Super God Gene 2311-2318
ตอนที่ 2311
ไป๋เวยขมวดคิ้วและรวบรวมพลังไปไว้ที่หมัด เธอกำลังจะใช้หมัดเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกแน่นรอบๆเอว แขนที่แข็งแรงจับเอวของเธอและดึงเธอไปด้านหลัง
หานเซิ่นออกมายืนตรงหน้าไป๋เวย ดวงตาของเขาดูกระจ่างใส และมีดเขี้ยวผีสิงของเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยมีดลมปราณสีม่วงดำ เขาฟันมีดขึ้นไปปะทะกับมีดของไป๋อู๋ฉาง
ไป๋เวยที่อยู่ด้านหลังของหานเซิ่นตะโกน
“ระวังด้วย! ร่างกายแห่งราชันภูตผีของเขาโจมตีได้ทั้งทางกายภาพและวิญญาณพร้อมๆกัน อย่าได้ปล่อยให้เขาเข้าใกล้เจ้าได้!”
หลังจากนั้นมีดของไป๋อู๋ฉางก็ลงมาหามีดเขี้ยวผีสิงของหานเซิ่น แต่มีดของไป๋อู๋ฉางดูเหมือนกับว่าไม่ได้เป็นรูปธรรม มันทะลุผ่านมีดของหานเซิ่นไป ร่างกายของไป๋อู๋ฉางเองก็ทะลุผ่านมีดเขี้ยวผีสิงและพลังเขี้ยวมาเช่นกัน เขาพุ่งเข้ามาฟันใส่หานเซิ่นราวกับเป็นผีจริงๆ
เปลวไฟที่เย็นยะเยือกกำลังจะสัมผัสกับมือของหานเซิ่น หานเซิ่นหลี่ตาและเคลื่อนไหวขณะที่ยังคงจับเอวของไป๋เวยเอาไว้ เขาเทเลพอร์ตออกไป
แต่ไป๋อู๋ฉางนั้นรวดเร็ว เขาฟันเข้าใส่หานเซิ่นจากด้านหลังอีกครั้ง
ครั้งนี้หานเซิ่นไม่ได้หลบ เขาใช้มีดของตัวเองฟันเข้าไปปะทะกับมีดของไป๋อู๋ฉาง
ไป๋เวยสับสน หลังจากที่ได้เห็นการโจมตีของไป๋อู๋ฉาง หานเซิ่นก็ควรจะรู้ว่าร่างกายแห่งราชันภูตผีของไป๋อู๋ฉางไม่สามารถต่อกรได้ด้วยอาวุธธรรมดาๆ มีดของเขาไม่สามารถรับการโจมตีของไป๋อู๋ฉางได้
เคร๊ง!
มีดทั้ง 2 ปะทะกันทำให้เกิดเสียงแหลมของโลหะ ดวงตาของไป๋เวยเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ เนื่องจากการโจมตีของไป๋อู๋ฉางถูกป้องกันได้สำเร็จ
“นั่นเป็นไปได้ยังไง” ไป๋เวยตกตะลึง ในครั้งแรกหานเซิ่นป้องกันการโจมตีจากร่างกายแห่งราชันของไป๋อู๋ฉางล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ครั้งนี้มันดูเหมือนจะได้ผล
ไป๋อู๋ฉางเองก็ประหลาดใจเช่นกัน แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ดูตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม
หานเซิ่นวางไป๋เวยลงกับพื้นและใช้วิชามีดต่อสู้กับไป๋อู๋ฉาง เขาเคลื่อนที่ไปมาอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการโจมตีของไป๋อู๋ฉาง
ไม่นานการต่อสู้ที่ดุเดือดก็ดึงดูดความสนใจของคนที่อยู่ใกล้เคียง พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังประหลาดของไป๋อู๋ฉาง
ร่างกายแห่งราชันภูตผีของไป๋อู๋ฉางเป็นที่รู้จักกันอย่างดี และผู้คนก็สัมผัสได้ถึงพลังของมันจากระยะที่ไกลออกไป
“ไป๋อู๋ฉางนั้นบ้าไปแล้ว ครั้งนี้ใครกันที่เป็นคนโชคร้าย?”
“ร่างกายแห่งราชันภูตผีนั้นน่ากลัวเกินไป มันมีสสารไม่มากนักที่จะทำร้ายไป๋อู๋ฉางได้ แม้แต่คู่ต่อสู้ระดับราชันก็หยุดเขาไม่ได้”
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นท่านพ่อก็คงจะไม่รักเขามากถึงขนาดนั้น?”
หลายคนเข้ามายืนใกล้ๆกับเขตการต่อสู้ พวกเขาอยากจะเห็นว่าใครกันคือคนที่โชคร้ายมากพอจะดึงดูดความสนใจของไป๋อู๋ฉาง
ไป๋ชางลังสัมผัสได้ถึงการเปิดใช้งานร่างกายแห่งราชันภูตผี ซึ่งทำให้เขาขมวดคิ้ว
“มันมาจากด้านหลังของพวกเรา นั่นหมายความว่าไป๋เวยคือคนที่กำลังต่อสู้อยู่กับไป๋อู๋ฉางอย่างนั้นหรอ?”
หลังจากนั้นไป๋ชางลังก็บอกให้องครักษ์ตามเขากลับไป
“เจ้าคนที่ไป๋อู๋ฉางกำลังต่อสู้ด้วยนั้นเป็นใครกัน? มีดของเขาป้องกันร่างกายแห่งราชันภูตผีได้อย่างนั้นหรอ”
คนของราชวงศ์หลายคนถูกดึงดูดให้เข้ามาใกล้ พวกเขาแปลกใจเมื่อได้เห็นการต่อสู้ระหว่างหานเซิ่นและไป๋อู๋ฉาง
พลังบางอย่างสามารถตอบโต้ร่างกายแห่งราชันภูตผีได้ แต่มันมีอยู่น้อยนัก มันถือเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจที่ดยุกคนหนึ่งสามารถป้องกันร่างกายแห่งราชันภูตผีได้ และเขาก็ดูไม่ได้เสียเปรียบต่อไป๋อู๋ฉางอีกด้วย นั่นเป็นภาพที่ไม่ปกติ
เมื่อไป๋ชางลังเห็นการต่อสู้ เขาก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาขมวดคิ้วและพูด
“วิชามีดเขี้ยวดาบของรีเบทมีพลังทำลายล้างที่สุดยอด แต่มันไม่ควรจะใช้ได้ผลกับร่างกายแห่งราชันภูตผี หานเซิ่นป้องกันร่างกายแห่งราชันภูตผีได้ยังไงกัน? นี่มีดของเขามีธาตุพิเศษบางอย่างงั้นหรอ?”
ราชวงศ์คนอื่นก็คิดเหมือนกัน มีเพียงแค่ไป๋เวยและไป๋อู๋ฉางที่รู้ว่ามีดของหานเซิ่นไม่ใช่สิ่งที่จะป้องกันร่างกายแห่งราชันภูตผีได้
คนอื่นๆที่เพิ่งมาถึงไม่สามารถระบุถึงความแตกต่างได้ ในตอนนี้หานเซิ่นไม่ได้ใช้พลังเขี้ยวที่บริสุทธิ์ แต่เขาผสมเทคนิคอย่างหนึ่งเข้าไป เขาผสมพลังเขี้ยวกับพลังจากเรื่องราวของยีน
พลังเขี้ยวไม่สามารถสัมผัสไป๋อู๋ฉางได้ด้วยตัวมันเอง แต่ด้วยการรวมกับพลังอีเทอร์นิตี้ของเรื่องราวของยีน พลังเขี้ยวก็สามารถฟันถูกร่างกายแห่งราชันภูตผีได้
“ดยุกคนนี้เป็นใครกัน?” ราชวงศ์หลายคนตกตะลึง ไม่เพียงแค่หานเซิ่นจะสัมผัสร่างกายแห่งราชันภูติผีได้เท่านั้น แต่พลังและวิชามีดของเขายังทัดเทียมกับไป๋อู๋ฉาง เทคนิคและการเคลื่อนไหวของเขาดูประหลาด แต่ไป๋อู๋ฉางดูเหมือนจะยากลำบากเมื่อต่อสู้กับเขา
การเคลื่อนไหวของหานเซิ่นดูเบาหวิว มีดเขี้ยวผีสิงของเขากวัดแกว่งอย่างเอ้อระเหยราวกับกำลังเต้นระบำ แต่ทุกการเคลื่อนไหวนั้นแม่นยำและเด็ดขาด มันทำให้ไป๋อู๋ฉางรู้สึกราวกับว่าเขาไม่สามารถใช้พลังได้มาก
“วิชามีดของเขาดูเหมือนกับวิชาของรีเบท แต่การเคลื่อนไหวของเขาดูต่างออกไป มันดูเป็นบางสิ่งที่เห็นได้จากปราสาทนภา”
เอ็กซ์ตรีมคิงเต็มไปด้วยยอดฝีมือ ดังนั้นพวกเขาจึงระบุเทคนิคที่หานเซิ่นใช้ได้อย่างง่ายดาย
หานเซิ่นได้รวมวิชามีดเขี้ยวดาบเข้ากับวิชามีดใต้นภา แต่เนื่องจากวิชาใต้นภาเพิ่งจะถูกแก้ไข ดังนั้นน้อยคนนักที่จะเคยเห็นมันมาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นคนของเอ็กซ์ตรีมคิงก็สามารถคาดเดาได้ว่ามันเป็นวิชาที่มาจากปราสาทนภา
“ยอดเยี่ยม ดยุกคนนี้มาจากที่ไหนกัน? วิชามีดของเขาเยี่ยมมากๆ ถ้าพวกเราพูดถึงแค่ความสามารถในการใช้มีดล่ะก็ ข้าบอกได้เลยว่าเขาเหนือกว่าไป๋อู๋ฉาง”
“ดยุกที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาจากไหนกัน? ราชวงศ์คนไหนกันที่เขาอารักขา?”
