Super God Gene 2607-2613

 ตอนที่ 2607 เครือญาติเวรี่ไฮ


 


เมื่อหานเซิ่นกลับมาที่เกาะหยก เขาก็พบว่ากระเรียนพันขนและพี่น้องยวิ๋นมาหาเขา


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว ผู้นำของปราสาทนภาได้สั่งห้ามไม่ให้ศิษย์คนไหนของปราสาทนภาเข้าใกล้เกาะหยกน้อย ถ้าเพื่อนของเขาทั้ง 3 คนถูกปล่อยให้เข้ามาแบบนี้ มันก็หมายความว่าพวกเขาต้องได้รับอนุญาตจากผู้นำของปราสาทนภา


 


เป็นอย่างที่หานเซิ่นคิด พวกเขานำข่าวดีและข่าวร้ายมาแจ้งให้หานเซิ่นทราบ ข่าวดีคือไผ่เดียวดายกำลังจะถูกปล่อยตัว ส่วนข่าวร้ายคือเรื่องที่หานเซิ่นถูกเลือกโดยเอ็กซ์ควิสิทของเผ่าเวรี่ไฮ นั่นทำให้ไผ่เดียวดายไม่จำเป็นต้องไปที่เผ่าเวรี่ไฮอีกแล้ว แต่หานเซิ่นต้องไปที่เผ่าเวรี่ไฮแทน


 


“ผู้นำของปราสาทนภาต้องการให้พวกเรามาบอกเจ้าในเรื่องนี้”

ยวิ๋นซู่ซางพูด “ถ้าเจ้าไม่อยากจะไปที่เผ่าเวรี่ไฮ พวกเราก็จะหาหนทางที่จะให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อ ถ้าเจ้าไม่อยากไป เจ้าก็ไม่จำเป็นฝืนตัวเอง”


 


เมื่อหานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เขาไม่อยากจะไปที่เผ่าเวรี่ไฮ ไม่ว่าผลประโยชน์ที่ได้รับจะดีสักแค่ไหน เขามีความลับเยอะเกินไป ดังนั้นเขาไม่สามารถปล่อยให้เอ็กซ์ควิสิทตรวจดูทุกความคิดของเขาได้ เขากลัวว่าความลับจะรั่วไหล


 


“ผู้นำของปราสาทนภาต้องการให้เจ้าไปพบเขา มันมีบางสิ่งที่เขาจำเป็นต้องพูดกับเจ้าตัวต่อตัว” กระเรียนพันขนพูด


 


หานเซิ่นพยักหน้า เขาตามกระเรียนพันขนไปพบกับผู้นำของปราสาทนภา ผู้นำของปราสาทนภาไม่ได้ขอพบกับหานเซิ่นในห้องโถง พวกเขาพบกันภายในสวน


 


กระเรียนพันขนและพี่น้องยวิ๋นต้องรอคอยอยู่ด้านนอก พวกเขาไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ ดังนั้นหานเซิ่นจึงเดินเข้าไปในสวนตามลำพัง เขาพบผู้นำของปราสาทนภากำลังนั่งดื่มชาอยู่ในศาลา เขากำลังมองไปที่สระน้ำที่อยู่ใกล้ๆ


 


“นั่งลง นี่ไม่ใช่ห้องทำงาน และวันนี้ข้าไม่ได้พูดกับเจ้าในฐานะผู้นำของปราสาทนภา เจ้าเป็นศิษย์ของอี๋ซาและข้าเป็นอาจารย์ของนาง ดังนั้นข้าก็เห็นเจ้าเป็นเหมือนกับลูกศิษย์ของจข้าเช่นกัน” ผู้นำของปราสาทนภาชี้ไปที่ที่นั่งใกล้กับเขา


 


หานเซิ่นนั่งลงและทำตัวให้สบาย เขาถามขึ้นมา “ท่านต้องการพูดกับข้าเรื่องของเผ่าเวรี่ไฮอย่างนั้นใช่ไหม?”


 


ผู้นำของปราสาทนภาไม่ปฏิเสธในเรื่องนี้ เขาพยักหน้า


 


“ท่านอยากให้ข้าไปหรือไม่?” หานเซิ่นถาม


 


ผู้นำของปราสาทนภาไม่ตอบ เขายกถ้วยชาขึ้นมาจิบและพูด

“พวกเราได้ทำข้อตกลงกับเผ่าเวรี่ไฮ พวกเราปฏิเสธพวกเขาไม่ได้ ใครก็ตามที่พวกเขาเลือกจะต้องรับใช้พวกเขาเป็นเวลา 4 ปี ตลอดประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของปราสาทนภา ศิษย์ของปราสาทนภามากมายได้ไปที่เผ่าเวรี่ไฮ พวกเขาส่วนใหญ่กลับมาอย่างปลอดภัย พร้อมกับผลประโยชน์มากมายและกลายเป็นระดับเทพเจ้า แต่ถ้าข้ามีกำลังที่จะหลีกเลี่ยงมันได้ ข้าก็จะไม่ปล่อยให้ศิษย์ของปราสาทนภาคนไหนถูกพาตัวไปที่เผ่าเวรี่ไฮ”


 


หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ผู้นำของปราสาทนภาก็พูดต่อ “ข้าเชื่อว่าเจ้าคงจะได้ยินเกี่ยวกับเผ่าเวรี่ไฮมาจากไผ่เดียวดายแล้ว ข้าจะไม่โกหกเจ้า เนื่องจากศิษย์ของพวกเขามากมายถูกพาตัวไปที่เผ่าเวรี่ไฮ ปราสาทนภาจึงไม่มีความลับอะไรต่อเผ่าเวรี่ไฮ พวกเขารู้แม้กระทั่งวิชาลับของพวกเราอย่างตำราไร้อักษร”


 


“ถ้าอย่างนั้นทำไมท่านไม่ปฏิเสธคำขอของพวกเขา?” หานเซิ่นถาม เขารู้ว่ามันต้องมีเหตุผลอยู่ และเขาก็อยากจะรู้ว่ามันคืออะไร


 


ผู้นำของปราสาทนภาถอนหายใจและพูด “เจ้าสังเกตเห็นสินะว่าเผ่านภาดูเหมือนกับเผ่าเวรี่ไฮ?”


 


“ท่านจะบอกว่า…” หานเซิ่นขมวดคิ้ว มันเหมือนกับว่าเขารู้สึกตัวถึงบางสิ่ง แต่เขายังคงไม่เข้าใจ


 


“เผ่านภาและเผ่าเวรี่ไฮเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันในอดีตกาล แต่มันมีพี่น้องที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน” ผู้นำของปราสาทนภาอธิบาย


“พวกเขาแยกตัวกันไป และลูกหลานของพวกเขาก็กลายเป็นเผ่านภาและเผ่าเวรี่ไฮ ตำราไร้อักษรและเวรี่ไฮเซ้นส์นั้นคล้ายคลึงกันก็เพราะแบบนี้”


 


หานเซิ่นคิดว่าหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทเป็นเผ่านภาในตอนแรก เขาคิดไปว่านั่นเป็นเพราะเผ่าเวรี่ไฮมีวิชาที่เหมือนกับเผ่าจิ้งจอก ทำให้พวกเขาเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองได้


 


ตอนนี้เขาได้รู้ความจริงว่าในทางปฏิบัติแล้ว หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทสามารถเรียกได้ว่าเป็นเผ่านภา


 


ผู้นำของปราสาทนภาพูดต่อ “เนื่องจากพวกเขามี 3 ตาและพวกเขาก็ทรงพลังมากๆ เผ่าเวรี่ไฮจึงเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในอดีตกาล ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับในตอนนี้ แต่พวกเขาก็เดินทางระหว่างระบบจักรวาลได้ เมื่อก่อนนั้นมันเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ”


 


“แต่อัตราการเกิดของเผ่าเวรี่ไฮนั้นต่ำมากๆ ลูกหลานของพวกเขาที่เกิดมามีจำนวนน้อย ทำให้เผ่าพันธุ์ขยายไปมากกว่านั้นไม่ได้ อย่างมากที่สุดพวกเขาก็มีกันอยู่แค่ไม่กี่ร้อยคน ต่อมาวันหนึ่งแฝด 3 ก็กำเนิดขึ้นมา และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น 3 พี่น้องมีพรสวรรค์มากๆ และพวกเขาก็กลายเป็นเสาหลักที่ค้ำจุนเผ่าเวรี่ไฮ เผ่าเวรี่ไฮกลายเป็นผู้นำของทุกเผ่าพันธุ์ พวกเขาควบคุมทั้งจักรวาล”


 


“แต่ทว่าอัตราการเกิดยังคงเป็นปัญหาสำหรับเผ่าเวรี่ไฮ ถึงแม้พวกเขาจะมีระบบจักรวาลมากมายในครอบครอง แต่พวกเขาก็มีกันแค่ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น พวกเขามีกำลังมากกว่ากลุ่มอื่นๆในจักรวาล แต่เพียงแค่จะปกครองระบบจักรวาลไม่กี่ระบบก็เป็นเรื่องยากแล้ว นั่นเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งระหว่าง 3 พี่น้อง”


 


“พี่คนรองต้องการจะสืบพันธุ์ร่วมกับเผ่าพันธุ์อื่นเพื่อเพิ่มประชากร ส่วนพี่คนโตต้องการรักษาความบริสุทธิ์ของสายเลือดเอาไว้ ส่วนคนน้องนั้นเป็นกลาง ทั้ง 3 คนเป็นคนที่ฉลาดมากๆ แต่ไม่มีใครที่จะโน้มน้าวกันและกันได้ ส่วนคนน้องก็คงความเป็นกลางและไม่เข้าไปยุ่งความความขัดแย้ง แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ความขัดแย่งระหว่างพี่น้องก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ”


 


“พี่คนรองไม่ใช่ผู้นำของเผ่าพันธุ์ ดังนั้นเขาจึงทำในสิ่งที่ต้องการไม่ได้ เขาจึงรวบรวมผู้คนที่สนับสนุนเขาและจากไป พวกเขาสร้างเผ่าพันธุ์ที่เจ้ารู้จักในชื่อเผ่านภาขึ้นมา และทำให้พวกเรามีปราสาทนภาอย่างทุกวันนี้ สายเลือดผสมนั้นเพิ่มอัตราการเกิดของพวกเรา แต่มันก็ทำให้ยีนของเผ่านภาไม่เสถียร หลังจากเวลาหลายปี พรสวรรค์ในยีนของเผ่านภาก็ยังไม่ดีเหมือนอย่างของเผ่าเวรี่ไฮ แต่บางครั้งมันก็จะมีหนึ่งในเผ่านถาที่มีพรสวรรค์สูงกำเนิดขึ้นมา ยีนของพวกเขานั้นเหนือกว่าแม้แต่ของเผ่าเวรี่ไฮ”

