Super God Gene 2407-2410

ตอนที่ 2407

 

เมื่อพลังประหลาดนั้นไหลเข้าไปในร่างกายของหานเซิ่นทั้งหมดแล้ว อายุขัยของเขาก็อยู่ที่ 1787 ปี ในเวลาไม่ถึงนาทีอายุขัยของเขาก็เพิ่มขึ้นกว่าครึ่งสหัสวรรษ


 


“เขาเอาอายุขัยของเหล่าเอ็กซ์ตรีมคิงที่เข้ามาไปทั้งหมดกี่ปีกัน? นี่ไม่มีทางเป็นอายุขัยทั้งหมดที่เขาเอาไป” หานเซิ่นถามชุดเกราะคริสตัลสีดำ


 


ชุดเกราะคริสตัลสีดำเมินเฉยต่อคำพูดของหานเซิ่น มันกลับเข้าไปในจิตของเขา และเหมือนกับก่อนหน้านี้มันลอยตัวอยู่ที่มุมๆหนึ่งอย่างไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ


 


ในจังหวะที่ชายที่กล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นพระเจ้าถูกทำลาย ในปราสาทลึกลับที่ไกลแสนไกล ชายคนหนึ่งขมวดคิ้วและพูด

“ถึงแม้ตุ๊กตาพระเจ้าของข้าจะล่วงละเมิดเจ้า เจ้าก็แค่ทำลายดวงตาของเขาก็น่าจะพอแล้ว แต่เจ้ากลับฆ่าเขา เจ้าคิดว่าข้าคนนี้จะหวาดกลัวเจ้าอย่างนั้นหรอ?”


 


บนถนนสายหนึ่ง หมอดูมองบทความเกี่ยวกับชุดชั้นในที่ถูกทำลาย หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยมันไป มันสลายกลายเป็นผุยผง เขาถอนหายใจออกมาและพูด

“น่าเสียดาย มันเป็นเรื่องยากกว่าที่จะหาของแบบนั้นมาได้”


 


เขาหยิบถ้วนบะหมี่ที่ร่วงลงไปกับพื้นขึ้นมาและเช็ดถ้วยจนสะอาดด้วยผ้า หลังจากนั้นเขาก็เก็บถ้วยไป เขายกป้ายที่อ่านได้ว่า‘โชคชะตา’ขึ้นมาและเดินไปตามถนน



 


หานเซิ่นมองดูชายคนนั้นสลายกลายเป็นผุยผง และในขณะที่เขาทำแบบนั้น เขาก็รู้สึกตัวว่าเวลากำลังจะหมดแล้ว เขาวิ่งลงจากชิ้นที่ 7 ขณะที่คิดกับตัวเอง ‘ถ้าเอ็กซ์ตรีมคิงพบว่ารูปปั้นถูกทำลาย พวกเขาคงจะไม่สงสัยว่าเราเป็นคนทำหรอกใช่ไหม?’


 


เมื่อหานเซิ่นลงมาชั้นที่ 6 เขาก็เห็นว่ารูปภาพเหล่านั้นที่ยังคงแขวนอยู่กับกำแพง แต่จิตแห่งน้ำได้หายไปแล้ว ตอนนี้พวกมันเป็นเพียงแค่รูปภาพธรรมดาๆ


 


มันเป็นเหมือนกันหมดทุกชั้น รูปภาพทั้งหมดสูญเสียจิตของพระเจ้าไป ตอนนี้พวกมันไม่ได้พิเศษอะไรอีกแล้ว


 


‘แปลกจริงๆ ราชินีจิ้งจอกบอกว่ากระจกไนน์สปินเดสทินี่อยู่ภายในหอคอยนี้ แบบนั้นทำไมเราถึงไม่เห็นมันเลย?’

หานเซิ่นมองดูเวลาและรู้สึกตัวว่าเขายังคงเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมองหารอบๆหอคอย


 


ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาหานเซิ่นเดินขึ้นลงหอคอยหลายต่อหลายครั้ง แต่นอกจากรูปภาพแล้ว ชายคนนั้นก็เป็นเพียงสิ่งอื่นสิ่งเดียวที่อยู่ที่นี่ มันไม่มีกระจกบานไหนอยู่


 


‘นี่ราชินีจิ้งจอกหลอกเราอย่างนั้นหรอ? แต่นั่นไม่สมเหตุสมผล การหลอกเราเกี่ยวกับเรื่องกระจกไม่ได้ทำให้เธอได้ประโยชน์อะไร’

หานเซิ่นขมวดคิ้วและคิดกับตัวเอง ‘นี่หรือว่ามันจะเป็นราชินีจิ้งจอกที่ถูกหลอก? บางทีข้อมูลที่เธอได้มาอาจจะไม่ถูกต้อง ถ้าเป็นแบบนั้นนั่นอาจจะหมายความว่าตัวตนที่แท้จริงของราชินีจิ้งจอกถูกเปิดโปงเรียบร้อยแล้ว’


 


‘แต่ราชินีจิ้งจอกนั้นชาญฉลาด การจะหลอกคนอย่างเธอดูจะเป็นเรื่องยาก’

หานเซิ่นพยายามมองหาทุกซอกทุกมุมในหอคอยแห่งโชคชะตาอย่างละเอียด แต่เขาก็ยังไม่พบอะไรที่น่าจะเป็นกระจก


 


มันไม่มีกระจกไนน์สปินเดสทินี่อยู่ มันไม่มีอะไรอยู่ในหอคอยเลยด้วยซ้ำ หานเซิ่นมองเห็นทุกซอกทุกมุมของหอคอยแต่ละชั้น ถ้ามันมีกระจกอยู่จริงๆ เขาก็คงจะต้องเห็นมันไปนานแล้ว


 


“ภายในหอคอยนี้ไม่มีที่ไหนให้ซ่อนสิ่งของ นอกจากรูปปั้นคนที่เหมือนกับมนุษย์ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่มนุษย์นั่นแล้ว มันก็ไม่เห็นมีอะไรอย่างอื่นอยู่ที่นี่”

ขณะที่พูดออกมาแบบนั้น หานเซิ่นก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจำได้ว่าชายคนนั้นนั่งอยู่บนแท่นหินแท่นหนึ่ง เขารีบกลับขึ้นไปบนชั้นที่ 7 ของหอคอย


 


ถ้ามันจะมีบางสิ่งถูกซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งในหอคอยนี้จริงๆ มันก็ต้องเป็นภายในแท่นหินนั้น


