Super God Gene 2572-2592
ตอนที่ 2572 ฐานข้อมูลคริสตัลเฟอร์เนส
หานเซิ่นจดจำวิชาคริสตัลเฟอร์เนส หลังจากนั้นเขาก็ทำลายกำแพงคริสตัลก่อนจะโยนพวกมันลงไปในทะเลลาวาอันร้อนแรง
ถึงแม้จระเข้ระดับเทพเจ้าจะไม่ได้มาจับตาดูเขา แต่หานเซิ่นก็รู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังขนาดนั้นสามารถควบคุมทั้งได้ป้อมปราการ ถ้าหานเซิ่นคิดทำอะไรไม่ดีอย่างการเปิดคอร์แอเรียฮอล์เพื่อหนีออกไป เขาก็จะถูกหยุดในทันที ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่คิดจะเสี่ยงทำอะไรแบบนั้นและตัดสินใจตั้งใจทำงานแทน เขาทำงานอย่างขยันขันแข็งราวกับเป็นพนักงานดีเด่น
คริสตัลไลเซอร์เป็นเผ่าพันธุ์ที่มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยี ภายในป้อมปราการแห่งนี้มีเครื่องมืออยู่มากมาย แต่โชคร้ายที่หานเซิ่นไม่รู้วิธีที่จะใช้งานพวกมัน และเครื่องจักรส่วนใหญ่ก็พังเกินกว่าที่จะซ่อมแซมได้
เมื่อค้นหาอะไรที่มีประโยชน์ไม่ได้อีก ความขยันขันแข็งในการทำงานของหานเซิ่นก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ เขาพยายามจะนำของหลายๆอย่างออกมาเพื่อดึงดูดความสนใจจระเข้น้อย แต่เจ้าจระเข้ไม่สนใจอะไรในสิ่งของที่เขามอบให้กับมัน เห็นได้ชัดว่าหานเซิ่นไม่รู้ว่าอะไรที่มันชื่นชอบ
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อพยายามจะหนี แต่ความพยายามทั้งหมดของพวกเธอล้มเหลว พวกเธอรีบร้อนจะออกไปจากที่นี่มากกว่าหานเซิ่น แต่ทว่าทุกครั้งที่พวกเธอพยายามจะหนีไป พลังแรงโน้มถ่วงของจระเข้ระดับเทพเจ้าก็ดึงพวกเธอกลับมา พวกเธอไม่สามารถเทเลพอร์ตหนีไปเช่นกัน
วันหนึ่งขณะที่หานเซิ่นทำความสะอาดห้องที่ถูกทิ้ง เขาก็พบโต๊ะตัวหนึ่ง
“นี่คืออะไร?”
โต๊ะและอุปกรณ์อื่นๆภายในห้องถูกทำลายทั้งหมด โต๊ะถูกตัดจนขาดครึ่งและขาทั้ง 4 ของมันก็หัก แต่ลิ้นชักที่อยู่ใต้โต๊ะไม่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากความจริงที่โต๊ะถูกทำลาย ลิ้นชักจึงเปิดออก หลังจากที่ค้นดูมัน หานเซิ่นก็พบกล่องๆหนึ่ง
กล่องนั้นทำมาจากไม้ ซึ่งถือเป็นอะไรที่พบเห็นได้ยากในถิ่นฐานของคริสตัลไลเซอร์ หานเซิ่นเปิดฝาของมันและพบแว่นตาอยู่ข้างใน
แว่นตานั้นดูเหมือนกับแว่นกันแดด มันดูเท่มากๆและเลนส์แว่นตาก็ดำมืดเหมือนกับถ่าน พวกมันดูเหมือนจะมองทะลุไม่ได้ด้วยซ้ำ
“นี่มันแว่นตาแบบไหนกัน? แว่นตานี้สร้างขึ้นมาเพื่อคนตาบอดอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นพึมพำขณะที่หยิบแว่นตาขึ้นมา มันดูจะไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับแว่นตา ดังนั้นเขาจึงลองสวมมันดู
ในจังหวะที่หานเซิ่นใส่แว่นตา เลนส์ที่ดำสนิทของแว่นตาก็กลายเป็นอะไรที่โปร่งใสเหมือนกับคริสตัล
ไม่สิ พวกมันโปร่งใสยิ่งกว่าคริสตัล เมื่อหานเซิ่นมองผ่านเลนส์ของแว่นตา เขามองไม่เห็นแม้แต่เลนส์ที่อยู่ตรงหน้าตัวเองด้วยซ้ำ และในขณะเดียวกันข้อมูลจำนวนมากก็เริ่มเคลื่อนผ่านเลนส์ของแว่นตา ข้อมูลเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นภาพเบลอๆ และทันใดนั้นหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงๆหนึ่ง มันดูเหมือนจะดังมาจากแว่นตา แต่มันตรงเข้าไปในหูของเขา
“สแกนระบบ…ยืนยันยีน…สถานะภาพคริสตัลไลเซอร์ถูกยืนยัน…เปิดฐานข้อมูลคริสตัลเฟอร์เนส”
หานเซิ่นสันนิษฐานว่านี่คืออุปกรณ์ทางเทคโนโลยีชั้นสูง เพราะมันสามารถสแกนยีนของผู้ใช้ แต่เมื่อเสียงเงียบไป หานเซิ่นก็ไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอะไร แสงและตัวเลขบนเลนส์ของแว่นตาก็หายไป
นอกจากเริ่มต้นการทำงานแล้ว มันก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรอย่างอื่นเกิดขึ้น
“เฮ้ ข้ายังอยู่ไหม?” หานเซิ่นถามแว่นตา
“ได้โปรดอย่าถามคำถามโง่ๆ คริสตัลเฟอร์เนสมีสติปัญญาและสัมผัส ได้โปรดยับยั้งตัวเองจากการถามคำถามโง่ๆเพื่อหลีกเลี่ยงการส่งข้อความที่ไม่จำเป็นกับคริสตัลเฟอร์เนส มันเปลืองพลังงาน”
หานเซิ่นอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากนั้นเขาก็ปิดปากลง เขาใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อคิดเกี่ยวกับสิ่งที่จะพูด
“ชื่อของเจ้าคือคริสตัลเฟอร์เนสอย่างนั้นสินะ? เจ้ามีฟังก์ชั่นอะไรบ้าง?”
“ชื่อเต็มของข้าคือฐานข้อมูลคริสตัลเฟอร์เนสZXT27 ข้ารับหน้าที่เลี้ยงดูเยาวชน” เสียงของแว่นตาดังขึ้นอีกครั้ง
“ZX… อะไรนะ? ข้าจะเรียกเจ้าว่ากราสเซสล่ะกัน ที่บอกว่าเจ้ารับหน้าที่เลี้ยงดูเยาวชนนั่นหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นถาม
“ข้าถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือเด็กให้เจริญเติมโตอย่างมีสุขภาพที่ดี” กราสเซสตอบ
“บอกให้มันชัดๆ เจ้าทำอะไรให้กับเด็กได้?” หานเซิ่นถามเป็นครั้งที่ 2
“หน้าที่หลักของข้าคือการเก็บข้อมูลบุคคลและทำการวิเคราะห์มันด้วยฐานข้อมูลคริสตัลเฟอร์เนส”
คำอธิบายนั้นไม่ได้ช่วยอะไรหานเซิ่น เห็นได้ชัดว่ากราสเซสไม่ได้ฉลาดอะไรนัก
กราสเซสดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิด มันพูดขึ้นมา
“ฐานข้อมูลคริสตัลเฟอร์เนสZXT27คือเทคโนโลยีคริสตัลที่ยอดเยี่ยมที่สุด มันมีระบบการเจริญเติบโตสติปัญญาในตัว ระดับสติปัญญาเริ่มต้นคือระดับของเด็กชาวคริสตัลไลเซอร์ 5 ขวบ”
“นั่นสุดยอดไปเลย” หานเซิ่นเอยชมกราสเซส แต่เขาก็ยังคงไม่แน่ใจว่ามันทำอะไรได้
ขณะที่หานเซิ่นพยายามคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะถามถึงจุดประสงค์ของกราสเซส เขาก็เห็นเอ็กซ์คริสิทเดินออกมาจากสระว่ายน้ำ
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาใช้จิตใจเพื่อพูดกับกราสเซส
“มาลองในทางปฏิบัติกัน เจ้ามีฟังก์ชั่นที่ทำให้ข้ามองทะลุกำแพงหรือเสื้อผ้าไหม?”
หานเซิ่นจำได้ว่าแว่นตาล้ำสมัยมักจะมีฟังก์ชั่นแบบนั้น เขามีออร่าศาสตร์ตงเสวียนอยู่ แต่เขาไม่สามารถใช้มันเพื่อมองทะลุเสื้อผ้า ถ้ากราสเซสมีฟังก์ชั่นนั้นอยู่ แบบนั้นบางทีแว่นตาก็อาจจะดีกว่าที่คิด
“การถ้ำมองผิดกฎหมายคริสตัลไลเซอร์มาตรา16221 การละเมิดจะถูกจำคุก 5-10 ปี ZXT27เป็นปัญญาประดิษฐ์สำหรับเด็กที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ฟังก์ชั่นนั้น บัตรอนุญาตบุคลากรระดับวิชาชีพเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นนั้นบนฐานข้อมูลคริสตัลเฟอร์เนส”
“นี่คริสตัลไลเซอร์เป็นคนดีกันถึงขนาดนั้นเลย?” หานเซิ่นถอนหายใจออกมา
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าทำอะไรได้? แสดงให้ข้าดู” หานเซิ่นพูด
“ได้โปรดเลือกเป้าหมาย” กราสเซสพูด
“นาง” หานเซิ่นพูดขณะที่เล็งสายตาไปที่เอ็กซ์ควิสิทคนที่กำลังเดินเข้ามา
สัญลักษณ์และหมายเลขเคลื่อนผ่านเลนส์ไป ภาพของเอ็กซ์ควิสิทถูกซูมเข้าไปเล็กน้อย เหมือนกับกำลังจับภาพไปที่เธอขณะที่กราสเซสเริ่มทำการวิเคราะห์
แว่นตานั้นไม่ได้ปลดปล่อยแสงหรืออะไรออกมา ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่รู้ว่ากราสเซสทำการวิเคราะห์ยังไง
“ดำเนินการเก็บข้อมูล…ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล…”
ในตอนนี้เอ็กซ์ควิสิทมาถึงตรงหน้าหานเซิ่นแล้ว แต่ข้อมูลก็ยังคงเคลื่อนผ่านเลนส์ของแว่นตาไป
‘เจ้าสิ่งนี้มันช้าจริงๆ มันช้าเหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่กำลังจะพัง’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
“ทำไมเจ้าถึงสวมแว่นดำที่มองทะลุไม่ได้? นี่เจ้ากำลังแกล้งทำเป็นคนตาบอดหรือยังไง?” เอ็กซ์ควิสิทพูดขณะที่จ้องไปที่ใบหน้าของหานเซิ่น
“ใช่แล้ว ข้าแค่กำลังเล่นสนุก” หานเซิ่นพูดขณะที่คิดกับตัวเอง
‘ดูเหมือนว่าจะมีแค่เราคนเดียวที่มองทะลุผ่านแว่นตานี่ได้ ถ้าคนอื่นมามองแว่นตา ทั้งหมดที่พวกเขาเห็นก็คือเลนส์สีดำสนิท นี่มันไม่เลวเลย’
เสียงของแว่นตาดังขึ้นในหัวของหานเซิ่นอีกครั้ง “การสแกนเป็นผลสำเร็จ การวิเคราะห์ข้อมูลเสร็จสิ้น”
หานเซิ่นสังเกตภาพของเอ็กซ์ควิสิทและข้อมูลที่ถูกแสดงบนเลนส์ของกราสเซส
“เป้าหมาย : เวรี่ไฮเพศหญิง…” หานเซิ่นมองไปที่คำแรกตรงหน้าและเขาก็อึ้งไป
ตอนที่ 2573 ศักยภาพของยีน
“นี่เจ้าวิเคราะห์ไม่ผิดแน่นะ? นางไม่ใช่คนเผ่านภาอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นถามกราสเซสในใจ เขาพยายามจะเก็บความประหลาดใจเอาไว้ขณะที่อ่านรายงานการวิเคราะห์ที่เหลือ
“เป้าหมาย: เวรี่ไฮเพศหญิง อายุยีน: 23 ปี”
“ระดับยีน: ราชันขั้นที่ 9”
“ศักยภาพยีน: 5 ดาว”
“ฐานข้อมูลคริสตัลเฟอร์เนสมีข้อมูลยีนมากมายเกี่ยวกับเผ่าเวรี่ไฮ จากการวิเคราะห์ยีนของเป้าหมาย ยีนของเธอตรงกับยีนของเวรี่ไฮ 87.675 เปอร์เซ็นต์ ยีนของเธอเชื่อมโยงกับเผ่านภาแค่ 0.3 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นโอกาสที่เป้าหมายจะเป็นสมาชิกเผ่าเวรี่ไฮคือ 99.99 เปอร์เซ็นต์” กราสเซสตอบ
หานเซิ่นรู้อยู่แล้วว่าเอ็กซ์ควิสิทเป็นระดับราชันขั้นที่ 9 ซึ่งนั่นพิสูจน์ว่ากราสเซสไม่ได้พูดออกมาอย่างมั่วๆ
“อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะเราถึงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทในปราสาทนภา ที่แท้พวกก็ไม่ใช่คนเผ่านภา” หานเซิ่นสรุป
“ถ้าอย่างนั้นศักยภาพยีนหมายความว่ายังไง? จำนวนดาวสูงที่สุดคือเท่าไหร่?” หานเซิ่นถาม
“ศักยภาพยีนหมายถึงความยากง่ายที่สิ่งมีชีวิตหนึ่งจะเจริญเติบโต จากฐานข้อมูลคริสตัลเฟอร์เนส จำนวนดาวสูงสุดคือสิบดาว” กราสเซสตอบ
“ไม่มีทาง จำนวนดาวสูงสุดคือสิบดาวและสมาชิกของเผ่าเวรี่ไฮได้แค่ 5 ดาวเนี่ยนะ?”
หานเซิ่นคลางแคลงใจอย่างมากกับผลลัพธ์นี้ เพราะเผ่าเวรี่ไฮถูกยกให้เป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลจีโน ถึงแม้ยีนของพวกเขาจะไม่ได้ดีที่สุด แต่มันก็ไม่ควรจะต่ำแบบนี้
“นี่เจ้ากำลังทำอะไร?” เอ็กซ์ควิสิทถามพร้อมกับขมวดคิ้ว หานเซิ่นยืนอยู่ที่เดิมและจ้องมาที่เธออยู่เป็นเวลานาน
“ไม่มีอะไร ข้าแค่กำลังคิดวิธีที่จะหนีออกไปจากที่นี่” หานเซิ่นพูด
“เจ้าคิดวิธีได้หรือยัง?” เอ็กซ์ควิสิท
“ยังไม่ได้” หานเซิ่นส่ายหัว
“ถ้าอย่างนั้นก็รอการช่วยเหลืออยู่เฉยๆ พวกเราหายตัวมาเป็นเวลาสักพักแล้ว ตอนนี้คนของพวกเราคงจะกำลังคิดหาหนทางมาช่วยพวกเรา” เอ็กซ์ควิสิทพูด หลังจากนั้นเธอก็เดินจากไป
หานเซิ่นอ้าปาก เขาอยากจะถามเธอว่าเป็นหนึ่งในเผ่าเวรี่ไฮจริงๆหรือไม่ แต่ถ้าเธอเลือกจะไม่เปิดเผยข้อมูลของตัวเองออกมา มันก็ต้องมีเหตุผลอยู่ ตัวเขาเองก็รู้เรื่องนั้นเป็นอย่างดี เพราะเขาเองก็ไม่ได้บอกคนอื่นไปทั่วว่าเขาเป็นมนุษย์ เมื่อคิดได้แบบนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ถาม
“สำหรับระดับราชัน ศักยภาพยีนสูงที่สุดคือ 5 ดาว มีแค่ระดับเทพเจ้าที่เริ่ม 6 ดาวในการวิเคราะห์” กราสเซสตอบ
“ถ้าอย่างนั้นข้าได้กี่ดาว?” หานเซิ่นถามด้วยความอยากรู้
“ดำเนินการเก็บข้อมูล…ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล…ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล…” กราสเซสเริ่มการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เว้นแต่ครั้งนี้มันใช้เวลานาน
“ยีนไม่เสถียร…ไม่สามารถยืนยัน…ไม่สามารถยืนยัน…” การวิเคราะห์ข้อมูลดำเนินต่อไปเรื่อยๆ และดูเหมือนว่ามันจะไม่มีการเสร็จสิ้น
“ช่างเถอะ มันไม่มีความจำเป็นต้องวิเคราะห์ต่อ” หานเซิ่นพูด กราสเซสพูด‘ไม่สามารถยืนยัน’ซ้ำๆจนทำให้หานเซิ่นรู้สึกรำคาญ
กราสเซสหยุดพูดและข้อมูลบนเลนส์ของแว่นตาก็หายไป
‘จริงด้วย เราควรจะไปเพื่อให้แว่นตานี้วิเคราะห์ว่าจระเข้ระดับเทพเจ้าใหญ่และจระเข้น้อยอยู่ระดับไหน’ หานเซิ่นคิด หัวใจของเขาเริ่มจะเต้นเร็วขึ้นกว่าเดิม ขณะที่เขาตรงไปที่สระว่ายน้ำ
หานเซิ่นเห็นว่าจระเข้ระดับเทพเจ้าใหญ่ยังคงนอนหลับบนเก้าอี้อาบแดดขณะที่หลี่เคอเอ๋อนวดหัวของมัน ด้วยความอยากรู้หานเซิ่นก็ลองทำการทดสอบกับหลี่เคอเอ๋อก่อน
ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นคล้ายคลึงกับเอ็กซ์ควิสิท ผลที่ออกมานั้นบอกว่าหลี่เคอเอ๋อเองก็เป็นหนึ่งในเผ่าเวรี่ไฮเช่นกัน และเธอเองก็ได้แค่ 5 ดาว แต่เธอเด็กกว่า จากการคำนวณอายุยีนของคริสตัลไลเซอร์ หลี่เคอเอ๋อยังอายุแค่ 16 ปี
“ครั้งนี้ข้าเชื่อเจ้า” หานเซิ่นหันไปมองที่จระเข้ระดับเทพเจ้าตัวใหญ่ เขาเห็นตัวเลขเคลื่อนผ่านเลนส์ของแว่นขณะที่มันเริ่มวิเคราะห์ข้อมูล แต่หลังจากผ่านไปสักพัก ผลลัพธ์ก็ยังคงไม่ออกมา
“ไม่มีทางที่เจ้าจะวิเคราะห์มันไม่ได้” หานเซิ่นเริ่มจะสงสัยในการทำงานของแว่นตานี้ แต่หลังจากนั้นเขาก็เห็นภาพและข้อมูลของจระเข้ระดับเทพเจ้าปรากฏขึ้นมา
“เป้าหมาย: จระเข้แรงโน้มถ่วง เพศเมีย อายุยีน: 1.365 พันล้านปี”
“ระดับยีน: เทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่น”
“ศักยภาพยีน: 7 ดาว”
“การวิเคราะห์ของเจ้านี่ไม่แม่นยำเอาซะเลย ระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่นมีศักยภาพยีนแค่ 7 ดาวเนี่ยนะ?” หานเซิ่นเริ่มจะสงสัยในการผลการวิเคราะห์ของกราสเซส
“ศักยภาพยีนของจระเข้แรงโน้มถ่วงคือ 4 ดาว มันมีขีดจำกัดของระดับที่จะบรรลุได้ แม้จะปรับปรุงแล้ว ศักยภาพยีนของมันก็ขึ้นไปอยู่ที่ 7 ดาวเท่านั้น มันไม่อาจจะก้าวข้ามขั้นทรานส์มิวเทชั่นไปได้ ถ้ามันไม่มีการกลายพันธุ์ของยีน โอกาสที่จะไปถึงขั้นลาร์วาคือหนึ่งในพันล้าน”
“เจ้าแน่ใจอย่างนั้นหรอ? นี่เจ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับระดับเทพเจ้าเพื่อใช้เปรียบเทียบมากขนาดนั้นเลย?” หานเซิ่นถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“นี่เป็นผลลัพธ์หลังจากการเปรียบเทียบกับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าอื่น จากฐานข้อมูล ถ้าไม่มีศักยภาพยีนถึง 9 ดาว สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้านั้นก็ไม่อาจจะไปถึงขั้นทรูก็อตได้” กราสเซสตอบ
หานเซิ่นหันไปมองที่จระเข้ระดับเทพเจ้าน้อย และกราสเซสก็เริ่มการทำงานอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปสักพัก หานเซิ่นก็อ่านผลลัพธ์ที่ออกมา
“เป้าหมาย: จระเข้แรงโน้มถ่วงเพศผู้ อายุยีน: 1เดือน 7 วัน”
“ระดับยีน: เทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ”
“ศักยภาพยีน: 9 ดาว”
“นี่มันอะไรกัน เจ้าตัวน้อยนี้เป็นลูกของจระเข้ระดับเทพเจ้าแรงโน้มถ่วงนั้น แต่ทำไมมันถึงได้ 9 ดาว?” หานเซิ่นถาม
“จระเข้แรงโน้มถ่วงตัวนี้เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด ยีนของมันกลายพันธุ์จนเหนือกว่ารุ่นก่อนหน้า จากยีนของจระเข้แรงโน้มถ่วงทั้ง 2 ตัว พวกมันจะต้องเป็นแม่ลูกกัน”
“จริงหรือเนี่ย? เจ้าตัวน้อยนี้มีศักยภาพพอที่จะกลายเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต?” หานเซิ่นมองไปที่จระเข้น้อย
จระเข้น้อยรู้สึกตัวว่าหานเซิ่นจ้องมาที่มัน ดังนั้นมันจึงมองมาที่หานเซิ่นด้วยความดูถูก แต่เอ็กซ์ควิสิทยังคงขัดเกล็ดของมัน ดังนั้นมันจึงไม่ได้ทำอะไร
“ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า 9 ดาวกลายเป็นขั้นทรูก็อตได้ แต่มันไม่มีอะไรรับประกัน” กราสเซสตอบ
หานเซิ่นเมินเฉยต่อสิ่งที่กราสเซสพูด ขณะที่เขาพยายามคิดหาหนทางที่จะลักพาตัวจระเข้น้อยไป
แต่หานเซิ่นนึกขึ้นมาได้ว่าไม่สามารถพาซีโน่เจเนอิคออกไปจากที่นี่ได้ ดังนั้นการลักพาตัวเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์
หลังจากที่คำนึงเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการวิเคราะห์ของกราสเซส หานเซิ่นก็ตัดสินใจเชื่อในตัวมัน ถ้าคริสตัลไลเซอร์ออกแบบเครื่องมือนี้มาด้วยตัวพวกเขาเอง พวกเขาก็คงจะไม่สามารถเก็บข้อมูลของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าได้มากนัก
แต่คนของคริสตัลไลเซอร์ได้ช่วยเหลือผู้นำเซเคร็ดในการวิจัยเรื่องราวของยีน และท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็เข้าควบคุมก็อตแซงชัวรี่ต่อจากผู้นำเซเคร็ด หานเซิ่นจึงเชื่อว่าพวกเขาต้องได้รับข้อมูลมาจากเซเคร็ด
สำหรับคนอย่างผู้นำเซเคร็ดแล้ว มันคงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรในการเก็บรวบรวมข้อมูลของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า ในยุคสมัยนั้นเผ่าเวรี่ไอและแอนเชี่ยนท์ก็อตต้อยต่ำกว่าเซเคร็ดมาก
แม้แต่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงเองก็ยังเป็นแค่ทาสรับใช้ของเซเคร็ด ถ้าผู้นำเซเคร็ดต้องการข้อมูลยีนของพวกเขา มันก็เป็นเรื่องง่ายมากที่เขาจะเก็บรวบรวมพวกมัน
เพราะยังไงซะการรวบรวมข้อมูลยีนก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้านั้นๆ มันแค่จำเป็นต้องใช้เส้นผมหรือตัวอย่างทางดีเอ็นเออื่นๆ ถ้าผู้นำเซเคร็ดต้องการเส้นผมสักเส้น ใครกันที่กล้าจะปฏิเสธคำขอของเขา
ตอนนี้หานเซิ่นอยากจะกลับไปที่บ้านและลองใช้มันวิเคราะห์หลิงเอ๋อลูกสาวของเขา เขาอยากรู้ว่าเธอมีศักยภาพยีนมากแค่ไหน
แต่ตราบใดที่เขาอยู่ภายใต้การควบคุมของจระเข้ระดับเทพเจ้าทั้ง 2 เขาก็ไม่สามารถไปที่ไหนได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงต้องอดทนเอาไว้และเก็บกวาดป้อมปราการต่อไปเผื่อในกรณีที่มันยังมีอะไรอย่างอื่นอีก กราสเซสสามารถทำได้แค่สแกน วิเคราะห์และเปรียบเทียบ มันไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้
ตอนที่ 2574 ผลการวิเคราะห์
หานเซิ่นทำการค้นหาต่ออีกหลายวัน แต่เขาก็ไม่พบอะไรที่มีประโยชน์ แต่ในระหว่างนั้นเขาก็ฝึกวิชาคริสตัลเฟอร์เนสจนถึงระดับเบื้องต้น เพราะยังไงซะมันก็เป็นวิชาจีโนสำหรับเด็ก มันไม่ได้ฝึกยากอะไรและการมีเลือดของคริสตัลไลเซอร์อยู่ในตัวก็ยิ่งทำให้มันเป็นอะไรที่ง่ายกว่าเดิม
มนุษย์นั้นสืบสายเลือดมาจากคริสตัลไลเซอร์ ดังนั้นวิชาจีโนของคริสตัลไลเซอร์จึงเข้ากับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี หานเซิ่นใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้นในการเรียนรู้วิชาจีโนของพวกเขาและผลลัพธ์ที่ออกมาก็ดีอีกด้วย ตอนนี้หานเซิ่นสามารถกินยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันได้ 20-30 ยีนต่อวัน และนั่นเป็นแค่ระดับเบื้องต้นของวิชาคริสตัลเฟอร์เนสเท่านั้น ถ้าวิชาคอนซูม บิ๊กเดสทรอยเยอร์และคริสตัลเฟอร์เนสถูกฝึกจนถึงระดับสูงสุดเมื่อไหร่ เขาก็คาดเดาว่าคงจะกินยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันได้ 100 ยีนต่อวันเป็นอย่างน้อย
“วิชาคริสตัลเฟอร์เนสนี่ไม่เลวเลย เราต้องสอนมันให้กับเป่าเอ๋อและหลิง
เอ๋อด้วย” เมื่อหานเซิ่นคิดเกี่ยวกับลูกสาวของเขา เขาก็รู้สึกราวกับว่าถูกลูกธนูพุ่งมาใส่หัวใจ
การจะหนีออกไปจากป้อมปราการแห่งนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ในอดีตเขาเคยพยายามจะหนีไปโดยใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด แต่เนื่องจากมีหว่านเอ๋ออยู่ในหอคอยแห่งโชคชะตา ทำให้เขาไม่สามารถใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเป็นเวลานานได้
หานเซิ่นตัดสินใจนั่งพักและนำเอาเครื่องดื่มของสหพันธ์ออกมา แต่หลังจากที่เขาทำแบบนั้น จระเข้น้อยก็วิ่งมาทางเขาและจ้องมองไปที่ขวดไวน์ มันดูอยากรู้อยากเห็น
เมื่อเห็นแบบนั้นหานเซิ่นก็นำเอาถ้วนๆหนึ่งออกมาและเทไวน์ให้กับจระเข้น้อย
ครั้งนี้จระเข้น้อยไม่ได้ปัดมันทิ้งไปเหมือนกับทุกที
หานเซิ่นดีใจที่เห็นแบบนั้น ในตอนแรกเขาคิดว่าจระเข้ระดับเทพเจ้าคงจะชื่นชอบการดื่ม แต่จระเข้ระดับเทพเจ้านั้นใช้ลิ้นของมันยกถ้วนขึ้นและราดไวน์ใส่ตัวแทน
เกล็ดของมันมีอุณหภูมิที่สูงมากๆ จระเข้น้อยพยายามจะลดความร้อนของเกล็ดลง แต่เมื่อไวน์สัมผัสกับร่างกายของมัน พวกมันก็ระเหยกลายเป็นไอ
จระเข้น้อยดูจะยังไม่พอใจ ครั้งนี้มันใช้ลิ้นแย่งขวดไวน์ทั้งขวดไปและยกขวดเทใส่ตัวเอง
ขณะที่หานเซิ่นมองดูไวน์ที่แสนวิเศษระเหยไปจนหมด หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวด ไวน์ขวดนั้นเป็นไวน์ที่จีเหยียนหรันเตรียมไว้ให้เขา มันมีอายุเป็นร้อยปีและไม่สามารถหาซื้อจากที่ไหนได้อีกแล้ว มันถือเป็นของหายาก
แต่จระเข้น้อยดูจะเพลินเพลินกับมัน และร่างกายของมันก็คลุ้งไปด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์
จระเข้น้อยส่งเสียงใส่หานเซิ่น ขณะที่หานเซิ่นยังคงอาลัยถึงไวน์ที่เพิ่งจะสูญเสียไป ดูเหมือนว่าจระเข้น้อยจะต้องการมันเพิ่มอีก
“ไม่มีไวน์แล้ว ถ้าเจ้าต้องการ ข้าต้องกลับไปเอามาเพิ่ม” หานเซิ่นพูดกับจระเข้น้อย
จระเข้น้อยพยักหน้าและส่งเสียงออกมาเบาๆราวกับว่ามันกำลังบอกให้หานเซิ่นรีบไปเอาไวน์มา
“เจ้าจะปล่อยให้ข้ากลับไปอย่างนั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้นข้าไปล่ะนะ” หานเซิ่นไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆแบบนี้
ถ้าผู้คนปกติออกไปจากคอร์แอเรีย พวกเขาก็จะกลับมาที่จุดเดิมในตอนที่เข้ามา นอกซะจากพวกเขาจะไม่เข้ามาที่นี่อีกครั้ง ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ต้องติดอยู่ที่นี่
แต่หานเซิ่นนั้นต่างออกไป เนื่องจากเขามีฟันเฟืองของวิชาจีโนถึง 4 ฟันเฟือง เขาสามารถไปปรากฏตัวได้ 4 ที่ด้วยกัน เขาไม่จำเป็นต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง
จระเข้น้อยเร่งให้เขารีบไปเอาไวน์มา ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงรวบรวมพลังเพื่อเปิดประตูของคอร์แอเรียฮอลล์ เขาพูดกับจระเข้น้อยอีกครั้ง
