Super God Gene 2239-2250

ตอนที่ 2239

 

เมื่อหานเซิ่นไปถึงออฟฟิศของราชาอัศวินไอซ์บลู ราชาอัศวินและกุนซือไวท์ก็อยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว พวกเขามองมาที่หานเซิ่นด้วยความเอาจริงเอาจังอย่างน่าแปลก


“ราชาอัศวิน ท่านต้องการอะไรจากข้าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูหลี่ตาขณะที่มองไปที่หานเซิ่น

“หนุ่มน้อย เจ้าไม่เลวเลย เจ้าเหมือนกับข้าในสมัยที่ยังหนุ่มๆ”


 


“ราชาอัศวิน นั่นหมายความว่าอะไร?” หานเซิ่นมองไปที่ราชาอัศวินไอซ์บลูด้วยความสับสน


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูส่งแบบฟอร์มให้หานเซิ่นเซ็นชื่อ

“องค์หญิงไป๋เวยต้องการเชิญเจ้าไปที่ดาวบ้านเกิดของเอ็กซ์ตรีมคิงพร้อมกับนาง และคำขอนั้นก็ได้รับการอนุมัติแล้ว ถ้าเจ้าเซ็นชื่อลงในนี้ เจ้าก็จะได้ร่วมทางไปกับองค์หญิงไป๋เวย”


 


หลังจากที่ส่งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางให้กับหานเซิ่น ราชาไอซ์ก็ยิ้มและพูดต่อ “เจ้าไม่เลวจริงๆ มันใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเพื่อดึงดูดความสนใจขององค์หญิงไป๋เวยที่ภาคภูมิในตัวเองได้ นางเป็นเด็กผู้หญิงที่มีพรสวรรค์หาใครแทบได้ ขุนนางของเอ็กซ์ตรีมคิงมากมายอยากจะแต่งงานกับนาง แต่นางปฏิเสธคำขอของพวกเขาทุกคน ข้าคาดไม่ถึงจริงๆ”


 


“ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าคิดว่าองค์หญิงไป๋เวยแค่ชื่นชมในพลังของข้าเท่านั้น” หานเซิ่นไม่เห็นด้วยกับคำบรรยายของราชาอัศวินไอซ์บลู


 


แต่ถึงอย่างนั้นไป๋เวยก็เป็นคนที่แข็งแกร่ง ร่างกายของเธอไม่ได้อ่อนแอไปกว่าของหานเซิ่น และเธอก็อยู่ในจุดสูงสุดของระดับมาร์ควิสในทุกๆด้าน แต่มันเป็นการพูดเกินจริงที่ว่าเธอเป็นผู้มีพรสวรรค์หาใครเทียบได้ ความแข็งแกร่งของไผ่เดียวดายไม่ได้ด้อยไปกว่าไป๋เวย และมันก็ไม่ใช่อะไรที่เกินเลยถ้าจะบอกว่าเขามีฝีมือเหนือกว่า


 


ดูเหมือนว่ากุนซือไวท์จะรู้ถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิด เขายิ้มและพูด

“เจ้าอาจจะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แต่มันมีบางอย่างพิเศษเกี่ยวกับเอ็กซ์ตรีมคิง ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงจะไม่ถูกยอมรับว่าเป็น 1 ใน 3 เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด ในตอนนี้องค์หญิงไป๋เวยเป็นชั้นบนสุดของระดับมาร์ควิส นางอาจจะไม่ได้เป็นมาร์ควิสที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล แต่ถ้านางกลายเป็นระดับราชันและเปิดใช้งานร่างกายแห่งราชันได้ การฆ่าศัตรูระดับครึ่งเทพก็จะไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับคนอย่างนาง แม้แต่คู่ต่อสู้ระดับเทพเจ้านางก็อาจจะต่อกรได้”


 


“ร่างกายแห่งราชัน?” หานเซิ่นมองไปที่กุนซือไวท์ด้วยความตกใจ


 


“นั่นไม่ใช่ความลับอะไร ถึงแม้เอ็กซ์ตรีมคิงอาจจะไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดเหมือนอย่างแอนเชี่ยนท์ก็อต แต่พวกเรามีร่างกายแห่งราชัน ตราบใดที่พวกเรากลายเป็นระดับราชันได้สำเร็จ พวกเราก็จะเปิดใช้ร่างกายแห่งราชันได้ พลังนั่นจะทำให้พวกเราแข็งแกร่งกว่าคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ถึงจะพูดแบบนั้นมันก็จำเป็นต้องใช้พลังอย่างมากและมันก็ใช้ได้อย่างจำกัด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นอะไรที่ทรงพลัง แถมเมื่อพวกเรากลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว ร่างกายแห่งราชันก็จะมอบพลังเสริมให้กับพวกเรา นั่นจะทำให้เอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าแข็งแกร่งกว่าระดับเทพเจ้าทั่วๆไป”


 


กุนซือไวท์หยุดไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพูดต่อ “องค์หญิงไป๋เวยมีร่างกายแห่งราชันที่ยอดเยี่ยมมากๆ นางคือหนึ่งในคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดในหมู่ของเอ็กซ์ตรีมคิง ถ้านางกลายเป็นระดับราชัน การจะต่อกรกับคู่ต่อสู้ระดับเทพเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”


 


“มันสุดยอดขนาดนั้นเลย?” หานเซิ่นประหลาดใจ กุนซือไวท์ดูเหมือนยินดีจะเปิดเผยในเรื่องนี้


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูมองมาที่หานเซิ่นและพูด “มิสเตอร์ไวท์ได้พูดกับเจ้าไปมาก ดังนั้นเจ้าก็ควรจะเข้าใจสถานการณ์ของพวกเรา”


 


“ข้าเข้าใจ ข้าจะออกห่างจากนาง” หานเซิ่นพยักหน้า


 


ด้วยพรสวรรค์ของไป๋เวย เธอถือเป็นคนสำคัญต่ออนาคตของเอ็กซ์ตรีมคิง และการแต่งงานของเธอก็เป็นเรื่องราวทางการเมืองที่ซับซ้อน


 


พวกเขาได้เตือนหานเซิ่น พวกเขาไม่ต้องการให้หานเซิ่นเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับไป๋เวย


 


“เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากจนเกินไป พวกเราอาจจะพูดเกินเลยไป เจ้าแค่ทำตัวเป็นตัวเองและอย่าได้ขัดคำสั่งของนาง การเป็นองครักษ์ขององค์หญิงไป๋เวยถือเป็นตำแหน่งที่สำคัญ เจ้าจะได้รับประโยชน์มากมายจากตำแหน่งนั้น” ราชาอัศวินไอซ์บลูยิ้ม


 


“ข้ายังไม่อยากจากไปในตอนนี้ ได้โปรดให้ข้าอยู่ในระบบไอซ์บลูต่ออีกสักพักได้ไหม”

หานเซิ่นไม่ได้สนใจที่จะเป็นองครักษ์ แถมเขายังคงไม่ค้นพบวิธีใช้แผ่นหินหรือความจริงของบางสิ่งที่อยู่ชายแดนของระบบไอซ์บลูที่ราชาไนท์ริเวอร์พูดถึง เขาไม่ต้องการจากไปในขณะที่มีหลายเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จสิ้น


 


“นั่นเป็นไปไม่ได้ นี่คือคำสั่งโยกย้ายโดยตรงจากราชาไป๋ เจ้าและทีมของเจ้าต้องไปที่ดาวบ้านเกิดของเอ็กซ์ตรีมคิงร่วมกับองค์หญิงไป๋เวย” ราชาอัศวินไอซ์บลูพูด


 


“ไหนท่านบอกว่านางมาที่นี่เพราะถูกลงโทษ แบบนั้นทำไมนางถึงถูกเรียกกลับไปเร็วแบบนี้?” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆ


 


“หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับราชาไนท์ริเวอร์ ราชาไป๋ก็เป็นห่วงความปลอดภัยของนาง ดังนั้นนางจึงถูกเรียกตัวกลับไปในทันที” กุนซือไวท์พูด


 


“กลับไปที่ห้องและเตรียมตัวให้พร้อม ในอีก 2 วัน ข้าจะคุ้มครองพวกเจ้าไปที่ดาวบ้านเกิดของเอ็กซ์ตรีมคิง” หลังจากนั้นราชาอัศวินก็โบกมือบอกให้เขาไปได้


 


หานเซิ่นออกจากออฟฟิศของราชาอัศวินไอซ์บลู ขณะที่เขาเดินไปเขาคิดกับตัวเอง ‘นี่ราชาไป๋รู้ความจริงว่าเราเอารังของอันดายอิ้งเบิร์ดไปอย่างนั้นหรอ? นั่นคือเหตุผลที่เขาเรียกตัวเราอย่างนั้นใช่ไหม?’


 


ผ่านมา 2 อาทิตย์ และไข่ของนกสีแดงตัวน้อยก็ยังคงเงียบสนิทภายในรังของอันดายอิ้งเบิร์ด หานเซิ่นลองวางไข่นกอื่นๆเข้ามา และภายใน 2 ชั่วโมงพวกมันก็ฟักตัวออกมา นั่นหมายความว่ารังนกยังคงมีพลังของมันอยู่ เขาแค่ไม่รู้ว่าทำไมไข่ของนกสีแดงตัวน้อยถึงได้ใช้เวลานานนัก


 


“หวังว่าเจ้านกสีแดงตัวน้อยจะฟักออกมาก่อนที่เราจะเดินทางไปถึงดาวบ้านเกิดของเอ็กซ์ตรีมคิง ถ้ารังของอันดายอิ้งเบิร์ดถูกเอาไปโดยราชาไป๋ล่ะก็ เราก็จะไม่มีโอกาสอีก”


 


เมื่อกลับไปที่ห้อง หานเซิ่นก็อธิบายสถานการณ์กับหานเหยียนและพวกพ้องของเขา เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวไปที่ดาวบ้านเกิดของเอ็กซ์ตรีมคิงในอีกไม่กี่วัน


 


เมื่อเอ็ดเวิร์ดได้ยินข่าว มันก็ทำให้เขาขมวดคิ้ว


 


“ถ้าหานเซิ่นไปที่ดาวบ้านเกิด พวกเราจะเสียโอกาสที่จะชิงสิ่งนั้นมา” ขณะที่อัศวินไอซ์บลูพูด สีหน้าของเขาก็ดูวิตก


 


“พวกเราจะปล่อยให้เขาไปที่ดาวบ้านเกิดไม่ได้ เขาจะต้องอยู่ที่นี่” เอ็ดเวิร์ดพูด


 


“พวกเราจะทำให้เขาอยู่ต่อได้ยังไง? หลังจากเหตุการณ์ของราชาไนท์ริเวอร์ อัศวินไอซ์บลูก็คงจะคุ้มครองหานเซิ่นไปที่ดาวบ้านเกิดด้วยตัวเอง พวกเราไม่มีโอกาสจะทำอะไรได้ เจ้าต้องการจะปะทะกับคนที่จงรักภักดีกับราชาอัศวินไอซ์บลูอย่างนั้นหรอ? พวกเราไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำแบบนั้น”


 


เอ็ดเวิร์ดครุ่นคิด “หนทางเดียวก็คือร่วมมือกับราชาอัศวินไอซ์บลู”


 


“อะไรนะ?” อัศวินไอว์บลูลุกขึ้นจากเก้าอี้และจ้องไปที่เอ็ดเวิร์ดด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง


 


“เจ้าคิดจะบอกราชาอัศวินไอซ์บลูว่าหานเซิ่นเอาโบราณวัตถุไปอย่างนั้นหรอ?”


 


“ใช่” เอ็ดเวิร์ดพยักหน้า


 


“ไม่ ไม่มีทาง!” อัศวินไอซ์บลูตะโกน


 


“มันเป็นหนทางเดียวที่พวกเรามี” เอ็ดเวิร์ดพูดอย่างเยือกเย็น


 


“แต่…” ก่อนที่อัศวินไอซ์บลูจะพูดจบ เอ็ดเวิร์ดก็พูดขัดขึ้นมา


 


“ไม่มีแต่ นี่เป็นหนทางเดียว” เอ็ดเวิร์ดครุ่นคิดอีกครั้ง


 


“อย่าลืมว่าราชาอัศวินไอซ์บลูไม่รู้เกี่ยวกับโบราณวัตถุนั่น”


 


อัศวินไอซ์บลูตกตะลึง เขานั่งลงและบังคับตัวเองให้ใจเย็นลง หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา

“เจ้าหมายความว่าพวกเราจะไปบอกกับราชาอัศวินไอซ์บลูว่าหานเซิ่นมีโบราณวัตถุอยู่ แต่พวกเราจะไม่บอกเขาว่ามันคืออะไรอย่างนั้นหรอ?” 

 

 


ตอนที่ 2240

 

หานเซิ่นกำลังนอนอยู่บนเตียงร่วมกับจิ้งจอกสีเงินที่นอนถัดไปจากเขา แต่จู่ๆจิ้งจอกสีเงินก็ลุกขึ้นมาและสายฟ้าสีเงินก็สว่างขึ้นทั่วร่างกายของมัน ห้องที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาขณะที่ดวงตาสีเงินของมันจ้องไปทางประตู


 


หานเซิ่นตื่นขึ้นมา และที่อีกฝากของห้อง อสูรกาแล็กซี่ก็ถูกปลุกจากการหลับใหลเช่นเดียวกัน


 


ส่วนหานเหยียนและคนอื่นๆกำลังนอนอยู่ในห้องถัดไป


 


เมื่อหานเซิ่นสแกนโถงทางเดินด้านนอกด้วยออร่าศาสตร์ตงเสวียน ใบหน้าของเขาก็ดูจริงจังขึ้นมา และก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรต่อไป มันก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น


 


“หานเซิ่น ราชาอัศวินอยากจะพบกับเจ้า” อัศวินที่มาส่งข้อความพูดขึ้นมา เสียงของเขาดังมาจากด้านนอกของประตู


 


โดยปกติแล้วหานเซิ่นจะไม่ใส่ใจอะไร แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป จิ้งจอกสีเงินนั้นชาญฉลาดมากๆ และมันก็มักจะตัดสินได้ว่าใครเป็นมิตรใครเป็นศัตรู ดังนั้นถ้ามันแสดงท่าที่ไม่เป็นมิตรต่ออัศวินไอซ์บลูคนหนึ่งภายในฐานทัพ อย่างนั้นแล้วมันก็ต้องมีเหตุผลบางอย่าง มันกำลังรวบรวมพลังของตัวเองราวกับว่ามันกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้


 


เมื่อหานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนของเขาเพื่อสแกนด้านนอกห้อง เขาก็รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาราวกับว่ามีก้อนหินขนาดเท่าภูเขาหล่นทับหัวใจ


 


‘ราชาอัศวินไอซ์บลูอยู่ด้านนอก’ หานเซิ่นคิด ถึงแม้เขาจะสัมผัสถึงตัวตนของราชาอัศวินไอซ์บลูไม่ได้ แต่ความรู้สึกของเขากำลังบอกว่าชายคนนั้นอยู่ด้านนอกนั่น


 


ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่รู้ว่าทำไมราชาอัศวินไอซ์บลูถึงมาที่ห้องของเขาด้วยตัวเอง แต่เขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ แถมอัศวินที่เคาะประตูห้องนั้นพูดว่าราชาอัศวินอยากจะพบกับหานเซิ่น แต่อีกฝ่ายไม่ได้พูดว่าเขามารออยู่ที่นี่เรียบร้อยแล้ว


 


ตอนนี้ราชาอัศวินไอซ์บลูมายืนอยู่ด้านนอกห้องและกำลังซ่อนตัวตนของตัวเองเอาไว้ ซึ่งนอกจากมันจะผิดปกติแล้ว มันยังเป็นอะไรที่ไม่สุภาพ


 


“เข้าใจแล้ว รอแปป ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” หานเซิ่นตอบกลับไปและแกล้งทำเป็นว่ากำลังแต่งตัว


 


หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อมองดูด้านนอกห้องอีกครั้ง และเขาพบว่าอัศวินไอซ์บลูคนอื่นกำลังเคาะประตูห้องของพวกผู้หญิง หานเซิ่นรีบอุ้มจิ้งจอกสีเงินขึ้นมาและกระโดดขึ้นบนหลังของอสูรกาแล็กซี่ อสูรกาแล็กซี่รู้ว่าหานเซิ่นต้องการอะไร และมันก็ใช้พลังของมันพาพวกเขาทะลุผ่านกำแพงไปที่อีกห้องถัดไปในทันที


 


หานเหยียนและคนอื่นๆสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นอสูรกาแล็กซี่ทะลุผ่านกำแพงเข้ามาพร้อมกับหานเซิ่นและจิ้งจอกสีเงิน พวกเธอดูประหลาดใจ แต่พวกเธอก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น


 


หานเซิ่นไม่มีเวลาที่จะอธิบาย ดังนั้นเขาจึงเรียกหอคอยแห่งโชคชะตาออกมาและพูดเบาๆ “เข้าไปข้างใน”


 


ซีโร่และหานเมิ่งเอ๋อกระโดดเข้าไปข้างในโดยไม่พูดอะไรสักคำ จีชิงกำลังจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก่อนที่เธอจะได้ถาม หานเหยียนก็ผลักเธอเข้าไปข้างใน


 


หวงฟูจิ้งทำอะไรรวดเร็ว และเธอก็กระโดดเข้าไปข้างในโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว


 


หานเซิ่นโยนจิ้งจอกสีเงินและอสูรกาแล็กซี่เข้าไปข้างในเช่นกัน เป่าเอ๋อยังคงอยู่บนไหล่ของหานเซิ่น ส่วนนางฟ้ากำลังยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวขณะที่จ้องไปที่ประตู


 


“เข้าไปข้างใน!” หานเซิ่นเปล่งเสียงใต้ลมหายใจของเขา เขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางฟ้ากันแน่ เพราะเธอไม่เคยขัดคำสั่งของเขามาก่อน


 


นางฟ้าไม่เข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตา เธอเดินเข้ามาหาหานเซิ่นพร้อมกับกับกางปีกของเธอแทน วงแหวนศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่างขึ้นเหนือหัวของเธอ


 


ทันใดนั้นร่างกายที่ดูอ่อนเยาว์ของเธอก็เปลี่ยนเป็นนางฟ้าอกโตผมสีทอง ดาบขนนกคริสตัลปรากฏขึ้นในมือของเธอ


 


นางฟ้าเปิดใช้งานโหมดต่อสู้ของเธอ เนื่องจากเธอสัมผัสได้ถึงอันตราย


 


“ฉันรับมือกับเรื่องนี้ได้! เธอแค่จำเป็นต้องเข้าไปข้างใน”


หานเซิ่นสัมผัสได้ว่าราชาอัศวินไอซ์บลูเดินมาอยู่หน้าประตูแล้ว ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าหานเซิ่นได้แอบมาที่ห้องถัดไป


 


ก่อนที่หานเซิ่นจะพูดอะไรได้มากกว่านั้น นางฟ้าก็กระปือปีกของเธอและบินมาตรงหน้าของหานเซิ่น ปีกนางฟ้ากางออกกว้างและดวงตาที่ใสของเธอก็จ้องตรงมาที่หานเซิ่น หลังจากนั้นริมปีปากสีแดงของเธอก็ลงมาหาริมผีปากของเขา


 


หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่เข้าไปในตัวของเขา ทั้งร่างกายของนางฟ้ากำลังส่องสว่างด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ และแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นก็หลั่งไหลเข้าไปในตัวของหานเซิ่น


 


ตูม!


