Super God Gene 2502-2513

ตอนที่ 2502

 

ราชาอัศวินไอซ์บลูกำลังรู้สึกกลุ้มใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าการพาหานเซิ่นมาเข้ากับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจะกลายเป็นเรื่องที่ใหญ่โตถึงขนาดนี้ ถ้าราชาอัศวินไอซ์บลูมีโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เขาก็ไม่คงจะพาหานเซิ่นมาจากแนร์โรว์มูน


 


ถ้าเขาสามารถย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็จะไม่บังคับให้หานเซิ่นเข้าร่วมกับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ความจริงแล้วถึงแม้หานเซิ่นจะขอร้องราชาอัศวินไอซ์บลูและเรียกเขาว่าปู่ เขาก็จะไม่พาหานเซิ่นมาเด็ดขาด เขาจะตบหน้าหานเซิ่นจนเขาล้มลงไปกับพื้นเพื่อจะให้อยูในแนร์โรว์มูนต่อไป แบบนั้นหานเซิ่นก็ต้องอยู่ภายในแนร์โรว์มูนและได้แต่นำภัยมาสู่เผ่ารีเบท ราชาอัศวินไอซ์บลูเชื่อว่าที่ไหนก็ตามที่หานเซิ่นไป เขาก็จะนำมาซึ่งปัญหาและความโกลาหล แต่มันน่าเสียดายที่คนเราไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่ทำลงไปแล้วได้


 


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับสมองของเราในตอนที่เราบังคับให้เขาออกมาจากที่นั่น?” ราชาอัศวินไอซ์บลูอยากจะตบหน้าตัวเอง


 


หานเซิ่นฆ่าองค์ชายคนหนึ่งและเขายังปลอมตัวเป็นองค์ชายเพื่อชิงเอาสมบัติของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงอีก ทุกสิ่งทุกอย่างที่หานเซิ่นทำเอาไว้ในเอ็กซ์ตรีมคิง ทำให้ราชาอัศวินไอซ์บลูรู้สึกราวกับว่าเขาตกลงไปในเหวลึก


 


เขารู้ว่านี่คือจุดจบของเขา เขาเป็นคนที่พาหานเซิ่นมาเข้ากับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง และเขาก็รู้ว่ามันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ก่อนที่เขาจะถูกลากตัวกลับไป ถึงแม้สิ่งที่เขาทำจะไม่ถือว่าเป็นความคิด แต่เขาก็กลัวว่าตำแหน่งของเขาจะไม่ก้าวหน้าไปมากกว่านี้อีกแล้ว


 


แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เขากลัว เขาเพิ่งจะได้รับข่าวจากทางเอ็กซ์ตรีมคิงมาว่าหานเซิ่นได้ตีฝ่าด่านทั้งหมดที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงตั้งเอาไว้ และตอนนี้กำลังเดินทางไปถึงยังระบบจักรวาลเคออส


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูไม่รู้ว่าหานเซิ่นทำแบบนั้นได้ยังไง เขาถูกไล่ตามโดยผู้คนจากทั้งจักรวาล แต่เขาก็ยังหนีมาจนถึงระบบจักรวาลเคออสได้สำเร็จ นั่นทำให้ราชาอัศวินไอซ์บลูรู้สึกสับสน


 


ในตอนนี้ราชาอัศวินได้รับคำสั่งให้หยุดหานเซิ่นเอาไว้ให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม ถ้าหานเซิ่นหนีรอดไปได้ เขาก็คงจะไม่สามารถรับตำแหน่งกัปตันของหน่วยอัศวินไอซ์บลูได้อีกต่อไป


 


เมื่อคิดเกี่ยวกับการที่หน่วยอัศวินไอซ์บลูจะต้องหยุดหานเซิ่นเอาไว้ ราชาอัศวินไอซ์บลูก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูได้ดูการถ่ายทอดสดสิ่งที่เกิดขึ้นภายในระบบเทียนเซีย ถึงในระบบจักรวาลเคออสจะอันตรายมากกว่า แต่มันสามารถใช้เทคโนโลยีได้ไม่เหมือนกับในระบบเทียนเซีย


 


การที่หานเซิ่นช่วยเลอตู้ให้เลื่อนขั้นสู่ระดับเทพเจ้าได้นั้นทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก มันเป็นเหมือนกับปาฏิหาริย์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพ มันเป็นอะไรที่ยากจะเชื่อได้


 


แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือวิดีโอการต่อสู้ของหานเซิ่น เขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถหยุดหานเซิ่นเอาไว้ได้ไหม ถึงแม้เขาจะใช้กำลังทั้งหมดของหน่วยอัศวินไอซ์บลู แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะทำงานนี้ได้สำเร็จ


 


แต่ไม่ว่ายังไงคำสั่งก็เป็นคำสั่ง และราชาอัศวินไอซ์บลูก็จำเป็นต้องทำตาม ถ้าเขาขัดคำสั่ง มันก็ไม่มีใครจะช่วยเขาได้


 


เมื่อใช้ข้อมูลที่ได้รับจากทางเอ็กซ์ตรีมคิงและความรู้ที่เขามีเกี่ยวกับระบบจักรวาลเคออส ราชาอัศวินไอซ์บลูจึงพาหน่วยอัศวินไอซ์บลูออกไปดักหานเซิ่นเอาไว้


 


เมื่อหานเซิ่นเห็นราชาอัศวินไอซ์บลู เขาก็รู้สึกประหลาดใจ เขาจงใจหลีกเลี่ยงการเข้าไปใกล้ศูนย์กลางของหน่วยอัศวินไอซ์บลู แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังถูกดักหน้า


 


‘ดูเหมือนว่าตอนนี้ทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะรู้แล้วว่าเราอยู่ในระบบจักรวาลเคออส หวังว่าคนเก่งๆอย่างเหมิงเลี่ยจะไม่มาปรากฏตัวในเร็วๆนี้’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง


 


“หานเซิ่น ถ้าเจ้าหยุดหนีและยอมมากับพวกเรา ทุกอย่างจะไม่เป็นไร”

ราชาอัศวินไอซ์บลูพูดขณะที่มองไปที่วาฬขาว


 


หลังจากนั้นวาฬขาวก็อ้าปากของมัน และหานเซิ่นก็ปรากฏตัวออกมา


 


ถึงแม้จะผ่านการต่อสู้มาได้ไม่นาน แต่หานเซิ่นก็ยังดูปกติดี แก้มของเขาเปล่งปลั่งไปด้วยชีวิตชีวิตและเขายังดูร่าเริงแจ่มใส เขายังคงมีรอยยิ้มที่จะทำให้คนอื่นอยากจะชกใส่เขาเมื่อได้เห็น


 


“ราชาอัศวินไอซ์บลู เจ้าเป็นยังไงบ้าง?” หานเซิ่นยิ้มขณะที่ทักทายราชาอัศวินไอซ์บลู


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูมองหานเซิ่นอย่างแปลกๆ เขายังจำตอนที่พาหานเซิ่นมาจากแนร์โรว์มูนได้ และเขาก็เห็นว่าหานเซิ่นแตกต่างไปจากเดิมมากแค่ไหน


 


ในจังหวะนั้นราชาอัศวินไอซ์บลูก็ปรารถนาว่าตัวเองจะไม่เคยเห็นใบหน้าของหานเซิ่นมาก่อน


 


“กลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงกับข้า ไม่อย่างนั้นข้าก็ต้องใช้กำลังกับเจ้า”

ราชาอัศวินไอซ์บลูพูดแข็ง ปืนใหญ่และอาวุธทั้งหมดเล็งไปที่หานเซิ่น


 


อัศวินของหน่วยอัศวินไอซ์บลูทุกคนเตรียมพร้อม ทั้งหมดที่ราชาอัศวินไอซ์บลูต้องทำก็คือออกคำสั่ง และเหล่าอัศวินทั้งหมดก็จะปลดปล่อยการโจมตีออกมา


 


แต่ราชาอัศวินไอซ์บลูไม่รู้สึกมั่นใจเลยสักนิดเดียวที่จะเผชิญหน้ากับหานเซิ่น มันมีสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้ามากมายไล่ล่าตัวเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังหนีรอดมาจนถึงที่นี่ ดังนั้นเขาคงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะล้มได้ง่ายๆ


 


“ราชาอัศวินไอซ์บลู ข้าต้องการหินคริสตัลเมฆา 10 ลูกบาศก์เมตรและข้ายังต้องการจีโนฟลูอิดวีเจ็ดห้าแปด 3000 แกลลอน…” จู่ๆหานเซิ่นก็เริ่มพูดรายชื่อสิ่งของที่เขาต้องการ


 


เหล่าอัศวินไอซ์บลูรู้สึกสับสน พวกเขาไม่รู้ว่าหานเซิ่นหมายความว่ายังไง พวกเขากำลังจะต่อสู้กัน แต่ทำไมหานเซิ่นถึงได้พูดรายชื่อสิ่งของที่เขาต้องการออกมา?


 


‘เขาต้องการสิ่งของที่เขาเพิ่งจะเอยออกมา?’ ราชาอัศวินไอซ์บลูคิดด้วยความสับสน นี่เป็นอะไรที่บ้าบอสิ้นดี


 


‘เจ้าหมายความว่ายังไง?’ ราชาอัศวินไอซ์บลูมองไปที่หานเซิ่น


 


“หมายความว่ารีบนำของพวกนั้นมา ข้าจะให้เวลาพวกเจ้า 3 ชั่วโมง” หานเซิ่นพูด


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูและอัศวินไอซ์บลูคนอื่นคิดว่านี่เป็นอะไรที่บ้าบอ หานเซิ่นกำลังถูกไล่ล่าโดยเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ตอนนี้เขาเอยชื่อสิ่งของที่ต้องการพร้อมกับกำหนดเส้นตาย นี่เป็นอะไรที่น่าขบขัน


 


“หานเซิ่น เจ้าบ้าไปแล้วหรือยังไง? พวกเราคือหน่วยอัศวินไอซ์บลู พวกเราเป็นกองกำลังที่รับใช้เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ชื่อเสียงของหน่วยอัศวินไอซ์บลูเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางและ…”


 


“เก็บลมหายใจของเจ้าและไปเอาของมาให้กับข้า พวกเจ้ามีเวลาอีก 2 ชั่วโมง 58 นาที” หานเซิ่นพูดขัดราชาอัศวินไอซ์บลูและปรบมือ


 


ในจังหวะนั้นราชาอัศวินไอซ์บลูก็เห็นคน 2 คนออกมาจากวาฬขาว พวกเขาทั้งคู่เป็นระดับราชันและพวกเขาก็กำลังพยุงอีกคนออกมา


 


คนที่ถูกแบกออกมาดูย่ำแย่อย่างมาก เขาถูกอัดจนบวมไปทั้งตัวและเสื้อผ้าของเขาก็ย้อมไปด้วยเลือด กระดูกของเขาถูกบดขยี้จนเละ ทำให้เขาไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง ราชันทั้ง 2 คนต้องยืนประกบซ้ายขวาเพื่อพยุงเขาเอาไว้


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูจดจำคนๆนั้นได้ และเขาก็อ้าปากค้างไป เขามองไปที่หานเซิ่นและหันกลับไปมองคนๆนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ


 


‘บุตรชายคนโปรดของราชาไป๋… ไป๋อู๋ฉาง… หานเซิ่นนี่เจ้าทำอะไรลงไป?’ ราชาอัศวินไอซ์บลูคิด


 


ดูเหมือนว่าการฆ่าองค์ชายสิบหกไปคนหนึ่งยังคงไม่พอ ตอนนี้หานเซิ่นยังจับตัวไป๋อู๋ฉางบุตรชายคนโปรดของราชาไป๋ไปเป็นตัวประกัน แถมเขายังถูกซ้อมจนน่วม ราชาอัศวินไอซ์บลูไม่สามารถจินตนาการได้ว่าจะมีใครนอกจากหานเซิ่นที่จะทำเรื่องแบบนั้นได้


 


“พวกเจ้ามีเวลาอีก 2 ชั่วโมง 55 นาที ถ้าข้าไม่ได้รับของทั้งหมดที่ต้องการภายในเวลาที่กำหนด ข้าจะตัดหัวเขา”

หานเซิ่นจับเส้นผมของไป๋อู๋ฉางและมองไปที่ราชาอัศวินไอซ์บลู ซึ่งตอนนี้กำลังตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก 

 

 


ตอนที่ 2503

 

อัศวินไอซ์บลูมองดูด้วยความโกรธขณะที่วาฬขาวบินหนีไป ถึงแม้อาวุธและปืนจะพร้อมยิงออกไปทุกเมื่อ แต่ไม่มีใครกล้าโจมตีใส่วาฬขาว พวกเขาได้แต่จ้องมองวาฬขาวบินจากไป


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูรู้สึกสิ้นหวังเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ แต่ในขณะเดียวเขาก็รู้สึกค่อนข้างดีใจ ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดออกมา แต่ความจริงที่หานเซิ่นจับตัวไป๋อู๋ฉางไปเป็นตัวประกันก็ทำให้ผู้บังคับบัญชาของราชาอัศวินไอซ์บลูไม่บังคับให้เขาไล่ล่าตัวหานเซิ่นอีก เพราะยังไงซะพวกเขาก็ไม่ต้องการให้ไป๋อู๋ฉางถูกฆ่าตาย และนั่นทำให้ราชาอัศวินไอซ์บลูรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย


 


ถึงแม้เขาจะได้มีโอกาสต่อสู้กับหานเซิ่นจริงๆ แต่ในตอนที่ราชาอัศวินไอซ์บลูได้เห็นหานเซิ่นในครั้งนี้ เขาก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา มันพลังมีลึกลับปกคลุมตัวหานเซิ่นอยู่ พลังของหานเซิ่นดูเหมือนจะมีอะไรมากกว่าที่พวกเขารู้ และนั่นเป็นอะไรที่น่ากลัว


 


ถ้าต้องต่อสู้กับหานเซิ่น ราชาอัศวินไอซ์บลูก็มีความรู้สึกว่าเขาและคนของเขาจะจบลงในสภาพที่น่าอนาถ


 


“อี๋ซา เจ้ารับลูกศิษย์ที่น่ากลัวมากคนหนึ่งมา” ราชาอัศวินไอซ์บลูพูดพร้อมกับถอนหายใจ หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้คนของเขาคอยจับตาดูเส้นทางการบินของหานเซิ่นเอาไว้



 


หานเซิ่นมองดูทรัพยากรมากมายบนยานอย่างรู้สึกดี พวกมันเป็นวัสดุที่เขาจำเป็นต้องใช้ในการซ่อมแซมวาฬขาว ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นมีพวกมันอยู่ในครอบครอง การหนีก็จะเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น


 


ฟางชิงอวี่และเหล่าโจรสลัดรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังฝันไป พวกเขาถูกดักหน้าโดยหน่วยอัศวินไอซ์บลูของเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ไม่เพียงแค่พวกเขาจะหนีมาได้โดยไม่มีรอยขีดข่วน พวกเขายังได้รับทรัพยากรจำนวนมากอีก


 


‘นี่สิที่พวกเราเรียกว่าโจรสลัดที่แท้จริง! พวกเราเพิ่งจะปล้นเสปียงจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง พวกเรากล้าหาญยิ่งกว่าเผ่าโจรสลัดจริงๆซะอีก’

เหล่าโจรสลัดคิด พวกเขาเริ่มจะคิดว่าการติดตามหานเซิ่นไม่ใช่ไอเดียที่เลวร้ายอะไร


 


แต่พวกเขารู้ว่าหลังจากที่หานเซิ่นทำแบบนั้น ทางเอ็กซ์ตรีมคิงก็จะโกรธยิ่งกว่าเดิม มันไม่มีทางที่ราชาไป๋จะปล่อยให้พวกเขาเดินทางไปอย่างราบรื่น หนทางข้างหน้าจะต้องเต็มไปด้วยอันตราย


 


หานเซิ่นจัดแบ่งทรัพยากรที่ได้รับมา พวกมันบางส่วนเป็นอาหาร ดังนั้นมันจะมีเสบียงเพียงพอให้ทุกคนกินดื่มได้อย่างหนำใจ ตัวหานเซิ่นเองไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับอาหารที่ปล้นมาได้ แต่มันถือเป็นเรื่องดีที่จะตอบสนองความต้องการของลูกเรือ


 


ส่วนวัสดุที่จะใช้สำหรับการซ่อมแซมวาฬขาวนั่น หานเซิ่นให้เหล่าโจรสลัดนำพวกมันไปใส่ในเครื่องปฏิกรณ์คริสตัล หลังจากนั้นวาฬขาวก็ทำการซ่อมแซมตัวเอง


 


มันไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองก่อนหน้านี้ได้ ก็เพราะเครื่องปฏิกรณ์คริสตัลนั้นขาดเชื้อเพลิงที่จำเป็น


 


ตอนนี้เมื่อมันมีเชื้อเพลิงเพียงพอ วาฬขาวก็สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ แต่กว่าที่มันจะกลับมาสมบูรณ์ดีอีกครั้งยังคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก


 


“กัปตัน มีใครบางคนตามพวกเรามาจากด้านหลัง!” โจรสลัดคนหนึ่งวิ่งมาหาหานเซิ่น


 


“ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา เดินหน้าต่อไป” หานเซิ่นพูดอย่างไม่ประหลาดใจอะไร มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะสั่งให้ราชาอัศวินไอซ์บลูติดตามพวกเขา


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้สนใจอะไร เมื่อวาฬขาวซ่อมแซมตัวเองเสร็จแล้ว มันก็จะทรงพลังเหมือนอย่างสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า ในตอนนั้นมันก็จะไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะกำจัดหน่วยอัศวินไอซ์บลู ถ้าพวกเขาพยายามจะทำอะไรบางอย่าง


 


“ที่นี่ใกล้กับจุดที่ราชาไนท์ริเวอร์เคยประจำการ” หานเซิ่นคิดขณะที่มองไปรอบๆ


 


หานเซิ่นสนใจอย่างมากเกี่ยวกับไดอารี่ของราชาไนท์ริเวอร์ แต่ครั้งก่อนที่เขามาสำรวจที่นี่ เขาไม่ได้มีโอกาสที่จะดูรอบๆมากนัก มันใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าที่วาฬขาวจะซ่อมแซมตัวเองเสร็จ และในระหว่างนั้นเขาก็ไม่สามารถจัดการกับพวกราชาอัศวินไอซ์บลูได้ ดังนั้นเนื่องจากเขามีเวลา เขาก็คิดว่าน่าจะลองค้นหาถึงสิ่งที่ราชาไนท์ริเวอร์พูดถึงในไดอารี่