“ข้าจะไปจริงๆแล้วนะ”
ประตูของคอร์แอเรียฮอล์กำลังเปิดออก แต่จระเข้น้อยก็ไม่ได้พยายามทำอะไรเพื่อหยุดเขา และจระเข้ระดับเทพเจ้าตัวใหญ่เองก็เช่นกัน ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับอนุญาตให้ออกไปได้จริงๆ
หานเซิ่นดีใจ เขาไม่ได้คิดเลยว่าจะออกไปได้ง่ายๆแบบนั้น ด้วยเหตุนั้นเขาจึงรีบผ่านประตูของคอร์แอเรียฮอลล์เข้าไป
จระเข้น้อยไม่ได้พยายามจะหยุดเขา และหานเซิ่นก็ออกจากคอร์แอเรียได้สำเร็จ การออกมาสู่วาฬขาวนั้นราบรื่นจนเขาแทบไม่อยากจะเชื่อ
“พ่อ ทำไมพ่อหายไปนานจัง ครั้งหน้าถ้าพ่อจะเดินทางนานๆ พ่อพาหนูไปด้วยได้ไหม?” เป่าเอ๋อกระโดดเข้ามาในอ้อมแขนของหานเซิ่น
“หนูไปที่นั่นไม่ได้” หานเซิ่นยิ้ม
หานเซิ่นไม่สามารถพาสิ่งมีชีวิตอื่นไปที่นั่นได้ และถึงเขาจะทำได้ เขาก็ไม่กล้าจะทำมัน
มันมีเพียงแค่ระดับราชันเท่านั้นที่เข้าไปในคอร์แอเรียได้ นั่นหมายความว่าผู้คนที่เห็นเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งเข้าไปในนั้น พวกเขาก็อาจจะเป็นบ้ากันได้
การได้เห็นรอยยิ้มของเป่าเอ๋อทำให้หานเซิ่นรู้สึกอบอุ่น เขาลองใช้กราสเซสเพื่อวิเคราะห์ยีนของเป่าเอ๋อ
หานเซิ่นไม่ได้อยากจะรู้ว่าเป่าเอ๋อมีศักยภาพยีนมากแค่ไหน แต่เขาอยากรู้ว่าเผ่าพันธุ์ของเป่าเอ๋อคืออะไรกันแน่ เผ่าพันธุ์ของเป่าเอ๋อเป็นปริศนามาโดยตลอด ดังนั้นบางทีกราสเซสอาจจะช่วยคลี่คลายปริศนานั้นได้
ข้อมูลการสแกนเคลื่อนผ่านเลนส์ของแว่นตา หลังจากผ่านไปสักพักการวิเคราะห์ก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ มันทำให้หานเซิ่นรู้สึกไม่ดีขึ้นมา
“ขาดข้อมูล…ไม่สามารถวิเคราะห์ได้…ไม่สามารถวิเคราะห์ได้…” เมื่อหานเซิ่นได้ยินคำเหล่านั้น เขาก็รู้สึกผิดหวัง
แต่ไม่ว่าเป่าเอ๋อจะเป็นเผ่าพันธุ์อะไร หานเซิ่นก็ไม่สนใจ สำหรับเขาแล้วเธอเป็นลูกสาวของเขาจริงๆ
หานเซิ่นกำลังจะบอกให้กราสเซสหยุด แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา
“การวิเคราะห์เสร็จสิ้น ยีนไม่เสถียร ระดับยีนไม่สามารถยืนยันได้ ศักยภาพยีนไม่สามารถยืนยันได้ เจ้าคือพ่อของนาง”
‘ว้าว! เจ้าสิ่งนี้มีไว้สำหรับเด็กจริงๆ มันพึ่งพาไม่ได้เลย’ หานเซิ่นคิดด้วยความรำคาญ
หานเซิ่นใช้กราสเซสมองทุกคนบนวาฬขาว นอกจากจันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงที่มาจากก็อตแซงชัวรี่แล้ว กราสเซสสามารถวิเคราะห์คนอื่นๆได้อย่างละเอียดและแม่นยำ
ผลลัพธ์ของจันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงนั้นเหมือนกับของหานเซิ่น ยีนของพวกเธอไม่เสถียรและไม่สามารถวิเคราะห์ได้
หานเซิ่นลองใช้กราสเซสเพื่อวิเคราะห์นกแดงน้อย เขาไม่ได้ความหวังอะไรมากนัก แต่เขากลับได้รับผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ
“เป้าหมาย: ฟินิกซ์(51%)และนกปลา(49%) เพศเมีย”
“ระดับยีน: เทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ”
“ศักยภาพยีน: 10 ดาว”
ข้อมูลหลายอย่างถูกวิเคราะห์ และพวกมันก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่าสายเลือดของนกแดงน้อยจะแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น ศักยภาพยีนสิบดาวนั้นเรียกได้ว่ารับประกันเลยว่ามันจะกลายเป็นขั้นทรูก็อตได้สำเร็จ
“ยีนของมันแข็งแกร่งขนาดนั้นเลย?” หานเซิ่นถามกราสเซสด้วยความอยากรู้
กราสเซสตอบ “ฟินิกซ์และนกปลาเป็นขั้นทรูก็อต มันมีเลือดของทั้ง 2 และถึงความเร็วในการเจริญเติบโตของมันอาจจะช้า แต่มันก็มีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นขั้นทรูก็อต โอกาสที่จะล้มเหลวนั้นแทบเป็นศูนย์ แต่มันจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อกลายเป็นขั้นทรูก็อต มันมีโอกาสสูงกว่าสิ่งมีชีวิตที่กำเนิดเป็นฟินิกซ์หรือนกปลาเต็มตัว”
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น หานเซิ่นก็หลับตาลงในความอ่อนล้าเป็นเวลาสักพักหนึ่ง เขาเลี้ยงดูนกแดงน้อยมาเป็นเวลายาวนาน และเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้ตัวว่าต้องเก็บรวบรวมทรัพยากรเป็นจำนวนมากเพื่อทำให้นกแดงน้อยกลายเป็นขั้นทรูก็อตในอนาคต
หานเซิ่นมองคนอื่นในวาฬขาวจนครบทุกคนและสันนิษฐานว่าข้อมูลถูกต้อง หลังจากนั้นเขาก็นำหว่านเอ๋อที่หลับไหลอยู่ในหอคอยแห่งโชคชะตาออกมาเพื่อให้กราสเซสวิเคราะห์
กราสเซสจำเป็นต้องเก็บข้อมูลของเธอนานยิ่งกว่าที่มันทำกับนกแดงน้อย แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นเป็นคำๆเดียว: เซเคร็ด
มันไม่มีอะไรมากกว่านั้น มันวิเคราะห์ได้แค่ชื่อเผ่าพันธุ์และมันไม่มีรายละเอียดอะไรอย่างอื่นอีกเลย
ตอนที่ 2575 แอลกอฮอล์
หานเซิ่นกลับไปที่บ้านในสหพันธ์ เขาอยากจะลองให้กราสเซสวิเคราะห์หานหลิงเอ๋อลูกสาวของเขา แต่ทันทีที่ลอง เขาก็ถูกบังคับให้ยอมรับว่าไม่สามารถบอกถึงศักยภาพที่มนุษย์คนหนึ่งมีได้ กราสเซสบอกว่ายีนของมนุษย์ไม่เสถียรและไม่สามารถทำการวิเคราะห์ได้
“ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้พวกเผ่าพันธุ์ชั้นสูงถึงไม่ต้องการตัวเรา นี่ยีนของมนุษย์ไม่เสถียรถึงขนาดนั้นเลยหรอ?” หานเซิ่นสงสัย
“พ่อ…อุ้ม อุ้ม…” หลิงเอ๋อพูดได้แล้ว เธอยื่นมือออกมาขณะที่เธอวิ่งมาหาหานเซิ่น
“ลูกสาวของพ่อ มาให้พ่อหอมแก้มเร็วเข้า” หานเซิ่มยกหลิงเอ๋อขึ้นและหอมเธอที่แก้ม
ในตอนที่หานเซิ่นไม่ได้ถูกจับตัวไป เขาก็มักจะกลับมาที่บ้านเป็นประจำเพื่อพักผ่อน แต่เขาติดอยู่ในคอร์แอเรียเป็นเวลาหลายวัน ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ได้เห็นหน้าครอบครัวเลย
หลิงเอ๋อเป็นเด็กดี หลังจากที่เธอเกิดขึ้นมา เธอไม่ได้ใช้ร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเธออีกเลย นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจ
เด็กกับพลังที่มากเกินไปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เข้ากัน หลิงเอ๋อยังคงไม่รู้ว่าพลังของตัวเองแข็งแกร่งถึงขนาดไหน และเธอก็ยังไม่รู้วิธีที่จะใช้พวกมัน ดังนั้นถ้าเธออารมณ์ไม่ดีขึ้นมา มันก็จะเป็นอะไรที่อันตรายและน่ากลัว
โชคดีที่หลิงเอ๋อมีบุคลิกสงบเสงี่ยมและครอบครัวของเขาก็ดูแลเธอเป็นอย่างดี ดังนั้นมันจึงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในช่วงที่เขาไม่อยู่
หานเซิ่นหวังว่าหลิงเอ๋อจะเติบโตเหมือนกับเด็กปกติทั่วไป เขาอยากให้เธอมีชีวิตวัยเด็กที่เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ เขาไม่อยากให้เธอต้องประสบกับความยุ่งยากของชีวิตเร็วเกินไป
หานเซิ่นพักอยู่ที่บ้านหนึ่งคืน และในวันต่อมาเขาก็ขนถังไวน์กลับเข้าไปในคอร์แอเรีย ตอนนี้จระเข้น้อยอนุญาตให้เขาออกมาได้ นั่นก็หมายความว่าเขาจะออกมาได้อีกครั้งในอนาคต ยังไงซะตอนนี้หานเซิ่นก็ไม่ได้รีบร้อนจะออกไปจากที่นั่น เขาอยากจะใช้เวลาเพื่อตรวจค้นป้อมปราการของคริสตัลไลเซอร์ต่อไปอีกสักพัก
หานเซิ่นกลับเข้าไปในคอร์แอเรีย เมื่อเขามาถึง จระเข้น้อยก็วิ่งเข้ามาหาเขาอย่างเร่งเรียบ มันส่งเสียงคำรามใส่เขาซ้ำๆ บางทีมันอาจจะกำลังบ่นเขาว่าช้าเกินไป
“ที่ข้ามาช้าก็เพราะพยายามตามหาไวน์มาให้กับเจ้า ของดีแบบนี้มันจำเป็นต้องใช้เวลาสักพัก” หานเซิ่นเปิดถังไวน์และปล่อยให้กลิ่นโชยออก
ดวงตาของจระเข้น้อยเป็นประกายขึ้นมา มันหยุดบ่นหานเซิ่นและกระโดดลงไปในถังไวน์
ไอน้ำจำนวนมากออกมาจากถังไวน์ และหลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที ไวน์ก็แห้งเหือดไปจนหมด จระเข้น้อยกระโดดกลับออกมา ก่อนที่หานเซิ่นจะเปิดถังไวน์ต่อไปได้ จระเข้น้อยก็กระโดดเข้าไปข้างในแล้ว
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าจระเข้น้อยไม่ได้ต้องการจะดื่มไวน์ มันเพียงแค่ต้องการอาบน้ำภายในนั้น
“เคยได้ยินว่าผู้หญิงชื่นชอบการอาบน้ำนม แต่ไม่เห็นเคยได้ยินว่าจระเข้ชอบการอาบในไวน์มาก่อนเลย”
หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ขณะที่เขามองดูความตื่นเต้นของจระเข้น้อย เกล็ดของมันร้อนมากๆและไวน์ก็เกือบจะระเหยในทันทีที่จระเข้น้อยกระโดดเข้าไปในถัง
ในเวลาอันสั้นมันกระโดดลงไปในถังไวน์หลายถัง และเมื่อจระเข้น้อยออกมาจากถังไวน์สุดท้าย มันก็คำรามเบาๆใส่หานเซิ่น ดูเหมือนว่ามันยังต้องการเพิ่มอีก มันต้องการให้หานเซิ่นกลับไปเอาไวน์มาเพิ่ม
“นี่เป็นสมบัติที่หาได้ยากมากๆ มันใช้เวลากว่าที่ข้าจะรวบรวมพวกมันมาได้ ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการเพิ่มอีก เจ้าก็ต้องรออีกสักพัก” หานเซิ่นพูด
หานเซิ่นยังมีถังไวน์ในโกดังอีกหลายถัง และเขาสามารถซื้อมาเพิ่มได้เรื่อยๆ แต่เขาไม่อยากจะตามใจจระเข้น้อยจนเกินไป เขาต้องมองการไกลเอาไว้
หานเซิ่นนำไวน์ 2-3 ถังมาให้กับจระเข้น้อยทุกๆวัน มันเพียงพอที่จะทำให้จระเข้น้อยมีความสุข แต่มันไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของจระเข้น้อย
ตอนนี้หานเซิ่นไม่จำเป็นต้องทำงานอีกต่อไปแล้ว จระเข้น้อยแค่ต้องการให้เขานำไวน์มาให้มันทุกวัน แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังคงทำงานเก็บกวาดตามเดิม นั่นเป็นเพราะเขาต้องการจะตรวจสอบป้อมปราการแห่งนี้ให้ทั่ว
แต่ตั้งแต่ที่หานเซิ่นพบกราสเซส เขาก็ไม่พบอะไรอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์อีกเลย นั่นทำให้เขารู้สึกไม่ผิดหวัง เขาทำงานในป้อมปราการเป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่เขาก็ยังไม่พบอะไรที่น่าสนใจ ในระหว่างนั้นกายหยกของเขาก็พัฒนาถึงขั้นที่ 9 และเขาไม่สามารถเพิ่มระดับของมันได้อีกถึงแม้เขาจะกินยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันเข้าไปเพิ่ม
หลังจากนั้นเขาก็หันความสนใจไปที่วิชาโลหิตชีพจรต่อโดยเหลือวิชาเรื่องราวของยีนเอาไว้เป็นลำดับสุดท้าย
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อหดหู่ขึ้นทุกวัน พวกเธอเห็นว่าหานเซิ่นสามารถเข้าออกที่นี่ได้ราวกับเป็นสวนหลังบ้านตัวเอง พวกเธอเองก็อยากจะออกไป แต่ไม่ว่าพวกเธอจะพยายามพูดกับจระเข้ทั้ง 2 ยังไง พวกเธอก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน
พวกเธอพยายามจะใช้การกลับไปเอาไวน์มาเป็นข้ออ้าง แต่จระเข้ระดับเทพเจ้าไม่สนใจอะไรในสิ่งที่พวกเธอเสนอ นี่ทำให้พวกเธอเศร้าใจอย่างมาก
หานเซิ่นไม่รู้ว่าทำไมจระเข้ระดับเทพเจ้าถึงได้ปฏิบัติกับพวกเธอแตกต่างไปจากเขา แต่จริงๆแล้วเขาคิดว่าดีที่พวกเธอทั้ง 2 ยังคงถูกกักตัวอยู่ที่นี่ เพราะถ้าพวกเธอถูกปล่อยตัวออกไป พวกเธอก็อาจจะก่อปัญหาบางอย่างให้กับเขาได้
‘เผ่าเวรี่ไฮนี่ไม่เห็นจะพิเศษตรงไหน พวกเขาจัดการกับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่นตัวหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ พวกเขาคงจะด้อยกว่าเผ่าแอนเชี่ยนท์ก็อต’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
ที่หานเซิ่นคิดแบบนั้นก็เป็นเพราะว่าเขายังไม่รู้ถึงธรรมชาติของเผ่าเวรี่ไฮ ความแข็งแกร่งของเผ่าเวรี่ไฮนั้นไม่ได้อยู่ที่ความสามารถในการต่อสู้เพียงอย่างเดียว พวกเขามีทรัพยากรที่เกือบจะเรียกได้ว่าไม่จำกัด และถ้าสมาชิกของเวรี่ไฮมีชีวิตอยู่นานพอ พวกเขาก็จะกลายเป็นเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลายอย่างง่ายดาย นั่นเหนือกว่าเผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่มาก
เนื่องจากเขายังไม่เจออะไรที่มีค่า ทั้งหมดที่หานเซิ่นบรรลุก็คือการนำไวน์มาให้กับจระเข้น้อย หานเซิ่นนำไวน์มาให้มันเรื่อยๆ แต่จระเข้น้อยไม่เคยดื่มมันเข้าไปสักครั้ง ถึงแม้หานเซิ่นจะร่ำรวยมากสักแค่ไหน มันก็เป็นอะไรที่เจ็บปวดที่ต้องเห็นไวน์ชั้นดีจำนวนมากต้องเสียเปล่า
หานเซิ่นสำรวจจนทั่วป้อมปราการ แต่เขาก็ยังไม่พบอะไรที่มีประโยชน์ เขาหาร่างของแขนที่พบไม่เจอด้วยซ้ำ ดูเหมือนกับว่ามีแค่แขนเท่านั้นที่ถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่
“ดูเหมือนจะถึงเวลาที่เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่” หานเซิ่นไม่คิดจะนำไวน์มาส่งให้กับจระเข้น้อยไปชั่วชีวิต
“มิสเอ็กซ์ควิสิท ท่านบอกว่าคนของท่านจะมาช่วยใช่ไหม? พวกเขาจะมาถึงเมื่อไหร่กัน?” หานเซิ่นพบโอกาสที่จะพูดคุยกับเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อ
“ข้าไม่แน่ใจ มันอาจจะใช้เวลา 2-3 เดือน หรือมันอาจจะใช้เวลาหลายปี” เอ็กซ์ควิสิทพูด
“ทำไมพวกเขาถึงได้ใช้เวลานานขนาดนั้น?” หานเซิ่นแปลกใจ
เอ็กซ์ควิสิทไม่ได้ตอบคำถามของหานเซิ่น จริงๆแล้วสมาชิกของเผ่าเวรี่ไฮมีมนตร์คาถาในร่างกาย ถ้าพวกเขาตกอยู่ในอันตรายหรือได้รับบาดเจ็บ มนตร์คาถาก็จะทำงาน ถ้าพวกเขาตาย มนตร์คาถาก็จะระเบิดตัวเองและคนของพวกเขาก็จะรู้ว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
แต่เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อทั้งไม่ได้รับบาดเจ็บและไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย มนตร์คาถาในตัวพวกเธอจึงยังไม่ทำงาน ด้วยเหตุนั้นผู้คนในเผ่าเวรี่ไฮจึงไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเธอ
แต่หลังจากผ่านไปสักพัก ถ้าพวกเธอยังคงหายตัวไป คนของเธอก็จะเริ่มสังเกตได้ถึงความผิดปกติ พวกเขารู้ว่าเธอไปที่ไหน แต่มันยากที่พวกเขาจะสังเกตถึงการหายตัวไปของเธอ
ในขณะที่ผู้หญิงทั้ง 2 คนกำลังจมอยู่กับความหดหู่ หานเซิ่นก็ตั้งไฟเพื่อย่างห่านกิน เขากินและดื่มขณะที่หยิบผลไม้มาใส่ปาก พวกเธอเองก็อยากจะกินบ้าง
ตอนที่ 2576
ทุกคนนั้นนับถือเผ่าเวรี่ไฮ ไม่ว่าเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อจะไปที่ไหน พวกเธอก็เป็นที่นิยมราวกับดวงดาวและดวงจันทร์
แม้แต่ในตอนที่องค์ชายและองค์หญิงของเอ็กซ์ตรีมคิงพบกับพวกเธอ พวกเขาก็ยังต้องมีมารยาทกับพวกเธอ พวกเขาจะปฏิบัติกับสมาชิกของเวรี่ไฮเหมือนแขกวีไอพีอยู่ตลอดและไม่กล้าจะทำอะไรที่อาจจะล่วงละเมิด
แต่ในตอนนี้จระเข้ปฏิบัติกับพวกเธออย่างกับทาสชั้นต่ำ ขณะที่ดอลลาร์สามารถกินอาหารและดื่มเครื่องดื่มชั้นดีได้ตลอดทั้งวัน เขาไม่ได้พยายามจะช่วยพวกเธอออกไป และเขาก็ไม่เคยแบ่งปันอาหารให้กับพวกเธออีกด้วย
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อไม่ได้นำอาหารติดตัวมาด้วยมากนัก เพราะยังไงซะพวกเธอก็มีก็อตส์วอนเดอร์ พวกเธอสามารถใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นเพื่อไปเอาสิ่งของที่จำเป็นได้ ด้วยเหตุนั้นพวกเธอจึงไม่ได้เอาของที่จำเป็นอย่างอาหารติดตัวมาด้วย ซึ่งตอนนี้พวกเธอก็กินเสบียงที่มีติดตัวจนหมดแล้ว และมันก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นให้พวกเธอกินในที่แห่งนี้ พวกเธอจะมีรอดชีวิตอยู่ได้อีก 2-3 เดือนถ้าใช้พลังงานที่เก็บอยู่ภายในร่างกาย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ยังอยากจะกินอาหารอยู่ดี เพราะยังไงซะมันก็เป็นธรรมชาติของร่างกาย
สภาพของเอ็กซ์ควิสิทดีกว่าหลี่เคอเอ๋ออยู่หน่อย เธอฝึกฝนวิชาเวรี่ไฮเซ้นส์มานานกว่า ซึ่งช่วยให้เธอแยกตัวออกจากความต้องการทางโลก แต่ทว่าหลี่เคอเอ๋ออยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองจากความอยากอาหารได้
“ดอลลาร์ เจ้าขายอาหารให้กับพวกเราได้ไหม?” หลี่เคอเอ๋อถามหานเซิ่น
“เอาสิ เจ้าอยากจะซื้ออะไร? ไก่ย่าง? เป็ดย่าง? เนื้อย่าง? หมูย่าง? ข้ามีทุกอย่างที่เจ้าต้องการ” หานเซิ่นพูดและตกลงจะขายให้กับเธออย่างรวดเร็ว
“ไม่มีความจำเป็นต้องลำบาก แค่ขายผลไม้ให้กับพวกเราก็พอ” หลี่เคอเอ๋อพูดขณะที่มองจานที่เต็มไปด้วยลูกพีชของหานเซิ่น
เผ่าเวรี่ไฮนั้นเหมือนกับเผ่าที่ผสมกันระหว่างเผ่านภาและเผ่ามนุษย์ พวกเขาจะฆ่าถ้าจำเป็น แต่พวกเขาจะไม่ฆ่าโดยไร้เหตุผล พวกเขาไม่ชอบการเอาชีวิตโดยไร้จุดประสงค์
ไก่ที่หานเซิ่นกำลังกินอยู่นั้นส่งกลิ่นหอมออกมา แต่มันไม่ได้ให้พลังงานมากนัก ดังนั้นการกินผลไม้เป็นอะไรที่ดีกว่า
“ผลไม้หนึ่งลูกต่อหนึ่งวิชาจีโน” หานเซิ่นหยิบลูกพีชลูกที่ใหญ่กว่ากำปั้นขึ้นมาและยิ้มให้กับหลี่เคอเอ๋อ
“ทำไมเจ้าไม่ปล้นข้าแทนเลยล่ะ?” ดวงตาของหลี่เคอเอ๋อเบิกกว้างใส่หานเซิ่น เธอไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
ลูกพีชนั้นเป็นผลไม้ซีโน่เจเนอิค แต่มันไม่ได้มีระดับสูงอะไร การแลกผลไม้ลูกหนึ่งกับวิชาจีโนนั้นไม่ต่างอะไรจากการปล้น
“มันขึ้นอยู่กับเจ้า ข้าไม่ได้เป็นคนเสนอการแลกเปลี่ยนนี้”
หานเซิ่นยักไหล่และเริ่มกินลูกพีชในมือ น้ำที่อยู่ภายในลูกพีชไหลออกมา ขณะที่เขากัดมันและกลิ่นหอมก็โชยออกมา
“โอเค ผลไม้จานนั้นกับวิชาจีโน ข้าจะทำแลกเปลี่ยน”
หลี่เคอเอ๋อกัดฟันและคิดกับตัวเอง ‘พวกเราเวรี่ไฮมีวิชาจีโนอยู่มากมาย ข้ารู้เกี่ยวกับพวกมันมากพอที่จะฆ่าเจ้าได้ ถ้าข้าแค่มอบวิชาธรรมดาๆให้กับเจ้าทีละวิชา ข้าก็จะได้ผลไม้มาทั้งหมด’
“เดี๋ยวก่อน ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง วิชาจีโนที่เจ้ามอบให้กับข้าจะต้องเป็นวิชาที่ข้าไม่เคยเรียนรู้มาก่อน” หานเซิ่นพูด
เขากำลังใช้ประโยชน์จากพวกเธอ และเขาก็ไม่ได้รู้สึกเห็นใจพวกเธอขณะที่ทำแบบนั้น
หานเซิ่นเชื่อว่าพวกเธอเป็นเผ่านภา ดังนั้นเขาจึงไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือพวกเธอ แต่ตอนนี้เขาได้รู้ว่าพวกเธอมาจากเผ่าเวรี่ไฮ ซึ่งทำให้ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไป
สมาชิกของเผ่าเวรี่ไฮที่เข้ามาในคอร์แอเรียไม่มีความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากเขาในการฆ่าไตรพอดทองแดงหรือซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงรู้ว่าพวกเธอต้องมีจุดประสงค์อย่างอื่นเมื่อคำนึงถึงการปฏิบัติตัวของพวกเธอขณะที่ร่วมเดินทางกับเขา
ถ้าพวกเธอมีจุดประสงค์แอบแฝงอยู่ เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีมารยาทกับพวกเธอ เขาจะใช้ประโยชน์จากพวกเธอโดยไม่รู้สึกผิด
ถ้าหานเซิ่นไม่ได้รู้ว่าพวกเธอเป็นใคร เขาก็คงจะมอบผลไม้ให้กับพวกเธอแบบฟรีๆ เพราะยังไงซะผลไม้ก็ไม่ได้มีค่าอะไรมากสำหรับเขา
“ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าวิชาไหนเจ้าเคยเรียนรู้มาแล้ว และข้าจะรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่เจ้าเรียนรู้ได้และอะไรที่เจ้าเรียนรู้ไม่ได้?” หลี่เคอเอ๋อเบะปาก
“บอกชื่อวิชาจีโนและบอกว่ามันใช้ทำอะไรได้ ข้าจะตัดสินมันด้วยตัวเอง” หานเซิ่นพูด
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเจ้าเคยได้ยินวิชาจีโนโลหิตมังกรพิชิตมารหรือเปล่า? ข้าจะแลกวิชาจีโนนั้นกับลูกพีชของเจ้า” หลี่เคอเอ๋อพูด
วิชาโลหิตมังกรพิชิตมารเป็นวิชาจีโนลับของเผ่าดราก้อน คนนอกไม่ได้รับอนุญาตให้อ่านและเรียนรู้มัน แต่ทว่าเผ่าเวรี่ไฮเป็นข้อยกเว้นของกฎนั้น
เผ่าเวรี่ไฮเคยเลือกสมาชิกหลายคนของเผ่าดราก้อนไปเป็นตัวไหมและหลายๆคนก็มีความรู้เกี่ยวกับวิชาโลหิตมังกรพิชิตมาร เผ่าเวรี่ไฮสัมผัสได้ถึงความคืบหน้าในวิชาโลหิตมังกรพิชิตมารของพวกเขาและรู้ถึงความลับของมัน
ความจริงแล้ววิชาลับของเผ่าพันธุ์อื่นทุกเผ่าพันธุ์เองก็เช่นกัน ความลับของวิชาจีโนไม่ได้มีความหมายต่อเผ่าเวรี่ไฮ เพราะพวกเขาสามารถมองทะลุได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
เผ่าเวรี่ไฮมีกฎห้ามสอนผู้อื่นเกี่ยวกับวิชาที่พวกเขาสะสม พวกเขามีวิชาจีโนมากมายของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในนัยหนึ่งเผ่าพันธุ์ของพวกเขาก็เป็นเหมือนกับสารานุกรมของวิชาจีโน
แต่ไม่สำคัญว่าเธอจะมีวิชาจีโนอยู่มากเท่าไหร่ หลี่เคอเอ๋อจะไม่ขายพวกมันไปง่ายๆ เธอรู้ว่าในไม่ช้าเธอจะเอาตัวหานเซิ่นไปเป็นตัวไหมของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้กังวลอะไรมาก
ถึงอย่างนั้นสำหรับตอนนี้หลี่เคอเอ๋อคิดจะเสนอวิชาของคนนอกไปก่อน เธอไม่คิดจะแพ่งพรายวิชาลับที่เป็นของเผ่าเวรี่ไฮ
แถมวิชาโลหิตมังกรพิชิตมารจำเป็นต้องใช้เลือดของเผ่าดราก้อนเพื่อฝึก เธอตัดสินใจเลือกวิชานี้ก็เพราะเธอไม่คิดว่าหานเซิ่นจะฝึกมันได้ เธอต้องการทำให้เขาผิดหวัง
“ตกลง ข้ายอมรับวิชาโลหิตมังกรพิชิตมาร” หานเซิ่นตกลงอย่างรวดเร็วและโยนลูกพีชให้กับเธอ
หานเซิ่นเคยเห็นดราก้อนวันใช้โลหิตมังกรพิชิตมาร และเขาก็คิดว่ามันเป็นวิชาจีโนที่พอใช้ได้ มันคล้ายคลึงกับเซฟวิ่งมันนี่ของเขา เขาไม่รู้ว่าจะฝึกมันได้หรือเปล่า แต่เพียงแค่ได้ฟังเกี่ยวกับมันก็เป็นอะไรที่มีประโยชน์แล้ว
“เจ้าต้องการจะเรียนวิชาโลหิตมังกรพิชิตมากจริงๆอย่างนั้นหรอ?”
หลี่เคอเอ๋อตกใจ หลังจากนั้นเธอก็จำได้ว่าด้วยเหตุผลบางอย่างดอลลาร์สามารถเรียนรู้วิชาบิ๊กเดสทรอยเยอร์ได้ เมื่อคิดได้แบบนั้นเธอก็คำนึงถึงความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะเรียนรู้วิชาโลหิตมังกรพิชิตมารได้สำเร็จ นั่นทำให้เธอรู้สึกลังเลขึ้นมา
เผ่าเวรี่ไฮเคร่งครัดในกฎของพวกเขา ถึงแม้พวกเขาจะมีวิชาจีโนเป็นพันๆวิชาและหลายๆวิชามาจากเผ่าพันธุ์อื่น แต่พวกเขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้แพ่งพรายพวกมันออกไปอยู่ดี การสอนวิชาจีโนธรรมดาอาจจะไม่เป็นไร แต่วิชาโลหิตมังกรพิชิตมารนั้นเป็นวิชาลับของเผ่าดราก้อน ถ้าความลับของวิชาถูกแพ่งพรายออกมา มันก็จะส่งผลกระทบต่อเผ่าดราก้อน นั่นเป็นบางสิ่งที่เผ่าเวรี่ไฮไม่อยากจะเห็น
“เจ้าแค่พูดไปเรื่อยๆเพื่อให้ได้ผลไม้อย่างนั้นหรอ? นี่เจ้าลังเลเพราะจริงๆแล้วเจ้าไม่รู้เกี่ยวกับวิชาโลหิตมังกรพิชิตมารอย่างนั้นใช่ไหม?”
