Super God Gene 2263-2266
ตอนที่ 2263
นิ้วของหานเซิ่นสัมผัสกับด้ามจับสีเงิน และก่อนที่เขาจะจับมันได้อย่างเต็มที่ สายฟ้าสีเงินก็ช็อตใส่นิ้วมือของเขา
สายฟ้าไหลไปทั่วร่างกายของหานเซิ่นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่าสูญเสียการควบคุมสติของตัวเอง หานเซิ่นถูกส่งพุ่งออกไปชนเข้ากับกำแพงกระดูกขาวอย่างแรง
โชคดีที่หานเซิ่นสวมใส่ชุดเกราะกุ้งมังกรกาแลกติกอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก แต่ร่างกายของเขาก็ชาไปหมดทั้งแต่หัวจรดเท้า
“นั่นเป็นอะไรที่น่ากลัวจริงๆ ถึงสายฟ้านั่นอาจจะไม่สร้างความเสียหายมากจนเกินไป แต่อาการชาหลังจากถูกช็อตนั้นเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว!”
หานเซิ่นรวบรวมพละกำลังทั้งหมดเพื่อพยุงตัวเองกลับขึ้นมา เขามาอยู่ในท่านั่งแต่เขายังคงรู้สึกอ่อนแออย่างมาก
เจ้ากิเลนโลหิตกระโดดลงมาจากหลังของกิเลนสีดำ มันวนรอบๆตัวของหานเซิ่นและส่งเสียงร้องออกมาราวกับว่ากำลังบอกว่า “นายเป็นอะไรไหม?”
“ฉันไม่เป็นอะไร แต่สายฟ้านั่นคืออะไรกันแน่? มันเป็นอะไรที่แปลกจริงๆ แม้แต่เกราะระดับราชันก็ป้องกันมันไม่ได้”
ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมสายฟ้านั้นสามารถทำร้ายกิเลนโลหิตได้ ทั้งๆที่มันแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น ดูเหมือนสายฟ้านั้นจะเจาะผ่านการป้องกันทุกรูปแบบและช็อตใส่ร่างกายโดยตรง
กิเลนโลหิตไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้ แต่หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่ามันผิดหวัง มันรู้สึกเศร้าใจที่หานเซิ่นไม่สามารถดึงอาวุธนั่นออกมาได้
“ไม่ต้องกังวล ฉันจะหาทางดึงมันออกมาให้ได้”
หานเซิ่นคิดว่านี่ถือเป็นโอกาสดี เขาบอกได้ว่าเจ้ากิเลนโลหิตจะมีความสุขอย่างมาก ถ้าเขาสามารถดึงอาวุธนั้นออกมาได้สำเร็จ บางทีในตอนนั้นเขาอาจจะสามารถทำให้มันเชื่องได้
เมื่อคิดว่ามันเป็นอะไรที่เท่ขนาดไหนที่จะขี่เจ้ากิเลนโลหิต หานเซิ่นก็ตัดสินใจว่าจะลองดูสักตั้ง
แต่เจ้ากิเลนโลหิตดูจะไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับการที่หานเซิ่นจะลองดูอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่ามันไม่เชื่อว่าหานเซิ่นจะดึงอาวุธนั่นออกมาได้
บอกตามตรงหานเซิ่นเองก็ไม่มั่นใจเช่นกัน แต่ถ้าเขาถูกโจมตีด้วยสายฟ้า บางทีเขาจะสามารถห่อหุ้มด้ามจับด้วยวัสดุที่เป็นฉนวนก่อนที่จะดึงอาวุธนั่นออกมา
หานเซิ่นนำเอาถุงมือที่เป็นฉนวนไฟฟ้าหลายอันออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา เขาใส่ถุงมือหลายชั้นเพื่อทำให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ถูกช็อต หลังจากนั้นเขาก็บินกลับขึ้นไปบนหลังของกิเลนสีดำ เขามองกลับไปที่กิเลนโลหิตและคิด
‘ถึงแม้นายจะเป็นซีโน่เจเนอิคระดับราชันที่วันหนึ่งอาจจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า แต่นายยังคงโง่เขลา นายคงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์อย่างนั้นใช่ไหม? เดี๋ยวพี่จะช่วยแสดงให้นายเห็นเองว่ามนุษย์นั้นใช้สติปัญญาเพื่อแก้ปัญหาแบบนี้ได้!’
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ยื่นมืออกไปจับด้ามสีเงิน จากประสบการณ์ในครั้งแรก หานเซิ่นรู้ว่าสายฟ้าของด้ามจับเป็นอะไรที่น่ากลัว แต่มันไม่ได้รุนแรงพอที่จะฆ่าเขา นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก
หานเซิ่นยื่นมือออกไปจับด้ามจับสีเงินอย่างมั่นใจและพยายามจะดึงมันออกมา หลังจากนั้นสายฟ้าสีเงินก็ปะทุขึ้นมา
ถุงมือฉนวนไฟฟ้านั้นไม่ได้ผล และสายฟ้าก็ช็อตทั้งร่างกายของเขาก่อนที่จะส่งเขากระเด็นออกไปอีกครั้ง หานเซิ่นไปชนเข้ากับกำแพงกระดูกก่อนที่จะร่วงลงไปนอนกองกับพื้น
ตอนนี้หานเซิ่นได้แต่คิดว่า ‘วิทยาศาสตร์เฮงซวย ฉันก็คิดว่าแกจะได้ผลซะอีก ฉันมันไร้เดียงสาเกินไปที่หลงเชื่อมัน! สมองของฉันปวดไปหมดแล้ว’
เนื่องจากครั้งนี้หานเซิ่นจับด้ามจับสีเงินเอาไว้แน่น การช็อตของไฟฟ้าจึงรุนแรงขึ้นเป็นทวีคูณ หานเซิ่นใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงก่อนที่สติของเขาจะคืนกลับมาอย่างเต็มที่ เมื่อเขารู้สึกดีขึ้นแล้ว เขาก็ยกหัวขึ้นมาเพื่อมองไปรอบๆ เขารู้สึกตัวว่าเจ้ากิเลนโลหิตลากตัวเขาออกมาจากกระดูกขาวที่หล่นลงมาทับตัวของเขา
โชคดีที่เจ้ากิเลนโลหิตไม่ได้มีจิตมุ่งร้ายอะไรต่อเขา ถึงเขาจะถูกเจ้ากิเลนโลหิตคาบ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
‘ที่มันลากเราออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?’ หานเซิ่นคิดอย่างอับเฉา เขาพักต่ออีกหน่อย ขณะที่ร่างกายของเขาใกล้จะพื้นตัวอย่างเต็มที่
เจ้ากิเลนโลหิตมองหานเซิ่นราวกับว่าเขาเป็นเด็กไม่ดี สายตาของมันทำให้หานเซิ่นรู้สึกอับอาย
“นายคิดว่าฉันเอาอาวุธนั่นออกมาไม่ได้อย่างนั้นหรอ? ฉันจะไม่ยอมรับเรื่องนั้นเด็ดขาด!”