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูคิดว่าหลังจากที่หานเซิ่นได้ทรัพยากรที่ร้องขอไปแล้ว เขาจะรีบหนีไปอย่างเร็วที่สุด แต่หานเซิ่นกลับตัดสินใจอยู่ดูรอบๆต่อ แทนที่จะรีบหนีไป เขาเดินทางไปยังตำแหน่งที่ใกล้กับสถานีประจำการของอัศวินไอซ์บลู


 


“ตอนนี้เจ้านั่นกำลังคิดจะทำอะไรอีกล่ะ?” ราชาอัศวินไอซ์บลูรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้า การพาตัวหานเซิ่นมาจากแนร์โรว์มูนเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เขาทำในชีวิต


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้สนใจอะไรราชาอัศวินไอซ์บลู เขาขับวาฬขาวไปยังชายแดนของระบบไอซ์บลูและตรงไปยังดวงดาวที่ราชาไนท์ริเวอร์เคยประจำการ เมื่อหานเซิ่นไปถึง เขาก็พบว่าราชาอัศวินไอซ์บลูได้มาเข้ารวมกับผู้คนที่ประจำการอยู่ที่นั่น


 


“หานเซิ่น ทำไมเจ้าถึงยังไม่ไป เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”

ราชาอัศวินไอซ์บลูมองไปที่หานเซิ่นและกัดฟัน ถ้าเขาทำได้ เขาก็อยากที่จะฆ่าหานเซิ่นซะตรงนี้


 


“ข้าไม่ได้ต้องการอะไร ข้าแค่เหนื่อยๆและคิดจะพักที่นี่สักหน่อยเท่านั้น พวกเจ้ากลับไปทำธุระของพวกเจ้าเถอะ ไม่มีความจำเป็นที่ต้องคอยคุ้มกันข้า ข้าจะพักบนดาวดวงนี้เพียงไม่นานก่อนที่จะออกเดินทางต่อ” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“ใครต้องการที่จะคุ้มกันเจ้า?” ด้วยลักษณะนิสัยของราชาอัศวินไอซ์บลู เขาอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา


 


ถึงแม้เขาจะโมโหมากๆ แต่ไป๋อู๋ฉางยังคงอยู่ในมือกำมือของหานเซิ่น เขาจึงไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นได้ เขาสั่งให้เหล่าอัศวินไอซ์บลูไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับหานเซิ่น


 


หานเซิ่นได้รับอนุญาตให้นำวาฬขาวลงจอดบนดาวที่ราชาไนท์ริเวอร์เคยประจำการ เขามองไปรอบๆดวงดาว แต่มันไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตที่ถูกพูดถึงในไดอารี่ของราชาไนท์ริเวอร์ และมันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับหมายเลขพวกนั้นเช่นกัน


 


จากที่ราชาไนท์ริเวอร์บรรยาย ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตนั้นจะเป็นตัวอะไรก็ตาม มันต้องเป็นสีม่วงและควรจะมีสิ่งที่มีหมายเลขอยู่ แถมพวกมันทั้งหมดเป็นระดับราชัน ดังนั้นพวกมันไม่ควรจะเป็นอะไรที่หายากจนเกินไป


 


ถ้ามันมีสิ่งมีชีวิตระดับราชันหลายสิบตัวอยู่ที่นี่ หานเซิ่นก็ควรจะหาพวกมันเจออย่างง่ายดาย แต่หานเซิ่นไม่พบสิ่งมีชีวิตระดับราชันสักตัวเดียว มันมีแค่อัศวินไอซ์บลู 2 คนที่เป็นระดับราชันที่คอยประจำการอยู่บนดวงดาว แต่พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหมายเลข


 


มันไม่มีซีโน่จเนเอิคระดับราชันอยู่ที่นี่ เนื่องจากอัศวินไอซ์บลูได้ทำการเก็บกวาดดวงดาวเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นถึงแม้มันจะยังมีซีโน่เจเนอิคเหลือรอดอยู่ พวกมันก็เป็นเพียงซีโน่เจเนอิคระดับต่ำ การจะหาซีโน่เจเนอิคระดับราชันนั้นเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้


 


หานเซิ่นเดินทางไปยังส่วนที่ราชาไนท์ริเวอร์ประจำการ แต่มันไม่มีอะไรผิดปกติ หานเซิ่นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย


 


เขาไม่สามารถอยู่ที่นี่เป็นเวลานานเกินไปเช่นกัน ถ้าคนอย่างเหมิงเลี่ยมาตามล่าตัวเขา สิ่งต่างๆก็จะจบลงไม่สวยนัก


 


“ถ้าสิ่งประหลาดที่ราชาไนท์ริเวอร์เขียนเอาไว้ในไดอารี่ไม่ได้เกิดขึ้นใกล้กับจุดที่เขาประจำการ แบบนั้นเราก็ไม่มีทางจะหามันได้เจอ ดาวดวงนี้ใหญ่โตเกินไปที่จะค้นหาได้ทั่วในเวลา 1-2 วัน”

ขณะที่หานเซิ่นกำลังสงสัยว่าควรจะยอมแพ้ดีหรือเปล่า เป่าเอ๋อก็วิ่งเข้ามาหาเขา เธอดึงแขนเสื้อของหานเซิ่น


 


“เป่าเอ๋อ มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นก้มหัวลงไปมองเป่าเอ๋อด้วยความสับสน


 


เป่าเอ๋องอนิ้วมือ และหานเซิ่นก็รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร เขาย่อตัวลงไปข้างๆเป่าเอ๋อ


 


เป่าเอ๋อกระซิบข้างหูหานเซิ่น “พ่อ มันมีสมบัติอยู่ที่นี่”


 


หานเซิ่นรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แต่เขาไม่ได้แสดงมันออกมา เขาถามเป่าเอ๋อ

“หนูรู้ไหมว่าสมบัติอยู่ที่ไหน


 


เป่าเอ๋อพยักหน้าและนี่ทำให้หานเซิ่นดีใจยิ่งกว่าเดิม เขาอุ้มเป่าเอ๋อขึ้นมาและพูดกับหนึ่งในโจรสลัด

“คอยจับตาดูไป๋อู๋ฉางเอาไว้ ข้าจะพาเป่าเอ๋อไปเดินเล่นสักหน่อย”

 

 

 


ตอนที่ 2504

 

เหล่าอัศวินไอซ์บลูกัดฟันขณะที่มองดูหานเซิ่นผ่านกล้องวงจรปิดของพวกเขา


 


หานเซิ่นเป็นเหมือนกับหัวขโมยที่บุกเข้ามาในบ้านและอัดลูกชายของเจ้าของบ้านก่อนที่จะขโมยทรัพย์สินของพวกเขาไป และหลังจากที่ก่อคดีแล้ว แทนที่จะรีบหนีไป เขากลับมาในสวนหลังบ้านเพื่อดื่มน้ำชา นั่นจะไม่ทำให้พวกเขาโกรธได้ยังไง


 


ส่วนที่เลวร้ายที่สุดคือการปกป้องชีวิตของไป๋อู๋ฉาง พวกเขาทำได้แต่มองดูหานเซิ่นเดินอย่างสบายใจบนดวงดาวของพวกเขา


 


“นี่เขาพยายามจะทำอะไร?” ราชาอัศวินไอซ์บลูมองไปที่หานเซิ่นบนหน้าจอ เขาไม่สามารถบอกถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของหานเซิ่นได้


 


เมื่อคำนึงถึงสถานการณ์ของหานเซิ่น พวกเขาทุกคนต่างก็คิดว่าหานเซิ่นควรจะรีบหนีไปให้เร็วที่สุด เพราะไม่ว่าหานเซิ่นจะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาก็ไม่สามารถต่อกรกับยอดฝีมือระดับเทพเจ้าได้ ถ้ายอดฝีมือระดับเทพเจ้าของเอ็กซ์ตรีมคิงมาถึง เขาก็จะตกอยู่ในอันตราย


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้รีบหนีไป การกระทำที่แปลกประหลาดของเขาทำให้ราชาอัศวินไอซ์บลูรู้สึกไม่มั่นใจ


 


เขาส่งวิดีโอของหานเซิ่นกลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าของเอ็กซ์ตรีมคิงก็สับสนกับจุดประสงค์ที่แท้จริงของหานเซิ่น พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมหานเซิ่นถึงเลือกอยู่ต่อบนดาวดวงนั้น มันเหมือนกับว่าหานเซิ่นกำลังรอให้พวกเขาไปจับตัว


 


“แผนการลับ มันต้องมีแผนการลับบางอย่าง…” ลุงหกพูด


 


พวกเขาเชื่อว่าหานเซิ่นมีแผนการบางอย่าง แต่พวกเขาไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรกันแน่ พวกเขาพยายามคาดเดาถึงสิ่งที่หานเซิ่นพยายามจะทำ แต่มันมีความเป็นไปได้มากเกินไป


 


“ให้ลุงสี่และคนอื่นๆรีบไปที่ระบบจักรวาลเคออส มันไม่สำคัญว่าหานเซิ่นมีแผนการอะไร” ราชาไป๋พูดอย่างเยือกเย็น


 


บุตรชายคนโปรดของเขาถูกจับตัวไปโดยหานเซิ่น แต่เขาดูจะไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย เขาปฏิบัติเหมือนปกติราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น


 


“ท่านพ่อ ได้โปรดให้ข้าพาคนไปที่ระบบจักรวาลเคออส พวกเราจำเป็นต้องจับตัวหานเซิ่นและช่วยไป๋อู๋ฉาง” องค์รัชทายาทก้มหัวและขอร้อง


 


เขาและไป๋อู๋ฉางมีแม่คนเดียวกัน ดังนั้นเขาใกล้ชิดกับไป๋อู๋ฉางมากกว่าราชวงศ์คนอื่นๆ แต่เขาไม่ได้ขออาสาไปช่วยไป๋อู๋ฉางเพราะความเกี่ยวข้องทางสายเลือด


 


เขารู้ว่าราชาไป๋รักไป๋อู๋ฉางมากที่สุด และไป๋อู๋ฉางก็ไม่ได้ต้องการขึ้นครองบัลลังก์ ด้วยการทำแบบนั้นเขาก็จะสามารถสร้างความประทับใจกับราชาไป๋ว่าเขารักน้องชายของตัวเองอย่างมาก และยังไงซะมันก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่ไป


 


ราชาไป๋ยังคงตอบอย่างเยือกเย็น “การตกลงระหว่างพวกเรากับมีก้า ถึงจุดสำคัญแล้ว เจ้าจำเป็นต้องจัดการเรื่องนั้นต่อ อย่าได้กังวล ลุงสี่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้และคุณหญิงมิร์เรอร์เองก็กำลังเดินทางไปเช่นกัน”



 


หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อขณะที่เดินไปบนดวงดาว ดาวดวงนี้ไม่ได้เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัย นอกจากฐานทัพแล้ว สภาพแวดล้อมบนดาวดวงนี้ถือว่าแย่มากๆ มันมีซีโน่เจเนอิคไม่มากนักที่จะอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้


 


ที่แห่งนี้คล้ายคลึงกับพื้นผิวของดวงจันทร์ มันเต็มไปด้วยหลุมที่เกิดจากอุกกาบาต หลายหลุมมีขนาดใหญ่มหึมาพอๆกับสนามฟุตบอล


 


ดาวเคราะห์น้อยใกล้ๆกับดวงดาวถูกดึงลงไปโดยแรงโน้มถ่วงของดวงดาว นั่นเป็นเหตุผลที่มันมักจะมีอุกกาบาตตกลงมาใส่ผิวของดวงดาวอยู่เสมอๆ


 


แต่ตอนนี้เมื่อหน่วยอัศวินไอซ์บลูเข้ายึดครองดวงดาว อุกกาบาตที่ตกลงมาก็จะถูกทำลายก่อนที่มันจะสร้างความเสียหายอะไรได้ หลุมรอบๆตัวหานเซิ่นจึงเกิดขึ้นมาก่อนที่หน่วยอัศวินไอซ์บลูจะเข้ายึดครองที่นี่


 


เป่าเอ๋อนำทางหานเซิ่นไปอย่างลับๆ ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็มาถึงหนึ่งในหลุมที่มีขนาดเล็ก หานเซิ่นมองลงไปในหลุมและเห็นว่ามันมีก้อนหินที่แตกอยู่ใจกลางหลุม


 


ก้อนหินที่แตกนั้นเรืองแสงเล็กน้อยคล้ายคลึงกับโลหะ มันไม่ได้มีสีม่วงอย่างที่หานเซิ่นคาดหวังเอาไว้ ซึ่งทำให้เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย


 


แต่ถ้าเป่าเอ๋อบอกว่ามีสมบัติอยู่ที่นี่ มันก็ต้องมีบางสิ่งที่มีค่าอยู่จริงๆ เมื่อคิดได้แบบนั้นก็ทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นมาหน่อย


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูและอัศวินคนอื่นมองดูภาพวิดีโออย่างสับสน ขณะที่เห็นหานเซิ่นเดินไปอยู่ข้างก้อนหินก้อนหนึ่ง พวกเขาไม่แน่ใจว่าหานเซิ่นกำลังคิดอะไรอยู่


 


ขณะที่พวกเขาจ้องมองอย่างใจจดใจจ่อ หานเซิ่นก็ขยับก้อนหินหลายก้อนออกไป บนกล้องวงจรปิดพวกเขาเห็นว่ามันมีเห็ดสีม่วงมากมายอยู่ใต้ก้อนหิน


 


ทุกคนรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนั้น ดวงดาวนี้ไม่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ พืชเองก็ไม่เว้น แม้แต่ซีโน่เจเนอิคก็ยังยากที่จะอยู่บนดวงดาวแบบนี้ได้


 


แต่ตอนนี้พวกเขากำลังมองไปที่เห็ดสีม่วงขนาดเท่ากำปั้นหลายดอก มันเป็นภาพที่หาได้ยาก เมื่อหานเซิ่นได้เห็นเห็ดเหล่านั้น เขาก็ดูดีใจมากๆ


 


ในขณะที่เหล่าอัศวินมองดูภาพวิดีที่เห็นเห็ดสีม่วงเท่านั้น หานเซิ่นที่อยู่ที่นั่นสามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของพวกมัน เขาสามารถบอกได้ว่าเห็ดสีม่วงพวกนี้มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งเทียบได้กับซีโน่เจเนอิคระดับราชัน


 


“พืชซีโน่เจเนอิค?” หานเซิ่นมองไปที่เห็ดสีม่วง เขานับพวกมันได้ราวๆ 70 ดอกด้วยกัน บางดอกมีขนาดใหญ่ ขณะที่บางดอกมีขนาดเล็ก แต่พวกมันมีพลังชีวิตระดับราชันเหมือนกันหมด


 


“เห็ดพวกนี้ พวกมันไม่ได้เป็นหมายเลขที่ราชาไนท์ริเวอร์พูดถึงหรอกใช่ไหม? ไม่สิ เมื่อดูจากหมายเลขพวกนั้น พวกมันควรจะเป็นโค้ดของสิ่งมีชีวิตบางอย่าง เห็ดพวกนี้ไม่มีทางเป็นสิ่งมีชีวิตที่โค้ดพวกนั้นบ่งชี้ไปได้ เห็ดพวกนี้ควรจะเป็นสิ่งที่ติดเชื้อโดยหมายเลขพวกนี้ แบบนั้นแล้วนี่คืออะไรกัน?” หานเซิ่นสังเกตเห็นว่านอกจากเห็ดสีม่วงแล้ว มันไม่มีอะไรอย่างอื่นอยู่รอบๆ


 


“พวกมันอยู่ที่นี่เสมอ… พวกมันอยู่ที่ไหนกัน?” หานเซิ่นพยายามนึกถึงเนื้อหาในไดอารี่ของราชาไนท์ริเวอร์ แต่ไดอารี่นั้นไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่าพวกมันอยู่ที่ไหนกันแน่


 


เป่าเอ๋อมองไปที่เห็ดและพูด “พ่อ หนูกินมันได้ไหม?”


 


“หนูกินมันได้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นยื่นมือออกไปและพยายามหยิบเห็ดดอกหนึ่งขึ้นมา แต่ก่อนที่เขาจะสัมผัสกับเห็ด มันก็ขยับ หมวกของเห็ดที่เหมือนกับร่มขยายใหญ่ขึ้นก่อนที่จะหดเล็กลงเพื่อปล่อยหมอกควันสีม่วงออกมา


 


หานเซิ่นรีบป้องกันเป่าเอ๋อและตัวเองด้วยแสงแห่งเทพของกายหยก เขาสร้างกำแพงน้ำแข็งที่ปกป้องเขาจากหมอกควันสีม่วงที่ถูกปลดปล่อยออกมา


 


หมอกควันสีม่วงสัมผัสกับกำแพงน้ำแข็งและเริ่มกัดกร่อนมัน มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วถึงขนาดที่กำแพงน้ำแข็งละลายในทันทีที่สัมผัสกับหมอกควันสีม่วงนั้น


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว “เป็นพลังพิษที่ทรงพลังอะไรขนาดนี้”


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูและลุงหกของเอ็กซ์ตรีมคิงที่มองดูวิดีโออยู่รู้สึกแปลกใจ พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่าเห็ดในวิดีโอคืออะไรกันแน่ แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นควันพิษของเห็ดนั่น พวกเขาก็รู้ในทันทีว่ามันต้องเป็นพืชซีโน่เจเนอิคระดับราชัน เห็ดนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งมาก ถ้าไม่อย่างนั้นพวกมันก็คงจะไม่สามารถกัดกร่อนน้ำแข็งของหานเซิ่นได้


 


“เป่าเอ๋อ หนูต้องการจะกินเห็ดพวกนี้จริงๆอย่างนั้นหรอ? หนูต้องล้อเล่นแน่ๆ” หานเซิ่นมองไปที่เห็ดม่วงพิษขณะที่พูดขึ้นมา


 


“หนูไม่ได้พูดถึงเห็ด หนูกำลังพูดถึงนั่น” เป่าเอ๋อชี้ไปที่บางสิ่งที่อยู่ข้างๆเห็ดสีม่วง 

 

 


ตอนที่ 2505

 

หานเซิ่นมองไปตามทางที่เป่าเอ๋อบอก และเขาก็เห็นว่าท่ามกลางเหล่าเห็ดสีม่วงนั้นมีกอหญ้าเล็กๆอยู่ แต่มันไม่ได้ดูพิเศษอะไร


 


หญ้านั่นสูงแค่ 3-4 เซนติเมตรเท่านั้น มันมีขนาดเล็กมากๆ สีของมันออกเหลืองๆราวกับว่ามันแห้งตายไปแล้ว ถ้าเป่าเอ๋อไม่ได้ชี้ไปที่มัน หานเซิ่นก็คงจะไม่สังเกตเห็นถึงการมีอยู่ของมัน


 


“หนูต้องการจะกินหญ้านั่นอย่างนั้นหรอ?”

