Super God Gene 2642-2648

ตอนที่ 2642

 

เอ็กซ์ควิสิทไม่ตอบและมุ่งหน้าเข้าไปในดินแดนที่เหมือนสรวงสวรรค์ต่อไป


 


ฝูงฟินิกซ์บินอยู่เหนือหัวพวกเขา น้ำตกศักดิ์สิทธิ์ลอยตัวอยู่ในอากาศและล้อมด้วยหมู่เมฆ มังกรขนาดยักษ์เดินอย่างสง่าผ่าเผยบนพื้นที่ปกคลุมไปด้วยดอกไม้ประหลาด มันมีสิ่งมีชีวิตหายากมากมายอยู่รอบๆ และไม่ว่าหานเซิ่นจะมองไปทางไหน มันก็มีสิ่งประหลาดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน


 


ภายในไม่กี่วินาทีที่มาถึงที่นี้ หานเซิ่นก็เห็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าถึงสามตัว หนึ่งในพวกมันเป็นพืชระดับเทพเจ้า


 


“นี่มันน่ากลัวจริงๆ… แปลกใจเลยที่เผ่าเวรี่ไฮถูกกล่าวขานว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล มันมีทรัพยากรมากมายอยู่ที่นี่ แม้แต่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงที่ทรงอำนาจก็ยังมีทรัพยากรน้อยกว่านี้…ไม่สิ…พวกเขาเปรียบเทียบกับเผ่าเวรี่ไฮไม่ได้ด้วยซ้ำ เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงดูเหมือนกับกลุ่มของขอทานไปเลยเมื่อกับเผ่าเวรี่ไฮ”


 


หานเซิ่นตกใจเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้ ซีโน่เจเนอิคที่ทรงพลังนับไม่ถ้วนป้วนเปี้ยนเต็มไปหมด และในป่าที่อยู่ใกล้เคียงก็มีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง


 


พวกเขาบินต่อไปอีกหลายหมื่นไมล์ มันมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้านับไม่ถ้วนอยู่รอบๆ แต่พวกเขายังคงไม่พบกับเผ่าเวรี่ไฮคนไหน


 


“ตั้งแต่ที่เผ่าพวกเราพบสถานที่แห่งนี้ในสมัยโบราณกาล บรรพบุรุษของพวกเราก็ได้นำซีโน่เจเนอิคที่น่าสนใจมาอยู่ที่นี่ และหลังจากผ่านไปไม่รู้กี่พันล้านปี ที่นี่ก็กลายเป็นอย่างที่เห็น แต่อัตราการเกิดของพวกเรายังคงน้อยมาก ตอนนี้พวกเรามีกันอยู่เพียงแค่สองร้อยคนเท่านั้น แต่ในทางต้นกันข้ามสิ่งมีชีวิตที่พวกเราพาตัวมามีอัตราการเกิดที่สูง พวกมันเป็นผลของน้ำพักน้ำแรงของพวกเรา” เอ็กซ์ควิสิทพูด


 


ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมเผ่าเวรี่ไฮถึงช่วยให้คนที่ถูกเลือกมากลายเป็นระดับเทพเจ้าได้ ที่แห่งนี่เป็นเหมือนกับคลังทรัพยากร ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ การจะช่วยให้คนๆหนึ่งกลายเป็นระดับเทพเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร


 


เป่าเอ๋อกำลังมองไปที่ดอกไม้และต้นหญ้าที่อยู่รอบๆด้วยความสนใจ พวกมันไม่ได้ดูพิเศษอะไร แต่หานเซิ่นรู้จักเป่าเอ๋อดี เขาสามารถบอกได้ว่าเธอกำลังเตรียมตัวจะทำอะไรบางอย่าง


 


ยานของพวกเขายังคงบินต่อไปข้างหน้า หลังจากผ่านไปสักพักหานเซิ่นก็เริ่มจะคิดว่าในสถานที่แห่งนี้มีปัญหากับการไหลของเวลา เขาไม่สามารถระบุได้ว่ามันผ่านมานานเท่าไหร่แล้วตั้งแต่ที่เข้ามาดินแดนแห่งนี้


 


ยานของพวกเขาเข้าไปใกล้กับภูเขาที่ถูกปกคลุมด้วยก้อนเมฆขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อพวกเขาเข้าไปในระยะของมัน ในที่สุดหานเซิ่นก็เห็นว่าปราสาทที่ตั้งอยู่บนยอดของภูเขา เมฆบางๆบดบังมันราวกับภาพของสรวงสวรรค์


 


เมื่อยานของพวกเขาลงจอดที่ตีนภูเขา หานเซิ่นก็สังเกตเห็นบันไดหินที่ทอดยาวขึ้นไปจนถึงปราสาทหินที่อยู่บนยอด ชายเผ่าเวรี่ไฮคนหนึ่งกำลังเดินลงบันไดหินนั่นมา


 


“เอ็กซ์ควิสิท เจ้ากลับมาแล้ว!”


 


“พี่สอง” เอ็กซ์ควิสิทก้าวลงจากยานและโค้งคำนับต่อหน้าชายคนนั้น


 


ชายคนนั้นโบกมือเพื่อบอกให้เธอเงยหน้าขึ้น เขามองไปที่หานเซิ่นและเห็นเป่าเอ๋อนั่งอยู่บนไหล่

“น้องสาม ทำไมเจ้าถึงพามาสองคน? คนไหนกันที่เป็นตัวไหมของเจ้า?”


 


“เขาคือหานเซิ่น ข้าเลือกเขา ส่วนนั่นลูกสาวของเขา เขาพานางมาด้วยก็เพราะว่าไม่มีใครคอยดูแลนางในตอนที่เขาไม่อยู่” เอ็กซ์ควิสิทอธิบาย


 


ชายคนนั้นพยักหน้าและหันมามองที่หานเซิ่นกับเป่าเอ๋อ หลังจากนั้นเขาก็หันไปบอกกับเอ็กซ์ควิสิท

“แท่นบูชาถูกเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว พวกเราทำพันธสัญญาได้ตอนนี้เลย”


 


เอ็กซ์ควิสิทพยักหน้าและหันมาพูดกับหานเซิ่น “พวกเจ้าตามข้ามา และอย่าได้ออกห่างจากข้า”


 


หานเซิ่นพยักหน้า เขาก้าวลงจากยาน ทันทีที่เขาเหยียบลงบนพื้น เขาก็รู้สึกราวกับว่าถูกทับโดยภูเขาทั้งลูก เขาเคลื่อนไหวได้ช้าลงกว่าปกติ


 


“สภาพแวดล้อมของเอาท์เตอร์สกายนั้นแตกต่างไปจากจักรวาลภายนอก เจ้าต้องทำความเคยชินกับมัน” เอ็กซ์ควิสิทบอกหานเซิ่น


 


หานเซิ่นพยักหน้าและตามเอ็กซ์ควิสิทขึ้นบันไดหินไปอย่างเงียบๆ


 


“น้องสาม เจ้าจะเลือกไผ่เดียวดายของเผ่านภาไม่ใช่หรอ ทำไมเจ้าถึงได้เลือกคริสตัลไลเซอร์คนหนึ่งแทน? ร่างกายของคริสตัลไลเซอร์นั้นเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง พวกเขาพัฒนาได้ไม่มาก…” ชายคนนั้นพูดกับเอ็กซ์ควิสิทขณะที่พวกเขาเดินขึ้นบันไดไป เขาไม่พูดจาอ้อมค้อม


 


‘ทำไมหมอนี่ถึงดูไม่เหมือนกับคนเผ่าเวรี่ไฮเลย?’ หานเซิ่นสงสัยขณะที่เขาตรวจเช็คชายคนนั้น คำดูถูกของชายคนนั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไร


 


ชายคนนี้ดูแตกต่างไปจากหลี่เคอเอ๋อ ปี้ซีและเอ็กซ์ควิสิท บอกตามตรงเขาดูค่อนข้างธรรมดาๆ เขาไม่ได้ดูเย็นชาเหมือนอย่างเวรี่ไฮคนอื่นที่หานเซิ่นเคยเจอ


 


เอ็กซ์ควิสิทพูดบางสิ่งที่กำกวม เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากจะพูดคุยกับเขา


 


เมื่อพวกเขาทั้งสี่คนเดินไปประมานครึ่งทาง ที่นั่นพวกเขาก็พบกับศาลาหิน ชื่อของศิลาหินนั้นถูกเขียนเอาไว้ว่า “ชะตากรรมครึ่งชีวิต”


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร ชายคนนั้นโบกมือเรียกหานเซิ่นและพูด

“เจ้ามาที่นี่เพื่อเป็นตัวไหมของเอ็กซ์ควิสิทใช่ไหม? จากกฎของเผ่าเวรี่ไฮ มีแค่คนที่มีพรสวรรค์ระดับเก้าเปลือกขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ทำพันธสัญญา ให้ข้าได้ทำการทดสอบเจ้า”


 


ชายคนนั้นดูเหมือนจะไม่รู้ว่าหานเซิ่นถูกทดสอบเรียบร้อยแล้ว ชายคนนั้นพาหานเซิ่นเข้าไปในศาลาและเปิดฝาภาชนะหินที่วางอยู่บนโต๊ะหิน เมื่อฝาถูกเปิดออก หานเซิ่นก็เห็นก็อตสปิริตทัชตัวหนึ่งนอนอยู่ภายในภาชนะ


 


“มอบเลือดของเจ้าให้กับก็อตสปิริตทัชและรอผลการทดสอบ” ชายคนนั้นพูดขณะที่ชี้ไปที่ก็อตสปิริตทัช


 


“พี่สอง มันไม่มีความจำเป็นต้องทดสอบเขา ปี้ซีได้ทดสอบเขาด้วยก็อตสปิริตทัชเรียบร้อยแล้ว เขามีพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือก” เอ็กซ์ควิสิทพูด


 


“พรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือก? แต่เขาเป็นแค่คริสตัลไลเซอร์ เขาไม่มีทางมีพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือกไปได้ เจ้าคงจะต้องล้อเล่นแน่ๆ หรือไม่อย่างนั้นปี้ซีก็คงจะทำข้อผิดพลาดบางอย่าง? แม้แต่พวกเราเผ่าเวรี่ไฮก็ยังยากจะให้กำเนิดผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือก เผ่าคริสตัลไลเซอร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง… ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาจำเป็นต้องทำการทดสอบ” ชายคนนั้นพูดออกมารัวราวกับเป็นปืนกล


 


หานเซิ่นไม่ได้ให้ความสนใจการพูดของชายคนนั้น เขาเดินเข้าไปหาภาชนะหินและบีบเลือกหยดหนึ่งลงไปให้กับก็อตสปิริตทัช


 


ดวงตาของเอ็กซ์ควิสิทจับจ้องไปที่ก็อตสปิริตทัช ถึงแม้เธอจะพูดออกมาแบบนั้น แต่เธอเองก็อยากรู้เหมือนว่าการทดสอบก่อนหน้านี้มันถูกต้องจริงๆหรือเปล่า การพูดออกไปว่าหานเซิ่นมีพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือกยังคงเป็นอะไรที่ฟังดูน่าหัวเราะ ดังนั้นเธอจึงอยากให้หานเซิ่นทำการทดสอบเป็นครั้งที่สองเพื่อความแน่ใจ


 


ชายคนนั้นจ้องไปที่ก็อตสปิริตทัชเช่นเดียวกัน เขาไม่เชื่อว่าคริสตัลไลเซอร์คนหนึ่งจะมีพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือก เขาเชื่อว่ามันต้องอะไรผิดพลาดในตอนที่ปี้ซีทดสอบหานเซิ่น


 


พวกเขาทุกคนจ้องไปที่ก็อตสปิริตทัชอย่างตั้งใจ แต่หลังจากที่ก็อตสปิริตทัชดื่มเลือดเข้าไปแล้ว มันก็หยุดเคลื่อนไหว พวกเขามองดูอยู่สักพัก แต่มันก็ยังคงนิ่งสนิท มันไม่แม้แต่จะลอกเปลือกแม้แต่เปลือกเดียว


 


เอ็กซ์ควิสิทประหลาดใจ แม้แต่ชายคนนั้นก็คิดว่ามันแปลกๆ เพราะไม่ว่าคริสตัลไลเซอร์จะมีพรสวรรค์แย่สักแค่ไหน มันก็ไม่มีทางที่ก็อตสปิริตทัชจะไม่ลอกเปลือกเลย


 


“แปลกจริงๆ นี่มันมีปัญหาบางอย่างกับก็อตสปิริตทัชอย่างนั้นหรอ?”

