Super God Gene 2371-2374
ตอนที่ 2371
เมื่อหญิงแก่เผ่าไซเรนเห็นว่าหานเซิ่นยังคงยืนแข็งทื่อหลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลันไห่ซิน เธอก็พูดขึ้นมา
“องค์ชาย สายเลือดขององค์ชายและท่านแม่ขององค์ชายต่างก็ไม่บริสุทธิ์พอ ดังนั้นถึงแม้องค์ชายจะรู้ที่อยู่ของโบราณวัตถุ องค์ชายก็เปิดใช้งานโบราณวัตถุไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่ท่านแม่ขององค์ชายปิดบังที่อยู่ของโบราณวัตถุกับองค์ชาย นางกังวลว่าองค์ชายจะทำร้ายตัวเอง”
หานเซิ่นเปล่งเสียงออกจมูกอย่างไม่พอใจและพูด “ข้าจะรู้ได้ยังไง ถ้าเกิดนางไม่ต้องการมอบโบราณวัตถุให้กับข้าตั้งแต่แรกล่ะ?”
หลันไห่ซินรู้สึกรำคาญ “เจ้าสงสัยในตัวแม่ตัวเองเนี่ยนะ? มันคงเป็นอะไรที่น่าอับอายยิ่งนักที่ต้องมีเจ้าเป็นลูก ข้ารู้สึกสงสารนางที่พยายามเลี้ยงดูเจ้าจนเติบใหญ่ขึ้นมา”
หญิงแก่เผ่าไซเรนพูด “องค์ชายกังวลมากเกินไปแล้ว ถ้าท่านแม่ขององค์ชายไม่ต้องการให้องค์ชายได้รับโบราณวัตถุ แบบนั้นนางจะตั้งระบบเปิดปราสาทคริสตัลโดยใช้เลือดขององค์ชายทำไม? นางแค่กังวลว่าองค์ชายจะรีบมาเอาโบราณวัตถุด้วยตัวคนเดียว และทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้เมื่อได้ด้วยความช่วยเหลือขององค์หญิง องค์ชายก็ควรจะเปิดใช้โบราณวัตถุได้ มันไม่มีความเสี่ยงอะไร นี่เป็นสิ่งที่ท่านแม่ขององค์ชายต้องการ”
‘ใช้เลือดอย่างนั้นหรอ? แต่ฉันไม่ใช่ไป๋อี้จริงๆ แบบนั้นเลือดของฉันจะเปิดปราสาทคริสตัลได้หรอ?’ หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ และเขาก็คิดกับตัวเองต่อ
‘บางทีปราสาทคริสตัลอาจจะมีปฏิกิริยาต่อร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ อย่างน้อยๆเราก็ควรจะลองดู ถ้ามันไม่ได้ผล เราก็แค่ต้องบอกพวกเขาว่าเรายังยึดครองร่างกายของหานเซิ่นได้ไม่เต็มที่และมันยังมียีนของเขาหลงเหลืออยู่ เราจำเป็นต้องถ่วงเวลาเรื่องนี้เอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้’
เมื่อหานเซิ่นคิดแผนการได้แล้ว เขาก็เดินเข้าไปหาประตูปราสาทคริสตัล ผีเสื้อเนตรม่วงในดวงตาข้างขวาของเขาหมุนอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขามองไปที่ประตูคริสตัลตรงหน้า
ประตูคริสตัลนั้นสูงสิบเมตรและมันก็ดูทรงพลังอย่างมาก มันมีวงแหวนวงหนึ่งอยู่รอบๆ และมันก็เต็มไปด้วยสีสันของสายรุ้ง มันดูเป็นอะไรที่ค่อยข้างมหัศจรรย์
ประตูบานทั้ง 2 ด้านนั้นมีรูปสลักของหญิงเผ่าไซเรนอยู่ จากสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของปราสาทหลังนี้ มันเห็นได้ชัดว่าปราสาทนี้ถูกทิ้งเอาไว้โดยเผ่าไซเรน
หานเซิ่นรู้ว่าไม่สามารถหยดเลือดลงบนประตูและหวังให้มันเปิดออกได้ มันต้องระบบทำงานบางอย่างอยู่ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่หานเซิ่นกำลังมองหา
ด้วยการใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วง ในที่สุดหานเซิ่นก็พบจุดหนึ่งบนประตูที่พิเศษ
ทั้ง 2 ด้านของประตูมีรูปสลักของหญิงเผ่าไซเรนอยู่ และแขนของไซเรนทั้ง 2 ก็ม้วนเข้าด้วยกัน มือทั้ง 4 นั้นกำลังถือขวดคริสตัลขวดหนึ่งเอาไว้ ขวดคริสตัลนั้นอยู่ที่จุดศูนย์กลางของประตู
สไตล์ของขวดคริสตัลนั้นทำให้หานเซิ่นขมวดคิ้ว เพราะมันทำให้เขานึกไปถึงแผ่นกระจกของหอยสังข์คริสตัลสายรุ้ง
ขวดคริสตัลเป็นเหมือนกับงานแกะสลัก และที่ศูนย์กลางของขวดมีรูขนาดเล็กอยู่ ถ้าเขาไม่ให้ความสนใจกับมันล่ะก็ เขาก็คงจะไม่สังเกตเห็นมัน
แต่ด้วยวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วง หานเซิ่นมองเห็นกระบวนการที่ขวดคริสตัลถูกสร้างขึ้นมา
หานเซิ่นเดินตรงไปที่ประตู เขายกมือขึ้นไปหางานแกะสลักของขวดคริสตัล และเมื่อเขากำลังจะสัมผัสกับมัน เขาก็ใช้ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์เพื่อเปลี่ยนมือให้กลายเป็นน้ำ
นิ้วมือของหานเซิ่นสัมผัสกับรูเล็กนั่นและน้ำบางส่วนก็ถูกแยกออกไปจากนิ้วมือเพื่อไหลเข้าไปในรู หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ดึงมือกลับและก้าวถอยออกมา เขาจับจ้องไปที่ประตูของปราสาทคริสตัล
จากท่าทางของหลันไห่ซินและคนอื่น หานเซิ่นรู้ว่าตัวเองทำถูกต้อง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงระมัดระวัง เขากำลังนึกถึงสิ่งที่จะพูดถ้าเขาไม่สามารถเปิดประตูของปราสาทคริสตัลได้
ขณะที่หานเซิ่นกำลังเตรียมคำอธิบาย ประตูของปราสาทคริสตัลก็ส่งเสียงออกมา มันเปิดเข้าไปด้านใน
หลันไห่ซินและคนอื่นยิ้มกว้างด้วยความปิติยินดี หานเซิ่นประหลาดใจอย่างลับๆ “เราเปิดมันได้?”
