Super God Gene 2403-2406
ตอนที่ 2403
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรเกี่ยวกับเทพเจ้า แต่เขาใส่ใจที่ได้ยินคำว่าพระเจ้า
ตั้งแต่ที่หานเซิ่นเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ เขาก็รู้สึกเกลียดคำว่าพระเจ้าขึ้นมา เพียงแค่ได้ยินมันก็ทำให้เขาอารมณ์เสียขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงทีมเจ็ด
‘เจ้านี่คงจะไม่ได้เป็นพระเจ้าที่กล่าวอ้างว่าจะเนรมิตความปรารถนาให้เป็นจริงหรอกใช่ไหม?’
หานเซิ่นจ้องมองชายที่นั่งอยู่บนแท่นหิน เขาเชื่อว่าชายคนนี้ต้องเป็นคนที่เขาได้ยินเรื่องราวมา
แถมปฏิกิริยาของชุดเกราะคริสตัลสีดำก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกระวังตัวยิ่งกว่าเดิม
‘ไม่เคยได้ยินว่ามีเอ็กซ์ตรีมคิงคนไหนที่ถูกฆ่าตายภายในหอคอยแห่งโชคชะตานี้ พวกเขาบอกแค่ว่าได้เรียนรู้อะไรมากมายจากช่วงที่อยู่ภายในหอคอย มันไม่มีใครที่พูดเป็นนัยถึงบางสิ่งที่เป็นอันตรายร้ายแรงภายในหอคอย’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
‘แต่ไม่แปลกใจเลยที่เอ็กซ์ตรีมคิงแต่ละคนได้เรียนรู้สิ่งที่แตกต่างกันจากภายในหอคอยนี้ มันไม่ได้มีวิชาจีโนอยู่ที่นี่ แต่มันเป็นสิ่งมีชีวิตแทน’
หานเซิ่นยังคงนิ่งเงียบ ชายคนนั้นจึงถามขึ้นอีกครั้ง “หนุ่มน้อย เจ้าเชื่อว่าโลกนี้มีพระเจ้าไหม?”
“ข้าเชื่อแบบนั้น” หานเซิ่นตอบด้วยความมั่นใจ แต่ในใจเขาคิดว่า
‘แน่นอนว่าฉันเชื่อ พี่ใหญ่หานคนนี้ก็คือพระเจ้าดอลลาร์’
ชายคนนั้นพยักหน้าและพูดต่อ “ถ้าข้าบอกเจ้าว่าข้าคือพระเจ้า เจ้าจะเชื่อไหม?”
“ข้าเชื่อ” หานเซิ่นพูด เขาต้องการให้ชายคนนั้นพูดต่อไปเรื่อยๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาได้พยายามเสาะหาข้อมูลของบุคคลที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้า หานเซิ่นอยากจะรู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงหรือที่มาของอีกฝ่ายจนเต็มแก่แล้ว
ชายคนนั้นไม่ได้ดูประหลาดใจหรือกังวลใจกับคำตอบของหานเซิ่น สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลง เขายังคงยิ้มอยู่เช่นเดิม
“มันคือชะตากรรมที่พาเจ้ามาพบกับข้า ข้าจะเนรมิตคำอธิษฐานอย่างหนึ่งของเจ้าให้เป็นจริง เจ้าจะขออะไรก็ได้ที่ต้องการ เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว ไม่ว่าเจ้าจะขออะไร มันจะกลายเป็นความจริง แต่เจ้าจะเปลี่ยนคำอธิษฐานในภายหลังไม่ได้”
‘หมอนี่คงจะเหมือนกับราชาจุน’ หานเซิ่นหัวเราะในใจ ขณะที่เขามองไปที่ชายคนนั้น
“ข้าจะขออะไรก็ได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“อะไรก็ได้ที่เจ้าปรารถนา พระเจ้าทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง” ชายคนนั้นพูดอย่างสงบนิ่ง
หานเซิ่นขมวดคิ้วและไม่ได้พูดอะไรออกมา การอธิษฐานดูเหมือนจะเป็นอะไรง่ายๆ แต่จริงๆแล้วมันเป็นกับดักที่ซับซ้อน สมาชิกแต่ละคนของทีมเจ็ดได้ทำการอธิษฐานไป ซึ่งพวกเขาแต่ละคนก็ต้องเสียใจกับคำอธิษฐานของตัวเอง พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าบางสิ่งที่เลวร้ายจะเกิดขึ้นกับพวกเขา
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหานเซิ่นขอเงินจำนวนมาก ชายที่กล่าวอ้างว่าเป็นพระเจ้าก็อาจจะจัดฉากอุบัติเหตุและทำให้เงินจำนวนมากตกมาอยู่ที่เขา นั่นดูเหมือนจะเป็นเรื่อที่งดี แต่เมื่อความจริงถูกเผยออกมาว่าเงินนั้นเป็นของฆาตรกรโรคจิต ในที่สุดเขาก็จะถูกฆ่าโดยฆาตรกรโรคจิตคนนั้น
พระเจ้าควรจะเป็นแนวคิดนามธรรม เมื่อผู้คนทำการอธิษฐานต่อพระเจ้าแล้ว พวกเขาก็ควรจะดำเนินชีวิตของตัวเองต่อไป ไม่ใช่ต้องมีชีวิตอยู่กับคำอธิษฐานนั้นๆ
