Super God Gene 2542-2550
ตอนที่ 2542
หานเซิ่นอึ้งไปขณะที่มองดูร่างกายของจันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน การรวมร่างของพวกเธอเหมือนกับวิธีการที่หานเซิ่นรวมร่างกับนางฟ้า
แต่ในตอนที่หานเซิ่นรวมร่างกับนางฟ้า ร่างกายของหานเซิ่นจะเป็นหลัก ส่วนนางฟ้าเป็นรอง
จันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงนั้นเท่าเทียมกัน พวกเธอจึงต้องแย่งชิงกันและกัน
ก่อนหน้านี้เมื่อไหร่ก็ตามที่หานเซิ่นมองกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ เขาก็มักจะคิดเสมอว่าพวกเธองดงาม แม้แต่หานเซิ่นเองก็เผลอมองพวกเธออยู่เป็นครั้งคราว เพราะยังไงซะทุกคนก็ชื่นชอบการมองผู้หญิงที่งดงาม
เมื่อกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์รวมร่างกัน หานเซิ่นก็ไม่รู้สึกว่ากำลังมองดูมนุษย์อีกต่อไป ความงดงามของสิ่งมีชีวิตตรงหน้าเป็นอะไรที่เหนือธรรมชาติ เธองดงามจนดูไม่เหมือนกับสิ่งที่เป็นของโลกใบนี้อีกต่อไป
ดวงตาของเธอเป็นเหมือนกับน้ำสีดำของสระ มันดูเหมือนกับว่าเธอมองทะลุถึงก้นบึ้งของหัวใจผู้คน
มันไม่มีมลทินอะไรบนใบหน้าของเธอ และทุกซอกทุกมุมเป็นอะไรที่มหัศจรรย์ ถ้าผู้คนได้มาให้เธอ พวกเขาก็จะรู้สึกละอายเพียงแค่มาอยู่ในรัศมีของเธอ พวกเขาจะคิดว่าตัวเองนั้นไม่คู่ควร
กู่ชิงเฉิงเป็นคนที่งดงาม แต่เธอไม่เคยใช้รูปลักษณ์เพื่อกดดันคนอื่น แต่คนที่อยู่ตรงหน้าหานเซิ่นตอนนี้นั้นต่างออกไป ความงดงามของเธอเป็นอะไรที่ทำให้ผู้ที่ได้เห็นลืมหายใจ
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับเธอไม่ใช่รูปลักษณ์ แต่เป็นจิตแห่งดาบของเธอ
หานเซิ่นคิดว่าตัวเองเชี่ยวชาญในวิชาดาบ เพราะยังไงซะจิตแห่งดาบของเขาก็สามารถเทียบได้กับจิตแห่งดาบของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า แต่จิตแห่งดาบของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าหานเซิ่นตอนนี้นั้นทำให้จิตแห่งดาบของเขาดูริบหรี่ไปเลยเมื่อเทียบกันแล้ว
‘มันเป็นแฟรี่แห่งดาบที่สมบูรณ์’ หานเซิ่นคิด ถึงแม้ความจริงแล้วเธอจะกำลังถือร่มกระดาษสีขาวแทนที่จะเป็นดาบ
“เจ้ารู้ไหมว่าในตอนนี้ข้าต้องการทำอะไร?” จู่ๆจันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงก็พูดกับหานเซิ่น
“พวกเธอต้องการจะทำอะไร?” หานเซิ่นถามด้วยความสงสัย
“ฆ่าเจ้า” ผู้หญิงคนนั้นพูดขณะที่มองมาที่หานเซิ่น
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาล้อเล่น” หานเซิ่นพูด ถึงแม้เขาแน่ใจว่าเธอไม่ได้พูดจริงจัง แต่เขาก็ไม่สามารถสังเกตถึงอารมณ์หรือความรู้สึกของเธอได้ ถึงแม้ก่อนหน้านี้เธอจะมีรูปลักษณ์ที่ภาคภูมิ แต่หานเซิ่นก็ไม่เคยเห็นความภาคภูมิในระดับนี้มาก่อน เธอเหมือนกับเทพธิดาที่มาจากดินแดนที่สูงส่ง
ผู้หญิงคนนั้นส่ายหัวและพูดอย่างจริงจัง “ข้าไม่ได้ล้อเล่น ข้าต้องการจะฆ่าเจ้าจริงๆ และไม่ใช่แค่เจ้าเท่านั้น ข้าต้องการฆ่าทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ พวกเจ้าทั้งหมดน่าเกลียดในสายตาของข้า พวกเจ้าทั้งหมดไม่สมบูรณ์แบบ ข้าไม่อาจจะยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบได้ ข้าเก็บกดและหยุดตัวเองจากการฆ่าผู้คนมาเป็นเวลานาน”
หานเซิ่นมองเธอด้วยความตกใจ เขาเชื่อว่าเธอไม่ได้พูดล้อเล่น
ปัง!
ทันใดนั้นร่างกายของพวกเธอก็แยกออกเป็น 2 จันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงแยกตัวออกจากกันอีกครั้ง พวกเธอทั้งคู่ดูซีดเซียว
“ตอนนี้นายก็รู้แล้วว่าทำไมนายต้องฆ่าหนึ่งในพวกเรา ถ้าพวกเรารวมกันเป็นหนึ่ง พวกเราจะมีบุคลิกภาพที่ลุ่มหลงในความสมบูรณ์แบบและต้องการจะทำลายทุกอย่างที่เห็นว่าไม่สมบูรณ์ เมื่อพวกเรารวมร่างกัน ความมืดลึกภายในยีนของพวกเราก็จะถูกนำออกมา พวกเราอาจจะเก็บกดความปรารถนาที่จะทำลายล้างทุกสิ่งเอาไว้ได้ชั่วครู่ แต่พวกเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต” กู่ชิงเฉิงพูด
“เธอจะบอกว่าถ้ามีแค่บุคลิกภาพเดียวที่เหลือรอด ปัญหาแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์พยักหน้า พวกเธอไม่อยากกลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่จะฆ่าทุกอย่างที่เห็นว่าไม่สมบูรณ์แบบ ถึงแม้มันจะรับประกันความอยู่รอด แต่นั่นก็ไม่ใช่ชีวิตที่พวกเธอต้องการ พวกเธอไม่อยากกลายเป็นปีศาจที่ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง
“นี่มันเป็นแฟรี่แห่งดาบแบบไหนกัน? มันก็แค่นักดาบหญิงที่ชั่วร้ายคนหนึ่ง” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมา
เมื่อมองไปที่จันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิง หานเซิ่นก็รู้ตัวว่าเจอกับปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว ในตอนที่พวกเธอรวมร่างกัน พวกเธอไม่ได้แค่ต้องการจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเท่านั้น พวกเธอยังมีพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัว
หลังจากที่พวกเธอรวมร่างกัน ถึงพวกเธอจะยังคงเป็นแค่ระดับราชัน แต่หลังจากที่ได้มองดูจิตแห่งดาบของเธอแล้ว มันก็เห็นได้ชัดว่าสักวันหนึ่งพวกเธอจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า เมื่อถึงตอนนั้นพวกเธอก็จะน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม
ทั้งกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์นั้นมีพรสวรรค์มากๆ ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือพวกเธอมีร่างกายขั้นสุดยอด เมื่อพวกเธอรวมร่างกัน พวกเธอก็จะสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าที่พวกเธอเป็นในตอนนี้
หานเซิ่นไม่รู้ว่าร่างกายขั้นสุดยอด 2 ร่างอยู่ร่วมกันได้ยังไง แต่ไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้
แต่ไม่ว่ามันจะรวมกันยังไง พรสวรรค์ที่น่ากลัวหลังจากที่รวมร่างก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
“หลังจากที่พวกเธอรวมร่าง พวกเธอทั้งคู่ยังมีร่างกายขั้นสุดของตัวเองไหม?” หานเซิ่นถาม
กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์แค่พยักหน้า แต่หานเซิ่นก็รู้ว่าการยืนยันนั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวขนาดไหน
จันทราสวรรค์มองไปที่หานเซิ่นและพูด “ข้าคิดว่าเจ้าคงจะเข้าใจถึงน้ำหนักของสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าพวกเราไม่รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเราก็จะต้องตาย พวกเราคาดคะเนว่าพวกเราจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งปี แต่ถ้าพวกเราตกลงที่จะรวมเป็นหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่ใช่เรื่องดี พวกเราอาจจะไม่ตาย แต่คนอื่นอาจจะต้องตาย พวกเราเคยฆ่าคนมาก่อน แต่พวกเราพบว่าการต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฆ่าฟันอย่างไร้เหตุผลนั้นเป็นอะไรที่เลวร้ายที่สุด พวกเราไม่ต้องการมีชีวิตแบบนั้น”
“บางทีนั่นอาจจะไม่เกิดขึ้น เมื่อพวกเธอรวมร่างกันเต็มที่แล้ว ความปรารถนาที่จะฆ่าฟันอาจจะหายไป” หานเซิ่นพยายามปลอบโยนพวกเธอ
“นั่นเป็นไปไม่ได้” จันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงพูดออกมาพร้อมกัน
พวกเธอมองหน้ากัน หลังจากนั้นจันทราสวรรค์ก็พูดขึ้นมา
“พวกเราต้องการจะมีชีวิตต่อ แต่พวกเราไม่อยากจะกลายเป็นคนแบบนั้น ดังนั้นมีเพียงแค่หนึ่งในพวกเราที่จะมีชีวิตต่อไป ถ้าพวกเราหาผู้ชนะไม่ได้ แบบนั้นพวกเราก็จะให้เจ้าเป็นคนตัดสิน เจ้าต้องตัดสินใจว่าระหว่างพวกเราใครที่ควรจะมีชีวิตต่อไป”
หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าจันทราสวรรค์จะพูดอะไรแบบนั้นออกมา แต่เขาใกล้ชิดกับกู่ชิงเฉิงมาก เขารู้ว่าลึกๆแล้วส่วนหนึ่งในตัวเขาหวังที่จะให้เธอเป็นคนที่มีชีวิตต่อไป
แต่จันทราสวรรค์ไม่ใช่ศัตรูของเขา เขาไม่อยากให้เธอตาย
หานเซิ่นมองไปที่กู่ชิงเฉิง กู่ชิงเฉิงพยักหน้าให้กับเขา เขาพูดอย่างเศร้าใจ
“ทำไมพวกเธอถึงให้ฉันเป็นคนตัดสินใจในเรื่องนี้?”
“เพราะเจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่ฆ่าพวกเราได้ถึงแม้พวกเราจะตอบโต้ ดังนั้นนี่เป็นการตัดสินใจที่มีเพียงแค่เจ้าที่จะทำได้” จันทราสวรรค์พูดอย่างไร้ความรู้สึก เธอพูดมันเหมือนกับว่านี่ไม่ใช่ธุระอะไรของเธอ
หานเซิ่นรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ในจักรวาลจีโนเขาแข็งแกร่งมาก ส่วนในก็อตแซงชัวรี่ เขาเป็นเหมือนกับเทพ แต่ปรากฏว่ามันมีปัญหาที่แม้แต่เทพก็ไม่สามารถแก้ไขได้
“นี่มันยากยิ่งกว่าการเลือกระหว่างแม่และภรรยาที่ตกลงไปในลำธาร มันเป็นอะไรที่ยากเกินไป” หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา
เขาไม่ใช่แค่ตัดสินใจว่าจะช่วยใคร แต่เขาต้องตัดสินใจที่จะฆ่าอีกคนด้วย
ตอนที่ 2543
ผู้หญิงโฉมงามทั้ง 2 คนดูเหมือนกับดอกไม้ที่ทำขึ้นมาจากหยก และหานเซิ่นก็ไม่สามารถหันหลังให้กับพวกเธอคนไหนได้ เขาไม่ใช่ศัตรูของพวกเธอ ดังนั้นเขาไม่สามารถเลือกคนที่ต้องตายได้ง่ายๆแบบนั้น
แต่เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตกระหายเลือดที่ลุ่มหลงในความสมบูรณ์แบบ เขาก็รู้ว่าต้องทำอะไรบางอย่าง มันไม่ใช่แค่เผ่าพันธุ์อื่นในจักรวาลจีโนเท่านั้นที่จะตกอยู่ภายใต้ความพิโรธของพวกเธอ ที่สุดแล้วพวกเธอก็จะตามล่าเผ่ามนุษย์เช่นกัน
‘เราควรจะทำยังไงดี?’ หานเซิ่นมองไปที่กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ พวกเธอดูคล้ายคลึงกันอย่างมาก แต่ออร่าของพวกเธอนั้นแตกต่างกัน กู่ชิงเฉิงดูลึกลับ แต่เธอไม่ได้ถอยตัวเองออกห่างจากทุกๆคน ส่วนจันทราสวรรค์นั้นเย็นชาราวกับน้ำแข็ง เพียงแค่มองเธอก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าถูกปิดกั้น หานเซิ่นสามารถแยกพวกเธอ 2 คนได้ และเขาก็ไม่มีวันจะจำผิดคน
แต่เมื่อพวกเธอรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ออร่าของพวกเธอจะแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ผู้หญิงที่เกิดจากการรวมกันของพวกเธอให้ความรู้สึกเหมือนกับแฟรี่ที่ไม่สนใจสิ่งใดในโลกใบนี้ ความเย็นชานั้นเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกหนาวสั่นเพียงแค่ได้เห็น
“เจ้าเลือกที่จะฆ่าใคร?” จันทราสวรรค์ถามเมื่อเห็นว่าหานเซิ่นยังคงเงียบอยู่เป็นเวลานาน
“ฉันจะไม่ฆ่าใครทั้งนั้น บอกตามตรงถึงแม้ฉันตอบตกลงที่จะฆ่าพวกเธอ ฉันก็ไม่คิดว่านั่นจะเป็นบางสิ่งที่จะบังคังให้ตัวเองทำได้” หานเซิ่นส่ายหัว
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็คงคิดว่าการดูพวกเราต่อสู้กันจนตายไปข้างหนึ่งหรือการดูพวกเราแก่ตายเป็นอะไรที่ดีกว่าสินะ?” จันทราสวรรค์ถาม
“นั่นไม่สำคัญ ฉันเชื่อว่ามันยังมีหนทางอื่นอยู่ อย่างน้อยมันก็คุ้มค่าที่จะลองดู” หานเซิ่นพูดอย่างลังเล
“หนทางไหนกัน?” จันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงมองมาที่หานเซิ่นด้วยความสนใจ
หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นก็พูดขึ้นมา “ปัญหาการชราภาพอย่างรวดเร็วนั้นมีสาเหตุมาจากข้อบกพร่องในยีนของพวกเธอ ถ้าพวกเธอแก้ไขข้อบกพร่องนั้นได้ มันก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเธอจะต้องต่อสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง”
กู่ชิงเฉิงส่ายหัว “ถ้ามันง่ายแบบนั้น พวกเราก็คงจะไม่ต่อสู้กันตั้งแต่แรก ยีนของฉันรวมเข้ากับสปิริตสโตนของจันทราสวรรค์ และยีนของจันทราสวรรค์ก็มีภาพแฟรี่แห่งดาบที่ฉันสร้างขึ้น พวกเราทั้งคู่เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน และเพราะแบบนั้นส่วนหนึ่งของพวกเราจึงขาดหายไป พวกเราจะใช้ยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นมาแก้ปัญหาในยีนของพวกเราไม่ได้”
“ฉันรู้” หานเซิ่นพยักหน้าและพูด “วิธีการของฉันไม่ได้ให้พวกเธอรวมกับยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น วิธีการของฉันแค่จะซ่อมแซมยีนของพวกเธอ”
“เจ้าหมายความว่ายังไง? ถ้าพวกเราซ่อมแซมยีนได้ พวกเราก็คงจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้” จันทราสวรรค์พูดขณะที่เอนหัวไปด้านข้าง
“พวกเธอทั้งคู่ขาดส่วนหนึ่งของตัวเองไป และส่วนที่พวกเธอขาดไปคือส่วนที่พวกเธอจะมอบให้กันและกัน นั่นหมายความว่าพวกเธอไม่สมบูรณ์ แต่พวกเธอทั้งคู่ยังคงเก็บส่วนที่อีกคนขาดไปเอาไว้ ทั้งหมดที่พวกเธอจำเป็นต้องทำก็คือเติมเต็มส่วนที่ขาดไป ฉันจะลองกระตุ้นศักยภาพในยีนของพวกเธอ ซึ่งมันอาจจะช่วยให้ยีนที่ไม่สมบูรณ์ของพวกเธอซ่อมแซมตัวเองได้สำเร็จ ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะสำเร็จหรือเปล่า แต่อย่างน้อยพวกเราควรจะลองดู”
วิธีการที่หานเซิ่นพูดถึงคือการใช้พลังอาณาเขตของวิชาโลหิตชีพจร เขาจะพยายามผลักดันฟันเฟืองจักรวาลของพวกเธอเพื่อบังคับให้ยีนของพวกเธอวิวัฒนาการ
พลังอาณาเขตของวิชาโลหิตชีพจรนั้นไม่ได้เป็นอะไรที่มากกว่าการผลักดัน ส่วนมันจะได้ผลหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในยีนของพวกเธอ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่ได้ให้สัญญาว่าจะสำเร็จ แต่มันถือเป็นโอกาสสำหรับพวกเธอ มันเป็นบางสิ่งที่อย่างน้อยพวกเธอก็ควรจะลองดูก่อน
ถ้ามันได้ผล พวกเธอก็จะมีชีวิตรอดทั้งคู่
“นายจะแก้ไขข้อบกพร่องในยีนของพวกเรา?” ดวงตาที่งดงามของกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์จ้องมาที่หานเซิ่น
“ฉันไม่มั่นใจว่ามันจะสำเร็จหรือเปล่า แต่มันไม่เสียหายที่จะลองดู” หานเซิ่นพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองดู” จันทราสวรรค์พูดในทันที
“ฉันจะทดลองกับเธอก่อน เข้ามานี่” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่จันทราสวรรค์
“มันมีความเสี่ยงในวิธีการนี้หรือเปล่า?” กู่ชิงเฉิงถาม
“มันไม่มีความเสี่ยงอะไร” หานเซิ่นพูด
จันทราสวรรค์เดินเข้ามาหาหานเซิ่นและพูด “เมื่อนานมาแล้ว เจ้าไม่ค่อยชอบข้าไม่ใช่หรอ? มันเป็นเรื่องดีที่ข้าตกอยู่ในอันตราย ถ้าข้าตายไป เจ้าก็จะเป็นอิสระ”
จันทราสวรรค์พูดกับกู่ชิงเฉิงไม่ใช่กับหานเซิ่น
กู่ชิงเฉิงขยับริมฝีปาก แต่ไม่มีคำใดๆพูดออกมา
“อย่าได้กังวล มีเพียงแค่เรื่องดีเท่านั้นที่จะเกิดขึ้นกับพวกเธอ ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะไม่ลองวิธีนี้” หานเซิ่นเข้าใจว่าพวกเธอต้องการอะไร เขายิ้มให้กับจันทราสวรรค์
“เลิกพูดจาไร้สาระและเริ่มลงมือได้แล้ว แม้ตอนที่ข้าเป็นสปิริต ข้าก็ไม่เคยกลัวความตาย” จันทราสวรรค์พูดและสบสายตากับหานเซิ่น
หานเซิ่นยิ้มและยกมือขวาขึ้น เขากดนิ้วลงบนหน้าผากของจันทราสวรรค์ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มใช้วิชาโลหิตชีพจร เขาทำให้ฟันเฟืองจักรวาลของตัวเองเชื่อมต่อกับฟันเฟืองของจันทราสวรรค์ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มหมุนพวกมัน
“อย่าได้ต่อต้านพลังของฉัน พยายามยอมรับและเคลื่อนไหวตามพวกมัน”
แสงแห่งเทพสีเลือดก่อตัวบนมือของหานเซิ่นและแสงนั้นก็ไหลเข้าไปในร่างกายของจันทราสวรรค์
เมื่อแสงสีเลือดเข้าไปในร่างของเธอ ฟันเฟืองจักรวาลของจันทราสวรรค์ก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา ฟันเฟืองที่ฝุ่นขึ้นเริ่มจะหมุนอย่างช้าๆ ฟันเฟืองจักรวาลของจันทราสวรรค์นั้นมีสีฟ้า มันมีสัญลักษณ์ที่ดูโบราณสลักเอาไว้ หานเซิ่นไม่รู้ถึงความหมายของพวกมัน แต่เขารู้ว่ามันเป็นแหล่งพลังของจันทราสวรรค์
เมื่อฟันเฟืองจักรวาลของจันทราสวรรค์เริ่มเร่งความเร็วขึ้น สัญลักษณ์ที่ดูโบราณก็เรืองแสงอย่างสว่างไสว พวกมันเป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ แสงนั้นเบลอไปขณะที่ฟันเฟืองหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ
แสงสีฟ้าพุ่งออกมาจากฟันเฟืองและย้อมเนื้อหนังกับเซลล์ของจันทราสวรรค์ด้วยเฉดสีฟ้าประหลาด เธอเริ่มดูเหมือนกับรูปปั้นคริสตัลสีฟ้า
จันทราสวรรค์ดูไม่เหมือนกับคนๆหนึ่งอีกต่อไป เธอดูเหมือนกับภูติผีหรือรูปปั้นคริสตัลของแม่มด และไม่นานหลังจากนั้นคริสตัลก็เริ่มจะละลาย
แตมันไม่ใช่การละลาย มันเหมือนกับว่าดินโคลนถูกล้างออกไปจากรูปปั้นคริสตัลทีละชั้นๆ มันเหมือนกับกลีบดอกไม้ที่ถูกฉีกออกทีละกลีบ
กู่ชิงเฉิงมองดูจันทราสวรรค์และหานเซิ่น สีหน้าของเธอมักจะดูสงบนิ่งอยู่ตลอด แต่ในตอนนี้เธอรู้สึกกังวลอย่างมาก
แสงสีฟ้าของจันทราสวรรค์เริ่มจะค่อยๆจางหายไป และเธอก็เริ่มจะกลายเป็นคนที่แตกต่างไปจากที่เคยเป็น
หานเซิ่นรู้สึกดีใจ ยีนของจันทราสวรรค์กำลังเกิดความเปลี่ยนแปลง นั่นหมายความว่าวิชาโลหิตชีพจรนั้นได้ผล ถึงแม้เขาจะไม่สามารถแก้ไขความบกพร่องในยีนของพวกเธอได้ทั้งหมด แต่กระบวนการนี้ก็ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายของจันทราสวรรค์
แต่จันทราสวรรค์ไม่เหมือนกับเลอตู้ที่เป็นครึ่งเทพ แทนที่ระดับของเธอจะเพิ่มขึ้น พลังของหานเซิ่นเพียงแค่พัฒนายีนของเธอเท่านั้น
เสียงประหลาดดังออกมาจากร่างกายของจันทราสวรรค์ราวกับดาบถูกดึงออกมาจากฝัก จิตแห่งดาบที่น่ากลัวเบิกบานออกมา ขณะที่แสงสีฟ้าประหลาดยังคงจางหายไปเรื่อยๆ
การบรรยายจันทราสวรรค์เป็นเรื่องยาก เพราะตอนนี้เธอดูเหมือนกับผีสาวจากนรก ในตอนนี้จันทราสวรรค์ดูเหมือนกับแฟรี่ที่เย็นชาในแสงจันทร์ เธอดูเหินห่างแต่ไม่ใช่ในแบบที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ตอนที่ 2544
เมื่อฟันเฟืองจักรวาลของจันทราสวรรค์เปลี่ยนแปลง ยีนในร่างกายของเธอก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย จิตแห่งดาบของเธอแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆและค่อยๆเข้าใกล้จิตแห่งดาบของสิ่งมีชีวิตที่เธอและกู่ชิงเฉิงสร้างขึ้นมาเมื่อรวมร่างกัน
ร่มสีฟ้าถูกปลดปล่อยออกมา มันกางตัวเองเหนือหัวของจันทราสวรรค์โดยอัตโนมัติ จิตแห่งดาบพลุ่งพล่านทั่วร่างกายของจันทราสวรรค์และทำให้ร่างกายของเธอเปลี่ยนแปลงไปยิ่งกว่าเดิม
กู่ชิงเฉิงทั้งตกใจและดีใจ ถึงแม้เธอจะไม่มีพลังของอาณาเขตตงเสวียนที่จะแสดงให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เธอก็สามารถบอกได้ว่าร่างกายของจันทราสวรรค์แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม มันกลายเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตแห่งดาบของเธอ มันคือภาพแฟรี่แห่งดาบที่เธอฝึก แต่ต่างออกไป จันทราสวรรค์ในตอนนี้เป็นเหมือนกับแฟรี่แห่งดาบที่เธอเคยจินตนาการ เพียงแต่แทนที่จะถือดาบ เธอกลับถือร่มกระดาษแทน
ร่มนั้นเป็นเหมือนกับดาบเล่มหนึ่ง กลีบแต่ละกลีบของร่มก็เป็นคมดาบแต่ละคม และพวกมันทั้งหมดก็รวมกันเป็นดาบร่มที่มหัศจรรย์ ขณะที่ดาบร่มเปลี่ยนแปลง ร่างกายของจันทราสวรรค์ก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน จิตแห่งดาบเกือบจะกลายเป็นอะไรที่จับต้องได้ ดาบร่มสร้างดาบแสงที่สว่างเหมือนกับดวงอาทิตย์มาห่อหุ้มร่างกายของจันทราสวรรค์เอาไว้ภายใน
เมื่อดาบแสงสีฟ้าจางหายไปแล้ว หานเซิ่นและกู่ชิงเฉิงก็ได้เห็นแฟรี่สีฟ้าที่เยือกเย็น เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นและกำลังถือร่มสีฟ้าอยู่ในมือ มันดูเหมือนกับว่าเธอไม่จำเป็นต้องกินอาหารอีกต่อไป เธอเป็นเหมือนกับเทพธิดาจากปราสาทจันทรา
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ ในตอนนี้เขาไม่สามารถรู้สึกถึงจิตแห่งดาบของจันทราสวรรค์ได้อีกต่อไป แต่ความจริงที่เธอซ่อนมันจากการตรวจจับของเขาได้นั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่า
เมื่อหานเซิ่นมองจันทราสวรรค์ในตอนนี้ เขาก็รู้สึกว่าเธอไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผู้หญิงในตอนที่เธอรวมร่างกับกู่ชิงเฉิง
นอกจากการมีร่างกายขั้นสุดยอดแค่ร่างเดียวแล้ว พลังของเธอก็ควรจะแข็งแกร่งเทียบได้กับตอนที่พวกเธอรวมร่างกัน แต่ธรรมชาติของมันแตกต่างไปจากพลังที่การรวมร่างของพวกเธอมี
‘วิชาโลหิตชีพจรเป็นวิชาจีโนที่ทรงพลังอะไรขนาดนี้ แต่ทำไมเราถึงใช้มันกับตัวเองไม่ได้?’