ชายคนนั้นยื่นมือออกไปหยิบก็อตสปิริตทัชขึ้นมา ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความสับสนขณะที่พูดขึ้นมา “มันก็ไม่มีอะไรผิดปกตินิ มันยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไงกัน?”


 


“เจ้าลองให้เลือดมันอีกหยด” เขาหันมาบอกหานเซิ่นหลังจากที่ตรวจเช็คก็อตสปิริตทัชเสร็จแล้ว หานเซิ่นเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงบีบเลือดอีกหยดให้กับก็อตสปิริตทัช

 

 

 


ตอนที่ 2643

 

 


เมื่อหานเซิ่นหยดเลือดลงไปอีกหยด ก็อตสปิริตทัชก็ไม่ได้ปฏิบัติตัวต่างไปจากทุกที มันกลืนหยดเลือดเข้าไปก่อนจะกลับสู่สภาพไร้การเคลื่อนไหวดังเดิม ทั้งสี่คนรออยู่เป็นเวลานาน แต่เจ้าแมลงก็ยังคงนิ่งสนิทอยู่ที่ก้นภาชนะ ถ้าพวกเขาไม่เห็นว่ามันดื่มหยดเลือดเข้าไป พวกเขาก็คงจะเชื่อว่ามันได้ตายไปแล้ว


 


ชายคนนั้นขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาเอื้อมมือไปหยิบก็อตสปิริตทัชขึ้นมาอีกครั้งเพื่อดูให้แน่ใจว่ามันไม่ได้มีอะไรผิดปกติ


 


“แปลกจริง ไม่ว่าพรสวรรค์ของเขาจะแย่สักแค่ไหน เขาก็ควรจะได้รับสักเปลือกหนึ่งเป็นอย่างน้อย” เขาคิดขณะที่ยังคงตรวจดูก็อตสปิริตทัชต่อไป แต่เขาไม่พบอะไรที่ผิดปกติ


 


“หรือบางทีก็อตสปิริตทัชตัวนี้อาจจะแก่เกินไปแล้ว?”

เอ็กซ์ควิสิทหยุดไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดต่อว่า “ก็อตสปิริตทัชตัวนี้เป็นก็อตสปิริตทัชตัวแรกของอัลฟ่าไม่ใช่หรอ? มันทำการทดสอบอยู่ที่นี่มาหลายยุคสมัย บางทีในที่สุดมันก็ยอมจำนนต่อความชราภาพ”


 


ชายคนนั้นส่ายหัวและพูด “ในตอนที่ปี้ซีพาอวี้ซ่านซินมาที่นี่ พวกเขาทำการทดสอบได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร แต่ทำไมตอนนี้ถึงมีปัญหาขึ้นมาได้?”


 


“นอกจากเรื่องนั้นแล้ว มันยังมีความเป็นไปได้อื่นอีกอย่างนั้นหรอ? มันไม่มีทางที่หานเซิ่นจะขาดพรสวรรค์ถึงขนาดนั้น”

เอ็กซ์ควิสิทพูด ชายคนนั้นเองก็รู้ว่านั่นเป็นไปไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะถ้าไม่มีพรสวรรค์ระดับสี่เปลือกขึ้นไป การจะพัฒนามาถึงระดับราชันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้หานเซิ่นเป็นระดับราชันเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าพรสวรรค์ของเขาจะแย่สักแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางพรสวรรค์น้อยกว่าสี่เปลือกไปได้


 


“นี่มันแปลกจริงๆ” ชายคนนั้นตัดสินใจหยดเลือดของตัวเองให้กับก็อตสปิริตทัชเพื่อดูว่าเจ้าแมลงนั้นจะตอบสนองเหมือนกับปกติหรือเปล่า


 


แต่หลังจากที่ดื่มเลือดเข้าไป ก็อตสปิริตทัชก็เอาแต่นอนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน มันไม่แม้แต่จะตอบสนองต่อเลือดของชายคนนั้น ดูเหมือนกับว่ามันแก่ชราและอ่อนแรงเกินกว่าจะขยับได้


 


“นี่มันแก่ชราจริงๆอย่างนั้นหรอ?” ชายคนนั้นก้มลงไปมองเจ้าแมลงใกล้ๆด้วยความแปลกใจ


 


“มันมีชีวิตอยู่มายาวนานพอแล้ว มันอยู่มานานมากกว่าก็อตสปิริตทัชตัวอื่นๆ การแก่ชรานั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” เอ็กซ์ควิสิทพูด


 


“พวกเราทำการทดสอบในตอนนี้ไม่ได้” ชายคนนั้นพูด

“ข้าไม่มีก็อตสปิริตทัชอยู่อีกตัว ดูเหมือนว่าพวกเราต้องกลับไปและขอมันมาเพิ่มอีกตัว หลังจากนั้นพวกเราถึงจะทำการทดสอบกันได้”


 


“ไม่มีความจำเป็นต้องทดสอบเขา ข้าตัดสินใจจะให้เขาเป็นตัวไหมของข้า ดังนั้นมันไม่สำคัญว่าเขาจะมีพรสวรรค์ระดับกี่เปลือก” เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างเย็นชา


 


“แต่ว่า…”


ชายคนนั้นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เอ็กซ์ควิสิทพูดตัดหน้าเขา

“ข้าไม่มีเวลามาทำแบบนี้ ข้าตัดสินใจได้ว่าใครที่ข้าต้องการ และข้าก็ได้ทำการตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว”


 


ชายคนนั้นอ้าปากแต่ไม่มีเสียงออกมา ที่สุดแล้วเขาก็ยิ้มและพูด

“ถ้าเจ้าตัดสินใจจะรับหนุ่มคนนี้เป็นตัวไหม นั่นก็ไม่เป็นอะไร ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปที่แท่นบูชากันเถอะ”


 


หลังจากนั้นชายคนนั้นก็นำทางพวกเขาขึ้นภูเขาต่อไป


 


เมื่อพวกเขาไปถึงปราสาทที่ตั้งอยู่บนยอดของภูเขา ชายคนนั้นก็หันมาและพูด

“เอ็กซ์ควิสิท ข้าจะคอยเจ้าอยู่ข้างนอก ถ้าเจ้าต้องการอะไร เจ้าก็เรียกหาข้าได้”


 


“พี่สองช่วยดูแลเด็กคนนี้ให้ที ข้าชอบเด็กคนนี้ ดังนั้นอย่าทำให้นางไม่พอใจ” เอ็กซ์ควิสิทพูดขณะที่มองไปที่เป่าเอ๋อ


 


“เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะดูแลนางอย่างดี” ชายคนนั้นรีบพูด


 


“เป่าเอ๋อ หนูรอพ่ออยู่ที่นี่และอย่าเป็นเด็กดื้อล่ะ เข้าใจไหม?”

หานเซิ่นวางเป่าเอ๋อลง ด้วยลักษณะนิสัยและพลังของเป่าเอ๋อ มันคงจะจบไม่สวยถ้าชายคนนี้พยายามจะทำอะไร


 


“หนูจะเป็นเด็กดี” เป่าเอ๋อพูดกับหานเซิ่น


 


หานเซิ่นลูบหัวของเธอและเดินเข้าไปในห้องโถงพร้อมกับเอ็กซ์ควิสิท


 


หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในห้องโถง ประตูด้านหลังก็ปิดลง หานเซิ่นเห็นว่าไม่มีใครคนอื่นนอกจากพวกเขาอยู่ในห้องโถง แต่ทว่าในห้องมีแท่นบูชาตั้งอยู่ หานเซิ่นถามขึ้นมา

“พี่สองคนนั้นดูแตกต่างไปจากคนอื่นที่นี่”


 


เอ็กซ์ควิสิทยังคงเดินต่อไปที่แท่นบูชา ขณะที่พูด

“เด็กๆของเผ่าเวรี่ไฮจะถูกแยกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ ขณะที่อีกกลุ่มจะฝึกวิชาจีโนอะไรก็ได้ที่ตัวเองสนใจ ปี้ซีและข้าฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ ส่วนพี่หลี่อวี้ฝึกวิชาอื่น”


 


“ทำไมเด็กๆของเผ่าเวรี่ไฮถึงต้องถูกแยกออกเป็นสองกลุ่ม?” หานเซิ่นถามด้วยความอยากรู้


 


เอ็กซ์ควิสิทกระตุกเล็กน้อย แต่เธอแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“การฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์จะค่อยๆลบล้างความสามารถในการรู้สึกถึงอารมณ์ ซึ่งนั่นจะส่งผลต่อศักยภาพการให้กำเนิดของพวกเรา”


 


ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงได้ถูกแบ่งแยก มันก็เพื่อที่สายเลือดของพวกเขาจะได้ดำเนินต่อไป ไม่อย่างนั้นถ้าเผ่าเวรี่ไฮทุกคนเปลี่ยนตัวเองเป็นเครื่องจักรที่ไร้ความรู้สึกกันหมด พวกเขาก็คงจะไม่มีลูกหลานเลยสักคน ซึ่งเผ่าพันธุ์ของพวกเขาก็คงจะอยู่ได้ไม่นานถ้าเป็นแบบนั้น


 


หานเซิ่นมองไปข้างหน้าและสังเกตเห็นว่าแทนบูชาดูค่อนข้างแปลก มันเป็นฐานขนาดใหญ่ที่มีเตาหลอมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง นอกจากนั้นแล้วแท่นบูชาก็ไม่มีอะไรอย่างอื่น


 


“หยดเลือดของเจ้าลงไปในเตาหลอม” เอ็กซ์ควิสิทพูดขณะที่หยดเลือดของตัวเองลงไป หานเซิ่นรู้อยู่แล้วว่าพิธีกรรมนี้จะมาถึง ผู้นำปราสาทนภาได้บอกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องเจอแล้ว เขายื่นนิ้วมือของตัวเองออกไปและหยดเลือดลงไปในเตาหลอมเช่นเดียวกัน


 


เมื่อเตาหลอมได้รับเลือดของพวกเขาทั้งสองไป มันก็สว่างขึ้นมา และบางสิ่งภายในเตาหลอมก็เริ่มจะดังก้อง


 


หานเซิ่นมองไปที่เตาหลอมด้วยความอยากรู้ เขาไม่เห็นอะไรที่อยู่ข้างใน แต่แสงและออร่าของเตาหลอมนั้นมากพอที่จะบอกได้ว่ามันบรรจุไปด้วยความรู้เกี่ยวกับจักรวาล


 


ขณะที่แสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ มันก็เริ่มจะมารวมตัวบนรอยแกะสลักของเตาหลอมจนเกิดเป็นรูปสามเหลี่ยมหยาบๆ


 