หานเซิ่นมองเป่าเอ๋อด้วยความแปลกใจ เขาคิดกับตัวเอง ‘ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เป่าเอ๋อเปลี่ยนการกินของเธอ? ฉันคิดว่าเธอชอบกินของหวานซะอีก’


 


“ไม่ใช่หญ้า มันมีบางสิ่งอยู่ข้างใต้” เป่าเอ๋อพูด


 


“ข้างใต้?” หานเซิ่นมองไปที่หญ้าและรู้สึกตัวในทันทีว่าเธอหมายถึงอะไร หญ้านั้นคงจะเป็นอะไรที่คล้ายคลึงกับส่วนสีเขียวของต้นแครอท ส่วนรากที่อยู่ในดินคือส่วนที่มีประโยชน์


 


หานเซิ่นหยุดลังเลและเริ่มใช้มีดเขี้ยวผีสิงเพื่อเปิดทางไปสู่กอหญ้าน้อยๆนั่น เขากวัดแกว่งมีดและตัดเห็ดพิษสีม่วงที่อยู่รอบๆ


 


เหล่าเห็ดพิษปลดปล่อยควันพิษของพวกมันออกมา แต่หานเซิ่นใช้แสงน้ำแข็งเพื่อป้องกันมันเอาไว้ พวกมันไม่สามารถทำร้ายอะไรหานเซิ่นได้


 


“ซีโน่เจเนอิคเห็ดร่มพิษระดับราชันถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”


 


หานเซิ่นประหลาดใจเล็กน้อย เห็ดสีม่วงพวกนี้เป็นซีโน่เจเนอิคจริงๆ และพวกมันก็เป็นระดับราชันอีกด้วย


 


‘ถ้าหมายเลขในไดอารี่ของราชาไนท์ริเวอร์หมายถึงเห็ดร่มพิษพวกนี้ล่ะก็ พวกมันคงจะต้องได้รับผลกระทบจากบางสิ่ง และนั่นเป็นเหตุผลที่พวกมันกลายเป็นระดับราชัน แต่ถ้าเป็นแบบนั้นอะไรกันที่ส่งผลกระทบต่อพวกมัน? หรือว่ามันจะเป็นกอหญ้าที่แห้งเหี่ยวนี้?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง


 


“ซีโน่เจเนอิคเห็ดร่มพิษระดับราชันถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูรเห็ดร่มพิษ”


 


เมื่อหานเซิ่นฆ่าเห็ดสีม่วงไปได้ 30 ดอก เขาก็ได้รับวิญญาณอสูรระดับราชันมา นั่นเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจ


 


เห็ดร่มพิษเป็นระดับราชัน แต่พวกมันไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้ ความสามารถอย่างเดียวของพวกมันคือการปลดปล่อยสปอร์พิษออกมา ซึ่งมันไม่ได้ผลอะไรกับคนอย่างหานเซิ่น


 


หานเซิ่นเก็บกวาดพวกมันทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วและได้รับวิญญาณอสูรเห็ดร่มพิษมา 2 ดวง


 


หานเซิ่นประหลาดใจเมื่อรู้ว่าพวกมันเป็นวิญญาณอสูรประเภทอาวุธ แต่ในตอนนี้หานเซิ่นไม่มีเวลาจะมาหยุดดูพวกมันอย่างละเอียด


 


เมื่อเห็ดทั้งหมดไม่อยู่แล้ว หานเซิ่นก็ใช้มีดขุดรอบๆกอหญ้าที่แห้งเหี่ยว เขาอยากจะดูว่าอะไรที่อยู่ข้างใต้


 


“พวกเจ้ารู้ไหมว่านั่นเป็นพืชแบบไหน?” ราชาไป๋ถามขณะที่มองไปที่เหล่ายอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงที่มารวมตัวกัน


 


ทุกคนสามารถบอกได้ว่าจุดประสงค์ของหานเซิ่นคือการขุดบางสิ่งที่อยู่ใต้กอหญ้านั้น แต่พวกเขาทุกคนยังคงดูสับสน ไม่มีใครคนไหนที่รู้ว่าหญ้าต้นนั้นคืออะไรกันแน่


 


แม้แต่เห็ดซีโน่เจเนอิคที่หานเซิ่นเพิ่งจะฆ่าไปก็ยังเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่รู้จัก พวกเขาไม่รู้เลยว่าพวกมันคืออะไร


 


ทั่วจักรวาลจีโนนั้นมีพืชต่างนาๆที่แปลกประหลาดมากมาย ดังนั้นมันไม่แปลกอะไรที่พวกเขาจะไม่สามารถระบุเกี่ยวกับเห็ดนี่ได้ แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถจดจำพืชทั้งหมดที่พวกเขาเคยเจอ


 


พวกเขายังสับสนอีกว่าหานเซิ่นรู้ว่ามีพืชซีโน่เจเนอิคอยู่ในบริเวณนั้นได้ยังไงกัน


 


ขณะที่หานเซิ่นขุดรอบกอหญ้านั้น เขาสังเกตก็เห็นบางสิ่งสีม่วงอยู่ข้างใต้ ในตอนแรกเขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร แต่หลังจากที่ขุดไปเรื่อยๆ เขาก็ได้รู้ว่ามันคือแครอทขนาดใหญ่ ผิวของมันมีสีม่วงและรากของมันก็ยาว 2 ฟุต


 


หานเซิ่นขุดเอาแครอทยักษ์ออกมาและมอบมันให้กับเป่าเอ๋อ เขาถามอย่างสงสัย “เป่อเอ๋อ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่หนูชอบกินแครอท”


 


“พ่อ ถ้าเป็นที่บ้านของพวกเรา หนูแน่ใจว่าสิ่งนี้มันเรียกว่าโสม” เป่าเอ๋อรับแครอทขนาดใหญ่ไปขณะที่เธอพูดกับหานเซิ่น


 


“โสม?” หานเซิ่นตกใจ เจ้าสิ่งนี้ดูเหมือนกับแครอท และโสมจะมีขนาดใหญ่ขนาดนั้นได้ยังไง หานเซิ่นยังจำได้อีกว่าโสมนั้นดูออกเหลืองๆ แต่เจ้าสิ่งนี้มีสีม่วง ไม่ว่าจะดูยังไงก็เป็นแครอท


 


“ถ้าอย่างนั้นพ่อก็คิดซะว่ามันเป็นแครอท”

ขณะที่เป่าเอ๋อลูบไล้โสมขนาดใหญ่ เธอก็ดูมีความสุขมากๆ เธอมองมาที่หานเซิ่นและพูด “พ่อ ขุดต่อไปอีก หนูแน่ใจว่ายังมีบางสิ่งในนั้นอีก”


 


“มันยังมีอะไรอย่างอื่นอีกอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นทำการขุดต่อไป


 


กล้องวงจรปิดนั้นถ่ายมาได้เพียงแค่ภาพเท่านั้น ราชาอัศวินไอซ์บลูและเอ็กซ์ตรีมคิงคนอื่นไม่สามารถได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน พวกเขาเห็นแค่ว่าหานเซิ่นขุดเอาแครอทขนาดใหญ่ขึ้นมาและส่งมันให้เป่าเอ๋อถือเอาไว้


 


ราชาไป๋ขมวดคิ้ว ไม่มีใครรอบๆเขาที่สามารถระบุได้ว่าแครอทขนาดใหญ่นั้นคืออะไร


 


มันมีพืชที่ดูคล้ายคลึงกันมากเกินไปในจักรวาลจีโน ถ้าพวกมันไม่ได้มีชื่อเสียงมากๆ มันก็ไม่มีโอกาสมากนักที่ผู้คนจะจดจำพวกมันได้ แครอทสีม่วงนี้เป็นเหมือนกับเห็ดพิษตรงที่มันไม่มีชื่อเสียงเลยสักนิดเดียว ไม่มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับพวกมันมาก่อน


 


ตอนนี้พวกเขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นอย่างมากเกี่ยวกับสิ่งที่หานเซิ่นขุดขึ้นมาจากพื้นตรงนั้น


 


หานเซิ่นเองก็ไม่รู้ว่ากำลังจะขุดอะไรออกมาเช่นกัน เขาแค่ใช้มีดเขี้ยวผีสิงขุดต่อไปเรื่อยๆ ดูเหมือนกับว่ามันไม่มีอะไรให้พบมากนัก และหลังจากที่เขาขุดลงไปในพื้นอีกหนึ่งเมตร มันก็ไม่ได้มีอะไรปรากฏออกมาให้เห็น


 


“เป่าเอ๋อ หนูแน่ใจหรือว่ามีบางสิ่งข้างล่างนี้?” หานเซิ่นมองไปที่เป่าเอ๋อด้วยความสับสน


 


“มันควรจะมี” เป่าเอ๋อยังคงถือโสมขนาดใหญ่อยู่ในมือขณะที่นั่งอยู่บนก้อนหินก้อนหนึ่ง


 


หานเซิ่นทำการขุดต่อไป เขาขุดลึกลงไปในพื้นได้ 3 เมตรก่อนที่เขาจะรู้สึกได้ว่าปลายมีดถูกเข้ากับอะไรบางอย่าง


 


เนื่องจากหลุมนั่นลึกเกินไป กล้องวงจรปิดจึงไม่สามารถจับภาพของหานเซิ่นได้อีก ทางเอ็กซ์ตรีมคิงไม่เห็นอะไรก็ตามที่อยู่ภายในรูนั้น ราชาอัศวินไอซ์บลูและคนอื่นเห็นแค่เป่าเอ๋อที่นั่งอยู่บนก้อนหินเหนือรูที่หานเซิ่นขุด


 


ถ้าพวกเขาอยู่ที่นั่น พวกเขาก็สามารถใช้วิธีการต่างๆมากมายเพื่อสังเกตถึงสิ่งที่อยู่ภายในรู แต่ผ่านวิดีโอ มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะเก่งกาจถึงขนาดไหน พวกเขาไม่สามารถบอกถึงสิ่งที่อยู่ใต้พื้นดินได้


 


หานเซิ่นรู้สึกถึงบางสิ่งข้างใต้นั่น และเขาก็รีบขุดเร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยความตื่นเต้น หลังจากนั้นสิ่งที่อยู่ข้างใต้ก็เผยออกมาให้เขาได้เห็น


 


หานเซิ่นค้นพบว่ามันเป็นโล่อันหนึ่ง มันหลอมขึ้นมาจากโลหะสีม่วง ซึ่งเกือบจะดูเหมือนกับทองแดง แต่ไม่ใช่ซะทีเดียว ถ้าเขาบอกตามตรง เขาเองก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันใช่โลหะหรือเปล่า


 


ภายในของโล่หันขึ้นมาด้านบน ดังนั้นหานเซิ่นจึงเห็นด้ามจับของมัน สไตล์ของมันดูโบราณและมันไม่ได้มีเครื่องหมายอะไรประดับ หานเซิ่นเอื้อมมือไปจับด้ามของโล่เพื่อยกมันขึ้นมา


 


“ทำไมมันถึงได้หนักขนาดนี้? แต่เมื่อดูจากน้ำหนักของมันแล้ว มันก็ต้องเป็นของดีแน่ๆ”

โล่นั้นหนักมาก แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยกมันขึ้นได้สำเร็จ


 


ตูม!


 


ในจังหวะที่หานเซิ่นยกโล่ขึ้นมา แสงสีม่วงก็ระเบิดออกมาจากโล่ราวกับภูเขาไฟ แสงนั้นพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้า


 


หานเซิ่นรู้สึกตกใจ เขาเงยหน้าและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ในแสงสีม่วงนั้นมีผู้หญิงโฉมงามที่มีหางของงูอยู่ 

 

 


ตอนที่ 2506

 

ลำแสงสีม่วงพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้าและรูปร่างของผู้หญิงผู้งดงามก็ปรากฏขึ้น ร่างกายท่อนล่างของเธอเป็นหางงูที่มีเกล็ด และผมสีดำของเธอก็เป็นงูจำนวนมาก ดวงตาของเธอปิดอยู่ เธอทั้งดูสง่างาม เยือกเย็นและน่าขนลุก


 


เมื่อราชาอัศวินไอซ์บลูและยอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงเห็นผู้หญิงครึ่งงูคนนั้น พวกเขาต่างก็ดูตกใจ


 


“เงาของกาน่านั่น มันดูคุ้นๆ…” ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าของเอ็กซ์ตรีมคิงหลายคนจู่ๆก็มีความรู้สึกอย่างเดียวกันนี้


 


แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้เห็นผู้หญิงคนนั้นชัดๆ เงาภายในลำแสงก็หายไป มันหายไปจากสายตาของพวกเขาอย่างกะทันหัน


 


โล่ในมือของหานเซิ่นสูญเสียลำแสงของมันไป หานเซิ่นรู้สึกสับสนเกี่ยวกับเรื่องนั้น และเขาก็พลิกโล่เพื่อดูอีกด้านหนึ่ง เขาเห็นว่าด้านหน้าของโล่ประดับไปด้วยภาพของผู้หญิงที่เขาเห็นภายในลำแสงนั่น


 


มันเป็นภาพของผู้หญิงครึ่งมนุษย์ครึ่งงู ดวงตาของเธอปิดอยู่และผมของเธอก็กำลังเต้นระบำ มันทั้งดูงดงามและแปลกประหลาด


 


“นี่ดูเหมือนจะเป็นของดี มันต้องเป็นสมบัติซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าแน่ๆ” หานเซิ่นรู้สึกดีใจ เขารีบนำเอาโล่ออกไปจากรู


 


หลังจากที่หานเซิ่นนำเอาโล่ขึ้นมาจนถึงพื้นผิว เหล่ายอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงก็ได้เห็นโล่โลหะสีม่วง ดวงตาของพวกเขาทุกคนเบิกกว้าง และพวกเขาก็จ้องมองไปที่มันอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง


 


ลุงหกพูด “นั่นมันสมบัติของเผ่ากาน่า โล่เมดูซ่าส์เกซ… นี่มันเป็นไปได้ยังไง? โล่เมดูซ่าส์เกซถูกทำลายไปในการต่อสู้หนิ ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้?


 


“เงาสีขาวนั่น มันคือเมดูซ่า… นี่โล่เมดูซ่าส์เกซยังอยู่บนโลกนี้หรือเนี่ย?”


 


“ทำไมโล่เมดูซ่าส์เกซถึงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้? และมันยังอยู่ในสถานที่ที่ถูกยึดครองโดยเอ็กซ์ตรีมคิงอีก”


 


“เร็วเข้า! พวกเราจำเป็นต้องชิงโล่เมดูซ่าส์เกซกลับมา พวกเราต้องนำมันกลับมาให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม”


 


“พวกเราจะเอามันมาได้ยังไง? ตอนนี้มันมีแค่หน่วยอัศวินไอซ์บลูที่อยู่ในบริเวณนั้น เจ้าคิดจริงๆหรือว่าพวกเขาจะหยุดหานเซิ่นได้?”


บางคนพูดขึ้นมา หลังจากนั้นยอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงก็หยุดพูดไป


 


พวกเขาทุกคนมองไปที่โล่ของหานเซิ่นด้วยสีหน้าที่ดูเอาจริงเอาจัง


 


มันไม่มีอะไรที่พวกเขาจะสามารถทำเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ พวกเขาได้แต่มองดูหานเซิ่นแบกเอาโล่เมดูซ่าส์เกซกลับขึ้นไปบนวาฬขาว


 


“เร็วเข้า…บอกให้ลุงสี่และท่านหญิงมิร์เรอร์รีบเดินทางไปที่นั่นโดยเร็วที่สุด พวกเราจำเป็นที่ชิงโล่นั่นคืนมา”


 


“นี่มันแย่แล้ว สิ่งนั้นไปตกอยู่ในระบบไอซ์บลูได้ยังไงกัน? มันอยู่ในดินแดนของพวกเรามาโดยตลอด แต่ไม่มีใครหามันเจออย่างนั้นหรอ? นี่หน่วยอัศวินไอซ์บลูทำงานกันยังไง? นี่พวกเขาปล่อยให้ของที่สำคัญซ่อนอยู่ใต้จมูกของพวกเราตลอดเวลาหลายปี และตอนนี้มันกำลังจะถูกขโมยไปอย่างนั้นหรอ?”


