Super God Gene 2331-2334

ตอนที่ 2331

 

เนื่องจากราชาไป๋ยังมีชีวิตอยู่ รูปปั้นของเขาจึงถูกปิดผนึกเอาไว้ ผู้ที่แสวงหาสมบัติต้องรอจนกระทั่งราชาไป๋สวรรคตซะก่อน รูปปั้นของเขาถึงจะถูกเปิดเผยภายในพาวิลเลี่ยน


 


กษัตริย์องค์ก่อนหน้าราชาไป๋ถูกเรียกว่าราชาเป่า มันไม่มีคำจารึกเกี่ยวกับเขามากนัก มันบอกแค่ว่าเขาเอาชนะเผ่าพันธุ์หนึ่งและขยายดินแดนของเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ชื่อของเผ่าพันธุ์ที่เขาเอาชนะได้นั้นไม่ได้ถูกระบุเอาไว้


 


ในยุดสมัยที่ราชาเป่าครองบัลลังก์การขยายดินแดนของเอ็กซ์ตรีมคิงถึงที่สุดแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีดินแดนให้พวกเขาเข้ายึดครองมากนัก นอกซะจากพวกเขาจะเอาชนะเวรี่ไฮหรือแอนเชี่ยนท์ก็อตได้ มันไม่มีอะไรอย่างอื่นที่ราชาเป่าจะทำได้


 


ความจริงแล้วคำจารึกของกษัตริย์ 20 องค์ก่อนหน้าราชาเป่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าเบื้อ พวกเขาแค่รักษาอำนาจของเอ็กซ์ตรีมคิงและพัฒนาเผ่าพันธุ์อย่างเชื่องช้า แต่สมบัติของรูปปั้นเหล่านั้นก็ถูกเอาไปหมดแล้ว


 


ถึงแม้รูปปั้นของราชาเป่าจะถูกแสดงหลังสุดและมีผู้คนไม่มากที่มีโอกาสจะได้ทำความเข้าใจมัน แต่ถึงอย่างนั้นราชาไป๋ก็มีบุตรธิดาที่เป็นอัจฉริยะอย่างไป๋อู๋ฉางและไป๋หลิงซวง พวกเขาต่างก็เป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์หลากหลาย ไป๋เวยเองก็มีพรสวรรค์เช่นกันแต่เธอขาดชื่อเสียง มันมีคนของราชวงศ์มากมายที่เป็นอัจฉริยะในทางใดทางหนึ่ง แต่ถ้าพวกเขาไม่สามารถเอาสมบัติของรูปปั้นราชาเป่าไปได้ มันก็ต้องเป็นอะไรที่พิเศษ


 


หานเซิ่นมองไปที่รูปปั้นทั้ง 3 เขาไม่สามารถใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อวิเคราะห์พวกมันอย่างละเอียดได้ เขาจำเป็นต้องใช้ประสาทสัมผัสของตัวเอง แถมไม่ว่าองค์ชายคนหนึ่งจะได้รับบัตรผ่านเข้าสู่พาวิลเลี่ยนมากสักเท่าไหร่ พวกเขาก็กลับมาอีกครั้งไม่ได้เมื่อพวกเขาได้รับสมบัติของรูปปั้นรูปหนึ่งไปแล้ว


 


ไป๋อู๋ฉางเคยพยายามมาเอาสมบัติของรูปปั้นอัลฟ่ามาก่อน และเขาก็ไม่ใช่องค์ชายแค่คนเดียวที่พยายามทำแบบนั้น


 


หานเซิ่นหันไปหารูปปั้นอัลฟ่า “ข้าจะลองรูปปั้นนี้ดู”


 


แต่ละรูปปั้นมีชั้นบรรยากาศที่แตกต่างกัน แต่หานเซิ่นรู้สึกสนใจน้ำเต้าที่รูปปั้นอัลฟ่าถืออยู่ เขาไม่สามารถบอกได้ว่านั่นถือเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย


 


บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเป่าเอ๋อที่ทำให้หานเซิ่นใส่ใจกับสิ่งที่คล้ายคลึงกับน้ำเต้า


 


ราชาเป่ามีเป่าอยู่ในชื่อ แต่เขาไม่ได้มีอาวุธหรือสิ่งของที่น่าสนใจอะไรอยู่ในมือ เขาดูขัดสนและนั่นไม่ใช่สิ่งที่หานเซิ่นต้องการ


 


สไตล์ของราชาเหวินก็ไม่ถูกใจหานเซิ่นเช่นกัน มีแค่รูปปั้นของอัลฟ่าที่ทำให้หานเซิ่นรู้สึกสนใจ


 


หานเซิ่นนั่งลงหน้ารูปปั้นอัลฟ่าและมองไปที่ดวงตาของชายคนนั้น


 


ในตอนที่หานเซิ่นมองรูปปั้นขณะที่ยืนอยู่ รูปปั้นดูถูกแกะสลักขึ้นมาอย่างละเอียดอ่อนและสวยงาม แต่ทว่าเมื่อเขานั่งลงกับพื้น มันดูเหมือนกับว่ารูปปั้นมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ มันเหมือนกับว่ากษัตริย์องค์นั้นมายืนอยู่ตรงหน้าและมองมาที่เขาด้วยสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นรอยยิ้ม ความรู้สึกที่ได้รับนั้นต่างออกไปโดยสิ้นเชิง


 


หานเซิ่นรู้สึกตกใจ เขาขยับตัวออกไปเล็กน้อยและมองไปที่รูปปั้นอีกครั้ง รูปปั้นกลับเป็นปกติและไม่ได้ดูมีชีวิตอีกต่อไป


 


หานเซิ่นเปลี่ยนตำแหน่งอยู่หลายครั้ง แต่ผลที่ออกมาก็เหมือนเดิม เขาเห็นรูปปั้นมีชีวิตขึ้นมาก็ต่อเมื่อเขานั่งลงตรงหน้าของมัน


 


หานเซิ่นวิ่งไปหารูปปั้นของราชาเหวินและราชาเป่า เขาพบว่าพวกมันเองก็เหมือนกัน เพียงแค่นั่งลงตรงหน้ารูปปั้นก็ทำให้เขารู้สึกถึงรูปปั้นนั้นๆได้


 


“รูปปั้นพวกนี้มหัศจรรย์จริงๆ พวกเขาทำแบบนี้ได้ยังไงกัน?”