หานเซิ่นลุกขึ้นมาและมองไปที่ด้ามจับด้วยความโมโห แต่เมื่อเขานึกถึงอากาศปวดชาทั่วร่างกายแล้ว เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะพยายามจับมันอีกครั้ง
‘ถึงเราจะทำมันไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆเราก็ไม่ได้ตัวคนเดียว เรามีความช่วยเหลืออยู่ ดังนั้นมันไม่มีอะไรต้องกลัว?” หานเซิ่นคิด หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยเป่าเอ๋อออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา
“เป่าเอ๋อ หนูเห็นอาวุธที่ยื่นออกมาจากหลังของกิเลนนั่นไหม? มันถูกปกป้องด้วยสายฟ้าที่ทรงพลังมากๆ ดังนั้นพ่อจึงนำมันออกมาไม่ได้ หนูพอจะนำมันออกมาให้พ่อได้ไหม?” หานเซิ่นยิ้มให้กับเป่าเอ๋อขณะที่พูด
ดวงตาของเป่าเอ๋อเบิกกว้างเมื่อเธอมองไปที่อาวุธนั่น เธอคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเธอก็ส่ายหัว “ไม่ได้”
“ไม่มีทาง! หนูเองก็ดึงมันออกมาไม่ได้เหมือนกันอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเป่าเอ๋อยอมรับตรงๆว่าไม่สามารถทำอะไรบางอย่างได้
เป่าเอ๋อกระพริบตาและพูด “มันมีบางอย่างผิดปกติกับอาวุธนั่น วิญญาณของมันยุ่งเหยิงมากๆ มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะไปสัมผัสมัน หนูจะถูกช็อตถ้าหนูไปดึงมันออกมา”
หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ แม้แต่เป่าเอ๋อก็เอาอาวุธนั่นออกมาไม่ได้ มันไม่มีหวังที่จะดึงอาวุธนั่นออกมาจริงๆ
แต่หลังจากนั้นเป่าเอ๋อก็พูดขึ้นมา “พ่อไม่ให้จิ้งจอกสีเงินลองดู มันมีพลังธาตุสายฟ้า ดังนั้นมันอาจจะมีวิธีดึงอาวุธนั่นออกมา”
“นี่เราลืมจิ้งจอกสีเงินไปได้ยังไง!” หานเซิ่นตบหัวของตัวเอง สายฟ้านั้นคงจะต้องช็อตสมองของเขา และทำให้เขาลืมจิ้งจอกสีเงินไปซะสนิท
หานเซิ่นรีบปล่อยจิ้งจอกสีเงินออกมา ทันทีที่จิ้งจอกสีเงินปรากฏตัวออกมา เขาก็กอดมันเอาไว้ หลังจากนั้นก็บินขึ้นไปบนหลังของกิเลนสีดำ
“จิ้งจอกสีเงิน อาวุธนั่นมีพลังสายฟ้าอยู่ ฉันสัมผัสมันไม่ได้ นายคิดว่านายจะนำมันออกมาได้ไหม?” หานเซิ่นถามขณะที่ชี้ไปที่ด้ามจับสีเงิน
จิ้งจอกสีเงินกระโดดลงจากอ้อมแขนของหานเซิ่น มันเดินอย่างสง่างามไปรอบๆด้ามจับสีเงิน ขณะที่ดวงตาสีเงินของมันจับจ้องไปที่โลหะสีเงินนั่น
ทันใดนั้นจิ้งจอกสีเงินก็หยุดนิ่งไป ร่างกายของมันเริ่มปะทุด้วยสายฟ้าสีเงิน สายฟ้านั้นแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและร่างกายของจิ้งจอกสีเงินก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น หางสายฟ้าสิบหางด้านหลังจิ้งจอกสีเงินแกว่งไปมาราวกับหัวของไฮดรา
วินาทีต่อมา จิ้งจอกสีเงินที่มีร่างเป็นสายฟ้าก็อ้าปากของมัน มันงับไปที่ด้ามจับสีเงินและพยายามจะดึงมันออกมาจากหลังของกิเลนสีดำ
ด้ามจับสีเงินปล่อยสายฟ้าเข้าใส่จิ้งจอกสีเงิน และพลังสายฟ้าทั้ง 2 ก็ปะทะกัน มันดูเหมือนกับว่าพลังสายฟ้าทั้ง 2 กำลังระเบิดเมื่อสัมผัสซึ่งกันและกัน
สายฟ้าของด้ามจับไม่ได้ส่งจิ้งจอกเงินกระเด็นออกไปเหมือนกับหานเซิ่นและกิเลนโลหิต จิ้งจอกสีเงินคาบด้ามจับเอาไว้แน่นและเริ่มค่อยๆดึงด้ามจับออกมาจากหลังของกิเลนสีดำ
ภายในประกายของสายฟ้าสีเงิน จิ้งจอกสีเงินก็ค่อยๆดึงด้ามจับออกมาและอาวุธก็เริ่มเผยให้หานเซิ่นเห็นอย่างช้าๆ
ตอนที่ 2264
ขณะที่อาวุธค่อยๆถูกดึงออกมาอย่างช้าๆ สัญลักษณ์ลึกลับบนผิวของมันก็เริ่มเต้นระบำอย่างบ้าคลั่ง มันดูเหมือนกับว่าแฟรี่นับไม่ถ้วนกำลังเต้นรำบนผิวของอาวุธ
เนื่องจากสายฟ้าในตอนนี้รุนแรงเกินไป หานเซิ่นจึงรีบถอยออกห่างไป แม้แต่เจ้ากิเลนโลหิตเองก็ถอยออกไปเช่นกัน
กิเลนโลหิตดูตื่นเต้นอย่างมาก มันยังคงถอยหลังไป แต่ดวงตาของมันไม่เคยหันหนีไปจากร่างกายของกิเลนสีดำ
สายฟ้าของจิ้งจอกสีเงินสว่างไสวขึ้นในระดับที่น่าสะพรึงกลัว ด้ามจับของดาบถูกคาบเอาไว้แน่นด้วยปากของมัน มันดึงดาบออกมาจากร่างของกิเลนสีดำได้สำเร็จ
ดาบนั้นมีความยาวเพียงแค่หนึ่งเมตรครึ่งเท่านั้น แต่รูปร่างของมันเป็นอะไรที่แปลกประหลาด ใบมีดนั้นแยกออกเป็น 3 ส่วนด้วยกันและปลายของแต่ละส่วนก็เป็นอะไรที่แหลมคม มันดูเหมือนกับปลายของหอก
ขณะที่เขามองดูสายฟ้าปะทุออกมาจากใบมีด หานเซิ่นก็สามารถบอกได้ทันทีว่ามันเป็นอาวุธที่พิเศษ มันอาจจะเป็นอาวุธระดับเทพเจ้าเลยก็เป็นได้
เคร๊ง! เคร๊ง!
