Super God Gene 2291-2294

ตอนที่ 2291

 

สัญลักษณ์แห่งแสงบนมือของหานเซิ่นเป็นเหมือนกับเครื่องแปลงพลังงาน เมื่อหานเซิ่นส่งพลังของตัวเองเข้าไปในสัญลักษณ์แห่งแสง พลังงานของเขาก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังในการปิดผนึก


 


มังกรเขียว เสือขาว นกแดง เต่าดำ สัตว์ทั้ง 4 คือสัญลักษณ์บนฝ่ามือของแต่ละคน หานเซิ่นได้รับสัญลักษณ์รูปนกแดง ขณะที่พลังของเขาไหลเข้าไปในสัญลักษณ์แห่งแสง สัญลักษณ์นั้นก็หมุนเวียนรอบมือของเขาราวกับนกเพลิง


 


กุนซือไวท์เดินไปตรงหน้าหนึ่งในร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าและบอกให้คนอื่นๆยืนประจำด้านข้างของซีโน่เจเนอิค


 


นี่เป็นผนึกที่ทรงพลัง แต่มันก็จำเป็นต้องใช้คนถึง 4 คนเพื่อพยายามจะใช้มัน มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะใช้มันท่ามกลางการต่อสู้ โดยปกติแล้วเทคนิคนี้จะถูกใช้ในการผนึกสิ่งมีชีวิตที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมก่อนแล้ว


 


โชคดีที่ร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ายังไม่โจมตีพวกเขาในตอนนี้ การที่มันแค่ยืนนิ่งอยู่กับที่ทำให้โอกาสในการปิดผนึกสำเร็จสูงขึ้น


 


ขั้นตอนแรกเป็นไปอย่างราบรื่น หานเซิ่นและคนอื่นๆยืนล้อมซีโน่เจเนอิคทั้ง 4 ทิศทาง พวกมันไม่โจมตีพวกเขาและซีโน่เจเนอิคก็แค่ยืนนิ่งๆขณะที่มองมาที่พวกเขา


 


กุนซือไวท์โบกมือให้หานเซิ่นและคนอื่นๆเพื่อบอกให้พักกันก่อน เพราะยังไงซะมันก็ยังเหลือเวลาเกือบทั้งวัน ถ้าพวกเขาลงมือปิดผนึกซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งตั้งแต่ตอนนี้ พวกเขาก็จะสูญเสียพลังไปเปล่าๆ พวกเขาจำเป็นต้องปิดผนึกซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งในจังหวะสุดท้ายเพื่อที่จะประหยัดพลังงานให้ได้มากที่สุด


 


หลังจากคิดอยู่หนึ่งนาที หานเซิ่นก็พูด “ในตอนที่พวกมันยังไม่โจมตีพวกเรา ทำไมพวกเราไม่ลองปิดผนึกพวกมันดูก่อนว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า?”


 


“เจ้าไม่เชื่อใจมิสเตอร์ไวท์หรือยังไง? และถึงการปิดผนึกจะไม่ได้ผลจริงๆ เจ้ายังมีหนทางอื่นอีกอย่างนั้นหรอ?” ครามพูดอย่างเย็นชา


 


“แค่ลองดูสักหน่อยมันจะเป็นอะไรไป” หานเซิ่นตอบ


 


กุนซือไวท์พยักหน้า “โอเค ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาลองดูกัน มันถือเป็นการฝึกซ้อมก่อนปฏิบัติจริง”


 


ตามคำสั่งของกุนซือไวท์ หานเซิ่นและคนอื่นๆก็ส่งพลังเข้าไปในผนึก 4 สัญลักษณ์ สัญลักษณ์นกแดงบนมือของหานเซิ่นเริ่มสั่นไหว หานเซิ่นรู้สึกว่ามีการเชื่อมต่อเกิดขึ้นระหว่างนกแดงของเขา เสือขาวของกุนซือไวท์ เต่าดำของครามและมังกรเขียวของกิเลนโลหิต


 


พลังทั้งหมดถูกส่งไปและแสงของผนึก 4 สัญลักษณ์ก็เข้มยิ่งขึ้น การเชื่อมต่อระหว่างพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น


 


พลังของทั้ง 4 สนับสนุนซึ่งกันและกัน สัญลักษณ์ของแต่ละคนส่งเงาของสัตว์ทั้ง 4 ออกไป หลังจากนั้นก็ก่อตัวขึ้นเป็นใบเสมาที่กักขังซีโน่เจเนอิคเอาไว้ภายใน


 


เมื่อซีโน่เจเนอิคตัวนั้นพบว่าตัวเองถูกกักขังในใบเสมา ดวงตาของมันก็แว๊บขึ้นมาและร่างกายของมันก็เริ่มเคลื่อนไหว


 


“โอ้ไม่นะ! มันกำลังจะโจมตีพวกเรา ปิดผนึกใบเสมาเดี๋ยวนี้!” กุนซือไวท์ตะโกนเสียงดัง


 


พวกเขาทั้ง 4 รีบใช้ผนึก 4 สัญลักษณ์ เงาของมังกรเขียว เสือขาว นกแดงและเต่าดำถูกปล่อยออกไปใส่ร่างของซีโน่เจเนอิค เงานั้นจำกัดการเคลื่อนไหวของซีโน่เจเนอิคเอาไว้


 


ซีโน่เจเนอิคพยายามจะเคลื่อนไหว ขณะที่หานเซิ่นและคนอื่นๆยังคงร่ายผนึกของพวกเขาต่อไป เงาของสัตว์ทั้ง 4 ถูกฉายไปที่ร่างของซีโน่เจเนอิค ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นพยายามจะต่อต้าน แต่มันก็ไม่สามารถทำลายผนึกได้


 


ครามพูดขึ้นมา “ข้าบอกให้เจ้าเชื่อมิสเตอร์ไวท์ แต่เจ้าก็ยังอยากจะลองดู ทำให้ตอนนี้พวกเราต้องเสียพลังไปเปล่าๆ”


 


“ที่แล้วก็แล้วไป พวกเราแค่ต้องผนึกเอาไว้ตลอดสิบวัน” กุนซือไวท์พูดอย่างหนักแน่นและหยุดการบ่นของคราม


 


หานเซิ่นยักไหล่เล็กน้อยและยังคงเงียบต่อไป เขารู้ว่านี่คือความเป็นไปได้หนึ่ง แต่เขาก็คิดว่าควรจะลองดูก่อนอยู่ดี