 


“ท่านช่วยอนุญาตให้ข้าน้อยไปที่ระบบจักรวาลเคออสด้วย ข้าจะไปช่วยเหลือลุงสี่ในการฆ่าหานเซิ่นและชิงเอาโล่นั่นมา”


 


“ข้าเองก็ยินดีที่จะไประบบจักรวาลเคออสเช่นกัน”


 


เดิมทีระบบจักรวาลเคออสเคยเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครอยากจะไป แต่ในตอนนี้มันเป็นสถานที่ที่ทุกคนปรารถนา


 


หานเซิ่นไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับโล่ที่ได้มา แต่เขามั่นใจว่ามันต้องเป็นสิ่งของที่มีค่ามากๆ เขาเก็บเห็ดร่มพิษและอุ้มเป่าเอ๋อขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็ลากโล่กลับไปที่วาฬขาว


 


หานเซิ่นได้รับสิ่งที่เขาต้องการเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องอยู่ต่อและรอให้เกิดมีเรื่องร้ายๆขึ้นมา


 


หานเซิ่นรีบกลับขึ้นไปที่วาฬขาวอย่างรวดเร็วที่สุด เหล่าโจรสลัดกำลังนั่งเฝ้าวาฬขาวอยู่ เมื่อนกแดงน้อยเห็นพวกเขากำลังเข้ามา มันก็บินออกมารับพวกเขา มันบินลงมาบนไหล่ของเป่าเอ๋อโดยหวังที่จะแทะโสมขนาดใหญ่ในมือของเธอ


 


“นี่เป็นของฉัน!” เป่าเอ๋อกอดโสมเอาไว้แน่นและไม่ปล่อยให้นกแดงน้อยกินมันได้


 


หานเซิ่นไม่มีเวลาจะมัวมาสนใจการทะเลาะกันของทั้งคู่ เขารีบเดินเครื่องของวาฬขาว เขาเดินทางออกจากระบบไอซ์บลูและมุ่งหน้าลึกเข้าไปในระบบจักรวาลเคออส


 


หานเซิ่นวางโล่ลง มันหนักเกินกว่าที่เขาจะถือมันไปไหนมาไหนได้ เพียงแค่แบกมันขึ้นมาบนวาฬขาวก็ทำให้เขาหอบแล้ว


 


เมื่อได้เห็นโล่ที่หานเซิ่นนำกลับมา ฟางชิงอวี่ก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็น หานเซิ่นออกไปเพียงไม่นานนัก แต่เขาก็นำโล่ขนาดใหญ่อันหนึ่งกลับมา


 


เมื่อเขาเข้าไปดูใกล้ๆและได้เห็นภาพของผู้หญิงครึ่งมนุษย์ครึ่งงู เขาก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ


“เมดูซ่าส์เกซ!”


 


“นี่เจ้ารู้จักโล่นี้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามเมื่อเห็นท่าทางของฟางชิงอวี่


 


“นี่…นี่มัน…นี่มันคือเมดูซ่าส์เกซจริงๆอย่างนั้นหรอ?” เสียงของฟางชิงอวี่สั่นรัวขณะที่เขาจ้องมองไปที่โล่


 


“ข้าไม่รู้ ข้าเพิ่งจะขุดมันขึ้นมา เจ้ารู้เกี่ยวกับโล่นี้อย่างนั้นหรอ?”


หานเซิ่นถามอีกครั้ง ฟางชิงอวี่ดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับมัน


 


มือที่สั่นของฟางชิงอวี่ยื่นออกไปสัมผัสผิวของโล่ สิ่งที่เขาพูดนั้นฟังดูไม่ได้ใจความ


“ข้าไม่รู้… ไม่… ไม่… ข้าไม่แน่ใจว่าโล่นี้จะใช่เมดูซ่าส์เกซหรือเปล่า แต่ตำนานบอกเอาไว้ว่ามันถูกทำลายใน…”


 


“เมดูซ่าส์เกซคืออะไร?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน


 


ฟางชิงอวี่พยายามสงบจิตใจของตัวเองและพูด


“กาลเวลาเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ยอดฝีมือเกิดขึ้นและตายไป สมบัติเองก็เช่นกัน บางอันถูกทำลายขณะที่อันอื่นถูกสร้างขึ้นมา ที่สุดแล้วพวกมันอาจจะกลายเป็นอะไรที่มีชื่อเสียง แต่สักวันหนึ่ง ภายใต้การไหลเวียนของแม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์ พวกมันจะกลายเป็นตำนาน ผู้คนจะจดจำสิ่งของอย่างนั้นไปตลอดการ ในอดีตนั้นอัลฟ่าของเผ่ากาน่าได้ใช้โล่เมดูซ่าส์เกซและสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์ พวกมันทั้ง 2 เป็นสมบัติระดับเทพเจ้า และพวกมันก็ทำให้เขาไร้เทียมทาน มันทำให้เขาจุดดวงไฟของเผ่าพันธุ์ภายในจีโนฮอลล์ได้ และมันเป็นการกระทำนั้นที่ทำให้เผ่ากาน่ากลายเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ชั้นสูง”


 


“หลังจากนั้นโล่เมดูซ่าส์เกซและสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์ก็กลายเป็นสมบัติระดับเทพเจ้าที่มีชื่อเสียงมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมดูซ่าส์เกซ มันถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในสิบสมบัติระดับเทพเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ว่าได้ อัลฟ่าของกาน่าได้ใช้เมดูซ่าซ์เกซและสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์เพื่อจู่โจมจีโนฮอลล์ หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานหลายวัน พวกมันก็ถูกถีบและร่วงหล่นลงมาจากจีโนฮอลล์ หลังจากนั้นเมดูซ่าส์เกซและสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์ก็หายสาบสูญไป”


 


ขณะที่ฟางชิงอวี่พูด เขาก็เอามือลูบผิวของโล่ “ถ้านี่เป็นเมดูซ่าส์เกซจริงๆ มันก็เป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ โล่นี้ใช้เพื่อซื้อเผ่าพันธุ์ชั้นสูงทั้งเผ่าได้เลย เพราะยังไงซะมันก็เป็นถึงสมบัติระดับเทพเจ้าที่ใช้จู่โจมจีโนฮอลล์ แต่ตำนานบอกว่าโล่เมดูซ่าส์เกซและสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์ถูกทำลายในการต่อสู้ ข้าไม่รู้ว่านั่นเป็นเรื่องจริงหรือไม่”


 


“ยอดฝีมือที่บุกเข้าไปในจีโนฮอลล์?” หานเซิ่นแปลกใจ


 


แม้แต่แอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตที่ทรงพลังก็ยังไม่สามารถผ่านประตูของจีโนฮอลล์เข้าไปได้ แต่ทว่าอัลฟ่าของกาน่าบุกเข้าไปถึงภายในของจีโนฮอลล์และต่อสู้อยู่ภายในนั้นเป็นเวลาหลายวัน เขาไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าอัลฟ่าของกาน่าแข็งแกร่งถึงขนาดไหน


 


“พวกเราตัดสินว่าโล่นี้คือเมดูซ่าส์เกซของจริงหรือไม่ได้ยังไง?”


หานเซิ่นรู้สึกดีใจ ถ้านี่เป็นสมบัติระดับเทพเจ้าที่ใช้ในการต่อสู้ภายในจีโนฮอลล์จริง มันก็เป็นอะไรที่มหัศจรรย์มากๆ


 


หานเซิ่นมีสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์เรียบร้อยแล้ว ถ้านั่นคือโล่เมดูซ่าส์เกซจริงๆ บางทีเขาอาจจะเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับอัลฟ่าของกาน่าได้ และบางทีเขาอาจจะสามารถใช้พวกมันเพื่อจู่โจมจีโนฮอลล์ด้วยตัวเขาเอง

 

 

 


ตอนที่ 2507

 

“ข้าไม่รู้… ข้าแค่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันเท่านั้น ถ้านี่เป็นโล่เมดูซ่าส์เกซจริงๆ แบบนั้นดวงตาของนางก็ควรจะเปิดขึ้นได้ ตำนานบอกว่าถ้านางลืมตาขึ้นมา แม้แต่เทพเจ้าก็จะร้องไห้ แต่มันผ่านมานานมากแล้ว… ผู้คนส่วนใหญ่แค่เคยได้ยินตำนานที่เล่าต่อกันมาเท่านั้น ในตอนนนี้พวกคนที่เคยได้เห็นโล่เมดูซ่าส์เกซคงจะตายกันไปหมดแล้ว มีเพียงแค่สิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะเท่านั้นที่จะยืนยันได้ว่าสิ่งนี้เป็นของแท้หรือไม่ แม้แต่ในสหพันธ์1000สมบัติ ข้าก็กลัวว่ามีแค่ผู้อาวุโสไม่กี่คนเท่านั้นที่อาจจะยืนยันได้ว่ามันคือของแท้หรือเปล่า” ฟางชิงอวี่พูด


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว ถ้านี่เป็นโล่เมดูซ่าส์เกซจริงๆ แบบนั้นทางเอ็กซ์ตรีมคิงก็ต้องเห็นเขาเอามันไปอย่างแน่นอน


 


“เป่าเอ๋อ หนูมาขับวาฬขาว” หานเซิ่นให้เป่าเอ๋อมาขับวาฬขาวต่อและนำโล่เข้าไปในห้องของเขา เขาต้องการจะหาว่าโล่นี้มีประโยชน์หรือเปล่า


 


มันไม่สำคัญว่านี่จะใช่โล่เมดูซ่าเกซหรือไม่ ถ้าเขาไม่สามารถใช้มันได้ มันก็เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์


 


หานเซิ่นจับด้ามของโล่และใส่พลังของตัวเองเข้าไปข้างใน หรืออย่างน้อยๆเขาก็พยายามจะทำแบบนั้น แต่ว่าพลังนั้นถูกเด้งกลับมา เขาไม่สามารถใส่พลังของกายหยกเข้าไปในโล่ได้


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว ถัดไปเขาลองใช้พลังของศาสตร์ตงเสวียน เขาพยายามใส่พลังนั่นเข้าไปในโล่ ครั้งนี้พลังของเขาไม่ได้ถูกสะท้อนกลับออกมา หลังจากที่พลังของศาสตร์ตงเสวียนเข้าไปในโล่แล้ว ภาพสลักของผู้หญิงรูปงามบนโล่ก็เริ่มเรืองแสงสีม่วงออกกมา แสงสว่างเริ่มเฉิดฉายขึ้นในดวงตาของเธอและมันดูเหมือนกับว่าพวกมันกำลังจะเปิดขึ้น


 


แต่ทันใดนั้นดวงตาของหานเซิ่นก็เบิกกว้าง โล่นั้นเป็นเหมือนกับหลุมที่ไร้ก้นบึ้ง และมันกลืนกินพลังของเขาเข้าไปอย่างหิวกระหาย ในเวลาไม่กี่วินาทีใบหน้าของเขาก็ซีดเผือก พลังชีวิตของเขาอ่อนลงไป แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของผู้หญิงบนโล่ก็ยังคงปิดอยู่ มันยังคงมีแสงสีม่วงอยู่รอบใบหน้าของเธอ แต่มันดูไม่เหมือนว่าดวงตาของเธอจะเปิดขึ้นมา


 


หานเซิ่นรีบวางโล่ลงไป ถ้าเขายังพยายามใส่พลังเข้าไปอีก เขาก็จะกลายเป็นเหมือนกับเปลือกไม้ที่แห้งเหือด


 


หลังจากที่หานเซิ่นวางโล่ลง แสงบนโล่ก็หายไป มันกลับไปอยู่ในสภาพที่ดูเก่าแก่และสะบักสะบอมอีกครั้ง


 


“ถึงแม้นี่จะไม่ใช่โล่เมดูซ่าส์เกซ แต่มันก็ยังคงเป็นสมบัติที่สุดยอดอยู่ดี แม้แต่พลังของเราในตอนนี้ก็ยังเปิดใช้งานมันไม่ได้” หานเซิ่นค่อนข้างพึงพอใจกับการค้นพบของเขา เขาเชื่อว่าโล่นี่จะต้องเป็นโล่เมดูซ่าส์เกซ


 


แต่หานเซิ่นยังคงหงุดหงิดเล็กน้อยที่ไม่สามารถใช้งานมันได้ เขายังอ่อนแอเกินไป และเขารู้ว่าถ้าจะลองอีกครั้งมันก็ต้องเป็นตอนที่เขาสวมใส่เสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูง


 


แต่หานเซิ่นยังไม่ต้องการจะลองใช้มันในตอนนี้ โล่เมดูซ่าส์เกซในตำนานเป็นอะไรที่น่ากลัวเกินไป หานเซิ่นรู้ว่าตัวเองคงจะไม่สามารถควบคุมพลังของมันได้อย่างสมบูรณ์ เขากลัวว่าถ้าปลุกพลังของโล่ให้ตื่นขึ้น พลังของมันก็จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ


 


หานเซิ่นตัดสินใจนำโล่เมดูซ่าส์เกซเข้าไปเก็บเอาไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตา โล่เมดูซ่าส์เกซนั้นหนักมากๆ แต่เขาสามารถใส่มันเข้าไปในหอคอยได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร นั่นช่วยเขาได้มาก


 


ฟางชิงอวี่ยังคงสงสัยว่านั่นเป็นโล่เมดูซ่าส์เกซของจริงหรือเปล่า แต่หานเซิ่นไม่ได้กังวลอะไรกับเรื่องนั้น ที่เขาสนใจก็คือความจริงที่มันเป็นสมบัติที่ทรงพลังตราบใดที่เขาใช้มันได้


 


วาฬขาวยังคงอยู่ระหว่างการซ่อมแซมตัวเอง ดังนั้นมันไม่สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเต็มกำลัง และทำให้หน่วยอัศวินไอซ์บลูยังคงตามติดวาฬขาวมาได้


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูอยู่บนยานอวกาศที่กำลังตามพวกเขามา เขาจ้องมองไปที่วาฬขาวอย่างไม่ละสายตาอยู่ทุกๆวัน


 


มันไม่มีคำไหนที่จะมาอธิบายถึงความขัดแย้งในหัวใจของราชาอัศวินไอซ์บลูตอนนี้


 


หานเซิ่นฆ่าองค์ชายคนหนึ่งและจับตัวบุตรชายคนโปรดของราชาไป๋ไป ซึ่งเรื่องทั้งหมดนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับราชาอัศวินไอซ์บลูเป็นการส่วนตัว แต่จู่ๆหานเซิ่นก็ขุดโล่เมดูซ่าส์เกซขึ้นมาได้จากสถานที่ที่เป็นเขตของหน่วยอัศวินไอซ์บลู ราชาอัศวินไอซ์บลูไม่แน่ใจว่าควรจะมีปฏิกิริยายังไงกับเรื่องทั้งหมดนี้


 


‘โล่เมดูซ่าส์เกซ… โล่เมดูซ่าส์เกซถูกซ่อนอยู่ใต้จมูกของเรามาตลอดหลายปี และเรา…’ ทุกครั้งที่ราชาอัศวินไอซ์บลูคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวด


 


“กัปตัน! มีบางสิ่งเกิดขึ้นจากภายในวาฬขาว” อัศวินคนหนึ่งตะโกนด้วยเสียงดัง


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูมองไปที่วาฬขาวผ่านทางภาพวิดีโอ เขาเห็นว่าวาฬขาวดูแตกต่างไปจากเดิม มันไม่ได้ดูสะบักสะบอมอีกต่อไป ตอนนี้ผิวของมันดูมันเงาและเรียบเนียนเหมือนกับสิ่งมีชีวิต


 


ในตอนนี้วาฬขาวกำลังเรืองแสงสีขนาดประหลาด เขาสามารถเห็นว่ามันมีคลื่นบางอย่างอยู่รอบๆตัววาฬขาว


 


ก่อนที่ราชาอัศวินไอซ์บลูจะตอบสนองอะไรได้ วาฬขาวก็สะบัดหางของมันและว่ายออกไปด้วยความเร็วสูงอย่างน่าตกใจ มันหายไปในชั่วพริบตาและทิ้งไว้เพียงแค่คลื่นกระแทกของมัน


 


เหล่าอัศวินไอซ์บลูได้แต่จ้องมองไปข้างหน้าด้วยความตกใจ และก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกตัวอีกที วาฬขาวก็ได้หายไปแล้ว


 


“กัปตัน! พวกเราจะทำยังไงกันดี? พวกเราควรจะไล่ตามไปต่อไหม?” อัศวินคนหนึ่งถามขึ้นมา


 


“ไล่ตามไป!” ราชาอัศวินไอซ์บลูพูดพร้อมกับกัดฟัน


 


“แต่พวกเราจะไล่ตามมันไปได้ยังไง?” อัศวินคนนั้นถาม


 


“ไปข้างหน้า!” ราชาอัศวินไอซ์บลูสั่งอย่างหดหู่


 


วาฬขาวซ่อมแซมตัวเองจนเกือบจะเสร็จแล้ว ดังนั้นตอนนี้มันสามารถเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วเต็มกำลัง มันยังคงมีบางส่วนที่จำเป็นต้องซ่อมแซม แต่หานเซิ่นไม่สามารถรอคอยอีกต่อไปได้


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าคนอย่างเหมิงเลี่ยจะไล่ตามเขามาทันเมื่อไหร่ ดังนั้นยิ่งพวกเขาหนีไปได้ไกลเท่าไหร่ พวกเขาก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น


 


เมื่อพวกเขาเดินทางเข้าไปถึงส่วนลึกของระบบจักรวาลเคออส แม้แต่ยอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แม้แต่คนอย่างเหมิงเลี่ยก็ยากจะจับตัวหานเซิ่นภายในนั้น


 


ในระบบจักรวาลเคออส ซีโน่เจเนอิคมักจะเดินทางกันเป็นกลุ่มใหญ่ โชคดีที่หานเซิ่นมีวาฬขาวอยู่ ซีโน่เจเนอิคทั่วๆไปจะไม่สามารถทะลวงผิวของวาฬขาวเข้ามาได้ และด้วยความเร็วของวาฬขาว มันก็เป็นเรื่องง่ายที่หานเซิ่นจะเล็ดลอดผ่านฝูงซีโน่เจเนอิคไป


 


ในตอนที่พวกเขาเจอกับซีโน่เจเนอิคที่ไม่แข็งแกร่งจนเกินไป หานเซิ่นก็ชะลอลงเพื่อล่าซีโน่เจเนอิค


 


เหล่าโจรสลัดเองก็สามารถฆ่าซีโน่เจเนอิคได้เป็นจำนวนมาก และพวกเขาก็ดีใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น ด้วยการที่มีวาฬขาวคอยสนับสนุน พวกเขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกล้อม พวกเขาสามารถทำการฆ่าซีโน่เจเนอิคได้อย่างสบายใจ


 


หานเซิ่นไม่ต้องการจะล่าซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสและดยุกอีกต่อไป ดังนั้นถ้าเหล่าโจรสลัดฆ่าพวกมันได้ พวกเขาก็สามารถเก็บพวกมันเอาไว้ได้ หานเซิ่นต้องการเพียงแค่ซีโน่เจเนอิคระดับราชันเท่านั้น


 


ถ้าพวกเขาเผชิญหน้ากับซีโน่เจเนอิคฝูงใหญ่อย่างกุ้งกาแลกติกที่มีกันเป็นพันล้านตัว หานเซิ่นก็จำเป็นต้องหนี การเผชิญหน้ากับซีโน่เจเนอิคกลุ่มใหญ่ขนาดนั้นเป็นอะไรที่อันตรายมากๆ


 


“แมงมุมหลุมดำ!” วาฬขาวเคลื่อนที่ไปในระบบๆหนึ่งและแมงมุมขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา ใยแมงมุมของมันกว้างขวางจนปกคลุมทั้งระบบ


 


หานเซิ่นชะลอความเร็วของวาฬขาวลงเพื่อไม่ไปรบกวนแมงมุมหลุมดำ สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวนั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าธรรมดาก็ไม่กล้าจะรบกวน


 


ขณะที่วาฬขาวกำลังจะออกจากระบบที่ถูกยึดครองโดยแมงมุมหลุมดำ ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เห็นเท้าของเจ้าแมงมุมเคลื่อนไหว หัวของมันหันมาทางวาฬขาวและลูกตาที่เหมือนกับหลุมดำก็มองมาที่พวกเขา 

 

 


ตอนที่ 2508

 

 


หานเซิ่นตัดสินใจเร่งเครื่องวาฬขาวเต็มกำลังเพื่อออกไปจากเขตแดนของแมงมุมหลุมดำ เครื่องยนต์ของวาฬขาวทำงานอย่างหนักจนปล่อยควันออกมาเป็นโขยง แต่วาฬขาวไม่ได้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า มันกำลังถูกดึงกลับไปด้านหลังแทน


 


หานเซิ่นมองไปด้านหลังและเห็นแมงมุมหลุมดำอ้าปากกว้างเหมือนกับหลุมดำขนาดใหญ่ มันก่อวังวนในอวกาศเพื่อดูดวาฬขาวเข้าไปหาปากของมัน


 


“พวกเรากำลังจะตาย! ใครจะมาช่วยชีวิตฉัน? ฉันไม่อยากตาย… ฉันยังเป็นโสด… ฉันยังไม่ได้แต่งงาน…” หนิงเยวี่ยนั่งอยู่บนพื้นขณะที่กำลังกอดเป่าเอ๋อและร้องไห้


 


โจรสลัดทุกคนตกตะลึง พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับแมงมุมหลุมดำมาก่อน ถึงแม้ในระบบจักรวาลเคออสจะเต็มไปด้วยอันตราย แต่แมงมุมหลุมดำก็ยังอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร


 


หานเซิ่นเร่งเครื่องของวาฬขาวจนถึงขีดสุด แต่วาฬขาวก็ยังคงถูกดึงไปด้านหลังเรื่อยๆ


 


ปัง!