แสงยังคงสับเปลี่ยนอย่างไม่หยุดและรอยแกะสลักก็ส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นแสงภายในเตาหลอมก็มัวลงไปขณะที่มันเข้าไปในรอยแกะสลัก


 


เมื่อสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมลุกไหม้เหมือนกับดวงอาทิตย์ เอ็กซ์ควิสิทก็พูดขึ้นว่า “วางมือของเจ้าลงบนสัญลักษณ์นั่น”


 


“มือข้างไหน?” หานเซิ่นถามพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ


 


“มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้า” เอ็กซ์ควิสิทพูด


 


“ผู้ชายไปซ้าย ผู้หญิงไปขวา ถ้าเป็นข้า ข้าจะใช้มือข้างซ้าย” หลังจากนั้นหานเซิ่นก็วางมือข้างซ้ายลงบนสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยม


 


หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขาทาบมือลงกับเหล็กร้อน เขาดึงมือตัวเองกลับมา และเมื่อเขาทำแบบนั้นแสงบนรอยแกะสลักก็หายไป ในตอนนี้สัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมประทับไปบนมือข้างซ้ายของเขา


 


เมื่อความร้อนหายไปแล้ว สัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมก็หายไปเช่นกัน หานเซิ่นไม่สามารถสัมผัสถึงร่องรอยของมันได้อีกต่อไป


 


“เสร็จแล้วใช่ไหม?” หานเซิ่นหันไปมองเอ็กซ์ควิสิท


 


“ใช่ เสร็จแล้ว” เอ็กซ์ควิสิทตอบ


 


หานเซิ่นรู้ว่าในตอนนี้ เอ็กซ์ควิสิทควรจะอ่านจิตใจของเขาได้ จิตใจของเขาควรจะเป็นเหมือนกับหนังสือสำหรับเธอ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเริ่มจะจินตนาการถึงบางเรื่องเพื่อจะทดสอบมัน


 


วินาทีต่อมา เอ็กซ์ควิสิทก็หน้าแดงและตะโกนขึ้นว่า “หยุด!”


 


“ดูเหมือนว่าเจ้าจะอ่านจิตใจของข้าได้จริงๆ” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่เอ็กซ์ควิสิท

 

 

 


ตอนที่ 2644

 

“มันเป็นเรื่องดีที่เจ้ารู้แบบนั้น อย่าได้คิดอะไรแบบนั้นอีก” เอ็กซ์ควิสิทแกล้งทำเป็นว่าเธอสงบสติจากสิ่งที่เห็นได้แล้ว


 


ตัวไหมของเผ่าพันธุ์อื่นอาจจะไม่รู้ว่าพวกเขาถูกจับตามองโดยเวรี่ไฮ แต่มันไม่ได้แปลกใจอะไรที่เผ่านภาจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะยังไงซะครั้งหนึ่งเผ่านภาและเผ่าเวรี่ไฮก็เคยเป็นครอบครัวเดียวกัน และเผ่าเวรี่ไฮก็ไม่เคยปิดบังความจริงที่ว่าพวกเขาจับตาดูตัวไหมของตัวเอง ดังนั้นเอ็กซ์ควิสิทไม่คิดว่ามันแปลกอะไรที่หานเซิ่นจะรู้เรื่องนี้


 


“ไปกันเถอะ ข้าจะช่วยเจ้าฝึกฝนภายในเอาท์เตอร์สกายแห่งนี้ ส่วนเรื่องทรัพยากรเจ้าจะได้รับมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า” เอ็กซ์ควิสิทหันกลับและเดินออกไปจากปราสาท


 


“แค่นี้เองหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยความสงสัย


 


“เจ้าคาดหวังอะไรอีกล่ะ?” เอ็กซ์ควิสิทถาม


 


“นี่พวกเราไม่จำเป็นต้องไปพบกับผู้นำหรือผ่านกระบวนการรับสมัครอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสับสน ตั้งแต่ที่พวกเขามาถึง คนของเวรี่ไฮคนเดียวที่เขาได้พบก็คือพี่สอง และพี่สองก็คงจะไม่ใช่บุคคลสำคัญอะไรมากของเผ่าเวรี่ไฮ


 


“มันไม่มีความจำเป็นทำเรื่องพวกนั้น ตอนนี้เมื่อเจ้าเข้ามาในเอาท์เตอร์สกาย การเคลื่อนไหวของเจ้าจะถูกจับตามองโดยผู้นำของพวกเรา ในเมื่อไม่มีใครมาที่นี่เพื่อหยุดเจ้า นั่นก็หมายความว่าผู้นำของพวกเรายอมรับเจ้า ตอนนี้เจ้ากลายเป็นตัวไหมอย่างเป็นทางการแล้ว”


 


“วิธีการทำสิ่งต่างๆของเผ่าเวรี่ไฮนี่แตกต่างจริงๆ…” เมื่อคำนึงว่าพวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์อันดับหนึ่งในจักรวาล เผ่าเวรี่ไฮดูจะดำเนินการเรื่องภายในอย่างง่ายๆจนน่าแปลกใจ


 


แต่เมื่อหานเซิ่นคิดเกี่ยวกับท่าทีที่ดูง่ายๆของพวกเขาแล้ว เขาก็รู้สึกตัวว่ามันไม่ได้แปลกอะไร เผ่าเวรี่ไฮนั้นทรงพลังมากๆ แต่พวกเขามีกันอยู่ไม่มาก และพวกเขาก็ไม่ได้สนใจจะผสมสายเลือดกับเผ่าพันธุ์อื่น แถมพวกเขายังฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ พวกเขาสูญเสียความสามารถในการสนใจสิ่งต่างๆไป จากที่เขารู้เกี่ยวกับเผ่าเวรี่ไฮ กระบวนการรับคนแบบนี้ดูจะเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล


 


หลังจากที่หานเซิ่นออกจากห้องโถง เขาก็เห็นว่าเป่าเอ๋อและพี่สองที่ชื่อหลี่อวี้เจินกำลังพูดคุยกันอยู่ ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งคู่จะเข้ากันได้เป็นอย่างดี นั่นเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจ


 


หลี่อวี้เจินอยากจะร่วมเดินทางไปกับเอ็กซ์ควิสิท แต่เธอปฏิเสธ เขาไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้นและยอมจากไปแต่โดยดี


 


พวกเขากลับขึ้นบนยานอวกาศลำเล็กของเอ็กซ์ควิสิทและเริ่มบินออกไปทางทิศตะวันออกที่ดูเหมือนสรวงสวรรค์


 


“เป่าเอ๋อ นี่หนูคุยอะไรกับหลี่อวี้เจินอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นไม่เชื่อว่าเป่าเอ๋อจะพูดคุยกับหลี่อวี้เจินเฉยๆ นอกซะจากเธอต้องการอะไรบางอย่าง


 


“มันก็ไม่มีอะไรมาก เขาเป็นคนใจดี เขาสัญญาว่าจะให้ของเล่นสนุกๆกับหนู” เป่าเอ๋อพูดพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ


 


“ทำไมจู่ๆเขาถึงจะมอบของเล่นให้หนู?” หานเซิ่นถาม


 


“เขาบอกว่าถ้าหนูยอมบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องของพี่เอ็กซ์ควิสิท เขาจะนำของเล่นมาให้กับหนู” เป่าเอ๋ออธิบายอย่างไร้เดียงสา


 


หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และคาดเดาไปว่า “ถ้าหลี่อวี้เจินเป็นหนึ่งในคนที่รับผิดชอบต่อการมีอยู่ของรุ่นต่อไปของเผ่าเวรี่ไฮ อย่างนั้นเขาคงจะต้องการ…”


 


เมื่อหานเซิ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ใบหน้าของเอ็กซ์ควิสิทก็แข็งกร้าวขึ้นมา

“อย่าแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับมัน เขาไม่มีโอกาส”


 


หานเซิ่นยักไหล่ เขารู้ว่าการสันนิษฐานของเขานั้นถูกต้อง


 


ยานอวกาศของพวกเขาเดินทางไปหนึ่งแสนไมล์ก่อนที่พวกเขาจะมาหยุดอยู่ที่ยอดภูเขาลูกหนึ่ง บนยอดภูเขามีสิ่งก่อสร้างที่ทำจากไม้อยู่ มันดูค่อนข้างเรียบร้อย หานเซิ่นคิดว่ามันคงจะเป็นที่อยู่อาศัยของเอ็กซ์ควิสิท


 


แต่เอ็กซ์ควิสิทพาหานเซิ่นเข้าไปในบ้านไม้ หลังจากนั้นเธอก็จากไป


 


เมื่อเอ็กซ์ควิสิทจากไปแล้ว หานเซิ่นก็เอาบางสิ่งออกมาจากกระเป๋า มันเป็นสิ่งที่ผู้นำปราสาทนภามอบให้กับเขา มันคือรูปปั้นหยกที่มีขนาดพอๆกับผ่ามือ


 


‘ผู้นำปราสาทนภาบอกว่าเมื่อเธอออกห่างจากเราระยะหนึ่ง ความสามารถในการจับตาดูของเอ็กซ์ควิสิทก็จะอ่อนลงหรือบางทีอาจจะหายไปจนหมด แต่ระยะต้องไกลพอสมควร นั่นคือสิ่งที่ผู้นำปราสาทนภาบอก ตอนนี้เธอคงจะอ่านสัมผัสทั้งเจ็ดของเราไม่ได้แล้วถูกไหม?’ หานเซิ่นพยายามจะไม่คิด ขณะที่ทำให้จิตใจของตัวเองว่างเปล่าเท่าที่จะเป็นไปได้ เขายกรูปปั้นหยกขึ้นมา


 


รูปปั้นหยกขนาดเล็กนั้นเรืองแสงออกมา แต่จริงๆแล้วแสงนั่นไม่ได้มาจากรูปปั้น มันมาจากมือของหานเซิ่น


 


ตราประทับรูปสามเหลี่ยมบนมือของเขากำลังเรืองแสง และมันก็ค่อยๆบิดเบือนไป


 


“มันได้ผลจริงๆ!” หานเซิ่นมองไปที่ตราประทับที่เรืองแสงบนมือของเขา ตอนนี้มันกลายเป็นรูปของรูปปั้นหยก ภาพของมันทำให้หานเซิ่นดีใจ


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่ารูปปั้นหยกนั้นจริงๆแล้วคืออะไร ผู้นำปราสาทนภาบอกวิธีใช้มันกับหานเซิ่น แต่เขาไม่ได้อธิบายว่ามันทำงานได้ยังไง


 


ความจริงแล้วรูปปั้นหยกนี่เป็นเครื่องมือที่ทำงานคล้ายกันกล้องวิดีโอ แต่ทว่าแทนที่จะอัดข้อมูลภาพ ข้อมูลที่มันเก็บคือสัมผัสทั้งเจ็ดของหานเซิ่น


 


เมื่อเขากดรูปปั้นหยกลงที่ตราประทับรูปสามเหลี่ยมบนมือ เอ็กซ์ควิสิทก็จะไม่สามารถสัมผัสถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังรู้สึกได้อีกต่อไป ตอนนี้เธอกำลังประสบกับการวนลูปของความรู้สึกที่ถูกบันทึกเอาไว้


 


ข้อมูลที่เอ็กซ์ควิสิทได้รับในตอนนี้คือสิ่งที่หานเซิ่นไม่รังเกียจอะไรที่จะให้เธอได้รู้


 


หานเซิ่นได้บันทึกความรู้สึกต่างๆเอาไว้ในรูปปั้น พวกมันส่วนใหญ่คือความรู้สึกที่เขาประสบในตอนที่เขาฝึกวิชา ถ้าเอ็กซ์ควิสิทไม่ได้เห็นเขาด้วยตาตัวเอง เธอก็คงจะสันนิษฐานไปว่าเขากำลังฝึกวิชาอยู่


