่เป็นครึ่งเทพกันหมดแล้ว แถมยังมีคนที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดด้วย เมื่อตัดสินจากพลังแล้ว ข้าคิดว่ามีโอกาสสูงที่ตัวไหมที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่เกิดจะเป็นผู้ชนะ” หลี่เสวี่ยเฉิงพูด
“เหตุผลของเจ้าฟังขึ้น แต่จากที่ข้าวิเคราะห์ หานเซิ่นดูเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ เขาแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ และเขาก็มีสมบัติอยู่หลายอย่าง เขามีแม้กระทั่งโล่เมดูซ่าส์เกซที่เป็นอาวุธขั้นทรูก็อต ข้าคิดว่ามีโอกาสสูงที่เขาจะเป็นผู้ชนะ”
หลังจากที่ต้องพบกับอับอายในการทดสอบที่ต้นไม้ดารา หลี่อวี้เจินก็ได้ไปสืบเรื่องของหานเซิ่นอย่างละเอียด ตอนนี้เขารู้เกี่ยวกับหานเซิ่นมากกว่าที่คนอื่นๆในเผ่าเวรี่ไฮรู้
เอาท์เตอร์สกายมีทรัพยากรอยู่มากมาย ดังนั้นเผ่าเวรี่ไฮไม่เคยขาดแคลนอะไร พวกเขาแค่จำเป็นต้องออกไปภายนอกเพื่อหาตัวไหมที่มีพรสวรรค์
ด้วยเหตุนั้นเผ่าเวรี่ไฮจึงไม่ได้ให้ความสนใจเผ่าพันธุ์อื่นมากนัก และหานเซิ่นก็เป็นเพียงแค่ระดับราชันคนหนึ่ง แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าธรรมดาก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเผ่าเวรี่ไฮได้
หลี่อวี้เจินส่งข้อมูลเกี่ยวกับหานเซิ่นให้หลี่เสวี่ยเฉิงดู ซึ่งนั่นรวมถึงวิดีโอที่หานเซิ่นใช้โล่เมดูซ่าส์เกซเปลี่ยนเหมิงเลี่ยให้กลายเป็นรูปปั้นด้วย
“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยหรอเนี่ย?” หลี่เสวี่ยเฉิงแปลกใจ เขาเงียบไปสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา
“ถ้าวิดีโอนี้เป็นของจริง เขาก็อาจจะชนะในการประลองระหว่างตัวไหม แต่เขาแค่มีโอกาสเท่านั้น ชัยชนะของเขาไม่ได้ถูกรับประกัน เพราะยังไงซะการใช้สมบัติซีโน่เจเนอิคก็ไม่ได้ทำให้คนๆนั้นเก่งกาจเหมือนกับยอดฝีมือระดับเทพเจ้าจริงๆ มันยังคงมีความแตกต่างระหว่างพลังอยู่ แต่ถ้าเขาใช้อาวุธอย่างโล่เมดูซ่าส์เกซ เขาก็อาจจะเป็นผู้ชนะ”
“และถ้าเกิดการประลองของตัวไหมในครั้งนี้เกิดห้ามใช้สมบัติขึ้นมาล่ะ?” จู่ๆหลี่อวี้เจินก็หัวเราะขึ้นมา
“แน่นอนว่าถ้าใช้พลังของตัวเองเพียงอย่างเดียว เขาคงจะสู้กับระดับเทพเจ้าที่แท้จริงไม่ได้ วิดีโอนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาฆ่าด้วงดาราระดับเทพเจ้าไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน พลังของเขาในตอนนี้ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกรของยอดฝีมือระดับเทพเจ้า วิชาการต่อสู้ของเขาไม่ได้มีความหมายอะไร เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่เหนือกว่า”
หลี่เสวี่ยเฉิงหยุดไปชั่วครู่และพูดต่อ “แต่การประลองระหว่างตัวไหมนั้นไม่ได้ห้ามการใช้สมบัติ”
“มันไม่ได้ถูกห้ามในอดีต แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป ข้ามีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ ครั้งนี้การประลองของตัวไหมจะห้ามการใช้สมบัติ” หลี่อวี้เจินพูดด้วยความมั่นใจ
“นี่สมาชิกในครอบครอบของเจ้า…” หลี่เสวี่ยเฉิงดูเหมือนจะคาดเดาบางสิ่งขึ้นมาได้ แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา
หลี่อวี้เจินยิ้ม “เจ้าแค่จำเป็นต้องรู้ว่าการประลองตัวไหมในครั้งนี้ไม่อนุญาตให้ใช้สมบัติเพียงแค่นั้น สำหรับตอนนี้มันมีเพียงแค่สี่คนเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าเจ้ากับข้าไม่นำไปบอกคนอื่น อีกสองคนก็จะไม่ไปบอกใครเช่นกัน”
“แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา?” หลี่เสวี่ยเฉิงยังคงไม่เข้าใจว่าหลี่อวี้เจินพยายามจะบอกอะไร
“นี่เจ้าลืมไปแล้วหรอ?” หลี่อวี้เจินถามขึ้นมา
“โดยปกติแล้วการประลองตัวไหมจะเป็นอะไรที่น่าเบื่อ แต่การประลองครั้งนี้จะเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าสนใจ ถ้าเจ้าส่งข้อมูลเกี่ยวกับหานเซิ่นออกไป เจ้าคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนพวกเราที่เชื่อว่าหานเซิ่นจะเป็นผู้ชนะในการประลองเหมือนกันไหม?”
“นั่นก็เป็นไปได้…เพราะยังไงซะตัวไหมที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดก็ยังเป็นแค่ขั้นพริมิทีฟ จริงๆแล้วเขาอ่อนแอยิ่งกว่าเหมิงเลี่ย ด้วยสมบัติที่หานเซิ่นมี เขาก็คงจะเป็นฝ่ายชนะ” หลี่เสวี่ยเฉิงพูด หลังจากที่เขาพูดออกมา ดวงตาของเขาก็เริ่มเป็นประกาย ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าหลี่อวี้เจินพยายามจะบอกอะไร
“เจ้าต้องการให้ทุกคนเดิมพันข้างหานเซิ่น เพื่อที่เจ้าจะได้เอาเงินของพวกเขาอย่างนั้นหรอ?” หลี่เสวี่ยเฉิงพูดด้วยความสนใจ
“ใช่ และหลังจากที่ทุกคนต้องสูญเสียเพราะความเชื่อในตัวหานเซิ่น เจ้าคิดว่าพวกเขาจะยังดีกับหานเซิ่นอีกไหมล่ะ?” หลี่อวี้เจินหัวเราะ
“เจ้าชั่วร้ายจริงๆ เจ้ากำลังจะหลอกเอาทรัพยากรของคนอื่น และพวกคนที่หานเซิ่นอาจจะต้องไปเยี่ยมเยือน ถ้าพวกเขาไม่ชอบหานเซิ่น มันก็ยากที่เขาจะได้รับทรัพยากร” หลี่เสวี่ยเฉิงพูดหลังจากที่เข้าใจ
“ข้า หลี่อวี้เจินจะไม่ปล่อยให้บางสิ่งถูกขโมยไปโดยเปล่าๆ”
หลี่อวี้เจินหัวเราะ หลังจากนั้นเขาก็พูดกับหลี่เสวี่ยเฉิง “พวกเขาจะประกาศเรื่องที่การประลองห้ามใช้สมบัติในเร็วๆนี้ ดังนั้นเจ้าควรรีบดำเนินการ พวกเราจำเป็นต้องให้คนอื่นทำการเดิมพันก่อนที่ข่าวนี้จะแพร่ออกไป”
“นี่ดูจะเป็นโอกาสที่ดี แต่ทำไมเจ้าไม่ทำมันด้วยตัวเอง? ทำไมเจ้าต้องลากข้าเข้าไปเกี่ยวในเรื่องนี้ด้วย?” หลี่เสวี่ยเฉิงถามอย่างสับสน
“ข้ามีภูมิหลังกับเขา” หลี่อวี้เจินพูดขณะที่ส่ายหัว
“ถ้าข้าเดิมพันว่าหานเซิ่นจะแพ้ ผู้คนก็จะเกิดสงสัยขึ้นมา แต่เจ้าไม่ได้รู้จักเขา พวกเราจะแบ่งผลประโยชน์กันคนละครึ่ง”
“เจ้าพูดถูก ด้วยความสัมพันธ์ของเจ้ากับหานเซิ่น ถ้าเจ้าเดิมพันว่าเขาจะแพ้ คนอื่นก็จะรู้ว่ามันต้องมีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล”
หลี่เสวี่ยเฉิงหัวเราะและพูดต่อ “เอาสิ ถ้าอย่างนั้นมันก็เป็นอันตกลง”
ข้อมูลเกี่ยวกับหานเซิ่นแพร่กระจายไปทั่วเผ่าเวรี่ไฮ คนของเผ่าเวรี่ไฮเกิดสนใจในตัวเขาขึ้นมา แน่นอกว่ายกเว้นคนที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ แต่พวกเขาเพียงแค่ไม่ได้พูดอะไร ผลลัพธ์ทำให้คนของเผ่าเวรี่ไฮส่วนใหญ่เชื่อว่าหานเซิ่นมีโอกาสที่จะชนะการประลองระหว่างตัวไหม
หลี่เสวี่ยเฉิงสามารถใช้โอกาสนี้ทำการเดิมพันระหว่างคนของเผ่าเวรี่ไฮ
ผลการเดิมพันเป็นไปตามที่หลี่อวี้เจินคาดการณ์เช่นกัน ไม่นานหลังจากที่ทุกคนวางเดิมพันกันเสร็จแล้ว ผู้นำของเวรี่ไฮก็ประกาศว่าตัวไหมจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สมบัติในการประลอง คนของเวรี่ไฮหลายคนคิดว่าหลี่เสวี่ยเฉิงหลอกพวกเขา และพวกเขาก็รู้สึกเกลียดชังไปด้วย
ทุกอย่างจะไม่เป็นอะไร ถ้าหานเซิ่นชนะการประลองระหว่างตัวไหม แต่ถ้าเขาไม่ชนะ ชาวเวรี่ไฮหลายคนก็จะสูญเสียเงินจำนวนมาก ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ แต่เขาก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
หานเซิ่นไม่ได้รู้เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขายังคงตกปลาอยู่ที่ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ต่อไป และหลังจากผ่านไปสิบวัน เขาก็กลับไปที่ต้นไม้ดารา
ชายแก่ที่อยู่ใต้ต้นไม้ได้จากไปแล้ว และหานเซิ่นก็เป็นคนรับหน้าที่ดูแลต้นไม้ต่อ เขาใช้เวลาสักพักค้นหาตามกิ่งก้านของต้นไม้อย่างละเอียด แต่เขาไม่พบด้วงดาราเลยสักตัว ดูเหมือนกับว่าชายแก่นั้นจะจัดการพวกมันจนหมดก่อนที่เขาจะจากไป
“ฝูงด้วงดาราจะมาทุกๆสองถึงสามเดือน เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ตลอด เจ้าแค่ต้องมาในตอนที่พวกแมลงเดินทางมาถึง หลังจากนั้นเจ้าก็แค่ต้องฆ่าพวกมันให้หมด” เอ็กซ์ควิสิทพูดกับหานเซิ่น
ตอนที่ 2663
เนื่องจากหลี่เคอเอ๋อยังไม่ได้เลือกตัวไหม การประลองระหว่างตัวไหมจึงถูกเลื่อนออกไปอีกจนต้นไม้ดาราประสบกับการคุกคามของเหล่าแมลงอีกครั้งหนึ่ง แต่มันเพิ่งจะผ่านไปไม่นานหลังจากที่ด้วงดาราครั้งก่อนถูกเก็บกวาด ดังนั้นหานเซิ่นจึงรู้ว่าฝูงแมลงที่มาในครั้งนี้ไม่ได้มากนัก หานเซิ่นปล่อยให้ยักษ์หินและซีโน่เจเนอิคระดับราชันตัวอื่นอยู่ใกล้ต้นไม้ดารา เมื่อเขารับประกันความปลอดภัยของต้นไม้ดาราได้แล้ว เขาก็กลับมาที่ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์เพื่อฝึกและตกปลาต่อ
“ฮะ? ทำไมเราถึงตกได้อย่างอื่น?”
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน หานเซิ่นดึงสายตกปลาขึ้นมาและสังเกตเห็นว่าสิ่งที่เขาตกขึ้นมาได้คือโล่แทนที่จะเป็นแผ่นกระดาษเหมือนกับทุกที โล่นั้นทั้งเก่าและทรุดโทรม มันเต็มไปด้วยสนิม หานเซิ่นจับมันด้วยมือของเขา และเพียงแค่เขาออกแรงหน่อยเดียวมันก็เพียงพอจะบดขยี้โล่เก่าๆนั่น
“นี่มันอะไรกัน? ทำไมเราถึงตกได้ของห่วยๆแบบนี้?”