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ถอยไปด้านหลังและฟันมีดเขี้ยวผีสิงออกไปข้างหน้า มีดไหมสีม่วงดำประสานตัวเข้าด้วยกันและเริ่มมัดตัวของไป๋อู๋ฉาง
ร่างกายของไป๋อู๋ฉางถูกรัดด้วยมีดเส้นไหมของหานเซิ่น เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้และถูกตรึงอยู่บนอากาศ
ไป๋อู๋ฉางคำรามขึ้นฟ้าราวกับอสูรและเปลวไฟอันหนาวเย็นก็ลุกโชนยิ่งกว่าเดิม เขาตัดมีดเส้นไหมออกจากร่างกายและพุ่งเข้าไปหาหานเซิ่นอย่างบ้าคลั่ง
หานเซิ่นยังคงกวัดแกว่งมีดเขี้ยวผีสิงในท่าทีเอ้อระเหย มีดเส้นไหมปรากฏขึ้นรอบๆตัวไป๋อู๋ฉางอย่างต่อเนื่อง และมันเหมือนกับว่าใยแมงมุมนับไม่ถ้วนร่วงหล่นมาใส่เขา พวกมันจำกัดการเคลื่อนไหวของไป๋อู๋ฉาง
ถึงแม้ไป๋อู๋ฉางจะพยายามระเบิดพลังออกมาเพื่อทำลายมีดเส้นไหมที่พันอยู่รอบๆตัวของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถไปถึงตัวหานเซิ่นได้
เขาตัดมีดเส้นไหมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มันก็ยังไม่หมดสักที และตอนนี้เขาก็เริ่มจะรู้สึกยากลำบากที่จะระเบิดพลังออกมา เขาสูญเสียพลังที่เก็บเอาไว้เรื่อยๆ
ไม่นานหลังจากนั้นเปลวไฟอันหนาวเย็นของไป๋อู๋ฉางก็เสียเสถียรภาพไป มันดูริบหรี่ขึ้นทุกทีและทำให้ร่างกายที่โปร่งใสของเขากลับมาเป็นรูปธรรมอีกครั้ง
หานเซิ่นกระตุกมีดเขี้ยวผีสิงในมือและรัดร่างกายของไป๋อู๋ฉางเอาไว้แน่น ครั้งนี้ไม่ว่าไป๋อู๋ฉางจะพยายามสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถทำลายมีดเส้นไหมที่รัดตัวเขาอยู่ได้อีกต่อไป หลังจากนั้นมีดเส้นไหมก็ถูกจัดใหม่เพื่อห้อยเขากลับหัวกลับหาง คนของราชวงศ์ทุกคนก็ดูอึ้งไป
ตอนที่ 2312
ไป๋อู๋ฉางถูกห้อยหัวลงมาราวกับกระต่ายที่ถูกจับ ข่าวนั้นแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่า มันกลายเป็นเรื่องราวที่รู้กันอย่างกว้างขาง ไป๋อู๋ฉางฝ่ายแพ้และถูกห้อยหัวโดยดยุกคนหนึ่ง และดยุกคนนั้นก็คือราชองครักษ์ของไป๋เวย ในตอนแรกไม่มีใครเชื่อเรื่องนั้น
เพราะยังไงซะไป๋อู๋ฉางก็มีร่างกายแห่งราชัยภูตผีที่มีชื่อเสียง เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่แม้แต่ยอดฝีมือระดับราชันก็ยังต้องปวดหัว อย่างนั้นแล้วเขาจะพ่ายแพ้ให้กับดยุกคนหนึ่งได้ยังไง
แต่ไม่นานคนที่ไม่เชื่อก็พบว่ามันเป็นความจริง ราชวงศ์บางคนได้อัดวิดีโอการต่อสู้ระหว่างหานเซิ่นกับไป๋อู๋ฉางเอาไว้และถ่ายทอดไปในอินเตอร์เน็ตทั่วทั้งเอ็กซ์ตรีมคิง
“ว้าว! เจ้านี่เป็นใครกัน? เขามีวิชามีดที่ลับๆล่อๆอะไรขนาดนั้น”
“มันลับๆล่อๆเกินไป เขาไม่ได้รับชัยชนะอย่างซึ่งๆหน้า ด้วยการใช้มีดเส้นไหมล่องหนเพื่อทำให้องค์ชายอู๋ฉางหมดพลัง ข้าไม่เรียกวิธีแบบนี้ว่าการต่อสู้”
“เจ้าไม่รู้อะไร นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ดยุกคนนี้เป็นคนที่น่ากลัว”
“ปกติแล้วร่างกายแห่งราชันขององค์ชายอู๋ฉางจะถูกสัมผัสไม่ได้ แต่ดยุกคนนั้นก็ยังรัดตัวองค์ชายอู๋ฉางเอาไว้ได้อยู่ดี พลังของชายคนนั้นน่าสะพรึงกลัว มันดูคล้ายคลึงกับวิชามีดเขี้ยวดาบของรีเบท แต่วิชามีดเขี้ยวดาบสร้างมีดเส้นไหมแบบนั้นไม่ได้ และมันก็ไม่มีทางที่จะสัมผัสร่างกายแห่งราชันภูตผีได้”
การต่อสู้ของทั้งคู่กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรง ทุกคนเคยชินกับเรื่องราวที่ไป๋อู๋ฉางจะเลือกเหยื่อคนหนึ่งเพื่ออัดด้วยพลังของเขา แต่ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เมื่อไป๋อู๋ฉางถูกดยุกคนหนึ่งเล่นงานซะเอง ความรู้สึกที่เกิดจากเรื่องนี้เป็นอะไรที่ยากจะอธิบาย
ตอนนี้องค์ชายและองค์หญิงทุกคนต่างก็ประพฤติตัวอย่างเก้ๆกังๆ เพราะยังไงซะราชาไป๋ก็เอ็นดูไป๋อู๋ฉางเป็นอย่างมาก และเขาก็ยังเป็นคนที่อวดดี แต่ลึกๆแล้วองค์ชายและองค์หญิงคนอื่นๆไม่เห็นด้วยเรื่องที่ว่าเขาคือคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุด ชื่อเสียงรวมกับการถูกปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ ทำให้องค์ชายและองค์หญิงส่วนใหญ่ต่างก็รู้สึกอิจฉา
แต่ตอนนี้ไป๋อู๋ฉางถูกสั่งสอนบทเรียนโดยราชองครักษ์คนหนึ่ง องค์ชายและองค์หญิงหลายคนรู้สึกสะใจที่เห็นเขาถูกสั่งสอนบทเรียนซะบ้าง
“เขามีพรสวรรค์แล้วยังไง? เขาก็แค่คนโง่เง่าที่มีแขนขาที่ทรงพลัง! เขาถูกดยุกคนหนึ่งเล่นงานแบบนั้น เขาเป็นที่น่าอับอาย แต่แล้วท่านพ่อก็ยังปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี” องค์ชายคนหนึ่งหัวเราะเยาะเมื่อได้เห็นวิดีโอ
ท่านหญิงมิร์เรอร์ดูวิดีโอซ้ำหลายต่อหลายครั้ง และเธอก็ดูตกใจมากขึ้นทุกการดูซ้ำ
สิ่งที่เธอได้เห็นภายในสุสานทหารและกษัตริย์นั้นต่างกันโดยสิ้นเชิงจากสิ่งที่เธอกำลังเห็นในตอนนี้ มันทำให้ท่านหญิงมิร์เรอร์สงสัยว่าดยุกที่อยู่ในวิดีโอนี้ใช่หานเซิ่นคนเดียวกับที่เธอเห็นในสุสานจริงๆหรือเปล่า
ภายในสุสานหานเซิ่นใช้แค่พละกำลังในการต่อสู้ เขาเป็นเหมือนกับวานรใช้กล้ามเนื้อบดขยี้ทุกอย่างที่เข้ามาหา
แต่ในการต่อสู้นี้หานเซิ่นดูร้ายกาจและเหลี่ยมจัด เขาชักใยไป๋อู๋ฉางตั้งแต่ต้นจนจบ และไป๋อู๋ฉางก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังของร่างกายแห่งราชันภูตผีของตัวเองได้
“เป็นกลยุทธ์และวิชามีดที่ทรงพลังและมหัศจรรย์อะไรขนาดนี้ นี่เขาเรียนรู้มันมาจากปราสาทนภาอย่างนั้นหรอ? แต่วิชามีดของปราสาทนภาจะกำราบร่างกายแห่งราชันภูตผีได้ยังไงกัน?” ท่านหญิงมิร์เรอร์จ้องมองวิดีโออย่างครุ่นคิด
ทันใดนั้นสายตาของท่านหญิงมิร์เรอร์ก็ไปหยุดอยู่ที่มือของหานเซิ่น วิดีโอนั้นไม่ได้ชัดมากนัก ดังนั้นท่านหญิงมิร์เรอร์จึงไม่แน่ใจว่าเธอกำลังเห็นอะไร
“ซูมเข้าไปตรงนี้และเพิ่มความคมของภาพ” ท่านหญิงมิร์เรอร์บอกคนของเธอขณะที่ชี้นิ้วไปที่มือขวาของหานเซิ่น
ภาพซูมเข้าไปและเผยให้เห็นแหวนเงินบนนิ้วของหานเซิ่น
ในจังหวะที่ท่านหญิงมิร์เรอร์เห็นแหวนนั่น ใบหน้าของเธอก็ซีดไป เธอกัดฟันขณะที่จ้องมองไปที่มัน ใบหน้าที่มีเสน่ห์และดูสงบนิ่งของเธอหายไป เธอดูต่างออกไปราวกับเป็นคนละคน
‘แหวนนั่น… ทำไมเขาถึงมีมันอยู่ได้? เขาพบมันภายในสุสานทหารและกษัตริย์อย่างนั้นหรอ?’ สีหน้าของท่านหญิงมิร์เรอร์ในตอนนี้ยากจะอ่านได้
เธอจ้องมองแหวนบนนิ้วมือของหานเซิ่นอยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะกลับไปที่ห้องนอน
หลังจากปิดประตูห้อง ท่านหญิงมิร์เรอร์ก็นำเอากล่องออกมาจากใต้เตียง เธอดูลังเลในตอนแรก แต่หลังจากนั้นเธอก็ค่อยๆเปิดมันออก เธอมองไปข้างในด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
ในกล่องมีแหวนเงินอยู่ มันประดับด้วยมรกตที่ดูเหมือนกับดวงตา มันเหมือนกับแหวนที่หานเซิ่นได้มาจากสุสานทหารและกษัตริย์ แต่แหวนวงนี้มีขนาดเล็กกว่าของหานเซิ่น
ท่านหญิงมิร์เรอร์สัมผัสแหวนที่อยู่ในกล่อง แต่เธอไม่ได้เอามันออกมา หลังจากนั้นเธอก็ปิดกล่องและเอามันไปเก็บที่เดิม
สีหน้าของท่านหญิงมิร์เรอร์กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แต่ในดวงตาของเธอยังคงดูไม่สบายใจ
ท่านหญิงมิร์เรอร์หันหลังกลับเพื่อออกไปจากห้อง แต่เธอลังเลและเดินกลับมาที่เตียงอีก ดวงตาของเธอดูจริงจัง ขณะที่เธอเอากล่องออกมาอีกครั้ง เธอหยิบแหวนขึ้นมาสวมและพูดกับตัวเอง
“เจ้าอาจจะซ่อนมันมาหลายปี แต่เจ้าไม่อาจจะซ่อนมันไปได้ตลอดการ เจ้าคงจะไม่ได้คิดว่าแหวนนั้นจะมาตกอยู่ในมือดยุกคนหนึ่ง ถ้าเจ้ารู้เรื่องนี้ เจ้าก็คงจะโมโหน่าดู”
หลังจากนั้นท่านหญิงมิร์เรอร์ก็หัวเราะออกมา เธอหัวเราะอย่างหนักถึงขนาดที่น้ำตาเริ่มไหลออกมา
“น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ… หานเซิ่นคนนี้เป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ”
…
ภายในพระราชวังของเอ็กซ์ตรีมคิง ผู้หญิงที่สง่างามกำลังมองดูไป๋อู๋ฉางฝึกฝนวิชามีด เธอขมวดคิ้วและพูด
“อู๋ฉาง ข้าบอกเจ้าแล้วยังไงว่าเมื่อเรียนรู้วิชาการต่อสู้ เจ้าจำเป็นต้องรู้จักปรับตัวให้มากกว่านี้ การพึ่งแค่ร่างกายแห่งราชันภูตผีเพียงอย่างเดียวนั้นเป็นแผนการที่แย่ ข้าหวังว่าเจ้าจะเรียนรู้จากประสบการณ์ในครั้งนี้ ถือซะว่ามันเป็นคำเตือน เจ้าจำเป็นต้องเรียนรู้จากกู่เยวียนอาจารย์ของเจ้ามากกว่านี้”
ไป๋อู๋ฉางไม่ตอบหรือแม้แต่จะหันไปมอง เขากำมีดแน่นและกวัดแกว่งมันผ่านอากาศ แต่เขาไม่ได้ใช้พลังอะไร เขาดูเหมือนกับสามัญชนที่กำลังฝึกการต่อสู้
“ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่ นี่เจ้าฟังอยู่หรือเปล่า?” เธอดูโกรธเล็กน้อยเมื่อไป๋อู๋ฉางเมินเฉยต่อคำพูดของเธอ
ในที่สุดไป๋อู๋ฉางก็หยุดมือและหันมามองผู้หญิงคนนั้น “ข้าจะไปที่ภูเขาเอ็กซ์ตรีม”
ผู้หญิงที่งดงามคนนั้นพูด “ไม่ ไม่มีทาง! นั่นมันเสี่ยงเกินไป”
“ข้าจะหาเส้นทางของตัวเอง” ไป๋อู๋ฉางพูดอย่างเรียบๆ หลังจากนั้นเขาก็ออกไปจากสนามฝึกอย่างไม่ลังเล
“อู๋ฉาง หยุดเดี๋ยวนี้! นี่เจ้าได้ยินข้าไหม? ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไปที่ภูเขาเอ็กซ์ตรีม นั่นมันเป็นไปไม่ได้…” ใบหน้าของผู้หญิงที่งดงามคนนั้นบิดเบี้ยว
แต่ไป๋อู๋ฉางเดินจากไปโดยไม่เหลียวมอง เขาพูดอย่างแน่วแน่
“ในตอนที่ข้าออกมาจากภูเขาเอ็กซ์ตรีม ข้าจะไปต่อสู้กับหานเซิ่นอีกครั้ง”
ตอนที่ 2313
แต่ละวันของหานเซิ่นไม่ได้เป็นไปด้วยดีนัก ถึงเขาจะเอาชนะไป๋อู๋ฉางได้ แต่มังกรกษัตริย์รากแก้วก็ถูกองค์ชายอีกคนแย่งไป
หานเซิ่นไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะองค์ชายระดับราชันคนนั้นและองครักษ์ระดับครึ่งเทพทั้ง 7 คนของเขาได้ และถึงเขาจะทำได้ ไป๋เวยก็ไม่อยากจะไปละเมิดองค์ชายคนนั้น พวกเขาจึงต้องยอมทิ้งมังกรกษัตริย์รากแก้วไป
ไป๋เวยเลือกมังกรกษัตริย์ที่ด้อยกว่าเพื่อฝึกฝน หานเซิ่นคิดว่าการทำแบบนั้นเป็นอะไรที่ไร้ความหมาย ถ้าพวกเขาชิงมังกรกษัตริย์รากแก้วมาไม่ได้ อย่างนั้นแล้วมันก็มีลมปราณกษัตริย์ไม่มากพอที่เขาจะดูดซับได้ แบบนั้นการสกัดพลังโกสต์โบนในร่างกายของเขาจะเป็นอะไรที่รวดเร็วกว่า
ราชาไป๋มีบุตรธิดาอยู่หนึ่งร้อยคน แต่มันมีมังกรกษัตริย์รากแก้วอยู่เพียงแค่ 30 เท่านั้น ดังนั้นโอกาสที่จะได้ครองหนึ่งในพวกมันโดยไม่ต่อสู้ถือว่าหาได้ยากมากๆ
ดังนั้นหานเซิ่นและไป๋เวยจึงไปฝึกฝนอยู่บนมังกรกษัตริย์ที่ด้อยกว่า โชคดีที่หานเซิ่นนำยีนซีโน่เจเนอิคระดับดยุกบางส่วนติดตัวมาด้วย ทำให้เพิ่มยีนระดับดยุกจนเต็มหนึ่งร้อยได้อย่างรวดเร็ว พวกมันเป็นทรัพยากรที่อี๋ซามอบให้กับเขา เมื่อเขาได้เป็นเด็กศักดิ์สิทธิ์ของแนร์โรว์มูน
“ร่างต่อสู้กายหยกถึงมาตรฐานที่จำเป็น ต้องการจะปลดล็อคยีนหรือไม่?”