หานเซิ่นรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับเรื่องนี้ วิชาจีโนที่เขาฝึกนั้นสามารถส่งผ่านยีนไปสู่ลูกหลานของเขาเพื่อช่วยพวกเขาในการวิวัฒนาการ แต่ตัวเขาเองได้รับผลประโยชน์เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น และเขาก็ไม่สามารถใช้มันเพื่อเพิ่มระดับของตัวเองขึ้นได้
ความจริงแล้วหานเซิ่นเข้าใจแนวคิดของวิชาจีโนผิดไป ทุกครั้งที่เขาฝึกวิชาโลหิตชีพจร มันค่อยๆปรับปรุงยีนของเขาอย่างช้าๆ วิชาโลหิตชีพจรช่วยให้ยีนของเขาพัฒนาได้ดีขึ้น แต่มันทำงานอย่างเชื่องช้า ในตอนที่หานเซิ่นใช้พลังกับคนอื่น ผลลัพธ์ของมันรวดเร็วและง่ายที่จะสังเกตเห็น
มันดูอ่อนแอราวกับว่ามันไม่ได้ส่งผลประโยชน์ต่อตัวหานเซิ่นเอง และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้วิชาโลหิตชีพจรน่ากลัว
ผลลัพธ์ของวิชาโลหิตชีพจรอยู่เหนือขอบเขตของตัววิชาจีโนไป
จุดประสงค์ที่แท้จริงของวิชาโลหิตชีพจรคือการทำลายขีดจำกัดของสายเลือดตัวเอง ด้วยเหตุนั้นมันจึงเป็นวิชาจีโนที่ไม่ถูกจำกัดด้วยเทคนิคหรือชุดกระบวนท่า วิชาโลหิตชีพจรนั้นมีศักยภาพที่จะขยายการฝึกฝนของคนๆหนึ่งอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ปกติคนส่วนใหญ่จะไม่ประสบความสำเร็จอะไรมากนักในชีวิต พวกเขาจะทำงานเท่าที่จำเป็นเพื่อความอยู่รอด และพวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในขีดจำกัดที่ถูกกำหนดเอาไว้ คนส่วนใหญ่พึงพอใจกับสิ่งที่เป็น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไป
แต่บุคคลที่พิเศษจะทำในสิ่งที่คนอื่นคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ความสำเร็จของพวกเขาไม่ใช่อะไรที่ถูกรับประกัน
วิชาโลหิตชีพจรทำให้ผู้คนก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง นั่นเป็นเหตุผลที่มันไม่มีขีดจำกัดต่อคนที่ทำการฝึกมัน และไม่เหมือนกับมนุษย์ที่บ่อยครั้งจะท่อแท้กับความล้มเหลว วิชาโลหิตชีพจรนั้นจะไม่มีวันหยุดการพัฒนา
ถ้าให้อธิบายอย่างทันสมัย มันก็บอกได้ว่าการที่หานเซิ่นฝึกวิชาโลหิตชีพจร ทำให้เขาอยู่ในจุดสูงสุดที่เทคโนโลยีจะบรรลุได้ ผู้คนที่สืบทอดวิชาโลหิตชีพจรต่อจากเขาก็จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีจะมอบให้ได้ แต่ทว่าคนๆนั้นจะได้รับเทคโนโลยีที่ดีที่สุดที่หานเซิ่นค้นพบเท่านั้น เขาไม่สามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เขาเองไม่เคยค้นพบได้
“มันได้ผลไหม?” หานเซิ่นมองจันทราสวรรค์ที่เสร็จสิ้นการวิวัฒนาการ
จันทราสวรรค์ส่ายหัว “ร่างกายของข้าแข็งแกร่งขึ้นก็จริง แต่ข้ายังรู้สึกได้ถึงการเชื่อมต่อกับนาง”
หานเซิ่นหันไปมองกู่ชิงเฉิง กู่ชิงเฉิงส่ายหัวและพูด “ความรู้สึกนั่นยังคงอยู่”
หานเซิ่นปลอบพวกเธอ “บางทีมันอาจจะเป็นเพราะยีนของเธอยังไม่เสร็จการซ่อมแซม นั่นเป็นเหตุผลที่ความรู้สึกนั้นยังคงอยู่ บางทีเธอจำเป็นต้องรอจนกระทั่งยีนของเธอซ่อมตัวเองเสร็จก่อนความรู้สึกนั้นถึงจะหายไป”
กู่ชิงเฉิงสับสน แต่เธอไม่ได้ต่อต้านพลังของหานเซิ่น เหมือนกับจันทราสวรรค์ เธอเดินมาตรงหน้าหานเซิ่นและรับพลังของวิชาโลหิตชีพจร
ฟันเฟืองจักรวาลของเธอแตกต่างไปจากของจันทราสวรรค์ ฟันเฟืองจักรวาลของกู่ชิงเฉิงนั้นมีสีเขียว มันมีสัญลักษณ์ที่เริ่มจะเรืองแสงขึ้นบนฟันเฟืองเช่นเดียวกัน ถึงแม้หานเซิ่นจะแปลความหมายของพวกมันไม่ได้ แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าสัญลักษณ์หมายถึง “ดาบ”
กระบวนการวิวัฒนาการของกู่ชิงเฉิงนั้นคล้ายคลึงกับจันทราสวรรค์ ร่างกายของเธอเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จิตแห่งดาบของเธอเองก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน เมื่อดาบทองแดงเก่าๆปรากฏขึ้น จิตแห่งดาบที่แข็งแกร่งก็ห่อหุ้มตัวของเธอ
แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเธอแตกต่างไปจากที่จันทราสวรรค์ประสบ กู่ชิงเฉิงเป็นผู้หญิงที่ดูศักดิ์สิทธิ์มากอยู่แล้ว และเมื่อเธอเปลี่ยนแปลง ออร่าของเธอก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน
ออร่าที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นยังคงอยู่ แต่ตอนนี้มันยากขึ้นกว่าเดิมที่จะสัมผัส มันเป็นอะไรที่ลึกลับมากขึ้น
ถ้ากู่ชิงเฉิงเคยเป็นแฟรี่ ในตอนนี้เธอก็กลายเป็นเทพธิดาที่ปกคลุมในหมอก ตัวตนของเธอกึ่งโปร่งใส มันทำให้คนอื่นอยากจะเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ
เธอนั้นงดงาม แต่เธอก็ดูเบลอๆ เธอทั้งงดงามและลึกกลับ แม้แต่หานเซิ่นที่จ้องมองเธอก็คิดกับตัวเองว่า ‘เป็นผู้หญิงที่งดงามและอันตรายอะไรอย่างนี้ ถ้านี่เป็นสมัยโบราณ เธอก็คงจะทำลายประเทศไม่ต่างจากต๋าจี๋’
‘ไม่สิ นี่คือยุคสมัยของจักรวาลจีโน ถ้ายอดฝีมือที่น่ากลัวของจักรวาลเห็นเธออย่างนี้ มันจะไม่นำมาซึ่งการทำลายล้างของประเทศ มันอาจจะจุดชนวนสงครามที่ทำลายระบบจักรวาลหนึ่งระบบ’ หานเซิ่นมองเธอได้เพียงแค่ไม่กี่นาที หลังจากนั้นเขาก็หันหน้าหนี
“เธอรู้สึกยังไง?” หานเซิ่นถาม
กู่ชิงเฉิงถอนหายใจและพูด “ฉันกลัวว่านายจะทำให้เรื่องนี้เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ร่างกายของฉันและจันทราสวรรค์วิวัฒนาการไปยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้ถ้าพวกเรารวมร่างกัน ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะเลวร้ายยิ่งกว่าเดิมเป็นพันเท่า”
ใบหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าการเชื่อมต่อของพวกเธอยังคงอยู่
แต่หานเซิ่นยังไม่คิดจะยอมแพ้ “ถึงแม้การเชื่อมต่อของพวกเธอจะยังคงอยู่ แต่ถ้าพวกเธอหยุดการชราภาพ พวกเธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องรวมร่าง ทุกอย่างก็จะไม่เป็นอะไร”
“ข้าไม่รู้ พวกเราจำเป็นต้องรอดูไปอีกสักพักเพื่อดูว่าพวกเราจะแก่ลงไปหรือเปล่า” จันทราสวรรค์พูด
“ถ้าอย่างนั้นก็รอดูสัก 2-3 วัน ถ้าวิธีการนี้ไม่ได้ผล พวกเราก็ค่อยมาหาวิธีอื่นอีกครั้ง” หานเซิ่นพูดและภาวนาในใจขอให้การชราภาพอย่างรวดเร็วของพวกเธอหายไป ถ้าวิธีการนี้ล้มเหลวล่ะก็ เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ
ตอนที่ 2545
2 วันต่อมา กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ก็มารายงานกับหานเซิ่นว่าพวกเธอไม่ได้แก่ตัวลงอย่างรวดเร็วอีกแล้ว ถึงแม้การเชื่อมต่อระหว่างพวกเธอจะยังคงอยู่ แต่พวกเธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องรวมร่างกัน
หานเซิ่นถอนหายใจออกมา นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่เขาหวัง ถ้าปัญหาไม่ถูกแก้ไขหลังจากที่เขาซ่อมแซมยีนของพวกเธอ เขาก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยวิธีไหน เมื่อปัญหาถูกแก้ไขแล้ว หานเซิ่นก็ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกบิ๊กเดสทรอยเยอร์ และเพื่อให้การฝึกบิ๊กเดสทรอยเยอร์ปลอดภัยที่สุด เขาจึงไม่ได้ใช้พลังกับบิ๊กเดสทรอยเยอร์อย่างเต็มที่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลังจากที่เขาฝึกมันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็สามารถสร้างแสงของบิ๊กเดสทรอยเยอร์ขึ้นมาได้ แต่แสงบิ๊กเดสทรอยเยอร์ที่เขาสร้างขึ้นมาก็ยังคงไม่พอที่จะฆ่าดยุกคนหนึ่ง นั่นหมายความว่าเขายังไม่สามารถใช้มันกับยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันได้
แต่ความคืบหน้าก็คือความคืบหน้า แค่นั้นก็ทำให้หานเซิ่นดีใจแล้ว ถ้าเขาสามารถเปิดใช้แสงแห่งเทพของบิ๊กเดสทรอยเยอร์ได้สำเร็จ นั่นก็หมายความว่าการพัฒนาของพลังก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
หานเซิ่นฝึกฝนวิชาบิ๊กเดสทรอยเยอร์ต่อไป และยิ่งเขาคุ้นเคยกับการทำงานของแสงแห่งเทพของบิ๊กเดสทรอยเยอร์มากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น
หนึ่งเดือนต่อมา แสงแห่งเทพบิ๊กเดสทรอยเยอร์ของหานเซิ่นก็สามารถย่อยสลายยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันได้ มันเปลี่ยนยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันกลายเป็นผงกองหนึ่ง
หานเซิ่นใช้วิชาคอนซูมเพื่อกินยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันที่ถูกย่อยสลายโดยบิ๊กเดสทรอยเยอร์เข้าไป หลังจากนั้นเขาก็สังเกตได้ว่าความเร็วในการย่อยของตัวเองเพิ่มขึ้น ในเวลาหนึ่งวันเขาสามารถกินยีนซีโน่เจเนอิคที่กลายเป็นผุยผงได้เป็นสิบยีน
‘ฮ่าๆๆ! วิชาบิ๊กเดสทรอยเยอร์สร้างความแตกต่างจริงๆ และในตอนนี้เรายังคงไม่ได้ฝึกมันจนเชี่ยวชาญด้วยซ้ำ ถ้าเราฝึกวิชาบิ๊กเดสทรอยเยอร์จนถึงจุดสูงสุดเมื่อไหร่ เราก็คิดคงจะกินยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันได้เร็วมากๆ เราอาจจะกินยีนซีโน่เจเนอิคหนึ่งร้อยยีนได้ในวันเดียว’
หานเซิ่นดีใจ ในเวลาไม่กี่วันอาณาเขตตงเสวียนของเขาก็เลื่อนไปอีกขั้นหนึ่ง
จันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงต้องการจะเข้าไปในคอร์แอเรียเพื่อล่าซีโน่เจเนอิค เมื่อพวกเธอบอกหานเซิ่นว่าพวกเธออยู่ที่ไหน เขาก็พบว่าพวกเธออยู่ใกล้ๆกับจุดที่กายหยกส่งเขาเข้าไป เขาจึงบอกให้พวกเธอรอเขาอยู่ที่นั่น เมื่อหานเซิ่นพบกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ พวกเขาก็ออกไปล่าคอร์ซีโน่เจเนอิคด้วยกัน