จริงๆแล้วหานเซิ่นคิดว่าตัวเองจะล้มเหลว เพราะความสำเร็จนั้นหมายความว่าความรู้สึกไม่สบายใจของเขาก็ยังคงอยู่ ซึ่งยิ่งเขาเข้าไปใกล้ปราสาทคริสตัลมากเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นเท่านั้น
ประตูเปิดออกและเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในปราสาทคริสตัล เหนือประตูบานใหญ่ไปนั้นคือห้องโถงสีทองที่ถูกทำขึ้นมาจากคริสตัลเช่นกัน ที่ปลายสุดของห้องโถงนั้นมีแท่นบูชาอยู่ ขวดคริสตัลเล็กขวดหนึ่งตั้งอยู่บนแท่นบูชานั้น บางสิ่งที่ดูเหมือนกับสายรุ้งหมุนวนอยู่ภายในขวด มันเป็นภาพที่น่าพิศวง
หลันไห่ซินและคนอื่นๆรีบเข้าไปในห้องโถงด้วยความตื่นเต้น
หานเซิ่นลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน เนื่องจากมีนกแดงน้อยอยู่ที่นี่ด้วย เขาและเป่าเอ๋อก็ควรจะปลอดภัย
ลิลลี่ยังคงหวาดกลัวและเดินประกบด้านข้างของหานเซิ่น หานเซิ่นเดินเข้าไปอย่างช้าๆและคอยสังเกตหลันไห่ซินกับคนอื่นๆ พวกเขายังคงไม่พบกับอันตรายอะไร
ภายในห้องโถงเงียบสงบอย่างมาก หลันไห่ซินและคนอื่นๆเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าแท่นบูชา หญิงแก่เผ่าไซเรนจ้องไปที่ขวดบนแท่นบูชาก่อนที่จะพูดขึ้นมา
“ใช่ ใช่แน่ๆ! นี่คือโบราณวัตถุของพวกเรา ขวดไซเรน… เผ่าพันธุ์ของพวกเราจะกลับมาผงาดนอีกครั้ง”
หลังจากนั้นเธอก็ร้องไห้ออกมา เธอโค้งคำนับต่อขวดบนแท่นบูชาซ้ำๆด้วยน้ำตา
ไซเรนคนอื่นๆเองก็เริ่มจะโค้งคำนับตามหญิงแก่เผ่าไซเรน แม้แต่หลันไห่ซินก็ลดตัวต่อหน้าขวดไซเรน
หานเซิ่นไม่มีอารมณ์จะเข้าไปร่วมด้วย เขาแค่นั่งอยู่บนหลังกิเลนโลหิตและจ้องไปที่ขวด
ขวดนั้นมีขนาดพอๆกับมือคน ปีกกระจกนั้นบานออกทั้ง 2 ข้างของขวด ปีกทั้ง 2 ข้างของขวดแสดงให้เห็นถึงใบหน้าของหญิงเผ่าไซเรน ขวดนั้นมีขนาดเล็ก แต่มันก็ดูละเอียดอ่อนมากๆ ผู้หญิงเผ่าไซเรนทั้ง 2 บนขวดดูเหมือนกับว่ามีชีวิตจริงๆ
ขวดประดับอย่างสวยงามด้วยวงแหวนและมีสายรุ้งเรืองแสงออกมาจากภายใน มันดูเป็นอะไรที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ทว่าเมื่อหานเซิ่นมองไปที่ขวด มันกลับรู้สึกให้ความรู้สึกที่น่ากลัว
“ไป๋อี้ เจ้ากับข้ารับขวดศักดิ์สิทธิ์ได้แล้วในตอนนี้” หลันไห่ซินพูดกับหานเซิ่น แต่เธอยังคงยืนอยู่ตรงหน้าแท่นบูชา
หานเซิ่นขมวดคิ้ว ขวดไซเรนเป็นของดีอย่างเห็นได้ชัด วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงสามารถยืนยันเรื่องนั้นได้ วิญญาณอสูรผีเสือเนตรม่วงไม่สามารถวิเคราะห์ขวดๆนี้ได้ ดังนั้นมันต้องเป็นสิ่งของระดับเทพเจ้าอย่างแน่นอน
แต่ความรู้สึกชั่วร้ายของขวดไซเรนทำให้หานเซิ่นรู้สึกกลัว เขาไม่อยากจะเสี่ยงเข้าไป
เมื่อเห็นว่าหานเซิ่นยังคงยืนอยู่ด้านหลัง หลันไห่ซินก็ขมวดคิ้วและพูด
“เจ้าต้องการโบราณวัตถุนี่มาตลอดไม่ใช่หรอ? ทำไมตอนนี้เจ้าถึงได้ลังเล?”
หานเซิ่นยิ้มและพูดออกมา “แน่นอนว่าข้าต้องการโบราณวัตถุนี้ แต่ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน เจ้าแน่ใจหรือว่านี่คือโบราณวัตถุที่ถูกต้องน่ะ?”
ตอนที่ 2372
หญิงแก่เผ่าไซเรนรีบพูด “องค์ชายไม่จำเป็นต้องกังวล นี่คือโบราณวัตถุของเผ่าไซเรน มันถูกสร้างขึ้นมาจากชิ้นส่วนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าในสมัยโบราณ มันไม่มีทางเป็นของปลอมไปได้ นอกจากนั้นมันก็มีเพียงแค่สายเลือดบริสุทธิ์ของเผ่าไซเรนเท่านั้นที่จะใช้งานมันได้ ลองตรวจสอบมันดูและองค์ชายจะเห็นว่ามันเป็นของจริง”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ หญิงแก่เผ่าไซเรนก็พูดต่อ “นี่เป็นของชิ้นสุดท้ายที่ท่านแม่ขององค์ชายทิ้งเอาไว้ แบบทำไมนางถึงต้องหลอกลูกชายตัวเองด้วย?”