ผู้นำของปราสาทนภาถอนหายใจและพูดต่อ “แต่ต้นกำเนิดของพวกเขายังคงอยู่ที่เผ่าเวรี่ไฮ สายเลือดของเผ่าเวรี่ไฮยังคงไหลในตัวของพวกเรา เมื่อเผ่านภาตกอยู่ในอันตราย เผ่าเวรี่ไฮก็จะยื่นมือเข้ามาช่วยเสมอเพื่อรักษาความปลอดภัยของพวกเรา ด้วยเหตุนั้นผู้นำของปราสาทนภาจึงได้ทำข้อตกลงกับผู้นำของเผ่าเวรี่ไฮ มันไม่ใช่บางสิ่งที่พวกเราควรจะฝ่าฝืน การที่ปราสาทนภาปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ก็ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากเผ่าเวรี่ไฮ พวกเราควรจะใช้คืนพวกเขา มันไม่ใช่อะไรที่มากเกินไป”


 


“ท่านจะบอกว่าข้าควรไปที่เผ่าเวรี่ไฮอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม


 


ผู้นำของปราสาทนภาส่ายหัว “เรื่องนั้นขึ้นอยู่กับเจ้า ข้าแค่ต้องการบอกข้อดีข้อเสียกับเจ้า ถ้าเจ้าไป ข้าก็จะรับประกันความปลอดภัยของเจ้า ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นไม่ต้องกังวลในเรื่องนั้น แถมมันยังมีสมบัติมากมายของเผ่าเวรี่ไฮที่จะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้า ถ้าเจ้าไปที่นั่นมันจะไม่ใช้เวลาไม่ถึง 3 ปีในการรักษา เจ้าจะฟื้นตัวในเวลาอันสั้น แน่นอนว่าถ้าเจ้าไม่ไป มันก็ถือเป็นเรื่องดีต่อปราสาทนภาเช่นกัน เจ้าอยู่ที่นี่ในขณะที่ข้าจะรับมือกับทางเผ่าเวรี่ไฮ”


 


หานเซิ่นรู้สึกซาบซึ้ง เขารู้ว่าลึกๆแล้วผู้นำปราสาทนภาต้องการให้เขาไป แต่หานเซิ่นไม่อยากจะไป เขาจะไม่ปล่อยให้ใครได้รู้ความลับของเขา ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นหายนะต่อก็อตแซงชัวรี่และมนุษยชาติ



 

 

 


ตอนที่ 2608

 

ผู้นำปราสาทนภาปล่อยให้หานเซิ่นกลับไปคิด เขาสามารถไปแจ้งให้กับผู้นำปราสาทนภาทราบเมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว


 


‘ถ้าไป มันก็ช่วยประหยัดเวลาการรักษาตัว 3 ปี และเรายังจะได้รับการสนับสนุนจากเผ่าเวรี่ไฮ นี่ถือเป็นข้อเสนอที่ดีมากๆ แต่มันก็เสี่ยงจะถูกเปิดโปงตัวตนที่แท้จริง ถ้าไม่ไป มันก็จะไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้น แต่มันจะใช้เวลานานกว่าที่เราจะฟื้นตัว และถึงเราจะฟื้นตัวแล้ว เราก็ต้องหาทรัพยากรของตัวเอง’ หานเซิ่นครุ่นคิดตลอดทางไปที่เกาะและสงสัยว่าควรจะทำยังไงดี


 


หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็ตัดสินใจจะอยู่ที่ปราสาทนภาต่อ ยังไงซะไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะหายดี และเขาก็สามารถหาทรัพยากรได้เรื่อยๆเพียงแค่ว่ามันจะเป็นกระบวนการที่ช้ากว่าเท่านั้น


 


แต่ถ้าตัวตนที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผยออกมา นั่นจะเป็นอะไรที่แย่มากๆ มันจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์


 


เมื่อหานเซิ่นกลับมาที่เกาะหยกน้อย ไผ่เดียวดายก็กำลังรอเขาอยู่ที่นั่น


 


“ข้าจะไปที่เผ่าเวรี่ไฮ” ไผ่เดียวดายพูดขึ้นมา นั่นทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ


 


“ทำไมจู่ๆเจ้าถึงเปลี่ยนใจ?” หานเซิ่นถามไผ่เดียวดายด้วยความสับสน ไผ่เดียวดายยืนกรานที่จะไม่ไปจนถูกจับขัง แต่ตอนนี้เมื่อเขาเป็นอิสระแล้ว เขาก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา


 


“ข้าไม่อยากไป แต่ถ้าข้าไม่ไป เจ้าจะต้องไปแทนข้า จากสถานการณ์ในตอนนี้ ข้าจำเป็นต้องไป” ไผ่เดียวดายพูด


 


“ผู้นำปราสาทนภาบอกว่าเขาจะหาทางแก้ไขเรื่องนี้ บางทีมันจะมีหนทางที่พวกเราทั้งคู่ไม่ต้องไป” หานเซิ่นพูด


 


ไผ่เดียวดายส่ายหัว “มันไม่มีหนทางอื่น พวกเราจะต้องส่งใครสักคนไป อย่างนั้นแล้วข้าก็ตัดสินใจจะเป็นคนไปที่เผ่าเวรี่ไฮ”


 


“เจ้าจะใช้วิถีเอ็กซ์ตรีมอีวิลของมิสเตอร์อวี้อย่างนั้นหรอ?”

หานเซิ่นถามด้วยความอยากรู้ ไผ่เดียวดายไม่ใช่คนจะถูกสั่นคลอนง่ายๆ หานเซิ่นมั่นใจว่าอวี้ซ่านซินคงจะเสนอให้กับไผ่เดียวดายตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ถ้าไผ่เดียวดายต้องการจะเลือกเส้นทางนี้ เขาก็ควรจะเลือกตั้งแต่แรก


 


ไผ่เดียวดายส่ายหัวอีกครั้ง “การใช้วิถีเอ็กซ์ตรีมอีวิลนั้นหลีกเลี่ยงสายตาของเวรี่ไฮได้ก็จริง แต่มันจะมอบจิตใจที่ชั่วร้ายให้กับผู้ใช้ จิตใจที่ชั่วร้ายจะเป็นคนจับตาดูเจ้าแทน ดังนั้นมันไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไร”


 


ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าอวี้ซ่านซินจงใจไม่พูดถึงส่วนที่สำคัญที่สุด


 


“ถ้าอย่างนั้นเจ้ามีแผนจะทำอะไร?” หานเซิ่นถามเบาๆ


 


ไผ่เดียวดายมองข้ามหมู่เมฆไปและพูด “เผ่าเวรี่ไฮจะสัมผัสได้ทุกสิ่งที่ข้ารู้สึก ดังนั้นทั้งหมดที่ข้าต้องทำก็คือไม่คิดหรือรู้สึกอะไรทั้งนั้น ข้าจะทำแค่สิ่งที่พวกเขาต้องการให้ทำ อย่างนั้นเอ็กซ์ควิสิทก็จะเห็นข้าอย่างที่นางต้องการจะเห็น”


 


“นั่นเป็นอะไรที่ยากมากๆ” หานเซิ่นรู้ว่านั่นเป็นเรื่องที่ยากขนาดไหน


 


มันมีหนทางมากมายที่จะควบคุมใครสักคน แต่การควบคุมตัวเองเป็นอะไรที่ยากกว่า ศัตรูที่เป็นอันตรายมากที่สุดของคนๆหนึ่งนั้นมักจะเป็นตัวเอง


 


ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงรู้สึกนับถือหนิงเยวี่ยอย่างมาก ครั้งหนึ่งเขาเคยใช้วิญญาณอสูรปรสิตเพื่อจับตาดูหนิงเยวี่ย และหนิงเยวี่ยก็ใช้เวลาหลายปีกับการฝึกทำสมาธิ หานเซิ่นไม่สามารถเก็บข้อมูลใดๆจากหนิงเยวี่ยได้ หานเซิ่นไม่ได้คิดว่าหนิงเยวี่ยจะมีความอดทนมากถึงขนาดนั้น


 


ไผ่เดียวดายมีแผนที่จะทำแบบเดียวกัน เขาจะใช้พลังเพื่อควบคุมทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเอง เขาจะไม่ปล่อยให้เอ็กซ์ควิสิทเห็นความลับทั้งหมดของเขา


 


ถึงแม้หานเซิ่นจะรู้ว่าไผ่เดียวดายทำแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้เขาไปแทน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับมันมากนัก


 


ถ้าเขาอยู่ตามลำพัง เขาก็คงจะทำการตัดสินใจแบบเดียวกับไผ่เดียวดาย เขาไม่รังเกียจที่จะต่อสู้กับจิตใจของตัวเอง


 


แต่หานเซิ่นแบกรับอะไรเอาไว้มากเกินไป เขาต้องรับผิดชอบชีวิตนับไม่ถ้วนภายในก็อตแซงชัวรี่ ถ้าเขาไม่สามารถควบคุมจิตใจของตัวเองเอาไว้ได้ เอ็กซ์ควิสิทก็จะได้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่สามารถเสี่ยงทำแบบนั้นได้


 


“ก่อนที่ข้าจะไป ข้าอยากให้เจ้าช่วยอะไรสักหน่อย” ไผ่เดียวดายพูด นี่เป็นเหตุผลที่เขามาที่นี่


 


“มันคืออะไร?” หานเซิ่นถาม


 


“ช่วยข้าดูแลเด็กคนหนึ่ง ชื่อของนางคือฟลาวเวอร์” ไผ่เดียวดายพูด


 


“นางเป็นศิษย์ของปราสาทนภาอย่างนั้นหรอ? นางเกี่ยวข้องยังไงกับเจ้า?” หานเซิ่นถามด้วยความอยากรู้


 


ไผ่เดียวดายส่ายหัว เขาคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็พูด

“นางและผีเสื้อเนตรม่วงเคยอยู่ด้วยกัน หลังจากที่ข้ารวมกับยีนของผีเสื้อเนตรม่วง นางก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของข้า นางต้องการจะฆ่าข้าเพื่อล้างแค้นให้กับผีเสื้อเนตรม่วง มันอาจจะเป็นอะไรที่น่ารำคาญเล็กน้อย แต่หลังจากที่ข้าไปที่เผ่าเวรี่ไฮ เจ้าช่วยดูแลนางต่อที”


 


“นั่นฟังดูยุ่งยากนิดหน่อย แต่อย่าได้กังวล ถ้าเจ้าอยากให้นางมีชีวิตต่อ ข้าก็จะดูแลให้” หานเซิ่นตอบตกลง


 


“ขอบคุณเจ้ามาก” ไผ่เดียวดายถอนหายใจ


 


สำหรับคนอื่นแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าทำไมไผ่เดียวดายถึงได้เป็นห่วงใครบางคนที่ต้องการจะฆ่าเขามากขนาดนั้น แต่หานเซิ่นเข้าใจ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านั้น เขาถามเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงที่ชื่อฟลาวเวอร์แทน


 


เมื่อไผ่เดียวดายจากไป หานเซิ่นก็รู้สึกแน่นในอก เขาหวังว่าตัวเองจะเป็นเหมือนอย่างไผ่เดียวดาย เขาไม่รังเกียจที่จะไปเผ่าเวรี่ไฮเพราะมันแค่เป็นการต่อสู้กับจิตใจ หนิงเยวี่ยทำได้และไผ่เดียวกายก็กล้าที่จะทำ แบบนั้นทำไมหานเซิ่นถึงจะทำไม่ได้?