หานเซิ่นลังเล สีหน้าของเขาดูเหมือนบางสิ่งที่เหมือนรอยยิ้ม แต่มันไม่รื่นรมย์เลยสักนิดเดียว
“แน่นอนว่าข้ารู้เกี่ยวกับวิชาโลหิตมังกรพิชิตมาร แต่ว่า…” หลี่เคอเอ๋อรู้ว่าหานเซิ่นกำลังยั่วยุเธอ แต่เธอก็ยังคงลังเล
“ทำการแลกเปลี่ยน” เอ็กซ์ควิสิทพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“พี่สาม ข้าไม่แน่ใจว่านั่นจะเป็นความคิดที่ดี” หลี่เคอเอ๋อพูดกับเอ็กซ์ควิสิท
“ไม่เป็นไร ข้าอยากเห็นว่าเขาจะเรียนรู้วิชาโลหิตมังกรพิชิตมารได้หรือเปล่า” เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างเรียบง่าย ดวงตาของเธอดูแปลกๆ
หลี่เคอเอ๋อพยักหน้าและหันกลับไปที่หานเซิ่น “ได้ ข้าจะแลกวิชาโลหิตมังกรพิชิตมารกับผลไม้ ฟังให้ดีๆเพราะข้าจะบอกเจ้าแค่ครั้งเดียว”
หานเซิ่นตั้งใจฟังวิชาที่หลี่เคอเอ๋อเริ่มทำการอธิบาย เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะฝึกมันได้หรือเปล่า แต่เขารู้ว่าวิชาโลหิตมังกรพิชิตมารนั้นเป็นวิชาจีโนคุณภาพสูง
ตอนที่ 2577
หานเซิ่นยังอยากจะทำการแลกเปลี่ยนเพิ่มอีก แต่หลังจากผลไม้ลูกเดียว หลี่เคอเอ๋อก็ไม่คิดจะทำการแลกเปลี่ยนอีก
หานเซิ่นยังคงไม่มีเวลาฝึกวิชาโลหิตมังกรพิชิตมาร เขาจำเป็นต้องคิดแผนการที่จะหนีออกไปจากป้อมปราการแห่งนี้ซะก่อน แถมเขาก็เริ่มจะใกล้ชิดกับจระเข้น้อย ตอนนี้มันพึ่งพาหานเซิ่นในการอยู่รอด และมันก็ติดใจไวน์ของหานเซิ่นอย่างเลิกไม่ได้
หลี่เคอเอ๋อจ้องหานเซิ่นที่ตอนนี้กำลังนอนอาบแดดอยู่ข้างๆจระเข้น้อย ในขณะที่พวกเขากำลังอาบแดดอยู่นั้น หลี่เคอเอ๋อก็ต้องเทไวน์ให้กับพวกเขา
พวกเธอและหานเซิ่นถูกจับมาด้วยกัน แต่แล้วเธอกลับถูกบังคับให้รับใช้หานเซิ่น นั่นทำให้เธอรู้สึกโกรธมากๆ
“เฮ้ จระเข้น้อย สนใจจะออกไปดูโลกภายนอกไหม? โลกภายนอกนั้นดีกว่าที่นี่เป็นไหนๆ มันมีสาวสวยและไวน์จำนวนมาก เจ้าอาจจะหาจระเข้แสนสวยที่มีผิวเรียบเนียนได้ และด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า สาวก็ต้องตีกันเพื่อแย่งเจ้า เจ้าจะกลายเป็นจระเข้ที่มีชื่อเสียงในโลกภายนอก” หานเซิ่นพยายามจะโน้มน้าวจระเข้น้อยให้ออกไปจากป้อมปราการ
ศาสตร์ตงเสวียนของหานเซิ่นไม่ได้อ่านสิ่งมีชีวิตอื่นได้ดีเหมือนอย่างเวรี่ไฮเซ้นส์ แต่หลังจากที่เขาอยู่ที่นี่สักพักใหญ่ เขาก็เริ่มจะเข้าใจพฤติกรรมของจระเข้น้อย และพวกเขาก็ทำการสื่อสารกันได้
ภายใต้การโน้มน้าวของหานเซิ่น จระเข้น้อยค่อยๆอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับโลกภายนอกมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าจระเข้น้อยอยู่ตามลำพังล่ะก็ หานเซิ่นก็คงจะพามันออกไปเรียบร้อยแล้ว
แต่จระเข้น้อยยังเด็กเกินไป ด้วยเหตุนั้นจระเข้ตัวใหญ่จึงไม่มีทางยอมปล่อยให้มันออกไปข้างนอก ซึ่งหานเซิ่นก็ไม่สามารถไปบังคับอะไรมันได้
แต่ทว่าหานเซิ่นเห็นโอกาส จระเข้ระดับเทพเจ้าใหญ่นั้นจะออกไปจากป้อมปราการเป็นครั้งคราว ซึ่งในระหว่างนั้นจระเข้น้อยจะรับหน้าที่จับตาดูนักโทษ ถ้าพวกเขาพยายามจะหนีหรือก่อปัญหา จระเข้น้อยก็จะเรียกให้จระเข้ระดับเทพเจ้าใหญ่รีบกลับมา
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อพยายามจะหนีอยู่หลายครั้ง แต่พวกเธอก็ถูกจับตัวกลับมาเสมอ
หานเซิ่นไม่ได้พยายามจะหนี เขาพยายามเกลี้ยกล่อมจระเข้น้อยแทน ถ้าเขาโน้มน้าวมันได้สำเร็จ การจะหนีไปก็เป็นเรื่องง่ายๆ
จระเข้น้อยได้ฟังหานเซิ่นบรรยายถึงโลกภายนอกอยู่เป็นประจำ และมันก็รู้สึกสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มันไม่รู้ว่าโลกที่หานเซิ่นบรรยายจริงๆแล้วอยู่ไกลขนาดไหน โลกที่เขากำลังพูดถึงคือโลกภายนอกคอร์แอเรีย เขากำลังพูดเกี่ยวกับจักรวาลจีโน ซึ่งเป็นสถานที่ที่สิ่งมีชีวิตภายในคอร์แอเรียไม่สามารถไปได้
แน่นอนว่าจระเข้น้อยไม่เข้าใจถึงธรรมชาติของคอร์แอเรีย แต่ตอนนี้มันไม่สามารถเก็บความอยากจะออกไปสู่โลกภายนอกได้ มันรู้สึกพร้อมที่จะออกเดินทาง
มันเคยลองออกไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่มันไม่ได้ไปไกลนัก ครั้งนี้หานเซิ่นโน้มน้าวให้มันตัดสินใจอย่างแน่วแน่ และมันก็ส่งเสียงคำรามใส่เขาอย่างตื่นเต้นให้เขารีบหนีไปกับมัน
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋ออึ้งไป พวกเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหานเซิ่นจะหลอกให้จระเข้น้อยออกไปจากป้อมปราการแบบนั้น
“โกหกกับเด็ก ไร้จิตสำนึก!” หลี่เคอเอ๋อไม่คิดว่านั่นเป็นอะไรที่ถูกต้อง
“จระเข้น้อย พวกเราพาพวกเจ้าไปด้วยเถอะ ไม่อย่างนั้นมันก็จะไม่มีใครคอยรับใช้เจ้า” หานเซิ่นชี้ไปที่หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิท
นั่นไม่ได้ใช้ความพยายามอะไรมาก แถมเขายังจะสร้างบุญคุณกับพวกเธออีกด้วย
จระเข้น้อยส่งเสียงตอบตกลง หลังจากนั้นมันก็เริ่มบินเข้าไปในทะเลลาวาอันร้อนแรง
หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทดีใจ หลี่เคอเอ๋อเพิ่งจะต่อว่าหานเซิ่นที่หลอกเด็ก แต่ตอนนี้เธอรู้สึกขอบคุณ
พลังของจระเข้น้อยนั้นไม่ได้ดีเหมือนอย่างพลังของจระเข้ระดับเทพเจ้าใหญ่ หานเซิ่นและคนอื่นๆจำเป็นต้องอยู่ใกล้กับมันเข้าไว้ พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งการปกป้องจากโซ่สสารของมันเพื่อไม่ให้ถูกละลายโดยความร้อนของทะเลลาวา
พวกเขาใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะออกมาจากถ้ำ หานเซิ่นและจระเข้น้อยสอดแนมบริเวณรอบๆอย่างระมัดระวัง เมื่อพวกเขาเห็นว่าจระเข้ระดับเทพเจ้าใหญ่ไม่อยู่แถวนี้ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
“ไปกันเถอะ! ประตูที่จะพาไปสู่โลกใบใหม่ที่สวยงามกำลังเปิดรอเจ้าอยู่ เจ้าจะได้รับไวน์ จระเข้สาวและความรักความหลงใหลจากเผ่าพันธุ์ต่างๆ”
หานเซิ่นเห็นว่าจระเข้น้อยดูกังวลเล็กน้อย มันมองกลับไปที่ถ้ำด้วยความลังเล ดังนั้นเขาจึงพยายามจะผลักดันมันอีกหน่อย
จระเข้น้อยดูผ่อนคลายขึ้นมาและมันกระโดดเข้าไปในมือของหานเซิ่น มันดูตื่นเต้นที่จะได้ออกไปสู่โลกภายนอก
“มันเป็นแค่เด็กและง่ายที่จะถูกหลอก” หานเซิ่นพึงพอใจกับตัวเอง เขาเริ่มบินขึ้นและหนีออกไปจากดวงดาว ส่วนเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อก็ตามหานเซิ่นไปจากด้านหลัง
พวกเขาหนีไปจากดวงดาวได้ไม่ไกลมากนัก เตาหลอมทองแดงก็เข้ามาหาพวกเขา มันรอหานเซิ่นอย่างอดทน ซึ่งทำให้เขาแปลกใจอย่างมาก เขาคิดว่ามันอาจจะไปที่อื่นแล้ว
เตาหลอมทองแดงส่งเสียงดังขณะที่มันเข้ามาหาพวกเขา ในตอนแรกจระเข้น้อยจึงคิดว่ามันเป็นศัตรูและปล่อยโซ่สสารแรงโน้มถ่วงเข้าไปจับตัวเตาหลอมทองแดงเอาไว้ เตาหลอมทองแดงตกใจและเริ่มส่งเสียงกรีดร้องออกมา
“หยุด เขาเป็นพวกเดียวกับเรา! เขาเป็นคนของพวกเรา” หานเซิ่นรีบอธิบายกับจระเข้น้อย
จระเข้น้อยปล่อยเตาหลอมทองแดงไป เนื่องจากความจริงที่ว่าจระเข้น้อยยังคงนอนอยู่บนหัวของหานเซิ่น เตาหลอมทองแดงจึงไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี
“ไปกันเถอะ พวกเราควรจะรีบหนีไปจากที่นี่”
หานเซิ่นไม่รู้ว่าจระเข้ระดับเทพเจ้าใหญ่ไปที่ไหนกันแน่ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจำเป็นต้องหนีไปให้ไกลที่สุด
การเดินทางของพวกเขาเป็นไปอย่างราบรื่น และจระเข้ระดับเทพเจ้าใหญ่ก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาให้เห็น พวกเขาพาจระเข้น้อยไปกับพวกเขาขณะที่เทเลพอร์ตหนีไปหลายระบบจักรวาล พวกเขาโชคดีที่ไม่ได้ไปเจอกับจระเข้ระดับเทพเจ้าใหญ่ในระหว่างการเดินทาง
“พวกเราเป็นอิสระแล้ว!” หลี่เคอเอ๋อไม่อยากเชื่อเลยว่าจะหนีออกมาได้ง่ายๆแบบนั้น
จระเข้น้อยมีศักยภาพที่สูง แต่สำหรับตอนนี้มันยังเป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมีทีฟ มันไม่สามารถจับตัวพวกเขาได้ง่ายๆเหมือนอย่างที่จระเข้ระดับเทพเจ้าใหญ่ทำ หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทสามารถเทเลพอร์ตหนีไปเมื่อไหร่ก็ได้ที่พวกเธอต้องการ
จระเข้น้อยมองมาที่หานเซิ่นและส่งเสียงออกมา เหมือนกับว่ามันกำลังถามว่า “ไวน์อยู่ที่ไหน? ผู้คนอยู่ที่ไหนกัน?”
“อย่าเพิ่งรีบร้อน พวกเราเพิ่งจะออกมา พวกเรายังต้องเดินทางอีกไกล”
หานเซิ่นจำเป็นต้องทำให้จระเข้น้อยใจเย็นลง และขณะที่เขากำลังคิดหนทางที่จะกำจัดมัน เขาก็สะดุ้งขึ้นมา
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อเองก็ชะงักไปเช่นกัน พวกเธอสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่เลวร้ายที่กำลังตรงเข้ามา
“จระเข้ระดับเทพเจ้าใหญ่กำลังไล่ตามมาอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นหันไปทางที่พลังที่น่าสะพรึงกลัวนั้นกำลังตรงเข้ามาและเห็นซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งกำลังตรงเข้ามาหาพวกเขา
“นั่นเป็นซีโน่เจเนอิคอะไรกัน?” หานเซิ่นจ้องไปที่มันและเห็นว่ามันไม่ใช่จระเข้ระดับเทพเจ้า มันเป็นงูขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนกับมังกร
งูมีความยาวกว่าร้อยเมตร และหัวของมันก็เหมือนกับงูเห่า แต่บนคอของมันมีแถวดวงตาสีเขียวอยู่ข้างละ 3 ดวงด้วยกัน
“เทพงูหกคอร์ระดับเทพเจ้า?” เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋ออุทานออกมา เมื่อดูจากท่าทางตกใจของพวกเธอแล้ว ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวนั้นต้องเป็นซีโน่เจเนอิคที่พิเศษ
ตอนที่ 2578 งูหกคอร์ระดับเทพเจ้า
เมื่อหานเซิ่นมองดูดีๆ เขาก็รู้สึกตัวว่าจริงๆวงกลมที่คองูนั้นไม่ใช่ดวงตา พวกมันเป็นฟันเฟืองที่กำลังหมุนอยู่ แต่เขาไม่รู้ว่า 6 ฟันเฟืองนั้นทำอะไรได้
“เร็วเข้า พวกเราต้องรีบไป!” หลี่เคอเอ๋อตะโกนบอกหานเซิ่นขณะที่เธอกำลังจะใช้ก็อตส์วอนเดอร์เพื่อหนีไป
แต่ก่อนที่เธอจะเทเลพอร์ตหนีไปได้ เธอก็เห็นว่าอวกาศรอบๆตัวนั้นได้พลิกผันเรียบร้อยแล้ว ทั้งจักรวาลนั้นดูเหมือนกับว่ามันกำลังหมุนราวกับวังวน
หานเซิ่นเองก็พยายามจะเทเลพอร์ตหนีไป แต่เขาพบว่าไม่สามารถฉีกอวกาศและหนีไปได้เหมือนอย่างทุกที มันเหมือนกับว่าเขาสูญเสียการเชื่อมต่อกับโลกภายนอก
“โอ้ไม่นะ! พวกเราถูกขังอยู่ใน 6 อวกาศ ภายใน 6 อวกาศ ทุกอวกาศจะเป็นไปตามกฎที่ถูกตั้งโดยงูหกคอร์ระดับเทพเจ้า พลังธาตุอวกาศจะใช้งานภายในนี้ไม่ได้” หลี่เคอเอ๋อตกตะลึง
แต่หานเซิ่นไม่ได้หวาดกลัวศัตรูตัวนี้ เขาสังเกตเห็นว่างูหกคอร์จ้องมาที่บริเวณหัวของเขา เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของมันคือจระเข้น้อย
จระเข้น้อยยังเด็กมากๆ และมันยังคงไม่รู้ถึงความกลัว ดังนั้นเมื่อเห็นงูหกคอร์จ้องมาที่มัน เจ้าตัวน้อยก็แค่จ้องกลับไปเท่านั้น หลังจากนั้นมันก็ยังส่งเสียงคำรามใส่งูหกคอร์ระดับเทพเจ้าอย่างภาคภูมิ
หานเซิ่นรู้ว่าจระเข้น้อยกำลังออกคำสั่งให้เจ้างูนั้นมาเป็นลูกน้องของมัน
งูหกคอร์ดูเหมือนจะเข้าใจและมันก็คำรามกลับมาด้วยความโกรธ มันอ้าปากและปลดปล่อยโซ่สสารออกมา พวกมันพุ่งตรงเข้าไปหาจระเข้น้อยเหมือนกับแสงออโรราในอวกาศ
หานเซิ่นรีบหลบ ขณะที่จระเข้น้อยก็บินออกไปข้างหน้า มันคิดจะจัดการกับงูหกคอร์นี้ด้วยตัวเอง มันอยากจะสั่งสอนบนเรียนให้กับงูยักษ์ตัวนี้
ที่มันตัดสินใจแบบนี้ก็เป็นเพราะการชมของหานเซิ่นอย่างไม่ต้องสงสัย หานเซิ่นพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ามันแข็งแกร่งอย่างโน้นอย่างนี้ เขายังพูดอีกว่าทุกเผ่าพันธุ์จะปฏิบัติกับมันราวกับเป็นพระเจ้า และทุกสิ่งมีชีวิตนั้นต้องการเป็นลูกน้องของมัน
จระเข้น้อยที่ไร้เดียงสาจึงคิดไปว่าแม่ของมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลและตัวมันเป็นอันดับที่ 2 มันคิดว่าสิ่งมีชีวิตอื่นต้อยต่ำกว่าเมื่อเทียบกับพวกมัน ดังนั้นมันจะไม่ทนต่อการล่วงละเมิดของงูหกคอร์
หานเซิ่นหนีไปได้ไม่ไกลก่อนจะหยุด เขาอยากจะดูการต่อสู้ระหว่างงูและจระเข้
“จระเข้น้อยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของงูหกคอร์ พวกเราควรจะรีบหนีไปในตอนนี้ก่อนที่มันจะสายเกินไป” เอ็กซ์ควิสิทพูดเมื่อเห็นหานเซิ่นหยุดไป
“พลังของจระเข้น้อยควรจะแข็งแกร่งเท่ากับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟไม่ใช่หรอ? ซีโน่เจเนอิคตัวอื่นในคอร์แอเรียจะแข็งแกร่งกว่ามันไปได้ยังไง?” หานเซิ่นถาม
“งูหกคอร์ระดับเทพเจ้าเป็นหนึ่งในซีโน่เจเนอิคที่แข็งแกร่งที่สุดในคอร์แอเรีย” หลี่เคอเอ๋ออธิบาย
“มันอาจจะไม่แข็งแกร่งเท่าจระเข้ตัวแม่ แต่มันแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ขั้นพริมิทีฟจะแข็งแกร่งได้ แถมพลังอวกาศของมันก็ยังเป็นอะไรที่น่ากลัว ซึ่งเมื่อรวมกับประสบการณ์การต่อสู้ที่มากกว่าแล้ว จระเข้ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาก็คงจะไม่มีโอกาสเอาชนะมันได้”
ปัง!
สิ่งที่หลี่เคอเอ๋อพูดเป็นจริงขึ้นมาในทันที มันมีเสียงดังขึ้นมาและเมื่อหานเซิ่นหันไปมอง เขาก็เห็นว่าจระเข้น้อยถูกส่งกระเด็นออกไปโดยงูหกคอร์ระดับเทพเจ้า จระเข้น้อยกลิ้งผ่านอวกาศไปจนกระทั่งไปชนเข้ากับดาวดวงหนึ่งและทำให้ดาวดวงนั้นระเบิด
“แข็งแกร่งจริงๆ!” หานเซิ่นพาเตาหลอมทองแดงไปด้วยขณะที่บินหนีไป อวกาศรอบๆพวกเขาตกอยู่ภายใต้การควบคุมของงูหกคอร์ ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถเทเลพอร์ตหนีไปได้ แม้แต่เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อก็ยังถูกบังคับให้บินแทนที่จะเทเลพอร์ต
อวกาศด้านหลังของพวกเขาดูเหมือนจะครวญครางด้วยเสียงประหลาด หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง และเมื่อหันกลับไป เขาก็เห็นใบหน้าที่ปูดบวมและเปลี่ยนสีของจระเข้น้อย มันเริ่มจะร้องไห้ออกมา
“ขอโทษนะจระเข้น้อย เจ้าเอาชนะมันไม่ได้ และข้าเองก็ทำไม่ได้เช่นกัน อย่างน้อยเจ้าก็เป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า เจ้าควรจะรีบหนีไปในขณะที่ยังมีโอกาส อย่าได้มาโทษข้า พวกเราไม่ได้โหดร้ายกับเจ้า เจ้าจับพวกเราไปเป็นตัวประกันจำได้ไหม? พวกเราเป็นศัตรูกัน” หานเซิ่นพูดขณะที่บินต่อไป
หานเซิ่นตามผู้หญิงเผ่าเวรี่ไฮทั้ง 2 ไป แต่ความรู้สึกเสียใจที่คาดไม่ถึงเข้ามาในหัวใจของเขา เขาคิดว่าดวงตาที่กำลังร้องไห้ของจระเข้น้อยนั้นมีความหมายสำหรับเขา
“ทำไมงูหกคอร์ระดับเทพเจ้าถึงต้องการจะฆ่าจระเข้น้อย?” หานเซิ่นถามหลี่เคอเอ๋อขณะที่กำลังบินไป
“งูหกคอร์ระดับเทพเจ้าเป็นหนึ่งในคอร์ซีโน่เจเนอิคที่วิวัฒนาการได้ยาก เดิมทีชื่อของมันไม่ใช่งูหกคอร์ มันเคยถูกรู้จักกันในชื่องูสองคอร์ เมื่อก่อนคอของมันมีแค่ 2 ฟันเฟืองเท่านั้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มันกินยีนคอร์ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าเข้าไป มันก็จะสร้างฟันเฟืองอีกอันขึ้นมา ตอนนี้มันมีถึง 6 คอร์ด้วยกัน ดังนั้นพลังของมันควรจะเหนือกว่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าพริมิทีฟส่วนใหญ่ แถมมันยังมีพลังธาตุอวกาศที่น่ากลัว มันไม่เหมือนกับขุนพลเกราะทองหรือคอร์ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวอื่นๆ” หลี่เคอเอ๋ออธิบาย
“นี่งูหกคอร์ไม่มีจุดอ่อนเลยหรือยังไง?” หานเซิ่นถาม
“มันก็มีอยู่ ถึงมันจะแข็งแกร่งมาก แต่คอร์ซีโน่เจเนอิคจะมีจุดอ่อนอยู่เสมอ ซึ่งงูหกคอร์ระดับเทพเจ้าเองก็เช่นกัน จุดอ่อนของมันคือฟันเฟืองพวกนั้น ฟันเฟือง 4 อันของมันได้มาจากการกินซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า 4 ตัวเข้าไป พวกมันไม่ได้ดีเหมือนอย่างฟันเฟืองดั้งเดิม นั่นคือจุดอ่อนของมัน” หลี่เคอเอ๋อพูด
“พวกเจ้าล่วงหน้ากันไปก่อน” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็ตัดสินใจบินกลับไป
“นี่เจ้ากำลังจะทำอะไร?” หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทถามด้วยความสับสน พวกเธอไม่รู้ว่าหานเซิ่นมีแผนจะทำอะไร
“พวกเจ้าหนีไปกันก่อนเลย ข้าจะกลับไปดูมัน” หานเซิ่นพูด เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติในหัวใจ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจกลับไป
“นี่เขาคิดจะไปช่วยจระเข้น้อยอย่างนั้นหรอ?” หลี่เคอเอ๋อมองหานเซิ่นบินกลับไป เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าสิ่งที่เธอพูดจะเกิดขึ้นจริง
“เขาถูกควบคุมโดยอารมณ์ของตัวเองมากเกินไป แบบนั้นเขาจะตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอยู่เสมอ ถึงแม้พรสวรรค์ของเขาจะสุดยอด แต่เขาอันตรายเกินไปที่จะรับไปในฐานะตัวไหม” เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างไร้ความรู้สึก
“แต่ถ้าข้าถูกกักขังและหนีออกมาไม่ได้ ข้าก็หวังว่าจะมีใครสักคนที่ถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ความรู้สึกทำให้พวกเขาต้องการมาช่วยข้า” หลี่เคอเอ๋อพูดด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
“ทุกคนจะต้องตายด้วยทัศนคติแบบนั้น การฝึกวิชาเวรี่ไฮเซ้นส์ของเจ้าจะไปได้ไม่ไกล” เอ็กซ์ควิสิทขมวดคิ้ว
จระเข้น้อยถูกจับตัวไปโดยโซ่สสารอวกาศ แต่ต้องขอบคุณที่ร่างกายของมันแข็งแกร่งเกินกว่าที่โซ่สสารจะเจาะเข้าไปในเกล็ดได้ โซ่สสารฟาดใส่มันซ้ำๆ แต่พวกมันแค่ทำให้จระเข้น้อยมีเลือดไหลออกมาเท่านั้น
งูหกคอร์จ้องมองไปที่จระเข้น้อยราวกับปีศาจที่หิวกระหาย โซ่สสารของมันฟาดใส่จระเข้น้อยอย่างบ้าคลั่ง
จระเข้น้อยยังคงส่งเสียงร้องออกมาขณะที่ร่างกายของมันเต็มไปด้วยบาดแผล
พลังของจระเข้น้อยไม่สามารถทำลายโซ่สสารอวกาศได้ เลือดไหลออกมาจากร่างกายของมัน ถึงแม้มันจะไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก แต่มันกำลังอยู่ในความเจ็บปวด น้ำตาไหลลงมาจากใบหน้าของมันเหมือนกับเม็ดฝน
ตอนที่ 2579 ต่อสู้กับงูหกคอร์ระดับเทพเจ้า
ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของจระเข้น้อยแข็งแกร่งกว่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าทั่วไปล่ะก็ ร่างกายของมันก็คงจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆโดยงูหกคอร์ระดับเทพเจ้าไปเรียบร้อยแล้ว
น่าเสียดายที่จระเข้น้อยยังเด็ก ร่างกายของมันจึงไม่แข็งแกร่งพอที่จะต้านทานความเสียหายจากพลังธาตุอวกาศของงูหกคอร์ เมื่อเวลาผ่านไป บาดแผลปรากฏขึ้นบนร่างกายของมันมากขึ้นเรื่อยๆ
งูหกคอร์ใช้โซ่สสารอวกาศฟาดใส่ร่างของจระเข้น้อยอยู่นาน และสุดท้ายมันก็รู้สึกเบื่อที่จะทำแบบนั้น มันอ้าปากและเขี้ยวที่น่ากลัวของมันกำลังจะกัดลงมาที่จระเข้น้อย
ดวงตาของจระเข้น้อยเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว น้ำตาไหลออกมาขณะที่มันพยายามจะดิ้นรนจากการจับกุมของงูหกคอร์ แต่ภายใต้โซ่สสารอวกาศที่น่ากลัว จระเข้ตัวน้อยไม่มีหวังจะหนีไปได้ เขี้ยวของงูหกคอร์กำลังจะกัดลงไปบนตัวของมัน
ปัง!
ทันใดนั้นมีเสาโลหะพุ่งเข้ามาถูกหนึ่งในฟันเฟืองสีเขียวของงูหกคอร์ ทำให้งูหกคอร์กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
จระเข้น้อยเห็นเสาโลหะขนาดใหญ่แทงเข้าไปในฟันเฟืองที่เหมือนกับดวงตา หานเซิ่นอยู่ด้านหลังเสาโลหะเสานั้น และเขาก็ชกใส่เสาเพื่อจะผลักดันให้มันแทงลึกเข้าไปอีก
จระเข้น้อยทั้งดีใจและแปลกใจ งูหกคอร์กรีดร้องอย่างเจ็บปวดและโซ่สสารอวกาศของมันที่จับตัวจระเข้น้อยอยู่ก็หลวมไป แสงสีดำส่องออกมาจากจระเข้น้อยและมันก็หนีจากการจับกุมของโซ่สสารได้สำเร็จ
หานเซิ่นยังคงชกใส่เสาสกายก็อตที่เขาขโมยมาจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงอย่างไม่หยุด เขาไม่สามารถใช้พลังทั้งหมดของมันได้ แต่การโจมตีของเขาจนถึงตอนนี้ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพ เขาดันเสาโลหะเข้าไปในฟันเฟืองจนกระทั่งฟันเฟืองแตกร้าว ด้วยเสาสกายก็อตที่แทงทะลุเข้าไป ฟันเฟืองก็ไม่สามารถหมุนได้อีกต่อไป
น่าเสียดายที่หานเซิ่นไม่ใช่ระดับเทพเจ้า ไม่อย่างนั้นด้วยพลังระดับเทพเจ้ารวมกับเสาสกายก็อต การโจมตีของเขาก็คงจะทำลายฟันเฟืองของงูหกคอร์ได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร
งูหกคอร์ระดับเทพเจ้าลดหัวลงและสังเกตเห็นหานเซิ่น มันคำรามด้วยความโกรธ และร่างกายของมันก็ปลดปล่อยโซ่สสารจำนวนมากออกมาเหมือนกับงู พวกมันตรงเข้าไปหาหานเซิ่น
แต่ละโซ่สสารนั้นดูเหมือนจะฉีกมิติอวกาศขณะที่พุ่งเข้ามา มันเป็นเหมือนกับวิชาตัดอวกาศ ถ้าร่างกายของหานเซิ่นไม่สามารถทนต่อพลังของพวกมันได้ เขาก็จะถูกฉีกขาดเป็นชิ้นโดยพลังของโซ่สสาร
หานเซิ่นไม่มีแผนจะหลบหลีกพวกมัน ร่างกายของเขานั้นเรืองแสงสีทองออกมา และชุดเกราะของหุ่นยนต์ก็เริ่มประกอบกันรอบตัวของเขา เขากลายเป็นขุนพลเกราะทอง
เมื่อโซ่สสารฟาดมาถูกชุดเกราะของวิญญาณอสูรขุนพลหุ่นยนต์ทอง พวกมันก็ตัดเข้าไปในผิวของชุดเกราะโลหะ มันเหมือนกับมีมีดล่องหนจำนวนมากพยายามจะตัดผ่านชุดเกราะ ประกายไฟปะทุขึ้นทั่วผิวของชุดเกราะสีทองราวกับดอกไม้ไฟ
เนื่องจากชุดเกราะสีทองของหานเซิ่นแข็งแรงอย่างมาก โซ่สสารอวกาศจึงตัดผ่านมันจนทะลุไป
หานเซิ่นเร่งความเร็วขุนพลหุ่นยนต์ทองจนถึงขีดสุด และพลังงานสีทองก็ถูกพ่นออกมาจากท่อโลหะะ มันเป็นเหมือนปีกที่กางออกจากชุดเกราะด้านหลังหานเซิ่น
ขุนพลหุ่นยนต์ทองดึงแขนกลับไป หลังจากนั้นมันก็ชกหมัดไปข้างหน้าเหมือนกับภูเขาไฟที่ปะทุ หมัดนั้นพุ่งไปที่เสาสกายก็อต
เสาสกายก็อตถูกผลักไปข้างหน้าด้วยแรงจากหมัดของขุนพลหุ่นยนต์ทอง เสียงแตกร้าวดังขึ้นมาจากฟันเฟืองของงูหกคอร์ ฟันเฟืองนั้นแตกกระจายโดยเสาสกายก็อต และเสาก็ทะลุผ่านคอของงูหกคอร์เข้าไป
งูหกคอร์ระดับเทพเจ้ากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และมันก็แกว่งหางเข้ามาใส่หานเซิ่น
หานเซิ่นเห็นหางฟาดเข้ามา แต่เขาไม่สามารถหลบได้ เขาไม่เห็นหางนั้นอย่างชัดเจนและมันก็ฟาดถูกชุดเกราะสีทองของเขาเข้าอย่างจัง
หานเซิ่นถูกส่งกระเด็นออกไปราวกับดาวหาง เขาไปชนเข้ากับดาวขนาดใหญ่และแรงจากการตกก็ทำลายภูมิประเทศของดวงดาวนั้น คลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นปกคลุมดวงดาวกว่าครึ่ง
ภูเขาถล่มและพื้นดินถูกยกขึ้นมา หินกลิ้งไปราวกับคลื่น จู่ๆครึ่งหนึ่งของดาวดวงก็ดูเหมือนกับจุดจบของโลก
งูหกคอร์ระดับเทพเจ้าไม่หยุดอยู่แค่นั้น มันพุ่งตัวออกไปยังดวงดาวที่ศัตรูของมันตกลงไป โซ่สสารนับไม่ถ้วนม้วนรอบตัวของมันขณะที่มันตรงเข้าไปหาขุนพลเกราะทองที่อยู่บนดาวดวง
“จระเข้น้อย…นี่เจ้ามัวรออะไรอยู่? ใช้อาณาเขตแรงโน้มถ่วงเร็วเข้า!” หานเซิ่นตะโกน
จระเข้น้อยตัวแข็งทื่อไป แต่เมื่อได้ยินเสียงของหานเซิ่น มันก็ตื่นขึ้นมา หลังจากนั้นมันก็ใช้โซ่สสารแรงโน้มถ่วงใส่งูหกคอร์ระดับเทพเจ้า ภายใต้อิทธิพลของพลังนั้น งูหกคอร์ระดับเทพเจ้าก็ร่วงลงไปยังผิวของดวงดาว
หานเซิ่นในชุดเกราะสีทองกระทืบพื้นและปลดปล่อยพลังงานสีทองออกมา พลังงานสีทองพุ่งออกมาจากท่อราวกับสายธาร มันเป็นเหมือนกับไอพ่นที่ผลักขุนพลเกราะทองขึ้นไปสู่ท้องฟ้า
หานเซิ่นรวบรวมพลังทั้งหมดไปที่หมัด แสงแห่งเทพสีทองที่ทรงพลังก่อตัวขึ้นรอบหมัด หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ชกออกไปข้างหน้าโดยเล็งไปที่เสาสกายก็อตที่ยังคงติดอยู่ที่คอของงูหกคอร์ระดับเทพเจ้า
เสาสกายก็อตถูกชกทะลุผ่านร่างกายของงูหกคอร์ระดับเทพเจ้า แม้แต่ตัวขุนพลเกราะทองเองก็ฉีกผ่านร่างกายของมันไปพร้อมกัน
ขุนพลเกราะทองไปปรากฏตัวอีกด้านหนึ่ง ขณะที่ยังคงถือเสาสกายก็อตเอาไว้ หานเซิ่นหันไปมองงูหกคอร์ระดับเทพเจ้า พลังของแรงโน้มถ่วงนั้นยังคงทำให้มันร่วงลงไปสู่ดวงดาง
ปัง!
