Super God Gene 2558-2564

ตอนที่ 2558

 

 


ถังหมิงเอ๋อเพิ่งจะเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่ ถึงแม้วิชาจีโนของเธอจะไม่ได้แย่อะไร แต่ยีนของเธอก็ยังไม่ได้ถูกเสริมความแข็งแกร่ง ด้วยเหตุนั้นเธอจึงยังอ่อนแอและไม่สามารถวิ่งหนีจากตะขาบปีศาจไปได้ ตะขาบนั้นตามเธอทันในเวลาไม่กี่วินาที


 


ถังหมิงเอ๋อจับมือของเสี่ยวฮวาขณะที่เธอวิ่งหนีไป แต่จู่ๆท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำ เงาขนาดใหญ่ยักษ์เข้าปกคลุมเธอ โดยไม่ต้องเงยหน้าไปมอง เธอรู้ว่าปากของตะขาบปีศาจกำลังอยู่เหนือหัวของเธอ


 


‘ทำไมเราถึงได้โชคร้ายแบบนี่? นี่พระเจ้าอิจฉาคนฉลาดอย่างนั้นหรอ? มันเป็นเพราะเราฉลาดเกินไปอย่างนั้นใช่ไหม?’ ถังหมิงเอ๋อคิดกับตัวเอง


 


ถังหมิงเอ๋อยังคงจับมือเสี่ยวฮวาขณะที่วิ่งหนีไป เมื่อเห็นว่าปากที่เปิดออกของตะขาบปีศาจยักษ์เข้ามาใกล้ เธอก็โยนเสี่ยวฮวาออกไป


 


“วิ่ง!” เธอตะโกน


 


เมื่อเห็นว่าปากที่น่ากลัวเข้ามาใกล้ ถังหมิงเอ๋อก็รู้สึกความกลัว เพราะยังไงซะเธอก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอไม่เคยประสบเหตุการณ์เฉียดตายมาก่อน ดังนั้นเธอจึงหวาดกลัว


 


เมื่อเห็นว่าปากของตะขาบปีศาจยักษ์กำลังจะกินเธอ การมองเห็นของถังหมิงเอ๋อก็เบลอไป หลังจากนั้นเธอก็เห็นหัวของตะขาบกระแทกลงไปกับพื้น ดินและหญ้ากระจัดกระจายไปทั่ว หัวของตะขาบจมลงในหลุมขณะที่มีเด็กชายยืนอยู่บนร่างของมัน


 


ดวงตาของถังหมิงเอ๋อเบิกกว้าง เธอจ้องไปที่เด็กชายบนหัวของตะขาบปีศาจยักษ์ เขาเป็นเด็กชายที่เธอโยนออกไปเมื่อครู่นี้


 


“พี่สาวเป็นอะไรไหม?” หานเสี่ยวฮวาเดินเข้ามาหาถังหมิงเอ๋อด้วยท่าทางกังวล


 


ถังหมิงเอ๋อไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองยังไง เธอได้แต่จ้องมองหานเสี่ยวฮวาด้วยความตกใจ เธอไม่สามารถพูดอะไรกลับไปได้


 


เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กชายที่ดูเด็กยิ่งกว่าเธอจะจัดการกับตะขาบปีศาจเลือดกลายพันธุ์ได้ และเขายังทำมันอย่างง่ายดาย


 


“พี่สาวเป็นอะไรหรือเปล่า?” หานเสี่ยวฮวาเห็นว่าถังหมิงเอ๋อแข็งทื่อไป เขายื่นมือไปแตะหน้าผากของเธอและเตรียมที่จะใส่พลังเข้าไปในร่างกายของเธอเพื่อตรวจดูว่าเธอได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า


 


ตูม!


ขณะเดียวกันนั้น ตะขาบปีศาจยักษ์พยายามดิ้นรนเพื่อยกหัวขึ้นมาจากพื้น ถังหมิงเอ๋อตกใจกลัวอีกครั้งและเธอก็ก้าวถอยหลังไป


 


“เจ้าทำให้พี่สาวกลัว! รีบมาขอโทษเดี๋ยวนี้” หานเสี่ยวฮวาหันไปและตะคอกใส่ตะขาบปีศาจยักษ์


ร่างกายของตะขาบปีศาจยักษ์สั่นกลัว ขณะที่ถังหมิงเอ๋อมองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ตะขาบปีศาจยักษ์ลดตัวลงกับพื้นราวกับว่ามันกำลังขอให้เธอยกโทษให้


 


‘นี่…มันเกิดอะไรขึ้น? เรากำลังฝันไปหรือเปล่า? นี่มันเป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ที่รู้จักกันในชื่อตะขาบปีศาจยักษ์จริงๆอย่างนั้นหรอ?’ ถังหมิงเอ๋ออึ้ง


 


“พี่สาวไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” หานเสี่ยวฮวาถามอีกครั้งขณะที่วางมือลงบนหน้าผากของเธอ


 


ถังหมิงเอ๋อหน้าแดง เธอก้าวถอยออกไปและมองมาที่เขา

“เจ้าเป็นใครกัน? ไม่สิ เจ้าเป็นมนุษย์จริงๆอย่างนั้นหรอ? ทำไมตะขาบปีศาจถึงได้ฟังที่เจ้าพูด?”


 


“ชื่อของข้าคือหานเสี่ยวฮวา และข้าก็เป็นมนุษย์ ข้าบอกพี่สาวไปแล้วไม่ใช่หรอ?”

หลังจากนั้นหานเสี่ยวฮวาก็ชี้ไปที่ตะขาบปีศาจยักษ์และพูดต่อ “เขาเอาชนะข้าไม่ได้ ดังนั้นแน่นอนว่าเขาจะฟังที่ข้าพูด”


 


“หานเสี่ยวฮวา… ชื่อสกุลของเจ้าคือหาน? นี่เจ้าเป็นญาติของลุงหานเซิ่นอย่างนั้นหรอ?” ถังหมิงเอ๋อรีบถาม


 


“ข้าเป็นลูกของเขา พี่สาวรู้จักพ่อของข้าอย่างนั้นหรอ?” เมื่อได้ยินชื่อพ่อตัวเอง เสี่ยวฮวาก็ดูดีใจอย่างมาก


 


“เจ้าเป็นลูกชายของลุงหาน? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่แปลกเลยที่เจ้าจะทำแบบนี้ได้ ปู่ของข้าเคยบอกว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้สำหรับตระกูลหาน และนั่นเป็นเพราะตระกูลหานนั้นแปลกประหลาด”

ดวงตาของถังหมิงเอ๋อเบิกกว้างขณะที่เธอพูดต่อ “ในตอนแรกข้าไม่เชื่อที่ปู่บอก ข้าคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ แต่เจ้ายังเด็กและแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เรียบร้อยแล้ว? สิ่งที่เขาพูดคงจะเป็นความจริง”


 


“พี่สาวจะไปที่ไหน? ข้าจะพาพี่สาวไปที่ที่พี่ต้องการ” หานเสี่ยวฮวาพูด


 


“พาข้าไป? เจ้าจะพาข้าไปยังไง?” ถังหมิงเอ๋อถาม


 


หานเสี่ยวฮวาจับมือของถังหมิงเอ๋อและพาเธอขึ้นมาบนหัวของตะขาบปีศาจ หลังจากนั้นเขาก็นำเอาผ้าคลุมออกมาจากกระเป๋าและให้เธอนั่งลงบนนั้น จากนั้นเขาก็นำผลไม้ออกมาให้กับเธอ


 


ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังตก ตะขาบปีศาจยักษ์ก็วิ่งข้ามทุ่งหญ้าไป บนตัวของมันมีเด็กผู้ชายและหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ ตะขาบปีศาจวิ่งไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับรักษาสมดุลเพื่อประคองทั้ง 2 คนที่มันแบกมา แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยชำนาญในการทำอะไรแบบนั้น


 


ถ้าตะขาบปีศาจพูดได้ มันก็คงจะร้องไห้ออกมาในทำนองว่า “ทำไมถึงได้โชคร้ายแบบนี้?”



 


หานเซิ่นกลืนยีนซีโน่เจเนอิคอีกยีนเข้าไป และยีนระดับราชันของเขาก็ครบหนึ่งร้อยพอดี


 


“อีกนานแค่ไหนกันก่อนที่เราจะกลายเป็นครึ่งเทพ?” หานเซิ่นพึมพำกับตัวเอง เขาอยากเลื่อนระดับอาณาเขตตงเสวียน


 


หานเซิ่นพึ่งพาวิชาคอนซูมและบิ๊กเดสทรอยเยอร์เพื่อกินยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน และอาณาเขตตงเสวียนของเขาก็พัฒนาจนถึงขั้นที่ 9 ตอนนี้เขาจำเป็นต้องเลื่อนอีกหนึ่งระดับเพื่อกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ


 


โชคร้ายที่หานเซิ่นต้องผิดหวัง ถึงแม้ยีนระดับราชันจะครบหนึ่งร้อยยีน แต่อาณาเขตตงเสวียนก็ยังปฏิเสธที่จะเลื่อนไปสู่ระดับต่อไป


 


“ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องใช้พลังของตัวเองเพื่อรวมทั้ง 9 ขั้นเป็นหนึ่งเดียวกันและกลายเป็นระดับครึ่งเทพ”

หานเซิ่นคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้น หลังจากที่สลัดความผิดหวังทิ้งไป เขาก็ใช้ยีนซีโน่เจเนอิคหนึ่งร้อยยีนเพื่อเลื่อนระดับของกายหยกแทน


 


ในตอนนี้หานเซิ่นรำคาญมากๆ ความเร็วในกินยีนซีโน่เจเนอิคของเขานั้นเร็วกว่าที่เขาจะล่าซีโน่เจเนอิคระดับราชันมาได้ทัน ยีนซีโน่เจเนอิคที่เขาเก็บตุนไว้ก็กำลังจะถูกใช้จนหมด


 


ในคอร์แอเรียมีซีโน่เจเนอิคระดับราชันอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ที่แห่งนี้ใหญ่โตเกินไป ซึ่งทำให้การเดินทางใช้เวลานาน เขาต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะหาซีโน่เจเนอิคระดับราชันให้ได้สักตัวหนึ่ง


 


สำหรับระดับราชันทั่วไปแล้ว นั่นอาจจะเป็นเวลาที่พอใจได้ แต่สำหรับคนอย่างหานเซิ่นแล้ว นั่นยังไม่เร็วพอ เขาจำเป็นต้องหาหนทางที่เร็วกว่านี้


 


“ไม่ได้การ เราต้องหายีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันให้เร็วกว่านี้”

หานเซิ่นคิดกับตัวเอง เมื่อรู้แบบนั้นเขาก็พยายามคิดหาหนทางที่จะทำให้เขาได้ยีนซีโน่เจเนอิคจำนวนมากมา


 


หนทางที่รวดเร็วที่สุดคงจะเป็นการรับจ้างไปฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ากับดราก้อนวันหรือใครสักคน แต่ถ้าเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า หานเซิ่นก็อยากจะฆ่ามันด้วยตัวเอง การช่วยเหลือคนอื่นเป็นอะไรที่ไม่คุ้มค่าเท่าไหร่


 


ขณะที่หานเซิ่นครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหานี้ ใครบางคนก็ตรงเข้ามาหาเขา คนๆนั้นมาขวางหน้าของเขาเอาไว้


 


“บาร์?” เมื่อหานเซิ่นเห็นบาร์ เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขาไม่ได้หวาดกลัว เขาแค่คิดว่าบาร์เป็นคนที่น่ารำคาญเท่านั้น