หานเซิ่นถอนหายใจ เขากลับไปนั่งตรงหน้ารูปปั้นอัลฟ่าและเริ่มวิเคราะห์รูปปั้น


 


เมื่อหานเซิ่นมองไปที่อัลฟ่า ความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่งก็เข้าครอบงำเขา รูปปั้นของราชาเหวินนั้นจะมอบความรู้สึกราวว่าเขากำลังนั่งลงตรงหน้าเทพ ขณะที่รูปปั้นของราชาเป่าให้ความรู้สึกราวว่าเขากำลังนั่งตรงหน้าปีศาจ ทั้ง 2 รูปปั้นให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งราวกับว่าพวกเขาสามารถเขย่าทั้งจักรวาลได้ และสิ่งที่พวกเขารู้นั้นน่าพิศวงอย่างมาก มันเหมือนกับว่าภายใต้แขนเสื้อของพวกเขาเต็มไปด้วยความรอบรู้


 


แต่รูปปั้นของอัลฟ่านั้นต่างออกไป เขาถือน้ำเต้าอยู่ในมือและมันดูเหมือนกับว่าเขากำลังยิ้มออกมา เขาดูเหมือนกับผู้สูงอายุข้างบ้านที่จะออกมานั่งสูบบุหรี่อยู่นอกประตู เขาดูไม่เหมือนกับกษัตริย์ที่ทรงอำนาจเลยสักนิด หานเซิ่นไม่รู้ว่าจิตใจของเขากำลังเล่นตลกอะไรอยู่หรือเปล่า แต่หานเซิ่นคิดว่าดวงตาของชายสูงอายุนั้นดูค่อนข้างบ้ากาม


 


‘อัลฟ่าคนนี้น่าสนใจมากๆ’ หานเซิ่นคิดอย่างอยากรู้อยากเห็น เขาสังเกตร่างกายของรูปปั้นอย่างละเอียด


 


แต่ไม่ว่าจะมองตรงไหน หานเซิ่นก็ไม่เจออะไรที่มีความหมายจากรูปปั้น รูปปั้นมีจิตวิญญาณอยู่ แต่มันไม่ได้ให้สัมผัสพิเศษอะไร มันดูธรรมดามากๆ


 


รูปปั้นของราชาเหวินและราชาเป่าจะให้ความรู้สึกที่น่ากลัว ความรู้สึกของรูปปั้นอัลฟ่านั้นถือว่าอ่อนแอกว่ามากเมื่อเทียบกันแล้ว มันเป็นอะไรที่ยากจะเข้าใจ


 


หานเซิ่นนั่งอยู่ตรงหน้ารูปปั้นทั้งวัน แต่เขาก็ไม่สามารถเรียนรู้อะไรจากมันได้แม้แต่อย่างเดียว เขาไม่รู้ว่าควรจะยอมแพ้กับรูปปั้นของอัลฟ่าดีไหม เมื่อรูปปั้นของราชาเหวินและราชาเป่าให้ความรู้สึกที่ทรงพลังมากกว่า


 


แต่หานเซิ่นสนใจเกี่ยวกับน้ำเต้าอย่างมาก เขาลังเลและหยุดมองไปที่อัลฟ่า ความสนใจของเขาถูกดึงไปที่น้ำเต้าแทน


 


หานเซิ่นมองมันอยู่สักพัก และไม่นานเขาก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่แปลกประหลาด


 


ก่อนหน้านี้เมื่อหานเซิ่นมองรูปปั้น เขาจะจับจ้องไปที่ตัวของกษัตริย์ น้ำเต้าเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบ ดังนั้นมันไม่มีอะไรพิเศษที่เขาจะเรียนรู้จากการมองดูมัน


 


แต่เมื่อเขาเปลี่ยนให้น้ำเต้าเป็นศูนย์กลาง ขณะที่ตัวของกษัตริย์เป็นส่วนประกอบ ทุกอย่างก็ดูต่างไปจากเดิม


 


องค์ชายและองค์หญิงของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ พวกเขาแบกรับความภาคภูมิเอาไว้ในทุกส่วนของชีวิต พวกเขาเคารพบรรพบุรุษของพวกเขาเป็นอย่างมาก มันไม่มีใครจะคำนึงถึงว่าตัวของอัลฟ่าเป็นแค่ส่วนประกอบน้ำเต้า


 


หานเซิ่นเป็นคนนอกคนหนึ่ง เขาไม่ใช่คนของเอ็กซ์ตรีมคิง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีความเคารพต่อเหล่ากษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิงเหมือนกับคนของราชวงศ์ หานเซิ่นมองไปที่น้ำเต้าอย่างจริงจัง เขามองไปที่มันราวกับว่ามันเป็นอะไรที่มากกว่าเครื่องประดับเล็กๆน้อยๆ และการทำแบบนั้นก็ทำให้ทั้งรูปปั้นดูมีความหมายที่เปลี่ยนไปจากเดิม มันเหมือนกับว่าเขากำลังก้าวผ่านประตูไปสู่โลกใบใหม่


 


ขณะที่หานเซิ่นจับจ้องไปที่น้ำเต้าแทนที่จะเป็นอัลฟ่า ความตระหนักก็ค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ยิ่งเขามองไปที่น้ำเต้ามากเท่าไหร่ เขาก็คิดว่ามันดูคุ้นเคยมากเท่านั้น มันดูเหมือนกับเป่าเอ๋อก่อนที่เธอจะเกิดขึ้นมา


 


‘ไม่มีทาง! เอ็กซ์ตรีมคิงอัลฟ่ากำลังถือน้ำเต้า และน้ำเต้านั้นคือรูปปั้นของเป่าเอ๋อก่อนที่เธอจะเกิดขึ้นมา?’ หานเซิ่นคิดด้วยความตกใจ


 


หานเซิ่นตัดสินใจอย่างหนักแน่นว่าน้ำเต้าคือเป่าเอ๋อจริงๆ ความหมายของน้ำเต้าชัดเจนขึ้นมา ชั้นบรรยากาศที่ลึกลับเริ่มแพร่กระจายออก และดูเหมือนกับว่ามันกำลังจะห่อหานเซิ่นเข้าไปข้างใน


 


“รูปปั้นน้ำเต้านี้ มันไม่มีทางเป็นเป่าเอ๋อไปได้หรอกใช่ไหม”

หานเซิ่นยังคงจ้องไปที่รูปปั้น สีหน้าของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็วด้วยอารมณ์ความรู้สึก

