Super God Gene 2359-2362
ตอนที่ 2358
เนื่องจากหานเซิ่นไม่แน่ใจถึงเป้าหมายของคุณหญิงมิร์เรอร์ เขาจึงไม่กล้าทำอะไรเสี่ยงๆ เขาอยู่บนดาววอเทอร์โซนและใช้เวลาไปกับการล่าซีโน่เจเนอิคระดับดยุก เขาต้องการเก็บยีนระดับดยุกให้เต็ม
หานเซิ่นล่าซีโน่เจเนอิคและกินพวกมันเพื่อเพิ่มยีนระดับดยุกของเขา ยีนซีโน่เจเนอิคของพวกมันแต่ละชิ้นจะเพิ่มยีนระดับดยุกของเขาแค่หนึ่งพ้อยเท่านั้น ดังนั้นการเก็บยีนระดับดยุกจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้า มันไม่ได้รวดเร็วอย่างการกินยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันที่จะมอบยีนระดับดยุกถึง 10 พ้อย
แต่หานเซิ่นไม่อยากจะก่อเรื่องใหญ่และทำตัวให้เป็นจุดเด่น ดังนั้นเขาจึงค่อยๆล่าซีโน่เจเนอิคระดับดยุกบนดาววอเทอร์โซนอย่างอดทน
“นี่คืออะไรกัน?” หานเซิ่นพบภูเขาลูกหนึ่งที่ก้นทะเล มันกำลังสไลด์ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แต่หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่ามันกำลังเคลื่อนที่อยู่จริงๆ
เมื่อหานเซิ่นขี่กิเลนโลหิตเข้าไปใกล้เพื่อจะสังเกตดูชัดๆ เขาก็รู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่ภูเขา แต่มันเป็นหอยสังข์ เปลือกหอยมีความสูงถึงหนึ่งร้อยเมตร มันมีสีดำเทา ซึ่งทำให้มันดูเหมือนกับก้อนหินเมื่อมองดูจากระยะไกล
ใต้หอยสังข์มีตัวหอยสีขาวเผยออกมาให้เห็น มันค่อยๆเคลื่อนที่ไปบนพื้นทรายของทะเลอย่างช้าๆ
เมื่อรู้สึกได้ถึงหานเซิ่นและกิเลนโลหิตที่เข้ามาใกล้ เจ้าหอยก็ปลดปล่อยแสงสีฟ้าออกมา มันปกคลุมอาณาเขตกว่าหนึ่งพันเมตร ซึ่งครอบคลุมทั้งหานเซิ่นและกิเลนโลหิต
กิเลนโลหิตโกรธ ลมปราณโลหิตของมันระเบิดออกมา ขณะที่มันพุ่งเข้าไปหาหอยสังข์ทะเลราวกับสายฟ้า
หานเซิ่นไม่รู้ว่าอาณาเขตของหอยสังข์สามารถทำอะไรได้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีผลกับเขาโดยตรง ถึงอย่างนั้นกิเลนโลหิตก็เข้าไปจู่โจมหอยสังข์ทะเลอย่างไม่รอช้า
หอยสังข์ทะเลหนีกลับเข้าไปในเปลือกของมัน ขณะที่กิเลนโลหิตพยายามใช้กรงเล็บข่วนที่เปลือกหอย
กิเลนโลหิตคำรามด้วยความโกรธ มันกวัดแกว่งกรงเล็บอย่างบ้าคลั่งและพยายามทำลายเปลือกหอยให้ได้ แต่มันก็ไม่สามารถทิ้งรอยที่มากไปกว่ารอยข่วนบางๆไว้บนเปลือกหอยได้ เปลือกของหอยสังข์สูงถึงหนึ่งร้อยเมตร ดังนั้นรอยข่วนบางๆแบบนั้นจึงไม่มีผลอะไรในภาพรวม
“ซีโน่เจเนอิคระดับราชัน?” หานเซิ่นดีใจกับการค้นพบในครั้งนี้ ถ้าเปลือกของมันแข็งถึงขนาดนั้น เจ้าหอยสังข์ตัวนี้จะต้องเป็นระดับราชัน เมื่อดูจากร่างเนื้อของมันแล้ว มันก็ดูเป็นระดับราชันที่อ่อนแอ่ แต่ถึงยังไงมันก็เป็นระดับราชันอยู่ดี
กิเลนโลหิตยังคงข่วนใส่เปลือกหอยต่อไป แต่การตะปบแต่ละครั้งนั้นทิ้งรอยข่วนที่บางลงไปเรื่อยๆ ซึ่งทำให้หานเซิ่นรู้สึกสับสน
หานเซิ่นชักมีดเขี้ยวผีสิงออกมาและฟันไปที่เปลือกหอย มันไม่เกิดอะไรขึ้น พลังของเขาเทียบไม่ได้กับกิเลนโลหิต
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขานำธันเดอร์ก็อตสไปค์ออกมาและช็อตสายฟ้าไปใส่เปลือกหอย เขาต้องการทำให้มันเป็นอัมพาต หลังจากนั้นเขาก็จะสามารถพลิกเปลือกหอยได้
แต่ดูเหมือนเปลือกหอยจะสามารถป้องกันสายฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ นั่นทำให้หานเซิ่นขมวดคิ้ว
“เปลือกของเจ้าตัวนี้แข็งจริงๆ เดิมพันได้เลยว่ามันนำไปใช้ทำเป็นชุดเกราะพิเศษได้ แต่มันมีขนาดใหญ่เกินไป”
เปลือกหอยนี้มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะใช้ทำชุดเกราะชุดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สามารถใช้เป็นวัสดุก่อสร้างที่ยอดเยี่ยมสำหรับบางสิ่งที่ใหญ่กว่า
แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะเอามันไปทำอะไรอย่างอื่นได้นั้น เขาก็ต้องฆ่าตัวหอยสังข์ที่อยู่ข้างในซะก่อน หานเซิ่นลองใช้พลังหลายๆอย่าง แต่การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเขาก็ทำได้แค่ทิ้งรอยลึกไม่กี่นิ้วเอาไว้บนผิวของมันเท่านั้น มันไม่มีผลอะไรต่อตัวหอยสังข์ทะเลที่อยู่ภายใน
“ช่วยกันพลิกมัน!” หานเซิ่นเรียกกิเลนโลหิต ด้วยการรวมพลังกันของพวกเขา พวกเขาสามารถพลิกเปลือกหอยได้สำเร็จ แต่หลังจากที่พลิกมันแล้ว พวกเขาก็รู้สึกตัวว่าก้นของมันถูกปิดสนิท มันไม่มีทางให้เข้าไปข้างในและช่องว่างที่ถูกปิดก็เป็นวัตถุเดียวกับส่วนอื่นๆของเปลือกหอย
ขณะที่พวกเขาสังเกตเปลือกหอยอย่างละเอียดอีกครั้ง หานเซิ่นกับกิเลนโลหิตก็รู้สึกตัวว่าร่องรอยที่พวกเขาสร้างเอาไว้บนเปลือกหอยได้หายไปแล้ว ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาสูญเปล่า
“นี่มันไม่ถูกสิ เจ้าตัวนี้น่าจะเป็นแค่ระดับราชันขั้นที่ 3 เท่านั้น แบบนั้นทำไมเปลือกของมันถึงได้แข็งขนาดนี้? แม้แต่การโจมตีอย่างเต็มกำลังของกิเลนโลหิตก็ทำได้แค่ทิ้งรอยบางๆเอาไว้…”
หานเซิ่นมองไปที่แสงสีฟ้ารอบๆ “หอยสังข์ตัวนี้มีอาณาเขตที่ทรงพลังขนาดนี้ได้ยังไง?”