 


“หานเซิ่น ข้าจะบอกกับเจ้าตามตรง ข้าต้องการให้เจ้ามอบพรให้กับข้า และข้าจะมอบอะไรก็ตามที่เจ้าต้องการเป็นการตอบแทน” บาร์พูดขึ้นมา


 


“โอเค ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนฟังดูเป็นยังไง?” หานเซิ่นเสนอขึ้นมา


 


บาร์ผงะไป ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนถือเป็นจำนวนที่มาก


ตอนที่ 2559 พรราคาแพง


 


‘ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีน? ทำไมเจ้าไม่ไปปล้นคนอื่นซะเลยล่ะ?’ จี๋หยางเซิงคิด ผู้คนระดับราชันทั่วไปคงจะไม่มียีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันเก็บสะสมไว้มากนัก


 


แม้แต่ครึ่งเทพคนหนึ่งก็ไม่มียีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันมากมายขนาดนั้น


 


เห็นได้ชัดว่าบาร์ไม่ใช่คนที่จะเก็บสะสมยีนซีโน่เจเนอิคเอาไว้เป็นจำนวนมาก และมันก็แสดงออกมาบนสีหน้าของเขา ด้วยบุคลิกภาพของบาร์ ถึงแม้เขาจะสามารถฆ่าซีโน่เจเนอิคได้ เขาก็คงจะไม่เก็บสะสมยีนของพวกมันเอาไว้


 


ถึงแม้เขาต้องการจะขอยืมพวกมัน เขาก็คงจะทำไม่ได้อยู่ดี เพราะยังไงซะเขาก็ไม่มีเพื่อนคนไหน เพื่อนคนเดียวของเขาก็คือเดียร็อบเบอร์ แต่เดียร็อบเบอร์ก็ไม่น่าจะหายีนซีโน่เจเนอิคมากมายขนาดนั้นมาให้กับเขาได้


 


“เอาแบบนั้นก็ได้ เมื่อข้าเก็บสะสมยีนซีโน่เจเนอิคได้ครบเมื่อไหร่ ข้าจะมาหาเจ้าอีกครั้ง” บาร์พูด หลังจากนั้นเขาก็เปิดประตูออกไปจากคอร์แอเรีย


 


หานเซิ่นไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องนี้มากนัก ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนถือเป็นจำนวนที่มาก ถ้าราชันส่วนใหญ่ไม่มียีนซีโน่เจเนอิคมากขนาดนั้น มันก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่บาร์จะไม่มี


 


แต่หานเซิ่นตั้งราคานี่เพื่อสร้างมาตรฐานสำหรับผู้คนที่จับตาดูเขาอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินราคาและเสนอ 2 พันยีนให้กับเขา หานเซิ่นก็ไม่รังเกียจที่จะต้องลงแรงเพื่อมอบพรให้กับพวกเขาเป็นการแลกเปลี่ยน


 


ถ้าเขามียีนซีโน่เจเนอิค 2 พันยีน เขาก็จะมียีนซีโน่เจเนอิคเพียงพอสำหรับการเลื่อนอาณาเขตทั้ง 3 ไปสู่ขั้นที่ 9


 


“เขาบ้าไปแล้วแน่ๆ ยีนซีโน่เจเนอิดระดับราชัน 2 พันยีน นี่เขาจะทำให้ทุกคนไปสู่ระดับเทพเจ้าได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?” เดม่อนคนหนึ่งเย้นหยันเมื่อได้ยินข่าวนี้


 


คนอื่นๆที่ได้ยินการพูดคุยของหานเซิ่นกับบาร์ก็คิดเหมือนๆกัน ไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่เชื่อว่าหานเซิ่นจะทำให้คนๆหนึ่งกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้ง่ายๆแบบนั้น พวกเขาคิดว่ามันต้องมีบางสิ่งที่พิเศษเกิดขึ้นในตอนที่เลอตู้เลื่อนสู่ระดับเทพเจ้า มันไม่น่าจะเป็นเพราะพลังของหานเซิ่นเพียงอย่างเดียวที่ช่วยให้เลอตู้วิวัฒนาการ


 


แน่นอนว่าพวกเขายอมรับความจริงที่ว่าพลังของหานเซิ่นเป็นส่วนสำคัญ แต่พวกเขาไม่คิดว่านั่นเป็นเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้เลอตู้กลายเป็นระดับเทพเจ้า


 


“ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีน? นั่นมันปล้นกันชัดๆ ถ้าเป็นข้าล่ะก็ ข้าจะอวดพรให้กับคนอื่นโดยแลกกับยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันหนึ่งพันยีน” เฟเธอร์ครึ่งเทพคนหนึ่งพึมพำกับตัวเองด้วยความดูถูก


 


เมื่อลุงสี่ของเอ็กซ์ตรีมคิงเหมิงเลี่ยได้ยินข่าวนี้ เขาก็ขมวดคิ้ว ลุงหกพูดขึ้นมา

“หานเซิ่นคนนี้โลภมากเกินไป ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนอย่างนั้นหรอ? แม้แต่คนที่เป็นระดับเทพเจ้าอย่างเจ้ากับข้าก็หายีนมากมายขนาดนั้นมาไม่ได้”


 


“ถ้าเขาทำให้คนๆหนึ่งกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้จริง ยีนซีโน่เจเนอิค 2 พันยีนนั้นไม่เท่าไหร่”


 


“นั่นมันจะเป็นไปได้ยังไง? ถ้าเรื่องแบบนั้นเป็นไปได้ แบบนั้นทำไมพวกเราถึงต้องฝึกฝนอย่างยากลำบาก? ทำไมพวกเราทุกคนถึงไม่ไปเข้าคิวรอรับพรจากเขาซะล่ะ?” ลุงหกถามด้วยสีหน้าดูถูก


 


ไม่มีใครเชื่อว่าบาร์จะหายีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนมาให้กับหานเซิ่นได้ แม้แต่ตัวหานเซิ่นเองก็ไม่เชื่อ


 


เดม่อนหลายคนบินมาอยู่ในระยะที่ห่างออกไปจากหานเซิ่นพอสมควรและตะโกนขึ้นว่า

“หานเซิ่น ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนนั้นแพงเกินไป พวกเราขอต่อรองได้ไหม? พวกเราจะจ่ายยีนซีโน่เจเนอิคหนึ่งพันยีนเพื่อให้เจ้าช่วยอวยพรให้กับองค์ชาย”


 


“ไม่ได้ แต่ถ้าพวกเจ้าต้องการให้เขาเป็นอิสระ พวกเจ้าก็จำเป็นต้องจ่ายยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 5 ร้อยยีนให้กับข้า” หานเซิ่นพูดขณะที่ชี้ไปที่จี๋หยางเซิง


 


จี๋หยางเซิงดีใจที่ได้ยินแบบนั้น เขาต้องการให้เดม่อนคนอื่นจ่ายค่าไถ่ให้กับเขาเพื่อที่เขาจะไม่ต้องลากรถม้าอีกต่อไป


 


“แล้วการอวยพรล่ะ?” เดม่อนคนนั้นถาม


 


“5 ร้อยยีนสำหรับค่าไถ่ 2 พันยีนสำหรับการอวยพร ไม่มีส่วนลด” หานเซิ่นพูดอย่างง่าย


 


“นั่น…นั่นแพงเกินไป! พวกเราคงจะหายีนซีโน่เจเนอิคมากขนาดนั้นมาให้กับเจ้าไม่ได้…” เดม่อนคนนั้นพูดอย่างลังเล


 


“ในตอนที่ข้าบอกว่า 2 พัน นี่ข้าลดให้เจ้า 50 เปอร์เซ็นต์แล้วนะ ในอนาคตมันจะไม่ถูกแบบนี้” หานเซิ่นพูด


 


เมื่อเดม่อนระดับราชันคนนั้นได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นพูด เขาก็เข้าใจว่าราคาของหานเซิ่นจะไม่ถูกไปมากกว่านี้


 


“ข้าไม่ต้องการการอวยพร แค่ไถ่ตัวข้าไป!” จี๋หยางเซิงรีบพูด เขาไม่คิดว่าการอวยพรของหานเซิ่นจะทำให้ตัวเขากลายเป็นระดับเทพเจ้าอยู่แล้ว


 


หลังจากที่เจรจากันอีกสักพัก สุดท้ายเหล่าเดม่อนก็ยอมจ่ายยีนซีโน่เจเนอิค 5 ร้อยยีนเพื่อไถ่ตัวจี๋หยางเซิงไป


 


“เจ้าไม่ต้องการให้ข้าอวยพรให้กับเจ้าอย่างนั้นหรอ? ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนนั้นไม่ได้มากอะไรเลย ถ้าเจ้าพลาดโอกาสไปในตอนนี้ มันก็ไม่มีโอกาสที่เจ้าจะได้รับราคาที่ถูกแบบนี้อีก” หานเซิ่นยิ้มให้กับจี๋หยางเซิง


 


“ใครมันจะยอมจ่ายยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนเพื่อการอวยพรของเจ้า” จี๋หยางเซิงตอบ หลังจากนั้นเขาก็รีบจากไป เขาไม่อยากจะเห็นหน้าของหานเซิ่นอีกแล้ว


 


หานเซิ่นมองกองยีนซีโน่เจเนอิคที่เผ่าเดม่อนเพิ่งจะมอบให้กับเขา เขาคิดว่านี่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ถ้าเขาไม่ได้รับยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันเพิ่มการจากอวยพร เขาก็ยังสามารถต่อรองกับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงโดยใช้ไป๋อู๋ฉาง


 


แต่เขาคิดว่าทางเอ็กซ์ตรีมคิงคงจะไม่ยอมจ่ายอย่างรวดเร็วเหมือนกับเผ่าเดม่อน เอ็กซ์ตรีมคิงเป็นหนึ่งใน 3 เผ่าพันธุ์สูงสุดของจักรวาลจีโน พวกเขามีชื่อเสียงที่ต้องรักษา ดังนั้นมันมีโอกาสที่พวกเขาจะไม่ยอมจ่ายค่าไถ่


 


ตอนนี้ไม่มีใครมาลากรถม้าอีกแล้ว ดังนั้นหานเซิ่นจึงเอามันไปเก็บในหอคอยแห่งโชคชะตา หลังจากนั้นหานเซิ่นก็บินไปข้างหน้าพร้อมกับกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์


 


กู่ชิงเฉิงสามารถบินบนดาบของเธอ ขณะที่จันทราสวรรค์ใช้ร่มเพื่อลอยตัว มันดูงดงามอย่างมาก หานเซิ่นต้องบินด้วยตัวของเขาเอง เขามีอาวุธอยู่ แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเท่เท่ากับพวกเธอ ถ้าเขาบินบนปืนอาร์พีจีหรือปืนไรเฟิล ดังนั้นเขาจึงล้มเลิกความคิดนั้นและบินไปด้วยตัวเอง


 


หลังจากที่บินอยู่ครึ่งวันโดยไม่เห็นคอร์ซีโน่เจเนอิคเลยสักตัวเดียว ทันใดนั้นเขาก็เห็นบางสิ่งบินผ่านอวกาศมาจากด้านหลัง เมื่อเขามองดูดีๆ เขาก็สังเกตว่ามันคือบาร์


 


“หานเซิ่น ข้าเตรียมยีนซีโน่เจเนอิค 2 พันยีนเอาไว้แล้ว เมื่อไหร่ที่เจ้าจะอวยพรให้กับข้า?” บาร์เข้าเรื่องในทันที