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้คิดจะช่วยเหลือราชินีจิ้งจอก ถ้ามันมีสมบัติอย่างกระจกไนน์สปินเดสทินี่อยู่จริงๆ เขาก็จะเอามันไปเป็นของตัวเอง เพราะยังไงซะกระจกไนน์สปินเดสทินี่ก็เป็นสิ่งของที่ราชินีจิ้งจอกเชื่อว่าถ้านำกลับไปได้ มันก็จะทำให้เผ่าจิ้งจอกกลับมายิ่งใหญ่ในจักรวาลอีกครั้ง


 


เมื่อกลับมาถึงชั้นที่ 7 หานเซิ่นก็มองออกไปยังแท่นหินที่ชายคนนั้นเคยนั่งอยู่ มันดูเป็นแท่นหินธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ มันทำขึ้นมาจากหินเดียวกันกับส่วนอื่นๆของหอคอยแห่งโชคชะตานี้


 


หานเซิ่นยื่นมือออกไปกดลงบนแท่นหิน แท่นหินไม่ได้รับความเสียหายอะไร เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่บางสิ่งที่จะถูกทำลายได้ง่ายๆ


 


“น่าเสียดายที่เราใช้พลังจิ้งจอกไนน์สปินไปจนหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นเราก็คงจะใช้พลังนั้นเพื่อเรียกกระจกออกมาได้”

หานเซิ่นเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็ยื่นนิ้วมือไปเหนือแท่นหินและปล่อยให้เลือดของตัวเองหยดลงไป เลือดนั้นผสมด้วยพลังของวิชาโลหิตชีพจร


 


แท่นหินเริ่มสั่นไหวในทันที และเมื่อหยดเลือดละลายเข้าไปข้างใน แท่นหินก็สั่นไหวอย่างรุนแรงยิ่งไปกว่าเดิม


 


ทันใดนั้นแท่นหินก็ลอยขึ้นสู่อากาศ และขณะที่มันลอยตัวอยู่นั้น ชิ้นหินเปลือกนอกก็เริ่มแตกร้าวและหลุดออกมาจากการสั่นไหวที่รุนแรง ไม่นานโฉมหน้าที่แท้จริงของแท่นหินก็ถูกเปิดเผยออกมา


 


หลังจากนั้นกระจกหินที่อยู่ภายในก็ถูกเผยออกมา และเมื่อหานเซิ่นหยดเลือดของตัวเองลงไปอีกหยด แสงสีเงินก็ส่องสว่างออกมาจากกระจก ภายในผิวสะท้อนแสงของกระจก หานเซิ่นมองเห็นเงาของจิ้งจอกเก้าหางสีเงิน หางทั้ง 9 ของมันส่ายอย่างเบาๆขณะที่ดวงตาของจิ้งจอกมองมาที่หานเซิ่น


 


กระจกหินเริ่มบินหมุนวนรอบๆตัวหานเซิ่น กระจกหินนั้นมีขนาดพอๆกับครก แต่มันย่อขนาดลงเรื่อยๆจนกระทั่งมีขนาดพอดีกับมือของหานเซิ่น มันบินลงมาบนฝ่ามือของเขา หลังจากนั้นแสงที่ส่องสว่างออกมาก็หายไปเช่นเดียวกันเงาจิ้งจอกเก้าหางบนกระจก


 


หานเซิ่นยกกระจกขึ้นมา และเขาก็รู้สึกตัวว่ามันไม่ได้สะท้อนอะไรอีกแล้ว มันเป็นเพียงแค่ชิ้นหินสีเทา


 


ที่ด้านหลังของกระจก หานเซิ่นพบรอยแกะสลักรูปจิ้งจอกเก้าหางอยู่ มันเหมือนกันกับเงาที่หานเซิ่นเห็นในตอนที่กระจกเรืองแสงขึ้นมา


 


หยดเลือดของหานเซิ่นหายไปเช่นกัน ดูเหมือนว่ามันจะหายไปในตอนที่กระจกทำงานขึ้นมา หานเซิ่นตรวจดูกระจกหินอยู่อีกสักพัก แต่เขาก็ไม่เจอวิธีที่จะใช้มัน เขาไม่สามารถเปิดใช้งานพลังของกระจกหินนี้ได้


 


‘เราควรลองใช้เลือดเพื่อควบคุมมัน บางทีมันอาจจะจดจำเราได้ในฐานะเจ้าของเหมือนอย่างเจดดรัม’

หานเซิ่นเก็บกระจกหินไปและรอคอยจนกระทั่งถึงเวลาที่เขาต้องกลับออกไป เมื่อเวลานั้นมาถึงหอคอยแห่งโชคชะตาก็เปิดออก และหานเซิ่นก็รีบวิ่งออกไปด้านนอก


 


ทางเอ็กซ์ตรีมคิงดูเหมือนจะไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในหอคอยแห่งโชคชะตา ซึ่งนั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจอย่างมาก เขาบอกลาคนอื่นและเดินทางกลับเมืองใต้น้ำบนดาววอเทอร์โซน


 


“ถ้าเจ้าทรงพลังถึงขนาดนั้น เจ้าก็ควรจะลงมือให้เร็วกว่านี้ ถ้าสถานการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง เจ้าไม่จำเป็นต้องรอ ฆ่าพระเจ้าอีกสัก 2-3 คนและพวกเราจะมีชีวิตอยู่ยาวนานขึ้นอีกมาก”

หานเซิ่นพูดกับชุดเกราะคริสตัลสีดำในจิตเมื่อเขากลับมาถึงห้องแล้ว


แต่ชุดเกราะคริสตัลสีดำไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร มันนิ่งสนิทอย่างกับวัตถุที่ไม่มีชีวิต


 


เมื่อเห็นว่าชุดเกราะคริสตัลสีดำไม่ตอบสนอง หานเซิ่นก็ปล่อยมันไป เขาพักอยู่ที่บ้านอีกหลายวันเพื่อดูก่อนว่าทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในหอคอยแห่งโชคชะตาไหม


 


โชคดีที่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่รู้เรื่องที่รูปปั้นคนในหอคอยแห่งโชคชะตาถูกทำลาย นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกปลอดภัยขึ้นมา


 


หานเซิ่น: ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด

ร่างจีโนต่อสู้: ยีนกลายพันธุ์(ดยุก), มนตรา(ดยุก), ตงเสวียน(ราชัน), กายหยก(ดยุก)

ระดับ : ราชัน

ยีนระดับราชัน: 22

ความก้าวหน้าแห่งเทพเจ้า: 12%

อายุขัย: 1787 ปี


 