จิ้งจอกสีเงินกระโดดลงมาจากหลังของกิเลนสีดำ มันปล่อยด้ามจับออกจากปากและปล่อยให้ดาบสีเงินหล่นลงไปกับพื้น หลังจากนั้นจิ้งจอกสีเงินก็ปล่อยให้ร่างจิ้งจอกสายฟ้าที่ทรงพลังของมันสลายไป
ถึงแม้จิ้งจอกสีเงินจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่มันก็ดูเหนื่อยล้าอย่างมาก
หานเซิ่นรีบอุ้มจิ้งจอกสีเงินขึ้นมาและมอบลูกเพียร์โลหิตลูกหนึ่งให้กับมัน จิ้งจอกสีเงินส่ายหัวและนอนลงบนอ้อมแขนของหานเซิ่นแทน มันค่อยๆหลับตาลง ดวงตาของมันดูเหนื่อยมากๆ
เมื่อเห็นว่าดาบสีเงินถูกดึงออกมาได้สำเร็จ เจ้ากิเลนโลหิตก็กระโดดเข้าไปหาร่างของกิเลนสีดำด้วยความปิติยินดี
‘เป็นมอนสเตอร์ที่กตัญญูอะไรขนาดนี้ ทั้งหมดที่มันต้องการก็คือให้แม่ของมันได้ไปสู่สุขคติ มันเป็นอะไรที่ยากจะได้เห็นบางสิ่งที่น่าประทับใจแบบนี้’ หานเซิ่นถอนหายใจ
แต่วินาทีต่อมา ดวงตาของหานเซิ่นก็เบิกกว้าง เจ้ากิเลนโลหิตวิ่งเข้าไปหาร่างของกิเลนสีดำและใช้เขี้ยวของมันฉีกเนื้อหนังที่เหลืออยู่ออกมา กิเลนโลหิตฉีกซากศพของกิเลนสีดำและกัดกินอย่างหิวกระหาย
กิเลนโลหิตใช้กงเล็บของมันฉีกร่างกายขนาดใหญ่ขาดออกจากกัน อวัยวะภายในและเลือดกระเด็นกระจัดกระจายไปทั่ว
หานเซิ่นอึ้งไปสักพัก ใบหน้าของเขาซีดลงเล็กน้อย สิ่งที่เขาสันนิษฐานในตอนแรกดูเหมือนจะผิดอย่างมหันต์ เขาไม่รู้อีกต่อไปว่ากิเลนสีดำเป็นแม่ของเจ้ากิเลนโลหิตจริงๆหรือเปล่า ถ้านั่นเป็นแม่ของมันจริงๆละก็ เจ้ากิเลนโลหิตก็เป็นปีศาจร้ายอย่างแท้จริง
แต่นั่นก็เป็นอะไรที่สมเหตุสมผล เจ้ากิเลนโลหิตกำเนิดมาจากร่างของสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้ว มันใช้เวลาของชีวิตดูดกลืนพลังจากกระดูกและเลือดภายในไวท์โบนเฮลล์ การมีอยู่ของมันเกิดมาจากความตายและความโหดร้าย การกินศพแม่ตัวเองเพื่อได้รับความแข็งแกร่งจึงไม่ใช่เรื่องที่อยู่เหนือขอบเขตความเป็นไปได้
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นการกระทำที่ไร้หัวใจอยู่ดี
หานเซิ่นมีแผนที่จะส่งเป่าเอ๋อและจิ้งจอกสีเงินกลับเข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตาอีกครั้ง เพราะถ้าเจ้ากิเลนโลหิตเกิดบ้าคลั่งขึ้นมา พวกเขาก็ต้องวิ่งหนี
แต่ก่อนที่เขาจะส่งเธอเข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตาได้ เป่าเอ๋อก็วิ่งไปหาดาบสีเงิน เธอเอื้อมมือออกไปจับมันก่อนที่หานเซิ่นจะตะโกนเพื่อเตือนเธอได้
แต่เมื่อเป่าเอ๋อสัมผัสมัน ใบมีดก็ไม่ได้ปล่อยสายฟ้าสีเงินออกมา และเป่าเอ๋อก็ลากดาบกลับมาหาหานเซิ่นได้อย่างปลอดภัย
“พ่อ! ดาบนี้เจ๋งมากๆ พวกเราควรจะเอามันไปด้วย” เป่าเอ๋อส่งดาบให้กับหานเซิ่นขณะที่พูด
แต่หานเซิ่นไม่กล้าจะรับดาบมา ถึงแม้เป่าเอ๋อจะไม่ถูกไฟฟ้าช็อต แต่มันก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าหานเซิ่นจะไม่ถูกช็อตเหมือนกัน
“พ่อไม่ต้องกลัว ตอนนี้มันไม่เป็นอันตรายอะไรอีกแล้ว” เป่าเอ๋อขยิบตาให้กับหานเซิ่น
“ทำไมพ่อต้องกลัวด้วย? พ่อไม่ได้กลัวสักหน่อย พ่อแค่เป็นคนรอบคอบเท่านั้น นี่เป็นพฤติกรรมของคนที่เป็นผู้ใหญ่” หานเซิ่นหน้าแดง เขายื่นมือออกไปรับดาบสีเงินมา
เป็นอย่างที่เป่าเอ๋อบอกจริงๆ ดาบไม่ได้ปลดปล่อยสายฟ้าออกมาเมื่อเขาสัมผัสมัน ตอนนี้มันดูเหมือนกับอาวุธปกติทั่วๆไป
“แปลกจริงๆ ทำไมมันถึงกลายเป็นดาบปกติไปได้?”