 


“มาดูสิว่ามันทำงานแบบนี้ได้ไหม” ขณะที่หานเซิ่นจับรูปปั้นหยกอยู่ เขาก็บันทึกความคิดและสัมผัสของตัวเองลงไปเพิ่ม


 


มันเป็นอะไรที่ยากมากๆที่มนุษย์คนหนึ่งจะควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่หานเซิ่นมีประสบการณ์ในการทำแบบนั้น เขาคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มทำการบันทึกความรู้สึกใหม่ๆลงไป เขาคิดกับตัวเอง

‘เอ็กซ์ควิสิททั้งสวยและน่ารัก นอกจากนั้นเธอยังใจดี เธอเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดที่เราเคยเจอ ถึงแม้เราจะเป็นเพื่อนกับเธอไม่ได้ แต่ตราบใดที่เราได้ปกป้องเธอ มันก็เพียงพอแล้ว…’


 


หลังจากที่บันทึกเสร็จแล้ว หานเซิ่นก็เช็คซ้ำสองว่ามันออกมาถูกต้องหรือเปล่า เขาทำให้แน่ใจว่าผลการบันทึกเป็นทางบวก หลังจากนั้นเขาก็เก็บรูปปั้นหยกนั่นไป


 


ถ้าเอ็กซ์ควิสิทอ่านสัมผัสทั้งเจ็ดของเขาในตอนนี้ ทั้งหมดที่เธอจะเห็นก็คือสิ่งที่หานเซิ่นบันทึกเอาไว้ หานเซิ่นสามารถเลือกสิ่งที่เขาต้องการให้เอ็กซ์ควิสิทเห็นได้


 


แน่นอนว่าในตอนที่พวกเขาอยู่ต่อหน้ากัน หานเซิ่นสามารถตั้งรูปปั้นหยกให้ทำงานซิงค์กับประสาทสัมผัสทั้งเจ็ดของเขา แบบนั้นเขาก็จะสามารถป้องกันเอ็กซ์ควิสิทจากการเกิดสงสัยขึ้นมา


 


ในตอนนี้แผนการของผู้นำปราสาทนภาดูเหมือนจะได้ผล แต่หานเซิ่นไม่ได้วางใจอย่างเต็มที่ ถ้าเกิดเอ็กซ์ควิสิทรู้ถึงสิ่งที่เขากำลังทำขึ้นมา เขาก็ต้องหาวิธีการอื่นเพื่อปกป้องจิตใจของตัวเอง


 


ขณะที่หานเซิ่นรอคอยให้เอ็กซ์ควิสิทกลับมาเพื่อดูว่าความพยายามในการปกป้องจิตใจตัวเองสำเร็จหรือไม่ จู่ๆบางสิ่งก็บินผ่านหน้าต่างเข้ามา


 


หานเซิ่นตกใจ ในตอนแรกเขาคิดว่ามันอาจจะเป็นซีโน่เจเนอิคบางอย่าง ไม่อย่างนั้นทำไมมันถึงเข้ามาทางหน้าต่างแทนที่จะเป็นประตู?


 


เมื่อเขาหันไปเห็น เขาก็รู้สึกตัวว่ามันเป็นแมลงที่ดูเหมือนกับด้วง ซึ่งมันก็คือก็อตสปิริตทัชที่อยู่ในศาลาชะตากรรมครึ่งชีวิต เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เขารู้ว่าก็อตสปิริตทัชโจมตีไม่ได้ ดังนั้นมันจึงไม่มีอะไรที่เขาต้องกลัว


 


“ทำไมมันถึงได้มาที่นี่?” หานเซิ่นสงสัย


 


ก็อตสปิริตทัชบินมาตรงหน้าหานเซิ่น และเขาก็ยื่นมือออกไปรับมันเอาไว้ ซึ่งมันไม่ได้พยายามจะหลบมือของเขา ดูเหมือนมันจะยอมรับเขา


 


ขณะที่อยู่บนฝ่ามือของหานเซิ่น มันกระพือปีกเพื่อสร้างเสียงแปลกๆ ดูเหมือนกับว่าเจ้าแมลงนั้นต้องการจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา

 

 

 


ตอนที่ 2645

 

ขณะที่หานเซิ่นกำลังสงสัยว่าก็อตสปิริตทัชต้องการอะไร จู่ๆเขาก็ได้รู้ความคิดของมัน “มอบหยดเลือดของเจ้าให้กับข้าอีก”


 


หานเซิ่นแปลกใจ เขาเคยพบก็อตสปิริตทัชตัวหนึ่งก่อนหน้านี้ ดังนั้นเขารู้ว่าพวกมันสามารถทำการสื่อสารขั้นพื้นฐานได้ แต่ก็อตสปิริตทัชตัวนี้ดูจะแข็งแกร่งกว่าตัวก่อนที่เขาเคยเห็นมาก


 


ความคิดของก็อตสปิริตทัชตัวก่อนที่เขาเคยเห็นในปราสาทนภานั้นเบลอๆและไม่ชัดเจน แต่ความต้องการของก็อตสปิริตทัชตัวนี้ชัดเจนมากราวกับว่ามันพูดตรงเข้ามาในหูของเขา


 


“ทำไมข้าถึงต้องมอบเลือดให้กับเจ้าด้วย?” หานเซิ่นถามและมองไปที่ก็อตสปิริตทัช


 


“แลกเปลี่ยน” เสียงของก็อตสปิริตทัชดังขึ้นในจิตใจของหานเซิ่น


 


‘ก็อตสปิริตทัชนี้สื่อสารได้จริงๆ ถ้าพวกมันมีชีวิตอยู่นานพอ ดูเหมือนพวกมันจะวิวัฒนาการได้ เจ้าตัวนี้อยู่มาตั้งแต่สมัยที่อัลฟ่าของเผ่าเวรี่ไฮยังมีชีวิตอยู่ มันคงจะเดินทางไปทั่วจักรวาลร่วมกับอัลฟ่าของเผ่าเวรี่ไฮ มันพิเศษกว่าตัวอื่นจริงๆ’ หานเซิ่นแปลกใจ


 


“เจ้าจะแลกเปลี่ยนด้วยอะไร?” หานเซิ่นถาม


 


“ตามข้ามา” ก็อตสปิริตทัชพูด หลังจากนั้นมันก็กระพือปีกและเริ่มบินออกจากบ้านไม้ไป หานเซิ่นรีบอุ้มเป่าเอ๋อขึ้นมาและบินตามเจ้าแมลงตัวน้อยไป เขาอยากรู้ว่าก็อตสปิริตทัชตัวนั้นจะเสนออะไรให้กับเขา


 


เอ็กซ์ควิสิทเตือนเขาว่าอย่าได้ออกไปจากภูเขา ถ้าเขาออกไป เขาก็อาจจะตกอยู่ในอันตราย แต่นั่นไม่ได้หยุดเขาจากการตามก็อตสปิริตทัชไป เพราะตราบใดที่เขาไม่ออกไปไกลจนเกินไป มันก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องกลัว


 


ก็อตสปิริตทัชบินอย่างรวดเร็วมากๆ มันรวดเร็วยิ่งกว่าหานเซิ่นซะอีก หานเซิ่นจำเป็นต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อจะไล่ตามมันให้ทัน


 


พวกเขาบินไปเกือบทั้งวัน ก็อตสปิริตทัชไม่ได้บินเป็นเส้นตรงเช่นกัน มันซิกแซ็กไปมาทุกทิศทุกทาง เส้นทางการบินที่ประหลาดของมันนั้นบ่งบอกว่ามันหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่าง


 


ภายในเอาท์เตอร์สกายมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ามากมายป้วนเปี้ยนอยู่ทั่ว ซึ่งหานเซิ่นกังวลว่าอาจจะไปเจอกับพวกมันเข้า ถ้าเขาเจอกับซีโน่เจเนอิคที่เป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรานมิวเทชั่นหรือสูงกว่า เขาก็ไม่สามารถต่อสู้กับมันได้


 


แต่ความกังวลของหานเซิ่นไม่เป็นจริง ในระหว่างทางเขาไม่เห็นซีโน่เจเนอิคแบบนั้นเลยสักตัว ซีโน่เจเนอิคที่เขาพบเห็นเป็นแค่ซีโน่เจเนอิคที่ไม่ได้เป็นภัยอะไรต่อเขา


 


ที่สุดแล้วก็อตสปิริตทัชก็มาหยุดอยู่ที่หุบเขาแห่งหนึ่ง


 


หานเซิ่นเห็นว่าหุบเขานั้นเขียวชอุ่ม มันมีพืชผักอยู่มากมาย ซึ่งรวมถึงป่าไผ่ขนาดใหญ่ ไผ่นั้นเขียวขจีจนดูเหมือนกับหยก


 


ก็อตสปิริตทัชบินเข้าไปในป่าไผ่ และหานเซิ่นก็ตามมันไปติดๆ พวกเขาไปถึงพื้นที่ว่างในใจกลางของป่าไผ่ และในพื้นที่นั่นมีดอกไม้สีขาวขนาดเล็กอยู่


 


เมื่อหานเซิ่นเข้าไปใกล้ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่าดอกไม้สีขาวขนาดเล็กนั่นแตกต่างไปจากดอกไม้ธรรมดาๆ พวกมันดูเหมือนกับแฟรี่ที่สวมใส่ชุดคลุมสีขาว ใบหน้าเล็กๆของพวกมันดูสวยงาม และเมื่อหานเซิ่นมองดูใกล้ๆ เขาก็เห็นแม้กระทั่งขนตาของพวกมัน


 


แต่ดอกไม้แฟรี่ทั้งหมดหลับอยู่ มันยากที่จะบอกได้ว่าพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆหรือเปล่า


 


ก็อตสปิริตทัชบินเข้าไปหาพวกมัน การกระพือปีกของมันสร้างสายลมที่รุนแรงพอจะปลุกให้เหล่าดอกไม้แฟรี่ตื่นขึ้นมา เมื่อพวกมันลืมตาขึ้นมา พวกมันทั้งหมดก็ไปรวมตัวกันในจุดๆเดียวราวกับว่าพวกมันหวาดกลัวต่อบางสิ่งบางอย่าง


 


“ข้าเสนอทั้งหมดนี่เป็นการแลกเปลี่ยน” ก็อตสปิริตทัชพูดขณะที่บินไปใกล้กับดอกไม้ มันใช้จิตใจเพื่อสื่อสารกับหานเซิ่นอีกครั้ง


 


“พวกนี้คืออะไรกัน?” หานเซิ่นมองไปที่ดอกไม้ขาวที่ดูเหมือนกับแฟรี่ เขาสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่ทรงพลังของพวกมัน


 


“ดอกไม้แฟรี่” ก็อตสปิริตทัชตอบ


 


“พวกมันทำอะไรได้?” หานเซิ่นถาม


 


“ก็อตคิงบีชอบพวกมัน” ก็อตสปิริตทัชพูดผ่านจิตใจของมันอีกครั้ง


 


“นั่นหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นไม่เข้าใจ


 


“ถ้าเจ้าต้องการจะดึงดูดก็อตคิงบี เจ้าจำเป็นต้องใช้พวกมัน…”

ถึงแม้ความคิดของก็อตสปิริตทัชตัวนี้จะชัดเจน แต่ความสามารถในการสื่อสารของมันก็ยังมีขีดจำกัดอยู่ มันสามารถพูดบางสิ่งที่ง่ายๆได้ แต่การอธิบายเรื่องที่ซับซ้อนนั้นอยู่เหนือความสามารถของแมลงตัวน้อยนี้


 