“เขายังไม่ตายอย่างนั้นหรอ?” ราชินีจิ้งจอกประหลาดใจ เมื่อได้รู้ว่าหานเซิ่นยังมีชีวิตอยู่และเพิ่งจะกลับออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา 

 

 


ตอนที่ 2408

 

ราชินีจิ้งจอกอยากจะไปที่ดาววอเทอร์โซนในทันทีเพื่อดูว่าหานเซิ่นนั้นเอากระจกไนน์สปินเดสทินี่ออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตาได้หรือเปล่า


 


แต่ไป๋ชางลังสั่งให้เธอไปทำบางอย่าง ทำให้เธอยังไม่มีเวลาไปที่ดาววอเทอร์โซน เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวตนที่แท้จริงของเธอถูกเปิดเผย เธอต้องระงับความใจร้อนไปก่อน


 


แต่ราชินีจิ้งจอกไม่สามารถหยุดคิดเกี่ยวกับการที่หานเซิ่นทำให้รูปปั้นเซเคร็ดบลัดทำงานขึ้นมาแต่แล้วกลับรอดชีวิตมาได้ เธอคิดไม่ออกว่าเขาทำแบบนั้นได้ยังไง


 


เมื่อนานมาแล้ว ผู้นำของเซเคร็ดได้ใช้รูปปั้นเซเคร็ดบลัดเพื่อควบคุมลูกน้องของตัวเอง แม้แต่คนที่เป็นระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถต่อต้านมันได้ แถมรูปปั้นเซเคร็ดบลัดบนหลังของหานเซิ่นยังถูกวาดด้วยเลือดของแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้อีก รูปปั้นเซเคร็ดบลัดแบบนั้นจะถูกใช้กับคนที่เป็นระดับเทพเจ้าเท่านั้น แต่หานเซิ่นเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง เขายังไม่เป็นระดับราชันด้วยซ้ำ แล้วแบบนั้นเขารอดชีวิตมาได้ยังไงกัน?


 


ราชินีจิ้งจอกรู้สึกสับสนอย่างมาก แต่มันยังอีกสักพักเธอถึงจะมีเวลาไปที่ดาววอเทอร์โซนเพื่อหาคำตอบ


 


หลังจากที่หานเซิ่นกลับไปที่เมืองใต้น้ำ เขาก็เริ่มศึกษาเกี่ยวกับกระจกไนน์สปินเดสทินี่ แต่เขาไม่พบอะไรที่พิเศษเกี่ยวกับมัน เขาลองใส่พลังของตัวเองเข้าไปในกระจก แต่เขาไม่สามารถทำให้มันทำงานขึ้นมาได้ ทางเลือกเดียวของเขาก็คือการหยดเลือดลงบนกระจกหินโดยหวังว่ามันจะยอมรับเขาในอนาคตข้างหน้า


 


แต่ทุกครั้งที่หานเซิ่นหยดเลือดลงบนกระจกหิน มันก็เรืองแสงขึ้นมาพร้อมกับเงาของจิ้งจอกเก้าหาง เมื่อเงานั้นหายไป เลือดของหานเซิ่นที่หยดลงไปก็จะหายไปด้วย


 


หานเซิ่นพยายามจะใช้วิธีการเดียวกับที่ใช้กับเจดดรัม แต่มันดูเหมือนจะไม่ได้ผล


 


“นี่ราชาเป่านำกระจกไนน์สปินเดสทินี่ไปไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตาและวางมันเอาไว้ใต้รูปปั้นอย่างนั้นหรอ? ถ้าใช่ ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นกัน?”

หานเซิ่นไม่สามารถคิดหาคำตอบได้


 


หานเซิ่นใช้แฟรี่น้ำในน้ำเต้าหยกเพื่อช่วยฝึกฝนจิตแห่งดาบของตัวเอง และด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงรู้สึกราวกับว่าจิตแห่งดาบของเขากำลังจะเลื่อนขั้นไปอีกระดับหนึ่ง หานเซิ่นไม่สามารถลอกเลียนแบบจิตแห่งดาบพลาวด์โบนของดาบคลั่งได้ แต่เขาสามารถใช้จิตแห่งดาบของตัวเองเพื่อต่อสู้กับจิตแห่งดาบของดาบคลั่งที่ถูกจำลองโดยแฟรี่น้ำได้ ในตอนแรกจิตแห่งดาบของเขาพ่ายแพ้อย่างราบคาบ แต่หลังจากผ่านไปสักพักหานเซิ่นก็เริ่มจะต้านทานมันได้


 


จิตแห่งดาบของดาบคลั่งนั้นไม่เหมาะกับหานเซิ่น ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะใช้มันโดยตรง แต่เขาใช้มันเป็นเหมือนกับหินเจียรเพื่อลับจิตแห่งดาบของตัวเองแทน


 


‘ไม่สำคัญว่าจิตแห่งดาบของดาบคลั่งจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน ยังไงมันก็ไม่ใช่ของเรา มันจะเป็นของเราได้ก็ต่อเมื่อเราเข้าใจมันอย่างถ่องแท้เท่านั้น’

ถึงแม้การพัฒนาแบบนั้นจะเป็นอะไรที่ช้ากว่ามาก เมื่อเทียบกันการลอกเลียนแบบจิตแห่งดาบของดาบคลั่งโดยตรง แต่หานเซิ่นก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร เขามีเวลาที่จะค่อยๆพัฒนาจิตแห่งดาบของตัวเองไปทีละนิดๆ


 


ถึงแม้หานเซิ่นจะมีคอร์ยีนระดับราชันอยู่เป็นจำนวนมาก และเขายังมียีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันอีก 100 ยีน แต่เขาก็ยังจำเป็นต้องหาพวกมันอีกมากในวันข้างหน้า ดังนั้นหานเซิ่นจึงมีแผนที่จะกลับเข้าไปในคอร์แอเรียจักรวาลเพื่อล่าคอร์ยีนมาเพิ่ม เพราะยังไงซะมันก็เป็นเรื่องดีที่จะเก็บตุนพวกมันเอาไว้แต่เนิ่นๆ


 


ถ้าหานเซิ่นคาดเดาไม่ผิดล่ะก็ ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 100 ยีนอาจจะเพิ่มระดับอาณาเขตแห่งราชันของเขาแค่หนึ่งระดับเท่านั้น


 


หานเซิ่นผลักดันฟันเฟืองจักรวาลของตัวเองเพื่อเข้าไปในคอร์แอเรียจักรวาลอีกครั้ง เขากลับไปยังตำแหน่งเดิมที่จากมา ซึ่งมันไม่ไกลไปจากดาวดาร์คโซน


 


หานเซิ่นไม่กล้าไปเหยียบบนดาวดาร์คโซนอีกครั้ง จนกว่าเขาจะแข็งแกร่งพอ การไปยั่วยุแมลงประหลาดนั้นไม่ต่างไปจากการฆ่าตัวตาย ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดไม่ได้ทำให้เขาเป็นอมตะและเวลาจำกัดของมันก็เป็นอะไรที่น่าปวดหัว


 


“เมื่อเรากลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว เราจะใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดอย่างไม่จำกัดหรือเปล่านะ?” หานเซิ่นสงสัยขณะที่เริ่มบินออกไป


 


“ดอลลาร์ บังเอิญจังเลย เจ้าสนใจที่จะร่วมมือกับพวกเราอีกครั้งไหม?”

