Super God Gene 2423-2426

ตอนที่ 2423

 

สีหน้าของไนท์วินด์ดูแปลกมากๆ และเขาก็นำวิดีโอที่ถ่ายเอาไว้กลับมาด้วย


 


เมื่อวิดีโอถูกเล่น หานเซิ่นก็เข้าใจสีหน้าที่แปลกของไนท์วินด์


 


วิดีโอเริ่มต้นด้วยการแสดงเส้นทางหิน ซึ่งคงจะต้องเป็นถนนที่พวกเขาขุดพบ


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าพวกเขาเลือกตำแหน่งที่จะเริ่มขุดกันยังไง แต่มันเห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่การขุดแบบสุ่มๆ ด้วยเหตุผลบางอย่างพวกเขารู้ว่าควรจะเริ่มขุดจากตำแหน่งไหน


 


เผ่าเฮลล์ควบคุมการขุดในวงกว้าง แต่เมื่อคุณหญิงมิร์เรอร์และคนของเธอมาถึง พวกเขาก็ลดขอบเขตการขุดลงจนเหลือเพียงแค่ 3 จุดเท่านั้น และจุดที่อยู่ตรงกลางก็คือจุดที่พวกเขาเริ่มขุดเป็นจุดแรก


 


ขณะที่วิดีโอดำเนินต่อไป มันก็เผยให้เห็นเส้นทางหินที่แยกออกอย่างซับซ้อนจนกระทั่งเส้นทางหินเปิดออกและเผยให้เห็นห้องขนาดใหญ่ ที่นั่นหานเซิ่นพบสิ่งที่ดูเหมือนกับตุ๊กตาที่คุณหญิงมิร์เรอร์พูดถึง


 


รูปปั้นนั้นมีความสูงสิบเมตรและมีสีดำสนิททั้งตัว มันมีเนื้อเดียวกันกับหินที่อยู่รอบๆ


 


มันเป็นรูปปั้นของผู้ชายที่กำลังนั่งขัดสมาธิ แขนของเขาไขว้กันในรูปตัวX ดวงตาของชายคนเป็นเหมือนที่คุณหญิงมิร์เรอร์บอก มันมี 2 รูม่านตาในดวงตาแต่ละดวงและพวกมันก็เป็นสีแดง


 


ด้านหลังของรูปปั้นยังมีแขนและมืออีกจำนวนมาก พวกมันก่อตัวร่วมกันเป็นรูปร่างของดวงประทีป ซึ่งทุกมือมีดวงตาสีแดงที่มี 2 รูม่านตา


 


การมองไปที่รูปปั้นนั้นทำให้รู้สึกราวกับว่าดวงตาประหลาดนับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองออกมาจากหน้าจอ หานเซิ่นแค่มองพวกมันผ่านวิดีโอ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ขนลุกขึ้นมา คุณหญิงมิร์เรอร์และไนท์วินด์เองก็รู้สึกหนาวเช่นกัน


 


วิดีโอนั้นไม่ได้จับภาพที่รูปปั้นเป็นเวลานานนัก มันเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและเผยให้เห็นบางสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่า


 


เหนือรูปปั้นเส้นทางหินนั้นหายเข้าไปในถ้ำๆหนึ่ง มันเป็นรูหยาบๆที่ดูเหมือนจะถูกขุดด้วยมือเปล่าหรือกรงเล็บ


 


กำแพงของอุโมงค์หินนั้นแปดเปื้อนไปด้วยเลือด ร่องรอยของกรงเล็บสลักลึกเข้าไปในผิวของอุโมงค์ ขณะที่วิดีโอดำเนินต่อไป เลือดก็เผยออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ


 


เลือดค่อยๆย้อมทุกส่วนของผิวอุโมงค์จนเปลี่ยนเป็นถ้ำสีแดงดำ ภาพที่เห็นนั้นทำให้หานเซิ่นรู้สึกขนลุก


 


“ถ้ำนั้นคงจะไม่ได้ถูกขุดด้วยมือหรอกใช่ไหม?” หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา


 


ถึงแม้เอ็กซ์ตรีมคิงจะไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคนงานมากนัก แต่พวกเขาก็รับสมัครแค่คนที่เป็นระดับมาร์ควิสเป็นอย่างน้อย ผู้คนเหล่านั้นถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งในเผ่าพันธุ์ของตัวเอง อาวุธของพวกเขาอาจจะไม่ใช่สมบัติในตำนาน แต่พวกมันก็ควรจะเป็นอะไรที่พอใช้ได้ และถึงพวกเขาจะไม่ได้เอาเครื่องมือของตัวเองมา ทางเอ็กซ์ตรีมคิงก็จะมอบสมบัติซีโน่เจเนอิคให้กับพวกเขา พวกเขาไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้มือของตัวเองเพื่อขุดอุโมงค์นั้น


 


แต่เมื่อดูจากเลือดและรอยขีดข่วนที่ถูกทิ้งเอาไว้ มันก็เห็นได้ชัดว่าอุโมงค์นั้นเป็นผลงานจากการขุดด้วยเล็บและมือเปล่า มันไม่ได้ถูดขุดด้วยเครื่องมือปกติ


 


คุณหญิงมิร์เรอร์และไนท์วินด์มองดูวิดีโอด้วยสายตาที่งุนงง พวกเขาไม่ได้ตอบคำถามของหานเซิ่น


 


แต่หานเซิ่นรู้ว่ามันเป็นความจริงโดยที่ไม่ต้องฟังคำยืนยันจากพวกเขา หานเซิ่นมองดูวิดีโอต่อไปอีก และไม่นานเขาก็ได้เห็นศพของมาร์ควิสที่มีหัวเป็นวัวคนหนึ่ง


 


แทนที่จะเป็นมือ มันมีแค่ก้อนเนื้อเละๆอยู่ที่ปลายแขนของชายคนนั้น ส่วนหนึ่งของกระดูกยื่นออกมาจากเนื้อหนังที่ถูกขูดจนเละ


 


เมื่อได้เห็นภาพนั้น หานเซิ่นก็ไม่สามารถหยุดจิตนาการถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ชายหัววัวนั้นคงจะขุดอย่างบ้าคลั่งด้วยมือเปล่าๆจนนิ้วได้รับบาดเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงขุดต่อไปจนมือของเขาไม่มีเหลือ สุดท้ายเขาก็เสียชีวิตไป


