Super God Gene 2271-2274
ตอนที่ 2271
กิ่งก้านเหล็กของต้นไม้แข็งแรงอย่างมาก หานเซิ่นต้องใช้เวลาอยู่เป็นเวลานานกว่าที่จะตัดมันให้ขาดเพื่อเก็บผลไม้สีเงินมาเป็นของตัวเองได้
ในที่สุดเมื่อเขาตัดกิ่งเหล็กจนขาด ผลไม้สีเงินก็หล่นลงมาจากต้นไม้ หานเซิ่นเอื้อมมือออกไปรับมัน แต่ในจังหวะที่เงินไซซีสัมผัสกับมือของเขา ดวงตาของหานเซิ่นก็เบิกกว้าง
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว และกล้ามเนื้อของเขาก็สั่นไหว เขาคำรามออกมาขณะที่พยายามยกเงินไซซีที่ถืออยู่ในมือขึ้น
หานเซิ่นเรียกใช้พลังทั้งหมดที่มี เส้นผมของเขาโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง และเส้นเลือดก็ปูดขึ้นมาบนหัวของเขา
เงินไซซียังคงร่วงลงสู่พื้นต่อไปพร้อมกับพามือของหานเซิ่นไปด้วย หานเซิ่นต้องทรุดตัวลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น
‘นี่มันเป็นผลไม้แบบไหนกัน? ทำไมมันถึงได้หนักขนาดนี้! ถ้าเรากลืนมันเข้าไป มันคงจะทะลุผ่านกระเพาะของเราแน่ๆ!’
หานเซิ่นจ้องมองไปที่ผลไม้อย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาอยากจะเอามือออกมา แต่มันกดมือของเขาลงกับพื้น ซึ่งไม่ว่าเขาจะพยายามดึงยังไง ผลไม้ก็ไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว
หานเซิ่นนำมีดออกมาและฟันใส่ผลไม้สีเงิน เสียงแหลมของโลหะปะทะกันดังขึ้นมา แต่เงินไซซีไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ตัวผลไม้แข็งแรงยิ่งกว่าต้นไม้ที่มันงอกออกมาซะอีก
หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นก็ตัดสินใจขุดพื้นแทน แต่พื้นของปราสาทนั้นก็แข็งอย่างไม่น่าเชื่อเช่นเดียวกัน และมีดของหานเซิ่นก็ทำได้แค่ทิ้งรอยบางๆเอาไว้เท่านั้น
เจ้ากิเลนโลหิตใช้กรงเล็บของมันเพื่อช่วยขุดพื้นใกล้ๆกับมือของหานเซิ่น มันสามารถทิ้งรอยลึกเอาไว้ที่พื้นได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มันดึงกรงเล็บกลับไป รอยข่วนที่มันทำเอาไว้ก็จะหายไป
กิเลนโลหิตพยายามขุดต่อไป แต่ว่าพื้นก็พื้นฟูตัวเองอย่างรวดเร็วยิ่งกว่า มือของหานเซิ่นจึงยังติดเหง็กอยู่ใต้เงินไซซีเช่นเดิม
“งับผลไม้นี้และยกมันออกไป!” หานเซิ่นพูดกับกิเลนโลหิตเมื่อรู้ตัวว่าการขุดพื้นนั้นไม่ได้ผล
เมื่อได้ยินหานเซิ่น เจ้ากิเลนโลหิตก็กัดไปที่เงินไซซีและยกมันขึ้นด้วยพละกำลังทั้งหมด แต่เงินไซซีก็ยังคงนิ่งสนิท
“สิ่งนี้คืออะไรกัน?” หานเซิ่นรู้สึกตกใจ มันเป็นแค่ผลไม้ลูกหนึ่ง แต่สิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพก็ไม่สามารถจะเคลื่อนย้ายมันได้ เงินไซซีนั้นไม่แม้แต่จะขยับสักนิดเดียว
ที่น่าแปลกยิ่งกว่าก็คือมือของหานเซิ่นไม่ได้ถูกบดขยี้ เงินไซซีเพียงแค่ตรึงมือของเขาเอาไว้กับพื้น แต่ถ้าผลไม้หนักอย่างที่มันเป็นจริงๆ มือของเขาก็ควรจะถูกบดขยี้ไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ความจริงแล้วมือของเขาประสบกับแรงกดดันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ขณะที่หานเซิ่นกำลังจะใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อสังเกตผลไม้สีเงิน เครื่องเทเลพอร์ตก็มีความเคลื่อนไหวและมีใครบางคนเดินออกมา
หานเซิ่นหันไปมองและเห็นกุนซือไวท์กับคราม การมาของพวกเขาทำให้หานเซิ่นขมวดคิ้ว
ถึงแม้ครามจะเป็นแค่ระดับราชัน แต่หานเซิ่นก็ได้เห็นความสามารถในการต่อสู้ของเขาแล้ว จากการคาดคะเนของหานเซิ่น ครามไม่ได้แย่ไปกว่าเอ็ดเวิร์ดที่เป็นครึ่งเทพเลย
“หานเซิ่น เจ้ากำลังทำอะไร?” กุนซือไวท์มองไปที่หานเซิ่นด้วยความสนใจ
กิเลนโลหิตขัดจังหวะเขาด้วยเสียงคำราม หลังจากนั้นมันก็กระโดดเข้าใส่กุนซือไวท์และคราม กรงเล็บของมันห่อหุ้มไปด้วยลมปราณโลหิต ขณะที่มันฟันเข้าใส่กุนซือไวท์