เมื่อหานเซิ่นบินไปได้ไม่นาน กลุ่มของดราก้อนวันและดราก้อนเอทก็บินเข้ามาหาเขา


 


ในครั้งก่อนมีเพียงแค่ดราก้อนวันและดราก้อนเอทเท่านั้นที่รอดชีวิตกลับมาได้ ดราก้อนที่ติดตามพวกเขามาในวันนี้จึงเป็นคนใหม่ทั้งหมด


 


หานเซิ่นยังไม่มีโอกาสได้ตอบ มันก็มีอีกกลุ่มบินเข้ามาจากอีกทิศทางหนึ่ง หัวหน้าของคนกลุ่มนั้นคือเดียร็อบเบอร์ ขณะที่เขาบินเข้ามาใกล้ เขาก็พูดขึ้นมา

“ถ้าพวกเจ้าจะร่วมมือกัน พวกเราขอร่วมมือด้วยคนจะได้ไหม?”


 


หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ เขาเพิ่งจะเข้ามาในคอร์แอเรีย แต่คน 2 กลุ่มนี้ก็หาตัวเขาพบแล้ว นี่ไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญไปได้


 


“ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่พวกเจ้าสละเวลามาชวนข้า แต่ครั้งนี้ข้าอยากจะออกล่าตามลำพัง บางทีโอกาสหน้า?”

หานเซิ่นปฏิเสธพวกเขาอย่างมีมารยาท เขาไม่รู้ว่าคนพวกนี้ต้องการอะไรกันแน่ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะร่วมมือด้วย


 


หานเซิ่นเตรียมตัวที่จะจากไป แต่เดียร็อบเบอร์ก็รีบพูดขึ้นมา

“ไม่เป็นไร ถ้าเจ้าไม่คิดจะร่วมมือกับพวกเรา แต่ข้ามีซีโน่เจเนอิคระดับราชันกลายพันธุ์หลายตัวที่พวกเราล่าได้ เจ้าสนใจที่จะไปดูมันหน่อยไหม?”


 


หานเซิ่นหยุดชะงักไป ซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์เป็นอะไรที่หายาก ดังนั้นการที่สามารถเดินทางตรงไปหาพวกมันในทันทีจะช่วยหานเซิ่นได้มาก ถ้าพวกเขาล่าซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ได้ หานเซิ่นก็จะได้รับพลังของพวกมันโดยที่ไม่จำเป็นต้องฝึกฝน


 


“ไม่เลว ไม่เลว ข้าเองก็มีเบาะแสเกี่ยวกับซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์เช่นเดียวกัน ถ้าเจ้าสนใจล่ะก็ เจ้ารู้กฎการแบ่งปันของพวกเรา” ดราก้อนวันพูดขึ้นมา


 


หานเซิ่นถูกยั่วยวนด้วยข้อเสนอทั้ง 2 ถ้ามันเป็นอย่างที่พวกเขาพูดจริงๆ การฆ่าซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ถือเป็นอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อหานเซิ่นอย่างมาก แถมเขายังได้ส่วนแบ่ง 50 เปอร์เซ็นต์ของยีนทั้งหมดที่ล่ามาได้ มันไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องเสียเวลาตามหาซีโน่เจเนอิคให้เหนื่อย โอกาสแบบนี้ถือเป็นอะไรที่หาได้ยาก


 


หลังจากเงียบอยู่ชั่วครู่เพื่อครุ่นคิด หานเซิ่นก็ยังคงปฏิเสธข้อเสนอของพวกเขาทั้ง 2 ถ้าหานเซิ่นเลือกข้างในตอนนี้ เขาก็จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ


 


เนื่องจากหานเซิ่นไม่ร่วมมือด้วย พวกเขาก็ยังคงฆ่าซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์เหล่านั้นไม่ได้อยู่ดี ยังไงซะพวกเขาก็จำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือของหานเซิ่นในอนาคต บางทีเขาอาจจะได้รับผลประโยชน์มากกว่านี้ในภายหลัง


 


ดราก้อนวันและเดียร็อบเบอร์ดูจะคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าหานเซิ่นจะปฏิเสธพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ผิดหวังอะไร พวกเขายังคงพูดคุยกับหานเซิ่นด้วยความร่าเริงโดยหวังว่าพวกเขาจะได้ร่วมมือกับหานเซิ่นในอนาคตอันใกล้


 


“ทำไมเจ้าถึงได้ดีกับเขานัก? เจ้าคิดว่าเดสทรอยเยอร์อย่างพวกเราจำเป็นต้องพึ่งราชันอย่างเขาอย่างนั้นหรอ?” บาร์ถามขึ้นมาเมื่อหานเซิ่นจากไปแล้ว


 


เดียร็อบเบอร์เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่บาร์เชื่อฟัง ถ้าเดียร็อบเบอร์ไม่อยู่ที่นี่ เขาก็คงจะเริ่มต่อสู้กับหานเซิ่นไปแล้ว มันไม่ใช่เพราะว่าบาร์ไม่ชอบหานเซิ่น เขาก็แค่ชื่นชอบการต่อสู้กับคนที่เก่งกาจเท่านั้น


 


เดียร็อบเบอร์พยักหน้าและพูด “ใช่ พวกเราจำเป็นต้องพึ่งคนอย่างเขา”


 


เมื่อเห็นบาร์เงียบไป เดียร็อบเบอร์ก็ถอนหายใจออกมาและพูดต่อ

“พวกเราจำเป็นต้องพึ่งเขาก็เพราะเขาแข็งแกร่งกว่าพวกเรา สมาชิกระดับเทพเจ้าของเผ่าเราอาจจะแข็งแกร่งกว่าเขาก็จริง แต่เรื่องนั้นไม่ได้สำคัญอะไร เพราะพวกเขาเข้ามาในคอร์แอเรียไม่ได้”


 


“ถ้าพวกเขาเข้ามาไม่ได้ สมาชิกระดับเทพเจ้าของเผ่าอื่นๆก็เข้ามาไม่ได้เช่นกัน มันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร?” บาร์พูดอย่างไม่พอใจ


 


เดียร็อบเบอร์ยิ้มและพูด “มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ถ้าพวกเราต้องการจะฆ่าคอร์ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าในคอร์แอเรีย พวกเราก็จำเป็นต้องพึ่งเขา เจ้าคิดว่าเดสทรอยเยอร์ระดับราชันจะหนีจากซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าได้อย่างที่ดอลลาร์ทำอย่างนั้นหรอ?”