หานเซิ่นรู้สึกผิดหวัง แต่หลังจากนั้นเขาก็คิดกับตัวเอง ‘ถ้าเราตกไม่ได้กระดาษสีเหลืองพวกนั้นแล้ว นั่นหมายความว่าเราตกพวกมันขึ้นมาจนครบแล้วอย่างนั้นหรอ?’
เนื่องจากเอ็กซ์ควิสิทไม่ได้อยู่ หานเซิ่นจึงนำเอาแผ่นกระดาษสีเหลืองทั้งหมดออกมาและเริ่มเรียงลำดับตามหมายเลขหน้าของพวกมัน ตอนนี้มันเป็นหนังสือที่สมบูรณ์แล้วจริงๆ
“สามร้อยหกสิบห้าหน้า นั่นเป็นจำนวนที่มีนัยสำคัญ” โดยเริ่มจากหน้าแรกสุด หานเซิ่นอ่านเนื้อหาของหนังสืออีกครั้ง
โดยปกติแล้วเมื่อเอ็กซ์ควิสิทอยู่ที่นี่ หานเซิ่นจะไม่กล้าคิดหรือฝึกอะไรนอกเหนือไปจากวิชาก็อตส์วอนเดอร์และเวรี่เรียลบอดี้ การมีเพียงแค่สองวิชาให้ฝึกเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าเบื่อ แต่ตอนนี้เมื่อเขามองไปที่คัมภีร์นภาอำพัน ความรู้สึกสนใจและความมีชีวิตชีวิตก็กลับมาสู่หานเซิ่นอีกครั้ง หนังสือเล่มนี้ทำให้เขารู้สึกหลงไหล
ถึงแม้คัมภีร์นภาอำพันจะมีเพียงแค่รูปภาพ แต่หลังจากที่หานเซิ่นสังเกตมันอย่างละเอียด เขาก็เริ่มจะรู้สึกหนาวขึ้นมา
สถานการณ์ทั้งหมดเป็นอะไรที่ประหลาด กระดาษแผ่นหนึ่งที่ตกขึ้นมาจากทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์จะมีภาพร่างกายของมนุษย์อยู่ได้ยังไงกัน?
หานเซิ่นคำนึงถึงความเป็นไปได้ที่ภาพเหล่านั้นไม่ได้เป็นภาพของมนุษย์ แต่เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับมนุษย์เท่านั้น แต่หลังจากที่ตรวจดูเส้นสีแดงและฟ้าในรูปภาพอย่างถี่ถ้วนแล้ว หานเซิ่นก็เริ่มจะขนลุกขึ้นมา
เส้นสีแดงและฟ้าในรูปภาพนั้นเหมือนกับวิชาโลหิตชีพจร ไม่สิ มันไม่ได้คล้ายคลึงกับวิชาโลหิตชีพจร แต่มันตรงกันข้ามกัน มันเหมือนกับวิชาโลหิตชีพจรที่กลับตาลปัตร
หานเซิ่นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนๆหนึ่งฝึกวิชาโลหิตชีพจรที่กลับตาลปัตร แต่นั่นดูเหมือนจะเป็นคัมภีร์นภาอำพันนี้
“นี่มีใครบางคนพยายามจะใช้คัมภีร์นภาอำพันเพื่อหลอกเราอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าควรจะคิดยังไงกับสถานการณ์นี้ดี
เขาตกวิชาจีโนของมนุษย์ขึ้นมาจากทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ และมันยังเป็นวิชาโลหิตชีพจรเวอร์ชั่นกลับตาลปัตรอีก เรื่องทั้งหมดนี้เป็นอะไรที่แปลกมากๆ
แต่มันไม่สมเหตุสมผล ถ้าเรื่องทั้งหมดนี้จะถูกจัดฉากขึ้นโดยใครบางคน ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์นั้นเชื่อมต่อกับโลกปฏิสสาร ดังนั้นไม่มีใครสามารถลงไปที่นั่นได้ และถึงจะมีใครคนหนึ่งลงไปในทะเลสาบได้จริงๆ เขาก็ไม่ควรจะรู้ว่าหานเซิ่นนั้นฝึกวิชาโลหิตชีพจร
หานเซิ่นมองไปที่คัมภีร์นภาอำพันด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน เขาไม่กล้าจะฝึกมัน เขาไม่แม้แต่จะคิดเกี่ยวกับมัน
จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องฝึกมัน ถ้าเขาหวังที่จะใช้มัน เขาก็แค่ต้องใช้วิชาโลหิตชีพจรอย่างกลับตาลปัตร
แต่หานเซิ่นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาพยายามจะทำแบบนั้น ในคัมภีร์นภาอำพันเองก็ไม่ได้บอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน เขาไม่สามารถคาดเดาถึงผลที่จะตามมาหลังจากใช้วิชาจีโนในวิธีการแบบนั้นได้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หานเซิ่นอยากไปถามใครสักคนในพยุหะโลหิต แต่เขากำลังอยู่ในเอาท์เตอร์สกาย ตอนนี้เขาถูกตัดขาดจากโลกภายนอก แม้แต่การโทรไปหาสมาชิกของพยุหะโลหิตก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
หานเซิ่นเอาคัมภีร์นภาอำพันไปเก็บ เขาไม่กล้าจะมองดูมันอีกต่อไป ถ้าเขาเกิดสนใจมันขึ้นมาในอนาคต เขาก็สามารถใช้วิชาโลหิตชีพจรกลับหลังได้ทุกเมื่อ แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาทำแบบนั้น
“มันคงจะเป็นอะไรที่ดีมากๆถ้ากุนซือไวท์อยู่ที่นี่ด้วย ด้วยความรู้ของเขา เขาคงจะช่วยเราวิเคราะห์คัมภีร์นภาอำพันได้”
หานเซิ่นอยากจะใช้เวลาศึกษามากกว่านี้ ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ศึกษาความรู้ของสำนักเสวียนอย่างจริงจัง ไม่อย่างนั้นเขาก็อาจจะรู้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ในขณะที่เขากำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำต่อไป สัญลักษณ์สามเหลี่ยมของรูปปั้นหยกก็เรืองแสงขึ้นมาอีกครั้ง หานเซิ่นรีบสงบจิตใจและบังคับตัวเองให้คิดเกี่ยวกับวิชาเวรี่เรียลบอดี้
ไม่นานหลังจากนั้นเอ็กซ์ควิสิทก็เทเลพอร์ตมาที่ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ แต่ทว่าครั้งนี้เธอไม่ได้มาตามลำพัง เธอพาหลี่เคอเอ๋อมาด้วย
หานเซิ่นไม่ได้เห็นหลี่เคอเอ๋อตั้งแต่ที่พวกเขาแยกกันในคอร์แอเรีย ตอนนี้เธอดูเศร้าๆ
เอ็กซ์ควิสิทแนะนำตัวหลี่เคอเอ๋อให้หานเซิ่นรู้จัก หลี่เคอเอ๋อจดจำหานเซิ่นได้ แต่เธอไม่ได้รู้ว่าเขาคือคนเดียวกันกับดอลลาร์
“หานเซิ่น ข้ามีบางสิ่งอยากให้เจ้าช่วย” หลังจากที่เอ็กซ์ควิสิทแนะนำตัว เธอก็พูดเข้าเรื่องโดยไม่เสียเวลา
“ข้าจะอะไรทำเพื่อช่วยเหลือเจ้าได้?” หานเซิ่นถามด้วยความประหลาดใจ เขาเป็นคนนอกในเอาท์เตอร์สกาย ดังนั้นเขาไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ซึ่งเรื่องนี้ต้องเป็นอะไรที่พิเศษถึงทำให้เอ็กซ์ควิสิทเลือกจะมาขอความช่วยเหลือจากเขา
“มันมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น ทำให้นางยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ นางจำเป็นต้องเลือกใครสักคน” เอ็กซ์ควิสิทพูด
หลี่เคอเอ๋อส่ายหัว ขณะที่ยังคงดูเศร้าสร้อยนางพูดขึ้นว่า “พี่สามไม่จำเป็นต้องพูดอ้อมค้อมให้มากความ ตัวไหมที่ข้าเลือกปฏิเสธข้า และเขาไม่อยากจะเห็นหน้าข้าอีก ด้วยเหตุนั้นข้าจึงต้องเลือกตัวไหมคนใหม่”
หานเซิ่นพยายามหลีกเลี่ยงการคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น เขากลัวว่าเอ็กซ์ควิสิทจะสัมผัสได้ถึงความคิดของเขาและรู้ความจริงขึ้นมา
หานเซิ่นรู้ว่าหลี่เคอเอ๋อกำลังพูดถึงดอลลาร์ แต่เธอกล่าวหาเขาอย่างผิดๆ ที่เขาไม่เข้าไปในคอร์แอเรียนั้นไม่ได้เพราะเขากำลังหลีกเลี่ยงเธอ ความจริงแล้วเขาไม่ได้พยายามจะซ่อนตัวจากหลี่เคอเอ๋อเลยสักนิด เขาเพียงแค่ติดอยู่ภายในเอาท์เตอร์สกาย ทำให้เขาเข้าไปในคอร์แอเรียไม่ได้
“เจ้าอยากให้ข้าช่วยอะไร?” หานเซิ่นถาม เขาไม่รู้ว่าเอ็กซ์ควิสิทต้องการอะไร เขาตกลงจะเป็นตัวไหมของเอ็กซ์ควิสิทเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาไม่รู้ว่าจะสามารถทำอะไรเพื่อช่วยหลี่เคอเอ๋อได้
“เวลาเกือบหมดแล้ว แต่น้องสาวของข้ายังหาตัวไหมดีๆไม่ได้ ด้วยเหตุนั้นข้าจึงมาขอให้เจ้าช่วย ถ้าเจ้าโน้มน้าวให้ไผ่เดียวดายยอมเป็นตัวไหมของนางได้ พวกเราก็จะซาบซึ้งอย่างมาก” เอ็กซ์ควิสิทพูด
“ข้าทำเรื่องนั้นไม่ได้จริงๆ ถ้าไผ่เดียวดายยินดีจะมา เขาก็คงจะไม่ยอมถูกขังแบบนั้น มันไม่มีอะไรจะเปลี่ยนใจของเขาได้” หานเซิ่นพูด
“เจ้าจะบอกว่าถึงแม้เจ้าจะขอร้อง เขาก็จะไม่ฟังเจ้าอย่างนั้นหรอ? ข้าก็คิดว่าเขายินดีจะไปแทนเจ้าซะอีก” เอ็กซ์ควิสิทพูดขณะที่จ้องไปที่หานเซิ่น
“ต้องขอโทษพวกเจ้าด้วย แต่ข้าคงจะช่วยพวกเจ้าในเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ”
หานเซิ่นส่ายหัว เขารู้ว่าสถานการณ์นั้นมันน่าอึดอัดขนาดไหน
ถึงแม้เขาจะมีรูปปั้นหยกของผู้นำปราสาทนภาอยู่ แต่เขาก็ยังต้องระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา มันเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่าการให้โจรไปอยู่ในสถานีตำรวจ ถ้าเขาไม่ระวังตัวให้ดี เอ็กซ์ควิสิทก็จะมองเข้าไปในจิตใจของเขา เขาไม่ต้องการให้ไผ่เดียวดายมาประสบชะตากรรมแบบเดียวกับเขา
“ถ้าเจ้าโน้มน้าวไผ่เดียวดายไม่ได้ แบบนั้นมันก็มีอีกหนทางหนึ่งที่เจ้าจะช่วยพวกเราได้” เอ็กซ์ควิสิทหัวเราะคิกคักให้กับหานเซิ่น
“มันคืออะไร?” หานเซิ่นถาม เขาเริ่มจะรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
“มันเป็นอย่างที่เจ้าคิด ข้าอยากให้เจ้าช่วยเป็นตัวไหมของน้องสาวข้าด้วยอีกคน” เอ็กซ์ควิสิทพูด ความกังวลของหานเซิ่นกลายเป็นความจริงขึ้นมา
ตอนที่ 2664
“นั่นไม่แปลกไปหน่อยหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่เอ็กซ์ควิสิทด้วยความแปลกใจ
“มีอะไรแปลก? ไหนๆเจ้าก็ถูกจับตามองโดยคนๆหนึ่งแล้ว การถูกจับตามองเพิ่มอีกคนจะเป็นอะไรไป เจ้าแค่จำเป็นต้องแบ่งปันประสบการณ์ของเจ้าให้กับคนอื่นเพิ่มอีกคน มันไม่ได้เป็นผลเสียอะไรกับเจ้าแม้แต่น้อย และเจ้ายังจะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นอีก เจ้าจะได้รับทรัพยากรจากทั้งข้าและน้องสาวของข้า นั่นไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรอ?” เอ็กซ์ควิสิทพูดกับหานเซิ่นด้วยรอยยิ้ม
“ที่เจ้าพูดมันก็ถูก แต่ข้าคิดว่ามันอาจจะยังมีปัญหาบางอย่างกับแผนการนี้” หานเซิ่นพูดเบาๆ
“มันจะมีปัญหาอะไรได้? เจ้าไม่ดีใจหรือยังไงที่จะได้รับทรัพยากรเพิ่มเป็นสองเท่าน่ะ?”