 

 

 


ตอนที่ 2332

 

“นายท่าน ไป๋อี้ได้เข้าไปในพาวิลเลี่ยนพักใหญ่แล้ว” เชอร์พูดพร้อมกับโค้งคำนับไป๋หลิงซวง


 


ไป๋หลิงซวงนั่งอยู่บนโซฟา ขาที่งดงามของเธอกำลังไขว้กันอยู่ และเธอก็กำลังถือแก้วไวน์อยู่ในมือ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ดูถูก

“ตอนนี้เมื่อไป๋อู๋ฉางใช้บัตรผ่านของเขาแล้ว ในพาวิลเลี่ยนก็เหลือเพียงแค่รูปปั้นของอัลฟ่า กษัตริย์องค์ที่ 2 และราชาเป่าเท่านั้น รูปปั้นอัลฟ่าและกษัตริย์องค์ที่ 2 อยู่ที่นั่นมาเป็นเวลากว่าพันล้านปีแล้ว แต่มันก็ยังไม่มีใครเข้าใจพวกมันได้ ส่วนราชาเป่านั้น เขาเป็นกษัตริย์ที่แปลกประหลาด คนของราชวงศ์หลายต่อหลายคนพยายามทำความเข้าใจรูปปั้นของเขา แต่พวกเขาก็กลับออกมามือเปล่ากันทุกคน มันไม่มีทางที่ไป๋อี้จะเข้าใจอะไรเกี่ยวกับรูปปั้นที่เหลือได้”


 


“แทนที่จะขอรางวัลที่ใช้ประโยชน์ได้ง่ายๆ ไป๋อี้กลับยืนกรานที่จะขอรับบัตรผ่านเข้าสู่พาวิลเลี่ยน เขาจะประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อยแล้ว” เชอร์พูด


 


ไป๋หลิงซวงจิบไวน์ หลังจากนั้นเธอก็วางแก้วลง

“ในโลกนี้สิ่งที่เข้าใจยากที่สุดไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นการเข้าใจตัวเอง แม้แต่ในหมู่ยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์เราก็ไม่กี่คนกันที่เข้าใจตัวเองอย่างแท้จริง ไป๋อี้เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะขอบางสิ่งที่เหนือศักยภาพของตัวเอง เขาจะไม่รู้ถึงขีดจำกัดของตัวเองจนกระทั่งเขาได้ลองมันดูด้วยตัวเขาเอง”


 


“นายท่านพูดถูก เพราะยังไงซะมันก็มีคนไม่มายในจักรวาลนี้ที่จะชาญฉลาดอย่างนายท่าน” เชอร์พูดเยินยอ


 


ไป๋หลิงซวงหันไปมองเชอร์และพูดอย่างเย็นชา “ลูกไม้ของเจ้าใช้ไม่ได้ผลกับข้า”


 


“ข้าน้อยขออภัยด้วย” เชอร์รีบพูดขึ้นมาในทันที


 


ในตอนที่ไป๋หลิงซวงกำลังจะพูดต่อ สีหน้าที่ตกใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ เธอไปที่ระเบียงและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า


 


จากดวงดาวอีกดวง ลำแสงพุ่งข้ามจักรวาลและทอดเงามืดทั่วทั้งอาณาจักรของกษัตริย์


 


“พาวิลเลี่ยน… นั่นเป็นไปไม่ได้!” ไป๋หลิงซวงจ้องมองแสงนั้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ


 


ผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิงทุกคนตกตะลึง ขณะที่พวกเขาหันหน้าไปมองลำแสงที่พุ่งผ่านท้องฟ้า


 


แสงนั้นดูเหมือนจะกำเนิดมาจากเวทย์มนต์ที่ทรงพลัง ขณะที่ผู้คนมองไปที่มัน มันดูเหมือนกษัตริย์น้อยกว่าที่จะดูเหมือนเทพหรือปีศาจ ตัวตนที่น่ากลัวรู้สึกได้ทั่วทั้งอาณาจักรของกษัตริย์


 


ภายใต้สายตาของทุกคนในอาณาจักรกษัตริย์ แสงเริ่มเคลื่อนไหว มันเริ่มทำการชกหมัด มันเป็นวิชาหมัดเอ็กซ์ตรีมคิงที่พื้นฐานที่สุดของเอ็กซ์ตรีมคิง


 


วิชาจีโนของเอ็กซ์ตรีมคิงต่างก็มีต้นกำเนิดมาจากหมัดเอ็กซ์ตรีมคิง แม้แต่หมัดเอ็กซ์ตรีมคิงไฟนอลของไป๋เวยก็เป็นวิชาหมัดเอ็กซ์ตรีมคิงฉบับปรับปรุง


 


แต่ทุกหมัดของวิชาพื้นฐานอย่างหมัดเอ็กซ์ตรีมคิงที่ถูกแสดงโดยเงานี้ดูมีพลังมากพอที่จะผ่าจักรวาลออกเป็น 2 ส่วน มันยากที่จะหยั่งถึงความน่ากลัวของเงานั้นได้


 


ขณะที่ผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิงมองดูหมัดหล่านั้น หัวใจของพวกเขาก็เต้นรัว พวกเขารู้สึกว่ามันยากที่จะหายใจได้ ทุกหมัดที่พวกเขาเห็นนั้นเหมือนกับว่าสามารถทำลายทั้งจักรวาลและบดขยี้ทุกคนไปพร้อมๆกัน


 


เพียงแค่มองดูพลังที่ออกมาจากหมัดแต่ละหมัดก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึง คนที่มีจิตใจที่อ่อนแอพบว่ามีเลือดไหลออกมาจากจมูกและหูของพวกเขา


 


“นี่…มันคือ…อัลฟ่าของพวกเรา…?”


 


“นี่มีคนทำความเข้าใจรูปปั้นของอัลฟ่าได้สำเร็จอย่างนั้นหรอ?”


 


“ใคร…คนๆนั้นเป็นใครกัน…?”