ปีกนางฟ้ากางออกมาจากหลังของหานเซิ่น ขณะที่วงแหวนปรากฏขึ้นเหนือหัวของเขา ร่างทั้งร่างของเขาเรืองแสงสีขาวที่ดูศักดิ์สิทธิ์และดาบขนนกของนางฟ้าก็ลอยมาอยู่ในมือของเขา


 


พลังของนางฟ้ารวมเข้ากับพลังของหานเซิ่น และหานเซิ่นรู้สึกว่าพลังของตัวเองเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล


 


หานเซิ่นประหลาดใจกับเรื่องนี้ เพราะนางฟ้าไม่ได้แสดงพลังนี้เลยตั้งแต่ที่เธอหลุดจากการเป็นเพียงแค่วิญญาณอสูร เนื่องจากว่าตอนนี้เธอมีร่างกายจริงๆอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าเธอจะยังรวมร่างกับเขาได้


 


หานเซิ่นและนางฟ้าเป็นระดับมาร์ควิสทั้งคู่ แต่พลังของนางฟ้าบริสุทธิ์อย่างมาก มันเกือบจะแข็งแกร่งเท่ากับของตัวหานเซิ่นเอง


 


พลังของมาร์ควิส 2 คนรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้พลังของหานเซิ่นในตอนนี้ทะลุขีดจำกัดของมาร์ควิสคนหนึ่ง ร่างกายของเขารู้สึกสุดยอดมากๆ


 


หานเซิ่นรู้ว่านางฟ้ารวมตัวเองเข้ากับเขา เพราะเธอสัมผัสได้ถึงอันตรายที่ร้ายแรง ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะไม่ทำอะไรโดยพลการแบบนี้


 


ในจังหวะที่หานเซิ่นเก็บหอคอยแห่งโชคชะตากลับเข้าไปในจิต ประตูห้องก็ถูกพังเข้ามา หานเซิ่นเห็นราชาอัศวินไอซ์บลูเดินเข้ามาข้างใน อีกฝ่ายไม่ได้ใช้พลังอะไร แต่หานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามาใส่เขา


 


นี่เป็นความกดดันของสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ เขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าอี๋ซา


 


“เป่าเอ๋อ!” หานเซิ่นไม่ลังเล เขาเรียกปีกมังกรออกที่หลังและหูออกมา ผิวของเขาเป็นสีแดง และทั้งปีกมังกรและปีกของนางฟ้าก็กางออกจากด้านหลังของเขา


 


ปัง!


 


มือของเป่าเอ๋อตีลงไปบนผิวของบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัม คลื่นเสียงพุ่งออกมาจากเจดดรัม ขณะที่หานเซิ่นกระพือปีกทั้ง 3 คู่และเทเลพอร์ตออกไปจากด้านหลังของกำแพงห้อง


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูขมวดคิ้ว เขาใช้วงแหวนสีฟ้าเพื่อป้องกันตัวเอง คลื่นเสียงของเจดดรัมเป็นเหมือนกับหางของแมลงป่อง มันทิ่มแทงเข้ามาที่หัวของราชาอัศวิน แต่วงแหวนสีฟ้าหมุนวนรอบตัวของเขา ทำให้คลื่นเสียงไปไม่ถึงตัวของเขา


 


“หานเซิ่น ข้าจะถามเจ้าชัดๆ เจ้ากำลังจะละทิ้งหน่วยอัศวินนี้อย่างนั้นหรอ?”


ราชาอัศวินไอซ์บลูจ้องตรงไปที่หานเซิ่น ดวงตาของเขามองตามการเทเลพอร์ตของหานเซิ่นได้ทันที ขณะที่เขาพูดพลังที่น่าตกใจก็ออกมาจากตัวของเขา


 


ทันทีที่หานเซิ่นเทเลพอร์ตไปที่โถงทางเดิน พลังของราชาอัศวินก็ลงมาบนตัวของเขา หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่ามีภูเขาทั้งลูกหล่นทับตัวของเขาและมันเกือบจะทำให้เขาล้มลงไปกับพื้น


 


“ถ้าท่านยินดีจะให้ข้าอธิบาย ท่านก็คงจะไม่มาที่นี่แบบนี้”


หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็ระเบิดพลังของตัวเองออกมาเพื่อตัวสู้กับพลังของราชาอัศวินไอซ์บลู เขาเทเลพอร์ตอีกครั้งและพังหลังคาของฐานทัพออกไป ตอนนี้เขาอยู่บนอากาศ


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าตัวเองจะหนีไปได้หรือเปล่า แต่ครั้งนี้การกลับไปในก็อตแซงชัวรี่ไม่ใช่ตัวเลือกดี หานเหยียนและคนอื่นอยู่ในหอคอยแห่งโชคชะตา ด้วยระดับพลังของพวกเขาในตอนนี้ พวกเขาจะได้รับความเสียหายจากการจำกัดของก็อตแซงชัวรี่ ซึ่งแม้แต่หอคอยแห่งโชคชะตาก็ไม่สามารถป้องกันพวกเขาจากเรื่องนั้นได้


 


หานเซิ่นกัดฟันของเขา แต่ก่อนที่เขาจะเทเลพอร์ตอีกครั้ง ราชาอัศวินไอซ์บลูก็บินขึ้นมาบนอากาศเช่นกัน เขามองลงมาที่หานเซิ่นจากด้านบน แรงกดดันที่เขาปลดปล่อยออกมาเป็นอะไรที่ยากจะอธิบาย แต่มันทำให้หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นเทพเจ้าที่ไม่ว่าหานเซิ่นจะหนีไปทางไหน เขาก็ไม่สามารถหนีไปจากสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวนี้ได้ 

 

 


ตอนที่ 2241

 

“หานเซิ่น เจ้ายังหันหลังกลับได้” ราชาอัศวินไอซ์บลูพูดอย่างหนักแน่น


 


แต่หานเซิ่นไม่ตอบ เขากำลังครุ่นคิดแทน


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูไม่ได้มีความแค้นอะไรกับหานเซิ่น ความจริงแล้วเมื่อคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างหว่างอี๋ซากับพวกเขา ราชาอัศวินไอซ์บลูก็ไม่ควรจะเกลียดชังอะไรหานเซิ่น นอกจากนั้นไป๋เวยก็กำลังจะพาหานเซิ่นไปที่ดาวบ้านเกิดของเอ็กซ์ตรีมคิงในเร็วๆนี้ ดังนั้นมันไม่มีเหตุผลอะไรที่อัศวินไอซ์บลูจะมาโจมตีเขา นี่ถือเป็นการขัดต่อความต้องการของผู้ปกครองเอ็กซ์ตรีมคิง มันถือว่าเป็นความผิดที่ใหญ่หลวงที่สุด


 


เมื่อคิดเกี่ยวกับมันดีๆ หานเซิ่นก็คิดว่ามันคงจะเป็นเพราะแผ่นหินที่เขาครอบครองอยู่ เพราะแม้แต่เอ็ดเวิร์ดเองก็ยังใช้รูปปั้นแอนเชี่ยนท์ก็อตที่มีค่างเพื่อจะแย้งเอาแผ่นหินนั้นไปครอบครอง


 


‘ถ้าอัศวินไอซ์บลูรู้เกี่ยวกับแผ่นหิน ทำไมเขาถึงไม่โจมตีเราตั้งแต่แรก ทำไมเขาถึงต้องรอจนถึงตอนนี้? เขาคงเพิ่งจะรู้ถึงเรื่องนี้แน่ๆ และมีเพียงแค่เอ็ดเวิร์ดเท่านั้นที่รู้ว่าเราเอาแผ่นหินไป แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ อะไรที่เป็นสาเหตุทำให้จู่ๆเอ็ดเวิร์ดบอกกับราชาอัศวินไอซ์บลูว่าเรามีแผ่นหินอยู่?’ หานเซิ่นคิด


‘ใช่แล้ว มันเป็นเพราะไป๋เวยต้องการพาตัวเราไป เอ็ดเวิร์ดคงจะรู้ว่าหยุดเรื่องนั้นไม่ได้ ดังนั้นการบอกราชาอัศวินไอซ์บลูจึงเป็นหนทางสุดท้ายของเขา’


 


“ดูเหมือนแผ่นหินนี้จะมีค่ามากกว่าที่เราคิด แม้แต่ราชาอัศวินไอซ์บลูก็ยังขัดคำสั่งของราชาไป๋เพื่อพยายามหยุดเราเอาไว้ที่นี่ ถ้าพวกเขาต้องการให้เราอยู่ที่นี่มากขนาดนั้น บางทีแผ่นหินอาจจะทำงานได้แค่ที่นี่เท่านั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงจะคิดหาหนทางเอามันกลับคืนไปในตอนที่เราอยู่ที่ดาวบ้านเกิดของเอ็กซ์ตรีมคิง มันต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้พวกเขาขัดคำสั่งของผู้ปกครองตัวเองด้วยแผนการที่เสี่ยงแบบนี้”


 


หานเซิ่นเงยหน้าขึ้นไปมองที่ราชาอัศวินไอซ์บลู เขาสามารถฆ่าหานเซิ่นได้ถ้าต้องการ ด้วยอำนาจและชื่อเสียงของเขา เขาคงจะฆ่าหานเซิ่นและรอดจากการลงโทษไปได้


 


บางทีที่เขายั้งมือเอาไว้ก็เพราะอี๋ซา หรือบางทีเขาอาจจะไม่ได้ต้องการทำร้ายอะไรหานเซิ่น และที่เขาต้องการก็คือแผ่นหินเท่านั้น


 


แต่หานเซิ่นไม่อยากจะเสียแผ่นหินไป ถ้าหานเซิ่นยอมมอบแผ่นหินแต่โดยดี อัศวินไอซ์บลูก็จะหยุดไล่ล่าหานเซิ่น ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะได้แผ่นหินไป


 


“เวรเอ้ย! เอ็ดเวิร์ดมันรู้ได้ยังไงว่าเราเอาแผ่นหินไป?” หานเซิ่นถอนหายใจ


 


เขาระมัดระวังอย่างเต็มที่ แต่เอ็ดเวิร์ดก็ยังค้นพบตัวหัวขโมย


 


แต่ตอนนี้หานเซิ่นไม่มีเวลาจะมาคิดถึงเรื่องนั้น ถ้าเขาไม่อยากจะเสียแผ่นหินไป แบบนั้นเขาก็ต้องหาทางหนีไปจากที่นี่


 


ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในศูนย์บัญชาการของหน่วยอัศวินไอซ์บลู ดังนั้นหานเซิ่นจึงถูกล้อมโดยยอดฝีมือจากทุกด้าน ราชาอัศวินไอซ์บลูไม่ต้องการทำให้เรื่องนี่เป็นเรื่องใหญ่ และเขาก็ไม่ต้องการทำให้หานเซิ่นเข้าตาจน ดังนั้นเขาจึงมาขวางหานเซิ่นตามลำพัง


 


“หานเซิ่น สิ่งนั้นมันไร้ประโยชน์สำหรับเจ้า ทิ้งมันไปและเจ้าจะได้รับรางวัล”


ราชาอัศวินไอซ์บลูยังคงไม่โจมตี เขาแค่ใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อข่มหานเซิ่น


 


“ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” หานเซิ่นใช้จิตแห่งมีดและดาบเพื่อต้านแรงกดดันของราชาอัศวินไอซ์บลู


 


จิตแห่งมีดและจิตแห่งดาบของหานเซิ่นเป็นระดับครึ่งเทพ ดังนั้นพวกมันจึงอยู่ในระดับเดียวกับของราชาอัศวินไอซ์บลู แต่มันก็มีความต่างระหว่างพลังของทั้งคู่มากถึงขนาดที่หานเซิ่นไม่มีหวังจะเอาชนะได้


 


“ถ้าเจ้ายังยืนกรานที่จะทำแบบนี้ ข้าก็ต้องใช้กำลังพาเจ้ากลับไปด้วยตัวเอง”


เมื่อได้เห็นจิตแห่งมีดและจิตแห่งดาบของหานเซิ่น ดวงตาของราชาอัศวินไอซ์บลูก็เปล่งประกายด้วยความชื่นชม


 


มันถือว่าเป็นอะไรหาได้ยากที่มาร์ควิสคนหนึ่งจะมีจิตใจที่แข็งแกร่งแบบนั้น


 


แสงสีฟ้าที่ห่อหุ้มราชาอัศวินไอซ์บลูตั้งแต่ที่เขาพังเข้าไปในห้องของหานเซิ่น มันเป็นเพียงแค่พลังติดตัว แต่ยิ่งมันทำงานนานมากเท่าไหร่ มันก็จะขยายกว้างขึ้นมากเท่านั้น ดูเหมือนกับว่าอากาศเองก็กลายเป็นสีฟ้า มันห้อมล้อมหานเซิ่นและเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังงานอันหนาวเย็นแผ่ออกมาจากมัน เขารู้สึกราวกับว่าออร่านั้นจะแช่แข็งเขา


 


พลังหนาวเย็นนั้นจำกัดความสามารถในการเคลื่อนไหวของหานเซิ่น การพยายามจะเทเลพอร์ตนั้นเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ภายในแสงสีฟ้านั่น ปีกมังกรทำให้หานเซิ่นเทเลพอร์ตได้แค่ระยะสั้นๆเท่านั้น เขาไม่สามารถหนีไปจากรัศมีของมันได้


 


หานเซิ่นและเป่าเอ๋อถูกแช่แข็งภายในแสงสีฟ้า ทั้งคู่ดูเหมือนกับก้อนน้ำแข็งคู่หนึ่งที่กำลังลอยอยู่ในอากาศสีฟ้า


 


ภายในฐานทัพ เอ็ดเวิร์ดมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ


“ราชาอัศวินไอว์บลูไม่ใช่สมาชิกของเอ็กซ์ตรีมคิงที่มีพรสวรรค์พิเศษอะไร แต่เขามีศรัทธาในหลักการที่คนอื่นหลงลืมไป เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ฝึกวิชาจีโนไอซ์บลูไปถึงระดับนั้น ทั้งๆที่มันเป็นแค่วิชาพื้นฐานที่ผู้คนแทบจะไม่เสียเวลากับมัน”


 


“แต่สุดท้ายแล้วความพยายามของเขาก็ไร้ประโยชน์ ตั้งแต่เกิดพวกเราก็รู้ว่าเขาไม่มีวันกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้ เขาจะเป็นระดับครึ่งเทพไม่ว่าจะยังไงก็ตาม”


อัศวินไอซ์บลูที่อยู่ข้างๆเอ็ดเวิร์ดยิ้ม หลังจากนั้นสายตาของเขาก็มองไปที่หานเซิ่น “แต่ข้าสนใจหานเซิ่นคนนี้มากกว่า นอกจากที่เขาจะมีสมบัติโล่ป้องกันที่มหัศจรรย์แล้ว เขายังฆ่าราชาไนท์ริเวอร์ได้สำเร็จ นั่นไม่ใช่สิ่งที่มีเพียงแค่การป้องกันจะทำได้”


 


“เจ้าเห็นเด็กหญิงตัวน้อยที่ถือเจดดรัมนั่นไหม? นั่นไม่ใช่เจดดรัมธรรมดาๆ มันเป็นเจดดรัมระดับราชันกลายพันธุ์ ข้าได้ตรวจสอบร่างของราชาไนท์ริเวอร์ ถึงแม้เขาจะถูกฆ่าด้วยการตัดคอ แต่สมองของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก เขาคงจะถูกการโจมตีของเจดดรัมโดยที่ไร้การป้องกัน” เอ็ดเวิร์ดพูด


 


“เขาเป็นเพียงแค่มาร์ควิสจากเผ่าพันธุ์เล็กๆ แต่เขากลับมีสมบัติมากมายที่เจ้าและข้าก็ยังต้องการ” อัศวินไอซ์บลูมองไปที่เจดดรัมของเป่าเอ๋อด้วยความละโมบ


 


“เจ้านี่มีอะไรมากกว่าที่เห็น พวกเราไม่รู้ถึงธรรมชาติของโบราณวัตถุนั่นด้วยซ้ำ แต่เขากลับหามันเจอได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา พวกเราก็คงจะไม่สังเกตเห็นว่าโบราณวัตถุนั้นเป็นแค่แผ่นหินเล็กๆที่ติดอยู่บนหลังคา”


เอ็ดเวิร์ดหลี่ตาของเขาขณะที่มองไปที่หานเซิ่น “ถ้าเป็นไปได้ข้าก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับเขา แต่พวกเราจำเป็นต้องใช้โบราณวัตถุนั่น”


 


“เจ้าคิดว่าหานเซิ่นจะหนีไปได้ไหม? ถ้าเขาถูกจับได้ มันก็ไม่มีปัญหา ใครจะคาดเดาว่าแผ่นหินที่ดูธรรมดาๆนั่นก็คือโบราณวัตถุที่พวกเรากำลังมองหา พวกเราก็จะมีโอกาสที่จะเก็บมันไปจากสิ่งของสมบัติอื่นๆที่เขามี แต่ถ้าเกิดเขาหนีไปได้ นั่นก็จะมอบโอกาสให้กับพวกเรา” อัศวินไอซ์บลูหันไปมองเอ็ดเวิร์ด


 


“ข้าคิดว่าราชาอัศวินไอซ์บลูจะหยุดเขาเอาไว้ได้ แต่ถึงหานเซิ่นจะหนีไปจากราชาอัศวินได้อย่างปาฏิหาริย์ ข้าก็จะทำให้แน่ใจว่าสถานการณ์เป็นไปตามที่พวกเราต้องการ”


เอ็ดเวิร์ดดูมั่นใจ “ราชาอัศวินไอซ์บลูจะช่วยพวกเราโดยการไปอธิบายกับราชาไป๋ พวกเราแค่ต้องรออยู่เฉยๆ และไม่นานสิ่งนั้นก็จะตกมาอยู่ในมือของพวกเรา”


 


ในอีกส่วนหนึ่งของฐานทัพ กุนซือไวท์และครามกำลังมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น กุนซือไวท์ขมวดคิ้ว แต่เขายังคงนิ่งเงียบ ครามถามขึ้นมาด้วยความสงสัย


“มิสเตอร์ไวท์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆราชาอัศวินไอซ์บลูถึงได้จู่โจมหานเซิ่น?”