“ข้าไม่เชื่อว่าสิ่งนี่คือโบราณวัตถุที่ท่านแม่ทิ้งเอาไว้” หานเซิ่นพูดเสียงแข็ง
“ถ้าเจ้าไม่เคยเห็นโบราณวัตถุมาก่อน เจ้ารู้ได้ยังไงว่ามันไม่ใช่?” หลันไห่ซินถาม
“มันดูไม่ถูกเท่าไหร่ ถ้าพวกเจ้าคิดว่านั่นคือโบราณวัตถุ ก็เชิญพวกเจ้าเอามันไปได้เลย ข้าจะลองไปหาดูที่อื่น” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็ออกไปจากห้องโถง
หญิงแก่เผ่าไซเรนหยุดเขาเอาไว้ “องค์ชาย องค์หญิงเป็นเหมือนกับองค์ชาย เลือดของนางไม่บริสุทธิ์พอ การเปิดใช้งานโบราณวัตถุจำเป็นต้องให้พวกท่านทั้ง 2 ร่วมมือกัน”
“พวกเราลองดูรอบๆกันก่อน” หานเซิ่นพูดและขี่กิเลนโลหิตเข้าไปในประตูของห้องโถง
หญิงแก่เผ่าไซเรนเป็นครึ่งเทพ แต่จะหยุดกิเลนโลหิตและหานเซิ่นนั้นเป็นอะไรเกินตัว ดังนั้นเธอจึงยอมถอยไปแต่โดยดี
หลันไห่ซินมองหานเซิ่นขณะที่เขาออกไปจากห้องโถง เธอกัดริมฝีปากและเดินเข้าไปใกล้ๆกับแท่นบูชา
“ข้าจะลองเปิดใช้งานขวดศักดิ์สิทธิ์คนเดียว”
หญิงแก่เผ่าไซเรนหยุดเธอเอาไว้และพูด “องค์หญิงอย่าใจร้อน ขวดศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นสมบัติของเผ่าเราก็จริง แต่พลังที่มันมีอยู่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ ถ้าไม่มีสายเลือดที่บริสุทธิ์ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะเปิดใช้งานมัน องค์หญิงอาจจะได้รับบาดเจ็บได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ท่านแม่ขององค์ชายไป๋อี้ไม่ยอมมอบขวดศักดิ์สิทธิ์ให้กับเขาตรงๆ องค์หญิงอย่าได้เสี่ยงทำเรื่องนี้ตามลำพัง”
หลันไห่ซินไม่ใช่คนโง่ เธอเป็นคนที่มีเหตุผล เธอถอนหายใจและพูด
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปเดินดูรอบๆกัน”
พวกเขาเดินออกจากห้องโถง ภายในปราสาทคริสตัลมีอาคารอยู่หลายหลัง ซึ่งมันประกอบไปด้วยห้องและรูปปั้นจำนวนมาก มันดูเหมือนกับเมืองจริงๆ
หานเซิ่นสำรวจรอบๆอย่างระมัดระวัง แต่เขาไม่ได้เจออันตรายอะไร เขาพบประตูที่ไม่ถูกล็อคอยู่ทั่วปราสาทคริสตัล เขาสามารถเข้าไปในสิ่งก่อสร้างไหนก็ได้ ถึงแม้มันจะไม่มีของมีค่าอะไรอยู่ภายในก็ตาม
ปราสาทคริสตัลเป็นเหมือนกับเมืองที่ปราศจากผู้คน มันดูสวยงามมากก็จริง แต่มันก็ดูรกร้างมากเช่นกัน
หลันไห่ซินตามหลังหานเซิ่นไป ขณะที่พวกเขาเดินไปรอบๆปราสาทคริสตัล เธอก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นกว่าเดิม
ภายในปราสาทคริสตัลไม่ได้มีกับดักที่เป็นอันตรายอะไร ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าแม่ของไป๋อี้ต้องการจะมอบขวดศักดิ์สิทธิ์ให้กับเขาแค่นั้น มันไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรอย่างอื่น
แต่จู่ๆหานเซิ่นก็สังเกตเห็นปัญหาอย่างหนึ่ง เขาชี้ไปที่มุมหนึ่งของปราสาทคริสตัลและพูด “นี่คืออะไร?”
หลันไห่ซินและคนอื่นๆมองทางที่หานเซิ่นชี้ออกไปและเห็นกำแพงคริสตัล แต่ทว่ามันแตกต่างไปจากกำแพงคริสตัลอื่น กำแพงคริสตัลนี้มีมอสส์สีเขียวโตขึ้นมา
“แปลกจริงๆ ทำไมมันถึงมีมอสส์อยู่ที่นี่ได้?” หลันไห่ซินรู้สึกงุนงงขณะที่เดินเข้าไปหากำแพงคริสตัล
มอสส์ปกคลุมทั้งกำแพง และเมื่อหานเซิ่นสังเกตมันอย่างละเอียด เขาก็พบว่ามันมีร่องรอยของบางสิ่งที่ปีนข้ามมันไปเมื่อไม่นานมานี้ และมันไม่ใช่ร่องรอยการปีนแค่หนเดียวเช่นกัน มันดูเหมือนกับว่ามีบางสิ่งปีนผ่านกำแพงคริสตัลนี้อยู่บ่อยๆ
ใบหน้าของหลันไห่ซินและหญิงแก่เผ่าไซเรนเปลี่ยนไป “นั่นเป็นไปได้ยังไง? ทำไมมันถึงมีสิ่งมีชีวิตอื่นเข้ามาอยู่ในปราสาทคริสตัลได้?”