ถ้าผู้คนคิดว่าพระเจ้าคือคนที่จะเนรมิตคำอธิษฐานให้เป็นจริงเหมือนกับชายคนนี้ มันจะเป็นอะไรที่อันตรายมากๆ
ถ้าบางคนเชื่อในพระเจ้า แบบนั้นพวกเขาก็จะเชื่อว่าพระเจ้าคืออำนาจที่แท้จริงในโลกใบนี้ ทุกการกระทำของพระเจ้าจะมีผลที่ตามมา พระเจ้าไม่สามารถสร้างบางสิ่งขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้
คำอธิษฐานของคนๆหนึ่งจะเป็นบางสิ่งที่มีอยู่แล้วในจักรวาล แน่นอนว่าสิ่งนั้นจะมีการเชื่อมต่อกับจักรวาลอยู่ก่อนแล้ว อะไรก็ตามที่คนๆหนึ่งอธิษฐานจะมีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับการทำงานของโลกใบนี้
เมื่อคนๆหนึ่งอธิษฐานบางสิ่งที่พวกเขาต้องการ ผลที่ตามมาจากการขอของสิ่งนั้นก็จะตกมาสู่ผู้ขอคำอธิษฐานนั้นๆ ยิ่งของที่ขอหายากมากเท่าไหร่ ผลที่ตามมาก็จะเลวร้ายมากเท่านั้น สิ่งที่ต้องจ่ายคืนจะเป็นอะไรที่มากมายมหาศาล
ถ้าคนๆหนึ่งอธิษฐานขอเงินหมื่นดอลลาร์ เงินก้อนนั้นก็อาจจะเป็นเงินของแม่ที่ต้องการจะรักษาลูกชายที่เจ็บป่วย ซึ่งเมื่อเงินก้อนนั้นถูกมอบให้กับผู้ขอคำอธิษฐาน ลูกชายคนนั้นก็จะตายและความเกลียดชังของแม่คนนั้นก็จะตกมาสู่ผู้ขอคำอธิษฐาน
ถ้าผู้ขอคำอธิษฐานโลภมากและขอเงินหนึ่งล้านดอลลาร์ คำอธิษฐานนั้นก็อาจจะทำร้ายหนึ่งร้อยชีวิต ผู้ขอคำอธิษฐานจะถูกเกลียดชังโดยหนึ่งร้อยครอบครัว การถูกหนึ่งร้อยครอบครัวแก้แค้นถือเป็นราคาที่สูงที่ต้องจ่ายคืน
แต่นั่นเป็นเพียงแค่การคาดเดาของหานเซิ่น พวกมันอาจจะไม่ได้เป็นเรื่องจริง แต่เมื่อดูจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับสมาชิกของทีมเจ็ด มันก็เป็นไปได้ที่การคาดเดาจะเป็นความจริง
มันไม่สำคัญว่าผู้อธิษฐานจะขอความเป็นอมตะหรือการกลับไปเป็นวัยหนุ่มสาว ทุกคำอธิษฐานจะมีผลที่ตามมา บางครั้งผลที่ตามมาจะเป็นอะไรที่เลวร้าย พวกเขาอาจจะต้องทนทุกข์ทรมานเพื่อจ่ายสิ่งที่ตัวเองติดค้างเอาไว้
‘ถ้าทฤษฎีนี้ถูกต้องล่ะก็ แบบนั้นทุกคนที่เข้ามาในหอคอยแห่งโชคชะตาก็ควรจะต้องจ่ายคืนคำอธิษฐานของตัวเอง แต่ไม่เห็นเคยได้ยินเกี่ยวกับความโชคร้ายของคนที่เคยเข้ามาในนี้เลย ทำไมกันนะ?’ หานเซิ่นขมวดคิ้ว
ชายที่กล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นพระเจ้าสังเกตเห็นว่าหานเซิ่นยังคงยิ่งเงียบ เขายิ้มและพูด
“ข้าจะให้เวลาเจ้าคิดเกี่ยวกับสิ่งที่จะขอ มันมีรูปภาพพระเจ้าทั้ง 48 รูปอยู่ในหอคอย พวกมันทั้งหมดมีจิตวิญญาณของข้าอยู่ เจ้าควรจะไปมองดูพวกมัน บางทีพวกมันอาจจะช่วยให้เจ้าตัดสินใจได้ นั่นเป็นของขวัญแรกที่ข้าจะมอบให้กับเจ้า เมื่อเจ้าคิดได้แล้วว่าต้องการจะขออะไร เจ้าก็กลับมาหาข้าและข้าจะทำให้มันเป็นความจริง”
หานเซิ่นไม่ได้เดินจากไป เขามองไปที่ชายคนนั้นและถาม
“ถ้าข้าอธิษฐานไป ข้าจะต้องจ่ายอะไรกลับคืนไปไหม?”
ชายคนนั้นยังคงยิ้มและพูด “เจ้าต้องจ่ายคืน”
หานเซิ่นประหลาดใจที่ชายคนนั้นยอมตอบ เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่มีทางยอมรับในเรื่องนี้ซะอีก หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ถามต่อในทันที
“ข้าจะต้องมอบอะไรให้กับเจ้า?”
ชายคนนั้นมองหานเซิ่นและไม่ตอบคำถามของเขา
“เจ้าไม่ใช่คนแรกที่ถามคำถามนี้กับข้า และเจ้าคงจะไม่ใช่คนสุดท้าย ข้าตอบคำถามของเจ้าได้ แต่ถ้าข้าตอบ เจ้าจะต้องขอคำอธิษฐาน ตกลงไหม?”
หานเซิ่นคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง “ตกลง”
ชายคนนั้นยิ้มและพูด “คำอธิษฐานที่เจ้าขอจะกลายเป็นจริง และนั่นเป็นเพราะมันคือสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ”
“สิ่งที่ข้าขอคือสิ่งที่ข้าสมควรได้รับอย่างนั้นหรอ? ถ้าข้าต้องการภรรยาหนึ่งร้อยคน นั่นก็หมายความว่าภรรยาเหล่านั้นจะกลายเป็นภรรยาของข้าเรียบร้อยแล้วอย่างนั้นหรอ? นั่นไม่เห็นจะฟังดูรู้เรื่องเลย?”