จู่ๆดาวเคราะห์น้อยที่คาดไม่ถึงชนเข้ากับด้านข้างของวาฬขาว และทำให้วาฬขาวเสียสมดุล ก่อนที่หานเซิ่นจะมีเวลาคิด วาฬขาวก็ดึงดูดเข้าไปในหลุมดำนั้น วาฬขาวหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆภายในหลุมดำและวัตถุเล็กอื่นก็พุ่งมาชนเข้ากับวาฬขาว ทุกการชนทำให้เกิดเสียงดังขึ้นมาภายในยาน เหล่าโจรสลัดกำลังกลิ้งไปกับพื้น


 


“ฉันยังไม่อยากตาย!” หนิงเยวี่ยกรีดร้องสุดลมหายใจ


 


หานเซิ่นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาขยับเท้าของตัวเองขณะที่วาฬขาวกลิ้งไปเรื่อยๆ เขาพยายามทรงตัวเองเอาไว้โดยการใช้พลังของเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูงช่วย เขาคิดจะปลดปล่อยพลังออกมาเพื่อพาทุกคนออกไปจากวังวนอวกาศนั่น


 


เป่าเอ๋อกระโดดอย่างคล่องแคล่วไปมาขณะที่ยังคงถือโสมสีม่วงขนาดใหญ่เอาไว้ การสั่นสะเทือนระดับนี้ไม่ได้มีผลต่อสมดุลของเธอ


 


นกแดงน้อยยังคงเกาะอยู่บนไหล่ของเธอขณะที่มองไปรอบๆ


 


ปัง!


วินาทีต่อมา วาฬขาวก็ร่วงลงมาบนทะเลสีดำแห่งหนึ่ง


 


“ที่นี่ที่ไหนกัน? ทำไมถึงมีทะเลอยู่ที่นี่?” หานเซิ่นสงสัย เขามองไปรอบๆและเห็นว่าทะเลสีดำนั้นกว้างใหญ่จนดูไร้ที่สิ้นสุด หมอกนั้นลอยขึ้นจากทุกทิศทาง ดังนั้นเขาไม่สามารถมองเห็นได้ไกลนัก


 


สิ่งของอย่างอื่นร่วงลงมาในทะเลตามๆกัน มันมีทั้งดาวเคราะห์น้อย พืช เศษส่วนของยานอวกาศหรือแม้แต่ซีโน่เจเนอิค


 


ในขณะที่หานเซิ่นมองไปรอบๆ ดาวทั้งดวงก็ตกลงมายังทะเลสีดำและเกิดเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดวาฬขาวกระเด็นออกไป


 


หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เห็นบางสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า วัตถุทุกอย่างที่ตกลงมาในทะเลสีดำนี้เริ่มจะละลาย


 


“นี่พวกเรา…อยู่ในท้องของแมงมุมหลุมดำ?” หานเซิ่นมองดูดาวเคราะห์น้อยที่กำลังละลาย


 


“โอ้ใม่นะ! พวกเราจบสิ้นแล้ว… พวกเราจะถูกย่อยและกลายเป็นก้อนอึ ฉันไม่ต้องการจะเป็นก้อนอึ” หนิงเยวี่ยนั่งร้องไห้อยู่บนพื้น


 


“อย่าได้กังวล ยานของพวกเราไม่ได้กำลังถูกย่อย” หานเซิ่นสังเกตตัวถังของยาน วาฬขาวไม่ต่างอะไรจากสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าตัวหนึ่ง ดังนั้นมันจะไม่ย่อยสลายภายใต้พลังกรดของน้ำทะเลสีดำ


 


แต่หานเซิ่นไม่รู้ว่าวาฬขาวจะทนได้นานแค่ไหน ดังนั้นเขารู้ว่าจำเป็นต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด


 


แต่แมงมุมหลุมดำนั้นใหญ่โตเกินไป มันดูดวาฬขาวเข้าไปโดยใช้แค่การสูดหายใจ เมื่อเทียบกับขนาดของแมงมุมหลุมดำแล้ว วาฬขาวนั้นเล็กยิ่งกว่ามดตัวหนึ่ง


 


หลังจากนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วแมงมุมหลุมดำไม่ได้โจมตีพวกเขา พวกเขาแค่เลือกเวลาไม่ดีที่จะมาเดินทางผ่านที่นี่ พวกเขามาในตอนที่แมงมุมหลุมดำตัดสินใจจะกินอาหารกลางวัน


 


จากที่พวกเขาเห็นผ่านหมอก พวกเขารู้ได้ว่าแมงมุมนั้นกินดวงดาวเข้ามาหลายดวงและดาวเคราะห์อีกนับไม่ถ้วน


 


หานเซิ่นเริ่มขับวาฬขาวขึ้นจากทะเลสีดำ ขณะที่หลบหลีกดาวเคราะห์น้อยที่ร่วงลงมาไปด้วย น้ำสีดำคงจะเป็นน้ำในกระเพาะของแมงมุมหลุดดำ เขาต้องการขึ้นให้สูงที่สุด ถ้านี่เป็นกระเพาะของแมงมุมหลุมดำจริงๆ เขาก็ควรจะออกไปทางหลอดอาหารได้


 


หลังจากที่เดินทางผ่านหมอกเป็นเวลานาน เขาก็ไม่เห็นดาวเคราะห์น้อยตกลงมาอีก แต่เขาก็ยังคงหาหลอดอาหารไม่เจอ


 


“นี่เป็นกระเพาะของแมงมุมหลุมดำจริงๆอย่างนั้นหรอ? มันมีขนาดใหญ่เกินไป หรือว่าบางทีพวกเราจะอยู่ในมิติอื่น?” หานเซิ่นครุ่นคิดขณะที่พูดกับตัวเอง


 


“พวกเราจะต้องตาย!” หยิงเยวี่ยยังคงร้องไห้


 


ฟางชิงอวี่ยิ้มแห้งๆออกมาและพูด “ถ้าข้าคาดเดาได้ถูกต้อง พวกเรากำลังอยู่ในร่างกายของแมงมุมหลุมดำ และนี่คือกระเพาะของมัน แมงมุมหลุมดำมีพลังธาตุอวกาศ มันเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าและพลังอวกาศก็แพร่ขยายทั่วร่างกายของมันเช่นกัน ถ้าพวกเราต้องการจะออกไปจากที่นี่ พวกเราจะต้องหาพลังอวกาศที่ล็อตที่นี่เอาไว้ให้เจอ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่มีทางออกไปได้”


 


“พวกเราจะทำลายพลังอวกาศเพื่อออกไปจากที่นี่ได้ยังไง?” หานเซิ่นถามขณะที่มองมาที่ฟางชิงอวี่


 


ฟางชิงอวี่ยิ้มแห้งๆออกมา “ข้าได้แต่คาดเดาถึงสิ่งที่พวกเรากำลังเผชิญจากข้อมูลที่เคยอ่านในฐานข้อมูลของ1000สมบัติ แต่ข้าทำลายอะไรก็ตามที่กักขังพวกเราเอาไว้ที่นี่ไม่ได้ ข้าได้แต่หวังว่าวาฬขาวจะทนต่อการย่อยของแมงมุมหลุมดำได้ ไม่อย่างนั้นพวกเราทุกคนก็คงจะต้องตายในเร็วๆนี้”


 


หานเซิ่นไม่พูดอะไร เขาจ้องไปในหมอกด้วยวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วง และเขาก็สังเกตเห็นว่าหมอกนั้นทำขึ้นมาจากโซ่สสารที่ก่อตัวขึ้นจากสสารธาตุอวกาศ พลังของโซ่สสารนั้นบิดเบี้ยวอวกาศให้กลายเป็นสถานที่ปิดตายภายในกระเพาะของแมงมุมหลุมดำ เขาไม่สามารถบินออกไปได้ด้วยวิธีการปกติ


 


แต่เขาต้องพยายามดูถึงแม้มันจะไม่ได้ผล ไม่มีใครรู้ว่าวาฬขาวจะทนต่อน้ำย่อยและหมอกพวกนี้ได้นานสักแค่ไหน ถ้าพวกเขาไม่สามารถออกไปได้ พวกเขาก็จะต้องตาย


 


หานเซิ่นไม่ได้เปิดใช้งานอาวุธของวาฬขาว เนื่องจากการเปิดใช้งานพวกมันจำเป็นต้องดึงพลังงานจากเครื่องปฏิกรณ์คริสตัล วาฬขาวไม่ได้มีพลังงานอย่างไร้ขีด ดังนั้นถ้าเขาใช้พลังงานไปจนหมด มันก็จะไม่สามารถบินได้อีก


 


“นกแดงน้อย” หานเซิ่นหันไปพูดกับนกแดงน้อย


 


นกแดงน้อยดูเหมือนรู้ว่าหานเซิ่นต้องการอะไร มันส่งเสียงร้องออกมาและบินขึ้นจากไหล่ของเป่าเอ๋อ มันกลายร่างเป็นฟินิกซ์เพลิงและบินออกไปจากวาฬขาว มันพ่นไฟใส่หมอก


 


เพลิงสีแดงเผาโซ่สสารอวกาศเป็นผุยผง แต่เมื่อโซ่สสารอวกาศถูกทำลาย มันก็ทำให้มิติรอบๆไม่เสถียรอย่างมาก นกแดงน้อยเกือบจะตกลงไปในรอยแยกนั้น ด้วยเหตุนั้นมันจึงหนีกลับเข้ามา


 


“นี่ก็คือซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าธาตุอวกาศ” หานเซิ่นดูหดหู่ ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าธาตุอวกาศนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าที่เขาคาดเอาไว้ 

 

 


ตอนที่ 2509

 

หานเซิ่นขับวาฬขาวบินไปในทะเลที่ปกคลุมด้วยหมอกเป็นเวลานานกว่าร้อยชั่วโมง แต่เขาก็ยังไม่สามารถหาทางออกไปได้


 


พลังอวกาศภายในกระเพาะของแมงมุมหลุมดำนั้นประกอบด้วยชั้นหลายชั้นราวกับเขาวงกตอวกาศขนาดใหญ่ยักษ์ และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการที่รอยแยกของอวกาศสามารถสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงกับตัวถังของวาฬขาว


 


โชคดีที่หานเซิ่นมีอาณาเขตตงเสวียนและวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงที่ช่วยให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงรอยแยกของอวกาศได้ ไม่อย่างนั้นวาฬขาวก็คงจะถูกฉีกขาดไปแล้ว


 


แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังต้องเผชิญกับการที่กระเพาะของแมงมุมกำลังย่อยสลายพวกเขา เรื่องดีเพียงอย่างเดียวของเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือความจริงที่ว่าวาฬขาวสามารถซ่อมแซมตัวเองได้เร็วกว่าที่มันถูกกัดกร่อน


 


ถึงอย่างนั้นการซ่อมแซมตัวเองของวาฬขาวก็เป็นกระบวนการที่ใช้พลังงาน ถ้าพลังงานของมันหมด ความตายก็คือสิ่งเดียวที่รอคอยพวกเขาอยู่ ทุกคนบนวาฬขาวต่างก็รู้สึกหดหู่ ชะตากรรมที่ไม่แน่นอนทำให้ทุกคนรู้สึกเป็นกังวล นอกจากเป่าเอ๋อที่กำลังพยายามปลอบหนิงเยวี่ยแล้ว มันก็ไม่มีใครคนไหนที่จะยิ้มออกมาได้


 


หานเซิ่นตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมากที่จะต้องแก้ไขวิกฤตนี้ เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเอง เพราะเขาสามารถหนีกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ได้ แต่ถ้าเขาทำแบบนั้นหนิงเยวี่ยและฟางชิงอวี่ก็จะต้องตาย


 


“น้องฟาง เจ้าติดต่อผู้อาวุโสแยกสมบัติได้ไหม? เจ้าลองถามเขาหน่อยว่าจะช่วยพวกเราได้ไหม?” หานเซิ่นพูดกับฟางชิงอวี่อย่างมีความหวัง


 


ฟางชิงอวี่ยิ้มแห้งๆและนำเอารูบิคว่านเจียออกมา ลูกรูบิคทั้งลูกนั้นเป็นสีเทาและไร้ชีวิตชีวา มันไม่สามารถจับสัญญาณอะไรได้


 


“ข้าลองพยายามดูแล้ว แต่รูบิคว่านเจียทำงานในสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ รูบิคว่านเจียเป็นสมบัติธาตุอวกาศ แต่แมงมุมหลุมดำเองก็เป็นซีโน่เจเนอิคธาตุอวกาศ ด้วยเหตุนั้นพลังของมันจึงส่งผลต่อการทำงานของรูบิคว่านเจีย” ฟางชิงอวี่ฝืนยิ้มออกมา


 


หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรอีก เขายังคงขับวาฬขาวไปข้างหน้าต่อไป ในตอนนี้เขายังไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่คอยดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป


 


เหล่าโจรสลัดดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีหานเซิ่นอยู่ที่นี่ด้วยอีกคน พวกเขาก็คงจะเป็นบ้ากันไปหมดแล้ว ถ้าไม่มีหานเซิ่นอยู่ ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรลงไป


 


หนิงเยวี่ยไม่จำเป็นต้องตกอยู่ในสถานการณ์กดดันอะไรที่จะร้องไห้ออกมา เพียงแค่เป่าเอ๋อแกล้งเธอก็มากพอที่จะทำให้น้ำตาไหลออกมาแล้ว เธอกำลังร้องห่มร้องไห้ราวกับผู้หญิงที่เป็นบ้า


 


แต่ในสายตาของเหล่าโจรสลัด เธอเป็นอย่างอื่นที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง


 


พวกเขาได้เห็นหนิงเยวี่ยกลายร่างเป็นผู้ชายและฆ่าครึ่งเทพคนหนึ่งอย่างง่ายดาย หนิงเยวี่ยอาจจะดูเป็นบุคคลที่เปราะบางในตอนนี้ แต่ไม่มีใครกล้าจะทำให้เธอโกรธ


 


ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เห็นเงาสีดำในหมอก เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร แต่มันดูเป็นบางสิ่งที่ใหญ่โตมากบนทะเลสีดำ


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาตัดสินใจขับวาฬขาวเข้าไปดู มันไม่มีอะไรเลวร้ายกว่าสถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้แล้ว แบบนั้นมันก็คุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงไปดู


 


“มันคืออะไร?” เมื่อวาฬขาวเข้าไปใกล้เงานั่นเรื่อยๆ ในที่สุดคนอื่นบนยานก็เริ่มจะสังเกตเห็นมัน


 


“แผ่นดิน… มันมีแผ่นดินอยู่!” เมื่อพวกเขาสามารถเห็นว่ามันคืออะไร พวกเขาก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ


 


ภาพที่ไม่น่าเชื่อปรากฏให้เห็นตรงหน้าพวกเขา มันมีแผ่นดินสีแดงเข้มที่ทอดยาวอยู่ข้างหน้า หานเซิ่นเห็นเกาะหินและแนวปะการังรอบๆ


 


จากระยะไกลหานเซิ่นเห็นพืชประหลาดบางอย่างขึ้นอยู่บนดินแดนแห่งนั้น พืชเหล่านั้นแทนที่จะเป็นต้นไม้ หญ้าหรือเถาวัลย์ที่หาพบเจอได้ตามเกาะ พวกมันกลับเป็นเห็ดที่มีขนาดและรูปร่างหลากหลาย


 


เห็ดขนาดใหญ่บางดอกใหญ่โตราวกับชิ่งช้าสวรรค์ ในขณะที่บางดอกมีขนาดพอกับห้องๆหนึ่ง มันยังมีเห็ดที่เล็กเท่ากับเม็ดถั่วอีกด้วย พวกมันหลากสีสันและดูสวยงามมากๆ


 


นอกจากนั้นเห็ดมากมายยังเรืองแสงออกมา พวกมันทำให้ทะเลสีดำนั้นสว่างไสวขึ้นมา


 


หานเซิ่นและคนอื่นๆมองไปที่แผ่นดินเห็ดราวกับว่าพวกเขากำลังจ้องมองไปที่ดินแดนในเทพนิยาย พวกเขาดูประหลาดใจมากๆ