 


แต่หลังจากที่เขาคิดเกี่ยวกับปัญหาทั้งหมด หานเซิ่นก็ยิ้มแห้งออกมาและส่ายหัวเพื่อขจัดความคิดที่โง่เขลาทิ้งไป


 


หานเซิ่นคิดว่าเรื่องนี้จะถูกแก้ไข แต่หลังจากนั้นบางสิ่งที่หานเซิ่นและไผ่เดียวดายไม่ได้คาดคิดเอาไว้ก็เกิดขึ้น


 


ตอนนี้เอ็กซ์ควิสิทปฏิเสธที่จะพาไผ่เดียวดายไปกับเธอ และเธอก็สนใจหานเซิ่นเพียงคนเดียว


 


นั่นทำให้หานเซิ่นอึ้งไป เมื่อเขารู้สึกตัวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็อยากจะตบหน้าตัวเอง


 


“เราไม่ควรไปที่การประชุมนั้น ถึงแม้จะไป ทำไมเราถึงได้ไปทดสอบพรสวรรค์ต่อหน้าทุกคน? และถึงแม้จะทำการทดสอบ ทำไมเราถึงไปช่วยก็อตสปิริตทัชวิวัฒนาการ? นั่นเป็นการหาเรื่องใส่ตัว” หานเซิ่นผิดหวังในความโง่เขลาของตัวเอง


 


แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเวรี่ไฮจะยินดีเปลี่ยนคนแบบนั้น หานเซิ่นควรจะเป็นคนนอกในเรื่องนี้ แต่เขากลายเป็นปมของเรื่องทั้งหมดไป


 


ถ้าหานเซิ่นรู้แบบนี้ เขาก็คงจะอยู่บ้านเล่นเกมส์ เขาจะไม่ไปเข้าร่วมกับประชุมนั่น


 


“สมควรแล้ว” หานเซิ่นถอนหายใจ


 


“หานเซิ่น! เจ้าคิดได้หรือยัง?” ขณะที่หานเซิ่นกำลังจะไปพบกับผู้นำของปราสาทนภา อวี้ซ่านซินก็ปรากฏตัวข้างๆเขาด้วยรอยยิ้ม


 


“ข้าจะไปที่เผ่าเวรี่ไฮ” หานเซิ่นพูดอย่างไร้ความรู้สึก


 


“เจ้ายังจำเป็นต้องใช้วิถีเอ็กซ์ตรีมอีวิลของข้าไหม?” อวี้ซ่านซินถามด้วยรอยยิ้ม


 


“มิสเตอร์อวี้ ไม่ได้บอกข้าว่าจิตใจที่ชั่วร้ายจะจับตาดูข้าแทน” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“การให้ข้าจับตาดูเจ้านั้นดีกว่า พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นมันไม่เป็นไร มันไม่เป็นไร…” อวี้ซ่านซินพูดด้วยรอยยิ้ม


 


หานเซิ่นกรอกตาและไม่เสียเวลาตอบกลับไป เขาและอวี้ซ่านซินมุ่งหน้าไปพบกับผู้นำปราสาทนภา เขาตัดสินใจจะไปที่เผ่าเวรี่ไฮ ถ้าเขาไม่ไป มันก็คงจะจบลงไม่สวย


 


แถมหานเซิ่นพบหนทางที่จะต่อสู้กับการจับตามองของเผ่าเวรี่ไฮ 

 

 


ตอนที่ 2609

 

 


“ท่านผู้นำ ข้าได้คิดเกี่ยวกับมันแล้ว ข้ายินดีจะไปที่เผ่าเวรี่ไฮ แต่ก่อนหน้านั้น ข้าอยากจะพูดคุยกับเอ็กซ์ควิสิทตามลำพัง” หานเซิ่นพูดกับผู้นำของปราสาทนภา


 


“เจ้าอยากจะพูดอะไรกับนาง?” ผู้นำของปราสาทนภาหลี่ตาขณะที่มองไปที่หานเซิ่น เขารู้ว่าหานเซิ่นและไผ่เดียวดายนั้นหัวแข็งเหมือนกัน การจะโน้มน้าวคนอย่างพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่าย


 


“ข้าอยากจะพูดเกี่ยวกับข้อตกลงและเงื่อนไขในการไปเข้าร่วมกับเผ่าเวรี่ไฮ เพราะยังไงซะข้าก็เป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ระดับ 11 เปลือก ข้ามีสิทธิ์ที่จะต่อรองผลประโยชน์ของตัวเองถูกไหม?” หานเซิ่นพูด


 


“บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการอะไร ปราสาทนภามีทีมที่จะช่วยเจ้าต่อรองข้อตกลงและเงื่อนไขเพื่อประโยชน์ของเจ้า” ผู้นำของปราสาทนภาไม่เชื่อว่าหานเซิ่นแค่ต้องการจะพูดคุยเกี่ยวกับข้อตกลง


 


“มันมีเงื่อนไขอย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ ท่านผู้นำไม่ต้องกังวล ข้ารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ข้าจะไม่สร้างปัญหาให้กับเผ่านภา” หานเซิ่นพูดอย่างจริงจัง


 


“ก็ได้ ตอนนี้เจ้ากลับไปก่อน ข้าจะจัดให้เจ้าได้พบกับนางเป็นการส่วนตัว”

หลังจากที่ผู้นำของปราสาทนภาพูดแบบนั้น เขาก็จ้องมองหานเซิ่นอยู่สักพักหนึ่ง และเขาพูดขึ้นว่า “แต่ถ้าเจ้าไม่อยากจะไป เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องไป ข้าจะรับมือกับทางเผ่าเผ่าเวรี่ไฮเอง”


 


“ไม่เป็นไร ข้าตัดสินใจแล้ว และข้าก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร มันต้องใช้เวลาหนึ่งปีครึ่งกว่าที่ข้าจะฟื้นตัว แต่ถ้าข้าไปที่นั่น มันก็จะประหยัดเวลาได้อย่างน้อยหนึ่งปี และข้ายังจะได้รับของอย่างอื่นอีกมากมาย แบบนั้นทำไมข้าจะไม่ไป?” หานเซิ่นหัวเราะ


 


หลังจากที่หานเซิ่นจากไปแล้ว ผู้นำปราสาทนภาก็มองไปที่อวี้ซ่านซินและถาม “เจ้าคิดว่าเขาจะไปที่เผ่าเวรี่ไฮจริงอย่างนั้นหรอ?”


อวี้ซ่านซินโค้งคำนับ “ท่านผู้นำ ข้าคาดเดาจิตใจของหานเซิ่นไม่ได้ แต่ข้าไม่คิดว่าเขาพูดโกหก และข้าไม่คิดว่าเขาจะทำร้ายพวกเรา”


 


“ข้าเองก็คิดแบบนั้น แต่หนุ่มน้อยคนนี้ได้ก่อปัญหาเอาไว้มาก เขาเป็นคนที่ค่อนข้างน่ารำคาญ” ผู้นำของปราสาทนภาพูดขณะที่กุมขมับของตัวเอง


 


“ใครบ้างที่ไม่ทำตัวน่ารำคาญในตอนที่พวกเขายังหนุ่มสาว?” อวี้ซ่านซินพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“เจ้าพูดถูก เจ้าเองก็ควรกลับไปเตรียมตัว หลังจากที่ไปถึงเผ่าเวรี่ไฮ เจ้าต้องคิดเรื่องความปลอดภัยก่อนเป็นอันดับแรก ทำเท่าที่เจ้าทำได้และอย่าได้ฝืนทำเกินตัว” ผู้นำของปราสาทนภาพูด


 


“เข้าใจแล้ว” อวี้ซ่านซินโค้งคำนับ


 


หานเซิ่นกลับไปถึงเกาะหยกน้อย หลังจากนั้นไม่นานคนของปราสาทนภาก็มาพบกับเขา ชายคนนั้นบอกหานเซิ่นว่าเอ็กซ์ควิสิทรอเขาอยู่ที่บ้านนภาวารี


 


หานเซิ่นตามบัตเลอร์ไปที่บ้านนภาวารี เอ็กซ์ควิสิทรออยู่ที่นั่น เธอนั่งอยู่บนบันไดที่นำลงไปสู่สระน้ำ


 


“บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการอะไร เจ้าต้องการยีนซีโน่เจเนอิค สมบัติหรือวิชาจีโน?” เอ็กซ์ควิสิทถาม บนใบหน้าของเธอนั้นไม่มีอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว


 


“ข้าไม่ได้ต้องการอะไรพวกนั้น” หานเซิ่นพูดขณะที่นั่งลงข้างๆสระ เขาถอดรองเท้าและพับขากางเกงขึ้น เขาปล่อยขาลงไปจุ่มน้ำเหมือนกับเอ็กซ์ควิสิท ความรู้สึกเย็นสัมผัสกับเท้าของเขา ซึ่งทำให้หานเซิ่นสั่นด้วยความสบาย มันเหมือนกับการกินไอศกรีมในฤดูร้อน


 


น้ำของบ้านนภาวารีนั้นไม่ใช่น้ำปกติ มันเป็นน้ำสีน้ำเงินที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน มันสามารถเร่งการเจริญเติบโตของเซลล์และช่วยในการฟื้นตัวของร่างกาย


 


“ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องการอะไร?” เอ็กซ์ควิสิทมองหานเซิ่นด้วยความสงสัย


 


เอ็กซ์ควิสิทยอมปล่อยไผ่เดียวดายไปและหันมาเลือกหานเซิ่นแทน นอกจากพรสวรรค์และพลังพิเศษของหานเซิ่นแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดที่กระตุ้นให้เธอเลือกหานเซิ่นคือความจริงที่หลี่เคอเอ๋อเลือกดอลลาร์


 


ดอลลาร์เคยเอาชนะไผ่เดียวดายในบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโน และเอ็กซ์ควิสิทก็ได้เห็นพลังของดอลลาร์กับตาตัวเอง ถ้าเธอเลือกไผ่เดียวดาย เขาก็จะถูกเปรียบเทียบกับดอลลาร์


 


หลี่เคอเอ๋อมีพรสวรรค์ระดับสิบเปลือก ส่วนเอ็กซ์ควิสิทมีพรสวรรค์ระดับ 9 เปลือก ด้วยเหตุนั้นเอ็กซ์ควิสิทจึงไม่ต้องการตัวไหมที่ด้อยกว่าของหลี่เคอเอ๋อ นั่นเป็นเหตุผลที่เธอเสี่ยงเดิมพันกับหานเซิ่น


 


ถ้าหานเซิ่นมีพรสวรรค์ระดับ 11 เปลือกจริงๆ อย่างนั้นตัวไหมของเธอก็จะเหนือกว่าของหลี่เคอเอ๋อ ถ้าพรสวรรค์ของหานเซิ่นไม่ได้ดีเลิศอะไร เธอก็แพ้แค่ครั้งเดียว แต่แบบนี้อย่างน้อยเธอก็มีโอกาสที่จะชนะ


 


หานเซิ่นมองไปที่เอ็กซ์ควิสิท หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็หัวเราะออกมาและพูด

“เจ้าจะใช้ข้า ก็จำเป็นต้องเหนือกว่าข้า ทำไมข้าจะต้องติดตามคนที่ด้อยกว่าตัวเองด้วย? เจ้าไม่คิดว่านั่นเป็นความคิดที่สมเหตุสมผลหรอกหรอ?”