 


“ถ้าพวกมันไม่มีอาณาเขตที่จำกัดพลัง ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าธรรมดาฆ่าข้าไม่ได้” บาร์พูด


 


“เจ้าเป็นเดสทรอยเยอร์ระดับราชันที่ดีที่สุดที่พวกเรามี แต่ลำพังแค่เจ้ากับข้าการล่าซีโน่เจเนอิคก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ พวกเราอาจจะทำสำเร็จ แต่พวกเขาต้องสูญเสียอย่างมาก แต่ถ้าได้ด้วยความช่วยเหลือจากดอลลาร์ โอกาสสำเร็จของพวกเราก็จะสูงขึ้น และพวกเราก็ไม่ต้องสูญเสียมากนัก นั่นถือเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอ?” เดียร็อบเบอร์ถาม

 

 

 


ตอนที่ 2409

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่าพวกเขามีแผนอะไร แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร เขาบินไปรอบๆอยู่ราวหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่เขาจะพบคอร์ซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งที่กำลังบินผ่านความมืดมา


 


ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นดูไม่ปกติ มันลอยตัวอยู่บนพื้นหลังที่ว่างเปล่าของอวกาศราวกับเตาหลอมที่ร้อนแรง ร่างกายของมันดูเหมือนจะทำขึ้นมาจากเหล็กและร่างที่ประกอบไปด้วยฟันเฟืองของมันก็พันรอบด้วยโซ่จำนวนนับไม่ถ้วน คอร์สีแดงที่ร้อนแรงเรืองแสงออกมาจากด้านบนของมัน


 


หานเซิ่นบินตรงเข้าไปหาเตาหลอมขนาดใหญ่นั่น แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปใกล้ได้ เตาหลอมก็เปิดออกและปล่อยไฟมาใส่เขา มันดูเหมือนกับภูเขาไฟที่ปะทุขึ้นมา คลื่นเพลิงขนาดมหึมาแพร่ขยายออกไป และไม่นานพื้นที่สิบกว่าไมล์ก็ถูกปกคลุมไปด้วยไฟที่ร้อนแรง


 


หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังจะละลาย โดยไม่ลังเลเขาเรียกปืนเลเซอร์สีม่วงแดงออกมาและใส่พลังของตัวเองเข้าไปข้างใน หลังจากนั้นเขาก็ยิงมันออกไปใส่เตาหลอมขนาดใหญ่


 


ปัง!


 


ร่างกายของเตาหลอมมีความกว้างสิบเมตร ลำแสงเลเซอร์ของหานเซิ่นเจาะทะลุเตาหลอมและแพร่กระจายออกจากบาดแผลเพื่อกลืนกินซีโน่เจเนอิคตัวนั้นทั้งตัว


 


“ปีนคอร์แมลงปีศาจมีพลังในการดูดกลืน! ไม่เลว นั่นมันไม่เลวเลย อย่างเดียวที่น่ารำคาญก็คือพลังในการดูดกลืนนั้นทำงานช้าและรัศมีของมันก็ไม่ได้กว้างเหมือนอย่างอาณาเขตของสิ่งมีชีวิตต้นกำเนิดของมัน” หานเซิ่นค่อนข้างชอบอาวุธใหม่นี้ของเขา


 


เตาหลอมพ่นไฟออกมาขณะที่มันหันกลับเพื่อจะหนีไป แต่ร่างกายของมันเป็นรูพรุนจากการถูกหานเซิ่นยิงใส่ซ้ำๆ ในที่สุดแล้วร่างกายของซีโน่เจเนอิคตัวนั้นก็ระเบิด ไฟที่อยู่ภายในเตาหลอมนั้นปะทุออกมาราวกับดอกไม้ไฟ


 


“คอร์ซีโน่เจเนอิคเตาหลอมโลหะระดับราชันถูกฆ่า คอร์ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”


 


หานเซิ่นบินเข้าไปและตัดคอร์สีแดงของมันออกมา ก่อนที่เขาจะบินต่อไปข้างหน้าเพื่อหาอะไรล่าต่อ


 


หลังจากที่บินไปอีกครึ่งชั่วโมง หานเซิ่นก็พบเตาหลอมอีกตัวหนึ่ง เขารีบบินเข้าไปหาเตาหลอมตัวนั้น


 


บริเวณนี้ดูเหมือนจะเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าเตาหลอม หลังจากการโบยบินอยู่เป็นเวลาสิบชั่วโมง หานเซิ่นก็ฆ่าเตาหลอมได้ทั้งหมด 6 ตัว


 


ถึงแม้พวกมันจะไม่ได้มอบวิญญาณอสูรให้กับเขา แต่เพียงแค่ได้ยีนซีโน่เจเนอิคนั้นก็ทำให้หานเซิ่นพึงพอใจแล้ว


 


“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เราก็จะร่ำรวยมากๆ” หานเซิ่นดีใจกับความคืบหน้าของเขาในตอนนี้ และด้วยเหตุนั้นเขาจึงมุ่งหน้าต่อไป


 


หลังจากเดินทางไปอีกไม่นาน หานเซิ่นก็พบสถานที่ที่เต็มไปด้วยดาวเคราะห์น้อยจำนวนมาก และเขาก็เห็นเตาหลอมอีกตัวกำลังบินอยู่


 


ขณะที่หานเซิ่นเข้าไปใกล้ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่าเตาหลอมนี้แตกต่างไปจากเตาหลอมตัวอื่นๆ เตาหลอมตัวอื่นมีความสูงราวสิบเมตร และพวกมันก็ถูกทำขึ้นมาจากเหล็กสีดำ


 


แต่ทว่าเตาหลอมนี้มีความสูงแค่ 3-4 เมตรเท่านั้น และมันก็ถูกทำขึ้นมาจากทองแดง คอร์ของเตาหลอมและไฟที่อยู่ข้างในก็เป็นทองแดงเช่นกัน แต่สิ่งที่แปลกที่สุดของเตาหลอมนี้ก็คือการที่มันมีดาบเล่มหนึ่งยื่นออกมาจากตัวของมัน