 


“เจ้าต้องการให้ข้าอวยพรให้กับเจ้าจริงๆ?” หานเซิ่นมองบาร์ด้วยความตกใจ


 


“ถ้าข้าไม่ต้องการ แบบนั้นข้าจะมาตามหาเจ้าทำไม? เจ้าจะอวยพรให้กับข้าได้เมื่อไหร่กัน?” บาร์ดูใจร้อน


 


“จ่ายให้กับข้าก่อน หลังจากนั้นข้าจะอวยพรให้กับเจ้า เมื่อข้าได้รับยีนซีโน่เจเนอิคทั้ง 2 พันยีน ข้าจะเริ่มการอวยพรในทันที”

หานเซิ่นหยุดไปชั่วครู่และพูดต่อ “แต่การอวยพรก็เป็นแค่การอวยพร ข้าไม่รับประกันว่าเจ้าจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าหรือเปล่า ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับศักยภาพของเจ้า”


 


“นั่นไม่เป็นไร ตราบใดที่มีโอกาส เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไปเอายีนซีโน่เจเนอิคมา” บาร์พูด หลังจากนั้นเขาก็ออกไปจากคอร์แอเรีย เมื่อเขากลับมา เขาก็เอากองภูเขายีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันมาด้วย


 


เหล่าราชันหลายคนกำลังมองดูหานเซิ่น พวกเขาตกตะลึงเมื่อได้เห็นยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันกองเป็นภูเขา ข่าวที่บาร์นำยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนมาให้กับหานเซิ่นนั้นแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งจักรวาล


 


“นี่บาร์บ้าไปแล้วหรือยังไง? ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนเพื่อการอวยพร? นั่นไม่เป็นอะไรที่เสียเปล่าหรอกหรอ?”


 


“มันไม่มีทางที่บาร์จะมียีนซีโน่เจเนอิคมากมายขนาดนั้น นี่ต้องเป็นสิ่งที่ทางเดสทรอยเยอร์มอบให้กับเขา”


 


“ดูเหมือนเผ่าเดสทรอยเยอร์ต้องการยอดฝีมือระดับเทพเจ้าเป็นของตัวเอง ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงจะไม่ยอมจ่ายยีนซีโน่จเนเอิคมากมายขนาดนี้”


 


ราชันหลายคนเข้ามาใกล้เพื่อจับตาดู พวกเขาอยากจะเห็นว่าผลของการอวยพรเป็นยังไง หลายคนได้เตรียมอุปกรณ์สำหรับถ่ายวิดีโอมาเพื่อถ่ายทอดภาพกลับไปที่เผ่าของตัวเอง

 

 

 


ตอนที่ 2560

 

“ตอนนี้พวกเราเริ่มได้แล้วใช่ไหม?” บาร์ยืนอยู่ตรงหน้ากองยีนซีโน่เจเนอิคกองใหญ่ขณะที่พูดออกมา


 


“แน่นอน แต่ก่อนจะเริ่ม ให้ข้าเอายีนซีโน่เจเนอิคพวกนี้ไปเก็บซะก่อน”

หานเซิ่นเอายีนซีโน่เจเนอิคทั้งหมดเข้าไปเก็บไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตา หลังจากนั้นเขาก็กลับมาที่คอร์แอเรีย


 


“ตอนนี้พวกเรามาเริ่มกันเลย” หานเซิ่นพูดขณะที่เดินไปตรงหน้าบาร์ หลังจากนั้นเขาก็ถามด้วยความอยากรู้

“ทำไมเจ้าถึงต้องการให้ข้าอวยพรให้กับเจ้า?”


 


หานเซิ่นไม่เข้าใจในเรื่องนี้ เขารู้ว่าบาร์ไม่ได้ขาดความตั้งใจอันแน่วแน่ มันจึงแปลกที่จู่ๆเขาก็ร้อนรนที่จะได้รับการอวยพรจากหานเซิ่น นั่นดูเป็นอะไรที่ขัดกับลักษณะนิสัยของเขา


 


“ข้าต้องการจะเอาชนะคนๆหนึ่งให้ได้ และเพื่อจะทำให้สำเร็จ ข้าจำเป็นต้องมีพลังที่มากกว่านี้” บาร์พูดด้วยความหนักแน่นอย่างน่าตกใจ


 


“คนที่…โชคดีคนนั้นคือใครกัน?” หานเซิ่นกำลังจะพูดว่าโชคร้าย แต่เขาเปลี่ยนไปพูดว่าโชคดีแทน เพราะยังไงซะบาร์ก็เป็นลูกค้าคนหนึ่ง หานเซิ่นรู้ว่าการเป็นศัตรูกับบาร์ไม่ใช่เรื่องที่ดี และตราบใดที่บาร์ไม่มารบกวนอะไรเขาอีก เขาก็ไม่สนใจว่าคนที่โชคร้ายคนนั้นจะเป็นใคร


 


“ดอลลาร์” บาร์ตอบ


 


หานเซิ่นรู้สึกว่าลูกตาเกือบจะหลุดออกจากเบ้าเมื่อได้ยินแบบนั้น หลังจากรอคอยอยู่ครึ่งวัน มันถูกเปิดเผยว่าเขาคือคนที่บาร์ต้องการจะเอาชนะ


 


“หืม น่าสนใจ” หลังจากที่สลัดการตกใจไปได้แล้ว หานเซิ่นก็ยกนิ้วให้กับบาร์อย่างไม่ค่อยสบายใจ


 


แต่หลังจากที่เอายีนซีโน่เจเนอิคทั้งหมดไปเก็บ หานเซิ่นก็ไม่สามารถถอนตัวได้อีกแล้ว ดังนั้นเขาไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามสิ่งที่ได้ตกลงเอาไว้


 


บาร์ยืนตรงเหมือนกับหอคอย และหานเซิ่นก็ค่อยๆยื่นมือออกไปอย่างไม่เต็มใจ เขาวางมันบนหน้าผากของบาร์ราวกับนักบวช

“ข้า…หานเซิ่น…ในนามของเทพทั้งปวง…ขอมอบ…บาร์…พลังศักดิ์สิทธิ์ชั่วนิรันดร์…เพื่อเปิดประตูแห่งโชคชะตา”


 


หานเซิ่นทำให้ตัวเองดูเหมือนกับเทพ แสงที่อบอุ่นปลดปล่อยจากมือของเขา มันกลายเป็นสีแดงเข้มที่เข้าไปในร่างกายของบาร์


 


หานเซิ่นพูดแบบนั้น แต่ในใจเขาหวังให้บาร์เลื่อนสู่ระดับเทพเจ้าไม่สำเร็จ ถ้ากระบวนการนี้สำเร็จล่ะก็ เขาก็จะสร้างศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวให้กับตัวเอง


 


มันมียอดฝีมือมากมายทั้งภายในและภายนอกคอร์แอเรียที่กำลังจับตามองทั้ง 2 คน พวกเขาจ้องมองหานเซิ่นที่แตะหน้าผากของบาร์ตาไม่กระพริบ


 


บาร์นั้นตัวสูงกว่าหานเซิ่น แต่ขณะที่เขายืนต่อหน้าหานเซิ่นในตอนนี้ เขาดูเหมือนกับสาวกที่กำลังจะออกผนวช เขาหลับตาลงและปล่อยให้พลังที่เหมือนกับเลือดเข้าไปในร่างกายของเขา


 


ฟันเฟืองจักรวาลของวิชาโลหิตชีพจรเชื่อมต่อกับฟันเฟืองของบาร์ เมื่อฟันเฟืองของวิชาโลหิตชีพจรเคลื่อนไหว ฟันเฟืองของบาร์ก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน


 


หานเซิ่นเห็นว่าฟันเฟืองจักรวาลของบาร์นั้นเป็นสีดำ มันดำเหมือนกับโลหะ ฟันเฟืองของเขาประดับไปด้วยสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีดำ ในมุมของสามเหลี่ยมนั้นมีหัวที่ไร้ใบหน้าอยู่


 


บนใบหน้าเหล่านั้นไม่ได้มีลักษณะเฉพาะอะไร แต่หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่าหนึ่งในพวกมันเป็นใบหน้าของผู้หญิงและอีกใบหน้าเป็นใบหน้าของผู้ชาย แต่ทว่าใบหน้าที่ 3 นั้นต่างออกไป การพยายามจะระบุว่ามันคืออะไรนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ มันเบลอมากจนแม้แต่เพศก็ไม่สามารถคาดเดาได้


 


“เดียร็อบเบอร์ เจ้าคิดว่าหานเซิ่นจะทำให้บาร์กลายเป็นระดับเทพเจ้าได้ไหม?” เดสทรอยเยอร์ระดับเทพเจ้าที่ชื่อว่าอาเธอร์ถามเดียร็อบเบอร์


 


“เขาอาจจะไม่กลายเป็นระดับเทพเจ้า แต่ข้าเชื่อว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับบาร์” เดียร็อบเบอร์พูด


 


อาเธอร์ขมวดคิ้วและพูด “เดียร็อบเบอร์ เจ้าเอาใจบาร์มากเกินไป ถ้าเจ้ารู้ว่าหานเซิ่นอาจจะไม่ทำให้เขากลายเป็นระดับเทพเจ้า อย่างนั้นทำไมเจ้าถึงให้เขายืมยีนซีโน่เจเนอิคตั้งมากมาย? ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า พวกเราก็ไม่มีวันอนุมัติการแลกเปลี่ยนนี้”


 


เดียร็อบเบอร์โค้งคำนับให้กับอาเธอร์และพูด “ท่านอาเธอร์ ข้าแค่ให้บาร์ยืมยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันไปเท่านั้น มันขึ้นอยู่กับเวลาก่อนที่พวกเราจะได้รับยีนซีโน่เจเนอิค 2 พันยีนกลับมา ท่านอย่าได้กังวล”


 


อาเธอร์ส่ายหัว “ข้าแค่จะบอกเจ้าว่าไม่ควรเอาใจเขามากเกินไป เพราะยังไงซะเขาก็ไม่ใช่เดสทรอยเยอร์เลือดบริสุทธิ์”


 


เดียร็อบเบอร์หัวเราะและพูด “บาร์อาจจะไม่ใช่เดสทรอยเยอร์เลือดบริสุทธิ์ แต่เขามีพรสวรรค์มากๆ ทุกคนรู้ในเรื่องนั้น”


 


“พรสวรรค์ของเขายอดเยี่ยม แต่เนื่องจากสายเลือดของเขา โอกาสที่เขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าจึงค่อนข้างต่ำ” อาเธอร์พูด


 


“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าช่วยเหลือเขา หานเซิ่นอาจจะไม่ทำให้เขากลายเป็นระดับเทพเจ้า แต่อย่างน้อยๆการอวยพรนี้ก็จะช่วยส่งเสริมยีนของเขา บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของบาร์” เดียร็อบเบอร์พูดอย่างใจเย็น


 


“เหมิงเลี่ย เจ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการอวยพรครั้งนี้?” ลุงหกกำลังดื่มชาขณะที่มองวิดีโอของหานเซิ่นกับบาร์


 


“มันยากที่จะบอกได้” เหมิงเลี่ยพูดเบาๆ


 


“เจ้าหมายความว่ายังไง? ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนเหล่านั้นเพิ่งจะถูกใช้ไปอย่างสุรุ่ยสุร่าย และด้วยจุดประสงค์อะไร? เพียงเพื่อจะเพิ่มระดับของราชันคนหนึ่งเนี่ยนะ เดสทรอยเยอร์คาดหวังมากเกินไปที่ฝากความหวังเอาไว้กับตำนานบ้าบ่อของเด็กชายที่อวดดีคนนั้น”