พวกเขาเข้ามาอยู่ในอาณาเขตของเจ้าหอยสังข์เป็นเวลานานแล้ว แต่แสงสีฟ้าก็ไม่ได้ทำความเสียหายใดๆต่อพวกเขาเลย ดังนั้นมันจะต้องไม่ได้มีไว้สำหรับโจมตีอย่างแน่นอน
“หรือบางทีอาณาเขตนี้จะมีผลทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอลง?” หานเซิ่นคำนึงถึงความเป็นไปได้นี้ แต่มันดูจะไม่ถูกเท่าไหร่นัก
ถ้ามันเป็นอาณาเขตที่มีผลแบบนั้นจริงๆ เขาก็ควรจะสัมผัสได้ถึงการสูญเสียพลังของตัวเอง แต่หานเซิ่นสัมผัสไม่ได้ถึงพลังงานที่ถูกดูดออกไป ร่างกายของเขายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
‘ถ้ามันไม่ใช่อาณาเขตที่ทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอลง หรือว่ามันจะเป็นอาณาเขตที่ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น? แสงสีฟ้านี้เพิ่มความแข็งแรงของเปลือกหอยอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นลูบคางขณะที่ครุ่นคิด แต่ท้ายที่สุดเขาก็ละทิ้งความคิดนี้ไปเช่นกัน
ถ้ามันเป็นอาณาเขตที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเองจริงๆ เจ้าหอยสังข์ทะเลก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องปล่อยอาณาเขตของมันออกไปในระยะที่กว้างแบบนี้
‘ถ้ามันไม่ได้เป็นอาณาเขตที่ทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอหรือทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น แล้วมันคืออะไรกัน?’ หานเซิ่นจ้องไปที่หอยสังข์ทะเลขณะที่ครุ่นคิด
กิเลนโลหิตอารมณ์ร้อน และการที่ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเปลือกของหอยสังข์ได้ นั่นก็ทำให้กิเลนโลหิตโกรธยิ่งกว่าเดิม มันพยายามที่จะข่วนเปลือกหอยซ้ำๆ แต่มันก็ไม่ได้ผล รอยข่วนของมันบางลงเรื่อยๆ
“เดี๋ยวก่อนนะ… พลังของกิเลนโลหิตไม่ได้อ่อนแอลงไป ความจริงแล้วความโกรธจะทำให้มันแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แบบนั้นทำไมรอยข่วนของมันถึงได้บางลงได้?”
หานเซิ่นจ้องไปที่รอยข่วนบนเปลือกหอย หลังนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา “หรือว่าพลังอาณาเขตของมันจะเป็น…”
หานเซิ่นว่ายไปข้างๆเปลือกหอยและลูบรอยข่วนบนผิวของมัน กิเลนโลหิตหยุดโจมตีเมื่อเห็นแบบนั้น
ไม่นานหลังจากนั้นรอยข่วนก็หายไป การฟื้นสภาพเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา
ถ้าแม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพอย่างกิเลนโลหิตยังไม่สามารถทำลายเปลือกของหอยสังข์ทะเลนี้ได้ แบบนั้นแล้วเปลือกของมันก็ต้องแข็งอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่หานเซิ่นไม่ได้คิดว่าความแข็งแรงนั้นจะมาจากเปลือกหอย เปลือกหอยนั้นแข็งมากก็จริง แต่ความทนทานอย่างเหลือเชื่อของมันมาจากอาณาเขตแห่งราชันของตัวหอยสังข์
หานเซิ่นไม่รู้ว่าตัวเองคาดเดาได้ถูกต้องหรือไม่ ดังนั้นหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็พากิเลนโลหิตออกมาจากอาณาเขตของหอยสังข์ทะเล
หอยสังข์ทะเลทำเหมือนกับว่ามันรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร มันขยายแสงสีฟ้าออกไปไกลขึ้นอีก แต่ระยะสูงสุดของมันคือ 2 พันเมตร มันไม่สามารถขยายแสงสีฟ้าออกไปไกลกว่านั้นได้
เมื่อหานเซิ่นและกิเลนโลหิตออกไปไกลพอที่เจ้าหอยสังข์ทะเลสัมผัสถึงตัวตนของพวกเขาไม่ได้แล้ว พวกเขาก็ซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่ หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงจับตาดูเจ้าหอยสังข์ทะเลจากระยะไกล
หอยสังข์ทะเลรออยู่สักพัก มันผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนที่เจ้าหอยจะออกมาจากเปลือกและมองไปรอบๆ เมื่อมันไม่เห็นหานเซิ่นและกิเลนโลหิตอยู่ในบริเวณใกล้เคียง มันก็เลิกใช้อาณาเขตแสงสีฟ้า
เมื่อเห็นอย่างนั้นหานเซิ่นก็เรียกมนตราออกมาและเปลี่ยนเธอเป็นปืนไรเฟิล เขาเล็งไปเจ้าหอยสังข์ทะเล
ปัง!
หานเซิ่นเหนี่ยวไกโดยไม่ลังเล กระสุนพุ่งผ่านน้ำทะเลและตรงเข้าไปหาหอยสังข์ทะเลอย่างเงียบๆ
ตอนที่ 2359
กระสุนปกติจะเผชิญกับแรงต้านทานเมื่อยิงใต้น้ำ กระสุนนั้นจะเบาลงเรื่อยๆตามความไกลของระยะทางที่ยิงออกไป และในที่สุดหอยสังข์ก็สังเกตเห็นถึงการพุ่งเข้ามาของมัน
แต่หานเซิ่นมีอาณาเขตของร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์และวิญญาณอสูรมังกรปีกเงินอยู่ เขารวมเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลของดาววอเทอร์โซน และเขาก็ใช้พลังน้ำสร้างกระสุนขึ้นมา ดังนั้นกระสุนที่ยิงออกไปจึงมีพลังธาตุน้ำอยู่ ซึ่งแทนที่กระสุนจะถูกชะลอความเร็วลงเมื่ออยู่ในน้ำ กระสุนนั้นกลับถูกเสริมพลังด้วยท้องทะเล มันพุ่งเข้าไปหาหอยสังข์อย่างเงียบเชียบราวกับเงามืด
แต่หานเซิ่นไม่ได้ยิงไปที่ตัวหอยสังข์ที่เผยตัวออกไป เขายิงไปที่เปลือกของมัน
ปัง!