กุนซือไวท์ก้าวออกไปข้างหน้าราวกับว่าเขากำลังเทเลพอร์ต เขาปรากฏตัวด้านข้างกิเลนโลหิตและกดมือไปที่หัวของกิเลนโลหิต
มือของกุนซือไวท์แว็บขึ้นด้วยสัญลักษณ์ประหลาด สัญลักษณ์นั้นจมลงไปในหน้าผากของกิเลนโลหิตราวกับตราประทับ
สัญลักษณ์เรืองแสงอ่อนๆออกมาจากหน้าผากของกิเลนโลหิต และทันใดนั้นร่างกายของกิเลนโลหิตก็หนักขึ้นมา น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเกือบจะทำให้มันทรุดตัวลงไป
กิเลนโลหิตคำรามและกระโดดเข้าใส่กุนซือไวท์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันช้ากว่าเดิมมาก กุนซือไวท์เคลื่อนไหวอย่างงดงามและทุกก้าวของเขาก็ดูเหมือนกับการเทเลพอร์ต พลังของเขาคล้ายคลึงกับของหวงฟูจิ้ง แน่นอนว่าเขาแข็งแกร่งกว่าหวงฟูจิ้งมาก
กิเลนโลหิตยังคงไล่กุนซือไวท์ต่อไป ขณะที่ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ มันโกรธที่ถูกหลอกและไม่สามารถทำอะไรกุนซือไวท์ได้ กุนซือไวท์นั้นล่อหลอกมันราวกับว่ามันเป็นตัวตลกตัวหนึ่ง
“สติปัญญาของกิเลนโลหิตต่ำเกินไปจริงๆ” หานเซิ่นถอนหายใจ เจ้ากิเลนโลหิตมีพละกำลังมากมาย แต่มันสติปัญญาต่ำ
กุนซือไวท์หลอกล่อกิเลนโลหิตไปที่ห้องโถงด้านข้าง และหานเซิ่นก็ไม่สามารถทำอะไรเพื่อหยุดเขาได้ ในขณะเดียวกันครามก็ตรงเข้ามาหาหานเซิ่นที่ถูกตึงไว้กับพื้น เขามองไปที่หานเซิ่นและพูด
“พวกเราไม่ได้มีความบาดหมางอะไรกับเจ้า มอบแผ่นหินมาให้กับข้า และพวกเราจะจากไปโดยแกล้งทำเป็นว่าไม่เห็นเจ้า”
“เข้ามาเอามันไปสิ ถ้าเจ้ามีความสามารถพอล่ะก็นะ” หานเซิ่นพูด
“เจ้าแข็งแกร่ง แต่น่าเสียดายที่ผลไม้นั่นดูเหมือนจะกดเจ้าเอาไว้กับที่ ในตอนนี้เจ้าหนีไปจากข้าไม่ได้ แล้วแบบนั้นเจ้ายังหวังที่จะต่อสู้กับข้าอีกอย่างนั้นหรอ?” ครามชักมีดของเขาออกมา
พวกเขาถูกเล่นงานเพราะประมาทหานเซิ่นมาครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นตอนนี้ครามจึงคิดว่าหานเซิ่นเป็นคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมคนหนึ่ง ครามและกุนซือไวท์จะไม่ประมาทหานเซิ่น เพียงเพราะหานเซิ่นเป็นเพียงแค่ดยุกคนหนึ่งอีกต่อไป ถึงแม้มือของหานเซิ่นจะถูกตรึงอยู่กับที่ ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถหนีไปไหนได้ แต่ครามก็ยังใช้พลังทั้งหมดของเขาอยู่ดี
มีดของครามเป็นอะไรที่ดูน่ากลัวอย่างมาก ถึงแม้มันจะยาวเพียงแค่หนึ่งฟุตเท่านั้น มันทำมาจากโลหะสีดำ และใบมีดก็สั้นกว่าด้ามจับ มันดูเหมือนกับใบมีดที่หัก
วงแหวนยื่นออกมาจากด้ามจับ และมันก็มีโซ่เส้นหนึ่งเชื่อมต่อกับวงแหวนนั่น ทีปลายสุดของโซ่เชื่อมต่อกับแขนที่แข็งแรงของคราม
ขณะที่ครามฟันเข้าใส่เขา หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่แตะรังนกบนหัวและมันก็ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อเป็นโล่ให้กับหานเซิ่น
รังนกรับการฟันของครามในความเงียบสนิท มันไม่มีเสียงดังขึ้นมาและรังนกก็ยังคงดูสมบูรณ์ดีทุกอย่าง
ครามประหลาดใจกับเรื่องนั้น เขารวบรวมพลังทั้งหมดและฟันใส่รังนกอีกหลายครั้ง แต่มันไม่มีอะไรที่ได้ผล
หานเซิ่นไม่ได้กังวลว่าครามจะทำลายรังนกเข้ามาได้ เพราะแม้แต่ราชินีจิ้งจอกก็ยังไม่สามารถสร้างความเสียหายกับมันได้เลย มันไม่มีทางที่ครามจะทำอะไรได้ถ้าแม้แต่ราชินีจิ้งจอกยังทำไม่ได้ มันน่าเสียดายที่รังนกไม่สามารถใช้ในการโจมตีได้
หานเซิ่นพยายามใช้พลังต่างๆของเขาเพื่อเอามือออกมาจากผลไม้สีเงิน แต่ไม่มีอะไรที่ได้ผล นอกจากการใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดแล้ว มันก็ดูเหมือนกับว่าเขาจะไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว
ทันใดนั้นเสียงของกุนซือไวท์ก็ดังออกมาจากห้องโถงด้านข้าง
“หานเซิ่น ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป มันก็ไม่มีพวกเราคนไหนที่จะได้รับประโยชน์ ทำไมพวกเราไม่มาร่วมมือกันล่ะ?”