 


เหมิงเลี่ยไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่มองดูหานเซิ่นและบาร์ต่อไป


 


ผู้คนมากมายจับจ้องไปที่บาร์ หลังจากที่ฟันเฟืองของบาร์ถูกผลักดัน มันก็เริ่มจะหมุนและสัญลักษณ์บนฟันเฟืองก็ส่องสว่างออกมา


 


ร่างกายของบาร์เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแปลกประหลาด บาร์นั้นไม่ใช่เดสทรอยเยอร์เลือดบริสุทธิ์ เขามี 3 หน้า แต่ไม่มี 3 หัว นอกจากนั้นพวกมันยังเป็นผู้ชายทั้งหมด แถมเขาก็ไม่ได้มี 6 แขน แว็บแรกที่ผู้คนได้เห็นบาร์ พวกเขาคงจะไม่เชื่อว่าบาร์เป็นหนึ่งในเดสทรอยเยอร์


 


แต่เมื่อฟันเฟืองจักรวาลเริ่มหมุน ใบหน้าทั้ง 3 ของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แปลก ใบหน้าที่อยู่ด้านหน้าเริ่มจะหายไปและใบหน้าที่อยู่ด้านซ้ายเริ่มจะดูเป็นผู้ชายมากขึ้น ขณะใบหน้าด้านขวาเริ่มจะดูเหมือนกับผู้หญิง


 


ใบหน้าด้านซ้ายดูกระหายเลือดราวกับปีศาจจากขุมนรก ส่วนใบหน้าด้านขวาดูงดงามและอ่อนโยนอย่างมาก มันดูคล้ายคลึงกับพระแม่กวนอิม มีเพียงใบหน้าตรงกลางที่ไม่มีลักษณะหน้าตาที่ชี้เฉพาะ


 


ขณะเดียวกันร่างกายของบาร์ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน กล้ามเนื้อของเขาดูเหมือนกับลูกโป่งที่เต็มไปด้วยแก๊ส


 


พลังที่น่ากลัวรั่วไหลออกมาจากร่างกายของบาร์ราวกับลาวาสีดำ ภายในพลังที่ร้อนแรงนั้นร่างกายของบาร์กำลังละลาย เนื้อหนังของเขาถูกลอกออกและเผยให้เห็นกระดูกที่อยู่ภายใน


 


กระดูกนั้นแตกต่างจากกระดูกธรรมดาๆ พวกมันมีสีดำเหมือนกับเหล็ก โครงสร้างของพวกมันคล้ายคลึงกับโครงกระดูกของมนุษย์ เว้นก็แต่บริเวณหัว กะโหลกของบาร์นั้นมี 3 ใบหน้า ใบหน้าด้านซ้ายดูเหมือนกับปีศาจ ใบหน้าด้านขวาดูเหมือนกับพระแม่กวนอิม ส่วนใบหน้าตรงกลางนั้นขาดลักษณะที่ชี้เฉพาะ มันเหมือนกับกระดานชนวนที่ว่างเปล่า มันไร้ซึ่งความรู้สึก


 


พลังสีดำที่น่าสะพรึงกลัวเริ่มจะแผดเผาโครงกระดูกของบาร์ หลังจากนั้นขณะที่ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนกำลังมองดู ใบหน้าทั้ง 3 ของบาร์ก็เริ่มกรีดร้องออกมา


 


ใบหน้าด้านซ้ายแผดเสียงราวกับปีศาจ ส่วนใบหน้าด้านขวาท่องมนตร์คาถา ใบหน้าตรงกลางที่ไม่มีปางนั้นทำการกรีดร้องเงียบๆ


 


ด้วยการกรีดร้องของใบหน้าทั้ง 3 พลังเดสทรอยเยอร์ของบาร์ก็ระเบิดออกมา พลังเดสทรอยเยอร์ของเขาร้อนแรงราวกับดวงอาทิตย์สีดำ ตอนนี้เขาไม่ได้ดูคล้ายคลึงกับบาร์คนก่อนอีกต่อไป


 


พลังเดสทรอยเยอร์อันมืดมิดเริ่มจะแข็งแกร่งขึ้น และทันใดนั้นจุดสีขาวก็ปรากฎขึ้นในความมืด จุดสีขาวเป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์และเจิดจรัสในเงามืด หลังจากนั้นพลังเดสทรอยเยอร์สีดำก็เริ่มจะถูกเปลี่ยนเป็นสีขาว


 


“ไม่มีทาง” ดวงตาของลุงหกเบิกกว้าง ด้วยความตกตะลึงเขาลืมเกี่ยวกับถ้วยชาไปซะสนิท ความสนใจของเขาในตอนนี้กำลังจดจออยู่กับจุดสีขาวของพลังเดสทรอยเยอร์


 


จุดสีขาวนั้นเล็กนิดเดียว แต่ระดับเทพเจ้าอย่างลุงหกสามารถบอกได้ว่ามันคือโซ่สสาร มีเพียงแค่สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าเท่านั้นที่จะสร้างโซ่สสารขึ้นมาได้ 

 

 


ตอนที่ 2561

 

ขณะที่จุดสีขาวส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆภายในความมืดมิด มันก็กลายเป็นอะไรที่มองข้ามไม่ได้ ยอดฝีมือระดับเทพเจ้ามากมายสังเกตเห็นถึงการมีอยู่ของมัน และพวกเขาทุกคนก็มีใบหน้าที่ตกตะลึง


 


ขณะที่เขามองดูวิดีโอบนหน้าจอ จี๋หยางเซิงก็สังเกตเห็นจุดสีขาว แต่จุดสีขาวนั้นเล็กเกินไป เขาจึงไม่แน่ใจว่ามันหมายความว่าอะไรกันแน่


 


“โซ่สสาร นั่นมันโซ่สสาร! บาร์กำลังกลายเป็นระดับเทพเจ้า…”

โมโดโรที่อยู่ข้างๆเขาพูดขึ้นมาเมื่อสังเกตเห็นจุดสีขาว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวและเขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง


 


“อะไรนะ? มิสเตอร์โมโดโร เมื่อกี๊นี้พูดว่าอะไร?” จี๋หยางเซิงคิดว่าเขาอาจจะได้ยินผิดไป ดังนั้นเขาจึงขอให้โมโดโรพูดซ้ำอีกครั้ง


 


ก่อนที่โมโดโรจะตอบอะไรกลับมา จี๋หยางเซิงก็ได้รับคำตอบอย่างที่ไม่สามารถผิดพลาดไปได้


 


จุดสีขาวนั้นขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว และพลังเดสทรอยเยอร์สีดำก็กลายเป็นสีขาวอย่างฉับพลัน มันเป็นเหมือนกับไฟที่เผาผลาญร่างกายของบาร์


 


มีเพียงแค่กระดูกสีดำของบาร์เท่านั้นที่ยังคงอยู่ แต่กระดูกเหล่านั้นตอนนี้กลายเป็นสีขาว และพลังเดสทรอยเยอร์สีขาวก็เริ่มสร้างเนื้อหนังขึ้นใหม่


 


ตูม!


ก่อนที่บาร์จะออกมาจากพลังเดสทรอยเยอร์สีขาว มิติของอวกาศรอบๆดูเหมือนจะบิดเบือนและฉีกขาด มันเหมือนกับว่าจักรวาลนั้นกำลังจะแตกสลาย ร่างกายของบาร์ร่วงหายเข้าไปช่องว่างที่เกิดขึ้น


 


เมื่อบาร์หายตัวไปแล้ว การพังทลายของอวกาศก็หยุดลง


 


“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ข้าไม่คิดว่าบาร์จะเสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลงแล้ว แบบนั้นทำไมเขาถึงได้หายตัวไป?” หลายคนสับสนกับสิ่งที่เห็น พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆอวกาศรอบๆตัวบาร์ถึงพังทลาย


 


“เขากลายเป็นระดับเทพเจ้า คอร์แอเรียนั้นไม่อนุญาตให้คนที่เป็นระดับเทพเจ้าเข้ามาข้างใน ดังนั้นเมื่อเขาวิวัฒนาการกลายเป็นระดับเทพเจ้า เขาก็จะถูกถีบออกไปจากคอร์แอเรีย” คนที่เข้าใจสถานการณ์คนหนึ่งพูดขึ้นมา


 


“บาร์…กลายเป็นระดับเทพเจ้า…” จี๋หยางเซิงตกตะลึง หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา ถ้าเขายอมจ่ายยีนซีโน่เจเนอิค 2 พันยีนให้กับหานเซิ่น เขาก็คงจะเป็นคนที่กลายเป็นระดับเทพเจ้าแทนบาร์


 


“นี่บาร์กลายเป็นระดับเทพเจ้าจริงๆหรอเนี่ย?” ผู้ชมที่ดูอยู่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเพิ่งจะได้เห็น


 


“เขากลายเป็นระดับเทพเจ้า? นี่มันต้องเป็นกลลวงบางอย่าง เจ้าจะบอกว่าหานเซิ่นทำให้คนอีกคนกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้สำเร็จอย่างนั้นหรอ?”


 


“นี่ใครช่วยอธิบายให้ข้าฟังได้ไหมว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง?”


 


“เขาเป็นบิดาของเทพ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาทำแบบนั้นได้ และนี่ก็เป็นหลักฐานอีกอย่างที่ยืนยันว่าเขาอวยพรให้คนอื่นได้จริงๆ”


 


“ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีน? เจ้าแค่จำเป็นต้องมียีนระดับราชัน 2 พันยีนเพื่อจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าอย่างนั้นหรอ? โลกนี้มันบ้าไปแล้วหรือว่าเป็นข้าที่กำลังจะเป็นบ้า? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่การกลายเป็นระดับเทพเจ้านั้นถูกขนาดนี้?”