 


“มันมีเพียงสิ่งเดียวบนดาวดวงนี้ที่ทำให้ราชาอัศวินไอซ์บลูขัดคำสั่งและโจมตีหานเซิ่น” กุนซือไวท์มองหานเซิ่นด้วยสีหน้าแปลกๆ


 


“ไม่มีทาง ทำไมเขาถึงมีสิ่งนั้นได้?” ดวงตาของครามเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ 

 

 


ตอนที่ 2242

 

อัศวินไอซ์บลูเอื้อมมือของเขาออกไปและดึงหานเซิ่นที่ถูกแช่แข็งเข้าไปหา


 


เมื่อเห็นว่าหานเซิ่นกำลังถูกดูดเข้าไปในกำมือของราชาอัศวินไอซ์บลู ทันใดนั้นเป่าเอ๋อที่ก่อนหน้านี้ถูกแช่แข็งก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน เธอทุบใส่บลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมซ้ำๆ


 


คลื่นเสียงพุ่งออกไปจู่โจมหัวของราชาอัศวินไอซ์บลู พวกมันโจมตีจากระยะใกล้มากๆและราชาอัศวินไอซ์บลูก็ผ่อนการป้องกันของเขา แต่ถึงอย่างนั้นสีหน้าของราชาอัศวินก็ไม่เปลี่ยนแปลง ร่างกายของเขาแว็บแสงสีฟ้าออกมาและสะท้อนคลื่นเสียงที่พุ่งมาใส่เขาออกไปทางอื่น


 


เมื่อหานเซิ่นเห็นว่าพลังเสียงของบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมไม่ได้ผล เขาก็กระพือปีกในทันทีเพื่อออกไปจากที่นั่น เขาใช้วิชากายหยกก่อนที่เทเลพอร์ตหนีไป


 


พลังอื่นๆอาจจะกักขังหานเซิ่นเอาไว้ได้ แต่โชคดีที่ราชาอัศวินพยายามที่จะจับตัวของเขาด้วยความหนาวเย็น พลังแบบนั้นไม่มีทางจะจับตัวของหานเซิ่นเอาไว้ได้


 


หานเซิ่นได้ใช้เวลาฝึกฝนเคียงข้างคางคกหยกระดับเทพเจ้าเป็นเวลานาน แม้แต่พลังหนาวเย็นระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นได้แม้แต่น้อย ราชาอัศวินไอซ์บลูมีพลังหนาวเย็นที่น่ากลัว แต่เขาก็ยังห่างชั้นกับคางคกหยก เขาไม่สามารถกักขังหานเซิ่นภายในพลังอันหนาวเย็นนั้นได้


 


หานเซิ่นแกล้งทำเป็นว่าถูกแช่แข็งเพื่อเข้าประชิดราชาอัศวินไอซ์บลู หานเซิ่นมีแผนที่จะหนีไปจากราชาอัศวินหลังจากที่เป่าเอ๋อทำให้เขาตกอยู่ในสภาพงุนงง แต่หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าพลังเสียงของบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมจะไม่ได้ผลถึงแม้จะใช้ในระยะใกล้แบบนั้น


 


แต่ราชาอัศวินไอซ์บลูดูประหลาดใจอย่างมากที่มาร์ควิสคนหนึ่งสามารถป้องกันพลังไอซ์บลูของเขาได้ นั่นเป็นอะไรที่เขาคาดไม่ถึง


 


หานเซิ่นเทเลพอร์ตอย่างต่อเนื่อง แต่มันเป็นความสามารถที่มาจากยีนปีกมังกร มันไม่ใช่ความสามารถของตัวเขาเอง ดังนั้นมันมีขีดจำกัดระยะของการเทเลพอร์ต และเขาก็ต้องปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะเทเลพอร์ตหนีไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รวดเร็วมากๆ ดยุกทั่วไปไม่มีหวังจะไล่ตามหานเซิ่นทันได้ ถ้าเขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุด แต่กับคนอย่างราชาอัศวินไอซ์บลู ความเร็วนั่นไม่เพียงพอที่จะทิ้งห่างเขาไปได้


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูยิ้ม “เจ้าสมเป็นลูกศิษย์ของอี๋ซาจริงๆ เจ้าหนีจากพลังไอซ์บลูของข้าได้ ถ้าอย่างนั้นลองรับดีปบลูอะบิสของข้า”


 


หลังจากนั้นราชาอัศวินไอซ์บลูก็เคลื่อนไหว และสีฟ้าของพลังไอซ์บลูก็เข้มขึ้นจนเป็นสีกรมท่า มันเป็นเหมือนกับปีศาจที่สามารถกลืนกินทั้งโลก


 


หานเซิ่นเทเลพอร์ตอย่างต่อเนื่อง แต่เขายังไม่สามารถหนีจากพลังสีกรมท่าที่เข้ามาหาอย่างรวดเร็วได้ ขณะที่เขาบินอยู่บนอากาศ พลังที่ตามมาก็ควบแน่นกลายเป็นคริสตัลสีกรมท่ารอบๆตัวของเขา


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูค่อยๆบินเข้ามาหานเซิ่นที่ถูกแช่แข็ง


“เห็นแก่อี๋ซา ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่เจ้าจะต้องส่งของมา ถ้าเจ้ามอบมันคืนมา ข้าจะแกล้งทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูเคลื่อนที่ไปใกล้พอที่จะสัมผัสกับคริสตัลสีกรมท่า แต่ทว่าในจังหวะที่เขาเอื้อมมือออกไป ใบหน้าของเขาก็บิดงอ


 


พลังหยกกำลังแพร่ขยายภายในคริสตัลสีกรมท่าและตัวคริสตัลเองก็เริ่มที่จะแตกร้าว


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูตกตะลึง พลังของเขาไม่ใช่แค่พลังหนาวเย็น แต่มันยังมีผลในการปิดผนึกอีกด้วย แต่ดูเหมือนว่าแม้แต่พลังนั้นก็ไม่สามารถกักขังหานเซิ่นได้


 


หานเซิ่นกำลังใช้วิชากายหยกอย่างเต็มกำลัง กายหยกของเขาใกล้ที่จะพัฒนาเป็นระดับดยุกเต็มที และภายใต้แรงกดดันของพลังดีปบลูอะบัส ในที่สุดมันก็พร้อมที่บรรลุไปสู่ขั้นต่อไป


 


พลังกายหยกแพร่กระจายไปทั่วร่างกายของหานเซิ่น เนื้อหนังที่เป็นสีแดงเพราะวิชาโลหิตชีพจรของเขาเริ่มจะดูเหมือนน้ำแข็งในมหาสมุทร ร่างกายทั้งร่างของหานเซิ่นดูเหมือนกับว่าถูกทำขึ้นมาจากคริสตัล


 


มันทั้งบริสุทธิ์และงดงามจนเขาดูไม่เหมือนมนุษย์เลยสักนิด


 


พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้รับจากนางฟ้าได้ย้อมหานเซิ่นด้วยพลังงานที่บริสุทธิ์ มันเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับการเลื่อนขั้นของหานเซิ่นและถ่ายโอนเป็นพลังงานให้กับวิชากายหยก มันผลักดันให้ร่างกายของหานเซิ่นกลายเป็นระดับดยุก


 


มาร์ควิสสามารถเริ่มใช้พลังธาตุของตัวเองได้ เมื่อพวกเขากลายเป็นดยุก ร่างกายของพวกเขาก็จะรวมเข้ากับธาตุของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งจะทำให้พวกเขาใช้พลังธาตุได้อย่างเต็มที่ยิ่งไปกว่าเดิม


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าธาตุของวิชากายหยกคือธาตุอะไรกันแน่ มันมีพลังน้ำแข็งอยู่บางส่วน แต่ขอบเขตของมันไม่ได้อยู่เพียงแค่พลังน้ำแข็งเท่านั้น


 


ตูม!


 


คริสตัลสีกรมท่าที่กักขังหานเซิ่นอยู่แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ หานเซิ่นกระพือปีกมังกรและเทเลพอร์ตหนีไปอีกครั้ง ครั้งนี้เขาทำอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิมมาก


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูตกตะลึง เขาสะบัดมือและส่งพลังดีปบลูอะบิสตามหานเซิ่นไป ราชาอัศวินพยายามจะกักขังหานเซิ่นเอาไว้ภายในนั้น แต่วินาทีต่อมา หานเซิ่นก็พุ่งออกไปจากคริสตัลสีกรมท่า เขาสลัดพลังในการปิดผนึกได้อย่างง่ายดาย


 


“พลังดีปบลูอะบิสของราชาอัศวินไอซ์บลูกักขังเขาเอาไว้ไม่ได้ ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะมีความต้านทานพลังปิดผนึก” เอ็ดเวิร์ดพูด


 


เมื่อหานเซิ่นถูกกักขังภายในดีปบลูอะบิสของราชาอัศวินไอซ์บลู เอ็ดเวิร์ดก็มีแผนที่จะช่วยหานเซิ่นหนีไป แต่หานเซิ่นเอาตัวรอดออกมาได้เองก่อนที่เอ็ดเวิร์ดจะทำการลงมือ เขาทำลายพลังดีปบลูอะบิสของราชาอัศวินไอซ์บลูด้วยกำลังของตัวเอง


 


“ตอนนี้ราชาอัศวินไอซ์บลูจู่โจมถึง 2 ครั้งแล้ว แต่เขาก็ยังหยุดหานเซิ่นไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยที่ราชาไนท์ริเวอร์ฆ่าเขาไม่ได้ เจ้าพูดถูก เขาเป็นคนที่น่ากลัว” อัศวินไอซ์บลูพูด


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูยังคงโจมตีต่อไป แต่หานเซิ่นก็ออกมาจากดีปบลูอะบิสของเขาได้เรื่อยๆ พลังดีปบลูอะบิสไม่สามารถหยุดเขาเอาไว้ได้


 


หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาตกผลึก เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังงานไหนๆออกมาได้อีก แต่พลังจากภายนอกก็ไม่สามารถเจาะเข้ามาในร่างกายของเขาได้เช่นกัน


 


มันทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาก่อนที่จะฝึกวิชาจีโน เขาสามารถใช้แค่ความแข็งแกร่งของร่างกายของตัวเองเท่านั้น เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังงานออกมาได้


 


แต่ร่างกายในตอนนี้ของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เคย เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าได้ด้วยพละกำลังทางกายภาพล้วนๆ


 


การมองดูหานเซิ่นไถลออกจากดีปบลูอะบิสอย่างไม่ยากเย็นอะไร ทำให้ราชาอัศวินไอซ์บลูรู้สึกไร้พลังและอึดอัด เขาพุ่งออกไปข้างหน้าเพื่อจะจับตัวของหานเซิ่นพร้อมกับรวบรวมพลังที่น่าสะพรึงกลัวขณะที่เคลื่อนที่ไป


 


นี่ไม่ใช่แค่พลังหนาวเย็นที่มีผลในการปิดผนึก แต่มันเป็นพลังที่มีพลังทำลายล้างสูง ราชาอัศวินไอซ์บลูดูจริงจังยิ่งกว่าที่เคย และหานเซิ่นมองเห็นในดวงตาของราชาอัศวินว่าอีกฝ่ายล้มเลิกความคิดที่จะหยุดเขาด้วยการปิดผนึก


 


เคร๊ง!


 


อัศวินไอซ์บลูชกหมัดตรงเข้าไปที่หานเซิ่น แต่ทันใดนั้นก็มีโล่ป้องกันปรากฏขึ้นมารับการโจมตีของเขาเอาไว้


 


มันคือวิญญาณอสูรใบเสมาราชาแมลงปีศาจที่ไม่ได้รับความเสียหายจากการต่อสู้กับราชาไนท์ริเวอร์ 

 

 


ตอนที่ 2243

 

ด้วยการป้องกันของใบเสมาราชาแมลงปีศาจ หานเซิ่นรีบหนีไปยังบริเวณที่ไม่ถูกสำรวจบนดาวไอซ์บลู


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูเทเลพอร์ตตามหานเซิ่นและชกหมัดออกไปใส่ใบเสมาราชาแมลงปีศาจ ใบเสมาสั่นสะเทือน แต่มันก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะแตกร้าว


 


“โล่นั่นทรงพลังจริงๆ มันป้องกันการโจมตีของราชาอัศวินไอซ์บลูได้ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นสมบัติที่สุดยอดแค่ไหน มันก็คงจะอยู่ตลอดการไม่ได้ พวกเราควรเตรียมพร้อมที่จะแสดงตัวของพวกเราในเร็วๆนี้”


เอ็ดเวิร์ดพูด หลังจากนั้นเขาก็แอบออกจากฐานทัพและตามหานเซิ่นไป


 


เอ็ดเวิร์ดไม่มีอะไรต้องกลัว ราชาอัศวินไอซ์บลูได้ขัดคำสั่งของราชาไป๋ทำการโจมตีหานเซิ่น และตามหลักแล้วเอ็ดเวิร์ดจะไม่ถือว่าเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ เขาแค่จะเข้าไปช่วยราชาอัศวินจับตัวหานเซิ่น และทำให้แน่ใจว่าเขาปลอดภัย


 


ขณะที่ราชาอัศวินไอซ์บลูจู่โจมใส่ใบเสมาราชาแมลงปีศาจ หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงร้าวราวกับว่าโล่กำลังจะแตกสลาย มันเป็นเหมือนกับแก้วที่ถูกใช้จนถึงจุดแตกหัก หานเซิ่นขมวดคิ้วและคิดกับตัวเอง


‘ดูเหมือนว่าใบเสมาราชาแมลงปีศาจจะป้องกันการโจมตีของครึ่งเทพได้แต่ไม่ตลอด น่าเสียดายที่วิญญาณอสูรใบเสมาราชาแมลงปีศาจดวงอื่นยังใช้งานไม่ได้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ใบเสมาราชาแมลงปีศาจ 3 สีก็คงจะป้องกันการโจมตีของราชาอัศวินไอซ์บลูได้อย่างสบายๆ’


 


หานเซิ่นบินหนีต่อไปขณะที่พยายามคิดหาหนทางที่จะสลัดราชาอัศวินไอซ์บลูให้หลุด เขารู้ว่าลำพังแค่ความเร็วของตัวเองไม่เพียงพอ และเขาจำเป็นต้องหาหนทางที่จะหนีไปก่อนที่ใบเสมาราชาแมลงปีศาจจะถูกทำลาย


 


‘ถ้าเราหลบพ้นจากสายตาของราชาอัศวินไอซ์บลูและซ่อนพลังชีวิตของตัวเอง เราก็จะใช้ล่องหนน้อยเพื่อหนีไปได้ แต่ในตอนนี้การทำแบบนั้นดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ยากเกินไป’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง


 


หานเซิ่นมุ่งหน้าไปที่ภูเขาลูกหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียง และที่ไหนก็ตามที่พวกเขาไป สิ่งมีชีวิตในบริเวณรอบๆก็จะวิ่งหนีแตกตื่น ท้องฟ้าเต็มไปด้วยซีโน่เจเนอิคที่กำลังหนีไปด้วยความหวาดกลัว และนั่นทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ


 


ความเร็วที่เหนือกว่าของราชาอัศวินไอซ์บลูทำให้เขาไล่ตามทันได้อย่างรวดเร็ว หานเซิ่นมีความคิดหลายอย่างที่ทำได้ แต่เขายังไม่มีโอกาสได้ใช้พวกมันเลย


 


ใบเสมาราชาแมลงปีศาจรับความเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆ และมันดูใกล้จะแตกสลายเต็มที หมัดของราชาอัศวินไอซ์บลูชกด้วยดุดันที่เพิ่มขึ้น แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมาจากภูเขาด้านล่าง


 


ตูม!


