Super God Gene 2347-2350
ตอนที่ 2347
หานเซิ่นไม่เชื่อสิ่งที่คุณหญิงมิร์เรอร์บอก เขาได้ตรวจสอบแหวนหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเห็นอะไรที่คล้ายคลึงกับวิญญาณอยู่ภายใน
เมื่อหานเซิ่นได้ยินสิ่งที่เธอพูด เขาก็ยกมือขึ้นมาและหันอัญมณีสีเขียวที่รูปร่างเหมือนดวงตามาทางหน้าของตัวเอง เขาสังเกตไปที่ภาพสะท้อนบนผิวของอัญมณีและพูดขึ้นมา
“ข้าเห็นภาพสะท้อนของตัวเอง แต่ไม่ว่าอัญมณีไหนก็จะแสดงภาพสะท้อนแบบนั้น”
คุณหญิงมิร์เรอร์หัวเราะ เธอยกมือข้างซ้ายของเธอขึ้น
มือของคุณหญิงมิร์เรอร์นั้นขาวเนียน และนิ้วมือของเธอก็เรียวยาว มันมีแหวนวงหนึ่งสวมอยู่ที่นิ้วนางของเธอ
เมื่อเห็นแหวนวงนั้น หัวใจของหานเซิ่นก็เต้นรัว แหวนวงนั้นดูเหมือนกับแหวนของเขาไม่มีผิด เพียงแต่มันมีขนาดเล็กกว่าเท่านั้น
คุณหญิงมิร์เรอร์สัมผัสอัญมณีสีเขียนบนแหวนและหินที่เหมือนกับดวงตาก็เริ่มเรืองแสงขึ้นมา
แหวนบนนิ้วของหานเซิ่นสั่นไหวเล็กน้อยและมันก็ส่องแสงออกมาเช่นเดียวกัน
ในจังหวะนั้นหานเซิ่นรู้สึกว่าอัญมณีบนแหวนมีชีวิตขึ้นมา มันเป็นเหมือนกับดวงตาจริงๆที่กำลังมองมาที่เขา
ในดวงตานั้นหานเซิ่นเห็นภาพสะท้อนของตัวเอง แต่อัญมณีไม่ได้สะท้อนภาพของเขาในตอนนี้ มันแสดงภาพของเขาในตอนที่ยังเป็นเด็กทารกที่เปื่อยเปล่า
หานเซิ่นรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เขาไม่ได้คาดคิดว่าแหวนนั้นจะมีพลังอะไรแบบนี้ด้วย และตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้วที่เขาจะถอดมันออก
“พระขนิษฐา นี่พระขนิษฐาใช้วิชาจีโนแบบไหนกัน? มันน่าสนใจมากๆ แต่พระขนิษฐาหยุดล้อเล่นกับข้าได้แล้ว” หานเซิ่นพูด เขายังคงท่าทางสงบนิ่งไม่สะทกสะท้าน
คุณหญิงมิร์เรอร์ลดมือซ้ายลงและแสงของแหวนก็ดับไป เธอดูเหมือนกับว่ากำลังยิ้ม แต่มันไม่ใช่
“เจ้ามีลิ้นทอง แต่ตอนนี้มันไม่ได้ช่วยอะไรเจ้า ถ้าข้าพาเจ้าไปให้กับราชาไป๋ เจ้าคิดว่าเขาจะใช้เวลานานเท่าไหร่เพื่อฆ่าเจ้า?”
หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมา เขาอยากจะพูดกล่อมให้คุณหญิงมิร์เรอร์เชื่อว่าเขาคือไป๋อี้จริงๆ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกัน และตัวตนของเขาก็ถูกเปิดโปงเรียบร้อยแล้ว เขาไม่มีเวลาจะคิดแผนการหนีอะไรได้
“ถ้าคุณมีบางสิ่งที่อยากจะพูด ก็เชิญคุณพูดมาได้เลย” หานเซิ่นถอนหายใจ
“ข้าไม่มีอะไรจะบอกเจ้า เจ้าจะได้รับโทษประหาร ข้าจะพาเจ้าไปที่พระราชวังและให้ราชาไป๋เป็นคนตัดสินใจ” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด
“ถ้าท่านคิดจะทำแบบนั้นจริงๆ มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ท่านต้องมาเปิดโปงตัวจริงของข้าในตอนนี้” หานเซิ่นพูดขณะที่เขามองไปที่คุณหญิงมิร์เรอร์
คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ตอบ เธอแค่มองหานเซิ่นด้วยความสนใจขณะที่ขับรถต่อไปข้างหน้า
หลังจากนั้นไม่นานหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าพวกเขาไม่ได้กำลังมุ่งหน้าไปที่พระราชวัง พวกเขาไปที่สถานีอวกาศที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรของกษัตริย์
“พวกเรากำลังจะไปที่ไหน?” หานเซิ่นถามขณะที่ตามคุณหญิงมิร์เรอร์ออกจากรถและขึ้นไปบนยานรบ ไม่นานยานรบก็มุ่งหน้าออกไปจากอาณาจักรของกษัตริย์ หานเซิ่นแปลกใจกับเรื่องนั้น
แทนที่จะตอบคำถามของเขา คุณหญิงมิร์เรอร์ให้คนของเธอพาเขาไปที่ห้องๆหนึ่ง
หานเซิ่นไม่รู้ว่าคุณหญิงมิร์เรอร์ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ เธอเป็นคนที่ราชาไป๋เชื่อใจมากที่สุด ถ้าเธอพบว่าหานเซิ่นไม่ใช่ไป๋อี้ เธอก็ควรจะลากตัวเขาไปต่อหน้าราชาไป๋
แต่เธอกลับพาเขาเดินทางออกจากอาณาจักรกษัตริย์แทน เธอไม่ได้ขังเขาเช่นกัน เธอแค่ให้คนพาเขากับกิเลนโลหิตไปที่ห้องธรรมดาๆห้องหนึ่ง แม้แต่กิเลนโลหิตก็ไม่ถูกจับตัวเอาไว้
“คุณหญิงมิร์เรอร์คนนี้ต้องการอะไรกันแน่?” หานเซิ่นสงสัย แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถคาดเดาความคิดของผู้หญิงคนนี้ได้
หานเซิ่นสัมผัสแหวนมิร์เรอร์สปิริตอายบนนิ้วมือ เขาอยากจะถอดมันออก แต่หลังที่แหวนถูกกระตุ้นโดยคุณหญิงมิร์เรอร์ มันก็เหมือนกับว่าตัวแหวนนั้นละลายเป็นส่วนหนึ่งกับนิ้วมือของเขา ตอนนี้เขาไม่สามารถถอดมันได้
“นี่มันคือแหวนบ้าอะไรกัน?” หานเซิ่นสงสัยและข้องใจกับความจริงที่เขาไม่สามารถถอดแหวนมิร์เรอร์สปิริตอายออกได้