 


“แน่นอนว่ามันสมเหตุสมผล” เอ็กซ์ควิสิทพูด เธอไม่ได้โกรธอะไร


 


“ถ้าเจ้าคิดเหมือนกัน แบบนั้นก็เป็นอันตกลง ถ้าเจ้าโน้มน้าวให้ข้าเชื่อได้ว่าเจ้าเหนือกว่า ข้าก็จะติดตามเจ้าไปที่เผ่าเวรี่ไฮ แต่ถ้าทำไม่ได้ เจ้าช่วยปล่อยข้าและปราสาทนภาไปได้ไหม?” หานเซิ่นพูด


 


“เอาสิ” เอ็กซ์ควิสิทตอบอย่างไม่ลังเล เธอดูมั่นใจ


 


หานเซิ่นมองไปที่เอ็กซ์ควิสิทด้วยความสนใจ “เจ้าคิดจะโน้มน้าวข้ายังไง?”


 


เอ็กซ์ควิสิทมองไปที่หานเซิ่นและถาม “วิชาจีโนที่ดีที่สุดของเจ้าคืออะไร?”


 


“วิชามีดล่ะมั้ง” ในตอนที่หานเซิ่นใช้ฐานะหานเซิ่น เขาใช้มีดซะส่วนใหญ่


 


“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาประลองวิชามีดกัน”

เอ็กซ์ควิสิทยื่นมือออกมา หลังจากนั้นสายธารของน้ำก็ลอยขึ้นมายังฝ่ามือของเธอและก่อตัวเป็นมีดเล่มหนึ่ง

“ข้าจะนั่งอยู่ตรงนี้ ส่วนเจ้าก็โจมตีใส่ข้า ถ้าเจ้าทำให้ข้าลุกจากตรงนี้ได้ภายในการโจมตีหนึ่งร้อยครั้ง เจ้าก็เป็นฝ่ายชนะ”


 


เอ็กซ์ควิสิทมั่นใจมากๆ ซึ่งดูจากการที่เธอเลือกจะต่อสู้ด้วยมีดน้ำ เธอไม่ลุกขึ้นมาด้วยซ้ำ หานเซิ่นยิ้มและยื่นมือออกไปทางสระ เขาดูดน้ำขึ้นมาก่อตัวเป็นมีดของตัวเองเช่นกัน


 


“เอาสิ การโจมตีจำกัดที่หนึ่งร้อยครั้ง มาดูสิว่าระหว่างพวกเราใครจะลุกขึ้นก่อน” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“เชิญลงมือ” เอ็กซ์ควิสิทพูดโดยไม่คัดค้าน


 


“ในถิ่นกำเนิดของข้า ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน” หานเซิ่นอยากจะเห็นพลังที่แท้จริงของเอ็กซ์ควิสิท


 


หานเซิ่นเดินทางร่วมกับหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทอยู่พักหนึ่ง แต่เขาไม่สามารถประเมินพลังที่แท้จริงของพวกเธอได้


 


“เอางั้นก็ได้” เอ็กซ์ควิสิทเริ่มโจมตีใส่หานเซิ่นด้วยมีดน้ำอย่างไม่ลังเล


 


เธอไม่ได้ใช้แรงมากนัก ดังนั้นมีดไม่ได้สร้างเสียงอะไรขณะที่มันสไลด์ผ่านอากาศไป แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกหนาวกับภาพที่เห็น มีดของเธอตรงเข้ามาหาหัวของเขา มือของเธอดูเหมือนจะเคลื่อนไหวเป็นเส้นโค้ง แต่หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าไม่เห็นว่ามีดนั้นมาจากทิศทางไหน


 


“เป็นวิชามีดที่ดี” หานเซิ่นชมเธอขณะที่แกว่งมีดของตัวเองออกไปโดยใช้วิชามีดเขี้ยวดาบ

 

 

 


ตอนที่ 2610

 

ปัง!


มีดน้ำทั้ง 2 ปะทะกันและระเบิดกลายเป็นเหมือนกับพายุฝนที่กระจัดกระจายไปทั่วสระน้ำ


 


เอ็กซ์ควิสิทขมวดคิ้ว วิชามีดของเธอเป็นของเผ่าพันธุ์ที่ตอนนี้สูญพันธุ์ไปแล้ว ชื่อมันคือทวิสท์แอนด์เทิร์น มันเป็นวิชามีดที่สามารถบิดเบี้ยวอวกาศ ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมองตามวิถีการฟันของมีด


 


เอ็กซ์ควิสิทรู้ว่าเมื่อวิชามีดเขี้ยวดาบถูกฝึกจนถึงจุดสูงสุด มันจะตัดผ่านอวกาศได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามีดเขี้ยวดาบจะต่อกรกับทวิสท์แอนด์เทิร์นได้ นอกซะจากว่าหานเซิ่นจะมองเห็นวิถีการฟันของเธอ


 


เอ็กซ์ควิสิทสร้างมีดน้ำขึ้นมาใหม่และใช้ทวิสท์แอนด์เทิร์นอีกครั้ง เงาของมีดน้ำบิดเบี้ยวในอวกาศและเกิดเป็นรูปร่างที่ประหลาด มีเพียงแค่ผู้ที่ช่ำชองในธาตุอวกาศเท่านั้นถึงจะมองเงาของมีดออก ส่วนคนอื่นจะป้องกันเงามีดที่พวกเขาเห็นว่ากำลังเข้ามา แต่นั่นเป็นแค่ตัวล่อ พวกเขาจะป้องกันเงา ขณะที่มีดของจริงยังคงฟันเข้าไปหาพวกเขา


 


หานเซิ่นไม่ได้หลบ เขาแค่แกว่งมีดน้ำออกไปอย่างลวกๆ แต่เขาก็ป้องกันการโจมตีทั้งหมดของเอ็กซ์ควิสิทเอาไว้ได้ เอ็กซ์ควิสิทโจมตีไปสิบครั้ง แต่ไม่มีสักครั้งที่ถูกตัวหานเซิ่น


 


‘เขาคู่ควรจะเป็นตัวไหมของข้า’ เอ็กซ์ควิสิทคิดขณะที่พยักหน้ากับตัวเอง เธอพึงพอใจกับความสามารถของหานเซิ่น


 


คนที่จะมาเป็นตัวไหมของเผ่าเวรี่ไฮได้ต้องมีพรสวรรค์และมีแรงผลักดันในการเรียนรู้ ยิ่งพวกเขาพัฒนาตัวเองได้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็เป็นประโยชน์ต่อเผ่าเวรี่ไฮมากเท่านั้น


 


ตอนนี้เมื่อเธอได้รู้ว่าหานเซิ่นมีความเชี่ยวชาญในวิชามีด เอ็กซ์ควิสิทก็ไม่คิดจะออมมืออีก เธอเริ่มใช้วิชาทั้งหมดเพื่อหมุนเวียนวิชามีดในการโจมตีแต่ละครั้งอย่างต่อเนื่อง


 


วิชามีดของเธอเป็นการรวมวิชามีดของเผ่าพันธุ์อื่น วิชาทั้งหมดของเธอเป็นการรวบรวมความรู้จากทั่วจักรวาล ถึงแม้การโจมตีของเธอจะไม่ได้ร้ายกาจไปกว่าวิชามีดที่มีชื่อเสียงที่สุดในจักรวาล แต่วิชามีดของเธอก็เป็นเอกลักษณ์


 


ในการโจมตี 20-30 ครั้งต่อไป หานเซิ่นรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังต่อสู้กับคน 20-30 คนพร้อมกัน ซึ่งทุกคนฝึกที่วิชาแตกต่างกันออกไปและพวกเขาทุกคนก็เชี่ยวชาญการใช้มีดกันทั้งนั้น ทุกวิชาถูกใช้อย่างเชี่ยวชาญและแม่นยำ แม้แต่หานเซิ่นก็ต้องแปลกใจกับวิชามีดของเอ็กซ์ควิสิท


 


คนปกติที่ฝึกวิชามีดหลายวิชาจะถูกจำกัดโดยบุคลิกภาพและร่างกายของพวกเขา วิชามีดของพวกเขาจะโดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น


 


ถ้าคนๆนั้นมีความคล่องแคล่วสูง วิชามีดของเขาก็จะว่องไวและยืดหยุ่น ถ้าเขามีพละกำลัง วิชามีดของเขาก็จะเรียบง่ายและดุดัน ผู้คนที่ไม่มีความอดทนมักจะโจมตีอย่างรวดเร็ว


 


แต่วิชามีดของเอ็กซ์ควิสิทไม่เหมือนกับที่เขาเคยเห็นมาก่อน เธอเป็นตัวของตัวเองและมันก็เหมือนกับว่าบุคลิกภาพของเธอจะเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมของวิชาไหนที่เธอใช้ แม้แต่หานเซิ่นก็ไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้ วิชามีดของเขามีสไตล์ที่แท้จริงเพียงแค่สไตล์เดียว ซึ่งนั่นก็คือวิชามีดเขี้ยวดาบ วิชามีดเขี้ยวดาบของหานเซิ่นนั้นแตกต่างไปจากมีดเขี้ยวดาบของอี๋ซา ผู้คนที่รู้เกี่ยวกับวิชามีดเขี้ยวดาบไม่จำเป็นต้องดูว่าใครที่เป็นคนใช้ เพียงแค่ได้เห็นวิชา พวกเขาก็สามารถบอกได้ว่าทันทีว่าใครเป็นคนใช้และถูกใช้ยังไง


 


หานเซิ่นรู้สึกตกใจ แต่จริงๆแล้วเอ็กซ์ควิสิทรู้สึกตกใจยิ่งกว่าเขาซะอีก วิชามีดของเธอสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ไม่ว่าเธอจะใช้วิชาแบบไหน หานเซิ่นก็สามารถใช้วิชามีดเขี้ยวดาบป้องกันเอาไว้ได้


 


“ดูเหมือนว่าก็อตสปิริตทัชจะถูกต้อง บางทีเขาอาจจะมีพรสวรรค์ระดับ 11 เปลือกจริงๆ” เมื่อได้เห็นความสามารถของหานเซิ่น เอ็กซ์ควิสิทก็รู้สึกอยากจะหาก็อตสปิริตทัชอีกตัวมาเพื่อทดสอบหานเซิ่นอีกครั้ง


 


แต่เธอไม่ได้นำก็อตสปิริตทัชติดตัวมาด้วย ดังนั้นถ้าเธอต้องการจะทำการทดสอบอีกครั้ง เธอก็ต้องกลับไปที่เผ่าเวรี่ไฮ


 


“การเอาชนะเขาคงจะเป็นเรื่องอยาก เราคงจะต้องใช้มัน” เอ็กซ์ควิสิทเริ่มปิดตา


 


หานเซิ่นประหลาดใจเมื่อเห็นเธอหลับตา เขาไม่รู้ว่าเอ็กซ์ควิสิทกำลังคิดอะไรอยู่ ยอดฝีมือระดับราชันขั้นที่ 9 ควรจะเห็นสิ่งต่างๆรอบตัวได้อย่างสบาย ถึงแม้ดวงตาของพวกเขาจะปิดอยู่ แต่หานเซิ่นรู้ว่ามันต้องมีเหตุผลที่เธอทำแบบนั้น


 