คนส่วนใหญ่นั้นไม่เคยที่จะกังวลเกี่ยวกับอนาคน พวกเขาแค่กังวลเกี่ยวกับปัจจุบัน หานเซิ่นมียีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันอยู่เป็นจำนวนมาก แต่วิชาบิ๊กเดสทรอยเยอร์และวิชาคอนซูมของเขากำลังแข็งแกร่งขึ้น ถ้าเขาสามารถกินยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันหนึ่งร้อยยีนได้ในวันเดียว การกินยีนซีโน่เจเนอิคหนึ่งพันยีนที่เขามีอยู่ก็จะใช้เวลาเพียงแค่อาทิตย์ครึ่งเท่านั้น
กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์เป็นระดับราชันขั้นแรก แต่พลังของพวกเธออยู่เหนือกว่าระดับราชันขั้นแรกทั่วๆไป พลังของพวกเธอเรียกได้ว่าเหมือนกับหานเซิ่นในตอนที่เขาอยู่ระดับราชันขั้นแรก ด้วยเหตุนั้นการฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับราชันจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับพวกเธอ
แต่ความเร็วในการย่อยของพวกเธอนั้นช้ากว่าหานเซิ่นที่มีวิชาคอนซูม ถึงแม้หานเซิ่นจะใช้วิชาบิ๊กเดสทรอยเยอร์เพื่อย่อยสลายยีนซีโน่เจเนอิคให้กับพวกเธอ พวกเธอก็กินได้แค่หนึ่งยีนต่อวันเท่านั้น หานเซิ่นไม่ได้รีบร้อนอะไร แต่หลี่เคอเอ๋อกำลังร้อนรน เธอรอคอยดอลลาร์มาเป็นเดือนแล้ว แต่เธอก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา มันเหมือนกับว่าเขาไม่มีแผนที่จะกลับเข้ามา
“เจ้านั่น” หลี่เคอเอ๋อนั่งอยู่ในยานขณะที่กัดฟันด้วยความโกรธ
“น้องเคอเอ๋อ เวรี่ไฮควรจะไร้อารมณ์ความรู้สึก แต่ตอนนี้เจ้ากำลังถูกความโกรธครอบงำ”
ผู้หญิงที่งดงามปรากฏตัวบนยานของหลี่เคอเอ๋อ เธอยืนออยู่ด้านหลังและมองมาที่หลี่เคอเอ๋อ
“พี่สาม ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” หลี่เคอเอ๋อหันไปเห็นผู้หญิงชุดเขียวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ด้านหลังของเธอ ผู้หญิงคนนั้นงดงาม แต่เธอไร้ซึ่งความรู้สึก ใบหน้าของเธอเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
“พี่ได้ยินว่าเจ้าเลือกคนมาเป็นตัวไหมได้แล้ว พี่เลยอยากเห็นว่าตัวไหมของเจ้าเป็นยังไง” ผู้หญิงชุดเขียวพูด
“เรื่องนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพี่” หลี่เคอเอ๋อแบะปาก
เมื่อเห็นใบหน้าของหลี่เคอเอ๋อ ผู้หญิงชุดเขียวก็ส่ายหัว
“เจ้าแสดงอารมณ์ออกมามากเกินไป การฝึกฝนของเจ้ายังคงไม่ถึงขั้น พี่กังวลว่าเจ้าจะล้าหลังคนอื่นหรือตัดสินใจเลือกตัวไหมที่แย่จนทำอะไรให้กับเผ่าเวรี่ไฮไม่ได้”
“จะดีหรือแย่ มันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของพี่” หลี่เคอเอ๋อพูด
ผู้หญิงชุดเขียวไม่ได้โกรธ เธอทำเหมือนกับว่าเธอไม่ได้ยินอะไรที่หลี่เคอเอ๋อพูด
“มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะยอมหรือไม่ พี่เป็นพี่ของเจ้า พี่จะไม่ปล่อยให้เจ้าล้มเหลว”
ก่อนที่หลี่เคอเอ๋อจะได้ตอบอะไรกลับไป ผู้หญิงชุดเขียวก็พูดต่อ
“โอเค ตอนนี้บอกพี่มาว่าคนที่เจ้าเลือกอยู่ที่ไหน? ให้พี่ดูว่าเขามีความสามารถพอจะรับใช้เผ่าเวรี่ไฮหรือเปล่า”
“ตอนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่” หลี่เคอเอ๋อพูด
“ทำไมไม่เรียกเขามา” ผู้หญิงชุดเขียวพูด
“ข้ายังไม่ได้บอกเขาว่าข้าต้องการตัวเขา ข้าเลยไม่มีวิธีติดต่อกับเขา ถ้าพี่ฉลาดมากนัก ทำไมพี่ไม่ไปหาตัวเขามาให้ข้าล่ะ?” หลี่เคอเอ๋อพูดแดกดัน
“เจ้ายังไม่ได้บอกเขาอีกอย่างนั้นหรอ? นี่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้ามัวทำอะไรอยู่?” ผู้หญิงชุดเขียวขมวดคิ้ว เธอไม่ค่อยพอใจกับความล่าช้าของหลี่เคอเอ๋อ
หลี่เคอเอ๋อหน้าแดง เธอพยายามจะโน้มน้ามหานเซิ่นอยู่นาน แต่มันไม่ได้ผลอย่างที่เธอหวังเอาไว้ และเธอก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกเขาว่าเธอเป็นใคร
ผู้หญิงชุดเขียวมองใบหน้าของหลี่เคอเอ๋อ แต่เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา บางสิ่งในดวงตาของเธอหมุนวนราวกับว่ากาแล็กซี่กำลังหมุนอยู่ภายในดวงตาของเธอ
“บอกพี่มาว่าเป้าหมายของเจ้าคือใคร” ดวงตาของผู้หญิงชุดเขียวดูน่าอัศจรรย์
“ถ้าพี่ฉลาดมากนัก ทำไมพี่ไม่เดาเองล่ะว่าคนๆนั้นเป็นใคร?” หลี่เคอเอ๋อพูดด้วยอารมณ์บูดบึ้ง
ผู้หญิงชุดเขียวยังไม่โกรธ เธอแค่ยื่นมือออกมาจับหนึ่งในเส้นผมของหลี่เคอเอ๋อ หลังจากนั้นเธอก็จ้องมองเส้นผมนั้นด้วยดวงตาที่เป็นประกายของเธอ
ดวงตาที่เหมือนกับกาแล็กซี่ที่กำลังหมุนของเธอแสดงภาพของหลี่เคอเอ๋อออกมา และภาพนั้นก็เริ่มย้อยหลังไปราวกับว่าผู้หญิงชุดเขียวกำลังย้อนเวลาเพื่อดูสิ่งที่หลี่เคอเอ๋อทำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่หลี่เคอเอ๋อทำในหลายวันที่ผ่านมาถูกแสดงในดวงตาของผู้หญิงชุดเขียว กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งถึงตอนที่หลี่เคอเอ๋อแยกทางกับหานเซิ่น
“เขาคือเป้าหมายของเจ้าใช่ไหม? ดอลลาร์ ข้าเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน ใช่แล้ว เขาคือคนที่เอาชนะไผ่เดียวดายและได้อันดับที่หนึ่งในบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโน”
ผู้หญิงชุดเขียวพูด หลังจากนั้นเธอก็หยุดมองและดวงตาของนางก็กลับเป็นปกติ เส้นผมเส้นนั้นสลายกลายเป็นผุยผงในมือของเธอ
“พี่สาว พี่สามอ่านอดีตของข้าโดยไม่ขออนุญาตจากข้าได้ยังไงกัน?” หลี่เคอเอ๋อฟังดูรำคาญ
“พฤติกรรมแบบนี้ไม่เหมาะสมสำหรับเผ่าเวรี่ไฮ” ผู้หญิงชุดเขียวส่ายหัวต่อการประท้วงของหลี่เคอเอ๋อ หลังจากนั้นดวงตาของเธอก็เริ่มหมุนอีกครั้งและพูด
“ให้พี่ช่วยดูว่าดอลลาร์คนนี้กำลังทำอะไรอยู่ พี่จะช่วยดูว่าเขาเป็นตัวไหมของเจ้าได้หรือไม่”
ดวงตาของเธอหมุนวนและแสงก็แว็บขึ้นมา หลังจากนั้นเงาของหานเซิ่นก็เริ่มปรากฏให้เห็น
ตอนที่ 2546
หานเซิ่นกำลังออกล่าซีโน่เจเนอิคร่วมกับกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ แต่ทันใดนั้นจู่ๆเขาก็รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวประหลาดภายในจิต หานเซิ่นประหลาดใจกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงมองเข้าไป ที่นั่นเขาเห็นชุดเกราะคริสตัลสีดำกำลังชักกระตุกเล็กน้อยและวังวนบางอย่างก็ปรากฏขึ้นรอบตัวของมัน
แต่วังวนนั้นคงอยู่แค่วินาทีเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นชุดเกราะสีดำก็กลับไปไร้การเคลื่อนไหวเหมือนปกติราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นี่มันอะไรกัน? หานเซิ่นสงสัยขณะที่มองไปรอบๆ แต่เขาไม่เห็นอะไรที่เป็นอันตราย
ภายในคอร์แอเรียที่ไกลออกไป เงาของชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นในดวงตาของผู้หญิงชุดเขียวและมันก็ดูชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ภาพใบหน้าของชายคนนั้นกำลังจะเผยออกมาให้เห็น
“อ้า!” ทันใดนั้นผู้หญิงชุดเขียวก็กรีดร้องออกมาและใช้มือกุมดวงตาของเธอ
“พี่สาม เกิดอะไรขึ้น?” หลี่เคอเอ๋อตกใจ มันมีเลือดไหลออกมาระหว่างนิ้วมือของผู้หญิงชุดเขียว
“ใครบางคนทำลายวิชาสครายอิ้งของข้า ดอลลาร์คนนี้เป็นใครกัน?”
ผู้หญิงชุดเขียวลดมือลง ดวงตาของเธอเป็นสีแดงและมีเลือดไหลออกมา หลี่เคอเอ๋อตกใจเมื่อได้เห็นแบบนั้น วิชาเวรี่ไฮเซ้นของพี่สามนั้นเหนือกว่าเธอมาก แต่ผู้หญิงชุดเขียวเพิ่งจะใช้วิชาสครายอิ้งและดวงตาของเธอก็ได้รับบาดเจ็บ มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ
“ดอลลาร์คือดอลลาร์ เขาบอกว่าเขาเป็นมนุษย์!” หลี่เคอเอ๋อรู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วเธอไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับดอลลาร์
“มนุษย์คืออะไรกัน? ดอลลาร์คนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาๆ เขาทำลายวิชาสครายอิ้งของข้าได้ เขาต้องมีพลังระดับเทพเจ้าปกป้องอยู่ คนที่ไม่มีแม้แต่ชื่อจะมีการปกป้องจากพลังระดับเทพเจ้าได้ยังไง?” ผู้หญิงชุดเขียวกัดฟันขณะที่พูดออกมา
“ข้าไม่รู้” สีหน้าของหลี่เคอเอ๋อเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง เธอไม่ได้คาดคิดว่าดอลลาร์จะมีภูมิหลังที่ลึกลับขนาดนี้
พวกเธอทั้งคู่ใช้เวลาสักพักเพื่อคาดเดาว่าดอลลาร์มาจากไหนกันแน่ ผู้หญิงชุดเขียวไม่กล้าจะแอบมองเขาอีกครั้ง ด้วยเหตุนั้นพวกเธอทั้ง 2 จึงไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นใครกันแน่
“ข้าอยากจะเห็นว่าเขาเป็นใคร” ผู้หญิงชุดเขียวพูดอย่างไร้ความรู้สึก ดวงตาของเธอฟื้นตัวขึ้นมาหน่อยแล้ว
เธอมีแผนที่จะรอดอลลาร์กลับมาร่วมกับหลี่เคอเอ๋อเพื่อที่เธอจะได้เห็นว่าเขาเป็นใครกันแน่
หานเซิ่นไม่รู้ถึงสถานการณ์ของหลี่เคอเอ๋อและพี่สาวของเธอ เขากำลังยุ่งอยู่กับการฆ่าซีโน่เจเนอิคร่วมกับกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ ระหว่างการเดินทางหานเซิ่นฝึกวิชาการเทเลพอร์ตและบิ๊กเดสทรอยเยอร์ไปด้วย ถึงแม้เขาจะคุ้นเคยกับวิชาทั้ง 2 มากขึ้น เขาก็ยังต้องการทดสอบพวกมันในการต่อสู้จริงๆ
ในขณะที่พวกเขาทั้ง 3 กำลังต่อสู้กับหมาป่าโลหะตัวหนึ่ง ใครบางคนก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา เมื่อคนๆนั้นมองเห็นหานเซิ่น เขาก็ถูกจำได้ในทันที
“หานเซิ่น เจ้ายังไม่ตาย?”