 


ดาบเล่มนั้นเกือบจะถูกกลืนกินโดยเปลวไฟ มันมีสีแดงมากๆและบางสิ่งเกี่ยวกับมันก็เป็นอะไรที่สะดุดตา


 


“นี่คือสายพันธุ์ย่อยของเตาหลอมบินได้อย่างนั้นหรอ? มันมีดาบเล่มหนึ่งอยู่ข้างในด้วย! เตาหลอมตัวนี้ดูจะมีระดับที่สูงกว่าเตาหลอมสีดำพวกนั้น แต่พลังที่เราสัมผัสได้ ดูไม่เห็นจะแข็งแกร่งกว่าอะไรมาก เตาหลอมตัวอื่นๆเป็นระดับราชันขั้น 1-2 แต่เจ้าตัวนี้อย่างมากก็เป็นระดับราชันขั้นที่ 3-4 เท่านั้น”

หานเซิ่นมาที่นี่เพื่อล่าซีโน่เจเนอิค ดังนั้นเขาไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับพวกมันมากนัก เขาเอาปืนเลเซอร์ออกมาและยิงลำแสงสีม่วงแดงเข้าไปใส่เตาหลอม


 


เตาหลอมตัวนั้นกำลังนั่งอยู่บนดาวเคราะห์น้อย มันกำลังสูดลมหายใจเพื่อเอาพลังบางอย่างจากคอร์แอเรียจักรวาลเข้าไป ทุกการหายใจของมันทำให้ไฟในเตาหลอมสว่างไสวและร้อนแรงขึ้น ลำแสงสีม่วงแดงของหานเซิ่นพุ่งไปถูกเตาหลอมทองแดง และทำให้ส่วนหนึ่งของซีโน่เจเนอิคบุบเข้าไป เตาหลอมทองแดงนั้นกระเด็นออกไปชนดาวเคราะห์น้อยอื่น


 


ไฟของเตาหลอมถูกดาวเคราะห์น้อยด้วยเช่นกันและทิ้งรอยไหม้ของเปลวไฟเอาไว้เบื้องหลัง


 


หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ ปืนคอร์แมลงปีศาจเป็นวิญญาณอสูรระดับราชันกลายพันธุ์ แต่ลำแสงเลเซอร์ของมันไม่สามารถตัดผ่านเตาหลอมทองแดงได้ มันทำได้แค่ทิ้งรอยบุบไว้บนผิวของซีโน่เจเนอิคเท่านั้น


 


ในที่สุดเตาหลอมทองแดงก็ทรงตัวได้ มันดูโกรธมากๆ มันพ่นไฟออกมาเป็นทางยาว


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกสงสารอะไร เขายิงปีนเลเซอร์อีกครั้งขณะที่ในหัวกำลังคิด

‘เราจำเป็นต้องจู่โจมอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเตาหลอมทองแดงนี้ไม่ได้อ่อนแอ แต่ถ้าเรายิงซ้ำหลายครั้งๆ เราก็ควรจะทำลายมันได้”


 


ลำแสงสีม่วงแดงพุ่งเข้าไปใส่เตาหลอมอีกครั้ง แต่เตาหลอมปล่อยแสงสีแดงของมันออกมาขัดขวางลำแสงเลเซอร์เอาไว้ มันดูเหมือนกับว่าแสงสีแดงที่ร้อนแรงนั้นมาจากดาบที่อยู่ภายในเตาหลอม


 


ปัง!


 


พลังทั้ง 2 ปะทะกันและเกิดเป็นประกายไฟที่สวยงาม


 


หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ต้องประหลาดใจที่ไม่เพียงแค่ดาบที่อยู่ภายในเตาหลอมจะไม่ถูกทำลาย แต่ลำแสงเลเซอร์ของปืนคอร์แมลงปีศาจกลับกระเด็นกระจัดกระจายออกไป


 


ดาบที่อยู่ในเตาหลอมส่งเสียงฉ่าออกมา ไฟภายในเตาหลอมทองแดงนั้นปะทุราวกับว่ามันกำลังพูดกับดาบเล่มนั้น


 


อาณาเขตเพลิงสีทองแดงเข้าปกคลุมทั้งกาแล็กซี่และห่อหุ้มหานเซิ่นเอาไว้


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกถึงความร้อน มันเหมือนกับว่าอาณาเขตเพลิงสีทองแดงเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา


 


อาณาเขตเพลิงทองแดงหนาแน่นขึ้นและดาบก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ มันเปลี่ยนเป็นทองที่โปร่งแสง และสัญลักษณ์ประหลาดก็ปรากฏขึ้นบนใบมีดของมัน


 


หานเซิ่นรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เขารีบยกปืนขึ้นและยิงออกไปอีกหลายครั้ง แต่ดาบบินและเต้นระบำพร้อมกันฟันดาบแสงออกไปใส่ทุกแสงเลเซอร์ที่เข้าไป


 


อาณาเขตเพลิงทองแดงยังคงปกคลุมเป็นวงกว้าง และดาบก็ยังคงดูดมันเข้าไปเรื่อยๆ ในที่สุดตัวดาบทองคำก็กลายเป็นคริสตัลสีเขียวและลุกไหม้ด้วยไฟสีทองแดง มันทั้งดูงดงามและน่ากลัว


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว ดาบนั้นดูทรงพลังมากๆ มันทรงพลังพอที่จะทำให้เขารู้สึกกลัว


 


“นี่เป็นซีโน่เจเนอิคที่แข็งแกร่ง ถึงมันจะเป็นเพียงแค่ระดับราชันขั้น 3 หรือ 4 แต่พลังอาณาเขตของมันนั้นเสริมพลังให้กับดาบที่อยู่ภายในเตาหลอมถึงระดับที่ไม่น่าเชื่อ พลังของดาบในตอนนี้จะต้องเป็นระดับครึ่งเทพเป็นอย่างน้อย นี่เป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์!”

หานเซิ่นแปลกใจ แต่เขาไม่อยากจะถอยออกไปในตอนนี้ เขาเรียกอาณาเขตภูเขาออกมาเพื่อดูว่าซีโน่เจเนอิคเตาหลอมพิเศษนี้จะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน


 


ดาบคริสตัลลุกไหม้ด้วยไฟทองแดง ดาบส่งเสียงโหยหวนออกมา มันเทเลพอร์ตตรงเข้าไปที่หัวใจของหานเซิ่น


 


หานเซิ่นชกหมัดออกไปใส่ดาบที่บินเข้ามา ชุดเกราะของเขาอาบไปด้วยอาณาเขตภูเขา ดังนั้นการป้องกันของเขาจึงแข็งแกร่งมากๆ หานเซิ่นไม่จำเป็นต้องกลัวพลังของดาบเล่มนั้น


 


ปัง!