 


วิดีโอไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ภาพที่น่าสยดสยองถูกเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า หานเซิ่นเห็นซากศพกระจัดกระจายอยู่ตลอดอุโมงค์นั้น


 


พวกเขาอยู่ในท่าทางที่เหมือนๆกัน ตัวของพวกเขาเอนไปด้านหน้าเพื่อจะใช้มือของตัวเองขุดกำแพง บางคนนั้นขาดไปแค่ฝ่ามือ ขณะที่บางคนนั้นหายไปทั้งแขน


 


ถึงแม้จะตายไปแล้ว พวกเขาก็ยังคงอยู่ในท่าขุด ใบหน้าของพวกเขาดูเหมือนกับว่าพวกเขาตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ แต่ลึกๆในใบหน้าที่ดูตื่นเต้นนั้นมีร่องรอยของความหวาดกลัวอยู่ด้วย มันเป็นความหวาดกลัวที่ฝังลึกในกระดูกของพวกเขา


 


ดวงตาของคนงานที่ตายไปทุกคนเปิดอยู่และเผยให้เห็นรูม่านตาคู่สีแดง


 


เส้นทางหินนั้นไม่ใช่แค่เส้นทางอีกต่อไป มันเป็นเหมือนกับสุสานที่ขุดเป็นทางเต็มไปด้วยเลือด ดยุกและมาร์ควิสมากมายตายในเส้นทางหินนั่น และยิ่งลึกเข้าไปมากเท่าไหร่ ภาพที่ได้เห็นก็เลวร้ายขึ้นเท่านั้น


 


วิดีโอปิดท้ายด้วยภาพของประตูหินบานหนึ่ง เป็นอย่างที่ไนท์วินด์บอก มันเป็นประตูที่ดูเหมือนกับทางเข้าสู่เมืองขนาดใหญ่ ทั้ง 2 ด้านของประตูนั้นเป็นสีแดงราวกับว่าพวกมันป้ายด้วยเลือด มันมีรอยครึ่งวงกลมมากมายบนบานประตูที่ถูกทิ้งเอาไว้


 


ประตูนั้นสูงสิบเมตร และเนื่องจากอุโมงค์ขุดมาตรงกับประตูพอดี มันจึงมีเพียงแค่หินที่ล้อมบานประตูอยู่ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นสิ่งที่อยู่ประตูนั่น


 


แต่สิ่งที่อยู่หน้าประตูทำให้หานเซิ่นรู้สึกหนาว


 


คนงานที่เสียชีวิตมากมายมารวมกันอยู่หน้าประตูเหมือนกับว่าพวกเขาพยายามจะหนีจากขุมนรก แขนของพวกเขายื่นออกไปข้างหน้าราวกับพยายามจะคว้าความอยู่รอดที่ไม่มีอยู่จริง เล็บของพวกเขาถูกทำลายและเลือดจากมือของพวกเขานั้นย้อมสีของประตู แต่มันไม่มีใครที่สามารถเปิดประตูเข้าไปข้างในได้


 


คุณงานที่รอดมาได้ทุกคนมาตายอยู่ที่หน้าประตูนี้ เลือดของพวกเขานองตรงหน้าประตูราวกับเป็นทางเข้าสู่ขุมนรก


 


ใบหน้าของไนท์วินด์ดูแย่ “พวกเขาตายกันหมดทุกคน ไม่มีใครเหลือรอดแม้แต่คนเดียว พวกเขาทุกคนเป็นบ้าและเอาแต่ขุดอย่างไม่มีหยุด หินพวกนั้นมันแข็งมากๆ และถึงจะใช้เครื่องมือมันก็เป็นเรื่องยากที่จะขุดพวกมัน แต่พวกเขาใช้เล็บมือของตัวเองเพื่อขุด พวกเขาเริ่มมีเลือดไหลออกมาอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อหินถูกสัมผัสด้วยเลือด มันก็เหมือนกับว่าหินอ่อนลงไปและช่วยให้พวกเขาขุดมันได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บอยู่ดี พวกเขาขุดต่อไปจนกระทั่งพวกเขาเสียชีวิต”


 


เสียงของไนท์วินด์สั่นไหว ถึงแม้เขาจะเป็นระดับเทพเจ้า แต่สิ่งที่เขาเพิ่งจะได้เห็นก็ยังคงเป็นเหมือนกับฝันร้ายอยู่ดี


 


“สถานที่แห่งนี้มันต้องสาป” หานเซิ่นรู้สึกแย่ เขาอยากจะพาเป่าเอ๋อหนีออกไปจากที่นี่


 


ถึงแม้พวกเขาจะพานกแดงน้อยมาด้วย แต่มันมีบางสิ่งผิดปกติกับที่แห่งนี้ แม้แต่คุณหญิงมิร์เรอร์ที่เป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่แข็งแกร่งก็ยังได้รับผลกระทบ ดังนั้นมันจึงมีโอกาสที่นกแดงน้อยจะไม่รอดเช่นกัน


 


“หนี! พวกเราต้องรีบหนี! พวกเราจะอยู่ในที่ที่เลวร้ายแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว”

หานเซิ่นตัดสินใจ เขาต้องการจะออกไปจากที่นี่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ถึงแม้คุณหญิงมิร์เรอร์จะพยายามหยุดเขา เขาก็จะไปจากที่นี่


 


“ดวงตาของเจ้า!” จู่ๆคุณหญิงมิร์เรอร์ก็พูดขึ้นมาขณะที่มองไปในดวงตาของหานเซิ่น ความกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ


 


“เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาของข้า?” หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขารู้ว่านี่มันแย่แล้ว


 


โดยไม่ลังเลหานเซิ่นสะบัดมือเรียกกระจกน้ำเพื่อส่องดูตัวเอง


 


ในจังหวะนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกว่าความกลัวฝังลึกในกระดูกของเขา ดวงตาดำของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง และยิ่งไปกว่านั้นรอยแยกวิ่งฝ่ากลางรูม่านตาทั้ง 2 ของเขา รูม่านตาวงกลมกลายเป็นรูปของน้ำเต้า และพวกมันก็ค่อยๆแยกออกจากกัน