“เจ้าจะเสนออะไร?” หานเซิ่นถามหลังจากคิดอยู่ชั่วครู่
“ให้กิเลนโลหิตหยุดก่อน หลังจากนั้นพวกเราก็มาคุยข้อตกลงกัน” กุนซือไวท์พูด
“เอางั้นก็ได้” หานเซิ่นเรียกกิเลนโลหิตให้กลับมาข้างกายเขา กุนซือไวท์เองก็ลบสัญลักษณ์บนหน้าผากของมันออกไปเช่นกัน
“เอาแบบนี้เป็นไง ข้าจะช่วยเจ้าเอามันออก แต่เจ้าต้องตอบแทนด้วยการมอบแผ่นหินมาให้กับข้า” กุนซือไวท์พูด
ตอนที่ 2272
“ไม่ล่ะ ข้าจะหาทางเอามันออกด้วยตัวเอง” หานเซิ่นพูดอย่างเย็นชา
กุนซือไวท์ส่ายหัวและยิ้มออกมา “เจ้าควรจะสัมผัสได้แล้วว่านี่ไม่ใช่ผลไม้ธรรมดาๆ มันจะล็อคเจ้าอยู่กับที่โดยที่ไม่มีหวังที่จะหนีไปได้ แม้แต่พละกำลังของกิเลนโลหิตก็ไม่อาจจะช่วยเหลือเจ้าได้”
“เจ้ารู้จักสิ่งนี้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
กุนซือไวท์มองไปที่ต้นไม้และพูด “ต้นไม้นี่ถูกรู้จักกันในชื่อต้นผลไม้สมบัติเงิน มันเป็นหนึ่งใน 2 ต้นผลไม้สมบัติ มันเป็นพืชซีโน่จเนอิคระดับเทพเจ้า ตำนานบอกเอาไว้ว่าต้นผลไม้สมบัติทั้ง 3 ถูกปลูกอยู่ในสวนของผู้นำเซเคร็ด และต้นผลไม้สมบัติทั้ง 3 มีเพียงแค่หนึ่งเดียวในจักรวาลแห่งนี้ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเราจะมายืนอยู่ตรงหน้าหนึ่งในพวกมัน”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ กุนซือไวท์ก็พูดต่อ “ต้นผลไม้สมบัติทั้งหมดที่ข้าพูดถึงคือต้นผลไม้สมบัติทองแดง ต้นผลไม้สมบัติเงินและต้นผลไม้สมบัติทอง พวกมันมีพลังเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป แต่อย่างเดียวที่สำคัญในตอนนี้ก็คือต้นผลไม้สมบัติเงิน อย่างที่เจ้าเห็น ผลสีเงินของมันตรึงวิญญาณของคนๆหนึ่งได้ และเนื่องจากวิญญาณของเจ้าถูกตรึงเอาไว้ มันจึงไม่สำคัญว่าเจ้าจะใช้พละกำลังทุกหยดที่มี เจ้าจะยกมันออกไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่มีผลแค่กับเจ้าคนเดียวเท่านั้น และมันก็ไม่ได้แค่ส่งผลกับคนในระดับพลังของเจ้าเช่นกัน แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ปล่อยตัวเองจากมันไม่ได้”
หลังจากที่พูดจบ กุนซือไวท์ก็ยิ้มออกมา “แน่นอนว่าผลนี้จะทำงานก็ต่อเมือผลไม้เงินถูกสัมผัสเท่านั้น ยอดฝีมือระดับเทพเจ้านั้นมีประสาทสัมผัสที่บอกให้พวกเขาไม่ไปแตะต้องพวกมัน”
“สิ่งนี้กินไม่ได้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ ถ้าเขารู้เร็วกว่านี้ เขาก็คงจะไม่เด็ดมันลงมา
“กิน?” กุนซือไวท์ดูเหมือนแทบจะกั้นหัวเราะไม่อยู่
“นอกซะจากเจ้าอยากจะให้วิญญาณของตัวเองถูกล็อคเอาไว้ตลอดการ ทำไมเจ้าถึงคิดที่จะกินมันเข้าไป?”
ครามหัวเราะออกมา “เจ้าอยากจะกินผลไม้เงินนี่? ข้าเกรงว่าเจ้าจะเป็นคนเดียวในจักรวาลแห่งนี่ที่คิดจะทำอะไรแบบนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นผลไม้อื่นล่ะทำอะไรได้?” หานเซิ่นถาม
หานเซิ่นไม่ได้ถามเพียงเพราะความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น ถ้าพวกเขาพบต้นผลไม้สมบัติเงินที่ในปราสาทนี้ แบบนั้นแล้วต้นผลไม้สมบัติอีก 2 ต้นที่เหลือก็อาจจะอยู่แถวๆนี้เช่นกัน
“นั่นไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือขณะนี้เจ้ากำลังถูกตรึงวิญญาณโดยผลไม้เงิน ซึ่งถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากข้า เจ้าก็ต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอดการ ปราสาททุกหลังของที่นี่เชื่อมต่อกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่ราชินีจิ้งจอกจะมาเจอเจ้า เจ้าคิดว่านางจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตออกไปจากที่นี่อย่างนั้นหรอ?”
กุนซือไวท์พูด “มอบแผ่นหินมาให้กับข้า และพวกเราจะสำรวจที่นี่ไปด้วยกัน ข้าต้องการสิ่งของแค่อย่างเดียวเท่านั้นและข้าขอเป็นคนเลือกก่อนเป็นคนแรก ข้ายินดีที่จะแบ่งขุนทรัพย์ที่เหลือ”
เมื่อรู้ตัวว่าไม่สามารถถามเอาข้อมูลเกี่ยวกับต้นผลไม้สมบัติทองแดงและทองจากกุนซือไวท์ได้ หานเซิ่นก็ถาม “ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าต้องการอะไร?”
“ข้าบอกเรื่องนั้นกับเจ้าไม่ได้ แต่มันไม่ใช่เสียหายอะไรสำหรับเจ้า และมันก็ดีกว่าการอยู่ที่นี่เพื่อรอให้ราชินีจิ้งจอกมาฆ่าเจ้า ข้าพูดถูกใช่ไหม?” กุนซือไวท์พูด
“ถ้านั่นคือข้อเสนอของพวกเจ้าล่ะก็ อย่างนั้นแล้วพวกเจ้าก็ไปเถอะ มันไม่มีความจำเป็นที่พวกเราต้องร่วมมือกัน” หานเซิ่นพูดอย่างหนักแน่น
กุนซือไวท์ขมวดคิ้วและพูด “เจ้าคิดจริงๆหรือว่าราชินีจิ้งจอกจะไว้ชีวิตเจ้า? จิ้งจอกเปลี่ยนร่างขึ้นชื่อว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่อารมณ์ไม่แน่นอน นางอาจจะดีกับเจ้าในช่วงเวลาหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้รับประกันว่านางจะไม่ฆ่าเจ้า”
“ข้ารู้เรื่องนั้น แต่ข้ามีแผนของตัวเอง มันไม่มีความจำเป็นที่พวกเจ้าต้องมากังวล” หานเซิ่นตอบอย่างมั่นใจ
ครามอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กุนซือไวท์หยุดเขาเอาไว้ กุนซือไวท์หันมามองหานเซิ่นและพูด
“นอกจากข้าจะช่วยให้เจ้าเป็นอิสระแล้ว ข้ายังจะช่วยเจ้าหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและช่วยหาสมบัติของผู้นำเซเคร็ดได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ถึงแม้เจ้าจะไม่หวาดกลัวต่อราชินีจิ้งจอก แต่การติดเหง็กอยู่ที่นี่ก็ไม่เป็นผลดีกับเจ้า เจ้าจะไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งอยู่ที่นี่และมองดูราชินีจิ้งจอกเอาสมบัติทั้งหมดไป”
“พวกเราร่วมมือกันได้ แต่แผ่นหินต้องเป็นของข้า ข้าจะเสนอข้อตกลงแบบเดียวกันให้กับพวกเจ้า แต่ในทางกลับกัน ข้าจะเป็นคนเลือกสิ่งที่ต้องการก่อนเป็นคนแรก” หานเซิ่นยิ้ม
กุนซือไวท์เงียบไปและยิ้มออกมา “ตกลง ข้ายอมรับข้อเสนอของเจ้า”
หานเซิ่นแปลกใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่ากุนซือไวท์จะยอมตกลงเร็วขนาดนี้ ครามเองก็แปลกใจเช่นเดียวกัน เขาพูดขึ้นมา “มิสเตอร์ไวท์! ทำไมท่านถึง?”