‘ดูเหมือนเราจะไม่มีพรสวรรค์ในการเป็นสายลับ เราถูกเปิดโปงอย่างง่ายดาย’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
‘แต่ถ้าคุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ได้พาเราไปหาราชาไป๋ และเราก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของอาณาจักรของกษัตริย์อีก มันก็มีโอกาสที่เราจะหนีเอาตัวรอดได้ แต่เป่าเอ๋อยังอยู่ในปราสาทของหลันไห่ซิน เราจะเอาเธอออกมาจากที่นั่นได้ยังไง?’
หลังจากที่พวกเขาออกมาจากอาณาจักรของกษัตริย์ ยานอวกาศก็ทำการวาร์ปติดต่อกันหลายครั้ง หานเซิ่นไม่รู้ว่าคุณหญิงมิร์เรอร์จะพาเขาไปที่ไหนกันแน่
ในตอนที่ยานรบไปถึงปลายทางนั้น หานเซิ่นรู้สึกตัวว่าตอนนี้เขาอยู่ในระบบจักรวาลที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ดวงดาวในระบบจักรวาลแห่งนี้หนาวเย็นมากๆและมันก็ยังอยู่ในระดับการพัฒนาขั้นดึกดําบรรพ์ มันไม่มีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาสูงอาศัยอยู่เลย และมันก็ไม่มีซีโน่เจเนอิคเช่นกัน มันมีเพียงแค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเท่านั้น
แต่บนดวงดาวที่ดึกดําบรรพ์นั้นกลับห้อมล้อมไปด้วยยานรบและยานอวกาศจำนวนมากจากหลากหลายเผ่าพันธุ์ หานเซิ่นตามคุณหญิงมิร์เรอร์ลงไปบนผิวของดวงดาว และเขาก็ได้เห็นหลายเผ่าพันธุ์ที่คุ้นเคย มันมีทั้งเผ่าดราก้อน เดม่อน บุดด้า เดสทรอยเยอร์และยังเผ่าพันธุ์อื่นๆอีกมากมาย
แต่หานเซิ่นสังเกตถึงบางสิ่งที่ค่อนข้างแปลก ทุกคนที่ถูกส่งลงมาบนผิวดวงดาวนั้นมีพลังธาตุน้ำเหมือนๆกันหมด ไม่ว่าจะมาจากเผ่าพันธุ์ไหนๆก็ตาม
ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้มาจากเผ่าพันธุ์ที่เป็นธาตุน้ำ แต่พวกเขาทุกคนก็เชี่ยวชาญเทคนิคธาตุน้ำเป็นอย่างน้อย พวกเขาทั้งหมดเป็นระดับราชันเช่นกัน มันยากที่จะหาดยุกสักคนในหมู่พวกเขา
“ที่นี่คือที่ไหนกัน?” หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“ที่นี่เป็นระบบจักรวาลไร้ชื่อที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร” นางตอบ
“พวกเรามาทำอะไรที่นี่?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“พวกเรามาเพื่อเข้าร่วมงานศพ” คุณหญิงมิร์เรอร์ตอบอย่างเรียบง่าย
“งานศพ? งานศพของใคร?” หานเซิ่นสับสน แทนที่จะส่งตัวเขาไปให้ราชาไป๋ คุณหญิงมิร์เรอร์กลับพาเขามาถึงที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานศพ นี่เป็นอะไรที่แปลกมากๆ
“เกือบจะถึงเวลาแล้ว พวกเราไปหาที่นั่งกันเถอะ” คุณหญิงมิร์เรอร์มองไปรอบๆและเริ่มเดินขึ้นไปที่ยอดเขา
ถ้าคุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ตอบ หานเซิ่นก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากตามหลังเธอไป
หานเซิ่นไม่คิดจะหนีไปเช่นกัน เป่าเอ๋อยังคงอยู่ในเอ็กซ์ตรีมคิง ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว
หานเซิ่นและคุณหญิงมิร์เรอร์ขึ้นถึงยอดเขา องครักษ์คนหนึ่งนำเก้าอี้มาวางให้กับเธอพร้อมกับกางร่มเพื่อป้องกันแสงแดด มันเหมือนกับว่าเธอมาพักร้อนยังไงยังงั้น
หานเซิ่นไม่ได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน เขาแค่ยืนอยู่ข้างๆกิเลนโลหิตและพยายามมองหาสิ่งที่อาจจะเป็นจุดประสงค์ที่ทำให้คุณหญิงมิร์เรอร์มาที่นี่ แต่ด้านหน้าพวกเขามีแค่ทะเลที่กว้างใหญ่ มันเงียบสงบมากๆ และมันก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตอะไรให้เห็น
ตอนที่ 2348
“ไม่เห็นมันจะมีสุสานอยู่แถวๆนี้เลย ใครกันที่ตายและถูกฝังเอาไว้ในที่แบบนี้? หรือบางทีเถ้าถ่านของเขาจะถูกนำมาโปยลงในมหาสมุทร?” หานเซิ่นสงสัย
บอกตามตรงหานเซิ่นไม่ได้เชื่อในคำกล่าวอ้างของคุณหญิงมิร์เรอร์ แต่ด้วยการที่มียอดฝีมือมากมายมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ มันก็ต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่
ยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์อื่นต่างก็หวาดกลัวคุณหญิงมิร์เรอร์ มันไม่มีใครเข้ามาใกล้เธอ
แต่พวกเขาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆกับทะเล พวกเขาทั้งหมดกำลังรอให้บางอย่างเกิดขึ้นเช่นเดียวกับคุณหญิงมิร์เรอร์
แต่หลังจากผ่านไปหลายวัน มันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น หานเซิ่นไม่เห็นวี่แววของงานศพที่คุณหญิงมิร์เรอร์พูดถึงเลย
ตอนนี้มันผ่านมา 6 วันแล้ว และหานเซิ่นก็อดไม่ได้อีกต่อไป
“คุณหญิงมิร์เรอร์ งานศพยังไม่เริ่มอีกอย่างนั้นหรอ?”
ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณหญิงมิร์เรอร์ถูกบริการเป็นอย่างดีโดยคนของเธอราวกับว่าเธอมาที่นี่เพื่อพักร้อน เธอเพลินเพลินกับอาหารชั้นเลิศและผู้คนของเธอก็บริการเธอทุกอย่าง พวกเขาเกือบจะเคลื่อนย้ายอ่างอาบน้ำมาให้กับเธอที่นี่ เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ขณะที่หานเซิ่นและกิเลนโลหิตไม่ได้กินอะไรเลย ในตอนนี้หานเซิ่นถึงขั้นต้องดูดซับพลังงานจากดวงดาวเพื่อความอยู่รอด แต่ถึงแม้เขาจะอยู่รอดได้ มันก็รู้สึกไม่สบายอยู่ดี
“เจ้าจะเร่งรีบไปทำไม? เขายังไม่ตายสักหน่อย” คุณหญิงมิร์เรอร์ตอบอย่างลวกๆ
ดวงตาของหานเซิ่นเบิกกว้าง เขาคิดกับตัวเอง ‘นี่พวกเขาคิดจะจัดงานศพให้กับคนที่ยังไม่ตายอย่างนั้นหรอ? แถมผู้คนมากมายก็มารออยู่ที่นี่เรียบร้อยแล้ว และพวกเขายังดูไม่รีบไม่ร้อนอีก? ถ้าคนที่กำลังจะตายรู้เรื่องนี้ล่ะก็ เขาคงจะโกรธมากๆถึงขนาดที่เขาอาจะหัวใจวายตายทันที’
หานเซิ่นคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้แปลกมากๆ แต่คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่คิดจะตอบคำถามอื่นๆ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้
“คุณหญิงมิร์เรอร์ ข้าขอไปเดินเล่นรอบๆได้ไหม? ข้ารู้สึกหิวและอยากจะหาอาหารกิน ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะไม่ไปไกล” หานเซิ่นมองไปที่คุณหญิงมิร์เรอร์
“เจ้าจะไปที่ไหนก็ได้ แต่เจ้าต้องกลับมาก่อนงานศพ”
หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าคุณหญิงมิร์เรอร์จะตอบตกลงง่ายแบบนั้น มันเป็นการตอบที่รวดเร็วราวกับว่าเธอไม่ได้คิดจะจับตัวเขาเอาไว้
“ขอบคุณคุณหญิง” หานเซิ่นหันหลังและเดินลงจากยอดเขา หลังจากที่เดินออกไปได้สักพัก เขาก็หันกลับมามองและสังเกตเห็นว่าคุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ได้หันมามองเขา เธอไม่แม้แต่จะส่งคนของเธอมาคอยจับตาดูเขาเอาไว้ มันดูเหมือนกับว่าเธอไม่สนใจจริงๆ
‘นี่เธอรู้หรือว่าเราจะไม่หนีไป?’ หานเซิ่นคิดว่าคุณหญิงมิร์เรอร์เป็นผู้หญิงที่แปลกมากๆ เขาไม่คิดจะหนีไปจนกว่าเขาจะได้ตัวเป่าเอ๋อกลับคืนมา
หลังจากที่ลงมาจากยอดเขา หานเซิ่นก็ได้พบกับยอดฝีมือจากหลากหลายเผ่าพันธุ์ที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ หลายๆเผ่าเป็นเผ่าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน และหลังจากที่เดินต่อไปอีกหน่อย เขาก็ได้เห็นตลาดชั่วคราวที่ถูกจัดตั้งขึ้นมา
หานเซิ่นรู้สึกดีใจและรีบบินไปที่ตลาดทันที มันมีหลากหลายเผ่าพันธุ์มาตั้งแผงขายของอยู่ที่นั่น หลายคนขายยีนซีโน่เจเนอิคชนิดต่างๆ และมันมีอยู่หลากหลายระดับ ผู้คนรอบๆตัวเขาดูเหมือนกับไวเคานต์หรือบารอน บางคนดูเหมือนกับระดับราชัน และมีหลายคนที่หานเซิ่นไม่สามารถระบุระดับของพวกเขาได้ คนเหล่านั้นจะน่ากลัวมากๆ
เขาสังเกตได้อีกว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่มีพลังธาตุน้ำเหมือนๆกัน
“มันไม่มีทางเป็นแค่เรื่องบังเอิญ บางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับพลังธาตุน้ำอย่างนั้นหรอ? เรามีร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์อยู่ นั่นเป็นเหตุผลที่คุณหญิงมิร์เรอร์พาเรามาที่นี่? แต่นั่นจะไม่ถูก กัปตันวอเทอร์มูนเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าธาตุน้ำ ถ้านี่เป็นโอกาสสำคัญที่จำเป็นต้องใช้ยอดฝีมือธาตุน้ำล่ะก็ เธอก็คงจะไม่พาองค์ชายปลอมๆคนหนึ่งมาที่นี่”