 


เกือบจะทุกคนสงสัยอย่างเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกคนในราชวงศ์


 


มันเป็นเวลานานกว่าพันล้านปีที่ไม่มีใครเข้าใจถึงรูปปั้นของอัลฟ่าได้ การที่รูปปั้นถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาจะสั่นคลอนรากฐานทางสังคมของพวกเขา


 


ไม่ว่าองค์ชายหรือองค์หญิงคนไหนที่เข้าใจรูปปั้นของอัลฟ่าได้สำเร็จ เขาจะดึงดูดความสนใจของราชาไป๋ ถ้าคนของราชวงศ์คนนั้นเป็นคนที่รู้กันว่ามีพรสวรรค์อยู่แล้ว นี่ก็อาจจะเพียงพอที่เขาจะขึ้นมาแทนที่รัชทายาทในขณะนี้


 


เพราะยังไงซะรัชทายาทในตอนนี้ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายอะไร องค์ชายที่เป็นรัชทายาทในตอนนี้ถูกเลือกเพียงเพราะเขาเป็นบุตรชายคนโตของกษัตริย์เท่านั้น ราชาไป๋จะเปลี่ยนรัชทายาทเมื่อไหร่ก็ได้ที่เขาต้องการ


 


ไป๋เวยมองหมัดเอ็กซ์ตรีมคิงของเงาของอัลฟ่า เธอดูเหมือนจะเรียนรู้บางสิ่งจากการจ้องมอง เธอเริ่มเคลื่อนไหวตามสิ่งที่เธอเห็นบนท้องฟ้า หมัดแล้วหมัดเล่า หมัดของเธอเริ่มจากอะไรที่ซับซ้อนมากๆ แต่พวกมันค่อยๆกลายเป็นอะไรที่ธรรมดาอย่างมาก หมัดเอ็กซ์ตรีมคิงไฟนอลของเธอกลายเป็นหมัดที่ดูธรรมดาที่สุด


 


แต่ร่างกายของเธอดูแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม มันกลายเป็นอะไรที่ใกล้เคียงกับเงาของอัลฟ่า


 


บางอย่างภายในร่างกายของไป๋เวยดูเหมือนจะถูกปลดล็อค ร่างกายออริจินอลของเธอกลายเป็นร่างกายแอสทรัล แต่การพัฒนาไม่ได้สิ้นสุดเพียงแค่นั้น การชกหมัดตามเงาของอัลฟ่าทำให้ร่างกายของไป๋เวยยังคงพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เธอจะมีร่างเซเลสเทียลในอีกไม่นาน


 


นี่ไม่ได้เกิดขึ้นกับไป๋เวยแค่คนเดียวเช่นกัน ผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิงทุกคนเริ่มฝึกตามหมัดของอัลฟ่าและเริ่มจะได้รับความแข็งแกร่งเพราะเงานั้น ยอดฝีมือมากมายก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง แม้แต่คนที่อยู่ในระดับราชันและระดับเทพเจ้าก็ได้รับพลังมากขึ้น


 


“นี่คือพลังของอัลฟ่าในตำนานของพวกเรา… ใครกันที่ทำเรื่องนี้? ใครกันที่เป็นคนปลุกรูปปั้นของอัลฟ่าให้ตื่นขึ้นมา?”

ทุกคนทั้งตกใจและดีใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาพูดคุยกันอย่างอยากรู้อยากเห็น


 


คนแรกที่พวกเขาพอจะสันนิษฐานได้ก็คือไป๋อู๋ฉาง แต่ไป๋อู๋ฉางได้ปลุกรูปปั้นรูปหนึ่งให้ตื่นขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว มันจึงไม่มีทางที่เขาจะได้รับอนุญาตให้กลับเข้าไปในพาวิลเลี่ยนอีก


 


ราชวงศ์คนอื่นก็แข็งแกร่งเช่นกัน มันไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนปลุกรูปปั้นของอัลฟ่าให้ตื่นขึ้นมา


 


มีเพียงแค่ไป๋หลิงซวงเท่านั้นที่มีสีหน้าที่ซับซ้อน เธอรู้ว่าคนที่อยู่ในพาวิลเลี่ยนในตอนนี้ก็คือไป๋อี้ แต่เธอไม่เข้าใจว่าไป๋อี้นั้นปลุกรูปปั้นของอัลฟ่าให้ตื่นขึ้นมาได้ยังไง


 


“มันไม่มีทางเป็นไป๋อี้ไปได้ มันคงจะมีราชวงศ์คนอื่นอยู่ในพาวิลเลี่ยน” ไป๋หลิงซวงกัดฟันของเธอขณะที่พูด


 


แสงที่ออกมาจากพาวิลเลี่ลยเริ่มจางหายไปพร้อมกับเงาของอัลฟ่า ผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิงทุกคนหันหน้ามองทางของพาวิลเลี่ยน พวกเขาอยากจะรู้ว่าใครกันที่เป็นคนปลุกรูปปั้นของอัลฟ่าให้ตื่นขึ้นมา


 


ราชาไป๋กำลังเล่นหมากรุกอยู่ภายในพระราชวัง เขาลืมไปเลยว่ากำลังถือหมากตัวหนึ่งอยู่ในมือ ขณะที่เขาจ้องมองไปทางพาวิลเลี่ยน


 


“ขอแสดงความยินดีต่อฝ่าบาทด้วย ท่านมีบุตรธิดาที่เยี่ยมยอด” คนที่กำลังเล่นหมากรุกกับราชาไป๋ยิ้ม


 


“ราชครูคิดว่าเป็นองค์ชายหรือองค์หญิงคนไหนกัน?” ราชาไป๋ถามพร้อมกับวางหมากลงบนกระดาน


 


คนที่กำลังเล่นหมากรุกกับราชาไป๋ก็คือราชครูของเอ็กซ์ตรีมคิงที่ถูกรู้จักกันในชื่อกู่เยวียน เขาดูเหมือนกับชายอายุประมาท 40 ปี เขามีเคราน้อยที่ดูค่อนข้างหล่อเหลา แต่มันทำให้เขาดูแก่ลง


 


กู่เยวียนโค้งคำนับ “กระหม่อมไม่ทราบ”


 


ราชาไป๋ไม่ได้ถามอะไรมากกว่านั้น เขายังคงมองไปทางพาวิลเลี่ยนและรอการออกมาขององค์ชายหรือองค์หญิงที่ปลุกรูปปั้นของอัลฟ่าให้ตื่นขึ้น


 


หานเซิ่นที่อยู่ภายในพาวิลเลี่ยนของเอ็กซ์ตรีมคิงตกตะลึง เขาแค่ต้องการสมบัติจากความพยายามที่จะเข้าใจรูปปั้น เขาไม่ได้มีเจตนาจะดึงดูดความสนใจมากถึงขนาดนี้ มันทำให้เขาขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวล


