Super God Gene 2223-2234

ตอนที่ 2223

 

หานเซิ่นกระพือปีกมังกรและบินตามหลังนกยูงลาวาไป เขาฟันอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เจ้านกยูงลาวาก็สามารถหลบหลีกได้


 


“ฉันไม่เชื่อว่าจะฆ่าแกไม่ได้!” หานเซิ่นหลบหลีกลาวาที่เจ้านกยูงพุ่งออกมาและแทงมีดเขี้ยวผีสิงไปด้านหน้าเพื่อปล่อยมีดเส้นไหมใส่นกยูงลาวา แต่นกยูงลาวาก็สามารถหลบมีดเส้นไหมรูปตาข่ายได้อย่างง่ายดาย


 


หานเซิ่นเก็บมีดเขี้ยวผีสิงไปและเรียกมนตราในร่างปืนพกออกมาแทน เขายิงใส่เจ้านกยูงอย่างบ้าคลั่ง แต่นกยูงสีทองก็สามารถหลบกระสุนและทิ้งรอยฝุ่นสีทองเอาไว้เบื้องหลัง ไม่ว่าหานเซิ่นจะพยายามสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถโจมตีถูกร่างของมันได้


 


ในขณะที่นกยูงลาวาต่อสู้กับหานเซิ่น หานเมิ่งเอ๋อก็ดึงสายธนูของเธอและยิงลูกธนูออกไป


 


นกยูงหลบลูกปืนของหานเซิ่น แต่การทำแบบนั้นทำให้มันพาตัวเองไปอยู่ในวิถีลูกธนูของหานเมิ่งเอ๋อ แต่ทันใดนั้นเมื่อเจ้านกยูงกระพือปีก มันก็สร้างเส้นโค้งที่แปลกประหลาดขึ้นมาราวกับว่ามิติบิดเบี้ยว ซึ่งการทำแบบนั้นทำให้มันสามารถหลบหลีกลูกธนูของหานเมิ่งเอ๋อไปได้


 


“แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้!” หานเซิ่นประหลาดใจ แต่หานเมิ่งเอ๋อแค่ขมวดคิ้ว


 


หวงฟูจิ้งเทเลพอร์ตไปด้านหลังเจ้านกยูงลาวาและเตรียมตัวที่จะชกหมัดใส่มันจากด้านหลัง แต่เจ้านกยูงสะบัดขนนกของมันและหลบหลีกการโจมตีของเธอได้เช่นกัน


 


จีชิงถือดาบกุ้งกาแลกติกระดับดยุกอยู่ในมือ เธอกวัดแกว่งดาบแสงเข้าใส่เจ้านกยูงลาวา แต่เจ้านกยูงก็สามารถหลบพวกมันได้เช่นกัน


 


หานเซิ่นและคนอื่นๆร่วมมือกันต่อสู้กับเจ้านกยูงลาวา แต่ไม่มีพวกเขาคนไหนที่สามารถแตะต้องตัวของเจ้านกยูงได้เลย เจ้านกยูงนั้นเป็นเหมือนกับเปลวไฟที่เปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย มันกำลังบินไปรอบๆด้วยวิธีพิลึกที่ผ่านการบิดเบือนของมิติ ลาวาถูกปล่อยออกมาเต็มไปหมด ซึ่งทำให้หานเซิ่นต้องถอยออกไป


 


ปัง!


 


หานเซิ่นและหวงฟูจิ้งตีเจดดรัมของพวกเขาและส่งคลื่นเสียงที่รุนแรงออกไป มันเข้าไปถูกเจ้านกยูงลาวา แต่มันก็ทำให้ลาวาร้อนยิ่งขึ้นกว่าเดิม คลื่นเสียงแค่ทำให้ลาวาที่ถูกพ่นออกมากระเด็นกลับไปเท่านั้น เพราะยังไงซะมันก็เป็นแค่เจดดรัมระดับดยุก พลังเสียงของมันไม่เพียงพอที่จะสร้างความเสียหายกับซีโน่เจเนอิคระดับดยุกกลายพันธุ์ได้


 


“ให้ฉันเป็นคนจัดการ!” หานเหยียนตะโกน เธอถือดาบกุ้งกาแลกติกระดับมาร์ควิสอยู่ในมือ ร่างกายของเธอเรืองแสงสีขาว และเส้นผมของเธอก็ยาวขึ้นกว่าเดิม


 


หานเหยียนฟันเข้าใส่นกยูงลาวาและปลดปล่อยดาบแสงที่ล่องหนออกไป ขณะเดียวกันนี้ร่างกายของนกยูงก็ถูกฟัน มันพ่นลาวาออกมามากกว่าเดิม


 


วิชาจำนองนภาจะส่งการโจมตีที่ไม่มีมันพลาดใส่เป้าหมายของมัน หานเซิ่นและคนอื่นๆไม่สามารถตามความเร็วที่สุดยอดของนกยูงลาวาได้ และถึงหานเหยียนจะไม่สามารถตามความเร็วของมันได้เช่นเดียวกัน แต่เธอไม่จำเป็นต้องตามความเร็วของอีกฝ่ายให้ทัน เมื่อดาบแสงถูกปล่อยออกไป มันก็จะถูกร่างของเจ้านกยูงลาวาอย่างแน่นอน


 


หานเหยียนกวัดแกว่งดาบของเธอและปลดปล่อยดาบแสงที่ไม่สามารถหลบหลีกได้ใส่นกยูงลาวา


 


แต่ถึงเธอจะโจมตีถูกเจ้านกยูงได้ก็จริง แต่การโจมตีของเธอไม่ได้มีประสิทธิภาพอะไรมากนัก เพราะยังไงซะเธอก็เป็นแค่เอิร์ลคนหนึ่ง และถึงเธอจะมีร่างกายขั้นสุดยอดและวิชาจำลองนภาอยู่ มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับซีโน่เจเนอิคระดับดยุกตัวหนึ่ง


 


“ซีโร่!” หานเซิ่นตะโกนขึ้นมาเมื่อเห็นว่าวิชาจำลองนภาได้ผล เธอเป็นระดับมาร์ควิสคนหนึ่งและเธอก็มีพลังแบบเดียวกัน


 


เมื่อซีโร่ได้ยินคำสั่งของหานเซิ่น เธอก็หยิบมีดกระดูกออกมาก่อนที่จะขว้างออกไป นกยูงลาวาต้องการจะละลายมีดกระดูกด้วยการปล่อยธารของลาวาเข้าใส่มัน แต่ทันใดนั้นมีดกระดูกก็หายลับไป และเมื่อมันปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันก็ปักเข้าไปในอกของเจ้านกยูงแล้ว


 


เจ้านกยูงกระอักเลือดที่ดูเหมือนกับลาวาออกมา หลังจากนั้นร่างของซีโร่ก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อรับมีดกระดูกกลับมา เธอบินลงผ่านเจ้านกยูงที่ตอนนี้ต้องการจะบินหนีลงไปในลาวาเพื่อรักษาตัว เปลวไฟที่ลุกไหม้ด้วยเลือดสีทองเริ่มจะทะลักออกมาจากบาดแผลนั้น มันทำให้เจ้านกยูงแข็งทื่อไปกลางอากาศ


 


หานเซิ่นกระหน่ำยิงซ้ำใส่นกยูงลาวาที่ได้รับบาดเจ็บ กระสุนทุกลูกบรรจุไปด้วยพลังของวิชาเบรกซิกซ์สกาย และผลของมันก็ทำให้เจ้านกยูงระเบิดเป็นชิ้นๆ


 


“ซีโน่เจเนอิคนกยูงอัคคีสุวรรณระดับดยุกถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูร”


 


หานเซิ่นตกใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่านกยูงอัคคีสุวรรณจะถูกฆ่าตายอย่างรวดเร็วแบบนั้น มันไม่ใช่ซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ มันเป็นแค่ซีโน่เจเนอิคระดับดยุกธรรมดาตัวหนึ่งที่เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว


 


หานเซิ่นได้ยินเสียงประกาศว่าได้รับวิญญาณอสูร ซึ่งทำให้เขาดีใจอย่างมาก เขารีบเช็ดดูในทันทีว่ามันเป็นวิญญาณอสูรแบบไหน


 


“วิญญาณอสูรนกยูงอัคคีสุวรรณระดับดยุก : ปีก”


 


หัวใจของหานเซิ่นหยุดเต้นไปชั่วขณะ ขณะที่ปีกนกยูงที่ดูเหมือนกับลาวาสีทองปรากฏขึ้นด้านหลัง การเคลื่อนไหวเบาๆสามารถทำให้เขาเคลื่อนที่ได้ในระยะไกลอย่างรวดเร็ว และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเร่งความเร็ว เขาก็จะปลดปล่อยกระแสไฟที่สามารถบิดเบือนมิติรอบตัวของเขาได้


 


“วิญญาณอสูรประเภทปีกมันเป็นอะไรที่ดี แต่เรามีปีกมังกรอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องใช้วิญญาณอสูรนี่”


หานเซิ่นถอนหายใจ หลังจากนั้นเขาก็มอบวิญญาณอสูรนกยูงอัคคีสุวรรณให้กับหานเหยียน เพราะเธอเป็นแค่เอิร์ลคนหนึ่ง เธอจะปลอดภัยขึ้นด้วยวิญญาณอสูรนกยูงอัคคีสุวรรณ


 


หานเซิ่นมองหาซีโน่เจเนอิคเพื่อล่าต่อ และถึงเขาจะเก็บวิญญาณอสูรของนกธาตุไฟมาได้หลายดวง แต่มันก็ไม่มีดวงไหนที่เป็นประเภทอาวุธ


 


“วิญญาณอสูรอาวุธธาตุไฟเป็นอะไรที่หาได้ยากขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรอ?”


หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ หุบเขาลาวามีนกซีโน่เจเนอิคธาตุไฟอยู่เป็นจำนวนมาก แต่มันไม่มีตัวไหนที่วิญญาณอสูรเป็นประเภทอาวุธ


 


มันเกือบจะถึงเวลาที่เขาต้องกลับไป ดังนั้นหานเซิ่นจึงตัดสินใจเดินทางกลับไปที่ฐานทัพ


 


“หานเซิ่น มันเป็นเรื่องดีที่เจ้ากลับมา! ทีมของเจ้าจะได้รับสมาชิกคนใหม่”


หลังจากที่กลับมาที่ฐานทัพ หานเซิ่นก็ถูกราชาอัศวินไอซ์บลูเรียกไปพบ


 


“พวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่าท่านจะเอาใครไปจากทีมของข้าไม่ได้?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว


 


“แน่นอนว่าข้าจำได้ พวกเราไม่ได้จะเอาคนของเจ้าไป แต่ข้าไม่ได้บอกว่าพวกเราจะไม่เพิ่มสมาชิกใหม่ให้กับทีมของเจ้า ข้าหวังดีต่อเจ้า ดังนั้นข้าจึงได้หาพันธมิตรที่ทรงพลังมาให้” ราชาอัศวินไอซ์บลูยิ้มขณะที่พูดออกมา


 


“ข้าปฏิเสธได้ไหม?” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมา


 


“ไม่ได้ นี่เป็นคำสั่ง” ราชาอัศวินไอซ์บลูพูดอย่างเด็ดขาด


 


ในขณะที่หานเซิ่นกำลังจะพูดอะไรมากกว่านั้น ผู้หญิงคนหนึ่งก็เข้ามา เธอเดินมาตรงหน้าราชาอัศวินไอซ์บลูและโค้งคำนับ


“ไป๋เวย คารวะราชาอัศวิน”


 


เมื่อได้เห็นผู้หญิงคนนั้น หานเซิ่นก็รู้สึกแปลกใจ เพราะเธอคือผู้หญิงจากเอ็กซ์ตรีมคิงที่เขาได้พบในแนร์โรว์มูน และหานเซิ่นก็ได้ขโมยเดสทรอยเยอร์ไบเบิลไปจากเธอ 

 

 


ตอนที่ 2224

 

“ราชาอัศวิน สมาชิกใหม่ที่ท่านพูดถึงคือนางอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไป๋เวยอย่างแปลกๆ


 


“ใช่ ไป๋เวยคือสมาชิกคนใหม่ในทีมของเจ้า ดังนั้นได้โปรดร่วมมือกับนาง” ราชาอัศวินไอซ์บลูยิ้ม


 


“ราชาอัศวิน ถ้าเกิดไม่มีเรื่องอะไรอื่นจะพูดแล้ว ข้าขอกลับไปเตรียมตัว” ไป๋เวยพูดอย่างเย็นชา


 


“เจ้าไปได้” ราชาอัศวินไอซ์บลูพยักหน้า


 


ไป๋เวยเดินออกจากห้องไป ขณะที่หานเซิ่นแกล้งทำเป็นเศร้าและพูดกับราชาอัศวินไอซ์บลูอีกครั้ง


“ราชาอัศวิน ท่านเห็นนั่นไหม? นางไม่แต่แม้จะแสดงความเคารพต่อท่าน แบบนั้นแล้วข้าจะควบคุมคนแบบนั้นได้ยังไง? ท่านควรจะส่งนางไปอยู่ทีมอื่นจะดีกว่า”


 


อัศวินไอซ์บลูสัมผัสไหล่ของหานเซิ่นก่อนที่จะนั่งลง เขาเทน้ำชาและบอกให้หานเซิ่นนั่งดื่มชากับเขา หานเซิ่นรู้ว่าราชาอัศวินไอซ์บลูมีอะไรบางอย่างจะบอก ดังนั้นเขาจึงนั่งลงไป


 


อัศวินไอซ์บลูยกชาขึ้นมาจิบและพูด “ข้าไม่ได้ส่งนางไปอยู่ทีมของเจ้าเพื่อให้เจ้าควบคุมนาง แต่ข้าส่งนางไปอยู่ข้างเจ้า เพราะข้าต้องการให้เจ้าปกป้องนาง”


 


“นางเป็นใครกัน?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


 


“นางคือองค์หญิงไป๋เวย เจ้าอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อของนางมาก่อน แต่เจ้าคงจะรู้สินะว่านั่นหมายความว่ายังไง” ราชาอัศวินไอซ์บลูพูด


 


“นางคือลูกสาวของหนึ่งในราชาของเอ็กซ์ตรีมคิงอย่างนั้นหรอ?”


หานเซิ่นเข้าใจในทันทีว่าทำไมเธอถึงได้หยิ่งยโสนัก ถ้าเธอเป็นลูกสาวราชาของเอ็กซ์ตรีมคิงคนหนึ่ง เธอก็มีฐานะสูงพอที่จะทำตัวแบบนั้น


 


“นางทำความผิดพลาดบางอย่าง ดังนั้นพ่อของนางจึงลงโทษนางด้วยการส่งนางมาที่นี่ เพื่อให้นางได้ฝึกฝนตัวเองไปด้วย ซึ่งข้าจะปล่อยให้มีภัยอันตรายใดตกมาสู่นางไม่ได้ ดังนั้นเจ้าต้องทำให้แน่ใจว่านางปลอดภัย ถ้ามีเกิดอะไรขึ้นกับนาง เจ้าและข้าจะถูกฆ่าทั้งคู่” ราชาอัศวินไอซ์บลูยิ้ม


 


“ถ้าอย่างนั้นทำไมท่านถึงไม่หาอัศวินระดับสูงมาคอยคุ้มครองนางล่ะ? ข้าไม่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรได้มาก” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมา เขาคิดว่านี่เป็นภารกิจที่แย่


 


“ถ้ามันมีอัศวินระดับราชันคอยปกป้องนาง นางก็จะไม่มีโอกาสได้ฝึกฝน แถมนางก็เป็นคนที่ถือตัว นางไม่มีทางยอมอะไรแบบนั้น” ราชาอัศวินไอซ์บลูถอนหายใจออกมา


 


“หน่วยอัศวินไอซ์บลูมีทีมสำรองตั้งมากมาย มันไม่มีความจำเป็นที่ท่านต้องพึ่งพาคนนอกอย่างพวกเรา ท่านไม่คิดว่ามันเป็นอะไรที่อันตรายอย่างนั้นหรอที่มอบหมายความรับผิดชอบที่สำคัญแบบนี้ให้กับคนนอก?”


หานเซิ่นมองตรงไปที่ราชาอัศวินไอซ์บลูขณะที่พูดออกมา


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูมองมาที่หานเซิ่น หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นด้วยโทนเสียงแปลกๆ “หานเซิ่น เจ้ารู้ไหมว่าใครกันที่ข้าเชื่อใจมากที่สุดในหน่วยอัศวินไอซ์บลู?”