หานเซิ่นสังเกตร่องรอยนั้น และในขณะเดียวกันผีเสื้อเนตรม่วงในดวงตาของเขาก็เริ่มหมุน ไม่นานเขาก็ได้รู้ว่าเขาคุ้นเคยกับสิ่งมีชีวิตที่ทิ้งร่องรอยนี้เอาไว้ พวกมันถูกทิ้งเอาไว้โดยหอยสังข์คริสตัลสายรุ้งและหอยสังข์ภูเขา
‘นี่ยืนยันว่าพวกมันทั้ง 2 เกี่ยวข้องกับปราสาทคริสตัลจริงๆ แต่พวกมันออกไปจากที่นี่ได้ยังไง?’ หานเซิ่นสังเกตกำแพงคริสตัลเพิ่ม และไม่นานเขาก็สังเกตเห็นอะไรอย่างอื่นอีก
มันมีรูขนาดเล็กเท่ากับเม็ดทรายอยู่บนกำแพง บางทีมันอาจจะเป็นเพราะความไม่สมบูรณ์ของวัสดุที่ใช้ หรือบางทีมันอาจจะเป็นเพราะความผิดพลาดในการก่อสร้าง แต่ยังไงก็ตามมันมีรูขนาดเล็กหลายรูถูกทิ้งเอาไว้บนผิวของกำแพง
รูนั้นแคบยิ่งกว่าเข็ม สิ่งมีชีวิตธรรมดาไม่สามารถผ่านมันไปได้ แต่หอยสังข์ทั้ง 2 ที่หานเซิ่นพบสามารถย่อขนาดร่างกายของพวกมันได้
โชคดีที่พวกมันถูกฆ่าตายไปเรียบร้อยแล้ว กลุ่มของพวกเขาเดินสำรวจปราสาทคริสตัลต่อไป แต่พวกเขาก็ไม่พบร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่น
“องค์ชาย ท่านแม่ขององค์ชายไม่อยากจะทำร้ายองค์ชาย พวกเรารีบกลับไปที่ขวดศักดิ์สิทธิ์กันเถอะ ก่อนที่จะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น” หญิงแก่เผ่าไซเรนพูดอย่างเร่งรีบ
หานเซิ่นลังเล หลังจากนั้นเขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาไม่เชื่อว่าอันตรายนั้นจะหายไปแล้ว แต่เขาคิดไอเดียอย่างหนึ่งขึ้นมาได้
เขาพยักหน้าและพูด “โอเค พวกเราจะลองดูก็ได้”
จากสิ่งที่ได้เห็น หานเซิ่นสันนิษฐานว่าหอยสังข์ทั้ง 2 คงจะมาพบกับปราสาทคริสตัลเข้าโดยบังเอิญ พวกมันไม่ได้มีต้นกำเนิดจากปราสาทคริสตัล
แต่ไป๋อี้กำจัดซีโน่เจเนอิคระดับสูงจนหมดแล้ว มันไม่สมเหตุสมผลที่ซีโน่เจเนอิคระดับราชันและระดับเทพเจ้าก็ยังคงซ่อนตัวอยู่บนดวงดาว
แต่ถ้าพวกมันทั้ง 2 เพิ่งเลื่อนขึ้นมาถึงระดับนั้นแล้วละก็ นั่นก็จะเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล
บางทีหอยสังข์ทั้ง 2 อาจจะไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้าและระดับราชัน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างพวกมันก็กลายเป็นระดับเทพเจ้าและระดับราชันเมื่อเข้ามาในปราสาทคริสตัล ซึ่งเมื่อดูจากธรรมชาติที่รกร้างว่างเปล่าของที่นี่แล้ว ดูเหมือนว่าสิ่งเดียวที่จะส่งผลต่อการเลื่อนระดับของพวกมันได้ก็มีแค่ขวดไซเรนเท่านั้น
‘ถ้าหอยสังข์เพิ่มระดับขึ้นเพราะขวดไซเรนจริงๆล่ะก็…’ หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมันและหัวใจของเขาก็เริ่มที่จะเต้นรัว ขวดนั้นทำให้ซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งกลายเป็นระดับเทพเจ้า ไม่ว่ายอดฝีมือคนไหนก็ต้องการอะไรแบบนั้น
ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงเปลี่ยนใจ เขาอยากจะลองดูว่าตัวเขาจะสามารถใช้ขวดไซเรนนั่นได้หรือเปล่า
เมื่อมีโอกาสที่จะได้รับสมบัติที่มีค่าถึงขนาดนั้น มันก็เป็นอะไรที่คุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงดู แถมนกแดงน้อยก็อยู่ที่นี่ด้วย
เมื่อเห็นว่าหานเซิ่นยินดีกลับไปหาขวดศักดิ์สิทธิ์ หญิงแก่เผ่าไซเรนก็รีบพาเขากลับไป ไม่นานทุกคนก็กลับมารวมตัวกันอยู่ในห้องโถงนั่นอีกครั้ง
ขวดไซเรนยังคงตั้งอยู่บนแท่นบูชาเหมือนเดิม หญิงแก่เผ่าไซเรนหันมาพูดกับพวกเขา
“องค์หญิงและองค์ชายเดินขึ้นไปบนแทนบูชาและหยดเลือดของตัวเองลงไปในขวดศักดิ์สิทธิ์ ถ้ามันทำงานขึ้นมา ขวดศักดิ์สิทธิ์ก็จะเลือกเจ้าของของมัน”
หลังจากนั้นเธอก็หันมามองหานเซิ่นและพูด “องค์ชาย เลือดของพวกท่านทั้ง 2 จะละลายในขวดศักดิ์สิทธิ์ โอกาสได้เป็นเจ้าของคือห้าสิบห้าสิบ ไม่ว่าใครจะได้รับขวดศักดิ์สิทธิ์ไป ข้าหวังว่าพวกเราจะยังเป็นพันธมิตรต่อกัน”
“แน่นอนอยู่แล้ว” หานเซิ่นพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปบนแท่นบูชาพร้อมกับหลันไห่ซิน
พวกเขาทั้งคู่เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง แต่มันไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พวกเขาขึ้นไปถึงแท่นบูชาอย่างปลอดภัย พวกเขาหันมองหน้ากัน หลังจากนั้นหลันไห่ซินก็ยื่นนิ้วออกมาเพื่อหยดเลือดลงไปในขวดไซเรน
หานเซิ่นมองไปในขวดและเห็นสีรุ้งที่คุ้นเคย แต่เขามองไม่เห็นอะไรอย่างอื่น หลังจากที่เลือดของหลันไห่ซินถูกหยดลงไปข้างในแล้ว เลือดของเธอก็หายไปในสายรุ้งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หานเซิ่นลังเล เขาใช้ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์และหยดร่างน้ำของเขาลงไปในขวด
หยดน้ำของหานเซิ่นร่วงลงไปในขวดไซเรน หลังจากนั้นขวดไซเรนก็เริ่มสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง สายรุ้งเริ่มหมุนวนเหมือนกับวังวน และดูเหมือนว่ามันสามารถปะทุขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
ตอนที่ 2373
ใบหน้าของหานเซิ่นซีดไป จู่ๆเขาก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมา เขารีบถอยกลับไปหากิเลนโลหิต
หลันไห่ซินยังคงจ้องมองไปที่ขวดไซเรนโดยไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น
เมื่อไซเรนคนอื่นเห็นว่าขวดไซเรนเริ่มทำงานขึ้นมา พวกเขาก็คุกเข่าและเริ่มโค้งคำนับต่อมัน พวกเขาพึมพำคำที่หานเซิ่นไม่เข้าใจความหมาย หานเซิ่นเลยสันนิษฐานว่ามันเป็นภาษาของเผ่าไซเรน
ตูม!