 


ปลายดาบปะทะกับหมัดของหานเซิ่น ดาบแทงทะลุชุดเกราะเข้าไปและเลือดจะเริ่มไหลออกมา

 

 

 


ตอนที่ 2410

 

“เป็นดาบที่ทรงพลังจริงๆ” หานเซิ่นก้มหัวและมองดูกำปั้นของตัวเอง ถึงแม้จะอาบด้วยอาณาเขตภูเขา แต่ชุดเกราะที่ปกคลุมกำปั้นของเขาก็ยังคงถูกดาบตัดผ่านมาได้ นิ้วของเขามีเลือดไหลออกมา แต่เขาก็รู้สึกขอบคุณที่กระดูกของเขาไม่ได้รับความเสียหายอะไร


 


ดาบที่ออกมาจากเตาหลอมแทงเข้าใส่หานเซิ่นเป็นครั้งที่ 2 แต่การแทงครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อน ดาบนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนหานเซิ่นแทบจะมองตามไม่ทัน


 


หานเซิ่นจับใบมีดของดาบที่ออกมาเตาหลอมเอาไว้ ซึ่งนั่นทำให้มีเลือดไหลออกมาจากมือของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กำใบมีดเอาไว้แน่น


 


ดาบกำลังสั่นไหวราวกับว่ามันกำลังดันตัวเองเข้าไปที่หัวใจของหานเซิ่น แต่หานเซิ่นยังคงจับใบมีดเอาไว้แน่นและไม่ปล่อยให้มันหลุดมือเขาไปได้


 


เตาหลอมทองแดงพ่นไฟออกมาและอาณาเขตเพลิงของมันก็เข้าปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างอีกครั้ง ดาบเริ่มดูดซับไฟนั้นเข้าไป และดาบก็ดูโปร่งใสมากขึ้นอีก พลังของมันเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน และมันก็เริ่มดันตัวเองเข้าไปสู่หัวใจของหานเซิ่นอีกครั้ง


 


ใบมีดตัดลึกเข้าไปในมือของหานเซิ่น แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังไม่คิดจะปล่อยมือออกจากมัน เขาจับดาบเอาไว้แน่นยิ่งกว่าเดิมขณะที่พยายามจะดึงดาบออกไปจากหัวใจของเขา


 


ปลายดาบที่ออกมาจากเตาหลอมนั้นเกือบจะสัมผัสกับอกของหานเซิ่น ใบมีดคริสตัลสีเขียวดูเหมือนกับงูพิษ ขณะที่มันเขย่าตัวอยู่ในมือของหานเซิ่น มันพยายามจะแทงเข้าไปในหัวใจของเขา แต่การเคลื่อนไหวของมันก็ถูกหยุดเอาไว้


 


เตาหลอมทองแดงลอยขึ้นพร้อมกับดูดพลังงานจากกาแล็กซี่รอบๆตัว ไฟของมันร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ และอาณาเขตเพลิงทองแดงของมันก็เข้าปกคลุมทุกอย่างอีกครั้ง


 


ดาบที่ออกมาจากเตาหลอมดูดซับไฟของอาณาเขตเพลิงเข้าไป ทำให้มันได้รับพลังมหาศาล มันปลดปล่อยพละกำลังในระดับที่ยากจะจินตนาการออกมาและตัดผ่านมือของหานเซิ่นไป


 


ดาบเริ่มจะตัดผ่านชุดเกราะบริเวณอกของหานเซิ่น หานเซิ่นพยายามจะดันดาบที่ร้อนแรงกลับไป แต่เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ตอนนี้เลือดไหลออกมาจากมือของหานเซิ่น และมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่มันจะตัดไปถึงกระดูกนิ้วมือของเขา


 


ในตอนนี้ปลายดาบฝังลึกเข้าไปในอกของหานเซิ่นกว่า 5 เซนติเมตรแล้ว และมันก็กำลังจะสัมผัสกับหัวใจของเขา


 


เตาหลอมทองแดงเต้นระบำอย่างมีความสุข และเปลวไฟที่อยู่ในเตาหลอมก็ก่อตัวเป็นอิโมจิรูปรอยยิ้มที่จ้องตรงมาที่หานเซิ่น


 


“นายแข็งแกร่งจริงๆ แต่มันคงจะต้องหยุดเพียงเท่านี้” หานเซิ่นพูดกับเตาหลอมโลหะขณะที่มือของเขายังคงกำดาบเอาไว้แน่น


 


ดาบที่ออกมาจากเตาหลอมนั้นทรงพลังมากๆ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปพลังที่น่ากลัวของมันก็ถูกถ่ายโอนไปที่ชุดเกราะตงเสวียน ในตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปที่ดาบจะเจาะทะลุชุดเกราะตงเสวียน


 


หานเซิ่นรวบรวมพละกำลังเพื่อดันดาบออกไป มือของเขาที่กำดาบอยู่นั้นควรจะอ่อนแรงลงจากการเสียเลือด แต่ไม่ว่าดาบจะพยายามดิ้นหล่นยังไง มันก็ไม่สามารถหลุดออกมาจากกำมือของหานเซิ่นได้


 


ไฟของเตาหลอมทองแดงปะทุขึ้นอีกครั้งเพื่อปลดปล่อยอาณาเขตเพลิงออกมา


 


ตัวอาณาเขตเพลิงเองไม่ได้เป็นอันตรายอะไร แต่มันช่วยเสริมพลังให้กับดาบอย่างมหาศาล ทุกครั้งที่อาณาเขตของเตาหลอมถูกดูดเข้าไป มันก็จะทำให้ดาบแข็งแกร่งขึ้นมา และการเสริมพลังนั้นดูจะไม่มีขีดจำกัด


 


เนื่องจากดาบที่ออกมาจากเตาหลอมนั้นแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้ง นั่นหมายความว่าพลังอาณาเขตของเตาหลอมทองแดงนั้นสามารถใช้ซ้อนๆกันได้


 


นี่เป็นอาณาเขตแรกที่หานเซิ่นเคยเห็นว่าสามารถทำอะไรแบบนั้นได้


 