 


“แน่นอนว่าข้ารู้ ลูกน้องของท่านไง” หานเซิ่นพูด


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูส่ายหัวและกลับมามองที่หานเซิ่น


“มันคือเจ้า ข้าเชื่อใจเจ้ามากที่สุด”


 


“ท่านล้อข้าเล่นใช่ไหม ข้าเพิ่งจะได้พบกับท่าน…” ก่อนที่หานเซิ่นจะพูดจบ ราชาอัศวินไอซ์บลูก็หยุดเขาเอาไว้


 


“ได้โปรดอย่าคิดว่าข้ากำลังล้อเล่น เจ้าไม่เคยอยู่ในตำแหน่งของข้า เจ้าจึงไม่เข้าใจเหตุผลที่ข้าเชื่อใจเจ้า และข้าถึงได้ให้เจ้าเป็นคนที่คอยคุ้มครององค์หญิงไป๋เวย ถ้านางมีชีวิต เจ้าก็มีชีวิต ถ้านางตาย เจ้าก็ตาย เจ้าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาด ดังนั้นข้าเชื่อว่าเจ้ารู้ว่าต้องทำยังไง” ราชาอัศวินไอซ์บลูตบไหล่ของหานเซิ่นและออกไปจากห้อง


 


หานเซิ่นไม่ต้องการรับภาระของคนอื่นแบบนั้น แต่ท่าทางของอัศวินไอซ์บลูบ่งบอกค่อนข้างชัดเจนว่าปัญหาของเขาไม่ได้มาจากซีโน่เจเนอิคเพียงอย่างเดียว แต่มันยังมีปัญหาจากเรื่องภายในหน่วยอัศวินไอซ์บลูด้วย


 


แต่หลังจากที่ราชาอัศวินไอซ์บลูเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่หานเซิ่นต้องทำอย่างนั้น มันทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย


 


หานเซิ่นกำลังครุ่นคิดขณะที่เดินกลับไปที่ห้อง แต่ทันใดนั้นหัวใจเขาก็เต้นรัวและรูม่านตาของเขาหดเล็กลงไป ขนทั่วร่างของเขาตั้งขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน


 


มันไม่ได้มีพลังที่น่ากลัวอะไรจู่โจมเขา แต่หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกจ้องมองโดยอสรพิษ เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายอย่างกะทันหัน


 


หานเซิ่นมองไปข้างหน้าและเห็นร่างที่ผอมบางกำลังเดินเข้ามาทางเขา


 


คนๆนั่นเป็นเอ็กซ์ตรีมคิงเลือดบริสุทธิ์ แต่พลังชีวิตของเขาถูกปกปิดเอาไว้ ซึ่งการที่ไม่สามารถบ่งบอกถึงระดับของเขาได้นั้นทำให้เขาดูเหมือนกับคนธรรมดาทั่วๆไป


 


ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของชายคนนั้นดูเหมือนกับประติมากรรมหยกที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน เส้นผมสีทองของเขาดูสง่างามและใบหน้าของเขาก็ประดับไปด้วยดวงตาที่ลึกราวกับทะเลสาบ


 


หานเซิ่นรู้สึกตกใจกับความสมบูรณ์แบบของชายคนนี้ แต่หานเซิ่นก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องจากภายในถึงอันตราย


 


หานเซิ่นเดินเข้าไปใกล้กับชายคนนั้น และเขาก็จ้องมองมาที่หานเซิ่น ในจังหวะที่ทั้ง 2 คนกำลังจะสวนทางกัน ชายคนนั้นก็หยุดและพูดขึ้นมา


“เจ้าเคยเห็นความลับที่ถูกเก็บเอาไว้ในแผ่นหินหรือเปล่า?”


 


หานเซิ่นรู้สึกตกใจ เขาหยุดเดินและมองไปที่ชายคนนั้น


 


ชายคนนั้นยิ้มให้กับหานเซิ่น รอยยิ้มของเขานั้นอบอุ่นราวกับดวงอาทิตย์ มันสามารถละลายได้แม้แต่ก้อนน้ำแข็งที่หนาวเย็นที่สุด ถ้าชายคนนั้นพูดกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นก็คงจะยอมทำตามทุกสิ่งที่เขาสั่งให้ทำ


 


หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร ชายคนนั้นเพียงแค่ยิ้มออกมาและเดินผ่านหานเซิ่นไป


 


“เอ็ดเวิร์ด” หานเซิ่นไม่ได้หันกลับไปมองชายคนนั้นอีก เขาแค่เดินต่อไป เขาไม่เคยเห็นชายคนนั้นมาก่อน แต่เขาก็เข้าใจอย่างรวดเร็วว่าชายคนนั้นคือผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ด


 


‘ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าเราคือคนที่เอาแผ่นหินนั่นไป เป็นชายที่น่ารำคาญและอันตรายอะไรขนาดนี้ แต่ถ้าเขาคือผู้ตรวจการจริงๆ นั่นก็หมายความว่าเขาควรจะเป็นราชาคนหนึ่ง’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง


 


เอ็ดเวิร์ดเดินเข้าไปในห้องๆหนึ่ง มันมีอัศวินไอซ์บลูคนหนึ่งกำลังมองดูภาพที่บันทึกจากกล้องวงจรปิด มันเป็นภาพวิดีโอการเผชิญหน้ากันระหว่างหานเซิ่นและเอ็ดเวิร์ด


 


“ปฏิกิริยาของเขาเป็นธรรมชาติ และมันก็ดูไม่เหมือนกับว่าเขากำลังแสแสร้งเช่นกัน บางทีพวกเราอาจจะคิดผิด” อัศวินไอซ์บลูพูด


 


เอ็ดเวิร์ดมองไปที่วิดีโอและหัวเราะ “พวกเราคิดถูกแล้ว เขาก็คือคนที่เอาแผ่นหินไป”


 


“ทำไมถึงคิดแบบนั้น?” อัศวินไอซ์บลูถามขณะที่มองไปที่เอ็ดเวิร์ดด้วยความสงสัย


 


“ท่าทางของเขาเป็นธรรมชาติเกินไป มาร์ควิสน้อยคนนักที่จะรักษาธรรมชาติของตัวเองเอาไว้ได้เมื่อมองเห็นข้า ยิ่งท่าทางของพวกเขาเป็นธรรมชาติมากเท่าไหร่ มันก็ทำให้พวกเขาน่าสงสัยมากเท่านั้น”


เอ็ดเวิร์ดจ้องไปที่ใบหน้าของหานเซิ่นบนหน้าจอ “ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าราชินีแห่งมีดมีลูกศิษย์ที่น่าสนใจแบบนี้”


 


“พวกเราควรจะเคลื่อนไหวไหม?” อัศวินไอซ์บลูถาม


 


“ไม่ ราชาอัศวินไอซ์บลูและกุนซือไวท์ยังคงอยู่ที่นี่ พวกเราจะลงมือทำอะไรขณะที่พวกเขาอยู่ที่นี่ไม่ได้”


เอ็ดเวิร์ดหัวเราะ “แต่ที่นี่คือระบบจักรวาลเคออส ดังนั้นเขาไม่มีทางหนีไปไหนได้ เขาเป็นคนที่น่าสนใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นแล้วเขายังถือว่าอ่อนแอ”


 


“ท่านผู้ตรวจการ ท่านคิดว่าเขาเป็นหนึ่งในคนของกุนซือไวท์ไหม?” อัศวินไอซ์บลูถาม


 


“ไม่ ถ้าเขาเป็นล่ะก็ กุนซือไวท์ก็คงจะได้รับแผ่นหินไปแล้ว แบบนั้นเจ้าคิดว่ากุนซือไว้จะยังอยู่กับเหล่าอัศวินต่อและมอบโอกาสให้พวกเราชิงมันกลับมาได้อย่างนั้นหรอ?”


เอ็ดเวิร์ดมองใบหน้าของหานเซิ่นด้วยความสนใจ “เจ้านี่เป็นคนตลก ถ้าเขาเอาโบราณวัตถุไป พวกเราก็ต้องชิงมันกลับมาก่อนที่อัศวินจะรู้ความจริงเข้า ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นอะไรที่น่ารำคาญ” 

 

 


ตอนที่ 2225

 

หลังจากกลับไปที่ห้องแล้ว หานเซิ่นก็เรียกพวกพ้องของเขามาและบอกให้ทุกคนระวังตัว


 


“เอ็ดเวิร์ดน่ากลัวขนาดนั้นจริง ๆ อย่างนั้นหรอ? ถ้าเขาไม่กล้าเข้ามาที่นี่เพื่อขโมยมันกลับคืนไป อย่างนั้นแล้วพวกเราจะต้องกลัวอะไร?” จีชิงดูค่อนข้างสับสน


 


“ความจริงที่ว่าเขาไม่บุกมาขโมยมันกลับไปคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ก่อนที่เรื่องนี้จะถูกจัดการ พวกเธอไม่ควรออกไปไหนตามลำพังเป็นอันขาด” หานเซิ่นพูดอย่างมีน้ำหนัก


 


วันต่อมา หานเซิ่นนำทีมของเขากลับไปที่หุบเขาลาวาเพื่อทำการค้นหาซีโน่เจเนอิคต่อ แต่ครั้งนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาไป๋เวยไปด้วย


 


โชคดีที่ไป๋เวยไม่ได้พูดอะไรมาก ทั้งหมดที่เธอทำก็คือตามพวกเขาไปและทำตัวเหมือนกับว่าเธอไม่ได้ใส่ใจอะไรแม้แต่น้อย


 


แต่ทันทีที่พวกเขาไปถึงดินแดนของหุบเขาลาวา ไป๋เวยก็ก้าวออกมาข้างหน้าหานเซิ่น


 


“จากนี้เป็นต้นไป ข้าจะเป็นหัวหน้าของทีมนี้” ไป๋เวยพูดด้วยโทนเสียงออกคำสั่งกับหานเซิ่น


 


“ทำไมข้าต้องฟังเจ้าด้วย?” หานเซิ่นดูเหมือนกับว่าต้องการจะหัวเราะออกมา


 


“เจ้าควรจะเรียนรู้เกี่ยวกับฐานะของข้า” ไป๋เวยพูดอย่างเย็นชา


 


“ฐานะอะไร? ข้ารู้แค่ว่าเจ้าเป็นมือใหม่ที่สุดของทีม และนั่นทำให้เจ้าเป็นคนที่มีคุณสมบัติน้อยที่สุดที่จะเป็นผู้นำของพวกเรา”


หานเซิ่นหัวเราะใส่เธอและไม่ได้พูดอะไรที่บ่งบอกว่าเขารู้อะไรเกี่ยวกับเธอ


 


ในขณะที่แสแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่รู้ถึงฐานะของเธอ หานเซิ่นก็จะสามารถปฏิบัติกับเธอได้เหมือนกับมือใหม่คนหนึ่ง แต่ถ้าเขาแสดงตัวว่ารู้จักเธอล่ะก็ นั่นจะทำให้มันดูเหมือนกับว่าเขาแค่กำลังรังแกเธอ ซึ่งมันแตกต่างกัน


 


ไป๋เวยตกตะลึงกับการโต้แย้งของหานเซิ่น เธอมองไปที่เขาและพยักหน้า


“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าในฐานะมือใหม่จะขอท้าเจ้า ถ้าเจ้าแพ้ ข้าจะกลายเป็นหัวหน้าของทีมนี้ หลังจากนั้นเจ้าและทีมของเจ้าก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อฟังข้า”


 


“ไม่” หานเซิ่นปฏิเสธข้อเสนอของเธอ


 


“เจ้ากลัวอย่างนั้นหรอ?” ไป๋เวยมองตรงไปที่หานเซิ่น


 


“เจ้าคือคนที่อ่อนแอที่สุดในทีม ส่วนข้าคือหัวหน้าทีม ข้าคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี่ ถ้าเจ้าต้องการจะท้าข้าล่ะก็ เจ้าก็ต้องเอาชนะพวกพ้องของข้าให้ได้ซะก่อน” หานเซิ่นชี้ไปที่หานเมิ่งเอ๋อและคนอื่นๆ


 


“เอางั้นก็ได้” ไป๋เวยตกลง แต่เธอไม่ชอบใจในสิ่งที่หานเซิ่นพูดนัก


 


“มือใหม่ก็คือมือใหม่” หานเซิ่นถอนหายใจ หลังจากนั้นเขาก็หันไปพูดกับหานเมิ่งเอ๋อ


“เมิ่งเอ๋อ สอนมือใหม่คนนี้ให้รู้จักเคารพคนที่อยู่เหนือกว่าซะบ้าง แต่อย่าได้รุนแรงกับนางจนเกินไป พวกเราไม่ได้ต้องจะฆ่านาง”


 


เมื่อไป๋เวยได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นพูด เธอก็รู้สึกโกรธจัด แต่ภายนอกเธอแค่หัวเราะออกมา


“เจ้าไม่กล้าสู้กับข้าด้วยตัวเอง เจ้าจึงหันไปขอให้ผู้หญิงคนหนึ่งช่วยเจ้าเนี่ยนะ?”


 


“นี่คือลูกสาวของข้า ถ้าเจ้าชนะเมิ่งเอ๋อได้ ข้าก็จะยอมรับคำท้าของเจ้า” หานเซิ่นหัวเราะ


 


เมื่อหานเมิ่งเอ๋อได้ยินหานเซิ่น เธอก็ก้าวออกมาข้างหน้าและเดินไปตรงหน้าไป๋เวย


 


ไป๋เวยไม่ได้สนใจอะไรหานเมิ่งเอ๋อ และเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรหานเซิ่นเช่นกัน เธอคิดว่าหานเซิ่นยังแทบไม่มีพลังพอจะต่อกรกับเธอเลย ดังนั้นเธอจึงคิดว่าไม่มีอะไรต้องกังวลกับคู่ต่อสู้ที่เป็นเพียงแค่ลูกน้องของหานเซิ่น


 


แต่เมื่อหานเมิ่งเอ๋อดึงสายธนู สีหน้าของไป๋เวยเปลี่ยนไป เธอมองตรงไปที่หานเมิ่งเอ๋อโดยที่ไม่ประมาทคู่ต่อสู้อีกต่อไป


 


ถึงไป๋เวยจะอวดดี แต่เธอไม่ได้โง่ ความจริงแล้วเธอเป็นคนที่ชาญฉลาดมากๆ และทันทีที่หานเมิ่งเอ๋อดึงสายธนู เธอก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม ดังนั้นเธอจึงรีบรวบรวมพลังมาไว้ในหมัด


 


หานเมิ่งเอ๋อไม่ได้สนใจอะไรปฏิกิริยาของไป๋เวย เธอเพียงแค่ดึงสายธนูและเมื่อเธอปล่อยนิ้ว ลูกธนูก็บินเข้าหาใบหน้าของไป๋เวยอย่างรวดเร็ว


 


ไป๋เวยชกหมัดเข้าใส่ลูกธนูสีดำอย่างเยือกเย็น มันคือหมัดเอ็กซ์ตรีมคิงไฟนอล มันเป็นหนึ่งใน 5 วิชาหมัดที่สุดยอดที่สุดในจักรวาลจีโน เธอสามารถทำลายภูเขาทั้งลูกได้อย่างง่ายถ้าเธอชกใส่มัน


 


แต่ในตอนที่ลูกธนูกำลังจะปะทะกับหมัดของไป๋เวยนั้น จู่ๆลูกธนูก็หายไปจากสายตาของไป๋เวย และเมื่อมันปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันก็พุ่งเข้าไปที่หน้าท้องของเธอ ใบหน้าของไป๋เวยยังคงเยือกเย็นไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อร่างกายของเธอถอยไปด้านหลัง หมัดของเธอก็ถูกดึงกลับและชกใส่ลูกธนูอีกครั้ง การเคลื่อนไหวทั้งหมดดูลื่นไหลมากๆ และมันก็ไม่มีการลังเลหรือการกังวลใจเลยแม้แต่นิดเดียว


 


ตูม!


 


ดวงอาทิตย์สีดำฉายแสงขึ้นจากจุดที่เธอยืนอยู่ และไป๋เวยก็เป็นฝ่ายที่กระเด็นออกไป ชุดเกราะของเธอถูกทำลายและเส้นผมของเธอบางส่วนก็ถูกเผาจนไหม้ มีเพียงแค่ผมภายใต้หมวกของเธอเท่านั้นที่รอดจากการเผาไหม้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็เธอก็คงหัวโล้นไปแล้ว


 


สีหน้าของไป๋เวยเปลี่ยนไป แต่ทันใดนั้นก็มีดวงไฟสีทองเข้าห่อหุ้มทั้งร่างกายของเธอและหยุดยั้งแรงระเบิด แต่ถึงอย่างนั้นเลือดก็ไหลออกมาจากริมฝีปากของเธอ และนั่นหมายความว่าเธอได้รับบาดเจ็บ


 


ไป๋เวยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าลูกธนูที่ถูกยิงโดยใครบางคนจากทีมสำรองจะทรงพลังถึงขนาดนี้ ซึ่งแม้แต่หมัดเอ็กซ์ตรีมคิงไฟนอลก็ไม่ทรงพลังเท่ากับลูกธนูนั้น เธอไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่มันก็เป็นความจริง และไป๋เวยก็สูญเสียความได้เปรียบของเธอไป หลังจากนั้นหานเมิ่งเอ๋อก็ดึงสายธนูซ้ำๆขณะที่ลูกธนูพุ่งออกไปข้างหน้าราวกับสายฟ้า


 


ไป๋เวยถูกลูกธนูไล่ต้อนและมันก็ไม่มีโอกาสที่เธอจะเข้าไปใกล้หานเมิ่งเอ๋อได้ วิชาจีโนของเอ็กซ์ตรีมคิงเป็นอะไรที่แข็งแกร่งมากๆ แต่ถึงอย่างนั้นหมัดเอ็กซ์ตรีมคิงไฟนอลของไป๋เวยก็ยังอ่อนแอกว่าลูกธนูเดสทรอยเยอร์ไบเบิลที่อัดแน่นด้วยพลังของวิชาเบรกซิกซ์สกายของหานเมิ่งเอ๋อ


 


ลูกธนูของหานเมิ่งเอ๋อไล่ต้อนไป๋เวยให้ตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ แต่ไป๋เวยก็ยังไม่แพ้ เธอแข็งแกร่งมากๆและมาร์ควิสน้อยคนนักที่จะสามารถเอาชนะเธอได้


 


“พอได้แล้ว” หานเซิ่นบอกให้หานเมิ่งเอ๋อหยุดมือ


 


“มันยังไม่มีผู้ชนะ!” ไป๋เวยจ้องไปที่หานเซิ่น


 


หานเซิ่นหัวเราะและพูด “เจ้าแพ้! เจ้าบังคับให้ตัวเองใช้วิชาจีโนที่จ่ายพลังมากกว่าที่เมิ่งเอ๋อใช้เป็นสิบๆเท่า ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็ต้องพ่ายแพ้ นี่เป็นการแข่งขันจำได้ไหม? นี่มันไม่ใช่การต่อสู้เพื่อเอาชีวิต ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นที่พวกเราต้องดำเนินมันต่อไป”


 