“ไม่เป็นไร ยังไงซะถ้าไม่มีแผ่นหินอยู่ พวกเราก็เข้าไม่ถึงสมบัติที่แท้จริงอยู่ดี” กุนซือไวท์ยกมือขึ้นมาเพื่อหยุดเขาเอาไว้
“ถ้าพวกเจ้าอยากจะร่วมมือ พวกเจ้าบอกข้าก่อนได้ไหมว่าจะเอาผลไม้เงินนี้ออกได้ยังไง?” หานเซิ่นถามขณะมองไปที่กุนซือไวท์
“มันไม่ใช่เรื่องยาก ผลไม้เงินมีพลังในการตรึงวิญญาณ แต่ถ้ามันสัมผัสถึงวิญญาณของเจ้าไม่ได้ พลังของมันก็จะหายไปเอง ข้ามีวิชาจีโนอย่างหนึ่งที่ปิดผนึกวิญญาณได้ ข้าจำเป็นต้องปิดผนึกวิญญาณของเจ้าเพื่อเอาผลไม้เงินออก” กุนซือไวท์พูด
“แบบนี้นี่เอง ยิ่งข้าดิ้นรนมากเท่าไร มันก็ยากขึ้นเท่านั้นที่จะเอามันออก” หานเซิ่นรู้สึกตัว
“ถ้าเจ้าเข้าใจ อย่างนั้นพวกเราก็อย่าเสียเวลาอีกเลย พวกเราจำเป็นต้องหาสมบัติของผู้นำเซเคร็ดให้เจอก่อนหน้าราชินีจิ้งจอก ข้าจะลงมือใช้วิชาปิดผนึกวิญญาณช่วยให้เจ้าเป็นอิสระ” กุนซือไวท์พูดขณะที่เริ่มเดินเข้ามาหาหานเซิ่น
“เดี๋ยวก่อน” หานเซิ่นยกมือของเขาขึ้นมา กิเลนโลหิตสไลด์มาข้างหน้าหานเซิ่นและแยกเขี้ยวใส่กุนซือไวท์
“อย่าได้กังวล ข้าไม่ใช่คนที่จะหักหลังคนอื่น ถ้าข้าบอกว่าพวกเราจะร่วมมือกัน ข้าก็จะไม่ผิดคำพูดของตัวเอง” กุนซือไวท์พูด
“กุนซือไวท์ เจ้ากังวลมากเกินไปแล้ว ข้าเชื่อใจเจ้า แต่จริงๆแล้วข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากเจ้า”
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ยืนขึ้นมา เขายกมือขึ้นอย่างง่ายดายและหยิบเงินไซซีขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา
กุนซือไวท์และครามตกตะลึง พวกเขาพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อสายตาตัวเอง หานเซิ่นเมินเฉยต่อพลังของผลไม้เงินได้อย่างสมบูรณ์
หานเซิ่นไม่รู้ว่าผลไม้เงินทำอะไรได้กันแน่ แต่การได้เรียนรู้ว่าผลไม้เงินมีผลในการตรึงวิญญาณนั้นเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง การจะหลีกเลี่ยงผลของมันจริงๆแล้วเป็นอะไรที่ค่อนข้างง่ายสำหรับหานเซิ่น
ทะเลจิตนั้นแตกต่างไปจากจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ ถ้าสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งสูญเสียจิตวิญญาณของพวกมัน มันก็จะเป็นเหมือนกับว่าพวกมันได้ตายไปแล้ว พวกมันจะสูญเสียการควบคุมร่างกายของตัวเองไป
หานเซิ่นจะประสบกับผลที่เหมือนๆกันถ้าทะเลจิตถูกปิด แต่คนปกตินั้นมีวิญญาณแค่ดวงเดียว แต่ทว่าหานเซิ่นมีวิญญาณอสูรอยู่เป็นจำนวนมาก
หานเซิ่นลดจิตวิญญาณของตัวเองและปล่อยให้วิญญาณอสูรลอยขึ้นมาสู่พื้นผิว หลังจากนั้นเงินไซซีก็จะส่งผลต่อวิญญาณอสูรแทนที่จะเป็นวิญญาณของหานเซิ่น
“พวกเราบอกว่าจะแบ่งกันคนละครึ่ง พวกเจ้าสนใจผลไม้เงินพวกนี้ไหม?” หานเซิ่นถามขณะที่เล่นกับเงินไซซีในมือ
“ข้าปิดผนึกวิญญาณของเจ้าเพื่อทำให้เจ้าเป็นอิสระได้ แต่ข้าสัมผัสกับผลไม้เงินด้วยตัวเองไม่ได้” กุนซือไวท์ส่ายหัวของเขา
“ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการ ข้าก็ขอเอาพวกมันไปทั้งหมด”
หานเซิ่นพูดอย่างร่าเริง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มกวัดแกว่งมีดเพื่อตัดผลไม้เงินอีก 7 ลูกที่เหลือลงมา
ด้วยความช่วยเหลือจากกิเลนโลหิต ทำให้เขาสามารถเด็ดเงินไซซีที่เหลือมาได้อย่างง่ายดาย และเขาก็เก็บพวกมันทั้งหมดไป
กุนซือไวท์และครามยังคงขมวดคิ้วด้วยความตกตะลึง ซึ่งมันชัดเจนว่าพวกเขายังคงไม่เข้าใจว่าหานเซิ่นทำแบบนั้นได้ยังไง พวกเขามองหน้ากันและพบว่าพวกเขาทั้งคู่สับสนเหมือนๆกัน พวกเขารู้สึกสงสัยในตัวหานเซิ่นมากขึ้นกว่าเดิม
ตอนที่ 2273
สิ่งมีชีวิตภายในจักรวาลจีโนมีวิญญาณดวงเดียว แต่ในทะเลจิตของหานเซิ่นมีวิญญาณอสูรอยู่เป็นจำนวนมาก และเนื่องจากผลไม้เงินสามารถแช่แข็งวิญญาณได้ครั้งละหนึ่งดวง หานเซิ่นก็แค่ต้องใช้วิญญาณอสูร 8 ดวงเพื่อต่อต้านพลังของพวกมัน
หานเซิ่นเล่นกับเงินไซซีอันหนึ่งในมือ ขณะที่มืออีกข้างลูบหัวของกิเลนโลหิต เขามองไปที่กุนซือไวท์และพูด “พวกเราควรจะไปทางไหนต่อ?”