เมื่อหานเซิ่นรู้ตัวว่ามีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย เขาก็หยุดใช้วิชาเทเลพอร์ตและบิ๊กเดสทรอยเยอร์ เขาหันไปมองและสังเกตเห็นว่าคนๆนั้นคือองค์หญิงไป๋เวยของเอ็กซ์ตรีมคิง
ไป๋เวยมองหานเซิ่นด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน เธอคิดว่าหานเซิ่นถูกฆ่าตายโดยไป๋อี้ เธอเคยพยายามจะช่วยเป่าเอ๋อ แต่เธอไม่ได้รู้ว่ามันไม่ใช่ไป๋อี้ที่ฆ่าหานเซิ่น แต่เป็นหานเซิ่นที่ฆ่าไป๋อี้แทน
เธอได้มารู้ความจริงทีหลังว่าหานเซิ่นยังไม่ตายและสวมรอยเป็นองค์ชายไป๋อี้ เมื่อเธอคิดเกี่ยวกับสิ่งที่หานเซิ่นทำไป เธอก็ไม่สามารถเชื่อได้ว่าองค์ชายตัวปลอมจะได้รับการยอมรับจากรูปปั้นอัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิง
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือความจริงที่เขาหนีจากความพิโรธของเอ็กซ์ตรีมคิงไปได้ เขาเดินทางผ่านระบบเทียนเซีย และในขณะที่ถูกไล่ตามโดยเอ็กซ์ตรีมคิง เขาก็ได้ทำสิ่งที่น่าตกใจมากมาย แถมเขายังจับตัวไป๋อู๋ฉางไปเป็นตัวกัน ที่สุดแล้วทางเอ็กซ์ตรีมคิงก็ไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้
เมื่อคิดเกี่ยวกับสิ่งที่หานเซิ่นทำไปทั้งหมดแล้ว ไป๋เวยก็รู้สึกราวกับว่าเธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อน
ไม่ว่าสถานการ์ของเธอจะเลวร้ายแค่ไหน อย่างน้อยเธอก็ยังเป็นราชวงศ์คนหนึ่งของเอ็กซ์ตรีมคิง ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าจะเอาชีวิตเธอ
ส่วนหานเซิ่นเป็นเพียงแค่คนนอกคนหนึ่ง แต่เขากลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเอ็กซ์ตรีมคิง เมื่อเทียบกันแล้วเธอที่เป็นราชวงศ์จริงๆนั้นเทียบกับเขาไม่ได้เลย มันเหมือนกับว่าหานเซิ่นอยู่บนท้องฟ้า ส่วนเธอติดอยู่บนพื้นดิน เธอเชื่อว่าไม่มีทางที่เธอจะทำในสิ่งที่เขาทำได้
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เขาได้พบกัน ไป๋เวยก็เปลี่ยนไปมาก ความเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นเพราะเธอครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามเหล่านี้อย่างถี่ถ้วน ทั้งหมดเป็นเพราะหานเซิ่น ด้วยเหตุนั้นไป๋เวยจึงมีอารมณ์ที่ซับซ้อน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหานเซิ่นอีกครั้ง
ตอนนี้เมื่อได้เห็นหานเซิ่นในที่แห่งนี้ ไป๋เวยก็ไม่คิดจะโจมตีเขา
“ขอแสดงความยินดีด้วยที่ตอนนี้องค์หญิงเลื่อนเป็นระดับราชันสำเร็จแล้ว” หานเซิ่นโค้งคำนับให้กับไป๋เวย
ไป๋เวยมองหานเซิ่น หลังจากผ่านไปสักครู่เธอก็พูดขึ้นมา “เจ้าไปซะ และอย่าให้ข้าได้เห็นเจ้าอีก”
แต่หานเซิ่นยังคงพูดต่อ “ข้าไม่เคยลืมเรื่องที่เจ้าเป็นห่วงข้าและลูกสาว ถ้าเจ้ามีความจำเป็นอะไรในอนาคต ให้คนไปส่งข่าวบอกข้าได้ ข้าจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้”
หานเซิ่นยังคงชอบไป๋เวย เพราะยังไงซะเธอก็พยายามจะช่วยเป่าเอ๋อ เขารู้สึกอยู่เสมอว่าควรจะชดใช้ให้กับเธอ
“เมื่อพวกเราพบกันอีกครั้ง พวกเราจะเป็นศัตรูไม่ใช่มิตร”
ไป๋เวยพูด หลังจากนั้นเธอก็หันหลังและบินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับหานเซิ่น
“ถ้าอย่างนั้นหวังว่าพวกเราจะไม่ได้พบกันอีก” หลังจากนั้นหานเซิ่น กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ก็ออกเดินทางกันต่อ
ขณะที่พวกเขาทั้ง 3 คนเดินทางผ่านอวกาศ จู่ๆจันทราสวรรค์ก็หยุดไป เธอลอยตัวและชี้ไปที่ดวงดาวข้างหน้า
“ข้างหน้านี่มีบางสิ่งผิดปกติ”
“มันมีอะไรผิดปกติอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นไม่สัมผัสถึงอะไรที่ผิดปกติจากดวงดาวข้างหน้า อาณาเขตตงเสวียนของเขาไม่ได้ไกลถึงขนาดนั้น
จันทราสวรรค์ขมวดคิ้วและพูด “ข้าไม่รู้ แต่ข้าสัมผัสได้ถึงตัวตนที่อันตรายมากๆอยู่บนดาวดวงนั้น”
“มันคือซีโน่เจเนอิคอย่างงั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“มันควรจะเป็นซีโน่เจเนอิค” จันทราสวรรค์พูดเบาๆ
ดวงตาของหานเซิ่นเป็นประกาย “ถ้าเป็นซีโน่เจเนอิคก็เยี่ยมไปเลย พวกเธอรออยู่ที่นี่ ฉันจะลองไปดูมัน”
หานเซิ่นเตรียมตัวจะไป แต่ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนบินมาทางพวกเขา เห็นได้ว่าพวกเขากำลังเข้ามาทางพวกหานเซิ่น
“เดม่อน?” หานเซิ่นขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ากลุ่มคนที่มีเขาสีม่วงมุ่งหน้าเข้ามาหา
“ข้าคือจี๋หยางเซิง ข้านับถือเจ้ามาเป็นเวลานาน และในที่สุดข้าก็มีโอกาสได้พบกันเจ้าตัวเป็นๆ นี่ถือเป็นเกียรติยิ่งนัก” เดม่อนระดับครึ่งเทพโค้งคำนับหานเซิ่น
เดม่อนชายคนนั้นดูซีดเซียวและหล่อเหลา เขามีดูมารยาทมากและมันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเกลียดเขา
“ขอบคุณ” หานเซิ่นหันไปหาจี๋หยางเซิง เขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงในเผ่าเดม่อน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่เป็นผู้นำของเดม่อนระดับราชันและครึ่งเทพคนอื่นๆ
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘เดม่อนที่ชื่อโมโดโรคนนั้นต้องการให้เราไปที่เผ่าเดม่อนและมอบพรให้กับองค์ชายของพวกเขา มันคงจะไม่ใช่หมอนี่หรอกใช่ไหม?’
หลังจากที่จี๋หยางเซิงโค้งคำนับให้กับหานเซิ่น เขาก็เหลือบไปมองกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ บางสิ่งที่แปลกประหลาดลอดผ่านดวงตาของเขา แต่มันเป็นเพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้น คนอื่นๆจึงไม่สังเกตเห็นมัน
ตอนที่ 2547
จันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงขมวดคิ้ว พวกเธอสัมผัสไวพอที่จะสังเกตได้ถึงการชำเลืองมองของชายคนนั้น
หานเซิ่นเองก็เห็นมันเช่นกัน แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เมื่อคำนึงถึงความงดงามของพวกเธอแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าชายคนหนึ่งจะมีปฏิกิริยาแบบนั้น
เดม่อนและมนุษย์นั้นคล้ายคลึงกัน นิยามความงามของพวกเขาจึงไม่ได้ต่างไปจากของมนุษย์มากนัก ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เดม่อนชายคนนั้นจะถูกดึงดูดโดยผู้หญิงเผ่ามนุษย์
การถูกดึงดูดเป็นเรื่องหนึ่ง แต่มันจะเป็นอีกเรื่อง ถ้าเขาพยายามจะเข้าไปยุ่งกับพวกเธอ ถ้าจี๋หยางเซิงไม่ทำอะไรโง่ๆ หานเซิ่นก็จะไม่ทำอะไรเขา
จี๋หยางเซิงหันไปจากกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ หลังจากนั้นเขาก็พูดกับหานเซิ่นต่อ
“อาจารย์หาน โมโดโรอาจเคยพูดกับอาจารย์เกี่ยวกับการที่เขาหวังที่จะให้อาจารย์ช่วยมอบพรให้กับข้า ตอนนี้อาจารย์หานพอมีเวลาไหม?”
“อ้าใช่ โมโดโรเคยพูดถึงเรื่องนั้น” หานเซิ่นเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็พูดกับจี๋หยางเซิง
“ข้าเคยบอกโมโดโรไปก่อนหน้านี้ว่าการอวยพรของข้าส่งผลต่อผู้อื่นก็จริง แต่ข้าทำให้คนๆนั้นกลายเป็นระดับเทพเจ้าไม่ได้ การกลายเป็นระดับเทพเจ้านั้นขึ้นอยู่กับศักยภาพของยีนตัวเอง”
“ข้าเข้าใจ แต่ข้าจะซาบซึ้งอย่างมาก ถ้าอาจารย์หานยินดีที่จะช่วยข้า ไม่ว่าพวกเราจะสำเร็จหรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ” จี๋หยางเซิงยังคงพูดอย่างมีมารยาท
หานเซิ่นหัวเราะ “ไม่มีความจำเป็นที่เจ้าต้องพูดแบบนั้น พวกเราเพียงแค่ทำการแลกเปลี่ยนกัน”
“นั่นไม่เป็นอะไร บอกข้ามาได้เลยว่าอาจารย์หานต้องการอะไร ถ้าข้าหามันมาให้ได้ ข้าก็จะไม่ทำให้อาจารย์หานต้องผิดหวัง” จี๋หยางเซิงรีบตอบอย่างรวดเร็ว
หานเซิ่นส่ายหัว “พวกเราจะตกลงราคากันทีหลัง ตอนนี้ข้ายังไม่พื้นตัวเต็มที่จากการมอบพรให้กับเลอตู้ มันต้องใช้เวลาอีก 4 เดือนกว่าที่ข้าจะมอบพรให้กับใครอีกคนได้ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราค่อยพูดคุยกันอีกที”
ความจริงแล้วหานเซิ่นสามารถใช้พลังอาณาเขตของวิชาโลหิตชีพจรเมื่อไหร่ก็ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการใช้มันอย่างสุรุ่ยสุร่าย ถ้าเขาทำแบบนั้นคุณค่าของมันก็จะลดลงไปอย่างมาก
จนถึงตอนนี้หานเซิ่นใช้มันกับเลอตู้ กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์เท่านั้น เขาอยากจะใช้มันกับจิ้งจอกสีเงินด้วยเช่นกัน แต่หานเซิ่นไม่มีความคิดที่จะใช้มันกับเป่าเอ๋อหรือหลิงเอ๋อ เพราะพวกเธอมีพรสวรรค์สูงอยู่แล้ว พวกเธอมีความเป็นไปได้มากมาย และการใช้พลังอาณาเขตของวิชาโลหิตชีพจรอาจจะไปจำกัดพัฒนาการของพวกเธอได้
ส่วนพรสวรรค์ของจิ้งจอกสีเงินนั้นไม่ได้สูงเหมือนอย่างพวกเธอ ดังนั้นพลังอาณาเขตของวิชาโลหิตชีพจรจะช่วยมันได้มาก
“ข้าเข้าใจ แต่ถ้าอาจารย์หานไม่รังเกียจล่ะก็ ข้าจะคอยอารักขาอาจารย์หาน ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครมารบกวนอาจารย์หาน” จี๋หยางเซิงพูดอย่างดูจริงใจ
“ขอบคุณ แต่ไม่ละ พวกเรามาที่นี่เพื่อล่าซีโน่เจเนอิคเท่านั้น มันจะเป็นอะไรที่ไม่เหมาะสม ถ้าพวกเราไปด้วยกัน” หานเซิ่นไม่ต้องการให้คนมากมายติดตามพวกเขา
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะติดต่ออาจารย์หานไปในภายหลัง นี่คือข้อมูลการติดต่อของข้า ถ้าอาจารย์หานต้องการอะไร ทั้งหมดที่อาจารย์ต้องทำก็คือติดต่อมา” จี๋หยางเซิงพูดก่อนที่จะพาคนของเขาจากไป
หลังจากที่จี๋หยางเซิงจากไปแล้ว จันทราสวรรค์ก็พูดขึ้นมา “เขาดูไม่ใช่คนที่น่าคบหาเลย”
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็คงจะต้องพบคนอีกมากมายที่เธอเกลียด”
หานเซิ่นพูดและยักไหล่ ความงามของพวกเธออาจจะเป็นอุปสรรคที่ใหญ่หลวงที่สุด
ในจักรวาลแห่งนี้มีเผ่าพันธุ์มากมายที่ดูเหมือนกับมนุษย์ นั่นรวมถึงเผ่ารีเบท เผ่าเดม่อน เผ่านภาและเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง นิยามความงามของพวกเขานั้นคล้ายคลึงกันมากๆ ดังนั้นความงดงามของพวกเธอทั้ง 2 ก็จะสะดุดสายตาของเผ่าพันธุ์เหล่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“จากที่พวกเราเพิ่งจะได้เห็น พวกเราควรจะเรียนรู้จากดอลลาร์และสวมใส่ชุดเกราะ” กู่ชิงเฉิงพูดกับหานเซิ่น
“ฉันกลัวว่าการสวมชุดเกราะจะไม่ช่วยอะไร รูปร่างของพวกเธอค่อนข้างโดดเด่น และถึงแม้คนอื่นจะไม่เห็นใบหน้าของพวกเธอ ส่วนโค้งของร่างกายของพวกเธอก็จะดึงดูดสายตาของผู้ชายคนอื่นอยู่ดี” หานเซิ่นหัวเราะ
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมเจ้าถึงไม่รู้สึกอะไร?” จันทราสวรรค์ถามพร้อมกับยิ้มออกมา
“ฉันนั้นแตกต่าง ผู้คนอย่างฉันซื่อสัตย์และรักจริง ฉันเป็นผู้ชายที่ดี ดังนั้นเพียงแค่มองนิดมองหน่อยก็ทำให้ฉันพอใจแล้ว ฉันกลัวว่าเธอจะไม่พบชายคนไหนอีกที่เหมือนกับฉันในจักรวาลนี้” หานเซิ่นพูดขำๆ
กู่ชิงเฉิงยิ้มแต่ไม่พูดอะไร จันทราสวรรค์มองเขาด้วยความดูถูกและพูด
“เจ้าก็แค่พวกถ้ำมองที่ไม่มีความกล้า แบบนั้นเจ้ายังเรียกตัวว่าเป็นผู้ชายที่ดีอีกอย่างนั้นหรอ?” หลังจากพูดแบบนั้น เธอก็เมินเฉยต่อหานเซิ่นและเริ่มบินออกไป
“เธอเป็นอะไรของเธอ? ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ฉันกลายเป็นพวกถ้ำมอง?” หานเซิ่นหันไปมองกู่ชิงเฉิง
กู่ชิงเฉิงหัวเราะออกมา และเธอก็บินตามหลังของจันทราสวรรค์ไป
“เฮ้ นี่พวกเธอทั้งคู่เป็นอะไร?” หานเซิ่นหดหู่ ถึงแม้กู่ชิงเฉิงจะไม่พูดอะไร แต่เขาก็รู้สึกราวกับว่าถูกรังแก
จี๋หยางเซิงและคนของเขาไม่ได้ออกไปไกลนัก เมื่อหานเซิ่นและคนอื่นเริ่มเดินทางกันต่อ จี๋หยางเซิงก็พูดกับเดม่อนระดับราชันใต้บังคับบัญชา
“เจ้ากลับไปที่เผ่าและนำเดม่อนดอลล์มาให้กับข้า ถ้าท่านพ่อถาม บอกท่านพ่อว่าข้าจำเป็นต้องใช้มัน”
เดม่อนระดับราชันคนนั้นตกใจ “นี่องค์ชายคิดจะโจมตีหานเซิ่นอย่างนั้นหรอ?”
“ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้มาพบกับเขาที่นี่ นี่ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยาก พวกเราอาจจะหาตัวเขาในระบบจักรวาลเคออสไม่ได้ แต่ตอนนี้พวกเรามีโอกาสครั้งที่ 2 ที่จะจับตัวเขา” จี๋หยางเซิงพูดเสียงแข็ง
“องค์ชายได้โปรดทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง! ทางเอ็กซ์ตรีมคิงส่งยอดฝีมือระดับเทพเจ้ามาไล่ล่าหานเซิ่น แต่พวกเขาก็ยังจับตัวหานเซิ่นไม่ได้ ซึ่งในคอร์แอเรียนั้นมีเพียงแค่ครึ่งเทพเท่านั้นที่เข้ามาได้ ข้าจึงไม่คิดว่าองค์ชายจะจับตัวหานเซิ่นได้ ถ้าเขารู้ว่าพวกเราพยายามจะจับตัวเขา ข้าไม่คิดว่าเขาจะสละเวลามามอบพรให้กับองค์ชาย” เดม่อนระดับราชันคนนั้นพูด
“เพราะแบบนั้นข้าถึงต้องการจะใช้เดม่อนดอลล์ มันเป็นระดับเทพเจ้า ด้วยการใช้มันความสำเร็จของพวกเราก็จะถูกรับประกัน และถึงแม้มันจะล้มเหลวขึ้นมา หานเซิ่นก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันเป็นพวกเราที่ใช้” จี๋หยางเซิงพูด
“แต่เดม่อนดอลล์เป็น…” เดม่อนระดับราชันอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จี๋หยางเซิงพูดตัดเขา
“เลิกพูดจาไร้สาระ รีบไปนำเดม่อนดอลล์มาให้กับข้า”
“ทราบแล้ว” เดม่อนระดับราชันไม่กล้าจะขัดคำสั่ง เขาออกไปจากคอร์แอเรียและกลับไปที่ดินแดนของเผ่าเดม่อน
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นเดม่อนคนนั้นก็กลับเข้ามา แต่มันมีคนอีกคนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย
ถ้าคนอื่นมาเห็นเรื่องนี้ พวกเขาก็จะต้องประหลาดใจมากๆ ยอดฝีมือระดับราชันหรือครึ่งเทพคนหนึ่งจะสามารถใช้พลังของพวกเขาเพื่อเปิดประตูส่วนตัวสู่คอร์แอเรีย สิ่งมีชีวิตอื่นๆไม่ควรจะผ่านประตูเดียวกันเข้ามาด้วยได้ แต่เดม่อนระดับราชันคนนั้นนำสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งผ่านประตูมาพร้อมกับเขา แม้แต่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงก็ไม่สามารถเชื่อสายตาของพวกเขาถ้าพวกเขามาเห็นเรื่องนี้
ตอนที่ 2548
สิ่งมีชีวิตนั้นดูเหมือนกับมนุษย์ แต่เนื่องจากมันถูกห่อหุ้มในชุดเกราะสีดำ มันจึงบอกไม่ได้ว่ารูปลักษณ์ของมันเป็นยังไงกันแน่ มันแค่ยืนอยู่เฉยๆด้านหลังเดม่อนระดับราชัน
“องค์ชาย ข้าพาเดม่อนดอลล์มาแล้ว” เดม่อนระดับราชันคนนั้นพาเดม่อนดอลล์มาอยู่ต่อหน้าจี๋หยางเซิง หลังจากนั้นเขาก็ยกเขาสีม่วงขึ้นต่อหน้าจี๋หยางเซิงด้วย 2 มือ
เขาสีม่วงนั้นมีความยาวราวๆหนึ่งฟุต และผิวของมันก็เป็นเกลียวเหมือนกับตะปู รูปร่างของมันเป็นเสี้ยวพระจันทร์ และมันมีสัญลักษณ์ประหลาดมากมายสลักอยู่ที่ปลายของมัน มันทั้งดูงดงามและลึกลับ
เขาสีม่วงนั้นดูเหมือนกับเขาบนหัวของเผ่าเดม่อนอย่างจี๋หยางเซิง จี๋หยางเซิงรับเขาสีม่วงนั้นมา หลังจากนั้นเขาก็หันไปพูดกับเดม่อนดอลล์
“จงฟังคำสั่งของข้า”
ดวงตาของจี๋หยางเซิงแว็บด้วยแสงสีม่วง ออร่าสีม่วงลอยออกมาจากมือของเขาและแทรกซึมเข้าไปในเขาสีม่วง หลังจากนั้นเขาสีม่วงก็เรืองแสงขึ้นมา และสัญลักษณ์ประหลาดก็เริ่มปลดปล่อยควันปีศาจออกมา
เดม่อนดอลล์แว็บด้วยแสงสีม่วงและเริ่มขยับเขยื้อน มันเคลื่อนที่ไปในทิศทางของหานเซิ่นด้วยความเร็วสูง
“องค์ชายต้องระมัดระวัง พวกเราจะปล่อยให้เผ่าพันธุ์อื่นจับตัวเดม่อนดอลล์ไปไม่ได้” เดม่อนระดับราชันคนนั้นอย่างเป็นกังวล
“ไม่จำเป็นต้องกังวล ด้วยพลังของเดม่อนดอลล์ ถึงแม้ข้าจะจับตัวหานเซิ่นไม่ได้ มันจะมีอะไรอย่างอื่นในคอร์แอเรียอีกที่จะเป็นภัยต่อเดม่อนดอลล์?” จี๋หยางเซิงดูรำคาญ
เดม่อนระดับราชันคนนั้นพยักหน้าและถอยออกไป หลังจากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก
…
ฝูงปลาปีศาจเครื่องจักรกำลังบินผ่านอวกาศ ขณะที่พวกมันตรงมาทางหานเซิ่น พวกมันก็พ่นสายฟ้าที่น่ากลัวออกมาและเปลี่ยนอวกาศบริเวณรอบๆเป็นมหาสมุทรสายฟ้า
เมื่อเห็นมหาสมุทรสายฟ้ากำลังเข้ามาหาพวกเขา จันทราสวรรค์ก็เรียกร่มกระดาษออกมา หลังจากที่ร่มนั้นกางออก ดาบแสงก็ถูกปลดปล่อยออกมาเพื่อป้องกันสายฟ้าทั้งหมด พวกเขาทั้งสามถูกป้องกันโดยมันเช่นเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าสายฟ้าเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้
กู่ชิงเฉิงยกมือขึ้นและปลดปล่อยดาบแสงนับไม่ถ้วนออกมา ดาบนาๆชนิดบินวนรอบร่างกายของเธอ หลังจากนั้นดาบแสงทั้งหมดก็ถูกยิงออกไปใส่ฝูงปลา
ในวินาทีเดียวปลาปีศาจกว่าร้อยตัวก็ถูกตัดเป็นชิ้นๆ
“อาณาเขตหนึ่งพันดาบของเธอทรงพลังจริงๆ!” หานเซิ่นเอ่ยชมเธอ ฝูงปลาปีศาจเครื่องจักรนั้นมีระดับราชันอยู่ 3 ตัว แต่พวกมันไม่สามารถป้องกันการโจมตีของกู่ชิงเฉิงได้
“นี่อาณาเขตของข้าอ่อนแอหรือยังไง? นั่นคือสิ่งที่เจ้าพยายามจะบอกอย่างนั้นใช่ไหม?” จันทราสวรรค์ถามด้วยความรำคาญ
หานเซิ่นกำลังจะตอบ แต่จู่ๆจันทราสวรรค์ก็จ้องมองออกไปยังอวกาศที่ว่างเปล่า หานเซิ่นและกู่ชิงเฉิงหันไปมองเพื่อจะดูว่าอะไรกันที่ดึงดูดความสนใจของเธอ ที่นั่นพวกเขาเห็นเงาสีดำกำลังตรงเข้ามาหาพวกเขา มันไม่ได้เคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว มันแค่ลอยผ่านอวกาศมาอย่างช้าๆ
หลังจากที่เงานั้นเข้ามาใกล้มากพอ พวกเขาก็มองเห็นมันอย่างชัดเจน
บุคคลในชุดเกราะไม่มีเจตนาจะหยุด เขายังคงเข้ามาใกล้หานเซิ่นขึ้นเรื่อยๆ
“ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?” หานเซิ่นถามขณะที่มองบุคคลในชุดเกราะสีดำ
แต่บุคคลในชุดเกราะสีดำไม่ตอบสนอง มันเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินหานเซิ่นและยังคงลอยเข้ามาใกล้
หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าสิ่งมีชีวิตนั้นมองมาที่เขาเพียงคนเดียว นั่นหมายความว่าหานเซิ่นก็คือเป้าหมายของมัน
เมื่อบุคคลในชุดเกราะสีดำเข้ามาในรัศมีของพวกเขา หานเซิ่นก็พูดอีกครั้ง “เจ้าควรจะหยุดอยู่ตรงนั้น”
บุคคลในชุดเกราะทำเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไร เขาไม่หยุดและยกหมัดขึ้นเพื่อจะชกหานเซิ่น เมื่อหมัดนั้นถูกชกออกมา ร่างกายทั้งร่างของเขาก็หายไปจากสายตาของทุกคนที่กำลังมองอยู่
เมื่อเขาปรากฏอีกครั้ง เขาก็อยู่ตรงหน้าหานเซิ่น หมัดที่รุนแรงของมันกำลังจะชกใส่หัวของหานเซิ่นและบดขยี้กะโหลกของเขา
“วิชาการเทเลพอร์ตที่ทรงพลัง” ดวงตาของกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์เบิกกว้าง พวกเธอไม่แน่ใจว่าบุคคลในชุดเกราะนั้นมาอยู่ตรงหน้าหานเซิ่นได้ยังไง มันเป็นอะไรที่น่าตกตะลึง
ตามทฤษฎีแล้วมันมีการเทเลพอร์ตอยู่ 2 แบบด้วยกัน หนึ่งคือการเทเลพอร์ตประเภทความเร็ว และอีกอย่างคือการเทเลพอร์ตประเภทอวกาศ เมื่อวิชาเทเลพอร์ตถูกใช้งาน มันจะมีลักษณะเฉพาะที่แยกวิชาเทเลพอร์ตทั้ง 2 ชนิดออกจากกัน
การเทเลพอร์ตประเภทความเร็วนั้นแค่จำเป็นต้องใช้สายตาที่ยอดเยี่ยมเพื่อตามการเคลื่อนไหวของมัน คนที่มีสายตาเฉียบคมจะยังคงมองเห็นมันได้
ส่วนการเทเลพอร์ตประเภทอวกาศนั้นต่างออกไป เมื่ออวกาศและมิติถูกทำลาย คลื่นกระแทกก็จะถูกปลดปล่อยออกมา แม้แต่วิชาอย่างก็อตส์วอนเดอร์ก็มีข้อบกพร่องนี้ แต่คลื่นกระแทกของก็อตส์วอนเดอร์นั้นเบามากๆ และเวลาการทำงานของมันก็สั้น มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะสัมผัสถึงพลังของมัน
แต่บุคคนในชุดเกราะคนนี้ จากเวลาที่เขายกหมัดขึ้นถึงเวลาที่เขาปรากฏตัวต่อหน้าหานเซิ่น มันไม่มีร่องรอยของการเทเลพอร์ตเลย มันไม่มีคลื่นกระแทกหรืออะไรทำนองนั้น มันเหมือนกับว่าจู่ๆเขาก็โผล่ออกมาโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้ใครคนไหนตอบสนอง
เคร๊ง!