ขณะที่หานเซิ่นครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็เห็นรอยสีแดงบนหน้าผากของเอ็กซ์ควิสิทเริ่มเปิดออกมา ดวงตาสีขาวดำปรากฏออกมาให้เห็น


 


เผ่านภามีต้นกำเนิดมาจากเผ่าเวรี่ไฮ ดังนั้นหานเซิ่นไม่แปลกใจอะไรที่เอ็กซ์ควิสิทมีดวงตาที่ 3


 


แต่ทว่าดวงตาที่ 3 ของเอ็กซ์ควิสิทนั้นแตกต่างไปจากดวงตาของเผ่านภา ดวงตาที่ 3 ของเผ่านภาแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไปโดยขึ้นอยู่กับธาตุและพลังของพวกเขา


 


แต่ดวงตาที่ 3 ของเอ็กซ์ควิสิทนั้นเป็นสัญลักษณ์ไท่เก๊ก


 


ดวงตาขาวดำของเธอเป็นเหมือนกับหยินหยาง ส่วนสีขาวมีจุดสีดำอยู่ และส่วนสีดำก็มีจุดสีขาวอยู่ ดวงตาหยินหยางกำลังหมุนบนหน้าผากของเธอ เมื่อมองไปที่ดวงตานั้น หานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสที่ลึกลับราวกับว่าดวงตานี้มีคำตอบทุกอย่างในจักรวาล


 


เมื่อดวงตาไท่เก๊กเปิดออก ออร่าของเอ็กซ์ควิสิทก็เริ่มเปลี่ยนไป


 


ถึงแม้หานเซิ่นอาจจะคิดว่าเอ็กซ์ควิสิทเป็นแค่ผู้หญิงหัวสูงที่ดูถูกคนธรรมดา แต่เขาก็รู้ว่าเธอยังคงมีความเป็นมนุษย์อยู่


 


แต่ในตอนนี้เอ็กซ์ควิสิทดูไม่เหมือนกับคนๆหนึ่งอีกต่อไป เธอดูเหมือนกับเครื่องจักรที่ไร้ซึ่งความรู้สึก


 


ไม่สิ เธอน่ากลัวยิ่งกว่าเครื่องจักรเสียอีก ในตอนนี้เอ็กซ์ควิสิทเป็นเหมือนคนที่รวมเข้ากับจักรวาล ทุกการเคลื่อนไหวของเธอรู้สึกราวกับว่าพวกมันถูกเสริมพลังโดยพลังของธรรมชาติ


 


ถ้าร่างกายแห่งราชันเหมือนกับการที่คนๆหนึ่งผลักดันพลังของพวกเขาจนถึงจุดสูงสุด และแอนเชี่ยนท์ก็อตคือการรวมตัวของพลังภายในสิ่งมีชีวิตเดียว อย่างนั้นดวงตาไท่เก๊กของเอ็กซ์ควิสิทก็เป็นเหมือนกับกฎของจักรวาล


 


หานเซิ่นใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อสังเกตเธอ เขาเห็นว่าตอนนี้เอ็กซ์ควิสิทดูเหมือนกับฟันเฟืองจักรวาล เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว ศาสตร์ตงเสวียนทำให้เขามองเห็นฟันเฟืองจักรวาลเท่านั้น เขาไม่สามารถทำให้ตัวเองกลายเป็นฟันเฟืองเหมือนอย่างที่เอ็กซ์ควิสิททำได้ วิชาของเขาเป็นอะไรที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ถ้าจักรวาลคือรถยนต์คันหนึ่ง ศาสตร์ตงเสวียนก็เป็นเหมือนคนที่จับพวกมาลัย แต่ตอนนี้เอ็กซ์ควิสิทกำลังทำเหมือนกับว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์


 


หานเซิ่นไม่เข้าใจเรื่องนี้ สิ่งที่เอ็กซ์ควิสิททำจะต้องส่งผลกระทบต่อร่างกายของเธอ


 


“เชิญโจมตี! ข้าให้เจ้าโจมตีได้อย่างอิสระหนึ่งร้อยครั้ง” เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างสงบนิ่งขณะที่มองไปที่หานเซิ่น


 


ถ้าคนอื่นพูดแบบนั้น หานเซิ่นก็จะคิดว่ามันเป็นอะไรที่อวดดี แต่การได้ยินมันจากปากของเอ็กซ์ควิสิท มันเหมือนกับเสียงที่ไร้วิญญาณของเครื่องจักร ทุกอย่างที่เธอพูด ฟังดูเหมือนกับว่าเธอเพียงแค่พูดข้อเท็จจริง


 


แต่หานเซิ่นไม่รังเกียจ เขาใช้มีดน้ำฟันออกไป และในขณะเดียวกันเอ็กซ์ควิสิทก็ไม่คิดจะป้องกัน เธอแค่นั่งอยู่ริมสระและจ้องมองหานเซิ่นอย่างสงบนิ่ง


 


เมื่อการโจมตีของหานเซิ่นไปถึงตัวเอ็กซ์ควิสิท น้ำตรงหน้าเธอกลายเป็นมีดเพื่อป้องกันมีดน้ำของหานเซิ่น


 


หานเซิ่นขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม เขาฟันใส่ซ้ำๆโดยใช้วิชามีดเขี้ยวดาบจนถึงขีดสุด แต่ไม่ว่าหานเซิ่นจะโจมตีสักกี่ครั้ง มีดน้ำของเอ็กซ์ควิสิทก็สามารถป้องกันการโจมตีแต่ละครั้งเอาไว้ได้


 


เอ็กซ์ควิสิทมอบความรู้สึกที่เหมือนกับว่านี่เป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นกับหานเซิ่น และมีดน้ำควรจะไปอยู่ตรงนั้น มันเป็นกฎที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มันไม่สำคัญว่าหานเซิ่นจะฟันออกไปแบบไหน เขาก็ไม่สามารถฟันถูกตัวของเธอได้

 

 

 


ตอนที่ 2611

 

การฟันของหานเซิ่นเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ และจนถึงตอนนี้เขาใช้การโจมตีที่แตกต่างกันถึง 70 รูปแบบ แต่ไม่มีการโจมตีไหนที่ถูกตัวของเอ็กซ์ควิสิท มีดน้ำที่ลอยตรงหน้าเธอสามารถป้องกันการโจมตีได้ทุกรูปแบบ


 


สำหรับคนปกติ เอ็กซ์ควิสิทดูเหมือนกับเทพ มันไม่สำคัญว่าหานเซิ่นจะโจมตีสักกี่ครั้ง เอ็กซ์ควิสิทก็สามารถควบคุมมีดน้ำเพื่อป้องกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับว่าเธอมองเห็นอนาคต


 


แต่ในสายตาของหานเซิ่น เอ็กซ์ควิสิทไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่รู้แจ้ง การตอบสนองของเธอนั้นสมเหตุสมผล


 


นั่นเป็นเพราะเอ็กซ์ควิสิทรวมเข้ากับจักรวาล เมื่อหานเซิ่นเคลื่อนไหวและไปกระตุ้นการหมุนของฟันเฟืองจักรวาล ความเคลื่อนไหวในจักรวาลก็จะเตือนภัยเอ็กซ์ควิสิทและทำให้เธอทำการตอบสนอง


 


ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่หานเซิ่นโจมตี เอ็กซ์ควิสิทก็จะตอบสนองในทันที มันเหมือนกับว่าหานเซิ่นกำลังโจมตีใส่กระจก มันไม่สำคัญว่าเขาจะใช้มีดโจมตียังไง เมื่อมีดน้ำของเขาสัมผัสกับกระจก ภาพสะท้อนของมีดก็จะเข้ามาปะทะกับมีดของเขา


 


“ฮ่า!” หานเซิ่นหยุดเคลื่อนไหว เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม มีดน้ำของเขาถูกผลักไปข้างหน้าอย่างกะทันหันและมีดส้นไหมก็ปรากฏข้างตัวของเอ็กซ์ควิสิท มีดเส้นไหมนับร้อยก่อตัวขึ้นรอบร่างกายของเอ็กซ์ควิสิท


 


วิชาของปราสาทนภาที่เรียกว่าใต้นภานั้นทำให้ทุกการฟันของหานเซิ่นกลายเป็นเหมือนกับเส้นไหม พวกมันปรากฏขึ้นพร้อมกันในคราวเดียว มีดน้ำแค่เล่มเดียวไม่สามารถป้องกันมีดเส้นไหมจำนวนมากได้ นอกซะจากว่าเอ็กซ์ควิสิทจะใช้ร่างกายเพื่อตอบโต้ เธอต้องทำแบบนั้นหรือไม่ก็ต้องเคลื่อนร่างกายหลบออกไป


 


มีดน้ำตรงหน้าเอ็กซ์ควิสิทเคลื่อนไหวเหมือนกับทุกที แต่มันระเบิดภายใต้มีดเส้นไหมทั้งหมดที่กำลังเข้ามา มีดเส้นไหมเป็นเหมือนกับตาข่ายของมีดที่ลงมาสู่ตัวของเอ็กซ์ควิสิท


 


แต่ทว่าเอ็กซ์ควิสิทยังคงไม่ขยับเขยื้อน เธอเป็นเหมือนกับเทพธิดาหยกที่ยังคงนั่งอยู่บนขั้นบันได


 


ตอนนี้มีดตาข่ายอยู่ห่างจากตัวเธอแค่ไม่กี่นิ้วเท่านั้น หลังจากนั้นมันก็หยุดนิ่งไป พวกมันหยุดนิ่งตรงหน้าเอ็กซ์ควิสิทและค้างอยู่แบบนั้น


 


เอ็กซ์ควิสิทยื่นนิ้วมือออกไปเพื่อดึงมีดตาข่าย หลังจากนั้นมีดตาข่ายก็กลายเป็นสายธารน้ำที่ไหลไปรวมกันในมือของเธอ พวกมันกลายเป็นมีดน้ำเล่มใหญ่


 


มีดน้ำยังคงมีพลังของหานเซิ่นอยู่ แต่มันไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีกต่อไป เอ็กซ์ควิสิทถือมันเอาไว้อย่างนุ่มนวลและค่อยๆพลิกมันไปมาราวกับว่ามันเป็นของเล่นที่ละเอียดอ่อน


 


ดวงตาของหานเซิ่นเป็นประกายขึ้นมา เขาจ้องมองไปที่มีดน้ำของเอ็กซ์ควิสิท เขาได้ใช้อาณาเขตตงเสวียนเพื่อจับตาดูการเคลื่อนไหวของเธอ


 


‘เธอทำแบบนี้ได้?’ หานเซิ่นคิดอย่างมีความสุข


 


หานเซิ่นเห็นว่าเอ็กซ์ควิสิทสามารถควบคุมฟันเฟืองของจักรวาลได้ แต่อาณาเขตตงเสวียนของเขามีประโยชน์ในเรื่องนี้มากกว่าความสามารถของเธอ หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขาได้เรียนรู้บางสิ่ง


 


“มันไร้ประโยชน์ที่จะทำแบบนี้ต่อไป พวกเรามาจบเรื่องนี้กันเถอะ”

เอ็กซ์ควิสิทพูด มือของเธอดูเหมือนกับว่ากำลังสัมผัสดอกไม้ขณะที่เธอสะบัดด้ามของมีดน้ำ หลังจากนั้นมีดน้ำก็บินออกไปทางหานเซิ่น