เอ็กซ์ควิสิทคิดเกี่ยวกับมันอีกสักครู่ หลังจากนั้นเธอก็พูดต่อไปว่า “ถ้าเจ้ากลายเป็นตัวไหมของหลี่เคอเอ๋อ เจ้าก็จะได้รับผลไม้ดาราเพิ่มอีก”
“แต่ผู้อาวุโสไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ข้าคิดว่าจะหยุดการมอบผลไม้” หานเซิ่นพูด
“ข้าแค่ยกตัวอย่าง มันยังมีทรัพยากรอีกมากที่เหมือนกับต้นไม้ดารา และเจ้าจะได้รับพวกมันเพิ่มเป็นสองเท่า”
เอ็กซ์ควิสิทพูด หลังจากนั้นเธอก็วางมือลงบนไหล่ของหานเซิ่นและเทเลพอร์ตเขาไป พวกเขาไปปรากฏตัวตรงหน้าแท่นบูชาที่หานเซิ่นทำพันธสัญญากับเอ็กซ์ควิสิท
หานเซิ่นทำพันธสัญญาอีกครั้งหนึ่งและกลายเป็นตัวไหมของหลี่เคอเอ๋อด้วยอีกคน
และเนื่องจากเอ็กซ์ควิสิทอยู่ที่นั่นด้วย หานเซิ่นต้องทำจิตใจให้ว่างเปล่าอยู่ตลอดเวลา เขารอจนกระทั่งอยู่ตามลำพังและออกจากระยะการเชื่อมต่อของเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อ ก่อนที่เขาจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติม เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย
“รูปปั้นหยกของผู้นำปราสาทนภาจะดูดซับเครื่องหมายของพันธสัญญาอันที่สองได้ไหมนะ ถ้ามันทำไม่ได้ เราก็จะถูกเปิดโปง”
หานเซิ่นรีบนำเอารูปปั้นหยกออกมาและกดมันลงไปบนตราประทับของหลี่เคอเอ๋อ
โชคดีที่ความกังวลของหานเซิ่นไม่เป็นจริง เครื่องหมายนั้นถูกดูดกลืนโดยรูปปั้นหยกได้สำเร็จ
“ในเมื่อรูปปั้นหยกยังคงดูดซับเครื่องหมายพันธสัญญาได้ สถานการณ์ของเราก็ยังเป็นไปด้วยดีอยู่ มันไม่ได้มีความแตกต่างอะไรมาก ไม่ว่าเราจะถูกจับตามองโดยหนึ่งคนหรือสองคน และถ้ามันหมายความว่าเราจะได้รับทรัพยากรเป็นสองเท่า นั่นหมายความว่านี่ถือเป็นเรื่องดีอย่างนั้นสินะ?”
แต่หานเซิ่นยังไม่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องดีจริงๆ เขารู้สึกว่ามันมีบางสิ่งที่อันตรายเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ แต่เขาไม่สามารถระบุได้ว่ามันคืออะไร
‘เอ็กซ์ควิสิทพูดเกี่ยวกับรางวัลที่เราจะได้รับ แต่พวกมันคืออะไร? หวังว่ามันจะเป็นยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
ขณะเดียวกันเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อกำลังยืนอยู่ในห้องโถงแห่งหนึ่งเพื่อเซ็นชื่อของหานเซิ่นสำหรับการประลองระหว่างตัวไหม นั่นคือรางวัลที่เอ็กซ์ควิสิทกำลังพูดถึง
การประลองระหว่างตัวไหมจะมอบทรัพยากรจำนวนมากให้กับผู้ชนะ แต่ตัวไหมจะต้องต่อสู้เพื่อพวกมัน ยิ่งพวกเขาได้อันดับสูงมากเท่าไหร่ ทรัพยากรที่พวกเขาจะได้รับก็มากขึ้นเท่านั้น
ในรุ่นนี้มีเผ่าเวรี่ไฮอยู่ทั้งหมดสิบสามคนและตัวไหมทั้งหมดสิบสองคน ซึ่งถ้าใครไม่ติดอันดับหนึ่งในสิบ พวกเขาก็แทบจะไม่ได้รับรางวัลอะไร
ติดในอันดับที่ห้าถึงสิบก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก รางวัลที่พวกเขาจะได้รับยังคงเล็กน้อย แต่รางวัลจะดีขึ้นอย่างมากสำหรับคนที่ติดห้าอันดับแรก ตั้งแต่ระดับห้าขึ้นไปทุกระดับจะได้รางวัลเป็นสองเท่าของอันดับก่อนหน้านี้ ซึ่งการที่รางวัลถูกแบ่งแบบนั้นก็เพื่อทำให้ตัวไหมทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ในการประลอง
มันเป็นอะไรที่สำคัญสำหรับคนหนุ่มสาวของเผ่าเวรี่ไฮที่ได้จะรู้สึกถึงการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายของตัวไหม พวกเขาจำเป็นต้องสัมผัสว่าในการต่อสู้แบบนั้นจะต้องดึงเอาความรู้สึกแบบไหนออกมา แบบนั้นพวกเขาก็จะมีประสบการณ์การต่อสู้ที่ตัดสินความเป็นความตายโดยไม่ต้องนำตัวเองไปตกอยู่ในอันตราย มีเพียงแค่เผ่าเวรี่ไฮเท่านั้นที่จะช่วยให้ลูกหลานของพวกเขาทำอะไรแบบนั้น
ทุกคนในเผ่าเวรี่ไฮประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อมีตัวไหมคนเดียวกัน มันเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่มันถือเป็นเหตุการณ์ที่หาได้ยาก
คนของเผ่าเวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรกับเรื่องนี้ แต่คนของเวรี่ไฮอย่างหลี่อวี้เจินนั้นต่างออกไป
“หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทเลือกตัวไหมคนเดียวกัน หานเซิ่นนั้นโชคดีจริงๆ เขาจะได้ประโยชน์จากพวกเราอีกแล้ว” หลี่อวี้เจินพูดอย่างเย็นชา
หลี่เสวี่ยเฉิงหัวเราะและพูด “การเป็นตัวไหมของเวรี่ไฮสองคนไม่ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเขา เพราะถึงเขาจะได้รับทรัพยากรเป็นสองเท่า แต่ความรับผิดชอบของเขาก็จะเพิ่มเป็นสองเท่าด้วยเช่นกัน”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ หลี่เสวี่ยเฉิงก็พูดต่อ “แถมในตอนที่เขาทำให้คนมากมายต้องสูญเสียทรัพย์สินไปกับการเดิมพัน มันก็จะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะได้รับทรัพยากรอยู่ดี”
“เจ้าเก็บเงินเดิมพันมาแล้วหรือยัง?” หลี่อวี้เจินถาม
“ข้าเก็บพวกมันทั้งหมดตั้งแต่ก่อนที่จะมีประกาศห้ามใช้สมบัติในการประลองแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครถอนตัวในตอนนี้”
หลี่เสวี่ยเฉิงพูดต่อ “หานเซิ่นแค่ต้องไม่ได้อันดับที่หนึ่งในการประลอง หลังจากนั้นพวกเราก็จะร่ำรวย ทรัพยากรที่พวกเราได้รับมากพอที่จะทำให้พวกเรากลายเป็นระดับเทพเจ้า มันจะช่วยให้พวกเราไปถึงขั้นลาร์วาเป็นอย่างน้อย และบางทีสมบัติที่นำมาเดิมพันอาจจะเป็นอะไรที่หายาก แต่ถ้าพวกเราแพ้พนัน มันก็ไม่มีทางที่พวกเราจะจ่ายคืนได้ทั้งหมด”
“พวกเราจะแพ้ได้ยังไง?” หลี่อวี้เจินพูดพร้อมกับหัวเราะ
“ตัวไหมทุกคนเป็นระดับครึ่งเทพเป็นอย่างน้อย พวกเขาอยู่ระดับสูงกว่าหานเซิ่นกันทั้งนั้น แถมมันยังมีตัวไหมที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดอยู่อีก แบบนั้นไม่ว่าหานเซิ่นจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เขาก็ได้ไม่เกินอันดับที่สองอยู่ดี”
“เจ้าพูดถูก ไม่ว่าระดับราชันขั้นที่เก้าคนหนึ่งจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน พวกเขาก็เอาชนะระดับเทพเจ้าไม่ได้ แถมตัวไหมที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดยังมีพรสวรรค์ที่สูงมากๆ เขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเผ่าเวรี่เลย เขาเทียบได้กับสมาชิกของพวกเราที่อยู่ในระดับเดียวกัน การจะเอาชนะระดับราชันคนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเขา” หลี่เสวี่ยเฉิงพูด เขามั่นใจว่าจะชนะการเดิมพันครั้งนี้
ในตอนที่เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋ออธิบายเกี่ยวกับรางวัลที่สัญญา หานเซิ่นก็ส่ายหัวและพูด
“นี่น่ะหรอของดีที่พวกเจ้าพูดถึง? ข้าจำเป็นต้องสู้เพื่อจะได้มันมา และข้าก็เข้าร่วมในฐานะคนๆเดียว แบบนั้นข้าจะได้ผลประโยชน์เป็นสองเท่ายังไงกัน?”
“เจ้าจะได้รับการสนับสนุนจากพวกเราทั้งสองคน นั่นไม่ถือเป็นผลประโยชน์สองเท่าหรือยังไง?” เอ็กซ์ควิสิทพูด
หานเซิ่นและหลี่เคอเอ๋อมองเอ็กซ์ควิสิทอย่างพูดอะไรไม่ออก หานเซิ่นไม่รู้ว่านี่เอ็กซ์ควิสิทกำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า แต่หลี่เคอเอ๋อดูจะประหลาดใจอย่างมากที่เห็นเอ็กซ์ควิสิทพูดอะไรแบบนั้น เธอไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นเอ็กซ์ควิสิทคนเดียวกับที่เติบโตมาพร้อมกับเธอ
“ทำไมเจ้าถึงมองข้าแบบนั้น? ถ้าเจ้ามีเวลาว่าง เจ้าควรอ่านหนังสือเกี่ยวกับคู่ต่อสู้และจำเอาไว้ว่ายิ่งเจ้าได้อันดับสูงมากเท่าไหร่ เจ้าก็จะได้รับทรัพยากรมากเท่านั้น ถ้าเจ้าได้รับอันดับที่สอง เจ้าจะได้รับสมบัติระดับเทพเจ้าและยังทรัพยากรอื่นๆอีกมากมาย” เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างสงบนิ่ง
“แล้วอันดับที่หนึ่งล่ะ?” หานเซิ่นมองดูข้อมูลที่ได้รับขณะที่ถามขึ้นมา
“มันมีคนที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำหนดเข้าร่วมการประลองครั้งนี้ด้วย ซึ่งเขาคงจะได้รับอันดับที่หนึ่ง เจ้าแค่จำเป็นต้องพยายามอย่างเต็มที่ที่จะได้รับอันดับที่สอง” เอ็กซ์ควิสิทพูดพร้อมกับยักไหล่เล็กน้อย
“คนที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดเข้าร่วมด้วย? และข้ายังใช้สมบัติไม่ได้อีก? ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงจะได้แค่อันดับที่สองจริงๆ”
หานเซิ่นพูดพร้อมกับพยักหน้า ถ้าเขาไม่สามารถใช้เสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูงและธนูเทพงูหกครอ์ได้ เขาก็ไม่คิดว่าจะสามารถเอาชนะยอดฝีมือระดับเทพเจ้าได้ ถึงแม้ระดับเทพเจ้าคนนั้นจะเป็นแค่ขั้นพริมีทีฟก็ตาม
ตอนที่ 2665
ในตอนที่หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทออกไปจากทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ หลี่เคอเอ๋อก็หันมามองเอ็กซ์ควิสิทด้วยความสับสน
“นี่พี่จะไม่บอกเขาเกี่ยวกับการเรื่องที่ผู้คนวางเดิมพันข้างเขาอย่างนั้นหรอ?”