 


ลำแสงแสงสีขาวพุ่งออกมาจากภายในภูเขาและพุ่งตรงไปที่ราชาอัศวินไอซ์บลู


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูหันไปเพื่อป้องกันลำแสงที่เข้ามา มันเกิดเป็นการปะทะกันของแสงสีขาวและสีฟ้าที่เจิดจ้าในท้องฟ้า แรงจากการปะทะกันของพลังทั้ง 2 นั้นทำลายทุกสิ่งทุกอย่างโดยรอบถูกทำลาย หลังจากนั้นอสูรตัวใหญ่ยักษ์ที่มีความยาวกว่าหนึ่งร้อยเมตรก็ปรากฏตัวออกมาภูเขา และมันส่งพลังสีขาวเข้าใส่ราชาอัศวินไอซ์บลูอีกครั้ง


 


“แม้แต่พระเจ้าก็กำลังช่วยเหลือเรา!” หานเซิ่นยิ้มและรีบบินลงไปในภูเขา ขณะที่ราชาอัศวินไอซ์บลูยังยุ่งอยู่กับอสูรใหญ่ยักษ์ตัวนั้น ราชาอัศวินไอซ์บลูชกด้วยพลังที่มากขึ้นเรื่อยๆราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่ที่สามารถหยุดการทำลายล้างของโลกใบนี้ได้


 


ทั้งเทือกเขาสั่นสะเทือนขณะที่ยอดเขาแต่ละลูกถล่มลงมาจากจุดสูงสุดของพวกมัน พื้นดินแตกแยกขณะที่สิ่งมีชีวิตมากมายพากันหนีตาย


 


หานเซิ่นลงไปที่ภูเขาและโยนเป่าเอ๋อเข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตา หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนตัวเองเป็นวัวหินผาและเริ่มวิ่งเข้าไปในฝูงซีโน่เจเนอิคที่อยู่ใกล้เคียง


 


ขณะที่หานเซิ่นเข้าไปปะปนกับเหล่าซีโน่เจเนอิคที่กำลังแตกตื่น ทันใดนั้นเขาก็เห็นเงาของคนบางคนบินมาอยู่เหนือภูเขา คนๆนั้นก็คือผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ด


 


สายตาของเอ็ดเวิร์ดกวาดไปตามพื้นของภูเขา มันดูเหมือนว่าเขากำลังมองหานเซิ่นอยู่


 


หานเซิ่นไม่หันไปมองเอ็ดเวิร์ดและหวังว่าอีกฝ่ายจะมองการปลอมตัวของเขาไม่ออก ขณะที่เขาวิ่งตามซีโน่เจเนอิคตัวอื่นลึกเข้าไปในภูเขา


 


“แปลกจริงๆ เขาหายไปไหนกัน?” เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้ว เขาเห็นหานเซิ่นบินลงมาในบริเวณนั้น แต่ในตอนนี้เป้าหมายของเอ็ดเวิร์ดกลับหายตัวไปในอากาศธาตุ


 


“หรือว่าบางทีเขาจะล่องหนได้? แต่ถึงเขาจะทำได้ เขาก็ไม่รอดพ้นไปจากสายตาของข้าอยู่ดี ภูเขาดูไม่ได้รับความเสียหายอะไร และมันก็ไม่มีอุโมงค์ลับไหนที่จะใช้หนีได้ ทางเลือกเดียวของเขาก็คือเดินเท้าออกไป ดังนั้นสิ่งที่กำลังหนีอยู่ในตอนนี้…”


ดวงตาสีเขียวของเอ็ดเวิร์ดมองไปรอบๆ หลังจากนั้นเขาก็บินตรงเข้าไปหากลุ่มของซีโน่เจเนอิคที่กำลังวิ่งหนี


 


เอ็ดเวิร์ดดูตื่นเต้นอย่างมาก ดวงตาของเขาเป็นประกายขณะที่เขาพูดกับตัวเอง


“เจ้านี่ไม่ธรรมดาจริงๆ! เขาแม้กระทั่งเปลี่ยนร่างของตัวเองได้ ถ้าเขาเป็นครึ่งเทพเหมือนกันล่ะก็ เราก็คงจะเอาชนะเขาไม่ได้”


 


โดยไม่ลังเลเอ็ดเวิร์ดบินตามซีโน่เจเนอิคที่กำลังหนีออกจากบริเวณนี้ไป ขณะที่เขาลอยตัวอยู่เหนือหัวของพวกมัน เขาก็มองลงไปที่ซีโน่เจเนอิคนับพัน ตาดำของเขาเปลี่ยนเป็นคริสตัลขณะที่เขาตรวจดูพวกมัน


 


เอ็ดเวิร์ดสังเกตซีโน่เจเนอิคทุกตัวและเปรียบเทียบกับภาพในความทรงจำของเขา ในเวลาเพียงแค่หนึ่งวินาที เขาก็สังเกตถึงความผิดปกติ


 


“วัวหินผานั่นหายตัวไป”


 


เมื่อรู้สึกตัวเอ็ดเวิร์ดก็ไม่ได้ตามกลุ่มของซีโน่เจเนอิคไปต่อ เขาหันกลับไปในทิศทางที่มาแทน



 


ในตอนที่หานเซิ่นพ้นจากสายตาของเอ็ดเวิร์ด เขาได้ใช้ล่องหนน้อยเพื่อปีกตัวออกมาจากกลุ่มของซีโน่เจเนอิค แต่เขาไม่ได้ไปไกลนัก เขาวนรอบและหันกลับไปในที่ที่ราชาอัศวินไอซ์บลูและซีโน่เจเนอิคตัวใหญ่ยักษ์กำลังต่อสู้กัน


 


โดยไม่ลังเลหานเซิ่นตรงเข้าไปในรูลึกที่อสูรใหญ่ยักษ์ตัวนั้นออกมา


 


หานเซิ่นไม่เชื่อว่าการแทรกแซงของมอนสเตอร์ตัวนั้นจะเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ เพราะถ้าเกิดว่ามันออกมาเพราะถูกรบกวนโดยการต่อสู้ระหว่างหานเซิ่นและราชาอัศวินไอซ์บลูจริงๆ น่าแปลกที่มันตัดสินใจจะเมินเฉยต่อหานเซิ่นและตรงเข้าไปหาราชาอัศวินไอซ์บลู


 


เมื่อหานเซิ่นเข้าไปในรูที่มอนสเตอร์ตัวใหญ่ออกมาและมองไปรอบๆ เขาก็รู้ทันทีว่าถ้ำแห่งนี้ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยของมัน


 


ด้วยออร่าศาสตร์ตงเสวียน ทำให้หานเซิ่นมองเห็นร่องรอยโมเลกุลของมอนสเตอร์ตัวนั้น มันเพิ่งเข้ามาในถ้ำเมื่อไม่นานมานี้


 


ถ้ำแห่งนี้เป็นรังของซีโน่เจเนอิคที่แข็งแกร่ง แต่ร่องรอยโมเลกุลของเจ้าของถ้ำแห่งนี้ต่างออกไป ร่องรอยโมเลกุลที่เขาเจอนั้นไม่ได้เป็นของมอนสเตอร์ที่ช่วยเขาเอาไว้


 


“ดูเหมือนเอ็ดเวิร์ดจะช่วยให้เราหนีจากราชาอัศวินไอซ์บลู” หานเซิ่นวิ่งลึกเข้าไปในถ้ำโดยไม่ลังเล


 


หานเซิ่นมั่นใจว่าสิ่งมีชีวิตที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่ตอนนี้น่าจะตายไปหมดแล้ว และมอนสเตอร์ใหญ่ยักษ์ตัวนั้นต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็ดเวิร์ด


 


ซึ่งถ้าเอ็ดเวิร์ดส่งมอนสเตอร์ตัวนั้นออกมาช่วยหานเซิ่นจริงๆ อย่างนั้นแล้วการที่หานเซิ่นแอบเข้าไปในรังของมอนสเตอร์ที่อันตรายก็คงจะเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดเอาไว้


 


‘ถึงยังไงจิตใจของเอ็ดเวิร์ดก็เป็นอะไรที่น่ากลัว ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องมาที่นี่ เราจำเป็นต้องหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง


 


หลังจากที่เข้ามาภายในรัง หานเซิ่นเห็นกระดูกขนาดใหญ่กระจัดกระจายอยู่เต็มถ้ำ


 


คนส่วนใหญ่คงจะสันนิษฐานว่ากระดูกพวกนี้คือเศษซากของเหยื่อที่เหลืออยู่ แต่หานเซิ่นสามารถบอกได้ทันทีว่าพวกมันคือซากของซีโน่เจเนอิคที่แต่เดิมอาศัยอยู่ที่นี่


 


“ไม่รู้ว่าภายในรังนี้จะมีทางออกอีกทางหรือเปล่า”


หานเซิ่นยืนยันว่าภายในนั้นไม่มีซีโน่เจเนอิคตัวไหนอยู่ หลังจากนั้นเขาก็ตัดสินใจมุ่งหน้าลึกเข้าไปในรัง 

 

 


ตอนที่ 2244

 

หานเซิ่นมองไปรอบๆถ้ำ แต่เขาหาทางออกทางอื่นไม่เจอ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงปล่อยอสูรกาแล็กซี่ออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา


 


“อสูรกาแล็กซี่ มาดูสิว่านายจะทำได้ดีแค่ไหน” หานเซิ่นกระโดดขึ้นบนหลังของอสูรกาแล็กซี่


 


อสูรกาแล็กซี่ร้องตอบ แสงของดวงดาวเริ่มเรืองแสงออกมาจากร่างกายของมัน ขณะที่มันและหานเซิ่นเริ่มโปร่งใส หลังจากนั้นมันก็วิ่งเข้าไปในกำแพงหินข้างหน้า


 


สิบนาทีหลังจากที่หานเซิ่นและอสูรกาแล็กซี่จากไป เอ็ดเวิร์ดก็มาปรากฏตัวที่ปากถ้ำ หลังจากที่เขาก็เข้ามาข้างใน เขามองไปรอบๆ


 


“ไม่อยู่ที่นี่?” เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้ว เขามั่นใจในตรรกะของตัวเอง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงรู้สึกประหลาดใจเมื่อหาหานเซิ่นไม่พบ


 


“ดูเหมือนเจ้านี่จะเป็นปัญหามากกว่าที่คิดเอาไว้ ทุกสิ่งมีชีวิตจะทิ้งร่องรอยของตัวเองเอาไว้ แม้มันอาจจะเล็กเพียงแค่ไม่กี่โมเลกุลก็ตาม แต่ทว่าเขากลับไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลย เขาทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?” เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้วขณะที่สำรวจรอบๆ


 


ถึงแม้จะไม่พบหานเซิ่น แต่เอ็ดเวิร์ดก็มั่นใจว่าหานเซิ่นเข้ามาในถ้ำนี้จริงๆ


 


‘ตรรกะของเรานำมาสู่ทางตันหรอเนี่ย ดูเหมือนว่าเราจะต้องหาตัวเขาด้วยวิธีอื่น’


เอ็ดเวิร์ดครุ่นคิดขณะที่มองไปรอบๆรัง สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่หนึ่งในกำแพงของถ้ำ หลังจากนั้นเขาก็กลับออกไป


 


ด้วยความช่วยเหลือจากอสูรกาแล็กซี่ ทำให้หานเซิ่นสามารถเดินทางผ่านหินได้โดยตรง พวกเขาทั่งคู่ต้องเดินทางไปหลายร้อยไมล์ก่อนที่จะมาถึงถ้ำใต้ดินอีกแห่งหนึ่ง


 


หานเซิ่นปล่อยให้อสูรกาแล็กซี่หยุดพัก ขณะที่เขาสำรวจภายในถ้ำแห่งนั้น


 


‘เอ็ดเวิร์ดคงจะหาเราไม่เจอในเร็วๆนี้ แต่ยังไงก็ตามเรายังออกไปสู่พื้นผิวไม่ได้ เราจำเป็นต้องหาให้ได้ว่าแผ่นหินนี่มีความพิเศษยังไง’


หานเซิ่นมองไปรอบๆ ถ้ำที่พวกเขามาถึงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของระบบถ้ำใต้ดินที่ดูซับซ้อน


 


ในบริเวณที่พวกเขาอยู่นั้นปราศจากซีโน่เจเนอิค ดังนั้นหานเซิ่นจึงตัดสินใจพักก่อน ขณะที่เขาพิงหลังกับก้อนหินอย่างผ่อนคลาย เขาก็คิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด


 


‘แผ่นหินนี่ดูเหมือนจะเป็นบางสิ่งที่มีค่ามหาศาล และน้อยคนนักที่จะรู้เกี่ยวกับมัน คนระดับสูงของเอ็กซ์ตรีมคิงบางคนอาจจะรู้ แต่อย่างน้อยๆราชาไป๋ก็ดูเหมือนจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของมัน ถ้าเขารู้ล่ะก็ ราชาอัศวินไอซ์บลูก็ไม่มีทางขัดคำสั่งของเขาแบบนี้’ ขณะที่หานเซิ่นครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากภายในถ้ำหิน มันฟังดูเหมือนกับว่าบางสิ่งกำลังคืบคลานเข้ามา


 


หานเซิ่นเปิดใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียน และเขาก็สัมผัสได้ว่าพลังชีวิตของตัวอะไรบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ


 


แต่พลังชีวิตนั้นดูจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไร นั่นช่วยทำให้หานเซิ่นคลายความกังวลลง


 


เสียงนั่นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ และไม่กี่นาทีหลังจากนั้น หานเซิ่นก็เห็นซีโน่เจเนอิคประหลาดตัวหนึ่งปรากฏตัวออกมา


 


ร่างกายของมันปกคลุมด้วยขนที่มันเงาสีดำ ขนของมันดูแวววาวและเรียบเนียนอย่างน่าตกใจ มันมีขนาดพอๆกับแมวและดวงตาของมันก็โตราวกับชิ้นอัญมณีสีดำที่เปล่งประกาย


 


หานเซิ่นมองไปที่ซีโน่เจเนอิคตัวนั้น และเจ้าซีโน่เจเนอิคก็มองกลับมาที่เขา พวกเขาจ้องกันและกันอยู่สักพัก


 


แต่หลังจากนั้นเจ้าซีโน่เจเนอิคตัวนั้นก็เมินเฉยต่อเขา มันหันกลับและเดินไปในอุโมงค์หินอีกทาง มันส่ายก้นขณะที่เดินไปและหางของมันก็โบกสะบัดอย่างช้าๆ


 


หานเซิ่นหลี่ตาของเขาและสังเกตเห็นว่าที่หางของซีโน่เจเนอิคตัวนั้นดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่ดูเหมือนกับกำไลข้อมืออยู่


 


หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจสอบมัน และเขาก็สังเกตเห็นตัวอักษรที่สลักอยู่บนของสิ่งนั้น


 


“ขุนพลเซเคร็ดโกสต์โบน” ดวงตาของหานเซิ่นเบิกกว้าง และเขาก็ตัดสินใจตามหลังเจ้าตัวน้อยไป


 


“เจ้าตัวนั้นมีความเกี่ยวข้องขุนพลโกสต์โบนอย่างนั้นหรอ? แต่มันดูไม่แข็งแกร่งเลยสักนิด อย่างมากมันก็ไม่ได้เหนือไปกว่าระดับไวเคานต์ ถ้าขุนพลโกสต์โบนต้องการสัตว์เลี้ยงจริงๆ เขาก็คงจะไม่เลือกบางสิ่งที่อ่อนแอแบบนั้น” หานเซิ่นไม่รีบร้อนที่จะจัดการกับอสูรน้อยตัวนั้น เขาแค่ตามหลังมันไป


 


อสูรตัวน้อยไม่ได้แสดงท่าทีว่ามันหวาดกลัวต่อเขา มันไม่ได้หันกลับมามอง มันเดินคดเคี้ยวไปภายในระบบถ้ำใต้ดินที่ซับซ้อน มันดูไม่ได้รีบร้อนอะไร และมันก็เดินไปอย่างขาดความกระตือรือร้น


 


หานเซิ่นติดตามมันไปตามอุโมงค์อย่างอดทน และตลอดช่วงเวลานั้น เขาก็มีความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัว


‘เมืองโบราณนั้นมีชื่อว่าเมืองโกสต์โบน แต่รูปปั้นของโกสต์โบนกลับเป็นเพียงแค่ยามเฝ้าประตู ภายในห้องโถงของปราสาทมีรูปปั้นของจักรพรรดิมนุษย์อยู่ และเหนือรูปปั้นของจักรพรรดิมนุษย์นั้นมีแผ่นหินนี่อยู่ นั่นหมายถึงอะไรกันแน่?’


 


หลังจากที่อสูรตัวน้อยเดินทางกว่าหนึ่งชั่วโมง มันก็มาถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง มันหมอบลงกับพื้นเพื่อดื่มน้ำจากแม่น้ำ


 


‘เจ้าตัวนี้เดินมาตั้งไกล มันคงจะไม่ได้มาถึงที่นี่เพียงแค่จะดื่มน้ำหรอกใช่ไหม?’ หานเซิ่นคิด


 


ในที่สุดเจ้าอสูรตัวน้อยก็ดูเหมือนจะดื่มน้ำจนอิ่ม และโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง มันกระโดดลงไปในแม่น้ำที่มืดมิด มันนอนหงายกับผิวน้ำราวกับนากและลอยตัวไปตามกระแสน้ำ


 


หานเซิ่นเก็บอสูรกาแล็กซี่เข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตา หลังจากนั้นเขาก็ติดตามเจ้าอสูรตัวน้อยไป


 


แต่ไม่นานแม่น้ำก็ไหลลงไปในพื้นดิน เจ้าอสูรตัวน้อยดำลงไปเช่นเดียวกัน หานเซิ่นกัดฟันและกระโดดลงไปในน้ำ เขาใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงขณะที่ตามหลังของอสูรตัวน้อยไป


 


น้ำใต้ดินนั้นไหลอย่างรวดเร็ว แต่โชคดีที่หานเซิ่นไม่ได้เจอกับซีโน่เจเนอิคธาตุน้ำตัวไหน หานเซิ่นติดตามมันไปเป็นระยะทางหลายร้อยไมล์ แต่มันก็ยังไม่มีปลายทางให้เห็น


 


หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ในน้ำอย่างยาวนาน จู่ๆอสูรตัวน้อยก็ว่ายเข้าไปหากำแพงด้านหนึ่ง


 


หานเซิ่นมองตามมันไป และที่นั่นเขาก็เห็นอุโมงค์ขนาดเล็กที่ทะลุผ่านกำแพงหินไป รูนั้นมีขนาดพอๆกับลูกแตงโม ซึ่งเจ้าอสูรตัวนั้นสามารถรอดผ่านเข้าไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร


 


แต่หานเซิ่นตัวใหญ่เกินไป ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเรียกอสูรกาแล็กซี่ออกมาและให้มันพาเขาเข้าไปข้างใน


 


ไม่นานหานเซิ่นก็ค้นพบว่ารูนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จริงๆแล้วมันเป็นท่อโลหะ


 


“ทำไมท่อโลหะที่ดูเหมือนจะถูกสร้างด้วยมือคนถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” หานเซิ่นประหลาดใจ


 


อสูรตัวน้อยว่ายไปตามท่อโลหะ ขณะที่หานเซิ่นติดตามมันไปบนหลังของอสูรกาแล็กซี่ พวกเขาเดินทางอีกหลายไมล์ก่อนที่อสูรกาแล็กซี่จะไปโผล่อีกด้านหนึ่งของกำแพง


 


ขณะที่มองไปรอบๆ หานเซิ่นก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ สถานที่ที่เขามาถึงคือปราสาทใต้ดิน และท่อโลหะที่เขาเข้ามานั้นพาเขาออกมาจากปากของรูปปั้นปลาขนาดใหญ่ น้ำไหลออกมาจากท่ออย่างต่อเนื่องและเกิดเป็นน้ำตกน้อยๆที่ไหลลงสู่สระ


 


สระน้ำนั้นดูเหมือนจะทำมาจากหินที่เหมือนกับหยก น้ำในสระใสอย่างมากจนหานเซิ่นมองเห็นก้นของสระได้


 


แต่เมื่อหานเซิ่นมองลงไปข้างล่าง เขาก็อึ้งไป ภายในสระมีดวงตาสีดำและขาวกำลังจ้องกลับมาที่เขา 

 

 


ตอนที่ 2245

 

ภายในสระน้ำที่ดูเหมือนจะทำมาจากหยกขาวนั้น หานเซิ่นเห็นผู้หญิงในชุดไหมพรม ไหมพรมสีขาวถูกถักร้อยเป็นชุดที่ดูโปร่งใสจนเกือบจะมองเห็นทุกส่วนของร่างกาย


 


หานเซิ่นเคยเห็นผู้หญิงที่งดงามมามากมายในชีวิต แต่น้อยคนนักที่จะดึงดูดเขา แต่ทว่าผู้หญิงคนนี้ดูมีเสน่ห์อย่างมาก และมันก็เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกแบบนี้


 


ผู้ชายคนไหนที่ได้ชายตามองผู้หญิงคนนี้จะไม่รักอะไรมากไปกว่าการมีสัมพันธ์กับเธอ


 


อสูรตัวนั้นที่หานเซิ่นติดตามมาว่ายเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น หลังจากนั้นเธอก็อุ้มมันขึ้นมาและลูบขนของมัน ดูเหมือนว่าเจ้าอสูรตัวน้อยจะมีความสุขกับเรื่องนั้นมาก แต่นั่นทำให้คนนอกที่ได้เห็นต้องการจะเตะเจ้าอสูรน้อยตัวนั้นออกไปให้พ้น เพื่อที่พวกเขาจะได้สัมผัสกับหน้าอกของเธอ


 


“มานี่” ดวงตาของผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นมา เธอไม่ได้พูดออกมาเป็นคำ แต่คำเชิญนั้นถูกส่งออกไปอย่างชัดเจน


 


หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขาแข็งทื่อบนอากาศและมองไปที่เธออย่างกังวลใจ


 


“ข้าไม่ได้ตั้งใจเข้ามาที่นี่ตามอำเภอใจ ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้” หานเซิ่นพูดและสะกิดให้อสูรกาแล็กซี่รีบพาเขาไปจากที่นี่


 


“ไหนๆเจ้าก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมถึงได้รีบร้อนจะจากไปซะล่ะ?”


ในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยโทนเสียงที่ยั่วยวนอย่างมาก การได้ยินเธอพูดนั้นทำให้หานเซิ่นสั่นไปทั้งตัว


 


แต่หานเซิ่นไม่กล้าจะอยู่ต่อ เขาขึ้นไปบนหลังของอสูรกาแล็กซี่และเตรียมตัวจะหนีไป อสูรกาแลกซี่เปิดใช้พลังของมันเพื่อเดินทางผ่านกำแพงไป แต่หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงปังดังขึ้นมา อสูรกาแล็กซี่และหานเซิ่นชนเข้ากับกำแพง ทำให้จมูกของหานเซิ่นมีเลือดไหลออกมา


 


อสูรกาแล็กซี่รู้สึกไม่ดีเช่นเดียวกัน มันใช้อุ้งมือถูจมูกของตัวเอง ขณะที่น้ำตาเริ่มไหลลงมาจากดวงตาของมัน


 


ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะและพูด “เจ้าคิดว่าที่นี่คือที่ไหนกัน? เจ้าคิดว่าที่นี่คือสถานที่ที่เจ้าจะไปจะมาก็ได้หรือยังไง?”


 


“ข้าไม่ได้ล่วงละเมิดอะไรท่าน ดังนั้นทำไมไม่ปล่อยข้าไปสักครั้งล่ะ?” หานเซิ่นจ้องมองไปที่เธอและขมวดคิ้ว


 


ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะออกมา “เมื่อไหร่กันที่ข้าบอกว่าจะไม่ปล่อยเจ้าไป? เชิญจากไปถ้าเจ้าต้องการ เพราะข้าจะไม่หยุดเจ้าเอาไว้”


 


“ถ้าท่านจะไม่หยุดข้าเอาไว้ อย่างนั้นก็ปิดการป้องกันของกำแพงนี่” หานเซิ่นขมวดคิ้ว


 


ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะจนร่างกายเริ่มจะสั่น หน้าอกในน้ำของเธอทำให้หัวใจของผู้คนเต้นรัวและจ้องมองไปที่พวกมันอย่างจดจ่อ


 


“นี่ข้าพูดอะไรน่าขำหรือยังไง?” หานเซิ่นพูด


 


“ถ้าข้าทำแบบนั้นได้ ข้าจะยังอยู่ที่นี่ไปอีกทำไม?” หลังจากที่พูดอย่างนั้นเธอก็เดินออกมาจากสระ


 


หานเซิ่นรู้สึกตกใจ เขาเห็นว่าที่คอ ข้อมือและข้อเท้าของเธอถูกล่ามไปด้วยโซ่โลหะ โซ่นั้นดูเล็กพอๆกับเส้นผมเส้นหนึ่ง และมันก็ทอดยาวลงไปถึงก้นสระ


 


ผู้หญิงคนนั้นเดินออกมาจากสระและไปนอนลงบนเตียงหยก เธอเท้าคางและมองมาที่หานเซิ่นอย่างยั่วยวน


“ในตอนที่เจ้าเข้ามาในนี้ ข้าพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำลายการป้องกันของกำแพง ไม่ทำอย่านั้นเจ้าก็คงจะเข้ามาข้างในไม่ได้”


 


“ถ้าอย่างนั้นได้โปรดช่วยพวกข้าอีกครั้ง โดยการปล่อยพวกข้าออกไป” หานเซิ่นดูหดหู่


 


หานเซิ่นคิดว่าผู้หญิงคนนั้นปล่อยเจ้าอสูรตัวน้อยออกมาอย่างจงใจด้วยจุดประสงค์เพื่อล่อพวกเขามาหาเธอ


 


แต่ดูจากหน้าของเธอ ดูไม่เหมือนว่าเธอจะสมคบคิดกับเอ็ดเวิร์ด แต่นั่นก็ทำให้ตัวตนของเธอดูลึกลับยิ่งกว่าเดิม


 


“ไม่ล่ะ ข้าไม่ได้เห็นใครคนอื่นมาเป็นเวลายาวนาน มันหาได้ยากที่จะมีแขกคนหนึ่งมาเยือนที่นี่ ดังนั้นข้าคงจะปล่อยออกไปเร็วๆนี้ไม่ได้”


ผู้หญิงคนนั้นยิ้มออกมาขณะที่จ้องมองมาที่หานเซิ่น “อีกอย่างข้าใช้พลังทั้งหมดไปกับปิดการป้องกันเพื่อให้เจ้าเข้ามาได้ ตอนนี้ถึงแม้ข้าอยากจะช่วยเจ้า ข้าก็ไม่มีพลังเหลือพอที่จะทำอะไรแบบนั้น ดังนั้นอยู่ที่นี่กับข้าซะเถอะ”


 


หานเซิ่นเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นมีหางจิ้งจอกสีขาวอยู่ เขาจึงถามขึ้นมา


“ท่านคือจิ้งจอกเปลี่ยนร่างอย่างนั้นหรอ?”


 


ผู้หญิงคนนั้นยิ้ม “ราชินีจิ้งจอก”


 


“อะไรนะ?” หานเซิ่นไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูด


 


“ราชินีก็คือราชินี จิ้งจอกก็คือจิ้งจอก” ราชินีจิ้งจอกลูบขนของอสูรตัวน้อยในอ้อมแขนขณะที่เธอพูด


 


“ท่านเป็นราชินีของราชาคนไหนกัน?” สีหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไป เมื่อตัดสินจากเผ่าพันธุ์ที่จะอาศัยอยู่ตามลำพัง เอ็กซ์ตรีมคิงเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเรื่องนั้น


 


ราชินีจิ้งจอกยิ้ม “ข้าคือราชินีของราชาโกสต์โบน”


 


“หนึ่งในสิบขุนพลของเซเคร็ด? ขุนพลโกสต์โบนนั่นน่ะหรอ?” หานเซิ่นพูด เขารู้ว่าใครกันที่เธอกำลังพูดถึงอยู่


 


ทุกคนเรียกขุนพลโกสต์โบนและคนอื่นในสิบอันดับสูงสุดของเซเคร็ดว่าขุนพล หานเซิ่นไม่คาดคิดว่าจริงๆแล้วชื่อของเขาคือราชาโกสต์โบน หานเซิ่นสรุปเรื่องนี้จากสิ่งที่เธอพูด


 


“ดี เจ้าคุ้นเคยกับสามีของข้าอย่างนั้นหรอ?” ราชินีจิ้งจอกยิ้มและมองไปที่หานเซิ่น


 


“เปล่า ข้าแค่รู้จักชื่อของเขาเท่านั้น ถ้าท่านเป็นภรรยาของเขา อย่างนั้นทำไมท่านถึงถูกล็อคเอาไว้ที่นี่ล่ะ? นี่ขุนพลโกสต์โบนไม่ได้มาช่วยท่านออกมาอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่ปราสาทขณะที่ถาม


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าขุนพลโกสต์โบนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ถ้าภรรยาของเขายังมีชีวิตอยู่ มันก็เป็นไปได้ที่ขุนพลโกสต์โบนจะยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน


 


“เขาล็อคข้าเอาไว้ที่นี่ อย่างนั้นทำไมเขาต้องมาช่วยข้าออกไปด้วย?” ราชินีจิ้งจอกหัวเราะ


 


“ท่านเป็นภรรยาของเขาไม่ใช่หรอ? ทำไมเขาต้องล็อคท่านเอาไว้ที่นี่ด้วย?” หานเซิ่นมองไปที่ราชินีจิ้งจอกด้วยความประหลาดใจ


 


“มันเป็นเพราะเขาหวาดกลัวข้า” ราชินีจิ้งจอกหลี่ตาของเธอ


 


“เขาหวาดกลัวท่าน?” หานเซิ่นตรวจดูเธอ มันยากที่จะจิตนาการได้ว่าผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าขุนพลโกสต์โบน


 


“ใช่แล้ว เขาหวาดกลัวข้า และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เขาล็อคข้าเอาไว้ที่นี่ เขาไม่ปล่อยให้ใครคนไหนมาเยี่ยมข้าเช่นกัน”


ราชินีจิ้งจอกยิ้ม หลังจากนั้นเธอก็พูดต่อ “เจ้ารู้ว่าข้าคือจิ้งจอกเปลี่ยนร่างสินะ? ข้าจะเปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่งดงามของเผ่าพันธุ์ไหนก็ได้ ดังนั้นมันมีโอกาสที่ข้าจะยั่วยวนชายคนไหนๆที่ชายตามองข้า ถ้าเจ้าเป็นสามีของข้า เจ้าจะไม่หวาดกลัวหรือยังไง?”


 


“ข้าคงจะหวาดกลัวเหมือนกัน” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมา


 


“ฮ่าๆ อย่างน้อยเจ้าก็เป็นคนซื่อตรง” ราชินีจิ้งจอกเงินมองหานเซิ่นและถามขึ้นมา


“เจ้าคือหนึ่งในคริสตัลไลเซอร์หรือหนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิงกัน?”


 


“ข้าคือหนึ่งในคริสตัลไลเซอร์ ท่านคิดจริงๆหรือว่าข้าดูเหมือนคนของเอ็กซ์ตรีมคิงน่ะ?” หานเซิ่นดูประหลาดใจ


 


“เผ่าพันธุ์ของข้าเชี่ยวชาญเรื่องการปรับเปลี่ยนยีน ข้าพอจะบอกได้ว่าร่างกายของเจ้ามียีนของเอ็กซ์ตรีมคิงอยู่บางส่วน บางทีข้าอาจจะเข้าใจผิดไป แต่เอ็กซ์ตรีมคิงไม่ควรจะมีความสัมพันธ์กับหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่ต้อยต่ำกว่าอย่างคริสตัลไลเซอร์” ราชินีจิ้งจอกพูดหลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่


 


สิ่งที่ราชินีจิ้งจอกพูดทำให้หานเซิ่นสะดุ้ง “มนุษย์คือเผ่าพันธุ์ผสมของคริสตัลไลเซอร์และเผ่าพันธุ์อื่น? หรือว่าเผ่าพันธุ์นั้นจะคือเอ็กซ์ตรีมคิง? นั่นก็ดูเป็นไปได้ โครงสร้างของเอ็กซ์ตรีมคิงดูเหมือนกับของมนุษย์อย่างมาก”


 


“ไหนๆเจ้าก็ไปจากที่นี่ไม่ได้ เจ้าอยากจะเห็นอะไรสนุกๆไหม?” ราชินีจิ้งจอกกระพริบตาให้กับหานเซิ่น 

 

 


ตอนที่ 2246

 

“ท่านกำลังพูดถึงอะไร?” หานเซิ่นมองราชินีจิ้งจอกอย่างเป็นกังวล


 


“ที่นี่มันหนาว แถมมันไม่มีอะไรนอกจากกำแพงหินและน้ำที่เย็นยะเยือก เจ้าคิดว่าในสถานที่แบบนี้มันมีความสนุกอยู่กี่รูปแบบกัน? แน่นอนว่าเจ้าต้องรู้ว่าข้าหมายถึงอะไร…”


ราชินีจิ้งจอกเลียริมฝีปากของตัวเอง หลังจากนั้นเธอก็ล่วงมือข้างหนึ่งเข้าไปในหน้าอกของตัวเอง


 


หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะมองตามมือของเธอไป แต่ถึงราชินีจิ้งจอกจะดูยั่วยวนอย่างมาก หานเซิ่นก็ไม่เชื่อว่าเจตนาของเธอจะเรียบง่ายแบบนั้น เธอเป็นยอดฝีมือระดับราชันเป็นอย่างน้อย ใครจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่


 


แถมเธอยังเป็นภรรยาของขุนพลโกสต์โบน และหานเซิ่นก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายคนนั้นอยู่หรือตาย ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่และจับได้ว่าภรรยาของเขาเป็นชู้กับหานเซิ่น เขาก็ไม่มีทางจะปล่อยหานเซิ่นเอาไว้แน่


 


ราชินีจิ้งจอกกระพริบตาให้กับหานเซิ่น เธอนำมือของเธอออกมาจากหน้าอกและเผยให้เห็นลูกกุญแจกระดูกสีดำที่เธอหยิบออกมา


 


ลูกกุญแจนั้นห้อยอยู่กับสร้อยคอที่ทำขึ้นมาจากหยกขาว


 


“นี่เป็นอะไรที่สนุกมากๆ ตามข้ามา” ราชินีจิ้งจอกกระพริบตาให้กับหานเซิ่นอีกครั้ง เธอถือสร้อยคออยู่ในมือขณะที่เริ่มเดินออกไปทางปราสาท


 


“เจ้านี่ดูจะชอบทรมานคนอื่นซะจริงๆ” หานเซิ่นมองดูเธอเดินจากไป และเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจทว่าก็ยังตามเธอไป


 


ปราสาทนั้นดูงดงาม ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่ามันทำขึ้นมาจากหยก แต่เมื่อเขาสังเกตดูดีๆ เขาก็สามารถบอกได้ว่าประตูและเสาของปราสาทนั้นถูกทำขึ้นมาจากกระดูกทั้งหมด


 


กระดูกนั้นกึ่งโปร่งใสเหมือนกับหยก และพวกมันก็เปล่งประกายอย่างสวยงาม หานเซิ่นไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตแบบไหนที่ทิ้งกระดูกแบบนั้นเอาไว้กันแน่


 


ปราสาทกระดูกนั้นมีห้องโถงหลักแค่ห้องเดียวและมีห้องโถงที่เล็กกว่าประกบทั้ง 2 ด้าน ปราสาทนั้นไม่ได้ใหญ่โตอะไร และมันก็ตกแต่งไปด้วยเครื่องประดับที่ทำขึ้นมาจากกระดูกซะส่วนใหญ่ แม้แต่สระน้ำก็ยังทำขึ้นมาจากกระดูก


 


โซ่ที่ล่ามราชินีจิ้งจอกอยู่นั้นบางมากๆ และเมื่อเธอเดินออกไป โซ่ก็ถูกดึงขึ้นจากก้นของสระ เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่ได้จำกัดการเคลื่อนไหวของเธอ


 


ราชินีจิ้งจอกเดินเข้าไปในห้องโถงขนาดเล็กด้านซ้าย หานเซิ่นเดินตามหลังเธอไป ซึ่งในห้องเต็มไปด้วยสมบัติพิเศษมากมาย


 


มันมีทั้งอาวุธ ชุดเกราะ อัญมณีหลายรูปแบบ สมุนไพรและสมบัติอื่นอีกมากมาย หานเซิ่นแทบจะหายใจไม่ทันขณะที่มองไปรอบๆ เขาอยากจะได้รับสมบัติทั้งหมดนี้มาเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว


 


เมื่อเห็นหานเซิ่นมองกองสมบัติด้วยความละโมบ ราชินีจิ้งจอกก็ยิ้มออกมา เธอมองตรงมาที่เขาและพูด


“ถ้าเจ้าตกลงที่จะมาเป็นคนรักของข้า สมบัติทั้งหมดนี้จะตกเป็นของเจ้า เจ้าจะเอาอะไรไปก็ได้ตามต้องการ นั่นฟังดูเป็นยังไง?”


 


หานเซิ่นหยุดมองสมบัติและหันมามองที่เธอ “ท่านพาข้ามาที่นี่เพื่อขอแค่นั้น?”


 


ราชินีจิ้งจอกมองเขาด้วยความดูถูก “แน่นอนว่าไม่ การเป็นเจ้าของสมบัติไร้ประโยชน์พวกนี้จะไปมีความหมายอะไร?”