ไป๋เวยไม่สามารถพูดอะไรตอบกลับไปได้ เพราะสิ่งที่หานเซิ่นพูดเป็นความจริงที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้


 


“ถ้าเจ้าเอาชนะลูกสาวของข้าไม่ได้ เจ้าก็ควรจะตั้งใจฝึกฝนอีกสัก 2-3 ปี แบบนั้นบางทีข้าอาจจะมอบโอกาสให้เจ้าท้าสู้กับข้า” หานเซิ่นพูดอย่างชัดเจนโดยไม่ปิดบังอะไร


 


หานเซิ่นจงใจกำราบไป๋เวยซะตอนนี้ เพื่อที่เขาจะได้คงความเป็นผู้นำของกลุ่มเอาไว้ เพราะถ้าไป๋เวยเป็นคนนำล่ะก็ หานเซิ่นก็จะไม่สามารถออกล่าวิญญาณอสูรอย่างที่ต้องการได้


 


“สักวันหนึ่ง! ข้าจะเอาชนะทั้งเจ้าและนาง” ไป๋เวยพูดอย่างเยือกเย็น แต่เธอไม่ได้ยืนกรานที่จะเป็นหัวหน้าทีมอีกต่อไป


 


มันเห็นได้ชัดว่าไป๋เวยไม่ได้เป็นคนที่เยือกเย็นอย่างที่แสดงออกมา เธอมองหานเมิ่งเอ๋อด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน หลังจากนั้นเธอก็มองไปที่หานเซิ่น เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหญิงสาวที่ดูเยือกเย็นคนนั้นจะเป็นลูกสาวของหานเซิ่น 

 

 


ตอนที่ 2226

 

ภายนอกระบบไอซ์บลู ราชาไนท์ริเวอร์กำลังสังหารฝูงซีโน่เจเนอิคที่คิดจะบุกเข้ามา


 


หลังจากที่เขาถูกบังคับให้เข้าหน่วยอัศวินไอซ์บลู ราชาไนท์ริเวอร์ก็ถูกบังคับให้มาอยู่แนวหน้าเพื่อคอยต้านซีโน่เจเนอิคที่จะบุกเข้ามาในระบบไอซ์บลู แต่ทว่าการสู้รบนี้มีซีโน่เจเนอิคอยู่มากเกินไป ซึ่งแม้แต่ราชันอย่างเขาก็ยังเหนื่อยล้าหลังจากการต่อสู้ และมันก็เป็นแบบนี้ทุกๆวัน เขาไม่สามารถทนต่อชีวิตที่พลิกผันของเขาได้


 


“หานเซิ่น! ถ้าข้ามีโอกาสเมื่อไหร่ล่ะก็ ข้าจะฆ่าเจ้า” ราชาไนท์ริเวอร์สบถกับตัวเอง


 


“นั่นใครกัน!” ราชาไนท์ริเวอร์มองลึกไปในโถงทางเดิน เนื่องจากสัมผัสได้ถึงใครบางคน


 


“เจ้าอยากจะฆ่าหานเซิ่นอย่างนั้นหรอ? ข้าจะมอบโอกาสให้กับเจ้าเอง” ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้ม


 


“ท่านผู้ตรวจการ ท่านหมายความว่ายังไงกัน?” ราชาไนท์ริเวอร์ประหลาดใจเมื่อได้เห็นเอ็ดเวิร์ด


 


เอ็ดเวิร์ดเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของราชาไนท์ริเวอร์และพูด


“หานเซิ่นเอาบางสิ่งที่เป็นของของข้าไป แต่ราชาอัศวินไอซ์บลูและกุนซือไวท์ยังอยู่ ด้วยเหตุนั้นข้าจึงไปฆ่าเขาด้วยตัวเองไม่ได้ ถ้าเจ้าอยากจะฆ่าหานเซิ่นเช่นเดียวกัน อย่างนั้นพวกเราก็ควรจะร่วมมือกัน”


 


ราชาไนท์ริเวอร์เบะปากและพูด “ล้อเล่นใช่ไหม ถ้าท่านมีใครบางคนที่ไม่กล้าฆ่า แบบนั้นข้าจะไปทำเรื่องเสี่ยงแบบนั้นทำไม? นอกจากนั้นข้าก็เป็นแค่อัศวินที่ถูกเกณฑ์ตัวมา”


 


เอ็ดเวิร์ดยิ้มและพูด “ในอีก 2 วันข้างหน้า ข้าจะไปสำรวจระบบจักรวาลใหม่ร่วมกับกุนซือไวท์และราชาอัศวินไอซ์บลู ข้าส่งเจ้าไปที่ดาวไอซ์บลูได้ และถ้าการฆ่าของเจ้าหมดจดพอ ข้าก็ทำให้แน่ใจได้ว่าจะไม่มีใครรู้ความจริงว่าเจ้าไปที่นั่น แต่เจ้าก็ต้องนำสิ่งของอย่างหนึ่งกลับมาให้กับข้า หลังจากนั้นข้ายังจะให้เจ้ามาทำงานกับข้า เจ้ารู้ไหมว่าจริงๆแล้วที่ราชาอัศวินไอซ์บลูส่งเจ้ามาอยู่ข้างนอกก็เพื่อเอาใจหานเซิ่น แต่เจ้าไม่สมควรได้รับการปฏิบัติแบบนี้เลยสักนิด”


 


ราชาไนท์ริเวอร์มองไปที่เอ็ดเวิร์ดอย่างไม่แน่ใจว่าเขาจะถูกใช้แล้วทิ้งหรือไม่


 


เอ็ดเวิร์ดถอนหายใจ เขามองไปที่ราชาไนท์ริเวอร์


“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำมัน แต่ภาพลักษณ์ของเจ้าดูแย่ในสายตากุนซือไวท์และราชาอัศวินไอซ์บลูเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้เจ้าก็กำลังจะปฏิเสธความหวังดีของข้าอีกอย่างนั้นหรอ? ชะตากรรมของเจ้าทำให้ข้ากังวลจริงๆ”


 


หัวใจของราชาไนท์ริเวอร์เต้นรัว ภายในหน่วยอัศวินไอซ์บลูมีบุคคลหลักอยู่ 3 คน ซึ่งก็คือราชาอัศวินไอซ์บลู ผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดและกุนซือไวท์


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูและกุนซือไวท์เข้าข้างหานเซิ่นเรียบร้อยแล้ว และถ้าราชาไนท์ริเวอร์ไปล่วงเกินผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดอีก มันก็เป็นเรื่องยากที่จะเขาจะอยู่รอดในหน่วยอัศวินไอซ์บลู


 


“ผู้ตรวจการ มันไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะฆ่าหานเซิ่น ความจริงแล้วข้าอยากจะถลกหนังเขาทั้งเป็น แต่ที่จริงคือข้าฆ่าเขาไม่ได้ เขามีสมบัติโล่ป้องกันที่แม้แต่พลังของข้าก็ทำลายไม่ได้” ราชาไนท์ริเวอร์พูดในขณะที่ก้มหัวของเขา


 


“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่เจ้าไม่ต้องกังวล ข้ามีของบางอย่างเตรียมไว้ให้กับเจ้า”


ขณะที่เอ็ดเวิร์ลพูดอย่างนั้น เขาก็ส่งบางสิ่งให้กับราชาไนท์ริเวอร์ “เอานี่ไป ข้ารับประกันว่ามันจะช่วยให้เจ้าทำลายโล่ป้องกันของหานเซิ่นได้ ถ้าไม่มีโล่ป้องกันอยู่แล้ว เจ้าก็คงจะฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย แต่เจ้าต้องทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างหมดจด ไม่อย่างนั้นละก็มันก็ไม่มีทางที่ข้าจะรับประกันความอยู่รอดของเจ้าได้”


 


ราชาไนท์ริเวอร์ยังคงสงสัยว่าเอ็ดเวิร์ดจะปิดปากเขาหลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วหรือเปล่า


 


เอ็ดเวิร์ดูเหมือนจะรู้ว่าราชาไนท์ริเวอร์กำลังคิดอะไร ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นมา “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าราชาอัศวินไอซ์บลูและกุนซือไวท์จับตามองดูคนของข้าอยู่ ข้าก็คงจะไม่มาขอเรื่องนี้กับเจ้า”


 


ราชาไนท์ริเวอร์กัดฟันของเขาและโค้งคำนับ “อย่าได้กังวลท่านผู้ตรวจการ ถ้าหานเซิ่นมีสิ่งของที่ท่านต้องการติดตัวอยู่ ข้าก็จะนำมันกลับมาให้ท่านอย่างแน่นอน”


 


“เตรียมตัวให้ดี ในอีก 2 วันคนของข้าจะมารับตัวเจ้าไป จำเอาไว้ให้ดีว่าเจ้ามีโอกาสแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ทำมันให้รวดเร็วและหมดจด และที่สำคัญที่สุดอย่าได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้! ถ้าเจ้าหลงเหลือหลักฐานที่ระบุถึงตัวของเจ้าเอาไว้ ข้าก็คงจะช่วยเจ้าไม่ได้” เอ็ดเวิร์ดตบไหล่ของราชาไนท์ริเวอร์


 


“มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด ทำไมถึงได้ไปขอให้คนนอกคนหนึ่งทำงานนี้? ถ้าเกิดว่าเขาเอาสิ่งนั้นไปเป็นของตัวเองขึ้นมาล่ะ?” คนขับถามหลังจากที่เอ็ดเวิร์ดกลับขึ้นมาบนยานอวกาศ


 


เอ็ดเวิร์ดหัวเราะและตอบ “ราชาไนท์ริเวอร์เป็นคนฉลาด เขาจะเก็บสิ่งนั้นเอาไว้กับตัวเองในฐานไพ่ตายที่จะช่วยให้เขามีชีวิตรอดต่อไป เขาคงจะนำมันไปหาราชาอัศวินไอซ์บลูและกุนซือไวท์ด้วยความหวังที่จะอยู่รอด”


 


“อย่างนั้นแล้วทำไมถึงยังใช้เขา?” อัศวินไอว์บลูถามด้วยความสับสน


 


“ไม่เป็นไร เขาไม่มีทางเลือกอื่น” เอ็ดเวิร์ดหลี่ตาของเขาขณะที่พูดออกมา


“ด้วยนิสัยที่หวาดระแวงของราชาไนท์ริเวอร์ เขาจะทำการฆ่าอย่างถี่ถ้วน นั่นรวมถึงทุกคนในทีมของหานเซิ่น แม้แต่องค์หญิงไป๋เวยก็ด้วย”


 


“องค์หญิงไป๋เวยอยู่ในทีมของหานเซิ่นด้วยรึ?”


สีหน้าของอัศวินไอซ์บลูเปลี่ยนไป หลังจากนั้นเขาก็เข้าใจเอ็ดเวิร์ดในทันที “เมื่อราชาไนท์ริเวอร์รู้ตัวว่าเขาฆ่าองค์หญิงไป เขาก็จะรู้ตัวว่าไปหาราชาอัศวินไอซ์บลูไม่ได้ผล มันจะมีแค่ความตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่ ถ้าเขายอมรับความผิด ดังนั้นเขาจะไม่มีทางเลือกอื่น”


 


ทีมของหานเซิ่นเดินทางไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยวในหุบเขาลาวา พวกเขาเก็บกวาดดินแดนไปครั้งหนึ่งแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้นการเดินทางของเขาจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วไร้การกีดขวาง


 


ไป๋เวยติดตามหานเซิ่นไป แต่เธอเงียบสนิทไม่พูดอะไร เธอเพียงแค่จับตามองหานเซิ่นและหานเมิ่งเอ๋อเพื่อเรียนรู้ถึงพลังของพวกเขา


 


แต่บนเส้นทางนั้น มันไม่มีโอกาสให้พวกเขาได้ต่อสู้ นั่นทำให้เธอต้องผิดหวัง


 


ขณะที่เห็นหานเซิ่นเดินหน้าต่อไปเรื่อย ไป๋เวยก็ดูลังเลที่จะพูดขึ้นมา แต่หลังจากผ่านไปสักพักเธอก็พูด “กัปตัน ข้าจะออกจากกลุ่มไปสักพัก”


 


“ไม่ได้ เจ้าเป็นสมาชิกในทีมของข้า ฟังที่ข้าพูด เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนตามลำพัง” หานเซิ่นไม่พูดอ้อมค้อม


 


ถ้าไป๋เวยออกไปตามลำพังและมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเธอ หานเซิ่นและราชาอัศวินไอซ์บลูก็จะถูกฆ่าเอา ดังนั้นมันไม่มีทางที่เขาจะยอมปล่อยให้เธอออกไปตามลำพัง


 


“ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกเจ้าไม่มากับข้าด้วยเลยล่ะ?” ไป๋เวยพูดอย่างเย็นชา


 


“ข้าบอกแล้วไง ข้าคือกัปตัน พวกเราจะไปในเส้นทางที่ข้าเลือก” หานเซิ่นขมวดคิ้ว


 


“ไปด้วยกันหรือข้าไปตามลำพัง เจ้าเป็นคนเลือก” ไป๋เวยดูไม่แยแสและดูหยาบคายไม่ต่างอะไรไปจากก่อนหน้านี้


 


“เจ้าจะไปที่ไหน?”  เมื่อเห็นว่าไป๋เวยยืนกรานจะไปที่ไหนสักแห่ง หานเซิ่นก็คิดว่าอย่างน้อยๆควรจะถามเธอ


 


“รังของอันดายอิ้งเบิร์ด” ไป๋เวยพูด


ตอนที่ 2227 อันดายอิ้งเบิร์ด


 


“อันดายอิ้งเบิร์ดคือระดับอะไร?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว ชื่อของมันฟังดูเหมือนกับเป็นลางที่ไม่ดีนัก


 


“เทพเจ้า” ไป๋เวยตอบเขาอย่างไม่ลังเล


 


หานเซิ่นเลียริมฝีปากของเขาขณะที่มองไปที่เธอ เขาพูดขึ้นมา “นี่เจ้ารู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา? เจ้าจะล่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าเนี่ยนะ? การทำอะไรแบบนั้นมีแต่จะทำให้เจ้าถูกฆ่าตาย แม้แต่คนอย่างข้าก็จะถูกฆ่าตายไปด้วย ถ้าไปเผชิญหน้ากับศัตรูแบบนั้น”


 


“ถ้าเจ้าหวาดกลัว เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องไป” ไป๋เวยเปลี่ยนเส้นทางของเธอและเริ่มบินไปทางแม่น้ำที่ไหลลงไปใต้หน้าผาแห่งหนึ่ง


 


“ผู้หญิงคนนี้ไม่มีหัวคิดหรือยังไง?” หานเซิ่นนำทีมของเขาติดตามเธอไป แต่หานเซิ่นไม่ได้คิดว่าเธอเป็นคนที่จะทำอะไรที่โง่เขลา เขามั่นใจว่าเธอจะไม่ยอมเอาชีวิตของตัวเองไปทิ้งแบบนั้น


 


นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพาไป๋เวยเข้ามาในหุบเขาลาวา แต่เธอกลับรู้เกี่ยวกับอันดายอิ้งเบิร์ด นั่นหมายความว่าอย่างน้อยๆเธอก็ได้เตรียมตัวมา บทลงโทษของเธอที่ถูกส่งมาที่ดาวไอซ์บลูนั้นคงจะเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับอันดายอิ้งเบิร์ด


 


ดังนั้นหานเซิ่นจึงรีบตามเธอไป เขาอยากรู้ว่าไป๋เวยตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ ไม่อย่างนั้นเขาก็แค่ต้องจับเธอมัดและลากตัวเธอไปกับเขา


 


ไป๋เวยดูเหมือนจะคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ หลังจากที่เธอเข้าไปใกล้แม่น้ำลาวา เธอก็มุ่งหน้าไปทางถ้ำๆหนึ่งที่มีลาวาไหลออกมา


 


หานเซิ่นและพวกพ้องของเขาเข้าไปข้างในเช่นกัน พื้นถ้ำเต็มไปด้วยลาวา ดังนั้นพวกเขาจึงต้องบินเหนือมันไป


 


“ถ้าเจ้าคิดจะไปให้ได้ไม่ว่ายังไง อย่างน้อยเจ้าก็ควรจะอธิบาย เจ้าพยายามจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน” หานเซิ่นตามไป๋เวยจากด้านหลัง


 


ไป๋เวยเมินเฉยใส่เขาและยังคงบินต่อไป ภายในถ้ำไม่ได้มีซีโน่เจเนอิคตัวไหนอาศัยอยู่ มันปลอดโปร่งจนน่าประหลาดใจ นอกจากลาวาที่ร้อนแรงแล้ว มันก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอยู่ที่นี่


 


พวกเขาบินต่อไปในเส้นทางนั้นกว่าครึ่งวัน แต่ทันใดก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมา หานเซิ่นมองไปในทิศทางที่มีเสียงดังขึ้นมาและเห็นถ้ำเปิดออก มันเป็นเหมือนกับโลกใต้ดินขนาดใหญ่ยักษ์เผยตัวเองออกมา ลาวาไหลลงไปตามหน้าผาที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา มันกลายเป็นน้ำตกลาวาที่ดูแปลกมากๆ


 


หลังจากที่พวกเขาบินออกมาจากถ้ำ พวกเขาก็เห็นว่าโลกใต้ดินนั้นเต็มไปด้วยลาวา มันเป็นเหมือนกับทะเลลาวา และท่ามกลางทะเลลาวาที่กว้างใหญ่นั้นมีภูเขาลูกหนึ่งตั้งอยู่ มันดูเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าอัศจรรย์ที่ได้เห็น


 


ไป๋เวยบินตรงเข้าไปหาเกาะที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลลาวาอย่างไม่ลังเล แต่ตอนนี้เธอบินไปด้วยความเร็วที่ช้าลงอย่างมาก มันเห็นได้ชัดว่าเธอกังวลต่ออะไรบางอย่าง


 


หานเซิ่นให้จีชิง หานเหยียนและหวงฟูจิ้งนั่งบนหลังอสูรกาแล็กซี่เผื่อว่าถ้ามีอันตรายบางอย่างเกิดขึ้น และวิญญาณอสูรใบเสมาไม่สามารถใช้งานได้ พลังของอสูรกาแลกซี่ก็เพียงพอที่จะช่วยชีวิตพวกเธอ


 


บนทะเลลาวามีการระเบิดเกิดขึ้น ลาวาพุ่งขึ้นมาราวกับน้ำพุ บางอย่างสีดำแดงปรากฏออกมาและมันก็พุ่งตรงไปที่ไป๋เวย


 


สีหน้าของไป๋เวยยังคงไม่เปลี่ยน เธอชกหมัดเข้าใส่เงาสีดำแดงนั้น มันมีการระเบิดขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ลาวาบนร่างกายของมันแพร่กระจายออกมา เธอชกใส่มันและส่งสิ่งมีชีวิตนั้นร่วงกลับลงไปในลาวา


 


เมื่อได้เห็นชัดๆ หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่ามอนสเตอร์ตัวนั้นดูคล้ายคลึงกับจระเข้ ร่างกายของมันดำเหมือนกับถ่าน แต่บางส่วนของมันเป็นสีแดงเหมือนกับลาวา


 


หานเซิ่นมองไปรอบๆและเห็นเงาที่เหมือนกับถ่านอีกเป็นจำนวนมาก พวกมันดูเหมือนกับไม้ที่ไม้เกรียม และหลายตัวก็กำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขา


 


จระเข้ที่ยาวกว่า 3 เมตรกระโดดออกมาจากลาวา พวกมันทั้งหมดตรงเข้ามาที่ไป๋เวยและหานเซิ่น


 


หานเซิ่นเรียกปืนพกมนตราออกมา เขายิงกระสุนใส่จระเข้ลาวา ขณะที่หานเมิ่งเอ๋อก็ยิงลูกธนูสีดำของเธออกไปใส่ศัตรูเช่นเดียวกัน


 


ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!