แสงสีรุ้งของขวดไซเรนระเบิดขึ้นราวกับภูเขาไฟ มันเหมือนกับเสาแห่งแสงที่สูงขึ้นไปจนถึงด้านบนสุดของปราสาทคริสตัล
หลังจากที่สายรุ้งสัมผัสกับเพดานของปราสาทคริสตัล มันก็เริ่มแพร่กระจายออกและแทรกซึมไปทั่วทั้งปราสาท ทั้งปราสาทเริ่มที่จะสว่างไสวขึ้นมาราวกับแสงของรุ่งเช้า
โซ่สสารของแท่นบูชาเองก็ได้รับผลกระทบจากสายรุ้งและเริ่มส่องสว่างด้วยเช่นกัน
ในที่สุดหลันไห่ซินก็สังเกตได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ หลันไห่ซินถอยออกมาจากแท่นบูชาเพื่อถามหานเซิ่น “ไป๋อี้ นี่คืออะไรกัน?”
“เจ้าถามข้าเนี่ยนะ? ข้าจะไปรู้เรื่องนั้นได้ยังไง? ก่อนหน้านี้ข้าบอกพวกเจ้าแล้วว่าเจ้าสิ่งนี้มีปัญหาบางอย่าง แต่พวกเจ้าเลือกที่จะเมินเฉยต่อคำเตือนของข้า”
หานเซิ่นอยากจะออกไปจากปราสาทคริสตัล แต่ประตูหลักถูกขวางเอาไว้ด้วยแสงสีรุ้ง หานเซิ่นพยายามจะฝ่าออกไป แต่เขาถูกผลักกระเด็นกลับมาด้วยพลังของสายรุ้ง
ถึงแม้แสงสีรุ้งนั้นจะปะทุขึ้นมาทุกหนทุกแห่ง มันก็ไม่ได้ทำร้ายใคร แต่หานเซิ่นไม่สามารถออกไปได้ เขาติดอยู่ข้างในร่วมกับคนอื่น
“เจ้าและแม่ของเจ้าวางแผนการนี้เพื่อหลอกพวกเรา!” หญิงแก่เผ่าไซเรนตะโกนขึ้นมาและชี้ไปที่หานเซิ่น
หานเซิ่นไม่ได้สนใจอะไรอีกฝ่าย มันเห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนปัญญาอ่อน ซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพยายามอธิบายให้เธอเข้าใจ
เหล่าไซเรนไม่สามารถออกไปจากห้องโถงได้ หญิงแก่เผ่าไซเรนชี้ไปที่หานเซิ่นและพูด “จับตัวเขาเอาไว้! ข้าไม่เชื่อว่านางจะทอดทิ้งลูกชายตัวเอง”
หานเซิ่นจ้องมองไปที่หญิงแก่เผ่าไซเรนอยู่ครู่หนึ่ง
“นี่เจ้าปัญญาอ่อนหรือยังไงกัน?”
เหล่าไซเรนเข้ามาล้อมหานเซิ่นเอาไว้ หานเซิ่นไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่
หญิงแก่เผ่าไซเรนที่เป็นระดับครึ่งเทพคือสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา คนอื่นๆเป็นเพียงแค่ระดับราชันเท่านั้น กิเลนโลหิตของหานเซิ่นมีพลังระดับครึ่งเทพ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงแก่เผ่าไซเรนถึงได้คิดว่าคำสั่งนั้นเป็นความคิดที่ดี
เหล่าไซเรนดูลังเล พวกเขาล้อมหานเซิ่นเอาไว้ แต่ไม่มีใครที่พยายามจะโจมตีหานเซิ่น
“จับตัวเขา! นั่นคือหนทางเดียวที่พวกเราจะรอดไปได้”
หญิงแก่เผ่าไซเรนร้องตะโกน เธอยกไม้เท้าปะการังขึ้นเพื่อรวบรวมพลังธาตุน้ำ มันกลายเป็นมังกรน้ำที่พุ่งออกไปหากิเลนโลหิต
ไซเรนคนอื่นเคลื่อนไหวเพื่อช่วยหญิงแก่เผ่าไซเรนอีกแรง พวกเขาต้องการจะร่วมมือกันจัดการหานเซิ่น
กิเลนโลหิตนั้นอารมณ์ร้อน มันพ่นลมปราณโลหิตออกมาเพื่อทำลายมังกรน้ำของหญิงแก่เผ่าไซเรน หลังจากนั้นมันก็เปิดใช้อาณาเขตโลหิตของมันและก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อโจมตีเหล่าไซเรนที่ล้อมพวกเขาเอาไว้
หานเซิ่นดึงลิลลี่ขึ้นมาบนหลังของกิเลนโลหิต หลังจากนั้นเขาก็ลูบหัวของกิเลนโลหิตพร้อมกับพูด “ไม่มีความจำเป็นต้องโจมตีคนอื่น นางคนเดียวเท่านั้นที่เป็นปัญหา”
เหล่าไซเรนรู้สึกแปลกใจ หานเซิ่นกำลังพูดถึงหญิงแก่เผ่าไซเรน
ไซเรนหญิงแกพูดขึ้นมา “แม้แต่ตอนนี้เจ้าก็ยังพยายามจะแยกพวกเราออกจากกันอย่างนั้นหรอ? เจ้ามันเป็นคนชั่ว พวกเราตาบอดที่บอกไม่ได้ว่าเจ้าชั่วร้ายถึงขนาดนี้ เจ้าบอกพวกเรามาซะดีๆว่าเจ้าและแม่ของเจ้าวางแผนอะไรเอาไว้กันแน่ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกเราโหดร้ายกับเจ้า”
หลังจากนั้นหญิงแก่เผ่าไซเรนก็ใช้ไม้เท้าของเธอต่อสู้กับกิเลนโลหิต
กิเลนโลหิตคำรามออกมาและวิ่งออกไปข้างหน้าเพื่อจู่โจมหญิงแก่เผ่าไซเรน หญิงแก่เผ่าไซเรนไม่สามารถต่อกรกับความดุร้ายของกิเลนโลหิตได้ อาณาเขตที่เธอสร้างขึ้นมานั้นไม่เพียงพอจะป้องกันอาณาเขตของกิเลนโลหิต เธอตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบในทันที
“พวกเจ้ามัวรออะไรกันอยู่? จัดการพวกเขาซะ! นี่เป็นโอกาสเดียวที่พวกเราจะรอด” หญิงแก่เผ่าไซเรนร้องตะโกน
เหล่าไซเรนระดับราชันออกมาข้างหน้าเพื่อต่อสู้ แต่ใบหน้าของหลันไห่ซินดูลังเล
“หลันไห่ซิน เจ้าลองคิดดูดีๆ ใครกันที่เป็นคนบอกให้เจ้าเปิดใช้โบราณวัตถุ? ใครกันที่เป็นคนพาเจ้ามาที่นี่? ใครกันที่เป็นคนบอกว่าขวดๆนั้นคือโบราณวัตถุ? ใครกันที่เป็นคนเริ่มต้นการต่อสู้นี้?” หานเซิ่นตะโกนบอกหลันไห่ซิน
หานเซิ่นจับหัวของกิเลนโลหิตเอาไว้ เขาไม่คิดจะปล่อยให้กิเลนโลหิตโจมตีคนอื่นนอกจากหญิงแก่เผ่าไซเรน
หานเซิ่นไม่ได้พยายามจะทำตัวเป็นคนดีโดยการไว้ชีวิตพวกเขา แต่เขามั่นใจว่าหญิงแก่เผ่าไซเรนต้องการให้เขาฆ่าไซเรนทุกคนที่อยู่ที่นี่
แผนการของเธอดูโจ่งแจ้งเกินไป หญิงแก่เผ่าไซเรนรู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถต่อสู้กับหานเซิ่นและกิเลนโลหิตได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงยืนกราน หานเซิ่นไม่เชื่อว่าผู้หญิงระดับครึ่งเทพคนนี้จะรอดจากการล่มสลายของเผ่าพันธุ์มาได้ทั้งๆที่โง่ถึงขนาดนี้ นอกซะจากนั่นจะเป็นสิ่งที่เธอต้องการ
ถ้าหญิงแก่เผ่าไซเรนต้องการจะฆ่าหานเซิ่นจริงๆ เธอก็ควรจะโจมตีไปที่หานเซิ่น แต่การโจมตีของเธอกลับเล็งไปที่กิเลนโลหิต ซึ่งนั้นเป็นการยั่วความกระหายเลือดของกิเลนโลหิต
ทั้งเอ็กซ์ตรีมคิงต่างก็รู้ว่ากิเลนโลหิตเป็นอสูรที่โหดร้ายและอารมณ์ร้อนมากแค่ไหน ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะไม่ฆ่าคนอื่นภายในสวนกษัตริย์
ไม่ว่าจะดูยังไงพฤติกรรมของหญิงแก่เผ่าไซเรนก็ดูไม่ปกติ ถึงแม้เธอจะโน้มน้าวให้ไซเรนทุกคนร่วมมือกันต่อสู้ได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะหานเซิ่นและกิเลนโลหิตได้อยู่ดี อย่างดีที่สุดพวกเขาก็ทำได้แค่เสมอกัน ซึ่งนั่นไม่ถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีสำหรับเหล่าไซเรน
หานเซิ่นไม่อยากจะถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อฆ่าเหล่าไซเรน นั่นเป็นเหตุผลที่เขาจับหัวของกิเลนโลหิตเอาไว้
แต่กิเลนโลหิตเป็นสิ่งมีชีวิตที่โหดร้าย หานเซิ่นไม่สามารถควบคุมมันได้ กิเลนโลหิตถูกยั่วโมโหซ้ำๆโดยหญิงแก่เผ่าไซเรน และเพราะแบบนั้นกิเลนโลหิตจึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของมันได้อีกต่อไป
“อ้า!” กิเลนโลหิตโจมตีถูกหญิงแก่เผ่าไซเรน ร่างกายของเธอกระเด็นออกไปและชนเข้ากับหนึ่งในกำแพงคริสตัลของปราสาท เธอกระอักเลือดออกมา
“องค์หญิง ท่านไม่เข้าใจอย่างนั้นหรอ? ถ้าพวกเราไม่ฆ่าเขา ไซเรนทุกคนจะต้องตายอยู่ที่นี่ ไป๋อี้และแม่ของเขาต้องการทำให้เผ่าของพวกเราล่มสลาย”
ร่างของหญิงแก่เผ่าไซเรนปกคลุมไปด้วยเลือด ผมของเธอยุ่งเหยิงและมันก็ดูเหมือนกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้ออกมา
แต่กิเลนโลหิตไม่แสดงความลังเล มันคำรามออกมาและพุ่งเข้าหาหญิงแก่เผ่าไซเรน หานเซิ่นไม่สามารถหยุดมันได้
“หยุดเขาเอาไว้!” หลันไห่ซินตะโกน เหล่าไซเรนระดับราชันเคลื่อนที่เข้าไปเพื่อต่อสู้กับหานเซิ่นและกิเลนโลหิตด้วยเช่นกัน พวกเขาต้องการจะหยุดกิเลนโลหิตเอาไว้
ตอนที่ 2374
“หลันไห่ซิน ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจนี้”
หานเซิ่นพูดด้วยเสียงที่ไร้ความรู้สึก เขาปล่อยมือออกจากหัวกิเลนโลหิตและนำเอาธันเดอร์ก็อตสไปค์กับมีดเขี้ยวผีสิงออกมา
กิเลนโลหิตคำรามและกระโดดเข้าใส่หญิงแก่เผ่าไซเรน ลมปราณโลหิตเรืองแสงสีแดงเข้มออกมา กิเลนโลหิตตะปบออกไปข้างหน้าและดูเหมือนกับว่ามันกำลังจะฉีกร่างของหญิงแก่เผ่าไซเรนจนขาดครึ่ง