 

 

 


ตอนที่ 2424

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่าตัวเองติดอาการประหลาดที่น่าขนลุกนี้ตั้งแต่เมื่อไร จนกระทั่งคุณหญิงมิร์เรอร์บอกเขา หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกตัวถึงพลังประหลาดที่แทรกซึมเข้ามาในร่างกายและส่งผลต่อดวงตาของเขาเลยสักนิดเดียว


 


คุณหญิงมิร์เรอร์และไนท์วินด์จ้องมองหานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ หานเซิ่นไม่เคยไปที่เส้นทางหิน และเขาก็ไม่เคยเห็นรูปปั้นนั่นด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้มันปฏิเสธไม่ได้ว่าดวงตาแต่ละดวงของเขามี 2 รูม่านตาสีแดงจริงๆ นั่นหมายความว่าอาการประหลาดนี้เป็นโรคติดต่อ


 


ถ้ามันเป็นโรคติดต่อจริงๆ นั่นก็หมายความว่าทุกคนในค่ายนั้นจบสิ้นแล้ว แม้แต่กำลังเสริมที่กำลังเดินทางมาก็ต้องมาเสี่ยงไปด้วย


 


หานเซิ่นตอบสนองในทันที เขาหันกลับและวิ่งออกไปข้างนอก หลังจากนั้นเขาก็คว้าตัวยามเฝ้าประตูที่อยู่ด้านนอกและมองลึกไปในดวงตาของชายคนนั้น


 


ยามเฝ้าประตูนั้นกำลังจะสลัดหานเซิ่นออกไป แต่คุณหญิงมิร์เรอร์และไนท์วินด์มาหยุดเขาเอาไว้


 


“รูม่านตาของพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลง” หานเซิ่นมองไปในดวงตาของยามคนอื่นอีกหลายคน แต่ดวงตาของพวกเขาเป็นปกติดี


 


วินาทีต่อมา หานเซิ่นก็นำโทรศัพท์ของเขาออกมาและโทรไปหาฟอลลิ่งลีฟ เมื่อฟอลลิ่งลีฟรับสาย เธอก็ตอบรับแค่วอยซ์คอล ดังนั้นมันจึงไม่มีภาพ


 


“ฟอลลิ่งลีฟ เป่าเอ๋ออยู่ใกล้ๆไหม?” หานเซิ่นถาม


 


“อยู่” ฟอลลิ่งลีฟตอบ


 


“เปิดวิดีโอคอล” หานเซิ่นพูด


 


“มีเรื่องอะไร?” ฟอลลิ่งลีฟถามโดยที่ไม่เปิดวิดีโอคอล


 


“แค่ทำตามที่เขาสั่งก็พอ” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด


 


“ทราบแล้ว” ฟอลลิ่งลีฟตอบ เธอเปิดวิดีโอคอลและภาพของเธอก็ปรากฏบนหน้าจอของหานเซิ่น


 


ผมของฟอลลิ่งลีฟนั้นยุ่งเหยิงและชุดของเธอก็ถูกปลดกระดุม หานเซิ่นไม่รู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่กับเป่าเอ๋อ


 


แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ หานเซิ่นจ้องไปในดวงตาของเธอและสังเกตเห็นว่าพวกมันปกติดี นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย


 


“พ่อ!” เป่าเอ๋อกำลังนั่งอยู่บนโซฟาขณะที่ถือลูกเต๋าอยู่ในมือ เสียงของเธอฟังดูอ่อนหวานขณะที่เธอเรียกหาหานเซิ่น


 


ดวงตาของเป่าเอ๋อดูปกติดี นั่นทำให้เขารู้สึกโล่งใจยิ่งกว่าเดิม

“เป่าเอ๋อ หนูอยู่ในห้องและเล่นกับพี่ฟอลลิ่งลีฟไปนะ อย่าได้ออกไปไหนและรอพ่ออยู่ที่นั่นเข้าใจนะ?”


 


“เข้าใจแล้ว” เป่าเอ๋อพยักหน้า


 


หานเซิ่นหันความสนใจกลับมาที่ฟอลลิ่งลีฟ “ฟอลลิ่งลีฟ เธอปิดประตูให้สนิทและอย่าออกไปไหนเป็นอันขาด และอย่าก็ให้ใครคนอื่นนอกจากข้าเข้าไปข้างในเช่นกัน”


 


ฟอลลิ่งลีฟไม่ตอบ เธอมองไปที่คุณหญิงมิร์เรอร์ที่ยืนอยู่ถัดไปจากหานเซิ่น


 


“ทำตามที่เขาบอก” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด


 


“ทราบแล้ว” ฟอลลิ่งลีฟพยักหน้า


 


หานเซิ่นวางสายและหันมาพูดกับคุณหญิงมิร์เรอร์ “พวกเราควรหาใครสักคนที่ดวงตายังเป็นปกติมาทำการทดสอบ”


 


คุณหญิงมิร์เรอร์หันไปมองไนท์วินด์ และไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ปรากฏตัวในห้องทำงานอีกครั้งพร้อมกับคน 2 คนที่หานเซิ่นใช้ทำการทดลอง หนึ่งในพวกเขาคือหนิงเยวี่ยและอีกคนคือผู้ชายที่เขาจับคู่ด้วย


 


เนื่องจากหนิงเยวี่ยอยู่ไกลจากโกดังมากที่สุด เขาและคู่ของเขาจึงเป็นบุคคลแรกที่ไนท์วินด์หาตัวเจอ


 


“รออยู่ข้างนอก” หานเซิ่นผลักหนิงเยวี่ยออกไปจากห้องทำงานของคุณหญิงมิร์เรอร์และปิดประตู เขาพาตัวคนงานอีกคนมาหน้าคอมพิวเตอร์และเริ่มเล่นวิดีโออีกครั้ง เขาทำให้แน่ใจว่าคนงานคนนั้นดูตั้งแต่ต้นจนจบ


 