 


หานเซิ่นต้องการสร้างมีดน้ำอีกเล่มขึ้นมาเพื่อต่อสู้ต่อ แต่เขาสังเกตเห็นว่าน้ำในสระกำลังไหลไปทางมีดน้ำเล่มใหญ่ที่กำลังตรงเข้ามาหาเขา มีดน้ำนั้นบินเข้ามาอย่างช้าๆ แต่ยิ่งมันเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ พลังของมันก็มากขึ้นเท่านั้น


 


หานเซิ่นบังคับการไหลของน้ำเพื่อสร้างมีดน้ำเล่มหนึ่งขึ้นมา แต่เมื่อเขาฟันใส่มีดน้ำเล่มใหญ่ เขาก็ไม่สามารถทำลายมันได้ มีดน้ำของเขาประสานเข้ากับมีดน้ำเล่มใหญ่และกลายเป็นส่วนหนึ่งของมัน


 


“ไม่แปลกใจเลยที่เผ่าเวรี่ไฮเป็นเผ่าพันธุ์อันดับหนึ่งในจักรวาล เจ้าเก่งกาจมากๆ แม้แต่ในบรรดายอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็มีน้อยคนนักที่จะปรับเปลี่ยนกฎจักรวาลได้ แถมเอ็กซ์ควิสิทก็เป็นเพียงแค่ระดับราชันขั้นที่ 9”

หานเซิ่นชื่นชมเธอ แต่เขาไม่คิดจะยอมแพ้ เขามองมีดน้ำที่กำลังรวบรวมน้ำทั้งหมดในสระเข้ามาสู่ตัวมัน ดวงตาของหานเซิ่นแว็บขึ้นมา และทันใดนั้นเขาก็แกว่งมือเหมือนกับเป็นมีดดาบ เขาใช้ร่างกายเพื่อต่อสู้กับมีดน้ำที่เข้ามา


 


เอ็กซ์ควิสิทกำลังใช้ดวงตาไท่เก๊ก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังประหลาดใจที่เห็นแบบนี้ พลังของมีดน้ำเล่มใหญ่เป็นการรวมการฟันทั้ง 70 ครั้งของวิชาใต้นภา และมันยังได้รับพลังจากจักรวาลอีกด้วย


 


การโจมตีเริ่มก่อให้เกิดโซ่สสารขึ้นมา มันไม่ใช่การโจมตีระดับเทพเจ้าของจริง แต่มันก็เหนือกว่าสิ่งที่ระดับครึ่งเทพส่วนใหญ่จะทำได้


 


ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังคิดจะใช้ร่างกายของตัวเองเพื่อรับการโจมตีนั้น เอ็กซ์ควิสิทเชื่อว่านั่นเป็นอะไรที่อันตรายเกินไป


 


แต่หานเซิ่นไม่ลังเล มือที่เป็นเหมือนกับมีดดาบของเขาฟันเข้าไปใส่มีดน้ำและมีดน้ำที่น่ากลัวก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของหานเซิ่นอย่างกะทันหัน ตอนนี้มันกำลังกลับไปทางเอ็กซ์ควิสิท


 


ปัง!


เมื่อพลังที่น่ากลัวไปถึงตรงหน้าเอ็กซ์ควิสิท กำแพงที่มองไม่เห็นก็ปรากฏขึ้นมาป้องกันมันเอาไว้จนเกิดเป็นแรงระเบิด แรงระเบิดนั้นส่งเอ็กซ์ควิสิทกระเด็นออกไปด้านหลัง


 


“เจ้าขี้โกง!” เอ็กซ์ควิสิทพูดขณะที่ลุกขึ้นมา เธอมองไปที่ลูกคริสตัลระหว่างนิ้วมือของหานเซิ่น ซึ่งมันคือแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินของแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อต ตราบใดที่หานเซิ่นถือสิ่งนั้นอยู่ในมือ แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าธาตุน้ำก็ไม่สามารถทำร้ายเขาได้ ซึ่งเอ็กซ์ควิสิทเป็นเพียงแค่ระดับราชันขั้นที่ 9


 


“ข้าไม่ได้ขี้โกง ข้าแค่ใช้ทรัพยากรที่มี ถ้านั่นถือเป็นการขี้โกง แบบนั้นการที่เจ้าใช้ดวงตาที่ 3 และได้รับพลังเสริมจากจักรวาลไม่เป็นการขี้โกงหรอกหรอ?” หานเซิ่นพูด


 


“นั่นเป็นพลังของข้า แต่ที่เจ้าใช้เป็นพลังของคนอื่น” เอ็กซ์ควิสิทพูด


 


“ตอนนี้ข้าบาดเจ็บหนัก ดังนั้นข้าประลองกับเจ้าด้วยความสามารถเต็มที่ไม่ได้ ถึงแม้เจ้าจะเป็นฝ่ายชนะ ข้าก็จะไม่ยอมรับมัน” หานเซิ่นพูด


 


เมื่อเอ็กซ์ควิสิทได้ยินแบบนั้น เธอก็เงียบไป เธอปิดดวงตาไท่เก๊กและกลับมาเป็นคนปกติอีกครั้ง


 


ถึงแม้ใบหน้าของเอ็กซ์ควิสิทจะยังคงดูไร้ความรู้สึก แต่เธอดูเหมือนกับมนุษย์มากกว่าก่อนหน้านี้ เมื่อดวงตาที่ 3 ของเธอเปิดขึ้นมา มันก็ทำให้เธอเป็นเหมือนเครื่องจักรที่ไม่มีชีวิต


 


“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอจนกระทั่งเจ้าหายดีแล้วพวกเราค่อยมาประลองกันอีกครั้ง” เอ็กซ์ควิสิทพูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่น


 


“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็คงจะต้องรอไปอีกนาน บางทีมันอาจจะใช้เวลา 2-3 ปีด้วยซ้ำ” หานเซิ่นหัวเราะ


 


เอ็กซ์ควิสิทขมวดคิ้ว เธอรู้ว่าร่างกายของหานเซิ่นได้รับความเสียหายอย่างหนัก เธอรู้ว่าเขาไม่ได้พูดโกหก


 


“มิสเอ็กซ์ควิสิท ข้าได้ยินว่าเผ่าเวรี่ไฮมีน้ำพุที่ทำให้คนที่ลงไปเกิดใหม่ นั่นเป็นความจริงไหม?” หานเซิ่นหลี่ตาขณะมองไปที่เอ็กซ์ควิสิท


 


“ใช่ เจ้าอยากใช้น้ำพุนั่นเพื่อรักษาร่างกายอย่างนั้นหรอ?” เอ็กซ์ควิสิทรู้ว่าหานเซิ่นกำลังคิดอะไร


 


“ถ้าอยากจะต่อสู้กับข้าอีกครั้งเร็วๆ ข้าคิดว่านั่นเป็นหนทางเดียว” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“ถ้าเจ้าไม่ไปที่เผ่าเวรี่ไฮ แบบนั้นเจ้าจะใช้น้ำพุเพื่อรักษาร่างกายได้ยังไง?” เอ็กซ์ควิสิทขมวดคิ้ว


 


“ข้าไม่ได้บอกว่าจะไม่ไปที่เผ่าเวรี่ไฮ หากเอาชนะข้าไม่ได้ ห้ามรุกล้ำร่างกายของข้าได้ไหม?” ในที่สุดหานเซิ่นก็พูดจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา

 

 

 


ตอนที่ 2612

 

“เจ้าจะรับผลประโยชน์โดยไม่ต้องทำอะไร เจ้าคิดว่าจะได้ทรัพยากรทั้งหมดในจักรวาลแห่งนี้มาอย่างฟรีๆอย่างนั้นสินะ” เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างไม่เห็นอกเห็นใจ


 


หานเซิ่นยักไหล่และหัวเราะ “ถ้าข้าไปที่เผ่าเวรี่ไฮ เจ้าคิดว่าข้าจะไปเอาทรัพยากรและหนีไปหรือยังไง?”


 


“ข้าไม่กลัวเรื่องนั้น แต่ไอเดียของเจ้าขัดกับกฎของพวกเรา เจ้าจะใช้น้ำพุก็ได้ แต่เจ้าต้องยอมเชื่อฟังข้าซะก่อน” เอ็กซ์ควิสิทพูด


 


“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ ข้าจะใช้เวลารักษาตัวเองอย่างช้าๆ เจ้าไม่รังเกียจที่จะรอทั้งปีถูกไหม?” หานเซิ่นพูด


 


“ข้ามีเวลาเหลือเฟือ ข้าให้เวลาเจ้ารักษาตัวหนึ่งปีครึ่ง หลังจากนั้นพวกเรามาประลองกันอีกครั้ง ถ้าเจ้าเป็นฝ่ายแพ้ มันก็ไม่มีข้ออ้างอะไรอีก แม้แต่ปราสาทนภาก็ปกป้องเจ้าไม่ได้” เอ็กซ์ควิสิทพูด


 


“ข้า หานเซิ่นเป็นผู้ชายที่เชื่อถือได้” หานเซิ่นทำสีหน้าให้ดูเป็นผู้ดีมากที่สุด แต่เขายังคงคิดว่าผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นอะไรที่น่าเสียดายหน่อยๆ การจะใช้ประโยชน์จากเผ่าเวรี่ดูเหมือนจะไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิด แต่นั่นก็หมายความว่าหานเซิ่นไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปอีกหนึ่งปี หานเซิ่นประหลาดใจที่เอ็กซ์ควิสิทยอมรอเขา เขาคิดว่าเธอคงจะไม่รอนานขนาดนั้น แต่เธอกลับยินดีตอบตกลง


 


“เมื่อร่างกายหายดีแล้ว อย่างน้อยเราก็มีความมั่นใจมากขึ้นภายในเผ่าเวรี่ไฮ” หลังจากที่หานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิททำการตกลงกัน พวกเขาก็ออกมาจากบ้านนภาวารี


 


2 วันต่อมา ปี้ซีพาอวี้ซ่านซินเดินทางออกจากปราสาทนภาไป ส่วนเอ็กซ์ควิสิทยังคงอยู่ต่อ เธอคิดจะอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปีครึ่งเพื่อรอให้หานเซิ่นหายดี


 


หานเซิ่นไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเอ็กซ์ควิสิทมากนัก เขายังคงพักผ่อนอยู่บนเกาะหยกทุกวันเพื่อที่ร่างกายของเขาจะได้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วที่สุด


 


ปราสาทนภาทำการเจรจากับทางเอ็กซ์ตรีมคิง และที่สุดแล้วไป๋อู๋ฉางกับเหล่าอัศวินของเอ็กซ์ตรีมคิงก็ถูกนำไปแลกเปลี่ยนกับทรัพยากร พวกมันทั้งหมดถูกมอบให้กับหานเซิ่น


 


เอ็กซ์ตรีมคิงไม่คิดจะปล่อยวางความแค้นง่ายๆ แต่ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นอยู่ภายในปราสาทนภา พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้


 


ในระหว่างเวลาที่หานเซิ่นฝึกอยู่ภายในสถานหยกขาว เขาก็กินอาหารของเอ็กซ์ตรีมคิง


 