 


หลังจากนั้นราชินีจิ้งจอกก็เดินไปตรงหน้ากำแพงที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดมหึมาอยู่ ใบหน้าของปีศาจนับไม่ถ้วนถูกวาดอยู่บนนั้น


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าพวกมันเป็นปีศาจแบบไหนกันแน่ แต่มันดูเหมือนกับประตูสู่ขุมนรกที่ถูกเปิดออก และมีปีศาจมากมายคืบคลานออกมาจากความมืดมิดเพื่อทำลายล้างทุกสิ่งบนโลกใบนี้


 


ใบหน้าของเหล่าปีศาจเต็มไปด้วยความตะกละและความกระหายเลือด ขณะที่หานเซิ่นมองไปที่ภาพจิตรกรรม มันดูเหมือนกับว่าเหล่าปีศาจกำลังจะกระโดดออกมาจากกำแพงและเริ่มกลืนกินผู้คน


 


ราชาจิ้งจอกเดินไปอยู่ทางด้านซ้ายของภาพจิตรกรรมฝาผนัง ประตูที่ปิดอยู่นั้นมีรูปร่างเหมือนกับโครงกระดูกขนาดมหึมา


 


ราชินีจิ้งจอกใส่ลูกกุญแจเข้าไปในดวงตาข้างขวาของโครงกระดูก และเมื่อเธอบิดลูกกุญแจ มันก็มีเสียงดังออกมาจากภาพ


 


ประตูโครงกระดูกนรกก็เปิดออก ภาพวาดของประตูนั้นได้กลายเป็นประตูของจริง ซึ่งเผยให้เห็นความมืดมิดที่อยู่อีกด้านหนึ่งของกำแพง มันมืดสนิทราวกับหลุมดำ เสียงร้องไห้เบาๆดังออกมาจากหลุมไร้แสงนั้นและเพียงแค่ได้ยินมันก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา


 


“สิ่งสนุกอยู่ในนั้น เจ้ากล้าเข้าไปหรือเปล่า?” ราชินีจิ้งจอกยืนอยู่ถัดจากประตูที่เปิดออกและกำลังยิ้มให้กับหานเซิ่น


 


“ไม่” หานเซิ่นส่ายหัวของเขา


 


ราชินีจิ้งจอกดูเหมือนจะไม่รังเกลียดการปฏิเสธของเขา “เจ้าจะไม่เป็นไร ข้าแน่ใจว่าเจ้าจะปลอดภัย ติดตามข้าและข้าจะพาเจ้าไปสู่การเดินทางสู่ขุมนรก”


 


หลังจากนั้นราชินีจิ้งจอกก็เดินเข้าไปหาประตูโครงกระดูกนรก


 


หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘เธอไปเถอะ แต่ฉันจะไม่ก้าวเท้าเข้าไปในนั้นเป็นอันขาด ใครจะรู้ว่ามันมีกับดักแบบไหนกำลังรออยู่บ้าง”


 


หานเซิ่นตัดสินใจอย่างเด็ดขาด แต่หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายไม่ฟังคำสั่งของเขา เขาเดินตรงเข้าไปในประตูโครงกระดูกนรกเช่นกัน เขาสูญเสียการควบคุมแขนขาของตัวเองไปราวกับว่าเขาเป็นหุ่นเชิด


 


หานเซิ่นมองราชินีจิ้งจอกด้วยความกลัว ร่างกายครึ่งหนึ่งของเธอผ่านเข้าไปในประตูเรียบร้อยแล้ว แต่เธอหันกลับมาและยิ้มให้กับหานเซิ่นอีกครั้ง เธอยกมือขึ้นและมันก็เหมือนกับว่ามีสิ่งที่มองไม่เห็นดึงหานเซิ่นเข้าไปหาเธอ


 


หานเซิ่นใช่ออร่าศาสตร์ตงเสวียนและวิญญาณอสูรเนตรม่วง เขามองเห็นว่าราชินีจิ้งจอกดึงเขาด้วยโซ่ที่ทำมาจากสสารล่องหนบางอย่าง โล่นั้นคล้องรอบตัวหานเซิ่นเอาไว้ ทำให้เธอดึงเขาไปอย่างง่ายดาย


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าตัวเองติดกับดักของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาพยายามใช้พลังหลายอย่างเพื่อหนีจากโซ่ แต่มันก็ไม่มีอะไรที่ได้ผล


 


‘เธอรัดตัวเราโดยที่เราไม่รู้สึกตัวเลย ราชินีจิ้งจอกคนนี้แข็งแกร่งกว่าที่เราคาดคิดเอาไว้ หรือบางทีจริงๆแล้วเธอเป็นระดับเทพเจ้า?’ หานเซิ่นใช้พลังต่างๆของเขา แต่พวกมันไม่ได้ผล นั่นทำให้เขาแปลกใจอย่างมาก


 


เขาไม่สามารถปล่อยตัวเองจากการถูกรัดได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหยุดขัดขืนและเดินไปสู่ประตูโครงกระดูกนรกด้วยตัวเอง


 


‘ด้วยความแข็งแกร่งของเธอ เราคงจะหนีไหนไม่ได้ ถ้าเธออยากจะฆ่าเรา ถ้าอย่างนั้นเราก็ขอเลือกทางเดินไปด้วยตัวเองดีกว่าที่จะถูกลากเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง’


หานเซิ่นคิด บอกตามตรงเขาเองก็รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับประตูโครงกระดูกนรกนั่น แน่นอนว่าถ้าเขามีทางเลือก เขาก็ไม่คิดจะเดินเข้าไปข้างในเพียงเพื่อจะตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง


 


ราชินีจิ้งจอกยิ้ม เธอเดินผ่านประตูเข้าไปโดยมีหานเซิ่นตามไปจากด้านหลัง


 


เมื่อหานเซิ่นก้าวเข้าไปข้างใน เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดอย่างกะทันหันดึงร่างกายของเขาไปข้างหน้า เขาถูกเทเลพอร์ตไปที่อื่นในช่วงเวลาเพียงหนึ่งวินาที 

 

 


ตอนที่ 2247

 

เมื่อวิสัยทัศน์ของหานเซิ่นกลับคืนมา ดวงตาของเขาก็มองเห็นภาพที่ไม่น่าดู


 


กระดูกอยู่ทุกหนทุกแห่ง และพวกมันก็กองรวมกันก่อตัวเป็นภูเขาเล็กๆ มันยากจิตนการได้ว่ามีชีวิตมากมายขนาดไหนที่สูญเสียไปที่นี่


 


ผืนดินนั้นเต็มไปด้วยกระดูกของสิ่งมีชีวิต ท้องฟ้าเป็นสีเลือด และฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าก็เป็นสีแดงเข้ม


 


แม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่านภูเขา และน้ำของมันก็เป็นสีแดงเช่นกัน หานเซิ่นก้าวเข้ามาสู่โลกใหม่ที่เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเลือด


 


หานเซิ่นกำลังยืนอยู่บนกองภูเขากระดูก เขามองเห็นว่าทั้งภูเขานั้นประกอบไปด้วยหัวกะโหลก ประตูโครงกระดูกนรกนั้นตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของภูเขา


 


ราชินีจิ้งจอกยืนอยู่ถัดไปจากหานเซิ่นขณะที่ยังคงมีโซ่ล่ามคอ แขนและขาของเธออยู่


 


“ที่นี่คือที่ไหน?” หานเซิ่นถามขณะที่มอแงไปรอบๆ


 


ถ้าทั้งหมดนี้เป็นของจริง มันก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่าสิ่งมีชีวิตมากมายขนาดไหนต้องถูกฆ่าถึงจะก่อตัวเป็นดินแดนที่พวกเขายืนอยู่ในตอนนี้


 


ราชินีจิ้งจอกตอบ “ราชาโกสต์โบนเป็นกัปตันของกองทัพเซเคร็ดบลัดของเซเคร็ด เขานำกองทัพเซเคร็ดบลัดไล่ฆ่าทุกสิ่งทุกอย่างในเส้นทางของเขา และในขณะเดียวกันเขาก็ยึดครองดินแดนมากมายในนามของเซเคร็ด สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนตายด้วยมือของพวกเขา กระดูกพวกนี้คือสิ่งที่เหลืออยู่ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ถูกฆ่าตายโดยราชาโกสต์โบน”


 


“ทำไมกระดูกทั้งหมดถึงได้ถูกรวบรวมมาไว้ในนี้?” หานเซิ่นถาม


 


มันจะเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล ถ้าราชาโกสต์โบนใช้กระดูกของซีโน่เจเนอิคเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่การเอากระดูกทั้งหมดมาทิ้งเอาไว้ที่นี่ดูจะเป็นอะไรที่เสียของ


 


ราชินีจิ้งจอกลูบผมของเธอและยิ้ม “ราชาโกสต์โบนเป็นคนของเผ่าโบน ซึ่งที่นี่ก็คือไวท์โบนเฮลล์ถิ่นกำเนิดของเผ่าโบน เขาฝังศัตรูทั้งหมดเอาไว้ที่นี่ก็เพื่อให้กำเนิดชาวโบนขึ้นมา แต่มันไม่ได้เป็นไปตามที่เขาวางแผนเอาไว้ เพราะมันมีไม่เผ่าโบนเกิดขึ้นมาในที่นี้ แต่…”


 


“แต่อะไร?” หานเซิ่นถาม


 


ราชินีจิ้งจอกมองหานเซิ่นและถาม “เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับขุนพลที่มีชื่อเสียงด้านการทำลายเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของตัวเองไหม?”


 


หานเซิ่นพยักหน้า เขาเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน


 


ราชินีจิ้งจอกมองภูเขากระดูกสีขาวด้วยสีหน้าที่เย้ยหยัน


“เผ่าพันธุ์โบนนั้นเป็นแบบนั้น เมื่อนานมาแล้วเผ่าโบนมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่การวิวัฒนาการของเผ่าโบนเป็นอะไรที่นองไปด้วยเลือด โกสต์โบนได้ฆ่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ทั้งหมดของเขา และการทำแบบนั้นก็ทำให้เขาได้กลายเป็นราชาเผ่าโบนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา ความแข็งแกร่งของเขาทำให้เผ่าพันธุ์ของเขาได้กลายเป็นมหาอำนาจ แต่มันก็ทำลายพวกเขาด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อทุกอย่างจบลงแล้วโกสต์โบนเป็นเผ่าโบนเพียงคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ ที่สุดแล้วความโดดเดี่ยวก็ทำให้เขาแสวงหาวิธีที่จะให้กำเนิดเผ่าโบนคนอื่นขึ้นมา แต่ความพยายามของเขาไม่ประสบผลสำเร็จ และการกระทำของเขาก็เป็นผลประโยชน์ต่อศัตรูของเขาซะมากกว่า”


 


หานเซิ่นยังคงไม่เข้าใจ


 


หลังจากนั้นราชินีจิ้งจอกก็พูดต่อ “โกสต์โบนจำกัดขอบเขตของข้าเอาไว้ที่นี่ ข้าจึงไม่รู้ว่าโลกภายนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากผ่านไปหลายล้านปีเขาก็ยังไม่กลับมา กระดูกในที่แห่งนี้ให้กำเนิดเผ่าโบนไม่ได้ พวกมันแค่ช่วยในการเติบโตของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ”


 


ขณะที่พูดราชินีจิ้งจอกก็ชี้ออกไปในระยะไกล เมื่อหานเซิ่นหันไป เขาก็เห็นทิวเขาที่เรียงกันเหมือนกับดอกบัว


 


“ระหว่างภูเขากระดูกขาวพวกนี้มีสระโลหิตอยู่ สระนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งที่กินกระดูกเป็นอาหาร ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นมีขนาดค่อนข้างเล็ก และมันเป็นแค่ทายาทของไวเคานต์ที่ถูกหลงลืมไปนานแล้ว มันเป็นหนึ่งในซีโน่เจเนอิคไร้ชื่อที่ขุนพลโกสต์โบนฆ่าและนำมาทิ้งเอาไว้ที่นี่ แต่ทว่าซีโน่เจเนอิคตัวนั้นตั้งครรภ์อยู่ และทารกก็รอดชีวิตมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่มีใครจะมีชีวิตอยู่ในไวท์โบนเฮลล์ได้ แต่ทายาทของซีโน่เจเนอิคตัวนั้นกลับทำได้ ความจริงแล้วมันกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ” ขณะที่ราชินีจิ้งจอกพูดเกี่ยวกับซีโน่เจเนอิคตัวนั้น เธอก็ดูหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด


 


เธอถอนหายใจออกมา “นี่ควรจะไม่เกี่ยวอะไรกับข้า แต่ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และเหนือสิ่งอื่นใดมันรักความตาย ถ้ามันยังเติบโตต่อไป วันหนึ่งมันจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า และมันก็จะหาทางออกจากไวท์โบนเฮลล์ได้ในที่สุด ซึ่งเจ้าและข้าก็จะเป็นสิ่งมีชีวิตแรกที่ถูกมันฆ่า”


 


“ท่านหลอกข้ามาที่นี่เพื่อให้ฆ่ามันอย่างนั้นหรอ?” ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าเธอต้องการอะไร


 


ราชินีจิ้งจอกยิ้มให้กับหานเซิ่น “ถ้าเจ้าไม่อยากฆ่ามัน เจ้าก็ต้องอยู่ที่นี่กับข้าตลอดไป พวกเราจะรอจนกระทั่งมันกลายเป็นระดับเทพเจ้า และหลังจากนั้นมันก็จะฆ่าพวกเราทั้งคู่!”


 


หานเซิ่นจ้องมองเธออยู่สักครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นมา


“ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด ท่านเป็นระดับเทพเจ้าไม่ใช่หรอ? ทำไมท่านไม่ไปฆ่ามันด้วยตัวเอง? ด้วยระดับพลังของท่าน นั่นควรจะเป็นงานง่ายๆ”


 


ราชินีจิ้งจอกกรอกตาและยกแขนของเธอขึ้นเพื่อเขย่าโซ่ที่ล่ามข้อมือของเธออยู่


“โกสต์โบนจับข้ามาขังเอาไว้ที่นี่เพื่อคอยเฝ้าดูไวท์โบนเฮลล์แทนเขา แต่เขาก็กังวลว่าข้าจะทำลายงานของเขา ดังนั้นเขาจึงได้จำกัดพลังของข้าเอาไว้ด้วยโซ่พวกนี้ มันจะทำงานเมื่อข้าเข้ามาในไวท์โบนเฮลล์ ทำให้ข้าทำลายไม่ได้แม้แต่กระดูกชิ้นหนึ่ง”


 


หลังจากที่พูดอย่างนั้น ราชินีจิ้งจอกก็หยิบหัวกะโหลกหนึ่งขึ้นมาจากพื้น เธอเกร็งแขนของเธอเพื่อจะบดขยี้หัวกะโหลก แต่เมื่อเธอทำแบบนั้นโซ่ที่ล่ามเธออยู่ก็ปลดปล่อยหมอกหนาสีดำออกมา หมอกนั้นเข้ามาจับตัวของเธฮเอาไว้ราวกับมือสีดำและยกเธอขึ้นในอากาศ


 


คอของราชินีจิ้งจอกดูใกล้จะหักเต็มที ร่างกายของเธอหย่อนอย่างหมดเรี่ยวแรง และหลังจากที่ผ่านไปสักพักหมอกสีดำก็หายไป เธอตกลงมาบนพื้นและไอออกมา


 


“อย่างที่เจ้าเห็น ข้าทำอะไรไม่ได้” ราชินีจิ้งจอกพูดหลังจากที่ลุกกลับขึ้นมา


“เจ้าและข้าติดอยู่ที่นี่ด้วยกัน ถ้าซีโน่เจเนอิคตัวนั้นกลายเป็นระดับเทพ พวกเราก็จะหนีจากมันไม่ได้ การที่เจ้าฆ่ามันไม่ใช่แค่ช่วยเหลือข้า แต่มันจะช่วยตัวเจ้าเองด้วย”


 


หานเซิ่นเงียบไปชั่วครู่ “ตอนนี้ความแข็งแกร่งของซีโน่เจเนอิคตัวนั้นอยู่ระดับไหน?”