 


ในตอนนี้ทั้งจักรวาลดูเหมือนจะเป็นบ้ากันไปหมด ทุกคนมองหานเซิ่นเหมือนกับรูปปั้นเทพ พวกเขาต้องการไปตรงหน้าหานเซิ่นและก้มลงกราบโดยหวังว่าหน้าผากของพวกเขาจะถูกสัมผัสและได้กลายเป็นระดับเทพเจ้า


 


“บาร์กลายเป็นระดับเทพเจ้าจริงๆ?” ลุงหกจ้องมองหน้าจอขณะที่อ้าปากค้าง


 


“ถ้าอยากรู้ว่าบาร์กลายเป็นระดับเทพเจ้าจริงหรือไม่ ทั้งหมดที่พวกเราต้องทำก็คือส่งคนไปที่เผ่าเดสทรอยเยอร์และถามความจริงจากปากเจ้าตัว” เหมิงเลี่ยพูด


 


ผู้นำของทุกเผ่าพันธุ์ทำเหมือนกับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง พวกเขาอยากจะรู้เกี่ยวกับสถานะของบาร์ในตอนนี้ บาร์ไม่ได้หลบซ่อนตัว เขาออกมายืนอยู่ต่อหน้าทุกคนโดยที่ไม่ได้ปิดบังเรื่องที่เขากลายเป็นระดับเทพเจ้า


 


“เขากลายเป็นระดับเทพเจ้าจริงๆ”

ในตอนนี้ไม่มีใครสงสัยอีกต่อไป ขณะนี้ทุกคนในเผ่าพันธุ์ชั้นสูงมองหานเซิ่นเป็นเหมือนกับเทพ ทุกคนจัดเตรียมยีนซีโน่เจเนอิคของตัวเองโดยหวังว่าพวกเขาจะได้รับการอวยพรจากหานเซิ่น


 


ยีนซีโน่เจเนอิคราชัน 2 พันยีนถือเป็นตัวเลขที่สูง แต่เมื่อเทียบกับการกลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว นั่นถือว่าไม่เท่าไหร่ การแลกเปลี่ยนยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนกับการกลายเป็นระดับเทพเจ้านั้นถือเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าคุ้มค่า


 


ถ้าหานเซิ่นยินดีจะอวยพร ทุกเผ่าพันธุ์ก็ยินดีจะจ่ายค่าอวยพรจนกระทั่งพวกเขาหมดเนื้อหมดตัว


 


อาเธอร์มองบาร์ที่กลายเป็นระดับเทพเจ้า เขาดีใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนแลกกับการที่บาร์กลายเป็นระดับเทพเจ้านั้นเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆ


 


แม้แต่เดียร็อบเบอร์เองก็ประหลาดใจ เขาคิดว่าการอวยพรของหานเซิ่นแค่จะช่วยส่งเสริมยีนของบาร์เท่านั้น เขาไม่ได้คาดคิดว่าบาร์จะกลายเป็นระดับเทพเจ้าในทันที


 


“ชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว” เดียร็อบเบอร์รู้สึกเกรงกลัวขึ้นมา


 


มันไม่ใช่แค่เดียร็อบเบอร์เท่านั้นที่รู้สึกกลัว ยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์ชั้นสูงก็หวาดกลัวหานเซิ่นเช่นกัน นี่เป็นความกลัวที่พวกเขาไม่เคยได้ประสบมาก่อน


 


สิ่งมีชีวิตระดับราชันคนหนึ่งสามารถช่วยให้คนอื่นกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้ มันเป็นอะไรที่น่าตกใจเกินกว่าจะเชื่อได้ การมีอยู่ของเขานั้นพลิกผันทั้งจักรวาลจีโน


 


ส่วนระดับราชันและขุนนางทั่วไปนั้นไม่ได้กังวลอะไรมากนัก พวกเขาแค่คิดว่าหานเซิ่นทำบางสิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์


 


“ก็อดฟาเธอร์นี่แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ น่าเสียดายข้าไม่มียีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีน”


 


“ยีนซีโน่เจเนอิค 2 พันยีนเป็นสิ่งที่ข้าคงจะหามาไม่ได้ นี่เขาสนใจเอาผู้หญิงแทนไหม? ข้ายินดีจะจ่ายด้วยร่างกายของตัวเองถ้าเขาต้องการ”


 


“เลิกฝันกลางวัน ลองส่งกระจกดูตัวเอง นี่เจ้าคิดว่าตัวเองงดงามเหมือนอย่างผู้หญิงทั้ง 2 คนที่ก็อดฟาเธอร์มีอย่างนั้นหรอ?”


 


“เขามีทั้งพลังที่สุดยอดและผู้หญิงที่งดงาม เขามีทุกอย่าง”


 


หานเซิ่นได้รับสมญานามก็อดฟาเธอร์มา ก่อนหน้านี้ผู้คนเรียกหานเซิ่นว่าบิดาของเทพ แต่สมญานั้นถูกเรียกอย่างลับๆและมันไม่ใช่บางสิ่งที่จะถูกเรียกในที่สาธารณะ


 


แต่หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้สมญานามก็อดฟาเธอร์ก็กลายเป็นอะไรที่แพร่หลาย มันทำให้เขาฟังดูเหมือนกับพ่ออุปถัมภ์ แต่มันไม่ได้หมายความแบบนั้น


 


ในตอนนี้คนที่หดหู่ที่สุดคือจี๋หยางเซิง เขาลากรถม้าให้กับหานเซิ่นเป็นเวลานาน และเขายังมอบยีนซีโน่เจเนอิค 5 ร้อยยีนให้กับหานเซิ่น แต่เขาไม่ได้รับอะไรกลับมา ขณะที่บาร์กลายเป็นระดับเทพเจ้า


 


ถ้าจี๋หยางเซิงมีโอกาสอีกครั้ง เขาก็คงจะบอกกับหานเซิ่นว่า “ตกลง ข้าจะมอบยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนให้กับเจ้า”


 


ถ้าเขารู้ว่าหานเซิ่นสามารถทำให้คนอื่นกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้ เขาก็ยินดีจะจ่ายยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันมากกว่า 2 พันยีน เขายินดีจะจ่ายเป็น 2 เท่าของราคานั้น


 


ปัญหาเดียวคือตอนนั้นเขาไม่ได้เชื่อว่าหานเซิ่นจะทำให้คนอื่นกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้จริงๆ เพราะยังไงซะมันก็ฟังดูเวอร์ไปหน่อย


 


เมื่อหานเซิ่นกลับเข้าในคอร์แอเรีย ราชันจากทุกเผ่าพันธุ์ก็แห่กันมาพบกับเขา


 


“อาจารย์หาน ข้านำยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนมาให้กับอาจารย์ ถ้าอาจารย์ยินดีจะอวยพรให้กับข้า ข้าก็จะมอบพวกมันให้กับอาจารย์”


 


“ไสหัวออกไป! ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนอะไรกัน? เจ้าขี้ตระหนี่แบบนั้นต่อหน้าก็อดฟาเธอร์ได้ยังไง? ข้ามียีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2500 ยีน ข้าควรจะได้รับพรก่อน”


 


“ข้ามียีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 3 พันยีน…”


 


แม้แต่จี๋หยางเซิงเองก็นำยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนมาให้กับหานเซิ่น แต่เมื่อเขาเห็นผู้คนที่แห่กันมา เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสมากนัก เขารู้สึกเศร้าสร้อย


ตอนที่ 2562 แบ่งเท่ากัน?


 


หานเซิ่นตกใจ ในตอนแรกเขาคิดว่าคนพวกนี้อาจจะมาเพื่อรุมทำร้ายเขา แต่จริงๆแล้วพวกเขาทั้งหมดมาเพื่อขอให้เขาช่วยอวยพร เมื่อรู้สึกตัวมันก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกปลอดภัยขึ้นมา


 


“ข้าขอบอกกับพวกเจ้าตามตรงว่าการอวยพรจะลดอายุขัยของข้า หลังจากที่อวยพรคนหนึ่งไป ข้าต้องใช้เวลากว่าครึ่งปีเพื่อพักฟื้น แถมอายุขัยของข้ายังลดลงหนึ่งร้อยปี ด้วยเหตุนั้นถ้าข้าไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยีนซีโน่เจเนอิค ข้าคงไม่รับคำขอของบาร์ ดังนั้นถึงพวกเจ้าจะเสนอยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พัน 4 พันหรือแม้แต่ 5 พันยีน ข้าก็จะไม่ทำ ข้าต้องขออภัยด้วยที่ทำให้พวกเจ้าทุกคนผิดหวังแบบนี้”


 


ถึงแม้การใช้พลังอาณาเขตของวิชาโลหิตชีพจรจะกินพลังงานมาก แต่มันก็แย่ไม่ได้อย่างที่หานเซิ่นพูดออกไป เขาแค่จำเป็นต้องพัก 2 วันเท่านั้น และในเรื่องลดอายุขัยก็เป็นอะไรที่เหลวไหว


 


หานเซิ่นพูดแบบนี้ก็เพราะเขาไม่อยากจะอวยพรให้กับทุกคน และเขาจำเป็นต้องรักษาชื่อเสียงของตัวเองเอาไว้ เขาจะไม่พิเศษอีกต่อไปถ้าเขาไปอวยพรให้กับทุกๆคน


 


ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดว่าหานเซิ่นพูดโกหก พวกเขาไม่เชื่อว่าพลังที่ช่วยให้คนๆหนึ่งกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้นั้นจะไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย


 


ด้วยเหตุนั้นสิ่งที่หานเซิ่นพูดจึงดูสมเหตุสมผล การลดอายุขัยหนึ่งร้อยปีสำหรับการช่วยให้คนๆหนึ่งกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้นั้นยังถือเป็นราคาที่ถูก


 


และเนื่องจากมันไม่ได้มีผลเสียอะไรต่อพวกเขา ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้วมันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร


 


แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาหดหู่คือความจริงที่หานเซิ่นจะไม่รับยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันเพื่อช่วยอวยพรให้กับพวกเขา


 


ตอนนี้ทุกเผ่าพันธุ์รู้สึกเสียใจ ถ้าพวกเขารู้แบบนี้ตั้งแต่แรก พวกเขาก็คงจะนำยีนซีโน่เจเนอิค 2 พันยีนมาให้กับหานเซิ่นก่อนหน้าบาร์ สถานการณ์ในตอนนี้เป็นอะไรที่เลวร้าย ถึงแม้พวกเขาจะยอมจ่ายเป็น 3 เท่าจากราคาเดิม หานเซิ่นก็จะไม่อวยพรให้กับพวกเขา


 


“พวกเราปล่อยให้เผ่าเดสทรอยเยอร์ตัดหน้าไป” ผู้คนของเผ่าพันธุ์ขั้นสูงรู้สึกเสียใจอย่างมาก พวกเขารู้สึกอิจฉาบาร์ของเผ่าเดสทรอยเยอร์


 


“ก็อดฟาเธอร์ ข้ายินดีใช้ร่างกายของตัวเอง ข้ายินดีจะเป็นสาวใช้หรืออะไรก็ตามที่ท่านต้องการให้ข้าเป็น ข้าขอร้องท่านล่ะ ช่วยอวยพรให้กับข้าสักครั้งหนึ่ง” จิ้งจอกสาวกระพริบตาปริบๆให้กับเขา


 


“อาจารย์หาน นี่เป็นดอกบัวสมบัตินภาที่รู้จักกันในฐานะสมบัติทั้ง 5 การกินดอกบัวนี้เข้าไปจะช่วยเพิ่มอายุขัยของอาจารย์ได้สิบปี พวกเราเตรียมมันมาทั้งหมด 23 ดอกด้วยกัน ข้าหวังว่าอาจารย์จะช่วยอวยพรให้กับเจ้านายของพวกเราสักครั้ง”


 


“อาจารย์หาน…”


 


หานเซิ่นบอกว่าไม่รับยีนซีโน่เจเนอิคอีกแล้ว ดังนั้นผู้คนจึงเริ่มหันไปเสนอผลประโยชน์อย่างอื่นแทน


 


“ร่างกายของข้ายังไม่ฟื้นตัว ตอนนี้ข้ายังอวยพรให้กับพวกเจ้าไม่ได้ ดังนั้นถึงข้าจะให้สัญญากับพวกเจ้าไป มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร พวกเจ้าควรจะรอจนกระทั่งร่างกายของข้าฟื้นตัวซะก่อน”

การพูดกับพวกเขาต่อไปเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ ไม่ว่าหานเซิ่นจะพยายามอธิบายสักกี่ครั้ง เขาก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมคนอื่นได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงตัดสินใจออกมาจากคอร์แอเรีย


 


เมื่อกลับไปที่วาฬขาว หานเซิ่นก็กลับเข้าไปในคอร์แอเรียด้วยฐานะดอลลาร์


 