 


การพยายามปิดผนึกในตอนนี้แค่ยั่วโมโหซีโน่เจเนอิคตัวเดียว ถ้ามันล้มเหลว มันก็มีซีโน่เจเนอิคที่ทรงพลังแค่ตัวเดียวพยายามจะฆ่าพวกเขา แต่ถ้าพวกเขาล้มเหลวในตอนที่ใกล้จะหมดเวลา พวกเราก็อาจจะถูกโจมตีโดยกลุ่มของมอนสเตอร์


 


ดังนั้นหานเซิ่นคิดว่าการเสียพลังงานนิดหน่อยในตอนนี้ดีกว่าการเสี่ยงทุกอย่างในภายหลัง


 


นอกจากซีโน่เจเนอิคที่ถูกปิดผนึกที่กำลังดิ้นรนแล้ว ซีโน่เจเนอิคตัวอื่นแค่ยืนประจำที่ของพวกมัน ขณะที่จ้องมองมาที่พวกเขาอย่างไร้อารมณ์ เมื่อกลุ่มของหานเซิ่นมั่นใจว่าไม่ถูกโจมตีโดยมอนสเตอร์รอบๆ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก


 


ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นยังคงพยายามดิ้นรนต่อไป ถึงแม้พลังของมันจะถูกปิดผนึก แต่มันก็ยังมีร่างกายระดับเทพเจ้า หานเซิ่นและคนอื่นๆจำเป็นต้องใช้พลังของพวกเขาเพื่อคงผนึกเอาไว้


 


กุนซือไวท์และกิเลนโลหิตเป็นครึ่งเทพ ส่วนครามก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือระดับราชันที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ลำบากอะไรมาก


 


แต่หานเซิ่นเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง และเขาก็เพิ่งจะวิวัฒนาการเป็นดยุกได้ไม่นาน ดังนั้นพลังของเขาจึงด้อยกว่าคนอื่นๆเมื่อเทียบกันแล้ว เขาต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อคงสัญลักษณ์แห่งแสงของนกแดง


 


กุนซือไวท์มองหานเซิ่นและพูด “ธาตุของดยุกนั้นแยกจากร่างกายออริจินัลได้เป็นร่างแอสทรอลและร่างเซเลสเทียล ร่างออนิจินัลของเจ้าคือยีนของเจ้าในรูปของธาตุๆหนึ่ง ในขั้นนั้นเจ้าต้องใช้พลังของตัวเองในการต่อสู้ ในขั้นที่ 2 ร่างแอสทรอลของเจ้าจะพึ่งพาพลังของดวงดาวรอบๆตัว พลังของดวงดาวจะช่วยเสริมธาตุในร่างกายเจ้าได้ ยกตัวอย่างเช่นดยุกธาตุน้ำจะแสดงพลังได้ดีขึ้นบนดวงดาวที่เป็นน้ำ”


 


หลังจากหยุดไปชั่วครู่ กุนซือไวท์ก็พูดต่อ “ร่างเซเลสเทียลคือสิ่งที่จะทำให้เจ้าเข้าถึงขั้นที่ 3 ซึ่งถูกรู้จักกันในชื่อร่างยูนิเวอร์แซล ร่างกายนั้นใช้พลังของจักรวาลได้ ตราบใดที่มันไม่ได้ถูกแยกจากจักรวาลด้วยเหตุผลบางอย่าง มันก็เข้าถึงพลังที่ไร้ขีดจำกัดได้”


 


หานเซิ่นเข้าใจว่ากุนซือไวท์กำลังพูดถึงอะไร เขาเพิ่งจะกลายเป็นดยุกได้ไม่นาน ดังนั้นเขาจึงมีแค่ร่างออริจินัล เขายังไม่สามารถใช้พลังจากภายนอกได้


 


และถึงเขาจะได้รับร่างเซเลสเทียลมา เขาก็รู้ว่าเมืองศักดิ์สิทธิ์นั้นแยกตัวจากโลกภายนอก เขาไม่สามารถเข้าถึงพลังที่อยู่ภายนอกเมืองได้อยู่ดี


 


กุนซือไวท์รู้ว่าหานเซิ่นกำลังคิดอะไร เขายิ้มออกมา


“เมื่อดูวิธีที่เจ้าใช้ร่างกาย เจ้าคงจะยังอยู่ในขั้นแรก เจ้ามีแค่ร่างออริจินัลเท่านั้น ข้ามีวิชาจีโนตัวหนึ่งที่อาจจะช่วยเหลือเจ้าได้ บางทีเจ้าจะเรียนรู้มันเพื่อไปสู่ขั้นต่อไปได้ง่ายขึ้น”


 


“ถ้าเจ้ายินดีจะสอนข้าจริงๆ ข้าก็จะซาบซึ้งใจอย่างมาก”


หานเซิ่นประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่ากุนซือไวท์จะเสนอตัวสอนวิชาจีโนตัวหนึ่งให้กับเขา และเขาไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้มีความหมายแผงอะไรหรือเปล่า


 


“มิสเตอร์ไวท์จะไปสนใจเขาทำไม!” ครามพูดอย่างไม่พอใจ


 


กุนซือไวท์ยิ้ม “พวกเราร่วมมือกันเพื่อคงผนึกเอาไว้ไม่ใช่หรือยังไง? พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว หานเซิ่นมีระดับต่ำกว่าพวกเรา ดังนั้นเขาต้องมีช่วงเวลาที่ยากลำบากตลอดสิบวันถัดไป ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา พวกเราก็จะถูกทำลายไปด้วย ข้าแค่ทำเพื่อตัวข้าเอง”


 


หลังจากกุนซือไวท์พูดอย่างนั้น ครามก็เงียบไป


 


กุนซือไวท์หยุดไปชั่วขณะก่อนที่จะพูดขึ้นมา “วิชาจีโนของข้าไม่ได้น่าประทับใจอะไร ข้าคิดค้นมันขึ้นมาด้วยตัวเอง และข้าก็ยังไม่เคยคิดชื่อให้กับมัน ข้าจะอธิบายมันอย่างเต็มความสามารถและถ้าเจ้าคิดว่ามันมีประโยชน์ เจ้าก็ใช้มัน ถ้าเจ้าคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ นั่นก็ไม่เป็นอะไร”


 


“ได้โปรดบอกมา” หานเซิ่นพูด


 