หานเซิ่นเดินเข้าไปในตลาด มันมีผู้คนมากมายอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่จะเก็บข้อมูล เพราะยังไงซะทุกคนก็ต้องพูดคุยกับคนขาย
หานเซิ่นเดินไปรอบๆและมองดูฝูงชนก่อนที่จะนั่งลงตรงหน้าแผงขายของแผงหนึ่ง หานเซิ่นไม่ได้เลือกแผงขายของนี้เพราะสินค้าที่วางอยู่ แต่เป็นเพราะเจ้าของแผงมีระดับต่ำ แถมเขาก็เป็นแค่ชาวเคทเท่านั้น มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเอาข้อมูลจากคนแบบนั้น
หานเซิ่นอยากจะข่มขู่เอาข้อมูลจากอีกฝ้าย เพราะการทำอย่างนั้นจะเป็นอะไรที่รวดเร็วกว่าการถามอย่างเป็นมิตร
“พี่ชาย สิ่งที่ข้าขายคือสมบัติซีโน่เจเนอิคธาตุของแท้ พี่ชายสนใจชิ้นไหน?” เคทระดับบารอนแนะนำสิ่งของด้วยความกระตือรือร้น
“ใครเป็นพี่ชายของเจ้า?” หานเซิ่นทำหน้าน่ากลัว
“โอ้…ขออภัยด้วย สุดหล่อ” เคทระดับบารอนรีบพูด
“ต้องแบบนั้นสิ” หานเซิ่นพยักหน้า แต่ในใจของเขาคิด ‘ไม่สิ เรามาที่นี่เพื่อเล่นเป็นตัวร้าย เราควรถูกเรียกว่าบอส’
แต่การแกล้งเป็นตัวร้ายไม่ค่อยเหมาะกับหานเซิ่น ดังนั้นเขาจึงเลิกแสดงและนำมีดระดับไวเคานต์เล่มหนึ่งออกมา
“เจ้ารู้ไหมว่านี่คืออะไร?”
“สุดหล่อ ข้าต้องขออภัยด้วย! พวกเราทำแค่ธุรกิจเล็กๆ พวกเราไม่รับซื้อของ สุดหล่อลองไปถามคนโน้นดูเป็นยังไง? คนๆนั้นร่ำรวยและเขาต้องมอบราคาที่สูงให้กับเจ้าอย่างแน่นอน” เจ้าของร้านดูหม่นหมอง
“ใครบอกว่าข้าพยายามจะขายมันให้กับเจ้า? ดูข้าให้ดี นี่ข้าดูเหมือนกับคนที่ไม่มีเงินพอจะขายของให้กับคนอย่างเจ้าหรือยังไง?”
หานเซิ่นโยนมีดลงตรงหน้าเจ้าของร้านและพูดด้วยเสียงอวดรวย “ตอบคำถามของข้าและนี่จะตกเป็นของเจ้า”
“เจ้ามาที่นี่เพื่อข้อมูลอย่างนั้นหรอ? แบบนั้นทำไมไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้”
เจ้าของร้านรีบเก็บมีดเข้ากระเป๋าและพูด “สุดหล่อ ถามข้ามาได้เลย มันไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับที่นี่ที่ข้าไม่รู้”
หานเซิ่นไม่ได้คิดว่าข้อมูลของอีกฝ่ายจะมีประโยชน์อะไรมากนัก อีกฝ่ายพูดจาใหญ่โตทั้งๆที่เป็นแค่บารอนคนหนึ่ง เขาดูไม่กังวลเกี่ยวกับการมอบข้อมูลบางอย่างที่ไม่ควรพูดเลยสักนิด
โชคดีที่หานเซิ่นไม่ได้หวังจะรู้ความลับสุดยอดอะไร เขาแค่จะถามคำถามง่ายๆไม่กี่คำถามเท่านั้น
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” หานเซิ่นถามพร้อมกับมองซ้ายมองขวา
“สุดหล่อ เจ้าไม่เห็นอย่างนั้นหรอ? ข้ามาที่นี่เพื่อหาเงิน!” ชาวเคทที่ชื่ออะลางหัวเราะ
“ตอบอย่างจริงจัง ใครสนว่าเจ้าจะมาที่นี่เพื่อหาเงิน ข้ากำลังถามว่าทุกคนมาทำอะไรที่นี่ บนดาวดวงนี้!”
หานเซิ่นจ้องไปที่อะลางด้วยด้วยหน้าตาน่ากลัว เขาเริ่มจะรู้สึกเสียใจที่มาถามชาวเคทคนนี้ อีกฝ่ายนั้นไร้ประโยชน์จริงๆ
อะลางดูเหมือนกับว่าเขาเพิ่งจะตื่นจากความฝัน และเขาพูดขึ้นว่า
“อ้า เจ้าถามเรื่องนั้นหรอกหรอ? เจ้าจะถามเรื่องนี้ไปทำไมกัน? เจ้าไม่ได้มาที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวกันหรือยังไง? เจ้าไม่ได้มาเพื่อดูแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตหรอกหรอ?”