“ร่างต่อสู้เลือดกลายพันธุ์ถึงมาตรฐานที่จำเป็น ต้องการปลดล็อคยีนหรือไม่?’
เสียงประกาศดังขึ้นในหัวของหานเซิ่น เขาประหลาดใจและไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว วิชากายหยกทำงานด้วยตัวของมันเอง หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็กลายเป็นหยก บางอย่างที่เหมือนกับสวิตซ์ภายในยีนของเขาถูกสับ มันเหมือนกับว่าหน้าต่างทั้งหมดภายในห้องที่ปิดตายตอนนี้ถูกเปิดออก ด้วยเหตุนั้นพลังงานที่อยู่ภายนอกจึงสามารถเข้าไปเติมเต็มร่างกายของเขาได้ พลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดพลุ่งพล่านในตัวของหานเซิ่น
“ร่างต่อสู้กายหยกปลดล็อคยีนขั้นที่ 1”
หานเซิ่นตกใจ เขาเคยปลดล็อคยีนภายในก็อตแซงชัวรี่มาก่อน แต่เขาไม่รู้ว่าร่างกายที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่และการมาที่จักรวาลจีโนนั้นต้องปลดล็อคยีนอีกครั้ง
แต่การปลดล็อคนี้แตกต่างไปจากในก็อตแซงชัวรี่ ตอนนี้หลังจากที่ยีนถูกปลดล็อค หานเซิ่นก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาเชื่อมต่อกับดวงดาว ด้วยการยืนอยู่บนดาวดวงหนึ่ง เขาสามารถที่จะดึงพลังของดวงดาวมาใช้ได้ มันทำให้เขานึกไปถึงคำบรรยายเกี่ยวกับร่างแอสทรัลที่เคยได้ยินก่อนหน้านี้
หลังจากที่ปลดล็อคยีนของวิชากายหยก ยีนระดับดยุกทั้งหนึ่งร้อยก็หายไป และยีนระดับดยุกของเขากลับมาอยู่ที่ศูนย์อีกครั้ง
“นี่หมายความว่าเราต้องใช้ยีนระดับดยุก 100 เพื่อปลดล็อคหนึ่งยีนอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรู้สึกเสียใจกับความจริงที่ว่าเขาไม่ได้นำยีนซีโน่เจเนอิคทั้งหมดติดตัวมาด้วย
แต่เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับมัน เขาก็รู้สึกตัวว่าการนำพวกมันติดตัวมาไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่นัก เขาไม่มีที่สำหรับเก็บพวกมัน และถ้าการปลดล็อคยีนหนึ่งต้องใช้ยีนระดับดยุกถึงหนึ่งร้อย อย่างนั้นแล้วการปลดล็อคยีนของวิชาจีโนทั้ง 4 ก็จำเป็นต้องใช้ยีนระดับดยุกถึง 4 ร้อย นอกจากนั้นมันอาจจะมียีนที่เขายังไม่รู้อีก แบบนั้นยังไงซะยีนซีโน่เจเนอิคที่เขาเก็บสะสมเอาไว้ก็ไม่เพียงพอที่จะปลดล็อคยีนทั้งหมดอยู่แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกดีใจ ถ้าหนึ่งร้อยยีนระดับดยุกสามารถปลดล็อคยีนหนึ่งได้ อย่างนั้นแล้ววิชาเรื่องราวของยีนก็ควรจะทำตามกฎเดียวกัน การใช้ยีนระดับดยุกหนึ่งร้อยยีนเพื่อปลดล็อคยีนนั้นดีกว่าการใช้ทรัพยากรมากมายมหาศาลเพื่อทำให้เรื่องราวของยีนแทบจะไม่คืบหน้าไปไหน
แต่น่าเสียดายที่เรื่องราวของยีนยังไม่ถึงระดับดยุก ด้วยแหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่สามารถทดสอบทฤษฎีนี้ได้
‘ยังไงก็ตามเราจำเป็นต้องหายีนซีโน่เจเนอิคระดับดยุกมามากกว่านี้’
หานเซิ่นไม่คิดจะฝึกในสวนของกษัตริย์อีกต่อไป หลังจากที่คิดดูดีๆแล้วเขาก็ตัดสินใจว่าจะออกไปล่าซีโน่เจเนอิค
“องค์หญิง การฝึกของข้าในที่แห่งนี้ไปไกลที่สุดเท่าที่จะไปได้แล้ว มันไม่มีอันตรายอะไรภายในสวนของกษัตริย์ ดังนั้นทำไมเธอถึงไม่อยู่ฝึกที่นี่ ขณะที่ข้าออกไปล่าซีโน่เจเนอิค”
นี่คือผลประโยชน์จากการที่หานเซิ่นเลือกไป๋เวย ถ้าเขาเป็นองครักษ์ของไป๋ชางลัง เขาก็ต้องเคลื่อนไหวตามคำสั่งขององค์ชายเท่านั้น เขาไม่สามารถพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้
ไป๋เวยคิดอยู่ชั่วครู่และพูด “ถ้าเจ้าอยากจะล่าซีโน่เจเนอิค เจ้าก็ไปที่พิมานของอัศวิน ที่นั่นถูกสร้างขึ้นสำหรับราชองครักษ์ มันมีซีโน่เจเนอิคมากมายอยู่ที่นั่น และมีเพียงแค่ราชองครักษ์เท่านั้นที่เข้าไปได้”
การฆ่าฟันถูกห้ามภายในสวนของกษัตริย์ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายอะไร ไป๋เวยไม่เห็นว่ามันจะมีเหตุผลอะไรที่จะบังคับให้หานเซิ่นอยู่ที่นี่ด้วย เธอไปส่งหานเซิ่นออกจากสวนของกษัตริย์ ก่อนที่เธอจะกลับไปฝึกด้วยตัวเอง
ไป๋เวยไม่มีคิดจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงมังกรกษัตริย์รากแก้ว ดังนั้นเธอจึงไปหามังกรกษัตริย์ที่ด้อยกว่าเพื่อฝึกฝน แบบนั้นมันก็ไม่มีใครจะเสียเวลามาต่อสู้แย่งชิงกับเธอ
หานเซิ่นอยากจะพาเป่าเอ๋อ นกแดงน้อยและกิเลนโลหิตเข้าไปในพิมานของอัศวินด้วย แต่เขาถูกบอกว่ามีแค่ราชองครักษ์เท่านั้นที่เข้าไปได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงต้องไปตามลำพัง
พิมานของอัศวินเป็นระบบจักรวาลระบบหนึ่ง มันไม่มีดวงดาวที่สนับสนุนการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตทั่วไป แต่ถึงอย่างซีโน่เจเนอิคมากมายก็อาศัยอยู่ที่นั่น
ถึงแม้หานเซิ่นจะมีวาฬขาวอยู่ เขาก็ไม่คิดจะใช้มัน หลังจากที่เข้าไปในพิมานของอัศวินแล้ว เขาก็เห็นว่าระบบจักรวาลเป็นที่อยู่อาศัยของกุ้งกาแลกติก
หานเซิ่นสังเกตเหล่ากุ้งกาแลกติกและพบว่าพวกมันส่วนใหญ่เป็นระดับดยุก แต่พวกมันมีกันอยู่ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับฝูงกุ้งกาแลกติกในระดับจักรวาลเคออสแล้ว จำนวนของพวกมันก็ดูน้อยอย่างน่าสมเพศ
หานเซิ่นไม่ได้เข้าไปฆ่าเหล่ากุ้งกาแลกติก เขาบินตรงไปยังดวงดาวสีส้มแทน ก่อนที่จะเข้ามาในที่นี่ เขาได้ทำการสืบค้นข้อมูล เขารู้ว่าดาวสีส้มนั้นเต็มไปด้วยซีโน่เจเนอิคที่เป็นหินและโลหะ พลังป้องกันของพวกมันถือว่าน่าประทับใจอย่างมาก และพวกมันก็ถือว่าหาได้ยาก แต่ที่นั่นขาดแคลนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน ด้วยเหตุนั้นราชองครักษ์คนอื่นจึงไม่คิดจะมาล่าบนดาวดวงนี้
เนื่องจากหานเซิ่นไม่มีคิดจะไปล่าบนดวงดาวที่เป็นที่นิยม เขาก็มีเรื่องให้กังวลน้อยลงไป การล่าบนดวงดาวที่เป็นที่นิยมจะมีราชองครักษ์ระดับราชันอยู่มากเกินไป และพวกเขาก็เป็นภัยที่ใหญ่หลวงที่สุดสำหรับหานเซิ่น
พิมานของอัศวินไม่เหมือนกับสวนของกษัตริย์ เพราะที่นี่มีแค่ราชองครักษ์เท่านั้นที่เข้ามาได้ กฎข้อบังคับจึงหละหลวมกว่า หานเซิ่นไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ถ้าเขาต้องไปเจอกับคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไม่เป็นมิตร
หานเซิ่นลงมาเหยียบบนดาวคิงคอง และเขาพบตัวเองถูกห้อมล้อมไปด้วยก้อนหินสีส้มไกลสุดลูกหูลูกตา ขณะที่หินสีส้มแก่ตัวลง พวกมันก็จะค่อยเสื่อมโทรมกลายเป็นทรายสีส้ม
เนื่องจากสภาพแวดล้อมของดาวดวงนี้ไม่ได้สนับสนุนสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไป บนดวงดาวจึงไม่มีพืชอยู่เลย นั่นหมายความว่าอุณหภูมิบนผิวของดวงดาวราวๆ 200 เคลวินเท่านั้น แรงโน้มถ่วงก็มากกว่าดวงดาวส่วนใหญ่หลายเท่าอีกด้วย มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ที่นี่ได้
แต่สภาพแวดล้อมแบบนั้นไม่มีผลต่อดยุกคนหนึ่ง หานเซิ่นเหยียบลงบนทรายสีส้มและเริ่มเดินออกไป
เนื่องจากซีโน่เจเนอิคซ่อนตัวอยู่ในถ้ำหรือใต้เนินทราย ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกจะเดินไปบนพื้น
ซีโน่เจเนอิคส่วนใหญ่บนดาวคิงคองนั้นชอบอาศัยอยู่ตามลำพัง ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ราชองครักษ์คนอื่นไม่อยากมาที่นี่ ถึงแม้ราชองครักษ์ระดับราชันจะต้องการยีนซีโน่เจเนอิคระดับต่ำ มันก็จะใช้เวลานานกว่าที่พวกเขาจะสะสมยีนซีโน่เจเนอิคได้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากการที่ซีโน่เจนอิคของดาวดวงนี้นั้นอยู่อาศัยตามลำพัง
หานเซิ่นเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งเขาเห็นทรายยกตัวขึ้นรอบๆตัว บางสิ่งที่สูง 3 เมตรโผล่ขึ้นมาจากพื้นทรายอย่างกะทันหัน
ตอนที่ 2314
ดวงตาหานเซิ่นแว็บเหมือนกับฟ้าแลบ ขณะที่เขาหันหน้าไปมองสิ่งที่ออกมาจากทราย
มันเป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ที่ทำขึ้นมาจากหิน มันทะยานออกมาจากทรายและชกหมัดเข้าใส่หานเซิ่นในทันที
หานเซิ่นก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วเพื่อหลบหมัดของมนุษย์หิน
เห็นได้ชัดว่าหินคือธาตุของมัน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่ซีโน่เจเนอิคตัวนี้จะปลดปล่อยพลังออกมาจากร่างกายของมัน แต่ทว่ามันเชี่ยวชาญในการใช้พลังเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของตัวเอง ดังนั้นพละกำลังทางกายภาพของมันจึงน่าประทับใจอย่างมาก
ขณะที่มนุษย์หินแกว่งหมัดใส่เขาอีกครั้ง หานเซิ่นใช้วิชากายหยก หลังจากนั้นเขาก็ชกหมัดของตัวเองไปปะทะกับหมัดของมนุษย์หิน
Pang!