กุนซือไวท์อธิบายวิชาจีโนให้หานเซิ่นฟัง ครามและกิเลนโลหิตเองก็ใช้สมาธิกับคำพูดของเขาเช่นกัน


 


ครามฟังอย่างจริงจัง และเป็นอย่างที่กุนซือไวท์พูด วิชาจีโนของเขาดูค่อนข้างเรียบง่าย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็พิเศษ ถึงแม้มันจะดูง่ายๆ แต่จริงๆแล้วมันก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้ยาก


 


“มิสเตอร์ไวท์ วิชาจีโนของท่านซับซ้อนเกินไป ข้ากลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจมัน” ครามพูดหลังจากที่ได้ยินวิชาจีโนของกุนซือไวท์

 

 

 


ตอนที่ 2292

 

“ข้ายังไม่ค่อยเข้าใจมันจริงๆนั่นแหละ อธิบายมันให้ข้าฟังอีกครั้งได้ไหม” หานเซิ่นพูด ขณะที่พยายามเก็บความแปลกใจเอาไว้


 


ความจริงแล้วหานเซิ่นเข้าใจวิชาจีโนนี้เป็นอย่างดี วิชาจีโนนี้เป็นอะไรที่คุ้นเคยสำหรับเขา และความคุ้นเคยนั้นก็ทำให้เขาตกใจ วิชาจีโนนี้เห็นได้ชัดว่าเกี่ยวเนื่องกับศาสตร์ตงเสวียน วิชาทั้ง 2 มีประโยชน์ต่อกัน และการใช้วิชาจีโนที่กุนซือไวท์บอกจะช่วยในการพัฒนาศาสตร์ตงเสวียนของเขา


 


หานเซิ่นสามารถใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อดูดซับพลังจากรอบๆตัวได้ ซึ่งการทำแบบนั้นจะทำให้หานเซิ่นเก็บพลังงานบางส่วนเอาไว้และช่วยให้เขาต่อสู้ได้เป็นเวลานาน


 


แต่ศาสตร์ตงเสวียนยังไม่ถึงระดับดยุก ดังนั้นผลลัพธ์จึงไม่ค่อยดีนัก มันช่วยหานเซิ่นประหยัดพลังเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น


 


‘นี่กุนซือไวท์รู้ว่าเราใช้ศาสตร์ตงเสวียนอย่างนั้นหรอ? นั่นคือเหตุผลที่เขาบอกวิชาจีโนนี้กับเราใช่ไหม? เขามีแผนอะไรกันแน่?’

หานเซิ่นครุ่นคิด แต่เขาไม่สามารถคาดเดาถึงความคิดของกุนซือไวท์ได้


 


ดูเหมือนกุนซือไวท์จะรู้ว่าหานเซิ่นสามารถใช้ศาสตร์ตงเสวียนได้ การอธิบายวิชาจีโนอย่างเรียบง่ายที่เขาทำนั้นบ่งบอกว่าจิตใจของชายคนนั้นเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว นั่นทำให้หานเซิ่นระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น


 


“ถ้าเจ้าไม่รังเกียจที่ข้าจะพูดซ้ำ ข้าจะอธิบายวิชาจีโนอีกครั้ง” กุนซือไวท์ยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็พูดเกี่ยวกับวิชาจีโน


 


มันจะเป็นอะไรที่ดีกว่าถ้าเขาหยุดพูดซะตอนนี้ เพราะยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่ ครามก็ยิ่งสับสนมากเท่าไหร่ คำอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับวิชาจีโนของกุนซือไวท์นั้นเข้าใจยากยิ่งกว่าตัววิชาจีโนซะอีก เขาเริ่มพูดเกี่ยวกับตัวจักรวาลจีโน ซึ่งมันเป็นบางสิ่งที่ครามไม่เคยได้ยินมาก่อน


 


หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อรับฟัง และเขาสามารถเข้าใจมันได้ แต่เขาแสแสร้งว่าไม่เข้าใจและแกล้งทำเป็นว่าเขากำลังสับสน


 


“กุนซือไวท์ ข้ากลัวว่าคำอธิบายนั้นจะไม่ช่วยอะไร ข้ารู้สึกสับสนมาก” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆให้กับกุนซือไวท์


 


“กุนซือไวท์เป็นคนฉลาด เนื่องจากเจ้ายังเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เจ้าจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดออกมา แต่อย่าได้กังวลไป เพราะข้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน” ครามพูด


 


กุนซือไวท์ส่ายหัวและถอนหายใจ “สิ่งที่ข้าเรียนรู้นั้นแตกต่างจากวิชาจีโนของเจ้าเล็กน้อย ไม่เป็นไรถ้าเจ้าไม่เข้าใจ แต่พยายามเรียนรู้มันให้มากที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้ เพราะข้าจะอธิบายมันแค่ที่นี่”


 


“ขอบคุณ แต่ข้ากลัวว่าจะไม่มีวันเรียนรู้วิชาจีโนนี้ได้” หานเซิ่นพูด แต่เขาแอบใช้วิชาจีโนที่กุนซือไวท์บอกอย่างลับๆ


 


หานเซิ่นลองดูและมันก็ทำงานได้เป็นอย่างดี หานเซิ่นไม่ต้องเรียกชุดเกราะตงเสวียนของเขาออกมา ผลการดูดซับพลังจากภายนอกก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น และนี่ยังเป็นแค่ครั้งแรกที่เขาใช้ความสามารถนี้ ถ้าแค่ครั้งแรกมันก็เป็นอะไรที่มีประโยชน์แล้ว มันก็จะเป็นอะไรที่มีประโยชน์ยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาเชี่ยวชาญมากขึ้น


 


หานเซิ่นยังไม่รู้ว่าทำไมกุนซือไวท์ถึงได้มอบวิชาจีโนนี้ให้กับเขา แต่เขาก็ยินดีจะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ หานเซิ่นเริ่มฝึกมันและความยากลำบากในการคงผนึก 4 สัญลักษณ์ก็บรรเทาลงไป


 


แต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากครบ 24 ชั่วโมงของวันแรก ร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวอื่นก็ขยับเข้ามาหานเซิ่นและคนอื่นๆราวกับมอนสเตอร์ที่หิวกระหาย


 


พวกมันจ้องมองพวกหานเซิ่นตลอดทั้งวัน และดวงตาของเหล่าซีโน่เจเนอิคก็ต่างไปจากวันแรก มันมีความกระหายเลือดอยู่ในดวงตาของพวกมัน