กุนซือไวท์เงียบไปชั่วครู่ “ข้าไม่รู้ว่าปราสาทพวกนี้ทำขึ้นมาจากอะไร แม้แต่ราชินีจิ้งจอกก็บังคับให้พวกมันเปิดออกไม่ได้ พวกเราทำได้แค่เดินทางไปปราสาทต่างๆโดยใช้เครื่องเทเลพอร์ตของพวกมัน แต่ละปราสาทดูเหมือนจะมีเครื่องเทเลพอร์ตอยู่ 4 เครื่อง ประตูหน้าและห้องโถงทั้ง 2 ข้างมีเครื่องเทเลพอร์ตจุดละเครื่อง ห้องโถงด้านหลังเองก็มีอยู่เช่นเดียวกัน นั่นหมายความว่าทุกปราสาทมีอยู่ 4 ทางออก ที่พวกเราไม่รู้ก็คือจำนวนปราสาททั้งหมดที่มีอยู่ แต่ข้าคิดว่ามันอาจจะมีหนทางที่จะหาเส้นทางที่นำไปสู่คลังสมบัติของผู้นำเซเคร็ด”
“เจ้าถนัดในเรื่องนี้ไม่ใช่หรอกุนซือไวท์ เจ้าคงจะต้องมีคำตอบอยู่แล้วสินะ” หานเซิ่นยิ้ม
“ข้ามีไอเดียอยู่ แต่ข้าไม่มั่นใจว่าสมมติฐานนั้นจะถูกต้อง แต่ทว่าพวกเราลองดูได้” กุนซือไวท์พูด หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเดินไปที่ห้องโถงด้านหลังของปราสาท
เป็นอย่างที่กุนซือไวท์อธิบาย ที่แห่งนี้เป็นเหมือนกับเขาวงกต หานเซิ่นไม่เก่งในเรื่องการไขปริศนาแบบนี้ ซึ่งมันจะเป็นอะไรที่ยากมากๆถ้าหานเซิ่นต้องหาทางไปที่คลังสมบัติของผู้นำเซเคร็ดด้วยตัวเอง
ถ้าหานเซิ่นเดินไปรอบๆอย่างไร้จุดหมาย เขาก็คงจะไม่มีวันหาสมบัติของผู้นำเซเคร็ดพบ และถ้าเกิดเขาไปเจอกับราชินีจิ้งจอกเข้า นั่นก็คงจะเป็นจุดจบของเขา
กุนซือไวท์ใช้เครื่องเทเลพอร์ตของห้องโถงด้านหลัง เมื่อหานเซิ่นก้าวออกมาจากเครื่องเทเลพอร์ตที่อยู่อีกฝากหนึ่ง เขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องโถงที่เหมือนกับห้องที่หานเซิ่นเพิ่งจะจากมา มันมีรูปปั้นและภาพวาดอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
กุนซือไวท์ทำการคำนวณ หลังจากนั้นเขาก็เดินไปที่เครื่องเทเลพอร์ตของห้องโถงด้านข้าง
หานเซิ่นสงสัยว่ามันมีปราสาทอยู่มากมายแค่ไหนกันแน่ เขาวงกตนี้เป็นอะไรที่ซับซ้อนเกินไป กุนซือไวท์จะทำการคำนวณทุกครั้งที่พวกเขาไปถึงปราสาทหลังใหม่ และหลังจากที่ผ่านไป 4 ชั่วโมง พวกเขาก็เคลื่อนที่ผ่านไปประมานหนึ่งร้อยปราสาท แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังไปไม่ถึงปลายทาง
“มันจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหนก่อนที่พวกเราจะไปถึงคลังสมบัติ?” หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
ครามพูดขึ้นด้วยความรำคาญ “เจ้าคิดว่าการคำนวณหาเส้นทางที่ถูกต้องเป็นเรื่องง่ายหรือยังไง? ถ้ามันไม่ใช่เพราะมิสเตอร์ไวท์พาพวกเราไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง พวกเราก็คงจะเทเลพอร์ตไปยังปราสาทที่เป็นกับดักและพาตัวเองไปตกอยู่ในอันตรายเรียบร้อยแล้ว มันคงจะไม่ได้เป็นแค่การเดินทางที่ราบรื่นแบบนี้หรอก พวกเราคงจะลำบากลำบนที่จะเอาตัวรอดจากบททดสอบของแต่ละปราสาท”
“ข้าไม่ได้กำลังบ่น ข้าแค่สงสัยเฉยๆว่าอีกนานแค่ไหนกว่าที่พวกเราจะไปถึงที่ที่มีสมบัติซ่อนอยู่” หานเซิ่นพูดอย่างฉุนเฉียว
กุนซือไวท์หัวเราะและพูด “ถ้าข้าเดาไม่ผิด พวกเราใกล้จะถึงด่านทดสอบด่านแรกแล้ว”
“นั่นหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นถาม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับด่านทดสอบ
หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ กุนซือไวท์ก็พูด “แม้พวกเราจะเดินมาในเส้นทางที่ถูกต้อง แต่มันก็ยังมีระบบป้องกันหลายตัวที่พวกเราต้องผ่าน สำหรับสมบัติระดับนี้ มันต้องมีการป้องกันหลายชั้นติดตั้งเอาไว้ เส้นทางของพวกเราถูกต้องก็จริง แต่พวกเราก็ยังต้องผ่านด่านทดสอบเพื่อรับสิทธิให้ไปต่อได้ ข้าเดาว่ามันจะมีด่านทดสอบอยู่ด้วยกัน 4-7 ด่าน แน่นอนว่าข้าไม่รู้ว่าด่านทดสอบพวกนี้จะมาในรูปแบบไหน แต่ระบบป้องกันของผู้นำเซเคร็ดต้องไม่ใช่อะไรที่ง่ายดายอย่างแน่นอน พวกเราควรจะระวังให้ดี”
หลังจากพูดจบ กุนซือไวท์ก็หันความสนใจกลับไปที่เส้นทางข้างหน้า หานเซิ่นตามหลังเขาไปอย่างเงียบๆ
หลังจากผ่านไปอีก 3 ปราสาท กุนซือไวท์ก็พาพวกเขามาถึงประตูหลักของปราสาทแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงที่นั่นเขาก็พูดกับหานเซิ่น