หานเซิ่นนิ่งไปชั่วขณะ สิ่งที่ชายคนนั้นพูดเป็นบางสิ่งที่หานเซิ่นไม่สามารถยอมรับได้ แต่เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับมันอีกที เขาก็แทบหยุดหายใจ ตอนนี้หานเซิ่นรู้แล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงพูดออกมาแบบนั้น
สิ่งที่ชายคนนั้นพูดมันกลับตาลปัตรกัน ถ้าลองทำความเข้าใจมันแบบกลับหน้ากลับหลัง มันก็จะเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล แต่ความสัมพันธ์ของเหตุและผลนั้นกลับตาลปัตรกัน
ตอนที่ 2404
เป็นอย่างที่หานเซิ่นคาดเดาเอาไว้ ถ้าพระเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังเหตุและผลจริง แบบนั้นเขาก็สามารถกลับตาลปัตรความสัมพันธ์ของเหตุและผลได้
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคนๆหนึ่งอธิฐานขอเงินหนึ่งล้านดอลลาร์ โดยปกติแล้วคนนั้นจะต้องทำงานเป็นสิบปีเพื่อให้ได้รับเงินมากขนาดนั้น แต่ด้วยการกลับตาลปัตรความสัมพันธ์ของเหตุและผล พระเจ้าจะมอบเงินหนึ่งล้านให้กับคนๆนั้นในทันที หลังจากนั้นคนๆนั้นก็ค่อยทำงานเพื่อจ่ายมันคืน
ถ้าใครคนหนึ่งอธิษฐานในสิ่งที่มากกว่าที่พวกเขาจะจ่ายคืนได้ แบบนั้นมันก็จะทำลายความสัมพันธ์ของเหตุและผล ซึ่งจะก่อให้เกิดความไม่สมดุลภายในพลังเหตุและผล มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
‘ถ้าแนวคิดนี้ถูกต้อง การอธิษฐานก็เป็นเหมือนค่าแรงล่วงหน้า ถ้าคำอธิษฐานของเราเป็นบางสิ่งที่เราจ่ายคืนได้ แบบนั้นเราก็อาจจะไม่เจ็บตัว หรืออย่างน้อยๆเราก็จะเจ็บตัวน้อยกว่า เหมือนอย่างหานจิงจือ เขาขอคำอธิษฐาน แต่คำอธิษฐานที่เขาขอไม่ได้ย้อนกลับมาหาเขา’ หานเซิ่นคิด
ชายคนนั้นยิ้ม “เจ้าชาญฉลาด เจ้าเข้าใจถึงความหมายเบื้องหลังของคำอธิษฐาน ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทำการขอคำอธิษฐานได้อย่างถูกต้อง”
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘เอ็กซ์ตรีมคิงหลายคนเข้ามาในหอคอยแห่งโชคชะตา และชีวิตของพวกเขาก็ดูเหมือนจะไม่ได้ประสบกับเคราะห์ร้ายอะไร พวกเขาคงจะเข้าใจถึงความหมายภายใต้คำพูดของชายคนนี้ แต่มันเป็นความจริงอย่างนั้นหรอที่ไม่มีใครเลยที่จะโลภมากและขอคำอธิษฐานในสิ่งที่เกินกว่าที่ตัวเองจะทำได้น่ะ?’
หานเซิ่นไม่รู้ว่าชายคนนี้ใช่คนเดียวกับที่ทีมเจ็ดพบหรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะเป็นคนเดียวกันหรือไม่ หานเซิ่นก็เชื่อว่ามันมีบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ แต่เขายังไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่
เมื่อหานเซิ่นไม่พูดอะไร ชายคนนั้นก็พูดต่อ “หนุ่มน้อย อธิษฐานในสิ่งที่เจ้าทำได้ และมันจะไม่ทำร้ายเจ้า”
วิธีการพูดแบบนี้ของอีกฝ่ายทำให้หานเซิ่นต้องขมวดคิ้ว
‘เดี๋ยวก่อนนะ เราลืมคำนึงถึงมุมมองของอีกฝ่ายไปซะสนิทเลย เขาไม่มีทางช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่มีเหตุผล ทำไมเขาถึงได้ยินดีที่จะทำให้คำอธิษฐานของคนอื่นเป็นจริงขึ้นมา? หรือว่าบางทีการอธิษฐานนี้จะไม่ได้เป็นแค่การจ่ายค่าแรงล่วงหน้า แต่เป็นเงินกู้ที่มีดอกเบี้ย? เขาอาจจะเป็นผู้ปล่อยกู้ที่คิดดอกเบี้ยสูง!’ ความคิดนั้นทำให้หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา
อย่างไม่ต้องสงสัย ชายคนนี้ต้องได้รับผลประโยชน์บางอย่างจากคำอธิษฐานที่ถูกขอ มันไม่มีทางที่เขาจะนั่งอยู่ที่นี่และเนรมิตคำอธิษฐานของคนอื่นให้เป็นจริงจากความเมตตา ผลประโยชน์นั่นอาจจะเป็นดอกเบี้ยที่เขาเรียกเก็บจากผู้ขอคำอธิษฐานแต่ละคน
ยิ่งคำอธิษฐานใหญ่โตมากเท่าไหร่ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะมากขึ้นเท่านั้น และนั่นก็หมายความว่าชายคนนี้จะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นตามไปด้วย
ขณะที่หานเซิ่นคำนึงถึงความเป็นไปได้นี้ เขาก็รู้สึกเชื่อมั่นว่าความคิดของตัวเองถูกต้อง เขาอาจจะไม่รู้ถึงกระบวนการขอคำอธิษฐานนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ชายคนนี้ไม่ใช่ผู้มีเมตตาที่จะเนรมิตความฝันให้เป็นจริงแน่ๆ เขาเป็นเหมือนกับแวมไพร์มากกว่า