งูหกคอร์ระดับเทพเจ้าตกใส่ดวงดาวอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้ดวงดาวถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
“ทำได้ดีมากจระเข้น้อย ใช้แรงโน้มถ่วงใส่เจ้างูนั่นต่อไป!” หานเซิ่นตะโกนขณะที่ขับขุนพลเกราะทองเข้าไปหางูหกคอร์ระดับเทพเจ้า
งูหกคอร์ระดับเทพเจ้าถูกจำกัดการเคลื่อนไหวโดยแรงโน้มถ่วงมหาศาล ซึ่งทำให้การเคลื่อนไหวของมันช้าลงไปมาก
งูหกคอร์กรีดร้องออกมาอย่างประหลาด พร้อมกับโซ่สสารนับไม่ถ้วนที่บานออกมาราวกับดอกเบญจมาศ หลังจากนั้นพวกมันก็ตรงเข้ามาหาหานเซิ่น พวกมันยื่นออกไปข้างหน้าเพื่อจะจับตัวเขาเอาไว้
ใบหน้าของหานเซิ่นยังคงสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง เขาไม่ได้หลบหลีกพวกมัน เขาใช้พลังของขุนพลเกราะทองจนถึงขีดสุด ขณะที่เขาขับมันตรงเข้าไปหางูหกคอร์ระดับเทพเจ้า
ขณะที่โซ่สสารอวกาศนับไม่ถ้วนพันรอบร่างกายของขุนพลเกราะทอง หานเซิ่นก็ตะโกนขึ้นมา เขาโยนเสาสกายก็อตไปข้างหน้า หลังจากนั้นมันก็มีการระเบิดของพลังงานสีทอง หมัดที่งดงามยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ถูกชกไปใส่เสาสกายก็อต
เสาสกายก็อตกลายเป็นเสาแห่งแสงและมันก็ฉีกผ่านชั้นบรรยากาศตรงเข้าไปใส่ฟันเฟืองอีกอัน งูหกคอร์ระดับเทพเจ้าไม่สามารถหนีจากมันได้
งูหกคอร์ระดับเทพเจ้าถูกจำกัดการเคลื่อนไหวโดยโซ่สสารแรงโน้มถ่วงของจระเข้น้อย ดังนั้นมันไม่สามารถโยกตัวหลบหลีกการโจมตีที่เข้ามาได้ ฟันเฟืองอีกอันของมันแตกกระจายภายใต้แรงกระแทกของเสา และเสานั้นก็ตรึงเจ้างูเอาไว้กับดวงดาวขณะที่มันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
โซ่สสารอวกาศของมันแตกออกเป็นล้านชิ้น หานเซิ่นขับขุนพลเกราะทองผ่านเศษโซ่สสารและตรงเข้าไปหางูหกคอร์ระดับเทพเจ้าที่ถูกตรึงอยู่กับดวงดาว
จระเข้น้อยส่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีใจ
ตอนที่ 2580
เมื่อเห็นว่าหานเซิ่นจัดการงูหกคอร์ระดับเทพเจ้าจนอยู่หมัด จระเข้น้อยน้อยก็ดูอวดดีขึ้นมา ก่อนหน้างูหกคอร์อัดมันจนน่วม ดังนั้นมันจึงแยกเขี้ยวด้วยความโกรธ ร่างกายของมันปลดปล่อยแสงสีดำออกมาและโซ่สสารแรงโน้มถ่วงก็พุ่งเข้าไปหางูหกคอร์ระดับเทพเจ้า การเคลื่อนไหวของงูหกคอร์ระดับเทพเจ้าช้าลงไปอย่างมาก
ตอนนี้ฟันเฟืองของมันถูกทำลายไป 2 อันและมันก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก มันเคลื่อนไหวช้าราวกับหอยทาก โซ่สสารแรงโน้มถ่วงของจระเข้น้อยนั้นตรึงมันเอาไว้กับที่เพื่อป้องกันมันหลบหลีกการโจมตีของหานเซิ่น
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง !ปัง!
ขุนพลเกราะทองบินไปเหนืองูหกคอร์ที่ถูกตรึงกับผิวดวงดาว แทนที่จะดึงเสาโลหะที่ตรงร่างของงูเอาไว้ เขากลับชกหมัดใส่งูที่ถูกจับแทน
งูหกคอร์ระดับเทพเจ้าถูกตรึงอยู่กับพื้นโดยโซ่สสารของจระเข้น้อย ทำให้เจ้างูไม่สามารถทำอะไรเพื่อปกป้องตัวเองได้ ภายใต้การกระหน่ำโจมตีอย่างต่อเนื่องของขุนพลเกราะทอง ฟันเฟืองถูกทำลายไปทีละอันๆ และไม่กี่วินาทีฟันเฟืองอีก 2 อันก็ถูกบดขยี้เป็นผุยผง
งูหกคอร์ระดับเทพเจ้าส่งเสียงกรีดร้องพร้อมกับมีโซ่สสารนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา พวกมันพุ่งเข้ามาราวกับงูและพยายามจะรัดตัวขุนพลเกราะทอง
หานเซิ่นเดินเครื่องขุนพลหุ่นยนต์อย่างเต็มกำลัง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถดึงหมัดออกมาจากโซ่สสารได้ เขาถูกรัดแน่นและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
ปัง!
หางของงูหกคอร์ระดับเทพเจ้าฟาดใส่หานเซิ่นและส่งขุนพลเกราะทองกระเด็นออกไปอีกครั้ง
“งูหกคอร์ระดับเทพเจ้าแข็งแกร่งจริงๆ! ถึงจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่มันก็ยังต่อสู้ได้ ไม่แปลกใจเลยที่มันถูกบอกว่าเป็นหนึ่งในซีโน่เจเนอิคที่แข็งแกร่งที่สุดในคอร์แอเรีย”
ขุนพลเกราะทองไถลไปไกลก่อนที่หานเซิ่นจะควบคุมมันให้ทรงตัวกลับมาได้
งูหกคอร์ระดับเทพเจ้าใช้หางดึงเสาโลหะออกมาจากร่างกายของมัน มันต้องการจะหนีไป แต่จระเข้น้อยมาปรากฏตัวตรงหน้ามัน จระเข้น้อยโจมตีใส่หนึ่งใน 2 ฟันเฟืองที่ยังเหลืออยู่
มันมีเสียงแตกหักดังขึ้นมา จระเข้น้อยทำลายฟันเฟืองได้สำเร็จ ทำให้เจ้างูดิ้นไปดิ้นมาด้วยความเจ็บปวด มันพยายามแกว่งหางฟาดใส่จระเข้น้อย
ปัง!
จระเข้น้อยกระเด็นออกไปเหมือนกับลูกบอล และเสานภาก็อตเองก็ถูกฟาดกระเด็นไปเช่นกัน
หานเซิ่นขับขุนพลเกราะทองไปรับเสาสกายก็อตกลับคืนมา หลังจากนั้นเขาก็แทงเสาสกายก็อตไปทางงูหกคอร์ระดับเทพเจ้า ขณะที่งูยังคงดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวด หานเซิ่นก็เจาะทะลวงฟันเฟืองสุดท้ายของมัน
งูหกคอร์ระดับเทพเจ้าดิ้นรนและพยายามใช้หางฟาดใส่ขุนพลเกราะทองอีกครั้ง แต่จระเข้น้อยเข้ามาร่วมวงด้วยและใช้โซ่สสารแรงโน้มถ่วงใส่เจ้างู ทำให้มันช้าลงไปยิ่งกว่าเดิม
ในขณะเดียวกันหานเซิ่นอยู่ที่ในขุนพลเกราะทองก็ชกใส่บาดแผลของงูหกคอร์ระดับเทพเจ้าอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ร่างกายของงูหกคอร์ค่อยๆจมลงไปในพื้นดินของดวงดาว ก้อนหินกระเด็นออกไปทุกหนทุกแห่ง
ปัง!
หานเซิ่นยังคงชกต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งงูหกคอร์ระดับเทพเจ้าและดวงดาวระเบิด การระเบิดที่น่ากลัวแพร่กระจายผ่านอวกาศราวกับดอกไม้ไฟที่งดงาม
“คอร์ซีโน่เจเนอิคงูหกคอร์ระดับเทพเจ้าถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูรงูหกคอร์”
“ฉันได้รับวิญญาณอสูร!” หานเซิ่นยิ้มกว้าง
ในอวกาศที่ไกลออกไป เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋ออึ้งไป พวกเธอใช้เวรี่ไฮเซ้นส์ของตัวเองเพื่อดูการต่อสู้อยู่ตลอด พวกเธอคิดว่าหานเซิ่นนั้นน่าประหลาดใจมากแล้วในตอนที่เขาเปลี่ยนเป็นขุนพลเกราะทอง แต่หลังจากนั้นเขาก็ร่วมมือกับจระเข้น้อยเอาชนะงูหกคอร์ระดับเทพเจ้าได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร
“มันเป็นดอลลาร์จริงๆที่ขโมยยีนของซีสกายอายและเสาสกายก็อตของเอ็กซ์ตรีมคิง” ในจังหวะนี้หัวใจของหลี่เคอเอ๋อยุ่งเหยิงไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ในตอนแรกเธอคิดว่าขุนพลเกราะทองมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับดอลลาร์ แต่เธอไม่ได้คิดว่าตัวดอลลาร์เองที่เป็นขุนพลเกราะทองนั่น
“นั่นคืออะไร?” ใบหน้าที่ปกติดูไร้ความรู้สึกของเอ็กซ์ควิสิทดูตกใจไป เธอจดจำขุนพลเกราะทองได้ แต่เธอไม่เข้าใจว่าดอลลาร์กลายเป็นศัตรูที่เขาเคยเอาชนะได้ยังไง
“ข้าไม่รู้” หลี่เคอเอ๋อส่ายหัวด้วยรอยยิ้มแห้งๆ เธอรู้ว่านั่นคือขุนพลเกราะทอง แต่ไม่รู้ว่าดอลลาร์กลายร่างเป็นขุนพลเกราะทองได้ยังไง
จระเข้น้อยวิ่งเข้าไปหาร่างของงูหกคอร์ระดับเทพเจ้า เจ้าตัวน้อยทั้งถีบและกัดร่างของงูที่ตายไปด้วยความโมโห น่าเสียดายที่จระเข้น้อยนั้นไม่กินเนื้อ แต่ยังไงซะร่างกายของงูหกคอร์ระดับเทพเจ้าก็เป็นโลหะ
หานเซิ่นเก็บขุนพลเกราะทองที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักไป งูหกคอร์ระดับเทพเจ้านั้นแข็งแกร่งมาก แม้แต่การป้องกันที่สุดยอดของขุนพลเกราะทองก็ยังได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง และบางส่วนของชุดเกราะก็ถูกทำลายไป ถ้าไม่มีจระเข้น้อยคอยใช้โซ่สสารแรงโน้มถ่วงช่วย ขุนพลเกราะทองก็คงจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
หลังจากที่ขุดเอายีนคอร์ซีโน่เจเนอิคของงูหกคอร์ระดับเทพเจ้าออกมา หานเซิ่นก็พบว่ามันเป็นฟันเฟืองหยกสีเขียว มันมีขนาดพอๆกับกำปั้นและมันยังหมุนอย่างต่อเนื่องภายในหัวของงูหกคอร์ระดับเทพเจ้า
“นี่เป็นของดี” หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงออร่าที่น่ากลัวจากฟันเฟือง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเอยชมมัน แต่ในตอนนี้เขายังไม่สามารถดูดซับยีนระดับเทพเจ้าได้ ดังนั้นเขาจึงต้องเก็บมันไปก่อน
จระเข้น้อยปลดปล่อยความโกรธทั้งหมดกับซากศพของงูหกคอร์ หลังจากนั้นมันก็บินเข้ามาหาหานเซิ่นและเริ่มจะทำเสียงที่ผสมระหว่างการกรีดร้องและการร้องไห้ เจ้าตัวน้อยกำลังจะบอกว่าหานเซิ่นโกหกมัน
“จระเข้น้อย เจ้าน่ะแข็งแกร่ง! เจ้าฆ่าซีโน่เจเนอิคที่แข็งแกร่งมากตัวหนึ่งได้! เจ้าจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลนี้…” หานเซิ่นเอยชมขณะมองไปที่จระเข้น้อยความเชิดชู
เมื่อจระเข้น้อยได้ยินแบบนั้น มันก็ดูอวดดีขึ้นมา มันหลี่ตาลงและยิ้มอย่างภาคภูมิ มันดูจะลืมไปเลยว่าเมื่อครู่นี้มันกำลังบ่นหานเซิ่นอยู่
‘เด็กนี่หลอกง่ายจริงๆ’ หานเซิ่นคิดขณะที่มองดูจระเข้น้อยยิ้มอย่างภาคภูมิ
จระเข้น้อยกระโดดกลับขึ้นมาบนหัวของหานเซิ่น มันเงยหัวขึ้นและคำราม ดูเหมือนมันจะกำลังบอกให้หานเซิ่นไปหาซีโน่เจเนอิคให้มันฆ่าเพิ่ม
หานเซิ่นเริ่มบินออกไป และขณะที่บินไปเขาก็ตรวจดูวิญญาณอสูรที่ได้รับมาจากงูหกคอร์ระดับเทพเจ้า
“วิญญาณอสูรเจ้างูหกคอร์ระดับเทพเจ้า: อาวุธ”
“วิญญาณอสูรประเภทอาวุธ? มันเป็นวิญญาณอสูรประเภทอาวุธ! ในที่สุดก็ได้มันมา แต่ว่ามันเป็นอาวุธแบบไหนกัน?”
หานเซิ่นรู้สึกดีใจ เขาอยากจะได้อาวุธระดับเทพเจ้ามานานแล้ว และนี้ก็เป็นวิญญาณอสูรจากซีโน่เจเนอิคธาตุอวกาศ ดังนั้นมันต้องเป็นอะไรที่พิเศษ
โดยไม่ลังเลหานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรงูหกคอร์ระดับเทพเจ้าออกมา
ธนูสีเขียวปรากฏในมือของเขา ธนูนั้นดูเท่มากๆ คันธนูเป็นเหมือนกับเครื่องกลที่ประดับไปด้วยฟันเฟือง 6 อัน มันมีฟังก์ชั่นความเย็นของอาวุธอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย มันให้ความรู้สึกเย็นเมื่อสัมผัส เพียงแค่มองดูมัน หานเซิ่นก็สามารถบอกได้ว่ามันมีความแม่นยำที่หาเปรียบไม่ได้
บางสิ่งเกี่ยวกับมันทำให้หานเซิ่นนึกถึงเครื่องจักรที่ซับซ้อน หานเซิ่นเห็นว่าธนูแวววับด้วยเงาของงูหกคอร์ระดับเทพเจ้า
“นี่มันคือธนู?” หานเซิ่นมองธนูในมืออย่างประหลาดใจ
ตอนที่ 2581
หานเซิ่นหลงรักธนูคันใหม่ในทันที ก่อนหน้านี้เขาได้ใช้วินด์สตริงของออทัมน์วินด์ไป แต่คันธนูนั้นมีเจ้าของเรียบร้อยแล้ว การบังคับให้มันยอมเชื่อฟังนั้นไม่ทำให้รู้สึกดี
แต่ธนูงูหกคอร์นี้ต่างออกไป หานเซิ่นจับคันธนูและดึงสายธนูได้อย่างง่ายดาย ฟันเฟืองบนคันธนูเริ่มหมุนขณะที่เขาดึงสายไปด้านหลัง แถมพลังที่คันธนูปลดปล่อยออกมานั้นก็ยอดเยี่ยมเหมือนอย่างที่เขาหวังเอาไว้ ความจริงแล้วคันธนูนี้สามารถยิงได้แรงกว่าที่วินด์สตริงทำได้เสียอีก
หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงพลังธาตุอวกาศจากคันธนู แต่เขาไม่รู้ว่าพลังธาตุอวกาศนั้นส่งผลกับการใช้ธนูงูหกคอร์ยังไง
นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นได้มีโอกาสใช้วิญญาณอสูรระดับเทพเจ้าประเภทอาวุธ ดังนั้นมันจึงยากที่จะคาดคะเนถึงพลังที่แท้จริงของมัน
หานเซิ่นยังไม่มีแผนที่จะลองใช้มันในตอนนี้ เขาคิดจะเก็บคันธนูนี้เอาไว้สำหรับใช้ในตัวตนหานเซิ่น สำหรับตอนที่ใช้ชื่อดอลลาร์ แค่ขุนพลเกราะทองก็มากเพียงพอแล้วที่จะต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า ด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะใช้มันในตอนนี้
แถมอาวุธนั้นเหมาะสมกับตัวตนหานเซิ่นอย่างที่สุด เสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูงนั้นส่งผลต่อการใช้ธนูและมันยังจะช่วยให้การยิงธนูของเขาทรงพลังยิ่งขึ้นอีก มันจะช่วยมอบความปลอดภัยที่มากขึ้นให้กับเขา
ถึงแม้จะมียอดฝีมือระดับเทพเจ้ามาตามล่าตัวเขา พวกเขาก็ไม่สามารถฆ่าหานเซิ่นได้ เนื่องจากหานเซิ่นมีเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูงและธนูงูหกคอร์
หานเซิ่นเก็บคันธนูหกคอร์ไป เขาจะใช้มันในภายหลัง
เขาใช้อาณาเขตตงเสวียนเพื่อซ่อนตัวเองและจระเข้น้อยขณะที่ตรวจเช็คคันธนู ด้วยเหตุนั้นแม้แต่เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไร
‘ขาดไปก็แต่ลูกธนูระดับเทพเจ้า การมีคันธนูแต่ไม่มีลูกธนูนั้นไม่สมบูรณ์’ หานเซิ่นคิดอย่างละโมภ
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อกำลังจะไล่ตามหลังหานเซิ่นไป แต่พวกเธอรู้สึกตัวว่าเขาได้หายตัวไปจากตรวจจับของพวกเธอ พวกเธอไม่สามารถตรวจจับตัวตนของเขาได้อีกต่อไป ไม่ว่าพวกเธอจะใช้วิธีการใด พวกเธอบินไปยังจุดที่หานเซิ่นถูกเห็นเป็นครั้งสุดท้าย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะหายไปนานแล้ว แม้แต่เวรี่ไฮเซ้นส์ของพวกเธอก็หาร่องรอยของเขาไม่เจอ
“ดอลลาร์คนนี้เป็นบุคคลที่ลึกลับมากๆ” เอ็กซ์ควิสิทพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่แค่ลึกลับ ทุกอย่างที่เขาทำเป็นอะไรที่เหลือเชื่อ แต่มันยากที่จะโน้มน้าวคนแบบนั้นให้มาเป็นตัวไหมของข้า” หลี่เคอเอ๋อถอนหายใจ
“ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เขาก็ซ่อนตัวจากเผ่าเวรี่ไฮไปตลอดไม่ได้ ถ้าเจ้าอยากจะเลือกเขาจริงๆ พวกเรากลับไปที่บ้านและขอให้ผู้อาวุโสช่วยหาตัวตนที่แท้จริงของเขา หลังจากนั้นพวกเราค่อยมาคิดแผนการที่จะรับตัวเขาไป” เอ็กซ์ควิสิทพูด
หลี่เคอเอ๋อส่ายหัว “เขาจะเป็นตัวไหมของข้า ดังนั้นข้าควรจะพยายามรับตัวเขามาด้วยตัวเอง”
เอ็กซ์ควิสิทไม่ได้พูดอะไร แต่เธอไม่ได้มีความหวังกับความพยายามของหลี่เคอเอ๋อมากนัก
ก่อนที่เธอจะได้พบกับดอลล่าร์ เอ็กซ์ควิสิทเคยคาดคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนๆหนึ่งจะปฏิเสธข้อเสนอของเผ่าเวรี่ไฮ แต่ดอลลาร์นั้นมหัศจรรย์จนเธอเปลี่ยนความคิดนั้นไป
มันเป็นเรื่องยากมากๆที่จะโน้มน้าวคนแบบนั้นให้มาเป็นตัวไหมของพวกเขา แถมเวรี่ไฮเซ้นส์ของหลี่เคอเอ๋อก็ยังไม่สมบูรณ์
แต่หลี่เคอเอ๋อยืนกราน ดังนั้นเอ็กซ์ควิสิทจึงไม่โต้แย้งอะไร
หานเซิ่นพาจระเข้น้อยไปรอบๆเพื่อออกล่า พวกเขาฆ่าคอร์ซีโน่เจเนอิคระดับราชันหลายตัวที่พบ ในตอนแรกจระเข้น้อยก็ดีใจกับมัน แต่ตอนนี้มันเริ่มจะรู้สึกเบื่อ
หานเซิ่นเอาไวท์ออกมาเพื่อทำให้จระเข้น้อยกลับมาดีใจอีกครั้ง แต่มันเริ่มจะยากขึ้นทุกทีที่จะเอาใจจระเข้น้อย มันอยากจะเห็นโลกภายนอกมากขึ้นเรื่อยๆ
“สถานที่ที่ข้าบอกเจ้ามีอยู่จริงๆ แต่เจ้าจะไม่เห็นมันในคอร์แอเรีย เจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตของคอร์แอเรีย เจ้าออกไปไม่ได้ แบบนั้นข้าจะพาเจ้าออกไปเห็นสิ่งที่อยู่ข้างนอกนั่นได้ยังไงกัน?” หานเซิ่นเริ่มจะรำคาญเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน
โชคดีที่เตาหลอมทองแดงอยู่ที่นี่ด้วย มันช่วยทำให้จระเข้น้อยมีความสุขมากขึ้น
จระเข้น้อยได้ให้ซีโน่เจเนอิคมากมายกับเตาหลอมทองแดง และตอนนี้มันก็มีดาบจำนวนมากอยู่ภายในเตาหลอม
หานเซิ่นใช้กราสเซสเพื่อวิเคราะห์เตาหลอมทองแดงและพบว่าศักยภาพยีนของมันคือ 5 ดาวเช่นกัน นั่นคือจำนวนดาวสูงสุดที่ระดับราชันจะมีได้
“น่าเสียดายที่ซีโน่เจเนอิคของคอร์แอเรียออกไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเราก็คงจะเก็บพวกมันเอาไว้ข้างกายตลอด” หานเซิ่นถอนหายใจ
หานเซิ่นให้เตาหลอมนำทางพวกเขาไปรอบๆ แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ออกไปจากคอร์แอเรียและกลับไปที่วาฬขาว
ในอดีตทุกครั้งที่หานเซิ่นกลับมา เหล่าโจรสลัดจะมาต้อนรับเขา แต่ครั้งนี้ไม่มีใครสังเกตเห็นเขา ทุกคนกำลังมองบางสิ่งที่อยู่นอกวาฬขาว และพวกเขาดูเหมือนจะกำลังตกตะลึง แม้แต่เป่าเอ๋อเองก็เช่นกัน
หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขามองตามสายตาของทุกคนไปและเห็นว่ามีกลุ่มงูกำลังขึ้นมาบนเกาะ พวกมันขึ้นมาจากทะเลสีดำ เสือขาวก็ปรากฏตัวออกมาเพื่อไล่พวกมันกลับไปเหมือนกับทุกครั้ง
การต่อสู้แบบนี้เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง แต่ในครั้งนี้มันต่างออกไป มันมีจำนวนงูออกมาจากทะเลสีดำมากเกินไป มันมากกว่าจำนวนงูที่ปรากฏตัวในครั้งก่อนหลายเท่า
เหล่างูเลื้อยขึ้นมาเป็นฝูงและเริ่มกินเห็ดที่อยู่บนเกาะ พวกมันน่ากลัวยิ่งกว่าการคุกคามของฝูงตั๊กแตน
เสือขาวพยายามไล่ฆ่าพวกมัน แต่มันมีงูอยู่มากเกินไป เจ้าเสือขาวไม่สามารถฆ่าพวกมันได้ทั้งหมด ฝูงงูเลื้อยขึ้นมาบนเกาะมากขึ้นเรื่อยๆ
“โอ้ไม่นะ!” ทันใดนั้นจู่ๆฟางชิงอวี่ก็ร้องตะโกนขึ้นมา
“ไม่อะไร?” เหล่าโจรสลัดหันไปมองฟางชิงอวี่
สีหน้าของฟางชิงอวี่ดูแย่ เขาพูดขึ้นมา “ถ้าเสือขาวหยุดพวกงูไม่ได้ เห็ดทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ก็จะถูกพวกมันกินไป นั่นหมายความว่าพวกเราจะไม่มีอาหารเหลืออีก”
“ข้าก็คิดว่าจะมีเรื่องไม่ดีอะไรเกิดขึ้น นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พวกเราจะแลกเปลี่ยนอาหารกับคนอื่นภายในคอร์แอเรีย” โจรสลัดคนหนึ่งพูด
“มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น ฟังให้ดี ถ้าเห็ดทั้งหมดถูกกินไปแล้ว อย่างนั้นเมื่อเสือขาวเกิดหิวขึ้นมา มันก็อาจจะมาล่าพวกมัน แล้วพวกงูล่ะ? นอกจากเห็ดบนภูเขาแล้ว เห็ดที่ยังเหลืออยู่ก็มีแค่…” ก่อนที่ฟางชิงอวี่จะพูดจบ ทุกคนก็รู้ว่าเขาจะบอกอะไร
พวกเขาทุกคนมองเห็ดที่อยู่บนหัวของกันและกัน พวกเขารู้สึกหนาวขึ้นมา ถ้าพวกงูปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนกับอาหาร พวกเขาก็ต้องหยุดการลุกลานของงู และนั่นคงจะจบลงไม่สวยสำหรับพวกเขา
พวกเขาได้เห็นถึงความน่ากลัวของพวกงู และหลายตัวในหมู่พวกมันก็เป็นถึงระดับราชัน แถมพวกมันยังดูเหมือนกับว่ามีจำนวนไม่จำกัด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าพวกมันได้หมด
ถ้าเสือขาวหยุดพวกงูไม่ได้ มันก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะทำได้
“นกแดงน้อย ออกไปช่วยเจ้าเสือขาว” หานเซิ่นพูดกับนกแดงน้อย ถ้าฝูงงูเข้ายึดครองเกาะ มันก็จะเป็นปัญหาสำหรับพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่หานเซิ่นอนุญาตให้นกแดงน้อยออกไปช่วยเหลือเสือขาวต่อสู้กับฝูงงู แต่ก่อนที่นกแดงน้อยจะทำอะไร สายลมที่รุนแรงพัดมาจากทางทะเลสีดำ สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์โผล่ขึ้นมาจากะเลสีดำพร้อมกับก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่
ตอนที่ 2582 หนวดประหลาด
มอนสเตอร์ตัวนั้นน่าเกลียดอย่างมาก มันเหมือนกับหนอนยักษ์ แต่ตามลำตัวของมันมีหนวดที่เหมือนกับเส้นผมจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังดิ้นไปดิ้นมา มอนสเตอร์นั่นคลานออกมาจากน้ำสีดำ ร่างกายของมันยังคงมีของเหลวที่เป็นกรดจากทะเลหยดลงมา
เมื่อเสือขาวเห็นมอนสเตอร์ตัวนั้น สีหน้าของมันก็เปลี่ยนไป มันคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า หลังจากนั้นสายฝนเห็ดก็เริ่มตกลงมาใส่เจ้ามอนสเตอร์
เห็ดระเบิดและกลายเป็นเมฆสปอร์ที่ลอยอยู่ในอากาศ หลังจากนั้นเห็ดก็เริ่มงอกขึ้นบนหัวของพวกงู
ขณะที่เห็ดงอกขึ้นมา ร่างกายของพวกงูก็ถูกดูดจนแห้งเหือด พวกมันย่อยสลายไปกับพื้นราวกับผุยผง
ฟางชิงอวี่และเหล่าโจรสลัดจ้องมองการต่อสู้ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เหล่าโจรสลัดรู้สึกกลัวและกรีดร้องออกมา
“ถ้าเห็ดบนหัวของพวกเราโตขึ้น พวกมันจะดูดเราจนแห้งเหมือนกันใช่ไหม?”
ทุกคนหวาดกลัว หานเซิ่นจึงพูดให้พวกเขาอุ่นใจ
“อย่าได้กังวล เห็ดบนหัวของพวกเรานั้นแตกต่างไปจากเห็ดที่ดูดร่างกายของพวกงูจนแห้ง”
เหล่าโจรสลัดรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาเมื่อได้ยินหานเซิ่นพูดแบบนั้น
มอนสเตอร์ที่น่าเกลียดยืนอยู่ท่ามกลางเมฆสปอร์ และสปอร์นั้นก็ติดอยู่ตามร่างกายของมัน แต่ถึงอย่างนั้นเจ้ามอนสเตอร์ก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลจากมัน
เจ้ามอนสเตอร์เคลื่อนตัวไปบนเกาะและกินเห็ดไปเป็นจำนวนมาก เหล่ากองทัพงูเคลื่อนตัวตามหลังมันไป ซึ่งเสือขาวไม่สามารถทำอะไรเพื่อหยุดพวกมันได้
เสือขาวยังคงปล่อยสายฝนเห็ดลงมา แต่การโจมตีนั้นดูเหมือนจะมีผลต่อพวกงูตัวเล็กเท่านั้น มันไม่สามารถทำอะไรเจ้ามอนสเตอร์ที่น่าเกลียดได้ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ามอนสเตอร์ยังเมินเฉยต่อเสือขาวโดยสมบูรณ์ มันเพียงแค่เคลื่อนที่ไปทางป่าเห็ด มันอ้าปากกว้างและเริ่มกินเห็ดเข้าไป
ไม่ว่าบนเกาะแห่งนี้จะมีเห็ดมากมายขนาดนั้น แต่เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่พอจะตอบสนองความหิวกระหายของมอนสเตอร์ตัวนี้ เสือขาวดูไม่พอใจอย่างมากขณะที่มันมองไปที่มอนสเตอร์ขนาดมหึมา เจ้าเสือขาวขุดลงไปในพื้นและหายตัวไป
“ไม่มีทาง ทำไมมันถึงหนีไปแบบนั้น?” ฟางชิงอวี่และคนอื่นไม่ได้คาดคิดว่ามันจะยอมแพ้เร็วขนาดนี้
แต่วินาทีต่อมาเจ้าเสือขาวก็ไปโผล่ที่ใต้เจ้ามอนสเตอร์ กรงเล็บของเสือขาวฉีกหน้าท้องของเจ้ามอนสเตอร์
ในตอนแรกทุกคนคิดว่าเจ้าเสือขาวชิงความได้เปรียบมาได้ แต่หลังจากนั้นหนวดที่นุ่มนิ่มของเจ้ามอนสเตอร์ก็เริ่มเคลื่อนไหวและยื่นออกมาจับตัวเสือขาว เจ้าเสือขาวพยายามดิ้นรนและคำรามออกมา แต่มันไม่สามารถหนีจากหนวดไปได้
หนวดพวกนั้นดูเหมือนจะมีชีวิต พวกมันเริ่มเสาะหาปาก หู ตาและจมูกของเสือขาว หลังจากนั้นพวกมันก็เริ่มเจาะทะลวงเข้าไปตามรูแต่ละรู เสือขาวส่งเสียงกรีดร้องออกมา
ทุกคนรู้สึกหนาวขึ้นมาขณะที่มองดูมัน พวกเขาเคยเห็นสิ่งมีชีวิตมากมายถูกฆ่าตายมาก่อน และแม้แต่การมองดูคนๆหนึ่งถูกแยกส่วนก็ไม่ทำให้พวกเขาสะดุ้ง แต่การเห็นหนวดที่เหมือนกับผมเจาะทะลวงเข้าไปในปาก หู ตาและจมูกของเสือขาวนั้นมากพอที่จะทำให้พวกเขารู้สึกหนาวขึ้นมา
เสือขาวกำลังดิ้นรน มันพยายามจะกัดแทะหนวด แต่ถึงหนวดจะถูกตัดขาด พวกมันก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง พวกมันเป็นเหมือนกับหนอนที่กำลังเจาะเข้าไปในร่างกายของสิ่งมีชีวิต ภาพนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกคันไปทั้งตัว
“นกแดงน้อย ไปช่วยมันเร็วเข้า!” หานเซิ่นพูดกับนกแดงน้อย
นกแดงน้อยบินออกไปพร้อมกับกลายร่างเป็นฟินิกซ์ที่ร้อนแรง ที่ไหนก็ตามที่มันบินไป เปลวไฟก็จะลุกขึ้นและเผาผลาญงูที่อยู่ใกล้เคียง
นกแดงน้อยพ่นไฟสีทองออกมาจากปาก ไฟนั้นพุ่งไปที่หนวดและเผาผลาญพวกมันจนกลายเป็นผุยผง เสือขาวถูกปล่อยเป็นอิสระจากหนวดที่พันรอบตัวมัน
มอนสเตอร์ตัวนั้นดูเหมือนตกใจกับไฟของนกแดงน้อย มันหยุดกินเห็ดและหันมาจ้องที่นกแดงน้อย
นกแดงน้อยส่งเสียงร้องออกมา มันกระพือปีกและส่งเพลิงฟินิกซ์ไปทางมอนสเตอร์ตัวนั้นราวกับพายุไฟ
ทันใดนั้นหนวดนับไม่ถ้วนของเจ้ามอนสเตอร์ก็พันรอบร่างกายของมันและก่อตัวเป็นเปลือกรูปลูกบอล
เพลิงฟินิกซ์พุ่งไปถูกเปลือกที่ก่อตัวขึ้นมาและเริ่มเผาผลาญมัน แต่ไฟเผาได้แค่ชั้นนอกสุดเท่านั้นและมันยังคงมีอยู่อีกหลายชั้นข้างใน
ไฟของนกแดงน้อยเผาผลาญหนวดของเจ้ามอนสเตอร์ไปเรื่อยๆ แต่หนวดของมันดูเหมือนจะมีไม่จำกัด ไม่ว่านกแดงน้อยจะเผาผลาญหนวดไปมากขนาดไหน มันก็สร้างขึ้นมาใหม่ได้เรื่อยๆ
ปัง!