 


ราชินีจิ้งจอกดูเคร่งขรึม และนางบอกเขาว่า “ข้าได้มองหาความช่วยเหลือมาตลอดหลายปี แต่มันมีสิ่งมีชีวิตไม่มากนักที่จะเข้ามาที่นี่ ในตอนที่มันเป็นแค่ทารก บารอนคนไหนก็ฆ่ามันได้ แต่ตอนนี้น่ะหรอ? มันไปถึงระดับราชันเรียบร้อยแล้ว”


 


“ซีโน่เจเนอิคระดับราชัน…ท่านคิดว่าข้าที่เพิ่งกลายเป็นดยุกจะฆ่ามอนสเตอร์แบบนั้นได้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม


 


“เจ้าต้องทำให้ได้! นอกซะจากเจ้าอยากจะตายไปพร้อมกับข้าจริงๆ”


ราชินีจิ้งจอกหัวเราะและตบไหล่ของเขา “แต่อย่าได้กังวลไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับข้าที่จะหาหนุ่มที่น่ารักอย่างเจ้า ข้าไม่ได้มีเจตนาจะให้เจ้าถูกฆ่าตาย นอกจากนั้นข้าก็จะหาทางช่วยเหลือเจ้า” 

 

 


ตอนที่ 2248

 

หานเซิ่นมองไปที่ราชินีโดยไม่ได้พูดอะไร บอกตามตรงเขาไม่ได้เชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอบอก


 


ผู้คนมักจะพูดว่าผู้หญิงที่สวยนั้นโกหกเก่ง และเมื่อดูจากความงดงามของเธอแล้ว เธอก็ต้องเป็นจอมโกหกอย่างไม่ต้องสงสัย


 


ราชินีจิ้งจอกดูเหมือนจะรู้ถึงความคิดของหานเซิ่น เธอพูดด้วยรอยยิ้ม


“ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ทำไมเจ้าไม่รออยู่ที่นี่สักพัก? เมื่อเจ้าได้เห็นซีโน่เจเนอิคตัวนั้น เจ้าก็จะได้รู้ความจริง”


 


พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรอีก พวกเขานั่งอยู่บนยอดภูเขาร่วมกันในความเงียบ เธอซุกเข่าไปที่อกของตัวเองและกอดมันด้วยแขนของเธอ ฝนตกปรอยๆลงบนผมของเธอ ดวงตาที่กระจ่างใสของเธอระยิบระยับอย่างน่าดึงดูด ถ้าผู้คนไม่ได้รู้จักเธอ พวกเขาก็คงจะเชื่อว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ละเอียดอ่อนและอารมณ์อ่อนไหว


 


“จิ้งจอกเปลี่ยนร่างนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ พวกเขาดูเซ็กซี่และไร้เดียงสาได้ทั้งคู่” หานเซิ่นอัศจรรย์ใจกับความสามารถของเธอ ด้วยการที่เธอสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ตามใจชอบนั้น ทำให้คาดเดาอายุของเธอได้ค่อนข้างยาก


 


ภายในไวท์โบนเฮลล์ไม่มีกลางวันกลางคืน ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นทำการชำระล้างดินแดนด้วยฝนปรอยๆอย่างไม่หยุด แต่หลังจากผ่านไปสักพักมันก็กลายเป็นฝนที่ตกหนัก


 


ราชินีจิ้งจอกนั่งอยู่บนยอดเขาและปล่อยให้ฝนตกลงมาใส่ตัวของเธอ แต่จริงๆแล้วไม่มีฝนหยดไหนที่สัมผัสตัวของเธอ ร่างกายของเธอถูกห่อหุ้มด้วยออร่าที่ดูศักดิ์สิทธิ์ เธอเป็นเหมือนกับเทพธิดาท่ามกลางกระดูกที่อาบเลือด มันเป็นภาพที่งดงามอย่างน่าประหลาด


 


หานเซิ่นเองก็ใช้พลังเพื่อป้องกันไม่ให้เม็ดฝนเข้ามาใกล้ เขานั่งอยู่ข้างๆราชินีจิ้งจอกและมองออกไปในดินแดนที่ย้อมด้วยสีแดง ถึงแม้มันจะเป็นอะไรที่น่าประหลาด แต่หานเซิ่นก็พบตัวเองประทับใจกับภาพที่เห็น


 


“ข้ายังไม่รู้ชื่อของเจ้าเลย” ราชินีจิ้งจอกพูดขึ้นเบาๆขณะที่เงยหัวขึ้นมามองหานเซิ่น


 


“ซานมู่” หานเซิ่นพูดอย่างไม่ลังเล เขาไม่ต้องการจะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนที่ลึกลับอย่างราชินีจิ้งจอก มันเห็นได้ชัดว่าเธอมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและซับซ้อน ซึ่งการไปยุ่งเกี่ยวกับคนอย่างเธอมากไปกว่านี้มีแต่จะนำไปสู่ปัญหา


 


ถ้าเธอออกไปจากที่นี่ได้จริงๆ หานเซิ่นก็หวังว่าเธอจะไม่ตามเขาไป


 


“ซานมู่? เป็นชื่อที่แย่อะไรแบบนี้!” ราชินีจิ้งจอกหัวเราะ


“ชื่อนั่นหมายความว่า ‘สามไม้’ แค่หนึ่งไม้ก็น่าเบื่อพออยู่แล้ว เจ้ามีถึง 3! ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าเป็นคนที่น่าเบื่อแบบนี้”


 


หานเซิ่นหัวเราะ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร จากประสบการณ์ของเขาไม่มีจิ้งจอกเปลี่ยนร่างคนไหนที่ไร้เดียงสา เศรษฐีมากมายที่แต่งงานกับผู้หญิงอย่างเธอ สุดท้ายแล้วจะสูญเสียบางสิ่งที่มีค่าไป


 


เช่นเดียวกับเผ่าเดสทรอยเยอร์ ถ้าไม่ใช่เพราะจิ้งจอกเปลี่ยนร่าง พวกเขาก็คงจะไม่สูญเสียเดสทรอยเยอร์ไบเบิลไป


 


และผู้หญิง 2 คนที่ก่อคดีนั้นขึ้นมาเป็นเพียงแค่จิ้งจอกเปลี่ยนร่างระดับต่ำ ส่วนนี่เป็นเหมือนกับปรมาจารย์จิ้งจอก ถ้าหานเซิ่นทำให้เธอโกรธ เขาก็อาจจะสูญเสียอะไรที่มากกว่าแค่ชุดชั้นในของเขา


 


เมื่อดูจากท่าทางของเขา ราชินีจิ้งจอกเชื่อว่าหานเซิ่นเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เธอหลับตาและเงยหน้าขึ้นพร้อมกับปล่อยให้สายฝนที่แดงตกลงบนใบหน้าของเธอ


 


มันเป็นภาพที่ดูสวยงามและถูกจัดวางอย่างมีศิลปะ หานเซิ่นชื่นชม ราชินีจิ้งจอกที่สามารถเปลี่ยนสไตล์ได้ตามใจชอบ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็มองหาบางสิ่งที่น่าดึงดูดจากคนอย่างเธอ ความน่ากลัวของเธอทำให้เขานึกถึงกู่ชิงเฉิง


 


ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น จู่ๆราชินีจิ้งจอกก็ชี้ออกไปที่เทือกเขาที่คล้ายคลึงกับดอกบัวและพูด “มันกำลังออกมา!”


 


หานเซิ่นมองออกไปในทิศทางที่เธอชี้ แต่ฝนกำลังตกหนักเกินไป จนแม่น้ำสายเลือดปรากฏขึ้นจากภูเขาดอกบัวและไหลออกมาราวกับน้ำตก


 


หานเซิ่นไม่ได้เห็นอะไร และขณะที่เขากำลังลังเลว่าจะเชื่อเธอดีไหม เขาก็ได้ยินเสียงร้องดังขึ้น บางสิ่งกำลังลงมาจากน้ำตกเลือด มอนสเตอร์ตัวนั้นออกมาจากภูเขาแล้วในตอนนี้และมันก็กำลังตามแม่น้ำลงมา


 


แต่มันยังอยู่ไกลเกินไป และเลือดสายฝนก็บดบังวิสัยทัศน์ของหานเซิ่น เขามองเห็นตัวของมัน แต่ว่ามันเป็นแค่เบลอๆ เขาตัดสินใจเรียกวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงออกมาเพื่อมองดูมันได้ดียิ่งขึ้น


 


มันเป็นกิเลนสีแดง เกล็ดของมันเหมือนกับคริสตัลที่ถูกจุ่มในเลือด และเขากิเลนคู่ก็ดูเหมือนกับปะการังที่งอกออกมาจากหัวของมัน


 


มอนสเตอร์ตัวนั้นไม่ได้ใหญ่โตถึงขนาดกระทิงที่โตเต็มวัย แต่มันดูดุร้ายขณะที่เดินออกมา


 


ถึงแม้มันจะไม่ได้ปลดปล่อยพลังอะไรออกมา แต่หานเซิ่นก็สัมผัสได้ว่ามันแข็งแกร่งขนาดไหน มันแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ และนอกจากพลังชีวิตของมันแล้ว มันมอบออร่าของความตายออกมา


 


“มันคืออะไร?” หานเซิ่นถามอย่างสงสัย


 


ราชินีจิ้งจอกส่ายหัว “โกสต์โบนนำทัพเซเคร็ดบลัดฆ่าสิ่งมีชีวิตนับพันล้านชีวิต นี่เป็นเพียงแค่ลูกของสิ่งมีชีวิตธรรมดาๆตัวหนึ่ง ใครจะไปรู้ว่ามันคืออะไร?”


 


“ถ้ามันเป็นแค่สมาชิกของเผ่าพันธุ์เล็กๆ และแม่ของมันก็เป็นแค่ไวเคานต์ตัวหนึ่ง อย่างนั้นแล้วมันจะกลายเป็นระดับราชันได้ยังไง? และถ้ามันถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่เพื่อเติบโต วันหนึ่งมันจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าได้ยังไง?” หานเซิ่นไม่เชื่อเรื่องที่เธอเล่า


 


ราชินีจิ้งจอกขี้เกียจอธิบาย “อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะเข้าใจเรื่องนั้นเอง”


 


ราชินีจิ้งจอกไม่ได้พูดอะไรอีก ดังนั้นหานเซิ่นจึงหันกลับไปมองที่มอนสเตอร์ตัวนั้น


 


กิเลนโลหิตยังคงมาตามแม่น้ำ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ต้องการเข้ามาใกล้ประตูนรกหรือยุ่งกับหานเซิ่น


 


หลังจากผ่านไปสักพักฝนก็หยุด ก้อนเมฆสีเลือดจางหายไปและเผยให้เห็นท้องฟ้าที่ดูสะอาดหมดจด


 


หานเซิ่นไม่เคยเห็นท้องฟ้าแบบนี้มาก่อน มันไม่มีทั้งพระจันทร์หรือดวงดาว ทั้งหมดที่เขามองเห็นมีเพียงแค่ความมืดมิดเท่านั้น


 


ทันใดนั้นกิเลนโลหิตก็วิ่งขึ้นไปบนเนินกระดูกขาว มันกรีดร้องด้วยเสียงที่ดังก้องราวกับเสียงฟ้าร้อง และมันทำแบบนั้นอยู่สักพัก


 


หานเซิ่นสังเกตเห็นบางสิ่งที่แปลก เจ้ากิเลนโลหิตกำลังเรืองแสงสีแดงออกมา ร่างกายสีแดงของมันดูเหมือนจะผ่ามิติขณะที่เดินออกไป มันดูน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก สิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจอ่อนแอนั้นคงจะฉี่ราดถ้าพวกมันได้เห็นเจ้ากิเลน


 


เมื่อกิเลนโลหิตปลดปล่อยพลังโลหิตของมัน ร่างกายของมันก็เปลี่ยนเป็นวังวนของเลือด


 


กระดูกและแม่น้ำของไวท์โบนเฮลล์เริ่มจะสั่นไหว กระดูกและแม่น้ำเลือดปล่อยปล่อยแสงสีเลือดออกมาและตรงเข้าไปหาวังวนเลือดของเจ้ากิเลน


 


ทุกอย่างนั้นเคลื่อนไหวเพราะเจ้ากิเลนโลหิตนั่น มันเชื่อมต่อกับโลกใบนี้ราวกับเทพเจ้ากำลังขอเครื่องสังเวย


 


เมื่อพลังของภูเขากระดูกและแม่น้ำเลือดเข้าไปในร่างกายของมัน ร่างกายของกิเลนโลหิตก็ดูบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น มันเป็นเหมือนกับรูปปั้นคริสตัลสีเลือดที่ดูน่าสะพรึงกลัว 

 

 


ตอนที่ 2249

 

หานเซิ่นมองดูกิเลนโลหิต และดวงตาของเขาก็เปล่งประกายราวกับว่าเขากำลังมองดูชิ้นเค้กที่น่าเอร็ดอร่อย


 


ในที่สุดหานเซิ่นก็เข้าใจว่าทำไมลูกของไวคานต์ตัวหนึ่งถึงสามารถพัฒนามาถึงระดับราชันได้


 


เจ้ามอนสเตอร์นั้นเรียนรู้วิธีที่จะดูดซับพลังที่อยู่ภายในเลือดและกระดูก ใครจะรู้ว่าร่างของสิ่งมีชีวิตมากมายเท่าไหร่ที่ถูกทิ้งเอาไว้ในสถานที่แห่งนี้ เจ้ามอนสเตอร์นั้นถูกล้อมไปด้วยอาหารเป็นภูเขา เหล่ากระดูกสามารถเป็นเชื้อเพลิงที่เร่งการเจริญเติบโตของมอนสเตอร์ได้ ในสภาพแวดล้อมเฉพาะแบบนี้เจ้ามอนสเตอร์ตัวนั้นมีศักยภาพมากยิ่งกว่าทารกเกิดใหม่ของยอดฝีมือที่เก่งกายจากเผ่าพันธุ์ชั้นสูงซะอีก


 


มันมีทรัพยากรมากมายอยู่ที่นี่ และเจ้ามอนสเตอร์นั้นก็ไม่จำเป็นต้องแก่งแย่งกับใคร การกลายเป็นระดับเทพเจ้าจึงขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้โฟกัสไปที่ร่างกายของเจ้ามอนสเตอร์ กิเลนโลหิตนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตหายากที่แก่นแท้ของมันถูกกำหนดด้วยเลือด มันมีพลังแบบเดียวกันกับวิชาชีพจรโลหิตของหานเซิ่น


 


ถ้าเขาดูดซับยีนซีโน่เจเนอิคของกิเลนโลหิตหรือกินเนื้อของมันเข้าไป วิชาโลหิตชีพจรของเขาก็จะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว


 


หานเซิ่นรู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่าในภาพรวมแล้วการกลืนกินกิเลนนั่นจะเป็นประโยชน์ต่อเขาเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น แต่ทว่าถ้าเขาสามารถทำให้เจ้ากิเลนโลหิตยอมเชื่อฟังได้ เขาก็จะสามารถศึกษาพลังของมันและฝึกวิชาโลหิตชีพจรในรูปแบบเดียวกัน การที่ดูดซับพลังกระดูกภายในไวท์โบนเฮลล์ด้วยตัวเองนั้นเป็นอะไรที่มีประโยชน์ยิ่งกว่าการแค่กลืนกินซีโน่เจเนอิคระดับราชันเข้าไป


 


แต่ซีโน่เจเนอิคระดับราชันเป็นอะไรที่ยากจะทำให้เชื่องได้ และเห็นได้ชัดกิเลนโลหิตถือเป็นกรณีพิเศษ การเติบโตภายในไวท์โบนเฮลล์ทำให้มันโหดร้ายและป่าเถื่อน มันแข็งแกร่งกว่ายอดฝีมือระดับราชันทั่วๆไปมาก หานเซิ่นอาจจะไม่มีความสามารถพอที่จะเอาชนะมันได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นการจะทำให้มันเชื่องจึงไม่ต้องพูดถึงเลย


 


แถมมันก็ดูเป็นมอนสเตอร์ที่กระหายเลือด ดวงตาของดูโหดเหี้ยมอำมหิตจนหานเซิ่นไม่คิดว่าจะมีพลังไหนๆที่สามารถทำให้มันเชื่อฟังได้ ถึงแม้มันจะรู้ว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ มันก็คงจะเลือกยอมตายดีกว่าที่จะยอมตกอยู่ใต้การปกครองของผู้อื่น


 


หานเซิ่นมองดูเจ้ากิเลนโลหิตอย่างเงียบๆขณะที่ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด เขารอคอยจนกระทั่งมันดูดซับพลังของกระดูกจนเสร็จ ซึ่งหลังจากนั้นมันก็กลับไปยังภูเขาดอกบัวที่แม่น้ำเลือดไหลออกมาในตอนแรก


 


“ตอนนี้เจ้ารู้แล้วสินะว่าข้าไม่ได้โกหก ความโหดร้ายและป่าเถื่อนโดยธรรมชาติของมอนสเตอร์ตัวนั้นทำให้ข้ากลัว ถึงแม้มันจะยังไม่แข็งแกร่งเท่าข้าก็ตาม แต่ถ้ามันกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้เมื่อไหร่ มันจะออกไปจากไวท์โบนเฮลล์และสังหารทุกคนที่พบเจอ นั่นรวมถึงเจ้าและข้าด้วย” ราชินีจิ้งจอกพูด


 


หานเซิ่นไม่สงสัยในคำกล่าวอ้างของราชินีจิ้งจอกอีกต่อไป กิเลนโลหิตนั้นดูโหดร้ายกว่าซีโน่เจเนอิคธรรมดามาก ถึงแม้มันจะมีสติปัญญา แต่มันก็ยังอยากจะฆ่าฟันอยู่ดี เพราะนั่นคือธรรมชาติของมัน


 


“ข้าเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง ข้าจะเอาชนะอะไรแบบนั้นได้ยังไง? ท่านคิดจะช่วยข้าด้วยวิธีการแบบไหนกัน?” หานเซิ่นถามขณะที่หันกลับมาที่ราชินีจิ้งจอก


 


ถึงแม้หานเซิ่นพอมีไอเดียที่อาจจะเอาชนะมอนสเตอร์ตัวนั้นได้ แต่เขาก็ยังหวังที่จะได้รับบางสิ่งจากราชินีจิ้งจอก


 


ถ้าราชินีจิ้งจอกคิดที่ขอให้หานเซิ่นไปฆ่ากิเลนโลหิตให้กับเธอ เธอก็ต้องเตรียมของรางวัลที่น่าประทับใจบางอย่างเอาไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีทางที่ดยุกคนไหนจะยอมไปต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคระดับราชันตัวหนึ่ง


 


หานเซิ่นไม่คิดจะปล่อยให้โอกาสดีๆหลุดมือไป


 


แทนที่จะตอบคำถาม ราชินีจิ้งจอกเดินกลับเข้าไปที่ประตูโครงกระดูกนรก


“ตอนนี้พวกเรากลับไปที่ถ้ำกันก่อน เจ้าเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง ดังนั้นเจ้ายังไม่พร้อมที่จะฆ่ามัน ข้ารอคอยมานานหลายปีกว่าที่โอกาสนี้จะมาถึง ข้าไม่รู้ว่าจะมีคนอย่างเจ้าผ่านมาอีกครั้งหรือไม่ ดังนั้นอย่าได้กังวล ข้าไม่คิดจะปล่อยให้เจ้าตาย เพราะยังไงซะเจ้าก็อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของข้า”


 


หานเซิ่นตามราชินีจิ้งจอกกลับไปที่ปราสาท เธอเดินไปที่กองสมบัติและหยิบสิ่งของบางอย่างขึ้นมา หลังจากนั้นเธอก็โยนพวกมันให้กับหานเซิ่น


 


หานเซิ่นรับชิ้นเสื้อผ้ามาและตรวจดูมัน เธอโยนเสื้อคลุมผ้าไหมสีขาว รองเท้าหนังสีดำและถึงมือโปร่งใสให้กับเขา


 


“สวมของพวกนี้ พวกมันเป็นสิ่งของระดับราชัน ถึงแม้เจ้าจะใช้พลังเต็มที่ของพวกมันไม่ได้ แต่พวกมันก็ต้องพอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง” ราชินีจิ้งจอกพูดอย่างขาดความกระตือรือร้น


 


หานเซิ่นจึงไม่เกรงใจและสวมใส่พวกมันอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาใส่เสื้อคลุม เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่กำลังสนับสนุนทั้งร่างกายของเขา เขาไม่ต้องปลดปล่อยพลังอะไรออกมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่าสามารถทยานออกไปบนท้องฟ้าได้


 


ส่วนรองเท้าหนังนั้นทำให้เขารู้สึกเบาราวกับขนนก สายลมดูเหมือนจะมารวมตัวกันใต้เท้าของเขา มันให้รู้สึกราวกับว่าแค่ก้าวเดียวก็สามารถส่งเขาไปไกลเป็นหมื่นไมล์ได้


 


ถุงมือโปร่งใสเมื่อมาอยู่ในมือของเขาแล้ว มันประสานเข้าไปกับผิวหนังของเขา แต่หานเซิ่นคิดไม่ออกมามันมีพลังอะไรกันแน่


 


หานเซิ่นเพิ่งจะได้รับสมบัติระดับราชัน 3 ชิ้น ดังนั้นเขาค่อนข้างพึงพอใจกับเรื่องนั้น แต่ใบหน้าของเขายังคงดูเคร่งขรึมและเย็นชา เขามองไปที่ราชินีจิ้งจอกและพูด


“ราชินีจิ้งจอก ท่านคิดว่าสิ่งของระดับราชันไม่กี่อย่างจะทำให้ดยุกคนหนึ่งต่อกรกับซีโน่เจเนอิคระดับราชันได้อย่างนั้นหรอ?”