 


จระเข้ลาวามากมายถูกฆ่าตายด้วยกระสุนและลูกธนู ร่างกายที่ดูเหมือนกับลาวาของพวกมันแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พวกมันเป็นเหมือนกับก้อนลาวาที่ร่วงกลับลงไปในทะเลลาวา แต่หานเซิ่นไม่ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นมา จระเข้ที่แตกกระจายร่วงลงสู่ลาวาและกลายเป็นร่างที่สมบูรณ์อีกครั้ง ก่อนที่จะกลับมาจู่โจมพวกเขาอีก


 


ไป๋เวยฆ่าจระเข้ลาวาไปเรื่อยๆ ขณะที่เธอมุ่งหน้าไปทางเกาะกลางทะเลลาวา เธอไม่มีแผนที่จะหยุด มันเห็นได้ชัดว่าเธอรู้เกี่ยวกับจระเข้พวกนี้


 


เมื่อหานเซิ่นเห็นสิ่งที่เธอทำ เขาก็หยุดฆ่าพวกจระเข้ลาวา เขาให้หานเมิ่งเอ๋อใช้ใบเสมาราชาแมลงปีศาจสีฟ้าของเธอ มันสามารถปกป้องทุกคนขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปที่เกาะ


 


ไป๋เวยกำลังบินตรงไปข้างหน้า แต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นโล่ป้องกันของหานเซิ่นและทีมของเขา จระเข้ลาวากระโดดเข้าใส่พวกเขา แต่พวกมันก็ชนเข้ากับผิวของโล่ป้องกันและร่วงกลับลงไปในลาวา


 


แต่หานเซิ่นไม่มีแผนจะปกป้องเธอด้วยโล่นั้น เขาแค่ตามไป๋เวยไปจากด้านข้างและมองดูเธอต่อสู้กับเหล่าจระเข้ลาวาตามลำพัง


 


ไป๋เวยโกรธเล็กน้อยกับเรื่องนี้ แต่เธอไม่ได้พูดอะไร เธอมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆขณะที่ชกใส่จระเข้ลาวาที่เข้ามาขวางทางเธอ จระเข้ลาวานั้นฆ่าไม่ตายก็จริง แต่พวกมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร พวกมันเป็นแค่มาร์ควิสธรรมดาเท่านั้น


 


ไม่นานหลังจากนั้นไป๋เวยก็ไปถึงชายฝั่งของเกาะ แต่ทันทีที่มาถึงเธอก็เริ่มร่วงลงไป หานเซิ่นเองก็รู้สึกได้ถึงเรื่องนั้นเช่นเดียวกัน เขารู้สึกหนักขึ้นมา มันเหมือนกับว่าเขาเพิ่งกลับมาที่โลกหลังจากการบินในอวกาศ พวกเขาทุกคนเริ่มจะร่วงลงไปบนพื้นของเกาะ


 


“เกาะแห่งนี้ห้ามพลังทางอากาศอย่างนั้นหรอ?” จีชิงมองไปที่เกาะด้วยความประหลาดใจ


 


ไป๋เวยพูดอย่างเย็นชา “มันไม่ได้แค่ห้ามพลังทางอากาศเท่านั้น มันง่ายที่จะมาแต่การจะออกไปนั้นเป็นอะไรที่ยากกว่ามาก”


 


“นั่นหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นมองไปที่ไป๋เวยและถาม


 


ไป๋เวยไม่ตอบ เธอแค่ชี้ไปที่ทะเลลาวานอกชายฝั่งของเกาะ


 


หานเซิ่นหันกลับไปมองและเห็นว่าตลอดทะเลลาวาที่ร้อนแรงนั้นมีแมลงสีทองอยู่ พวกมันดูเหมือนกับลาวา แต่พวกมันก็เป็นแมลงจริงๆ และพวกมันก็มีกันอยู่มากมายนับไม่ถ้วน


 


“พวกมันคือแมลงลาวา พวกมันออกมาจากลาวาไม่ได้ พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายอย่างมาก และแม้แต่ดยุกก็ต้านทานอุณหภูมิของพวกมันไม่ไหว พวกมันบินในที่แห่งนี้ได้ แต่เพราะเจ้าทำไม่ได้ พวกเจ้าต้องวิ่งไปบนลาวา ถ้าพวกเจ้าอยากจะออกจากไปที่นี่ พวกเจ้าก็จำเป็นต้องออกห่างจากเกาะไปหนึ่งไมล์เพื่อบินขึ้น ข้าหวังว่าโล่ป้องกันของพวกเจ้าจะต้านทานการโจมตีของแมลงลาวาได้ ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าทุกคนก็จะต้องตาย” ไป๋เวยพูดอย่างเย็นชา เธอไม่พอใจที่หานเซิ่นไม่ปกป้องเธอด้วยโล่ป้องกันนั่น 

 

 


ตอนที่ 2228

 

หานเซิ่นยิ้มออกมา เขาไม่ได้ใส่ใจภัยอันตรายนั่นเลยสักนิด วิญญาณอสูรใบเสมาราชาแมลงปีศาจป้องกันการโจมตีของสิ่งมีชีวิตระดับระชันได้ ดังนั้นเขาไม่คิดว่าต้องไปกังวลอะไรเกี่ยวกับแมลงลาวาตัวน้อยๆ


 


“อันดายอิ้งเบิร์ดอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้จริงๆอย่างนั้นหรอ?” จีชิงถามด้วยความสงสัย


 


เป่าเอ๋อกำลังนอนอยู่บนไหล่ของหานเซิ่น เธอมองไปรอบๆเกาะด้วยความอยากรู้อยากเห็น


 


เกาะนั้นไม่ได้ใหญ่อะไรมาก แต่บนเกาะมีพืชอยู่เป็นจำนวนมาก มันแทบจะเป็นป่าฝนเลยก็ว่าได้ แมลงและสัตว์ป่านั้นมีอยู่ทั่วเกาะ


 


เมื่อพวกเขามายืนอยู่บนเกาะ พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงความร้อนของลาวาเลย


 


ไป๋เวยไม่ได้พูดอะไร เธอแค่เดินไปทางป่าไม้ หานเซิ่นคิดว่าอาจจะเจอกับอันตราย แต่ไม่นานเขาก็รู้สึกตัวว่าสิ่งมีชีวิตรอบๆเป็นแค่สัตว์ป่าธรรมดาๆ พวกมันไม่ได้เป็นแม้แต่ซีโน่เจเนอิค


 


ที่ศูนย์กลางของเกาะคือภูเขาสีขาว มันสูงเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น แต่มันดูเหมือนกับซาลาเปาลูกใหญ่ บนยอดเขามีบางอย่างที่ดูเหมือนกับหอคอยตั้งอยู่ มันดูเก่าแก่และผุผังจากการเวลา


 


พวกเขาเดินไปอยู่ตรงตีนเขา หลังจากนั้นก็มองไปในทิศทางของหอคอยที่อยู่บนยอดเขาและตะโกน


“ทายาทของราชาไป๋เสด็จมาที่นี่ อันดายอิ้งเบิร์ดอยู่หรือไม่?”


 


เสียงของไป๋เวยดังก้องไปทั่วทั้งเกาะ แต่มันไม่ได้มีเสียงอะไรตอบกลับมา ดังนั้นเธอจึงตะโกนอีกครั้ง


 


ซึ่งหลังจากที่เธอตะโกนไป 3 ครั้ง ประตูของหอคอยที่ตั้งอยู่บนยอดเขาก็เปิดออก มันเปิดขึ้นพร้อมกับเสียงแหลม


 


ดวงตาของหานเซิ่นและเป่าเอ๋อจ้องไปที่ประตูของหอคอย พวกเขาอยากจะเห็นรูปลักษณ์ของอันดายอิ้งเบิร์ดระดับเทพเจ้า หอคอยไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก ดังนั้นอันดายอิ้งเบิร์ดก็คงจะไม่มีขนาดตัวใหญ่จนเกินไป


 


ทุกคนมองไปที่หอคอยด้วยความอยากรู้อยากเห็น จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกมา ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นเงาของคนๆหนึ่งเดินออกมาจากหอคอย


 


“เธอคืออันดายอิ้งเบิร์ดที่ว่าอย่างนั้นหรอ?” ดวงตาของหานเซิ่นเบิกกว้างขณะที่จ้องมองคนที่เดินออกมาจากประตู เขาคิดว่ามันเป็นอะไรที่แปลก


 


ที่ออกมาจากหอคอยไม่ใช่นกจริงๆ แต่เป็นหญิงชราหลังค่อมที่ถือไม้เท้า ผิวของเธอเหี่ยวแห้งและเต็มไปด้วยรอยย่นราวกับเปลือกของต้นไม้ เนื่องจากความจริงที่ว่าเธอแก่และหลังค่อม เธอจึงสูงเพียงแค่ระดับเอวของหานเซิ่นเท่านั้น เธอสวมใส่แว่นตาทรงกลมและชุดสีแดง เธอดูค่อนข้างแปลก


 


“ใครกันที่มาส่งเสียงเอะอะโวยวายข้างล่าง?”


หญิงชราเดินออกมายืนตรงหน้าหอคอยและมองลงไปที่ตีนเขา เธอสายตาไม่ค่อยดี ดังนั้นเธอจึงต้องขยับแว่นตาขึ้น สุดท้ายดวงตาที่ดูอิดโรยของเธอก็มาหยุดอยู่ที่ไป๋เวยและคนอื่นๆ


 


ไป๋เวยไม่ได้คาดคิดเอาไว้ว่าคนแบบนี้จะเป็นคนที่ออกมา เธอคือองค์หญิง ดังนั้นถึงแม้เธอจะประหลาดใจ เธอก็ยังพูดออกมา


“ข้าคือไป๋เวย และข้าเป็นลูกสาวของราชาไป๋ ข้ามาที่นี่ตามคำขอของท่านพ่อ ท่านใช่อันดายอิ้งเบิร์ดหรือไม่?”


 


หญิงชราดันแว่นของเธอ เธอจ้องไปที่ไป๋เวยและพูดอย่างช้าๆ


“เจ้าคือทายาทของราชาไป๋? ข้าไม่ใช่อันดายอิ้งเบิร์ด ข้าเป็นเพียงแค่หญิงชราที่รับหน้าที่ทำความสะอาดหอคอย”


 


“ถ้าอย่างนั้นก็ไปแจ้งอันดายอิ้งเบิร์ดได้ไหมว่าทายาทของราชาไป๋มาเยือนที่นี่?” ไป๋เวยพูด


 


“ข้ากลัวว่าเจ้ามาสายเกินไป อันดายอิ้งเบิร์ดได้ตายไปแล้ว” หญิงชราพูดอย่างช้าๆ


 


“อันดายอิ้งเบิร์ดตายไปแล้ว?” ดวงตาของหานเซิ่นเบิกกว้าง ลูกตาของเขาเกือบจะหลุดออกมาจากเบ้า


 


ไป๋เวยอึ้งไป เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าอันดายอิ้งเบิร์ดระดับเทพเจ้าไม่อยู่แล้ว แบบนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์ที่เธอมาที่นี่


 


หญิงชราถอนหายใจและพูดต่อ “แต่ท่านอันดายอิ้งเบิร์ดได้บอกข้าเอาไว้ว่าถ้าทายาทของราชาไป๋มาเยือน คนๆนั้นจะนำอะไรไปก็ได้ แต่คนๆนั้นก็ต้องผ่านการทดสอบให้ได้ซะก่อน”


 


ใบหน้าของไป๋เวยดูดีขึ้นมาหน่อย “ข้าอยากจะลองมันดู การทดสอบแบบไหนกันที่ท่านกำลังพูดถึง?”


 


หญิงชราไม่ตอบ สายตาของเธอจับจ้องไปที่พวกหานเซิ่น


“คนพวกนี้เป็นใครกัน? พวกเขาดูไม่เหมือนกับคนของเอ็กซ์ตรีมคิง ถ้าพวกเขาไม่ได้เป็นคนของเอ็กซ์ตรีมคิง อย่างนั้นก็ฆ่าพวกเขาซะ ที่นี่คือที่อยู่อาศัยของอันดายอิ้งเบิร์ด มันไม่ใช่ที่ที่ใครจะมาก็ได้”


 


หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา หญิงชราคนนั้นดูแก่มากๆก็จริง แต่เมื่อเธอมองมาที่พวกเขา หานเซิ่นก็รู้สึกหนาวมาก เขารู้ว่าจริงๆแล้วเธอเป็นคนที่อันตรายอย่างมาก


 


ไป๋เวยมองไปที่หานเซิ่นและตอบหญิงชรา “พวกเขาเป็นอัศวินของเอ็กซ์ตรีมคิงจริงๆ พวกเขาช่วยคุ้มกันข้ามาที่นี่”


 


“อย่างนี้นี่เอง” หญิงชราพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก เธอถือไม้เท้าอยู่ในมือและค่อยๆเดินไปที่ยอดเขาอย่างช้าๆ เธอดูสั่นคลอนขณะที่เดินขึ้นไป มันทำให้คนอื่นที่มองเห็นรู้สึกกังวลว่าเธอจะก้าวพลาดและร่วงลงมาจากยอดเขา


 


ขณะที่ยืนอยู่บนยอดเขาและขั้นบันไดหินของมัน หญิงชราก็ดูเหมือนจะนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอพูดขึ้นมา


“เมื่อก่อนอันดายอิ้งเบิร์ดเคยปะทะกันกับราชาไป๋พ่อของเจ้า ผู้คนมากมายได้ตายไป แต่มันไม่มีฝ่ายไหนชนะ หนึ่งพันปีให้หลังพวกเขาตกลงกันว่าจะทายาทระดับมาร์ควิสมาต่อสู้กัน การต่อสู้ของพวกเขาจะเป็นตัวตัดสินผู้ชนะ แต่อันดายอิ้งเบิร์ดไม่ได้ให้กำเนิดทายาทของนาง นางตายขณะที่กำลังตั้งครรภ์ ดังนั้นการต่อสู้จึงดำเนินต่อไปไม่ได้”


 


หลังจากที่หญิงชราพูดแบบนี้ เธอก็ดูเศร้าอย่างมาก เธอชี้ไปที่ขั้นบันไดหินและพูด


“แต่อันดายอิ้งเบิร์ดได้สร้างบันไดนี้ขึ้นมาก่อนที่นางจะตายไป ถ้าเจ้าผ่านขั้นบันไดนี้และขึ้นไปถึงยอดได้ เจ้าจะเป็นฝ่ายชนะ และเจ้าจะได้รับสิ่งของที่อันดายอิ้งเบิร์ดและราชาไป๋ต่อสู้เพื่อแย่งกัน แต่ถ้าเจ้าทำไม่สำเร็จ เจ้าก็ต้องกลับออกไป”


 


“มันไม่มีเงื่อนไขอะไรอย่างอื่นใช่ไหม?” ไป๋เวยมองหญิงชราที่อยู่บนยอด


 


“ไม่ ไม่สำคัญว่าเจ้าจะทำมันยังไง ตราบใดที่เจ้าข้ามบันไดขึ้นไปถึงยอดเขาได้ เจ้าก็จะเป็นฝ่ายชนะ ถึงแม้เจ้าจะคลานขึ้นไปก็ตาม” หญิงชราไอออกมาหลังจากที่พูดจบ


 


“ถ้ามันไม่มีเงื่อนไขอื่น ข้าก็เริ่มละนะ” ไป๋เวยพูดและเริ่มก้าวขึ้นไปบนบันไดที่ทอดยาวขึ้นไปสู่ภูเขาที่เหมือนกับซาลาเปา


 