 


ถ้าหานเซิ่นเป็นไป๋อี้ เขาก็คงจะดีใจจนกระโดดโลดเต้น แต่หานเซิ่นแค่ปลอมตัวเป็นไป๋อี้เท่านั้น และตอนนี้เมื่อเขาก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ขึ้นมา ทุกคนก็ต้องหันความสนใจมาที่เขาอย่างแน่นอน ตอนนี้โอกาสที่ตัวตนของเขาจะถูกเปิดโปงนั้นสูงมากๆ


 


“อะไรที่ทำไปแล้วแก้ไขไม่ได้ ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปกังวลกับมันอีก ตอนนี้เราแค่ต้องเอาสมบัติออกไป”

หานเซิ่นมองไปในช่องของรูปปั้นเปิดออกเพื่อดูสมบัติที่อยู่ภายใน 

 

 


ตอนที่ 2333

 

ในช่องว่างสี่เหลี่ยมที่เปิดออกมีกล่องไม้ขนาดพอๆกับลูกฟุตบอลอยู่ หานเซิ่นหยิบกล่องนั้นออกมาและรูปปั้นก็กลับสู่สภาพเดิม


 


หานเซิ่นกลับไปนั่งตรงหน้ารูปปั้นและพบว่าไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของรูปปั้น ดูเหมือนว่ารูปปั้นจะกลายเป็นแค่รูปปั้นธรรมดาๆแล้ว มันไม่ได้มีความหมายอะไรซ่อนอยู่อีกและน้ำเต้าในมือรูปปั้นก็ไม่ได้มอบความรู้สึกที่คุ้นเคยอีกเช่นกัน


 


“รูปปั้นถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาได้แค่ครั้งเดียวจริงๆ” หานเซิ่นมองกล่องไม้และคิดกับตัวเอง ‘นี่คือสิ่งที่อัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิงทิ้งเอาไว้ มันไม่มีทางเป็นอะไรที่ธรรมดาไปได้ มันต้องเป็นอาวุธระดับเทพเจ้าหรืออะไรทำนองนั้น’


 


กล่องนั้นไม่ได้ถูกล็อคเอาไว้ และเมื่อหานเซิ่นเปิดมันออก เขาก็รู้สึกตกใจกับสิ่งที่เห็น


 


กล่องไม้บรรจุน้ำเต้าหยกที่มีขนาดพอๆกับมือเอาไว้ภายใน มันดูเหมือนกับคริสตัลสีเขียว คริสตัลดูโปร่งใส แต่หานเซิ่นมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน


 


“น้ำเต้าหยกนี้คงจะถูกแกะสลักขึ้นมา มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต บางทีมันอาจจะเป็นขวดที่รูปร่างเหมือนน้ำเต้า?”

หานเซิ่นหยิบน้ำเต้าหยกออกมาจากกล่อง แต่ผิวของน้ำเต้าเป็นเนื้อเดียวทั้งอัน มันไม่มีรูหรือรอยต่ออะไร


 


หานเซิ่นสัมผัสรอบๆผิวน้ำเต้าหยก และเมื่อเขาสัมผัสที่ก้นของมัน นิ้วมือของเขาก็พบผิวที่ขรุขระ บริเวณก้นที่เรียบของน้ำเต้ามีตัวอักษรสลักเอาไว้


 


“สำหรับผู้นำของเซเคร็ดเท่านั้น” หานเซิ่นรู้สึกตกใจหลังจากที่ได้อ่านตัวอักษรที่สลักเอาไว้


 


เท่าที่หานเซิ่นรู้เซเคร็ดมีผู้นำแค่คนเดียว และสิ่งนี้ก็เป็นสมบัติที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยอัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิง มันไม่มีทางเป็นสิ่งของที่ไร้ชื่อหรือไร้ความหมายไปได้


 


‘นี่หมายความว่าอัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิงเกี่ยวข้องกับผู้นำของเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมอัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิงถึงได้มีของของผู้นำเซเคร็ด? หรือบางทีอัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิงอาจจะได้รับมันมาภายหลังจากที่ผู้นำของเซเคร็ดตายไปแล้ว’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง


 


หานเซิ่นพลิกน้ำเต้าหยกไปมาในมือเพื่อศึกษามัน แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันทำมาจากอะไร


 


“ช่างเถอะ เก็บมันติดตัวไปก็แล้วกัน” หานเซิ่นเก็บน้ำเต้าหยกไป หลังจากนั้นเขาก็ยกกล่องไม้ขึ้นมาและเดินออกจากพาวิลเลี่ยน


 


หานเซิ่นรู้ว่าตอนนี้ผู้คนมากมายกำลังจับจ้องมาที่พาวิลเลี่ยน แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ต้องเดินออกมา เขาไม่สามารถอยู่ในนั้นไปตลอดได้ และเขาก็ต้องออกจากพาวิลเลี่ยนในที่สุด


 


ถึงแม้เขาจะผ่านอะไรมามากมาย แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ แม้แต่หานเซิ่นเองก็ค่อนข้างกังวล ตอนนี้เขาไม่มั่นใจว่าหลีกเลี่ยงการถูกเปิดโปงได้เมื่อทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา


 


“ไป๋อี้! เขาก็คือคนที่…?” เมื่อหานเซิ่นเดินออกมาจากพาวิลเลี่ยน ยอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงต่างก็ประหลาดใจอย่างมาก


 


ผู้คนชั้นสูงหลายคนรู้ข่าวที่ไป๋อี้นั้นใช้รีเทิร์นทูออริจินใส่หานเซิ่น ตอนนี้คนที่ไม่รู้ว่าไป๋อี้ดูเหมือนกับหานเซิ่นคือคนไม่กี่คนที่ไม่ได้ติดตามข่าวสาร


 


แต่ถึงพวกเขาจะรู้ว่าคนที่ออกมาคือไป๋อี้ พวกเขาก็ยังตกตะลึงอยู่ดี ราชาไป๋และกู่เยวียนเองก็แปลกใจเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าไป๋อี้จะเป็นคนที่เข้าใจรูปปั้นของอัลฟ่าได้สำเร็จ


 


“นั่นเป็นเหตุการณ์ที่หาได้ยากจริงๆ” ราชาไป๋พูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่น


 