 


ราชินีจิ้งจอกยิ้ม เธอบีบแก้มของหานเซิ่นและพูด “อย่าได้กังวล ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องตาย”


 


“ตามข้ามา” ราชินีจิ้งจอกเดินออกไปจากห้องโถงขนาดเล็กและมุ่งหน้าไปสู่ห้องโถงขนาดใหญ่


 


แต่ราชินีจิ้งจอกไม่ได้หยุดอยู่ที่นั่น เธอเดินต่อไปข้างหน้าไปสู่ห้องโถงขนาดเล็กที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง


 


หานเซิ่นตามเธอไปอย่างไม่ลังเล ในตอนนี้มันไม่สำคัญว่าเขาจะฆ่ากิเลนโลหิตได้หรือไม่ เขาแค่ต้องการจะกอบโกยของมีค่าให้มากที่สุด


 


เมื่อดูจากความร่ำรวยของราชินีจิ้งจอกแล้ว ทรัพย์สมบัติของเธอก็ควรจะเป็นสิ่งของระดับสูงทั้งหมด


 


ขณะที่พวกเขาเดินไป หานเซิ่นก็จินตนาการถึงสมบัติมีค่าที่ราชินีจิ้งจอกอาจจะมอบให้กับเขา แต่เมื่อเขาเข้าไปในห้องโถงขนาดเล็กอีกห้อง เขาก็พบว่ามันไม่มีสมบัติอะไรอยู่ภายใน ห้องโถงนั้นว่างเปล่า เว้นก็แต่หัวกะโหลกที่ถูกเรียงแถวกันอยู่บนกำแพงหิน


 


แต่หลังจากที่สังเกตดีๆ เขาก็รู้สึกตัวว่าหัวกะโหลกพวกนั้นจริงๆแล้วเป็นหน้ากาก พวกมันมีกันอยู่ร้อยอันด้วยกัน และแต่ละอันก็แตกต่างกันออกไป บางอันดูน่ากลัว ขณะที่บางอันกำลังยิ้มอยู่ บางอันดูชั่วร้ายอย่างที่สุด ขณะที่อีกอันดูค่อนข้างรื่นรมย์ การได้เห็นสีหน้าที่หลากหลายเรียงต่อกันไปนั้นเป็นภาพที่น่าขนลุก


 


ราชินีจิ้งจอกกวาดสายตาผ่านหน้ากากที่น่าขนลุกพวกนั้น ใบหน้าของเธอดูมืดมนและบิดเบี้ยว แต่เมื่อเธอหันกลับมามองหานเซิ่น เธอก็ดูมีเสน่ห์อีกครั้ง เธอยิ้มให้กับเขาและพูด


“หน้ากากพวกนี้เป็นของโกสต์โบน และพวกมันก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยมือของเขา ทุกหน้ากากนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากหัวกะโหลกของสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ หลังจากผ่านการขัดเกลาที่ประณีต พวกมันก็ดูเป็นแบบนี้”


 


หลังจากที่หยุดไปชั่วครู่ ราชินีจิ้งจอกก็พูดต่อ “มันมีหน้ากากโกสต์โบนอยู่ทั้งหมดพันอัน และโกสต์โบนก็ใช้พวกมันเพื่อฝึกวิชาของเขา ระหว่างที่เขาฝึกชา หน้ากากก็ได้ถูกทำลายไป ในตอนนี้จึงเหลือพวกมันอยู่เพียงแค่ร้อยอันเท่านั้น หน้ากากโกสต์โบนพวกนี้มีพลังของโกสต์โบนอยู่ ถ้าเจ้าสวมใส่พวกมัน เจ้าจะได้รับพลังของโกสต์โบน พวกมันจะทำให้เจ้ามีพลังของสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ ด้วยพวกมันการฆ่าซีโน่เจเนอิคตัวนั้นก็ไม่ควรจะเป็นเรื่องยากอะไร” 

 

 


ตอนที่ 2250

 

“สมบัติแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะใช้ก็ได้ อย่างแรกข้าไม่ใช่คนเผ่าโบน และอย่างที่ 2 ข้าไม่รู้เกี่ยวกับเทคนิคโกสต์โบน แบบนั้นข้าจะควบคุมหน้ากากโกสต์โบนได้ยังไง?” หานเซิ่นถามขณะที่มองหน้ากากโกสต์โบนที่อยู่บนกำแพง


 


การใช้พลังที่เหนือการควบคุมฟังดูไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก และหานเซิ่นก็ไม่ต้องการจะรับความเสี่ยงมากไปกว่านี้


 


“อย่าได้กังวล ข้าจะสอนเทคนิคโกสต์โบนให้กับเจ้า ในฐานะดยุก เจ้าก็ควรจะควบคุมหน้ากากโกสต์โบนพวกนี้ได้”

ราชินีจิ้งจอกเงียบไปชั่วขณะ หลังจากนั้นเธอก็พูด “แต่เทคนิคเหล่านั้นเป็นหนึ่งในวิชาที่ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยโกสต์โบน พวกมันเป็นอะไรที่ยากจะฝึก ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะฝึกเทคนิคโกสต์โบนได้สำเร็จก่อนที่ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นจะเติบโตหรือเปล่า ถ้าเจ้าใช้เวลานานเกินไป มันก็อาจจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพไปซะก่อน การต่อสู้กับมันในตอนนั้นจะเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ เพราะถึงแม้เจ้าจะฝึกเทคนิคโกสต์โบนได้สำเร็จและใช้หน้ากากโกสต์โบน พวกมันก็ยังด้อยกว่ามอนสเตอร์ตัวนั้นอยู่ดี เพราะยังไงซะมอนสเตอร์ตัวนั้นก็กำเนิดภายในไวท์โบนเฮลล์ มันไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตทั่วๆไป”


 


“คนที่ไม่ใช่เผ่าโบนฝึกเทคนิคโกสต์โบนได้ด้วยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


 


“เผ่าพันธุ์ไหนที่มีกระดูกอยู่ภายในร่างกายฝึกเทคนิคพวกนี้ได้ หลังจากที่พวกเขาเปลี่ยนกระดูกของตัวเองให้กลายเป็นกระดูกผี พลังของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นพวกเขายังพัฒนาความต้านทานต่อธาตุความมืดขึ้นมา แต่…” เสียงของราชินีจิ้งจอกตัด


 


“แต่อะไร?” หานเซิ่นถาม


 


“แต่เมื่อกระดูกของผู้ฝึกกลายเป็นกระดูกผี พลังยีนธาตุแสงของพวกเขาจะสึกกร่อน”

ราชินีจิ้งจอกส่ายหัวอย่างช้าๆ “แต่เจ้าไม่มีทางเลือก ถ้าเจ้าไม่อยากจะตาย นี่ก็เป็นสิ่งเดียวที่เจ้าทำได้”


 


หานเซิ่นกวาดสายตามองหน้ากากโกสต์โบน แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เขาลังเลอยู่ชั่วครู่หลังจากนั้นก็เอื้อมมือออกไปจับหนึ่งในหน้ากากโกสต์โบน


 


“อย่าแตะต้องมัน!” ราชินีจิ้งจอกพูด แต่เธอไม่ได้เคลื่อนที่ไปหยุดเขาเอาไว้


 


หานเซิ่นเมินเฉยต่อคำพูดของเธอขณะที่รวบรวมพลังของตัวเอง เมื่อเขาจับไปที่หน้ากากโกสต์โบน เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังอันหนาวเย็นที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากสิ่งนั้น หานเซิ่นถูกส่งกระเด็นออกไปชนเข้ากับกำแพงที่อยู่ด้านหลัง แรงกระแทกนั้นรุนแรงถึงขนาดที่ทำให้เขากระอักเลือดออกมา


 


“ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรอว่าอย่าแตะต้องมัน จนกว่าเจ้าจะฝึกเทคนิคโกสต์โบนสำเร็จ มันไม่มีโอกาสที่หน้ากากโกสต์โบนจะยอมรับเจ้า นี่ถือว่าเจ้าโชคดีที่ไม่ได้ถูกมันฆ่าในทันที” ราชินีจิ้งจอกพูดอย่างไม่พอใจ


 


“สิ่งเหล่านี้ทรงพลังจริงๆ” หานเซิ่นลุกกลับขึ้นมาและมองไปที่หน้ากากโกสต์โบนด้วยความยำเกรง


 


“แน่นอนอยู่แล้ว หน้ากากที่มีประสิทธิภาพต่ำนั้นแตกหักไปนานแล้ว อันที่เหลืออยู่ที่นี่คืออันที่เป็นที่สุดของที่สุด”

ราชินีจิ้งจอกถอนหายใจและพูด “ข้าหวังว่าเจ้าจะได้รับความยินยอมจากหน้ากากโกสต์โบนสักอันก่อนที่ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นจะก้าวสู่การกลายเป็นระดับเทพเจ้า ไม่อย่างนั้นเจ้าก็เตรียมตัวตายอยู่ที่นี่กับข้า”


 


“ข้าจะพยายาม” หานเซิ่นพูดเบาๆ


 


เมื่อหานเซิ่นตอบตกลง ราชินีจิ้งจอกก็เริ่มสอนเทคนิคโกสต์โบนให้กับเขา เธอเป็นภรรยาของขุนพลโกสต์โบน ดังนั้นเธอจึงรอบรู้ในเทคนิคของเขาเป็นอย่างดี เธอได้มองดูเขาใช้เทคนิคนี้มาอย่างยาวนาน และถึงแม้เธอจะไม่ได้ฝึกพวกมันด้วยตัวเอง เธอก็คุ้นเคยกับพวกมันมากพอที่จะสอนให้กับหานเซิ่น


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้รีบร้อนที่จะฝึกเทคนิคใหม่นี้ หลังจากที่ราชินีจิ้งจอกอธิบายมันให้กับเขา เขาก็ใช้เวลาศึกษามันด้วยตัวเองอีกรอบ


 


เขาไม่ได้เชื่อใจราชินีจิ้งจอกอย่างเต็มที่ และเขาก็กังวลว่าการฝึกเทคนิคโกสต์โบนอาจจะมีอันตรายอย่างอื่นที่เธอไม่บอกกับเขา


 


ขณะที่หานเซิ่นศึกษามัน เขาก็ได้รู้ว่ามันจะลดความต้านทานต่อพลังแสงจริงๆ แต่นั่นเป็นความเสี่ยงเดียวของการฝึกฝนมัน และมันก็จะทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากอย่างที่เธอบอก มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจว่าทำไมขุนพลโกสต์โบนถึงได้คิดค้นวิชาและเก็บพวกมันเอาไว้เป็นความลับ


 


หานเซิ่นไม่คิดว่าการฝึกมันจะเป็นอะไรที่อันตราย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีแผนจะฝึกมัน เขาได้คิดวิธีการอื่นที่จะทำให้หน้ากากโกสต์โบนยอมรับเขา


 


พลังของหน้ากากโกสต์โบนนั้นเป็นแนวเดียวกับพลังของเทคนิคโกสต์โบน ถ้าหานเซิ่นใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อจำลองพลังของหน้ากากโกสต์โบน เขาก็อาจจะหลอกให้เหล่าหน้ากากเชื่อว่าเขามีเทคนิคโกสต์โบน


 


การได้รับการยินยอมจากหน้ากากโกสต์โบนด้วยวิธีการแบบนั้นอาจจะปกป้องเขาจากราชินีจิ้งจอก ถ้าเธอมีแผนที่จะใช้เทคนิคโกสต์โบนมาลอบกัดเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างนั้นการใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อจำลองพลังของเทคนิคโกสต์โบนก็จะทำให้เขาไม่ทิ้งจุดอ่อนเอาไว้


 


หานเซิ่นอยู่ภายในห้องโถงเล็กด้านข้างและแกล้งทำเป็นว่าเขากำลังฝึกเทคนิคโกสต์โบนอยู่ แต่ในความจริงแล้วเขากำลังใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนและวิญญาณอสูรเนตรม่วงเพื่อมองดูหน้ากากโกสต์โบน


 


ขณะที่หานเซิ่นสังเกตพลังของหน้ากากโกสต์โบน เขาก็พยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้กิเลนโลหิตตัวนั้นเชื่อง เขาอยากจะได้มันมาเป็นของตัวเอง


 


ถ้าราชินีจิ้งจอกบอกความจริงกับเขา อย่างนั้นแล้วการทำให้กิเลนโลหิตยอมเชื่อฟังก็ควรจะเป็นเรื่องง่าย หลังจากที่เขาได้รับพลังของหน้ากากโกสต์โบนมาแล้ว หานเซิ่นก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรอีก


 


ลูกกุญแจที่ใช้เปิดประตูไปสู่ไวท์โบนเฮลล์นั้นห้อยอยู่ที่คอของราชินีจิ้งจอก ดังนั้นนอกซะจากเธอจะเปิดประตูด้วยตัวเอง มันก็ไม่มีใครเข้าไปได้



 


ภายในฐานทัพของหน่วยอัศวินไอซ์บลู เอ็ดเวิร์ดกำลังกลุ้มใจ


 


หานเซิ่นหายตัวไปต่อหน้าต่อตาของเขา เอ็ดเวิร์ดพยายามจะใช้ทุกวิถีทางที่เขาคิดออกเพื่อหาตัวหานเซิ่น แต่ก็ไม่มีวิธีไหนที่ได้ผล สำหรับเขาแล้วนี่ถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่


 


“เขาเป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง แต่ถึงเขาจะกลายเป็นดยุกได้สำเร็จ โอกาสที่เขาจะมีชีวิตรอดบนดาวไอซ์บลูได้ก็ถือว่าต่ำ หรือบางทีเขาอาจจะถูกซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งฆ่าตายไปแล้ว?” อัศวินไอซ์บลูพูดขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว


 


เอ็ดเวิร์ดสายหัว “ไม่ ถ้าเขาถูกซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งกินเข้าไป มันก็ต้องเหลือร่องรอยที่ตรวจจับได้ ราชาอัศวินไอซ์บลูเองก็ได้ใช้กองกำลังภายในหน่วยอัศวินเพื่อค้นหาตัวหานเซิ่น แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังไม่ถูกพบตัว เจ้านี่มีอะไรมากกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้”


 


“มันไม่มีหนทางอื่นที่จะหาตัวเขาแล้วอย่างนั้นหรอ?” อัศวินไอซ์บลูถามอย่างเป็นกังวล


 


“บางที…” เอ็ดเวิร์ดแตะริมฝีปากของเขาและพูดอย่างช้าๆ “ถ้ากุนซือไวท์เข้าร่วมการสำรวจ บางทีเขาอาจจะหาหานเซิ่นเจอ”


 


“พลังของเขาถูกจำกัดไม่ใช่หรอ? เขาใช้พลังได้เพียงแค่สิบครั้งตลอดชั่วชีวิต และตอนนี้เขาก็ใช้ความสามารถไปถึง 8 ครั้งแล้ว เขาจึงเหลืออีกแค่ 2 ครั้งเท่านั้น เจ้าคิดว่าเขาจะใช้หนึ่งในพลังที่เหลืออยู่เพื่อค้นหามาร์ควิสแค่คนเดียวอย่างนั้นหรอ?” อัศวินไอซ์บลูมองไปที่เอ็ดเวิร์ด


 


“เขาต้องการสิ่งเดียวกันกับที่พวกเราต้องการ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่มาที่ระบบจักรวาลเคออสตั้งแต่แรก”


 


“แต่ถ้าพวกเราบอกกุนซือไวท์ถึงสิ่งที่พวกเขากำลังตามหา สถานการณ์ก็อาจจะซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม” อัศวินไอซ์บลูพูด


 


“เจ้าคิดว่าเขายังไม่รู้เรื่องหรือยังไง? ในตอนที่ราชาอัศวินไอซ์บลูพยายามจับตัวหานเซิ่น กุนซือไวท์ก็ต้องรู้สึกตัวถึงเป้าหมายของพวกเราแล้ว เขาแค่ไม่พูดอะไรเท่านั้น” เอ็ดเวิร์ดตอบ


 


“เจ้าคิดว่าเขาจะพยายามตามหาหานเซิ่นด้วยตัวเองอย่างนั้นหรอ?” อัศวินไอซ์บลูตกใจ


 


“เขาจะไปตามลำพังถ้าทำได้ แต่พลังของเขาไม่เหมาะสำหรับการต่อสู้ เขาคงจะทำอะไรไม่ได้มาก และด้วยเหตุนั้นเขาจึงต้องพึ่งพาคราม ดังนั้นถึงแม้เขาจะรู้ว่าหานเซิ่นอยู่ที่ไหน เขาก็ยังจำเป็นต้องพึ่งพาราชาอัศวินไอซ์บลูหรือพวกเราเพื่อต่อสู้แทนเขา”

เอ็ดเวิร์ดพูดต่อ “พวกเราแค่ต้องรอโอกาสเท่านั้น ราชาอัศวินไอซ์บลูจะหมดความอดทนในที่สุด และเขาก็จะไปหากุนซือไวท์ เมื่อเวลานั้นมาถึงพวกเราก็แค่ตามพวกเขาไป”



 


ภายในปราสาท หานเซิ่นกำลังดูเหมือนผีขึ้นเรื่อยๆ เนื้อหนังของเขาเริ่มที่จะโปร่งใสและกระดูกของเขาก็ค่อยๆกลายเป็นสีดำ


 


ขณะที่หานเซิ่นกำลังฝึก เขาก็ได้ยินกำแพงสั่นไหว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา เขาก็เห็นหน้ากากโกสต์โบนอันหนึ่งกำลังสั่นอย่างรุนแรง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)