หานเซิ่นเข้าใจแค่ว่าดอกไม้แฟรี่พวกนี้สามารถใช้เพื่อดึงดูดก็อตคิงบีได้ และก็อตคิงบีก็คงจะมีประโยชน์อะไรบางอย่าง


 


แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่สิ่งที่ก็อตสปิริตทัชเชื่อ แต่หานเซิ่นไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับก็อตคิงบีมาก่อน ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เจ้าแมลงเสนอนั้นเป็นอะไรที่คุ้มค่าหรือเปล่า


 


“เจ้าต้องการเลือดมากขนาดไหน?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่ก็อตสปิริตทัช


 


“หนึ่งร้อยหยด” ก็อตสปิริตพูดในจิตใจของหานเซิ่น


 


“นั่นมากเกินไป ดอกไม้หนึ่งดอกต่อเลือดหนึ่งหยดเป็นยังไง? ให้ข้านับก่อนนะ มันมีดอกไม้แฟรี่อยู่ทั้งหมดสิบเจ็ดดอก ดังนั้นข้าจะมอบเลือดให้กับเจ้าสิบเจ็ดหยด ตกลงใช่ไหม?” หานเซิ่นถาม


 


หานเซิ่นไม่ได้รีบตอบตกลงในทันที เพราะยังไงซะเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าจะได้รับประโยชน์อะไรจากดอกไม้แฟรี่พวกนี้ แต่ทว่าเขาสนใจในตัวก็อตสปิริตทัช มันรู้จักเอาท์เตอร์สกายเป็นอย่างดี ดังนั้นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าแมลงอาจจะมีประโยชน์ต่อเขาในอนาคต


 


“ตกลง” ก็อตสปิริตทัชตอบด้วยความมั่นใจ


 


“ข้าจะใช้ดอกไม้พวกนี้ได้ยังไง?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่ดอกไม้แฟรี่


 


“ขุดรากพวกมันขึ้นมาและเอาพวกมันกลับไป” ก็อตสปิริตทัชตอบ


 


“พวกมันจะตายไหม?” หานเซิ่นมองดอกไม้ที่ดูเหมือนกับแฟรี่ เขาไม่อยากจะทำร้ายสิ่งมีชีวิตที่สวยงามโดยไม่จำเป็น


 


“ไม่ แต่หลังจากที่กลับไปแล้ว เจ้าต้องนำมันไปปลูกในสวน” ก็อตสปิริตทัชพูด


 


“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันตกลง” หานเซิ่นพับแขนเสื้อและเริ่มขุดเอาดอกไม้ขึ้นมาทีละดอก


 


“เลือด” ก็อตสปิริตทัชพูดขณะที่บินมาบนมือของหานเซิ่น


 


หานเซิ่นไม่ลังเล เขาบีบเลือดสิบเจ็ดหยดออกมาและปล่อยให้มันนองอยู่บนฝ่ามือของเขา ก็อตสปิริตทัชบินลงไปหาเลือดราวกับหมาป่าที่หิวกระหาย มันดื่มเลือดทั้งหมดเข้าไปในชั่วพริบตา


 


ร่างกายคริสตัลของเจ้าแมลงเริ่มจะถูกย้อมด้วยแสงสีแดง มันเริ่มจะดูเหมือนกับงานศิลปะที่ทำขึ้นมาจากคริสตัลสีชมพู


 


หานเซิ่นขุดเอาดอกไม้แฟรี่ทั้งหมดขึ้นมาจากพื้น ดอกไม้แฟรี่ตัวสั่นขณะที่เขาทำการขุดพวกมันขึ้นมา พวกมันดูหวาดกลัว


 


“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้จะทำร้ายพวกเจ้า” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม ดอกไม้พวกนี้เป็นอะไรที่น่ารักมากๆ ถึงแม้พวกมันจะสามารถกินได้ แต่เขาก็ไม่อยากจะกินพวกมัน


 


ก็อตสปิริตทัชบินขึ้นจากมือของหานเซิ่นและเริ่มทำการขุดลงไปในพื้นที่อยู่ถัดไปจากรากของดอกไม้แฟรี่


 


“นี่เจ้ากำลังจะทำอะไร?” หานเซิ่นถามด้วยความอยากรู้


 


“ข้ากำลังจะนอน” เสียงของก็อตสปิริตทัชดังขึ้นในจิตใจของเขา หลังจากนั้นเจ้าแมลงก็จมหายลงไปใต้ดิน


 


หานเซิ่นถามอีกหลายคำถาม แต่เขาไม่ได้รับคำตอบจากก็อตสปิริตทัช ในตอนนี้เขารู้ว่าจำเป็นต้องกลับไปที่บ้านไม้พร้อมกับดอกไม้แฟรี่


 


“เอ็กซ์ควิสิทคงจะรู้วิธีการใช้ดอกไม้แฟรี่พวกนี้ เราควรจะถามเธอเมื่อเธอกลับมา” หานเซิ่นบินออกจากหุบเขาและตรงกลับไปที่บ้านไม้บนยอดเขา


 


แต่ทว่าก่อนที่หานเซิ่นจะกลับไปถึงบ้านไม้ รูปปั้นหยกก็สั่นไหวและเรืองแสงขึ้นมา นั่นบ่งบอกว่าเอ็กซ์ควิสิทกลับเข้ามาในระยะ เธอจะสัมผัสหานเซิ่นได้อีกครั้งหนึ่ง

 

 

 


ตอนที่ 2646

 

ในตอนที่เอ็กซ์ควิสิทกลับไปที่บ้านไม้ เธอก็ต้องขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าหานเซิ่นจะออกไปข้างนอก ยิ่งเธอออกห่างจากหานเซิ่นมากเท่าไหร่ การเชื่อมต่อก็จะอ่อนลงไปเท่านั้น ตอนนี้เธอสัมผัสได้แค่ทิศทางที่หานเซิ่นเดินทางและความรู้สึกอ่อนๆเท่านั้น


 


ทั้งหมดที่เอ็กซ์ควิสิทบอกได้ก็คือหานเซิ่นกำลังรู้สึกมีความสุข เธอไม่สามารถสัมผัสถึงอะไรอย่างอื่นนอกจากนั้นได้


 


แต่ถ้าเขารู้สึกมีความสุข นั่นก็หมายความว่าเขาไม่ได้เจอกับอันตรายอะไร


 


‘นี่เขากล้าจริงๆ เขาเพิ่งจะมาถึงเอาท์เตอร์สกาย แต่เขาก็ออกไปไหนมาไหนตามใจตัวเองเรียบร้อยแล้ว นี่เขาไม่รู้สึกตัวหรือยังไงว่ามันมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอยู่รอบๆนี่น่ะ? ถึงแม้เขาจะมีสมบัติระดับเทพเจ้าอยู่ แต่มันก็เป็นเรื่องยากอยู่ดีที่เขาจะเอาตัวรอดจากมอนสเตอร์สมัยโบราณกาลเหล่านั้น’ เอ็กซ์ควิสิทคิดกับตัวเอง


 


ตอนนี้หานเซิ่นใกล้จะถึงบ้านไม้แล้ว ขณะที่เขาเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เอ็กซ์ควิสิทก็สัมผัสเกี่ยวกับเขาได้มากขึ้นๆ หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เธอก็สัมผัสได้ว่าเขากำลังถือดอกไม้อยู่


 


แต่เอ็กซ์ควิสิทแค่รู้สึก ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเสียดาย เธอสัมผัสได้ถึงความระมัดระวังในการถือของหานเซิ่น แต่เธอไม่ได้เห็นสิ่งที่เขาเห็น ด้วยเหตุนั้นเธอจึงได้แค่คาดเดาสิ่งที่เขากำลังถืออยู่จากประสาทสัมผัส


 


ความสุขของหานเซิ่นส่งมาถึงเธอ มันดูเหมือนว่าเขาจะไปพบกับสมบัติบางอย่างเข้า


 


“ดอกไม้แฟรี่” เอ็กซ์ควิสิทรู้สึกตัวเมื่อหานเซิ่นเข้ามาใกล้ เธออ่านความคิดของเขา หานเซิ่นเก็บดอกไม้แฟรี่มา แต่เขาไม่รู้วิธีที่จะใช้พวกมัน ดังนั้นเขาจึงนำดอกไม้กลับมาเพื่อจะถามเธอว่าพวกมันใช้ทำอะไรได้


 


“นั่นเป็นไปได้ยังไง?” เอ็กซ์ควิสิทไม่อยากเชื่อว่าหานเซิ่นจะหาดอกไม้แฟรี่มาได้ คนของเผ่าเวรี่ไฮหลายคนต้องการมัน แต่ดอกไม้พวกนี้เป็นอะไรที่หาได้ยากมากๆ


 


หานเซิ่นเพิ่งจะมาถึงเอาท์เตอร์สกายได้แค่สองวัน แต่เขาก็ไปพบกับดอกไม้แฟรี่เข้าแล้ว นี่เป็นอะไรที่แปลกมากๆ แต่เนื่องจากเอ็กซ์ควิสิทยังไม่เห็นหานเซิ่นกับตาตัวเอง เธอยังไม่เชื่อว่าหานเซิ่นจะค้นพบดอกไม้แฟรี่ของจริง เขาคงจะต้องเข้าใจผิดเกี่ยวกับสิ่งที่หามาได้ แต่เมื่อหานเซิ่นปรากฏในสายตาของเธอ ดวงตาของเอ็กซ์ควิสิทก็เบิกกว้าง


 


หานเซิ่นกำลังถือดอกไม้แฟรี่อยู่จริงๆ และมันไม่ใช่แค่ดอกเดียวเท่านั้น มันมีดอกไม้อยู่ถึงสิบเจ็ดดอกในมือของเขา ดอกไม้แฟรี่จะบานหนึ่งดอกในทุกๆหนึ่งร้อยล้านปี การที่มันมีดอกไม้อยู่สิบเจ็ดดอก นั่นหมายความว่าพืชนี้มีชีวิตอยู่มาหนึ่งพันเจ็ดร้อยล้านปี


 


เมื่อเทียบกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของเผ่าเวรี่ไฮ หนึ่งพันเจ็ดร้อยล้านปีไม่ได้นานเท่าไร แต่มันยากมากที่จะหาดอกไม้แฟรี่ที่เติบโตเป็นเวลานานขนาดนั้น


 


ถึงแม้คนๆหนึ่งโชคดีพอจะไปพบดอกไม้แฟรี่ แต่ปกติแล้วมันก็จะมีแค่สองถึงสามดอกที่เบ่งบาน ภายในปราสาทของเผ่าเวรี่ไฮ มันมีดอกไม้แฟรี่ที่มีดอกบานขึ้นมาทั้งหมดเจ็ดสิบสองดอกอยู่ นั่นดูเหมือนจะเป็นจำนวนสูงสุดที่ดอกไม้แฟรี่หนึ่งจะมีได้ มันจะไม่เติบโตมากไปกว่านั้น ดอกไม้นั้นถูกเรียกว่าดอกไม้ราชาแฟรี่ และมันเป็นดอกไม้ที่สำคัญที่สุดของเผ่าเวรี่ไฮ


 


ดอกไม้แฟรี่ของหานเซิ่นมีทั้งหมดสิบเจ็ดดอก นั่นถือเป็นจำนวนที่ไม่เลว ถ้าเขาปลูกมันและรักษาชีวิตมันเอาไว้ได้ มันก็จะช่วยเขาได้มาก


 


“ทำไมเจ้าถึงออกไปข้างนอกตามลำพัง?” เอ็กซ์ควิสิทถามเมื่อหานเซิ่นกลับมาถึงที่สวน


 