“ถึงเขาจะรู้เรื่องนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร นี่พวกเราจะให้เขาต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับคนที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดหรือยังไง? ข้าไม่อยากหาตัวไหมคนใหม่” เอ็กซ์ควิสิทพูด
“พี่พูดถูก” หลี่เคอเอ๋อพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“มันเป็นไปไม่ได้ที่ราชันคนหนึ่งจะเอาชนะคนที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด แถมระดับเทพเจ้าคนนั้นก็ไม่ได้ขาดพรสวรรค์ เขาเก่งกาจไม่ต่างไปจากคนของเผ่าเวรี่ไฮ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะเอาชนะเขาได้ และหานเซิ่นก็เป็นเพียงแค่ระดับราชันขั้นที่เก้า”
หลี่เคอเอ๋อถอนหายใจและพูดต่อ “ผู้คนที่เชื่อว่าหานเซิ่นจะได้รับอันดับที่หนึ่งและวางเดิมพันข้างเขาด้วยทรัพย์สินจำนวนมากกำลังจะต้องเสียสิ่งที่พวกเขาเดิมพันไป พวกเขาทำอะไรกับหลี่เสวี่ยเฉิงไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาคงจะต้องมาระบายความโกรธที่หานเซิ่นเป็นแน่ แบบนั้นที่ไหนก็ตามที่เขาไป เขาก็คงจะเจอกับปัญหา”
“นั่นเป็นบางสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเราแค่ต้องหาหนทางที่จะแก้ไขเรื่องนี้หรืออย่างน้อยก็บรรเทาผลร้ายที่จะตามมา” เอ็กซ์ควิสิทพูด
…
หานเซิ่นใช้เวลาสักพักไปกับการอ่านข้อมูลที่ได้มา มันบรรยายเกี่ยวกับตัวไหมทั้งสิบเอ็ดคนที่เขาจะต้องต่อสู้ด้วย ข้อมูลนั้นเป็นอะไรที่ครอบคลุม มันเป็นเหมือนกับเมนูของร้านอาหาร
มันมีภาพของตัวไหมทุกคนอยู่ในหนังสือ หานเซิ่นเห็นคนที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำหนดอยู่ที่หน้าแรกสุด
เชล : เผ่าไลอ้อนฮาร์ทกลายพันธุ์
ระดับ: เทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ
เพศ: ชาย
วิชาจีโนหลัก: ไลอ้อนคิลเลอร์
งานอดิเรกและสิ่งที่สนใจ: ของหวาน
ข้อมูลนั้นละเอียดมากๆ แต่ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์สำหรับหานเซิ่น เขาไม่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับงานอดิเรกคู่ต่อสู้ เขาไม่จำเป็นต้องรู้สีของชุดเกราะที่คนอื่นสวมใส่หรือสิ่งที่พวกเขาชอบทำเพื่อความสนุก มันไม่ได้มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับพลัง ทั้งหมดที่หานเซิ่นรู้ก็คือเรื่องที่ระดับเทพเจ้าคนนี้มีวิชาจีโนที่เรียกว่าไลอ้อนคิลเลอร์
“การอ่านข้อมูลพวกนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลย” หานเซิ่นส่ายหัว
หานเซิ่นอ่านต่อไป และเขาสังเกตว่าข้อมูลเกี่ยวกับตัวไหมคนอื่นเป็นเหมือนกัน ในตอนที่เขาเปิดไปถึงหน้าที่สี่ เขาก็เห็นข้อมูลของอวี้ซ่านซิน แต่ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์เช่นเคย มันบอกแค่ว่าเขาเชี่ยวชาญในวิถีเอ็กซ์ตรีมอีวิลแค่นั้น
หานเซิ่นอ่านข้อมูลไปเรื่อยๆโดยจำจดแค่ใบหน้า ชื่อและเผ่าพันธุ์ของตัวไหมทุกคน ข้อมูลอื่นที่เหลือเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์สำหรับเขา
หานเซิ่นเปิดไปจนถึงหน้าสุดท้ายและได้เห็นข้อมูลของตัวเอง
หานเซิ่น : เผ่าคริสตัลไลเซอร์ (รับใช้ปราสาทนภา)
ระดับ: ราชันขั้นที่เก้า
เพศ: ชาย
วิชาจีโนหลัก: เรื่องราวของยีน, มีดเขี้ยวดาบ, มีดใต้นภา…
สมบัติที่เป็นเจ้าของ: แส้เหล็กเทพเสน่ห์หา, โล่เมดูซ่าส์เกซ, เสื้อคลุมขนนกที่ไม่รู้ที่มา, ธนูที่ไม่รู้ที่มา…
“เดี๋ยวก่อนนะ นี่มันอะไรกัน?” หานเซิ่นอึ้งไป ข้อมูลเกี่ยวกับตัวไหมอื่นแทบจะเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ แต่ข้อมูลของตัวเขาเป็นอะไรที่ละเอียดอย่างน่าประหลาดใจ มันบอกทุกสิ่งอย่างค่อนข้างชัดเจนและมันยังพูดถึงสมบัติที่เขามี แถมมันยังบรรยายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิชาจีโนแต่ละตัวและสมบัติแต่ละชนิดของเขาอย่างละเอียดอีกด้วย
“ใครกันที่เป็นคนจัดทำหนังสือบ้าๆนี่ขึ้นมา? ทำไมเขาถึงได้จงใจที่จะเปิดเผยพลังของเรา?” หานเซิ่นรู้สึกอยากจะฆ่าใครสักคน เขาไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับศัตรูของเขา แต่คู่ต่อสู้ได้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา นี่มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิดเดียว
หลังจากอ่านข้อมูลของตัวไหมทุกคน มันก็มีบทสรุปให้ “อัจฉริยะที่จะสยบเผ่าพันธุ์นับพันที่ประกอบเป็นจักรวาลที่พวกเราอาศัยอยู่ คนที่โดดเด่นที่สุดจะกลายเป็นตัวไหมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นอกจากเชลที่พวกเรารู้ว่าต่อสู้ได้แล้ว คนอื่นยังไม่ถูกตัดสิน เขาคือคนที่หลายคนเชื่อว่าจะเป็นผู้ชนะในการประลองระหว่างตัวไหม”
“ไอ้เวรเอ้ย” หลังจากที่อ่านบทสรุป หานเซิ่นก็รู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล เขาพลิกหน้าหนังสือไปอีกจนกระทั่งเขาเห็นบรรทัดสุดท้ายที่ด้านหลังของหนังสือ มันเขียนเอาไว้ว่า “ผู้เรียบเรียง: หลี่เสวี่ยเฉิง”
“หลี่เสวี่ยเฉิงคนนี้เป็นใครกัน? ทำไมเขาถึงได้จงใจเปิดเผยข้อมูลของเรา?” หานเซิ่นสงสัย เขาจำไม่ได้ว่าเคยเจอคนชื่อนี้ ความจริงแล้วเขาได้เจอคนของเผ่าเวรี่ไฮเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นตั้งแต่มาถึงเอาท์เตอร์สกาย เขาไม่ได้รู้จักใครคนไหนที่ชื่อหลี่เสวี่ยเฉิง ดังนั้นมันไม่มีทางที่เขาจะไปล่วงละเมิดคนๆนี้ไปได้
“นี่หลี่เสวี่ยเฉิงและหลี่อวี้เจินร่วมมือกันอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย เพราะนอกจากหลี่อวี้เจินแล้ว เขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใครในเผ่าเวรี่ไฮ
เมื่อคิดได้แบบนั้น หานเซิ่นก็ต้องตกใจอีกครั้งหนึ่ง เขารู้สึกตัวขึ้นมาว่าการประลองระหว่างตัวไหมนี้ไม่ได้เป็นอะไรที่เรียบง่ายเหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้ในตอนแรก
หานเซิ่นเปิดหนังสือกลับไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับคู่ต่อสู้อีกครั้ง พวกเขาทุกคนล้วนแต่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด มันมีคนของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงอยู่ด้วย และหนึ่งตัวไหมก็คืออวี้ซ่านซินที่เป็นคนหน้าใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่านภา
ส่วนเชลที่มาจากเผ่าไออ้อนอาร์ทนั้น จริงๆแล้วเป็นเพียงแค่เผ่าพันธุ์ไร้ชื่อเผ่าหนึ่ง และมันมีครึ่งเทพเพียงแค่คนเดียวในหมู่พวกเขา เชลเป็นบุตรชายของครึ่งเทพคนหนึ่ง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างในตอนที่เขาถือกำเนิดขึ้นมามันมีการกลายพันธ์ของยีน มันทำให้เขากลายเป็นระดับเทพเจ้า และพรสวรรค์ของเขาก็สูงอย่างไม่น่าเชื่อ
ผลลัพธ์ของการทดสอบของก็อตสปิริตทัชบอกว่าเขามีพรสวรรค์ระดับสิบเปลือก หลังจากนั้นเผ่าพันธุ์ไลอ้อนฮาร์ทก็เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา ถ้าเขาไม่ได้ถูกเลือกโดยหนึ่งในคนของเผ่าเวรี่ไฮซะก่อน เขาก็มีแผนที่จะต่อสู้เพื่อจุดดวงไฟในจีโนฮอลล์
เชลถูกเลือกมาเป็นตัวไหมเมื่อสี่ปีก่อน เขาฝึกฝนอยู่ภายในเอาท์เตอร์สกายมาเป็นเวลานาน ดังนั้นมันง่ายที่จะจินตนาการว่าเขาจะน่ากลัวขนาดไหน
‘ถ้าเราใช้สมบัติได้ เราก็อาจจะเอาชนะเชลคนนี้ได้อยู่ แต่ถ้าเราใช้สมบัติไม่ได้ อย่างนั้นเราก็คงจะเอาชนะเชลไม่ได้ และการเอาชนะตัวไหมคนอื่นๆคงจะเป็นเรื่องยากเช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้คำนึงถึงคนอื่น เราก็ต้องต่อสู้กับอวี้ซ่านซิน หมอนั่นเป็นอะไรที่ยากจะรับมือ’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
ที่ด้านหลังของหนังสือ มันมีรายชื่อของรางวัลที่จะได้รับจากอันดับต่างๆในการประลองระหว่างตัวไหม รางวัลอันดับที่หนึ่งคือเซ็ตสมบัติระดับเทพเจ้า ในตอนแรกที่หานเซิ่นได้อ่านมัน เขาก็รู้สึกสับสน แต่หลังจากที่เขาอ่านละเอียด เขาก็อ้าปากค้าง
เซ็ตสมบัติระดับเทพเจ้าที่พูดถึงคือชุดเกราะครบเช็ตที่ประกอบไปด้วยสมบัติที่ทรงพลัง ส่วนลำตัวคือสมบัติระดับเทพเจ้าชิ้นหนึ่ง ส่วนเข็มขัดเองก็เช่นเดียวกัน ทั้งถุงมือและรองเท้าก็เป็นสมบัติระดับเทพเจ้าสี่ชิ้น ด้วยหมวกอีกชิ้นหนึ่ง มันก็จะรวมเป็นสมบัติระดับเทพเจ้าเจ็ดชิ้นด้วยกัน มันรวมกันกลายเป็นเซ็ตสมบัติระดับเทพเจ้าที่เรียกว่า “เซ็ตอะพอลโล”
หานเซิ่นยังคงอ่านต่อไป และเขาก็สังเกตเห็นว่าเซ็ตอะพอลโลไม่ใช่แค่สมบัติระดับเทพเจ้าชิ้นหนึ่งที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนเจ็ดอย่าง ทุกชิ้นส่วนเป็นสมบัติระดับเทพเจ้าในตัวของมันเอง พวกมันทั้งหมดเป็นขั้นพริมิทีฟ ถ้าหานเซิ่นใช้พวกมันทั้งหมดร่วมกัน มันก็จะทำให้เขาเทียบได้กับระดับเทพเจ้าขั้นทรานมิวเทชั่น
อันดับที่สองจะได้รับสมบัติระดับเทพเจ้าเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น รางวัลอันดับที่สองกับอันดับที่หนึ่งนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว ในหนังสือมีภาพของเซ็ตอะพอลโลให้ดูด้วย มันเป็นชุดเกราะสีเงินที่แวววาวราวกับกระจกที่มันเงา มันทั้งดูเท่และลึกลับ มันดูเหมือนจะเปล่งรัศมีของความรุ่งโรจน์
หลังจากที่หานเซิ่นอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเซ็ตอะพอลโลเสร็จ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะน้ำลายไหล ถ้าผู้ใช้ยังไม่ถึงระดับเทพเจ้า พวกเขาก็ไม่สามารถเปิดใช้พลังของเซ็ตอะพอลโลได้ แต่ถ้าคนหลายคนใช้ชิ้นส่วนของเช็ตพร้อมๆกัน ทั้งเจ็ดชิ้นก็สามารถเปิดใช้ปีกของอะพอลโลซึ่งเป็นโซ่สสาร พวกมันมีพลังระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ ซึ่งแม้แต่ระดับราชันคนหนึ่งก็สามารถควบคุมพวกมันได้
ตอนที่ 2666
“นี่มันเป็นของดี เผ่าเวรี่ไฮมอบรางวัลแบบนี้ในเกมส์การแข่งขันหรอเนี่ย? เผ่าพันธุ์อื่นแทบจะไม่มีทรัพยากรแบบนี้ให้กับคนในเผ่าตัวเองด้วยซ้ำ”
หานเซิ่นถอนหายใจ เผ่าเวรี่ไฮนั้นจะร่ำรวยเกินไปแล้ว หานเซิ่นจะปกป้องสมบัติระดับเทพเจ้าที่ได้มาราวกับว่าเป็นลูกของตัวเอง แต่เผ่าเวรี่ไฮกลับจะมอบพวกมันถึงเจ็ดชิ้นเป็นรางวัลในการประลอง หานเซิ่นไม่สามารถคิดชื่อของเผ่าพันธุ์ไหนที่จะมีความมั่งคั่งเทียบชั้นกับเผ่าเวรี่ไฮได้ เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงเรียกตัวเองว่าเป็นเผ่าพันธุ์อันดับหนึ่ง แต่เมื่อพวกเขาก็ไม่สามารถเทียบชั้นกับเผ่าเวรี่ไฮได้ พวกเขาดูจนไปเลยเมื่อเทียบกันแล้ว
‘ถ้าเราโค้นล้มเอาท์เตอร์สกายได้ล่ะก็…’ ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของหานเซิ่น เขาก็สลัดมันทิ้งไป เขารู้ว่าไม่สามารถเสี่ยงคิดอะไรแบบนั้นได้ ถ้าหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทพบว่าเขาคำนึงถึงเรื่องนี้ในอนาคตข้างหน้า มันก็คงจะจบไม่สวยสำหรับเขา
หานเซิ่นครุ่นคิดเกี่ยวกับรางวัลอีกสักพัก ในที่สุดแล้วเขาก็คิดกับตัวเอง
‘เราต้องการเซ็ตอะพอลโลจริงๆ บางทีเราอาจจะรับมือกับตัวไหมคนอื่นได้อยู่ แต่เชลคนนี้นี่สิ… ไม่รู้จริงๆว่าจะเอาชนะเขาได้ยังไง เราใช้วิญญาณอสูรไม่ได้ และเราก็ใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดไม่ได้เช่นกัน เพราะพวกเขาทุกคนรู้จักเราในฐานะหานเซิ่น แบบนั้นเราจะเอาชนะคนที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดได้ยังไงกัน?’
หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นาน แต่เขาก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ เพราะยังไงซะเขาก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเชลมากนัก
ในตอนที่เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อกลับมา หานเซิ่นก็ถามพวกเธอว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับตัวไหมคนอื่นอีกไหม เอ็กซ์ควิสิทได้เตรียมมันเรียบร้อยแล้ว เธอมอบข้อมูลที่เธอกับหลี่เคอเอ๋อช่วยกันเก็บรวบรวมในหลายวันที่ผ่านมาให้กับเข้า
“อีกเรื่องหนึ่ง พวกเจ้ารู้ไหมว่าหลี่เสวี่ยเฉิงคนนี้เป็นใครกัน? นี่ข้าไปทำอะไรบางอย่างให้เขาไม่พอใจอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามขณะที่ชี้ไปที่หนังสือ
“เขาเกี่ยวข้องกับหลี่อวี้เจิน” เอ็กซ์ควิสิทพูดออกมาหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วขณะ
หานเซิ่นไม่สามารถอ่านจิตใจของเอ็กซ์ควิสิทได้ แต่เขาเป็นคนที่ช่างสังเกต เห็นได้ชัดว่าเอ็กซ์ควิสิทมีปฏิกิริยาแปลกๆเมื่อเขาถามแบบนั้น เขาจึงรู้ว่ามันต้องมีเรื่องบางอย่างที่เธอไม่ได้บอกเขา
“นี่หลี่อวี้เจินไปทำอะไรบางอย่างไว้นั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
เอ็กซ์ควิสิทยังคงเงียบ แต่หลี่เคอเอ๋อพูดขึ้นมา
“ข้าคิดว่าพวกเราควรบอกให้เขารู้ เพื่อที่เขาจะได้เตรียมรับผลร้ายที่จะตามมา”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
เอ็กซ์ควิสิทอธิบายการเดิมพันระหว่างคนของเผ่าเวรี่ไฮที่ถูกดำเนินการโดยหลี่เสวี่ยเฉิง หลังจากนั้นเธอก็พูดต่อ
“จริงๆแล้วเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า แต่ก็มีคนหลายคนที่จะสูญเสียทรัพยากรและสมบัติจากการถูกหลอกโดยหลี่เสวี่ยเฉิง ข้ากลัวว่าพวกเขาอาจจะไม่ปล่อยเรี่องนี้ไปง่ายๆ”
หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมาและถาม “นี่คนของเผ่าเวรี่ไฮชอบการพนันมากขนาดนี้เลย?”
“คนที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์จะไม่สนใจการพนัน แต่คนอื่นไม่ได้คิดแบนั้น… ข้าคิดว่าเอาท์เตอร์สกายนั้นปลอดภัยเกินไป เผ่าเวรี่ไฮคนอื่นจึงไม่ได้รู้ว่ามันรู้สึกยังไงที่ต้องต่อสู้ด้วยชีวิตของตัวเอง สิ่งต่างๆได้มาอย่างง่ายดายสำหรับพวกเขา และผลลัพธ์นั้นทำให้พวกเขาไม่เห็นคุณค่าของทรัพย์สมบัติที่พวกเขามี” หลี่เคอเอ๋อส่ายหัวและถอนหายใจ
“ถ้าข้าทำให้พวกเขาสูญเสียสมบัติและทรัพยากรมากไป พวกเขาก็จะมาเอาโทษข้าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“พวกเขาคงจะไม่มาทำอะไรเจ้า แต่พวกเขาก็คงจะไม่ชอบเจ้าเช่นกัน หลี่เสวี่ยเฉิงแค่ต้องการสมบัติและทรัพยากร ด้วยเหตุนั้นเขาจึงหลอกใช้เจ้า” เอ็กซ์ควิสิทพูด
“บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้ถูกหลอก ถ้าข้าช่วยให้พวกเขาชนะพนัน พวกเขาก็จะช่วยเหลือข้าในอนาคตถูกไหม?” หานเซิ่นพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“พวกเขาควบคุมแหล่งทรัพยากรมากมายในเอาท์เตอร์สกาย ข้าคิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงพวกเขา ดังนั้นถ้าพวกเขาชอบเจ้า การหาจะทรัพยากรก็เป็นอะไรที่ง่ายขึ้นอย่างมาก”
หลังจากนั้นหลี่เคอเอ๋อก็มองไปที่หานเซิ่นและถาม “เจ้าคิดจะทำอะไรอย่างนั้นหรอ?”
“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ง่ายๆ? เพื่อจะแก้ไขปัญหาทั้งหมดนี้ ข้าก็แค่ต้องได้อันดับที่หนึ่งในการประลอง” หานเซิ่นพูด
“เจ้าพูดถูก นั่นจะแก้ไขปัญหานี้ แต่…การจะทำแบบนั้นหมายความว่าเจ้าต้องเอาชนะเชล พรสวรรค์ของเขานั้นน่ากลัวมากๆ ในเวลาเพียงแค่สี่ปีที่เขาอยู่ที่นี่ เขาเรียนรู้วิชาจีโนไปมากมาย นั่นรวมถึงก็อตส์วอนเดอร์ ถ้าเจ้าต้องต่อสู้กับเขา ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะทำอะไรเชลได้” หลี่เคอเอ๋อพูด
“ข้ายังไม่ได้ลองดูเลย ทำไมถึงคิดว่าข้าเอาชนะเขาไม่ได้?” หานเซิ่นดูใจเย็นกับเรื่องทั้งหมดนี้ เขาเปิดอ่านข้อมูลใหม่และเริ่มศึกษาเกี่ยวกับคู่ต่อสู้
หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทมองหน้ากัน พวกเธอสัมผัสได้ถึงความมั่นใจของหานเซิ่น ตอนนี้เขาดูมั่นใจว่าจะเอาชนะเชลได้ แต่พวกเธอไม่เข้าใจว่าเขาไปเอาความมั่นใจเหล่านั้นมาจากไหน
“พี่สาม พี่ไม่คิดว่ามันแปลกไปหน่อยหรอ? ทำไมพวกเราสัมผัสได้ถึงความมั่นใจของเขา แต่ไม่รู้ว่าความมั่นใจเหล่านั้นมาจากที่ไหน? นอกซะจากเขาจะมั่นใจโดยไม่มีมูล” เอ็กซ์ควิสิทพูดกับเอ็กซ์ควิสิทหลังจากที่แยกตัวมาจากหานเซิ่น
“ความสามารถในการควบคุมจิตใจของเขาแข็งแกร่ง เขาจะควบคุมความคิดของตัวเอง นอกจากความรู้สึกโดยตรงแล้ว มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะรู้ได้ถึงสิ่งที่เขากำลังคิด” เอ็กซ์ควิสิทพูด
“การควบคุมจิตใจตัวเองคือสิ่งที่ยากที่สุด แม้แต่พวกเราเผ่าเวรี่ไฮก็ยังจำเป็นต้องฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์เพื่อจะทำแบบนั้น แต่เขากลับทำมันได้ด้วยตัวเขาเอง ตัวไหมที่พี่สามเลือกนี่พิเศษจริงๆ” หลี่เคอเอ๋อพูดและถอนหายใจออกมา
“ข้าไม่แน่ใจว่าเขาไปเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหน แต่ข้าคิดว่าเขาต้องการจะได้อันดับที่หนึ่งจริงๆ ถ้าเขาทำสำเร็จ มันก็จะเป็นเรื่องดีสำหรับเจ้าและข้า” เอ็กซ์ควิสิทพูด
“ข้าแค่กลัวว่าเขาจะประเมินตัวเองสูงเกินไปและตายอย่างน่าอนาถเพราะมัน แบบนั้นพวกเราก็ต้องไปหาตัวไหมคนใหม่”
หลี่เคอเอ๋อไม่มั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอคิดกับตัวเอง ‘ถ้าเขาเป็นดอลลาร์ ข้าก็แน่ใจว่าเขาจะทำเรื่องนี้ได้’
ในบางครั้งสิ่งที่ผู้คนต้องการมากที่สุดคือสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถครอบครอง หลี่เคอเอ๋อยังคงคิดถึงดอลลาร์
หานเซิ่นอ่านข้อมูลเกี่ยวกับตัวไหมทั้งสิบเอ็ดคนและเขาเริ่มจะรู้สึกปวดหัวขึ้นมา มันไม่มีตัวไหมคนไหนเลยที่จะรับมือได้ง่ายๆ หนึ่งในตัวไหมนั้นเป็นเผ่าเวรี่ไฮ มันถือเป็นอะไรที่หาได้ยากที่จะมีคนของเวรี่ไฮมาเป็นตัวไหม ถึงแม้เวรี่ไฮทุกคนจะแข็งแกร่งมากๆ แต่พลังของพวกเขาก็คล้ายคลึงกันมากเกินไป และพวกเขายังเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่เหมือนกัน ด้วยเหตุนั้นการมีคนของเวรี่ไฮคนหนึ่งเป็นตัวไหมจึงไม่ทำให้คนๆนั้นได้เรียนรู้อะไรมากนัก และมันก็มีคนของเวรี่ไฮไม่มากนักที่จะยอมลดตัวไปเป็นตัวไหมของคนอื่น แถมโดยปกติแล้วคนของเวรี่ไฮจะคิดว่ามีแค่สิ่งมีชีวิตที่ต่ำกว่าเท่านั้นที่คู่ควรจะกลายเป็นตัวไหม พวกเขาไม่อยากจะทำลายชื่อเสียงของตัวเองโดยการไปเป็นตัวไหมของคนอื่น ดังนั้นเหตุการณ์แบบนี้จึงเป็นอะไรที่หาได้ยากมากๆ
“เวรี่ไฮระดับครึ่งเทพ นั่นหมายความว่าเขาแข็งแกร่งกว่าเอ็กซ์ควิสิทอย่างนั้นสินะ? และมันยังมีปัญหาที่ใหญ่กว่าอย่างเชลอีก การได้อันดับที่หนึ่งในการประลองระหว่างตัวไหมคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ”
หลังจากอ่านข้อมูลเสร็จแล้ว หานเซิ่นก็กลับฝึกวิชาจีโนต่อ มันเป็นวิชาจีโนสองตัวที่เขาจำเป็นต้องเรียนรู้ก่อนที่จะต่อสู้กับเชล ถ้าเขาไม่ฝึกพวกมันจนสำเร็จ เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะ
ตอนที่ 2667
“ข้าอยากจะเข้าไปในคอร์แอเรีย มันพอจะมีหนทางบ้างไหน?” หานเซิ่นถามหลี่เคอเอ๋อ
เขานึกขึ้นมาได้ว่าหลี่เคอเอ๋อเป็นคนของเวรี่ไฮ แต่เธอมักจะเดินทางเข้าไปในคอร์แอเรียอยู่บ่อยๆ แต่เอ็กซ์ควิสิทบอกกับเขาว่าเอาท์เตอร์สกายนั้นตัดขาดจากเข้าไปในคอร์แอเรีย หานเซิ่นเชื่อว่าเธอพูดความจริง เพราะเขาเคยพยายามจะเข้าไปในคอร์แอเรียอยู่หลายครั้ง แต่เขาไม่สามารถทำได้