หมัดหยกของหานเซิ่นปะทะกับหมัดของมนุษย์หิน หมัดขนาดใหญ่ของมนุษย์หินแตกเป็นเสี่ยงๆด้วยหมัดของหานเซิ่น เศษหินกระจัดกระจายไปทั่วพื้นทรายรอบตัวของพวกเขา
หานเซิ่นชกใส่มนุษย์หินอย่างต่อเนื่องโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว หลังจากชกไม่กี่หมัดร่างกายของมนุษย์หินก็ไม่เหลืออะไร นอกจากเศษหินที่กองอยู่บนพื้นทราย
“ซีโน่เจเนอิคดยุกปีศาจหินถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกพบ”
หานเซิ่นไม่ได้รับวิญญาณอสูร แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังอะไร เขาขุดคุ้ยเศษซากของศัตรูจนกระทั่งเขาพบคริสตัลสีโคลนอันหนึ่ง
หานเซิ่นหยิบคริสตัลขึ้นมาและเริ่มเดินต่อไปบนทะเลทราย ตอนนี้เมื่อวิชากายหยกปลดล็อคยีนขั้นแรกแล้ว เขาก็สามารถยืนพลังจากดวงดาวมาใช้ได้ ความสามารถนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างมีประโยชน์ เขายืนอยู่บนดาวคิงคองและฟื้นคืนพลังงานที่ใช้ไปในตอนที่เขาสังหารปีศาจหิน
หานเซิ่นเดินต่อไปหนึ่งร้อยไมล์ และในระหว่างนั้นเขาได้พบกับปีศาจหินเพียงแค่ 2 ตัว ซีโน่เจเนอิคบนดาวดวงนี้หายากมาก แต่เพราะอย่างนั้นมันจึงไม่มีความเสี่ยงอะไร หานเซิ่นแค่ต้องใช้เวลานานขึ้นเพื่อสะสมยีนระดับดยุกเท่านั้น
หานเซิ่นสามารถบินได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงทะยานขึ้นสู่อากาศเพื่อจะเร่งความเร็วขึ้นหน่อย เขาเดินทางข้ามทะเลทรายจนกระทั่งเขาเห็นหมอกสีดำปกคลุมดินแดนตรงหน้า
หานเซิ่นคิดว่ามันอาจจะเป็นพายุทะเลทรายหรือการรวมตัวกันของเมฆดำ แต่มันมีบางสิ่งที่ผิดปกติ ชั้นบรรยากาศของดาวดวงนี้เบาบางเกินกว่าที่จะก่อตัวเป็นพายุทะเลทรายหรือเมฆจริงๆ
หมอกสีดำเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วมันเกิดจากฝูงของแมลงวันหินไม่ใช่พายุทราย
แมลงวันหินดูเกือบจะเหมือนกับแมลงวันทั่วๆไป เพียงแต่ร่างกายของพวกมันประกอบด้วยหินสีดำ พวกมันเป็นซีโน่เจเนอิคระดับต่ำที่เห็นได้ทั่วไปบนดาวคิงคอง พวกมันเป็นซีโน่เจเนอิคชนิดเดียวบนดวงดาวที่จู่โจมเป็นกลุ่ม
การฆ่าพวกมันเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ เพราะแมลงวันหินส่วนใหญ่เป็นระดับบารอน แม้แต่ตัวที่เป็นระดับไวเคานต์ก็หาได้ยากมากๆ ไม่มีราชองครักษ์คนไหนที่จะมาสนใจเกี่ยวกับยีนซีโน่เจเนอิคของแมลงวันหิน
ขณะที่แมลงวันหินเข้ามาใกล้ หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากฝูงของพวกมัน มันฟังดูเหมือนกับว่ามีบางสิ่งที่ใหญ่โตกว่าอยู่ท่ามกลางฝูงของแมลงสีดำ
แต่มันมีแมลงวันหินอยู่มากเกินไปราวกับก้อนเมฆสีดำ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน
“แมลงวันหินเยอะแยะจริงๆ จากประวัติของดาวคิงคอง มันเป็นอะไรที่ผิดปกติที่จะได้เห็นพวกมันเยอะขนาดนี้ ทำไมพวกมันทั้งหมดถึงมาอยู่ที่นี่ อะไรกันที่ดึงดูดพวกมันมา?” หานเซิ่นสงสัย
หานเซิ่นสวมใส่ชุดเกราะกุ้งมังกรกาแลกติกที่สามารถปกป้องได้แม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับราชัน หานเซิ่นจึงไม่ได้กังวลอะไรกับเหล่าแมลงตรงหน้า ดังนั้นเขาจึงเดินตรงเข้าไปในฝูงของแมลงวันหิน เขาอยากจะเห็นว่าอะไรอยู่ข้างในนั้น
ถึงแม้มันจะมีซีโน่เจเนอิคระดับราชันตัวหนึ่งอยู่ หานเซิ่นก็สามารถต่อกรกับมันได้ และถ้าเขาสังหารซีโน่เจเนอิคระดับราชันได้ ยีนซีโน่เจเนอิคของมันก็จะเป็นรางวัลที่เยี่ยมยอดสำหรับเขา
แมลงวันหินมีจำนวนมากจนตกใจ หานเซิ่นเดินฝ่าฝูงของพวกมันเข้าไปและมันก็เกิดเป็นเสียงคล้ายกับพายุฝน ขณะที่แมลงวันหินชนเข้ากับชุดเกราะของเขา
แต่แมลงวันหินไม่ได้พยายามจะโจมตีเขา พวกมันแค่มีจำนวนเยอะเกินไปจนและพวกมันชนกับชุดเกราะของหานเซิ่นโดยบังเอิญ
หานเซิ่นเดินฝ่าฝูงแมลงวันหินไป และหลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็เห็นเงาเบลออยู่ตรงหน้า ยิ่งเขาเข้าไปใกล้เงานั้นมากเท่าไหร่ แมลงวันหินรอบๆก็เยอะขึ้นมากเท่านั้น ในที่สุดเงาเบลอนั้นก็เริ่มจะชัดเจนขึ้นมา มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนกับเสือหรือสิงโตตัวหนึ่ง
แต่เงานั้นถูกปกคลุมไปด้วยแมลงวันหินจำนวนมาก ซึ่งทำให้หานเซิ่นมองไม่เห็นผิวของมันแม้แต่นิดเดียว นอกจากเค้าโครงหยาบๆแล้ว ร่างของสิ่งมีชีวิตนั้นก็ถูกซ่อนจากสายตาของเขา หานเซิ่นบอกได้แค่ว่ามันมีความสูง 20 เมตรและยาว 30 เมตร
ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นกำลังเดินฝ่าฝูงแมลงวันหินเข้ามาทางเขา แมลงหินบินรอบตัวของมันอย่างคลุ้มคลั่ง ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นเข้ามาใกล้กับหานเซิ่น แต่มันก็ยังคงเดินหน้าต่อไปโดยไม่แสดงทีท่าที่ว่าจะจู่โจมหานเซิ่น
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขากระทืบเท้าและปล่อยคลื่นกระแทกออกไปรอบตัวเพื่อทำให้ทุกอย่างกลายเป็นหิน ถึงแม้แมลงวันหินจะเป็นธาตุหิน ซึ่งทำให้มันมีภูมิต้านทานต่อพลังแบบนั้น แต่เหล่าแมลงวันหินก็มีระดับที่ต่ำเกินไป
หานเซิ่นปล่อยคลื่นกระแทกออกไปรอบตัวและทำให้แมลงวันหินถูกสาปกลายเป็นหินเมื่อถูกสัมผัส เมื่อเหล่าแมลงวันหินรอบๆถูกสาปกลายเป็นหินและเริ่มร่วงตามๆกันลงไปที่พื้น โฉมหน้าที่แท้จริงของซีโน่เจเนอิคตัวนั้นก็ถูกเปิดเผยขึ้นมาให้เห็น
มันเป็นหมาป่าที่ทำขึ้นมาจากโลหะสีฟ้า แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างมันได้รับบาดเจ็บอย่างมาก เลือดอาบทั่วร่างกายของมัน
และที่แมลงวันหินบินตอมรอบๆตัวหมาป่าก็เพราะต้องการจะดื่มเลือดสีฟ้าที่ไหลออกมาจากร่างกายของมัน
ทันใดนั้นหมาป่าโลหะสีฟ้าก็กระอักเลือดออกมา 2 ครั้ง มันยังคงพยายามจะเดินต่อไปข้างหน้า ขณะที่แมลงหินมากมายบินรอบๆตัวของมัน
หานเซิ่นส่งคลื่นกระแทกออกไปเพื่อสาปเหล่าแมลงให้กลายเป็นหินอีกครั้ง แต่ฝูงของแมลงวันหินนั้นทอดยาวออกไปไกลเหนือระยะการโจมตีของเขา ในเวลาเพียงแค่ 2 วินาทีแมลงตัวอื่นก็เข้าปกคลุมร่างกายของหมาป่าโลหะสีฟ้าอีกครั้งหนึ่ง
หมาป่าโลหะสีฟ้าแทบดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นเหล่าแมลงวันหิน มันยังคงเดินหน้าต่อไป ทุกก้าวของมันทิ้งรอยอุ้งเท้าขนาดใหญ่เอาไว้บนพื้นทราย
“โชคดีจริงๆที่ได้มาพบกับซีโน่เจเนอิคระดับราชันที่ได้รับบาดเจ็บ”
หานเซิ่นดีใจ หมาป่าโลหะสีฟ้าดูบาดเจ็บสาหัส และหานเซิ่นก็เชื่อว่ามันอ่อนแอพอที่จะฆ่าตายได้ง่ายๆ เขาหยิบมีดเขี้ยวผีสิงและธันเดอร์ก็อตสไปค์ออกมา เขาตั้งใจจะโจมตีหมาป่าโลหะที่ได้รับบาดเจ็บ
ในจังหวะที่หานเซิ่นกำลังจะจู่โจม เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากท้องฟ้า
เสียงกรีดร้องนั้นเป็นเหมือนกับคลื่นกระแทกที่แพร่กระจายออกมาจากจุดไหนสักแห่งเหนือหัวของเขา แมลงวันหินนับไม่ถ้วนระเบิดภายใต้แรงกดดันของเสียงกรีดร้องที่ดุร้ายนั้น ในชั่วพริบตาฝูงแมลงที่ปกคลุมท้องฟ้าก็สลายกลายเป็นผุยผง
ดวงตาของหานเซิ่นเบิกกว้าง มังกรหินผาตัวหนึ่งโบยบินอยู่บนท้องฟ้า ร่างกายของมังกรหินผานั่นดูเหมือนกับหยกดำ มันกระพือปีกและบินโฉบลงมาด้วยความเร็วสูง ปีกของมันตัดอากาศราวกับใบมีดหินที่คมกริบ และกรงเล็บที่แหลมคมของมันก็ยื่นเข้าหาหมาป่าที่ได้รับบาดเจ็บ
“ซีโน่เจเนอิคระดับราชันงั้นหรอ?”