หานเซิ่นหันไปมองกิเลนโลหิตที่ยังคงกัดกินร่างของกิเลนสีดำอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้นเขาก็คิดกับตัวเอง ‘หรือบางทีร่างของกิเลนสีดำจะกระตุ้นพลังของดาบนี่? บางทีนั่นจะเป็นเหตุผลที่ทำให้มันยังทำงานอยู่ และสายฟ้าของมันก็ขัดขวางกิเลนโลหิตจากการกินร่างของกิเลนสีดำ เพราะอย่างนั้นมันถึงอยากจะนำดาบออกก่อนสินะ’
หานเซิ่นไม่รู้ว่าการคาดเดาของเขาถูกต้องหรือเปล่า แต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรอีกแล้ว หานเซิ่นหันไปตรวจเช็คดาบแทน สัญลักษณ์ของสายฟ้าบนผิวของมันเป็นอะไรที่เจริญตาเจริญใจที่จะได้เห็น พวกมันทำให้ดาบดูงดงามอย่างที่สุด มันเกือบจะดูไม่เหมือนกับอาวุธแต่เป็นงานศิลปะที่ทำขึ้นมาจากเงินแทน
หลังจากที่ได้เห็นพลังของมัน หานเซิ่นก็เห็นด้วยกับเป่าเอ๋อ เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นอาวุธระดับไหนกันแน่ แต่เขาค่อนข้างแน่ใจว่ามันเป็นอาวุธระดับเทพเจ้า
เมื่อเขามองดูใบมีดใกล้ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่ามันมีตัวอักษรสลักอยู่ที่ด้านหลัง เขาสามารถอ่านพวกมันได้ มันถูกเขียนด้วยภาษาสามัญของจักรวาลจีโนที่อ่านได้ว่า “ธันเดอร์ก็อตสไปค์”
“นี่คงจะเป็นชื่อจริงของมันสินะ” หานเซิ่นยกอาวุธขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เขาพยายามจะใส่พลังตัวเองเข้าไปในธันเดอร์ก็อตสไปค์เพื่อปลุกพลังของมันให้ตื่นขึ้นมา แต่โชคร้ายที่เขาไม่สามารถทำให้มันทำงานได้
ไม่ว่าเขาจะใช้พลังหรือวิชาแบบไหน มันก็ไม่มีอะไรกระตุ้นให้สายฟ้าปะทุขึ้นมาจากธันเดอร์ก็อตสไปค์
หานเซิ่นตัดสินใจใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อจำลองพลังสายฟ้าของจิ้งจอกสีเงิน หลังจากนั้นเขาก็ใส่พลังที่จำลองเข้าไปในธันเดอร์ก็อตสไปค์ ทันใดนั้นสัญลักษณ์สายฟ้าบนธันเดอร์ก็อตสไปค์ก็เริ่มเคลื่อนไหว พวกมันเป็นเหมือนกับงูสีเงินที่เลื่อยขึ้นลงบนใบมีด
แต่ศาสตร์ตงเสวียนของหานเซิ่นยังเป็นแค่ระดับมาร์ควิสเท่านั้น ดังนั้นพลังสายฟ้าที่เขาจำลองได้จึงไม่ได้ทรงทรงพลังนัก ด้วยเหตุนั้นมันจึงมีเพียงแค่พลังอันน้อยนิดของธันเดอร์ก็อตสไปค์ที่ถูกปลดปล่อยออกมา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ถือเป็นอะไรที่ทรงพลังมากแล้ว มันทรงพลังยิ่งกว่าการที่หานเซิ่นใช้พลังทั้งหมดของเขาร่วมกับวิชากายหยกซะอีก
“นี่ต้องเป็นอาวุธระดับเทพเจ้าไม่ผิดแน่ๆ!” หานเซิ่นรู้สึกมีความสุข ธันเดอร์ก็อตสไปค์ไม่ได้ทำร้ายอะไรเขาเมื่อเขาเปิดใช้พลังของมัน นั่นหมายความว่าเขาสามารถใช้มันในการต่อสู้ได้
หานเซิ่นเก็บธันเดอร์ก็อตสไปค์เข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตา และต้องขอบคุณที่มันไม่ได้ต่อต้านเหมือนอย่างเจดดรัม เจดดรัมนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่ง แต่ธันเดอร์ก็อตสไปค์เป็นเพียงแค่อาวุธเล่มหนึ่ง
หานเซิ่นรู้สึกว่าตัวเองโชคดีอย่างมากที่มาพบอาวุธดีๆแบบนี้ แต่มันก็เป็นอันตรายสำหรับเขาที่จะพกสมบัติระดับเทพเจ้าติดตัวไปไหนมาไหนด้วย หานเซิ่นมีแผนที่จะซ่อนอาวุธเอาไว้นอกซะจากว่าจะจำเป็นจริงๆ
หานเซิ่นส่งเป่าเอ๋อกับจิ้งจอกสีเงินกลับเข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตา ตอนนี้เจ้ากิเลนโลหิตยังคงกัดกินร่างของกิเลนสีดำอยู่ มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดตัวไม่ใหญ่อะไร แต่พื้นที่ในกระเพาะของมันดูเหมือนกับว่าจะไร้ขีดจำกัด ร่างของกิเลนสีดำนั้นใหญ่โตราวกับภูเขาลูกหนึ่ง แต่ตอนนี้ร่างกายส่วนใหญ่ของมันถูกกินไปเรียบร้อยแล้ว
กิเลนโลหิตกินจนเต็มอิ่มและเรอออกมาด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้นมันก็หันกลับมาส่งเสียงเพื่อดึงความสนใจของหานเซิ่น มันเขี่ยหัวของกิเลนสีดำให้กับเขา ราวกับว่ามันจะเชิญให้หานเซิ่นมากินด้วย
“ไม่เป็นไร นายกินมันไปเถอะ” หานเซิ่นส่ายหัว ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังโกสต์โบนอยู่แล้ว ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะกินร่างของกิเลนสีดำเข้าไปในตอนนี้
แต่การเชิญชวนของกิเลนโลหิตทำให้เขาวางใจยิ่งขึ้น ดูเหมือนว่าเจ้ากิเลนโลหิตจะไม่ได้มีจิตมุ่งร้ายต่อเขาจริงๆ
ตอนที่ 2265
เมื่อกิเลนโลหิตเห็นว่าหานเซิ่นไม่คิดจะมาร่วมกินด้วย มันก็หันกลับไปกินซากศพที่เหลืออยู่ด้วยตัวคนเดียว
หานเซิ่นไม่มีความสนใจจะมองดูเจ้ากิเลนโลหิตกินต่อไป ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจออกไปจากถ้ำ เขากระโดดลงในเลือดและว่ายกลับในเส้นทางที่เข้ามา ถ้ำไม่ได้มีทางออกทางอื่น ดังนั้นเขาจึงออกไปในบ่อเลือดบ่อเดิม
หลังจากที่คลานออกมาจากบ่อเลือด หานเซิ่นก็เก็บลูกแพร์โลหิตหลายลูกติดมือกลับไป จิ้งจอกสีเงินนำธันเดอร์ก็อตสไปค์ออกมาให้กับกิเลนโลหิต แต่ในการทำแบบนั้นมันก็ดูอ่อนล้าอย่างมาก
ทั้งจิ้งจอกสีเงินและธันเดอร์ก็อตสไปค์ต่างก็มีธาตุสายฟ้าเหมือนๆกัน แต่ธันเดอร์ก็อตสไปค์มีพลังมากกว่าจิ้งจอกสีเงินอย่างเห็นได้ชัด ถ้าร่างจิ้งจอกสายฟ้าของจิ้งจอกสีเงินไม่ได้มีความต้านทานต่อสายฟ้าล่ะก็ จิ้งจอกสีเงินก็คงจะดึงธันเดอร์ก็อตสไปค์ออกมาไม่ได้
‘ตอนนี้เราช่วยเหลือเจ้ากิเลนโลหิตไปแล้ว ดังนั้นมันคงจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้าเราจะขอลูกแพร์ไปให้กับจิ้งจอกสีเงิน?’