ถ้าการคาดเดานี้ถูกต้องล่ะก็ ไม่ว่าเขาจะอธิษฐานอะไรออกไป เขาก็ยังคงต้องสูญเสียบางสิ่งอยู่ดี
แต่มันเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจในเงินทอง หานเซิ่นคิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายต้องการเก็บดอกเบี้ยในรูปแบบไหนกันแน่
“ข้ายังไม่รู้ว่าจะขออะไร ข้าขอไปเดินดูรูปภาพพวกนั้นได้ไหม?” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่ชายคนนั้น
“ได้ เจ้าควรจะคิดเกี่ยวกับมันดีๆ เจ้ามีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น” ชายคนนั้นยิ้มอย่างเป็นกำลังใจให้เขา
หานเซิ่นเดินลงจากชั้นที่ 7 ของหอคอยแห่งโชคชะตา ขณะที่เดินลงมา เขาก็ครุ่นคิดกับตัวเอง ‘จากที่เราเห็นมา พลังของเขาต้องมีข้อจำกัดอยู่ เขาทำลายคนที่ขอคำอธิษฐานโดยตรงไม่ได้ และเขาก็ทำร้ายสิ่งมีชีวิตของจักรวาลนี้ไม่ได้ และดูเหมือนว่าเขาจะโกหกไม่ได้ด้วย’
‘กฎที่ห้ามการใช้กำลังและความเท็จ ทั้งหมดนี่ฟังดูเหมือนกับกฎระเบียบหรือกฎหมายที่เคร่งครัด ถึงแม้พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงกฎไม่ได้ แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะใช้คำพูดเพื่อชักจูง นั่นคือวิธีการที่พวกเขาใช้หลอกผู้คน’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ที่สุดแล้วเขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่ได้มาที่นี่
หานเซิ่นตกลงจะขอคำอธิษฐานก็เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการขอคำอธิษฐานจากสิ่งมีชีวิตที่กล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นพระเจ้า ตอนนี้เขาเริ่มจะเข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทฤษฎีของเขาไม่ได้แม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้เขาก็เข้าใจมันได้ดีกว่าเมื่อก่อนที่ไม่รู้อะไรเลย
ในการจะเอาชนะศัตรู ก่อนอื่นเขาก็ต้องเข้าใจศัตรูซะก่อน
ตอนนี้หานเซิ่นตกลงจะขอคำอธิษฐานไปแล้ว และเขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน แต่เขาก็ยังคิดว่านี่เป็นอะไรที่คุ้มค่า อย่างน้อยเขาก็ได้เข้าใจถึงสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้า
ตอนนี้สิ่งที่หานเซิ่นจำเป็นต้องทำก็คือหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยที่ต้องติดค้างอีกฝ่าย เมื่อเขาทำการขอคำอธิษฐาน
จากทฤษฎี ยิ่งอธิษฐานขอสิ่งที่เล็กน้อยมากเท่าไหร่ ราคาที่ต้องจ่ายคืนก็จะน้อยลงเท่านั้น นั่นหมายความว่าดอกเบี้ยก็จะน้อยลงไปด้วย
แต่หานเซิ่นไม่รู้ว่าเกณฑ์ที่ใช้วัดความมากน้อยของคำอธิษฐานคืออะไรกันแน่ เขาจะรู้ได้ยังไงว่าคำอธิษฐานไหนเป็นอะไรที่ใหญ่หรือเล็ก?
ยกตัวอย่างเช่น หานเซิ่นอาจจะขอหนึ่งดอลลาร์ นั่นถือเป็นเงินจำนวนน้อยนิด และตามทฤษฎีแล้วคำอธิษฐานของเขาก็ควรจะมีดอกเบี้ยที่น้อยตามไปด้วย เพราะหนึ่งดอลลาร์เป็นอะไรที่จ่ายคืนได้ง่าย
แต่ชายที่กล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นพระเจ้าไม่ได้เล่นตามกฎของเงิน เขาเล่นตามกฎของเหตุและผล
ถ้าหานเซิ่นต้องการหนึ่งดอลลาร์ หนึ่งดอลลาร์อาจจะมาจากลูกชายของยอดฝีมือที่น่ากลัว ซึ่งในที่สุดเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่น่ากลัวคนนั้น
คำอธิษฐานที่ถูกทำให้เป็นจริงโดยพลังเหตุและผลนั้นแม้แต่คำอธิษฐานที่ดูเล็กน้อยก็อาจจะกลายเป็นอะไรที่อันตรายอย่างมาก และไม่ว่าผลที่ตามมาจะคืออะไร หานเซิ่นก็ต้องจ่ายคืนให้กับอีกฝ่าย
และคนที่เป็นคนตัดสินใจในเรื่องนั้นก็คือชายที่อ้างตัวเป็นพระเจ้า
‘มันเป็นเรื่องยากที่จะต่อต้านพระเจ้า ทีมเจ็ดมีคนเก่งอยู่มากมาย แต่แล้วพวกเขาทุกคนก็ตกอยู่ในสภาพแบบนั้น ดูเหมือนว่าการที่กู่ชิงเฉิงไม่ขอคำอธิษฐานจะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
‘หานจิงจือขอคำอธิษฐานแบบไหนกัน ทำไมเขาถึงหลีกเลี่ยงกับดักที่ถูกวางเอาไว้ได้?’