ขณะที่นกแดงน้อยพ่นไฟเผาเจ้ามอนสเตอร์ไปเรื่อยๆ จู่ๆหอกที่ใหญ่ราวกับภูเขาก็พุ่งออกมาจากพื้นหินด้านล่าง หอกนั้นพุ่งไปถูกนกแดงน้อยและส่งมันกระเด็นออกไป
หานเซิ่นมองดูดีๆและพบว่าหอกขนาดใหญ่นั้นคือหนวดของเจ้ามอนสเตอร์รวมตัวเข้าด้วยกัน
หลังจากที่นกแดงน้อยถูกการโจมตีนั้นเข้าไป ไฟของมันก็ดูเหมือนจะอ่อนลงไป มันส่งเสียงกรีดร้องด้วยความโกรธ และเมื่อมันกรีดร้องออกมา เปลวไฟก็กลับมาร้อนแรง มันบินกลับเข้าไปต่อสู้กับเจ้ามอนสเตอร์อีกครั้ง
มอนสเตอร์ขยับหนวดและปล่อยให้พวกมันรวมเข้าดัวยกันเพื่อก่อตัวเป็นปีกรอบร่างกายของมัน ปีกเหล่านั้นเริ่มจะกระพืออย่างพร้อมเพียงเพื่อทำให้ร่างของเจ้ามอนสเตอร์บินขึ้นมา ซึ่งมันไม่ได้ช้าไปกว่านกแดงน้อยเลย
เจ้ามอนสเตอร์และนกแดงน้อยต่อสู้กันบนอากาศ หนวดของเจ้ามอนสเตอร์ดูเหมือนว่ามีจำนวนไม่จำกัดและพวกมันจะก่อตัวเป็นรูปร่างไหนก็ได้ พวกมันสามารถก่อตัวเป็นอาวุธหรือโล่ตามที่ต้องการ ไฟของนกแดงน้อยสามารถเผาผลาญหนวดพวกนั้นได้ แต่มันไม่สามารถสร้างความเสียหายอะไรกับเจ้ามอนสเตอร์ได้
พวกงูประหลาดยังคงพากันขึ้นมาบนเกาะ และเสือขาวก็พยายามจะจัดการกับพวกมัน แต่มันมีงูอยู่เยอะเกินไป ไม่ว่าเสือขาวจะฆ่าพวกมันไปมากเท่าไหร่ พวกงูก็จะปรากฏออกมาจากทะเลเพิ่มอีก
“ใครก็ตามที่มีระดับราชันหรือสูงกว่าให้ออกไปช่วยเจ้าเสือขาว”
หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็เรียกเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูงออกมาและรีบออกไปจากวาฬขาว
เป่าเอ๋อกระโดดขึ้นบนไหล่ของหานเซิ่นและออกไปพร้อมกับเขา
กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์เองก็ออกไปเช่นเดียวกัน อัศวินของเอ็กซ์ตรีมคิงที่ถูกจับตัวเป็นเชลยและเหล่าโจรสลัดก็ออกไปช่วยด้วย พวกเขารู้ว่านี่มันเป็นเรื่องความเป็นความตาย พวกเขาจำเป็นต้องร่วมมือกัน
หานเซิ่นไม่ได้ออกไปเพื่อต่อสู้กับฝูงงูเหมือนกับคนอื่น เขาตรงไปหานกแดงน้อยและเจ้ามอนสเตอร์ที่ยังคงต่อสู้กันบนอากาศ ร่างกายของเขาเรืองแสงสีรุ้งขณะที่บินเข้าไปหาเจ้ามอนสเตอร์
เจ้ามอนสเตอร์ตอบสนองอย่างรวดเร็ว มันยังคงต่อสู้กับนกแดงน้อยต่อไป แต่มันก็ใช้หนวดก่อตัวเป็นโล่เพื่อป้องกันแสงสีรุ้งที่เข้ามา
แสงสีรุ้งละลายโล่ที่เจ้ามอนสเตอร์สร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่หนวดก็สามารถก่อตัวเป็นโล่ใหม่ในทันที มันทำแบบนั้นไปเรื่อยๆจนกระทั่งแสงสีรุ้งที่หานเซิ่นใช้สิ้นสุด
เมื่อหานเซิ่นเข้าไปใกล้เจ้ามอนสเตอร์ หนวดของมันก็ก่อตัวเป็นค้อนขนาดใหญ่และพยายามจะทุบใส่เขา หานเซิ่นม้วนตัวกลางอากาศเหมือนกับฟินิกซ์เพื่อหลบหลีกค้อนนั้น และเขาก็ใช้แสงสีรุ้งจากร่างกาย
แต่แสงสีรุ้งก็ถูกโล่หนวดป้องกันไว้อีกครั้ง ถึงแม้เจ้ามอนสเตอร์จะต้องต่อสู้กับศัตรู 2 คนพร้อมกัน แต่มันก็รับมือกับการโจมตีของหานเซิ่นและนกแดงน้อยได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ตอนที่ 2583 ล่าถอย
เจ้ามอนสเตอร์นั้นเป็นเหมือนกับเครื่องจักรต่อสู้ มันสามารถหมุนตัว 360 องศาในฉับพลันและปลดปล่อยหนวดออกมาจากทุกส่วนของร่างกาย แถมหนวดของมันยังรวมตัวกันเพื่อสร้างเป็นอาวุธหรือโล่ป้องกันที่เหมาะสมกับการต่อสู้ทุกรูปแบบ
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเจ้ามอนสเตอร์นั้นเป็นระดับเทพเจ้า และส่วนประกอบทุกอย่างของมันมีพลังในการฟื้นตัวที่สูง ไม่ว่ามันจะถูกโจมตีสักกี่ครั้ง มันก็สามารถประกอบตัวเองขึ้นใหม่ได้ การเผชิญหน้ากับศัตรูแบบนี้ แม้แต่หานเซิ่นและนกแดงน้อยก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี
หานเซิ่นและนกแดงน้อยร่วมมือกันโจมตีเจ้ามอนสเตอร์ แต่พวกเขาตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ
“ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่แท้จริงนี่น่ากลัวจริงๆ ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าปลอมๆในคอร์แอเรียนั้นเทียบอะไรกับพวกมันไม่ได้”
หานเซิ่นแปลกใจ เขาไม่สามารถคิดหาหนทางที่จะเอาชนะศัตรูตัวนี้ได้ ไอเดียหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเขา เขาเรียกธนูงูหกคอร์ออกมา เขาไม่มีลูกธนูระดับเทพเจ้า ดังนั้นเขาจึงเรียกวิญญาณอสูรลูกธนูระดับราชันออกมาแทน เขาดึงสายธนูกลับไปด้านหลังและยิงลูกธนูออกไป
ในจังหวะที่หานเซิ่นปล่อยมือ ฟันเฟืองทั้ง 6 ของธนูงูหกคอร์ก็หมุน ลูกธนูถูกอาบด้วยพลังประหลาดและหายลับไป
เมื่อลูกธนูปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันก็ไปอยู่ตรงหน้าเจ้ามอนสเตอร์ ลูกธนูพุ่งตรงเข้าไปในดวงตาที่อยู่บนหน้าผากของมัน
“ธนูงูหกคอร์จะมอบพลังธาตุอวกาศให้กับลูกธนูที่ยิงออกไป?” หานเซิ่นรู้สึกตัวด้วยความปิติยินดี
นั่นหมายความว่าลูกธนูที่ถูกธนูงูหกคอร์ยิงออกไปจะเทเลพอร์ต ซึ่งมันดีกว่าลูกธนูหมุนของหานเซิ่นเป็นไหนๆ ในตอนที่คนอื่นถูกยิงโดยธนูคันนี้ พวกเขาก็จะมองตามวิถีการยิงของมันไม่ได้
แถมหานเซิ่นยังสามารถบอกได้อีกว่าลูกธนูจะฉีกผ่านมิติของอวกาศ นั่นคือพลังที่ธนูงูหกคอร์มอบให้กับลูกธนู
วิญญาณอสูรลูกธนูระดับราชันได้รับพลังเสริมจากธนูงูหกคอร์มากพอที่จะเจาะทะลวงดวงตาของเจ้ามอนสเตอร์ ครึ่งหนึ่งของลูกธนูฝังลึกเข้าไปในดวงตาและเลือดก็พุ่งออกมารอบๆลูกธนู
‘นี่เป็นคันธนูที่ดีเยี่ยม’ หานเซิ่นคิดอย่างดีใจ พลังของคันธนูนั้นเหมาะสมกับหานเซิ่นอย่างที่สุด
แต่หานเซิ่นไม่มีเวลามาดีใจ หนวดงอกออกมาจากดวงตาที่ได้รับบาดเจ็บ พวกมันพันรอบๆวิญญาณอสูรลูกธนูและลบล้างพลังของหานเซิ่นออกไป หลังจากนั้นเจ้ามอสเตอร์ก็ดึงวิญญาณอสูรลูกธนูออกมาและหักมันทิ้ง
หลังจากนั้นดวงตาของเจ้ามอนสเตอร์ก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
“ทั้งร่างกายของมอนสเตอร์ตัวนี้ทำมาจากไหมอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย
หานเซิ่นใช้ธนูงูหกคอร์ยิงใส่ร่างกายของเจ้ามอนสเตอร์ แต่ผลที่ออกมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ว่าหานเซิ่นจะยิงไปถูกส่วนไหน หนวดก็จะงอกออกมาและรักษาบาดแผลที่เจ้ามอนสเตอร์ได้รับในพริบตา
“ฉันเชื่อว่าจะฆ่าแกได้” หานเซิ่นใส่พลังของวิชาเต่าเข้าไปในลูกธนูเพื่อจะชะลอความเร็วของเจ้ามอนสเตอร์ลง
วิชาเต่าได้ผล มันทำให้ร่างกายของเจ้ามอนสเตอร์ช้าลงไป แต่หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้รู้ว่าเจ้ามอนสเตอร์สามารถฉีกส่วนหนึ่งของร่างกายที่ถูกวิชาเต่าออกไป นั่นจะลบล้างผลกระทบของวิชาเต่าที่มีต่อเจ้ามอนสเตอร์
หานเซิ่นลองใช้วิชาเต่าในวิธีการต่างๆหลายวิธี แต่ที่สุดแล้วมันไม่มีประสิทธิภาพ เจ้ามอนสเตอร์นั้นเหมือนกับตุ๊กแกที่สามารถงอกหางออกมาใหม่ได้เรื่อยๆ มันสามารถตัดส่วนต่างๆของร่างกายตัวเองโดยที่ไม่มีผลเสียอะไร
“เจ้าตัวนี้มันน่าเกียจยิ่งกว่าบาร์เสียอีก” หานเซิ่นพูด
นกแดงน้อยและหานเซิ่นไม่รู้จะทำยังไงกับมอนสเตอร์ตัวนี้ดี เจ้ามอนสเตอร์ยังคงใช้หนวดก่อตัวเป็นอาวุธรูปแบบต่างๆเพื่อโจมตีพวกเขา บางอาวุธที่โจมตีเข้ามาก็จะเปลี่ยนรูปร่างอย่างกะทันหันในจังหวะสุดท้าย
มันสามารถก่อตัวเป็นมีด หอก ดาบและแท่งไม้ มันสามารถก่อตัวเป็นโล่และกำปั้นได้อีกด้วย เจ้ามอนสเตอร์เป็นเหมือนกับเครื่องจักรสังหารที่ไร้เทียมทาน มันทำให้หานเซิ่นและนกแดงน้อยรู้สึกปวดหัวขึ้นมา
กู่ชิงเฉิงและคนอื่นกำลังช่วยเสือขาวจัดการพวกงูที่ขึ้นมาบนเกาะ แต่สถานการณ์ของพวกเขาก็ไม่สู้ดีเช่นเดียวกัน งูประหลาดเลื้อยขึ้นมาบนเกาะมากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนที่พวกเขาฆ่างูไปหนึ่งตัว งู 2 ตัวก็จะมาที่แทนตัวที่ตายไป ตอนนี้กว่าครึ่งหนึ่งของเกาะถูกปกคลุมไปด้วยงู
ทันใดนั้นเสือขาวก็ร้องเหมียวขึ้นไปบนท้องฟ้า เสียงร้องของมันตรงมาที่หานเซิ่น
หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าเจ้าเสือขาวต้องการอะไร เสือขาวกระโดดขึ้นและขุดลงไปใต้พื้น เมื่อมันปรากฏตัวอีกครั้ง มันก็อยู่ห่างไกลไปหนึ่งร้อยไมล์ หลังจากนั้นมันก็ส่งเสียงร้องใส่หานเซิ่นอีกครั้ง
เมื่อเห็นแบบนั้นหานเซิ่นก็เข้าใจ มันต้องการให้หานเซิ่นตามมันไป
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่เข้าใจว่าเจ้าเสือขาวกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขารู้ว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะทำการต่อสู้ต่อไป ถึงแม้เขาและนกแดงน้อยจะสามารถเอาตัวรอดได้ แต่ฟางชิงอวี่และคนอื่นก็คงจะถูกฆ่าตาย
“เป่าเอ๋อ หนูเดินเครื่องวาฬขาวและขับตามมันไป” หานเซิ่นโยนเป่าเอ๋อไปที่วาฬขาว
เป่าเอ๋อถูกขว้างผ่านอากาศไป และเมื่อใกล้จะถึงพื้น เธอก็พลิกตัวลงบนวาฬขาวอย่างนุ่มนวล เธอรีบเข้าไปข้างในและเดินเครื่อง หลังจากนั้นเธอก็ขับมันไปทางเสือขาว
กู่ชิงเฉิงและคนอื่นๆรีบพากันถอยกลับเข้าไปในวาฬขาว หานเซิ่นและนกแดงน้อยยังคงต่อสู้เพื่อถ่วงเวลาให้ทุกคนหนีขึ้นไปบนวาฬขาวจนหมด พวกเขาจะไม่ปล่อยให้เจ้ามอนสเตอร์มีโอกาสโจมตีใส่วาฬขาว
พวกงูเป็นเหมือนกับมหาสมุทรสีดำใต้วาฬขาว พวกมันทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าและเกาะเห็ดก็ถูกทำลายย่อยยับในเวลาอันสั้น
เมื่อวาฬขาวบินหนีไปได้ระยะหนึ่ง หานเซิ่นและนกแดงน้อยก็บินถอยออกมา เจ้ามอนสเตอร์ดูเหมือนจะไม่สนใจไล่ตามพวกเขา ตอนนี้มันหันกลับไปตั้งหน้าตั้งตากินเห็ดตามเดิม
หานเซิ่นและนกแดงน้อยไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับมันอีก พวกเขาบินเคียงข้างวาฬขาวเพื่อปกป้องมันเอาไว้
สถานการณ์ของพวกเขาคับขันขึ้นมา ตอนนี้อาหารกลายเป็นอีกปัญหาหนึ่ง และปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือการที่พวกเขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับเจ้ามอนสเตอร์และกองทัพงูได้ยังไง
วาฬขาวบินเหนือเกาะไป ขณะที่พวกเขาเคลื่อนที่เหนือกองทัพงูไปนั้น ทันใดนั้นใบหน้าของหานเซิ่นก็ซีดไปเมื่อเขาเห็นว่าหลังจากที่งูกินเห็ดเข้าไปมากๆ ร่างกายของพวกมันก็มีขนาดใหญ่ขึ้น มันใหญ่โตขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบเท่าและร่างกายของมันก็เริ่มจะมีหนวดงอกออกมา มันเหมือนกับเวอร์ชั่นขนาดเล็กของเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่มหึมานั่น
“พวกมันไม่ใช่งู พวกมันเป็นเวอร์ชั่นเด็กของเจ้าตัวใหญ่นั่น” เมื่อหานเซิ่นและคนอื่นรู้แบบนั้น สีหน้าของพวกเขาก็ดูมัวหมอง
แค่เจ้ามอนสเตอร์ตัวนั้นตัวเดียวก็ยากจะรับมือมากพอแล้ว ถ้างูตัวอื่นกลายเป็นเหมือนกับมอนสเตอร์ตัวนั้น มันก็จะเป็นหายนะสำหรับพวกเขา
ขณะที่ทุกคนกำลังประมวลผลข้อมูลใหม่นี้ งูบางตัวก็เติบโตขึ้นอีก พวกมันกลายเป็นเหมือนกับมอนสเตอร์ที่ร่างปกคลุมไปด้วยหนวด แต่พลังของมันยังไม่ถึงระดับที่น่ากลัวเหมือนกับเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่ พวกมันยังคงเป็นแค่ระดับราชันเท่านั้น แต่พวกมันเกือบจะแข็งแกร่งเท่ากับระดับครึ่งเทพ
“นี่มันเป็นเรื่องตลกใช่ไหม?” โจรสลัดคนหนึ่งพึมพำด้วยความตกใจ ไม่มีใครสามารถตอบอะไรเขาได้
เสือขาวยังคงวิ่งผ่านป่าเห็ดไป และถ้าวาฬขาวเริ่มจะล่าช้า มันก็จะหยุดและหันมาส่งเสียงเรียกพวกเขา เมื่อพวกเขาไล่ตามทัน มันก็จะเริ่มวิ่งต่อไป เหมือนกับว่าเจ้าเสือขาวกำลังนำทางพวกเขาไปที่ไหนสักแห่ง
ตอนที่ 2584
ก่อนหน้านี้หานเซิ่นและคนอื่นเคยสำรวจเกาะแห่งนี้อยู่หลายครั้ง แต่นอกจากเห็ดแล้วมันไม่มีอะไรอย่างอื่นที่พิเศษ
พวกเขาได้สำรวจยานอวกาศที่พังหลายรอบเช่นเดียวกัน แต่พวกเขาก็ไม่เจออะไรที่สำคัญ
“เจ้าเสือขาวกำลังพาพวกเราไปที่ไหนกัน? นี่มันกำลังจะพาพวกเราออกไปจากที่นี่อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย
แต่หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ต้องผิดหวังที่เจ้าเสือขาวไม่ได้มีแผนที่จะออกไปจากเกาะ พวกเขามาถึงเห็ดขนาดใหญ่ที่สูงพอๆกับตึกสามชั้น เสือขาวเดินเข้าไปหาเห็ดและใช้อุ้งเท้าตบใส่มัน เห็ดล้มลงไปและเผยให้เห็นถ้ำที่นำลงไปใต้พื้นดิน
“มันมีถ้ำอยู่ที่นี่?” หานเซิ่นพึมพำอย่างประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่าพื้นของเกาะแห่งนี้ทำขึ้นมาจากอะไร แต่หินของมันแข็งขนาดที่แม้แต่พลังระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถทำลายพวกมันได้
การจะสร้างถ้ำในที่แห่งนี้จึงเป็นเรื่องที่ยากมากๆ
เสือขาวหายเข้าไปในถ้ำ หลังจากผ่านไปสักพักมันก็กลับออกมาและส่งเสียงมาทางหานเซิ่น ราวกับว่ามันกำลังบอกให้เขารีบตามเข้าไปข้างใน
หานเซิ่นเห็นงูอยู่ด้านหลังไม่ไกลไปจากพวกเขา ถ้าพวกเขาไม่เข้าไปในถ้ำตอนนี้ พวกงูก็อาจจะมาถึงก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสได้หนีไป นั่นจะทำให้พวกเขาต้องตกอยู่ในการต่อสู้ที่เลวร้ายอีกครั้ง
แต่เมื่อหานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมันดูดีๆ เขาก็รู้สึกตัวว่าไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าพวกเขาต้องการจะอยู่บนเกาะต่อ พวกงูก็เป็นศัตรูของพวกเขา ซึ่งตอนนี้พวกเขาไม่สามารถทำอะไรกับได้
ทุกคนลงมาจากวาฬขาว และหานเซิ่นก็ย่อขนาดวาฬขาวลงเพื่อเก็บเข้ากระเป๋าไป หลังจากนั้นพวกเขาก็ลงไปในถ้ำใต้ดิน
พวกเขาเข้าไปในถ้ำได้ไม่ถึงนาที พวกงูก็เดินทางมาถึงและเข้าปกคลุมพื้นดินเหมือนกับผ้าคลุมสีดำ พวกมันหลายตัวยื่นหัวเข้าไปในถ้ำ
แต่ทว่าเนื่องจากมันไม่มีเห็ดไหนอยู่ข้างใน พวกงูจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก หลังจากที่มองดูถ้ำเพียงชั่วครู่ พวกมันก็เลื้อยผ่านไป
หานเซิ่นและคนอื่นยังคงตามเสือขาวลึกเข้าไปในถ้ำ หานเซิ่นรู้สึกตัวว่าถ้ำแห่งนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้น นั่นทำให้เขารู้สึกโล่งใจอย่างมาก
ถ้ามันถูกสร้างขึ้นด้วยมือ อย่างนั้นอะไรก็ตามที่สร้างถ้ำแห่งนี้ขึ้นมาก็จะเป็นอะไรที่อันตรายมากๆสำหรับพวกเขา แต่ถ้ามันเกิดขึ้นตามธรรมชาติ มันก็มีโอกาสที่จะเป็นแค่ถ้ำธรรมดา
“ทำไมเสือขาวถึงใจดีพาพวกเรามาหลบในถ้ำแห่งนี้? หรือว่านี่จะเป็นแผนการร้ายบางอย่าง?” หนึ่งในโจรสลัดถาม
“ไม่ว่ายังไงก็ตามพวกเราจำเป็นต้องตามมันไป นอกซะจากเจ้าต้องการจะต่อสู้กับเจ้ามอนเตอร์ที่อยู่ข้างนอกถ้ำนั่น” โจรสลัดอีกคนพูด
“ไหนๆก็เข้ามาแล้ว พวกเราควรจะสำรวจถ้ำนี้ให้ทั่ว ไม่แน่ที่นี่อาจจะเป็นที่ที่เจ้าเสือขาวเก็บสมบัติของมันเอาไว้”
เหล่าโจรสลัดเริ่มพูดคุยกัน แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากส่วนที่ลึกเข้าไปในถ้ำ
ความจริงแล้วพวกเขามองไม่เห็นอะไร พวกเขาแค่รู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังเข้ามาจากด้านหน้า
วินาทีต่อมา ทุกคนก็รู้สึกหนาวขึ้นมา เสื้อผ้าของพวกเขาปลิวไสวขณะที่ลมหนาวพัดมาจากส่วนลึกของถ้ำ
ลมหนาวไม่ได้รุนแรงอะไร มันเป็นแค่ลมที่ทำให้ใบไม้สั่นไหวเท่านั้น มันไม่ได้ทำร้ายอะไรกลุ่มของหานเซิ่น แต่ทว่าลมนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกๆ
หนึ่งในโจรสลัดพูดขึ้นมา “แปลกจริงๆ มันมีลมพัดมาจากใต้ดิน นั่นหมายความว่ามันมีทางออกอยู่อย่างนั้นหรอ?”
ดวงตาของฟางชิงอวี่เป็นประกายขึ้นมา “พวกเราสันนิษฐานว่าตอนนี้พวกเราอยู่ในท้องของแมงมุมหลุมดำใช่ไหม? ถ้ามหาสมุทรนี่คือกระเพาะของมัน มันก็ควรจะมีอวัยวะอื่นที่เชื่อมต่อกับกระเพาะ บางทีการไปสู่อวัยวะเหล่านั้นจะนำพวกเราไปสู่ทางออก”
“นั่นหมายความว่าลมนี่คือตดของมันอย่างนั้นหรอ?” โจรสลัดคนหนึ่งพูดด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีเขียว
การอธิบายของฟางชิงอวี่ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่สบายใจ แต่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด พวกเขาประหลาดใจ ถ้านี่เป็นความจริง มันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะหนีไปจากที่นี่ได้
การหนีออกไปผ่านลำไส้ของแมงมุมหลุมดำอาจจะฟังดูไม่รื่นรมย์ แต่มันก็ดีกว่าการต้องตายอยู่ที่นี่ ไม่ว่ามันจะเป็นการเดินทางที่น่าขยะแขยงสักแค่ไหน ชีวิตก็สำคัญกว่า
ทุกคนดูเต็มไปด้วยความหวัง พวกเขาตามหลังเสือขาวไปอย่างกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น
อุโมงค์นั้นคดเคี้ยว แต่ในภาพรวมแล้วมันพาพวกเขามุ่งไปข้างล่าง บางส่วนของอุโมงค์นั้นกว้างพอที่จะให้เครื่องบินผ่านไปได้ ขณะที่บางส่วนแคบถึงขนาดที่พวกเขาผ่านไปได้แค่ทีละคนเท่านั้น
ขณะที่พวกเขาเดินทาง ลมหนาวก็ยังคงพัดผ่านพวกเขาเรื่อยๆ มันเป็นลมอ่อนๆในตอนแรก แต่ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ ลมก็รุนแรงมากขึ้นเท่านั้น กำแพงหินรอบตัวพวกเขานั้นแบนเรียบ ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการถูกลมหนาวอย่างต่อเนื่องอย่างไม่ต้องสงสัย เหมือนกับว่าพวกมันถูกลมหนาวพัดมาเป็นพันล้านปี
หลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียงลมอีกครั้ง มันก็มาพร้อมกับเสียงฟ้าร้องที่ดังก้อง มันเหมือนกับมีพายุฝนฟ้าคะนองที่ไม่มีที่สิ้นสุด เหล่าโจรสลัดรู้สึกราวกับว่าหูของพวกเขากำลังจะแตก
โชคดีที่สายลมไม่รุนแรงพอที่จะทำร้ายใคร มันแค่ทำให้พวกเขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเท่านั้น
“นี่มันแปลกๆ ถ้าอุโมงค์นี้นำไปสู่ลำไส้ของแมงมุมหลุมดำจริง แบบนั้นมันก็ไม่ควรจะมีตดต่อเนื่องมากขนาดนี้ได้”
“บางทีแมงมุมหลุมดำอาจจะกำลังท้องเสีย”
“ได้โปรดใช้สมองคิด ถึงแม้มันจะท้องเสีย มันก็ยังจำเป็นต้องมีบางสิ่งเพื่อย่อย พวกเราเดินทางมาจนถึงตรงนี้ แต่พวกเราก็พบแค่พื้นหินที่แห้งสนิท มันไม่มีอะไรอย่างอื่น”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าคิดว่าที่นี่คืออะไรล่ะ?”
“ข้าจะไปรู้ได้ยังไง”
เหล่าโจรสลัดถกเถียงกันอีกครั้ง พวกเขาไม่ได้ถกเถียงกันเพื่อความสนุก แต่มันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาจำเป็นต้องระเบิดอารมณ์ พวกเขาพยายามที่จะลดความตึงเครียดของสถานการณ์
หานเซิ่นรู้นานแล้วว่านี่ไม่ใช่ลำไส้ของแมงมุม และการมีอยู่ของสายลมนั้นก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกค่อนข้างแปลก
ถ้ามันไม่มีความออกอยู่ข้างล่าง อย่างนั้นการมีอยู่ของสายลมก็จะเป็นอะไรที่แปลกมากๆ
หานเซิ่นอยากจะถามเสือขาว แต่เสือขาวยังคงเดินไปข้างหน้า มันไม่ได้ให้ความสนใจอะไรพวกเขา ดังนั้นการจะถามข้อมูลจากมันจึงดูเป็นไปไม่ได้
ตูม! ตูม! ตูม!
สายลมพัดขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันพัดรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าของเหล่าโจรสลัดบิดเบี้ยวไปในรูปร่างที่แปลกประหลาด ผิวหนังบนใบหน้าของพวกเขาพับไปติดกับกะโหลกด้วยแรงของลม
ฟางชิงอวี่ที่เป็นระดับมาร์ควิสเกือบจะถูกพัดปลิวออกไป ร่างกายของเขาลอยขึ้นสู่อากาศ และหานเซิ่นจำเป็นต้องเอื้อมมือเพื่อจับตัวเขาเอาไว้
“ลมเริ่มจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พวกเราควรจะไปต่อไหม?” เหล่าโจรสลัดหยุดเดินและหันมามองหานเซิ่น หานเซิ่นเป็นผู้นำของพวกเขา
หานเซิ่นเองก็ลังเลเช่นกัน เขาไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเสือขาวมากนัก บางทีการตามหลังเสือขาวไปอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดี ถ้าเขาสามารถย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็คงจะไม่พาคนลงมาในนี้
ขณะที่หานเซิ่นครุ่นคิดอยู่นั้น เสือขาวก็สังเกตเห็นว่าพวกเขาหยุดเดิน มันหันกลับมาและส่งเสียงใส่หานเซิ่นอีกครั้งเพื่อบอกให้พวกเขารีบตามมันไป
“เอาแบบนี้เป็นไง? ขณะที่งูยังมาไม่ถึง พวกเจ้าก็หยุดพักอยู่ที่นี่ไปก่อน ขณะที่ข้าไปสำรวจข้างหน้า” หานเซิ่นพูดกับฟางชิงอวี่
หานเซิ่นไม่ได้สนใจชีวิตของอัศวินของเอ็กซ์ตรีมคิงหรือเหล่าโจรสลัด แต่เขาเป็นห่วงกู่ชิงเฉิงและหนิงเยวี่ย
“ให้พวกเราไปกับนาย” กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ตัดสินใจจะตามไปด้วย
“อย่าทิ้งฉันเอาไว้ที่นี่!” หนิงเยวี่ยเกาะตัวหานเซิ่นเอาไว้ เธอคิดว่าการตามหานเซิ่นไปนั้นดีกว่ารออยู่ที่นี่
ตอนที่ 2585
เนื่องจากหนิงเยวี่ยไม่ยอมปล่อยมือจากเขา หานเซิ่นจึงต้องพาเธอติดไปด้วย กู่ชิงเฉิง จันทราสวรรค์ เป่าเอ๋อและนกแดงน้อยก็ไปด้วยเช่นเดียวกัน ฟางชิงอวี่ตัดสินใจที่จะรออยู่เบื้องหลัง
ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ สายลมก็น่ากลัวมากขึ้นเท่าไหร่ ในตอนนี้เมื่อไหร่ก็ตามที่ลมพัดมา แม้แต่กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ก็ไม่สามารถรักษาสมดุลของตัวเองได้ พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมสายลมถึงได้รุนแรงขึ้นเมื่อพวกเขาเดินทางลึกเข้าไป
การที่มีลมพัดมาได้ อีกด้านหนึ่งก็ต้องมีทางออกอยู่ แต่เมื่อเขามองลงไป เขาก็ไม่เห็นอะไรที่ลมจะผ่านเข้ามาได้
หนิงเยวี่ยดูหวาดกลัว แต่เธอไม่ได้รับผลกระทบอะไร ดาบเขียวน้อยนั้นป้องกันเธอจากสายลมที่น่ากลัว
‘ดาบเขียวน้อยนั่นคืออะไรกันแน่? ความสามารถของมันเป็นอะไรที่น่ากลัวเกินไป’ หานเซิ่นถอนหายใจออกมา
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆเสือขาวก็หายตัวไป มันเหมือนกับว่าเจ้าเสือขาวสลายกลายเป็นอากาศธาตุ
“ทำไมเจ้าเสือขาวถึงหายตัวไป?” หนิงเยวี่ยพูดขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
ก่อนที่หานเซิ่นจะตอบอะไร เจ้าเสือขาวก็ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง มันส่งเสียงใส่หานเซิ่นและหายตัวไปอีกครั้ง
หานเซิ่นและคนอื่นเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง พวกเขาพบรูอยู่บนพื้น มันเป็นรูที่เกือบจะตรงดิ่งลงไปด้านล่าง ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าเสือขาวดูเหมือนหายตัวไป และด้วยเหตุนั้นพวกหานเซิ่นจึงไม่สังเกตเห็นรูจนกระทั่งพวกเขาเข้ามาใกล้มัน
พวกเขาตามเสือขาวลงไป และสิ่งที่เจอด้านล่างก็ทำให้หานเซิ่นต้องประหลาดใจ
มันเป็นถ้ำรูปโถ พวกเขาเข้ามาจากด้านข้างและมันไม่มีทางอื่นอยู่อีก สถานที่แห่งนี้เป็นทางตัน
แต่ความจริงที่ถ้ำแห่งนี้เป็นทางตันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจมากที่สุด เนื่องจากมันมีบางสิ่งอยู่ในถ้ำแห่งนี้
หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันคืออะไร เนื่องจากมันออกมาให้เห็นแค่หนึ่งฟุตเท่านั้น ของสิ่งนั้นมีสีม่วงและมีสัญลักษณ์ประหลาดสลักอยู่บนผิวของมัน มันดูเหมือนกับด้ามจับของบางสิ่ง แต่มันไม่ได้เหมือนกับด้ามจับของมีดหรือดาบ นั่นก็เพราะด้ามจับนี้หนาแค่ไม่กี่นิ้วมือ และจากส่วนที่ยื่นออกมาให้เห็น พวกเขาก็รู้ว่ามันยาวเกินกว่าที่จะเป็นด้ามจับปกติ
ตูม!
ขณะที่หานเซิ่นและคนอื่นๆมองไปที่วัตถุทองแดงสีม่วงที่ถูกฝังอยู่ในหิน สัญลักษณ์ประหลาดก็เรืองแสงสีม่วงออกมา หลังจากนั้นพายุที่น่ากลัวก็ถูกปลดปล่อยจากวัตถุสีม่วงนั้น
ทุกคนถูกสายลมพัดกระเด็นออกไป พวกเขาถูกเด้งไปเด้งมารอบๆถ้ำราวกับเป็นลูกบอลยางจนกระทั่งลมนำพวกเขาออกไปยังรูที่พวกเขาใช้เข้ามา หลังจากพวกเขาก็กลับมาทรงตัวได้
หานเซิ่นและนกแดงน้อยอยู่ในสภาพกระเซอะกระเซิง สายลมนั้นรุนแรงยิ่งกว่าที่พวกเขาเคยประสบมาก่อน
สายลมนั้นเบาลงไปมากเมื่อเข้าไปในอุโมงค์ ภายในถ้ำแห่งนั้นพวกเขาต้องรับพลังอย่างเต็มที่ของสายลมนั่น
“นี่มันคืออะไรกัน? ทำไมมันถึงได้ทรงพลังขนาดนี้?” หานเซิ่นมองไปที่วัตถุทองแดงสีม่วงด้วยความตกใจ
“เหมียว” เสือขาวเดินไปข้างๆวัตถุทองแดงสีม่วงและใช้อุ้งเท้าของมันชี้ไปที่ของสิ่งนั้น หลังจากนั้นมันก็ส่งเสียงเรียกหานเซิ่น
“เจ้าต้องการให้ข้าเอามันออกมาอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“เหมียว” เสือขาวส่งเสียงร้องพร้อมกับพยักหน้า
กู่ชิงเฉิงจ้องมองไปที่วัตถุทองแดงสีม่วงอยู่ชั่วครู่และพูด
“บางทีสิ่งนี้อาจจะยับยั้งเจ้ามอนสเตอร์ที่อยู่ภายนอกได้”
“เหมียว” เสือขาวรีบพยักหน้าในทันทีหลังจากที่ได้ยินที่กู่ชิงเฉิงพูด
‘เป็นไปได้ด้วยอย่างนั้นหรอ’ หานเซิ่นคิดและรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องนั้น เขาพยายามคิดหาหนทางที่จะจัดการกับมอนสเตอร์ที่ขึ้นมาบนเกาะ แต่เขายังคงคิดอะไรไม่ออก ถ้าอาวุธนี้สามารถใช้กับเจ้ามอนสเตอร์ได้ อย่างนั้นวิกฤตของพวกเขาก็จะถูกแก้ไข และหานเซิ่นก็ยังจะได้รับสมบัติอย่างหนึ่งไปด้วย นี่ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
หานเซิ่นไม่พูดอะไร เขาเดินตรงไปหาวัตถุทองแดงสีม่วง เขาใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจสอบมัน
ดวงตาของหานเซิ่นแยกออกเป็น 4 แฉกและเริ่มหมุนวน ด้วยวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วง ประวัติศาสตร์ของวัตถุทองแดงสีม่วงก็เริ่มเล่นย้อนกลับเหมือนกับภาพวิดีโอ
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ ขณะที่วิญญาณอสูรผีเสื้อย้อนเวลากลับไป เขาก็ได้เห็นว่ามันคืออะไร มันก็คือเปียนหรือแส้เหล็กของจีน
แส้เหล็กถือเป็นอาวุธที่หาได้ยากมากๆ มันดูเหมือนกับดาบ แต่ใบมีดของมันเป็นสี่เหลี่ยม และแทนที่จะเน้นความคมเหมือนกับดาบ อาวุธนี้กลับมุ่งเน้นไปที่ความแข็งแรงเพียงอย่างเดียว
โดยปกติแล้วแส้เหล็กจะถูกใช้เป็นคู่ ดังนั้นแส้เหล็กเดี่ยวๆจึงถือว่าหาได้ยาก
ด้วยเหตุผลบางอย่างแส้เหล็กถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลังในทะเลสีดำ ชั้นตะกอนที่สะสมจากทะเลสีดำค่อยๆก่อตัวเป็นเกาะที่พวกเขายืนอยู่ข้างในตอนนี้ ดูจากความลึกของถ้ำ หานเซิ่นก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่ามันเป็นเพราะอาวุธนี้หรือเปล่าที่ดึงตะกอนของทะเลสีดำมารวมกันจนเกิดเป็นเกาะแห่งนี้ขึ้นมา
แต่สัญลักษณ์ประหลาดของแส้เหล็กนั้นปลดปล่อยสายลมที่รุนแรงออกมาเรื่อยๆ ซึ่งมันขยับหินที่เกาะอยู่ออกไป นอกจากนั้นมันยังขุดจนเกิดเป็นถ้ำนี้ขึ้นมา เมื่อดูการที่มันถูกซ่อนเป็นอย่างดีแล้ว หานเซิ่นก็ไม่รู้เลยว่าเจ้าเสือขาวหามันพบได้ยังไง
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เกิดความคิดแปลกๆอย่างหนึ่งขึ้นมา
‘นั่นหมายความว่าเกาะแห่งนี้คือหินที่อยู่ภายในกระเพาะของแมงมุมหลุมดำ เจ้าแมงมุมควรจะขับสสารย่อยไม่ได้ออกไป แต่เนื่องจากแส้เหล็กทองแดงสีม่วงนี้ สสารเหล่านั้นจึงถูกสะสมกันจนเป็นก้อน และหลังจากผ่านไปเป็นพันๆล้านปี เกาะแห่งนี้ก็ถูกสร้างขึ้นมา’
“ให้ข้าเป็นคนลองดู” จันทราสวรรค์พูด ขณะที่หานเซิ่นยังคงมองดูมัน จันทราสวรรค์ก็เดินเข้าไปหาเแส้เหล็กทองแดงสีม่วง เธอรวบรวมพลังและยื่นมือไปจับส่วนที่ยื่นออกมาจากหิน
ปัง!
ก่อนที่จันทราสวรรค์จะดึงมันออกมาได้ สายลมที่รุนแรงก็พัดร่างกายของเธอกระเด็นออกไป หานเซิ่นและคนอื่นๆก็ถูกพัดออกไปเช่นกัน
พวกเขาไม่รู้ว่าแส้เหล็กทองแดงสีม่วงนี้คืออะไรกันแน่ แต่ความจริงที่มันสามารถปลดปล่อยพลังมหาศาลออกมาโดยที่ไม่มีใครใช้นั้นถือเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มากๆ แม้แต่นกแดงน้อยก็ยังไม่สามารถทนต่อสายลมที่มันปล่อยออกมาได้ นี่ต้องไม่ใช่อาวุธธรรมดาๆอย่างแน่นอน
“ดูเหมือนมันจะเป็นอาวุธระดับเทพเจ้าธาตุลม ในพวกเรามีใครที่เชี่ยวชาญธาตุลมไหม?” กู่ชิงเฉิงพูด
ทุกคนแลกเปลี่ยนสายตากันและกัน แต่ในหมู่พวกเขาไม่มีใครที่ใช้พลังธาตุลม
“พวกเราควรจะลองดูก่อน บางทีพวกเราอาจจะไม่จำเป็นต้องมีธาตุลม ถ้าพวกเราดึงมันออกมาไม่ได้ พวกเราก็ควรจะกำจัดหินที่อยู่รอบๆมันออกไปก่อน” หานเซิ่นพูด
จันทราสวรรค์พยักหน้าและนำเอาร่มกระดาษออกมา เธอใช้มันเหมือนกับดาบและฟันใส่ไปที่ก้อนหินเหนือแส้เหล็ก ปลายของร่มนั้นปลดปล่อยดาบแสงออกไป
การโจมตีนั้นรุนแรงพอที่จะเจาะดวงดาวทั้งดวงจนเป็นรู แต่เมื่อแสงจางหายไป ก้อนหินกลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน พวกเขาทุกคนจ้องมองไปที่ก้อนหินอย่างตกตะลึง
ตอนที่ 2586 แส้เหล็กทองแดงสีม่วง
จันทราสวรรค์นั้นแข็งแกร่งเท่าที่ระดับราชันจะแข็งแกร่งได้ แต่การโจมตีอย่างเต็มกำลังของเธอกลับไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนหินเลย หินของที่นี่นั้นทนทานกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้
“นกแดงน้อย!” หานเซิ่นเรียก
นกแดงน้อยเข้าใจสิ่งที่หานเซิ่นต้องการจะสื่อ มันปล่อยเพลิงฟินิกซ์ออกไปเพื่อเผาผลาญหินที่อยู่รอบๆแส้เหล็ก
หลังจากใช้เวลาครึ่งชั่วโมง การเผาผลาญด้วยเพลิงอันร้อนแรงก็เริ่มจะเกิดผล พวกมันเริ่มจะเปลี่ยนหินเป็นสีแดง ถ้าหานเซิ่นพยายามจะใช้เพลิงฟินิกซ์ของนกแดงน้อยเพื่อละลายหินรอบๆแส้เหล็กล่ะก็ เขาก็ไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานสักแค่ไหน
กู่ชิงเฉิงมองหินที่กำลังถูกเผาและพูด “แมงมุมหลุมดำกลืนกินดวงดาวและก้อนหินมากมาย เจ้าแมงมุมนั้นต้องกินโลหะชั้นสูงและวัตถุพิเศษมาเป็นเวลาหลายปี แต่ระบบย่อยอาหารของมันย่อยได้ไม่หมด อะไรที่ไม่ถูกย่อยก็มารวมตัวกันจนกลายเป็นหินพวกนี้ ถ้าหินพวกนี้ทนต่อระบบย่อยอาหารของแมงมุมหลุมดำได้ สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าธรรมดาก็คงจะสร้างความเสียหายกับหินพวกนี้ไม่ได้ง่ายๆ”
จันทราสวรรค์พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่กู่ชิงเฉิงพูด แมงมุมหลุมดำเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลาย ถ้าแม้แต่มันยังย่อยวัตถุที่มารวมกันเป็นหินนี้ไม่ได้ แบบนั้นพวกหานเซิ่นก็คงจะทำลายมันไม่ได้เช่นกัน
โชคดีที่นกแดงน้อยเผาผ่านหินไปได้อย่างช้าๆ ด้วยความพยายามและความอดทน แม้แต่เหล็กแท่งโตก็สามารถถูกฝนจนกลายเป็นเข็มได้ เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องทำในตอนนี้ก็คืออดทน
ขณะที่นกแดงน้อยยังคงพ่นไฟอันร้อนแรงต่อไป สายลมก็ปะทุขึ้นมาจากแส้เหล็กอีกครั้ง สายลมนั้นพัดเพลิงฟินิกซ์กระจัดกระจายไปทั่วและกลับมาที่พวกหานเซิ่น
นกแดงน้อยหยุดพ่นไฟออกมา แต่มันสายเกินไปแล้ว เปลวเพลิงของมันได้เผาเส้นผมและคิ้วของพวกเขาจนไหม้ แต่โชคดีที่พวกเขาได้ได้รับบาดเจ็บหนักอะไร พวกเขาแค่ดูทรุดโทรมลงไปเท่านั้น
“แส้เหล็กจะปลดปล่อยสายลมออกมาอยู่เรื่อยๆ พวกคงจะเผาผลาญหินเพื่อเอามันออกมาไม่ได้ มันยังมีหนทางอื่นอีกไหม?” หานเซิ่นมองกู่ชิงเฉิงและคนอื่นๆ
ทุกคนแลกเปลี่ยนสายตากันและกัน แต่ไม่มีใครมีไอเดียอะไร
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะลองดึงมันทีละคน” หานเซิ่นพูด เขาเรียกเสือคลุมวิญญาณราชานกยูงออกมาและเดินเข้าไปหาแส้เหล็ก แสงสีรุ้งที่ปกคลุมมือของเขาขณะที่เขาพยายามจะดึงอาวุธออกมา
ลวดลายลึกลับบนแส้เหล็กเรืองแสงสีม่วงออกมา หลังจากนั้นมันก็ปลดปล่อยสายลมที่น่ากลัวออกมา มันพัดทุกคนกระเด็นออกไป
หานเซิ่นยังคงจับแส้เหล็กเอาไว้แน่น เขายันเท้าไว้กับก้อนหินและพยายามจะดึงแส้เหล็กออกไป แต่หลังจากพยายามอยู่สักพัก เขาก็ยังไม่สามารถทำให้มันขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย แถมลมพายุของแส้เหล็กก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้เสื้อคลุมขนนกและเส้นผมของเขาปลิวไสว
ตูม!
ในที่สุดแล้วหานเซิ่นก็ไม่สามารถทนต่อแรงลมได้และถูกพัดกระเด็นออกไป เขาเด้งกับกำแพงหินหลายครั้งจนกระทั่งเขาออกไปจากถ้ำ
หลังจากผ่านไปสักพัก หานเซิ่นก็บินกลับเข้ามา และลมพายุในถ้ำก็สงบลงในที่สุด
“หนิงเยวี่ย เธอลองดู บางทีเธออาจจะทำสำเร็จ” หานเซิ่นพูดกับหนิงเยวี่ย
หนิงเยวี่ยส่ายหัวและก้าวถอยออกไปหนึ่งก้าว เธอพูดขึ้นมา
“ถ้าพวกนายทำไม่ได้ ฉันก็ทำไม่ได้อย่างแน่นอน”
“ลองดู ถ้าเธอไม่ทำ ฉันจะโยนเธอไปให้พวกงูกิน” หานเซิ่นข่มขู่
ลมพายุของแส้เหล็กไม่ได้ทำร้ายใคร มันแค่พัดพวกเขาไปรอบๆ แต่มันจะไม่ฆ่าพวกเขา
หนิงเยวี่ยถูกปกป้องโดยดาบเขียว ลมพายุนั้นไม่สามารถทำอะไรเธอได้ บางทีเธออาจจะดึงแส้เหล็กออกมาได้สำเร็จ
หนิวเยวี่ยรู้สึกแย่ เธอหวาดกลัว แต่หลังจากการข่มขู่ของหานเซิ่น เธอก็ก้าวออกไปข้างหน้าอย่างไม่เต็มใจ เธอค่อยๆวางมือลงบนแส้เหล็ก
ปัง!
หนิงเยวี่ยแค่สัมผัสกับแส้เหล็กเท่านั้นก่อนที่ลมพายุจะพัดเธอกระเด็นออกไป ครั้งนี้พลังของดาบเขียวไม่ได้ปกป้องเธอ และหนิงเยวี่ยก็กลิ้งไปรอบๆสักพักหนึ่งก่อนจะหยุด
“ฉันบอกนายแล้วว่าทำไม่ได้ แต่นายก็ยังบังคับให้ฉันทำ!” หนิงเยวี่ยพูดขณะที่นั่งอยู่กับพื้น ผมของเธอดูยุ่งเหยิงและเธอก็เกือบจะร้องไห้ออกมา
หานเซิ่นรู้สึกปวดหัว ในพวกเขาไม่มีใครที่ดึงแส้เหล็กออกมาได้ โดยปกติแล้วถ้าสมบัติหนึ่งดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเอามา หานเซิ่นก็จะปล่อยมันไป
แต่ตอนนี้ถ้าเขาไม่เอาแส้เหล็กนี่ไป เขาก็จะไม่สามารถจัดการกับเจ้ามอนสเตอร์ที่อยู่ข้างนอกได้ พวกเขาจะติดอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้
“พ่อ พ่ออยากได้แส้เหล็กนั่นจริงๆอย่างนั้นหรอ?” เป่าเอ๋อถามขณะที่ดึงแขนเสื้อของหานเซิ่น
“ใช่ พวกเราจำเป็นต้องใช้แส้เหล็กทองแดงสีม่วงนั่น หนูมีความคิดอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามเป่าเอ๋อ
“พ่อแค่ต้องดึงมันออกมา” เป่าเอ๋อพูด
“ถ้าพวกเราดึงมันออกมาได้ พวกเราก็คงจะไม่มัวยืนอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไร” จันทราสวรรค์พูด
หนิงเยวี่ยร้องและพูด “ใช่ เจ้าสิ่งนี้มันแปลก! เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอสัมผัสมัน สายลมก็จะพัดออกมา”
เป่าเอ๋อกระพริบตาปริบๆและกระโดดเข้าไปหาแส้เหล็ก เธอยื่นมือออกไปจับด้ามของแส้เหล็ก ขณะที่เธอทำแบบนั้น ทุกคนก็เตรียมตัวเพื่อรับลมพายุที่จะออกมา พวกเขาไม่อยากจะถูกพัดกระเด็นออกไปอีกครั้ง
แต่หลังจากที่มือน้อยๆของเป่าเอ๋อจับด้ามของแส้เหล็ก มันก็ไม่มีลมพายุออกมา เป่าเอ๋อจับแส้เหล็กทองแดงสีม่วงเอาไว้แน่น หลังจากนั้นเธอก็ดึงมันออกมาราวกับว่าเธอกำลังดึงแครอทออกมาจากพื้น
หนิงเยวี่ยและคนอื่นๆเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เป่าเอ๋อดึงเอาแส้เหล็กที่ยาวหนึ่งเมตรออกมา มันมีความสูงมากกว่าตัวเธอซะอีก เธอนำมันมาส่งให้กับหานเซิ่นด้วยรอยยิ้ม “ได้แล้วพ่อ”
“เป่าเอ๋อ หนูเป็นเด็กดีที่สุด เมื่อกลับไป พ่อจะซื้อไอศกรีมให้หนูเยอะๆ” หานเซิ่นรับแส้เหล็กและยิ้มกว้างออกมา
น่าแปลกที่ในตอนที่แส้เหล็กฝังอยู่ในหิน มันจะปลดปล่อยลมพายุออกมาเมื่อถูกสัมผัส แต่ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นถือมันอยู่ในมือ มันกลับไม่มีลมพายุออกมา
หานเซิ่นมองดูแส้เหล็กทองแดงสีม่วงในมือ มันดูเหมือนกับอันที่เขาเห็นผ่านวิญญาณอสูรเนตรม่วง มันมีความยาว 1.2 เมตร ใบมีดของมันเป็นสี่เหลี่ยมและถูกสร้างขึ้นมาจากทองแดงสีม่วง มันค่อนข้างหนักและทั้ง 4 ด้านของอาวุธมีสัญลักษณ์ประหลาดอยู่
แต่สัญลักษณ์ประหลาดเหล่านั้นแตกต่างไปจากสัญลักษณ์ประหลาดบนด้ามจับ หานเซิ่นลองใส่พลังเข้าไปในแส้เหล็กเพื่อดูว่าจะปลุกพลังของมันให้ตื่นขึ้นมาได้ไหม
มันเป็นกระบวนการที่ราบรื่นอย่างน่าประหลาดใจ หลังจากที่พลังของศาสตร์ตงเสวียนเข้าไปในแส้เหล็ก สัญลักษณ์บนอาวุธก็สว่างขึ้นมาด้วยแสงสีม่วง
หานเซิ่นพึงพอใจที่เห็นอาวุธแสงเรืองออกมา ถ้าเขาไม่สามารถใช้มันได้หลังจากที่ได้รับมันมา นั่นก็จะเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดมากๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะกังวลมากเกินไป
สัญลักษณ์สีม่วงบนแส้เหล็กสว่างไสว ทุกคนในถ้ำสัมผัสได้ว่าพลังที่แท้จริงของแส้เหล็กนั้นไม่ใช่สายลม อย่างน้อยมันก็ไม่ได้คล้ายคลึงกับพลังที่ปลดปล่อยออกมาจากด้ามจับ
แสงสีม่วงของแส้เหล็กสว่างขึ้นเรื่อยๆและกลายเป็นเปลวไฟสีม่วง แส้เหล็กทองแดงสีม่วงถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟ และไฟสีม่วงก็ค่อยๆลามไปยังมือและส่วนอื่นๆของร่างกายหานเซิ่น
ตอนที่ 2587 พลังของแส้เหล็กทองแดงสีม่วง
ขณะที่หานเซิ่นถือแส้เหล็กเอาไว้ ร่างกายของเขาก็อาบในแสงสีม่วง มันเหมือนกับมีดวงดาวสีม่วงนับไม่ถ้วนเต้นระบำรอบๆตัวเขา ร่างกายทั้งร่างของเขาดูเบลอๆไปราวกับรูปลักษณ์ของเขาถูกบดบังโดยเมฆหมอกสีม่วง
พลังประหลาดบางอย่างกำลังทำงาน แต่หานเซิ่นไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร มันรู้สึกลึกลับและยากที่จะเข้าใจ
“นี่มันทำอะไรได้” หานเซิ่นรู้สึกสนใจ เขากวัดแกว่งอาวุธไปทางกำแพงหินและแสงดาวสีม่วงก็พุ่งออกไป
แต่กำแพงหินนั้นไม่สะดุ้งสะเทือนเลย มันไม่มีแม้แต่ร่องรอยความเสียหาย และแสงดาวสีม่วงก็หายไป
ทุกคนจ้องมองไปที่กำแพงหินอย่างตั้งใจ พวกเขาคิดว่าที่สุดแล้วจะมีบางอย่างเกิดขึ้น แต่หลังจากรอคอยสักพัก กำแพงหินก็ยังคงดูเหมือนเดิม
“มันจบแล้วอย่างนั้นหรอ?” หนิงเยวี่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันคิดว่ามันจบแล้ว” หานเซิ่นพูดขณะที่มองแส้เหล็กทองแดงสีม่วงอย่างแปลกๆ ก่อนหน้านี้แส้เหล็กพัดพวกเขากระเด็นออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เมื่อเขากวัดแกว่งแส้เหล็กด้วยตัวเอง มันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ
“มันต้องมีบางสิ่งที่นอกเหนือจากพลังทำลายล้าง มันควรจะมีฟังก์ชั่นบางอย่างที่พวกเราจะต้องหาให้เจอ แต่ว่ามันเป็นอาวุธธาตุอะไรกัน?” กู่ชิงเฉิงพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
หานเซิ่นก็คิดเหมือนกัน แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าธาตุของแส้เหล็กทองแดงสีม่วงนี้คืออะไร หานเซิ่นใช้อาณาเขตตงเสวียนและวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจดูมัน เขาเห็นฟันเฟืองจักรวาลกำลังหมุนอยู่ภายในแส้เหล็ก แต่ฟันเฟืองจักรวาลนั้นแตกต่างไปจากฟันเฟืองที่เขาเคยเห็นมาก่อน หานเซิ่นไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือธาตุอะไร
หานเซิ่นพยายามใช้พลังของแส้เหล็กอยู่หลายครั้ง แต่มันดูจะไม่สามารถทำอะไรได้ ความพยายามในการโจมตีใส่กำแพงหินของหานเซิ่นล้มเหลว เมื่อเขานำเอาหนังสือออกมาและแกว่งแส้เหล็กใส่หนังสือ มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหนังสือเช่นกัน
“นี่มันแปลกจริงๆ แส้เหล็กนี้ทำลายอะไรไม่ได้ นั่นเป็นอะไรที่หาได้ยาก” จันทราสวรรค์พูด
“เสือขาว แน่ใจหรือว่าแส้เหล็กนี่มีพลังที่จะทำลายเจ้ามอนสเตอร์ที่อยู่ข้างนอกได้น่ะ?” หานเซิ่นหันไปถามเสือขาว
เสือขาวตอบด้วยการพยักหน้า หลังจากนั้นมันก็ส่งเสียงเพื่อเป็นกำลังใจให้กับหานเซิ่น มันเริ่มวิ่งกลับเข้าไปในอุโมงค์และเร่งให้หานเซิ่นรีบไปฆ่าเจ้ามอนสเตอร์ตัวนั้น
หานเซิ่นยังคงคลางแคลงใจ แต่เขาไม่มีทางเลือก เขาเริ่มวิ่งกลับไปที่พื้นผิว เขาจะลองพยายามฆ่าเจ้ามอนสเตอร์ตัวนั้นดู ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ เขาก็สามารถหนีกลับลงมาใต้ดินได้อีกครั้ง
เมื่อพวกเขาเห็นเสือขาววิ่งเข้ามา ฟางชิงอวี่และคนอื่นก็รู้สึกตกใจ พวกเขาแตกตื่นและพยายามจะวิ่งหนีไป แต่เมื่อพวกเขาเห็นหานเซิ่นอยู่ด้านหลังเสือขาว พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ แต่ทว่าหานเซิ่นไม่มีเวลามามัวพูดคุยกับพวกเขา เขาให้คนอื่นรออยู่ที่นั่นขณะที่เขาตามเจ้าเสือขาวขึ้นไปสู่พื้นผิว
เมื่อหานเซิ่นออกมาจากรู เขาก็เห็นว่ามีงูอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเขาจะมองไปทางไหนทุกแห่งบนเกาะก็ถูกปกคลุมไปด้วยงู
งูตัวน้อยหลายตัวได้เปลี่ยนเป็นมอนสเตอร์ ส่วนเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่นั้นยังคงกินเห็ดเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม ร่างกายของมันเองก็เริ่มจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
ร่างกายสีดำของมันเริ่มจะดูเหมือนกับคริสตัลสีรุ้ง มันดูแปลกมากๆ
หานเซิ่นแกว่งแส้เหล็กใส่พวกงูที่อยู่บนพื้น แต่มันไม่เกิดผลอะไร เมื่อแสงสีม่วงพุ่งไปถูกพวกงู ผลลัพธ์ที่ออกมาก็เหมือนกับตอนที่มันพุ่งไปถูกกำแพงหิน มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เจ้าสิ่งนี้จะจัดการกับเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่ได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย
เสือขาวส่งเสียงเหมียวใส่หานเซิ่นซ้ำๆ มันเร่งให้หานเซิ่นรีบไปจัดการเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่ตัวนั้น
หานเซิ่นจำเป็นต้องลองดู ดังนั้นเขาจึงกัดฟันและเรียกเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูงออกมา หลังจากนั้นเขาก็บินเข้าไปมาเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่
ก่อนที่หานเซิ่นจะไปถึงตัวเจ้ามอนสเตอร์ มันก็สัมผัสได้ถึงการเข้ามาของเขา มันหันมองมาที่หานเซิ่น ร่างกายของมันดูเหมือนกับหนอนไหมคริสตัลที่โปร่งใสและหนวดที่เหมือนกับเส้นผมของมันก็ดิ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
หนวดก่อตัวเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นปีกและเปลือก จากภายในการป้องกันของหนวดเจ้ามอนสเตอร์มองไปที่แส้เหล็กในมือของหานเซิ่นอย่างระมัดระวัง
หานเซิ่นเห็นและคิดในใจ ‘ดูเหมือนเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้จะหวาดกลัวแส้เหล็กนี่จริงๆ บางทีในที่สุดแส้เหล็กนี่คงจะทำอะไรบางอย่างได้?’