หานเซิ่นคิดกับตัวเองขณะที่เก็บผลไม้ เขาโยนพวกมันเข้าไปให้จิ้งจอกสีเงินในหอคอยแห่งโชคชะตา แต่เมื่อเขามองเข้าไปในหอคอย เขาก็เห็นว่าจิ้งจอกสีเงินนอนหดตัวอยู่ หางของมันพันรอบๆธันเดอร์ก็อตสไปค์และสายฟ้าสีเงินก็ปะทุออกมาจากใบมีด สายฟ้านั้นก็ช็อตใส่ขนของจิ้งจอกสีเงินเป็นครั้งคราว แต่จิ้งจอกสีเงินดูจะไม่ได้ใส่ใจอะไรในเรื่องนั้น มันยังคงนอนพักต่อไป
หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจดูอย่างละเอียด เมื่อสายฟ้าของธันเดอร์ก็อตสไปค์ช็อตใส่จิ้งจอกเงิน จิ้งจอสีเงินก็ดูดซับพลังของมันเข้าไป สายฟ้านั้นประสานกับพลังของจิ้งจอกสีเงินขณะที่มันยังคงนอนพักอย่างสงบ
หานเซิ่นเดินไปตรงหน้ามันและค่อยๆวางลูกแพร์โลหิตลูกหนึ่งข้างๆจิ้งจอกสีเงิน หลังจากนั้นเขาก็ออกจากหอคอยและเดินทางออกจากภูเขาดอกบัว
เมื่อหานเซิ่นเดินลงจากภูเขาดอกบัว เขาก็พบว่าราชินีจิ้งจอกกำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูโครงกระดูกนรก เธอกำลังมองมาที่เขา
ราชินีจิ้งจอกขมวดคิ้วขณะที่หานเซิ่นเดินเข้ามาหา เนื่องจากมีโซ่ล่ามเธออยู่ทำให้เธอไปไกลจากประตูไม่ได้
“เจ้าฆ่ากิเลนโลหิตแล้วอย่างนั้นหรอ?” ราชินีถามด้วยเสียงที่ขุ่นเคือง
หานเซิ่นส่ายหัว “ข้าจะไปเอาชนะศัตรูแบบนั้นได้ยังไง แต่ข้าอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว ทำให้พวกเรามีเวลาได้ทำความรู้จักกัน ตอนนี้มันไม่ได้มีจิตมุ่งร้ายต่อข้าเลยแม้แต่นิดเดียว”
ราชินีจิ้งจอกขมวดคิ้วยิ่งไปกว่าเดิม เธอคิดว่าคำอธิบายของหานเซิ่นเป็นอะไรที่ไร้สาระสิ้นดี
กิเลนโลหิตเป็นอสูรที่โหดเหี้ยมอำมหิต และมันยังถูกขังอยู่ภายในไวท์โบนเฮลล์มาตลอดชีวิต ถ้ามันหนีออกไปจากไวท์โบนเฮลล์ได้เมื่อไหร่ มีน้อยคนนักที่จะรอดไปจากมันได้ มันเป็นปีศาจร้ายระดับราชัน
ถ้าเจ้ากิเลนโลหิตเกิดความผูกพันกับหานเซิ่นอย่างง่ายๆเพียงเพราะเขาใช้เวลาอยู่ที่นี่ เธอก็สงสัยว่าทำไมเรื่องแบบเดียวกันถึงไม่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับมอนสเตอร์ตัวนั้น เธอใช้เวลาร่วมกับมันนานยิ่งกว่าเขาอีก และเธอก็มองดูมันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วมันก็ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความใกล้ชิดเกิดขึ้นระหว่างเธอกับกิเลนโลหิตเลย
“เจ้าเป็นใครกัน?” ราชินีจิ้งจอกจ้องไปที่หานเซิ่น เธอคิดว่าพฤติกรรมของเขาผิดปกติมานานแล้ว และมันก็ทำให้เธอหวาดระแวงเขา บางทีหานเซิ่นอาจจะถูกเข้าสิงโดยขุนพลโกสต์โบนจริงๆ แต่เขาแค่แสแสร้งมาโดยตลอด
“ข้าบอกท่านแล้วไม่ใช่หรอ ข้าคือสมาชิกของหน่วยอัศวินไอซ์บลู” หานเซิ่นพูด
ราชินีจิ้งจอกกำลังจะพูดต่อ แต่ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
“มีใครบางคนบังคับให้ประตูของปราสาทเปิดออก”
“ไม่มีทาง!” หานเซิ่นตกใจ ปราสาทถูกขุนพลโกสต์โบนสร้างขึ้นมา ซึ่งแม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ไม่ควรจะเปิดประตูของมันเข้ามาได้ ดังนั้นมันไม่มีทางที่เอ็ดเวิร์ดหรือคนอื่นๆจะเปิดประตูปราสาทเข้ามาได้
“พวกเขาคิดจะเข้ามาจากทางหลักงั้นหรอ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยากตายมากสินะ”
ราชินีจิ้งจอกหลี่ตาของเธอและเดินผ่านประตูโครงกระดูกนรกกลับเข้าไปในปราสาท
หานเซิ่นรู้สึกแย่ เขาไม่ได้คาดคิดว่าเอ็ดเวิร์ดและคนอื่นจะเข้ามาข้างในได้ แต่ตอนนี้พวกเขากำลังเข้ามาข้างใน และนั่นจะทำให้ตัวตนของหานเซิ่นถูกเปิดเผย
เมื่อรู้อย่างนี้หานเซิ่นก็รีบตามราชินีจิ้งจอกกลับไป แต่หลังจากนั้นเขาก็รีบวิ่งออกไปจากห้องโถงด้านข้าง
เป็นอย่างที่ราชินีจิ้งจอกพูด ประตูหลักของปราสาทถูกเปิดออกจริงๆ และตอนนี้เอ็ดเวิร์ดกับคนอื่นๆกำลังเดินเข้ามาข้างใน
“หานเซิ่น ครั้งนี้เจ้าจะวิ่งหนีไปที่ไหนได้อีก?” อัศวินไอซ์บลูระดับราชันตะโกน หลังจากนั้นเขาก็วิ่งเข้ามาหาหานเซิ่น
“หุบปาก! ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่พวกแกจะบุกเข้ามาตามใจชอบได้!”