 


“ถ้ามันมีแผ่นดินอยู่ นั่นหมายความว่าพวกเราไม่ได้อยู่ในท้องของแมงมุมหลุมดำใช่ไหม?” เมื่อหนิงเยวี่ยเห็นแผ่นดินเห็ด เธอก็กลับมาดูมีความหวังอีกครั้ง


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้มองโลกในแง่ดีแบบนั้น เขาเคยเห็นร่างกายของซีโน่เจเนอิคหลายตัวที่มีดินแดนหรือปราสาทอยู่ แมงมุมหลุมดำนั้นมีขนาดใหญ่โต ดังนั้นการมีแผ่นดินอยู่ภายในตัวจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร


 


แต่ไม่ว่าจะยังไง ถ้าบนแผ่นดินนั้นมีพืชอยู่ มันก็แสดงว่ามันเหมาะสมสำหรับสิ่งมีชีวิต แถมหมอกนั้นดูเหมือนจะไม่ปกคลุมแผ่นดินเห็ดด้วย อย่างน้อยนั่นก็ช่วยป้องกันวาฬขาวจากการถูกกัดกร่อนไปมากกว่านี้ นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี


 


ขณะที่หานเซิ่นขับวาฬขาวไปยังดินแดนที่เต็มไปด้วยเห็ด เขาไม่ได้รีบลงจอดในทันที ก่อนอื่นเขาบินไปรอบๆแผ่นดินเห็ด แต่เมื่อเขาบินจนครบรอบ เขาก็ขมวดคิ้ว


 


แผ่นดินเห็ดนี้ดูงดงามมากๆ และเห็ดนั้นปกคลุมทั่วเกาะด้วยนานาสีสันราวกับสายรุ้ง แต่นอกจากเห็ดแล้ว มันไม่มีอะไรอย่างอื่นอยู่เลย


 


มันไม่มีทั้งซีโน่เจเนอิคหรือพืชชนิดอื่น มันมีเพียงแค่เห็ดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น


 


จากประสบการณ์ของหานเซิ่นแล้ว ยิ่งเห็ดดอกหนึ่งดูสวยงามมากเท่าไหร่ พิษของมันก็จะอันตรายมากเท่านั้น เห็ดพวกนี้ดูสวยเป็นพิเศษ ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าพิษของมันต้องเป็นอะไรที่อันตราย


 


“นั่นคืออะไร?” ฟางชิงอวี่ถามขึ้นมาขณะที่ชี้ไปที่ป่าเห็ด


 


หานเซิ่นมองไปทางที่ฟางชิงอวี่ชี้ และเขาก็เห็นว่าในป่าเห็ดมีภูเขาหินลูกหนึ่งอยู่ ภูเขาหินนั้นกลมอย่างมาก และมันก็มีรูปร่างเหมือนกับซาลาเปา


 


ถัดไปจากภูเขาเล็กนั่นมียานลำหนึ่งจอดอยู่ มันดูเก่าแก่และทรุดโทรม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่ามันเป็นยานของใคร


 


“มีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นี่!” โจรสลัดคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น


 


หานเซิ่นขับวาฬขาวเข้าไปใกล้ยานลำนั้น แต่ทันใดนั้นประตูของยานก็เปิดออกมาและมีสิ่งมีชีวิตปีนออกมา


 


เมื่อหานเซิ่นสิ่งมีชีวิตนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความแปลกใจ


 


เขาเคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดมามากมาย แต่สิ่งมีชีวิตที่ออกมาจากยานนั้นยังคงดูประหลาดสำหรับเขา สิ่งมีชีวิตนั้นมีสีขาวเหมือนกับหิมะ และร่างกายของมันก็สูง 2 เมตร มันดูเหมือนกับเสือ แต่บนหัวของมันมีเห็ดสีชมพูงอกขึ้นมา มันทำให้เสือที่ดุร้ายดูน่ารักแทน


 


“เป็นเสือที่น่ารักอะไรอย่างนี้!” หนิงเยวี่ยมองไปที่เสือตัวนั้นด้วยดวงตาที่เป็นประกาย


 


เสือขาวที่มีเห็ดสีชมพูอยู่บนหัวหันมองมาที่วาฬขาว มันอ้าปากและปลดปล่อยเสียงออกมา “เหมียว!”


 


หานเซิ่นและคนอื่นแลกเปลี่ยนสายตากัน หนิงเยวี่ยดูเหมือนกับว่าหัวใจกำลังละลาย เธอมองไปที่เสือขาวบนหน้าจอและพูดออกมาอย่างหลงไหล “น่ารัก!”


 


ตูม!


ก่อนที่ใครจะพูดอะไรได้อีก เสือขาวก็กระโดดขึ้นมาบนหลังของวาฬขาว ทันใดนั้นหลังของวาฬขาวก็บุบลงมาและวาฬขาวเองก็ถูกกดลงไปยังป่าเห็ด 

 

 


ตอนที่ 2510

 

วาฬขาวร่วงลงมายังป่าเห็ดและแรงกระแทกก็ทำให้เห็ดมากมายกระเด็นออกไป วาฬขาวไถลไปกับพื้นจนกระทั่งมันชนเข้ากับเห็ดที่สูงหลายสิบเมตร


 


แรงสั่นเทือนทำให้เห็ดที่อยู่รอบๆปลดปล่อยหมอกควันหลากสีสันออกมา เมื่อหานเซิ่นและคนอื่นๆมองออกไป พวกเขาก็เห็นแค่สปอร์สีรุ้งที่ก่อตัวกันเป็นหมอกหนา


 


นกแดงน้อยโกรธ มันบินออกจากปากของวาฬขาวและเปลี่ยนร่างเป็นฟินิกซ์เพลิง เปลวไฟที่น่ากลัวของมันเปลี่ยนบริเวณรอบๆให้กลายเป็นขุมนรกที่ร้อนระอุ สปอร์ของเห็ดมากมายถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน และเสือขาวที่จู่โจมพวกเขาก็ถูกล้อมด้วยเปลวไฟ


 


เสือกระโดดขึ้นเพื่อหนีจากเปลวไฟที่ร้อนแรง ขณะที่มันลอยตัวอยู่บนอากาศ มันอ้าปากขึ้นและพ่นกระสุนปืนใหญ่ใส่ฟินิกซ์เพลิง


 


ขณะที่กระสุนปืนพุ่งเข้ามา หานเซิ่นก็เห็นว่าจริงๆแล้วพวกมันเป็นเห็ด ฟินิกซ์เพลิงอ้าปากและปลดปล่อยไฟออกมาเผาผลาญเห็ดได้อย่างง่ายดาย พวกมันลุกไหม้และระเบิด สปอร์ที่อยู่ภายในปะทุออกมาจากพวกมันราวกับน้ำพุ


 


การระเบิดของพวกมันดูสวยงาม แต่ภายในหนึ่งวินาที ฟินิกซ์เพลิงก็เผาผลาญเห็ดและสปอร์ของพวกมันจนกลายเป็นเถ้าถ่าน


 


เสือขาวพ่นเห็ดออกมาเพิ่มอีก แต่เห็ดแต่ละดอกดถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่านโดยนกแดงน้อย เสือขาวเริ่มจะดูหวาดกลัวไฟของนกแดงน้อยขึ้นมา มันตัดสินใจจะวิ่งหนีไป นกแดงน้อยไล่ตามเสือขาวที่กำลังวิ่งหนีไปติดๆ


 


“พี่ใหญ่นกจัดการมันให้ได้! พี่ใหญ่นกแข็งแกร่งที่สุด”

เมื่อเหล่าโจรสลัดเห็นว่านกแดงน้อยกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ พวกเขารู้สึกดีใจและส่งเสียงเชียร์เพื่อสนับสนุนนกแดงน้อย


 


ขนบางส่วนของเสือขาวถูกไหม้ดด้วยเปลวไฟของนกแดงน้อย มันส่งเสียงร้องเหมียวที่น่าสมเพชออกมาขณะที่วิ่งหนีไป ขนสีขาวของมันเริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีดำด้วยความร้อน และทันใดนั้นมันก็กดหัวลงไปที่พื้นและขุดหายลงไปใต้พื้นดินเหมือนกับสว่าน


 


นกแดงน้อยบินไปรอบๆ แต่มันหาเสือขาวไม่เจอ ดังนั้นมันจึงบินกลับมาด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม


 


เหล่าโจรสลัดรีบเปิดประตูและต้อนรับนกแดงน้อยกลับมาข้างใน


 


“พี่ใหญ่นกทรงพลังที่สุด… พี่ใหญ่นกเป็นนกที่เก่งกาจที่สุดที่เคยมีมา เจ้าเสือกระจอกนั้นฉี่ราดเมื่อพี่ใหญ่นกออกไปทักทายมัน”

เหล่าโจรสลัดพูด พวกเขาพยายามจะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนกแดงน้อย


 


นกแดงน้อยยืดอกอย่างโอ้อวดเหมือนกับพี่ใหญ่อย่างที่ถูกเรียก ดูเหมือนว่าคำชื่นชมของเหล่าโจรสลัดจะทำให้นกแดงน้อยเริ่มหลงตัวเองขึ้นมา


 


เมื่อเห็นแบบนั้น หานเซิ่นก็ส่ายหัว “แม้แต่นกตัวหนึ่งก็ไม่อาจจะเมินเฉยต่อคำประจบสอพลอได้ นกแดงน้อยที่ครั้งหนึ่งเคยไร้เดียงสา ตอนนี้กำลังหลงระเริง”


 


นกแดงน้อยเป็นฝันร้ายของเจ้าเสือขาว เหล่าโจรสลัดจำเป็นต้องพึ่งการคุ้มครองของนกแดงน้อย ดังนั้นมันจึงไม่มีใครกล้าละเมิดนกแดงน้อย แต่เมื่อนกแดงน้อยบินกลับมาหาเป่าเอ๋อ มันก็พยายามทำตัวให้ดูสุภาพเรียบร้อย


 


หานเซิ่นมองไปรอบๆและเห็นว่านอกจากเสือขาวตัวนั้นแล้ว มันไม่ได้มีซีโน่เจเนอิคตัวไหนอยู่ในบริเวณนี้อีก เสือขาวถูกขับไล่ไปโดยนกแดงน้อย ดังนั้นสำหรับตอนนี้พวกเขาจะปลอดภัยที่นี่


 


ถ้าเสือขาวตัวนั้นมีชีวิตอยู่บนเกาะแห่งนี้ได้ อย่างนั้นพวกเขาก็ควรจะมีชีวิตรอดอยู่ที่นี่ได้เช่นเดียวกัน


 


ฟางชิงอวี่และหนิงเยวี่ยรู้สึกโล่งใจขึ้นมา ที่นี่แปลกประหลาด แต่อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าทะเลสีดำที่จะย่อยสลายพวกเขา


 


“เห็ดพวกนี้จะกินได้ไหมนะ พวกมันดูน่าอร่อย”


 


“ยิ่งพวกมันดูดีมากเท่าไหร่ พวกมันก็มีพิษร้ายมากเท่านั้น”


 


“แต่พวกเราเป็นโจรสลัดระดับสูง ทำไมพวกเราต้องกลัวพิษด้วย?”


 


เหล่าโจรสลัดพูดคุยกัน แต่ทันใดนั้นหนึ่งในพวกเขาก็ส่งเสียงร้องตะโกนออกมา เขาดูหวาดกลัว “เห็ด…เห็ดมัน…”


 


“มีอะไรน่าตกใจเกี่ยวกับเห็ด? พวกมันมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง” โจรสลัดอีกคนหัวเราะ


 


โจรสลัดคนนั้นยังคงดูตกใจมาก นิ้วของเขาสั่นขณะที่ชี้ออกไป และเขาพูดด้วยเสียงสั่นๆ “มัน….มันมีเห็ดอยู่บนหัวของเจ้า”


 


“นี่เจ้ายังมีเวลามาล้อเล่นอีกอย่างนั้นหรอ? หัวของข้าจะมีเห็ดอยู่ได้ยังไง?” โจรสลัดคนนั้นไม่เชื่อ แต่เมื่อเขาสัมผัสหัวของตัวเองเพื่อความแน่ใจ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป


 


หานเซิ่นและคนอื่นทุกคนหันไปมองที่โจรสลัดคนนั้น หัวของเขามีเห็ดดอกหนึ่งอยู่ มันเป็นเห็ดสีขาวที่ดูเหมือนกับไข่


 


“หัว…หัวของข้า…มีเห็ดอยู่…” โจรสลัดคนนั้นสัมผัสเห็ดบนหัวของตัวเองและกรีดร้องออกมา


 


“เจ้าจะแตกตื่นไปทำไม? บางทีพี่ใหญ่นกอาจจะทำมันหล่นลงมาบนหัวของเจ้าโดยบังเอิญ” อดีตกัปตันของเหล่าโจรสลัดพูด เขายื่นมือของเขาออกไปเพื่อดึงเห็ดบนหัวของโจรสลัดคนนั้น


 


“โอ้ย! มันเจ็บ! มันเจ็บ! มันเจ็บ!” โจรสลัดคนนั้นร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด อดีตกัปตันของโจรสลัดออกแรงดึงมากกว่าเดิมจนเขายกทั้งร่างของโจรสลัดคนนั้นขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเห็ดก็ยังไม่หลุดออกมา


 


เห็ดสีขาวบนหัวของเขาดูเหมือนจะติดกับหนังศีรษะของเขา


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาหันมองไปที่หัวของทุกคน และสิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาต้องตกใจ


 


“เจ้า…หัวของเจ้ามีเห็ดอยู่…และเจ้าก็ด้วย…อ้า!” ตอนนี้หัวของทุกคนมีเห็ดของตัวเอง ขนาดและสีสันของพวกมันแตกต่างกันออกไป


 


นอกจากเป่าเอ๋อและนกแดงน้อยแล้ว หัวของทุกคนมีเห็ดงอกขึ้นมาอย่างกะทันหัน


 


หานเซิ่นใช้อาณาเขตตงเสวียนเพื่อสังเกตดูเห็ดบนหัวของตัวเอง มันมีขนาดพอๆกับกำปั้นและมีสีดำสนิท มันเหมือนกับร่มน้อยๆ หมวกเห็ดนั้นค่อนข้างใหญ่ แต่ก้านของมันผอมบางมากๆ


 


สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเรื่องที่รากของเห็ดอยู่ในหัวของเขา พวกมันเป็นเหมือนกับเถาวัลย์ที่พันรอบสมองของเขา


 


หานเซิ่นมองหนิงเยวี่ยและฟางชิงอวี่ พวกเขาทั้งคู่ก็ตกอยู่ในสภาพเหมือนกับเขา


 


หัวของหนิงเยวี่ยมีหมวกเห็ดสีขาวอมชมพูขนาดใหญ่อยู่ ส่วนหัวของฟางชิงอวี่มีเห็ดลายจุดสีรุ้งอยู่ โจรสลัดคนอื่นก็มีเห็ดที่แตกต่างกันไปเช่นกัน


 


แต่เมื่อหานเซิ่นมองดูพวกเขาทุกคนโดยใช้อาณาเขตตงเสวียน หานเซิ่นก็เห็นว่าเห็ดนั้นพันติดกับสมองพวกเขาเช่นเดียวกัน


 


“อ้า! เห็ดบ้านี้คืออะไรกัน?” โจรสลัดคนหนึ่งพยายามจะตัดเห็ดบนหัวของเขาด้วยมีด แต่เขาตัดไปได้แค่ผิวของเห็ดเท่านั้น และความเจ็บปวดก็ทำให้เขาต้องลงไปกลิ้งกับพื้น


 


“ฉันไม่อยากจะกลายเป็นมนุษย์เห็ด!” หนิงเยวี่ยมองดูกระจก เมื่อเธอเห็นเห็ดบนหัว เธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา


 


เป่าเอ๋อพยายามจะปลอมเธอ “สาวน้อยหนิงเยวี่ย เห็ดของเธอดูดีมากๆ ถ้าเธอจะชนะการประกวดความงามของเห็ดอย่างแน่นอน”


 


“ฉันไม่ต้องการเป็นมนุษย์เห็ด! ฉันไม่ต้องการเข้าร่วมการประกวดความงามของเห็ด!” หนิงเยวี่ยร้องไห้


 


หานเซิ่นพยายามจะดึงเห็ดบนหัวของตัวเอง และเมื่อเขาทำอย่างนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ในตอนที่เขาดึงเห็ด มันเหมือนกับว่าเขาดึงสมองของตัวเอง จิตใจของเขาแข็งแกร่ง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็รู้สึกเจ็บปวดเกินไปอยู่ดี เขาเกือบจะกรีดร้องออกมาและใบหน้าของเขาก็ซีดไป


 


“น้องฟาง เจ้ารู้ไหมว่านี่คืออะไร?” หานเซิ่นหันไปถามฟางชิงอวี่


 


ใบหน้าของฟางชิงอวี่เปลี่ยนเป็นสีขาว เขาพยายามจะดึงเห็ดของตัวเอง แต่เขาไม่สามารถทำได้ เขาส่ายหัวและพูด

“ข้าไม่รู้จริงๆว่านี่คืออะไร ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน มันมีเห็ดปรสิตซีโน่เจเนอิคอยู่มากมายบนโลกนี้ แต่โดยปกติแล้วการที่พวกมันจะมาอยู่อาศัยบนร่างของสิ่งมีชีวิตนั้นจะผ่านสปอร์ที่ถูกสูดเข้าไปในปอด ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเห็ดที่เอาตัวเองติดอยู่บนหัวของผู้คนมาก่อน”

 

 

 


ตอนที่ 2511

 

หานเซิ่นและคนอื่นมีเห็ดประหลาดอยู่บนหัวของพวกเขา มันแทรกขึ้นมาและกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายพวกเขา ซึ่งถ้าเห็ดได้รับความเสียหาย สมองของพวกเขาก็จะได้รับความเสียหายไปด้วย


 


พวกเขาไม่รู้เลยว่าควรจะทำยังไงดี พวกเขาทุกคนมองหน้ากันและไม่แน่ใจว่าควรจะทำอะไรกับมันดี


 


โชคดีที่นอกจากการที่มีเห็ดงอกออกมาบนหัวแล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรอย่างอื่นเกิดขึ้นกับพวกเขา


 