หานเซิ่นประหลาดใจ มันมีเรื่องราวของเทพเจ้าธาตุน้ำในหลากหลายเผ่าพันธุ์ แต่นี่เป็นอะไรที่พิเศษ และมันก็ถูกยอมรับจากทั้งจักรวาล หานเซิ่นคิดว่าเขาเคยได้ยินว่านี่คือสมาชิกของเผ่าแอนเชี่ยนท์ก็อต
‘งานศพที่คุณหญิงมิร์เรอร์พูดถึงคืองานศพของแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตอย่างนั้นหรอ? ไม่มีทาง ตำนานบอกเอาไว้ว่าเผ่าแอนเชี่ยนท์ก็อตเป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด และพวกเขาก็มีชีวิตยาวนานกว่าพันล้านปี มันยากจะเห็นหนึ่งในแอนเชี่ยนท์ก็อตกำลังจะตาย’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
ตอนที่ 2349
“แอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตกำลังจะตายในเร็วๆนี้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
ดวงตาของอะลางเบิกกว้างขณะที่มองไปที่หานเซิ่น
“เจ้าพูดแบบนั้นได้ยังไง? เจ้าไม่กลัวว่าแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตจะได้ยินและมาฆ่าเจ้าอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นตกใจ “ข้าคิดว่านั่นคือสิ่งที่เจ้าพยายามจะบอก”
อะลางรีบพูดออกมา “ตอนไหนกันที่ข้าบอกว่าแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตกำลังจะตาย? ข้าบอกแค่ว่าพวกเรามาที่นี่เพื่อดูแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตวิวัฒนาการกลายเป็นเทพสปิริต”
“วิวัฒนาการกลายเป็นเทพสปิริต? ระดับแบบนั้นมีอยู่ด้วยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ตามตำนานมันคือสิ่งที่คนที่เป็นระดับเทพเจ้าปรารถนา แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับอะไรพ่อค้าอย่างพวกเรา พวกเราแค่มาที่นี่เพื่อสังเกตการณ์และหาเงินไปด้วยเท่านั้น”
อะลางหยุดไปชั่วครู่เพื่อมองไปรอบๆและกระซิบ “แต่ผู้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ ดูเหมือนจะเชื่อว่าแอนเชี่ยนท์ก็อตวอเทอร์จะวิวัฒนาการไม่สำเร็จ ดังนั้นพวกเขาจึงมาที่นี่เพื่อลองเสี่ยงโชคของตัวเองดู พวกเขาต้องการแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจิน”
“แอนเชี่ยนท์ก็อตออริจิน? นั่นคืออะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ
อะลางมองหานเซิ่นด้วยความแปลกใจและพูด “สุดหล่อ ถ้าเจ้าไม่รู้ว่าแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินคืออะไร? ทำไมเจ้าถึงเดินทางมาที่นี่?”
“นั่นเป็นธุระของข้า รีบบอกมาว่าแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินที่ว่าคืออะไร” หานเซิ่นพูด
อะลางยักไหล่และพูด “การมีอยู่ของแอนเชี่ยนท์ก็อตนั้นต่างไปจากคนและสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไป ถ้าแอนเชี่ยนท์ก็อตหนึ่งกำเนิดขึ้นมา แอนเชี่ยนท์ก็อตอีกหนึ่งก็จะต้องตายไป ถ้าแอนเชี่ยนท์ก็อตหนึ่งตาย แอนเชี่ยนท์ก็อตอีกหนึ่งก็จะกำเนิดขึ้นมา มีแค่ตอนที่แอนเชี่ยนท์ก็อตก่อนหน้าตายไปแล้วเท่านั้น แอนเชี่ยนท์ก็อตใหม่ถึงจะกำเนิดขึ้นมาได้ ในจักรวาลแห่งนี้มีจำนวนแอนเชี่ยนท์ก็อตอยู่ตายตัว ถ้าแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตวิวัฒนาการเป็นเทพสปิริตไม่สำเร็จ เขาก็จะทิ้งแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินเอาไว้เบื้องหลัง ซึ่งแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินนั้นจะกลายเป็นแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตคนใหม่”
อะลางหยุดไปชั่วครู่และพูดต่อ “แอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินเทียบได้กับไข่ของเผ่าพันธุ์อื่น เจ้าจำเป็นต้องมีพลังธาตุเดียวกันเพื่อจะฝักมัน ถ้าเจ้าได้รับการยอมรับจากแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจิน มันก็จะติดตามเจ้า สำหรับสิ่งมีชีวิตธาตุน้ำแล้ว นั่นถือเป็นบริวารที่สูงส่ง”
“มันมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมแบบนั้นด้วยอย่างนั้นหรอ? ถ้าข้ากินแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินเข้าไป ข้าจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าไหมนะ?” หานเซิ่นลูบคางของตัวเองขณะที่พูด
“กินมัน?” อะลางจ้องหานเซิ่นราวกับว่าเขากำลังเห็นผี หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็พูดขึ้นมา
“แอนเชี่ยนท์ก็อตเป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด พวกเขามีพลังมหาศาล แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ทำอะไรแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินไม่ได้ แถมแอนเชี่ยนท์ก็อตมียอดฝีมือระดับเทพเจ้าอยู่มากมาย พวกเขาจะปกป้องมัน พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนอื่นได้เข้าใกล้มัน”
“เจ้าพูดถึง แต่ถึงยอดฝีมือระดับเทพเจ้าจะกินมันไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะทำไม่ได้ นี่ถือเป็นโอกาสที่ดี” หลังจากพูดจบหานเซิ่นก็หันหลังเตรียมจะจากไป
ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณหญิงมิร์เรอร์ถึงพาเขามาดูแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตที่กำลังจะวิวัฒนาการเป็นเทพสปิริต เธอคงอยากจะดูว่าเขาจะได้รับการยอมรับจากแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินหรือเปล่า แต่หานเซิ่นยังไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องการมัน
ขณะที่หานเซิ่นเดินออกไป จู่ๆเขาก็รู้สึกหนาวขึ้นมา เขาจามและขยี้จมูก เขาพูดกับตัวเอง “ใครกำลังพูดถึงข้ากัน?”