หานเซิ่นตะโกนขณะที่รีบถอยกลับ เขาถอยหลังไปหาราชินีจิ้งจอกที่เพิ่งจะปรากฏตัวออกมา พลังของอัศวินไอซ์บลูระดับราชันคนนั้นตรงเข้าไปหาราชินีจิ้งจอก
ราชินีจิ้งจอกยิ้มออกมา แต่ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยรังสีแค่การฆ่าฟัน เธอไม่แม้แต่จะขยับมือ ขณะที่เชือกพุ่งออกไปจากเธอและพันรอบตัวของอัศวินไอซ์บลูคนนั้น
“ระวัง!” ราชาอัศวินไอซ์บลูตะโกน เขาคิดจะเข้าไปช่วยอัศวินไอซ์บลูระดับราชันคนนั้น แต่ว่ามันสายเกินไปแล้ว
พลังเชือกบีบรัดร่างกายของอัศวินไอซ์บลูคนนั้นจนขาดเป็นชิ้นๆ มันเป็นภาพที่น่าสยดสยอง ยอดฝีมือระดับราชันคนหนึ่งถูกฆ่าตายก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้ป้องกันตัวเอง
หานเซิ่นรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว ยอดฝีมือระดับราชันคนหนึ่งถูกฆ่าอย่างง่ายดาย พลังที่ราชินีจิ้งจอกแสดงออกมายืนยันความเชื่อของหานเซิ่นว่าเธอเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้า โชคดีที่เธอต้องการจะเก็บหานเซิ่นเอาไว้แทนที่จะฆ่าเขา ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้
ใบหน้าของผู้บุกรุกคนอื่นเปลี่ยนเป็นสีขาว พวกเขาหันกลับหลังเพื่อออกไปจากปราสาท แต่ทางเข้าที่พวกเขาเข้ามาได้ปิดลงเรียบร้อยแล้ว และนั่นก็เป็นเพราะราชินีจิ้งจอก
เอ็ดเวิร์ดและคนอื่นๆโจมตีใส่ประตูของปราสาท แต่ความพยายามของพวกเขานั้นไร้ประโยชน์
“พวกเจ้าไม่รู้อย่างนั้นหรอ? ปราสาทแห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่พวกเจ้าจะเข้าออกได้ตามใจชอบ”
พลังเชือกของราชินีจิ้งจอกเคลื่อนไหวอีกครั้ง พวกมันตรงเข้าไปหาเอ็ดเวิร์ดและคนอื่นๆ
เอ็ดเวิร์ด ราชาอัศวินไอซ์บลูและครามป้องกันการโจมตีเอาไว้ได้ แต่ยอดฝีมือคนอื่นถูกจับตัวไว้ทั้งหมด
“พลังระดับเทพเจ้านี่น่ากลัวจริงๆ!” หานเซิ่นตกตะลึง ดูเหมือนว่าราชินีจิ้งจอกจะไม่ได้ถูกยับยั้งด้วยพลังของปราสาทอีกต่อไป เธอสามารถใช้พลังระดับเทพเจ้าได้อย่างเต็มที่
หานเซิ่นมองไปรอบๆถึงรู้สึกตัวว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เอ็ดเวิร์ดและคนอื่นๆทำลายการป้องกันของปราสาทได้สำเร็จ การกระทำของพวกเขาได้ไปกระตุ้นการทำงานของระบบการป้องกันของที่นี่และอนุญาตให้ราชินีจิ้งจอกใช้พลังของเธอได้อย่างเต็มที่เพื่อกำจัดผู้บุกรุกที่เข้ามา ตอนนี้เมื่อราชินีจิ้งจอกได้พลังระดับเทพเจ้ากลับคืนมา เธอก็เป็นคนละคนกับในตอนที่หานเซิ่นได้พบเธอครั้งแรก
“พวกเราขออภัยอย่างสูง! พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะบุกเข้ามาในที่นี่ พวกเราไม่ได้คิดร้ายอะไรต่อท่าน ได้โปรดยกโทษให้พวกเรา…”
ก่อนที่เอ็ดเวิร์ดจะพูดจบ พลังเชือกก็เข้ามารัดตัวของเขา
ไม่นานหลังจากนั้นผู้บุกรุกทุกคนก็ถูกจับด้วยเชือกของราชินีจิ้งจอก ไม่มีใครสามารถขัดขืนอะไรได้
เมื่อราชินีจิ้งจอกหันกลับมาหาหานเซิ่น เขาก็รีบพูด “พี่สาว ท่านสุดยอดไปเลย ท่านทั้งเฉลียวฉลาด งดงามและแข็งแกร่ง!”