หานเซิ่น คุณหญิงมิร์เรอร์และไนท์วินด์จ้องไปในดวงตาของคนงานคนนั้น หลังจากที่คนงานเห็นรูปปั้นที่มีดวงตาและแขนนับพัน รูม่านตาของคนงานก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ไม่กี่วินาทีต่อมาสีก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นสีแดงบริสุทธิ์ หลังจากนั้นรูม่านตาก็เริ่มแยกออก และไม่กี่นาทีดวงตาของคนงานคนนั้นก็เป็นเหมือนกับของหานเซิ่น


 


หานเซิ่นไม่จำเป็นต้องพูดอะไร พวกเขาทั้งหมดเข้าใจความหมายของสิ่งที่เกิดขึ้น เพียงแค่มองดูวิดีโอที่บันทึกภาพของรูปปั้นนั้นเอาไว้ก็ทำให้พวกเขาได้รับคำสาปนี้


 


หานเซิ่นเปิดประตูและให้หนิงเยวี่ยเข้ามาในห้อง ดวงตาของเขายังคงปกติดี


 


“ไม่ว่าคนๆนั้นจะเห็นรูปปั้นในรูปแบบไหน เขาก็จะได้รับผลจากพลังของมัน”

หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาลองใช้พลังหลายๆอย่างเพื่อหาสิ่งผิดปกติกับดวงตาของตัวเองและหาความจริงว่าทำไมพวกมันถึงเกิดความเปลี่ยนแปลง แต่เท่าที่หานเซิ่นสัมผัสได้ ดวงตาของเขานั้นดูปกติดี พวกมันดูจะไม่ได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของพลังประหลาดอะไร


 


แม้แต่ศาสตร์ตงเสวียนก็ไม่สามารถระบุถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับดวงตาของเขาได้ มันเหมือนกับว่าดวงตาของเขายังคงปกติดี


 


แต่หานเซิ่นสัมผัสได้ถึงความอยากที่คุณหญิงมิร์เรอร์พูดถึง จู่ๆเขาก็รู้สึกอยากจะไปที่ทุ่งหิน มันเหมือนกับนักสูบที่ไม่ได้สูบบุหรี่ทั้งวันจึงอยากจะออกไปเพื่อซื้อบุหรี่มาสักซองหนึ่ง


 


โชคดีที่หานเซิ่นมีจิตใจที่เข็มแข็ง เขาทนต่อแรงกระตุ้นนั้นได้ ถ้าจิตใจของเขาอ่อนแอล่ะก็ เขาก็คงจะวิ่งไปที่ทุ่งหินเรียบร้อยแล้ว


 


คนงานคนนั้นกรีดร้องออกมา ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง และเขาก็เริ่มจะหายใจพะงาบๆ หลังจากนั้นเขาก็รีบวิ่งออกไป


 


ไนท์วินด์จับตัวของเขาเอาไว้และกดเขาลงกับพื้น หลังจากนั้นไนท์วินด์ก็ใช้โซ่สสารล็อคเขาเอาไว้กับที่


 


คนงานคนนั้นพยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของเขาชักกระตุกราวกับคนติดยา น้ำตาและน้ำมูกเริ่มไหลลงบนพื้น


 


“พวกเราควรจะทำยังไงกันดี?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่คุณหญิงมิร์เรอร์และไนท์วินด์


 


สถานการณ์นั้นดูเลวร้ายอย่างมาก และนี่ไม่ใช่บางสิ่งที่พวกเขาจะหนีไปได้ การบ่นเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ พวกเขาจะต้องรีบคิดหาหนทางออกให้เร็วที่สุด


 


“บางทีคำตอบของพวกเราอาจจะอยู่เหนือประตูหินนั่นไป พวกเราต้องไปที่นั่นเพื่อหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้” ไนท์วินด์พูด


 


“พวกท่านลองพยายามทำลายรูปปั้นนั่นหรือยัง?” หานเซิ่นถาม


 


“ข้าได้ลองพยายามทำลายมันดูแล้ว แต่ข้าทำไม่สำเร็จ รูปปั้นนั่นแข็งแรงกว่าหินอื่นบนดาวดวงนี้” ไนท์วินด์พูด


 


“ถ้าอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าประตูหินจะเป็นหนทางเดียว แรงกระตุ้นนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และถึงพวกเราจะมีจิตใจที่แข็งแกร่ง พวกเราก็ทนไปตลอดไม่ได้ พวกเราจะรอจนกระทั่งกำลังเสริมมาถึงที่นี่ไม่ได้ พวกเราควรจะรีบไปที่ประตูนั่นขณะที่พวกเรายังควบคุมตัวเองได้อยู่”

เมื่อคุณหญิงมิร์เรอร์ทำการตัดสินใจได้แล้ว เธอก็ดูไม่ลังเลอีกต่อไป


 


“ข้าเห็นด้วย” หานเซิ่นพยักหน้า เขาต้องการจะไปดูรูปปั้นนั่นด้วยเช่นกัน


 


มันไม่มีหลักฐานอะไรที่บ่งบอกว่าเชื้อนี้จะแพร่จากคนสู่คน แต่ถึงอย่างนั้นใครจะรู้ว่าเชื้อนี่จะติดต่อทางไหนได้บ้าง? ถ้าเป่าเอ๋อและหนิงเยวี่ยมาติดเชื้อนี่ด้วยอีกคน นั่นจะเป็นอะไรที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม


 


แถมตอนนี้หนิงเยวี่ยเองก็ติดเชื้อบางสิ่งเข้าไปเรียบร้อยแล้ว มันยากขึ้นเรื่อยๆที่จะบอกว่าเขาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ลักษณะนิสัยของเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ หนิงเยวี่ยที่หานเซิ่นเคยรู้จักนั้นไม่อยู่แล้ว


 


ตอนนี้เมื่อคุณหญิงมิร์เรอร์ตัดสินใจได้ เธอก็เริ่มออกเดินทางในทันที หานเซิ่น ไนท์วินด์และคนงานระดับดยุกคนนั้นตามเธอไปที่ทุ่งหินด้วยเช่นกัน


 


เรดคลาวด์ถูกลดระดับลงมาสู่ระดับราชัน ดังนั้นพวกเขาจึงทิ้งเธอเอาไว้ที่ค่าย แถมเธอก็ยังไม่ได้เห็นรูปปั้น ดังนั้นดวงตาของเธอยังคงเป็นปกติอยู่ แทนที่จะให้เธอมาเสี่ยง คุณหญิงมิร์เรอร์นั้นสั่งให้เธอคอยดูแลค่ายเอาไว้ 