“ภายในเอาท์เตอร์สกายมีสถานที่เฉพาะที่จะเปิดประตูเข้าไปสู่คอร์แอเรียได้ แต่สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่ใครจะเข้าไปใช้งานก็ได้ ถ้าเจ้าจำเป็นต้องเข้าไปในคอร์แอเรียจริงๆ บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าได้”
หลี่เคอเอ๋อมองหานเซิ่นอย่างสงสัย เธอสงสัยว่าทำไมหานเซิ่นอยากจะเข้าไปในคอร์แอเรียมากถึงขนาดนั้น
“ข้าต้องการเข้าไปในคอร์แอเรียเพื่อตามหาเพื่อนคนหนึ่ง บางทีเขาอาจจะมีหนทางทำให้ข้าเป็นผู้ชนะในการประลองระหว่างตัวไหม” หานเซิ่นพูด
หลี่เคอเอ๋อสัมผัสได้ว่าหานเซิ่นไม่ได้โกหกเกี่ยวกับเหตุผลที่เขาต้องการเข้าไปในคอร์แอเรีย และในเรื่องเพื่อนที่เขาพูดถึงนั้น นางบอกได้ว่าเป็นความจริงในบางส่วนเช่นเดียวกัน ส่วนตัวตนของเพื่อนปริศนาคนนี้ เธอไม่อาจจะรู้ได้
หานเซิ่นพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่คิดเกี่ยวกับมัน แต่ในตอนที่เขาบอกว่าเขาจะไปหาเพื่อน เขาไม่ได้ควบคุมความคิดอย่างสมบูรณ์แบบ นั่นเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะควบคุมความคิดของตัวเอง และนั่นเป็นอะไรที่มากพอที่จะทำให้หลี่เคอเอ๋อไม่สามารถบอกได้ว่าบุคคลที่เขาต้องการจะไปพบนั้นเป็นใครกันแน่
“ข้าจะไปหาหนทางดู ข้าจะกลับมาให้คำตอบกับเจ้าในภายหลัง แต่ข้าไม่รับประกันว่ามันจะได้ผล ดังนั้นอย่าได้ตั้งความหวังกับมัน”
หลี่เคอเอ๋อแปลกใจกับความสามารถในการควบคุมจิตใจของหานเซิ่น แต่เธอรู้ว่าเขาไม่ได้พูดโกหก ด้วยเหตุนั้นเธอจึงสลัดความคิดที่จะถามเขาทิ้งไป
หานเซิ่นรออยู่ครึ่งวัน แต่หลี่เคอเอ๋อก็ยังไม่กลับมา แต่ในระหว่างนั้นเอ็กซ์ควิสิทมาที่ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร แต่เอ็กซ์ควิสิทบอกได้ว่าเขากำลังคิดอะไร เธอประหลาดใจและพูดขึ้นว่า “นี่หลี่เคอเอ๋อตกลงจะช่วยให้เจ้าได้เข้าไปในคอร์แอเรียอย่างนั้นหรอ?”
“เจ้าบอกว่ามันเป็นเรื่องยากและมันอาจจะไม่ได้ผล” หานเซิ่นกังวลว่าที่หลี่เคอเอ๋อหายหน้าไปเป็นเวลานานก็เพราะว่าเธอจะกลับมาพร้อมกับข่าวร้าย
เอ็กซ์ควิสิทหัวเราะและพูด “เรื่องนี้เป็นอะไรที่ซับซ้อน ตามทฤษฎีแล้วมันมีเพียงแค่สถานที่เดียวในเอาท์เตอร์สกายที่จะเปิดประตูไปสู่คอร์แอเรียได้ แต่ที่แห่งนี้ถูกห้ามโดยผู้คนของพวกเรา มันไม่ได้เป็นพื้นที่หวงห้ามแค่กับคนนอกเท่านั้น แม้แต่คนของเวรี่ไฮส่วนใหญ่ก็ไม่อาจจะไปที่นั่นได้ แต่หลี่เคอเอ๋อถือเป็นบุคคลพิเศษ ถ้านางต้องการจะช่วยเหลือเจ้า มันก็อาจจะได้ผล”
“สถานที่แบบไหนกันที่เจ้ากำลังพูดถึง?” หานเซิ่นถามด้วยความสงสัย
“ข้าเคยบอกเจ้าว่าเอาท์เตอร์สกายนั้นอยู่ระหว่างโลกความเป็นจริงและโลกปฏิสสาร ที่แห่งนี่อยู่ระหว่างทั้งสองโลก เพราะอย่างนั้นทุกอย่างที่นี่ค่อนข้าง…แปลก การจะเชื่อมต่อไปยังโลกความเป็นจริงและเปิดประตูสู่คอร์แอเรียจะเป็นอะไรที่ซับซ้อน”
เอ็กซ์ควิสิทไม่ได้อธิบายมากไปกว่านั้น “ด้วยเหตุนั้นการทำแบบนั้นจึงเป็นเรื่องที่อันตราย ซึ่งทำให้พวกเราถูกห้ามจากการเข้าไปในคอร์แอเรีย แต่พ่อของหลี่เคอเอ๋อเป็นผู้พิทักษ์และเขาก็รักหลี่เคอเอ๋อมากๆ ดังนั้นมันจึงไม่ควรจะเป็นเรื่องยากจนเกินไปที่นางจะโน้มน้ามพ่อของนาง”
“อย่างนี้นี่เอง” ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้ว
หลังจากรอคอยอีกหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดหลี่เคอเอ๋อก็กลับมา เธอมาพร้อมกับข่าวดีซึ่งทำให้หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจ
หลี่เคอเอ๋อใช้สเปชเทเลพอร์ตเทชั่นเพื่อนำพวกเขาไปถึงที่หมาย หลังจากเทเลพอร์ตอยู่หลายครั้ง พวกเขาก็มาถึงทะเลทรายแห่งหนึ่ง ทะเลทรายนั้นดูไร้ที่สิ้นสุด มันคงจะใหญ่โตพอๆกับระบบสุริยะจักรวาล
ถึงแม้หานเซิ่นจะมีสายตาที่ดี แต่เขาก็มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของทะเลสาบ มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าทะเลสาบแห่งนี้กว้างใหญ่ถึงขนาดไหน
ขณะที่พวกเขายืนอยู่ในทะเล จู่ๆหลี่เคอเอ๋อก็ตะโกนไปสู่ทะเลทรายที่ว่างเปล่า
“พ่อ ข้าพาเขามาที่นี่แล้ว ตอนนี้พวกเราไปได้แล้วใช่ไหม?”
ทันใดนั้นสายลมที่รุนแรงก็เกิดขึ้นในทะเลทรายที่เงียบสงบ สายลมนั้นพัดทรายสีเหลืองขึ้นสู่ท้องฟ้าและก่อตัวเป็นใบหน้าของชายเผ่าเวรี่ไฮคนหนึ่ง
“จำเอาไว้ว่า อย่าได้ก้าวผ่านสามด่าน” ชายเผ่าเวรี่ไฮพูด เขาดูเหมือนกับเทพแห่งทะเลทรายและเสียงของเขาก็ดังก้องราวกับฟ้าร้อง
“ข้ารู้ พ่อไม่จำเป็นต้องย้ำทุกครั้ง ข้าจะไม่ลืมและไปเกินสามด่าน พวกเราแค่ต้องการจะเข้าไปในคอร์แอเรียแค่นั้น” หลี่เคอเอ๋อพูด
ชายที่ดูเหมือนกับเทพแห่งทะเลทรายส่ายหัว เขาไม่ได้พูดอะไรเพื่อหยุดหลี่เคอเอ๋อ สายลมหยุดลงและหลังจากนั้นเม็ดทรายที่ถูกพัดก็ร่วงกลับลงมาบนพื้น ทะเลทรายกลับมาเงียบสงบอีกครั้งหนึ่ง
“ไปกันเถอะ” หลี่เคอเอ๋อพูด หลังจากนั้นเธอก็ก้าวไปสู่ทะเลที่กว้างใหญ่
หานเซิ่นเดินตามเธอไป หลี่เคอเอ๋อพูดขณะที่เดินไปว่า
“พื้นที่แถวนี้ไม่เสถียร อย่าได้ใช้พลังของสเปชเทเลพอร์ตเทชั่นที่นี่เป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นเจ้าอาจจะถูกดูดเข้าไปในโลกปฏิสสาร ซึ่งแม้แต่ผู้นำของพวกเราก็ช่วยเจ้ากลับมาไม่ได้”
หานเซิ่นพยักหน้า ตอนนี้เขาเข้าใจว่าทำไมหลี่เคอเอ๋อถึงเลือกจะเดินไปแทนที่จะเทเลพอร์ต
พวกเขาทั้งคู่เดินไปบนทะเลทราย และหลังจากผ่านไปสักพัก หานเซิ่นก็สังเกตเห็นสิ่งก่อสร้างประหลาดที่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย มันมีทั้งสิ่งก่อสร้างที่ดูโบราณที่ทำขึ้นมาจากหินและสิ่งก่อสร้างโลหะที่ดูล้ำสมัย มันมีแม้กระทั่งยานรบกระจัดกระจายอยู่ในทรายเหลือง มันยากจะรู้ได้ว่าพวกมันอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว แม้แต่ทองคำขาวที่จะไม่สึกกร่อนก็ยังเสื่อมโทรม ในตอนที่สายลมพัดผ่าน ทองคำขาวก็จะกระจัดกระจายราวกับฝุ่นผงท่ามกลางทะเลทราย
มันมีรูปปั้นที่สูงกว่าหนึ่งร้อยเมตรตั้งอยู่และมีเศษซากของสัตว์นับพัน ในทะเลทรายมีต้นไม้ตายที่ดูเหมือนกับมังกรตัวจริง ทะเลทรายที่ใหญ่โตนี้ให้ความรู้สึกที่แปลกมากๆ
มันไม่มีความสอดคล้องกันของสิ่งที่กระจัดกระจายอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นสิ่งที่มาจากช่วงเวลาที่แตกต่างกัน พวกมันถูกทิ้งเอาไว้ในทะเลทรายแห่งนี้ราวกับเป็นขยะ และภาพของพวกมันก็เป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
หลังจากที่อ่านจิตใจของหานเซิ่น หลี่เคอเอ๋อก็อธิบาย “ที่นี่คือจุดตัดระหว่างโลกความเป็นจริงและโลกปฏิสสาร มันมักจะมีสิ่งต่างๆจากโลกความเป็นจริงหรือโลกปฏิสสารหายเข้ามาในนี้ ครั้งหนึ่งพ่อของข้าได้พบร่างกายของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลาย แต่นั่นถือเป็นอะไรที่โชคดีมากๆ โดยปกติแล้วของส่วนใหญ่ที่เข้ามาในนี้จะเป็นขยะที่ไร้ประโยชน์”
เสียงบูมดังขึ้นขณะที่หลี่เคอเอ๋อกำลังพูด มันทำให้พวกเขาตกใจราวกับว่าท้องฟ้ากำลังถูกฝ่าเปิดออก หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เห็นบางสิ่งขนาดใหญ่โตโผล่ออกมาจากรอยแยกเหนือหัวพวกเขา
หานเซิ่นจ้องมองมันด้วยความตกใจ หัวของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ดันตัวเองผ่านช่องว่างที่บิดเบี้ยวเข้ามา
หัวของอสูรตัวนั้นมีสีเงิน และมันดูเหมือนกับงานศิลปะที่ทำขึ้นมาจากโลหะที่ล้ำค่า เขาสามเขางอกออกมาจากหัวของมัน ทำให้มันดูคล้ายคลึงกับไทรเซราทอปส์ แต่มันใหญ่โตกว่าไทรเซราทอปส์มาก แค่หัวของมันอย่างเดียวก็มีความยาวมากกว่าสิบเมตร
ตูม!