หานเซิ่นมองไปที่บันไดและสังเกตเห็นว่ามันยาวเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น และจากด้านล่างจนถึงยอดสุดมันก็มีเพียงแค่ไม่กี่พันขั้นเท่านั้น หานเซิ่นไม่ได้พบว่าอะไรที่แปลกประหลาด ดังนั้นเขาจึงสงสัยว่านี่มันเป็นการทดสอบแบบไหนกันแน่ แต่ที่หานเซิ่นสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือสิ่งของที่อันดายอิ้งเบิร์ดและราชาไป๋ต่อสู้เพื่อแย่งกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ดีว่าหญิงชราคนนั้นอันตรายอย่างมากและไม่ควรไปยั่วให้เธอโกรธ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงแค่มองดูไป๋เวยรับการทดสอบ

 

 

 


ตอนที่ 2229

 

ไป๋เวยก้าวขึ้นไปบนบันไดหินแต่ละขั้นอย่างง่ายดาย ดูเหมือนกับว่ามันไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรที่จะต่อต้านเธอจากการเดินขึ้นไปบนบันได


 


ไป๋เวยขมวดคิ้ว เธอไม่ได้รู้สึกถึงอะไรจากบันไดเลย ขั้นบันไดหินแต่ละขั้นดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ถ้าไป๋เวยก้าวขึ้นไปเร็วๆล่ะก็ เธอก็น่าจะขึ้นไปถึงยอดเขาได้ในเวลาหนึ่งชั่วโมง


 


“นี่เป็นการทดสอบของอันดายอิ้งเบิร์ด มันไม่มีทางเป็นอะไรที่ง่ายดายแบบนี้ไปได้” ไป๋เวยยังคงไม่กล้าประมาท เธอมองดูทุกก้าวที่เธอเดินไปข้างหน้า


 


แต่ขั้นบันไดหินดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษจริงๆ หลังจากที่ไป๋เวยก้าวขึ้นไปหลายต่อหลายขั้น มันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น


 


“ไป๋เวย! ร่างกายของเจ้า!” จีชิงที่มองดูจากด้านล่างจู่ๆก็ตะโกนออกมา


 


เมื่อได้ยินเสียงตะโกน ไป๋เวยก็หันกลับไปมองพวกเขา เธอสังเกตเห็นว่าพวกเขากำลังมองเธอด้วยความตกใจอย่างที่สุด ดูเหมือนกับว่ามันมีบางสิ่งที่น่าตกใจเกิดขึ้นกับร่างกายของเธอ


 


ไป๋เวยรีบก้มลงมองตัวเอง หลังจากนั้นสีหน้าของเธอเองก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นเดียวกัน


 


หลายก้าวที่ผ่านมา ไป๋เวยไม่ได้รู้สึกถึงอะไรเลย แต่ทว่าร่างกายของเธอสูงอายุขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้ไป๋เวยเป็นหญิงสาวที่ดูเหมือนกับผู้หญิงอายุ 18 ทั่วๆไป แต่ตอนนี้เธอดูเหมือนกับผู้หญิงที่อายุ 20 กลางๆ ความสูงและรูปร่างของเธอเปลี่ยนไป นอกจากนั้นขนาดหน้าอกของเธอก็เพิ่มขึ้น พวกมันโตจากคัพบีไปสู่คัพดี


 


ไป๋เวยขมวดคิ้ว เธอก้าวต่อไปอีกไม่กี่ขั้น ร่างกายของเธอก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เธอดูอายุมากขึ้นไปอีก หลังจากที่คิดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไป๋เวยก็ตัดสินใจก้าวถอยลงไป และน่าตกใจที่เมื่อทำอย่างนั้นร่างกายของเธอก็เริ่มดูเด็กลง


 


“ในที่สุดเจ้าก็สังเกตเห็นสักที!” หญิงชราหัวเราะด้วยเสียงที่แหบ เธอพูดขึ้นว่า


“อันดายอิ้งเบิร์ดคือคนที่สร้างวิถีแห่งชีวิตและความตายนี้ขึ้นมา มันไม่ใช่ทุกคนที่จะก้าวขึ้นมาได้ มันเป็นกระบวนการที่เกิดมาจากชีวิตและความตาย มันคือเส้นทางที่จะเปิดเผยช่วงชีวิตของเจ้า ในเวลาที่เจ้าก้าวมาถึงปลายสุดของขั้นบันไดนี้ เจ้าก็จะไปถึงปลายสุดของช่วงชีวิต”


 


“ถ้าคนๆนั้นต้องตายหลังจากที่เดินขึ้นไปได้สำเร็จ แล้วการปีนขึ้นไปบนบันไดหินจะมีประโยชน์อะไร? อันดายอิ้งเบิร์ดช่างชั่วร้ายจริงๆ” จีชิงพูดอย่างเหยียดหยาม


 


หญิงชราดูไม่ได้โกรธเกี่ยวกับสิ่งที่จีชิงพูด เธอแค่พูดขึ้นมา


“อันดายอิ้งเบิร์ดใช้วิชาจีโนอย่างหนึ่งสร้างวิถีแห่งชีวิตและความตายนี้ขึ้นมา ถ้าเจ้ามีความสามารถพอ เจ้าก็จะทำลายมันได้ แบบนั้นใครจะบอกได้ว่ามันเป็นอะไรที่ชั่วร้าย?”


 


ในขณะเดียวกันไป๋เวยไม่ได้พูดอะไร เธอจดจ่อไปกับการก้าวขึ้นไปบนขั้นบันไดเพื่อไปให้ถึงยอดเขา ขณะที่เธอก้าวต่อไป เธอก็เริ่มดูอายุมากขึ้นเรื่อยๆ จากเด็กสาวเป็นผู้หญิง จากผู้หญิงเป็นผู้หญิงวัยกลางคน และเมื่อเธอเกือบจะไปถึงยอดนั้น เธอก็ดูเหมือนกับผู้หญิงที่จวนจะสิ้นอายุขัย


 


ในตอนที่เหลืออีกเพียงไม่กี่ขั้นจะถึงยอดเขา มันก็ดูเหมือนกับว่าเธอไม่สามารถหายใจได้ มันดูเหมือนกับว่าเธอกำลังจะตาย


 


ไป๋เวยเชื่อว่ามันเป็นเพียงแค่ภาพมายาเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สมจริงอย่างมาก เธอรู้สึกหวาดกลัวว่าถ้าเธอก้าวต่อไปอีก เธออาจจะตายอย่างที่หญิงชราอธิบาย


 


ขณะที่ไป๋เวยเดินขึ้นไปบนบันไดหิน เธอก็ทำอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันการเร่งอายุขัย แต่มันไม่มีอะไรที่ได้ผล ขั้นบันไดนี้เป็นเหมือนกับช่วงเวลาชีวิตและความตายของคนคนหนึ่งจริงๆ


 


ไป๋เวยหยุดนิ่งไปต่อหน้าบันไดหินขั้นสุดท้าย เธอจ้องไปที่ขั้นบันไดด้วยความลังเล เธอไม่รู้ว่าควรจะก้าวไปต่อหรือไม่


 


หานเซิ่นและคนอื่นๆตกตะลึงที่บันไดหินมีพลังแบบนั้นอยู่ มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าอันดายอิ้งเบิร์ดแข็งแกร่งถึงขนาดไหนในตอนที่เธอยังคงมีชีวิตอยู่


 


“ถ้านางเดินลงบันไดกลับมาได้ บางทีมันอาจจะเป็นแค่การทดสอบจริงๆ นางอาจจะไม่ตายหลังจากเดินขึ้นไป” จีชิงพูด


 


ไป๋เวยอยากจะคิดอย่างนี้เช่นเดียวกัน แต่มันไม่มีอะไรรับประกันว่าเธอจะไม่ตายเมื่อก้าวผ่านบันไดขั้นสุดท้ายไปแล้ว ซึ่งถ้าเธอต้องตายไป มันก็จะเป็นอะไรที่สูญเปล่า


 


เมื่อได้ยินที่จีชิงพูด หญิงชราก็หัวเราะออกมา “ก็อาจจะเป็นแบบนั้นโอกาสของชีวิตและโอกาสของความตายคือ 50 50 ถ้าเจ้ามีความกล้า เจ้าก็ลองมันดูได้”


 


ไป๋เวยมองหญิงชราที่รออยู่ที่ปลายสุดของขั้นบันได เธอดูลังเลที่จะก้าวต่อไป นี่ไม่ใช่เกมส์ และถ้าเธอคิดผิด มันก็มีแค่ความตายเท่านั้นที่รออยู่


 


“ถ้าข้าเดินลงบันไดไป ข้าจะเดินกลับขึ้นมาใหม่ได้ไหม?”


ไป๋เวยถามขณะที่มองไปที่หญิงชรา เสียงของเธอแหบแห้งเหมือนกับคนที่แก่มากๆ เธอดูอ่อนแอและใกล้ที่จะหมดลมหายใจ


 


“เจ้าจะจับสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งมาลองดูก่อนใช่ไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น แล้วอะไรคือจุดประสงค์ของการทดสอบ?”


หญิงชรามองเธอด้วยความดูถูก “เจ้าเป็นทายาทของราชาไป๋ ดังนั้นเจ้าก็นำเอาพลังของราชาไป๋ออกมา ใช้ชีวิตและวิจารณญาณของเจ้าเอาชนะการทดสอบนี่ ถ้าเจ้าก้าวลงไปจากขั้นบันไดนี่ นั่นก็จะถือว่าเจ้าพ่ายแพ้ต่อการทดสอบ”


 


“จิ้งจอกสีเงิน ไปหาสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งมา” หานเซิ่นพูดกับจิ้งจอกสีเงินที่อยู่ข้างๆเขา


 


เมื่อจิ้งจอกสีเงินได้ยินคำสั่ง มันก็วิ่งออกไปในพุ่มหญ้าที่อยู่ใกล้เคียง ไม่นานมันก็กลับออกมาพร้อมกับกระต่ายตัวหนึ่ง


 


หลังจากนั้นหานเซิ่นก็บอกให้จิ้งจอกสีเงินโยนกระต่ายขึ้นไปบนบันไดและเตะตูดของมัน จิ้งจอกสีเงินทำตามที่ถูกบอก เจ้ากระต่ายนั้นก็วิ่งขึ้นบันไดไปด้วยความหวาดกลัว


 


เมื่อหญิงชราพูดว่าพวกเขาควรจะถูกฆ่าก่อนหน้านี้ ไป๋เวยไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดนั้น นี่คือวิธีการที่หานเซิ่นจะตอบแทนเธอในเรื่องนั้น


 


เจ้ากระต่ายประสบกับการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับไป๋เวย มันแก่ลงเรื่อยๆและยิ่งมันวิ่งสูงขึ้นไป มันก็ดูลำบากอย่างมากที่จะก้าวต่อไป บันไดแต่ละขั้นนั้นจำเป็นต้องใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อก้าวต่อไป


 


ไป๋เวยมองหานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ เธอไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะช่วยเหลือเธอ


 


เมื่อเจ้ากระต่ายน้อยไปถึงบันไดขั้นสุดท้าย มันก็ขาดใจตายไป


 


ทุกคนอ้าปากค้างกับภาพที่ได้เห็น มันดูเหมือนว่าวิถีแห่งชีวิตและความตายจะจบลงด้วยความตายจริงๆ


 


“นี่มันต่ำช้ามาๆ! ไม่ว่าจะทำยังไงนางก็จะเป็นฝ่ายแพ้อยู่ดี” จีชิงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา


 


“ถ้าเจ้ามีความสามารถที่จะทำลายการทำงานของวิถีแห่งชีวิตและความตาย อย่างนั้นแล้วความตายก็จะไม่ใช่สิ่งที่รอเจ้าอยู่ที่ปลายทาง” หญิงชราดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเลยสักนิดเดียว


 


ไป๋เวยดูสับสน เธออยากจะถอยกลับ มันไม่คุ้มค่าที่จะเดิมพันชีวิต ไม่ว่าของรางวัลที่รออยู่จะมีค่าสักแค่ไหน


 


ในจังหวะที่ไป๋เวยกำลังจะถอยกลับ เธอก็ได้ยินเสียงของหานเซิ่น


“ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะก้าวต่อไปบนบันไดขั้นสุดท้าย”


 


ไป๋เวยรู้สึกแปลกใจ เธอมองไปที่หานเซิ่นอย่างไม่แน่ใจว่าเขาหมายความว่ายังไง


 


“หนุ่มน้อย เจ้าไม่ใช่คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าปลายทางของวิถีแห่งชีวิตและความตาย ถ้าเจ้ามั่นใจนักล่ะก็ อย่างนั้นแล้วก็เชิญลองเดินขึ้นมา” หญิงชราพูดขณะที่มองมาที่หานเซิ่น 

 

 


ตอนที่ 2230

 

“ถ้าท่านไม่ได้พูดอะไรออกมา ข้าก็คงจะคิดว่าพวกเราอาจจะตายจริงๆ แต่ตอนนี้ข้าแน่ใจแล้วว่าเราจะไม่ตาย” หานเซิ่นพูดอย่างมั่นใจ


 


“หนุ่มน้อย แค่คำพูดใครก็ทำได้ ถ้าเจ้ามั่นใจอย่างที่พูดจริงๆ เจ้าก็ขึ้นมาเดินบนเส้นทางนี้ด้วยตัวเอง” หญิงชรามองเขาด้วยความดูถูก


 


“แน่นอน” หลังจากที่หานเซิ่นพูด เขาก็เดินขึ้นไปบนวิถีแห่งชีวิตและความตายในทันที


 


หานเซิ่นไม่ได้ทำแบบนั้นเพื่อพิสูจน์ว่าหญิงชราพูดผิด หรือเพื่อจะช่วยเหลือไป๋เวย ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือสัมผัสถึงพลังของวิถีแห่งชีวิตและความตาย พลังแบบนี้เป็นอะไรที่ยากจะได้เห็นแม้แต่ในหมู่ของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า ดังนั้นเขาคงจะไม่มีโอกาสมากนักที่จะได้สัมผัสพลังกับแบบนั้น หานเซิ่นอยากจะสัมผัสว่ามันจะให้รู้สึกยังไงเมื่อเดินไปบนวิถีแห่งชีวิตและความตาย


 


ถ้าพลังของวิถีแห่งชีวิตและความตายเป็นของจริงไม่ใช่เพียงแค่ภาพลวงตาล่ะก็ แบบนั้นมันก็ไม่ใช่บางสิ่งที่เรียบง่ายอย่างการพลังในการควบคุมเวลา เพราะถ้ามันเป็นแค่พลังแห่งกาลเวลา แบบนั้นแล้วความเร็วในการเร่งเวลาก็ควรจะไปแค่ทิศทางเดียวและตายตัว แต่ทุกสิ่งมีชีวิตนั้นมีอายุขัยที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นมันไม่มีทางที่บันไดหินแต่ละขั้นจะเร่งอายุขัยเพื่อนำไปสู่ความตายเมื่อก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้ายเหมือนกัน มีเพียงแค่เหตุแห่งชีวิตและความตายเท่านั้นที่จะให้ผลแบบนั้นได้ ถ้าหานเซิ่นสามารถลิ้มรสพลังนั้นได้ มันก็จะเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับเขา


 


“พี่ชาย นี่มันเสี่ยงเกินไป” หานเหยียนดึงแขนของหานเซิ่นเอาไว้ด้วยความกังวล ถึงแม้หานเหยียนจะรู้ว่าวิจารณญาณของหานเซิ่นมักจะถูกเสมอ แต่นี่ก็เป็นอะไรที่สำคัญ มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เธอจะหวาดกลัว


 


“ไม่เป็นไร พี่แค่จะไปดูสักหน่อยเท่านั้น” หานเซิ่นสัมผัสหานเหยียนที่หัวและกะพริบตา หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปที่บันไดหิน


 


เป่าเอ๋ออยากจะตามหานเซิ่นไป แต่หานเซิ่นส่งเป่าเอ๋อให้กับหานเหยียน ก่อนที่เขาจะเดินขึ้นไปตามลำพัง


 


เมื่อหานเซิ่นเหยียบบนขั้นแรกของบันไดหิน เขาก็ใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนและวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วง


 


“เราคิดถูก มันคล้ายคลึงกับวิชาจำลองนภา แต่ไม่รู้เพราะอะไรมันแตกต่าง มันคืออีกเหตุของพลัง”


ในขณะที่หานเซิ่นเปิดใช้งานออร่าศาสตร์ตงเสวียนและวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วง หานเซิ่นก็มองเห็นสสารที่เกือบจะโปร่งใสเข้ามาล่ามตัวของเขา


 


ทุกก้าวที่หานเซิ่นก้าวออกไป เขาเห็นโซ่สสารล่ามตัวของเขามากขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นรู้ว่าเส้นทางที่เดินไปไม่ใช่เพียงแค่ภาพลวงตา แต่มันเป็นพลังอันน่ากลัวที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า


 


หานเซิ่นเดินหน้าต่อไป และขณะที่เดินไปนั้น ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จากร่างหนุ่มของเขากลายเป็นร่างวัยกลางคน และจากร่างวัยกลางคนก็กลายเป็นร่างชรา สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการที่เขารู้สึกได้ถึงอายุขัยของเขาที่กำลังลดลงไป


 


สิ่งมีชีวิตภายนอกก็อตแซงชัวรี่ไม่สามารถเห็นอายุขัยของตัวเองได้ แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในก็อตแซงชัวรี่สามารถเห็นมันได้เสมอ


 


หานเซิ่นมีอายุขัยอยู่หนึ่งพันปี และจากความถี่ของการเพิ่มอายุในตอนนี้ บันไดขั้นสุดท้ายจะทำให้อายุขัยที่เหลืออยู่ของเขาลดลงมาอยู่ที่เลขศูนย์แบบพอดิบพอดี หานเซิ่นลองก้าวถอยหลังลงเล็กน้อยและเมื่อเขาทำแบบนั้น เขาก็รู้สึกว่าอายุขัยที่เหลืออยู่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง มันเป็นเส้นทางที่เป็นวิถีแห่งชีวิตและความตายอย่างแท้จริง ตอนนี้หานเซิ่นนับถืออันดายอิ้งเบิร์ดอย่างมาก พลังที่สุดยอดแบบนี้เป็นบางสิ่งที่คู่ควรต่อการสรรเสริญ


 


หานเซิ่นพยายามใช้พลังของวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อจะอ่านมัน แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามสักแค่ไหน ทุกอย่างก็ยังคงเป็นปริศนา เขาไม่สามารถวิเคราะห์พลังอันลึกลับนั้นได้ เขารู้สึกผิดหวัง แต่เขาก็ยังคงเดินขึ้นไปบันไดหินต่อไป


 


ยิ่งเขาเดินต่อไปมากเท่าไหร่ พลังที่เขารู้สึกถึงก็รุนแรงยิ่งขึ้น หานเซิ่นมองเห็นมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นไม่หยุดเดินจนกระทั่งเขาไปถึงบันไดขั้นเดียวกับไป๋เวย ตอนนี้หานเซิ่นแก่มากๆเช่นเดียวกับไป๋เวย เพียงแค่การพูดก็มากพอที่จะทำให้เขาหอบ


 


“นี่ไม่ใช่ธุระของเจ้า ทำไมเจ้าถึงเดินขึ้นมาบนนี้?”