หานเซิ่นเคยฝึกในสถานหยกขาวมาก่อน มันมีทั้งหมด 12 หอคอยและ 5 เมือง หนึ่งในหอคอยเหล่านั้นแฟรี่จะบินออกมาจากภาพวาดเพื่อเสริมพลังของผู้ฝึก


 


หานเซิ่นเข้าไปที่หอคอยหยกขาวที่ 7 จากหอคอยทั้ง 12


 


มันนั้นไม่มีหอคอยไหนดีไปกว่าหอคอยอื่น พวกมันทั้งหมดนั้นแตกต่างกัน หอคอยที่หานเซิ่นเข้าไปถูกเรียกว่าหอคอยวิชาลี้ลับ กำแพงหยกของหอคอยเต็มไปด้วยวิชาต่างๆ มันมีความรู้มากมายให้ได้เรียนรู้


 


ในตอนที่ลมปราณหยกถูกปลดปล่อยออกมาในแต่ละวันนั้น กำแพงหยกจะแสดงตำราของวิชาหนึ่ง วิชาที่ถูกแสดงจะเปลี่ยนไปทุกๆวันของปี มันจะวนเวียนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดปีแล้วปีเล่า


 


เมื่อวิชาปรากฏขึ้นบนกำแพงหยก เพียงแค่มองดูมันก็ทำให้หานเซิ่นเข้าใจถึงพลังลี้ลับที่ซ่อนอยู่ภายใน แต่ถ้าเขาคัดลอกมันออกไปอ่านข้างนอก มันจะเหมือนเป็นอะไรที่อ่านไม่ได้ใจความ


 


ตำนานเล่าว่าในตอนที่อัลฟ่าของเผ่านภาคิดค้นตำราไร้อักษรขึ้นมา เขาได้ใช้เวรี่ไฮเซ้นส์และตำราวิชาจากหอคอยนี้เป็นต้นแบบ ซึ่งไม่ว่ามันจะเป็นความจริงหรือเปล่า แต่เพียงแค่ความเชื่อนั้นก็เป็นข้อพิสูจน์ที่มากพอจะบอกถึงความพิเศษของพวกมัน


 


ร่างกายของหานเซิ่นยังคงไม่ฟื้นตัว เขาไม่สามารถรับพลังจากภายนอกได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เข้าไปในหอคอยอื่นเพื่อดูดซับลมปราณหยก และเขาก็ไม่สามารถรับวิญญาณหยกได้เช่นกัน ด้วยเหตุนั้นเขาจึงมาอ่านตำราในหอคอยนี้แทน


 


“หานเซิ่น ข้าได้ยินว่าเจ้าแนะนำน้องสาวของเจ้าให้ถูกรับเป็นศิษย์ของปราสาทนภา นางเป็นน้องสาวของเจ้าจริงๆอย่างนั้นหรอ?” ยวิ๋นซู่อีถามด้วยความอยากรู้เมื่อตำราบนกำแพงหยกหายไป


 


“ใช่ นางเป็นน้องสาวจริงๆของข้า” หานเซิ่นพยักหน้า


 


“นางคงจะต้องมีพรสวรรค์มากๆ ถ้าเป็นไปได้ ข้าอยากให้นางมาศึกษากับพ่อของข้า” ยวิ๋นซู่อีพูด


 


หานเซิ่นแปลกใจ เขามองไปที่ยวิ๋นซู่อีและถาม “นั่นเป็นไอเดียของเธอหรือของผู้อาวุโสยวิ๋น?”


 


“ของทั้งคู่ เจ้าคิดยังไง?” ยวิ๋นซู่อีหัวเราะ


 


“ถ้าผู้อาวุโสยวิ๋นยินดี มันก็ถือเป็นโชคดีของหานเหยียน ข้าจะรู้สึกขอบคุณอย่างมาก” หานเซิ่นพูด


 


หานเหยียนเป็นเหมือนกับเขา พวกเขาทั้งคู่มาที่ปราสาทนภาโดยการแนะนำของคนนอก พวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่คนท้องถิ่นของที่นี่ โดยปกติแล้วศิษย์ที่ถูกรับเข้ามาจะไม่ถูกรับตัวไปโดยผู้อาวุโสของปราสาทนภา ถ้ายวิ๋นฉางคงยินดีจะรับเธอไป มันก็ถือเป็นประโยชน์ต่อเธออย่างมาก การมีผู้อาวุโสของปราสาทนภาคอยหนุนหลังนั้นดีกว่าการที่ถูกรับเข้ามาธรรมดาๆ


 


“แต่ปราสาทนภายังคงมีกฎอยู่ น้องสาวของเจ้ายังต้องเดินข้ามถนนนภาเพื่อเข้าสู่ปราสาทนภา” ยวิ๋นซู่อีพูด


 


“แน่นอนอยู่แล้ว” หานเซิ่นพยักหน้า หานเหยียนควรจะข้ามถนนนภาและขึ้นบันไดไปสู่ปราสาทนภาได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร


 


“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ควรชักช้า พวกเราควรไปรับน้องสาวของเจ้ามา พ่อของข้าได้เตรียมการลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าน้องสาวของเจ้าเดินข้ามถนนนภา นางก็จะกลายเป็นลูกศิษย์ของพ่อข้าอย่างเป็นทางการ” ยวิ๋นซู่อีพูด


 


“ซู่อี ขอบคุณเจ้ามาก” หานเซิ่นโค้งคำนับยวิ๋นซู่อีด้วยความจริงใจ การที่คนนอกได้รับการสอนจากหนึ่งในสิบผู้อาวุโสนั้นถือเป็นเกียรติสูงสุด ยวิ๋นซู่อีคงจะต้องพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น


 


“หานเซิ่น นี่เจ้ากำลังทำอะไร? ข้าไม่ได้ช่วยอะไรมาก” ยวิ๋นซู่อีรีบหยุดหานเซิ่นจากการโค้งคำนับ


 


พวกเขาเดินทางออกจากหอคอยหยกขาว หานเซิ่นยังคงขี่นกกระเรียนไร้ขาตัวเก่า พวกเขาทั้งคู่เดินทางออกไปจากซีโน่เจเนอิคสเปชและมุ่งหน้าไปยังแนร์โรว์มูนเพื่อรับตัวหานเหยียน


 


กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์กำลังฝึกฝนอยู่ภายนอก พวกเธอไม่ใช่คนที่จะใช้เวลาว่างไปกับการผ่อนคลายไปวันๆ


 


ด้วยพลังของพวกเธอ พวกเธอสามารถรอดจากการโจมตีของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าขั้นต่ำได้ มันไม่มีความจำเป็นที่ต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเธอ


 


น้องสาวของหานเซิ่นสมัครเข้าร่วมกับปราสาทนภา เรื่องนี้เป็นที่พูดถึงอยู่สักพัก หลังจากที่พวกเขามาถึงปราสาทด้วยการช่วยเหลือของหานเซิ่นและอาวุโสยวิ๋น การลงทะเบียนของหานเหยียนก็เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว


 


โดยปกติแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนนอกจะเข้าเป็นศิษย์ของปราสาทนภา แถมหานเหยียนยังได้ผู้อาวุโสสิบเป็นอาจารย์ นั่นถือเป็นอะไรที่พิเศษมากเมื่อคำนึงถึงเรื่องที่เธอไม่ใช่คนเผ่านภา ยวิ๋นฉางคงได้พยายามอย่างหนักเพื่อทำให้แน่ใจว่าเรื่องนี้ผ่านการอนุมัติ


 


แน่นอนว่าความสำคัญของหานเซิ่นต่อปราสาทนภาก็มีส่วนช่วยด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่คนนอกจะถูกรับตัวไปโดยผู้อาวุโสของปราสาทนภา


 


หานเหยียนรู้สึกตื่นเต้น เธอเริ่มจะเบื่อดาวอุปราคา และตอนนี้การมาที่ปราสาทนภาก็เป็นสิ่งที่เธอโหยหา


 


ยวิ๋นซู่อีช่วยอธิบายสิ่งที่เธอจำเป็นต้องระวังภายในปราสาทนภา เธอปฏิบัติกับหานเหยียนเหมือนกับน้องสาวจริงๆ เมื่อหานเซิ่นเห็นแบบนั้น เขาก็รู้สึกซาบซึ้ง


 


เป่าเอ๋อนั่งอยู่บนคลาวด์บีสต์สีแดงและบินวนรอบๆตัวหานเซิ่น หานเซิ่นพาเป่าเอ๋อมาด้วยก็เพื่อในตอนที่หานเหยียนเดินข้ามถนนนภา เขาก็จะขอให้เป่าเอ๋อไปกับเธอด้วย เพราะเป่าเอ๋ออาจจะช่วยเธอได้


 


ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ของน้ำเต้านั้นเป็นของดี และมันก็มีโอกาสที่หานเหยียนจะได้รับพวกมันเหมือนกับเขา


 


หลังจากที่หานเซิ่นพาหานเหยียนมาที่ปราสาทนภา ผู้คนในปราสาทนภามากมายก็หันความสนใจมาที่เธอ


 


ผู้คนส่วนใหญ่อยากจะรู้ว่าพรสวรรค์ของเธอเป็นยังไงเมื่อเทียบกับหานเซิ่น บางทีหานเซิ่นอาจจะเป็นคริสตัลไลเซอร์ที่พิเศษเหนือคนอื่น หรือบางทียีนของคริสตัลไลเซอร์ทุกคนจะดีแบบนั้นในยุคสมัยนี้

 

 

 


ตอนที่ 2613

 

“เป่าเอ๋อ ทำไมหนูไม่ไปกับอา?” หานเซิ่นถามเป่าเอ๋อขณะที่ยืนอยู่หน้าประตูนภา


 


เป่าเอ๋อพยักหน้า เธอจับมือของหานเหยียนและยิ้มออกมา “อา เป่าเอ๋อจะเดินไปเป็นเพื่อนอา”


 


แต่หลังจากนั้นหนึ่งในศิษย์ของปราสาทนภาที่เฝ้าประตูก็เข้ามาหยุดพวกเขาเอาไว้ เขาพูดกับหานเซิ่น

“อาจารย์หาน ท่านผู้นำสั่งเอาไว้ว่าน้องสาวของอาจารย์หานต้องข้ามถนนนภาตามลำพัง เป่าเอ๋อข้ามไปด้วยไม่ได้”


 


หานเซิ่นผิดหวังกับเรื่องนั้น แต่เขาไม่สามารถขัดคำสั่งของผู้นำปราสาทนภาได้ ดังนั้นเป่าเอ๋อจึงต้องกลับมาข้างกายเขา


 


ผู้นำปราสาทนภาที่กำลังดื่มชาอยู่พึมพำกับตัวเอง

“ถ้าน้ำเต้าสั่นไหวอีกครั้ง มันจะลดลมปราณศักดิ์สิทธิ์ภายในเถาวัลย์ ถ้าเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก เถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์ก็อาจจะแห้งตาย”


 


ผู้นำปราสาทนภาเป็นห่วงเถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์ พืชนั่นเป็นรากฐานของปราสาทนภา ถ้าเป่าเอ๋อได้รับอนุญาตให้ข้ามถนนนภาทุกครั้งที่หานเซิ่นนำคนมาที่ปราสาทนภา พลังของเถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์ก็จะหายไปจนหมด ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเถาวัลย์น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ก็คงจะแห้งตายไปจริงๆ