“ทำไมบนหัวของกัปตันน้อยและพี่ใหญ่นกถึงไม่มีเห็ดขึ้น? นี่พวกเขาใช้เทคนิคลับบางอย่างอย่างนั้นหรอ?” โจรสลัดมองไปที่เป่าเอ๋อและนกแดงน้อยอย่างมีความหวัง


 


“พวกเขามีร่างกายที่พิเศษ พวกเขาไม่เหมือนกับพวกเรา” หานเซิ่นพูด


 


ความหวังทั้งหมดหายไป เมื่อหานเซิ่นพูดแบบนั้น และเหล่าโจรสลัดก็ดูเศร้ามากๆ พวกเขามองเห็ดบนหัวของกันและกันขณะที่ถอนหายใจออกมาด้วยความกลุ้มใจ


 


“เหมียว”


ขณะที่ทุกคนกำลังจมปลักอยู่กับความหดหู่ พวกเขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจากที่ไหนสักแห่งบนเกาะแห่งนั้น


 


ลึกเข้าไปในป่าเห็ดเสือขาวกำลังมองมาที่พวกเขาด้วยสีหน้าที่อวดดี ใบหน้าของมันดูเหมือนกับมนุษย์อย่างน่าประหลาดใจ และมันก็หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายจนดูเหมือนกับว่ามันกำลังจะร้องไห้


 


หานเซิ่นไม่เคยเห็นเสือตัวไหนหัวเราะน่าเกลียดแบบนี้มาก่อน ถ้าเสือตัวนั้นรู้เกี่ยวกับเห็ดบนหัวของพวกเขา แบบนั้นมันก็ต้องเป็นต้นเหตุไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง


 


นกแดงน้อยบินเข้าไปหาเสือขาวอีกครั้ง แต่เมื่อนกแดงน้อยบินเข้าไป เจ้าเสือขาวก็ขุดหนีลงไปใต้พื้น ไฟของนกแดงน้อยไม่สามารถสร้างความเสียหายกับพื้นได้ ไม่มีใครรู้ว่าพื้นนี้ทำมาจากอะไรกันแน่


 


หานเซิ่นเรียกนกแดงน้อยกลับมา พวกเขามองไปที่หินประหลาดรอบตัว พื้นของเกาะแห่งนี้ทำขึ้นมาจากหินประหลาดที่เหมือนกับทั้งโลหะและหยก ไม่มีใครบอกได้ว่าส่วนประกอบของหินพวกนี้คืออะไรกันแน่


 


“พวกเจ้าไปเก็บเห็ดมาส่วนหนึ่ง ดูสิว่าพวกมันจะกินได้ไหม” หานเซิ่นพูดกับเหล่าโจรสลัด


 


“กัปตัน ตอนนี้มันมีเห็ดอยู่บนหัวของพวกเราเรียบร้อยแล้ว ถ้าพวกเรายังกินเห็ดเข้าไปอีก พวกมันอาจจะเริ่มงอกออกมาทั่วร่างกายของพวกเรา?” หนึ่งในโจรสลัดขอร้องทั้งน้ำตา


 


“เลิกพูดจาไร้สาระและไปได้แล้ว!” หานเซิ่นมองพวกเขาอย่างอารมณ์เสีย


 


เหล่าโจรสลัดพากันออกไปเก็บเห็ดอย่างไม่ยินดี พวกเขากลัวว่าถ้าออกไปเก็บเห็ดมา ร่างกายของพวกเขาอาจจะกลายเป็นโฮสต์ของเห็ดจำนวนมากกว่าเดิม และพวกเขาก็กลัวว่าเสือขาวอาจจะปรากฏตัวออกมาเพื่อฆ่าพวกเขา พวกเขาแค่เดินไปถึงปากของวาฬขาวและหยุดอยู่ตรงนั้น พวกเขาไม่กล้าจะเดินออกไป


 


นกแดงน้อยพ่นไฟจากด้านหลังของพวกเขา และทำให้พวกเขาทุกคนต้องกระโดดออกไปจากวาฬขาวด้วยความกลัว


 


เหล่าโจรสลัดสั่นกลัวขณะที่พวกเขาเดินไปในดินแดนที่เต็มไปด้วยเห็ด แต่พวกเขาไม่ได้เดินออกไปไกลมากนัก หลังจากนั้นหานเซิ่นก็สั่งให้พวกเขาต้นพวกมันให้สุก


 


หลังจากที่เห็ดต้มจนสุกแล้ว เหล่าโจรสลัดก็ไม่กล้าจะกินพวกมันเข้าไป พวกเขามองลงไปยังเห็ดที่อยู่ในถ้วย หลังจากนั้นพวกเขาก็มองหน้ากัน ไม่มีใครที่กล้ากินมันเข้าไป


 


“ทำไมพวกเจ้ายังมัวชักช้าอีก? รีบกินเข้าไป” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“กัปตัน พวกเรายังไม่หิว… พวกเราไม่หิวจริงๆ”

ภายในหัวเหล่าโจรสลัดกำลังคิดกับตัวเองว่า ‘ทำไมเจ้าไม่มาลองกินเองล่ะ?’


 


“ไม่รู้ว่าพวกเราต้องติดอยู่ที่นี่นานแค่ไหน ด้วยเสบียงของพวกเรา พวกเราอาจจะอยู่รอดได้อีกไม่นาน จากนี้ต่อไปพวกเจ้าต้องกินเห็ดพวกนี้เพื่อความอยู่รอด ถึงแม้พวกเจ้าจะไม่กินมันในวันนี้ เวลาที่พวกเจ้าต้องกินพวกมันด้วยความหิวโหยก็ต้องมาถึงอยู่ดี แต่อย่าได้กังวลไป พวกมันเป็นแค่เห็ดธรรมดาๆ พวกมันจะไม่ฆ่าพวกเจ้า” หานเซิ่นหัวเราะ


 


“กัปตัน พวกเรายังไม่หิวจริงๆ พวกเราจะกินพวกมันในภายหลังตอนที่พวกเรารู้สึกหิวได้ไหม?” โจรสลัดคนหนึ่งถามขึ้นมา


 


“เจ้าคิดว่าได้ไหมล่ะ?” หานเซิ่นยิ้มให้กับเขา


 


เหล่าโจรสลัดเข้าใจว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกในเรื่องนี้ แต่บางสิ่งอาจจะเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขากินเห็ดเข้าไป การบาดเจ็บหรือตายถือเป็นความเป็นไปได้หนึ่ง แต่ถ้าพวกเขาไม่กินเห็ดเข้าไปในตอนนี้ หานเซิ่นก็คงจะจัดการกับพวกเขาด้วยตัวเอง


 


โจรสลัดกัดฟันและหยิบเห็ดขึ้นมาชิ้นหนึ่ง หลังจากที่รวบรวมความกล้าได้แล้ว พวกเขาก็หลับตาและใส่เห็ดเข้าปากของตัวเอง


 


ในตอนแรกพวกเขาดูหม่นหมอง แต่หลังจากที่เคี้ยวไปได้สักพัก พวกเขาก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น


 


“กัปตัน นี่มันของดี! พวกมันสดมากๆ!” โจรสลัดคนหนึ่งพูดขึ้นมา มันไม่ได้มีเรื่องแย่อะไรเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขากินเห็ดเข้าไปเช่นกัน มันไม่ได้มีเห็ดงอกออกมาจากร่างกายของพวกเขาเพิ่มขึ้น พวกเขายังคงมีเห็ดงอกออกมาบนหัวของพวกเขาหนึ่งดอกเหมือนเดิม


 


“ช้าๆ ไม่ต้องรีบกิน ข้ากลัวว่าพวกเจ้าต้องกินพวกมันเป็นอาหารเป็นเวลาอีกพักใหญ่” หานเซิ่นพูด


 


หานเซิ่นรู้อยู่แล้วว่าเห็ดพวกนี้ไม่ได้เป็นพิษ ถ้าเขาไม่มั่นใจว่าเห็ดพวกนี้ไม่มีภัยอะไร เขาก็คงจะไม่สั่งให้เหล่าโจรสลัดกินพวกมัน


 


เห็ดบนหัวของพวกเขาไม่ได้ปรากฏขึ้นมาเพราะเห็ดที่อยู่บนพื้น พวกมันมาจากเห็ดที่เสือขาวนั้นพ่นออกมา สปอร์ภายในเห็ดพวกนี้เป็นสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้หานเซิ่นและคนอื่นมีเห็ดงอกขึ้นมาบนหัว มันเห็นได้ชัดว่านั่นคือพลังของเจ้าเสือขาว แต่หานเซิ่นยังไม่แน่ใจว่าผลกระทบจากการที่มีเห็ดขึ้นบนหัวคืออะไรกันแน่


 


เสือขาวมักจะปรากฏตัวออกมาเป็นระยะๆ มันจะส่งเสียงร้องใส่หานเซิ่นเพื่อพยายามยั่วยุเขา แต่มันยังคงหวาดกลัวนกแดงน้อย ด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่กล้าเข้ามาใกล้วาฬขาว


 


หานเซิ่นตัดสินใจเดินออกจากวาฬขาวและไปยังยานอวกาศที่เสือขาวเคยปรากฏตัวออกมา ยานรบนั้นดูเก่ามากๆและภายในของมันก็ขึ้นสนิม


 


มันไม่มีสิ่งมีชีวิตอะไรอยู่บนยาน หานเซิ่นพบแค่เสื้อผ้าที่ฉีกขาดและตัวยานก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เมื่อดูจากความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นฝีมือของเสือขาวตัวนั้น


 


หานเซิ่นไปที่ห้องควบคุมของยานรบและพบแผ่นดิสก์หลายแผ่น เขานำพวกมันกลับมาที่วาฬขาวและพยายามจะเปิดดูพวกมัน


 


แต่หานเซิ่นก็ต้องผิดหวังที่แผ่นดิสก์เหล่านั้นไม่สามารถใช้งานได้ ถึงแม้พวกมันจะปกติดี แต่พวกเขาคงจะต้องเคยถูกไฟฟ้าช็อตหรือไม่บางทีพวกมันก็อาจจะถูกทิ้งเอาไว้ในยานลำนั้นเป็นเวลานานเกินไป มันไม่มีแผ่นดิสก์ไหนที่เปิดได้ และวาฬขาวก็ไม่สามารถซ่อมแซมพวกมันได้เช่นกัน


 


หานเซิ่นยังพบเครื่องสื่อสารเก่าๆเครื่องหนึ่ง เขาดึงเอาเมมโมรี่การ์ดออกมา และโชคดี่วาฬขาวสามารถอ่านมันได้ หานเซิ่นดีใจกับเรื่องนั้น เขามองบนหน้าจอของวาฬขาวและสังเกตเห็นว่าเมมโมรี่การ์ดนั้นมีไฟล์วิดีโออยู่ทั้งหมด 37 ไฟล์


 


ไฟล์วิดีโอพวกนี้ถูกตั้งชื่อด้วยหมายเลข 1 ถึง 37 ไฟล์ทั้งหมดเชื่อมต่อกันเป็นลำดับ


 


เมื่อเห็นแบบนั้นหานเซิ่นก็เปิดไฟล์วิดีโอแรก เขามองดูมันตามลำพังในห้อง ไม่ว่าเนื้อหาของมันจะดีหรือร้าย เขาก็ยังไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเขาพบพวกมัน


 


“มิมิ มาหาแม่เร็ว” ทันทีที่หานเซิ่นเริ่มเล่นวิดีโอ เขาก็ได้ยินเสียงของผู้หญิง วิดีโอนั้นแสดงภาพของลูกแมวสีขาวที่กำลังเดินด้วยขาที่สั่นรัว เมื่อดูจากความไม่มั่นคงของมันแล้ว หานเซิ่นก็สันนิษฐานว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้นมา


 


สถานที่ในวิดีโอดูเหมือนจะเป็นในห้องควบคุมของยานรบลำนั้น


 


เห็นได้ชัดว่าเสียงที่หานเซิ่นได้ยินเป็นของผู้หญิงที่กำลังบันทึกวิดีโอของแมวสีขาวอยู่ ในตอนที่ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนั้น หานเซิ่นก็รู้สึกว่ามันฟังดูคุ้นๆราวกับว่าเขาเคยได้ยินเสียงนั้นจากที่ไหนสักแห่ง

 

 

 


ตอนที่ 2512

 

แมวน้อยมีขนาดพอๆกับฝ่ามือเท่านั้น มันดูน่ารักมากๆและขาของมันก็เป็นสีชมพู การตัดกันระหว่างขนสีชมพูและขนสีขาวเป็นอะไรที่ดูค่อนข้างน่ารัก


 


ผู้หญิงคนนั้นอุ้มแมวขึ้นมาจากพื้นและวางมันในมือของเธอ หานเซิ่นสามารถเห็นมือของผู้หญิงคนนั้นในวิดีโอ นิ้วมือของเธอยาวและละเอียดอ่อน ผิวของเธอดูไร้ที่ติ มือของเธอดูงดงามมากๆ ถึงแม้เธอจะไม่มีประดับอย่างเช่นแหวนอยู่


 


เธอเอาแมวขาวตัวน้อยไปวางในภาชนะโปร่งใสอย่างหนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็ใส่ถุงมือที่มักจะใช้กันในการทำการทดลอง เธอนำเข็มออกมาและฉีดของเหลวบางอย่างเข้าไปในตัวแมวน้อย


 


หลังจากที่ได้รับการฉีดยา แมวน้อยก็หลับไป หลังจากนั้นวิดีโอก็ยังคงจับภาพแมวที่หลับไหล ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนแค่ยืนอยู่นิ่งๆและถือกล้องเอาไว้อย่างมั่นคง


 


แต่หลังจากผ่านไปสักพัก หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าผู้หญิงคนนั้นคงจะไม่สามารถยืนนิ่งแบบนั้นไปได้ตลอด เธอจะต้องตั้งกล้องเอาไว้ที่มุมหนึ่งและปล่อยให้มันทำงานต่อไป


 


เนื่องจากบนหน้าจอไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนัก หานเซิ่นจึงตัดสินใจกรอไปข้างหน้า หลังจากนั้นเขาก็สังเกตได้ถึงบางสิ่งที่น่าตกใจ แมวสีขาวที่หลับใหลอยู่นั้นตัวใหญ่ขึ้นเป็น 2 เท่าในชั่วข้ามคืน วิดีโอจบลงไปทั้งแบบนั้น


 


หานเซิ่นเปิดวิดีโอที่ 2 ภาพที่ปรากฎให้เห็นดูเหมือนเดิม เขาสามารถเห็นแมวตัวน้อยในภาชนะโปร่งใส แต่ไม่นานหลังจากนั้นแมวน้อยก็ตื่นขึ้นและผู้หญิงคนนั้นก็ปรากฏตัวอีกครั้ง เธอฉีดยาใส่แมวตัวน้อยอีกเข็ม


 


แมวตัวน้อยที่เพิ่งตื่นขึ้นมาหลับไปอีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นลูบหัวของสิ่งมีชีวิตตัวน้อยและพูดด้วยเสียงที่ปลอบโยน

“เด็กดีของข้า เจ้าต้องทนให้ได้ แม่เชื่อในตัวเจ้า”


 


ฉีดยา…หลับ…ฉีดยา…หลับ


 


กระบวนการนี้ดำเนินต่อไปเป็นเวลายาวนานกว่า 7 วันจนแมวตัวน้อยตัวใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับเสือตัวเต็มวัย


 


ขณะที่มันตัวใหญ่ขึ้น แมวตัวน้อยก็เริ่มจะดูคุ้นเคยมากขึ้นเรื่อยๆ


 


‘นั่นมันเจ้าเสือขาวไม่ใช่หรอ?’ หานเซิ่นคิด แต่เขาไม่ได้ประหลาดใจกับเรื่องนี้


 


หลังจากนั้นกระบวนการก็ยังคงดำเนินต่อไป แมวตัวน้อยไม่ได้ใช้เวลาในตอนที่ตื่นขึ้นมามากนัก มันหลับใหลภายใต้ผลของการฉีดยาซะส่วนใหญ่


 


แต่ร่างกายของมันก็ยังคงใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มันตัวใหญ่โตกว่าเสือขาวที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้มาก


 


ในวันที่ 23 ผู้หญิงคนนั้นค้นพบว่าเจ้าแมวน้อยมีเห็ดเล็กๆขึ้นบนหัวของมัน ถึงแม้เห็ดนั้นจะมีขนาดเท่าเม็ดถั่ว ผู้หญิงคนนั้นก็ต้องประหลาดใจและพูดขึ้นว่า “ลูกแม่ทำได้สำเร็จ”


 


หลังจากวันนั้นแมวขาวและเห็ดก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และการทดลองของผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงดำเนินต่อไป


 


ในวันที่ 37 แมวขาวกลายเป็นสัตว์ที่ตัวใหญ่เหมือนกับช้างแมมมอธ ภาชนะโปร่งใสไม่สามารถบรรจุมันได้อีกต่อไป ขณะที่มันยังคงหลับอยู่ เธอเปิดภาชนะโปร่งใสและไปยืนข้างแมวขาวยักษ์ มันเหมือนกับว่าเธอกำลังถ่ายเซลฟี่ เธอถ่ายวิดีโอของตัวเองกับแมว


 


นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นได้เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น ก่อนหน้านี้เขาแค่ได้ยินเสียงและได้เห็นมือของเธอเท่านั้น


 


เมื่อเขาเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา “นั่นมัน?”