“ถ้าข้าคาดการณ์ไม่ผิดล่ะก็ ปราสาทถัดไปจะเป็นด่านทดสอบแรกของเขาวงกตนี้ เจ้าต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิม”
หลังจากนั้นกุนซือไวท์ก็เดินเข้าไปในม่านแสง ครามเดินตามเขาไปติดๆ
รังนกยังคงวางอยู่บนหัวของหานเซิ่น และเขาก็เรียกใบเสมาราชาแมลงปีศาจสีทองออกมาก่อนที่จะเดินเข้าไปในม่านแสง
เหมือนกับก่อนหน้านี้ หลังจากการเทเลพอร์ต หานเซิ่นไปปรากฏตัวในปราสาทแห่งหนึ่ง แต่ทว่าปราสาทนี้ดูแตกต่างไปจากปราสาทหลังอื่นที่พวกเขาผ่านมา
ปราสาทแห่งนี้เป็นรูปวงกลม และหลังคาของมันก็เป็นเหมือนกับโล่ รูปปั้นใหญ่ยักษ์ยืนอยู่ตรงใจกลางของห้องโถง หัวของรูปปั้นเกือบจะชนหลังคาด้านบน และถึงแม้มันจะเป็นแค่รูปปั้น แต่เพียงแค่ได้เห็นมันก็ทำให้รู้สึกสะพรึงกลัว การมองดูมันจะทำให้ผู้ชมต้องการจะก้มหัวต่อรูปปั้นที่เหมือนกับเทพเจ้านี้ ราวกับว่าเขาเป็นศูนย์กลางของทั้งจักรวาล
“นี่คือรูปปั้นของผู้นำเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย
ราชินีจิ้งจอกนั้นบอกว่าผู้นำเซเคร็ดจะสวมชุดเกราะอยู่เสมอ และไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่
กุนซือไวท์และครามก้าวออกมาจากเครื่องเทเลพอร์ต แต่พวกเขาไม่ได้เดินต่อไปข้างหน้า เมื่อหานเซิ่นและกิเลนโลหิตตามพวกเขามาทัน กุนซือไวท์ก็พูดขึ้นมา
“ถึงแม้ว่ามันจะดูปลอดภัย แต่พวกเราจำเป็นต้องระวังตัวเอาไว้ ทางออกที่ถูกต้องของที่นี่คือประตูหน้า พวกเราจะต้องเดินผ่านรูปปั้นไป”
กุนซือไวท์ก้าวเข้าไปหารูปปั้น แต่ครามรีบวิ่งเข้ามาตรงหน้าเขา
“ข้าขอนำหน้าเพื่อทำให้แน่ใจว่าเส้นทางนั้นปลอดภัย”
หานเซิ่นรู้สึกนับถือคราม ในยุดสมัยนี้มันมีคนไม่มากนักที่จะจงรักภักดีถึงขนาดนั้น
หานเซิ่นตามกุนซือไวท์ไป ขณะที่ครามเดินนำหน้าไป ขณะที่พวกเขาค่อยๆเดินเข้าไปหารูปปั้น จู่ๆดวงตาของรูปปั้นก็เรืองแสงขึ้นมา
ดวงตาของรูปปั้นส่องประกายราวกับดวงไฟ และกลุ่มของหานเซิ่นก็ตกอยู่ภายใต้แสงสว่างเช่นเดียวกัน
ถึงแม้แสงนั้นจะสว่างไสว แต่มันก็ดูจะไม่ได้มีผลกระทบในทางลบอะไร
“ยินดีต้อนรับสู่คลังสมบัติของข้า” เสียงดังขึ้นมาจากรูปปั้น ซึ่งทำให้หานเซิ่นสะดุ้งเล็กน้อย
“ไม่จำเป็นต้องกลัว รูปปั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณข้าเท่านั้น มันไม่ใช่ข้าจริงๆ” รูปปั้นพูดต่อ
“ถ้าพวกเจ้ามาถึงจุดนี้ได้ นั่นก็หมายความว่าข้าได้ตายไปแล้ว สิ่งของที่อยู่ที่นี่จึงไม่มีประโยชน์สำหรับข้าอีกต่อไป ข้าจะมอบพวกมันให้กับพวกเจ้า แต่ก่อนอื่นพวกเจ้าต้องผ่านการทดสอบซะก่อน มีเพียงแค่คนที่ผ่านการทดสอบเท่านั้นถึงจะได้รับสมบัติของข้าไป ใครก็ตามที่ไม่ผ่านการทดสอบจะไม่ได้รับอะไรกลับไป ถึงแม้พวกเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าก็ตาม”
“การทดสอบอะไร?” ครามถาม
เสียงของรูปปั้นเหมือนกับหุ่นยนต์ และมันไม่มีอารมณ์ใดๆอยู่ในโทนเสียงของมัน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดเดาว่าเพศของมันเป็นชายหรือหญิง รูปปั้นพูดต่อ “การทดสอบนี้ง่ายมากๆ ถ้าเจ้าทำลายสิ่งนี้ได้ พวกเจ้าก็จะผ่านการทดสอบ”
หลังจากนั้นรูปปั้นก็เคลื่อนไหว มันยื่นมือและโค้งตัวลงมา มันวางสิ่งของอย่างหนึ่งตรงหน้ากลุ่มของพวกเขา ก่อนที่จะกลับไปสู่ท่าเดิม
ดวงตาของรูปปั้นดับลงไปและมันก็กลับกลายเป็นเหมือนกับรูปปั้นธรรมดาก่อนหน้านี้
หานเซิ่นมองดูสิ่งที่รูปปั้นวางลงตรงหน้าพวกเขา มันเป็นก้อนหินที่ยาว 40 เซนติเมตร มันไม่ได้ดูพิเศษเลยสักนิดเดียวและมันก็ทำขึ้นมาจากหินเขียว
ครามพยายามที่จะพูดกับรูปปั้นอีกครั้ง แต่รูปปั้นไม่ตอบสนองต่อคำถามของเขา
“เลิกถามได้แล้ว มันมีแค่การตอบสนองที่ถูกตั้งเอาไว้ ตอนนี้เมื่อเขาไปแล้ว มันก็ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับรูปปั้นนี่อีก” กุนซือไวท์พูด
ตอนที่ 2274
ครามเดินไปที่ด้านข้างของรูปปั้น แต่มันก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร ด้วยเหตุนั้นครามจึงเดินต่อไปที่ประตูของห้องโถงหลัก แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน
“กุนซือไวท์ ถ้ามันไม่มีผลกระทบต่อพวกเรา พวกเราควรจะเมินเฉยต่อมันไหม?” หานเซิ่นมองไปที่ก้อนหิน
กุนซือไวท์ส่ายหัวของเขา “ผู้นำของเซเคร็ดทิ้งของสิ่งนี้เอาไว้ที่นี่ด้วยจุดประสงค์บางอย่าง บางทีพวกเราอาจจะต้องพึ่งมันในภายหลัง และอีกอย่างราชินีจิ้งจอกอาจจะเอามันไป ถ้าพวกเราทิ้งมันเอาไว้ที่นี่”
“นั่นมันก็ถูก แต่มันก็มีโอกาสที่ผู้นำของเซเคร็ดจะหลอกพวกเรา? จริงๆแล้วมันอาจจะมีกับดักบางอย่างซ่อนอยู่ภายในก้อนหินก็ได้” หานเซิ่นพูด
กุนซือไวท์เงียบไปชั่วครู่ “นั่นก็เป็นไปได้ แต่ข้าคิดว่าพวกเราควรจะลองดู ถ้าผู้นำเซเคร็ดต้องการจะหลอกพวกเราจริงๆ พวกเราก็อาจจะต้องยอมติดกับดักเพื่อหาคลังสมบัติให้เจอ”
“งั้นให้ข้าเป็นคนลองดู” ครามพูด เขารวบรวมแสงสีดำไปในมีดและฟันเข้าใส่ก้อนหิน
เคร๊ง!
การฟันที่สามารถตัดผ่ามิติได้ปะทะเข้าที่ผิวของก้อนหินและเกิดเป็นเสียงดังขึ้นมา แต่ก้อนหินไม่ได้รับความเสียหายใดๆ มันไม่มีแต่ร่องรอยของมีดถูกทิ้งเอาไว้
ใบหน้าของครามดูดุร้าย แสงสีดำลุกขึ้นมารอบตัวของเขาและเปลี่ยนเป็นเปลวไฟที่มืดมิด ร่างกายของเขาดูเหมือนกับว่าถูกห่อหุ้มด้วยออร่าของปีศาจ แสงสีดำเต้นระบำรอบๆห้องโถง
แสงสีดำนั้นเข้าปกคลุมรอบตัวหานเซิ่น และทำให้เขาไม่สามารถเห็นหรือรู้สึกถึงอะไรได้ มันเหมือนกับว่าเขาติดอยู่ในความมืดมิดอย่างสมบูรณ์
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ เขาขยายรังนกเพื่อเป็นโล่ให้กับตัวเองและกิเลนโลหิตเผื่อในกรณีที่ครามเตรียมจะโจมตีพวกเขา
‘แสงแห่งเทพของครามปิดประสาทสัมผัสทั้ง 7 ได้หรอเนี่ย พลังของมันคล้ายคลึงออร่าศาสตร์ตงเสวียนของเรา’ ในขณะที่หานเซิ่นกำลังคิด ความมืดก็จางหายไป
ครามไม่ได้พยายามโจมตีพวกเขา เมื่อความสว่างไสวกลับมาอีกครั้ง เขาก็กำลังยืนอยู่ข้างๆก้อนหินด้วยท่าทางหมดสภาพ เขาส่ายหัวให้กับกุนซือไวท์ เขาพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่เขาไม่สามารถทำลายก้อนหินได้
“มิสเตอร์ไวท์อยากจะลองดูไหม?” ครามเสนอพูดอย่างมีมารยาท
“ไม่ล่ะ ถ้าแม้แต่พลังของเจ้ายังทิ้งร่องรอยไว้บนผิวของมันไม่ได้ อย่างนั้นแล้วหินนี่ก็ไม่ใช่บางสิ่งที่จะทำลายได้ด้วยพละกำลัง” กุนซือไวท์พูด หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปตรวจสอบก้อนหิน
หานเซิ่นย่อส่วนรังนกและเดินเข้าไปใกล้กับก้อนหิน เขาใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงที่จะตรวจสอบมันอย่างละเอียด
ประวัติศาสตร์ของก้อนหินเริ่มถูกแสดงในสายตาของหานเซิ่น และหลังจากผ่านไป 1-2 นาที หานเซิ่นก็สะดุ้งด้วยความประหลาดใจ
ต้นกำเนิดของก้อนหินคือถังของของเหลวที่เหนียวหนืดเหมือนกับซีเมนต์ สิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับปีศาจตัวหนึ่งถูกโยนเข้าไปในของเหลวนั้น
ไม่ว่าปีศาจตัวนั้นจะดิ้นรนยังไง มันก็ไม่สามารถออกมาได้ ปีศาจและของเหลวถูกนำไปเทลงในแม่พิมพ์ และเมื่อเวลาผ่านไปของเหลวก็แข็งตัวจนกลายเป็นก้อนหินที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้
กุนซือไวท์มองดูมันอยู่สักพักก่อนที่จะขมวดคิ้ว “ก้อนหินนี้ดูเหมือนจะมีจิตวิญญาณของตัวเอง จิตวิญญาณของมันน่ากลัวมากๆ บางทีจิตวิญญาณนั้นจะเป็นกุญแจเพื่อทำลายก้อนหินนี้”
“มิสเตอร์ไวท์ คิดว่าพวกเราควรจะทำยังไงดี?” ครามถาม
กุนซือไวท์คิดและพูด “ข้าจะลองใช้วิชาปิดผนึกวิญญาณกับมันดู”
หลังจากนั้นกุนซือไวท์ก็ยื่นมือไปสัมผัสกับก้อนหิน สัญลักษณ์ประหลาดเรืองแสงขึ้นบนฝ่ามือของเขา สัญลักษณ์นั้นประทับเข้ากับผิวของหิน และทำให้หินที่เงียบสนิท จู่ๆก็สั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง เสียงคำรามของปีศาจดังออกมาจากมัน มันเป็นอะไรที่น่ากลัว
ภายใต้แสงที่ส่องสว่างออกมาของสัญลักษณ์ หินสีเขียวก็เริ่มที่จะมีเลือดไหลออกมาและย้อมก้อนหินเป็นสีแดง
แต่ทันใดนั้นสัญลักษณ์ที่กุนซือไวท์ประทับเอาไว้บนหินก็แตกสลายไป หลังจากนั้นก้อนหินก็กลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง
กุนซือไวท์มีสีหน้าที่ซีดเซียว ครามรีบเข้ามาพยุงเขาเอาไว้และถาม
“นายท่าน เป็นอะไรไหม!”