ด้วยยีนซีโน่เจเนอิค 2 พันยีน เขาใกล้จะพัฒนาอาณาเขตทั้ง 4 จนถึงขั้นที่ 9 แล้ว ดังนั้นหานเซิ่นจึงมีแผนที่จะล่าซีโน่เจเนอิคด้วยตัวเองเพิ่มอีกหน่อย และในขณะที่ทำแบบนั้นเขาก็จะฝึกฝนวิชาเทเลพอร์ตและบิ๊กเดสทรอยเยอร์ไปด้วย


 


เนื่องจากหานเซิ่นใช้ตัวตนดอลลาร์เข้าไปในคอร์แอเรีย ทำให้ไม่มีคนเข้ามายุ่งกับเขามากนัก แต่ทว่านั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครตามหาตัวเขา


 


หานเซิ่นพบเตาหลอมทองแดง และหลังจากที่พวกเขาบินไปได้เพียงไม่นาน ผู้หญิงเผ่านภา 2 คนก็บินตรงเข้ามาหาเขา หนึ่งในนั้นคือหลี่เคอเอ๋อ หานเซิ่นรู้จักเธอเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้หญิงอีกคนมีม่านสีขาวปิดบังใบหน้าของเธอ หานเซิ่นไม่สามารถระบุได้ว่าเธอหน้าตาเป็นยังไง แต่เขารู้ว่าเธอเป็นหนึ่งในเผ่านภา


 


“ดอลลาร์ ไม่ได้เจอกันนานเลย” หลี่เคอเอ๋อพูดและพยายามทำท่าทางเป็นกันเองมากที่สุด


 


เธอและผู้หญิงอีกคนรอคอยการกลับมาของหานเซิ่นอยู่ตลอด แต่มันเป็นเวลานานแล้วที่หานเซิ่นไม่ได้เข้ามาในคอร์แอเรียในฐานะดอลลาร์ ด้วยเหตุนั้นพวกเธอทั้ง 2 คนจึงรออยู่เป็นเวลานาน


 


โชคดีที่พวกเธอมีความอดทน พวกเธอรอคอยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งดอลลาร์กลับเข้ามา


 


“มิสหลี่ ผู้หญิงคนนี้คือใครกัน?” หานเซิ่นถามขณะที่มองผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเธอ เขาคิดว่าผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างแปลก เธอดูไม่เหมือนกับว่ากำลังมองมาที่คนๆหนึ่ง แต่มันเหมือนกับว่าเธอกำลังตรวจดูสินค้ามากกว่า นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ


 


“นี่คือพี่สามของข้า ชื่อของนางคือเอ็กซ์ควิสิท”

หลังจากที่หลี่เคอเอ๋อแนะนำตัวผู้หญิงอีกคน และเธอก็พูดต่อ “ดอลลาร์ ถ้าเจ้าไม่มีธุระอะไร พวกเราไปล่าซีโน่เจเนอิคด้วยกันไหม?”


 


หานเซิ่นลังเล เขาไม่อยากจะเดินทางร่วมกับคนอื่น เขาแค่ต้องการล่าซีโน่เจเนอิคและฝึกฝนวิชาอย่างเงียบๆ แต่เขาเคยมีอดีตร่วมกับหลี่เคอเอ๋อ ดังนั้นเขาจะรู้สึกแย่ถ้าปฏิเสธคำชวนของเธอ


 


‘หลี่เคอเอ๋อสอนเราเกี่ยวกับการเทเลพอร์ต และเธอก็รู้ว่าเรามีบิ๊กเดสทรอยเยอร์อยู่ มันคงจะไม่ได้เสียหายอะไรถ้าเราฝึกมันต่อหน้าเธอ’

หานเซิ่นคิด เขาพยักหน้าให้กับเธอ “เอาสิ ข้าไม่คุ้นเคยกับบริเวณนี้ เจ้ารู้สถานที่ที่มีซีโน่เจเนอิคระดับราชันไหม?”


 


“ข้ารู้จักที่ที่หนึ่งที่มีซีโน่เจเนอิคระดับราชันอยู่เป็นจำนวนมาก ข้าพาเจ้าไปที่นั่นได้” หลี่เคอเอ๋อพูดและหัวเราะ


 


หานเซิ่นเงียบอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “ถ้าพวกเราจะร่วมมือกัน พวกเราก็ควรจะตกลงกันซะก่อน พวกเราจะแบ่งของที่พวกเราล่ามาได้กันยังไง”


 


“แบ่งเท่าๆกันเป็นยังไง?” หลี่เคอเอ๋อเสนอ


 


“ข้าคิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดี ข้าจะเอา 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์พวกเจ้าเอาไป พวกเจ้าโอเคกับเรื่องนี้ใช่ไหม?” หานเซิ่นพูด


 


หลี่เคอเอ๋อประหลาดใจ ในตอนที่เธอเสนอให้แบ่งเท่าๆกัน เธอหมายความว่าควรจะแบ่งสิ่งที่ล่ามาได้เป็น 3 ส่วนและทุกคนก็จะได้กันไปคนละส่วน การแบ่งเท่าๆกันของเธอแตกต่างไปจากการแบ่งของเขา


 


เอ็กซ์ควิสิทพูด “การแบ่งนั่นดูไม่ยุติธรรม ใครที่ล่าได้มากที่สุดก็ควรจะได้มากที่สุด ถึงพวกเราจะร่วมมือกัน แต่ไม่มีความจำเป็นที่พวกเราต้องแบ่งสิ่งที่ล่ามาได้ มันมีซีโน่เจเนอิคอยู่เป็นจำนวนมาก ใครฆ่าซีโน่เจเนอิคได้ก็ได้มันไป การแบ่งกันไม่ใช่สิ่งจำเป็น”


 


“ข้าชอบวิธีการคิดของเจ้า” หานเซิ่นพยักหน้า เขาเองก็คิดว่าแบบนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด


 


ด้วยการนำทางของหลี่เคอเอ๋อ พวกเขาทั้ง 3 คนบินสู่อวกาศ


 


หานเซิ่นสามารถพูดคุยกับหลี่เคอเอ๋อได้ง่าย แต่เอ็กซ์ควิสิทนั้นดูเหมือนจะเป็นคนรักสันโดษ เธอไม่ชอบการพูดคุย และเธอก็ไม่ได้พูดกับหานเซิ่นเลยสักคำ


 


แถมสายตาที่เธอมองทำให้หานเซิ่นรู้สึกไม่สบายใจ เธอเป็นเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ


 


เอ็กซ์ควิสิทคิดจะใช้การล่าซีโน่เจเนอิคในครั้งนี้เพื่อตรวจสอบพลังของหานเซิ่นกับตาตัวเอง และเธอก็อยากจะเห็นบุคลิกภาพของเขาด้วย


 


เธอไม่ได้คิดว่าหานเซิ่นจะเสนอการแบ่งของที่มาล่าได้แบบนั้น แทนที่จะพูดอะไร เอ็กซ์ควิสิทนั้นมีแผนที่จะสั่งสอนบทเรียนให้กับหานเซิ่น


 


เธอคิดจะทดสอบจิตใจของหานเซิ่นและขโมยเหยื่อทั้งหมดของเขา


 


‘อยากเห็นจริงๆว่าเขาเป็นคนยังไง’ เอ็กซ์ควิสิทสัมผัสตาตัวเอง ตอนนี้พวกมันฟื้นตัวเรียบร้อยแล้ว แต่เธอยังคงหวาดกลัวเรื่องที่เกิดขึ้น


 


เตาหลอมทองแดงบินข้างๆหานเซิ่น เมื่อพวกเขาไปถึงสถานที่แห่งหนึ่ง มันก็หยุดไปและเริ่มจะส่งเสียงร้องกับหานเซิ่น


 


“มีอะไร?” หานเซิ่นถามและมองไปที่เตาหลอมทองแดง


 


“อันตราย” เตาหลอมทองแดงพูดด้วยตัวอักษรที่มันพ่นออกมา


ตอนที่ 2563 จระเข้ปีศาจโซ่


 


เตาหลอมทองแดงปฏิเสธจะไปต่อ ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่มีทางเลือกนอกจากทิ้งมันเอาไว้และล่วงหน้าไปกับหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิท


 


เตาหลอมทองแดงยังคงพ่นไฟออกมา “อย่าไป มันอันตราย!”


 


หานเซิ่นถามเตาหลอมทองแดงว่าอันตรายอะไร แต่มันไม่ได้อธิบายมากกว่านั้น ทั้งหมดที่มันทำคือเตือนหานเซิ่นถึงอันตรายและบอกเขาว่าอย่าเข้าไปใกล้ที่นั่น


 


“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่” หานเซิ่นไม่คิดว่ามีอะไรต้องกลัว ในตอนนี้มันมีสิ่งมีชีวิตในคอร์แอเรียไม่มากนักที่จะเป็นภัยต่อเขา


 


พวกเขาทั้ง 3 คนเดินทางกันต่อ ส่วนเตาหลอมทองแดงนั้นหวาดกลัวเกินกว่าที่จะตามพวกเขาไป


 


หลังจากที่บินไปอีกไม่นาน พวกเขาก็เห็นซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งกำลังบินผ่านอวกาศมา ทันทีที่พวกเขาสังเกตเห็นมัน เจ้าซีโน่เจเนอิคก็เห็นพวกเขาเช่นกัน มันคำรามและบินตรงเข้ามาหาพวกเขาในทันที


 


ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นส่งเสียงคำรามราวกับจระเข้ แต่ดูเหมือนกับว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากโลหะสีแดง ปีกโลหะที่เหมือนกับค้างคาวกางออกจากด้านหลังของซีโน่เจเนอิค


 


ขณะที่มันพลังใช้พลังอาณาเขตร่างกายโลหะของมันก็ส่องแสงออกมา โซ่โลหะปรากฏขึ้นภายในอาณาเขตนั้น พวกมันพุ่งออกมาและรัดทุกสิ่งทุกอย่างที่เคลื่อนไหว


 


หานเซิ่นและคนอื่นๆถูกรัดด้วยโซ่โลหะพวกนั้น เขาพยายามดิ้นรนและสังเกตเห็นว่าโซ่โลหะนั้นทรงพลังมากๆ พวกมันแข็งแรงเกินกว่าที่เขาจะทำลายได้


 


หานเซิ่นรวบรวมพลัง แต่ทันใดนั้นซีโน่เจเนอิคตัวนั้นก็ถูกตัดจนขาดครึ่งและโซ่ที่รัดตัวพวกเขาก็หายไป


 


“ขอประทานโทษ” เอ็กซ์ควิสิทพูด หลังจากนั้นเธอก็บินไปหาซีโน่เจเนอิคระดับราชันและหยิบเอายีนซีโน่เจเนอิคออกมา


 


“มิสเอ็กซ์ควิสิทนี่แข็งแกร่งจริงๆ” หานเซิ่นเอ่ยชม


 


การโจมตีเมื่อครู่นี้เป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบ มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วซะจนหานเซิ่นไม่เห็นว่าเธอใช้วิชาแบบไหนกันแน่


 


แต่มันก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกสงสัยขึ้นมา เขาเคยอยู่ในปราสาทนภามาก่อน แต่เขาไม่เคยได้ยินชื่อของหลี่เคอเอ๋อหรือเอ็กซ์ควิสิทเลยในตอนที่เขาอยู่ที่นั่น ด้วยพลังของพวกเธอ มันไม่มีทางที่เขาจะไม่ได้ยินเรื่องราวของพวกเธอ


 


เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างไร้อารมณ์ใดๆ “นั่นแค่วิชาตัดอวกาศธรรมดาๆ”


 