 


ครั้งก่อนที่เป่าเอ๋อข้ามถนนนภา เธอได้รับการอวยพรจากน้ำเต้ามากพอสำหรับคนเป็นหมื่นคน พวกมันเสียพลังไปมากในวันนั้นและปราสาทนภาก็ไม่สามารถสูญเสียแบบนั้นอีกครั้งได้


 


นอกจากนั้นปราสาทนภายังมีกฎที่ให้ข้ามถนนนภาได้แค่ทีละคน ครั้งก่อนที่เป่าเอ๋อได้รับอนุญาตให้ข้ามพร้อมกับหานเซิ่นก็เป็นเพราะเธอยังเด็ก แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์สูญเสียพลังไปมาก ผู้นำปราสาทนภาจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก


 


เอ็กซ์ควิสิทมองดูถนนนภาจากระยะไกล เธออยากรู้ว่าน้องสาวทางสายเลือดของหานเซิ่นจะมีพรสวรรค์แค่ไหน บางทีนั่นอาจจะทำให้เธอได้รู้เกี่ยวกับระดับพรสวรรค์ที่แท้จริงของหานเซิ่นมากขึ้นกว่าเดิม


 


พรสวรรค์ระดับ 11 เปลือกนั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวเกินไป มันยากจะเชื่อได้ว่านั่นเป็นผลลัพธ์ที่ถูกต้อง


 


“พี่ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง” จุดประสงค์ในชีวิตของหานเหยียนก็คือไล่ตามหานเซิ่นให้ทัน เธอดูมั่นใจในเรื่องนี้


 


“ไม่ต้องฝืนตัวเอง แค่ข้ามไปก็พอ” หานเซิ่นไม่อยากให้หานเหยียนก่อเรื่องใหญ่ขึ้นในตอนที่เธอข้ามถนนนภา เขาเชื่อว่าการสร้างชื่อให้กับตัวเองนั้นไม่เคยเป็นเรื่องดี


 


ถึงการเดินข้ามถนนนภาไม่ได้เป็นอะไรที่เสี่ยง แต่ในตอนที่เธอขึ้นบันไดไปสู่ปราสาทนภา โอกาสที่จะสร้างความประทับใจต่อคนอื่นก็จะปรากฏขึ้นมา ถ้าหานเหยียนทำได้เป็นอย่างดีที่นั่น เธอก็ต้องลืมชีวิตที่เงียบสงบไปได้เลย


 


หานเหยียนไม่รู้ว่าหานเซิ่นหมายถึงอะไร เธอคิดว่าเขาพูดแบบนั้นก็เพื่อบรรเทาความกดดันของเธอ


 


“ศิษย์น้องหาน เจ้าแค่เดินไปอย่างสบายๆ นี่เป็นแค่ทางข้ามสั้นๆ”

ยวิ๋นซู่อีพูดให้หานเหยียนสบายใจ เธอไม่อยากให้หานเหยียนรู้สึกประหม่า


 


“ขอบคุณศิษย์พี่ยวิ๋น” หานเหยียนเริ่มเดินออกไป คนปราสาทนภาต่างก็พากันมาดูเธอเดินข้ามถนนนภาแคบๆ


 


หานเหยียนรู้ว่าการข้ามถนนนภาอาจจะกระตุ้นให้น้ำเต้าปลดปล่อยลมปราณศักดิ์สิทธิ์ออกมา ดังนั้นเมื่อเธอก้าวไปบนเถาวัลย์ เธอก็จ้องมองลงไปที่น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์


 


น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์นั้นมีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก พวกมันน่ารักในแบบของตัวเอง แต่พวกมันไม่มีวี่แววที่จะปล่อยลมปราณศักดิ์สิทธิ์ออกมา


 


“ศิษย์พี่ยวิ๋นบอกว่าในตอนที่พี่หานเดินบนถนนนภา เขาก็ไม่ได้รับพรจากลมปราณศักดิ์สิทธิ์ แต่พี่ทำให้น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดสั่นไหว ทำไมมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นขณะที่เราเดิมข้ามไป?” หานเหยียนขมวดคิ้ว


 


เธอเดินหน้าต่อไป และน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่แม้แต่จะสั่นไหว


 


“แน่นอนว่าถ้าไม่มีเป่าเอ๋อจอมซนคนนั้น คริสตัลไลเซอร์ก็ไม่ควรจะกระตุ้นการสั่นไหวของน้ำเต้านับพันได้”

หานเหยียนเดินข้ามไปครึ่งทางแล้ว แต่มันก็ยังไม่มีน้ำเต้าไหนที่เคลื่อนไหว ผู้นำปราสาทนภายกถ้วนชาขึ้นมาจิบอย่างรื่นรมย์ เขาดูชอบใจ


 


“น้องสาวของอาจารย์หานดูเหมือนจะไม่มีพรสวรรค์ที่พิเศษอะไร มันยังไม่มีน้ำเต้าแม้แต่ลูกเดียวที่อวยพรให้กับนางด้วยลมปราณศักดิ์สิทธิ์”


 


“ในโลกนี้มีคนชื่อหานแค่คนเดียวที่รู้จักในฐานะบิดาของเทพ ไม่ใช่คนชื่อหานของเผ่าคริสตัลไลเซอร์ทุกคนจะได้รับสมญานามแบบนั้น”


 


“น่าเสียดายที่เป่าเอ๋อถูกห้าม ถ้านางข้ามมาด้วย น้ำเต้านับพันก็อาจจะสั่นไหวให้กับหานเหยียน”


 


ยวิ๋นฉางคงผิดหวังเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นหานเหยียนมาก่อน แต่เขาตกลงจะรับเธอเป็นลูกศิษย์ เขาทำการตัดสินใจแบบนี้ก็เพราะเธอเป็นน้องสาวของหานเซิ่น และยวิ๋นซู่อีก็ได้ขอกับเขาหลายครั้ง


 


ยวิ๋นฉางคงไม่ได้คาดหวังให้หานเหยียนยอดเยี่ยมเหมือนอย่างพี่ชายของเธอ แต่เนื่องจากเธอเป็นน้องสาวจริงๆของหานเซิ่น เขาจึงคาดหวังเอาไว้สูง


 


ถึงแม้น้ำเต้านับพันจะไม่สั่นไหวเหมือนอย่างหานเซิ่น แต่อย่างน้อยเธอก็ควรจะได้รับลมปราณศักดิ์สิทธิ์บ้าง


 


แต่ในตอนนี้มันเหมือนกับว่าจะไม่น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ไหนมอบลมปราณศักดิ์สิทธิ์ให้กับเธอ


 


“ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะชื่อหาน แต่นี่ไม่ใช่หานเซิ่น เจ้าผิดหวังอย่างนั้นหรออาวุโสยวิ๋น?” ผู้อาวุโสหกยิ้มให้กับยวิ๋นฉางคง ยวิ๋นฉางคงรับคนนอกคนหนึ่งเป็นลูกศิษย์ นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้อาวุโสคนหนึ่งจะรับคนนอกเป็นลูกศิษย์


 


ผู้คนในปราสาทนภาหลายคนซุบซิบกันว่ายวิ๋นฉางคงพยายามจะเอาใจหานเซิ่น มันจะสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของผู้นำปราสาทนภาไปด้วย ด้วยเหตุนั้นหลายคนจึงไม่พอใจกับสิ่งที่ยวิ๋นฉางคงทำ


 


แน่นอนว่ามันสมเหตุสมผลที่ผู้อาวุโสคนอื่นจะรู้สึกแบบนี้ ผู้อาวุโสในปราสาทนภาหลายคนต่างก็อยากจะสร้างความสัมพันธ์กับหานเซิ่น แต่ไม่มีใครที่ใกล้ชิดกับหานเซิ่นเหมือนอย่างตระกูลยวิ๋น เมื่อพวกเขาได้ยินว่ายวิ๋นฉางคงจะแย่งตัวหานเหยียนไปเป็นลูกศิษย์ พวกเขาก็รู้สึกไม่พอใจกับข่าวนั่น


 


แค่พลังในการอวยพรของหานเซิ่นเพียงอย่างเดียวก็มากพอที่จะทำให้ผู้คนมากมายอยากจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา ผู้อาวุโสทุกคนต้องการลูกศิษย์ที่ดี และถ้าพวกเขามีลูกศิษย์ระดับเทพเจ้าสักคน ชื่อเสียงของพวกเขาก็จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ปราสาทนภามียอดฝีมือระดับเทพเจ้าอยู่เท่าไหร่กันเชียว? และกี่คนที่กลายเป็นระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟในอนาคต? เพียงแค่ระดับนั้นก็มากพอที่จะทำให้ใครคนหนึ่งมีชื่อเสียง


 


เอ็กซ์ควิสิทมองดูหานเหยียนเดินข้ามถนนนภาไปโดยที่น้ำเต้าสักลูกเคลื่อนไหว นี่ทำให้เธอผิดหวังอย่างมาก


 


เอ็กซ์ควิสิทรู้ว่าคนที่มีพรสวรรค์ระดับ 8 เปลือกหรือสูงกว่าจะได้รับลมปราณจากน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ธาตุเดียวกัน แต่หานเหยียนยังไม่ได้รับลมปราณศักดิ์สิทธิ์ใดๆ นั่นหมายความว่าพรสวรรค์ของเธอต่ำกว่าระดับ 8 เปลือก


 


ถ้าน้องสาวของหานเซิ่นมีพรสวรรค์ที่ธรรมดาๆ แบบนั้นมันก็ไม่สำคัญว่าพี่ชายของเธอจะกลายพันธุ์สักกี่ครั้ง มันก็ไม่มีทางที่เขาจะมีพรสวรรค์ระดับ 11 เปลือกไปได้


 


เมื่อเห็นว่าหานเหยียนข้ามถนนนภาไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น หานเซิ่นก็คิดว่าน่าเสียดายที่เป่าเอ๋อไม่ได้รับอนุญาตให้ข้ามไปพร้อมกับเธอ หานเหยียนไม่มีโอกาสจะดูดซับลมปราณศักดิ์สิทธิ์ของน้ำเต้านับพัน


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้ประหลาดใจกับผลลัพธ์นี้ เพราะยังไงซะมันก็ไม่มีน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ลูกไหนมอบลมปราณศักดิ์สิทธิ์ให้กับเขาเช่นกัน มันมีแค่ตอนที่เขาข้ามพร้อมกับเป่าเอ๋อในครั้งที่ 2 เท่านั้นที่เขาได้รับบางสิ่ง เธอเป็นเหตุผลที่ทำให้น้ำเต้าทั้งหมดปลดปล่อยลมปราณศักดิ์สิทธิ์ให้กับเขา


 


เขาจึงคาดคิดว่าน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์อาจจะไม่มอบอะไรให้กับหานเหยียนเช่นกัน


 


สีหน้าของหานเหยียนยังคงดูสงบนิ่ง เธอเดินไปจนถึงปลายทางของถนนนภาและเตรียมจะก้าวลงไปจากเถาวัลย์น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ แต่จู่ๆหานเหยียนก็หยุดเดิน เธอหันกลับมามองน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 2 ข้าง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)