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาจ้องไปที่หมาป่าโลหะตัวใหญ่และเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ “พยายามที่จะขโมยของจากข้าอย่างนั้นหรอ? ข้าจะบอกแกซะตอนนี้ว่าแกไม่มีความสามารถพอจะทำอะไรแบบนั้น”
ตอนที่ 2315
มังกรหินบินโฉบเข้ามาที่หัวของหมาป่าโลหะสีฟ้า แต่หานเซิ่นยังไม่เคลื่อนไหว
แม้แต่อูฐที่ผอมแห้งก็ยังใหญ่กว่าม้า ดังนั้นถึงแม้หมาป่าโลหะสีฟ้าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่มันก็ยังมีพละกำลังเหลืออยู่ มันไม่มีทางที่จะล้มลงไปง่ายๆ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงมีแผนที่จะปล่อยให้มังกรหินผาและหมาป่าโลหะต่อสู้กันไปก่อน
มังกรหินผาบินโฉบลงถึงพื้น แสงแห่งเทพของมันแพร่ออกเป็นวงกว้างและครอบคลุมหมาป่าโลหะสีฟ้า เครื่องหมายหินปรากฏขึ้นบนร่างกายของหมาป่า
ดูเหมือนว่ามังกรหินผาจะมีความสามารถในการสาปสิ่งต่างให้กลายเป็นหินเช่นกัน และเมื่อดูจากผลลัพธ์แล้ว พลังของมันก็เหนือกว่าของวัวหินผาปีศาจมาก
หมาป่าโลหะสีฟ้าไม่ได้ตอบสนองต่อคลื่นกระแทกของหานเซิ่น แต่แสงแห่งเทพของมังกรหินผาทิ้งเครื่องหมายหินเอาไว้บนร่างของหมาป่า และดูเหมือนว่าพลังนั้นจะยังฝังลึกเข้าไปในบาดแผลของหมาป่า ขณะที่หินเริ่มจะก่อตัวและแข็งตัวรอบๆหมาป่าที่ได้รับบาดเจ็บ
กรงเล็บของมังกรหินผายื่นออกมาเพื่อจะคว้าคอของหมาป่า
หมาป่าโลหะก้มหัวอยู่ตลอดการเดินทาง มันไม่ได้ใช้แสงแห่งเทพระดับราชันของตัวเอง แต่เมื่อกรงเล็บของมังกรหินผาเข้ามาใกล้ เจ้าหมาป่าก็เงยหัวของมันขึ้น
กรงเล็บของมังกรหินผากระแทกเข้ากับหน้าของเจ้าหมาป่า แต่หมาป่าโลหะสีฟ้าไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ กรงเล็บของมังกรหินผาไม่สามารถเจาะทะลุผิวหนังของเจ้าหมาป่าได้
ชหมาป่าโลหะสีฟ้ากัดปีกของมังกรหินผาและฉีกพวกมันขาดในทันที
หานเซิ่นมองดูด้วยความตกใจ ขณะที่มังกรหินผาส่งเสียงกรีดร้องออกมา หมาป่าโลหะสีฟ้าก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา มันแค่ใช้กรงเล็บและเขี้ยวของมันฉีกร่างของมังกรหินผาระดับราชันจนขาด เลือดกระเด็นออกไปทุกหนทุกแห่ง
เมื่อร่างของมังกรหินผาถูกฉีกขาดไปแล้ว เครื่องหมายหินบนตัวของหมาป่าโลหะสีฟ้าก็หายไป พลังของมังกรหินผาดูเหมือนจะไม่มีผลต่อเจ้าหมาป่าอีก
หมาป่าโลหะฉีกร่างของมังกรต่อไปเพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง มันฉีกเอากระดูกสันหลังที่เป็นหินของมังกรออกมา หานเซิ่นคิดว่านั่นคงจะเป็นยีนซีโน่เจเนอิคของมังกรหินผา เจ้าหมาป่าขบเคี้ยวเล็กน้อยก่อนที่จะกลืนมันเข้าไปในคำเดียว หลังจากนั้นเจ้าหมาป่าก็เดินจากไป
หานเซิ่นอึ้งไป หมาป่าโลหะสีฟ้าไม่แม้แต่จะใช้แสงแห่งเทพ แต่มันก็เอาชนะเจ้ามังกรหินผาระดับราชันได้อย่างง่ายดาย ความแข็งแกร่งของมันน่าสะพรึงกลัวกว่าที่หานเซิ่นคาดคิดเอาไว้
ในตอนแรกหานเซิ่นคิดจะใช้ประโยชน์จากสภาพบาดเจ็บของเจ้าหมาป่า แต่หลังจากที่ได้เห็นความโหดร้ายของมัน เขาก็ล้มเลิกความคิดนั่นไป
‘หมอนี่ต้องเป็นซีโน่เจเนอิคระดับราชันกลายพันธุ์ไม่ผิดแน่’ หานเซิ่นคิด
แต่มันมีเรื่องที่หานเซิ่นยังไม่เข้าใจ หมาป่าโลหะสีฟ้าตัวนี้แข็งแกร่งมาก มันสามารถฆ่าศัตรูระดับราชันได้ในเวลาอันสั้น แม้แต่มังกรหินผาระดับราชันก็ไม่สามารถเจาะทะลวงร่างกายโลหะของเจ้าหมาป่าได้ และหลังจากที่ถูกสาปให้กลายเป็นหิน เจ้าหมาป่าก็สามารถพื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว นั่นหมายความว่ามันมีพลังในการฟื้นฟูที่สุดยอด
ไม่ว่าจะดูยังไงมันก็เป็นซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัว แต่ทว่ามันมีบาดแผลที่ตัวมันเองไม่สามารถรักษาได้อยู่และมันยังคงมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง นั่นทำให้หานเซิ่นสงสัยว่ามันตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ยังไง
จากข้อมูลที่เขาหามาได้เกี่ยวกับพิมานของอัศวิน ภายในนี้มีสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าอยู่ก็จริง แต่มันไม่มีประวัติที่บอกว่ามีสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าอาศัยอยู่บนดาวคิงคอง
“นี่ดาวคิงคองเป็นที่อยู่อาศัยของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่ยังไม่ถูกค้นพบอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นแปลกใจ เขาพอจะรับมือกับซีโน่เจเนอิคระดับราชันตามลำพังได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า
การเห็นหมาป่าโลหะสีฟ้าเดินทางลึกเข้าไปในทะเลทราย ทำให้หานเซิ่นลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจตามหมาป่าโลหะสีฟ้าไป เขาอยากจะเห็นว่าเจ้าหมาป่ากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน
หานเซิ่นคิดว่าถ้าหมาป่าโลหะสีฟ้ากำลังจะตายจริงๆ เขาก็อาจจะยังมีโอกาสอยู่
หมาป่าโลหะสีฟ้าเดินไปบนทะเลทรายเรื่อยๆ ในตอนนี้เมื่อหานเซิ่นได้เห็นเจ้าหมาป่าต่อสู้ เขาก็ไม่คิดจะประมาทอีก ถ้ามันต้องการจะเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้น มันก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน
ที่ไหนก็ตามที่หมาป่าโลหะสีฟ้าเดินผ่าน ซีโน่เจเนอิคทุกตัวที่เห็นต่างก็พากันหนีไป ไม่มีซีโน่เจเนอิคตัวไหนอยากจะเข้ามาใกล้เจ้าหมาป่ายักษ์ตัวนี้
ยกเว้นก็แต่เหล่าแมลงวันหิน พวกมันยังคงบินตอมรอบบาดแผลของหมาป่าโลหะสีฟ้าเพื่อดื่มเลือดของเจ้าหมาป่า
แต่หมาป่าโลหะไม่คิดจะฆ่าพวกมัน เจ้าหมาป่ายังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินลึกเข้าไปในทะเลทรายต่อไป
หานเซิ่นติดตามมันไปกว่า 70-80 ชั่วโมง จนในที่สุดหมาป่าโลหะสีฟ้าก็หยุดเท้าของมัน
หุบเขาตรงหน้าพวกเขาดูยิ่งใหญ่ แต่แทนที่จะมีน้ำไหลผ่านหุบเขา มันกลับมีลาวาไหลผ่านแทน หมาป่าโลหะสีฟ้ามองไปที่สายธารลาวาอยู่สักครู่ หลังจากนั้นมันก็กระโดดลงไปในลาวา
หานเซิ่นบินไปรอบๆหุบเขาขนาดใหญ่ หลังจากที่หมาป่าโลหะสีฟ้ากระโดดลงไปในลาวา มันก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว มันเหมือนกับว่าเจ้าหมาป่าจมลงไปในลาวา
“แปลกจริงๆ เจ้าหมาป่านั่นดูไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตธาตุไฟ มันไม่น่าจะอยู่ในลาวาไปตลอด แต่ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วทำไมมันถึงมาที่นี่? หรือว่ามันคิดว่าตัวมันเองกำลังจะตายจริงๆ และต้องการจะจบทุกสิ่งที่นี้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกินโดยสิ่งมีชีวิตอื่น?” หานเซิ่นคิดว่านี่มันแปลกมากๆ
หานเซิ่นมองไปรอบๆ และในที่สุดเขาก็เห็นว่าลาวาเป็นที่อยู่อาศัยของงูที่ดูเหมือนกับก้อนหิน แต่พวกมันไม่ได้เข้าไปในตำแหน่งที่หมาป่าโลหะสีฟ้ากระโดดลงไป
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหานเซิ่น แต่เขาอยากรู้อยากเห็น เขาไม่อยากจะจากไปทั้งๆอย่างนั้น
หานเซิ่นตัดสินใจล่าซีโน่เจเนอิคที่อยู่ใกล้เคียง ขณะที่รอคอยให้หมาป่าโลหะสีฟ้าตัวนั้นกลับออกมา
เกือบจะผ่านไป 4 วันแล้ว แต่ธารลาวาก็ยังคงเงียบสงบ มันทำให้หานเซิ่นรู้สึกหดหู่
หานเซิ่นอยากจะดำลงไปในลาวาเพื่อดูใกล้ๆ แต่เขาไม่สามารถตัดสินใจได้
ซีโน่เจเนอิคหลายตัวอาศัยอยู่ในลาวา แต่ไม่มีพวกมันตัวไหนที่กล้าเข้าไปในบริเวณที่เจ้าหมาป่าดำลงไป บางทีพวกมันอาจจะหวาดกลัวหมาป่าโลหะสีฟ้า หรือไม่มันก็อาจจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าข้างล่างนั่น
“ซีโน่เจเนอิคงูหินระดับมาร์ควิสผาถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกพบ”
หานเซิ่นฆ่างูหินผาตัวหนึ่งด้วยความเบื่อ มันไม่มีซีโน่เจเนอิคอยู่แถวๆนี้มากนัก และนี่ก็เป็นซีโน่เจเนอิคตัวสุดท้ายที่อยู่บริเวณนี้
หานเซิ่นกัดฟันและกลับไปในบริเวณที่หมาป่าโลหะสีฟ้าหายตัวไป เขาคิดว่าการรอต่อไปเป็นอะไรที่เสียเวลา ดังนั้นตอนนี้เขามีตัวเลือกอยู่ 2 ทาง เขาจะไปจากที่นี่และออกล่าต่อ หรือเขาจะลงไปในลาวาเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ในนั้นกันแน่
เพราะความอยากรู้อยากเห็น หานเซิ่นจึงเลือกตัวเลือกที่ 2 เขาสวมใส่ชุดเกราะกุ้งมังกรกาแลกติกและเปิดใช้งานออร่าศาสตร์ตงเสวียน หลังจากนั้นเขาจุ่มหัวของตัวเองลงไปในลาวา