กู่เยวียนมองไปที่หานเซิ่น หลังจากนั้นเขาก็หันกลับมาหาราชาไป๋

“โชคดีจริงๆ ขอแสดงความยินดีต่อฝ่าบาทด้วย”


 


“โชดไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมัน” ราชาไป๋พูด


 


ยอดฝีมือคนอื่นตกใจยิ่งกว่าราชาไป๋ซะอีก เมื่อไป๋เวยเห็นหานเซิ่นเดินออกมา เธอก็มีสีหน้าที่ซับซ้อน


 


ใบหน้าของไป๋หลิงซวงกำลังบิดเบี้ยวและเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เมื่อคุณหญิงมิร์เรอร์มองเห็นหานเซิ่นเดินออกมา เธอก็ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด


 


มันเป็นเหมือนกับปาฏิหาริย์ ไม่มีใครคาดคิดว่าองค์ชายสิบหก ไป๋อี้จะเป็นคนที่เข้าใจรูปปั้นของอัลฟ่าได้สำเร็จ ผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิงจะจดจำวันนี้ไปตลอดการ


 


รูปปั้นของอัลฟ่านั้นอยู่ในพาวิลเลี่ยนมานานกว่าพันล้านปี และมันไม่เคยมีใครเข้าใจถึงรูปปั้นนั้นได้ แต่องค์ชายสิบหกไป๋อี้ที่เป็นคนที่มีชื่อเสียงย่ำแย่กลับเข้าใจและปลุกรูปปั้นให้ตื่นขึ้นมาได้สำเร็จ มันทำให้ทุกคนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก


 


เมื่อหานเซิ่นขี่กิเลนโลหิตกลับไปที่ดาววอเทอร์โซน แม้แต่องค์หญิงหลันไห่ซินก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองเขาจากบนปราสาท


 


หลันไห่ซินไม่เข้าใจว่าไป๋อี้สามารถปลุกรูปปั้นอัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิงให้ตื่นขึ้นมาได้ยังไง เธอคิดว่ามันเป็นอะไรที่ยากจะเชื่อได้


 


หานเซิ่นกลับไปที่กระท่อมน้อยและปิดประตู หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเล่นกับน้ำเต้าหยกที่ได้มา นอกจากตัวอักษรที่บอกว่าสำหรับผู้นำของเซเคร็ดแล้ว มันก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นที่พิเศษ หานเซิ่นไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังพิเศษอะไรที่อยู่ภายใน ถึงแม้เขาจะพยายามมองหาอย่างละเอียดเท่าที่จะทำได้แล้ว


 


หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงมองดูมันและพบว่ามันไม่มีอะไร แต่นั่นก็พิสูจน์ว่าน้ำเต้าหยกนี้ไม่ปกติ


 


‘น่าเสียดายที่เป่าเอ๋อถูกหลันไห่ซินพาตัวไป มันจะเป็นอะไรที่ดีมากถ้าเธออยู่ที่นี่ด้วย น้ำเต้าของรูปปั้นดูเหมือนกับเป่าเออ บางทีน้ำเต้าหยกนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเธอจริงๆ’ หานเซิ่นครุ่นคิด


 


“พ่อ!” ขณะที่หานเซิ่นกำลังครุ่นคิด เป่าเอ๋อก็วิ่งเข้ามาหาเขาขณะที่ถือของอยู่เต็มมือ


 


“เป่าเอ๋อ ทำไมหนูถึงกลับมา?” หานเซิ่นตกใจ เป่าเอ๋อถืออาหารอยู่เป็นจำนวนมาก และพวกมันทั้งหมดก็ดูไม่ใช่ของถูกๆ เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ก็ดูหรูหรามากเช่นกัน และพวกมันก็ดูจะเป็นชุดของเผ่าไซเรน


 


“หนูคิดถึงพ่อ!” เป่าเอ๋อกระโดดกอดหานเซิ่นและถูหน้าของเธอกับของหานเซิ่น


 


“พ่อก็คิดถึงเป่าเอ๋อเหมือนกัน แต่นี่คนของหลันไห่ซินเห็นหนูแอบออกมาหรือเปล่า?” หานเซิ่นหวังว่าเป่าเอ๋อจะล้วงความลับอะไรบางอย่างได้ขณะที่เขาไม่อยู่


 


“พ่อไม่ต้องกังวล ไม่มีใครเห็นหนู”

เป่าเอ๋อส่งอาหารให้กับหานเซิ่น “พ่อคงจะได้กินแต่อาหารแย่ๆขณะที่อยู่คนเดียว”


 


“ดี! หนูเป็นเด็กดีมากๆ เป่าเอ๋อเป็นลูกสาวที่ดีของพ่อ”

หานเซิ่นรับอาหารมาและเริ่มกินพวกมัน เขาส่งน้ำเต้าหยกให้กับเป่าเอ๋อด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เป่าเอ๋อ หนูรู้ไหมว่าสิ่งนี้คืออะไร?”


 


เป่าเอ๋อรับน้ำเต้าหยกไปและเขย่ามัน หลังจากนั้นเธอก็พลิกมันกลับหัวและมีบางสิ่งที่เหมือนกับน้ำก็ไหลออกมาจากน้ำเต้าหยก


 


ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าน้ำเต้าหยกนั้นข้างในตัน เขาไม่รู้สึกตัวเลยว่ามันมีบางสิ่งซ่อนอยู่ภายในด้วย


 


ของเหลวที่ออกมาจากน้ำเต้าหยกดูเหมือนกับน้ำ แต่พวกมันไม่ใช่น้ำ เมื่อของเหลวนั้นไหลออกมา พวกมันไม่ได้ตกลงไปบนพื้น แต่พวกมันลอยตัวอยู่ในอากาศเหมือนกับแฟรี่ และแทนที่จะแยกเป็นหยดๆน้ำกลับรวมอยู่ด้วยกันเป็นจุดเดียว มันดูคล้ายคลึงกับหานเซิ่นที่ใช้ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์


 


“นี่คืออะไร?” หานเซิ่นยังคงรู้สึกแปลกใจ


 


“ช่วยพ่ออาบน้ำ”  เป่าเอ๋อสั่งแฟรี่น้ำขณะที่ถือน้ำเต้าอยู่ในมือ


 


แฟรี่น้ำลอยมาหาหานเซิ่นและถอดเสื้อผ้าของเขา หลังจากนั้นเธอก็หมุนนิ้วมือเป็นเกลียวและน้ำลมปราณก็ห่อหุ้มทั้งร่างกายของหานเซิ่น มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ 

 

 


ตอนที่ 2334

 

แฟรี่น้ำนั่งด้านหลังหานเซิ่นและนวดไหล่ของเขา หานเซิ่นรู้สึกเพลิดเพลินกับการนวด แต่เขารู้สึกผิดหวังและอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

“มันเป็นแค่ทาสรับใช้อย่างนั้นหรอ?”