“ข้าคิดว่าจะไปเช็คบริเวณรอบๆ แต่ดูนี่ ข้าพบดอกไม้ประหลาดพวกนี้เข้า เจ้ารู้ว่าไหมว่าดอกไม้พวกนี้ทำอะไรได้?” หานเซิ่นถามขณะที่พูดทำนองว่าเขาไปเจอดอกไม้แฟรี่เข้าโดยบังเอิญ เขาไม่ได้พูดถึงการแลกเปลี่ยนกับก็อตสปิริตทัช


 


ถึงแม้เอ็กซ์ควิสิทจะรู้ว่าหานเซิ่นไม่ได้พูดถึงเรื่องสำคัญบางอย่าง แต่เธอก็ยังฟังที่เขาพูด เธอตอบเขากลับไปว่า

“พวกนี้คือดอกไม้แฟรี่ ถ้าเจ้าปลูกมัน มันก็อาจจะกลายเป็นพืชซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตได้เลย แต่มันเติบโตช้ามากๆ มันจะงอกดอกใหม่ออกมามาทุกๆหนึ่งร้อยล้านปี เมื่อมันมีครบเจ็ดสิบสองดอกแล้ว มันก็จะกลายเป็นระดับบัตเตอร์ฟลาย ไม่ว่ามันจะกลายเป็นขั้นทรูก็อตได้หรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับพลังและดวงของมัน”


 


หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เอ็กซ์ควิสิทก็มองที่พืชในมือของหานเซิ่นและพูด

“พืชที่เจ้าพบมีสิบเจ็ดดอก มันควรจะเป็นระดับครึ่งเทพเรียบร้อยแล้ว ถ้ามันงอกออกมาอีกหนึ่งดอก มันก็จะกลายเป็นระดับเทพเจ้า”


 


“หนึ่งร้อยล้านปีต่อหนึ่งดอก? ในตอนนี้มันยังไม่มีดอกที่ตูมด้วยซ้ำ ข้ากลัวว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานพอที่จะได้เห็นดอกที่สิบแปดออกมา”

หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น หนึ่งร้อยล้านปีเป็นเวลาที่นานเกินไป มันไม่มีมนุษย์คนไหนที่มีอายุขัยยาวนานขนาดนั้น


 


“บางทีอาจจะไม่ต้องรอนานขนาดนั้น ดอกไม้แฟรี่จะไม่มีดอกตูมแบบนั้น เมื่อถึงเวลา ดอกไม้ดอกใหม่ก็จะบานออกมาในชั่วข้ามคืน บางทีอาจจะใกล้มีดอกไม้อีกดอกบานขึ้นมาแล้วก็ได้” เอ็กซ์ควิสิทพูด


 


“ว่าแต่ดอกไม้นี้ใช้ทำอะไรได้?” หานเซิ่นถาม


 


หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ เอ็กซ์ควิสิทก็บอกเขา “ดอกไม้นี่ใช้ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะนำไปสร้างยา แต่นอกซะจากจำเป็นจริงๆ มันก็ไม่มีใครจะใช้มันด้วยจุดประสงค์นั้น ผู้คนส่วนใหญ่จะปลูกดอกไม้แฟรี่ไว้ในสวนของพวกเขา การมีอยู่ของดอกไม้แฟรี่จะช่วยสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้เคียงในการเจริญเติบโตและยังเสริมอายุขัยได้อีกด้วย และหลังจากผ่านไปสักพักดอกไม้แฟรี่ก็จะดึงดูดก็อตคิงบีมา นั่นคือประโยชน์ที่ดีที่สุดของมัน”


 


“นั่นเป็นประโยชน์แบบไหนกัน?” หานเซิ่นรีบถาม


 


“หลังจากที่ก็อตคิงบีกินน้ำหวานของดอกไม้แฟรี่ มันก็จะมึนเมาและหลับใหลอยู่ใต้ดอกไม้” เอ็กซ์ควิสิทพูด

“มันเป็นอะไรที่ง่ายกว่าที่จะจัดการก็อตคิงบีในสภาพแบบนั้น ถ้าพืชนี้กลายเป็นระดับเทพเจ้า มันก็จะดึงดูดก็อตคิงบีระดับเทพเจ้ามา นั่นเป็นอะไรที่เยี่ยมยอดมากๆ”


 


“แต่มันจำเป็นต้องมีดอกไม้อีกดอกซะก่อน ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่ดอกไม้ดอกที่สิบแปดจะบานขึ้นมา”

หานเซิ่นพึมพำ เสียงของเขาฟังดูเบื่อหน่าย เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้โชคดีเหมือนคนอื่น เขาจำเป็นต้องมีดอกไม้อีกดอกหนึ่ง ถ้าเขาดึงดูดก็อตงคิงบีระดับเทพเจ้าและฆ่าพวกมันอย่างง่ายดาย นั่นก็จะเร่งการพัฒนาของเขาขึ้นอย่างมาก


 


เอ็กซ์ควิสิทสัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิดหวังของหานเซิ่น

“เจ้ายังคงดึงดูดก็อตคิงบีระดับครึ่งเทพได้ ซึ่งนั่นถือว่าเป็นอะไรที่ไม่เลว มันจะเป็นทรัพยากรที่มีค่าสำหรับเจ้าในขณะนี้”


 


“ข้านำวิชาจีโนมาหลายอย่าง ลองอ่านพวกมันดู ถ้าเจ้าอยากได้วิชาจีโนตัวอื่น ก็บอกข้าได้” เอ็กซ์ควิสิทวางตำราหลายเล่มลงบนโต๊ะของหานเซิ่น


 


หานเซิ่นหยิบพวกมันขึ้นมาดูและสังเกตเห็นว่าหนึ่งในพวกมันเป็นวิชาที่เขาฝึกเรียบร้อยแล้ว มันมีชื่อว่าก็อตส์วอนเดอร์ แต่หานเซิ่นไม่รู้ชื่อของมันมาก่อน เขาคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เทคนิคการเทเลพอร์ตขั้นสูง


 


นอกจากวิชาก็อตส์วอนเดอร์แล้ว มันยังมีวิชาอื่นที่แบ่งประเภทได้เป็นวิชามีดกับวิชาหมัด และมันยังมีวิชาจีโนอื่นอีกที่เรียกว่าเวรี่เรียลบอดี้ เวรี่เรียลบอดี้เป็นวิชาจีโนที่จะเสริมความแข็งแกร่งของร่างกาย ถ้าเขาฝึกมันจนสำเร็จ เขาจะสามารถใช้ร่างกายป้องกันการโจมตีทางกายภาพได้ แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็สร้างความเสียหายต่อเขาได้ยาก


 


เห็นได้ชัดว่าเอ็กซ์ควิสิทเลือกวิชาจีโนพวกนี้จากบุคลิกภาพของเขา พวกมันทั้งหมดเป็นวิชาที่หานเซิ่นถนัด ดูเหมือนว่าเอ็กซ์ควิสิทจะทำการเลือกมันอย่างระมัดระวัง


 


“ขอบคุณเจ้ามาก” หานเซิ่นซาบซึ้งในความหวังดีของเธอ


 


“เจ้าเป็นตัวไหมของข้า มันเป็นสิ่งที่คู่ควรกับเจ้า เจ้าแค่ต้องตั้งใจฝึกฝน ถ้าเจ้าขาดอะไร เจ้าก็บอกข้าได้” เอ็กซ์ควิสิทพูด


 


หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เอ็กซ์ควิสิทก็มองไปที่ตำราของวิชาเวรี่เรียลบอดี้และพูด

“ตำราวิชาเวรี่เรียลบอดี้นี้เป็นแค่ฉบับพื้นฐานของวิชาเท่านั้น มันไม่สมกับคนที่ยังไม่เป็นระดับเทพเจ้า มันเป็นวิชาจีโนที่จะเสริมความแข็งแกร่งของร่างกาย ข้าสังเกตเห็นว่าร่างกายของเจ้าแข็งแกร่ง ดังนั้นข้าคิดว่าเจ้าควรจะลองฝึกมันดู”


 


หานเซิ่นเห็นด้วยกับเธอ เขารีบนำวิชาจีโนไปเก็บและเอาดอกไม้แฟรี่ไปปลูกไว้ในสวน เขาจะรอจนกระทั่งก็อตคิงบีถูกดึงดูดมา

 

 

 


ตอนที่ 2647

 

“ภายในเอาท์เตอร์สกายมีซีโน่เจเนอิคอยู่มากมาย แต่พวกมันเป็นอะไรที่อันตรายมากๆ บ้านหลังนี้มีพลังในการป้องกันซีโน่เจเนอิคในรัศมีหนึ่งพันไมล์ แต่ถ้าเจ้าออกไปข้างนอก มันก็บอกได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเจ้าออกไปตามลำพังและเจอกับอันตรายเข้า ข้ากลัวว่าจะช่วยเจ้าไม่ทันเวลา ดั้งนั้นถ้าเจ้าอยากจะออกไปล่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม พวกเราควรไปด้วยกัน” เอ็กซ์ควิสิทพูด


 


“บริเวณรอบๆนี้มีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟที่ข้าพอจะล่าได้?” หานเซิ่นถาม ไหนๆเขาก็มาที่นี่แล้ว เขาก็อยากจะกอบโกยทรัพยากรให้ได้มากที่สุด


 


“พวกมันมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และพวกมันก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆตลอดช่วงเวลาที่ยาวนาน พวกมันจะไม่มารบกวนที่อยู่อาศัยของเผ่าเวรี่ไฮ แต่นอกจากที่อยู่อาศัยของพวกเรา พวกมันจะเดินทางไปที่ไหนก็ได้ตามใจชอบ ดังนั้นในตอนที่เจ้าออกจากเขตปลอดภัย เจ้าต้องระวังตัวทุกฝีก้าว มันมีแม้กระทั่งซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วาและบัตเตอร์ฟลายให้พบเห็น สิ่งมีชีวิตแบบนั้นปิดชีวิตเจ้าได้ด้วยการพ่นลมหายใจด้วยซ้ำ” เอ็กซ์ควิสิทพูด


 


หานเซิ่นอึ้ง “ข้าคิดว่าจะมีทรัพยากรให้ใช้ได้ตามใจชอบ อย่างนั้นทำไมมันถึงได้มีอันตรายขนาดนี้?”