 

 


ตอนที่ 2425

 

เส้นทางหินเป็นเหมือนกับที่พวกเขาเห็นในวิดีโอ พวกหานเซิ่นเดินทางมาถึงตำแหน่งที่มีรูปปั้นหินอยู่ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร


 


แต่หานเซิ่นรู้สึกว่ายิ่งเข้าไปใกล้รูปปั้นมากเท่าไหร่ แรงกระตุ้นประหลาดก็รุนแรงยิ่งกว่าเดิม


 


เมื่อหานเซิ่นมองไปที่รูปปั้นที่น่าขนลุกนั่น ความรู้สึกก็รุนแรงมากพอที่จะทำให้เขาตัวสั่น


 


ตอนนี้ดวงตานับไม่ถ้วนดูเหมือนกำลังมองมาที่เขา หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่ามีผีกำลังจ้องมองเขาอยู่ ความรู้สึกนั้นรุนแรงยิ่งกว่าในตอนที่เขาเห็นในวิดีโอมาก มันเหมือนกับว่ามีสายธารที่ไม่มีที่สิ้นสุดกำลังออกมาจากมือเหล่านั้นเพื่อกลืนกินเขา


 


หานเซิ่นเปิดใช้งานวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อหวังจะหาความลับของรูปปั้น


 


ดวงตาของหานเซิ่นเริ่มแยกออกเป็น 4 แฉกของกลีบดอกไม้ หานเซิ่นหายใจเข้าลึกๆและหันสายตาไปที่รูปปั้น


 


ในจังหวะนั้นหานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขากำลังมองปีศาจที่ออกมาจากขุมนรก ก่อนที่เขาจะได้มองชัดๆ ความเจ็บปวดก็แทงเข้ามาในดวงตาข้างขวาของเขา เขารีบยกมือขึ้นมาปิดดวงตาของตัวเองเอาไว้


 


สีหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไปทันที เขารีบหันสายตาไปที่อื่นและไม่กล้าหันกลับไปมองรูปปั้นอีก


 


“เจ้าเป็นอะไร?” คุณหญิงมิร์เรอร์และไนท์วินด์มองมาที่หานเซิ่น


 


“ข้าใช้วิชาดวงตาเพื่อมองไปที่รูปปั้นนั้น แต่มันเกือบที่จะทำให้ข้าตาบอด”

หานเซิ่นลดมือที่ใช้ปิดดวงตาลง ดวงตาของเขามีเลือดไหลออกมา


 


โชคดีที่เลือดของหานเซิ่นนั้นตกผลึก ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะสูญเสียเลือดจำนวนมากและอาจจะตายได้


 


“อย่าได้ใช้วิชาดวงตาของเจ้าเพื่อตรวจดูมันอีก ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิดล่ะก็ รูปปั้นนี้เกี่ยวข้องกับเทพแห่งดวงตา พลังของมันเชื่อมต่อโดยตรงกับการมองเห็น ถ้าเจ้าใช้วิชาดวงตาเพื่อมองดูมัน นั่นก็เหมือนกับการรนหาที่ตาย” ไนท์วินด์พูด


 


หานเซิ่นพยักหน้าเดินตามคุณหญิงมิร์เรอร์ไป


 


หลังจากที่พวกเขาเดินผ่านรูปปั้นไปแล้ว พวกเขาก็พบถ้ำหินที่เปื้อนไปด้วยเลือด มันดูเหมือนกับในวิดีโอ ยิ่งพวกเขาเดินลึกเข้าไปมากเท่าไหร่ เลือด และซากศพก็ปรากฏให้เห็นมากเท่านั้น ในที่สุดแล้วพวกเขาก็พบประตูอยู่ที่ปลายสุดของถ้ำ


 


ดยุกที่ถูกล่ามด้วยโซ่สสารเริ่มกรีดร้องออกมาอีกครั้ง เขาพยายามจะวิ่งเข้าไปหาประตูหิน ถ้าไนท์วินด์ไม่ได้คอยดึงดยุกคนนั้นเอาไว้ เขาก็คงจะเอาหัวของตัวเองฟาดกับประตูไปแล้ว


 


ประตูหินปิดสนิท และพวกเขาก็ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่เหนือประตูนี้ หานเซิ่นไม่กล้าใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงอีก ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่มองดูมันด้วยดวงตาตัวเอง


 


ความเร่งเร้าที่จะไปเปิดประตูหินนั้นรุนแรงขึ้นกว่าเดิม แต่โชคดีที่พวกเขาทั้ง 3 คนมีจิตใจที่แข็งแกร่ง พวกเขาไม่ได้สูญเสียการควบคุมตัวเองเหมือนอย่างคนงานระดับดยุกคนนั้น


 


แต่ยิ่งเวลาผ่านไปความเร่งเร้าก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะทนอีกไม่ไหว


 


ประตูหินไม่มีตัวล็อคหรือด้ามจับ มันปิดสนิทจนเกือบจะไม่มีรอยต่อให้เห็น คนงานมากมายนับไม่ถ้วนพยายามจะเปิดมัน แต่ประตูนั้นไม่สะทกสะท้านต่อการโจมตีทางกายภาพของพวกเขา


 


ไนท์วินด์และคุณหญิงมิร์เรอร์แลกเปลี่ยนสายตากัน หลังจากนั้นไนท์วินด์ก็เริ่มรวบรวมพลังของตัวเอง พวกเขาต้องการจะใช้กำลังเพื่อเปิดประตูหิน


 


หานเซิ่นยืนถัดไปจากคุณหญิงมิร์เรอร์ ดวงตาข้างขวาของเขายังคงปูดและรู้สึกเจ็บแสบอยู่


 


ไนท์วินด์เคลื่อนไหวโซ่สสารของเขาที่กำลังลอยตัวอยู่ พวกมันตอบรับการเรียกของเขาและก่อตัวเป็นดาบสีดำ


 


เมื่อหานเซิ่นมองไปที่ดาบของไนท์วินด์ เขาก็พบว่ามันให้ความรู้สึกเดียวกับการมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ว่างเปล่า พลังของมันเป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้


 