หานเซิ่นไม่เข้าใจ แต่เขาจำเป็นต้องหาหนทางที่จะลดความเสี่ยงและขอคำอธิษฐานที่จะทำให้เขาสูญเสียน้อยที่สุด
มันมีอีกอย่างหนึ่งที่หานเซิ่นพบว่ามันน่าสงสัย
มันคือความจริงที่ว่ามีเอ็กซ์ตรีมคิงหลายคนเข้ามาในหอคอย แต่แล้วพวกเขาทุกคนกับไม่เป็นอะไรเลย บางทีชายที่อ้างตัวเป็นพระเจ้านี้อาจจะเป็นเจ้าหนี้ที่เรียกเก็บดอกเบี้ยทีละนิดทีละหน่อย
แต่หานเซิ่นไม่คิดว่านั่นจะเป็นไปได้ เพราะยังไงซะแวมไพร์ทุกตัวก็ดื่มเลือดเหมือนกันหมด
‘อะไรกันที่ป้องกันเหล่าเอ็กซ์ตรีมคิงจากการถูกทำลายโดยคำอธิษฐานกัน?’ หานเซิ่นครุ่นคิดขณะที่เดินมองภาพบนกำแพงไปเรื่อยๆ
ตอนที่ 2405
หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะอธิษฐานหลายต่อหลายอย่าง เขาคิดเกี่ยวกับการอธิษฐานให้พระเจ้าตายหรือให้ตัวเขาเองกลายเป็นพระเจ้า ทั้ง 2 ความคิดนี้ดูเหมือนจะเป็นคำอธิษฐานที่อีกฝ่ายไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ และนั่นจะบังคับให้เขาผิดสัญญาที่ให้เอาไว้
แต่เมื่อหานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมันดีๆ เขาก็รู้สึกตัวว่าคำอธิษฐานเหล่านั้นไม่ได้ผล ถ้าหานเซิ่นต้องการให้ชายที่กล่าวอ้างตัวว่าเป็นพระเจ้านี้ตาย เขาก็จำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะตายจริงๆ
โดยปกติแล้วการตายนั้นหมายถึงการสูญเสียสัญญาณชีพจรทั้งหมดไป แต่สิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันก็จะมีสัญญาณชีพจรที่แตกต่างกันออกไปด้วย
ในตอนที่หานเซิ่นก้าวขึ้นมาบนชั้นที่ 7 และเห็นชายคนนั้นเป็นครั้งแรก หานเซิ่นคิดว่าชายคนนั้นได้ตายไปแล้ว ถ้านั่นคือความตายที่หานเซิ่นหมายถึงล่ะก็ ชายคนนั้นก็จะเนรมิตคำอธิษฐานให้เป็นจริงได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร เขาสามารถทำให้ตัวเองสูญเสียสัญญาณชีพจรทั้งหมดไปโดยไม่ส่งผลทางลบอะไร
ถ้าหานเซิ่นจะขอคำอธิษฐานแบบนั้น เขาก็ควรจะขอให้พระเจ้าไม่เคยมีตัวตน ถ้าพระเจ้าไม่เคยมีตัวตน แบบนั้นชายคนนั้นก็จะไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อเนรมิตคำอธิษฐานของหานเซิ่น
มันเป็นทฤษฎีง่ายๆ และคำอธิษฐานนั่นก็ควรจะเป็นอะไรที่พระเจ้าไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้
แต่ถ้าหานเซิ่นอธิษฐานให้พระเจ้าไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ และเกิดว่าชายคนบอกหานเซิ่นว่าจริงๆแล้วเขาไม่ใช่พระเจ้า มันก็จะกลายเป็นว่าเขาจะลบการมีอยู่ของพระเจ้าไปตามคำอธิษฐานของหานเซิ่น หลังจากนั้นเขาก็สามารถทำให้หานเซิ่นจ่ายสิ่งที่ติดค้างเอาไว้
มันมีวิธีการหลายอย่างที่ชายคนนั้นสามารถใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ และเขาก็ถนัดเรื่องการบิดเบือนกฎเพื่อทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายที่ได้ผลประโยชน์อยู่แล้ว เพราะอย่างนั้นหานเซิ่นจึงไม่คิดว่าคำอธิษฐานนี้จะได้ผล
หานเซิ่นมองรูปภาพที่แขวนอยู่บนกำแพงและพบว่าพวกมันต่างไปจากตอนที่เขามองเห็นก่อนหน้านี้ รูปภาพนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่การมองพวกมันในตอนนี้มอบความรู้สึกที่ต่างออกไปให้กับหานเซิ่น
หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงจิตแห่งน้ำจากภาพๆหนึ่ง จิตแห่งน้ำเป็นเหมือนกับทะเลที่ซัดกลับไปกลับมาใส่ตัวของหานเซิ่น และทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังจมลงในรูปภาพ ไม่นานความอ่อนไหวต่อพลังธาตุน้ำของเขาก็เพิ่มขึ้น
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ เขามองไปที่รูปภาพทั้งหมดทีละภาพและเขาพบว่าพวกมันแต่ละภาพมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป บางภาพนุ่นนวลและอ่อนโยน ขณะที่บางภาพแข็งกร้าวและรุนแรง
บางภาพเล็กน้อยและบางภาพไม่มีที่สิ้นสุด บางภาพเป็นเหมือนกับกาแล็กซี่ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
ด้วยเหตุผลบางอย่างภาพทั้ง 48 ภาพจับด้านต่างๆของพลังธาตุน้ำได้อย่างลึกซึ้ง หานเซิ่นมองไปที่ภาพวาดทั้ง 48 ภาพและความรู้เกี่ยวกับพลังน้ำของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายระดับ
‘ดูเหมือนว่าพลังของพระเจ้าคนนี้จะไม่ธรรมดาจริงๆ เขาอ่านร่างกายของเราและจงใจใส่จิตแห่งน้ำลงไปในรูปภาพพวกนี้ ในตอนที่เอ็กซ์ตรีมคิงคนอื่นๆเข้ามาที่นี่ พวกเขาก็คงจะสัมผัสได้ถึงจิตที่เหมาะสมกับพลังของตัวเองเช่นกัน นั่นคงจะเป็นเหตุผลที่พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก’