“ข้าไม่เป็นอะไร” กุนซือไวท์ส่ายหัว
“จิตวิญญาณภายในหินนี้แข็งแกร่งถึงขนาดที่แม้แต่วิชาปิดผนึกวิญญาณของข้าก็ไม่ได้ผล ข้ากลัวว่ามันจะเป็นจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้น หานเซิ่นก็ยิ้มออกมา “กุนซือไวท์ ถ้าข้าทำลายหินนี้ได้ ข้าขออะไรก็ตามที่อยู่ข้างในนี้ได้ไหม?”
“พวกเราร่วมมือกัน แน่นอนว่าพวกเราจะต้องแบ่งกัน” ครามพูด
แต่ทว่ากุนซือไวท์ดูเหมือนจะมีความคิดอย่างหนึ่ง เขายิ้มออกมา
“หานเซิ่น ถ้าเจ้าเปิดมันออกได้ มันก็จะเป็นอะไรที่เสียเปล่า ถ้าจะทิ้งมันเอาไว้ที่นี่ ถ้าเจ้าเปิดมันได้จริง อย่างนั้นแล้วสิ่งที่อยู่ข้างในทั้งหมดก็เป็นของเจ้า ถ้ามันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ข้าก็หวังว่าเจ้าจะใช้มันช่วยพวกเราเมื่อถึงเวลาจำเป็น”
“แน่นอน” หานเซิ่นเดินเข้ามาตรงหน้าก้อนหิน เขานำเงินไซซีออกมาและวางลงบนก้อนหิน หลังจากนั้นเขาก็ถอยออกมา เขาใช้จิตใจบังคับให้วิญญาณอสูรที่เชื่อมกับเงินไซซีระเบิดตัวเอง
หลังจากที่วิญญาณอสูรถูกทำลาย พลังของเงินไซซีก็ตรงเข้าไปในก้อนหินแทน ก้อนหินเริ่มจะสั่นไหวอีกครั้งและมีเสียงคำรามที่น่ากลัวดังออกมาจากมัน หยดเลือดเริ่มปรากฏบนผิวของก้อนหิน
เงินไซซีเองก็สั่นไหวเช่นกัน แต่มันไม่ได้หล่นลงมาจากก้อนหินในตำแหน่งที่หานเซิ่นวางมันลงไป
“ดูเหมือนว่าผู้นำของเซเคร็ดจะทิ้งต้นผลไม้สมบัติเงินเอาไว้ในปราสาทก่อนหน้านี้โดยเจตนาจริงๆ มันไม่ใช่การวางเอาไว้แบบสุ่มๆ เขาวางมันเอาไว้ที่นั่นก็เพื่อที่ก้อนหินก้อนนี้จะถูกทำลายได้ โชคดีที่หานเซิ่นนำผลไม้เงินมากับเขาด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่มีหวังจะทำลายก้อนหินก้อนนี้ได้” กุนซือไวท์พูด
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน รอยร้าวก็เริ่มแพร่ขยายบนผิวของก้อนหินพร้อมด้วยเสียงแตกร้าว
ปัง!
ทันใดนั้นก้อนหินก็ระเบิดออก เศษก้อนหินสีแดงชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระเด็นออกไปทุกทิศทุกทาง เมื่อฝุ่นควันสงบลงแล้ว หานเซิ่นก็เดินเข้ามาและหยิบสิ่งของอย่างหนึ่งขึ้นมา
มันเป็นลูกคริสตัลสีเขียว มันดูเหมือนจะมีควันอยู่ภายในและหมอกควันภายในนั้นก็หมุนวนด้วยความดึงดูดที่น่าหลงใหล นอกจากนั้นหานเซิ่นยังเห็นตัวอักษรแว็บขึ้นมาภายในหมอกควันนั้น
“มันคืออะไร?” ครามถามหานเซิ่นที่กำลังถือลูกคริสตัลอยู่
หานเซิ่นยิ้มและเก็บลูกคริสตัลเข้ากระเป๋าไป “กุนซือไวท์พูดไม่ใช่หรอว่าของที่อยู่ภายในก้อนหินจะตกเป็นของข้าน่ะ?”
ครามทำเสียงออกจมูกอย่างไม่พอใจ กุนซือไวท์แค่ยิ้มออกมา
“ตอนนี้เจ้าก็ได้มันไปแล้ว พวกเราไปต่อกันเถอะ”
หานเซิ่นไม่เชื่อว่ากุนซือไวท์และครามจะรักษาสัญญาของพวกเขา พวกเขาได้เตรียมตัวก่อนที่จะมาที่นี่และพวกเขาก็จะทรยศหานเซิ่น หานเซิ่นเชื่อมั่นในความสงสัยนี้ของเขา ดังนั้นเขาจึงคิดจะกอบโกยรางวัลให้ได้มากที่สุดตราบใดที่เขายังทำได้
หานเซิ่นตามกุนซือไวท์ไปจากด้านหลังขณะที่ตรวจดูลูกคริสตัลไปด้วย
ลูกคริสตัลนั้นดูพร่ามัวมากๆ และหมอกหนาก็เกือบที่จะซ่อนตัวอักษรที่อยู่ภายในจนสนิท แต่เมื่อหานเซิ่นมองดูมันชัดๆ เขาก็ต้องประหลาดใจกับเนื้อหาที่อยู่ภายใน เนื่องจากมันคล้ายคลึงกับวิชาโลหิตชีพจร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น