 


“ถ้าเจ้าต้องการทรัพยากร เจ้าไม่จำเป็นต้องไปล่าพวกมันด้วยตัวเอง เผ่าของพวกเรามีทรัพยากรเก็บตุนเอาไว้”

เอ็กซ์ควิสิทพูด ตอนนี้เธอพูดด้วยโทนเสียงที่แตกต่างออกไปขณะที่เธอมองมาที่หานเซิ่น


 


“ทรัพยากรแบบไหนกัน?” หานเซิ่นถาม


 


“ตามข้ามา” เอ็กซ์ควิสิทพูดสั้นๆ เธอพาหานเซิ่นออกไปจากสวน แต่ครั้งนี้เอ็กซ์ควิสิทไม่ได้ใช้ยานลำน้อยๆของเธอ เธอวางมือลงบนไหล่ของหานเซิ่น และทันใดนั้นการเทเลพอร์ตก็เริ่มทำงาน พวกเขาถูกเทเลพอร์ตไปที่ไหนนั้นหานเซิ่นก็ไม่รู้


 


เมื่อพวกเขาไปปรากฏตัวที่อีกฝากหนึ่ง เอ็กซ์ควิสิทก็ยังไม่ได้ปล่อยมือไปจากเขา เธอใช้ความสามารถในการเทเลพอร์ตอีกครั้งหนึ่ง เธอทำแบบนี้เป็นสิบๆครั้งก่อนที่จะหยุด


 


หานเซิ่นเห็นบนหน้าผากของเธอมีเหงื่อไหลออกมา ดูเหมือนว่าเธอจะใช้พลังไปเป็นจำนวนมากกว่าจะมาถึงที่นี่


 


“พวกเรามาถึงแล้ว” เอ็กซ์ควิสิทพูดขณะที่มองไปข้างหน้า


 


หานเซิ่นมองตามสายตาของเธอ ทะเลสาบที่แปลกประหลาดอยู่ตรงหน้าพวกเขา มันเป็นทะเลสาบที่เต็มไปด้วยเมฆแทนที่จะเป็นน้ำ


 


หานเซิ่นคิดว่าทะเลสาบอาจจะแค่ถูกบดบังโดยหมอกหนา แต่เมื่อเขามองลงไป เขาก็รู้สึกตัวว่าไม่สามารถมองทะลุผ่านหมอกไปได้ ถึงแม้เขาจะมีสายตาที่ดี แต่เขาก็ไม่สามารถเห็นอะไรที่ลึกเกินกว่าสิบเมตร และสิบเมตรที่เขามองเห็นเป็นเมฆทั้งหมด มันไม่มีวี่แววของน้ำให้เห็นแม้แต่นิดเดียว และบางสิ่งที่ระยิบระยับกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในเมฆนั้น


 


“ทะเลสาบนี้เรียกว่าทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ เนื่องจากเอาท์เตอร์สกายนั้นตั้งอยู่ระหว่างโลกความเป็นจริงและโลกปฏิสสาร มันกล่าวกันว่าทะเลสาบนี้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกความเป็นจริงและโลกปฏิสสาร” เอ็กซ์ควิสิทอธิบายขณะที่เธอชี้ไปทางทะเลสาบประหลาด


 


“ไม่เคยมีใครดำลงไปในนี้มาก่อนอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม


 


เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับทฤษฎีหลายอย่างของโลกปฏิสสาร แต่สิ่งที่เขาเคยได้ยินมาเป็นเพียงแค่ข่าวลือ เขาไม่รู้ว่าข่าวลือเหล่านั้นเป็นความจริงหรือเปล่า


 


“เมื่อก่อนเคยมีคนดำลงไป แต่ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน พวกเขาก็ไม่เคยกลับออกมา” เอ็กซ์ควิสิทพูดด้วยเสียงที่ไร้ความรู้สึก


 


“อย่างนั้นพวกเรามาที่นี่ทำไม? เจ้าคงจะไม่ให้ข้าลงไปในนั้นหรอกใช่ไหม?” หานเซิ่นมองเอ็กซ์ควิสิทอย่างตื่นตระหนก


 


เอ็กซ์ควิสิทหัวเราะและพูด “แน่นอนว่าไม่ ถึงแม้ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์จะเป็นอันตราย แต่มันจะปลอดภัยตราบใดที่เจ้าไม่ลงไปในนั้น เจ้าควรทำบางสิ่งอย่างเช่นการตกปลา ถ้าเจ้าโชคดี เจ้าก็อาจจะดึงบางสิ่งขึ้นมาได้”


 


“พวกเราจะตกปลาในเมฆอย่างนั้นหรอ? เจ้าบอกว่าที่นี่เชื่อมต่อกับโลกปฏิสสารไม่ใช่หรอ นี่โลกปฏิสสารเป็นสถานที่อยู่อาศัยของปลากับกุ้งและอะไรทำนองนั้นหรือยังไง?” หานเซิ่นถามเอ็กซ์ควิสิทด้วยความสับสน


 


แทนที่จะตอบคำถาม เอ็กซ์ควิสิทนำเอาม้วนของเส้นไหมที่คล้ายกับลวดออกมาและวางมันลงในมือของหานเซิ่น

“เจ้าต้องลองตกมันด้วยตัวเอง เมื่อเจ้าตกบางสิ่งขึ้นมาได้แล้ว เจ้าก็จะเข้าใจ”


 


หานเซิ่นมองม้วนของเส้นไหมและสังเกตเห็นว่ามันบางราวกับเส้นผม มันเป็นสีเทาและไม่ได้แวววามเหมือนกับเส้นไหมทั่วไป ความจริงแล้วมันดูค่อนข้างจืดชืด


 


หานเซิ่นมองเส้นไหมที่ได้รับมาอยู่สักพักหนึ่ง เอ็กซ์ควิสิทไม่ได้มอบคันเบ็ดตกปลาให้กับเขา และมันไม่มีแม้แต่ตะขอ แม้แต่เจียงไท่กงก็จะไม่เป็นเลิศในเครื่องมือที่ธรรมดาแบบนี้ ถึงแม้ชายคนนั้นจะไม่ได้มีตะขออยู่ที่ปลายสายเบ็ด แต่อย่างน้อยๆเขาก็มีคันเบ็ดอยู่ แต่หานเซิ่นได้รับมาเพียงแค่สายเพียงอย่างเดียว


 


“มันไม่มีตะขอเกี่ยวปลาและเหยื่อล่ออะไร นี่ข้าจะตกปลาด้วยของแบบนี้ได้ยังไงกัน?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่เอ็กซ์ควิสิทอย่างไม่เชื่อ แต่เธอคงจะมีเหตุผลที่ให้เครื่องมือนี้กับเขามา


 


“หยดเลือดของเจ้าลงไป” เอ็กซ์ควิสิทพูด


 


หานเซิ่นหยดเลือดลงบนสายตามที่เธอบอกขณะที่คิดกับตัวเอง

‘นี่เผ่าเวรี่ไฮหรือว่าแวมไพร์? ทุกอย่างที่นี่ใช้เลือดเหมือนกันหมด!’


 


เอ็กซ์ควิสิทสัมผัสได้ถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิด เธอกระพริบตาปริบๆและพูด

“จริงๆแล้วมันไม่จำเป็นต้องใช้เลือด มันแค่จำเป็นต้องใช้ยีนของเจ้า ซึ่งเลือดเป็นอะไรที่ง่ายที่สุด”


 


หานเซิ่นอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก แต่เขาไม่มีอารมณ์จะมาโต้เถียงกับเธอ หลังจากที่มันดูดซับเลือดของหานเซิ่นเข้าไป มันก็บินออกไปจากมือของเขาด้วยตัวเอง มันบินไปปะปนท่ามกลางเส้นผมของหานเซิ่น


 


หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ เขารู้สึกตัวว่าตอนนี้มันมีสายสีเงินเส้นหนึ่งในเส้นผมของเขา มันคือเส้นไหมที่เขาเพิ่งจะได้รับมา


 


แต่ตอนนี้เส้นไหมดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับจิตใจของเขา เส้นไหมจะขยับตามคำสั่งของเขา มันสามารถยาวออกหรือหดสั้นลงตามคำสั่งของเขา มันเหมือนกับว่าเส้นไหมนั่นมีชีวิตจริงๆ


 


“สิ่งนี้มันคืออะไรกัน?” หานเซิ่นหันมาถามเอ็กซ์ควิสิทอีกครั้งหนึ่ง


 


“มันเป็นสมบัติซีโน่เจเนอิคที่เรียกว่าไหมอันเดอร์เวิลด์” เอ็กซ์ควิสิทอธิบาย

“มันทำขึ้นมาจากแก่นแท้ของเมฆในทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ ของสิ่งนี้ไม่มีระดับพลัง ความแข็งแกร่งของมันไม่สูง แม้แต่คนธรรมดาก็ฉีกมันขาดได้อย่างง่ายดาย แต่มันเป็นเพียงแค่สิ่งเดียวที่จะกลับมาจากทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ เจ้าใช้มันตกปลาในทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ได้”


 


“แบบนั้นทำไมข้าถึงต้องใช้เลือดของตัวเองเป็นเหยื่อปลา?” หานเซิ่นไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก เอ็กซ์ควิสิทอธิบายเพียงแค่ทีละนิดๆ แทนที่จะบอกเขาทุกอย่างตั้งแต่แรก หานเซิ่นไม่ชอบในเรื่องนั้น


 


“เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้เหยื่อ ตอนนี้ยีนของเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของไหมอันเดอร์เวิลด์เรียบร้อยแล้ว ตัวตนของเจ้าตอนนี้อยู่ภายในเส้นไหมและนั่นก็คือเหยื่อล่อของเจ้า”


 


หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เอ็กซ์ควิสิทก็พูดต่อ “ข้ามีเรื่องต้องไปทำ และข้าจำเป็นต้องไปที่อื่นสักพัก จนกว่าข้าจะกลับมา ข้าหวังว่าเจ้าจะตกปลาอยู่ที่นี่ อย่าได้ออกไปไหนไกลเป็นอันขาด ในบริเวณรอบๆนี้มีซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัวอยู่มากมาย แต่พวกมันจะไม่เข้ามาบริเวณทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ ดังนั้นการอยู่ที่นี่เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเจ้า”


 


“หนูอยากตกปลาด้วยคน” เป่าเอ๋อพูดขึ้นมา


 


“พวกเรามีไหมอันเดอร์เวิลด์อยู่เพียงแค่เส้นเดียว ข้าจะนำอีกเส้นมาให้กับเจ้าในครั้งหน้า” เอ็กซ์ควิสิทพูดกับเป่าเอ๋อ และก่อนที่หานเซิ่นจะได้พูดอะไรอีก เธอก็ใช้วิชาเทเลพอร์ตและหายตัวไป


 


หานเซิ่นสะดุ้ง ไหมอันเดอร์เวิลด์ยืดผ่านมือและเลื้อยลงไปในทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์


 


“นี่ข้าตกบางสิ่งจากที่นี่ได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองสายของเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ที่ตอนนี้หายลงไปในทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ เขาคลางแคลงใจอย่างมากกับเรื่องนี้

 

 

 


ตอนที่ 2648

 

หานเซิ่นนั่งลงใกล้ๆกับจุดที่เส้นไหมอันเดอร์เวิลด์หายไปในเมฆด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาตัดสินใจรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป


 


แต่หลังจากที่เขารอคอยอยู่เป็นชั่วโมง เส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ก็ยังไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย


 


“นี่เอ็กซ์ควิสิทคงจะไม่ได้พยายามทดสอบความอดทนเราหรอกใช่ไหม?”

หานเซิ่นสงสัยกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองเป่าเอ๋อและพูด “เป่าเอ๋อ หนูอยากลองตกปลาดูไหม?”


 


“อยาก” เป่าเอ๋อพูดพร้อมกับพยักหน้า


 


“ถ้าอย่างนั้นพ่อจะมอบมันให้กับหนู” หานเซิ่นส่งเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ให้กับเธอ


 


“พ่อไม่ต้องกังวล หนูจะจับปลาตัวใหญ่ให้กับพ่อ” เป่าเอ๋อพูด เธออยากลองตกปลามานานแล้ว


 


“แน่นอนว่าหนูจะทำได้” หานเซิ่นพูดให้กำลังใจ เขาไม่อยากจะทำลายความหวังของเธอ แต่ภายในเขาคิด ‘มันไม่มีตะขอและเหยื่อ หนูคงจะตกอะไรขึ้นมาจากทะเลสาบนี้ไม่ได้ นี่หนูคิดว่าตัวเองเป็นเจียงไท่กงที่ตกปลาโดยไม่มีอะไรนอกจากคันเบ็ดและสายหรือยังไง?’