ตอนที่ 2316
จุดหลอมเหลวของหินบนดาวคิงคองนั้นสูงมากๆ ดังนั้นตัวลาวาเองจึงร้อนอย่างไม่น่าเชื่อ
หานเซิ่นสวมใส่ชุดเกราะกุ้งมังกรกาแลกติกและใช้วิชากายหยกอย่างเต็มกำลัง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกราวกับว่าผิวถูกเผาจนเกรียมอยู่ดี
ลาวาไม่ได้โปร่งใสเหมือนกับน้ำ ดังนั้นดวงตาจึงไร้ประโยชน์ หานเซิ่นจำเป็นต้องใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อตรวจดูบริเวณรอบๆแทน
ธารลาวากว้างใหญ่กว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้ หลังจากที่ดำลงมาสักพัก หานเซิ่นก็ยังไม่เจอตัวหมาป่าโลหะสีฟ้า เขามองไม่เห็นก้นบึ้งของลาวาเช่นกัน มันเหมือนกับว่าเขากำลังหลงทางอยู่ในทะเลที่ไร้ที่สิ้นสุด
หานเซิ่นขมวดคิ้ว แต่หนึ่งนาทีหลังจากนั้นออร่าศาสตร์ตงเสวียนก็สัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งที่ว่ายผ่านลาวา
ไม่ใช่ มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแค่ตัวเดียว หานเซิ่นรู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่ามันมีซีโน่เจเนอิคมากมายว่ายอยู่ในลาวา
เขาถูกล้อมไปด้วยมังกรหินผาที่มีความยาวกว่าหนึ่งร้อยเมตร พวกมันทั้งหมดเล่นกันอยู่ภายในลาวา
หานเซิ่นสัมผัสได้ถึงตัวตนของของพวกมันอย่างละเอียด พวกมันทั้งหมดเป็นระดับราชันเป็นอย่างน้อย และพวกมันก็มีกันอยู่เป็นจำนวนมาก หานเซิ่นสัมผัสได้อย่างน้อยสิบตัว
โชคดีที่มังกรหินผาดูจะไม่ได้สนใจอะไรในตัวหานเซิ่น บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาตัวเล็กเกินไป ทำให้พวกมันไม่สนใจเขา
มังกรหินผาที่ยาวหนึ่งพันเมตรว่ายผ่านมาทางหานเซิ่น และเขาก็ตัดสินใจกระโดดไปเกาะร่างกายของมันเหมือนกับจิ้งจกตัวน้อยๆ เขาปล่อยให้มันพาตัวเขาไปข้างหน้า
ในทะเลลาวาที่ไร้ที่สิ้นสุดนี้ การจะหาหมาป่าโลหะสีฟ้าตัวหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บ ดูเหมือนจะไม่ใช่เป้าหมายที่เป็นจริงได้อีกต่อไป แต่ถ้าฝูงของมังกรหินผาไม่ได้ดุร้ายอะไร การใช้มังกรหินผาตัวหนึ่งในการสำรวจรอบๆก็ดูเป็นความคิดที่ดี
มังกรหินผาว่ายไปมาในลาวาอยู่สักพัก และที่สุดแล้วมันก็ดำลึกลงไปในทะเลลาวา
อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ และหานเซิ่นก็รู้สึกราวกับว่าผิวของเขากำลังลุกไหม้ โชคดีที่เกล็ดของมังกรหินผานั้นเย็น พวกมันไม่ได้เปลี่ยนอุณหภูมิไปตามความร้อนของลาวา ดังนั้นการกดตัวเองลงกับพวกมันทำให้หานเซิ่นรู้สึกดีขึ้นมาก
มันมีซีโน่เจเนอิคมากมายอาศัยอยู่ในทะเลลาวาแห่งนี้ พวกมันทั้งหมดเป็นธาตุไฟหรือไม่ก็ธาตุหิน แต่เมื่อพวกมันเห็นฝูงของมังกรหินผา ซีโน่เจเนอิคทุกตัวก็จะหลีกทางให้ ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนที่ต้องการจะต่อสู้กับเหล่ามังกรหินผา
แต่ถึงยังไงมันก็ยังไม่มีวี่แววของหมาป่าโลหะสีฟ้าให้เห็นเลย มันทำให้หานเซิ่นสงสัย “ที่นี่ไม่เหมาะสมกับหมาป่าโลหะสีฟ้า ทำไมมันถึงลงมาที่นี่กัน?”
ขณะที่หานเซิ่นกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นแรงกดดันที่ซัดใส่ตัวของเขา หลังจากนั้นความรู้สึกร้อนก็หายไปในพริบตา
หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าลาวาทั้งหมดหายไปแล้ว เขาลืมตาขึ้นและสิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาตกตะลึง
ลาวาที่ร้อนแรงถูกกีดกันเอาไว้โดยพลังบางอย่างที่มองไม่เห็น มันสร้างท้องฟ้าลาวาขึ้นมาและด้านล่างของท้องฟ้าลาวาก็คือเกาะที่เหมือนกับในความฝัน มันมีแอ่งน้ำ ภูเขา ดอกไม้และต้นไม้อยู่ที่นี่ เมฆสีขาวลอยอยู่รอบๆเกาะ มันทำให้ที่นี่ดูเหมือนกับเกาะบนสรวงสวรรค์
ที่ใจกลางของเกาะมีทะเลสาบที่ปล่อยไอน้ำออกมาราวกับบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ หมาป่าโลหะสีฟ้ากำลังอาบน้ำอยู่ภายในทะเลสาบนั้น มันดูเหนื่อยล้าอย่างมากราวกับว่ามันมาที่เกาะแห่งนี้เพื่อพักร้อน
ตอนนี้เหล่ามังกรหินผากำลังบินอยู่รอบๆเกาะ พวกมันอยากจะเข้าไปในทะเลสาบเช่นกัน แต่พวกมันดูหวาดกลัวเกินกว่าจะทำเข้าไป พวกเขาทำได้แค่คำรามใส่หมาป่าโลหะเท่านั้น
หมาป่าโลหะสีฟ้ายังคงอาบน้ำอย่างพึ่งพอใจและเมินเฉยต่อเสียงของมังกรหินผา
หานเซิ่นเห็นว่าบาดแผลของหมาป่าโลหะสีฟ้าเกือบจะฟื้นตัวแล้ว หลังจากแช่ตัวอยู่ในทะเลสาบหลายวัน เจ้าหมาป่าก็ดูเกือบจะหายดี
“น้ำของทะเลสาบนั่นรักษาสิ่งต่างๆได้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่ทะเลสาบนั้น
ทะเลสาบดูใสมากๆ และหานเซิ่นก็เห็นน้ำพุผุดๆขึ้นมาที่ศูนย์กลางของทะเลสาบ แต่หานเซิ่นสัมผัสถึงอะไรที่พิเศษเกี่ยวกับพวกมันไม่ได้
ทะเลสาบนั้นถูกห้อมล้อมไปด้วยภูเขา ต้นไม้และเถาวัลย์ ถ้ามันไม่ใช่ท้องฟ้าลาวา ที่นี่ก็คงจะดูเหมือนกับรีสอร์ต
ในที่สุดเหล่ามังกรหินผาก็สร้างความรำคาญต่อหมาป่าโลหะสีฟ้าได้สำเร็จ เพราะเจ้าหมาป่ายืนขึ้นมาจากทะเลสาบและคำรามกลับมาใส่พวกมัน
มังกรหินผาทั้งหมดดูตกใจ พวกมันรีบบินกลับขึ้นไปสู่ท้องฟ้าลาวาและหนีออกจากเกาะประหลาดที่อยู่ใต้ลาวานี้
เมื่อหานเซิ่นคำนึงท่าทางของเหล่ามังกรหินแล้ว เขาก็สรุปว่าเกาะแห่งนี้จะต้องเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่ามังกรหินผา แต่ดูเหมือนว่าหมาป่าโลหะสีฟ้าจะแย่งเกาะไปจากพวกมัน บางทีนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกมันถูกขับไล่ออกไป และหมาป่าโลหะสีฟ้าก็คงจะแค่ต้องการใช้ทะเลสาบของเกาะเพื่อรักษาตัวเอง
หานเซิ่นรู้สึกผิดหวัง บาดแผลของหมาป่าโลหะสีฟ้าเกือบจะฟื้นตัวแล้ว ตอนนี้แม้แต่เหล่ามังกรหินผาระดับราชันก็ยังหวาดกลัวต่อเจ้าหมาป่า ดังนั้นมันไม่มีโอกาสที่หานเซิ่นจะทำอะไรได้
หานเซิ่นออกมาจากร่างกายของมังกรหินผาและว่ายออกจากทะเลลาวา เขาอยากจะกลับไปที่หุบเขาเพื่อล่าซีโน่เจเนอิคต่อ
หานเซิ่นเดินทางตามเส้นทางที่คดเคี้ยวของหุบเขา หลังจากที่เดินทางได้หนึ่งพันไมล์ เขาก็พบมนุษย์หินอีกครั้ง เขาฆ่าพวกมันและเอายีนซีโน่เจเนอิคของพวกมันมา แต่เขายังคงไม่ได้รับวิญญาณอสูรของพวกมันเลยสักดวง
ทันใดนั้นเขาก็เห็นเงาของใครบางลงหล่นลงมาจากท้องฟ้า มันฝ่าชั้นบรรยากาศและตรงลงมาหาหานเซิ่น
เมื่อได้เห็นเงานั้น ใบหน้าของหานเซิ่นก็ซีดเผือก เขารีบหันหลังด้วยเจตนาที่จะหนีไป แต่เงานั้นรวดเร็วเกินไป เธอลงมาขวางหน้าหานเซิ่นเอาไว้
“อะไรกัน? นี่เจ้าจะรีบจากไปโดยไม่ทักทายข้าเลยหรือยังไง? เจ้าไม่ชอบหน้าข้าอย่างนั้นหรอ?” เงานั้นก็คือราชองครักษ์ผู้งดงาม เธอยิ้มให้กับหานเซิ่น
“มิสเตอร์เรดสลีฟ ข้าพบกับท่านแค่ครั้งเดียว ข้าแค่จำท่านไม่ได้เท่านั้น ข้าจะไม่ชอบหน้าท่านไปได้ยังไงกัน? ข้าแค่กำลังเร่งรีบล่าซีโน่เจเนอิค ถ้าท่านไม่ได้มีธุระอะไร ข้าต้องขอตัวก่อน” หานเซิ่นหันหลังและรีบเดินจากไป
เรดสลีฟยิ้มและพูด “น้องชายคนดีของข้า ภายในสวนของกษัตริย์ข้าเชื่อว่าเจ้าจดจำพี่สาวได้ถูกต้องไหม? อย่างนั้นแล้วทำไมเจ้าถึงได้พูดแบบนั้น?”
หานเซิ่นหนาวถึงกระดูกและฝืนยิ้มออกมา เขารู้ว่าไม่สามารถปกปิดความจริงได้อีก เขาหันไปหาเรดสลีฟ และร่างกายของเธอก็เปลี่ยนแปลงไปเรียบร้อยแล้ว เธอมีหูและหางจิ้งจอกที่ขาวเหมือนกับหิมะ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่หานเซิ่นคุ้นเคยเป็นอย่างดี เธอก็คือราชินีจิ้งจอก
“ใบหน้าของพี่สาวยังคงงดงามเหมือนเดิมเลย ข้าดีใจอย่างมากที่ได้พบกับท่านอีกครั้ง” หานเซิ่นยิ้ม แต่ในจิตใจของเขาพยายามคิดหาหนทางที่จะหนีไปจากที่นี่
ราชินีจิ้งจอกกล้าพอที่จะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนของเอ็กซ์ตรีมคิงและยังกลายเป็นคนใกล้ชิดขององค์ชายสิบสี่อีก เธอต้องวางแผนการใหญ่อะไรอยู่แน่นอน ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นรู้ว่าเธอปลอมตัวมา มันก็ไม่มีทางที่เธอปล่อยให้เขารอดชีวิตไป
ที่หานเซิ่นไม่แสดงออกมาว่าจำจดเธอได้ก่อนหน้านี้ ก็เป็นเพราะเขาหวังว่าเธอจะไม่รู้สึกตัวว่าเขาจำเธอได้ เขาคิดว่าคงจะอีกสักพักก่อนที่เธอจะรู้ความจริงว่าเขารู้ถึงความลับของเธอ เขาไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะมาหาเขาเร็วขนาดนี้
ตอนที่ 2317
ใบหน้าที่งดงามของราชินีจิ้งจอกมืดมัว “เจ้ากำลังเย้ยหยันข้าที่ข้าพ่ายแพ้ให้กับอาจารย์ของเจ้าอย่างนั้นหรอ?”