“ข้าได้ยินพวกเขาเรียกเจ้าด้วยชื่อหานเซิ่น” ราชินีจิ้งจอกมองหานเซิ่นด้วยรอยยิ้มของผู้ล่า
ตอนที่ 2266
“อย่าบอกข้านะว่าหานเซิ่นเป็นชื่อปลอมของเจ้า” ราชินีจิ้งจอกพูดพร้อมกับยิ้มให้หานเซิ่น
“ชื่อของข้าคือหานเซิ่น ส่วนซานมู่เป็นชื่อเล่นของข้า ญาติๆและเพื่อนสนิทของข้าจะเรียกข้าด้วยชื่อนั้น” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมา
ราชินีจิ้งจอกกรอกตาของเธอ แต่เธอไม่คิดจะพูดถึงมันไปมากกว่านั้น เธอหันกลับไปมองที่เอ็ดเวิร์ดและคนอื่น
“แล้วพวกเจ้าล่ะเป็นใครกัน?”
ราชาอัศวินไอซ์บลูพูด “พวกเราคือหน่วยอัศวินไอซ์บลูของเอ็กซ์ตรีมคิง ได้โปรดอย่าได้เข้าใจเจตนาพวกเราผิดไป พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อจับตัวคนทรยศเท่านั้น พวกเราไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินท่าน!”
“เขาทำอะไร พวกเจ้าถึงต้องการตัวเขามากขนาดนั้น?”
ราชินีจิ้งจอกถามด้วยความสงสัย “นี่ถือเป็นทีมออกล่าที่ใหญ่พอดู”
ราชาอัศวินไอซ์บลูและเอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้ว พวกเขาจงใจบอกเธอว่าพวกเขามาจากเอ็กซ์ตรีมคิง ซึ่งนั่นเป็นชื่อที่หวาดกลัวไปทั่วทั้งจักรวาล
แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นใบหน้าของราชินีจิ้งจอก พวกเขาก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีความหวาดกลัวหรือกังวลใจเลยแม้แต่นิดเดียว การพยายามข่มขู่เธอด้วยชื่อของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นล้มเหลวไม่มีชิ้นดี
จิ้งจอกเปลี่ยนร่างไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่อะไร และถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นจิ้งจอกเปลี่ยนร่างระดับเทพเจ้า อีกฝ่ายก็ควรจะต้องหวาดกลัวต่อชื่อของเอ็กซ์ตรีมคิงอยู่ดี แต่ทว่าราชินีจิ้งจอกนั้นไม่ได้กระวนกระวายอะไร
พวกเขาไม่รู้ว่าราชินีจิ้งจอกถูกกักขังอยู่ที่นี่ตั้งแต่ก่อนที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจะขึ้นมายิ่งใหญ่ ชื่อของพวกเขาจึงไม่มีความหมายอะไรสำหรับเธอ เพราะพวกเขาเป็นเพียงแค่เผ่าพันธุ์เล็กๆในยุคสมัยของเธอ
“เขาคือคนทรยศของหน่วยอัศวินไอซ์บลู แต่เขาเป็นคนที่หนีเก่งและมันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเราที่จะจับตัวของเขา พวกเราตามรอยของเขาจนมาถึงที่นี่ มันไม่เคยอยู่ในเจตนาของพวกเราที่จะละเมิดท่าน” เอ็ดเวิร์ดพูด
หานเซิ่นและราชินีจิ้งจอกเพียงแค่แลกเปลี่ยนคำพูดกันไม่กี่คำต่อหน้าของเอ็ดเวิร์ด แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่ได้เป็นอะไรที่อบอุ่นนัก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดถึงโบราณวัตถุ
หานเซิ่นต้องเก็บโบราณวัตถุเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง นั่นหมายความว่าพวกเขายังมีโอกาสอยู่ แต่ถ้าเอ็ดเวิร์ดพูดถึงโบราณวัตถุและมันถูกสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าเอาไป พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสชิงมันกลับคืนไปได้
ใบหน้าของราชินีจิ้งจอกดูนิ่งสนิทราวกับก้อนหิน เธอถือเชือกและใช้มันฟาดใส่เอ็ดเวิร์ดที่ตอนนี้กำลังถูกห้อยกลับหัวอยู่บนอากาศ ใบหน้าของเอ็ดเวิร์ดเกิดเป็นแผลยาวที่ลึกเข้าไปจนเผยให้เห็นกระดูกหัวกะโหลกของเขา เลือดเริ่มไหลลงมาตามเส้นผมของเขา
ทุกคนตกตะลึง ราชินีจิ้งจอกไม่ได้พูดอะไรสักคำ ขณะที่เธอยังคงฟาดใส่เอ็ดเวิร์ดต่อไป ในเวลาอันสั้นร่างกายของเอ็ดเวิร์ดก็เต็มไปด้วยบาดแผลและเลือด
“ข้าโกหกคนอื่นมาก่อนที่ทวดของพวกเจ้าจะเกิดมาด้วยซ้ำ และเจ้าคิดว่าหลอกข้าได้อย่างนั้นหรอ? เจ้าอยากจะตายมากสินะ?”
สายตาของราชินีจิ้งจอกดูเลือดเย็นขณะที่เธอมองไปที่เอ็ดเวิร์ด
“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ทำไมพวกเจ้าถึงไล่ล่าเขา?”
“เขาขโมยบางสิ่งที่สำคัญมากๆไปจากพวกเรา! นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเราไล่ล่าเขา” เอ็ดเวิร์ดพูด
“สิ่งนั้นคืออะไร?” ราชินีจิ้งจอกขมวดคิ้ว
“พวกเราไม่รู้ว่ามันคืออะไร!” ขณะที่ราชินีจิ้งจอกกำลังจะขยับมืออีกครั้ง เอ็ดเวิร์ดก็พูดต่อในทันที
“พวกเราพบเมืองโบราณแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทราย หานเซิ่นแอบเข้าไปข้างในและขโมยสิ่งของอย่างหนึ่งมาจากที่นั้น แต่พวกเราไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร ถ้าท่านอยากจะรู้ว่าเขาขโมยอะไรไป แบบนั้นท่านก็ต้องไปถามเขา”
ราชินีจิ้งจอกมองเอ็ดเวิร์ดและคนอื่นอย่างละเอียด หลังจากนั้นเธอก็หันมาหาหานเซิ่น เธอพูดด้วยรอยยิ้ม
“น้องชายของข้าทำได้ดีมาก ดูเหมือนเจ้าจะได้รับของบางอย่างมาจากเมืองที่เจ้าพูดถึงสินะ ดีมากๆ”
“ข้าได้นำบางสิ่งมาจากเมืองโบราณนั่นจริงๆ” หานเซิ่นพยักหน้า
“มันอยู่ที่ไหนกัน?” ดวงตาของราชินีจิ้งจอกดูแหลมคม สิ่งที่เป็นของผู้นำเซเคร็ดนั้นเป็นอะไรที่ล่อตาล่อใจแม้แต่เธอเองก็ตาม
หานเซิ่นยิ้ม เขาไม่คิดจะมอบแผ่นหินนั่นให้กับใครทั้งนัก
“พี่สาว สิ่งไหนที่ท่านต้องการมากกว่า ของนั่นหรืออิสรภาพ?”