หานเซิ่นหัวเราะและไม่ได้พูดอะไร วิชาจีโนธาตุอวกาศนั้นยากจะฝึกฝน เอ็กซ์ควิสิทพูดเหมือนกับว่ามันไม่ได้พิเศษอะไร แต่หานเซิ่นรู้ว่าเธอแค่แสดงละคร


 


“เพิ่งจะมาถึงพวกเราก็ได้พบกับซีโน่เจเนอิคระดับราชันตัวหนึ่งแล้ว พวกเราโชคดี พวกเราควรจะได้รับยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันจำนวนมากจากการเดินทางในครั้งนี้” หลี่เคอเอ๋อพูด


 


“ซีโน่เจเนอิคที่อยู่แถวๆนี้เหมือนกับเจ้าตัวนั้นอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม


 


“ใช่แล้ว ซีโน่เจเนอิคนั่นมีชื่อว่าจระเข้ปีศาจโซ่ พวกมันปกครองบริเวณนี้ มันมีตัวที่เป็นระดับมาร์ควิสและระดับดยุกอยู่มากมาย ระดับราชันและครึ่งเทพเองก็มี แถมมันยังมีเทพจระเข้ในตำนานอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน แต่พวกเราไม่เคยเห็นมันมาก่อน” หลี่เคอเอ๋อตอบ


 


หานเซิ่นพยักหน้า หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินหน้ากันต่อ มันมีจระเข้ปีศาจจำนวนมากอยู่ในดาวเคราะห์ใกล้เคียง เหล่าจระเข้พากันออกมาจากดาวเคราะห์น้อยเมื่อเห็นพวกเขา ขณะที่หานเซิ่นกำลังตรวจดูพวกมัน เอ็กซ์ควิสิทก็เริ่มเคลื่อนไหวเรียบร้อยแล้ว


 


เอ็กซ์ควิสิทบินเข้าไปหาเหล่าจระเข้ปีศาจโซ่ ขณะที่ชุดขาวของเธอปลิวไสวด้านหลัง มันมีจระเข้ปีศาจโซ่อยู่เป็นหมื่นตัว แต่พวกมันส่วนใหญ่เป็นระดับต่ำ หานเซิ่นไม่สังเกตเห็นจระเข้ระดับราชันอยู่ในฝูงของพวกมันเลยสักตัว


 


ในจังหวะที่เอ็กซ์ควิสิทกำลังจะไปถึงฝูงจระเข้ปีศาจ จู่ๆร่างกายของเธอก็หายไป วิชาจีโนที่เอ็กซ์ควิสิทใช้นั้นเป็นอะไรที่คุ้นเคยสำหรับหานเซิ่น เธอเทเลพอร์ตหายไป


 


ความเชี่ยวชาญในการเทเลพอร์ตของเอ็กซ์ควิสิทนั้นเหนือกว่าหานเซิ่น เธอเทเลพอร์ตระยะทางไกลด้วยวิชาของเธอ และหานเซิ่นก็มองไม่เห็นเธอในหมู่จระเข้


 


ในชั่วพริบตา หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง หลังจากนั้นร่างกายของเอ็กซ์ควิสิทก็มาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีกครั้ง ในมือของเธอถือยีนซีโน่เจเนอิคที่มีรูปร่างเหมือนกับฟันเฟืองโลหะ มันเป็นยีนซีโน่เจเนอิคเดียวกับที่พบได้ในจระเข้ปีศาจโซ่ระดับราชัน


 


“ไปกันเถอะ มันมีซีโน่เจเนอิคระดับราชันแค่ตัวเดียว การฆ่าตัวที่ระดับต่ำกว่าเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์” เอ็กซ์ควิสิทพูด หลังจากนั้นเธอก็เริ่มบินออกไป


 


หานเซิ่นมองดูเอ็กซ์ควิสิทจากไป เขาคิดอะไรบางอย่างและรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา หลังจากนั้นเขาก็ตามเธอไป


 


หานเซิ่นไม่ได้รู้ว่าเอ็กซ์ควิสิทจงใจขโมยยีนซีโน่เจเนอิคไปจากเขา แต่ถ้ายังไปแบบนี้ต่อไป เอ็กซ์ควิสิทก็จะฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับราชันทั้งหมดที่พวกเขาเจอ ถ้าเป็นแบบนั้นการเดินทางครั้งนี้ของหานเซิ่นก็จะเป็นอะไรที่เสียเวลาเปล่า


 


‘เผ่านภานี่น่ากลัวกว่าที่คิด เราไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเอ็กซ์ควิสิทมาก่อน แต่เธอแข็งแกร่งมาก’ หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เริ่มคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะแย่งจระเข้ปีศาจจากเธอ


 


ด้วยความเร็วของทั้ง 3 คน จระเข้ที่ระดับต่ำกว่าราชันไม่มีทางจะไล่ตามพวกเขาได้ทัน พวกเขาทิ้งห่างพวกมันจนไม่เห็นฝุ่น


 


“ดวงดาวข้างหน้านี้มีจระเข้ปีศาจอยู่เป็นจำนวนมาก พวกเราควรจะไปที่นั่นไหม?” หลี่เคอเอ๋อชี้ไปที่ดวงดาวข้างหน้าขณะที่เธอพูดออกมา


 


“เอาสิ” หานเซิ่นพยักหน้า ถ้ามันมีจระเข้ระดับราชันอยู่เป็นจำนวนมาก แบบนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อแย่งกันกับเอ็กซ์ควิสิท


 


“ดาวดวงนี้เหมือนกับดาวแคระขาว อุณหภูมิและแรงโน้มถ่วงของมันค่อนข้างน่ากลัว ดังนั้นระวังตัวให้ดี” หลี่เคอเอ๋อพูดเตือน


 


หานเซิ่นมองไปที่ดาวสีแดงเข้มข้างหน้าและรู้สึกแปลกใจ เมื่อเทียบกับดวงดาวปกติแล้ว ดาวแคระขาวนั้นมีขนาดเล็กมากๆ


 


แต่ดาวแคระขาวนี้มีขนาดใหญ่โต ดูเหมือนกับว่ามันต้องใช้เวลายาวนานกว่าที่พวกเขาจะบินไปหามันนอกซะจากว่าพวกเขาจะใช้วิชาเทเลพอร์ต แต่โชคดีที่อวกาศของคอร์แอเรียไม่เหมือนกับอวกาศของโลกภายนอก มันไม่ได้มีที่ว่างระหว่างดวงดาวมากเหมือนอย่างอวกาศในสหพันธ์


 


พวกเขาเข้าไปในชั้นบรรยากาศของดวงดาวและหานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่เผาผลาญร่างกายในทันที นอกจากนั้นแรงโน้มถ่วงที่รุนแรงก็กำลังดึงตัวเขาไปข้างล่าง


 


“แรงโน้มถ่วงนี้รุนแรงมากๆ” หานเซิ่นแปลกใจ แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงผลกระทบของแรงโน้มถ่วง มวลสารของดาวดวงนี้เป็นอะไรที่เหนือจินตนาการ


 


ถึงแม้มันจะน่ารำคาญ แต่หานเซิ่นก็ยังสามารถบินภายใต้แรงโน้มถ่วงที่สูงได้ ขณะที่เขาค่อยๆลงไปบนดวงดาว เขาก็รู้สึกว่ามีพลังบางอย่างชะลอความเร็วของทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวลง ในตอนนี้แม้แต่วิชาเทเลพอร์ตก็ช้าลงไป


 


หานเซิ่นค้นพบอย่างรวดเร็วว่ามันมีจระเข้ปีศาจโซ่ 2 ตัวนอนอยู่บนผิวของดวงดาว นี่ทำให้หานเซิ่นดีใจอย่างมาก เพราะจระเข้ปีศาจโซ่ทั้ง 2 นั้นเป็นระดับราชัน ร่างกายโลหะสีแดงเข้มของพวกมันดูน่าเกรงขามอย่างมาก


 


“จระเข้ปีศาจบนดาวดวงนี้เป็นระดับราชันทั้งหมดอย่างนั้นหรอ?”

หานเซิ่นคิดว่านั่นเป็นไปได้ เพราะยังไงซะอุณหภูมิและแรงโน้มถ่วงของดาวดวงนี้ก็เป็นอะไรที่น่ากลัว จระเข้ปีศาจธรรมดาๆไม่น่าจะอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้


ตอนที่ 2564 พยายามมากขึ้น


 


จระเข้ปีศาจ 2 ตัวปรากฏในเวลาเดียวกัน หานเซิ่นเทเลพอร์ตไปหาตัวที่อยู่ไกลมากกว่า และเขาก็ปล่อยตัวที่อยู่ใกล้ให้กับเอ็กซ์ควิสิท เพราะเขาไม่ต้องการไปแย่งกับเธอ


 


แรงโน้มถ่วงของที่นี่นั้นรุนแรง แม้แต่การเทเลพอร์ตก็ช้าลงไปภายใต้ระดับความกดดันที่สูงของมัน เมื่อหานเซิ่นเทเลพอร์ตเข้าไปใกล้จระเข้ปีศาจ เอ็กซ์ควิสิทก็ฆ่าจระเข้อีกตัวไปเรียบร้อยแล้ว


 


เอ็กซ์ควิสิทมองมาที่หานเซิ่น หลังจากนั้นเธอก็เทเลพอร์ตอีกครั้ง เธอไปปรากฏตัวตรงหน้าหานเซิ่นและตัดร่างของจระเข้ปีศาจอีกตัวจนขาดครึ่ง


 


จระเข้พวกนี้เป็นเพียงแค่ระดับราชันขั้นที่ 2 หรือขั้นที่ 3 แต่พวกมันอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแรงโน้มถ่วงสูง ร่างกายของมันจึงหนาและแข็งอย่างมาก มันน่ากลัวที่ได้เห็นว่าเอ็กซ์ควิสิทสามารถฆ่าพวกมันได้ในเวลาเพียงแค่วินาทีเดียว


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้สนใจวิชาของเอ็กซ์ควิสิทอีกต่อไป ถ้าพวกเขาแค่ทำการแข่งขันอย่างเล่นๆก่อนหน้านี้ สิ่งที่เธอทำในตอนนี้มันก็เกินกว่าแค่การแข่งขันอย่างเล่นๆแล้ว นี่เป็นการขโมยซึ่งๆหน้า


 


“มิสเอ็กซ์ควิสิท นี่ท่านต้องรีบร้อนถึงขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นพูดขณะมองไปที่เธอ


 


“ถ้าข้าได้รับมากกว่าเมื่อพยายามมากขึ้น อย่างนั้นทำไมข้าจะไม่พยายามอย่างเต็มที่?” เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ เธอพูดเหมือนกับว่านี่เป็นบางสิ่งที่เธอทำเป็นประจำทุกวัน


 


“ท่านพูดถูก คนเราควรจะพยายามอย่างเต็มความสามารถ” หานเซิ่นมองไปที่เอ็กซ์ควิสิทและพยักหน้า


 


หลี่เคอเอ๋อรีบเข้ามาบรรเทาความตึงเครียดระหว่างทั้ง 2 คน

“ดอลลาร์ ได้โปรดอย่าถือสาพฤติกรรมของนาง พี่สามนั้นเป็นแบบนี้เสมอ นางไม่ได้เกลียดชังอะไรเจ้า”


 


หานเซิ่นหัวเราะและพูด “มิสเอ็กซ์ควิสิทพูดถูก การพยายามอย่างเต็มที่คือสิ่งที่ถูกต้อง ข้าจำเป็นต้องเรียนรู้จากท่าน”


 