หานเซิ่นใช้แส้เหล็กเป็นเหมือนกับมีด เขาฟันใส่เจ้ามอนสเตอร์
เจ้ามอนสเตอร์ไม่ได้ใช้หนวดเป็นโล่เพื่อป้องกันแสงสีม่วงที่เข้ามา มันกระพือปีกเพื่อหลบหลีกการโจมตีที่เข้ามาแทน
หานเซิ่นยิ้มออกมา ก่อนหน้านี้เจ้ามอนสเตอร์ไม่จำเป็นต้องหลบหลีกการโจมตีของเขาหรือนกแดงน้อย ร่างกายที่ใหญ่โตของมันสามารถดูดซับการโจมตีของพวกเขาได้โดยไม่เกิดผลเสียอะไร แต่ตอนนี้มันพยายามจะหลบแสงสีม่วง นั่นหมายความว่ามันหวาดกลัวพลังของแส้เหล็ก
“แกหวาดกลัว! นี่จะเป็นเรื่องง่าย” หานเซิ่นพูดขณะที่กวัดแกว่งแส้เหล็กอย่างต่อเนื่อง
หานเซิ่นใช้วิชามีดใต้นภา และแสงสีม่วงที่ถูกปลดปล่อยออกไปก็กลายเป็นมีดเส้นไหมที่ปกคลุมเจ้ามอนสเตอร์เอาไว้
เจ้ามอนสเตอร์ไม่สามารถหลบหลีกแสงสีม่วงได้พ้น มันยกโล่หนวดขึ้นเพื่อป้องกันแสงที่ไม่สามารถหลบหลีกได้ เมื่อหนวดของมันสัมผัสกับแสงสีม่วง มันก็เหมือนกับน้ำแข็งสัมผัสกับถ่านที่ร้อนระอุ หนวดของมันละลายขณะที่แสงสีม่วงตัดผ่านไปและทิ้งบาดแผลลึกเอาไว้เบื้องหลัง
เจ้ามอนสเตอร์ร้องด้วยเสียงสูงที่แปลกประหลาด หานเซิ่นประหลาดใจที่เจ้ามอนสเตอร์ได้รับบาดเจ็บจากแสงสีม่วงของแส้เหล็ก และหนวดของมันก็ไม่สามารถออกมาซ่อมแซมบาดแผลที่มันได้รับได้
“มันได้ผล!” หานเซิ่นดีใจ เขาปลดปล่อยแสงสีม่วงเข้าใส่เจ้ามอนสเตอร์ต่อไป
แสงสีม่วงของแส้เหล็กไม่สามารถสร้างความเสียหายกับอะไรอย่างอื่นนอกจากเจ้ามอนสเตอร์นั่น เจ้ามอนสเตอร์ส่งเสียงร้องออกมาขณะที่แสงสีม่วงฉีกร่างกายของมันทีละชิ้นๆ
เจ้ามอนสเตอร์ดูเหมือนไม่สนใจกินเห็ดบนเกาะอีกต่อไป มันหันหลังและหนีกลับลงไปในทะเลลึก แต่หานเซิ่นเทเลพอร์ตไปด้านข้างของมันและโจมตีใส่มันอย่างต่อเนื่องด้วยแส้เหล็ก ร่างกายของเจ้ามอนสเตอร์เริ่มจะคลายและหนวดจำนวนมากของมันก็หลุดลงไปบนพื้น
ภายในรูของส่วนที่ถูกละลายไป หานเซิ่นเห็นว่าภายในร่างกายของเจ้ามอนสเตอร์มีคริสตัลที่โปร่งใสอยู่
หานเซิ่นแกว่งแส้เหล็กในมือและปล่อยแสงสีม่วงออกไปใส่คริสตัลนั่น คริสตัลแตกกระจายและมีของเหลวเหนียวๆไหลออกมา
ปัง!
เมื่อคริสตัลถูกทำลาย ร่างกายของเจ้ามอนสเตอร์ก็ระเบิดกลายเป็นของเหลว
หานเซิ่นอึ้งไป เขาไม่ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นมา เขาไม่ได้ยินเสียงประกาศเกี่ยวกับยีนซีโน่เจเนอิคหรือวิญญาณอสูร
พวกงูเองก็ไม่มีเสียงประกาศเช่นเดียวกัน แต่หานเซิ่นคิดว่านั่นเป็นเพราะว่าพวกมันเป็นส่วนหนึ่งของเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่ แต่ทว่าการทำลายเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่ก็ไม่ได้มีประกาศดังขึ้นเช่นเดียวกัน
ตอนที่ 2588
หลังจากที่เจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่ตายไป พวกงูก็รีบหนีกลับไปในทะเลสีดำอย่างรวดเร็ว
“เจ้าพวกนั้นคืออะไรกันแน่?” หานเซิ่นรู้สึกสับสน เขามองไปที่แส้เหล็กทองแดงสีม่วง แส้เหล็กนี้แปลกประหลาดมากๆ มันดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อเจ้ามอนสเตอร์เท่านั้น มันต้องมีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับมัน
ในตอนแรกที่หานเซิ่นเห็นเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่ห้อมล้อมไปด้วยงูตัวเล็กๆ เขาก็สันนิษฐานไปว่าพวกมันคือสิ่งมีชีวิตเดียวกัน แต่ถ้านั่นเป็นความจริง แส้เหล็กก็ควรจะสร้างความเสียหายต่อพวกงูเช่นเดียวกันกับที่มันสร้างความเสียหายกับเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่
หานเซิ่นพยายามฟันใส่พวกงูหลายต่อหลายครั้ง แต่พวกมันไม่ได้รับผลอะไรจากแสงสีม่วงของแส้เหล็ก
หานเซิ่นมองไปที่เสือขาว มันมีแค่เจ้าเสือขาวเท่านั้นที่น่าจะรู้ถึงความลับของแส้เหล็ก แต่เจ้าเสือขาวดูไม่สนใจที่จะพูดคุยกับหานเซิ่น
ขณะที่พวกงูพากันหนีไป เจ้าเสือขาวก็เริ่มไล่ล่างูที่หลงเหลืออยู่บนเกาะ ขณะที่มันเคลื่อนไหว มันก็ปลดปล่อยฝนเห็ดลงมา เมื่อสปอร์ของเห็ดถูกพวกงู เห็ดก็จะงอกออกมาบนร่างกายของพวกมันและทำการดูดพวกมันจนแห้งเหือดเหมือนกับเปลือกไม้ที่ถูกทิ้งไว้นานๆ
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาก็รู้ว่าการฆ่าเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่ไปเป็นเรื่องที่ดี แถมเขายังได้รับแส้เหล็กทองแดงสีม่วงนี้มาอีกด้วย
เมื่อพวกเขากำจัดพวกงูไปจนหมด หานเซิ่นก็พยายามจะพูดคุยกับเสือขาวอยู่หลายครั้ง เขาอยากรู้ว่ามันมีทางออกไปจากที่นี่หรือเปล่า และเขาก็อยากจะรู้เกี่ยวกับแส้เหล็กทองแดงสีม่วงอีกด้วย แต่เจ้าเสือขาวแค่ร้องเหมียว 2 ครั้งและส่ายหัว หานเซิ่นไม่สามารถพูดภาษาเสือได้ แต่เขาเข้าใจว่าเจ้าเสือนั้นจะไม่ช่วยอะไรเขา
“นี่มันไม่รู้ หรือมันไม่อยากจะแพร่งพรายความลับกันแน่?” หานเซิ่นมองไปที่เสือขาวและขมวดคิ้ว
แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นเจ้าเสือขาวก็ไม่ได้เป็นปรปักษ์กับพวกเขาอีกต่อไป ตอนนี้มันไม่มีเจตนาจะทำร้ายพวกเขา ในบางครั้งมันจะเข้ามาใกล้ๆเพื่อฟังว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกัน
หานเซิ่นสังเกตได้ว่าเจ้าเสือขาวดูเหมือนกำลังจับตาดูเขาเป็นพิเศษ ถึงมันจะไม่ได้มีจิตมุ่งร้ายอะไร แต่การที่สายตาของมันติดตามเขาไปไหนมาไหนนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลก หานเซิ่นไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเจ้าเสือขาวต้องการอะไรกันแน่
สายตาของเสือขาวไม่ได้เป็นปรปักษ์หรือเป็นมิตร วิธีการที่เจ้าเสือขาวมองมาที่หานเซิ่นเป็นอะไรที่คุ้นเคย แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคุ้นเคยยังไง
“ช่างเถอะ ตราบใดที่มันไม่มายั่วยุเรา…” หานเซิ่นสลัดเจ้าเสือขาวออกไปจากจิตใจ หลังจากที่เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น เขาก็รู้สึกเหนื่อยล้า ดังนั้นเขาจึงเทเลพอร์ตกลับไปที่บ้าน ขณะที่กอดจีเหยียนหรันในอ้อมแขน เขาก็หลับไปถึงเช้า
“อ้า!” ก่อนที่หานเซิ่นจะตื่นขึ้นมา เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง มันทำให้เขาตกใจตื่นจากการหลับใหล เขามองไปที่จีเหยีนนหรันและถามขึ้นมา
“ที่รัก เกิดอะไรขึ้น? มีศัตรูบุกมาอย่างนั้นหรอ?”
“นาย…นาย…นาย…” จีเหยียนหรันตะกุกตะกักขณะที่ยืนขึ้นบนเตียงและชี้มาที่หานเซิ่นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เธอพูดว่า “นาย” ซ้ำ 3 ครั้ง แต่เธอไม่สามารถพูดอะไรมากไปกว่านั้น
“เกิดอะไรขึ้น?” หานเซิ่นรีบมองดูร่างกายของตัวเอง
หานเซิ่นกำลังสวมใส่กางเกงขาสั้นและเขาไม่ได้สวมเสื้อ กล้ามเนื้อของเขาเป็นมัดๆ ร่างกายของเขาดูสมบูรณ์แบบ
“มีปัญหาอะไรกับร่างกายของฉัน? ร่างกายของฉันยังคงฟิตปั๋ง นี่ความจริงที่ฉันหล่อขึ้นกว่าเดิมทำให้เธอตกใจอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นโพสท่าต่อหน้าเธออย่างโอ้อวด
“หัว…หัว…หัวนาย…” จีเหยียนหรันชี้ไปที่หัวของหานเซิ่นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“ฉันบอกเธอก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่หรอว่าในตอนที่พวกเราเข้าไปในท้องของแมงมุมหลุมดำ มันมีเห็ดงอกขึ้นมาบนหัวของพวกเรา นี่มันงอกกลับมาแล้วอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม หลังจากนั้นเขาก็ใช้มือคำหัวตัวเอง
“นี่มัน…นี่มันอะไรกัน…” หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่อ่อนนุ่ม
หานเซิ่นคิดว่าต้องมีเรื่องไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้น เขาเทเลพอร์ตไปตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งของจีเหยียนหรันและมองดูตัวเอง
หานเซิ่นจ้องไปที่ภาพสะท้อนของตัวเองอย่างตกตะลึง มันไม่ได้มีเห็ดงอกขึ้นมาบนหัวของเขา แต่มันมีหูจิ้งจอกสีม่วงงอกขึ้นมาแทน
“นี่มันอะไรกัน?” หานเซิ่นตกตะลึง เขาพยายามจะดึงหูจิ้งจอกออกมา แต่เขารู้สึกเจ็บปวดเกินกว่าที่จะดึงพวกมันออกมาได้ หูจิ้งจอกสีม่วงนั้นดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของเขา
“อ้า! หลัง…หลัง…หลังนาย…” จีเหยียนหรันกรีดร้อง ตอนนี้ดวงตาของเธอโฟกัสไปที่ท่อนล่างของหานเซิ่น
หานเซิ่นต้องสะดุ้งอีกครั้ง เขารีบหันไปมองด้านหลังและเห็นหางจิ้งจอกสีม่วง มันนุ่มนิ่มอย่างมาก
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?” หานเซิ่นใช้อาณาเขตตงเสวียนเพื่อตรวจเช็คร่างกาย แต่เขาไม่พบอะไรที่ผิดปกติ มันเหมือนกับว่าตอนนี้หูและหางจิ้งจอกนั้นเป็นส่วนของตัวเขาแล้ว
ดวงตาของจีเหยียนหรันเบิกกว้าง เธอค่อยๆเดินเข้ามาหาขณะที่จ้องมาที่หูและหางจิ้งจอกของหานเซิ่น
“ที่รักไม่ต้องกลัว นี่เป็นแค่ปัญหาเล็กๆ ฉันจะรีบแก้ไขมันเดี๋ยวนี้” หานเซิ่นพูดปลอบจีเหยียนหรัน
“น่ารักอะไรขนาดนี้!” จีเหยียนหรันพูดด้วยท่าทางดีใจ เธอกอดเขาและลูบหูจิ้งจอกของเขา
หลิงเอ๋อได้ยินเสียงเอะอะ เธอขยี้ตาตัวเองขณะที่ลุกขึ้นมา เมื่อเธอเห็นหานเซิ่น เธอก็ดูดีใจ เธอกระโดดขึ้นไปบนหลังของหานเซิ่นและจับหูจิ้งจอกของเขา “พ่อ มันน่ารักมาก!”
“น่ารักอะไรกันล่ะ” หานเซิ่นรู้สึกอัปยศ เขาส่งหลิงเอ๋อให้กับจีเหยียนหรันและหันกลับมาหาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาแค่หลับไปและเมื่อตื่นขึ้นมา เขาก็เป็นแบบนี้
หานเซิ่นใช้พลังต่างๆเพื่อหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามใช้วิธีไหน เขาก็ไม่สามารถเอาพวกมันออกไปจากร่างกายได้ พวกมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา
ด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายและพลังในการฟื้นตัว ถึงแม้เขาจะใช้กำลังฉีกพวกมันออกมา พวกมันก็จะงอกกลับมาใหม่
“ที่รัก ถ้านายกำจัดพวกมันไปไม่ได้ มันก็ไม่เป็นอะไรที่จะเก็บพวกมันเอาไว้” จีเหยียนหรันพูดด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ ใช่! พ่อควรเก็บพวกมันเอาไว้!” หลิงเอ๋อพยักหน้าเห็นด้วยขณะที่เธอกำลังดื่มนม
“ที่รัก นายไม่ควรทำร้ายร่างกายตัวเอง เก็บมันเอาไว้แบบนี้แหละ” จีเหยียนหรันพูด
“ใช่ ใช่! เก็บพวกมันเอาไว้!” หลิงเอ๋อพยักหน้า
“พ่อแม่ของนายมอบร่างกายนี้ให้กับนาย นายควรจะทะนุถนอนมัน”
“ใช่ ใช่! พ่ออย่าได้ทำอะไรโง่ๆ”
“ไม่ว่านายจะกลายเป็นอะไร พวกเราทั้งคู่ยังรักนาย นายควรจะหยุดแตะต้องพวกมัน”
“ใช่ ใช่! พวกเรารักพ่อ”
พวกเธอทั้ง 2 คนกำลังยิ้มออกมา ขณะที่พยายามโน้มน้าวหานเซิ่น
“แส้เหล็กนั่น…ต้องเป็นเพราะแส้เหล็กทองแดงสีม่วงนั่นแน่ๆ” หานเซิ่นนำแส้เหล็กทองแดงสีม่วงออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา
แต่มันไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับแส้เหล็ก สัญลักษณ์ของมันไม่ได้เรืองแสงหรือแสดงปฏิกิริยาอะไรออกมา แต่หานเซิ่นสังเกตได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล หูและหางจิ้งจอกของเขามีสีม่วงเหมือนกับสีของแส้เหล็ก
ตอนที่ 2589
“มันต้องเป็นเพราะแส้เหล็กนี่แน่ๆ” หานเซิ่นกัดฟัน แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามหาสาเหตุของปัญหามากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถหาได้ นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก
สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นไม่สบายใจมากที่สุดคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหนิงเยวี่ย ตอนนี้หานเซิ่นจึงกังวลว่าเหตุการณ์แบบเดียวกันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
บุคลิกภาพและร่างกายของหนิงเยวี่ยถูกเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ตอนนี้หนิงเยวี่ยดูเหมือนกับผู้หญิงคนหนึ่ง หานเซิ่นกลัวว่าตัวเองจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นจิ้งจอกหรืออะไรทำนองนั้น เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็คิดถึงสายตาที่เจ้าเสือขาวมองมาที่เขาได้ และเขาก็เข้าใจว่าทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นเคยนัก เขารู้สึกตัวว่าเจ้าเสือขาวกำลังมองมาที่เขาแบบเดียวกับที่เขามองหนิงเยวี่ย
“เจ้าเสือขาวนั่นรู้อยู่แล้วว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น” หานเซิ่นรู้สึกโกรธขึ้นมา
หานเซิ่นไม่สามารถหาวิธีแก้ไขปัญหานี้ได้ หลังจากนั้นเขาก็เลือกจะลองใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด เขาต้องการดูว่าพลังอันไร้เทียมทานของร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดจะลบล้างผลของแส้เหล็กนี้ไปได้หรือเปล่า
หลังจากที่หานเซิ่นใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด หูและหางจิ้งจอกก็ถูกเผาผลาญหายไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ มันทำให้หานเซิ่นถอนหายใจออกมา
“โชคดีที่เรามีร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดอยู่ ไม่งั้นคงเป็นอย่างหนิงเยวี่ยไปแล้ว” หานเซิ่นพูดขณะที่ทุบอกของตัวเอง
เมื่อจีเหยียนหรันและหลิงเอ๋อเห็นว่าหางและหูจิ้งจอกของหานเซิ่นหายไปแล้ว พวกเธอก็ดูผิดหวัง มันเหมือนกับว่าพวกเธอเพิ่งจะสูญเสียของเล่นโปรดไป
แต่หานเซิ่นไม่สนใจ เขาไม่ชอบที่จะดูประหลาด หลังจากที่ปิดใช้งานร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด เขาก็ลูบหัวและหลังของตัวเอง ตอนนี้ทุกอย่างปกติดีแล้ว และเขาก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก
แต่ความดีใจของหานเซิ่นนั้นแสนสั้น ในวันเดียวกันขณะที่เขากำลังพาหลิงเอ๋อไปเดินเล่น ผู้คนบนถนนก็เริ่มจะหันมามองเขาอย่างแปลกๆ เมื่อสังเกตเห็นถึงเรื่องนั้น หานเซิ่นก็เริ่มจะรู้สึกกังวลขึ้นมา
เขาสัมผัสหัวตัวเองและรู้สึกตัวว่าหูจิ้งจอกงอกกลับมาอีกครั้ง หางเองก็เช่นกัน
ใบหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไป ขณะที่หลิงเอ๋อดูดีใจ เธอนั่งบนไหล่ของหานเซิ่นและกำลังเล่นกับหูของเขา เธอลูบไล้พวกมันอย่างเบิกบาน
หานเซิ่นรีบหาสถานที่ที่ไม่มีคนอื่นอยู่รอบๆ หลังจากนั้นเขาก็เทเลพอร์ตกลับไปที่บ้าน เขาใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเพื่อกำจัดความผิดปกติของร่างกายออกไป
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็รีบกลับเข้าไปในจักรวาลจีโนโดยไม่ลังเล ที่นั่นเขาโยนแส้เหล็กทองแดงสีม่วงทิ้งลงไปในทะเลสีดำ เมื่อเขาแน่ใจว่าแส้เหล็กจมลึกลงไปใต้ท้องทะเลแล้ว เขาก็กลับเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่
ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าแส้เหล็กทองแดงสีม่วงมาติดอยู่ที่เข็มขัดบนเอวของเขา
“นั่นเป็นไปได้ยังไง?” หานเซิ่นตกใจ
ตอนนี้เขาอยู่ภายในก็อตแซงชัวรี่ แต่ถึงอย่างนั้นแส้เหล็กทองแดงสีม่วงก็ยังมาปรากฏอยู่ข้างเอวของเขาได้ มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ
หลังจากที่แส้เหล็กทองแดงสีม่วงกลับมาอยู่ข้างกายเขาได้ไม่กี่วินาที หูและหางจิ้งจอกก็งอกกลับมาอีกครั้ง
หานเซิ่นพยายามจะกำจัดแส้เหล็กทิ้งไปหลายครั้ง แต่ถึงเขาจะนำมันไปทิ้งบนดวงดาวภายในคอร์แอเรีย เขาก็ไม่สามารถกำจัดมันไปได้อยู่ดี ในเวลาอันสั้นมันจะมาปรากฏตัวข้างกายเขาอีกครั้ง
ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจว่าตัวเองประสบเคราะห์ร้ายเหมือนกับหนิงเยวี่ย อาวุธประหลาดอย่างหนึ่งตามติดเขาและมันไม่มีทางที่เขาจะกำจัดมันไปได้
ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง เขาไม่ควรจะรับแส้เหล็กทองแดงสีม่วงนี้มา ถ้าเขารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาก็คงจะให้กู่ชิงเฉิงหรือจันทราสวรรค์เป็นคนเอามันไปใช้แทน มันจะเป็นอะไรที่ยอมรับได้มากกว่าถ้าผู้หญิงคนหนึ่งจะมีหูและหางของจิ้งจอก
แต่จะมาคิดเสียใจในตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว เมื่อกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์เห็นหานเซิ่น พวกเธอก็พยายามจะไม่หัวเราะออกมา พวกเธอแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่หานเซิ่นสัมผัสได้ว่าพวกเธอกำลังหัวเราะอย่างหนักจากภายใน
“นี่แกจะบอกฉันได้หรือยังว่ามันคืออะไร?” หานเซิ่นถามขณะที่โยนแส้เหล็กทองแดงสีม่วงลงตรงหน้าเสือขาว
“เหมียว” เสือขาวส่งเสียงร้องและยิ้มด้วยดวงตาที่เหมือนกับพระจันทร์
หานเซิ่นไม่ได้พูดภาษาของมัน แต่เขารู้ว่ามันกำลังหัวเราะเขา
“แกรีบบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่านี่คืออะไร และฉันจะกำจัดมันไปได้ยังไง ถ้าแกไม่บอกมาล่ะก็ ฉันจะถลกหนังของแกทั้งเป็น” หานเซิ่นขมขู่และกระชากเจ้าเสือขาวอย่างเกรี้ยวโกรธ
เจ้าเสือขาวส่งเสียงเหมียวออกมาเบาๆ แต่หานเซิ่นไม่เข้าใจว่ามันพยายามจะบอกอะไร เมื่อหานเซิ่นยอมปล่อยมันไป มันก็รีบหนีหายไป
หานเซิ่นไม่สามารถทำอะไรได้ เขาพยายามจะแยกตัวออกจากอาวุธนี้หลายต่อหลายครั้ง แต่เขาไม่สามารถเป็นอิสระจากมันได้
แต่โชคดีที่สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายไปมากกว่านี้ นอกจากหูและหางจิ้งจอกแล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติกับร่างกายของเขา
ข้อดีอย่างเดียวของเรื่องทั้งหมดก็คือความจริงที่เห็ดจะไม่เป็นปัญหาสำหรับหานเซิ่นอีกต่อไป ตั้งแต่ที่หางและหูจิ้งจอกงอกออกมา เห็ดก็ไม่งอกขึ้นมาบนหัวของเขาอีก
“เห็ดหายไปแล้ว แต่ตอนนี้ฉันมีหูจิ้งจอกมาแทนที่ นี่พวกมันคิดว่าสมองของฉันเป็นอะไร? โรงแรมอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรู้สึกโกรธมากๆ แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้
“พ่อ แบบนี้พ่อดูดีมากๆ” เป่าเอ๋อเอนหัวไปด้านข้างขณะที่มองมาที่หานเซิ่น
“ดูดีอะไรกันล่ะ” หานเซิ่นหดหู่ แต่เขาไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับมัน เขาไม่สามารถใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเพื่อกำจัดพวกมันออกไปทุกๆ 5 นาทีได้
“นายจะเคยชินกับมัน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉัน” หนิงเยวี่ยพูดออกมา
หานเซิ่นมองรูปลักษณ์ผู้หญิงของหนิงเยวี่ยและรู้สึกหนาวขึ้นมา เขาคิดกับตัวเอง ‘ไม่มีทาง ฉันต้องหาทางกำจัดพวกมันออกไปให้ได้’
แต่ถึงหานเซิ่นจะแน่วแน่เพียงไหน ความเป็นจริงก็ดูเหมือนจะทำให้เขาต้องผิดหวัง โลกจริงนั้นโหดร้าย หานเซิ่นได้ใช้วิธีต่างๆมากมายเพื่อกำจัดหูและหางจิ้งจอก แต่มันไม่มีวิธีไหนที่ได้ผล
วันนั้นขณะที่หานเซิ่นกำลังครุ่นคิดหาวิธีที่จะกำจัดรูปลักษณ์จิ้งจอก จู่ๆเขาก็เห็นการแยกของมิติที่รุนแรง มีดลมปราณสีม่วงที่น่ากลัวตัดหมอกหนาลงมา
“นั่นมัน…พลังเขี้ยว…” เมื่อเห็นมีดลมปราณนั่น หานเซิ่นก็รู้สึกแปลกใจ มันมีเพียงแค่คนเดียวที่สามารถใช้พลังเขี้ยวแบบนั้นได้
วินาทีต่อมา หานเซิ่นก็เห็นเงาหนึ่งพุ่งผ่านช่องว่างที่เกิดขึ้นเพื่อลงมาบนเกาะในท่าคุกเข่า บุคคลคนนั้นสวมใส่ชุดเกราะม่วงที่ดูเท่มากๆ
“อาจารย์!” หานเซิ่นรู้สึกดีใจ เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็นอี๋ซาที่นี่
“รีบตามข้ามา เรามีเวลาไม่มาก!” อี๋ซาพูดอย่างเย็นชา ใบหน้าของเธอไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมา
แต่หานเซิ่นรู้ว่าเธอต้องใช้ความพยายามเพื่อมาถึงที่นี่ หานเซิ่นสามารถเห็นว่าชุดเกราะของอี๋ซาเต็มไปด้วยรอยตัดและรอยบุบ มันทำให้เขารู้สึกซาบซึ้ง
อี๋ซาเป็นอาจารย์ของเขา แต่มีอาจารย์น้อยคนนักที่จะยินดีตัดท้องของแมงมุมหลุมดำเพื่อเข้ามาช่วยลูกศิษย์ของตัวเอง
หานเซิ่นรีบรวบรวมผู้คนขึ้นมาบนวาฬขาว หลังจากนั้นเขาก็ตามอี๋ซาผ่านหมอกหนาไป
ใบหน้าของอี๋ซายังคงดูสงบนิ่ง เธอปลดปล่อยพลังเขี้ยวที่ตัดผ่านหมอกหนาที่ไม่มีที่สิ้นสุดไป อี๋ซาพาหานเซิ่นและคนอื่นเข้าไปในช่องว่างของมิติที่พลังเขี้ยวของเธอสร้างขึ้น
ตอนที่ 2590
เมื่อทุกคนเห็นท้องฟ้าของระบบจักรวาลเคออส พวกเขาก็ดูดีใจอย่างมาก
หานเซิ่นมองไปรอบๆขณะที่พวกเขาโผล่ออกมา แต่เขาไม่เห็นแมงมุมหลุมดำ รอยแยกของอวกาศที่พวกเขาเพิ่งจะออกมานั้นลอยอยู่ในท้องฟ้า
เมื่อพวกเขาออกมาจากรอยแยกนั้นแล้ว มีดสั้นเล่มหนึ่งก็บินตามหลังพวกเขามา มีดเล่มนั้นมีรูปร่างเหมือนกับกริชและมีความยาวแค่หนึ่งฟุต มันโค้งเหมือนกับพระจันทร์เสี้ยวและมีสีขาวเหมือนกับเขี้ยว อวกาศนั้นบิดเบือนรอบๆอาวุธนั้นขณะที่มันเคลื่อนที่เข้ามา
อี๋ซากำลังถือฝักที่โค้งเว้าอยู่ในมือ เมื่อมีดที่เหมือนกับเขี้ยวบินมาถึงเธอ เธอก็สไลด์มันเข้าไปในฝักและติดฝักเอาไว้ที่เอว
รอยแยกของอวกาศสูญเสียการสนับสนุนจากพลังเขี้ยว และในไม่กี่วินาทีมันก็พังทลายและหายลับไป
“อาจารย์ นั่นมันเป็นมีดแบบไหนกัน? ทำไมออร่าของมันถึงได้คุ้นเคยสำหรับข้า?” หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะถามอี๋ซา มีดที่เหมือนกับเสี้ยวพระจันทร์มีพลังเขี้ยวอยู่ และพวกมันก็ไม่ใช่พลังเขี้ยวธรรมดาๆ
“นี่เป็นมีดของอัลฟ่าเผ่าพันธุ์ข้า มันมีชื่อว่าเขี้ยวฝ่าอวกาศ ถ้าข้าไม่มีมีดเล่มนี้ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะเข้าไปในท้องของแมงมุมหลุมดำเพื่อช่วยเจ้า” อี๋ซาพูดด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น
“อาจารย์ ท่านรู้ได้ยังไงว่าพวกเราอยู่ภายในท้องของแมงมุมหลุมดำ?” หานเซิ่นสงสัยเรื่องนี้ตั้งแต่ที่เธอปรากฏตัวออกมา
ถึงแม้เธอจะมีมีดเขี้ยวฝ่าอวกาศ ซึ่งสามารถเปิดอุโมงค์อวกาศได้ แต่อี๋ซาก็จำเป็นต้องรู้ตำแหน่งที่หานเซิ่นอยู่ซะก่อน เธอตัดผ่านเข้าสู่กระเพาะของแมงมุมหลุมดำเพื่อช่วยเขาได้อย่างแม่นยำได้ยังไงกัน?