ไนท์วินด์ใช้ดาบสีดำในมือฟันฝ่ากลางประตูหิน ความมืดชนเข้ากับผิวของประตูราวกับขอบฟ้าอันมืดมิดที่สัมผัสกับพื้นดิน เขาฟันใส่ประตูซ้ำๆด้วยพละกำลังทั้งหมด แต่ทุกครั้งที่ความมืดสัมผัสกับประตู ความมืดก็แตกสลายราวกับคลื่นน้ำ ขณะที่ประตูนั้นไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย พลังของไนท์วินด์สามารถทำลายดวงดาวทั้งดวงได้สบายๆ แต่ประตูนี้กลับไม่เป็นอะไรเลย


 


หินที่อยู่รอบๆพังทลายไปทั้งหมดโดยดาบแห่งความมืดนี้และเผยให้เห็นขอบของบานประตู แต่ประตูก็ยังคงไม่เปิด แต่ตอนนี้พวกเขามองเห็นรอบๆประตูที่อยู่เหนือขอบของมันขึ้นไป ประตูนั้นนำเข้าไปสู่เมืองหอคอย


 


เมืองหอคอยถูกสร้างขึ้นด้วยอิฐสีดำ อิฐนั้นดูเหมือนกับหินสีดำที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่งในอุโมงค์ แต่พวกมันแข็งกว่ามากๆ แม้แต่พลังของไนท์วินด์ก็ทำได้แค่ทิ้งรอยขีดข่วนเอาไว้เท่านั้น


 


พลังจากดาบของไนท์วินด์ทำลายหินดำรอบประตูออกไปอีกและเผยให้เห็นคำ 3 คำที่สลักอยู่เหนือบานประตู หานเซิ่นสามารถอ่านคำ 3 คำนั้นได้ พวกมันถูกเขียนไว้ด้วยภาษาสามัญของจักรวาลจีโน


 


“เมืองดูก็อต”


 


“เมืองดูก็อต! นี่คือเมืองดูก็อต?!” ไนท์วินด์ร้องตะโกน แม้แต่คุณหญิงมิร์เรอร์ก็ตกตะลึง


 


“เมืองดูก็อตคืออะไร?” หานเซิ่นถามไนท์วินด์ เขาไม่เคยได้ยินชื่อของสถานที่นี้มาก่อน


 


ไนท์วินด์ตกตะลึง ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟ ขณะที่มองไปที่คำ 3 คำเหนือประตู

“ตำนานบอกไว้ว่าแอนเชี่ยนท์ก็อตมีเมืองที่ทรงพลังในสมัยโบราณกาล ชื่อของเมืองๆนั้นก็คือเมืองดูก็อต เนื่องจากคนของแอนเชี่ยนท์ก็อตเป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่เกิด พวกเขาจึงเพิ่มระดับขึ้นไปมากกว่านั้นไม่ได้ แต่ตำนานเล่าไว้ว่าคนที่มายังเมืองดูก็อตนั้นจะมีโอกาสที่จะก้าวข้ามระดับเทพเจ้าไปได้”


 


“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทุกคนคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น ไม่มีใครยืนยันได้ว่าเมืองดูก็อตนั้นมีอยู่จริงๆ และถ้านี่เป็นเมืองดูก็อตของแอนเชี่ยนท์ก็อตจริงๆล่ะก็ แบบนั้นมันก็จะอธิบายว่าทำไมมันถึงมีเรื่องแปลกประหลาดมากมายเกิดขึ้นที่นี่ และบางทีมันอาจจะมีโอกาสที่พวกเราจะแข็งแกร่งขึ้นได้”


 


ไนท์วินด์มองไปที่ประตูด้วยความตื่นเต้น เขาดูเหมือนจะลืมถึงอันตรายที่ต้องเจอไปซะสนิทเลย แต่หานเซิ่นไม่โทษไนท์วินด์ที่รู้สึกแบบนั้น เพราะแม้แต่ตอนที่เผ่าเซเคร็ดยังครองอำนาจอยู่ก็มียอดฝีมือน้อยคนนักที่จะก้าวข้ามระดับเทพเจ้าไปได้


 


แม้แต่แอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตที่ทรงพลังก็ไม่สามารถเลื่อนระดับขึ้นได้ และเขากลายเป็นฝนเลือดที่ตกลงมาบำรุงโลกแทน


 


สำหรับยอดฝีมือระดับเทพเจ้าส่วนใหญ่ การเข้าไปในจีโนฮอลล์เพื่อกลายเป็นเทพสปิริตนั้นถือเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้


 


ถ้าเมืองดูก็อตมีบางสิ่งที่สามารถทำให้คนๆหนึ่งกลายเป็นเทพสปิริตได้จริงๆล่ะก็ นั่นก็เป็นอะไรที่เย้ายวนยอดฝีมือระดับเทพเจ้าทุกคน


 


ยอดฝีมือระดับเทพเจ้ายังคงเป็นแค่คน และพวกเขาก็ยังเจ็บป่วยล้มตายได้ พวกเขาไม่ได้เป็นอมตะ แม้แต่ผู้นำของเซเคร็ดก็ยังพยายามจะค้นหากุญแจสู่ความเป็นอมตะเลย มันถือเป็นเรื่องปกติที่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าจะต้องการอะไรแบบนี้


 


“ถ้าเมืองดูก็อตเปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็นเทพสปิริตจริงๆ แบบนั้นแอนเชี่ยนท์ก็อตก็ควรจะเป็นที่หนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่ทรงอำนาจที่สุดสิ” หานเซิ่นพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว


 


คุณหญิงมิร์เรอร์มองไปที่คำทั้ง 3 และพูดขึ้นมา “เมืองดูก็อตเป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น มันไม่มีหลักฐานอะไรที่บอกว่านี่คือเมืองในตำนานนั่นจริงๆ และถ้านี่เป็นเมืองดูก็อตจริงๆ ทำไมมันถึงมาถูกฝังอยู่ในที่แบบนี้? พวกเราควรจะระวังตัวได้ดี”

 

 

 


ตอนที่ 2426

 