ดวงตาของหานเซิ่นแข็งกร้าวขณะที่เขาจับดาบเอาไว้แน่น เขาดึงดาบออกมาจากอกของตัวเอง ขณะที่อาณาเขตเพลิงของเตาหลอมก็หายไปอย่างกะทันหัน นอกจากเปลวไฟที่ยังคงริบหรี่อยู่ภายในเตาหลอมทองแดงแล้ว มันไม่มีประกายไฟอื่นให้เห็นอีก


 


หานเซิ่นได้ใช้งานอาณาเขตตงเสวียนอย่างเต็มกำลังและบังคับให้ฟันเฟืองของเตาหลอมทองแดงหยุดหมุน ซึ่งนั่นทำให้อาณาเขตเพลิงของมันดับไป


 


เตาหลอมทองแดงตัวสั่นด้วยความกลัว ฟันเฟืองจักรวาลภายในเตาหลอมนั้นหมุนอย่างรวดเร็วเพื่อจะดึงพลังงานจากอวกาศรอบๆตัว แต่ไม่ว่ามันจะหมุนเร็วสักแค่ไหน เตาหลอมทองแดงก็ไม่สามารถปลดปล่อยอาณาเขตของมันออกมาได้ มันเหมือนการพยายามจุดไม้ขีดไฟที่เปียก


 


ตัวเตาหลอมทองแดงเองไม่ได้แข็งแกร่งอะไร มันคงจะเป็นแค่ซีโน่เจเนอิคระดับราชันขั้นที่ 3 หรือ 4 เท่านั้น แต่อาณาเขตเพลิงของมันที่ใช้เสริมพลังให้กับดาบเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ หลังจากการเสริมพลังหลายครั้ง ดาบที่ออกมาจากเตาหลอมก็มีพลังเทียบได้กับสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นเคยเห็นซีโน่เจเนอิคแบบนี้


 


เตาหลอมทองแดงต้องการจะพ่นไฟออกมาเพิ่ม แต่ไม่ว่ามันจะพยายามสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถปล่อยแม้แต่ควันออกมา


 


“ตอนนี้ถึงตาฉันบ้าง” ขณะที่จับดาบไว้ในมือข้างหนึ่ง หานเซิ่นก็ยกปืนคอร์แมลงปีศาจในมืออีกข้างขึ้นและกระหน่ำยิงเข้าไปใส่เตาหลอมทองแดง


 


เนื่องจากอาณาเขตภูเขา ความเร็วในการเคลื่อนไหวของหานเซิ่นจึงเชื่องช้ามากๆ มันไม่มีทางที่เขาจะโจมตีเจ้าเตาหลอมทองแดงได้ด้วยมือเปล่า แต่ความเร็วในการยิงของปืนคอร์แมลงปีศาจนั้นไม่เปลี่ยนแปลง


 


ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!


ลำแสงสีม่วงแดงพุ่งใส่เตาหลอมทองแดงและส่งมันกระเด็นออกไป บนผิวเตาหลอมเต็มไปด้วยรอยบุบขณะที่มันกระเด็นไปชนดาวเคราะห์น้อยรอบๆ


 


“ทำไมร่างกายของเจ้าตัวนี้ถึงได้แข็งนัก?” หานเซิ่นแปลกใจ เขาใช้ปืนคอร์แมลงปีศาจยิงใส่มันเป็นเวลานาน แต่ถึงอย่างนั้นแสงเลเซอร์ก็ยังไม่สามารถเจาะทะลุผิวของมันได้ และพลังกลืนกินก็ไม่สามารถเข้าปกคลุมมันได้เช่นกัน


 


เตาหลอมทองแดงตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ แต่มันได้รับบาดเจ็บแค่เล็กน้อยเท่านั้น มันยังไม่ได้รับบาดแผลที่สาหัสอะไร


 


“ซีโน่เจเนอิคระดับราชันที่มีอาณาเขตที่ประหลาด และร่างกายของมันยังแข็งมากๆอีก นี่มันประหลาดจริงๆ” หานเซิ่นขมวดคิ้ว


 


แต่ในตอนนี้หานเซิ่นมาไกลเกินกว่าที่จะปล่อยทุกอย่างไป เขาใช้ปีนคอร์แมลงปีศาจยิงใส่เตาหลอมทองแดงไปเรื่อยๆ


 


การยิงที่แม่นยำของหานเซิ่นยังคงพุ่งไปถูกเจ้าเตาหลอมโดยไม่พลาดเป้า เตาหลอมทองแดงยังคงพยายามบินไปเรื่อยๆ แต่แทนที่จะหนีไปจากหานเซิ่น มันกลับกำลังมุ่งหน้าเข้ามาหาเขา


 


ดาบที่ออกมาจากเตาหลอมก็ยังคงพยายามดิ้นรนภายในมือของหานเซิ่น แต่มันไม่สามารถหลุดออกมาได้


 


ปัง!


 


หลังจากที่ยิงอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ในที่สุดด้านหนึ่งของเตาหลอมทองแดงก็รับความเสียหายมากเกินไปและลำแสงเลเซอร์สีม่วงแดงก็เจาะทะลุผิวของมันจนเป็นรูได้สำเร็จ


 


รูนั่นไม่ได้ใหญ่อะไรมาก แต่มันทำให้หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจขึ้นมา ขนาดของรูไม่ใช่ปัญหาอะไร ถ้าเขาสามารถเจาะทะลุผิวของมันได้ แบบนั้นเขาก็สามารถทำลายมันได้


 


หานเซิ่นมีแผนที่จะยิงต่อไปเรื่อยๆ แต่เตาหลอมทองแดงเริ่มจะส่งเสียงหวีดที่เหมือนกับการร้องไห้ออกมา อาณาเขตตงเสวียนยังคงล็อคฟันเฟืองทั้งหมดในบริเวณรอบๆเอาไว้ และไม่ว่ามันจะพยายามสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถสร้างอาณาเขตเพลิงได้อีก


 


ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงหวีดร้องที่ดังมาก แต่เสียงนี้ไม่ได้มาจากเจ้าเตาหลอมทองแดง


 


หานเซิ่นหันหน้าไปทางที่เสียงดังมาและเขาก็เห็นเตาหลอมขนาดใหญ่ยักษ์กำลังตรงเข้ามาทางเขา มันใหญ่โตราวกับดวงดาว และดาบนับพันก็บินวนอยู่รอบๆมันราวกับแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว ทุกดาบเหมือนกับดาบที่ออกมาจากเตาหลอมทองเดง พวกมันกำลังลุกไหม้ด้วยไฟสีเขียว กาแล็กซี่นั้นถูกปกคลุมไปด้วยดาบจนสุดลูกหูลูกตา และโลกนี้ก็กลายเป็นทะเลแห่งดาบ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)