ถ้าเธอทำพลาดแม้แต่นิดเดียวเช่นการเปิดอุโมงค์อวกาศภายในเนื้อหนังของแมงมุมหลุมดำและทำให้มันรู้สึกตัวขึ้นมา อี๋ซาก็คงจะพบจุดจบที่ไม่สวยนัก
“ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ พวกเรารีบตรงไปที่ปราสาทนภา” อี๋ซาพูด เธอไม่ได้ตอบคำถามของหานเซิ่น
ถ้าอี๋ซาไม่อยากจะตอบ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่หานเซิ่นจะถามเธออีกครั้ง เขาตามเธอต่อไปเรื่อยๆขณะที่เดินทางผ่านระบบจักรวาลเคออส
ด้วยการที่มีอี๋ซาคอยนำทาง การเดินทางจึงเป็นไปอย่างราบรื้น หานเซิ่นได้ปลดล็อคขั้นที่ 9 ของวิชาโลหิตชีพจรในระหว่างที่เขาอยู่ภายในท้องของแมงมุมหลุมดำ เรื่องราวของยีนเองก็เพิ่มระดับขึ้นเช่นกัน
มันเป็นอย่างที่หานเซิ่นคาดคิด เมื่ออาณาเขตของเรื่องราวของยีนเลื่อนระดับขึ้น ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นตามมันไป การเชื่อมต่อของเขากับชุดเกราะคริสตัลสีดำเองก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างยิ่งขึ้น
‘ถ้าเรากลายเป็นครึ่งเทพ เราจะใช้งานชุดเกราะคริสตัลสีดำได้ไหมนะ?’ หานเซิ่นสงสัย
เสือขาวติดตามพวกเขาออกมาด้วย มันบินไปพร้อมกับพวกเขา
มันเป็นอะไรที่แปลก ในตอนที่พวกเขาออกมาจากท้องของแมงมุมหลุมดำ เห็ดบนหัวของพวกเขาก็ตายไปและไม่งอกกลับมาอีก
แต่บนหัวของเสือขาวยังคงมีเห็ดอยู่ และเห็ดนั่นก็ไม่แสดงวี่แววว่ามันจะตายไป แต่ทว่าคนอื่นๆรู้สึกปลาบปลื้มใจที่เห็ดบนหัวตายไปแล้ว มันเหมือนกับว่าเครื่องถ่วงน้ำหนักถูกยกออกไปเมื่อวิกฤตคลี่คลายไป อี๋ซามองมาที่เสือขาวและพูด
“ภายในท้องของแมงมุมหลุมดำไม่มีอะไรที่อยู่ต่ำกว่าระดับเทพเจ้า ที่พวกเจ้าทุกคนรอดได้นานขนาดนี้ มันก็เป็นเพราะเห็ดที่พวกเจ้าได้รับมา”
หานเซิ่นและคนอื่นแปลกใจ พวกเขามองเห็ดบนหัวตัวเองเป็นเหมือนกับคำสาป พวกเขาไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่าเห็ดกำลังปกป้องพวกเขา พวกเขามองไปที่อี๋ซาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
“พวกเจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่จะอยู่อาศัยภายในท้องของแมงมุมหลุมดำอย่างนั้นหรอ?” อี๋ซาถามอย่างเคร่งขรึม
“มันมีพลังที่น่ากลัวอยู่ในนั้น แต่พวกเจ้ามองไม่เห็น พลังนั้นเป็นเหมือนกับไวรัสที่จะคุมคามร่างกายของสิ่งมีชีวิต พวกมันจะสลายทั้งร่างกายของสิ่งมีชีวิตจนไม่เหลืออะไรนอกจากสารอาหารเพื่อป้อนให้กับแมงมุมหลุมดำ เห็ดที่แมวขาวนั้นปลูกบนหัวของพวกเจ้าเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้พวกเจ้ารอดชีวิตภายในนั้นได้เป็นเวลานาน”
เมื่อหานเซิ่นได้ยินที่อี๋ซาพูด เขาก็นึกย้อนไปถึงข้อมูลที่ค้นพบภายในยานอวกาศที่พัง เขาคิดกับตัวเอง ‘ในตอนที่ผู้หญิงคนนั้นทำการทดลอง มันเป็นการทดลองเพื่อทำให้เจ้าเสือขาวมีชีวิตอยู่รอดได้อย่างนั้นหรอ? ถ้าที่อี๋ซาพูดเป็นความจริง มันดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น เห็ดบนหัวเจ้าเสือขาวคงจะเป็นสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นคิดค้นขึ้นมา มันเป็นวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสที่จะทำลายร่างกายของเจ้าเสือขาว พวกเราถูกมันปกป้อง’
หานเซิ่นไม่แน่ใจว่า “วัคซีน” เป็นคำที่ถูกต้องสำหรับบรรยายเห็ดที่งอกขึ้นบนหัวของพวกเขาหรือเปล่า แต่เขาตัดสินใจจะใช้มัน
‘ถ้าเป็นแบบนั้นตั้งแต่ที่พวกเรามาไปถึงที่นั่น เจ้าเสือขาวก็ช่วยรักษาชีวิตของพวกเรา ถ้าไม่มีมัน ถึงแม้เราจะรอดชีวิต แต่คนอื่นๆก็คงจะต้องตาย’
‘แต่ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในอยู่ท้องของแมงมุมหลุมดำตั้งแต่แรกได้ยังไงกัน? และทำไมเธอถึงจากไปเพียงลำพังโดยที่ทิ้งเจ้าเสือขาวเอาไว้?’ หานเซิ่นอยากหาตัวผู้หญิงคนนั้นให้เจอและถามเธอตรงๆ แต่เขาไม่รู้ว่าจะหาตัวเธอได้ที่ไหน
“เจ้าเป็นอะไร?” อี๋ซาถามขณะที่มองไปที่หัวของหานเซิ่น
เป่าเอ๋อกำลังนั่งอยู่บนไหล่ของหานเซิ่นและเล่นกับหูจิ้งจอกของเขา เธอบีบพวกมันซ้ำๆอย่างสนุกสนาน
หานเซิ่นบอกอี๋ซาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในถ้ำใต้เกาะ และเมื่ออี๋ซาได้ยินที่เขาพูด เธอก็ดูตกตะลึง “ให้ข้าดูแส้เหล็กนั่น”
หานเซิ่นนำแส้เหล็กทองแดงสีม่วงออกมาให้อี๋ซาดู หลังจากมองดูอยู่สักพัก อี๋ซาก็พยักหน้าและพูด
“ไม่ผิดแน่ๆ! นี่คืออาวุธเผ่าพันธุ์ของเผ่าจิ้งจอก”
“มันคืออาวุธเผ่าพันธุ์?” หานเซิ่นไม่เข้าใจ เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับอะไรแบบนั้นมาก่อน
อี๋ซาถอนหายใจและพูด “ในยุคสมัยนี้น้อยคนนักที่จะรู้เกี่ยวกับอาวุธเผ่าพันธุ์ ในสมัยโบราณทุกเผ่าพันธุ์ที่จุดดวงไฟในจีโนฮอลล์จะสร้างอาวุธจากยีนของตะเกียงในจีโนฮอลล์ อาวุธที่ถูกสร้างขึ้นมาจะทรงพลังและกลายเป็นอาวุธที่พิเศษมากๆ อาวุธเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งเป็นเหมือนกับอาวุธระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต และพวกมันยังมีโอกาสที่จะทรงพลังยิ่งไปกว่านั้น แต่ยีนของตะเกียงแต่ละอันภายในจีโนฮอลล์นั้นจะใช้สร้างอาวุธเผ่าพันธุ์ได้แค่ชิ้นเดียว มีเพียงแค่เผ่าพันธุ์ชุดแรกที่จุดดวงไฟในตะเกียงเท่านั้นที่จะได้รับยีนไปทำเป็นอาวุธ เผ่าพันธุ์ที่มาชิงตะเกียงของจีโนฮอลล์ต่อจากพวกเขาจะไม่ได้รับยีนของตะเกียง การขโมยอาวุธเผ่าพันธุ์นั้นเป็นหนทางเดียวที่จะได้รับอาวุธเผ่าพันธุ์มา ด้วยเหตุนั้นในตอนนี้จึงมีคนไม่มากนักที่จะรู้เกี่ยวกับอาวุธเผ่าพันธุ์ ถึงแม้พวกเขาจะพบเห็นมัน แต่คนส่วนใหญ่ก็จะคิดว่าพวกมันเป็นแค่อาวุธระดับเทพเจ้าที่ทรงพลังมากๆอันหนึ่ง”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ อี๋ซาก็พูดต่อ “อาวุธเผ่าพันธุ์ของเผ่าจิ้งจอกนั้นถูกบอกกันว่าคือกระจกไนน์สปินเดสทินี่ แต่เท่าที่ข้ารู้ นั่นเป็นอาวุธเผ่าพันธุ์ที่เผ่าจิ้งจอกขโมยมา มันไม่ได้เป็นอาวุธเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมของพวกเขา ข้าเคยได้ยินว่าอาวุธเผ่าพันธุ์ที่พวกเขาได้รับมาตอนที่จุดดวงไฟในตะเกียงนั้นคือแส้เหล็กทองแดงสีม่วง แต่ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน”
หานเซิ่นรู้สึกดีใจที่ได้ยินแบบนั้น เพราะตอนนี้กระจกไนน์สปินเดสทิเองก็อยู่ที่เขา แต่เขาไม่รู้วิธีที่จะใช้มัน เขาแค่ได้ยินมาจากราชินีจิ้งจอกว่ากระจกไนน์สปินเดสทินั้นจะทำงานเฉพาะกับคนที่เป็นเผ่าพันธุ์จิ้งจอกเท่านั้น แต่เขาไม่รู้ว่านั่นเป็นความจริงหรือเปล่า
“อาจารย์ มันมีหนทางที่จะลบล้างผลที่มันมีต่อร่างกายของข้าออกไปไหม?”
หานเซิ่นมองไปที่อี๋ซาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวัง เธอรู้ว่าแส้เหล็กทองแดงสีม่วงนี้มาจากไหน ดังนั้นเธอก็อาจจะรู้วิธีที่จะแก้ไขมัน
ตอนที่ 2591 สู้กับเหมิงเลี่ย
“อาวุธเผ่าพันธุ์เป็นระดับเทพเจ้าทันทีที่พวกมันถูกสร้างขึ้นมา”
อี๋ซาพูดและส่ายหัว “พวกมันทรงพลังมากกว่าอาวุธระดับเทพเจ้าทั่วๆไป ถ้าอาวุธเผ่าพันธุ์ถูกใช้โดยสิ่งมีชีวิตจากเผ่าพันธุ์ที่สร้างมันขึ้นมา มันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างมาก แต่ทว่าถ้ามันถูกใช้โดยคนจากเผ่าพันธุ์อื่น คนๆนั้นก็จะต้องรับคุณลักษณะและพลังของเผ่าพันธุ์ที่เป็นเจ้าของอาวุธ ร่างกายของพวกเขาจะถูกคุกคามโดยยีนของอาวุธเผ่าพันธุ์ ซึ่งจะเปลี่ยนพวกเขาเป็นบางสิ่งที่ประหลาด นอกซะจากเจ้าจะมีพลังมากพอที่จะครอบงำอาวุธเผ่าพันธุ์ เจ้าก็จะต่อต้านผลกระทบของมันได้”
“มันไม่มีหนทางอื่นเลยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยความหดหู่
“ข้าพูดอย่างมั่นใจไม่ได้ว่ามันไม่มีหนทางที่จะลบล้างอิทธิพลของมันอยู่เลย ถ้ามันมียอดฝีมือที่ใช้กำลังเพื่อสยบพลังของอาวุธเผ่าพันธุ์และลบล้างยีนของเผ่าจิ้งจอกออกไปได้ แบบนั้นเจ้าก็คงจะกำจัดผลข้างเคียงของอาวุธเผ่าพันธุ์ไปได้ มันเหมือนกับกระจกเดสทินี่ไนน์สปินของเผ่าจิ้งจอก ยอดฝีมือเผ่าจิ้งจอกที่น่ากลัวคนหนึ่งลบล้างยีนดั้งเดิมภายในกระจากไปและแทนที่ด้วยยีนของตัวเขาเอง แบบนั้นมันก็จะกลายเป็นอาวุธเผ่าพันธุ์ของเผ่าจิ้งจอก”
อี๋ซาหยุดไปชั่วครู่และพูดต่อ “แต่ยีนของเผ่าจิ้งจอกนั้นดีมากๆ ข้าได้ยินว่าในตอนที่พวกเขาจุดดวงไฟในจีโนฮอล์ อันดับของพวกเขาค่อนข้างสูง แส้เหล็กทองแดงม่วงนี้อาจะถึงขั้นทรูก็อตจริงๆ ดังนั้นเจ้าต้องหายอดฝีมือขั้นทรูก็อตมาช่วย”
“นั่นหมายความว่าหมดหนทางอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นดูเหมือนกับว่ากำลังจะร้องไห้ เขาไม่รู้จักใครสักคนที่ถึงระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตด้วยซ้ำ
ถึงแม้เขาจะรู้จัก มันก็ไม่มีเหตุผลที่คนๆนั้นจะสละเวลามาช่วยลบล้างยีนของเผ่าจิ้งจอกภายในแส้เหล็กให้กับเขา
“เจ้าค่อนข้างดูดีอย่างที่เจ้าเป็น” อี๋ซาพูด หลังจากนั้นเธอก็บินต่อไป
หานเซิ่นนำกลาสเซสขึ้นมาสวมเพื่อบิดบังใบหน้าของตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็ใช้มันเพื่อวิเคราะห์ยีนของอี๋ซา
ตัวเลขบนหน้าจอเคลื่อนผ่านไปเรื่อยๆ และมันใช้เวลาสักพักกว่าที่ผลลัพธ์การวิเคราะห์จะออกมา รีเบทไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่ศักยภาพยีนของอี๋ซานั้นอยู่ที่ 8 ดาว
“ถ้าศักยภาพยีนของเธอคือ 8 ดาว นั่นก็หมายความว่าเธอจะกลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลาย น่าเสียดายที่ในตอนนี้วิชาโลหิตระดับราชันของเรายังเป็นแค่ระดับราชัน เราส่งเสริมยีนของระดับเทพเจ้าไม่ได้ ถ้าทำได้ เราก็คงจะช่วยปรับปรุงยีนของเธอให้ดียิ่งขึ้น แบบนั้นมันก็มีโอกาสที่สูงขึ้นที่เธอจะไปถึงขั้นทรูก็อต’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
ก่อนหน้านี้หานเซิ่นพยายามจะใช้พลังของวิชาโลหิตชีพจรกับนกแดงน้อย แต่มันไม่ได้ผล วิชาโลหิตชีพจรของเขาไม่สามารถผลักดันฟันเฟืองของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าได้
หานเซิ่นมองไปที่เสือขาวและสังเกตเห็นว่าศักยภาพของมันคือ 9 ดาวเท่ากันกับจระเข้น้อย
หานเซิ่นขอให้อี๋ซาช่วยดูดาบเขียวน้อยของหนิงเยวี่ย แต่เธอไม่สามารถระบุได้ว่ามันเป็นอาวุธแบบไหน แต่เมื่อดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา มันก็โอกาสสูงที่ดาบเขียวน้อยจะเป็นอาวุธเผ่าพันธุ์ แต่เผ่าพันธุ์ไหนนั้น? เธอเองก็ไม่รู้
วาฬขาวเกือบจะซ่อมแซมตัวเองจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว หานเซิ่นเชิญอี๋ซาขึ้นมาบนวาฬขาว และเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ
พวกเขาไม่ได้พบยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์ไหนขณะที่พวกเขาเดินทางผ่านระบบจักรวาลเคออส แต่พวกเขาได้พบกับซีโน่เจเนอิคอวกาศ โชคดีที่อี๋ซาสามารถจัดการพวกมันได้ พวกเขาจึงไม่ได้เผชิญกับภัยอันตรายอะไร
เจ้าเสือขาวเอาแต่หลับทั้งกลางวันและกลางคืน ดูเหมือนมันไม่คิดจะกระดิกนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
ขณะที่วาฬขาวบินต่อไปข้างหน้า ทันใดนั้นก็มีกลุ่มยานอวกาศมาขวางหน้าพวกเขา ภาพของมันทำให้หานเซิ่นและคนอื่นรู้สึกหนาวขึ้นมา
“สปริงเรน” หานเซิ่นจดจำสัญลักษณ์ของยานรบเหล่านั้นได้ มันเป็นสัญลักษณ์ของสปริงเรน ซึ่งเป็นองค์กรที่คุณหญิงมิร์เรอร์เป็นคนบัญชาการ
ยานรบเหล่านั้นเข้ามาล้อมวาฬขาวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ชายหญิงคนหนึ่งออกมาจากยานหลัก ผู้หญิงคนนั้นคือคุณหญิงมิร์เรอร์ ส่วนคนผู้ชายนั้นคือลุงสี่ของเอ็กซ์ตรีมคิงเหมิงเลี่ย
“พวกเราเพิ่งจะออกมาจากแมงมุมหลุมดำได้ไม่นาน ทำไมพวกเขาถึงหาพวกเราเจอเร็วขนาดนี้?” หานเซิ่นแปลกใจ
“หานเซิ่น เจ้าอยากจะมากับพวกเราแต่โดยดี? หรือเจ้าต้องการให้พวกเราลากตัวเจ้ากลับไป?” เหมิงเลี่ยถามและหัวเราะ
หานเซิ่นยังคงเงียบ ถึงแม้พวกเขาจะมีระดับเทพเจ้าอยู่ด้วย แต่ระดับเทพเจ้าของพวกเขาเป็นขั้นต่ำที่สุด ระดับเทพเจ้าของพวกเขาเป็นแค่ขั้นพริมิทีฟเท่านั้น คุณหญิงมิร์เรอร์เองก็เป็นระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟเช่นกัน แต่เธอเป็นระดับเทพเจ้ามายาวนานกว่า แถมพลังของเธอก็ยังเป็นอะไรยากที่จะรับมือ
เหมิงเลี่ยคงจะเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรานมิวเทชั่น เพราะแม้แต่เลอตู้ที่กลายเป็นระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถจะเอาชนะเขาได้ การต่อสู้กับเขาจะเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่าการรับมือกับคุณหญิงมิร์เรอร์
แต่ตอนนี้หานเซิ่นไม่มีทางเลือก เขาสวมใส่เสือคลุมวิญญาณราชานกยูงและถือคันธนูงูหกคอร์ เขาออกไปจากวาฬขาวโดยที่มีนกแดงน้อยติดตามไปด้วย
อี๋ซาเองก็ออกมาเช่นกัน เธอแค่ยืนเงียบๆถัดไปจากหานเซิ่น
คุณหญิงมิร์เรอร์มองไปที่อี๋ซาและพูด “ราชินีแห่งมีด เผ่ารีเบทอยู่ข้างเดียวกับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงมาโดยตลอด เจ้าคงจะไม่ทำลายความสัมพันธ์อันยาวนานของพวกเราเพียงเพราะหานเซิ่นหรอกใช่ไหม”
“เผ่ารีเบทได้ทำสร้างพันธมิตรกับปราสาทนภาเรียบร้อยแล้ว” อี๋ซาพูด
“ข้ายินดีจะเป็นมิตรกับเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ถ้าพวกเจ้ามาขวางทางข้า อย่างนั้นข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่น”
ในตอนที่หานเซิ่นเริ่มหนีจากเอ็กซ์ตรีมคิง อี๋ซายังไม่สามารถมาช่วยเขาในทันทีได้ นั่นเป็นเพราะเธอต้องจัดการกับเรื่องทางการเมืองของเผ่ารีเบท เธอไม่สามารถนำทุกชีวิตของรีเบทเข้ามาเกี่ยวข้องเพียงเพื่อจะช่วยหานเซิ่น
แต่ตอนนี้เมื่อรีเบทเข้าเป็นพันธมิตรกับปราสาทนภา พวกเขาก็ได้รับการคุ้มครองจากปราสาทนภา ซึ่งนั่นทำให้เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงไม่กล้าจะแตะต้องพวกเขาโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
“ราชินีแห่งมีด เจ้าควรจะลองคิดให้ดี การทำแบบนี้มันคุ้มค่าอย่างนั้นหรอ? มันคุ้มค่าจริงๆอย่างนั้นหรอที่จะทรยศพวกเราเพื่อลูกศิษย์เพียงคนเดียว? เจ้ารู้ว่าคนทรยศของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นถูกจัดการยังไง” เหมิงเลี่ยขมวดคิ้ว
“ถ้าข้าปกป้องลูกศิษย์เพียงคนเดียวไม่ได้ การมีอยู่ของเผ่ารีเบทจะยังมีประโยชน์อีกอย่างนั้นหรอ?”
“ข้าอยากรู้จริงๆว่าปราสาทนภาเสนอผลประโยชน์อะไรให้เจ้า เจ้าถึงกล้าปฏิเสธความหวังดีของเอ็กซ์ตรีมคิง” ใบหน้าของคุณหญิงมิร์เรอร์แข็งกร้าวขณะที่เธอยกมือขึ้นและเคลื่อนที่ไปโจมตีอี๋ซา
อี๋ซาไม่เคลื่อนที่ แต่เธอชักมีดสั้นออกมาเพื่อโจมตีใส่คุณหญิงมิร์เรอร์
เหมิงเลี่ยถอนหายใจ ร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นสีทอง หลังจากนั้นเขาก็กดมือลงบนสิงโตที่กำลังขี่อยู่และร่างของสิงโตก็ถูกย้อมด้วยสีทอง
วินาทีต่อมาเหมิงเลี่ยก็สะบัดมือ สิงโตสีทองลอยขึ้นและเปลี่ยนกลายเป็นมีดทองคำที่คล้ายคลึงกับหัวสิงโต
“ข้าไม่อยากจะฆ่าเจ้า แต่ถ้าเจ้าไม่ยอมมอบตัวแต่โดยดี”
เหมิงเลี่ยยกมีดที่ดูเหมือนกับหัวของสิงโตขึ้นและเคลื่อนที่เข้ามาหาหานเซิ่น ทุกก้าวของเขาเหมือนกับว่าเขากำลังบดขยี้ทั้งโลก
เหมิงเลี่ยเคลื่อนที่เข้ามาราวกับเทพสีทอง นกแดงน้อยส่งเสียงร้องใส่เขาขณะที่เพลิงฟีนิกซ์ลุกโชติช่วงขึ้นมา มันกลายฟีนิกซ์ที่งดงามเคียงข้างหานเซิ่น
ตอนที่ 2592 การต่อสู้ที่เลวร้าย
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเปลวไฟ และพวกมันทั้งหมดก็ตรงเข้าไปหาเหมิงเลี่ย เหมิงเลี่ยแกว่งมีดและทะเลไฟก็แยกออกราวกับว่าถูกตัดด้วยกรรไกร
ทันใดนั้นแสงของมีดสีทองก็บินตรงมาทางนกแดงน้อย ถ้านกแดงน้อยหลบไม่ทัน ร่างกายของมันก็คงจะถูกตัดจนขาดครึ่ง
“เหมิงเลี่ยทรงพลังอะไรขนาดนี้ ร่างกายแห่งราชันโกลโซลเยอร์แข็งแกร่งมากๆ” หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะชื่นชมคู่ต่อสู้
เหมิงเลี่ยเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรานมิวเทชั่น และเมื่อเขาเปลี่ยนซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งให้กลายเป็นทหาร ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มสูงขึ้นอีก แม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟก็ยากจะต่อสู้กับคนอย่างเขาได้
ร่างกายของหานเซิ่นเรืองแสงสีรุ้งออกมา ระหว่างนิ้วมือของเขาถือลูกธนูที่อาบด้วยแสงสีรุ้งนั่น เขาดึงสายคันธนูงูหกคอร์ไปด้านหลังและยิงลูกธนูออกไปใส่เหมิงเลี่ย
ในจังหวะที่ลูกธนูแสงสีรุ้งถูกปล่อยจากนิ้วมือของหานเซิ่น มันก็หายลับไป เมื่อมันปรากฏอีกครั้ง มีดหัวสิงโตทองของเหมิงเลี่ยก็ฟันถูกหัวลูกธนูแสงสีรุ้ง มันทำลายลูกธนูอย่างง่ายดาย ซึ่งทำให้หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ
ด้วยเหตุผลบางอย่างเหมิงเลี่ยมองเห็นลูกธนูขณะที่มันเทเลพอร์ต เขาทำลายลูกธนูได้อย่างง่ายดาย พลังของเขาเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว
“พลังขั้นทรานมิวเทชั่นน่ากลัวถึงขนาดนั้นเลย? ถ้าอย่างนั้นขั้นทรูก็อตจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกัน?” หานเซิ่นถอนหายใจ เหมิงเลี่ยฟันใส่หานเซิ่นราวกับเทพสีทองที่ปกครองทั้งท้องฟ้า
มีดนั่นกลืนกินทั้งอวกาศ และมันก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขาไม่สามารถหลบหลีกมันได้
ถ้าหานเซิ่นฝึกก็อตส์วอนเดอร์ถึงขั้นสูงสุด เขาก็สามารถเทเลพอร์ตไปได้ทุกหนทุกแห่งที่เขาต้องการ เขาอยากจะเทเลพอร์ตหนีไปจากมีดแสงสีทอง แต่การทำแบบนั้นอยู่เหนือความสามารถของเขาในตอนนี้
ดวงตาของเขาเป็นเหมือนกับสายฟ้า ขณะที่เขานำแส้เหล็กทองแดงสีม่วงออกมาและใช้มันฟาดขึ้นไปสู่ท้องฟ้า
ปัง!
มีดเส้นไหมของเขาถูกทำลายโดยมีดแสงสีทองที่น่ากลัว และหานเซิ่นกับแส้เหล็กทองแดงสีม่วงก็ถูกส่งกระเด็นออกไป แส้เหล็กทองแดงสีม่วงสั่นอย่างรุนแรงและแขนของหานเซิ่นก็เกือบจะถูกตัดจนขาด กล้ามเนื้อในมือของเขาเกิดแผลลึกจนกระดูกเผยให้เห็นผ่านรอยแผล
“เจ้าป้องกันมีดแสงของข้าได้โดยที่อาวุธไม่แตกกระจาย นั่นคงจะต้องเป็นอาวุธระดับเทพเจ้าที่ดีมากๆ นี่เจ้ามีอาวุธระดับเทพเจ้าอยู่กี่ชิ้นกันแน่?” เหมิงเลี่ยมองแส้เหล็กทองแดงสีม่วงในมือหานเซิ่นด้วยความแปลกใจ
หานเซิ่นไม่ได้ตอบอะไร เขาขมวดคิ้วและมองไปที่แส้เหล็กทองแดงสีม่วง
‘เจ้าสิ่งนี้ใช้ได้ผลกับแค่เจ้ามอนสเตอร์ที่อยู่ในกระเพาะของแมงมุมหลุมดำหรือยังไง?’
แส้เหล็กทองแดงสีม่วงเป็นอาวุธเผ่าพันธุ์ มันอาวุธทรงพลังเท่ากับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต แต่ตอนนี้แส้เหล็กทองแดงสีม่วงดูห่วยแตกมากๆ
แต่หานเซิ่นก็คาดเดาไว้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ เขายังไม่รู้ว่าแส้เหล็กมีพลังแบบไหนกันแน่ ดังนั้นพลังที่แท้จริงของมันจึงยังไม่ถูกแสดงออกมา
แถมหานเซิ่นยังอ่อนแอเกินไป เขาไม่สามารถใช้แส้เหล็กอย่างเต็มประสิทธิภาพของมันได้ และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดด้วย
“หานเซิ่น เจ้าคงจะรู้ว่าข้าออมมือให้กับเจ้าในการโจมตีครั้งแรก ถ้าเจ้ายังไม่เข้าใจ การโจมตีครั้งต่อไปจะไม่ได้เบาแบบนั้น” เหมิงเลี่ยพูดขณะที่ค่อยๆเข้าไปหาหานเซิ่น
ทุกสิ่งที่อยู่รอบๆสั่นสะเทือนภายใต้เสียงของเหมิงเลี่ย แม้แต่ร่างกายของหานเซิ่นก็สั่นเล็กน้อย
แต่หานเซิ่นไม่ได้สั่นเพราะหวาดกลัว มันเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติของเขาเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง เขาตื่นเต้นที่จะได้ต่อสู้และปลดปล่อยพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวออกมา
นี่เป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี และมันเป็นการต่อสู้ที่เขาต้องชนะเท่านั้น เขาจะแพ้ไม่ได้ เพราะถ้าเขาพ่ายแพ้ ผู้คนทั้งหมดที่ติดตามเขาก็จะถูกฆ่าตายไปด้วย
หานเซิ่นมองเหมิงเลี่ยที่กำลังเข้ามาข้างหน้าราวกับเทพ วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงของเขาหมุนอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่เหมิงเลี่ยจะโจมตีอีกครั้ง กลาสเซสก็วิเคราะห์ชายคนนั้นให้กับเขา
“เป้าหมาย: เอ็กซ์ตรีมคิงชาย อายุยีน: 12,300 ปี”
“ระดับยีน: เทพเจ้าขั้นทรานมิวเทชั่น”
“ศักยภาพยีน: 8ดาว”
หานเซิ่นแปลกใจ ดูเหมือนเกณฑ์การประเมินศักยภาพยีนจะสูงกว่าที่เขาคาดเอาไว้ แม้แต่เทพเจ้าขั้นทรานมิวเทชั่นของเอ็กซ์ตรีมคิงก็ยังได้แค่ 8 ดาว ศักยภาพยีนของเผ่าพันธุ์ที่ต่ำกว่าก็คงจะต่ำลงไปยิ่งกว่านี้ ดังนั้นการที่อี๋ซาได้ถึง 8 ดาวถือว่าเป็นอะไรที่น่าประทับใจ
แต่ในตอนนี้หานเซิ่นไม่มีเวลามาสนใจว่าเหมิงเลี่ยจะได้รับดาวกี่ดาว ตอนนี้เหมิงเลี่ยคือศัตรูระดับเทพเจ้าขั้นทรานมิวเทชั่นที่เขาต้องกำจัดให้ได้
“เป้าหมาย: ไลอ้อนเพศผู้ อายุยีน: 163,000 ปี”
“ระดับยีน: เทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ”
“ศักยภาพยีน: 6 ดาว”
นี่เป็นข้อมูลของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่กลายเป็นมีด แต่ข้อมูลนั้นไม่ได้มีความหมายอะไร ภายใต้อิทธิพลของร่างกายแห่งราชันโกลโซลเยอร์ของเหมิงเลี่ย ซีโน่เจเนอิคที่กลายเป็นมีดก็ได้รับพลังที่มากกว่าที่เคยมีมาก่อน
การโจมตีอีกครั้งกำลังตรงเข้ามา มีดแสงสีทองฉีกผ่านจักรวาลและตัดผ่านอวกาศอย่างง่ายดาย ดวงตาของหานเซิ่นแว็บแสงสีแดงและร่างกายทั้งร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นกัน ในจังหวะที่มีดแสงสีทองมาถึง ตัวของเขาก็หายลับไป
เหมิงเลี่ยขมวดคิ้ว แต่เขาไม่ได้มองไปรอบๆ เขารู้ว่าหานเซิ่นหายไปไหน เขาใช้มือข้างซ้ายเพื่อควักลูกตาของตัวเองออกมา
ปัง!
ดวงตาของเหมิงเลี่ยระเบิด และสายธารสีทองที่เหมือนกับเลือดก็ไหลออกมา หานเซิ่นร่วงออกมาพร้อมกับมัน
หานเซิ่นใช้พลังของวิญญาณอสูรบลัดอายอีวิลก็อตเพื่อส่งตัวเองเข้าไปในดวงตาของเหมิงเลี่ย เขาไม่รู้ว่าเหมิงเลี่ยจะเป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อผลลัพธ์ เขายินดีที่จะทำลายดวงตาตัวเองเพื่อทำให้หานเซิ่นออกมา
“หานเซิ่น เลิกใช้ลูกไม้กับข้าได้แล้ว พวกมันไม่มีผลกับคนอย่างข้า”
ดวงตาของเหมิงเลี่ยยังคงมีเลือดสีทองไหลออกมาเล็กน้อย แต่ทว่าบาดแผลยังไม่ได้ฟื้นตัวจนสมบูรณ์ ซึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้หานเซิ่นเข้าไปข้างในดวงตาอีกครั้ง
เหมิงเลี่ยตาบอดไป แต่เขาก็ยังคงเห็นหานเซิ่น มันเหมือนกับว่าเขาเห็นทุกการเคลื่อนไหวที่หานเซิ่นทำ
เหมิงเลี่ยแกว่งมีดหัวสิงโตทองอีกครั้ง และมีดแสงสีทองก็พุ่งออกไปใส่หานเซิ่น มันเหมือนกับว่าทั้งกาแล็กซี่กำลังจะพังทลาย
เสือคลุมวิญญาณราชานกยูงกางปีกออกมา โซ่สสารสีรุ้งของมันห้อมล้อมหานเซิ่น มันเชื่อมต่อกับแส้เหล็กทองแดงสีม่วงที่หานเซิ่นใช้เป็นลูกธนู
หานเซิ่นดึงสายธนูงูหกคอร์ไปไกลที่สุดเท่าที่ทำได้และยิงแส้เหล็กทองแสงสีม่วงออกไป
แส้เหล็กทองแดงสีม่วงหายลับไปในแสงสีรุ้ง และเมื่อมันปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันก็ปะทะเข้ากับมีดแสงสีทองที่น่ากลัว
หานเซิ่นไม่ได้กังวลว่าแส้เหล็กทองแดงสีม่วงจะถูกทำลาย เพราะยังไงซะอาวุธเผ่าพันธุ์ก็ไม่ใช่อะไรที่จะถูกทำลายง่ายๆ และถึงมันจะถูกทำลายไป หานเซิ่นก็ไม่ได้เสียใจมากนัก เพราะเขาไม่ต้องการจะมีหางและหูจิ้งจอก
ปัง!
แส้เหล็กทองแดงสีม่วงและมีดแสงสีทองปะทะกัน มันเหมือนกับดวงอาทิตย์เพิ่งจะระเบิดและเกิดเป็นคลื่นกระแทกที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ
หานเซิ่นมองดูการระเบิดครั้งใหญ่และเห็นแส้เหล็กทองแดงสีม่วงหมุนควงกลับมา หานเซิ่นรับมันเอาไว้ และเขาก็ต้องประหลาดใจที่เห็นว่ามันไม่มีรอยขีดข่วนเลย
เหมิงเลี่ยมองไปที่แส้เหล็กทองแดงสีม่วงด้วยความตกใจ เขาใช้พลังไปมากกับการโจมตีครั้งนี้ แต่แส้เหล็กกลับระเบิดมีดแสงของเขาได้โดยที่มันไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย นั่นเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ
“มันเป็นอาวุธระดับเทพเจ้าที่เหมือนกับโล่เมดูซ่าส์เกซอย่างนั้นหรอ?” เหมิงเลี่ยจ้องมองไปที่แส้เหล็กทองแดงสีม่วงของหานเซิ่น
หานเซิ่นมองดูสภาพที่ไร้รอยขีดข่วนของแส้เหล็กทองแดงสีม่วงด้วยความดีใจ
‘ไม่รู้ว่าพลังที่แท้จริงของแส้เหล็กนี้คืออะไร แต่ดีมากๆที่มันป้องกันมีดแสงของเหมิงเลี่ยได้’
ขณะที่หานเซิ่นคิดอยู่นั้น เขาก็ใส่แส้เหล็กกลับไปที่สายของธนูงูหกคอร์และเล็งไปที่เหมิงเลี่ย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น