 


หานเซิ่นใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อไปที่พาวิลเลี่ยน และเขาก็เสี่ยงจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง มันเป็นอะไรที่ไม่คุ้มค่าถ้าเขาได้มาแค่สาวรับใช้คนหนึ่ง


 


เป่าเอ๋อเอนหัวไปด้านข้างและพูด “หนูไม่รู้ แต่หนูคิดว่าเธอยังทำอะไรอย่างอื่นได้”


 


“เธอต่อสู้ได้ไหม?” หานเซิ่นถาม


 


เป่าเอ๋อชี้ไปที่เก้าอี้และตะโกน “ชกใส่มัน!”


 


แฟรี่น้ำเดินไปหาเก้าอี้ตามที่ได้รับคำสั่ง แต่หมัดน้ำของเธอแตกกระจายในทันทีที่สัมผัสกับเก้าอี้ เก้าอี้เคลื่อนไหวเล็กน้อย แต่มันดูจะไม่ได้รับความเสียหายอะไร


 


“ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีความสามารถในการต่อสู้” เป่าเอ๋อส่ายหัว


 


“สมบัติที่อัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิงทิ้งเอาไว้ให้กับลูกหลานไม่มีทางที่จะเป็นอะไรที่ห่วยขนาดนี้” หานเซิ่นมองไปที่แฟรี่น้ำ


 


เป่าเอ๋อสั่งให้แฟรี่น้ำมานวดให้กับเธอ และแฟรี่น้ำก็รับคำสั่งในทันที ดูเหมือนกับว่าเธอจะขาดจิตสำนึกของตัวเอง เธอเป็นเพียงแค่ตุ๊กตาชั้นสูงเท่านั้น


 


หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อวิเคราะห์แฟรี่น้ำ และสิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาตกตะลึง ร่างกายของแฟรี่น้ำนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและโครงสร้างลำดับของเธอก็หน่าแน่นมากๆ ดูเหมือนมันจะกักเก็บพลังเทพเจ้าที่สุดยอดอย่างที่หานเซิ่นไม่เคยเห็นมาก่อน


 


‘แปลกจริงๆ ด้วยพลังที่สุดยอดแบบนั้น ทำไมมันถึงสร้างความเสียหายอะไรไม่ได้เลย? สิ่งนี้ทำอะไรได้กันแน่?’ หานเซิ่นคิดขณะที่มองไปที่แฟรี่น้ำ


 


อย่างน้อยๆเป่าเอ๋อก็กำลังสนุกสนานกับมัน ขณะที่แฟรี่น้ำนวดไหล่ของเธอ เป่าเอ๋อยังสั่งให้มันเริ่มป้อนอาหารให้กับเธอ


 


“เป่าเอ๋อ พ่อจะใช้น้ำเต้าหยกนี้ได้ยังไง?” หานเซิ่นถามหลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ บางทีการใช้น้ำเต้าหยกด้วยตัวเองจะทำให้เขาศึกษามันได้มากกว่านี้


 


“ง่ายมาก พ่อแค่ใส่พลังเข้าไปในน้ำเต้า” เป่าเอ๋อส่งน้ำเต้าหยกกลับไปให้หานเซิ่น


 


หลังจากที่น้ำเต้าออกจากมือของเป่าเอ๋อ แฟรี่น้ำก็แตกกระจายและกลับเข้าไปในน้ำเต้าหยก


 


หานเซิ่นพยายามใส่พลังของเขาเข้าไปในน้ำเต้าหยก แต่เขาไม่สามารถทำให้มันทำงานได้ และหลังจากนั้นเขาลองดูอีกครั้ง น้ำเต้าหยกก็ทำงาน


 


“นี่มันแปลกจริงๆ เธอทำอะไรได้กันแน่”

หานเซิ่นลองออกคำสั่งเพื่อทำให้แน่ใจว่าเขาสามารถควบคุมแฟรี่น้ำได้ หลังจากนั้นเขาก็เรียกแฟรี่น้ำกลับและเก็บน้ำเต้าหยกไป


 


“เป่าเอ๋อ หนูได้ข้อมูลอะไรจากหลันไห่ซินบ้างหรือเปล่า?” หานเซิ่นถามเป่าเอ๋อ


 


เป่าเอ๋อพยักหน้าและพูด “เดือนหน้าวันที่ 9 เธอและไป๋อี้มีหมายนัดกัน พวกเขาจะเปิดใช้โบราณวัตถุร่วมกัน เธอยังบอกอีกว่าตอนนี้ไป๋อี้มียีนของอีกเผ่าพันธุ์อยู่ในตัว ซึ่งยีนของเขาไม่สมบูรณ์ เธอบอกว่าโอกาสที่โบราณวัตถุจะเลือกไป๋อี้นั้นต่ำ”


 


“เธอได้บอกไหมว่าโบราณวัตถุคืออะไร?” หานเซิ่นถาม


 


“ไม่” เป่าเอ๋อส่ายหัวและกลืนอาหารลงไป


 


“ดีมาก หนูพยายามเก็บรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เมื่อหนูได้รู้เรื่องอะไรอีกหาทางติดต่อพ่อ” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“หนูให้สัญญาว่าจะทำแบบนั้น” เป่าเอ๋อดูจริงจัง และเธอก็ทำวันทยหัตถ์ให้กับหานเซิ่น


 


“ดีมาก หนูคือความภาคภูมิใจของประเทศชาติ และหนูก็เป็นความภาคภูมิใจของพ่อด้วยเช่นกัน” หานเซิ่นบอกให้เป่าเอ๋อกลับไป หลังจากนั้นเขาก็คิดเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเขาจะทำต่อไป


 


นกแดงน้อยตามเป่าเอ๋อไปด้วย ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่ได้กังวลอะไรมากนัก


 