กระสุนถูกเข้าที่เปลือกของหอยสังข์และเจาะทะลุผ่านเข้าไป หอยสังข์ตื่นตระหนกและรีบเปิดใช้งานแสงสีฟ้าของมัน แสงนั้นปกคลุมเปลือกของหอยสังข์เอาไว้
“เป็นอย่างที่คิด” หานเซิ่นดีใจ เขามองไปยังรูกระสุนและสังเกตเห็นว่าของเหลวสีขาวไหลออกมาจากรูนั้น ถึงแม้บาดแผลจะเล็กมากๆ แต่มันก็พิสูจน์ให้เห็นว่ากระสุนของเขาสามารถเจาะทะลุเปลือกหอยและสร้างความเสียหายให้กับหอยสังข์ที่อยู่ภายในได้
ตอนนี้หานเซิ่นมั่นใจแล้วว่ามันไม่ใช่เปลือกหอยที่แข็งแรง แต่แสงสีฟ้านั้นทำให้เปลือกหอยแข็งแกร่งขึ้น
กระสุนที่หานเซิ่นยิงออกไปอ่อนแอกว่าการโจมตีของกิเลนโลหิตมาก แต่ถึงอย่างนั้นกระสุนของเขาก็สามารถเจาะทะลวงเปลือกของเจ้าหอยสังข์ได้ ตอนนี้มันเห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะอาณาเขตแสงสีฟ้าของหอยสังข์ทะเล
หานเซิ่นยังคงซ่อนตัวอยู่ที่เดิมและยกปืนไรเฟิลขึ้นเพื่อเล็งไปที่หอยสังข์อีกครั้ง เขายิงออกไปอีกหลายครั้ง
แต่ไม่มีกระสุนไหนที่สามารถเจาะทะลวงเปลือกของหอยสังข์เข้าไปได้ เมื่ออยู่ภายใต้แสงสีฟ้าพวกมันก็ทำได้แค่ทิ้งรอยบางๆเอาไว้เท่านั้น
“เมื่อกระสุนผ่านเข้าไปในอาณาเขตแสงสีฟ้านั่น พวกมันไม่ได้สูญเสียความเร็วหรือพลัง แต่เมื่อพวกมันปะทะกับเปลือกของหอยสังข์ พวกมันไม่ได้สร้างแรงกระแทกอย่างที่ควรจะทำ” หานเซิ่นมองไปที่หอยสังข์ทะเลด้วยความสนใจ
หลังจากผ่านไปสักพัก รูกระสุนที่หานเซิ่นสร้างขึ้นก็หายไปอย่างสมบูรณ์ พลังในการรักษาของหอยสังข์นั้นไม่ธรรมดา
“ไม่แปลกใจเลยที่ไป๋อี้เหลือซีโน่เจเนอิคระดับราชันตัวนี้เอาไว้ เขาคงจะคิดหาวิธีฆ่ามันไม่ได้” หานเซิ่นหัวเราะ
เนื่องจากไป๋อี้ไม่สามารถฆ่ามันได้ นี่ก็ถือเป็นโอกาสดีสำหรับหานเซิ่น เขาและกิเลนโลหิตยังคงซ่อนตัวจากหอยสังข์ เขาตั้งใจจะฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับราชันตัวนี้ให้ได้
แต่หานเซิ่นยังไม่มีวิธีที่จะทำลายอาณาเขตแสงสีฟ้าของมันอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นเขาจึงคิดจะรอจนกระทั่งเจ้าหอยสังข์ผ่อนคลาย
หอยสังข์เรียนรู้จากความผิดพลาดในก่อน ทำให้มันไม่เผยตัวออกมาง่ายๆ มันผ่านไปหลายชั่วโมงก่อนที่เจ้าหอยสังข์จะเผยตัวออกมาอีกครั้ง
แต่ทว่าครั้งนี้มันไม่ได้ปิดการใช้งานแสงสีฟ้า มันยังคงอาณาเขตแสงสีฟ้าเอาไว้ขณะที่เดินทางลึกเข้าไปในทะเล
หานเซิ่นคิดว่าเจ้าตัวนี้เชื่องช้า แต่มันวิ่งหนีอย่างเร็วราวกับกระต่าย หานเซิ่นมองดูภูเขาน้อยๆหนีลึกเข้าไปในทะเล
หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อจับตาดูเจ้าหอยสังข์เอาไว้ ขณะที่เขาไล่ตามมันไป
ตอนนี้เมื่อเจ้าหอยสังข์ได้รับความเสียหาย มันก็ระมัดระวังตัวอย่างมาก มันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและคงอาณาเขตแห่งราชันเอาไว้ตลอดเวลา
แต่หานเซิ่นไม่ได้รีบร้อนอะไร เขายังคงตามมันไปติดๆ เจ้าหอยสังข์มีขนาดตัวที่ใหญ่เกินกว่าที่จะซ่อนตัวจากเขาได้ง่ายๆ
แถมหานเซิ่นก็มีอาณาเขตธาตุน้ำถึง 2 ชั้น การหนีไปจากเขาในท้องทะเลนั้นแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หานเซิ่นมั่นใจอย่างมากในพลังธาตุน้ำของตัวเอง
แต่ไม่นานหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าเขามั่นใจในตัวเองมากเกินไป เมื่อเจ้าหอยสังข์ข้ามภูเขาลูกหนึ่ง จู่ๆมันก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากที่มันปีนไปด้านหลังภูเขา มันก็ไม่โผล่ออกมาอีก หานเซิ่นคิดว่ามันอาจจะกลับบ้านของมัน แต่เมื่อเขาค้นหารอบๆภูเขาอย่างละเอียด เขาก็หาเจ้าหอยสังข์ไม่เจอ
“แปลงจริงๆ มันหายไปไหนกัน?” หานเซิ่นมองไปรอบๆ แต่เขาไม่เห็นร่องรอยของเจ้าหอยสังข์เลย
หอยสังข์มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่หานเซิ่นจะมองข้ามไปได้ ดังนั้นหานเซิ่นจึงเชื่อว่ามันยังคงอยู่ในบริเวณนี้ แต่ไม่ว่าเขาจะมองไปทางไหน มันก็ไม่มีวี่แววของเจ้าหอยสังข์เลย มันเหมือนกับว่าเจ้าหอยสังข์หายตัวไปจริงๆ
“คิดว่าจะหนีไปจากสายตาของฉันได้อย่างนั้นหรอ? แกไร้เดียงสาเกินไปแล้ว” หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงและออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อสแกนหาร่องรอยโมเลกุลของหอยสังข์ ซึ่งในที่สุดเขาก็พบมันและตามร่องรอยนั้นไป
ไม่นานหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าร่องรอยโมเลกุลนั้นพาเขาไปหยุดอยู่ที่หน้ารูเล็กๆบนพื้นใกล้กับภูเขา ดูเหมือนว่าร่องรอยของหอยสังข์จะหายไปในรูนั้น เขาถูกหลอกเข้าแล้ว
“เจ้าหอยสังข์ทะเลนั่นเปลี่ยนขนาดของตัวเองได้? ทำไมมันถึงไม่แสดงพลังนั้นก่อนหน้านี้?” หานเซิ่นสงสัย
“กิเลนโลหิต นายลงไปดูว่ามันกำลังทำอะไร แต่อย่าทำให้มันสัมผัสได้ถึงตัวตนของนาย”
หานเซิ่นไม่ถนัดเรื่องการเปลี่ยนขนาดร่างกาย แต่กิเลนโลหิตเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น มันสามารถเปลี่ยนขนาดของตัวเองได้ตามใจชอบ
กิเลนโลหิตคำราม ร่างกายของมันสั่นไหวขณะที่กระดูกของมันย่อส่วนลงเรื่อยๆจนกระทั่งมันกลายเป็นอสูรสีแดงตัวน้อยที่ดูเหมือนกับตุ๊กตา หลังจากนั้นมันก็กระโดดลงไปในรู