“พี่สาวอ่านคำพูดของข้าลึกเกินไปแล้ว” หานเซิ่นหัวเราะ
สีหน้าของราชินีจิ้งจอกเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง เธอพูดขึ้นมา
“ถ้าข้าไม่ถูกกักขังเป็นเวลายาวนานจนวิชาเสื่อมถอยล่ะก็ อาจารย์ของเจ้าไม่มีทางจะเอาชนะข้าได้ เมื่อข้าฟื้นคืนความแข็งแกร่งได้เมื่อไหร่ ข้าจะกลับไปฆ่านางซะ”
เห็นได้ชัดว่าราชินีจิ้งจอกยังแค้นต่ออี๋ซา เนื่องจากความพ่ายแพ้ของเธอ เธอดูจะใส่ใจกับการพ่ายแพ้เป็นอย่างมาก
“ถ้าท่านยังฟื้นตัวอยู่ ทำไมท่านถึงแผงตัวเข้ามาในเอ็กซ์ตรีมคิง?” หานเซิ่นถามด้วยรอยยิ้ม
ราชินีจิ้งจอกตอบเขาด้วยรอยยิ้ม “อย่าได้กังวล ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาให้กับเจ้า จริงๆแล้วข้าหวังว่าเจ้าจะร่วมมือกับข้า”
“ท่านต้องการให้ข้าร่วมมือ? ทำไมกัน?” หานเซิ่นมองราชินีจิ้งจอกด้วยความสับสน
“แน่นอนว่าเพื่อขโมยสมบัติออกไป ถ้ามันไม่มีสมบัติให้ชิงกลับไป อย่างนั้นแล้วข้าจะแฝงตัวเข้ามาเป็นหนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิงทำไม?”
ราชินีจิ้งจอกพูดพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้หานเซิ่น เธอยื่นมือออกมาเพื่อจะสัมผัสแก้มของหานเซิ่น แต่หานเซิ่นกระโดดถอยไปด้านหลัง 50 เมตรราวกับกระต่าย เขาดูตื่นกลัว
“เจ้าจะตื่นกลัวเกินไปแล้ว อย่าได้กังวล ข้าจำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือของเจ้า ข้าไม่มีเจตนาจะทำอะไรไม่ดีกับเจ้า” ราชินีจิ้งจอกพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา
หานเซิ่นพูด “ข้าเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง ข้าไม่คิดว่าจะช่วยอะไรท่านได้”
ราชินีจิ้งจอกกล้าแฝงตัวเข้ามาในเอ็กซ์ตรีมคิง ดังนั้นไม่ว่าอะไรที่เธอต้องการจะขโมยนั้นต้องเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ถ้าใครบางคนทำให้เอ็กซ์ตรีมคิงโกรธ พวกเขาก็จะทำลายล้างครอบครัวและเพื่อนของคนๆนั้น
ถึงแม้ตัวหานเซิ่นเองจะไม่กลัว แต่เขาก็ต้องนึกถึงครอบครัวและเพื่อนของเขาบนดาวอุปราคา
แถมผู้หญิงที่ชั่วร้ายอย่างราชินีจิ้งจอกไม่สามารถเชื่อใจได้ เธอพร้อมที่จะทรยศทุกคนเมื่อไหร่ก็ได้
“เจ้าจะช่วยข้า ข้าเพียงแค่มาที่นี่เพื่อพูดทักทาย”
ราชินีจิ้งจอกพูด ร่างกายของเธอกลับไปเป็นเรดสลีฟ เธอโบกมือให้กับหานเซิ่นและพูด “ตอนนี้ข้าต้องไปแล้ว มันจะไม่เป็นเรื่องดีถ้ามีใครมาเห็นข้ากับเจ้า ข้าจะไปหาเจ้าภายหลัง น้องชายคนดีของข้า”
ราชินีจิ้งจอกก็ใช้นิ้วแตะริมฝีปากสีแดงของเธอ เธอส่งจูบให้กับหานเซิ่นหลังจากนั้นก็บินจากไป
หานเซิ่นขมวดคิ้ว ราชินีจิ้งจอกมาที่นี่เพื่อพบกับเขาและเปิดเผยตัวจริงของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอทำแบบนั้นก็เพื่อเตือนเขาว่าอย่าได้ไปเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอกับใคร
“เจ้ากล้าดียังไงมาข่มขู่ข้า มันไม่ใช่ว่าเจ้าจะแบล็กเมล์ข้าได้ แต่เจ้าดูมั่นใจ เจ้าคงจะต้องมีเหตุผลอยู่ เจ้าคงจะไม่ได้หลอกลวงใช่ไหม?”
หานเซิ่นยังมองแผนการของราชินีจิ้งจอกไม่ออก เขาสงสัยว่าจริงๆแล้วอะไรกันแน่ที่ทำให้เธอมาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงกับเขา
หานเซิ่นลบเรื่องของราชินีจิ้งจอกออกไปจากหัวและกลับไปล่าซีโน่เจเนอิคต่อ
การล่าซีโน่เจเนอิคสุดท้ายแล้วก็นำเขามาถึงภูเขาสีส้มลูกหนึ่ง เมื่อเขาเหยียบเท้าลงบนภูเขา กำแพงถัดไปจากตัวเขาก็เริ่มจะสั่นไหว
สิ่งมีชีวิตที่ทำขึ้นมาจากโลหะสีดำปรากฏตัวออกมาจากกำแพง มันดูเหมือนกับตุ๊กตา และร่างกายของมันก็เคลื่อนไหวอย่างงุ่มง่ามราวกับเครื่องจักร
“ตุ๊กตาโลหะระดับดยุก?” หานเซิ่นยิ้ม
ตุ๊กตาโลหะเป็นซีโน่เจเนอิคชนิดพิเศษของดาวคิงคอง พวกมันหาได้ยากมากๆ และมันก็เป็นอะไรที่ผิดปกติที่ตุ๊กตาโลหะอยู่ห่างจากเหมืองโลหะ
ยีนซีโน่เจเนอิคของตุ๊กตาโลหะเป็นชิ้นส่วนที่หายากมากๆ แม้แต่ยีนซีโน่เจเนอิคระดับดยุกก็ถือเป็นชิ้นส่วนที่มีค่ามากสำหรับการสร้างสมบัติซีโน่เจเนอิคระดับราชัน
ร่างกายของตุ๊กตาโลหะเองก็เป็นชิ้นส่วนสมบัติซีโน่เจเนอิคที่ดีเช่นกัน ร่างกายทั้งร่างของมันต่างก็มีค่า
ซึ่งสำหรับหานเซิ่นแล้ว ตุ๊กตาโลหะตัวหนึ่งมีค่าเท่ากับยีนซีโน่เจเนอิคระดับดยุกนับสิบ
ร่างกายของมันดูงุ่มง่าม และทันทีที่มันเริ่มเคลื่อนไหว หมัดของมันก็พุ่งเข้ามาหาหานเซิ่นราวกับสายฟ้า
ถึงแม้ตุ๊กตาโลหะจะดูงุ่มง่าม แต่การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ คนธรรมดาไม่มีทางตอบสนองต่อการโจมตีของมันได้ทันเวลา
แต่ปฏิกิริยาของหานเซิ่นถือว่าเป็นที่สุดของที่สุด เขากระโดดขึ้นเพื่อหลบหมัดของตุ๊กตาโลหะและโต้กลับด้วยมีดเขี้ยวผีสิง เขาตัดสมองของตุ๊กตาโลหะจนขาดครึ่ง
“ซีโน่เจเนอิคตุ๊กตาโลหะระดับดยุกถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกพบ คุณได้รับวิญญาณอสูรตุ๊กตาโลหะ”
“วิญญาณอสูร? มันเป็นวิญญาณอสูรชนิดไหนกัน” หานเซิ่นดีใจ เขารีบตรวจเช็ควิญญาณอสูรภายในจิตของเขา
“วิญญาณอสูรตุ๊กตาโลหะระดับดยุก : ประเภทวงแหวน”
ก่อนที่หานเซิ่นจะได้ใช้วิญญาณอสูรนั้น มันก็มีเสียงดังมาจากด้านบน มีใครบางคนบินลงมายืนถัดไปจากหานเซิ่น
หานเซิ่นหันไปมองชายคนนั้นที่ยืนถัดไปจากเขา พลังชีวิตของอีกฝ่ายดูน่าเกรงขาม เขาต้องเป็นระดับราชันอย่างแน่นอน
“ทิ้งมันเอาไว้ที่นี่ และข้าจะปล่อยเจ้าไป” ราชองครักษ์ระดับราชันพูด หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปเพื่อหยิบร่างของตุ๊กตาโลหะ
“มันเป็นของของข้า!” หานเซิ่นเหยียบตุ๊กตาโลหะจนมันหลุดจากมือของราชองครักษ์คนนั้น ตุ๊กตาโลหะสั่นไหวภายใต้เท้าของหานเซิ่น ราชองครักษ์ระดับราชันไม่สามารถหยิบมันขึ้นได้
ราชองครักษ์ระดับราชันหัวเราะอย่างเลือดเย็น
“ภายในพิมานของอัศวินพวกเราจะฆ่าและขโมยของใครก็ได้ ที่ข้ายังไว้ชีวิตเจ้าก็เพราะเคารพต่อองค์หญิงไป๋เวย ถ้าเจ้าไม่ได้มีความหมายอะไรต่อนาง ข้าก็คงจะฆ่าเจ้าไปแล้ว”
“ข้าได้ยินไม่ชัด เจ้าบอกว่าข้าถูกฆ่าไปแล้วอย่างนั้นหรอ? ข้าอยากจะเห็นว่านั่นเป็นความจริงหรือไม่” หานเซิ่นพูดขณะที่ยังคงยืนอยู่บนร่างของตุ๊กตาโลหะ
ราชาไป๋อนุญาตให้บุตรธิดาของเขาปะมือกันได้ แต่เขาก็ต้องกฎที่ห้ามพวกเขาจากการฆ่าฟันกัน ด้วยเหตุนั้นตราบใดที่ราชาไป๋ยังอยู่ มันก็ไม่มีราชวงศ์คนไหนที่คิดจะฆ่าคนของราชวงศ์คนอื่น
แต่ชีวิตของราชองครักษ์ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ราชองครักษ์ฆ่าฟันกันอยู่บ่อยๆระหว่างความขัดแย้งคนของราชวงศ์
พิมานของอัศวินจึงเป็นสถานที่ที่อันตราย นอกจากราชองครักษ์จะมาล่าซีโน่เจเนอิคที่นี่แล้ว พวกเขายังแข่งขันกับราชองครักษ์คนอื่น ที่นี่ไม่เหมือนกับสวนของกษัตริย์ที่ห้ามการฆ่าฟัน
ราชองครักษ์ระดับราชันคนนี้พูดถูก มันจะถือว่าเขาไปล่วงละเมิดต่อไป๋เวยถ้าเขาฆ่าหานเซิ่นที่นี่ แต่มันไม่มีใครจะมาเอาผิดกับเขาในเรื่องนี้ และเขาก็จะลอยนวลไป
แต่หานเซิ่นไม่คิดจะถอย เขาเดินทางมาที่ดินแดนของเอ็กซ์ตรีมก็เพื่อหาทรัพยากร เขาจะไม่ยอมปล่อยมันไปง่ายๆ
“เจ้าอยากตายมากสินะ ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามาโทษข้า”
ราชองครักษ์ระดับราชันปลดปล่อยแสงแห่งเทพสีเขียวออกมาในวงกว้างกว่าหนึ่งพันเมตร
ภายในแสงแห่งเทพ หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขากำลังอยู่ในน้ำ มันทรงพลังถึงขนาดที่ทำให้หานเซิ่นไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างอิสระได้
มันเห็นได้ชัดว่าแสงแห่งเทพของอีกฝ่ายเป็นธาตุน้ำที่มีผลในการลดความเร็ว
ตอนที่ 2318
หานเซิ่นหยิบมีดเขี้ยวผีสิงออกมา ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่ามีโซ่น้ำมาพันรอบตัวของเขา มันรัดตัวเขาเอาไว้แน่นและแขนของเขาถูกก็ผูกมัดอย่างสมบูรณ์
ราชองครักษ์ระดับราชันคนนั้นไม่ได้เข้ามาโจมตี เขาแค่ใช้แสงแห่งเทพดึงหานเซิ่นเข้ามาใกล้ๆ แขนขาของหานเซิ่นถูกยืดออกจนสุดราวกับว่าเขาถูกตรึงเอาไว้ต่อหน้าราชองครักษ์ระดับราชัน