อะลางกัดฟันขณะที่มองดูหานเซิ่นเดินจากไป ดวงตาของอะลางเกือบที่จะหลุดออกมาจากเบ้าด้วยความโกรธ
“เขากล้าดียังไงจะมากินแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินของข้า? มาดูสิว่าเจ้าจะกินมันขณะที่รับมือกับสิ่งนี้ได้ยังไง” อะลางกัดฟัน เขาหมุนตัว หลังจากนั้นตัวเขาและสิ่งของบนแผงก็กลายเป็นน้ำ เขาไหลลงไปในทรายและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“ฮัดชิ้ว! ฮัดชิ้ว! ฮัดชิ้ว!” หานเซิ่นจามอย่างต่อเนื่องราวกับว่าจู่ๆเขาก็เป็นไข้หวัด เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะมีไข้และน้ำมูกก็ไหลออกมาจากจมูกไม่หยุด
หานเซิ่นรู้สึกไม่ดี เขามีร่างกายระดับดยุกและเขาก็มีร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์อยู่ เขาจะป่วยได้ยังไง?
หานเซิ่นใช้พลังเพื่อตรวจดูตัวเอง แต่เขาไม่พบอะไรผิดปกติ แต่เขาก็รู้สึกหนาวและปวดหัว เขาจามและมีน้ำมูกไหล มันดูเหมือนกับว่าเขาเป็นไข้หวัดใหญ่
เมื่อหานเซิ่นกลับไปถึงยอดเขาที่คุณหญิงมิร์เรอร์พักผ่อนอยู่ ร่างกายของเขาก็สั่นรัวและปวดหัว
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?” คุณหญิงมิร์เรอร์ขมวดคิ้วและมองไปที่หานเซิ่น
“ข้าไม่รู้… ดูเหมือนข้าจะเป็นหวัด…” ร่างกายของหานเซิ่นหนาวสั่น มันนานมากแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้
ใบหน้าของคุณหญิงมิร์เรอร์เปลี่ยนไป เธอวางมือลงบนหน้าผากของเขา หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงพลังจากมือของคุณหญิงมิร์เรอร์ที่เข้าไปในร่างกายของเขา
พลังนั้นหนาวเย็นราวกับน้ำแข็ง และเมื่อมันเข้าไปในร่างกายของหานเซิ่น มันก็หมุนวนอย่างรวดเร็ว มันทำให้หานเซิ่นรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แต่ความรู้สึกป่วยยังคงอยู่
“เจ้าไปที่ไหนและพบกับใคร?” ใบหน้าของคุณหญิงมิร์เรอร์ดูเย็นชาขณะที่ถามออกมา
“ข้าไปที่ตลาดข้างล่างนั่น ข้าแค่เดินไปรอบๆและพูดคุยกับเจ้าของร้านแผงลอยร้านหนึ่ง” หานเซิ่นชี้ไปที่ตลาดด้านล่าง
คุณหญิงมิร์เรอร์โอบเอวรอบเอวของหานเซิ่นด้วยแขนข้างหนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็เคลื่อนไหวร่างกาย และพวกเขาก็เทเลพอร์ตไปที่ตลาดในทันที
คุณหญิงมิร์เรอร์มองไปรอบๆและถามหานเซิ่น “ร้านแผงลอยไหน?”
หานเซิ่นพยายามต่อสู้กับความปวดหัวและพาคุณหญิงมิร์เรอร์ไปที่มุมของตลาด
“เมื่อกี๊เขายังอยู่ที่นี่อยู่เลย…” ใบหน้าของหานเซิ่นดูกังวลยิ่งกว่าเดิม อะลางและร้านแผงลอยของเขาหายไปแล้ว
หานเซิ่นระมัดระวังอยู่เสมอ ในตอนที่เขาเข้าไปหาเจ้าของร้านเพื่อถามคำถามนั้น เขาได้ตรวจเช็ตอะลางเรียบร้อยแล้ว มันไม่ได้มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับชายคนนั้น หานเซิ่นไม่รู้ว่าเขาป่วยได้ยังไง
โชคดีที่ตอนนี้นอกจากอาการป่วยที่เหมือนกับไข้หวัดแล้ว มันไม่ได้มีเรื่องแย่ๆอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของเขา
“เขากล้าซ่อนตัวจากข้าอย่างนั้นหรอ? พวกเรามาดูสิว่าจริงๆแล้วเขาเป็นใครกันแน่!” คุณหญิงมิร์เรอร์นำกระจกเก่าบานหนึ่งออกมา
กระจกเก่าหันไปทางที่หานเซิ่นชี้ไป แสงในกระจกเริ่มหมุนวนเป็นภาพและภาพนั้นก็คือวิดีโอที่ถูกย้อนกลับไป
ภาพวิดีโอในกระจกถูกย้อนกลับอย่างรวดเร็วมากๆ แต่ไม่ว่าจะย้อนกลับไปสักกี่วัน ภาพในกระจกก็เป็นแค่ภาพพื้นที่ที่ว่างเปล่า
“มันมีร้านอยู่ตรงนี้จริงๆ” หานเซิ่นพูดเมื่อคุณหญิงมิร์เรอร์หันมามองเขา
คุณหญิงมิร์เรอร์ขมวดคิ้วและพูด “ข้าอยากจะเชื่อว่าเจ้าโกหก เพราะถ้าเจ้าไม่ได้โกหก อย่างนั้นเจ้าก็ไปดึงดูดความสนใจของคนที่น่ากลัวเข้าแล้ว แม้แต่กระจกอวกาศของข้าก็หาร่องรอยที่บ่งบอกว่าเขาเคยอยู่ที่นี่ไม่ได้ เขาต้องเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่น่ากลัวมากๆ”
ตอนที่ 2350
พวกเขาหาอะลางไม่เจอ ด้วยเหตุนั้นคุณหญิงมิร์เรอร์จึงพาหานเซิ่นกลับไปที่ยอดเขาอีกครั้ง โชคดีที่หานเซิ่นดูเหมือนจะเป็นแค่หวัดเท่านั้น