หานเซิ่นรออยู่ด้านนอก เขามองไปรอบๆและตรวจดูร่องรอยที่พามาสู่รูนั้น
หานเซิ่นได้ศึกษาเกี่ยวกับเทคนิคของสำนักเสวียนที่กุนซือไวท์ทิ้งเอาไว้ให้กับเขา เขาได้เรียนรู้เทคนิคหลายอย่าง แต่พวกมันเป็นอะไรที่เรียบง่าย เขาสำเร็จเทคนิคการคำนวณของสำนักเสวียน ซึ่งถ้าสถานการณ์ไม่ซับซ้อนจนเกินไป เขาสามารถใช้เทคนิคเหล่านั้นเพื่อหาข้อมูลเชิงลึกได้
ภูเขาใต้น้ำเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ มันมีภูเขาหลายลูกอยู่ใกล้เคียงกัน และพวกมันทั้งหมดก็เชื่อมต่อกัน ภูเขาแต่ละลูกมีรูปร่างเหมือนกับภูเขาไฟที่มีรูขนาดใหญ่อยู่ที่ยอดสุด
จากด้านบนภูเขาทั้ง 9 ดูเหมือนกับวงแหวนที่ซ้อนกันเป็นเหมือนกับห่วงโซ่ หานเซิ่นจำได้ว่าในเทคนิคของสำนักเสวียนนั้นเรียกสภาพแวดล้อมแบบนี้ว่าไนน์ริงส์
ถ้ามีสภาพแวดล้อมแบบนี้อยู่ในสหพันธ์ มันก็ไม่มีใครกล้ามีชีวิตอยู่ที่นั่น สภาพแวดล้อมแบบนั้นจะนำมาซึ่งความโชคร้าย และผู้คนที่เลือกอาศัยอยู่ที่นั่นจะประสบกับผลที่ตามมา
แต่ทฤษฎีนั้นอาจไม่สามารถใช้กับจักรวาลจีโนได้ กุนซือไวท์บอกว่าเทคนิคของสำนักเสวียนจำเป็นต้องปรับปรุงหลายอย่างเพื่อใช้กับจักรวาลจีโน เทคนิคและพลังของก็อตแซงชัวรี่นั้นแตกต่างไปจากของจักรวาลจีโน และเขาก็สนใจในการศึกษาถึงความแตกต่างนั้น
ขณะที่หานเซิ่นตรวจดูภูเขาอยู่นั้น จู่ๆก็มีเงาสีขาวปรากฏออกมาจากยอดภูเขา มันเป็นปลาไหลไฟฟ้าที่ยาวหลายสิบเมตร ขณะที่มันว่ายออกไป เกล็ดสีขาวของมันก็ปะทุด้วยไฟฟ้า มันดูงดงามอย่างประหลาด
“ซีโน่เจเนอิคระดับราชันอีกตัว!” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
ตอนที่ 2360
หานเซิ่นรู้ว่าไป๋อี้ได้ทำการเก็บกวาดดาววอเทอร์โซนมาเป็นเวลานานแล้ว ด้วยเหตุนั้นหลันไห่ซินจึงไม่คิดจะส่งทีมล่าออกมา แต่ตอนนี้หานเซิ่นได้พบซีโน่เจเนอิคระดับราชันติดๆกันถึง 2 ตัว แถมพวกมันทั้งคู่ยังอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกันอีก นี่ถือเป็นปัญหาใหญ่
หานเซิ่นนำธันเดอร์ก็อตสไปค์ออกมาและตรงเข้าหาปลาไหลไฟฟ้าระดับราชันตัวนั้น
หานเซิ่นไม่ได้สนใจว่าดาววอเทอร์โซนกำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไร เขาแค่ต้องการฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับราชันที่พบ การได้รับยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา
หานเซิ่นใช้ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์พร้อมกับปลดปล่อยอาณาเขตมังกร เขาเคลื่อนไหวราวกับมังกรน้ำขณะที่เคลื่อนที่เข้าไปหาปลาไหลไฟฟ้า ธันเดอร์ก็อตสไปค์ในมือของเขาปะทุด้วยสายฟ้าสีเงินที่น่ากลัว
อาณาเขตแห่งราชันของหานเซิ่นเข้าครอบงำปลาไหลไฟฟ้ายักษ์ อาณาเขตธาตุน้ำของเขาจำกัดการเคลื่อนไหวของปลาไหล และทำให้มันว่ายได้ช้าลงอย่างมาก ราวกับว่ามันกำลังว่ายอยู่ในโคลน
ขณะที่หานเซิ่นดีใจกับความสำเร็จในการโจมตี ทันใดนั้นปลาไหลไฟฟ้าก็ปลดปล่อยสายฟ้าของมันออกมาและสร้างอาณาเขตสายฟ้าที่รวมเข้ากับอาณาเขตของหานเซิ่น สายฟ้าไหลผ่านน้ำมาสู่ร่างกายของหานเซิ่นอย่างรวดเร็ว
ปัง!
หานเซิ่นถูกช็อตจนกระเด็นออกไปและเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะหยุดตัวเองได้ ลิ้นของเขารู้สึกชา
“อาณาเขตแห่งราชันที่มีพลังในการโจมตีล้วนๆเป็นอะไรที่น่ากลัวจริงๆ และสายฟ้าก็ยังมีผลทำให้เป็นอัมพาตชั่วขณะอีก นี่จะต้องเป็นอาณาเขตขั้นที่ 6 เป็นอย่างน้อย ปลาไหลไฟฟ้าตัวนี้เองก็เป็นอะไรที่ยากจะรับมือ”
หานเซิ่นพยายามจะซ่อนตัว แต่ปลาไหลไฟฟ้าว่ายตรงเข้ามาหาเขาเรียบร้อยแล้ว อาณาเขตสายฟ้าของมันก็เข้ามาพร้อมๆกันและปากของมันก็พ่นโซ่สายฟ้าออกมา
หานเซิ่นยังคงได้รับผลประโยชน์จากอาณาเขตธาตุน้ำ ทำให้เขาเคลื่อนไหวภายในน้ำได้ดีกว่าปลาไหลไฟฟ้า เขาหลบหลีกอาณาเขตสายฟ้าและโซ่สายฟ้าของปลาไหลได้สำเร็จ ถ้าเขาไม่ได้เปรียบเรื่องความเร็วล่ะก็ เขาก็คงจะถูกสายฟ้าช็อตอีกครั้งเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่เจ็บปวดอย่างมาก ถึงแม้ร่างกายของเขาจะสามารถทนต่อมันได้ก็ตาม
หลังจากที่หนีออกมาจากระยะการโจมตีของปลาไหลได้สำเร็จ หานเซิ่นก็เรียกมนตราออกมาในร่างปืนคู่และเริ่มยิงออกไป มันไม่เหมือนกับเจ้าหอยสังข์ ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่ได้กังวลว่าการโจมตีของเขาจะถูกป้องกัน
เมื่อกระสุนเข้ามาในอาณาเขตสายฟ้า ปลาไหลก็ตอบสนองในทันที มันพ่นสายฟ้าออกมาเพื่อทำลายกระสุนที่เข้ามา
แต่กระสุนหนึ่งลูกหนึ่งทะลุผ่านเข้าไปถูกเกล็ดของปลาไหลได้สำเร็จ ไม่นานสัญลักษณ์ที่คุ้นเคยก็เริ่มเรืองแสงขึ้นบนเกล็ดที่ถูกยิง ซึ่งมันก็คือผลจากวิชาเต่าของหานเซิ่น
วิชาเต่าเริ่มส่งผล และหลังจากที่กระสุนถูกยิงไปถูกปลาไหลฟ้าฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ปลาไหลไฟฟ้าก็เคลื่อนไหวได้ช้าลงอย่างมาก แต่ทว่าสายฟ้าบนร่างกายของมันยังคงรุนแรงและอาณาเขตสายฟ้าของมันก็ยังคงปกคลุมบริเวณรอบๆอยู่ ทำให้หานเซิ่นไม่สามารถเข้าไปใกล้เจ้าปลาไหลได้
ปัง!