ไป๋เวยมองหานเซิ่นด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน เธอไม่รู้ว่าเขาพยายามจะเล่นเป็นฮีโร่หรืออะไรกันแน่


 


“ข้าแค่ต้องการพิสูจน์ทฤษฎีของตัวเองท่านั้น มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้า” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็เดินขึ้นบันไดต่อไป


 


หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าตอนนี้เขาแก่มากๆ เขารู้สึกราวกับว่ากำลังสูญเสียพลังของตัวเองเช่นกัน ตอนนี้การก้าวแต่ละครั้งเป็นอะไรที่เหนื่อยมากๆ


 


ไป๋เวยมองหลังของหานเซิ่นขณะที่เขาเดินต่อไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน


 


หานเซิ่นเดินไปข้างหน้าอีกก้าว และมันก็เหลือบันไดอีกเพียงแค่ 2 ขั้นเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ไม่ลังเล เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและก้าวออกไปอีกก้าว หลังจากนั้นเขาก็หยุดนิ่งไป


 


เขามองอายุขัยที่เหลืออยู่ของตัวเอง ซึ่งตอนนี้ถูกลดลงมาเหลือเพียงแค่หนึ่ง โดยปกติแล้วคนๆหนึ่งจะตายหลังจากที่ก้าวขึ้นบนบันไดหินขั้นสุดท้าย


 


“อันดายอิ้งเบิร์ดมีพลังที่แข็งแกร่งมากๆ” หานเซิ่นพูดอย่างเฉยเมย ในตอนนี้เขารู้สึกนับถืออันดายอิ้งเบิร์ดอย่างแท้จริง


 


หญิงชราหลี่ตาของนาง “ข้าไม่ได้คาดคิดว่าเจ้าจะมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่คือพลังเหตุและไม่ใช่แค่พลังกาลเวลาธรรมดาๆ”


 


“น่าเสียดายที่ข้าคงจะไม่ได้เห็นอันดายอิ้งเบิร์ดในขณะที่ยังมีชีวิต… ข้าหวังจริงๆว่าจะ… แค่กๆ…” หานเซิ่นจริงจังกับสิ่งที่เขาพูดออกไป ยอดฝีมือแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะพบเจอได้ง่ายๆ


 


ถ้าเขาได้เห็นอันดายอิ้งเบิร์ดใช้พลังเหตุอันลึกลับนั้น บางทีเขาก็อาจจะสามารถเรียนรู้อะไรบางอย่างจากมันได้ ดังนั้นหานเซิ่นจึงคิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าเสียดายอย่างมากที่ไม่ได้เห็นอันดายอิ้งเบิร์ดใช้มัน สสารลูกโซ่ที่เขาเห็นในตอนนี้มันเบลอเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถเรียนรู้อะไรจากพวกมันได้


 


“ถ้าเจ้ารู้ว่ามันแข็งแกร่งถึงขนาดไหน นั่นหมายความว่าเจ้าจะเดินขึ้นมาบนบันไดขึ้นสุดท้ายใช่ไหม?” หญิงชรายิ้มให้กับหานเซิ่น มันยากที่จะจิตนาการได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่


 


“แน่นอนว่าข้าต้องการจะก้าวไป” หานเซิ่นพูดอย่างมั่นใจ แต่เนื่องจากความจริงที่ว่าเขาแก่มากๆ เสียงของเขาจึงฟังดูไม่มั่นใจนัก


 


“โอ้ เจ้าจะบอกว่าพลังของอันดายอิ้งเบิร์ดฆ่าเจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรอ?” หญิงชรามองหานเซิ่นด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก


 


“ท่านฆ่าข้าได้ แต่ไม่ใช่ด้วยบันไดหินนี้” หานเซิ่นพูด


 


“ถ้านั่นคือสิ่งที่เจ้าคิด แบบนั้นก็เชิญก้าวขึ้นมา” หญิงชรายิ้มให้กับหานเซิ่น


 


หานเหยียนและคนอื่นมองดูหานเซิ่นด้วยความกังวล ถ้าเขาเดินไปข้างหน้าอีกก้าวและเป็นเหมือนกับที่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ หานเซิ่นก็จะตาย


 


หานเซิ่นพูดเองว่าพลังของบันไดหินนี้ไม่ใช่เพียงแค่ภาพลวงตา นี้เป็นพลังเหตุที่แท้จริงที่เขากำลังต่อสู้ หานเหยียนรู้ว่าพลังเหตุนั้นน่ากลัวแค่ไหน พลังเหตุสามารถฆ่าคนได้ พวกมันไม่จำเป็นต้องทำให้ผู้คนเลือดไหลออกมาเพื่อฆ่าด้วยซ้ำ


 


ไป๋เวยมองหานเซิ่นและแสดงสีหน้าที่ซับซ้อนออกมา ไป๋เวยเชื่อว่าหานเซิ่นรู้ว่าเธอคือใคร เธอคิดว่าหานเซิ่นทำแบบนี้ก็เพื่อสร้างความประทับใจที่ดีต่อเธอ เธอเคยเห็นผู้คนมากมายทำแบบนี้เพื่อเธอมาก่อน แต่หานเซิ่นเดินไปจนถึงบันไดขั้นสุดท้าย และเขาก็เตรียมพร้อมที่จะก้าวขาออกไป เธอมองหานเซิ่นผิดไป


 


ในจังหวะที่แบ่งแยกระหว่างชีวิตและความตาย ใครกันที่ยังจะสามารถกล้าหาญอยู่ได้? ใครกันที่จะยินดีเสี่ยงชีวิตของตัวเอง?


 


แม้แต่ไป๋เวยเองก็ไม่กล้าทำแบบนั้น เธอมองหานเซิ่นด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนและคิด ‘เขากำลังจะก้าวขึ้นไปบนบันไดขึ้นสุดท้ายอย่างนั้นหรอ? นี่เขามั่นใจหรือว่าทั้งหมดนี่เป็นแค่การคาดเดา?’


 


ขณะที่ทุกคนมองดู หานเซิ่นยกขาของเขาขึ้นและเตรียมจะเหยียบลงไปบนบันไดขั้นสุดท้าย


 


หญิงชราดูแปลกๆ และหานเหยียนก็ลืมที่จะหายใจ


 


หวงฟูจิ้งดูสงบนิ่ง แต่เธอหมวดคิ้วและคิดกับตัวเอง ‘อะไรกันที่ทำให้เขามั่นใจว่าจะไม่ตายจากการเดินขึ้นไปบนบันไดขั้นสุดท้าย?’


 


เธอรู้ว่าหานเซิ่นไม่ใช่คนที่จะยอมเสี่ยงชีวิตของตัวเองโดยไม่มีเหตุผล ถ้าเขากล้าเดินขึ้นไปบนนั้น เขาก็ต้องรู้ว่าเขาจะไม่ตาย


 


ขณะที่ทุกคนมองดู หนึ่งในขาของหานเซิ่นเหยียบลงไปบนบันไดขึ้นสุดท้าย เขาใช้พลังหยดสุดท้ายเพื่อนำเอาขาอีกข้างขึ้นมา เขาขึ้นมายืนอยู่ข้างๆเจ้ากระต่ายที่ตายไปก่อนหน้านี้


 


ตูม!


ทั้งบันไดหินส่องสว่างขึ้นมา ไฟที่โปร่งแสงลุกโชติช่วงทั่วบันได มันเป็นเหมือนกับกองไฟขนาดใหญ่มากๆ 

 

 


ตอนที่ 2231

 

ทันใดนั้นเจ้ากระต่ายที่นอนตายอยู่บนพื้นจู่ๆก็เคลื่อนไหว ถึงแม้มันจะยังดูแก่ แต่มันก็วิ่งเข้าไปหาเท้าของหญิงชราได้อย่างรวดเร็ว ไฟโปร่งใสเผาผลาญขั้นบันได แต่มันไม่มีความร้อน และพวกมันก็เริ่มลอยสูงขึ้นสู่อากาศ


 


หานเซิ่น ไป๋เวยและเจ้ากระต่ายถูกห่อหุ้มในไฟโปร่งใสนั่น สุดท้ายแล้วพวกมันทั้งหมดก็เริ่มลอยสูงขึ้นไปในอากาศ ขณะที่เปลวไฟเผาผลาญพวกเขา ร่างกายของพวกเขาก็เริ่มฟื้นตัวกลับสู่สภาพเดิมเหมือนก่อนที่พวกเขาจะก้าวขั้นมาบนบันไดหิน


 


หลังจากนั้นเปลวไฟที่โปร่งใสก็ก่อตัวกันเป็นรูปร่างของนกโปร่งใสบนอากาศ นกตัวนั้นดูเหมือนกับฟินิกซ์ มันกรีดร้องและพยักหน้าให้กับหานเซิ่น หลังจากนั้นมันก็บินออกไปจากภูเขาซาลาเปาและหายตัวไป


 


“หนุ่มน้อย เจ้าชนะ” หญิงชรามองหานเซิ่นด้วยสีหน้าจริงจัง


“แต่ข้าสงสัยว่าทำไมเจ้าถึงได้มั่นใจว่าจะไม่ตาย?”


 


หานเซิ่นชี้ไปที่เจ้ากระต่ายถัดจากหญิงชรา “ท่านไม่อนุญาตให้ไป๋เวยออกไปจากวิถีแห่งชีวิตและความตาย แต่ท่านไม่ได้หยุดพวกเราจากการใช้สัตว์ตัวหนึ่งเพื่อทดสอบเรื่องนี้ นั่นแสดงให้เห็นว่าเรื่องนั้นจะไม่เป็นผลเสียต่อท่าน อึกอย่างคือการแสดงของมันค่อนข้างแย่ พวกข้าแค่เตะมันเท่านั้น แต่มันกลับวิ่งตรงขึ้นไปบนบันไดโดยไม่แม้แต่จะคิดหันกลับไปมองข้างหลัง นั่นเป็นอะไรที่แปลกมากๆ มันทำให้ข้าคิดว่าท่านเป็นเจ้าของสิ่งมีชีวิตตัวนี้”


 


“เพราะเรื่องแค่นั้นหรอที่ทำให้เจ้ากล้าขึ้นมาจนถึงตรงนี้หรือ?” หญิงชรามองหานเซิ่นอย่างแปลกๆ


 


การคาดเดาของเขาถูกต้อง แต่นั่นก็ยังยากจะตัดสินถึงความเป็นความตาย ถึงแม้หานเซิ่นจะเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้น เขาก็ควรจะต้องกังวลบ้าง น้อยคนนักที่จะกล้าเดินขึ้นมาจนถึงด้านบน


 


หานเซิ่นสายหัว “ที่สุดแล้วการคาดเดาไม่ได้สำคัญอะไร ที่สำคัญที่สุดก็คือท่านเห็นว่ามันยังไม่ตาย การแสดงของมันถือว่าดี และมันก็รู้จักวิธีที่จะซ่อนพลังชีวิตของตัวเอง แต่แน่นอนว่ามันซ่อนจากสายตาของข้าไม่ได้”


 


ไป๋เวยที่ตอนนี้กลับมาเป็นหญิงสาวอีกครั้งเดินขึ้นบันไดขั้นที่เหลืออยู่ เธอมองไปที่กระตายของหญิงชราและคิดอะไรบางอย่าง


 


“แบบนี้นี่เอง ข้าไม่ควรทำอะไรแบบนั้น”


หญิงชรายื่นมือของเธอออกมา หลังจากนั้นเจ้ากระต่ายก็กระโดดเข้าไปในอกของเธอ และหลังจากที่ลูบหัวของมัน เธอก็พูดขึ้นมา


“เนื่องจากพวกเจ้าทั้ง 2 เดินบนวิถีแห่งชีวิตและความตาย พวกเจ้าถือว่าผ่านการทดสอบของอันดายอิ้งเบิร์ด พวกเจ้าเป็นฝ่ายชนะ ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้ารับสิ่งของนั้นไปได้” หญิงชราพูดอย่างนั้น แต่เธอไม่ได้เคลื่อนไหว เธอแค่ยิ้มให้กับพวกเขา


 


“ของนั่นอยู่ที่ไหนกัน?” ไป๋เวยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


 


หญิงชรายังคงยิ้ม “สิ่งของนั่นอยู่ตรงหน้าพวกเจ้า พวกเจ้าทั้ง 2 เห็นมันมาสักพักหนึ่งแล้ว”


 


“ภูเขาลูกนี้น่ะหรอ?” ไป๋เวยตกตะลึงและมองไปรอบๆภูเขา


 


หญิงชราพยักหน้าและพูด “ภูเขาลูกนี้มีชื่อว่าเอ็กซ์ตรีมเดด มันคือสมบัติระดับเทพเจ้า อันดายอิ้งเบิร์ดกับราชาไป๋ค้นพบภูเขาลูกนี้ และพวกเขาก็ต่อสู้กันเพื่อแย้งชิงมัน แต่ไม่มีฝ่ายไหนชนะ ดังนั้นพวกเขาจึงเก็บภูเขาเอาไว้ที่เดิม อันดายอิ้งเบิร์ดเป็นคนที่คอยดูแลมัน แต่ที่สุดแล้วนางได้ตายไป และนางก็ถูกฝังอยู่บนภูเขา ภูเขานั้นไร้ประโยชน์สำหรับสิ่งมีชีวิต บางทีราชาไป๋ก็อาจจะรู้ถึงเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่มาที่นี่ด้วยตัวเองและเลือกส่งเจ้ามาเป็นตัวแทน”


 


“ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมท่านพ่อถึงส่งข้ามาที่นี่?” ไป๋เวยถาม


 


หญิงชราพูดอย่างเฉยเมย “อันดายอิ้งเบิร์ดเข้ายึดภูเขาเอ็กซ์ตรีมเดดก็จริง แต่นางไม่ได้เอาไปทุกสิ่งทุกอย่าง นางยังคงเหลือสิ่งของบางอย่างเอาไว้ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเจ้าจะเอาพวกมันไปได้หรือไม่”


 


หลังจากนั้นหญิงชราก็ใช้ไม้เท้าของเธอชี้ไปที่หอคอยเก่าๆด้านหลัง ลูกไฟพุ่งออกมาจากไม้เท้าของเธอและเข้าไปชนกับหอคอย หอคอยลุกเป็นไฟและมันก็ถูกเผาผลาญอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปไม่นานมันก็กลายเป็นเถ้าถ่าน สายลมพัดพวกมันกระจัดกระจายออกไปทั่ว แต่ในจุดที่หอคอยเคยตั้งอยู่ ตอนนี้กลับมีของบางสิ่งอยู่


 


พวกเขาทุกคนมองไปที่สิ่งของพวกนั้นและรู้สึกแปลกเมื่อได้เห็นมัน สิ่งของนั้นทำขึ้นมาจากหญ้าแห้ง ในหลายๆด้านมันก็ดูเหมือนกับรังนก มันไม่ได้ดูงดงามอะไร จริงๆแล้วมันดูค่อนข้างหยาบ มันมีความกว้างหลายเมตร และผู้คนหลายคนก็เข้าไปนอนข้างในได้


 


“อันดายอิ้งเบิร์ดทิ้งสิ่งนี้เอาไว้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยความสงสัย


 


หญิงชรามองไปที่รังนกและพูดด้วยความหลงใหล


“อย่าได้ประเมินค่าของมันต่ำ นี่คือที่ที่อันดายอิ้งเบิร์ดกำเนิด หญ้าแห้งเป็นสิ่งพิเศษมากๆ และมันก็ถูกเรียกว่าเอฟเวอร์กราส ถ้าพวกเจ้าเอามันไปได้ พวกเจ้าจะได้รู้ถึงผลประโยชน์ที่มันมอบให้อย่างรวดเร็ว”


 


ไป๋เวยไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่เดินไปตรงหน้ามันและยื่นมือออกไปหยิบมันขึ้นมา แต่ทว่ารังนกที่ดูเหมือนจะทำขึ้นมาจากหญ้าแห้งนั้นหนักราวกับภูเขา ไป๋เวยพยายามจะยกมันขึ้นหลายครั้ง แต่มันก็ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว เธอทำไม่ได้แม้แต่จะดึงหญ้าแห้งออกมา


 


หญิงชรายิ้ม “อันดายอิ้งเบิร์ดเกิดที่นี่ และนั่นก็คือที่ที่มันอยู่อาศัยเป็นเวลากว่าล้านปี พลังของมันสถิตอยู่บนรังนกนี้ แม้แต่อาวุธระดับเทพเจ้าก็เทียบกับสิ่งนี้ไม่ได้ ด้วยเหตุนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะเคลื่อนย้าย”


 