“เจ้าคิดว่าการเอาชนะองค์ชายอู๋ฉางจะทำให้เจ้าเจ๋งมากหรือยังไง? เจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ดยุกก็ยังเป็นแค่ดยุก ความแตกต่างระหว่างพลังของดยุกกับราชันเหมือนกับความแตกต่างทางฐานะระหว่างราชวงศ์และทาสรับใช้ มันเป็นความแตกระหว่างท้องฟ้ากับผืนดิน”
ราชองครักษ์ระดับราชันพูด เขาเอื้อมมือออกมาหยิบมีดเขี้ยวผีสิงของหานเซิ่น
เมื่อราชองครักษ์ระดับราชันเอื้อมมาเพื่อจับด้ามของมีดเขี้ยวผีสิง หานเซิ่นก็ใช้วิชากายหยกและเลือดกลายพันธุ์พร้อมๆกัน
เนื้อหนังของเขากลายเป็นหยกและเลือดคริสตัลของเขาก็ละลาย ตอนนี้มันเป็นเหมือนกับลาวาที่กำลังเดือดและไหลไปทั่วร่างกายของหานเซิ่น
น้ำที่ผูกมัดร่างกายของหานเซิ่นเบาบางไป มันไม่ได้ขาด แต่มันยืดออก มันไม่สามารถหยุดสิ่งที่หานเซิ่นกำลังทำอยู่ได้
“ราชบัลลังก์ถูกโค่นล้ม ท้องฟ้าและพื้นดินกลับตาลปัตร ดวงดาวถูกเคลื่อน กลางวันและกลางคืนสับเปลี่ยน ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในมือของข้า”
เสียงของหานเซิ่นเย็นราวกับเหล็ก เขากำมีดเขี้ยวผีสิงเอาไว้แน่นและแกว่งมันใส่ราชองค์รักษ์ระดับราชัน พลังเขี้ยวกลายเป็นปีศาจสีม่วงดำที่คำรามออกมา มันกำลังจะกลืนกินชายคนนั้น
“เจ้าก็แค่ดยุกคนหนึ่ง เจ้ารู้หรือยังว่าท้องฟ้านั้นหนาถึงขนาดไหน? เจ้าคิดว่าผืนดินจะถูกสั่นคลอนได้อย่างนั้นหรอ? ดวงดาวและดวงจันทร์ที่เจ้าคิดสว่างสักแค่ไหนกัน?” ราชองครักษ์ระดับราชันไม่ได้หลบ เขาชกหมัดเข้าใส่มีดลมปราณของหานเซิ่นแทน
หมัดสีเขียวเป็นเหมือนกับน้ำ เมื่อพลังเขี้ยวของมีดลมปราณปีศาจปะทะกับน้ำ มันก็เกิดการกระเพื่อมขึ้นมา มันเป็นแค่การกระเพื่อมเล็กๆราวกับการหยดน้ำลงไปในทะเลและกลายเป็นหนึ่งเดียวกับน้ำของทะเล
หมัดของราชองครักษ์ระดับราชันชกใส่หานเซิ่นด้วยความรุนแรงของคลื่นสึนามิ หานเซิ่นเป็นเหมือนกับเรือที่ส่ายไปมาบนคลื่นที่บ้าคลั่งของทะเลและพร้อมที่จะจมลงได้ทุกเมื่อ
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ตีบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมที่ห้อยอยู่ที่เอวของเขา เสียงที่ดังขึ้นเป็นเหมือนกับเหล็กในของแมงป่องที่แทงเข้าไปในหัวของราชองครักษ์ระดับราชัน
ใบหน้าของราชองครักษ์เปลี่ยนแปลง แสงสีเขียวของเขายังคงสว่างไสวและทรงพลัง แต่มันสายเกินไปที่เขาจะทำอะไรกับการโจมตีของหานเซิ่น เสียงของเจดดรัมตรงเข้าไปในหัวของเขา
“อ้า!” ราชองครักษ์ระดับราชันกรีดร้องออกมา
หานเซิ่นหยิบธันเดอร์ก็อตสไปค์ออกมาจากเอว เขาใช้พลังสายฟ้าช็อตใส่ราชองครักษ์ระดับราชันที่ยังคงกรีดร้องจากการโจมตีของเจดดรัม
แต่หานเซิ่นสัมผัสได้ว่าสายฟ้าของธันเดอร์ก็อตสไปค์นั้นถูกจำกัดด้วยแสงแห่งเทพ มันเหมือนกับว่าเขากำลังพยายามเคลื่อนไหวผ่านทะเลลึก มันถูกบังคับให้เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆขณะที่มันสไลด์ไปด้านหน้า แม้แต่กระสุนก็ถูกชะลอด้วยพลังนั้นของราชองครักษ์
‘เวรเอ้ย! แสงแห่งเทพนี้มีผลต่อเรามากเกินไป’ หานเซิ่นคิดอย่างคับข้องใจ
ก่อนที่ธันเดอร์ก็อตสไปค์จะถูกร่างของราชองครักษ์ได้ ชายคนนั้นก็ก้มหัวและถอยออกไป เขาสามารถหลบหลีกการโจมตีของหานเซิ่นได้
“ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเจ้าต่ำเกินไป” ราชองครักษ์ระดับราชันแบมือของเขาและหอกก็ปรากฏขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็แทงหอกเข้าใส่หานเซิ่น
หานเซิ่นยังคงถูกจำกัดการเคลื่อนไหวจากแสงแห่งเทพของราชองครักษ์ การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าอย่างมาก ทำให้เขาไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีที่เข้ามาได้ หานเซิ่นยกธันเดอร์ก็อตสไปค์ขึ้นและพยายามใช้มันป้องกันหอกของราชองครักษ์ระดับราชัน พร้อมกับตีบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมอีกครั้ง
เสียงของเจดดรัมดังขึ้นราวกับฟ้าร้อง แต่ครั้งนี้ราชองครักษ์สามารถใช้พลังของเขาป้องกันมันเอาไว้ได้
ธันเดอร์ก็อตสไปค์ในมือของหานเซิ่นกับหอกของราชองครักษ์ระดับราชันกระแทกใส่กัน สายฟ้าสีเงินและแสงสีเขียวปะทะกัน แต่สายฟ้านั้นไม่สามารถถูกป้องกันได้ มันช็อตผ่านหอกไปถึงตัวของราชองครักษ์
ราชองครักษ์ระดับราชันกรีดร้องออกมาหลังจากที่ถูกช็อต หอกเกือบที่จะหล่นออกจากมือของเขา แต่เขาเป็นอัมพาตเพียงไม่นาน และเขาก็พื้นตัวอย่างรวดเร็ว หานเซิ่นต้องการจะโจมตีซ้ำในตอนที่อีกฝ่ายเป็นอัมพาต แต่เขาไม่สามารถทำได้
หานเซิ่นรู้สึกกังวล ราชองครักษ์ระดับราชันคนนี้แข็งแกร่งกว่าราชาไนท์ริเวอร์อย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงอย่างนั้นการโจมตีทั้ง 2 ครั้งของราชองครักษ์ก็ยังไม่สามารถถูกตัวของหานเซิ่นได้
ราชองครักษ์ระดับราชันไม่ดูถูกหานเซิ่นอีกต่อไป ดวงตาของเขาดูเฉียบขาดและหอกของเขาก็เป็นเหมือนกับมังกรที่ชี้ไปที่หานเซิ่น เขาไม่คิดจะปล่อยให้หานเซิ่นสัมผัสเขาด้วยธันเดอร์ก็อตสไปค์อีก
ร่างกายของหานเซิ่นยังคงถูกจำกัดการเคลื่อนไหวด้วยแสงแห่งเทพ และตอนนี้ราชองครักษ์ก็ระมัดระวังตัวมากขึ้น นี่เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก
ราชองครักษ์ต้องหลีกเลี่ยงทั้งบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมและธันเดอร์ก็อตสไปค์ เขาไม่อยากจะเปิดช่องโหว่ให้กับอาวุธทั้ง 2 และนั่นก็คือวิธีที่ทำให้หานเซิ่นคงสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเอาไว้ได้
ราชองครักษ์ระดับราชันพยายามทิ่มหอกไปรอบๆตัวหานเซิ่น แต่เขาไม่สามารถผ่านธันเดอร์ก็อตสไปค์ของหานเซิ่นไปได้ เขาตกใจกับเรื่องนี้และคิดกับตัวเอง
‘ดยุกคนนี้ยังคงป้องกันตัวเองได้ ทั้งๆที่ตกอยู่ภายใต้แสงแห่งเทพของข้าหรอเนี่ย? เจ้านี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่เขาเอาชนะไป๋อู๋ฉางได้’
หานเซิ่นระเบิดพลังออกมาอย่างไม่หยุด เขาแทบจะไม่สามารถต้านพลังในการจำกัดการเคลื่อนไหวของแสงแห่งเทพเอาไว้ได้ และการทำแบบนั้นก็จำเป็นต้องใช้พลังงานอย่างมาก ซึ่งถ้าตัวเขาเองเหนื่อยล้าเมื่อไหร่ การจะเอาชนะศัตรูก็จะเป็นไปไม่ได้
หานเซิ่นมีความคิดอย่างหนึ่ง เขากระโดดขึ้นและกระพือปีกเพื่อเทเลพอร์ตออกไปจากแสงแห่งเทพของราชองครักษ์
แต่ความสามารถในการเทเลพอร์ตของปีกถูกจำกัดเช่นกัน เขาไปได้ไกลแค่หนึ่งไมล์ต่อครั้งเท่านั้น ซึ่งมันไม่เพียงพอที่จะหนีออกไปจากแสงแห่งเทพของราชองครักษ์ และอีกฝ่ายก็ตามเขาทันอย่างง่ายดาย
ภายในแสงแห่งเทพนั้นหานเซิ่นไม่สามารถแข่งขันความเร็วกับอีกฝ่ายได้
“เขาเป็นยอดฝีมือระดับราชันธาตุน้ำ การอยู่ในที่ที่อุณหภูมิสูงจะถือเป็นอะไรที่เสียเปรียบสำหรับเขา” หานเซิ่นรีบตรงไปที่หุบเขาลาวา
ปัง!
ภายใต้การถูกจำกัดการเคลื่อนไหวจากแสงแห่งเทพระดับราชัน การเคลื่อนไหวของหานเซิ่นนั้นเชื่องช้ามาก ราชองครักษ์แทงถูกไหล่ของเขาได้สำเร็จ และหานเซิ่นก็รู้สึกว่ามีน้ำเข้ามาในบาดแผลของเขา
หานเซิ่นกัดฟันและกระโดดลงไปในลาวา
ราชองครักษ์หัวเราะออกมา “ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนที่คู่ควรต่อการเลื่อมใส ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทำบางสิ่งที่โง่เขลาอย่างนี้ น้ำไม่ใช่ธาตุเย็น เจ้าคิดจริงๆหรือว่าไฟจะได้ผลดีกับน้ำ? ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเองว่าน้ำนั้นน่ากลัวถึงขนาดไหนเมื่อเผชิญหน้ากับธาตุไฟ”
หลังจากนั้นราชองครักษ์ระดับราชันก็กระโดดลงไปในลาวาโดยไม่ลังเล
ราชองครักษ์เดินทางผ่านลาวาอย่างรวดเร็ว ทำให้หานเซิ่นไม่สามารถหนีออกจากแสงแห่งเทพของเขาได้ และที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือแสงแห่งเทพของเขาได้รับความร้อนจากลาวาและกลายเป็นอาณาเขตของไอน้ำร้อน พลังในการจำกัดการเคลื่อนไหวของมันเพิ่มขึ้น และมันก็เหมือนกับว่าชุดเกราะกุ้งกาแลกติกของหานเซิ่นกำลังละลาย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น