 


สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวมองมาที่พวกเขาราวกับว่ากำลังตัดสินใจเลือกรสชาติของมื้ออาหารเย็น มอนสเตอร์ที่หิวกระหายนั้นทำให้หานเซิ่นและคนอื่นๆเป็นกังวล แต่ถึงพวกมันจะมองมาที่พวกเขาอย่างหิวกระหาย มันก็ไม่มีซีโน่เจเนอิคแม้แต่ตัวเดียวที่เตรียมตัวจะโจมตีพวกเขา พวกมันแค่จ้องมองกลุ่มของหานเซิ่นราวกับว่าพวกเขาเป็นอัญมณี


 


เมื่อพวกเขารับรู้ว่าปลอดภัย หานเซิ่นและคนอื่นก็รู้สึกโล่งใจ โชคดีที่รูปปั้นแมวหยกไม่ได้โกหกพวกเขา ร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคพวกนี้ไม่ได้โจมตีอย่างที่รูปปั้นแมวหยกบอกจริงๆ


 


แต่หานเซิ่นและคนอื่นๆไม่กล้าจะเคลื่อนไหว พวกเขายังคงใช้พลังของตัวเองเพื่อคงผนึกเอาไว้ พวกเขาหวังจะผนึกร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคตัวนั้นเอาไว้ตลอดทั้งสิบวัน


 


แต่ยิ่งเวลาผ่านไป การดิ้นรนของร่างโคลนระดับเทพเจ้าก็เลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ และหานเซิ่นก็เริ่มจะรู้สึกเหนื่อยล้า


 


หลังจากผ่านไป 5 วัน แม้แต่กิเลนโลหิตที่เป็นระดับครึ่งเทพก็เริ่มจะแสดงอาการเหน็ดเหนื่อยออกมาเช่นกัน


 


เนื่องจากแต่ละส่วนของผนึก 4 สัญลักษณ์นั้นเชื่อมต่อกัน หานเซิ่นไม่จำเป็นต้องใช้พลังเต็มที่ของเขาอย่างต่อเนื่อง แต่นั่นก็หมายความว่าคนอื่นจะต้องออกแรงมากขึ้นเพื่อทดเทียบส่วนที่ขาดไป


 


ด้วยเหตุนั้นกิเลนโลหิตและกุนซือไวท์จึงต้องใช้พลังมากยิ่งกว่าหานเซิ่น


 


เหงื่อเริ่มไหลลงมาบนหน้าผากของคราม มันเริ่มจะเป็นอะไรที่ยากลำบากสำหรับเขาเช่นกัน


 


สถานการณ์ไม่ได้เป็นไปด้วยดีอย่างที่พวกเขาหวังเอาไว้ แต่จากการประเมินของหานเซิ่น ถ้าพวกเขายังใช้พลังในความถี่ที่คงเดิม พวกเขาจะรอดผ่านสิบวันไปได้


 


“หนูๆทั้งหลาย พวกเจ้าดูเหมือนจะพยายามกันน่าดู ข้าต้องขอบอกว่าพวกเจ้าทำได้ไม่เลวเลย”

จู่ๆรูปปั้นแมวหยกก็เริ่มพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันพูดอย่างขี้เกียจราวกับว่ามันเพิ่งจะตื่นขึ้นมาจากหลับใหล


 


แต่ทว่าหานเซิ่นและคนอื่นๆกำลังจดจ่อสมาธิไปกับผนึก 4 สัญลักษณ์ พวกเขาหันไปมองรูปปั้นแมวหยกไม่ได้


 


เสียงของรูปปั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง “พวกเจ้าทำได้ดี แต่พวกเจ้าไม่คิดว่านี่เป็นวิธีที่น่าเบื่อหรอกหรอ?”


 


“เจ้าคงจะไม่เล่นขี้โกงหรอกใช่ไหม?”

หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว ถ้ารูปปั้นแมวหยกสั่งให้ซีโน่เจเนอิคตัวอื่นโจมตีพวกเขา พวกเขาก็คงจะไม่รอด


 


รูปปั้นแมวหยกหัวเราะและพูด “อย่าได้กังวล! ข้าเปลี่ยนกฎที่ผู้นำของเซเคร็ดตั้งเอาไว้ไม่ได้ ข้าแค่อยากจะมอบเซอร์ไพรส์เล็กๆให้กับพวกเจ้าเท่านั้น”


 


“ข้าเกลียดเซอร์ไพรส์” หานเซิ่นพูด


 


“แต่นี่เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์จริงๆ มันอาจจะเป็นอะไรที่มีประโยชน์ต่อพวกเจ้าเป็นอย่างมาก แต่แน่นอนว่าพวกเจ้าต้องมีความสามารถพอที่จะรับเซอร์ไพรส์นี้” รูปปั้นแมวหยกดูเหมือนว่ามันกำลังยิ้ม แต่มันไม่ใช่


 


หลังจากที่เสียงของรูปปั้นแมวหยกหยุดไป หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากพื้น มันเป็นเสียงของบางสิ่งกำลังลากโซ่โลหะ


 


หานเซิ่นสแกนรอบๆด้วยออร่าศาสตร์ตงเสวียน หลังจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าทั้งหมดเริ่มจะถอยออกไป และมีบางสิ่งกำลังเข้ามาหากลุ่มของหานเซิ่น


 


มันเป็นโครงกระดูก หรืออย่างน้อยๆมันก็ดูเหมือนกับโครงกระดูก เนื้อหนังของมันแห้งติดกระดูก ผมของมันเป็นเหมือนกระจุกของหญ้าแห้ง


 


แต่สิ่งมีชีวิตนั้นยังไม่ตาย แขนขาของเขาถูกล่ามด้วยกุญแจมือโลหะ เขาเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ทุกก้าวของคนๆนั้นตามมาด้วยเสียงโซ่ที่ลากมากับพื้น


 


คนที่ถูกโซ่ล่ามเดินเข้ามาหาพวกเขาขณะที่ก้มหัว เมื่อเขาเข้ามาใกล้ๆ หานเซิ่นก็มองเห็นว่ามันมีรูสีดำ 2 รูในตำแหน่งที่ตาของเขาควรจะอยู่ เลือดสีดำไหลออกมาจากรู แต่ดวงตานั้นหายไป