หานเซิ่นยกหมัดขึ้นเพื่อป้องกันคนในชุดเกราะ แต่ร่างกายทั้งร่างของเขารู้สึกราวกับว่าถูกไฟฟ้าช็อต หมัดนั้นทรงพลังมากๆและมันก็ส่งเขาบินออกไปราวกับดาวตก
กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ตกตะลึง พวกเธอรู้ว่าหานเซิ่นแข็งแกร่งขนาดไหน ถึงแม้เขาจะเป็นแค่ระดับราชันขั้นที่ 4 แต่เขาก็แข็งแกร่งทัดเทียมกับครึ่งเทพ มันไม่ควรจะมีใครที่สามารถเอาชนะหานเซิ่นได้ นอกซะจากว่ามันจะเป็นครึ่งเทพที่เน้นไปที่พลังทางกายภาพล้วนๆ
โดยไม่ลังเล กู่ชิงเฉิงชักดาบของเธอออกมา เมื่อเธอใช้ดาบทองแดง เงาดาบนับไม่ถ้วนก็ถูกปลดปล่อยจากแปดทิศทาง มันเหมือนกับกาแล็กซี่ของดาบพุ่งเข้าไปใส่คนในชุดเกราะคนนั้น
ในขณะเดียวกันจันทราสวรรค์ก็โจมตีจากอีกด้านหนึ่ง เธอหุบร่มกระดาษและใช้มันเป็นเหมือนกับดาบเพื่อแทงใส่หัวใจของคนในชุดเกราะ
ทั้ง 2 คนปิดทางออกของคนในชุดเกราะเอาไว้ แต่คนในชุดเกราะเมินเฉยต่อการโจมตีของพวกเธอ เขาบินตามหานเซิ่นเพื่อจะชกใส่เขาอีกครั้ง
กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์โกรธเมื่อเห็นแบบนั้น คนในชุดเกราะนั้นอวดดีที่เมินเฉยต่อการโจมตีของพวกเธอ มันเหมือนกับว่าพวกเธอกำลังถือของเล่นอยู่ และมันไม่มีความจำเป็นที่ต้องให้ความสนใจพวกเธอ
พวกเธอส่งพลังเข้าไปอาวุธของพวกเธอมากขึ้นอีก จันทราสวรรค์พูด
“คำแนะนำสำหรับอนาคต ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร อย่าได้ประมาทผู้หญิง มันเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรง”
แต่ก่อนที่จันทราสวรรค์จะพูดจบ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง
เมื่อคนในชุดเกราะชกหมัดออกไป เขาก็หายตัวไปจากสายตาของพวกเธอ การโจมตีของพวกเธอไม่สามารถหยุดเขาเอาไว้ได้
“นั่นไม่ใช่การเทเลพอร์ตประเภทอวกาศ” ใบหน้าของกู่ชิงเฉิงซีดไปเล็กน้อย เธอไม่สังเกตเห็นถึงความบิดเบือนของอวกาศรอบๆตัว เธอไม่รู้เลยว่าคนในชุดเกราะหนีไปจากสายตาของพวกเธอได้ยังไงกัน
ตอนที่ 2549
คนในชุดเกราะหายไปจากสายตาของกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ หลังจากนั้นเขาก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าหานเซิ่น หมัดของเขาชกไปที่ท้องของหานเซิ่น แต่ในจังหวะที่หมัดของคนในชุดเกราะกำลังจะไปถึงตัวหานเซิ่น จู่ๆร่างกายของหานเซิ่นก็หายไป เขาไปปรากฏตัวที่อื่น การหนีไปอย่างรวดเร็วของเขาเป็นผลจากวิชาเทเลพอร์ตที่เขาฝึกฝน
โดยที่ไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว คนในชุดเกราะชกอีกหมัดและร่างกายของเขาก็หายไปเหมือนกับครั้งก่อน เขาไปปรากฏตัวตรงหน้าหานเซิ่น
หานเซิ่นเทเลพอร์ตเพื่อหลบหมัดของคนในชุดเกราะอีกครั้งหนึ่ง
พวกเขาทั้งคู่แว็บไปแว็บมาอย่างรวดเร็ว มันเหมือนกับว่าพวกเขาสามารถอยู่บนท้องฟ้าจังหวะหนึ่งและอยู่บนพื้นในจังหวะต่อมา
กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์เคลื่อนที่เข้าไปเพื่อจะช่วยหานเซิ่น แต่หานเซิ่นบอกพวกเธอว่า
“ไม่ต้องเข้ามา… พวกเธอหลบการโจมตีของเขาไม่ได้ ใช้พลังของพวกเธอปกป้องตัวเองเอาไว้ และอย่าได้เปิดช่องโหว่ให้กับเขา”
เมื่อได้ยินแบบนั้น กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ก็หยุดอยู่กับที่ พวกเธอมองดูหานเซิ่นและคนในชุดเกราะสีดำทำการต่อสู้กัน จันทราสวรรค์กางร่มกระดาษในมือ ดาบแสงแว็บขึ้นมาจากผิวของร่ม หลังจากนั้นมันก็ขยายตัวออกเพื่อห่อหุ้มพวกเธอทั้ง 2 เอาไว้
“คนในชุดเกราะนั้นไม่ได้ใช้ความสามารถในการเทเลพอร์ต” กู่ชิงเฉิงพูดอย่างมั่นใจขณะที่เธอมองการต่อสู้ตรงหน้า
จันทราสวรรค์พยักหน้า “มันไม่ใช่การเทเลพอร์ต มันเหมือนกับ… มันเหมือนกับ…”
“เทพสังหารหลัว” กู่ชิงเฉิงพูดในสิ่งที่จันทราสวรรค์ลังเลที่จะพูดออกมา
ชายแก่คนนั้นเป็นคนที่เคยสร้างหลักปักฐานในก็อตแซงชัวรี่ให้กับมนุษยชาติ
ในตอนที่พลังของเทพสังหารหลัวถึงจุดสูงสุด ออร่าที่ออกมาจากตัวเขานั้นเหมือนกับบุคคลในชุดเกราะ เขาเมินเฉยต่อกฎของอวกาศเพื่อจะฆ่าศัตรูของเขา
“ทำไมคนในชุดเกราะคนนี้ถึงได้มีพลังวิชาจำลองนภา? ไม่สิ… นี่มันพลังของศาสตร์มารนภา คนในชุดเกราะนี้เป็นเผ่าเดม่อนอย่างนั้นหรอ?” กู่ชิงเฉิงพึมพำออกมา
หานเซิ่นรู้ว่าคนในชุดเกราะไม่ได้ใช้วิชาเทเลพอร์ตประเภทอวกาศ แต่กำลังใช้พลังมารนภา มีพลังไม่มากนักที่จะต่อต้านพลังมารนภาได้ แต่ต้องขอบคุณที่ศาสตร์ตงเสวียนของหานเซิ่นเป็นหนึ่งในวิชาที่ทำได้
หานเซิ่นสามารถปัดป้องการโจมตีของคนในชุดเกราะได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร แต่พลังของเขาเหนือกว่าหานเซิ่นอย่างปฏิเสธไม่ได้ และนั่นหมายความว่าหานเซิ่นไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายแบบตรงๆได้
หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆเมื่อมองไปที่คนในชุดเกราะ เขารู้ว่าคนที่มาโจมตีเขาคนนี้นั้นแตกต่างไปจากเหล่าเดม่อนที่เขาเคยพบมาก่อนหน้านี้ แต่เขายังไม่แน่ใจว่ามันแตกต่างยังไง
จี๋หยางเซิงและเดม่อนคนอื่นมองดูการต่อสู้ผ่านกระจกบานหนึ่ง พวกเขาดูจะตกใจ แม้แต่จี๋หยางเซิงก็ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น
“ไม่แปลกใจเลยที่หานเซิ่นหนีจากการถูกไล่ล่าโดยเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงได้ เขาเป็นคนที่น่ากลัวมากๆ เขากำลังใช้พลังแบบไหนกันแน่ถึงหลบหลีกการโจมตีของพลังมารนภาได้” เดม่อนคนหนึ่งพูดขึ้นมา
พวกเขารู้ว่าพลังมารนภาของเดม่อนดอลล์นั้นจะทำให้ทุกการโจมตีถูกเป้าหมาย นอกซะจากว่าศัตรูจะมีพลังเหตุและผลเหมือนกัน ถ้าศัตรูไม่มีพลังแบบนั้น แม้แต่การเทเลพอร์ตก็ไม่ช่วยให้พวกเขาหนีจากการโจมตีของเดม่อนดอลล์ได้
ศาสตร์มารนภามีพลังเหตุและผล ดังนั้นเมื่อเดม่อนดอลล์เล็งเป้าไปที่หานเซิ่น ถึงแม้หานเซิ่นจะเทเลพอร์ตหนีไป เขาก็ควรจะถูกโจมตีอยู่ดี
แต่การเทเลพอร์ตของหานเซิ่นช่วยให้เขาหลบหลีกการโจมตีของเดม่อนดอลล์ได้ มันเห็นได้ชัดเขากำลังใช้วิชาเทเลพอร์ตขั้นสูง และส่วนพลังอีกอย่างที่หานเซิ่นกำลังใช้นั้น จี๋หยางเซิงไม่สามารถคาดเดาได้ เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังได้เห็นอะไร
“ในตอนนี้เขาอาจจะหลบหลีกการโจมตีของเดม่อนดอลล์ได้ แต่ความพยายามของเขานั้นไร้ประโยชน์ เขาเชื่องช้าและอ่อนแอกว่าเดม่อนดอลล์ วันนี้พวกเราจะพาตัวเขาไปกับพวกเรา เผ่าพันธุ์ของพวกเราต้องการมากกว่าการอวยพรแค่ครั้งเดียว ผู้คนนับพันของพวกเราในอีกหลายสิบปี… ไม่สิผู้คนนับล้านของพวกเราในอีกหลายร้อยปีก็ต้องการสิ่งที่เขาจะมอบให้เช่นกัน”
จี๋หยางเซิงพูด เขาพยายามจะเร่งให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็ว เขาใส่พลังของตัวเองเข้าไปในเขาสีม่วงเพิ่มขึ้น สัญลักษณ์ลึกลับบนเขาสีม่วงเรืองแสงสีม่วงออกมา
พลังในการมอบพรที่หานเซิ่นแสดงอออกมานั้นทำให้เผ่าพันธุ์อื่นต้องการพลังนั้นของเขา
ถ้าพวกเขาสามารถจับตัวหานเซิ่นไปได้ พวกเขาจะไม่ส่งตัวหานเซิ่นไปให้กับเอ็กซ์ตรีมคิง พวกเขาจะเก็บตัวหานเซิ่นเอาไว้และบังคับให้หานเซิ่นมอบพรให้กับลูกหลานของพวกเขา
สัญลักษณ์ลึกลับบนเขาสีม่วงสว่างไสวมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากนั้นคนในชุดเกราะที่กำลังโจมตีหานเซิ่นอยู่ก็หยุดนิ่งไป ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้น
กล้ามเนื้อของบุคคลปริศนาใหญ่โตขึ้นกว่าเดิมและชุดเกราะสีดำก็เริ่มบูดบวม ออร่าสีม่วงดำที่ชั่วร้ายหนาแน่นขึ้นภายในชุดเกราะ มันทำให้บุคคลในชุดเกราะดูเหมือนกับปีศาจจากขุมนรก ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงเหมือนกับสายฟ้า
“นี่…นี่มันชูร่าเช้นจ์” หานเซิ่นมองไปที่บุคคลในชุดเกราะด้วยความตกใจ
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไมบุคคลในชุดเกราะถึงให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดม่อนคนอื่น พวกเขาดูคล้ายคลึงกัน แต่หานเซิ่นรู้สึกว่าบุคคลตรงหน้าเขานั้นเหมือนกับชูร่าในสหพันธ์มากกว่า แต่ทว่าพลังที่เขาใช้เห็นได้ชัดว่าคือพลังมารนภา นั่นทำให้เขาดูเหมือนกับเป็นหนึ่งในเผ่าเดม่อน
เมื่อบุคคลในชุดเกราะใช้ชูร่าเช้นจ์ ออร่าของชูร่าก็หนักแน่นขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ในที่สุดหานเซิ่นก็เข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้ดีกว่าเดิม
‘ทำไมถึงมีชูร่าอยู่ที่นี่? เราไม่เคยพาชูร่ามาที่จักรวาลจีโน นอกซะจากเขาจะเป็นหนึ่งในชูร่าที่ออกมาโดยใช้โลงศพในสุสานของชูร่า… เขาคือหนึ่งในราชาของชูร่าอย่างนั้นใช่ไหม?’ หานเซิ่นมองคนในชุดเกราะที่ดูเหมือนกับเผ่าเดม่อนด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
คนในชุดเกราะนั้นไม่ได้หยุดคิดเหมือนอย่างที่หานเซิ่นทำ หลังจากที่เขาเปลี่ยนแปลงเสร็จแล้ว ดวงตาที่เหมือนกับสายฟ้าสีม่วงของเขาก็จ้องมาที่หานเซิ่น หลังจากนั้นเขาก็ชกหมัดออกไป
หานเซิ่นหลบหมัดของคนในชุดเกราะ แต่ในตอนที่เขาเทเลพอร์ตหนีไป คนในชุดเกราะก็มาปรากฏตัวตรงหน้าเขา เพลิงสีม่วงลุกโชติช่วงรอบหมัดของคนในชุดเกราะขณะที่ชกใส่ท้องของหานเซิ่น
ปัง!