หานเซิ่นขมวดคิ้วและคิดกับตัวเอง ‘พระเจ้าคนนี้เหมือนกับราชาจุน พวกเขาทั้งคู่มีพลังที่แข็งแกร่งเหมือนกัน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้พวกเขามีข้อจำกัดในการใช้พลังทั้งหมดของตัวเอง นี่เป็นโอกาสเดียวที่เราจะได้ต่อสู้กับพวกเขาขณะที่เราเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตธรรมดาๆ ไม่อย่างนั้นพระเจ้าก็คงจะทำลายทั้งจักรวาลได้อย่างสบายๆ’
“แต่การต่อสู้ตามกฎของพระเจ้ามีโอกาสชนะต่ำมากๆ” ทันใดนั้นหานเซิ่นก็คิดเกี่ยวกับอาชูร่าขึ้นมาได้
แต่หานเซิ่นได้รู้ในภายหลังว่าพระเจ้าที่อาชูร่ากลืนกินเข้าไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับเผ่าบุดด้า แต่ถึงบุดด้าจะแข็งแกร่ง พวกเขาก็ยังเทียบกับชายที่กล่าวอ้างตัวว่าเป็นพระเจ้าไม่ได้
‘หรือบางทีมันจะเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
หานเซิ่นยังคงมองไปที่รูปภาพทั้ง 48 รูป ขณะที่คิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะอธิษฐาน การได้รับพลังน้ำที่มากขึ้นถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับหานเซิ่น
แอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินที่หานเซิ่นได้มาจากแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตนั้นช่วยทำให้ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ของเขาพัฒนาขึ้น ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับพลังธาตุน้ำผ่านรูปภาพเหล่านื้ถือเป็นอะไรที่มีประโยชน์สำหรับเขา
เนื่องจากชุดเกราะคริสตัลสีดำ ร่างกายของหานเซิ่นจึงถูกล็อคเอาไว้ นั่นคงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ชายที่อ้างตัวว่าเป็นพระเจ้าสัมผัสได้แค่ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์เท่านั้น ซึ่งทำให้ภาพหลาดเหล่านี้มีเพียงแค่จิตแห่งน้ำเพียงอย่างเดียว
ถ้าวิชาจีโนทั้งหมดของเขาไม่ถูกซ่อนเอาไว้โดยชุดเกราะคริสตัลสีดำ หานเซิ่นก็คงจะได้เรียนรู้อะไรมากมายจากรูปภาพพวกนี้
แต่ชุดเกราะคริสตัลสีดำไม่มอบโอกาสให้หานเซิ่นทำแบบนั้น และหานเซิ่นก็ไม่เข้าใจว่าทำไม มันคล้ายกับตอนที่ชุดเกราะคริสตัลสีดำซ่อนตัวจากจีโนฮอลล์
แต่หนึ่งเดือนถือเป็นเวลาที่นาน หานเซิ่นสามารถคิดไตร่ตรองได้อย่างละเอียด เช่นเดียวกับที่เขาจะได้เรียนรู้จิตแห่งน้ำจากรูปภาพ
ด้วยการเรียนรู้จิตแห่งน้ำจากรูปภาพ หมัดช็อคกิ้งสกายธาตุน้ำของหานเซิ่นก็ทรงพลังขึ้นไปอีก ยิ่งเขาเข้าใจมากขึ้นเท่าไหร่ หานเซิ่นก็สามารถปรับแต่งเทคนิคให้ดีมากขึ้นเท่านั้น
หานเซิ่นยังคงไม่ได้ทำการอธิษฐาน และนี่ก็เป็นวันสุดท้ายที่เขาได้รับอนุญาตให้อยู่ภายในหอคอย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพยายามศึกษาจิตแห่งน้ำของรูปภาพ
ทันใดนั้นรูปภาพตรงหน้าหานเซิ่นก็พูดขึ้นมา “เจ้าได้ให้สัญญากับข้า เจ้าจะต้องทำการอธิษฐาน ไม่อย่างนั้นเจ้าก็จะออกไปจากหอคอยแห่งโชคชะตาไม่ได้”
หานเซิ่นหัวเราะและพูด “ข้าจะทำการอธิษฐานเดี๋ยวนี้”
ชายคนนั้นกำลังข่มขู่หานเซิ่น ถ้าหานเซิ่นไม่รักษาสัญญา เขาก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป ถึงแม้ทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะทำการเปิดหอคอยแห่งโชคชะตา
แต่หานเซิ่นคิดว่าคำขู่นี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ
ด้วยเหตุผลบางอย่างมันดูเหมือนว่าชายคนนี้ไม่อยากจะละเมิดเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่มาเตือนหานเซิ่นแบบนี้
นั่นแสดงให้เห็นว่าชายคนนี้ไม่ได้คิดจะกักขังเขาเอาไว้ข้างใน
“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นมาและบอกคำอธิษฐานของเจ้ากับข้า”
หานเซิ่นกลับขึ้นไปบนชั้นที่ 7 ของหอคอยแห่งโชคชะตาและเดินไปตรงหน้าชายคนนั้น
“เจ้าเหลือเวลาไม่มากแล้ว บอกคำอธิษฐานของเจ้ามา” ชายคนนั้นพูด
“ท่านจะทำให้สิ่งที่ข้าต้องการเป็นจริงได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่ชายคนนั้น
“ใช่ อะไรก็ตามที่เจ้าต้องการ” ชายคนนั้นตอบอย่างมั่นใจ
“ข้าจะตามหาใครบางคนได้ไหม?” หานเซิ่นถาม
“แน่นอน” ชายคนนั้นตอบอย่างไม่ลังเล
เขาเคยได้ยินคำอธิษฐานที่ประหลาดมามากมายในชั่วชีวิต แต่การตามหาคนนั้นถือเป็นคำอธิษฐานที่ธรรมดามากๆ
“ดี ถ้าอย่างนั้นท่านจะช่วยบอกข้าได้ไหมว่าปู่ทวดของข้าอยู่ที่ไหน?”