พลังของไนท์วินด์นั้นแข็งแกร่งและมันก็เหนือกว่าหานเซิ่นมาก ถ้าแม้แต่ไนท์วินด์ยังไม่สามารถเปิดประตูเมืองดูก็อตได้ อย่างนั้นแล้วหานเซิ่นก็ไม่สามารถเปิดประตูได้เช่นกัน แถมในตอนนี้คุณหญิงมิร์เรอร์ก็ถูกลดระดับลงมาสู่ระดับราชัน ดังนั้นดูไร้หนทางที่พวกเขาจะเปิดประตูนี้ได้


 


ไนท์วินด์ฟันดาบออกไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป้าหมายไม่ใช่ประตูเมือง เขาหันความสนใจไปที่หินที่อยู่รอบๆแทนโดยหวังจะขุดเอาทั้งหอคอยออกมา


 


หานเซิ่นและคุณหญิงมิร์เรอร์ก้าวถอยออกไปและมองดูอยู่ห่างๆ เนื่องจากเปิดประตูไม่ได้ พวกเขาก็ไม่มีหนทางอื่นอีก แผนของไนท์วินด์นั้นเป็นความพยายามดิ้นรนสุดท้าย


 


โซ่สสารของไนท์วินด์ฟาดใส่หินดำจนแตกกระจายออกไป และส่วนต่างๆของหอคอยก็เผยออกมาให้เห็นมากขึ้นๆ


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าหอคอยมีทั้งหมดกี่ชั้นกันแน่ และนั่นเป็นเพราะจริงๆแล้วหอคอยนั้นขาดครึ่ง มันดูเหมือนกับว่าหอคอยถูกตัดด้วยดาบที่ใหญ่มหึมา หอคอยนั้นถูกตัดขาดอย่างหมดจดตั้งแต่หัวจรดหางราวกับว่ามันถูกตัดขาดในดาบเดียว พวกเขาทั้ง 3 คนจ้องมองหอคอยที่ขาดครึ่งด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง


 


ถึงไนท์วินด์จะไม่ใช่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่เก่งกาจสุด แต่เขาก็ไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใด การโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของเขาทำได้เพียงแค่ทิ้งรอยขีดข่วนเล็กๆบนอิฐของหอคอย แม้แต่การจะตัดอิฐสักก้อนก็อยู่เหนือความสามารถของเขา


 


อย่างนั้นแล้วมันจึงยากที่จะจิตนาการได้ว่าพลังแบบไหนกันที่สามารถตัดหอคอยนี้จนขาดครึ่งได้ เพียงแค่คิดเกี่ยวกับมันก็เป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวแล้ว


 


ในตอนแรกหานเซิ่นรู้สึกไม่มีหวังว่าที่จะเข้าไปในเมืองดูก็อตจากด้านบน เพราะเมืองที่แข็งแรงแบบนั้นจะต้องมีใบเสมาหรือพลังบางอย่างคอยป้องกันเอาไว้แน่ นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะปีนข้ามกำแพงเข้าไปข้างในได้


 


แต่ตอนนี้เมื่อหอคอยถูกทำลาย พลังป้องกันของมันก็คงจะสูญหายไปเป็นเวลานานแล้ว นั่นหมายความว่าการจะเข้าไปข้างในเป็นอะไรที่ง่ายกว่าที่หานเซิ่นจินตนาการเอาไว้


 


ครึ่งบนของเมืองหอคอยนั้นขาดหายไป ไนท์วินด์ใช้ดาบฟันใส่หินหลายทิศทาง แต่เขาก็ไม่สามารถหาอีกครึ่งหนึ่งของหอคอยได้


 


ครึ่งล่างของหอคอยนั้นเต็มไปด้วยเศษหิน ด้วยเหตุนั้นไนท์วินด์จึงกวัดแกว่งดาบเพื่อขจัดเศษหินออกไป


 


แต่มันไม่มีอะไรให้เห็นมากนัก ในครึ่งของหอคอยที่หลงเหลืออยู่ รูปปั้นรูปหนึ่งตั้งอยู่ในหอคอย แต่รูปปั้นนั้นถูกตัดไปพร้อมกับครึ่งบนของหอคอย ส่วนที่เหลืออยู่ของรูปปั้นดูเหมือนจะอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ แต่พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่าเดิมทีแล้วนั้นเป็นรูปปั้นแบบไหนกันแน่


 


เศษซากของอสูรหินกระจัดกระจายอยู่รอบๆรูปปั้น พวกมันแตกเป็นเสี่ยงๆอยู่บนพื้น เมื่อดูจากพวกมันในตอนนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าครั้งหนึ่งพวกมันเคยยืนเป็นยามเฝ้าทั้ง 2 ข้างของรูปปั้น


 


“ดูเหมือนว่าเคยมีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่ แต่ทำไมพวกเราถึงไม่เห็นซากศพของสิ่งมีชีวิตไหนอยู่ที่นี่เลย?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน


 


“บางทีพวกเราอาจจะเคยเจอมันแล้ว พวกเราเคยขุดแขนขาขึ้นมาจำได้ไหม? แขนขาพวกนั้นเป็นอันตรายอย่างมาก แม้จะเป็นเพียงแค่แขนขา พวกมันก็ยังคงฆ่าคนงานของพวกเราได้หลายคน นั่นแสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของคนที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นที่นี่” ไนท์วินด์พูด


 


คุณหญิงมิร์เรอร์ขมวดคิ้ว เธอมองไปที่เมืองดูก็อตและพูด

“ถ้านี่คือเมืองดูก็อตจริงๆ มันก็ต้องเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของแอนเชี่ยนท์ก็อต แม้แต่ทางเอ็กซ์ตรีมคิงก็ยังเชื่อว่าเมืองดูก็อตเป็นเพียงแค่ตำนานและไม่ใช่สถานที่ที่มีอยู่จริงๆ แอนเชี่ยนท์ก็อตนั้นจะปกป้องที่นี่อย่างจริงจังมากๆ ถ้าสิ่งมีชีวิตอื่นมาโจมตีเมืองดูก็อต อย่างนั้นแล้วแอนเชี่ยนท์ก็อตก็ต้องตอบโต้อย่างแน่นอน แต่ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องราวไหนที่บอกว่าแอนเชี่ยนท์ก็อตเคยทำการต่อสู้ในระดับนี้มาก่อนเลย”


 