หลันไห่ซินและไซเรนระดับราชันคนอื่นเข้ามาเพื่อจะหยุดหานเซิ่นเอาไว้
“ข้าแค่ต้องการตัวนางเท่านั้น นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเจ้า ใครก็ตามที่พยายามหยุดข้าจะต้องตาย!” หานเซิ่นพูดอย่างโหดเหี้ยม มันดูเหมือนว่าเขาไม่คิดจะถอยกลับ
หานเซิ่นมีหนทางอื่นที่จะแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ แต่การแก้ไขแบบตรงๆเป็นอะไรที่รวดเร็วกว่า หานเซิ่นไม่คิดจะเสียสละตัวเองเพื่อประโยชน์ของเผ่าไซเรน
หานเซิ่นฟันและแทงออกไปด้วยมีดลมปราณและดาบแสงเพื่อเปิดทางที่ถูกพวกไซเรนระดับราชันขวางอยู่ ขณะที่กิเลนโลหิตก็กระโจนเข้าไปเพื่อจะเอาชีวิตของหญิงแก่เผ่าไซเรน
หญิงแก่เผ่าไซเรนตะโกนขึ้นมา “ข้าจะใช้ไซเรนแซคริไฟซ์เพื่อปิดผนึกพวกเขา! พวกเจ้าคอยหาโอกาสโจมตี”
“ผู้อาวุโส…ไม่!” เหล่าไซเรนทั้งหมดตกตะลึง
หญิงแก่เผ่าไซเรนรวบรวมความกล้า แสงสีฟ้าแพร่ขยายออกมาราวกับดอกไม้ที่เบิกบาน ขณะที่พลังชีวิตเริ่มจะลุกไหม้ขึ้นจากภายในตัวเธอ เงาของไซเรนทอดลงมายังตัวของเธอ และจู่ๆพลังชีวิตของเธอก็ปะทุราวกับภูเขาไฟ
แสงสีฟ้าออกจากร่างของหญิงแก่เผ่าไซเรนและกลายเป็นหนวดสีฟ้าที่เข้าไปรัดตัวกิเลนโลหิตเอาไว้ กิเลนโลหิตทำลายหนวดที่รัดตัวของมัน แต่หนวดออกมาจากร่างของหญิงแก่เผ่าไซเรนมากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันขังหานเซิ่นและกิเลนโลหิตเอาไว้
“ผู้อาวุโส ทำไมถึงทำแบบนี้?” หน้าของหลันไห่ซินดูซีดไป เธอรู้ว่าหญิงแก่เผ่าไซเรนกำลังจะทำอะไร
ไซเรนคนอื่นๆก็รู้สึกเหมือนกัน พวกเขารู้ว่าการใช้ไซเรนแซคริไฟซ์นั้นหมายถึงชีวิตของคนนั้นๆ หญิงแก่เผ่าไซเรนยอมเสียสละชีวิตของตัวเอง และมันเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้คิดร้ายอะไรต่อพวกเขา
ไซเรนหลายคนมองมาที่หานเซิ่นและกิเลนโลหิตด้วยความโกรธ เพราะยังไงซะหานเซิ่นและกิเลนโลหิตก็คนที่ไล่ต้อนให้เธอจนมุมจนต้องทิ้งชีวิตของตัวเองและใช้ไซเรนแซคริไฟซ์
หานเซิ่นรู้ว่าไม่สามารถโน้มน้าวพวกเขาได้อีกแล้ว การกระทำของหญิงแก่เผ่าไซเรนเป็นอะไรที่มีประสิทธิภาพ ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร พวกไซเรนก็ไม่มีทางจะเชื่อเขาอีก
“ช่างเถอะ ยังไงมันก็ไม่ได้สำคัญอะไร มันไม่ใช่หน้าที่ของข้าต้องมารักษาชีวิตของคนโง่เขลาพวกนี้ ถ้าพวกเขาอยากจะตายมากขนาดนั้น แม้แต่นักบุญก็หยุดพวกเขาไม่ได้” หานเซิ่นมองไปที่หญิงแก่เผ่าไซเรนอย่างเยือกเย็นและเห็นหญิงแก่เผ่าไซเรนกำลังมอบรอยยิ้มที่เย้ยหยันมาให้กับเขา
ครั้งนี้หลันไห่ซินไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งให้เหล่าไซเรนโจมตีกิเลนโลหิตและหานเซิ่น เหล่าไซเรนพุ่งเข้าไปเพื่อฆ่าพวกเขาในทันทีที่หญิงแก่เผ่าไซเรนจับพวกเขาเอาไว้ได้สำเร็จ
“ตามใจพวกเจ้า” หานเซิ่นพึมพำกับตัวเอง เขาใช้อาณาเขตของร่างกายแห่งราชันและอาณาเขตของมังกรปีกขาว
อาณาเขตแห่งราชันมากมายปะทะกันภายในปราสาท หานเซิ่นกวัดแกว่งมีดของเขาและกิเลนโลหิตก็คำรามออกมา เขาฉีกหนวดแสงสีฟ้าเพื่อพุ่งตรงเข้าไปหาหญิงแก่เผ่าไซเรน
เหล่าไซเรนระดับราชันถูกครอบงำด้วยความกระหายเลือด หานเซิ่นต้องรับมือกับพวกเขาและและหนวดของหญิงแก่เผ่าไซเรนพร้อมๆกัน สถานการณ์เป็นอะไรที่คันขันมากๆ
เหล่าไซเรนพยายามอย่างสุดความสามารถ และหญิงแก่เผ่าไซเรนก็ทำให้แน่ใจว่าเธอดูเศร้าและกล้าหาญเท่าที่จะเป็นไปได้ เธอใช้พลังชีวิตของตัวเองเพื่อคงเงาของไซเรนปีศาจเอาไว้ ผมของเธอเปลี่ยนเป็นสีขาวและมันดูเหมือนกับว่าเธอกำลังจะตาย
ทันใดนั้นหญิงแก่เผ่าไซเรนก็กระอักเลือดออกมา ร่างกายของเธอสั่นรัวและดูเหมือนกับว่าเธอกำลังจะล้มลงไป
“ผู้อาวุโส!” หลันไห่ซินตะโกน