เมื่อกลับไปถึงยอดเขา คุณหญิงมิร์เรอร์ก็ให้คนของเธอกางเต็นท์ให้กับหานเซิ่นเพื่อให้เขาพักฟื้น
หานเซิ่นรู้สึกปวดหัวอย่างมาก แต่เขาไม่ได้พยายามจะต่อสู้กับมันและตัดสินใจนอนหลับไป
มันไม่มีใครทำอะไรหานเซิ่นได้ ขณะที่คุณหญิงมิร์เรอร์คอยดูเขาอยู่ และกิเลนโลหิตก็คอยเฝ้าเต็นท์ของหานเซิ่นอยู่เช่นกัน ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ
เนื่องจากหานเซิ่นรู้สึกปวดหัว ไม่นานเขาก็หลับใหลไป เขาไม่รู้ตัวว่าหลับไปนานเท่าไหร่ แต่ในตอนที่เขาตื่นขึ้นมา เขารู้สึกดีขึ้นมาก อาการป่วยของเขาหายไปอย่างปลิดทิ้ง
หานเซิ่นยืดเส้นยืดสายและคลานออกมาจากเต็นท์ เขาต้องตกใจในทันทีที่ออกมา
หานเซิ่นหลับอยู่ในเต็นท์บนภูเขาลูกหนึ่ง แต่ตอนที่เขาคลานออกมานั้นเขากลับมาอยู่บนชายหาดสีขาวที่ห่างไปจากทะเลเพียงแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น
หานเซิ่นหันไปรอบๆและรู้สึกตัวว่าเขาอยู่บนเกาะเล็กๆ เขาสามารถมองเห็นทุกซอกทุกมุมของเกาะได้จากจุดที่ยืนอยู่
เกาะน้อยๆนี้มีขนาดเล็กกว่าสนามเบสบอล มันมีต้นปาล์ม 2 ต้นตั้งอยู่ ภาพที่เห็นทำให้หานเซิ่นขมวดคิ้ว
มันน่าประหลาดใจที่ใครบางคนสามารถเทเลพอร์ตหานเซิ่นมาที่นี่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การจับตามองของคุณหญิงมิร์เรอร์
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่รู้ถึงขีดจำกัดพลังของคุณหญิงมิร์เรอร์ แต่เธอเป็นถึงมือขวาของราชาไป๋ นั่นเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นสัตว์ประหลาด
แถมกิเลนโลหิตที่ยืนเฝ้าอยู่นอกเต็นท์ก็ไม่ได้ส่งเสียงดังอะไรเลยในตอนที่เขาหลับอยู่ ถ้าเขาถูกเทเลพอร์ตมา กิเลนโลหิตก็ต้องปฏิกิริยาอะไรบ้าง
ในขณะที่หานเซิ่นกำลังครุ่นคิด คลื่นที่สูงหลายร้อยเมตรก็ก่อตัวขึ้นในทะเลอย่างกะทันหัน มันซัดเข้ามาด้วยความเร็วสูงและเสียงคำรามของมันก็ฟังดูเหมือนกับจุดจบของโลกใบนี้
หานเซิ่นตกใจและรีบใช้วิชาเรื่องราวของยีนทันที เนื่องจากในตอนนี้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังของคิงอีซ เรื่องราวของยีนจึงเป็นแค่วิชาเดียวที่เขาสามารถใช้ได้
แต่คลื่นนั้นไม่ได้ซัดเข้ามาบนเกาะ มันหยุดนิ่งและทอดเงาปกคลุมทั่วทั้งเกาะ หลังจากนั้นน้ำก็เริ่มรวมตัวกันเป็นใบหน้าขนาดใหญ่และจ้องลงมายังหานเซิ่นที่ยืนอยู่บนเกาะ
“เจ้าเป็นใครกัน? ทำไมเจ้าถึงพาข้ามาที่นี่?” หานเซิ่นถามใบหน้าขนาดใหญ่นั้น
“เจ้าจำข้าไม่ได้อย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นคิดว่าใบหน้านั้นดูคุ้นๆ และไม่นานเขาก็สังเกตเห็นว่าใบหน้าที่ประกอบขึ้นจากน้ำไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นใบหน้าของอะลาง
“อะลาง?” หานเซิ่นประหลาดใจ
“ข้าคืออัลฟ่าของน้ำ ข้าคือแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อต”
เสียงของแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตดังราวกับคลื่นสึนามิ เสียงนั้นดังอย่างมากถึงขนาดที่ทำให้หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าหูของเขาจะแตก
“เจ้าคือแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อต?” หานเซิ่นอึ้งไป เขาจำได้ว่าเขาเคยบอกอะลางว่าเขาจะกินแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจิน
“ไม่แปลกใจเลยที่สีหน้าของอะลางดูแปลกไปในตอนที่เราพูดไปแบบนั้น ที่แท้เขาก็คือ…” หานเซิ่นอยากตบหน้าตัวเองที่พูดอะไรงี่เง่าแบบนั้นออกไป แต่หานเซิ่นรู้ว่าการมาเสียใจในตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไร เขาไอกลบเกลื่อนและพูด
“ท่านแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อต ได้โปรดอย่าโกรธไป ข้าก็แค่พูดล้อเล่นเท่านั้น”
“เจ้าแค่พูดล้อเล่นอย่างนั้นหรอ?” แอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตทำสีหน้าที่เกือบจะดูเหมือนกับรอยยิ้ม แต่มันไม่ใช่ซะทีเดียว
“ใช่แล้ว มันเป็นแค่การล้อเล่น” หานเซิ่นพยักหน้า ขณะที่เขายังคงใช้วิชาเรื่องราวของยีนต่อไป