 


หานเซิ่นและคนอื่นๆดูตรึงเครียด พวกเขากำลังใช้พลังเพื่อร่ายผนึก 4 สัญลักษณ์ ถ้าเกิดคนที่น่าขนลุกนี้โจมตีพวกเขา พวกเขาก็ไม่สามารถอะไรเพื่อป้องกันได้ เพราะพวกเขาจำเป็นต้องส่งพลังไปที่ผนึก 4 สัญลักษณ์ต่อไป


 


คนที่ถูกล่ามเดินเข้ามาอยู่ในระยะสิบเมตรของพวกเขา โซ่ยังคงลากมากับพื้น เขาเงยหน้าขึ้นมามองไปที่หานเซิ่นและคนอื่นขณะที่เบ้าตาทั้ง 2 เต็มไปด้วยเลือด


 


หานเซิ่นหยุดไปชั่วครู่ แต่หลังจากนั้นคนที่ถูกล่ามก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาค่อยๆเดินไปหาหานเซิ่น


 


‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!’ หานเซิ่นคิดอย่างตื่นตระหนก พวกเขามีกันอยู่ 4 คน แต่คนที่ถูกล่ามกลับตัดสินใจเข้ามาหาหานเซิ่น มันเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และหลังจากผ่านไปหนึ่งนาที มันก็มายืนอยู่ด้านหลังของเขา

 

 

 


ตอนที่ 2293

 

คนที่ถูกล่ามโซ่เดินเข้ามาหาหานเซิ่น ถึงแม้เขาจะเดินอย่างช้าๆ แต่เขาก็เข้ามาใกล้มากแล้ว วินาทีต่อมาเขาก็มายืนอยู่ด้านหลังหานเซิ่น


 


ขณะที่เขาเดินมา เสียงลากโซ่ก็ดังขึ้นมาให้ได้ยิน แต่เมื่อเขามาหยุดอยู่ด้านหลังของหานเซิ่น ทุกอย่างก็เงียบไป หานเซิ่นไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจหรือเสียงหัวใจของอีกฝ่าย มันเหมือนกับว่าคนๆนั้นไม่มีตัวตนอยู่อีกแล้ว


 


หานเซิ่นใช้ออร่าตงเสวียนเพื่อสแกนด้านหลัง แต่เขาก็ต้องตกใจที่พบว่าไม่สามารถสัมผัสได้ถึงตัวตนของคนที่ถูกล่ามโซ่อีกแล้ว หานเซิ่นรู้สึกขนลุกขึ้นมา


 


คนที่ถูกล่ามโซ่กำลังยืนอยู่ด้านหลังของเขา แต่เขาสัมผัสคนที่ถูกล่ามโซ่คนนี้ไม่ได้เลย การที่สัมผัสถึงตัวตนของอีกฝ่ายไม่ได้นั้นทำให้หานเซิ่นตื่นตระหนกอย่างมาก เขาอยากจะวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในตอนนี้เขาจำเป็นต้องร่ายผนึก 4 สัญลักษณ์ ถ้าเกิดเขาทิ้งตำแหน่งของตัวเองไป ผนึก 4 สัญลักษณ์ก็จะพังทลาย ถ้าพวกเขาคนไหนพยายามจะวิ่งหนีไป พวกเขาทุกคนก็จะตายกันหมด


 


รังนกยังคงวางอยู่บนหัวของหานเซิ่น เขาบังคับตัวเองไม่ให้หันไปมองและคิดกับตัวเอง ‘แกอยู่ด้านหลังของฉันแล้วยังไง? แกไม่มีทางจะทำลายรังนกนี้ได้ ฉันไม่มีอะไรต้องกลัว’


 


หานเซิ่นยืนประจำตำแหน่งและไม่เคลื่อนไหว เขาไม่กล้าจะหันกลับไปมองด้านหลัง เขายังคงปล่อยพลังผ่านสัญลักษณ์นกแดงเพื่อคงผนึกที่กักขังซีโน่เจเนอิคเอาไว้


 


แต่เมื่อหานเซิ่นมองกุนซือไวท์และคนอื่นๆ เขาก็รู้สึกแปลกใจ


 


ใบหน้าของกุนซือไวท์ดูแปลกๆ แต่หานเซิ่นอ่านสีหน้าของเขาไม่ออก แต่สีหน้าของครามอ่านง่าย เขากำลังตกตะลึง เขาจ้องมองไปที่ด้านหลังของหานเซิ่นด้วยดวงตาที่เบิกกว้างราวกับว่าเขาเห็นผี


 


การตอบสนองของกิเลนโลหิตเป็นอะไรที่โอเวอร์มากกว่า มันส่งเสียงคำรามใส่หานเซิ่นราวกับว่ามันเป็นการเตือนที่เร่งด่วน


 


‘นี่เขากำลังทำอะไรอยู่ด้านหลังของฉัน?’ หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา เขายังคงสัมผัสตัวตนที่อยู่ด้านหลังไม่ได้ มันเหมือนกับว่าคนที่ถูกโซ่ล่ามไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่เป็นผีของคนที่ตายไปแล้ว


 


กุนซือไวท์กลืนน้ำลาย สีหน้าของเขาดูซีดไป แต่เขาก็ยังคงไม่พูดอะไรสักคำ


 


สีหน้าของคนอื่นๆทำให้หานเซิ่นกังวลยิ่งกว่าเดิม เขาอดไม่ได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงหันหน้าไปมอง แต่เขาไม่สามารถหันไปได้มากนัก เพราะถ้าเขาขยับมือหรือร่างกาย มันอาจจะทำให้ผนึกถูกทำลายได้ หลังจากที่หันหัวไปด้านซ้าย เขามองไม่เห็นอะไร


 


หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองด้านขวา แต่เขาก็ยังมองไม่เห็นอะไร หานเซิ่นอยากจะบิดตัวไปมองว่าคนที่ถูกล่ามโซ่นั้นกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ แต่เขาไม่สามารถขยับร่างกายของเขาได้


 


สีหน้าของคนอื่นยังคงไม่เปลี่ยนไป สายตาของพวกเขายังคงจ้องมองไปที่ด้านหลังของหานเซิ่น ซึ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความกลัว


 


‘ฉันมีรังนกปกป้องตัวเองอยู่ ไม่มีอะไรต้องกลัว’ หานเซิ่นกัดฟันและยังคงไม่ขยับไปไหน


 


แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกหนาวขึ้นมา เขารู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งเป่าลมหายใจมาใส่คอของเขา หานเซิ่นเคยเห็นอะไรที่น่ากลัวมามากมาย ดังนั้นเขาไม่ได้หวาดกลัวอะไรง่ายๆ แต่การที่มองไม่เห็นอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ


 


“อย่าขยับ!” กุนซือไวท์พูดกับหานเซิ่น


 


“เขากำลังทำอะไรอยู่ด้านหลัง?” หานเซิ่นถาม เสียงของเขาดูตึงเครียด


 


น่าเสียดายที่กิเลนโลหิตไม่สามารถพูดได้ ถ้ามันพูดได้ล่ะก็ หานเซิ่นก็คงจะถามมัน ครามไม่น่าเชื่อถือพอที่หานเซิ่นจะเสียเวลาไปถามเขา


 


“นั่นมัน… ยากจะอธิบาย” กุนซือไวท์ขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาดูแย่ มันดูเหมือนกับว่าเขาไม่รู้จะอธิบายยังไงดี


 


การเห็นกุนซือไวท์ลังเลทำให้หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาไม่รู้เลยว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นด้านหลังของเขากันแน่


 


หานเซิ่นไม่คิดว่าครามกับกุนซือไวท์จะโกหกเขา เพราะว่ากลัวเขาจะเคลื่อนไหวและทำให้ผนึก 4 สัญลักษณ์ถูกทำลาย นั่นมันไม่สมเหตุสมผล


 


เพราะถ้าหานเซิ่นถูกโจมตีและได้รับบาดเจ็บ ผนึก 4 สัญลักษณ์ก็จะถูกทำลายอยู่ดี มันไม่มีทางที่พวกเขาจะนิ่งเงียบๆและบอกให้หานเซิ่นไม่ขยับเขยื้อนแบบนี้


 


‘ถ้ามันไม่ได้เป็นอันตรายอะไร ทำไมพวกเขาถึงไม่บอกเราว่าเกิดอะไรขึ้น?’ หานเซิ่นสงสัย หลังของเขารู้สึกหนาวขึ้นเรื่อยๆ และความกังวลของเขาก็เพิ่มขึ้นไปอีก


 


กุนซือไวท์และครามยังคงจ้องไปที่ด้านหลังของเขา กิเลนโลหิตก็ยังคงคำรามใส่หานเซิ่นราวกับว่ามันอยากจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา


 


หานเซิ่นไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาตัดสินใจเรียกเป่าเอ๋อออกมาและขอให้เธอมองดูคนที่อยู่ด้านหลังของเขา


 


เป่าเอ๋อปรากฎบนไหล่ของหานเซิ่น หานเซิ่นพูดกับเธอ

“เป่าเอ๋อ หนูช่วยมองคนที่อยู่ด้านหลังพ่อได้ไหมว่าเขากำลังทำอะไร”


 


เป่าเอ๋อพยักหน้า เธอเอนตัวไปมองด้านหลังของหานเซิ่น เธอสะดุ้งกลับมาด้วยความประหลาดใจและพูด

“พ่อ…ด้านหลังของพ่อ…”


 


“ด้านหลังของพ่อมีอะไร?” หานเซิ่นรีบถาม


 


“มันมีคนกำลังวาดภาพบนหลังของพ่อ” เป่าเอ๋อพูด


 


“วาดภาพ?” หานเซิ่นอึ้งไปกว่าหนึ่งนาที เขารู้สึกสับสนและเขาก็คิดกับตัวเอง

‘คนที่ถูกล่ามโซ่คนนี้กำลังวาดภาพบนหลังของเรา? นี่เขาเป็นจิตรกรหรือยังไง? นี่เขาชอบวาดภาพบนร่างกายคนอย่างนั้นหรอ? นี่ร่างกายของเราดีเกินไปและเขาอดไม่ได้ที่จะใช้ร่างกายที่ละเอียดอ่อนของเราวาดภาพอย่างนั้นใช่ไหม? ไม่มีทาง! ถ้าเขาชอบวาดภาพบนร่างกายจริงๆ เขาก็ควรจะไปหาสาวสวยๆสิ ทำไมเขาต้องมาวาดภาพบนหลังของเราด้วย?’


 


“เป่าเอ๋อนี่เขากำลังวาดภาพอะไร?” หานเซิ่นรีบถาม เป่าเอ๋อเอนตัวไปมองด้านหลังของหานเซิ่นอีกครั้ง แต่เธอไม่พูดอะไร


 


“เป่าเอ๋อ เขากำลังวาดภาพอะไร?” หานเซิ่นถามอีกครั้ง เขาไม่ได้หวาดกลัว เขาแค่ไม่ชอบมันเท่านั้น


 


เป่าเอ๋อดูลังเล แต่สุดท้ายเธอก็พูด “มันดูเหมือน… มันดูเหมือนว่าเขากำลังวาดภาพคนอยู่… ใช่แล้ว ภาพผู้หญิงคนหนึ่ง”


 


“ผู้หญิงคนหนึ่ง? ผู้หญิงแบบไหนอย่างนั้นหรอ?”

หานเซิ่นรู้สึกอึ้ง โครงกระดูกที่ปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนไม่รู้กำลังวาดภาพของผู้หญิงบนหลังของเขา นี่มันน่าขนลุกเกินไปแล้ว และมันทำให้หานเซิ่นรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก


 


ดูเหมือนเป่าเอ๋อไม่รู้ว่าจะอธิบายสิ่งที่เธอเห็นได้ยังไง ด้วยความลังเลเธอพูดขึ้นมา “น่าเกลียด ผู้หญิงที่น่าเกลียด”


 


หานเซิ่นรู้สึกว่าชีพจรของเขาเต้นรัว ตอนนี้นักโทษที่น่าเกลียดกำลังวาดภาพผู้หญิงที่น่าเกลียดบนหลังของเขา นี่มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่


 


ปากของหานเซิ่นเปิดกว้าง เขาพยายามจะถามอีกคำถาม แต่เขาไม่รู้ว่าจะถามอะไรดี


 


เป่าเอ๋อสังเกตหลังของเขาเพิ่มอีก และเธอก็พูด “พ่อ เขาวาดต่อไม่ได้อีกแล้ว”


 


“ทำไมกัน?” หานเซิ่นถามอย่างสงสัย


 


ครั้งนี้เป่าเอ๋อตอบอย่างรวดเร็ว “เลือดของผู้หญิงที่มือของเขากำลังแห้งไป และมันไม่มีอะไรเหลือให้ใช้วาดอีก”


 


“อะไรนะ? เขากำลังใช้เลือดของผู้หญิงวาดภาพบนหลังของพ่อ?”

หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าหัวกำลังจะระเบิด เขาไม่สามารถจินตนาการถึงภาพของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นด้านหลังได้

 

 

 


ตอนที่ 2294

 

“พ่อ ผู้หญิงไม่มีเลือดอีกแล้ว พ่อ… เขาเปิดเอาสมองของผู้หญิง…”

เป่าเอ๋อรายงานเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น


 


“เป่าเอ๋อ หยุดมองได้แล้ว!” หานเซิ่นเรียกเป่าเอ๋อกลับมาในอ้อมแขน เขาไม่อยากให้เธอได้เห็นภาพที่น่าสยดสยอง


 


จริงๆเป่าเอ๋ออายุมากแล้วในตอนนี้ แต่ในสายตาของหานเซิ่น เธอยังเป็นเด็กสาวตัวน้อยเสมอ


 


เป่าเอ๋อกระโดดลงจากไหล่ของหานเซิ่นและนั่งลงในอ้อมแขนของหานเซิ่น เธอมองไปที่ผนึก 4 สัญลักษณ์และซีโน่เจเนอิคที่ถูกขังอยู่ภายในด้วยความอยากรู้อยากเห็น


 


หานเซิ่นยังคงสัมผัสถึงสิ่งที่อยู่ด้านหลังไม่ได้ แต่หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เป่าเอ๋อพูด เขาก็รู้สึกกังวลอย่างมาก สิ่งที่เธอบรรยายให้ฟังนั้นเล่นซ้ำๆในจิตใจของเขา


 


“แมวหยก นี่เจ้ากำลังทำอะไร”!” ในที่สุดหานเซิ่นก็ตะโกนใส่รูปปั้นแมวหยก


 


แต่รูปปั้นแมวหยกดูเหมือนจะหลับไปเรียบร้อยแล้ว และมันก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆต่อการตะโกนเรียกของหานเซิ่น


 


หลังจากผ่านไปสักพัก เสียงลากโซ่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่มันออกจากบริเวณด้านหลังของหานเซิ่นและค่อยกลับเข้ามาในสายตาของหานเซิ่น คนที่ถูกล่ามโซ่กลับไปทางเดียวกับตอนที่เขามา เขาค่อยๆเดินไปอย่างช้าๆและดูใจลอย


 


แต่ทว่ามันมีความแตกต่างอย่างหนึ่ง ในตอนนี้เขากำลังลากศพของผู้หญิงไปด้วย


 


แต่ในความเป็นจริงแล้ว นั่นไม่ใช่ศพของผู้หญิง มันเป็นศพของสิ่งมีชีวิตเพศเมียต่างหาก


 


หานเซิ่นมองไม่เห็นใบหน้าของสิ่งมีชีวิตเพศเมีย เพราะหัวของสิ่งมีชีวิตนั้นถูกเจาะเป็นรูขนาดใหญ่ มันมีช่องว่างอยู่ในตำแหน่งที่ใบหน้าเคยอยู่ แต่ร่ายกายท่อนบนของเธอเป็นเหมือนกับมนุษย์ ขณะที่ร่างกายท่อนล่างเหมือนกับงู เธอดูเหมือนกับชาวกาน่า แต่เธอมีเขาที่เป็นเกลียวบนหัว ซึ่งต่างไปจากกาน่าคนอื่นที่ไม่มีเขา มันมีสีเงินและมีความยาวประมาณหนึ่งฟุต มันดูเหมือนกับเขาของยูนิคอร์น


 


เกล็ดงูตามร่างกายของเธอเองก็เป็นสีเงินเช่นกัน พวกมันดูสว่างไสวจนทำให้ร่างกายของเธอดูโปร่งใสเล็กน้อย หัวและอกของเธอถูกฉีกจนเป็นรูโบ๋ แต่มันไม่มีเลือดไหลออกมา มันเป็นอย่างที่เป่าเอ๋อบอก เลือดในตัวของเธอเหือดแห้งแล้ว


 


‘การมาของคนประหลาดนั้นมีความหมายอะไรกัน? ทำไมเขาถึงได้วาดภาพของผู้หญิงบนหลังของเรา?’ หานเซิ่นสงสัย ตัวของเขายังคงสั่นเล็กน้อย


 


แต่หานเซิ่นดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ร่างกายของเขายังคงปกติดี และชุดเกราะกุ้งมังกรกาแลกติกก็ไม่เป็นอะไรเช่นกัน มันดูเหมือนว่านักโทษที่น่าขนลุกคนนั้นจะจากไปหลังจากที่วาดรูปเสร็จแล้ว


 


ถึงแม้เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปจะเป็นอะไรที่น่าขนลุก แต่คนที่ถูกล่ามโซ่คนนั้นก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรเขา ดังนั้นหานเซิ่นจึงรู้ว่าควรจะหยุดคิดเกี่ยวกับมัน


 


“เป่าเอ๋อ หนูช่วยใช้น้ำล้างชุดเกราะให้พ่อหน่อยได้ไหม?”

หานเซิ่นพูดกับเป่าเอ๋อ ถึงแม้ภาพจะไม่ได้เป็นภัยอะไร แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ดีที่มีมันอยู่


 


เป่าเอ๋อกระโดดออกจากอ้อมแขนของหานเซิ่นและเดินไปด้านหลังของเขา แต่หลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “มันหายไปแล้ว!”


 


“อะไรหายไปนะ?” หานเซิ่นสะดุ้งเล็กน้อย


 


“ภาพที่เขาวาดตอนนี้หายไปแล้ว” เป่าเอ๋อพูด


 


“มันจะหายไปได้ยังไง?” หานเซิ่นสับสนอย่างมาก

“นี่ภาพวาดถูกละเลงอย่างนั้นหรอ?”