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า! ข้าจะไม่ปล่อยให้เผ่าไซเรนถูกทำลาย ข้าจะปกป้องเผ่าไซเรนเอาไว้ ถึงแม้มันจะต้องแลกด้วยชีวิตของข้าก็ตาม”
หญิงแก่เผ่าไซเรนร้องตะโกน แสงสีฟ้าระเบิดออกมาอีกครั้งด้วยปริมาณที่มากยิ่งกว่าเดิม มันดูเหมือนกับว่าเธอตั้งใจจะทุ่มพลังชีวิตทั้งหมดที่เหลืออยู่
ดวงตาของเหล่าไซเรนแดงกล่ำ ตอนนี้พวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความเศร้า พวกเขาใช้พลังเกิดขีดจำกัดของตัวเอง พวกเขาต้องการจะใช้โอกาสสุดท้ายนี่เพื่อเอาชีวิตของหานเซิ่นและกิเลนโลหิต
“หลันไห่ซิน เจ้ายังถอยกลับได้ ถ้าเจ้าหยุดมันในตอนนี้!” หานเซิ่นมองตรงไปที่หลันไห่ซินและพูด
ลิลลี่นั่งอยู่ด้านหลังของหานเซิ่นและกอดเอวของเขาเอาไว้แน่น การต่อสู้นี้อยู่เหนือระดับของเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะหานเซิ่น พลังพวกนั้นก็คงจะฉีกร่างของเธอเป็นชิ้นๆเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมเจ้าและแม่ของเจ้าถึงต้องการนำภัยมาสู่เผ่าไซเรน? ถึงแม้พวกเราจะทำอะไรไม่ดีต่อพวกเจ้า แต่เจ้าก็ยังคงมีเลือดของไซเรนอยู่ในตัว เจ้าจะปล่อยวางความแค้นในหัวใจของเจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรอ? ทำไมเจ้าถึงพยายามจะฆ่าพวกเรา?” หลันไห่ซินดูเศร้าขณะที่พูดออกมา
“ข้าบอกเจ้าแล้วยังไง! เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้า นางต่างหากที่เป็นคนหลอกพวกเจ้า” หานเซิ่นชี้ไปที่หญิงแก่เผ่าไซเรนขณะที่พูด
“ไป๋อี้ ทำไมเจ้ายังจะพยายามพูดอะไรแบบนี้? เจ้าคิดว่าพวกเราโง่หรือยังไง?” ไซเรนระดับราชันคนหนึ่งตะโกน
“วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าแทนผู้อาวุโส!” ไซเรนระดับราชันอีกคนคำราม
“ฆ่าเขา!”
…
“ข้ามอบโอกาสให้พวกเจ้าถึง 3 ครั้ง อะไรที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้พวกเจ้าจะมาโทษข้าไม่ได้”
หานเซิ่นยกอาวุธขึ้นและแทงออกไปด้านหน้า ทันใดนั้นทั้งห้องโถงก็เต็มไปด้วยใยของมีดเส้นไหม พวกมันปรากฏขึ้นทุกหนทุกแห่งและพวกมันก็ดันตัวเองไปข้างหน้า
เลือดสดๆกระจัดกระจายทั่วปราสาท มีดเส้นไหมฆ่าเหล่าไซเรนและตัดผ่านหนวดแสงสีฟ้า แขนขาและเลือดกระเด็นผ่านอากาศ และในชั่วพริบตาทั้งห้องโถงก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
ทุกคนในห้องโถงนอกจากหานเซิ่น ลิลลี่ กิเลนโลหิต หลันไห่ซิน เป่าเอ๋อและหญิงแก่เผ่าไซเรนถูกฆ่าตาย เหล่าไซเรนระดับราชันทุกคนถูกตัดแขนตัดขา
ไซเรนระดับราชันบางคนยังคงมีลมหายใจ แต่การสูญเสียแขนขาไปทำให้พวกเขาได้แต่กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ดวงตาของหลันไห่ซินเบิกกว้าง เธอยืนนิ่งไปด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว อารมณ์มากมายปรากฏบนใบหน้าของนาง
“เจ้า…” ร่างกายของหลันไห่ซินสั่นไหวขณะที่ชี้ไปที่หานเซิ่น เธอไม่ได้คาดคิดว่านี่จะเป็นจุดจบที่รออยู่ เธอไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้
“ข้าทำตามที่เจ้าปรารถนาแล้ว ตอนนี้เจ้าพอใจหรือยังไง?” หานเซิ่นเมินเฉยต่อหลันไห่ซินและหันไปพูดกับหญิงแก่เผ่าไซเรน
“ฮ่าๆ! สมแล้วที่เจ้ามีเลือดของนางนั่นอยู่ในตัว… แต่ถึงเจ้าจะมองแผนการของข้าออก มันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไร ข้ายังคงหลอกใช้เจ้าได้สำเร็จอยู่ดี!” หญิงแก่เผ่าไซเรนหัวเราะออกมา เธอไม่ได้ดูเศร้า และร่างกายที่ใกล้ตายของเธอจู่ๆก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา
หลันไห่ซินจ้องไปที่หญิงแก่เผ่าไซเรนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
เลือดของเหล่าไซเรนที่อยู่บนพื้นเริ่มจะเคลื่อนไหว พวกมันไหลเข้าไปที่แท่นบูชาและย้อมแท่นบูชาเป็นสีแดง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น