ไป๋เวยขมวดคิ้ว ร่างกายของเธอเริ่มเรืองแสงสีทองออกมา และมันก็ทำให้เธอดูแข็งแกร่งกว่าปกติมาก


 


หานเซิ่นแปลกใจ เขาไม่รู้ว่าเธอมีพลังแบบนี้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นไป๋เวยก็ยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายรังของอันดายอิ้งเบิร์ดได้แม้แต่นิดเดียว ไม่มีอะไรที่ดูเหมือนจะได้ผล สิ่งของระดับเทพเจ้าไม่ใช่บางสิ่งที่มาร์ควิสคนหนึ่งจะเป็นเจ้าของได้ ดูเหมือนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ไป๋เวยจะนำมันกลับไป


 


“อันดายอิ้งเบิร์ดทิ้งของมีค่าที่สุดเอาไว้ ถ้าเจ้านำมันกลับไปไม่ได้ อย่างนั้นแล้วเจ้าก็จะโทษคนอื่นที่ตัวเองไร้ความสามารถไม่ได้” หญิงชรายิ้ม


 


ไป๋เวยขมวดคิ้วแต่ไม่ได้พูดอะไร เธอจ้องมองไปที่รังนก แต่เธอยังคงไม่รู้ว่าจะเอารังนกกลับไปได้ยังไง


 


หานเซิ่นมองไปที่หญิงชราและถาม “คนๆนั้นจำเป็นต้องผ่านวิถีแห่งชีวิตและความตายเพื่อได้รับการยอมรับจากอันดายอิ้งเบิร์ดก่อนใช่ไหม? เมื่อถึงตอนนั้นคนๆนั้นถึงจะเอารังนกของอันดายอิ้งเบิร์ดกลับไปได้”


 


เมื่อได้ยินแบบนั้นไป๋เวยก็หันกลับมามองหญิงชรา สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป แต่เธอไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบจากหญิงชรา เพราะลึกๆในใจเธอรู้คำตอบเรียบร้อยแล้ว


 


หานเซิ่นเดินไปตรงหน้ารังนกของอันดายอิ้งเบิร์ดและสัมผัสที่ขอบของมัน ทันทีที่เขาสัมผัสมัน รังนกก็เริ่มบินขึ้นมาพร้อมกับย่อขนาดเล็กลง มันกลายเป็นสิ่งที่เล็กพอๆกับมือคน และมันก็บินไปอยู่บนมือของหานเซิ่น


 


“อย่างนี้นี่เอง” หานเซิ่นส่งรังนกให้กับไป๋เวย


 


แต่ทันทีที่หานเซิ่นปล่อยมันไป รังนกก็ร่วงลงกับพื้นราวกับก้อนหินยักษ์ ไป๋เวยพยายามจะยกมันกลับขึ้นมา แต่ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถหยิบมันขึ้นมาได้ 

 

 


ตอนที่ 2232

 

“พวกเจ้าได้มันไปแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าก็ควรจะไปซะ อย่าได้รบกวนสถานที่หลับใหลของอันดายอิ้งเบิร์ด” หญิงชราดูไม่ค่อยพอใจที่พวกเขาส่งเสียงดัง


 


“เจ้าเอามันไป” ไป๋เวยพูดกับหานเซิ่นขณะที่เธอปล่อยมือจากรังนก


 


“ข้าจะทำแบบนั้นได้ยังไง?” หานเซิ่นดูรู้สึกผิด แต่ภายในจิตเขากำลังดีใจราวกับดอกไม้ที่เบิกบาน ‘นี่เป็นบางสิ่งที่มีค่าเทียบเท่ากับสมบัติระดับเทพเจ้า ถึงเราจะไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้ แต่มันต้องเป็นบางสิ่งที่ดีอย่างแน่นอน’


 


ไป๋เวยกรอกตาของเธอ “ข้าแค่ขอให้เจ้าถือมันเอาไว้ก่อนชั่วคราวเท่านั้น อย่าได้คิดอะไรกับมันมาก”


 


หานเซิ่นยักไหล่และไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเดินไปหยิบรังของอันดายอิ้งเบิร์ดขึ้นมา รังของอันดายอิ้งเบิร์ดเป็นสิ่งของระดับเทพเจ้า ถ้าไม่ได้รับการยินยอมจากมัน แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถใช้มันได้


 


หานเซิ่นประหลาดใจที่เขาได้รับการยอมรับจากอันดายอิ้งเบิร์ด ตอนนี้เขาได้รับอนุญาตให้ใช้รังของอันดายอิ้งเบิร์ดได้ ซึ่งสำหรับคนอื่นแล้วมันเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ แม้แต่ไป๋เวยก็ไม่สามารถใช้มันได้


 


‘เธอจะมาโทษว่าฉันขโมยมันไปไม่ได้ เธอเป็นคนที่ไม่ยอมเดินขึ้นไปบนบันไดขั้นสุดท้ายเอง’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง


 


หญิงชราดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจนักกับความจริงที่พวกเขาเอารังของอันดายอิ้งเบิร์ดไป และตอนนี้เธอก็อยากให้พวกเขาไปให้พ้นๆ


 


หานเซิ่นถือรังนกเอาไว้ขณะเดินออกจากภูเขาเอ็กซ์ตรีมเดด เขากลับไปยังเส้นทางที่เข้ามา และไม่นานพวกเขาก็มาอยู่ที่ชายฝั่ง


 


มันมีแมลงลาวาจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วทะเลลาวา พวกมันเป็นเหมือนกับแฟรี่ลาวาที่ร้อนแรง ตัวของพวกมันร้อนยิ่งไปกว่าลาวาซะอีก และนี่คือตอนที่พวกมันกำลังพักผ่อน ถ้าเกิดพวกมันปลดปล่อยความร้อนออกมาพร้อมๆกันล่ะก็ แม้แต่ชุดเกราะระดับดยุกก็จะถูกละลาย


 


หานเซิ่นพยายามบินขึ้นไป แต่เขายังไม่สามารถทำได้ พวกเขาจำเป็นต้องเดินไปบนทะเลลาวา


 


จู่ๆไป๋เวยก็ยิ้มให้กับหานเซิ่น ซึ่งทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ การได้เห็นคนที่อวดดียิ้มให้กับใครสักคนนั้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป


 


ไป๋เวยนำเอาใบไม้ใบหนึ่งออกมา และหลังจากที่เธอใส่แสงแห่งเทพเข้าไปข้างใน เธอก็โยนใบไม้ลงไปในทะเลลาวา


 


ใบไม้ขยายใหญ่ในอากาศและกลายเป็นเหมือนกับเรือขนาดเล็ก เมื่อมันลงถึงพื้นผิวของทะเลลาวา สีเขียวของใบไม้ก็เหมือนกับหยก ใบไม้ลอยตัวบนทะเลลาวา และเหล่าแมลงลาวาก็เริ่มจะหลีกเลี่ยงมัน ไม่มีแมลงลาวาตัวไหนที่กล้าเข้ามาใกล้ใบไม้


 


ไป๋เวยก้าวไปบนใบไม้และหันกลับมามองที่หานเซิ่น


“ถ้าพวกเจ้ายินดีที่จะมาเป็นอัศวินของข้า ข้าก็ยินดีที่จะพาพวกเจ้าไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย”


 


“ขอบคุณแต่ไม่ล่ะ” หานเซิ่นยิ้ม ผู้หญิงนั้นดื่มด่ำความภาคภูมิใจในตัวเอง เธอไม่แม้แต่จะหาความจริงว่าหานเซิ่นเป็นใครกันแน่ และภัยเพียงอย่างเดียวต่อหน้าพวกเขาก็มีแค่แมลงลาวา ซึ่งพวกมันไม่มีทางที่จะหยุดเขาได้


 


ไป๋เวยเห็นหานเซิ่นและเพื่อนของเขาจับกลุ่มกัน หลังจากนั้นหานเมิ่งเอ๋อก็เรียกโล่ป้องกันสีฟ้าออกมา มันปกป้องพวกเขาทั้งหมดขณะที่พวกเขาเริ่มเดินไปบนทะเลลาวา


 


ไป๋เวยขมวดคิ้วและแนะนำหานเซิ่น “เมื่อแมลงลาวาตกใจ พวกมันจะระเบิดความร้อนออกมา ความร้อนที่พวกมันสร้างขึ้นมานั้นละลายสมบัติป้องกันระดับดยุกได้อย่างสบายๆ แม้แต่ชุดเกราะระดับราชันก็จะถูกทำลายด้วยความร้อนของพวกมัน อย่ามาโทษที่หลังว่าข้าไม่เตือนพวกเจ้า”


 


“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” หานเซิ่นตอบ แต่เขาไม่ได้หยุดเดินไปบนทะเลลาวา


 


ขณะที่พวกเขาเดินไปบนทะเลลาวา ทันใดนั้นแมลงลาวาจำนวนมากก็เริ่มพากันเข้ามา ร่างกายของพวกมันเป็นเหมือนกับเหล็กร้อน และพวกมันก็ใช้ตัวเองพุ่งเข้าชนกับผิวของใบเสมาราชาแมลงปีศาจ พวกมันระเบิดด้วยความร้อนสูงที่สามารถละลายเหล็กได้ แต่ใบเสมาราชาแมลงปีศาจกลับไม่ละลายแม้แต่นิดเดียว


 


ไป๋เวยดูประหลาดใจเมื่อเห็นอย่างนั้น ขณะที่ไป๋เวยเคลื่อนเรือใบไม้ของเธอไป เธอก็มองไปที่กลุ่มของหานเซิ่น เธอประหลาดใจกับพลังป้องกันของใบเสมาราชาแมลงปีศาจอย่างมาก


 


“เขามีไพ่ตายซ่อนอยู่กี่อย่างกันแน่?” ไป๋เวยมองหานเซิ่นอย่างแปลกๆ


 


เมื่อพวกเขาเดินออกจากเกาะได้หนึ่งไมล์แล้ว ความสามารถในการบินของพวกเขาก็กลับคืนมา หานเซิ่นและพวกพ้องเริ่มบินขึ้นจากทะเลลาวา


 


จระเข้ลาวาที่พยายามโจมตีใส่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรใบเสมาราชาแมลงปีศาจได้เช่นกัน ไป๋เวยเก็บใบไม้ของเธอและใช้พลังของตัวเองเพื่อพาตัวเองออกจากที่นี่


 


หานเซิ่นไม่ได้หัวเราะใส่เธอ แต่เขาได้เสนอให้เธอเข้ามาหลบภายในใบเสมาราชาแมลงปีศาจร่วมกับพวกเขา แต่เธอไม่ตอบ เธอพยายามจะออกไปจากที่นี้ด้วยวิธีการของตัวเอง


 


“ผู้หญิงคนนี้จะทะนงตัวเองเกินไปแล้ว” หานเซิ่นส่ายหัวและหันไปตรวจดูรังของอันดายอิ้งเบิร์ดแทน


 


หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจดูมัน และเขาก็เห็นได้ว่ารังของอันดายอิ้งเบิร์ดนั้นเต็มไปด้วยห่วงโซ่สสารของพลังเหตุอันลึกลับ


 


แต่หานเซิ่นไม่สามารถเปิดใช้งานพลังของรังนกได้ เขาพยายามวิเคราะห์มันอยู่สักพัก แต่เขาก็คิดไม่ออกว่ามันมีประโยชน์อะไรกันแน่


 


‘เราคงต้องลองใหม่ในตอนที่กลับถึงบ้านแล้ว พลังของรังนกนี้ไม่มีทางด้อยไปกว่าการชำระล้างแห่งสรวงสวรรค์ได้’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง


 


เมื่อพวกเขาออกไปจากถ้ำแล้ว หานเซิ่นก็พาพวกพ้องของเขากลับไปที่หุบเขาลาวาอีกครั้ง


 


“ทำลายกล้องบันทึก และแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกินขึ้นในวันนี้ ถ้าพวกเจ้ากล้าพูดเรื่องนี้แม้แต่คำเดียว เจ้ารู้สินะว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”


ไป๋เวยมองเป่าเอ๋อคนที่ตอนนี้กำลังถ่ายวิดีโออย่างตั้งอกตั้งใจด้วยกล้องในมือ


 


“นี่มันไม่ดีแน่ๆ พวกเราเพิ่งจะทำลายกล้องตัวหนึ่งไปเมื่อวันก่อน ตอนนี้พวกเราจะทำลายมันอีกอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นดูแย่


 


“ข้าจะพูดกับราชาอัศวินไอซ์บลูให้เอง แค่ทำลายมันก็พอ!” ไป๋เวยพูด


 


หานเซิ่นดีใจ แต่ใบหน้าของเขายังดูแย่อยู่ดี เขาพูดขึ้นมา


“เอางั้นก็ได้ แต่มันยังเหลือเวลาอีกสักพักก่อนที่พวกเขาจะต้องกลับไปฐานทัพเพื่อรายงาน พวกเราค่อยทำลายมันก่อนที่จะกลับไปเป็นยังไง?”


 


หานเซิ่นไม่ต้องการให้ใครคนอื่นเห็นสิ่งที่พวกเขาทำเช่นเดียวกัน และถ้าไป๋เวยยินดีเป็นคนรับผิดชอบ นั่นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ


 


ไป๋เวยหยุดพูด เธอเดินต่อนำหน้าไปในหุบเขา เธอมาที่นี่เพราะข้อตกลงของราชาไป๋กับอันดายอิ้งเบิร์ด ซึ่งถือเป็นบทลงโทษของเธอ เธอยังไม่สามารถกลับไปได้ในตอนนี้


 


ที่ไป๋เวยถูกลงโทษนั้นก็เป็นเพราะหานเซิ่น ไป๋เวยสูญเสียเดสทรอยเยอร์ไบเบิลให้กับดอลลาร์ ด้วยเหตุนั้นเธอจึงถูกราชาไป๋ลงโทษ บทลงโทษของเธอคือการรับสิ่งของจากอันดายอิ้งเบิร์ดกลับไป แต่มันไม่มีใครคาดคิดว่าไป๋เวยจะไม่กล้าก้าวขึ้นไปบนบันไดขั้นสุดท้าย และหานเซิ่นก็เป็นคนที่ได้รับการยอมรับจากอันดายอิ้งเบิร์ดแทน


 


หานเซิ่นและคนอื่นๆทำการค้นหาซีโน่เจเนอิคภายในหุบเขาลาวาต่อไป ซึ่งหลังจากผ่านไป 3 วันมี ก็มีใครบางคนเข้ามาในหุบเขาลาวาและติดตามพวกเขาอย่างลับๆ


 


ราชาไนท์ริเวอร์ดูเลือดเย็น ถึงแม้เขาจะถูกบังคับให้มา แต่จิตใจที่อยากจะฆ่าหานเซิ่นของเขาก็ไม่ได้ถูกบังคับ 

 

 


ตอนที่ 2233

 

ตอนที่ 2233 รูปปั้นโลหะ


 


ในขณะที่ทำการค้นหา หานเซิ่นก็พบว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในเขตแดนของอีกาอัคคี มันมีพวกอีกาอัคคีอย่างน้อย 5 หมื่นตัว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าที่จะกำจัดพวกมันได้ทั้งหมด พวกเขายังพบกับไข่ของอีกาอัคคีจำนวนมากภายในถ้ำ


 


ขณะที่พวกเขากำลังจัดการกับไข่ของอีกาอัคคี หานเซิ่นก็ตัดสินใจเอาไข่มาวางไว้ในรังนก เขาอยากรู้ว่ามันจะมีผลอะไรไหม


 


หนึ่งชั่วโมงต่อมา ไข่ของอีกาอัคคีที่อยู่ภายในรังนกก็ฟักตัวออกมา


 


“ว้าว! พลังของรังนกนี้คือการฟักไข่อย่างนั้นหรอ?” สีหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไป


 


หานเซิ่นลองทำการทดสอบอยู่หลายครั้ง และไม่นานเขาก็พบว่ารังนกทำอะไรได้กันแน่ ดูเหมือนกับว่ารังของอันดายอิ้งเบิร์ดจะสามารถเร่งเวลาที่ไข่จะฟักตัวออกมา หานเซิ่นได้ลองวางไข่หลายต่อหลายฟองลงในรังนก ซึ่งพวกมันทั้งหมดฟักตัวออกมาในเวลาอันสั้น ดังนั้นมันไม่มีทางเป็นแค่เรื่องบังเอิญไปได้


 


เมื่อคำนึงถึงวิถีแห่งชีวิตและความตายแล้ว หานเซิ่นก็เชื่อว่ามันไม่มีทางเป็นแค่เรื่องบังเอิญ นอกจากนั้นอีกาอัคคีน้อยที่ฟักออกมายังแข็งแกร่งกว่าอีกาอัคคีทั่วไป พวกมันดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่ามาก แต่เมื่อพวกมันฟักออกมาจากไข่แล้ว รังนกก็หยุดส่งผลต่ออีกาอัคคี มันไม่ได้เร่งการเจริญเติบโตของพวกมันหลังจากที่ฟักออกมา


 


หานเซิ่นจึงรู้แค่ว่ารังนกสามารถเร่งความเร็วในการฟักตัว และทำให้สิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นมาจากไข่แข็งแกร่งขึ้น แต่มันก็ดูเหมือนจะทำอะไรนอกเหนือไปจากนั้นไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังคงพยายามทดสอบเพื่อหาว่ามันยังมีพลังพิเศษอย่างอื่นอีกไหม


 


หานเซิ่นทำทั้งหมดนี้ลับหลังไป๋เวย ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่ารังนกนั้นทำอะไรได้


 


“เจ้าสิ่งนี้มันเป็นรังนกจริงๆ” หลังจากที่หานเซิ่นได้เรียนรู้ถึงประโยชน์ของมัน เขาก็มองมันอย่างแปลกๆ ถ้านั่นคือทั้งหมดที่รังนกทำได้ อย่างนั้นแล้วมันก็คงจะช่วยอะไรเขาไม่ได้มาก ตอนนี้สิ่งที่เขาจำเป็นคือสมบัติที่ใช้สำหรับต่อสู้


 


แต่หานเซิ่นนึกถึงนกสีแดงตัวน้อยที่อยู่ภายในโกดังที่สหพันธ์ดวงดาวขึ้นมา หานเซิ่นสงสัยขึ้นมาว่ารังนกนี้จะสามารถเร่งการฟักตัวของมันได้ไหม มันกินร่างของเรเวนอาทิตย์เข้าไป ดังนั้นถ้ามันเสร็จสิ้นการวิวัฒนาการ มันก็ควรจะมีประโยชน์บ้าง แต่เนื่องจากตอนนี้ไป๋เวยอยู่ในทีมของเขา ดังนั้นหานเซิ่นจึงยังไม่สามารถกลับเข้าไปในสหพันธ์ได้ เขาจะรู้ความจริงก็ต่อเมื่อกลับไปแล้ว


 


หลังจากที่เสร็จสิ้นการเก็บกวาดไข่ของอีกาอัคคี พวกหานเซิ่นก็ออกเดินทางกันต่อ ในขณะที่กำลังเคลื่อนที่ไป ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง มันทำให้เขาตะโกนขึ้นมา “ใช้ใบเสมา!”