มนตราเปลี่ยนเป็นปืนไรเฟิล และหานเซิ่นก็ยิงเข้าใส่ปลาไหลไฟฟ้าอีกครั้ง กระสุนนี้ทำลายเกล็ดของปลาไหลและฉีกเข้าไปจนถึงเนื้อของมัน หลังจากนั้นพลังเขี้ยวสีม่วงก็เริ่มแพร่ขยายออกไป
วิชาของหานเซิ่นยังไม่ถึงระดับราชัน และร่างกายออริจินอลวอเทอร์ของเขาก็เป็นแค่ระดับราชันขั้นแรกเท่านั้น ดังนั้นการจะล้มซีโน่เจเนอิคระดับราชันขั้นที่ 6 จึงเป็นอะไรที่ยากลำบาก
โชคดีที่วิชาเต่าของเขาใช้ได้ผลดีกับปลาไหลไฟฟ้า เพราะแบบนั้นเจ้าปลาไหลจึงไล่ตามหานเซิ่นไม่ทัน เขาล่อมันไปเรื่อยๆและยิงใส่มันอย่างต่อเนื่อง พลังเขี้ยวยังคงฉีกบาดแผลของมันอย่างไม่หยุด ยิ่งเจ้าปลาไหลไฟฟ้าสูญเสียเลือดมากเท่าไหร่ อาณาเขตสายฟ้าของมันก็อ่อนแอลงไป
“ซีโน่เจเนอิคปลาไหลไฟฟ้าถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”
หานเซิ่นมองดูร่างของปลาไหลไฟฟ้าจมลงไปยังก้นทะเล ขณะที่เสียงประกาศดังขึ้นในหัวของเขา
“น่าเสียดายที่เราไม่ได้รับวิญญาณอสูร วิญญาณอสูรไฟฟ้านั้นเป็นอะไรที่ส่งพลังมากๆ” หานเซิ่นว่ายไปที่ร่างของปลาไหลไฟฟ้าและขุดเอายีนซีโน่เจเนอิคของมันออกมา
หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรสัตว์เลี้ยงผึ้งราชินีชาโดว์ออกมาและให้มันกินร่างของปลาไหลไฟฟ้า
ผึ้งราชินีชาโดว์ยังไม่โตเต็มที่ และหานเซิ่นก็เป็นระดับดยุกเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นผึ้งราชินีจึงไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเขาอีก แต่เนื่องจากเขาไม่รู้จะทำอะไรกับเนื้อของปลาไหล เขาก็คิดว่าการให้ผึ้งราชินีชาโดว์กินก็ไม่ได้เสียหายอะไร
ผึ้งราชินีชาโดว์ปีนขึ้นไปบนร่างปลาไหลและกินร่างของมันอย่างยากลำบาก หานเซิ่นกลืนกระดูกสายฟ้าที่เป็นยีนซีโน่เจเนอิคของปลาไหลเข้าไปทั้งอัน และเขาก็ใช้วิชาคอนซูมเพื่อสกัดมันอย่างรวดเร็ว
ความรู้สึกชาแพร่ไปทั่วร่างกายของหานเซิ่น มันเหมือนกับว่าเซลล์ของเขาถูกช็อตไฟฟ้าและเริ่มจะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน
“ยีนระดับดยุก+1, ยีนระดับดยุก+1,…”
เมื่อหานเซิ่นสกัดยีนซีโน่เจเนอิคของปลาไหลไฟฟ้าเสร็จแล้ว ยีนระดับดยุกของเขาก็มาอยู่ที่ 84 พ้อย เขาใกล้จะเก็บยีนระดับดยุกครบหนึ่งร้อยพ้อยแล้ว
‘ถ้าเราฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับราชันอีก 2 ตัว เราก็จะเก็บยีนระดับดยุกจนเต็ม หลังจากนั้นเราก็ได้ปลดล็อคยีนล็อคแรกของวิชาเรื่องราวของยีน’ ขณะที่หานเซิ่นคิด เขาได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากระยะไกล
บางสิ่งฉีกตัวเองออกมาจากรูใต้ภูเขา และทำให้รูกว้างขึ้นอย่างมาก กิเลนโลหิตโผล่ออกมาจากเศษหินที่กระจัดกระจายและกลับสู่ขนาดปกติของมัน
เลือดไหลออกมาจากปากของกิเลนโลหิต และเกล็ดของมันก็ได้รับบาดแผลที่สาหัส มันตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มากๆ
กิเลนโลหิตหนีกลับมาหาหานเซิ่น ก่อนที่จะล้มลงไปนอนกองกับพื้นทะเล
กิเลนโลหิตพยายามจะลุกกลับขึ้นมา แต่ขาของมันเต็มไปด้วยบาดแผล และขาข้างหนึ่งของมันก็บิดเบี้ยว 90 องศา เลือดสีดำไหลออกมาจากบาดแผลบนร่างกายของกิเลนโลหิตและย้อมสีของน้ำที่อยู่รอบๆ
หลังจากนั้นเลือดสีดำก็เปลี่ยนเป็นแมลงสีดำขนาดเล็ก พวกมันบินเข้าไปหากิเลนโลหิตและเริ่มกัดแทะบาดแผลของมัน
กิเลนโลหิตเป็นอสูรที่เหี้ยมโหดและดุร้าย แต่ตอนนี้มันส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
หานเซิ่นรู้สึกตกใจ กิเลนโลหิตเป็นซีโน่เจเนอิคครึ่งเทพที่แทบจะไร้คู่ต่อกรในระดับเดียวกัน แต่ตอนนี้มันกลับได้รับบาดเจ็บจากอะไรบางอย่างที่นอกเหนือไปจากเจ้าหอยสังข์
เลือดของกิเลนโลหิตยังคงเปลี่ยนเป็นแมลง และหานเซิ่นไม่สามารถระบุได้ว่าพลังแบบไหนกันแน่ที่ถูกใช้กับกิเลนโลหิต
หานเซิ่นลองใช้ธันเดอร์ก็อตสไปค์ช็อตใส่บาดแผลของกิเลนโลหิต แมลงสีดำเริ่มส่งเสียงกรีดร้องออกมา และหลังจากผ่านไปหนึ่งนาทีพวกมันก็ร่วงออกมาจากบาดแผลของกิเลนโลหิต
แมลงพวกนั้นตายไป แต่เลือดที่ไหลออกมาจากกิเลนโลหิตก็ยังคงเปลี่ยนเป็นแมลงสีดำเพิ่มอีก ซึ่งถ้าเกิดยังเป็นแบบนี้ต่อไป เส้นเลือดของกิเลนโลหิตก็จะแห้งเหือด
หานเซิ่นมองไปที่แมลงตัวน้อยและรู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วพวกมันเป็นหอยสังข์ขนาดเล็ก
หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับกิเลนโลหิต หอยสังข์สีดำน้อยๆมากมายดิ้นดุกดิกภายในร่างของกิเลนโลหิต มันมีอยู่เป็นจำนวนมากเกินกว่าที่จะนับได้ และภาพของพวกมันก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกอยากจะอ้วก ถ้าเขาไม่รีบทำอะไรสักอย่างกับร่างกายของกิเลนโลหิต มันก็จะถูกกลืนกินจนเหลือเพียงแค่กระดูก
หานเซิ่นสงสัยว่าช่วยกิเลนโลหิตได้ยังไง แต่หลังจากนั้นก็มีบางสิ่งคืบคลานออกมาจากรูที่ถูกขยายโดยกิเลนโลหิต ร่างกายของบางสิ่งที่ออกมาใหม่นี้ขยายขึ้นจนกลับสู่ขนาดปกติ ซึ่งมันก็คือหอยสังข์ทะเลระดับราชันตัวเดิม
ก่อนที่หานเซิ่นจะตอบสนองอะไรได้ หอยสังข์อีกตัวก็ออกมาจากรู ตัวนี้ดูงดงามและเต็มไปด้วยสีสัน เปลือกของมันเป็นเหมือนกับคริสตัล สีสันของมันสลับไปมาและเรืองแสงราวกับสายรุ้ง
เมื่อหานเซิ่นเห็นหอยสังข์ที่งดงามตัวนั้น ใบหน้าของเขาก็ถอดสี
ตอนที่ 2361
เพียงแค่มองแว็บเดียว หานเซิ่นก็รู้ว่าทันทีว่ามันคือสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า มันต่างไปจากหอยสังข์สีดำเทาที่เหมือนกับภูเขา
หานเซิ่นอุ้มกิเลนโลหิตขึ้นมาและหันกลับเพื่อจะหนีไป แต่มันสายเกินไปแล้ว อาณาเขตที่เหมือนกับสายรุ้งเข้าปกคลุมทะเลรอบๆตัวเขา
หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาติดกับพื้น เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้ โซ่สสารสีรุ้งมากมายพุ่งขึ้นมาจากพื้นเพื่อจับตัวของเขาเอาไว้
“เวรเอ้ย! ทำไมมันถึงมีสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าอยู่ที่นี่ได้?”