 


เป่าเอ๋อมีสีหน้าที่ดูเอาจริงเอาจังขณะที่ตกปลา ส่วนทางด้านหานเซิ่นกำลังเริ่มพลิกอ่านตำราวิชาเวรี่เรียลบอดี้


 


วิชามีดและวิชาหมัดที่เอ็กซ์ควิสิทเลือกมาต่างเป็นวิชาจีโนที่ดีมากๆ แต่วิชามีดและวิชาหมัดของหานเซิ่นอยู่ในระดับสูงเรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุนั้นเขาจึงแค่อ่านพวกมันผ่านๆเท่านั้น มันไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องฝึกพวกมันอย่างเอาจริงเอาจัง


 


ส่วนวิชาก็อตส์วอนเดอร์เป็นสิ่งที่หานเซิ่นฝึกเรียบร้อยแล้ว เขาแค่จำเป็นต้องเผยความเชี่ยวชาญในวิชาให้เอ็กซ์ควิสิทเห็นทีละนิดๆ


 


แต่ทว่าหานเซิ่นคิดว่าวิชาเวรี่เรียลบอดี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ มันเป็นวิชาที่จะเสริมความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขา และในเวลาเดียวกันมันก็ทำให้ร่างกายของเขาเหมือนเป็นอาวุธ


 


แต่การจะฝึกวิชาเวรี่เรียลบอดี้นั้นผู้ฝึกต้องมีความแข็งแกร่งทางร่างกายระดับสูง แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็อาจจะไม่มีพลังทางกายภาพที่มากพอ หานเซิ่นมีร่างกายที่แข็งแกร่งเหนือว่าครึ่งเทพคนไหนๆ พลังที่ได้รับจากวิชาจีโนทั้งสี่ไม่ใช่บางสิ่งที่สิ่งมีชีวิตธรรมดาจะเทียบชั้นได้ ด้วยเหตุนั้นความต้องการที่สูงของวิชาเวรี่เรียลบอดี้จึงไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปสำหรับหานเซิ่น


 


ความจริงแล้วนี่เป็นเหตุผลที่เอ็กซ์ควิสิทมอบวิชาเวรี่เรียลบอดี้ให้กับเขา


 


“ร่างกายที่แข็งแกร่งเหมือนกับมีดดาบ เมื่อเราเรียนรู้วิชาจีโนนี้สำเร็จแล้ว เราควรจะต่อสู้กับคนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกันโดยไม่ต้องใช้อาวุธซีโน่เจเนอิค นั่นเป็นอะไรที่ไม่เลวเลย” หลังจากที่อ่านมันจบหนึ่งรอบ เขาก็เริ่มฝึกวิชาเวรี่เรียลบอดี้


 


แต่หานเซิ่นต้องฝึกฝนวิชาจีโนนี้อีกนานถึงจะเชี่ยวชาญ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำสำเร็จได้ในวันเดียว แต่หานเซิ่นไม่ได้รีบร้อนอะไร เขาค่อยๆฝึกไปอย่างช้าๆ ในขณะเดียวกันเขาก็ฝึกวิชาฮาร์ทคอนเน็คชั่นควบคู่ไปด้วย


 


หานเซิ่นตั้งรูปปั้นหยกเข้าสู่โหมดตกปลา ถึงแม้เอ็กซ์ควิสิทจะหันความสนใจมาที่เขา เธอก็จะสัมผัสได้แค่ว่าเขากำลังตกปลาอยู่ เธอจะไม่รู้สึกตัวว่าเป่าเอ๋อกำลังทำการตกปลาให้กับเขา


 


เป่าเอ๋อยังคงเอาจริงเอาจังกับการตกปลาเหมือนกับตอนเริ่มต้น หานเซิ่นประหลาดใจกับเรื่องนั้น เขาไม่ได้คาดคิดว่าคนอย่างเป่าเอ๋อจะชอบกิจกรรมที่ต้องใช้ความเงียบสงบและอดทนสูงอย่างการตกปลา


 


“น่าเสียดายที่สายตกปลานี้ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง” หานเซิ่นคิดว่าเอ็กซ์ควิสิทกำลังทดสอบความอดทนของเขาจริงๆ มันไม่มีทางที่พวกเขาจะตกอะไรขึ้นมาได้


 


“พ่อ! พ่อ! มันมีบางสิ่งกระตุกสายของหนู!” จู่ๆเป่าเอ๋อก็ตะโกนขึ้นมาอย่างปิติยินดี เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะใช้มือน้อยๆของเธอดึงเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์กลับขึ้นมา


 


“ไม่มีทาง นี่หนูตกอะไรบางอย่างได้จริงๆหรอเนี่ย?” หานเซิ่นหันมองไปที่ทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ เขาเห็นเมฆในทะเลสาบกระเพื่อมรอบๆเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ข้างล่างนั้นจริงๆ


 


“ดึงสายขึ้นมา! ดึงสายขึ้นมา!” หานเซิ่นวิ่งไปด้านหลังเป่าเอ๋อและเริ่มดึงเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ร่วมกับเธอ


 


ไม่ว่าอะไรก็ตามที่อยู่ปลายสายนั้นเป็นอะไรที่หนักมากๆ หานเซิ่นกังวลว่าเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์อาจจะขาด โชคดีที่ความกังวลของเขาไม่เป็นจริง เส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ยังคงไร้ซึ่งความเสียหายขณะที่ทั้งสองคนช่วยกันดึง


 


ขณะที่การเพื่อมของเมฆในทะเลสาบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ความตื่นเต้นของพวกเขาก็เพิ่มสูงขึ้นไปพร้อมๆกัน


 


“เร็วเข้า! เร็วเข้า! พวกเราอาจจะตกบางสิ่งที่ใหญ่โตเข้าแล้ว…” หานเซิ่นตะโกนด้วยความดีใจ


 


“คืนนี้หนูอยากกินปลาย่าง” เป่าเอ๋อพูด เธอเลียริมฝีปากขณะที่ดวงตาของเธอเป็นประกาย


 


เส้นไหมอันเดอร์เวิลด์สามารถยืดออกไปได้อย่างไม่จำกัด หานเซิ่นจึงไม่รู้ว่าสายนั้นลงไปลึกมากขนาดไหน เขาได้แต่ดึงมันขึ้นมาเรื่อยๆ


 


ทันใดนั้นหานเซิ่นและเป่าเอ๋อก็รู้สึกราวกับว่าบางสิ่งที่ปลายอีกด้านหนึ่งของสายถูกปล่อยเป็นอิสระ สายถูกดึงกลับมาทางพวกเขาราวกับยางยืดที่ขาด พวกเขาทั้งสองกำลังออกแรงดึงอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้พวกทั้งคู่ล้มไปด้านหลัง


 


หลังจากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็เห็นบางสิ่งออกมาจากทะเลสาบ มันลอยข้ามหัวพวกเขาอย่างงดงามและหล่นลงถัดไปจากพวกเขา


 


พวกเขาทั้งคู่รีบหันหัวไปมองและสังเกตเห็นดาบสีทองขนาดใหญ่ปักอยู่บนพื้น ทุกซอกทุกมุมของดาบนั้นแวววับกับแสง


 


“อะไรกันเนี่ย! นี่พวกเรากำลังตกปลาไม่ใช่หรอ? ทำไมพวกเราถึงได้ดาบเล่มหนึ่งมาแทน?” หานเซิ่นมองไปที่ดาบขนาดใหญ่ด้วยความแปลกใจ


 


ดาบขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นของเศรษฐี ดาบทั้งเล่มนั้นทำขึ้นมาจากทองคำและมันดูหนักมากๆ มันมีความยาวประมาณหนึ่งเมตรครึ่งและใบมีดมีความกว้างหนึ่งฟุต มันดูเหมือนกับประตูขนาดเล็ก


 


มันมีบางสิ่งสลักอยู่บนดาบ มันเป็นรูปภาพของนกฟินิกซ์และมีอัญมณีฝังอยู่ในโลหะ ดาบนั้นดูเป็นอะไรที่หรูหรามากๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงด้ามจับซึ่งประดับไปด้วยอัญมณีสีทองขนาดเท่ากำปั้น


 


หานเซิ่นเคยเห็นอาวุธมากมายในชีวิต แต่เขาไม่เคยเห็นอาวุธชิ้นไหนที่ดูมั่งคั่งขนาดนี้


 


“ของแบบนี้ถูกตกขึ้นมาได้ยังไงกัน?” หานเซิ่นพึมพำขณะที่เขาลุกกลับขึ้นมา เขาเดินไปตรงหน้าดาบใหญ่สีทองและยื่นมือออกไปจับด้ามของมัน


 


ปัง!


ในจังหวะที่มือของหานเซิ่นสัมผัสกับด้ามของดาบ เขาก็รู้สึกราวกับว่ามีไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายของเขา เขาถูกส่งกระเด็นออกไปในอากาศและกลิ้งต่อไปอีกหนึ่งร้อยเมตรก่อนจะหยุด


 


“นี่มัน…เป็นสมบัติระดับเทพเจ้า…” หานเซิ่นลุกกลับขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ร่างกายทั้งร่างของเขาดำเหมือนกับเถ้าถ่าน แต่เขาดูดีใจ


 


แม้แต่ร่างกายที่แข็งแกร่งของเขายังถูกส่งกระเด็นออกไปจนได้รับบาดเจ็บ ด้วยเหตุนั้นมันต้องเป็นสมบัติระดับเทพเจ้าอย่างแน่นอน มันไม่มีทางที่สิ่งของระดับต่ำกว่าจะมีพลังมากมายขนาดนั้น


 


“ในทะเลสาบนี้มีสมบัติระดับเทพเจ้าหรอเนี่ย?” หานเซิ่นวิ่งกลับมาตรงหน้าของดาบที่หรูหรา เขายังคงไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้เห็น


 


หานเซิ่นจ้องมองดาบที่แวววาวอยู่สักพัก และในที่สุดเขาก็ยอมรับว่าเอ็กซ์ควิสิทไม่ได้แค่ทดสอบความอดทนของเขา มันมีสมบัติที่ทรงพลังอยู่ในทะเลสาบนี้จริงๆ


 


แถมพวกมันยังมีแม้กระทั่งของที่เป็นระดับเทพเจ้า


 


“ไม่แปลกใจเลยที่เผ่าเวรี่ไฮถึงแข็งแกร่งนัก สมบัติระดับเทพเจ้าถูกดึงขึ้นมาจากทะเลสาบนี้ นี่เป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ”

หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าหัวใจจะกระโดดออกมาจากอก พวกเขาใช้เวลาครึ่งวันถึงได้รับสมบัติระดับเทพเจ้านี้มา ถ้าพวกเขาตกปลาอยู่ที่นี่เพียงไม่กี่เดือน พวกเขาก็คงจะมีสมบัติระดับเทพเจ้าเต็มไปหมด


 


แต่เมื่อหานเซิ่นพยายามจะจับดาบทองคำอีกครั้ง อาวุธก็ส่งเขากระเด็นออกไปเช่นเคย หานเซิ่นพยายามใช้พลังทั้งหมดเพื่อจะจับมัน แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่สามารถทำได้


 


แต่ทว่าเมื่อเป่าเอ๋อสัมผัสมัน ดาบทองคำที่งดงามไม่ได้ส่งเธอกระเด็นออกไป แถมมันยังย่อขนาดตัวเองลงจนกระทั่งเหมาะกับขนาดตัวของเธออีกด้วย


 


‘นี่คงจะไม่ใช่สิ่งที่มีแค่คนที่ตกมันขึ้นมาจะใช้พวกมันได้หรอกใช่ไหม’

หลังจากที่หานเซิ่นคิดได้แบบนั้น เขาก็เอาเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์กลับมาจากเป่าเอ๋อและรีบโยนมันลงไปในทะเลสาบอีกครั้ง เขามองไปที่ทะเลสาบและคิดกับตัวเอง ‘เร็วเข้าๆ มอบดาบทองคำให้กับฉันอีกคน ฉันไม่รังเกียจถึงมันจะทำให้ฉันดูเหมือนกับลูกคนรวย’

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)