 


ผู้หญิงในวิดีโอสวมใส่ชุดแลปสีขาว เธอมีผมม้าและสวมใส่แว่นตาสีดำ เธอคือผู้หญิงที่ถูกกักขังอยู่ที่ภูเขาสองโลก แต่เธอในภาพวิดีโอดูเหมือนกับเป็นคนละคนกับในตอนที่หานเซิ่นพบ ในภาพวิดีโอนั้นเธอดูอ่อนโยนถึงแม้เมื่อเทียบกับคนธรรมดาทั่วไปแล้ว ลักษณะนิสัยของเธอจะยังดูห่างเหินและสงวนตัว


 


‘นั่นเป็นยานอวกาศของเธออย่างนั้นหรอ? นี่เธอเคยอยู่ที่นี่มาก่อน? เธอออกไปจากที่นี่ได้ยังไง?’ หานเซิ่นคิดอย่างตื่นเต้น


 


ถ้าผู้หญิงคนนั้นเคยอยู่ที่นี่และหนีออกไปได้ แบบนั้นเขาก็ควรจะออกไปได้เช่นเดียวกัน แต่หานเซิ่นไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นออกไปจากที่นี่ได้ยังไง


 


และหานเซิ่นยังสงสัยเกี่ยวกับว่าทำไมเธอถึงไม่เอาหนูทดลองของเธอไปด้วยในตอนที่เธอจากไป


 


วิดีโอสุดท้ายจบลงด้วยภาพของผู้หญิงคนนั้นกับแมวถ่ายเซลฟี่ด้วยกัน


 


‘เวรเอ้ย! นี่เธอถ่ายต่ออีกหน่อยไม่ได้หรือยังไง?’ หานเซิ่นคิดอย่างไม่พอใจ แต่อย่างน้อยๆเขาก็ได้รู้ว่ามีหนทางที่จะออกไปจากที่นี่ นั่นถือว่าเป็นข่าวดี


 


“กัปตัน! นี่มันแย่แล้ว… กัปตัน! มีบางสิ่งขึ้นมาบนเกาะ!” โจรสลัดคนหนึ่งตะโกนขณะที่เคาะประตูห้องของหานเซิ่น


 


หานเซิ่นปิดวิดีโอและออกไปจากห้อง เขาตรงไปที่ห้องควบคุมและที่นั่นเขาก็ได้เห็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มหนึ่งโผล่ออกมาจากทะเลสีดำ พวกมันเหมือนกับงูดำ ขนาดตัวของพวกมันหนาเหมือนกับถังบาร์เรล หัวงูของมันเมื่ออ้าปากดูสี่เหลี่ยมอย่างน่าประหลาด มันมีเขี้ยวเป็นจำนวนมาก พวกมันดูน่าเกลียดน่ากลัว


 


“มันมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในทะเลสีดำ?” หานเซิ่นตกใจ พลังกรดของทะเลสีดำนั้นวาฬขาวยังไม่สามารถทนได้ มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าสิ่งมีชีวิตแบบไหนกันสามารถมีชีวิตอยู่ในทะเลนั้นได้


 


เมื่อเหล่างูประหลาดขึ้นมาจากน้ำ พวกมันก็เริ่มกินเห็ดที่อยู่บนเกาะ


 


ถึงแม้มันจะมีเห็ดอยู่เป็นจำนวนมาก แต่งูสีดำพวกนั้นก็มีกันอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน


 


“เหมียว!” เสือขาวโฉบลงมาจากท้องฟ้าและกวัดแกว่งกรงเล็บของมัน ร่างกายของงูหลายตัวถูกฉีกขาดในชั่วพริบตา


 


งูที่ได้รับบาดเจ็บมีเลือดสีดำไหลออกมา แต่ร่างกายที่ถูกฉีกขาดของพวกมันยังคงพยายามจู่โจมเสือขาว


 


เสือขาวตบอุ้งมือของมันลงมาใส่หัวของงูดำจนเละเป็นเยลลี่


 


เสือขาวดูเหมือนจะไม่มีพลังที่ใช้สำหรับโจมตีในวงกล้าง แต่พละกำลังและความเร็วของมันก็น่าประทับใจมากๆ ความสามารถของมันดูเหมือนจะเป็นระดับเทพเจ้า


 


เสือขาวขยับตัวและกลายเป็นกลุ่มของเสือขาวที่โฉบลงมาจู่โจมฝูงงูประหลาด


 


หานเซิ่นรู้ว่าจากความเร็วของเสือขาวว่านั่นไม่ใช่ร่างโคลน เสือเพียงแค่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนทิ้งภาพติดตาเอาไว้ สายตาของเขาไม่สามารถมองตามความเร็วของมันได้ทัน


 


ทุกหนทุกแห่งที่เสือขาวเคลื่อนที่ไป หัวสีดำก็ขาดออกจากร่างของงู ภายในเวลาไม่กี่นาทีพื้นก็เกลื่อนไปด้วยร่างกายที่ถูกฉีกขาดของงูหลายร้อยตัว งูที่เหลือรอดนั้นพากันหนีกลับลงไปในทะเลสีดำ


 


ร่างกายของงูดำที่ตายนั้นเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว พวกมันสลายกลายเป็นของเหลวสีดำบนพื้น ของเหลวส่วนใหญ่ค่อยๆไหลกลับลงไปในทะเลสีดำ ขณะที่ของเหลวที่เหลือแห้งอยู่บนเกาะ


 


หลังจากที่งูดำประหลาดทั้งหมดกลับลงไปในทะเลสีดำหมดแล้ว เสือขาวก็คำรามใส่ทะเลเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะกลับเข้าไปในป่าเห็ด

 

 

 


ตอนที่ 2513

 

ยานรบเก่าๆนั้นเป็นเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวที่หานเซิ่นหาได้พบเกาะแห่งนี้ ส่วนอย่างอื่นทุกอย่างบนเกาะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ


 


พวกหานเซิ่นยังคงไม่มีหนทางหนีออกไปจากที่นี่ เป็นครั้งคราวฝูงของงูจะโผล่ออกมาจากทะเลเพื่อกินเห็ดที่อยู่บนเกาะ แต่ทุกครั้งที่เรื่องนั้นเกิดขึ้น เสือขาวก็จะปรากฏตัวออกมาเพื่อจัดการกับพวกมัน


 


หานเซิ่นเคยพยายามจะกำจัดเห็ดบนหัวอยู่หลายครั้ง แต่ความพยายามทั้งหมดนั้นไร้ประโยชน์ และถึงพวกเขาจะสามารถทนต่อความเจ็บปวดเพื่อตัดเห็ดจนขาดไปได้ รากของพวกมันก็ฝังอยู่ในสมองของพวกเขาอยู่ดี มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกมันจะงอกออกมาใหม่


 


และเห็ดที่งอกออกมาใหม่จะมีสีสันสวยงามยิ่งกว่าเดิม มันทำให้พวกเขาอยากจะร้องไห้


 


หานเซิ่นใช้ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์เพื่อเปลี่ยนร่างกายเป็นของเหลว ซึ่งเห็ดบนหัวของเขาก็สูญเสียที่ยึดเกาะและหลุดลงไปบนพื้น


 


เห็ดที่หลุดไปตายอย่างรวดเร็ว และเมื่อหานเซิ่นคิดว่าตัวเองเป็นอิสระแล้ว แต่ทว่าไม่นานก่อนที่เห็ดอีกดอกจะงอกขึ้นมาบนหัวของเขา


 


ถึงแม้เห็ดใหม่นี้จะดูเหมือนกับเห็ดอันก่อน แต่สัญชาตญาณของหานเซิ่นสามารถบอกได้ว่าจริงๆแล้วมันแตกต่างออกไป


 


เมื่อหานเซิ่นลองกำจัดเห็ดบนหัวออกไปและรีบหนีเข้าไปในคอร์แอเรีย ขณะที่เขาอยู่ในคอร์แอเรีย เห็ดจะไม่งอกขึ้นมาบนหัวของเขา แต่ถ้าเขาออกมาจากคอร์แอเรีย เห็ดดอกใหม่ก็จะงอกออกมาจากหัวของเขาในทันที


 


โชคดีที่นอกจากดูประหลาดแล้ว เห็ดก็ดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบอะไร พวกมันเพียงแค่ติดอยู่กับหัวของพวกเขาอย่างเงียบๆ


 


หานเซิ่นลองขับวาฬขาวขึ้นสู่อากาศเพื่อหาทางออกอยู่หลายครั้ง แต่หลังจากที่วนเวียนอยู่หลายรอบ เขาก็มักจะวนกลับมาที่เกาะ นอกจากการฆ่าแมงมุมหลุมดำและทำให้พลังธาตุอวกาศนี้หายไปแล้ว การจะออกไปจากกระเพาะของมันก็ดูจะเป็นไปไม่ได้


 


ในตอนนี้เหล่าโจรสลัดเคยชินกับการกินเห็ดเป็นอาหารแล้ว เห็ดบนเกาะแห่งนี้อร่อยอย่างน่าประหลาดใจ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อกินพวกมันซ้ำๆเป็นเวลานาน พวกเขาก็เริ่มจะรู้สึกเบื่ออยู่ดี ยังดีที่อย่างน้อยเห็ดที่รูปลักษณ์แตกต่างกันออกไปก็มีเนื้อสัมผัสที่ต่างกัน นั่นทำให้การกินพวกมันเข้าไปทุกวันๆเป็นอะไรที่พอทนไหว


 


แต่หานเซิ่นและเป่าเอ๋อไม่เคยกินเห็ดพวกนั้น เป่าเอ๋อเก็บโสมขนาดใหญ่ติดตัวเอาไว้ตลอดเวลา เธอจะกัดแทะมันอยู่เป็นประจำ แต่ถึงมันจะมาอยู่ในการครอบครองของเธอเป็นเวลานานแล้ว เธอก็เพิ่งจะกินไปมันแค่ส่วนปลายเท่านั้น ส่วนหานเซิ่นกินยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันที่เขาสะสมเอาไว้


 


ยอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงอย่างเหมิงเลี่ยยังคงทำการค้นหาตัวหานเซิ่นในจักรวาลเคออส พวกเขากำลังจะบ้าตาย เมื่อพวกเขาวนเวียนอยู่ในระบบที่อันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกเขาก็ยังหาตัวหานเซิ่นไม่เจอ นั่นทำให้พวกเขากลุ้มใจอย่างมาก


 


หานเซิ่นยังคงมีทั้งโล่เมดูซ่าส์เกซและไป๋อู๋ฉาง ด้วยเหตุนั้นทางเอ็กซ์ตรีมคิงจึงใช้ทุกวิถีทางเพื่อหาตัวหานเซิ่นให้ได้ แต่ความพยายามของพวกเขาก็ไม่เกิดผล หานเซิ่นและคนอื่นๆหายไปอย่างไร้ร่องรอย พวกเขาเริ่มไม่แน่ใจว่าพวกหานเซิ่นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่


 


หานเซิ่นเรียกชุดเกราะตงเสวียนออกมาและเข้าไปในคอร์แอเรีย เนื่องจากเขาไม่สามารถหาหนทางออกไปจากเกาะเห็ดนี้ได้ เขาก็คิดที่จะออกล่าซีโน่เจเนอิคระดับราชันในคอร์แอเรียเพื่อเก็บยีนระดับราชันให้เต็ม


 


เมื่อหานเซิ่นเข้ามาในคอร์แอเรีย เดียร็อบเบอร์และดราก้อนวันก็ตรงเข้ามาหาเขา นั่นทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ


 


“ดอลลาร์ พวกเราพูดคุยกันสักเดี๋ยวได้ไหม?” เดียร็อบเบอร์พูด


 


“ได้” หานเซิ่นพูด


 


“พวกเราต้องการจะล่าคอร์ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า เจ้าสนใจไหม?” ดราก้อนวันถาม


 


“ข้าสนใจ แต่ข้าจะได้ประโยชน์อะไรถ้าช่วยพวกเจ้าฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวนี้? พวกเจ้าคงจะไม่มอบร่างของซีโน่เจเนอิคให้ข้าหรอกถูกไหม?” หานเซิ่นพูด


 


ดราก้อนวันและเดียร็อบเบอร์มองหน้ากัน หลังจากนั้นเดียร็อบเบอร์ก็พูด

“ร่างของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าเป็นส่วนประกอบหลักสำหรับการสร้างสมบัติระดับเทพเจ้า พวกเราจำเป็นต้องใช้มัน พวกเราขอให้เจ้าช่วยก็เพราะว่าพวกเราต้องการร่างกายของมัน ถ้าเจ้ายินดีจะช่วย พวกเราก็ตกลงราคาและส่วนแบ่งกันได้ เจ้าจะเรียกร้องอะไรก็ได้ตราบใดที่มันไม่ใช่ร่างของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า”


 


หานเซิ่นพูด “ข้าตกลงจะล่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าโดยที่ไม่รับเนื้อหนังของมัน แต่ข้าอยากได้ยีนคอร์ซีโน่เจเนอิคหนึ่งพันยีนเป็นการแลกเปลี่ยน”


 


ถ้าหานเซิ่นตามล่าซีโน่เจเนอิคระดับราชันตามลำพัง การหาพวกมันให้เจอก็เป็นอะไรที่ต้องใช้เวลานาน ความจริงที่เขาสามารถฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดายไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก เมื่อซีโน่เจเนอิคระดับราชันหาได้ยากและการจะหาพวกมันเป็นกลุ่มใหญ่ก็ยิ่งยากไปใหญ่ ใครจะรู้ว่ามันต้องใช้เวลานานแค่ไหนก่อนที่เขาจะล่ายีนคอร์ซีโน่เจเนอิคหนึ่งพันยีนมาได้ถ้าเขาล่าตามลำพัง


 


หานเซิ่นไม่ได้ต้องการแค่ยีนระดับราชันหนึ่งพันยีน ถ้าเขาต้องการจะพัฒนาวิชาจีโนทั้ง 4 ให้ถึงขั้นที่ 9 เขาจำเป็นต้องใช้ยีนระดับราชัน 3 พันยีนเป็นอย่างน้อย


 


ด้วยเหตุนั้นแทนที่จะใช้เวลาหลายปีเพื่อล่าซีโน่เจเนอิคตามลำพัง นี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้รับยีนซีโน่เจเนอิคเป็นจำนวนมาก แบบนี้เขาก็จะเพิ่มระดับอาณาเขตของตัวเองได้อย่างรวดเร็วและกลายเป็นครึ่งเทพในเวลาไม่นาน


 


“หนึ่งพันยีนคอร์ซีโน่เจเนอิค? นั่นไม่มากไปหน่อยหรอ?” ดราก้อนวันและเดียร็อบเบอร์ดูลำบากใจ


 


นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับราชันหนึ่งพันตัว พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะหาซีโน่เจเนอิคระดับราชันมากมายขนาดนั้นได้หรือเปล่า การฆ่ามันยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย


 


ถึงแม้ภายในคอร์แอเรียจะมีซีโน่เจเนอิคระดับราชันอยู่มากมาย แต่ยีนคอร์ซีโน่เจเนอิคหนึ่งพันยีนก็เป็นการขอที่มากเกินไป ด้วยกำลังของพวกเขาการจะหายีนคอร์ซีโน่เจเนอิคได้มากขนาดนั้นต้องใช้เวลาหลายปี


 


“ถ้าพวกเจ้าต้องการให้ข้าช่วยพวกเจ้าในการต่อสู้ระดับเทพเจ้า แบบนั้นพวกเจ้าก็ต้องมอบบางสิ่งที่มีค่าเทียบเท่ากัน” หานเซิ่นพูด


 


“พวกเราขอให้เจ้าช่วยก็เพราะพวกเราจำเป็นต้องพึ่งพลังของเจ้า แต่ยีนคอร์ซีโน่เจเนอิคหนึ่งพันยีนนั้นมากเกินไป พวกเราคงจะหายีนคอร์ซีโน่เจเนอิคมากมายขนาดนั้นมาให้กับเจ้าอย่างกะทันหันไม่ได้” ดราก้อนวันพูด


 


“พวกเจ้าเก็บไปคิดได้ ข้าได้บอกราคากับพวกเจ้าแล้ว ถ้าพวกเจ้าคิดว่ามันมากเกินไป แบบนั้นพวกเจ้าก็ต้องไปหาคนอื่นช่วย” หานเซิ่นพูด


 


ดราก้อนวันและเดียร็อบเบอร์ลังเลอยู่ชั่วขณะ ถึงแม้ดอลลาร์จะดูแข็งแกร่งมากๆ แต่เขาก็เป็นแค่ระดับราชันคนหนึ่ง ถึงแม้พวกเขาจะได้ดอลลาร์มาช่วย พวกเขาก็อาจจะฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวนั้นไม่สำเร็จ การขอของหานเซิ่นจึงเป็นอะไรที่มากเกินไปสำหรับความสำเร็จที่ไม่ถูกรับประกัน ดังนั้นไม่ว่าใครก็ต้องลังเลก่อนที่จะทำการตกลงอะไรแบบนี้


 


ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน มันก็มีชายหนุ่มขี่สิงโตทองเข้ามาหาพวกเขา


 


“ถ้าพวกเจ้าทั้งคิดว่าการจ่ายยีนคอร์ซีโน่เจเนอิคหนึ่งพันยีนนั้นมากไป ทำไมพวกเจ้าไม่จ้างพวกเราแทน? พวกเราเป็นรอยัลไนท์ พวกเจ้าจ้างพวกเราได้ในราคาเดียวกัน แถมพวกเรายังรับประกันความสำเร็จ ถ้าพวกเราล้มเหลว พวกเราจะชดใช้ให้กับพวกเจ้า พวกเจ้าเชื่อใจชื่อเสียงของรอยัลไนท์ถูกไหม?”


 


หานเซิ่นหันไปมองและเห็นว่าคนๆนั้นคือองค์รัชทายาทของเอ็กซ์ตรีมคิงไป๋ว่านเจีย


 


“ดอลลาร์ พวกเราตกลงราคากันอีกหน่อยได้ไหม?” แทนที่จะตอบองค์ชายว่านเจีย ดราก้อนวันยังคงโฟกัสที่ดอลลาร์


 


“ข้าจะไม่ลดต่ำกว่านี้ เจ้าจ่ายยีนคอร์ซีโน่เจเนอิค 500 ยีนให้กับข้าก่อนล่วงหน้าและอีก 500 ค่อยจ่ายเมื่องานของข้าเสร็จสิ้น ถ้าข้าทำไม่สำเร็จ ข้าก็จะเก็บยีนคอร์ซีโน่เจเนอิค 500 ยีนแรกเอาไว้ ถือซะว่ามันเป็นการค่าความพยายามของข้า” หานเซิ่นพูด


 


ดราก้อนวันและเดียร็อบเบอร์พูดคุยกันอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นเดียร็อบเบอร์ก็พูด

“ตกลงดอลลาร์ พวกเราจะจ้างเจ้า เชิญเจ้ามาที่ฐานของพวกเราเพื่อคุยรายละเอียดกัน”


 


หานเซิ่นและไป๋ว่านเจียแปลกใจ พวกเขาไม่อยากเชื่อว่าการที่มีไป๋ว่านเจียรับประกันความสำเร็จด้วยราคาเดียวกัน แต่ดราก้อนวันและเดียร็อบเบอร์ก็ยังคงเลือกหานเซิ่น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)