หานเซิ่นเปิดใช้งานร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดโดยไม่ลังเล
ร่างกายของหานเซิ่นโปร่งใสในทันที เขาส่องสว่างด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ และทำให้โซ่สสารที่เต็มไปด้วยสีสันสูญเสียเป้าหมายของพวกมันไป
แต่แทนที่จะตอบโต้กลับไป หานเซิ่นกลับอุ้มกิเลนโลหิตขึ้นมาและพยายามวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด เพราะแม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าที่อ่อนแอที่สุด หานเซิ่นก็ไม่สามารถรับมือได้
หอยสังข์ทคริสตัลสายรุ้งไม่ได้ทรงพลังเหมือนอย่างแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อต แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่สิ่งที่หานเซิ่นจะต่อกรได้อยู่ดี
ถ้าหานเซิ่นถึงระดับราชันแล้ว บางทีมันอาจจะพอมีโอกาสที่เขาจะต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าได้ แต่ในตอนนี้หานเซิ่นเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง แค่จะต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ เขาก็จำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากภายนอกแล้ว ดังนั้นการจะต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้านั้นแทบจะเป็นไม่ได้
สิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพเป็นแค่สิ่งมีชีวิตระดับราชันที่ทรงพลังมากๆเท่านั้น แต่สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าอยู่ในอีกระดับหนึ่งที่ต่างออกไป
หอยสังข์คริสตัลสายรุ้งเห็นหานเซิ่นเดินทางผ่านโซ่สสารของมันอย่างอิสระ และมันก็ดูตกใจเล็กน้อย ร่างคริสตัลของมันสว่างวาบขึ้นมา และโซ่สสารก็เปลี่ยนเป็นบานกระจกสีรุ้ง บานกระจกนั้นสูงขึ้นรอบๆตัวหานเซิ่น
หานเซิ่นทุ่มพลังทั้งหมดกับร่างเทพเจ้าสปิริตของเขาและใช้งานมันจนถึงขีดสุด แสงศักดิ์สิทธิ์ของเขาเริ่มขยายไปสู่กิเลนโลหิต และทำให้ร่างกายของมันโปร่งใสด้วยเช่นกัน ร่างกายของกิเลนโลหิตได้รับคุณสมบัติเดียวกับโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเขา
หานเซิ่นยกกิเลนโลหิตขึ้นสูงและวิ่งผ่านบานกระจกสายรุ้งไป พวกเขาวิ่งผ่านบานกระจกสายรุ้งโดยไม่ทำให้มันแตกราวกับผี บานกระจกสายรุ้งนั้นไม่สามารถหยุดหานเซิ่นในร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดได้
แต่ร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดมีเวลาจำกัด หานเซิ่นต้องแบกกิเลนโลหิตไปด้วยขณะที่วิ่งหนีไป และนั่นทำให้เขาต้องใช้พลังงานมากยิ่งกว่าเดิม หลังจากที่พวกเขาหนีออกจากบานกระจกสายรุ้งได้แล้ว หานเซิ่นก็วิ่งกลับไปในทิศทางเดิมที่มา
หอยสังข์คริสตัลสายรุ้งไล่ตามพวกเขามาจากด้านหลัง โซ่สสารนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมาจากพื้นและพยายามจับตัวหานเซิ่น ในตอนแรกหานเซิ่นสามารถทะลุผ่านพวกมันได้ แต่หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็ไม่มีพลังพอที่จะคงสภาพร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด ทุกครั้งที่เขาผ่านบานกระจกสายรุ้ง เขาก็จะสูญเสียพลังงานไปมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่หานเซิ่นทะลุผ่านบานกระจกสายรุ้งอีกครั้ง เขาก็รู้สึกราวกับว่าตัวเขาวิ่งเข้าไปในของเหลวที่เหนียวหนืด มันยากที่เขาจะวิ่งผ่านไปได้
หานเซิ่นรู้ว่านี้เป็นสัญญาณบอกว่าเขากำลังสูญเสียพลังของร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด ซึ่งถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเขาก็จะหยุดทำงาน และเขาจะไม่สามารถผ่านกระจกโซ่สสารได้อีก
‘นี่เราจะทำยังไงดี? เราควรจะกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ดีไหม? แต่ถ้าเรากลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ กิเลนโลหิตก็จะต้องตาย…’
หานเซิ่นคิดอย่างหนัก แต่เขาไม่สามารถหาหนทางที่จะแก้ไขสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ได้
ด้วยความเร็วของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า ทำให้การจะหนีไปเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หานเซิ่นใช้ความสามารถทั้งหมดของเขา แต่มันก็ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังและความเร็วของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า
ความสามารถของร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขายังไม่ถูกจับตัว
หานเซิ่นรู้สึกร้อนรน เขารู้ว่าสามารถหนีกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ได้ แต่เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของกิเลนโลหิต โชคดีที่โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเขามอบพลังส่วนหนึ่งให้กับกิเลนโลหิต พลังนั้นช่วยฆ่าหอยสังข์สีดำตัวน้อยๆ และทำให้กิเลนโลหิตรู้สึกดีขึ้นมา
แต่ในตอนนี้หอยสังข์ตัวใหญ่ทั้ง 2 ก็ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ หนึ่งในพวกมันเป็นซีโน่เจเนอิคระดับราชัน ขณะที่อีกตัวเป็นถึงซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า ถึงแม้หานเซิ่นจะใช้ร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเพื่อโจมตีพวกมัน เขาก็ไม่สามารถช่วยชีวิตกิเลนโลหิตได้
ในเมืองใต้น้ำ เป่าเอ๋อกำลังกินอาหารกลางวันร่วมกับหลันไห่ซิน ขณะที่กินของหวานไปได้แค่ครึ่งเดียว สีหน้าของเป่าเอ๋อซีดไป เธอกระโดดออกจากเก้าอี้อย่างกะทันหัน
“เป่าเอ๋อ เจ้าเป็นอะไร?” หลันไห่ซินมองไปที่เป่าเอ๋อด้วยความสับสน
“ท้องเสีย หนูขอตัวไปเข้าห้องน้ำ” เป่าเอ๋อพูด หลังจากนั้นเธอก็ออกจากห้องไปพร้อมกับนกแดงน้อย
“เด็กคนนี้…” หลันไห่ซินส่ายหัวและยิ้มออกมา เธอดูมีความสุข เธอเริ่มที่จะรู้สึกรักเป่าเอ๋อจริงๆ เธอถึงกลับให้เป่าเอ๋อมานอนห้องเดียวกับเธอ พวกเธอเป็นเหมือนกับพี่น้องกันจริงๆ
เป่าเอ๋อวิ่งไปที่สวนและกัดนิ้วของตัวเอง เธอปล่อยให้หยดเลือดหยดลงบนหน้าผากของนกแดงน้อยและพูด
“นกแดงน้อย พ่อกำลังตกอยู่ในอันตราย เลือดของฉันจะนำทางนายไปหาเขา นายรีบไปช่วยเขา”
หลังจากนั้นเป่าเอ๋อก็โยนนกแดงน้อยขึ้นฟ้า นกแดงน้อยกระพือปีกของมันและกลายเป็นแสงสีแดง หลังจากนั้นมันก็หายตัวไปจากเมืองในชั่วพริบตา
หานเซิ่นยังคงพยายามวิ่งหนีต่อไป แต่แสงศักดิ์สิทธิ์ของร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเริ่มจะริบหรี่ และดูเหมือนพร้อมจะดับไปได้ทุกเมื่อ
ร่างกายของหานเซิ่นถูกบานกระจกสายรุ้งอีกครั้ง และในครั้งนี้มันเหมือนกับว่าเขาชนเข้ากับหนังสัตว์ หานเซิ่นกัดฟันและผลักตัวเองไปข้างหน้า แต่เขาถูกเด้งกลับมา
หานเซิ่นไม่สามารถคงสภาพร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดได้อีกแล้ว เขากำลังจะกลับไปเป็นมนุษย์ที่ประกอบด้วยเนื้อหนังธรรมดาอีกครั้ง
หานเซิ่นพยายามจะใช้พลังที่ยังเหลืออยู่ชกใส่หอยสังข์ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดมอบพลังให้เขากับพอสมควร มันสามารถทะลุผ่านการป้องกันและโจมตีถูกตัวอีกฝ่ายได้โดยตรง แต่ถึงอย่างนั้นการโจมตีศัตรูที่อยู่เหนือกว่าตัวเขาถึง 2 ระดับนั้นเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์
ปัง!