อสูรขนาดใหญ่ตัวนั้นร่วงลงมาจากท้องฟ้าและหล่นลงบนทะเลทรายตรงหน้าพวกเขา แรงกระแทกทำให้ทะเลทรายสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว
ตอนที่ 2668
หานเซิ่นจ้องมองอสูรตัวยักษ์ที่ตกลงมาในทะเลทราย มันดูเหมือนกับไทรเซราทอปส์มากๆ แต่ร่างกายของมันเป็นเงินสีขาวและมีปีกขนาดใหญ่กางออกจากด้านหลังของมัน ดูเหมือนมันจะได้รับบาดเจ็บหนักและร่างกายของมันก็เต็มไปด้วยบาดแผลที่สาหัส มันไม่สามารถลุกกลับขึ้นมาได้ เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากทั้งปากและร่างกายของมันและย้อมพื้นทรายเป็นสีแดง
“ซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งร่วงลงมา!” หลี่เคอเอ๋อดูดีใจ เธอรีบวิ่งเข้าไปหามัน
หานเซิ่นตามเธอไปจากด้านหลัง ถึงแม้มันจะบาดเจ็บ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่แข็งแกร่งของมอนสเตอร์ตัวใหญ่ตัวนั้นได้ มันจะต้องเป็นระดับเทพเจ้าอย่างแน่นอน
“ถอยออกไป!” ก่อนที่พวกเขาจะได้เข้าไปใกล้ซีโน่เจเนอิคตัวนั้น ทรายก็ก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างของเทพแห่งทะเลทราย พ่อของหลี่เคอเอ๋อปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง
ก่อนที่หลี่เคอเอ๋อจะสามารถตอบ พายุทรายก็พัดเข้าใส่พวกเขาและส่งพวกเขากระเด็นออกไปไกล
ตูม! ตูม! ตูม!
หลังจากที่พวกเขาลุกกลับขึ้นมา พวกเขาก็เห็นมังกรทรายนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจากพื้น พวกมันดูเก่าแก่และอันตราย พวกมันเคลื่อนไหวตามคำสั่งของเทพแห่งทะเลทรายและพุ่งเข้าไปหาอสูรที่ได้รับบาดเจ็บ
อสูรคำรามออกมาด้วยความโกรธ มันลุกขึ้นมาและแสงสีเงินไร้ที่สิ้นสุดก็ปะทุกลายเป็นพายุที่บ้าคลั่ง มันต่อสู้กับมังกรทรายที่ตอนนี้ล้อมมันเอาไว้
มังกรที่เกิดขึ้นมาจากทรายไม่สามารถต้านทานแสงสีเงินของเจ้าอสูรได้
ปัง!
หลังจากนั้นแสงสีเงินก็สาดส่องต่อไปสู่ร่างของเทพแห่งทะเลทรายและเทพแห่งทะเลทรายก็แหลกสลายไปเช่นเดียวกัน
หานเซิ่นมองดูด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง โชคดีที่พวกเขาทั้งคู่ถูกพัดกระเด็นออกไปซะก่อน ไม่อย่างนั้นแสงสีเงินของเจ้าอสูรตัวนั้นก็คงจะทำลายพวกเขาจนไม่เหลือซากเช่นเดียวกัน
หลี่เคอเอ๋อจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจ ถ้าพ่อของเธอไม่ปรากฏตัวมาออกมาหยุดพวกเขา อสูรยักษ์ตัวนี้ก็คงจะฆ่าพวกเขาในชั่วพริบตา
“พ่อของหลี่เคอเอ๋อคงจะไม่แพ้ง่ายๆแบบนั้นหรอกใช่ไหม”
ขณะที่หานเซิ่นคิด เขาก็เห็นทะเลทรายกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงราวกับทะเลที่แปรปรวน น้ำพุของทรายพุ่งขึ้นทุกหนทุกแห่งจนเกิดเป็นเสาที่สูงขึ้นไปสู่ท้องฟ้า หลังจากนั้นมันก็ร่วงกลับลงมาและก่อตัวเป็นเทพแห่งทะเลทรายอีกครั้ง กระบวนการนั้นเกิดขึ้นซ้ำๆไม่หยุดและสร้างกองกำลังสิ่งมีชีวิตทรายขึ้นมา
เทพแห่งทะเลทรายร้องตะโกนขณะที่มังกรคำราม ทะเลทรายแห่งนั้นกลายเป็นสนามรบสำหรับอสูรยักษ์ที่ดุร้าย ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะอยู่ห่างจากสนามรบ แต่พื้นทรายก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนหานเซิ่นและหลี่เคอเอ๋อแทบจะยืนไม่อยู่ พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากถอยออกไป
ในที่สุดพวกเขาก็ไปถึงระยะปลอดภัย แต่หานเซิ่นยังสัมผัสได้ถึงพลังที่น่าสะพรึงกลัว แต่เขามองไม่เห็นการต่อสู้ เขาเห็นแค่หมอกทรายที่เกิดจากการที่ร่างกายของสิ่งมีชีวิตทรายถูกฉีกจนแหลกละเอียด หูของเขาดังก้องไปด้วยเสียงคำรามของมังกร
“ร่างกายจริงๆของพ่อข้าอยู่ลึกลงไปในทะเลทรายสามโลก ทรายพวกนี้เป็นแค่สิ่งที่ก่อตัวขึ้นมาจากพลังของเขา” หลี่เคอเอ๋ออธิบายพร้อมกับหัวเราะ เธอสัมผัสได้ว่าหานเซิ่นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพ่อเธอ แต่เธอรู้ว่าเขาจะปลอดภัย เพราะจริงๆแล้วเขาอยู่ลึกลงไปในทะเลทราย
หานเซิ่นมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอีกแล้ว ตอนนี้ทั้งทะเลทรายปกคลุมไปด้วยหมอก แต่หลังจากที่มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น การสั่นสะเทือนของทะเลทรายก็หยุดลง หลังจากนั้นหมอกทรายทั้งหมดก็ค่อยๆจางหายไป เทพแห่งทะเลทรายปรากฏให้เห็นที่ขอบฟ้าและเข้ามาทางพวกเขาเพื่อบอกว่าพวกเขาสามารถเข้าไปได้แล้ว
“พ่อฆ่าซีโน่เจเนอิคนั่นหรอ? มันเป็นระดับอะไรกัน?” หลี่เคอเอ๋อถามด้วยความสงสัย
“พ่อไม่รู้ มันถูกลากเข้าไปในโลกปฏิสสาร” เทพแห่งทะเลทรายตอบ หลังจากนั้นเขาก็จางหายไป
หลี่เคอเอ๋ออยากจะถามเพิ่มอีก แต่เขาได้หายตัวไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเธอจึงเริ่มเดินทางข้ามทะเลทรายร่วมกับหานเซิ่นต่อ
การต่อสู้ครั้งใหญ่นั้นเปลี่ยนแปลงดินแดนที่เต็มไปด้วยทะเลทรายแห่งนี้ สิ่งก่อสร้างประหลาดและสิ่งของหลายอย่างเผยขึ้นมาให้เห็นจากใต้ทราย และสิ่งก่อสร้างที่ล้ำสมัยและยานรบที่เคยมีให้เห็นตอนนี้ได้หายไปแล้ว หานเซิ่นไม่รู้ว่าพวกมันถูกทำลายหรือว่าถูกฝังอยู่ใต้ทะเลทรายกันแน่
หานเซิ่นมองไปรอบๆ ในตอนที่พวกเขาไปถึงตำแหน่งที่อสูรยักษ์ตัวนั้นร่วงลงมา เขาก็เห็นว่าทรายบริเวณนั้นถูกย้อมเป็นสีแดงอย่างกว้างขวาง แต่เขาไม่เห็นร่างของอสูรยักษ์ตัวนั้น
“น่าเสียดายที่อสูรตัวนั้นถูกดูดเข้าไปในโลกปฏิสสาร ถึงแม้มันจะบาดเจ็บ แต่มันก็ต่อสู้กับพ่อของข้าได้เป็นเวลานาน ดังนั้นมันจะต้องเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วาเป็นอย่างน้อย” หลี่เคอเอ๋อมองไปที่ทรายสีแดงอย่างเสียดาย
หานเซิ่นรู้สึกว่ามันน่าเสียดายเช่นเดียวกัน ถ้าเขาแทงใส่มันสักครั้ง เขาก็อาจจะได้รับวิญญาณอสูรมา ซีโน่เจเนอิคนั้นแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น ดังนั้นวิญญาณอสูรของมันก็คงจะทรงพลังไม่แพ้กัน
หานเซิ่นยังคงมองไปรอบๆขณะที่เดินตามหลี่เคอเอ๋อไป แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องหยุดชะงักไป ในระยะที่ไกลออกไปในทะเลทราย หานเซิ่นเห็นหอคอยที่สร้างขึ้นมาจากหิน
หอคอยเก่านั้นเอนอยู่อย่างเห็นได้ชัด และดูเหมือนกับว่ามันจะล้มลงได้ทุกเมื่อ หานเซิ่นมองไปที่ป้ายของหอคอยหินที่เขียนเอาไว้ว่า “หอคอยแห่งโชคชะตา”
หอคอยนั้นมีสไตล์เดียวกันกับหอคอยแห่งโชคชะตาที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงครอบครอง
หานเซิ่นอึ้งกับภาพที่เห็น แต่เขารีบยับยั้งความคิดของตัวเองเอาไว้ในทันที เขาจะปล่อยให้ความทรงจำเกี่ยวกับหอคอยนี้เล็ดลอดออกมาไม่ได้
หลี่เคอเอ๋อสัมผัสได้ว่าจิตใจของหานเซิ่นดิ้นรนกับบางสิ่ง เธอมองออกไปที่หอคอยหินเช่นเดียวกัน หลังจากที่มองมันอยู่สักพัก เธอก็พูดขึ้นมา
“ข้าไม่เคยเห็นหอคอยนั่นมาก่อน มันคงจะถูกเผยออกมาจากการต่อสู้เมื่อครู่นี้ เจ้ารู้จักมันอย่างนั้นหรอ?”
“มันเป็นหอคอยหินเดียวกันกับที่ข้าเคยเห็นในตอนที่อยู่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง” หานเซิ่นรู้ว่าไม่สามารถปกปิดเรื่องนี้จากหลี่เคอเอ๋อได้ทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงอธิบายมันเล็กน้อย
หลี่เคอเอ๋อคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเธอก็พยักหน้า “เมื่อเจ้าพูดถึงมันขึ้นมา ข้าก็จำได้ว่ามันมีอะไรแบบนั้นอยู่จริงๆ ในตอนที่ข้าไปเยือนเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ข้าเคยเห็นหอคอยที่เหมือนกับหอคอยนี่”
“ไปกันเถอะ พวกเราควรไปตรวจดูมัน” หลี่เคอเอ๋อเสนอ
เธอไม่ได้สนใจในหอคอย แต่เธอสัมผัสได้ว่าหานเซิ่นพยายามจะยับยั้งความปรารถนาที่จะไปที่นั่น หานเซิ่นพยายามจะยับยั้งความคิดเกี่ยวกับธรรมชาติของหอคอยแห่งโชคชะตาเอาไว้ ดังนั้นหลี่เคอเอ๋อจึงไม่เห็นทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับมัน แต่การควบคุมจิตใจของเขาทำให้หลี่เคอเอ๋อรู้ว่าหอคอยนั่นต้องมีความเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับหานเซิ่น ไม่อย่างนั้นหานเซิ่นก็คงจะไม่พยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมความคิดของตัวเอง
“การถูกจับตามองนี่แย่ชะมัด” หานเซิ่นถอนหายใจและตามหลี่เคอเอ๋อไปที่หอคอยแห่งโชคชะตา
หอคอยนั้นดูเก่ามากๆ แต่ถึงภายนอกของมันจะดูเก่า มันก็ไม่ได้เสื่อมโทรมแต่อย่างใด หลี่เคอเอ๋อเอื้อมมือไปหาประตูเพื่อเปิดมัน ประตูหินนั้นถูกเปิดออกได้อย่างราบรื่นไม่มีติดขัด
พวกเขาทั้งคู่เดินเข้าไปข้างใน หอคอยนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นและทราย แต่นอกจากนั้นแล้วมันว่างเปล่า มันดูเหมือนกับหอคอยธรรมดาทั่วไป
“ขึ้นไปดูข้างบนกันเถอะ” หลี่เคอเอ๋อเดินขึ้นบันไดไป
หานเซิ่นตามหลี่เคอเอ๋อไป ขณะที่ยังคงพยายามยับยั้งข้อมูลที่อาจจะผุดขึ้นมาในจิตใจของเขา
ชั้นที่สองก็ว่างเปล่าเช่นเดียวกัน มันไม่มีอะไรอยู่ที่นี่ แต่หลี่เคอเอ๋อไม่ยอมแพ้เพียงแค่นั้น เธอเดินขึ้นไปสู่ชั้นต่อไป ทั้งหอคอยดูเหมือนจะว่างเปล่าจนกระทั่งพวกเขาไปถึงที่ชั้นที่เจ็ด
“มันมีใครบางคนอยู่ที่นี่” หลี่เคอเอ๋อมองแท่นหินที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้องด้วยความตกใจ
ตอนที่ 2669
บนแท่นหินขนาดใหญ่ ชายคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ ชายคนนั้นสงบนิ่งราวกับรูปปั้น หานเซิ่นไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของเขา มันดูเหมือนกับว่าเขาถูกแช่แข็งในท่านั้น หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆกับเรื่องนี้
‘นี่มันเหมือนกับที่เราเห็นในหอคอยแห่งโชคชะตาของเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ชายคนนี้ดูแตกต่างออกไป’
หลี่เคอเอ๋อได้ยินความคิดของหานเซิ่น “แปลกจริงๆ เขาเป็นสิ่งมีชีวิต แต่ทำไมเขาถึงไม่มีพลังชีวิตอยู่?”