บรรยากาศของทั้งกลุ่มดูอึดอัดขึ้นมา หลี่เคอเอ๋อไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะพูดอะไรดี ทั้ง 3 คนเดินทางกันต่อ ดาวดวงนี้มีขนาดใหญ่โตมากๆ พวกเขาบินไปข้างหน้าภายใต้แรงโน้มถ่วง และหลังจากที่บินอยู่หนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็ได้เห็นจระเข้ปีศาจอีกตัว


 


เมื่อจระเข้ปีศาจเข้ามาอยู่ในสายตา หานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทก็หายตัวไป เอ็กซ์ควิสิทต้องการทำให้แน่ใจว่าเธอจะไม่ปล่อยให้หานเซิ่นได้ฆ่าจระเข้ปีศาจแม้แต่ตัวเดียว


 


หลี่เคอเอ๋อดูหม่นหมอง เธอไม่อยากจะทดสอบหานเซิ่นด้วยวิธีแบบนี้ แต่ถ้านี่คือวิธีการที่เอ็กซ์ควิสิทต้องการ เธอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับมัน เพราะยังไงซะเธอก็มีฐานะภายในเผ่าเวรี่ไฮที่ตำกว่า เธอไม่ได้มีอำนาจในการออกคำสั่งกับเอ็กซ์ควิสิท


 


‘ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ดอลลาร์จะต้องโกรธแน่ๆ’ หลี่เคอเอ๋อคิดกับตัวเอง เธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรเพื่อช่วยให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้ง 2 คนดีขึ้น


 


ในขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น หลี่เคอเอ๋อก็เห็นหัวกะโหลกของจระเข้ปีศาจถูกย่อยสลาย หัวโลหะของมันกลายเป็นเหมือนกับเม็ดทราย


 


หลี่เคอเอ๋อประหลาดใจกับเรื่องนั้น จระเข้ปีศาจไม่ได้ถูกฆ่าโดยวิชาตัดอวกาศของเอ็กซ์ควิสิท แต่มันถูกฆ่าโดยวิชาจีโนที่ถูกเรียกว่าบิ๊กเดสทรอยเยอร์


 


เอ็กซ์ควิสิทมีวิชาจีโนอยู่มากมาย แต่เธอไม่ได้รู้วิชาบิ๊กเดสทรอยเยอร์ วิชาจีโนนั้นไม่สามารถเรียนรู้ได้ นอกซะจากคนๆนั้นจะมีร่างกายของเผ่าเดสทรอยเยอร์ ถึงแม้มันจะมีสมาชิกของเวรี่ไฮบางคนที่เรียนรู้บิ๊กเดสทรอยเยอร์ได้ แต่จำนวนคนที่เรียนรู้มันได้น้อยมาก และมันก็เป็นเรื่องยากลำบากที่พวกเขาจะฝึกวิชาให้เชี่ยวชาญ ด้วยเหตุนั้นเอ็กซ์ควิสิทจึงไม่ได้สนใจจะเรียนรู้มัน


 


หลี่เคอเอ๋อรู้ว่าไม่ใช่เอ็กซ์ควิสิทที่ทำลายหัวของจระเข้ปีศาจตัวนั้น แต่เป็นหานเซิ่น เธอรู้สึกประหลาดใจและพึมพำกับตัวเอง

“นี่เขาเรียนรู้วิชาบิ๊กเดสทรอยเยอร์ได้สำเร็จจริงๆด้วย”


 


ในตอนที่หลี่เคอเอ๋อเห็นดอลลาร์ขอวิชาเดสทรอยเยอร์เป็นการแลกเปลี่ยน เธอก็คิดว่าเขานั้นโง่เขลา เธอเชื่อว่าเขาไม่มีทางเรียนรู้มันได้ แต่ทว่าในเวลาอันสั้นเขาก็ฝึกวิชามันจนเชี่ยวชาญ และยิ่งกว่านั้นในตอนนี้เขาก็ใช้มันในการต่อสู้ได้ นั่นเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ


 


“เขามีพรสวรรค์ถึงขนาดนั้นเลย?” หลี่เคอเอ๋อมองหานเซิ่นด้วยความตกใจ


 


ก่อนหน้านี้หานเซิ่นสามารถเรียนรู้ก็อตส์วอนเดอร์ได้อย่างง่ายดาย ในตอนนั้นหลี่เคอเอ๋อก็ประหลาดใจมากแล้ว และตอนนี้เขายังฝึกบิ๊กเดสทรอยเยอร์จนเชี่ยวชาญได้ในเวลาอันสั้นอีก


 


และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อที่สุดก็คือความจริงที่ว่าหานเซิ่นสามารถฆ่าจระเข้ปีศาจได้เร็วกว่าเอ็กซ์ควิสิท หลี่เคอเอ๋อไม่อยากจะเชื่อในเรื่องนั้น


 


หลี่เคอเอ๋อไม่คิดว่าความสามารถในการเทเลพอร์ตของหานเซิ่นจะเหนือไปกว่าเอ็กซ์ควิสิท เพราะยังไงซะดอลลาร์ก็เพิ่งจะเรียนรู้ก็อตส์วอนเดอร์


 


“เขาลงมือเร็วกว่าพี่สามได้ยังไง?” หลี่เคอเอ๋อจ้องไปที่เอ็กซ์ควิสิทขณะที่เอ็กซ์ควิสิทจ้องไปที่หานเซิ่น


 


ใบหน้าของเอ็กซ์ควิสิทไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก แต่ภายในเธอรู้สึกแปลกใจ เธอพยายามคิดอย่างหนักเพื่อหาว่าหานเซิ่นลงมือเร็วกว่าเธอได้ยังไง มันควรจะเป็นไปไม่ได้


 


“มิสเอ็กซ์ควิสิท ข้าต้องขออภัยด้วย” หานเซิ่นหัวเราะและหยิบเอายีนซีโน่เจเนอิคของจระเข้ปีศาจออกมา


 


“เจ้าได้มันด้วยพลังของตัวเอง ไม่มีความจำเป็นที่เจ้าต้องขอโทษ”

เอ็กซ์ควิสิทตอบด้วยโทนเสียงระดับเดียว หลังจากนั้นเธอก็บินไปข้างหน้าต่อ


 


เอ็กซ์ควิสิทคิดว่าเธอประเมินหานดอลล่าร์ต่ำเกินไป และเพราะแบบนั้นเธอจึงไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่

‘นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี มันเป็นเรื่องดีที่เราบังคับให้เขาเผยพลังที่แท้จริงออกมา’


 


เอ็กซ์ควิสิทคิดแผนการที่จะแย่งหานซิ่นจากการฆ่าซีโน่เจเนอิคทุกตัวหลังจากนี้


 


“ดอลลาร์ นี่เจ้าเรียนรู้บิ๊กเดสทรอยเยอร์ได้สำเร็จจริงหรอเนี่ย?” หลี่เคอเอ๋อบินเข้ามาหาหานเซิ่นและพยายามจะพูดคุยกับเขา


 


“ข้าแค่โชคดี ข้าเพิ่งจะเรียนรู้มันได้สำเร็จ” หานเซิ่นพูด


 


“นี่มนุษย์มีพรสวรรค์แบบนี้ทุกคนเลยอย่างนั้นหรอ? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์นี้มาก่อนเลย” หลี่เคอเอ๋อและหานเซิ่นเริ่มพูดคุยกัน


 


ถึงแม้จะกำลังพูดคุยกับหลี่เคอเอ๋อ แต่หานเซิ่นก็ยังคงจดจ่ออยู่กับมองหาจระเข้ปีศาจ ขณะเดียวกันทางเอ็กซ์ควิสิทก็ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เธอใช้สมาธิทั้งหมดไปกับการสังเกตบริเวณรอบๆ เธอทำให้แน่ใจว่าเธอจะได้ฆ่าซีโน่เจเนอิคก่อนหน้าดอลลาร์


 


ทันใดนั้นจระเข้ปีศาจก็ปรากฏตัวด้านหน้าเอ็กซ์ควิสิท เอ็กซ์ควิสิทใช้ก็อตส์วอนเดอร์เพื่อเทเลพอร์ตไปหามัน แต่เมื่อเธอปรากฏออกมา หัวของจระเข้ก็ย่อยสลายเรียบร้อยแล้ว หานเซิ่นยืนอยู่ถัดไปจากเธอและหัวเราะเบาๆกับตัวเอง


 


หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทอึ้งไป ในตอนแรกพวกเธอบอกตัวเองว่าเขาแค่ฟลุ๊คเท่านั้น แต่ทว่าครั้งนี้พวกเธอไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเอ็กซ์ควิสิทเป็นฝ่ายพ่ายแพ้


 


ครั้งนี้เอ็กซ์ควิพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไปให้ถึงจระเข้ปีศาจก่อนเป็นคนแรก แต่เธอพ่ายแพ้ให้กับดอลลาร์อีกครั้ง นอกจากเขากำลังพูดคุยอยู่กับหลี่เคอเอ๋ออีกต่างหาก


 


เอ็กซ์ควิสิทมองไปที่หานเซิ่นอยู่สักพัก หลังจากนั้นเธอหันกลับไปหาหลี่เคอเอ๋อและถาม

“นี่เขากำลังใช้ก็อตส์วอนเดอร์อย่างนั้นหรอ?”


 


เอ็กซ์ควิสิทสามารถบอกได้ว่าหานเซิ่นกำลังใช้ก็อตส์วอนเดอร์ แต่มันไม่มีทางที่ก็อตส์วอนเดอร์ของหานเซิ่นจะเหนือกว่าเธอ ประสบการณ์ในการใช้ก็อตส์วอนเดอร์ของเธอนั้นกว่าหานเซิ่นมาก ดังนั้นเธอไม่ควรจะพ่ายแพ้ให้กับเขา


 


“นั่นควรจะเป็นก็อตส์วอนเดอร์” หลี่เคอเอ๋อไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก เธอคิดว่าถ้าดอลลาร์กำลังใช้ก็อตส์วอนเดอร์ เขาก็ไม่น่าจะรวดเร็วไปกว่าเอ็กซ์ควิสิท แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขากลับรวดเร็วกว่า


 


“ครั้งต่อไป เจ้าสังเกตดูดีๆว่าเขากำลังใช้ก็อตส์วอนเดอร์จริงหรือเปล่า” เอ็กซ์ควิสิทสั่ง


 


พวกเขาทั้ง 3 คนเดินทางกันต่อ ในตอนที่พวกเขาเห็นจระเข้ปีศาจอีกตัว เอ็กซ์ควิสิทก็ใช้สมาธิเต็มที่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงช้ากว่าหานเซิ่น


 


ครั้งนี้หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทสามารถยืนยันได้ว่าหานเซิ่นกำลังใช้ก็อตส์วอนเดอร์อยู่จริง แต่ก็อตส์วอนเดอร์ที่เขาใช้เป็นแค่ขั้นต้นเท่านั้น ซึ่งเขาควรจะช้ากว่าเอ็กซ์ควิสิท


 


แต่ก็อตส์วอนเดอร์ขั้นต้นนั้นรวดเร็วยิ่งกว่าก็อตส์วอนเดอร์ขั้นสูงของเอ็กซ์ควิสิท เอ็กซ์ควิสิทไม่อยากจะเชื่อว่านั้นความจริง หลังจากนั้นเธอก็ไม่สามารถล่าจระเข้ปีศาจได้อีก จระเข้ปีศาจ 7 ตัวต่อไปถูกแย่งไปโดยหานเซิ่น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)