ร่างกายของหานเซิ่นถูกส่งกระเด็นออกไปราวกับลูกอุกกาบาต เขากระเด็นไปชนดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ใกล้เคียงและทะลุผ่านมันกับดาวเคราะห์น้อยอีกหลายดวง ก่อนที่หานเซิ่นจะทรงตัวได้ คนในชุดเกราะก็ปรากฏตัวตรงหน้าและชกหมัดใส่เขาอีกครั้ง เขาถูกส่งกระเด็นออกไปอีกหนหนึ่ง
หานเซิ่นกระอักเลือดออกมาขณะที่ถูกชกกระเด็นออกไป เขาไม่สามารถแม้แต่จะเทเลพอร์ตหนี
ตอนที่ 2550
ขณะที่หานเซิ่นยังคงกระเด็นออกไป คนในชุดเกราะก็เข้ามารัดรอบหัวของเขาเอาไว้แน่น ลมปราณสีม่วงลอยออกมาจากมือของเขาและรัดตัวของหานเซิ่นไม่ให้เคลื่อนไหวได้อีก
เมื่อจันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงเห็นคนในชุดเกราะจับตัวหานเซิ่นเอาไว้ กู่ชิงเฉิงก็ยกมือขึ้นและดาบเก่านับพันก็ปรากฏรอบๆตัวเธอ พวกมันพุ่งออกไปเพื่อจู่โจมคนในชุดเกราะ
ดาบแสงตกลงมาราวกับสายฝน แม้แต่ดาวดวงหนึ่งก็จะเต็มไปด้วยรูพรุนหลังจากรับพายุดาบเหล่านั้น
แต่คนในชุดเกราะสามารถจับตัวหานเซิ่นเอาไว้ในมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างชกผ่านสายธารดาบที่เข้ามา หมัดนั้นพุ่งมาจนถึงตัวกู่ชิงเฉิง แต่มันถูกหยุดเอาไว้โดยดาบแสงที่ก่อตัวขึ้นมาจากร่มของจันทราสวรรค์
ปัง!
หมัดนั้นทำลายดาบแสงที่ร่มของเธอสร้างขึ้นมา หลังจากนั้นคนในชุดเกราะก็รวบรวมพลังในหมัดอีกคครั้งเพื่อเตรียมจะโจมตีใส่กู่ชิงเฉิงอีกหนหนึ่ง
“หยุดเดี๋ยวนี้! เจ้ากล้าดียังไงเสียมารยาทกับพวกนางทั้ง 2 ถอยออกมาเดี๋ยวนี้!”
จี๋หยางเซิงตะโกน เขาขี่หมาป่าปีศาจเข้ามาถึงทันเวลา เมื่อได้ยินคำพูดของจี๋หยางเซิง คนในชุดเกราะก็ลดหมัดลงและถอยออกไป
“ขออภัยด้วยที่ข้ามาช้า และทำให้พวกเจ้าทั้ง 2 ต้องตกใจกลัว” จี๋หยางเซิงยิ้มให้กับกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์
“มันเป็นเจ้าเองสินะที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี่” จันทราสวรรค์พูดและจ้องมองไปที่จี๋หยางเซิงด้วยสายตาที่เย็นชา
“แน่นอนว่าไม่ ข้าแค่ทำในสิ่งที่เป็นสิทธิอย่างถูกต้องเท่านั้นเอง”
จี๋หยางเซิงหันไปมองคนในชุดเกราะที่จับตัวหานเซิ่นเอาไว้ เขายิ้มและพูด “อาจารย์หาน พวกเราพบกันอีกแล้ว ตอนนี้อาจารย์หานมีเวลาที่จะพูดคุยกับข้าแล้วใช่ไหม?”
“จี๋หยางเซิง ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะคาดเดาลักษณะนิสัยของข้าได้ถูกต้อง”
หานเซิ่นถูกจับล็อคเอาไว้แน่นโดยคนในชุดเกราะ ควันสีม่วงปกคลุมตัวของเขาทำให้เขาไม่สามารถขยับแม้แต่นิ้วมือได้ แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของเขาก็ยังคงสงบนิ่ง
“นั่นหมายความว่ายังไง?” จี๋หยางเซิงมองไปที่หานเซิ่นด้วยความสนใจ เขาดูเหมือนกับแมวที่กำลังเล่นกับหนู
“องค์ชาย เพื่อความปลอดภัยพวกเราควรจะพาหานเซิ่นกลับไปที่ฐานของพวกเรา” เดม่อนระดับราชันพูดขึ้นมา
หานเซิ่นหัวเราะและพูด “เขาพูดถูก ข้าเป็นคนอารมณ์ร้าย เจ้าควรจะรีบลงมือ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะไม่มีโอกาส”
จี๋หยางเซิงเมินเฉยต่อคำพูดของเดม่อนระดับราชันคนนั้น
“โอ้ หานเซิ่น เจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่ง ถึงจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เจ้าก็ยังคงใจเย็นอยู่ได้ แต่ตอนนี้เจ้ากำลังตกอยู่ภายใต้มารนภาล็อค ถึงจะเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ทำลายมารนภาล็อคไม่ได้”
หลังจากนั้นจี๋หยางเซิงก็ไม่สนใจหานเซิ่นอีก เขาหันความสนใจไปที่กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์
“พวกเจ้าทั้ง 2 เป็นแขกพิเศษของข้า ได้โปรดอย่าได้กังวล พวกเจ้านั้นเป็นวีไอพี เผ่าเดม่อนจะไม่มีวันนำภัยมาสู่พวกเจ้าทั้ง 2 พวกเราจะปฏิบัติกับพวกเจ้าเป็นอย่างดี”
ก่อนที่กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์จะตอบ หานเซิ่นก็หัวเราะออกมา
“ข้าก็สงสัยว่าทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้กับข้า มันเป็นเพราะเจ้าต้องการพวกนางทั้ง 2 คนหรอกหรอ? ถ้าเจ้าบอกข้าให้เร็วกว่านี้ ข้าก็จะมอบพวกนางให้กับเจ้า ทำไมถึงต้องลำบากลำบนทำเรื่องทั้งหมดนี่ด้วย?”
“หุบปาก! ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนที่ยากจะคาดเดาได้ แต่ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าจะเป็นคนหน้าไม่อายแบบนี้ เจ้าจะพูดแบบนั้นเพียงเพราะต้องการมีชีวิตรอดได้ยังไง?” จี๋หยางเซิงขึ้นเสียงใส่หานเซิ่น
หานเซิ่นถอนหายใจ “ข้าแค่จะบอกความจริงกับเจ้า พวกนางสวยมากก็จริง แต่จริงๆแล้วพวกนางเป็นสัตว์ประหลาดไม่รู้จักพอ พวกนางจะกินเนื้อหนังของเจ้าจนถึงกระดูก ข้าต้องทุกข์ทรมานอย่างมากในการติดตามพวกนาง ข้าจะยินดีอย่างมากถ้าเจ้าพาพวกนางไปจากข้า ข้ายังจะสร้างแท่นบูชาให้กับเจ้า และข้าจะสรรเสริญเจ้าทุกคืน ข้าจะปฏิบัติกับเจ้าเหมือนอย่างพระผู้ช่วย” หานเซิ่นพูด
“ฮ่า ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร เจ้าก็หนีไปจากที่นี่ไม่ได้” จี๋หยางเซิงดูเหมือนจะรู้ว่าหานเซิ่นพยายามทำอะไร มันทำให้เขาหัวเราะออกมา
หานเซิ่นส่ายหัวและถอนหายใจ “จี๋หยางเซิง เจ้าดูอวดดี แต่พวกเราตกอยู่ในสถานการณ์นี้ก็เพราะผลงานของคนอื่น ถ้าไม่ใช่เพราะคนในชุดเกราะคนนี้ เจ้าก็ไม่มีทางจะเอาชนะข้าได้ เจ้าไม่มีอะไรให้อวดดี มันควรจะเป็นเขาต่างหากที่สมควรจะโอ้อวด”
จี๋หยางเซิงยิ้มและพูด “เขาคือเดม่อนดอลล์ของข้า เขาจะเคลื่อนไหวก็ต่อเมื่อข้าสั่งการ ถ้าเจ้ายังเอาชนะเดม่อนดอลล์ของข้าไม่ได้ เจ้าก็ไม่คู่ควรจะมาต่อสู้กับข้า”
“เดม่อนดอลล์? เขาไม่ใช่คนเผ่าเดม่อนจริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นแกล้งทำเป็นประหลาดใจ
“องค์ชาย พวกเรารีบกลับไปที่ฐานกันเถอะ”
เดม่อนระดับราชันคนก่อนหน้านี้เข้ามาหยุดการสนทนาของพวกเขา เขาไม่ต้องการให้องค์ชายเผยข้อมูลเกี่ยวกับเดม่อนดอลล์ออกไป
แต่จี๋หยางเซิงไม่ได้โง่ เขารู้ว่าหานเซิ่นพยายามจะทำอะไร เขาหัวเราะและพูด “หานเซิ่น เลิกถ่วงเวลาพวกเรา ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ถ้าเจ้ายอมปฏิบัติตัวดีๆ พวกเราก็จะปฏิบัติกับเจ้าเป็นอย่างดีเช่นกัน”
“นั่นหมายความว่ายังไง? เจ้าช่วยอธิบายที่ว่า ‘ปฏิบัติตัวดีๆ’ ให้ข้าฟังหน่อยได้ไหม? เจ้าต้องการรีดนมข้าเหมือนกับวัวตัวหนึ่งอย่างนั้นหรอ? เจ้าต้องการให้ข้ากินหญ้า ขณะที่เจ้าบีบหัวนมของข้าอย่างนั้นใช่ไหม? เจ้าต้องการให้ข้าทำให้ลูกหลานของเจ้าได้อิ่มท้องงั้นสินะ? เจ้าต้องการให้ข้าตายอย่างทุกข์ทรมานในตอนที่ข้าไม่มีอะไรเหลือแล้วใช่หรือไม่?” หานเซิ่นยิ้ม
“มันไม่ใช่อะไรแบบนั้น ถ้าเจ้าทำงาน เจ้าก็จะได้รับรางวัล ถ้าเจ้ามีพลังแบบนี้ เจ้าก็ควรทำในสิ่งที่จะช่วยให้ชีวิตของคนอื่นในโลกใบนี้ดีขึ้น”
หลังจากนั้นจี๋หยางเซิงก็หันไปพูดกับกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์
“พวกเจ้าทั้ง 2 จะเป็นวีไอพีของข้าตลอดไป ไม่สำคัญว่าพวกเจ้าจะไปที่ไหน มันจะไม่มีใครกล้าทำร้ายพวกเจ้า แต่ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการเป็นเพื่อนกับข้า ข้าก็คงจะให้สัญญาพวกเจ้าในเรื่องนี้ไม่ได้”
จันทราสวรรค์นั้นเยือกเย็นอยู่เสมอ แต่ตอนนี้จู่ๆเธอก็หัวเราะออกมา ใบหน้าอันงดงามของเธอดูเหมือนกับแฟรี่ของปราสาทจันทรา เมื่อเธอหัวเราะออกมา มันก็เหมือนกับดอกไม้เบิกบานท่ามกลางพายุหิมะ
จี๋หยางเซิงและเดม่อนคนอื่นแข็งทื่อไป พวกเขากำลังคิดว่า ‘ผู้หญิงคนนี้งดงามอย่างไม่น่าเชื่อ’
จันทราสวรรค์หัวเราะและพูด “พวกเราอยากจะไปกับเจ้า แต่ข้ากลัวว่าใครบางคนจะไม่ยอม”
“ใครจะไม่ยอม?” จี๋หยางเซิงถาม
“เขา” จันทราสวรรค์มองไปที่หานเซิ่น
จี๋หยางเซิงหัวเราะออกมา “หานเซิ่นกำลังตกอยู่ในอันตราย ถึงแม้เขาจะไม่อยากให้เจ้ามากับข้า แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เขายังช่วยตัวเองจากสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาจะมากับพวกเรา ดังนั้นพวกเราทั้งหมดจะไปด้วยกัน อย่างนั้นมันจะเป็นอะไรถ้าเขาจะไม่ยอม?”
จันทราสวรรค์ส่ายหัว “ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เข้าใจเขาเลยสักนิด”
“ข้าจำเป็นต้องเข้าใจเขาด้วยอย่างนั้นหรอ?” จี๋หยางเซิงพูดอย่างอวดดี
“ถ้าเจ้าเข้าใจเขา เจ้าจะรู้ว่าเขาเป็นคนขี้ระแวง เจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยม เขาจะไม่ฝากความเชื่อเอาไว้กับใครคนไหนนอกจากตัวเอง เขาจะมีแผนสำรองอยู่เสมอ ถึงแม้ในตอนที่เขาตกอยู่ในวิกฤต เขาก็จะมีแผนการหนีเตรียมเอาไว้ ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่มัวเสียเวลาพูดคุย ข้าจะตัดหัวและสับเขาเป็นชิ้นๆ หลังจากนั้นข้าจะเผาชิ้นเล็กชิ้นน้อยของเขาจนกระทั่งมันไม่เหลืออะไรนอกจากเถ้าถ่าน” จันทราสวรรค์พูดอย่างจริงจัง
จี๋หยางเซิงแปลกใจ เขามองไปที่หานเซิ่น ร่างกายของชายคนนั้นยังคงตกอยู่ในลมปราณสีม่วงที่เหมือนกับงูพิษ และภาพนั้นก็ทำให้จี๋หยางเซิงผ่อนคลายและยิ้มออกมาอีกครั้ง
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว เขาตกอยู่ภายใต้พลังมารนภาล็อค แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็หนีจากมันไม่ได้ ดังนั้นไม่สำคัญว่าเขาจะชั่วร้ายสักแค่ไหน การจะหนีจากกับดักนี้ไปเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
“จริงอย่างนั้นหรอ?” เสียงของหานเซิ่นดังขึ้นมา
ก่อนที่จี๋หยางเซิงจะพูดอะไรได้อีก ใบหน้าของเขาก็ซีดไป
ควันสีม่วงยังคงห้อมล้อมหานเซิ่นเอาไว้ แต่ร่างกายของเขาดูเหมือนกับสายรุ้ง และมารนภาล็อคก็กำลังละลายภายใต้แสงนั้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น