หานเซิ่นไม่ได้ใช้คำอธิษฐานที่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร คำอธิษฐานของเขาเป็นอะไรที่ง่ายๆ
เมื่อชายคนนั้นได้ยินมัน เขาก็คิดว่ามันเป็นคำอธิษฐานที่ง่ายเช่นเดียวกัน เขาไม่จำเป็นต้องบิดเบือนกฎเพื่อเนรมิตคำอธิษฐานนี้ให้เป็นจริง
“ชื่อปู่ทวดของเจ้าคืออะไร?” ชายคนนั้นถาม
“ท่านเป็นพระเจ้าไม่ใช่หรอ? ท่านต้องรู้อยู่แล้ว” หานเซิ่นพูดพร้อมกับหัวเราะ
“เอางั้นก็ได้” ชายคนนั้นพูด เขามองไปที่หานเซิ่นขณะที่ภาพสะท้อนในดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงไป
ตอนที่ 2406
หานเซิ่นอธิษฐานแบบนั้นก็เพราะเขาอยากจะรู้จริงๆว่าหานจิงจือปู่ทวดของเขาอยู่ที่ไหน ถ้าหานจิงจือเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เขาก็คงจะตายไปจากโลกนี้แล้ว ซึ่งพระเจ้าก็คงจะไม่สามารถหาที่อยู่ของเขาได้ อย่างมากพระเจ้าก็ทำได้แค่บอกถึงที่ฝังศพของเขา
แต่ถ้าปู่ทวดของหานเซิ่นเป็นบุคคลในตำนานจริง ชายที่กล่าวอ้างว่าเป็นพระเจ้าก็ควรจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการตามหาคนแบบนั้น หานจิงจือหนีรอดจากพลังของพระเจ้ามาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นเขาจะต้องเป็นคนที่ทรงพลังคนหนึ่ง
บนดวงดาวแห่งหนึ่งที่อยู่ที่ไหนสักแห่งในจักรวาล หมอดูคนหนึ่งกำลังนั่งกินบะหมี่เสียงดัง
ทันใดนั้นสีหน้าของหมอดูก็เปลี่ยนไป และบะหมี่ที่เขาถืออยู่ก็หล่นลงบนพื้น “ใครกันที่มาหลอกข้า!”
นิ้วของหมอดูกระตุกอยู่ชั่วขณะ เมื่อเขาพูดอีกครั้งเสียงของเขาก็ฟังดูโกรธ
“ไอ้คนทรยศคนนั้นหลอกข้า!”
หลังจากนั้นหมอดูก็รีบนำบางสิ่งออกมาจากกระเป๋า เขากัดนิ้วกลางของตัวเองและหยดเลือดลงบนของสิ่งนั้น
“น่าเสียดายจริงๆ ข้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะได้สมบัตินี้มา เมื่อข้ากลับไปเมื่อไหร่ ข้าจะส่งสอนบทเรียนให้กับไอ้เวรนั่น”
จิ้งจอกคนหนึ่งเดินตามถนนมา และเธอก็เห็นหมอดูคนนั้นกำลังถือบทความเกี่ยวกับชุดชั้นในลายดอกไม้อยู่ในมือ เขาดูเหมือนกับว่ากำลังเจ็บปวด เธอจ้องมองไปที่เขา แต่หมอดดูนั้นดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นถึงเรื่องนั้น ใบหน้าของเขายังคงบิดเบี้ยวอย่างไม่สบายใจ
ในหอคอยแห่งโชคชะตา ชายที่กล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นพระเจ้ามองไปที่หานเซิ่น ภาพสะท้อนในดวงตาของเขากำลังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
เมื่อหานเซิ่นทำการอธิษฐานเสร็จแล้ว ชายคนนั้นก็สามารถใช้พลังของเขากับหานเซิ่นได้ การแกะรอยสายเลือดของหานเซิ่นถือเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพราะมันก็เป็นแค่พลังพื้นฐานธรรมดาๆ มันไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิคพิเศษอะไรเลย
ขณะที่พลังในการแกะรอยกำลังทำงาน ชายคนนั้นก็คำนึงถึงหนทางที่จะได้รับผลประโยชน์จากหานเซิ่นมากที่สุด
ขณะที่ชายคนนั้นกำลังคิด ภาพสะท้อนในดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ประกายของพลังนั้นคงที่ แต่ภาพที่อยู่ภายในเริ่มหมุนวนเร็วขึ้น
“อ้า!” ชายคนนั้นส่งเสียงร้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาเอามือกุมดวงตาของตัวเอง
หานเซิ่นขมวดคิ้วและมองไปที่ชายคนนั้น เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้น จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นมา ดวงตาของชายคนนั้นระเบิดและทิ้งรูโบ๋เอาไว้เบื้องหลัง
จากความว่างเปล่าภายในห้องมีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา
“เจ้ากล้าดียังไงมาสะกดรอยข้า! ครั้งนี้ข้าจะแค่ทำลายดวงตาของเจ้า แต่ถ้ามีครั้งต่อไปข้าจะทำลายร่างกายของเจ้า”
“เป็นไปไม่ได้! เจ้าจะเป็นทายาทของเขาไปได้ยังไง?! นั่นมันเป็นไปไม่ได้!” ชายที่ดวงตาถูกทำลายกรีดร้องออกมา
“ทายาทของใคร?” หานเซิ่นถาม
ตอนนี้เขามองเห็นบาดแผลได้อย่างชัดเจน รูโบ๋ในดวงตาของชายคนนั้นไม่ใช่เนื้อหนัง พวกมันปกคลุมไปด้วยสสารที่เหมือนกับหยก ดวงตาของเขาถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ มันไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว
ในตอนนี้ชายที่ไร้ดวงตานั้นดูน่าสยดสยองอย่างมาก รูที่ว่างเปล่าจ้องมาที่หานเซิ่นขณะที่เขากัดฟันของตัวเอง
“มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะเป็นทายาทของเขาหรือไม่ เจ้าได้ทำการอธิษฐานไปแล้ว ดังนั้นเจ้าจะต้องจ่ายคืนให้กับข้า! แถมมันก็ไม่มีทางที่เจ้าจะเป็นทายาทของเขาไปได้”
“ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าเขาอยู่ที่ไหน” หานเซิ่นพูด
“เขาอยู่ในที่ที่เขาควรจะอยู่” ชายคนนั้นพูดเคร่งขรึม
“นั่นมันไม่ถูกต้อง ท่านกำลังแหกกฎ!” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
“กฎมันง่ายๆ ข้าได้ทำตามที่เจ้าขอแล้ว ดังนั้นเจ้าต้องจ่ายคืนให้กับข้า” ชายคนนั้นดูค่อนข้างโกรธ
“และถ้าข้าไม่ยอมจ่ายคืนล่ะ?” หานเซิ่นถามขณะที่จ้องไปที่ชายคนนั้น
“นั่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า” ชายคนนั้นหัวเราะ แสงเริ่มส่องสว่างออกมาจากร่างกายของเขาราวกับออร่าของพระเจ้า
สีหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไปทันที เขาสังเกตได้ว่าอายุขัยของตัวเองกำลังลดลง
สิ่งมีชีวิตปกติในจักรวาลจีโนไม่สามารถสังเกตเห็นอายุขัยของตัวเองได้ แต่หานเซิ่นมาจากก็อตแซงชัวรี่ เขาเห็นอายุขัยของตัวเองได้
อายุขัยของหานเซิ่นกำลังลดลงไปเรื่อยๆทีละนิด มันถูกเปลี่ยนเป็นแสงที่แทบจะมองไม่เห็นด้วยตัวเปล่าและลอยเข้าไปหาชายคนนั้น
“ถ้าที่นี่ไม่ใช่หอคอยแห่งโชคชะตา เจ้าจะต้องมอบให้ข้ามากกว่าแค่เวลาไม่กี่ปี!” ชายคนนั้นกัดฟันด้วยความโกรธ
“นั่นเป็นอะไรที่โชคไม่ดีเลย ข้าทำการอธิษฐานไป แต่นอกจากข้าจะไม่ได้รับอะไรกลับมาแล้ว อายุขัยของข้ายังถูกขโมยไปอีก สิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้านี้ช่างกลับกลอกซะจริงๆ”
หานเซิ่นรู้สึกโกรธ และเขาจะเริ่มลงมือในทันที เขาไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองสูญเสียอายุขัยมากไปกว่านี้ได้ ตอนนี้เขาสูญเสียไปเป็นสิบปีแล้ว และชายคนนั้นก็ยังคงดูดอายุขัยของเขาไปอีกเรื่อยๆ หานเซิ่นไม่รู้ว่าอายุขัยมากเท่าไหร่กันที่ชายคนนั้นคิดจะเอาไปเพื่อเป็นค่าตอบแทน
แต่ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมเหล่าเอ็กซ์ตรีมคิงที่เข้ามาในหอคอยแห่งโชคชะตาถึงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับผลกระทบที่ตามมาจากคำอธิษฐานของพวกเขา อายุขัยส่วนหนึ่งของพวกเขาถูกเอาไป แต่พวกเขาไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ แต่พวกเขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าอายุขัยของตัวเองถูกขโมยไปมากเท่าไหร่
ขณะที่อายุขัยกำลังถูกดูดออกไป หานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ทรงพลังภายในจิตของเขา จู่ๆชุดเกราะคริสตัลสีดำที่อยู่ภายในจิตของเขาก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน
ชุดเกราะคริสตัลสีดำปรากฏออกมาและลอยตัวอยู่ตรงหน้าหานเซิ่น ชุดเกราะสีดำดูเหมือนกับว่ามันสามารถดูดซับแสงสว่างทั้งหมดได้
หานเซิ่นหยุดชะงักไปขณะที่มองไปที่ชุดเกราะคริสตัลสีดำ เมื่อชุดเกราะลอยอยู่ตรงหน้าหานเซิ่น อายุขัยของเขาก็ไม่ได้ถูกดูดออกไปอีก การเชื่อมต่อระหว่างเขากับชายคนนั้นขาดไปราวกับว่ามันมีกรรไกรมาตัด
“มันเกิดอะไรขึ้น? ข้าเพิ่งจะเอาอายุขัยมาได้แค่สิบกว่าปี แต่มันควรจะได้รับอายุขัยทั้งหมด 153 ปี ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น?”
ชายคนนั้นดูเหมือนจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของชุดเกราะคริสตัลสีดำ เขาดูสับสนอย่างมาก และดวงตาที่กลวงโบ๋ของเขาก็จ้องมาที่หานเซิ่น
ชุดเกราะคริสตัลสีดำที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้าหานเซิ่นยกแขนหุ้มเกราะของมันขึ้นมา ในจังหวะนั้นมันดูเหมือนกับเป็นคนจริงๆแทนที่จะเป็นชุดเกราะที่ว่างเปล่า
ชุดเกราะคริสตัลสีดำเดินไปตรงหน้าชายตาโบ๋ แต่เขาดูจะไม่สังเกตเห็นถึงเรื่องนั้น เมื่อชุดเกราะคริสตัลสีดำไปอยู่ตรงหน้าชายตาโบ๋ มันก็ชกหมัดออกไปข้างหน้า
ตูม!
ร่างกายของชายคนนั้นระเบิด เขาเป็นเหมือนกับหินที่ถูกทำลายกลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา
ชายที่กล่าวอ้างว่าเป็นพระเจ้านั้นแหลกสลายในหมัดเดียว
พลังที่หานเซิ่นแทบจะมองไม่เห็นลอยออกมาจากร่างกายที่ถูกระเบิดและกลับเข้ามาในร่างกายของหานเซิ่น
“อายุขัย +1, อายุขัย +1”
อายุขัยของหานเซิ่นเริ่มจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ไม่กี่วินาทีเขาก็ได้รับอายุขัยเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยปี เขาได้รับอายุขัยมากกว่าที่สูญเสียไป และพลังนั้นก็ยังคงไหลเข้ามาในร่างกายของเขาเรื่อยๆ
“200 ปี, 300 ปี, 500 ปี” หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัวขณะที่มองดูอายุขัยของตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น