ตอนนี้ที่หานเซิ่นกังวลมากที่สุดในก็คือผลที่จะตามมาจากเหตุการณ์วันก่อน เขาไม่ได้คาดคิดว่าการปลุกรูปปั้นอัลฟ่าให้ตื่นขึ้นจะเป็นปัญหาใหญ่แบบนี้ และตอนนี้ชาวเอ็กซ์ตรีมคิงทุกคนก็ยังคงตกใจกับเรื่องนั้น สายตาของทุกคนจะจับจ้องมาที่เขา


 


‘เมื่อคำนึงถึงความภาคภูมิและความต้องการจะเป็นจุดสนใจของไป๋อี้ เขาจะต้องตัวให้เป็นจุดเด่นหลังจากที่มีชื่อเสียงขึ้นมาแน่ เราจำเป็นต้องไปที่ไหนสักแห่ง’ หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับสถานที่ที่ควรจะไป


 


หานเซิ่นมองไปที่กิเลนโลหิต และดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา

‘ใช่แล้ว! เราควรพากิเลนโลหิตไปลงทะเบียนเป็นราชองครักษ์ของเรา หลังจากนั้นเราก็ไปที่สวนกษัตริย์เพื่อแย่งชิงมังกรกษัตริย์รากแก้วจากคนอื่น มีเพียงแค่องค์ชายและองค์หญิงที่ได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่น มันไม่มีใครที่เป็นระดับเทพเจ้า แบบนั้นเราจะไม่เสี่ยงถูกเปิดโปง และเราจะขโมยทรัพยากรมาได้ด้วย ใช่แล้ว เราควรจะไปที่นั่น เราควรไปที่สวนกษัตริย์’


 


หลังจากที่หานเซิ่นคิดได้แบบนั้น เขาก็พากิเลนโลหิตไปลงทะเบียนเป็นราชองครักษ์ หลังจากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปที่สวนของกษัตริย์ต่อในทันที


 


“องค์ชาย ไป๋อี้ได้พากิเลนโลหิตไปลงทะเบียนเป็นราชองครักษ์ และตอนนี้เขาก็กำลังมุ่งหน้าไปที่สวนของกษัตริย์”


 


“องค์หญิง ตอนนี้ไป๋อี้กำลังพากิเลนโลหิตมุ่งหน้าไปที่สวนของกษัตริย์”


 


รายงานที่เหมือนกันถูกส่งไปที่ต่างๆ ตอนนี้เหล่าองค์ชายและองค์หญิงต่างก็รีบพากันไปที่สวนของกษัตริย์เช่นกัน


 


พวกเขาอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับไป๋อี้กันแน่ เรื่องที่เขาปลุกรูปปั้นของอัลฟ่าให้ตื่นขึ้นมาได้นั้นเป็นอะไรที่แปลกเกินไป และนั่นทำให้คนของราชวงศ์หลายคนรู้สึกสงสัยในเรื่องนั้น


 


“เขาออกมาแล้วอย่างนั้นหรอ? ข้าอยากจะเห็นเหลือเกินว่านี่คือไป๋อี้จริงๆหรือว่าเขาคือหานเซิ่นกันแน่”

คุณหญิงมิร์เรอร์มองดูกระจกบานใหญ่ที่แสดงการเคลื่อนไหวของหานเซิ่นภายในสวนของกษัตริย์ คุณหญิงมิร์เรอร์จะหันไปมองยังแหวนที่มือของหานเซิ่นเป็นช่วงๆ หลังจากนั้นเธอก็จะสัมผัสแหวนที่อยู่บนนิ้วมือของเธอโดยไม่รู้ตัว


 


หานเซิ่นเคยเดินทางไปที่นั่นพร้อมกับไป๋เวยมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงรู้ทางไป เขาพากิเลนโลหิตไปที่สวนของกษัตริย์ร่วมกับเขา


 


หานเซิ่นไม่ถูกใจเหล่ามังกรที่อยู่รอบนอก ดังนั้นเขาจึงขี่กิเลนโลหิตตรงเข้าไปหาต้นไม้กษัตริย์ เขาอยากจะหามังกรกษัตริย์รากแก้วสักตัว


 


แต่เมื่อกิเลนโลหิตเริ่มเคลื่อนไหว เงาคนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวต่อหน้าหานเซิ่น หานเซิ่นสังเกตพวกเขาก็รู้สึกตัวว่าอีกฝ่ายเป็นกลุ่มคนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน


 


แต่หานเซิ่นรู้จักพวกเขาผ่านข้อมูลที่กุนซือไวท์มอบให้ หนึ่งในคนกลุ่มคือองค์ชายดาบดารา เขาเป็นองค์ชายองค์ที่สี่สิบเจ็ด และเป็นน้องชายของไป๋อี้ แต่พวกเขาไม่ได้มีแม่คนเดียวกัน


 


“น้องสี่สิบเจ็ด ทำไมเจ้าถึงมาขวางทางข้า?” หานเซิ่นพูดขึ้นมา


 


องค์ชายดาบดารายิ้ม เขาดูค่อนข้างหล่อเหลาขณะที่เขาพูดขึ้นมา

“น้องมาที่นี่ก็เพื่อแสดงความยินดีกับพี่สิบหกที่เข้าใจรูปปั้นของอัลฟ่าได้สำเร็จ และน้องก็สงสัยว่าอัลฟ่าได้ทิ้งอะไรเอาไว้กันแน่ น้องหวังว่าพี่จะบอกน้องถึงเรื่องนั้น”


 


“และถ้าข้าไม่บอกเจ้าล่ะ?” หานเซิ่นถามพร้อมกับหัวเราะออกมา


 


“ถ้าอย่างนั้นน้องคนนี้ก็คงจะต้องสอนบทเรียนให้กับพี่ชายของตัวเอง” องค์ชายดาบดาราพูด


 


“ฮ่า! เจ้าไม่คู่ควรจะมาท้าสู้กับข้า เอาชนะองครักษ์ของข้าให้ได้ซะก่อน” หานเซิ่นตอบอย่างถือตัว


 


กิเลนโลหิตคำราม หมอกสีแดงปกคลุมร่างกายของมันพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันไปทั่วทั้งบริเวณ มันวิ่งตรงเข้าไปหาองค์ชายดาบดารา


 


“เจ้าไม่ใช่คนเดียวที่มีองครักษ์” สีหน้าขององค์ชายดาบดาราไม่เปลี่ยนแปลง โดยไม่ต้องออกคำสั่ง องครักษ์ของเขากระโจนออกมาต่อสู้กับกิเลนโลหิต

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)