กระจกสายรุ้งอีกบานร่วงลงมา มันกำลังจะครอบหานเซิ่นและกิเลนโลหิตเอาไว้ หานเซิ่นพยายามจะชกใส่มัน หมัดของเขาส่องสว่างด้วยพลังของคิงอีซ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถทำลายบานกระจกสายรุ้งได้
หานเซิ่นชกใส่กระจกสายรุ้งซ้ำๆและเสียงของแต่ละหมัดก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ กระดูกของหานเซิ่นกำลังจะหักและกำปั้นของเขาก็มีเลือดไหลออกมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถทำลายบานกระจกสายรุ้งได้
หานเซิ่นใช้พลังของท่าตบขั้นสุดยอดใส่โซ่สสารของกระจกสายรุ้ง แต่ถึงอย่างนั้นพลังของเขาก็เด้งกลับมา ท่าตบขั้นสุดยอดไม่สามารถหาจุดที่อ่อนแอพอที่จะทำลายได้
กิเลนโลหิตร่วงลงไปกับพื้นในสภาพที่ย่ำแย่ มันยังคงส่งเสียงร้องออกมา ขณะที่พยายามยืนขึ้นเพื่อต่อสู้เคียงข้างกับหานเซิ่น แต่มันล้มลงไปอีกครั้งและกระอักเลือดออกมา
หอยสังข์หินสีดำเคลื่อนที่ไปข้างๆหอยสังข์คริสตัลสายรุ้ง พวกมันเคลื่อนที่เข้ามาอย่างช้าๆ หอยสังข์ทั้ง 2 ปีนขึ้นบนกระจกสายรุ้งและมองมาที่หานเซิ่นกับกิเลนโลหิต
ดวงตาของหอยสังข์สีดำดูเหมือนมนุษย์มากๆ พวกมันจ้องมองหานเซิ่นด้วยความดูถูก
หอยสังข์คริสตัลสายรุ้งมองหานเซิ่นด้วยดวงตาที่เลือนราง หลังจากนั้นกระจกสายรุ้งรอบๆตัวหานเซิ่นกับกิเลนโลหิตก็เริ่มหดตัว มันกำลังจะบีบหานเซิ่นและกิเลนโลหิต
ตอนที่ 2362
ใบหน้าของหานเซิ่นและกิเลนโลหิตถูกบีบเข้าหากัน หานเซิ่นลังเลว่าควรจะพากิเลนโลหิตกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ดีไหม ถึงแม้พลังของก็อตแซงชัวรี่อาจจะทำร้ายมัน แต่นั่นก็ยังดีกว่าที่ต้องถูกบีบเป็นไส้กรอกอยู่ที่นี่
หอยสังข์สายรุ้งไม่ได้เคลื่อนไหว มันยังคงดันกระจกเข้าใส่หานเซิ่นและกิเลนโลหิตเพื่อที่จะบดขยี้พวกเขาอย่างโหดร้าย หอยสังข์สีดำยืนอยู่ด้านนอกกระจกและมองมาที่พวกหานเซิ่นอย่างขบขัน มันขยับเข้ามาใกล้ๆและปล่อยบางสิ่งออกมาจากเปลือกของมัน ซึ่งพวกมันก็คือหอยสังข์สีดำตัวน้อยๆ
หอยสังข์ตัวน้อยล้อมกระจกเอาไว้เหมือนกับคลื่นทะเล พวกมันมีกันอยู่นับไม่ถ้วนและดูเหมือนกับเมฆที่ก่อตัวขึ้นมาจากหมึก
หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมาเมื่อมองเห็นพวกมัน ถึงกระจกจะบีบเขาจนแบน แต่เขาก็จะไม่รู้สึกว่าตัวเองตายอย่างปลอยภัย ร่างกายของเขาจะถูกกลืนกินโดยเหล่าหอยสังข์ที่หิวกระหาย
ขณะที่หานเซิ่นกัดฟันและเตรียมตัวจะใช้วิชาโลหิตชีพจรเพื่อกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ ทันใดนั้นแสงสีแดงที่สวยงามก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวของเขาและส่องลงมาถึงส่วนลึกของท้องทะเล
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เห็นเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงโฉบลงมาสู่ก้นทะเล มันเหมือนกับฟินิกซ์ที่บินลงมาจากสรวงสวรรค์ แสงสีแดงที่ดูสวยงามนั้นก็คือเปลวไฟของมัน
หอยสังข์สีดำและหอยสังข์คริสตัลสายรุ้งสังเกตเห็นฟีนิกซ์ หอยสังข์สีดำดูหวาดกลัว มันหนีกลับเข้าไปในเปลือกของมันในทันที หลังจากนั้นแสงแห่งเทพสีฟ้าของมันก็ปรากฏขึ้นมา
หอยสังข์คริสตัลสายรุ้งรวบรวมโซ่สสารสีรุ้งเป็นบานกระจกสีรุ้งและปล่อยเข้าใส่ฟีนิกซ์
ปัง!
บานกระจกนั้นเข้าปกคลุมฟินิกซ์
หอยสังข์สีดำโผล่หัวออกมาเมื่อเห็นว่าฟินิกซ์เพลิงถูกกักขังอยู่ภายในกระจก มันดูดีใจอย่างมากถึงขนาดที่กระโดดขึ้นเล็กน้อย
ปัง!