หลังจากหยุดไปชั่วครู่ คุณหญิงมิร์เรอร์ก็พูดต่อ “จากที่พวกเราเห็น นี่จะต้องซากปรักหักพังสนามรบของเทพสปิริตที่เกิดขึ้นในยุดสมัยแรก แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง การต่อสู้ระดับนี้ก็ต้องเป็นที่ตกตะลึงทั้งจักรวาล มันไม่มีทางที่จะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่”


 


“บางทีพวกเราอาจจะคิดมากเกินไป บางทีนี่อาจจะไม่ใช่ซากปรักหักพังที่เกิดจากการต่อสู้ของเทพสปิริต” ไนท์วินด์พูด


 


หานเซิ่นคิดและพูด “บางทีเมืองดูก็อตอาจจะมีอยู่จริงๆ และมันเป็นสถานที่ต้องห้ามที่ถูกเก็บเป็นความลับเฉพาะในหมู่แอนเชี่ยนท์ก็อต แต่ที่นี่ถูกทำลายตั้งแต่ยุคสมัยแรก บางทีนั่นจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่มีใครได้มีโอกาสได้เห็นเมืองดูก็อตมาก่อน บางทีแม้แต่แอนเชี่ยนท์ก็อตเองก็ไม่รู้ว่าจะหามันได้จากที่ไหน”


 


“นั่นก็ฟังดูเป็นไปได้ แอนเชี่ยนท์ก็อตและเวรี่ไฮมักจะเก็บเรื่องภายในของตัวเองเอาไว้เป็นความลับ ทั้ง 2 เผ่าอยู่มาตั้งแต่ยุคสมัยของเซเคร็ด และพวกเขาก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว แต่เมื่อก่อนพวกเขาถูกกดขี่โดยเผ่าเซเคร็ด ซึ่งทำให้พวกเขาไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนอย่างทุกวันนี้” คุณหญิงมิร์เรอร์พยักหน้าอย่างครุ่นคิด


 


“ถ้าเมืองดูก็อตอยู่มาตั้งแต่ยุคสมัยเริ่มแรกจริง นั่นหมายความว่าความลับของที่นี่อาจจะเกี่ยวข้องกับการกลายเป็นเทพสปิริตอย่างที่ตำนานกล่าวขานจริงๆใช่ไหม?” ไนท์วินด์ฟังดูตื่นเต้นอย่างมาก


 


หานเซิ่นส่ายหัว “บางทีอาจจะไม่ การที่เมืองดูก็อตถูกทำลายแบบนี้ มันหมายความว่าแอนเชี่ยนท์ก็อตปกป้องมันเอาไว้ไม่สำเร็จ บางทีความลับที่ซ่อนอยู่ในเมืองดูก็อตนั้นคงจะถูกขโมยไปเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้มันก็อาจจะเหลือแค่เมืองที่ว่างเปล่า”


 


ไนท์วินด์เข้าใจในเรื่องนั้น แต่เขายังคงมีความหวังอยู่ เขาพูดขึ้นมา

“มันคงจะต้องมีบางสิ่งอยู่ในเมืองนี้ ไม่อย่างนั้นทำไมเผ่าพันธุ์อื่นถึงได้พยายามหาทางมาที่เมืองแห่งนี้”


 


“มันยากที่จะบอกได้” หานเซิ่นพูดอย่างเบาๆ


 


ในความจริงแล้วหานเซิ่นเองก็คิดว่ามันมีบางสิ่งอยู่ภายในเมืองดูก็อตเช่นกัน แต่สิ่งนั้นอาจจะไม่ใช่ความลับของการกลายเป็นเทพสปิริตที่ตำนานกล่าวเอาไว้ บางทีบางอย่างที่น่ากลัวอาจจะรอดจากการต่อสู้ครั้งนั้นและกำลังล่อผู้คนที่มาที่นี่ให้เข้าไปข้างใน


 


หานเซิ่นรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเกี่ยวกับที่แห่งนี้ พวกเขาพบหินที่สามารถเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าเป็นระดับราชันได้ และยังมีรูปปั้นที่ทำให้ดวงตาของทุกคนเปลี่ยนเป็นสีแดงอีก อย่างนั้นแล้วอะไรก็ตามที่ซ่อนอยู่ในเมืองแห่งนี้คงจะไม่ใช่สิ่งดีอย่างแน่นอน


 


“พวกเราจะเข้าไปสำรวจข้างใน” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด หลังจากไนท์วินด์ก็ลงมือทำลายเศษก้อนหินต่อ


 


เมืองดูก็อตนั้นถูกฝังอยู่ใต้ก้อนหินจำนวนมาก ทั้งสิ่งก่อสร้างและถนนภายในเมืองต่างก็ถูกฝังอยู่ใต้ก้อนหินทั้งหมด ถ้าพวกเขาต้องการจะเข้าไปสำรวจในเมือง พวกเขาก็ต้องกำจัดก้อนหินพวกนั้นไปซะก่อน


 


โชคดีที่หินพวกนั้นไม่ได้แข็งเหมือนอย่างอิฐของตัวเมือง และพวกมันก็เป็นเพียงแค่หินชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ไม่ได้ใหญ่อะไรมาก ด้วยเหตุนั้นการกำจัดพวกมันจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร


 


ด้วยพลังของไนท์วินด์การกำจัดเศษหินออกไปจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่เขาไม่กล้าใช้พลังทั้งหมด เขากลัวว่าจะเผลอไปทำลายบางสิ่งที่มีค่าที่อยู่ใต้กองหินเข้า และเผื่อในกรณีที่มีบางสิ่งที่มีชีวิตหลับไหลอยู่ภายในเมือง เขาก็ไม่ต้องการจะปลุกมันให้ตื่นขึ้นมา


 


หลังจากประสบการณ์หลายวันที่ผ่านมา แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าอย่างไนท์วินด์ก็ต้องระมัดระวังอย่างเต็มที่ เขาไม่คิดจะทำอะไรที่โง่เขลา


 


ไนท์วินด์ใช้ดาบโซ่สสารของเขาตัดผ่านหินที่กว้างหลายสิบเมตร และหลังจากที่พวกเขาผ่านเข้าไป พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในลานกว้างของเมือง ไนท์วินด์ขุดหินต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งเขาพบกับบางสิ่ง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)