 


เป่าเอ๋อส่ายหัว “มันไม่มีอะไรอยู่บนหลังของพ่อ ตอนนี้หลังของพ่อสะอาดมากๆ มันไม่มีแม้แต่รอยเลือดหลงเหลืออยู่เลย ผู้หญิงที่น่าเกลียดที่เขาวาดหายไปจนหมดแล้ว”


 


หานเซิ่นไม่รู้จะคิดยังไงกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงหันไปถามกุนซือไวท์

“กุนซือไวท์ เจ้ารู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”


 


กุนซือไวท์ส่ายหัว “ข้าไม่รู้ว่าเพิ่งจะเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน พวกเราไม่เห็นด้านหลังของเจ้า พวกเราเห็นแค่เขาวาดอะไรบางอย่างลงบนหลังของเจ้าเท่านั้น ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาวาดอะไรลงไป”


 


หานเซิ่นไม่ชอบการที่กุนซือไวท์ไม่รู้ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้ เขาตรวจเช็คร่างกายของตัวเองและรู้ว่ามันไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ดังนั้นตอนนี้เขาต้องลบเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นออกไปจากหัวให้หมด


 


หลังจากนั้นมันไม่มีเรื่องประหลาดอะไรเกิดขึ้น พวกเขาทั้ง 4 ยังคงส่งพลังเข้าไปในผนึก 4 สัญลักษณ์ต่อไป วันเวลาผ่านไปและหลังจากที่ผ่านไปอย่างยาวนาน ในที่สุดพวกเขาก็ผ่านพ้นวันที่สิบไปได้


 


ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาทั้ง 4 จะเหนื่อยล้าอย่างมาก แต่อย่างน้อยๆพวกเขาก็รอดชีวิตมาได้ตลอดทั้งสิบวัน


 


ในตอนที่เหล่าซีโน่เจเนอิคแยกย้ายกันกลับไปที่ปราสาทของตัวเองและประตูของปราสาทถูกปิดลง พวกเขาทั้ง 4 ก็เกือบจะทรุดตัวลงไป


 


รูปปั้นแมวหยกยิ้มและเริ่มพูดอีกครั้ง “ยินดีด้วย! พวกเจ้าผ่านการทดสอบของผู้นำเซเคร็ด ตอนนี้พวกเจ้าจะได้รับสมบัติที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยผู้นำของเซเคร็ด”


 


“สมบัติอยู่ที่ไหนกัน?” หานเซิ่นถามขณะที่บังคับตัวเองให้เมินเฉยต่อความเหนื่อยล้าของตัวเอง


 


“อยู่ที่นี่” รูปปั้นแมวหยกพูด หลังจากนั้นเสาหยกใต้เท้าของมันก็เริ่มเปิดออกและเผยให้เห็นกล่องหยกเล็กๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดเดาสิ่งที่อยู่ข้างใน


 


หานเซิ่นเริ่มเดินออกไปข้างหน้าเพื่อคว้ากล่องนั้นมา แต่ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็เต้นรัว เขาเหลือบไปเห็นครามถือมีดเล่มหนึ่งอยู่ในมือและฟันมาทางเขา


 


กิเลนโลหิตคำรามออกมาด้วยความโกรธและกระโดดเข้าใส่คราม


 


ความมืดของครามเข้าปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง และดวงตาของหานเซิ่นไม่สามารถมองทะลุผ่านมันได้


 


แต่หานเซิ่นไม่ลังเล รังนกของอันดายอิ้งเบิร์ดยังคงอยู่บนหัวของเขา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงพุ่งออกไปหากล่องหยก ก่อนที่ทุกอย่างจะตกอยู่ในความมืด


 


ภายใต้แสงแห่งเทพของคราม ประสาทสัมผัสทั้ง 7 ของหานเซิ่นถูกปิด แต่เนื่องจากเขามีการป้องกันจากรังนก เขาจึงไม่ได้กังวลอะไรต่อการโจมตีที่ครามปล่อยออกมา


 


แต่วินาทีต่อไป สีหน้าของหานเซิ่นก็เปลี่ยนไป พลังประหลาดพุ่งลงมาใส่รังนก พลังนั้นล็อครังนกเอาไว้และดึงมันออกไปจากหัวของหานเซิ่น


 


หลังจากนั้นเขาและเป่าเอ๋อก็ถูกมัดด้วยบางสิ่งที่เหมือนกับเชือก เชือกนั้นดึงพวกเขาอย่างรุนแรง


 


เมื่อความมืดจางหายไป หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าตอนนี้เขาและเป่าเอ๋อถูกมัดด้วยเชือกสีขาว และข้างๆตัวเขามีตาข่ายที่กักขังรังนกเอาไว้ภายใน ตะข่ายนั้นต้องเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ ถ้ามันสามารถกักรังนกของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าเอาไว้ภายในได้


 


ครามถือตาข่ายเอาไว้ในมือข้างหนึ่งและถือกล่องหยกในมืออีกข้าง


 


“ต้องขอบคุณเจ้าที่ช่วยให้ข้าได้รับสมบัติของผู้นำเซเคร็ด”

ครามพูดอย่างเย็นชากับหานเซิ่น ขณะที่ถือกล่องอย่างสบายใจด้วยมือข้างเดียว


 


“เจ้าเป็นใครกัน?” กุนซือไวท์ขมวดคิ้วใส่คราม


 


ครามยิ้มและพูด “มิสเตอร์ไวท์ ข้าก็คือคราม องครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ของท่าน”


 


“เจ้าดูเหมือนคราม แต่ครามเป็นแค่องครักษ์ระดับราชัน เจ้าไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน ครามนั้นไม่มีตาข่ายนภาขององค์ชายสิบสี่” กุนซือไวท์พูด เขายังคงขมวดคิ้ว


ครามยกมีดหักในมือขึ้นและพูดกับกุนซือไวท์ “ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ถึงแม้ข้าจะเป็นครึ่งเทพ แต่ข้าก็ยังเป็นองครักษ์ของท่าน แต่นอกจากท่านแล้ว ข้ายังรับใช้องค์ชายสิบสี่ด้วย องค์ชายสิบสี่ต้องการสิ่งนี้ ดังนั้นข้าต้องนำมันกลับไปกับข้าด้วย”


 


“มิสเตอร์ไวท์ พวกเราทั้งคู่ทำงานให้องค์ชายสิบสี่ ท่านช่วยข้าเอาไว้มาก และข้าจะบอกองค์ชายสิบสี่ถึงความช่วยเหลือของท่าน แต่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่พวกเราควรจะพูดคุยกัน พวกเราจำเป็นต้องจัดการเขาก่อน” ครามพูด หลังจากนั้นเขาก็ฟันเข้าใส่หานเซิ่น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)