ขณะที่ความสับสนปรากฏบนใบหน้าของหลี่เคอเอ๋อ ชายที่นั่งอยู่บนแท่นหินก็ลืมตาขึ้นมา เขามองมาที่ทั้งสองคนและพูด
“ข้าคือพระเจ้าแห่งความว่างเปล่า ความจริงที่พวกเจ้ามาพบกับข้าในวันนี้ถือเป็นโชคชะตา ข้าจะทำให้คำอธิษฐานของพวกเจ้าเป็นจริง เชิญพวกเจ้าอธิษฐานตามที่ใจปรารถนา”
“อีกแล้วหรอ!” หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว
หลี่เคอเอ๋อมองไปที่ชายคนนั้นและพูด “เจ้ากล้าดียังไงมาเรียกตัวเองว่าเป็นพระเจ้าต่อหน้าเผ่าเวรี่ไฮ แม้แต่แอนเชี่ยนท์ก็อตก็ยังไม่เรียกตัวเองว่าเป็นพระเจ้าแบบนั้น”
หลังจากนั้นหลี่เคอเอ๋อก็แกว่งดาบแสงใส่ชายคนนั้น
เธอลงมือรวดเร็วเกินกว่าที่หานเซิ่นจะหยุดเธอได้ ดาบแสงพุ่งเข้าไปที่หัวของชายคนนั้น แต่เขาไม่แม้แต่จะหลบ ดาบแสงพุ่งไปถูกคิ้วข้างหนึ่งของเขา
ปัง!
แต่คิ้วของชายคนนั้นไม่แม้แต่จะปลิวไปกับสายลม ขณะที่หลี่เคอเอ๋อถูกส่งกระเด็นออกไปด้านหลัง พลังนั้นรุนแรงขนาดที่มันซัดผ่านการป้องกันทุกอย่างของหลี่เคอเอ๋อ เธอกระเด็นไปชนเข้ากับกำแพงอย่างแรงและกระอักเลือกออกมา เธอหมดสติไปและพลังชีวิตของเธอก็อ่อนลงอย่างรวดเร็ว
“เจ้ากล้าดียังไงมาตั้งคำถามกับพระเจ้า นี่เป็นบทลงโทษของเจ้า แต่เนื่องจากนี่ความผิดครั้งแรกของเจ้า บทลงโทษจึงไม่หนักนัก”
หานเซิ่นรีบวิ่งไปหาหลี่เคอเอ๋อและเช็คชีพจรของเธอ เธอแค่หมดสติไป และพลังชีวิตของเธอกำลังอ่อนลงเรื่อย แต่มันเป็นไปอย่างช้าๆ เธอไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง
“ตอนนี้ก็ทำการอธิษฐานซะ” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่น
“ชีวิตของข้าสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ข้ามีภรรยาที่งดงาม ครอบครัวที่มีความสุข ลูกที่ดีและข้ายังร่ำรวยมากๆ ข้ามีทุกอย่างแล้ว ข้าไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านั้น ข้าเลือกจะไม่ทำการอธิษฐานได้ไหม?” หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าขณะที่พูด
หานเซิ่นไม่รู้ว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าคนนี้จะเหมือนกับพระเจ้าที่เขาเคยเจอหรือเปล่า ถ้ามันไม่ใช่ตัวตนจริงๆของพระเจ้า มันก็เป็นแค่รูปปั้นเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นเขาจะได้ไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก ชุดเกราะคริสตัลสีดำนั้นสามารถกำจัดมันได้อย่างง่ายดาย
แต่ถ้านี่เป็นร่างจริงของพระเจ้า การต่อสู้คงจะไม่เป็นความคิดที่ดีนัก หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าชุดเกราะคริสตัลสีดำจะเอาชนะพระเจ้าเหล่านี้ในร่างที่แท้จริงได้หรือเปล่า
“ไม่ได้” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูด
หานเซิ่นรู้สึกแย่ เขาเมินเฉยต่อพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าและอุ้มหลี่เคอเอ๋อขึ้นมา หลังจากนั้นเขาหันหลังกลับและเริ่มวิ่งหนีไป
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ามองหานเซิ่นจากไปอย่างสงบนิ่ง เขาไม่ได้ทำอะไรเพื่อจะหยุดหานเซิ่น
หานเซิ่นพยายามจะหาความจริงว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าจะโจมตีเขาหรือเปล่า และการทำแบบนั้นเขาก็จะได้ทดสอบชุดเกราะคริสตัลสีดำไปด้วยว่ามันจะแสดงปฏิกิริยาอะไรหรือเปล่า
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าไม่ได้พยายามจะหยุดหานเซิ่น หานเซิ่นลงจากชั้นที่เจ็ดของหอคอย เขาลงบันไดทีละชั้นๆ ในที่สุดเขาก็ไปถึงชั้นแรกของหอคอยแห่งโชคชะตา
แต่ในตอนที่เขาไปถึงชั้นแรก หานเซิ่นก็หยุดชะงักไป มันควรจะมีประตูอยู่ที่ชั้นล่างสุดของหอคอยแห่งโชคชะตา แต่มันกลับไม่มีอะไรอยู่ มันมีเพียงแค่บันไดที่นำลงไปสู่ชั้นต่อไปเท่านั้น
‘เราลงมาถึงชั้นล่างสุดเรียบร้อยแล้ว แต่ทำไมมันยังมีบันไดอีก? นี่เรานับผิดไป และจริงๆแล้วนี่เป็นชิ้นที่สองอย่างนั้นหรอ?’
หานเซิ่นสลัดความคิดนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว หอคอยแห่งโชคชะตามีเพียงแค่เจ็ดชั้นเท่านั้น และเขาก็ไม่มีทางนับผิดไปได้
หานเซิ่นเอื้อมมือออกไปในตำแหน่งที่ประตูควรจะอยู่ แต่มันมีเพียงแค่กำแพงเท่านั้น มันไม่ใช่แค่ภาพลวงตาเช่นกัน มันไม่มีประตูอยู่จริงๆ
ปัง!
หานเซิ่นชกหมัดใส่กำแพงหิน ซึ่งจากกำลังของเขาแม้แต่ภูเขาทั้งลูกก็จะถูกทำลาย แต่กำแพงหินกลับไม่สะดุ้งสะเทือนเลย
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขารู้ว่าไม่สามารถใช้กำลังได้ เขาหันไปมองที่บันไดหินและตัดสินใจเดินลงไปอีกชั้นหนึ่ง
เมื่อเขาไปถึงชั้นล่าง เขาก็สังเกตเห็นว่ามันมีแท่นหินตั้งอยู่ที่ใจกลางห้องและบนแท่นหินก็มีพระเจ้าแห่งความว่างเปล่านั่งอยู่ มันเป็นเหมือนกับชั้นที่เจ็ดของหอคอย
“ทำการอธิษฐานซะ” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดขณะที่จ้องมาที่หานเซิ่น
หานเซิ่นกัดฟัน เขายังคงอุ้มหลี่เคอเอ๋อเอาไว้และพยายามเดินลงบันไดต่อไป แต่มันยังมีบันไดที่จะพาลงไปข้างล่างเพิ่มอีก และหลังจากที่เขาลงไปอีกเจ็ดชั้น เขาก็ยังไม่เจอชั้นที่มีประตูอยู่ เขาพบแค่บันไดที่จะนำลงไปสู่ชั้นต่อไป
หลังจากที่เดินลงบันไดไปอีก หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่ามันจะวนกลับมาที่ชั้นเจ็ดของหอคอยอยู่เสมอ และที่นั่นเขาก็ได้เห็นพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าอีกครั้ง
‘นี่เป็นพลังธาตุอวกาศอย่างนั้นหรอ? นี่มันเชื่อมต่อชั้นเจ็ดและชั้นแรกของหอคอยเพื่อสร้างเป็นแถบเมอบิอุสงั้นสินะ? ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ว่าเราจะเดินลงบันไดไปสักเท่าไหร่ เราก็จะไปไม่ถึงทางออก เราจะวนกลับมาที่เดิมซ้ำไปซ้ำมา’
หานเซิ่นพยายามจะใช้พลังในการเทเลพอร์ต แต่มันก็ไม่ได้ผลเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะพยายามเทเลพอร์ตไปที่ไหน เขาก็จะไปปรากฏตัวในจุดอื่นของหอคอยเท่านั้น
“ทำการอธิษฐานซะ” เมื่อไหร่ก็ตามหานเซิ่นได้เห็นพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าอีกครั้ง ชายคนนั้นก็จะพูดวลีเดิมซ้ำๆ
แต่สีหน้าของเขาดูเหมือนจะบอกว่าหานเซิ่นไม่มีทางเลือก และไม่ช้าก็เร็วหานเซิ่นก็ต้องทำการอธิษฐาน
หานเซิ่นรู้ว่าถ้าเขาทำการอธิษฐาน อายุขัยส่วนหนึ่งของเขาจะถูกเอาไปโดยชายที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้า และคำอธิษฐานของเขาก็จะถูกบิดเบือนโดยสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้านั่น ถึงแม้คำอธิษฐานของเขาจะเป็นจริงขึ้นมา เขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนในราคาที่สูงอยู่ดี
แต่ถ้าเขาไม่ทำการอธิษฐาน มันก็มีโอกาสที่เขาและหลี่เคอเอ๋อจะไม่มีวันได้ออกไปจากหอคอยแห่งนี่ หานเซิ่นไม่สามารถคิดหาทางออกของวิกฤตนี้ได้
เขาไม่สามารถโจมตีพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าได้ หลี่เคอเอ๋อได้แสดงให้เห็นแล้วในเรื่องนั้น โอกาสเดียวที่เขาจะทำแบบนั้นได้ก็คือเขาต้องใช้ชุดเกราะคริสตัลสีดำ การจะโจมตีพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าด้วยวิธีอื่นนั้นไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย
“พ่อของหลี่เคอเอ๋อต้องรู้ว่าพวกเราเดินเข้ามาในหอคอยแห่งโชคชะตา ถ้าพวกเราไม่กลับออกไป เขาต้องมาที่นี่เพื่อตามหาตัวหลี่เคอเอ๋ออย่างแน่นอน” หานเซิ่นฝากความหวังไว้กับพ่อของหลี่เคอเอ๋อ
เทพเจ้าแห่งความว่างเปล่าดูเหมือนจะรู้ถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิด เขาพูดขึ้นว่า “เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับพลังที่บิดเบือนการเดินของเวลาไหม? เจ้าอาจจะอยู่ในหอคอยนี้เป็นพันปี แต่เวลาภายนอกผ่านไปเพียงแค่หนึ่งวินาที ถ้าเจ้าหวังจะรอให้คนมาช่วย เจ้าก็คงจะเหลือแต่กระดูกเมื่อถึงตอนนั้น”
“นี่เราต้องทำการอธิษฐานจริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าและถอนหายใจ
“ถ้าเจ้าและข้าได้พบกัน มันก็เป็นบางสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดอย่างช้าๆด้วยเสียงที่หนาวไปถึงกระดูกสันหลัง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น