วินาทีต่อมา ฟีนิกซ์ก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา และเปลวไฟของมันก็ลุกโชติช่วงขึ้น กระจกสายรุ้งที่แข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อละลายภายใต้ความร้องแรงของฟินิกซ์ กระจกที่ละลายเริ่มไหลลงมาเหมือนกับไขของเทียน
ฟินิกซ์กระพือปีกของมันและกระจกสายรุ้งก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ แม้แต่เศษเล็กเศษน้อยของกระจกก็ละลายเป็นของเหลวในเวลาอันสั้น
เมื่อหอยสังข์คริสตัลสายรุ้งเห็นแบบนั้น มันก็ปล่อยโซ่สสารสายรุ้งออกมาเพิ่มอีก พวกมันกลายเป็นบานกระจกรูปร่างประหลาดที่ตรงเข้าไปหาฟีนิกซ์
ฟีนิกซ์กระพือปีกของมันและพ่นไฟสีทองออกมา ไฟนั้นทะลุผ่านกระจกสายรุ้งและพุ่งต่อเข้าไปหาหอยสังข์
หอยสังข์คริสตัลสายรุ้งเบิกตากว้าง มันรวบรวมพลังเอาไว้ที่เปลือกหอย หลังจากนั้นร่างกายของมันก็ถอยกลับเข้าไปข้างในเปลือกหอย
เปลวไฟสีดำพุ่งไปถูกด้านบนของเปลือกหอยสังข์คริสตัลสายรุ้ง แต่แทนที่จะทำลายเปลือกหอย เปลวไฟนั้นกลับลุกไหม้รอบๆเปลือกหอยและทำให้มันส่องสว่างเหมือนกับสายรุ้ง
ฟีนิกซ์มองมาที่หานเซิ่นและกิเลนโลหิต มันพ่นลูกไฟลูกหนึ่งมาทางพวกเขาเพื่อละลายกระจกที่กักขังพวกเขาอยู่
“นกแดงน้อย!” หานเซิ่นและกิเลนโลหิตถูกปล่อยเป็นอิสระ เขาดีใจอย่างมากเมื่อได้เห็นฟีนิกซ์สีแดง
“ร่างของเรเวนอาทิตย์และรังนกของอันอายอิ้งเบิร์ดนั้นไม่สูญเปล่าจริงๆ!”
นกแดงน้อยกระพือปีกและส่งเปลวไฟเข้าใส่หอยสังข์สายรุ้งเพิ่มอีก เปลวไฟสีทองที่น่ากลัวล้อมหอยสังข์เหมือนเป็นฟืนของกองไฟ
เมื่อเปลวไฟลุกโชติช่วงขึ้น เปลือกหอยสายรุ้งก็กลายเป็นสีทอง แสงสีรุ้งของมันเริ่มจะมัวหมองไป
หานเซิ่นเหลือบมองและเห็นหอยสังข์สีดำกำลังพยายามจะหนีไป ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงเรียกมนตราออกมาในร่างปืนไรเฟิลและยิงไปใส่เปลือกของหอยสังข์
หอยสังข์สีดำไม่ต้องการดึงความสนใจของฟีนิกซ์ ดังนั้นมันจึงไม่ได้ใช้อาณาเขตแห่งราชัน กระสุนพุ่งเข้าไปถูกเปลือกหอยและทะลุเข้าไปข้างใน ทำให้เจ้าหอยสังข์เริ่มมีเลือดไหลออกมา
หอยสังข์สีดำส่งเสียงกรีดร้อง สถานการณ์ในตอนนี้คับขันยิ่งกว่าเดิม ดังนั้นมันจึงปลดปล่อยแสงสีฟ้าออกมาและเริ่มหนีไปอย่างรวดเร็ว
“แกคิดว่าฉันจะปล่อยให้แกหนีไปได้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นไล่ตามไปพร้อมกับยิงใส่มันอีกครั้ง
กระสุนลูกต่อไปพุ่งผ่านอาณาเขตแสงสีฟ้าและเข้าไปที่ตัวของหอยสังข์สีดำ มันพุ่งผ่านรูที่ถูกสร้างขึ้นโดยกระสุนก่อนหน้านี้ และในครั้งนี้เลือดก็หลั่งไหลออกมาราวกับน้ำพุ
พลังในการฟื้นตัวของหอยสังข์สีดำนั้นแข็งแกร่ง แต่รูกระสุนยังไม่ฟื้นคืนสภาพเลยแม้แต่นิดเดียว นั่นเป็นผลของวิชาอีเทอร์นิตี้ของเรื่องราวของยีน บาดแผลที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังนั้นจะไม่สามารถรักษาได้ วิชานั้นเป็นอะไรที่มากพอจะจัดการกับเจ้าหอยสังข์สีดำตัวนี้ แม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถทำลายพลังของวิชาอีเทอร์นิตี้ได้
หานเซิ่นเข้าไปใกล้หอยสังข์สีดำและเปลี่ยนมนตราเป็นปืนคู่ เขายิงออกไปซ้ำๆและกระสุนทุกนัดก็พุ่งตรงไปที่รูกระสุนนั้น ทำให้เลือดที่หลั่งไหลออกมาจากตัวหอยสังข์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อาณาเขตแสงสีฟ้ารวมกับเปลือกของหอยสังข์ทำให้เกิดเป็นระบบป้องกันที่สุดยอด แต่เนื้อหนังของตัวหอยสังข์ไม่ได้มีพลังป้องกันอะไร แถมมันก็ไม่รวดเร็วพอที่จะหลบกระสุนที่หานเซิ่นยิงออกไปได้ ในเวลาไม่นานมันก็ถูกยิงที่จุดเดิมซ้ำๆนับครั้งไม่ถ้วน
ร่างของหอยสังข์สีดำเริ่มสั่นไหวและเมฆดำก็หลั่งไหลออกมาจากเนื้อหนังของมัน เมฆสีดำก็คือฝูงหอยสังข์สีดำตัวน้อยๆ
ร่างกายของหานเซิ่นเรืองแสงด้วยพลังของคิงอีซ หอยสังข์สีดำตัวน้อยพยายามจะเจาะเข้าไปในรูขุมขนของหานเซิ่น แต่พวกมันถูกทำลายด้วยพลังของคิงอีซ
หอยสังข์สีดำไม่สามารถหนีไปได้ และหอยสังข์ตัวน้อยก็ไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นได้เช่นกัน หอยสังข์ตัวใหญ่ถูกยิงซ้ำๆและสูญเสียเลือดมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนั้นบาดแผลของมันยังกำลังฉีกขาดด้วยพลังเขี้ยวอีก ซึ่งทำให้บาดแผลของมันเลวร้ายขึ้นไปอีก
ความเร็วในการคลานของหอยสังข์สีดำลดลงไปและอาณาเขตแสงสีฟ้าของมันก็อ่อนลงเช่นกัน ในที่สุดแสงสีฟ้าก็ดับลงไป เมื่อหานเซิ่นยิงปืนคู่อีกครั้ง เปลือกของหอยสังข์ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อไม่มีการป้องกันของแสงสีฟ้า เปลือกของหอยสังข์ก็พังทลายเมื่อถูกกระสุนกระหน่ำเข้ามา
“ซีโน่เจเนอิคหอยสังข์ภูเขาถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูร”
หานเซิ่นรู้สึกดีใจและรีบตรวจดูวิญญาณอสูรที่เพิ่งได้รับมา
“วิญญาณอสูรระดับราชันหอยสังข์ภูเขา : อาณาเขต”
หานเซิ่นแปลกใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้รับวิญญาณอสูรประเภทอาณาเขตที่ทรงพลังอีกดวง เขาไม่รู้ว่านั่นเป็นเพราะซีโน่เจเนอิคระดับราชันมีโอกาสสูงที่จะมอบวิญญาณอสูรประเภทอาณาเขต หรือเป็นเพราะเขาโชคดีกันแน่
หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรดวงใหม่ออกมาเพื่อดูว่ามันเป็นยังไง
ร่างกายของหานเซิ่นแวววาวด้วยแสงสีฟ้า ซึ่งมันเป็นแสงสีฟ้าเดียวกับที่เขาเห็นหอยสังข์ภูเขาใช้ นี่ทำให้หานเซิ่นดีใจอย่างมาก
หานเซิ่นต้องการจะตรวจสอบแสงสีฟ้าให้แน่ใจ แต่หอยสังข์คริสตัลสายรุ้งเริ่มส่งเสียงกรีดร้องประหลาดออกมา หานเซิ่นหันไปมองและเห็นว่าหอยสังข์สายรุ้งกำลังถูกย่างโดยนกแดงน้อย มันดูจะเสียสติขณะที่พยายามจะวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น