ตอนนี้เขาได้แต่คิดเกี่ยวกับการหนีไปจากที่นี่ โชคดีที่แอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตกำลังจะวิวัฒนาการเป็นเทพสปิริต หานเซิ่นแค่จำเป็นต้องกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่และรอคอยจนกระทั่งอีกฝ่ายตายไป หลังจากนั้นเขาก็ค่อยกลับเข้ามา
แต่ในร่างกายของหานเซิ่นมีคิงอีซอยู่เยอะเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถใช้วิชาโลหิตชีพจรได้ เขาไม่สามารถใช้พลังของวิชาโลหิตชีพจรเพื่อพาตัวเองกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ได้
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ล้อเล่นต่อไป” แอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตพูด หลังจากนั้นร่างกายน้ำของเขาก็แตกกระจายกลายเป็นห่าฝนที่ตกลงมาใส่เกาะ
น้ำไหลมาที่ตัวหานเซิ่นและทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกโชก แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ดูเหมือนว่าแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตจะไม่ได้ใส่พลังอะไรเข้าไปในน้ำ ดังนั้นมันจึงเหมือนกับฝนที่ตกหนักเท่านั้น
“ข้าก็แค่พูดเท่านั้น ข้ายังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย เจ้าไม่เห็นต้องโกรธขนาดนั้นเลย” หานเซิ่นพูดด้วยความรู้สึกคับข้องใจ
ตูม!
แอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตไม่ได้ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง แต่บางสิ่งระเบิดขึ้นไม่ไกลไปจากจุดที่เขายืนอยู่ มังกรเงินตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากน้ำและแสงสีเงินของมันก็สว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้า พลังชีวิตของมันดูน่าสะพรึงกลัว
มังกรปีกเงินคำรามและแสงแห่งเทพสีเงินของมันก็แพร่ขยายออกไปปกคลุมทุกอย่างในระยะสายตา หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาจมอยู่ในโคลน ทำให้เขาแทบจะไม่สามารถขยับร่างกายตัวเองได้
มังกรปีกเงินอ้าปากและเผยให้เห็นแสงสีเงินที่ดูเหมือนกับกาแล็กซี่ที่หมุนวน มันกำลังจะกลืนกินหานเซิ่นเข้าไป
ภายในแสงแห่งเทพของมังกรปีกเงิน หานเซิ่นพบว่ามันยากที่จะเคลื่อนไหว เขาไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีของมังกรปีกเงินได้ ขณะที่เรื่องราวของยีนยังคงทำงาน เขายื่นมือทั้ง 2 ข้างออกไปหาฟันซี่หนึ่งของมังกรและพยายามจะหยุดมันเอาไว้
น้ำหนักของมังกรปีกเงินกดตัวของหานเซิ่นจนจมลงไปในทะเลด้านล่าง
หานเซิ่นยังคงจับฟันของมังกรเอาไว้แน่นขณะที่ร่างกายของเขาค่อยๆจมลงไปในน้ำมากขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่สามารถหยุดเจ้ามังกรเอาไว้ได้
หานเซิ่นใช้วิชาเรื่องราวของยีนอย่างเต็มกำลังเพื่อจะต้านพลังของมังกรปีกเงินเอาไว้
ขณะที่มังกรดำลงไปในน้ำ มันก็เกิดแรงดูดมหาศาลภายในปากของมังกร ถ้าหานเซิ่นปล่อยมือล่ะก็ เขาก็จะถูกดูดเข้าไปในปากของมังกร
ยิ่งลงไปลึกมากเท่าไหร่ มันก็เป็นเรื่องยากที่หานเซิ่นจะทนต่อแรงดึงดูด ร่างกายของเขาสั่นรัวภายใต้แรงมหาศาลของมังกร และเขาก็รู้สึกราวกับว่าแขนกำลังจะถูกฉีกขาดโดยพลังนั้น
ตูม!
ทันใดนั้นร่างกายของหานเซิ่นก็เรืองแสงสีทองออกมา แสงสีทองพุ่งออกมาจากทุกซอกทุกมุมของร่ายกายและกลายเป็นสัญลักษณ์เล็กๆจำนวนมาก
เนื่องจากการโจมตีของมังกรปีกเงิน คิงอีซภายในร่างกายของหานเซิ่นก็ทำงานขึ้นมาร
คิงอีซสีทองหมุนวนรอบๆร่างกายของหานเซิ่น และทำให้เขารู้สึกได้ถึงพลังอันไร้ขีดจำกัดที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดของเขา สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือมันให้ความรู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มอบพลังให้กับเขา ภูเขา หุบเขา ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ พืชพรรณทุกชนิดเป็นเชื่อเพลิงให้กับหานเซิ่น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น