“ข้าเป็นคนที่โลภมาก ข้าต้องการทั้งอิสรภาพและของสิ่งนั้น”
ทันใดนั้นพลังเชือกของราชินีจิ้งจอกก็พุ่งตรงเข้าไปหาหานเซิ่น
หานเซิ่นพุ่งออกไปสู่ห้องโถงด้านข้างและคิดจะหนีเข้าไปในประตูโครงกระดูกนรก
ในจังหวะที่หานเซิ่นปรากฏภายในห้องโถง พลังเชือกของราชินีจิ้งจอกก็มาถึงตัวเขาเรียบร้อยแล้ว แต่ทันใดนั้นรังนกก็ปรากฏขึ้นในมือของหานเซิ่น ภายในรังนั้นมีไข่สีแดงฟองหนึ่งอยู่
เชือกพลังของราชินีจิ้งจอกสามารถรัดตัวยอดฝีมือระดับครึ่งเทพได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อมันสัมผัสกับรังนกนั่น มันก็ขาดอย่างง่ายดายราวกับเส้นด้าย
ขณะที่การโจมตีของราชินีจิ้งจอกสลายไป หานเซิ่นก็กระพือปีกและเทเลพอร์ตหนีเข้าไปในประตูโครงกระดูกนรก
ราชินีจิ้งจอกรู้สึกแปลกใจ เมื่อเธอตามเขาเข้าไปในไวท์โบนเฮลล์ หานเซิ่นก็หายตัวไปแล้ว เธอมีพลังและพื้นที่ที่จำกัดในที่แห่งนั้น เธอทำได้แค่ยืนอยู่บนภูเขาหัวกะโหลกและมองไปรอบๆ เธอไม่สามารถไล่ตามเขาไปไกลกว่านั้นได้
“หานเซิ่น เจ้าอยากจะแก่ตายอยู่ในไวท์โบนเฮลล์หรือยังไง?” ราชินีจิ้งจอกหลี่ตาขณะที่มองไปรอบๆ
“มันยังมีหนทางตายที่เลวร้ายยิ่งกว่าการตายด้วยกันกับผู้หญิงที่งดงามอย่างท่าน” หานเซิ่นยืนอยู่บนยอดเขาที่ห่างไกลและยิ้มให้กับราชินีจิ้งจอก
ราชินีจิ้งจอกไม่ได้พูดอะไรอีก เธอกลับเข้าไปในปราสาท
เมื่อกลับเข้ามาในปราสาท ราชินีจิ้งจอกก็มองไปที่เอ็ดเวิร์ดและคนอื่นๆ เธอสะบัดมือและโยนทุกคนยกเว้นกุนซือไวท์ไปหน้าประตูโครงกระดูกนรก
“นำตัวหานเซิ่นและของสิ่งนั้นกลับมาให้ข้า หรือไม่ก็ตายอยู่ที่นี้” ราชินีจิ้งจอกสั่งเอ็ดเวิร์ดและคนอื่นๆ
ขณะที่คนอื่นๆลุกขึ้นมาอย่างลำบากลำบนและเริ่มเคลื่อนที่เข้าไปในไวท์โบนเฮลล์ ราชินีจิ้งจอกก็หันกลับไปหากุนซือไวท์
“เจ้ารู้วิธีที่จะทำลายการป้องกันของที่นี่อย่างนั้นสินะ?”
“ข้าพอจะรู้อะไรนิดหน่อย” กุนซือไวท์พยักหน้า
“การบังคับให้ประตูทางเข้าของปราสาทเปิดออก… นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ” ราชินีจิ้งจอกยิ้มออกมา
เมื่อหานเซิ่นเห็นเอ็ดเวิร์ดและคนอื่นๆเข้ามาในไวท์โบนเฮลล์ เขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขารีบถอยหนีไปหากิเลนโลหิตในภูเขาดอกบัวทันที
เอ็ดเวิร์ดและคนอื่นๆมองโลกกระดูกขาวรอบๆโดยพูดไม่ออก พวกเขาตกตะลึงไม่ต่างจากตอนที่หานเซิ่นเข้ามาในนี้เป็นครั้งแรก
ครามทำสมาธิขณะที่เปิดใช้งานพลังพิเศษของเขา และไม่กี่วินาทีเขาก็สัมผัสได้ว่าหานเซิ่นกำลังแอบหนีไปที่ภูเขาดอกบัว “เขาอยู่ที่นั่น!”
“ไปกันเถอะ!” ราชาอัศวินไอซ์บลูออกคำสั่ง และพวกเขาทั้งหมดก็ทะยานออกไปเพื่อจับตัวหานเซิ่น
ไวท์โบนเฮลล์นั้นกว้างใหญ่ ซึ่งมันจะเป็นเรื่องยากที่จะหาตัวหานเซิ่นได้พบอีกครั้ง ถ้าหานเซิ่นหนีห่างไปจากพวกเขาไกลเกินไป
และเนื่องจากการถูกข่มขู่โดยราชินีจิ้งจอก ตอนนี้พวกเขามุ่งมั่นยิ่งขึ้นที่จะนำโบราณวัตถุนั้นกลับไปให้ได้
ราชาอัศวินไอซ์บลูเป็นคนที่รวดเร็วที่สุดในกลุ่ม ดังนั้นเขาจึงไปถึงภูเขาดอกบัวก่อนเป็นคนแรก แต่ทว่าในจังหวะที่เขากำลังจะเข้าไปในภูเขานั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงลมปราณโลหิตที่พุ่งขึ้นมาจากยอดภูเขาดอกบัว
เขามุ่งหน้ามาด้วยความเร็วเต็มกำลัง และนั่นก็ทำให้เขาไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหันได้ เขารวบรวมพลังของตัวเองและส่งคลื่นดีปบลูอะบิสไปปะทะกับคลื่นสีแดง
ตูม!
ลมปราณโลหิตฉีกผ่านชุดเกราะของราชาอัศวินไอว์บลูไป และเลือดก็เริ่มจะพุ่งออกมาจากอกของเขาด้วยความเร็วที่ไม่เป็นธรรมชาติ มันเหมือนกับว่ามีพลังบางอย่างกำลังดูดเลือดออกมาจากตัวของเขา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น