 


หานเมิ่งเอ๋อใช้ใบเสมาราชาแมลงปีศาจในทันที และในขณะที่ใบเสมากำลังทำงาน พลังที่น่ากลัวก็พุ่งเข้ามาชนเข้ากับผิวของมัน


 


“ราชาไนท์ริเวอร์” เมื่อหานเซิ่นเห็นการโจมตีที่เหมือนกับแม่น้ำสีดำ เขาก็รู้ทันทีว่าใครกันที่จู่โจมพวกเขา


 


น้ำสีดำแตกสลายไป และจากภายในก็มีเงาคนๆหนึ่งออกมา ซึ่งมันก็คือราชาไนท์ริเวอร์ เขามองหานเซิ่นที่อยู่ภายในโล่ป้องกันอย่างเลือดเย็น


“หานเซิ่น วันนี้คือวันตายของเจ้า”


 


“ราชาไนท์ริเวอร์ การมาที่ระบบจักรวาลไอซ์บลูทำให้เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไง? เจ้าทำลายใบเสมาของข้าไม่ได้ อย่างนั้นแล้วเจ้าจะฆ่าข้าได้ยังไง?”


หานเซิ่นต้องการจะยั่วยุราชาไนท์ริเวอร์ แต่เขารู้ว่าราชาไนท์ริเวอร์ไม่ได้โง่ ถ้าเขามาจู่โจมอีกครั้งแบบนี้ มันก็หมายความว่าเขามีบางสิ่งบางอย่างเตรียมเอาไว้


 


ราชาไนท์ริเวอร์ไม่ต้องการจะเสียเวลาต่อปากต่อคำกับหานเซิ่น เขามีเวลาไม่มาก ดังนั้นเขาจำเป็นต้องฆ่าหานเซิ่นและออกไปจากที่นี่โดยเร็ว เขาไม่สามารถปล่อยให้คนของราชาอัศวินไอซ์บลูมาเห็นเขาได้ และเขาก็ยังจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการทิ้งหลังฐานใดๆเอาไว้


 


ราชาไนท์ริเวอร์มั่นใจว่าเขาสามารถฆ่าหานเซิ่นและคนอื่นๆได้ เขากังวลแค่ใบเสมาราชาแมลงปีศาจที่หานเซิ่นครอบครองเท่านั้น


 


ไม่ว่ามาร์ควิสคนหนึ่งจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะราชันคนหนึ่งได้ แม้แต่ไผ่เดียวดายสิบคนก็ยังไม่เพียงพอ ความแตกต่างระหว่างพลังนั้นมันเป็นอะไรที่มากเกินไป


 


การลอบโจมตีนั้นล้มเหลว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ราชาไนท์ริเวอร์รู้สึกลังเล เขานำสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดมอบให้กับเขาออกมา นี่เป็นไพ่ตายที่เขาฝากความหวังเอาไว้ นี่คือสิ่งที่เขาหวังว่ามันจะช่วยทำลายใบเสมาราชาแมลงปีศาจ


 


มันเป็นรูปปั้นโลหะที่สูงหนึ่งฟุต มันมีสีทองและดูเหมือนกับนักรบน้อยๆในชุดเกราะทองคำ


 


“รูปปั้นแอนเชี่ยนท์วอร์ริเออร์!” สีหน้าของไป๋เวยเปลี่ยนไป เมื่อเธอเห็นรูปปั้นที่ราชาไนท์ริเวอร์ถืออยู่


 


“มันคืออะไร?” หานเซิ่นหันไปมองไป๋เวย เขารู้ว่ามันต้องเป็นบางสิ่งที่พิเศษ


 


“นี่คือรูปปั้นของเผ่าแอนเชี่ยนท์ก็อต ถ้าข้าดูไม่ผิดล่ะก็ นั่นคือรูปปั้นแอนเชี่ยนท์วอร์ริเออร์ของแอนเชี่ยนท์ก็อต” ไป๋เวยพูด


 


“มันทำอะไรได้?” ในตอนที่หานเซิ่นพูด รูปปั้นแอนเชี่ยนท์วอร์ริเออร์ของราชาไนท์ริเวอร์ก็เริ่มจะเรืองแสงที่น่ากลัวออกมา และพลังสีทองก็เข้าห่อหุ้มร่างกายของราชาไนท์ริเวอร์ มันกลายเป็นชุดเกราะทองคำที่ช่วยเสริมระดับพลังของเขาขึ้น


 


“ตำนานบอกว่าเหล่าแอนเชี่ยนท์ก็อตกำเนิดมาเป็นระดับเทพเจ้า พวกเขามีพลังพิเศษที่จะใส่พลังของตัวเองเข้าไปในรูปปั้น พวกเขาจะมอบพวกมันให้กับคนที่ภักดีต่อพวกเขา และเมื่อมันเปิดถูกเปิดใช้งาน คนๆหนึ่งก็จะใช้พลังของแอนเชี่ยนท์ก็อตได้ชั่วคราว” ไป๋เวยพูดด้วยสีหน้าที่มืดมัว


 


สีหน้าของหานเซิ่นและคนอื่นเปลี่ยนไป แอนเชี่ยนท์ก็อตเป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด และการมีรูปปั้นนั้นอยู่ ราชาไนท์ริเวอร์ก็สามารถยืมพลังของพวกเขาได้ นั่นหมายความว่าตอนนี้เขามีพลังของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า


 


“ตายซะ หานเซิ่น!” ร่างกายของราชาไนท์ริเวอร์ห่อหุ้มด้วยชุดเกราะสีทองของรูปปั้นแอนเชี่ยนท์วอร์ริเออร์ ตอนนี้เขาดูเหมือนกับนักรบสีทองที่ถล่มทั้งจักรวาลได้


 


พลังอันมหาศาลทำให้ราชาไนท์ริเวอร์รู้สึกมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะมัวเสียเวลา เขารวมพลังไปที่มีดกงล้อจันทราและฟันเข้าใส่ใบเสมาราชาแมลงปีศาจสีฟ้า


 


มันดูแตกต่างไปจากพลังปกติของราชาไนท์ริเวอร์ ด้วยการเสริมพลังจากชุดเกราะแอนเชี่ยนท์วอร์ริเออร์ พลังของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองเช่นเดียวกัน


 


พลังของไนท์ริเวอร์บัสต์เป็นเหมือนกับกงล้อสีทองขนาดใหญ่ มันพุ่งตรงเข้าไปหาใบเสมาราชาแมลงปีศาจสีฟ้า กงล้อสีทองนั้นหมุนวนราวกับว่ามันสามารถฉีกและทำลายมิติได้


 


หานเซิ่นไม่มีโอกาสจะหลบหลีก พลังที่เข้ามานั้นเหนือกว่าพลังที่สิ่งมีชีวิตระดับราชันทั่วไปจะปลดปล่อยออกมาได้ แม้แต่คนที่เป็นระดับครึ่งเทพก็ไม่สามารถต่อต้านมัน


 


“โอ้ไม่นะ” ใบหน้าของไป๋เวยเปลี่ยนเป็นสีเทา พวกเขาไม่มีหวังจะหลบหนีไปได้ กงล้อสีทองกำลังจะปะทะกับใบเสมา และเมื่อมันพุ่งเข้าชนโล่สีฟ้า มันก็ตัดผ่านใบเสมาราชาแมลงปีศาจสีฟ้าได้จริงๆ และมันก็ไม่ได้อ่อนพลังลงไปเช่นกัน มันพุ่งต่อไปข้างหน้าและดูเหมือนว่ามันจะตัดทั้งใบเสมาราชาแมลงปีศาจขาดเป็น 2 ส่วน 

 

 


ตอนที่ 2234

 

“ตายซะ!” ความแค้นของราชาไนท์ริเวอร์กำลังลุกไหม้ ตอนนี้เขาไม่ต้องการอะไรอย่างอื่นนอกจากฉีกหานเซิ่นเป็นชิ้นๆ


 


พลังของรูปปั้นแอนเชี่ยนท์ก็อตนั้นไม่ได้ไร้ขีดจำกัด รูปปั้นนั้นจะมอบพลังให้กับเขาแค่การโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากโจมตีหนึ่งครั้ง รูปปั้นแอนเชี่ยนท์ก็อตก็จะหายไป แต่แค่การโจมตีครั้งเดียวก็มากพอสำหรับราชาไนท์ริเวอร์ เขาแค่จำเป็นต้องใช้พลังของรูปปั้นแอนเชี่ยนท์ก็อตทำลายใบเสมาราชาแมลงปีศาจของหานเซิ่น ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ถูกฆ่าในทันที ราชาไนท์ริเวอร์ก็คิดว่าเขาสามารถจัดการกับทุกคนที่อยู่ภายในได้ในเวลาอันสั้น เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ถูกป้องกันโดยใบเสมาราชาแมลงปีศาจแล้ว


 


พลังของเขาในตอนนี้เกือบจะเทียบได้กับพลังของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าอย่างเต็มตัว เขามองดูกงล้อสีทองตัดผ่านใบเสมาราชาแมลงปีศาจสีฟ้าราวกับเต้าหู้


 


ราชาไนท์ริเวอร์ดูตื่นเต้นขณะที่มันกำลังเกิดขึ้น แต่ทันใดนั้นก็มีแสงสีเหลืองและสีเขียวปรากฏขึ้นมา มันรวมเข้ากับใบเสมาราชาแมลงปีศาจสีฟ้าและก่อตัวเป็นใบเสมา 3 สี


 


พลังของกงล้อสีทองที่เทียบได้กับความแข็งแกร่งของเทพเจ้านั้นปะทะเข้ากับใบเสมา 3 สีจนเกิดเป็นประกายไฟหลากสีที่เหมือนกับดอกไม้ไฟ


 


กงล้อสีทองตัดผ่านใบเสมา 3 สีเข้าไป แต่ความเร็วของมันลดลงไปมาก มันเหมือนกับเครื่องเจียรที่เข้าไปติดก้อนหินที่ทำขึ้นมาจากเหล็ก ความเร็วในการตัดของมันช้าลงมาก


 


“ตายซะ!” ราชาไนท์ริเวอร์สัมผัสได้ถึงความทรงพลังของใบเสมา 3 สี ซึ่งตัวตนของมันทำให้เขารู้สึกหวั่นใจ เขาใช้พลังของตังเองเพื่อวิ่งไปข้างหน้าโดยหวังจะตัดผ่านใบเสมาราชาแมลงปีศาจและฆ่าทุกคนที่อยู่ข้างใน


 


กงล้อสีทองปะทะกับใบเสมา 3 สี ขณะที่ราชาไนท์ริเวอร์คำรามออกมา มันค่อยๆตัดเข้าไปข้างในอย่างช้าๆ ส่วนภายนอกของใบเสมา 3 สีถูกตัดเปิดออก หานเซิ่นและคนอื่นๆยืนอยู่ที่ด้านหลังของใบเสมา แต่กงล้อสีทองก็ยังคงสามารถตัดลึกเข้ามาได้เรื่อยๆ


 


เนื่องจากพลังป้องกันของใบเสมา 3 สีนั้นสูงมากๆทำให้กงล้อสีทองของราชาไนท์ริเวอร์ช้าลงไป หานเซิ่นและไป๋เวยเองก็ใช้พลังของพวกเขาใส่กงล้อสีทองเพื่อต้านการโจมตีเอาไว้ แต่ต่อหน้าพลังระดับเทพเจ้า แม้แต่หานเมิ่งเอ๋อที่มีพลังทำลายล้างสูงมากๆก็ทำได้แค่สะกิดผิวของกงล้อสีทองเท่านั้น


 


ต่อหน้าพลังของราชาไนท์ริเวอร์ในตอนนี้ พลังของหานเซิ่นและพวกพ้องของเขาก็เหมือนกับมดเผชิญหน้ากับช้าง พวกเขาเล็กกระจิดริด แต่ในตอนนี้หานเซิ่นไม่สามารถเรียกใบเสมา 32 สีกลับไปได้ ใบเสมา 3 สีกำลังหยุดกงล้อสีทองของราชาไนท์ริเวอร์เอาไว้ ถ้าใบเสมา 3 สีไม่อยู่แล้ว พวกเขาคงจะไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะเทเลพอร์ตหนีไป พวกเขาจะถูกฆ่า


 


“หานเซิ่น พวกเรามาจบความแค้นทั้งหมดในที่นี้!”


ราชาไนท์ริเวอร์คำรามอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่มีดกงล้อจันทราเจาะลึกเข้าไปเรื่อยๆ ตอนนี้ราชาไนท์ริเวอร์ดูเหมือนกับเทพเจ้าที่ไม่สามารถถูกหยุดได้


 


หานเซิ่นและพวกพ้องหลังติดกับกำแพงของใบเสมา พวกเขาพยายามจะโจมตีใส่กงล้อสีทอง กงล้อสีทองอยู่ตรงหน้าของพวกเขาและตัดลึกเข้ามาเรื่อยๆจนเกือบจะถึงร่างกายของหานเซิ่น ไป๋เวยดูสิ้นหวัง เธอดูจะตกใจอย่างที่สุด และไม่ว่าเธอจะหยิ่งผยองสักแค่ไหน ที่สุดแล้วเธอก็เป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง การเผชิญหน้ากับความตายและไร้พลังที่จะหยุดมันได้ ทำให้เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้


 


หานเซิ่นพยายามคิดหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ พลังระดับเทพเจ้าแข็งแกร่งเกินไป และสิ่งที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้นั้นเหนือกว่าขอบเขตของสิ่งที่เขาจะหยุดได้


 


แต่ทันใดนั้นกงล้อสีทองก็ช้าลงไป และแสงสีทองของมันก็เริ่มมัวลง


 


ผลกระทบของกงล้อสีทองต่อใบเสมาราชาแมลงปีศาจ 3 สีลดลงไป ตอนนี้มันเหมือนกับคัตเตอร์ของเครื่องตัดเหล็กที่เสีย มันหยุดเป็นช่วงๆและไม่สามารถหมุนอย่างต่อเนื่องได้


 


“นั่น…เป็นไปได้ยังไง…?” ราชาไนท์ริเวอร์อึ้งไป เขาไม่สามารถเชื่อสิ่งที่กำลังเห็นได้


 


ใบเสมา 3 สีกำลังจะถูกตัดเปิดออก และถ้าเป็นอย่างนั้นหานเซิ่นก็จะไม่มีที่ไหนให้ซ่อน แต่ในตอนที่เขาคิดว่าทุกอย่างกำลังจะจบลง แสงของรูปปั้นแอนเชี่ยนท์วอร์ริเวอร์ก็เริ่มจะมัวลงไป รอยร้าวมากมายปรากฏขึ้นบนชุดเกราะสีทองของรูปปั้นแอนเชี่ยนท์วอร์ริเวอร์ราวกับว่ามันกำลังจะแตกสลาย


 


ราชาไนท์ริเวอร์รู้ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น นี่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ารูปปั้นแอนเชี่ยนท์วอร์ริเออร์ใกล้ถึงขีดจำกัดของมันแล้ว เขาไม่สามารถทำใจให้เชื่อได้ว่าใบเสมา 3 สีของหานเซิ่นจะสามารถต้านทานการโจมตีระดับเทพเจ้าได้


 


ไป๋เวยเองก็ประหลาดใจเช่นกัน ก่อนหน้านี่เธอทึ่งกับพลังป้องกันของใบเสมาราชาแมลงปีศาจมาครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้มันป้องกันการโจมตีจากพลังของรูปปั้นแอนเชี่ยนท์วอร์ริเออร์ เธอตกตะลึงกับความสุดยอดของมัน


 


หานเซิ่นและหานเหยียนดีใจ วิญญาณอสูรใบเสมาราชาแมลงปีศาจนั้นเทียบได้กับสมบัติระดับครึ่งเทพ หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าการรวมพลังของใบเสมา 3 สีจะสามารถป้องกันการโจมตีระดับเทพเจ้าได้ แต่ความจริงในตอนนี้ก็คือมันป้องกันการโจมตีได้จริงๆ ถึงแม้มันจะได้รับความเสียหายอย่างมากก็ตาม


 


ปัง!


แสงของรูปปั้นแอนเชี่ยนท์วอร์ริเออร์ดับลงไป และกงล้อสีทองก็เปลี่ยนกลับไปเป็นกงล้อน้ำสีดำดังเดิม วิญญาณใบเสมาราชาแมลงปีศาจทั้ง 3 สีก็ดับไปเช่นเดียวกัน พวกมันได้รับความเสียหายอย่างหนักและมันคงจะต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ ก่อนที่มันจะฟื้นตัวกลับมาใช้ได้อีกครั้ง ใบเสมา 3 สียังคงไม่แข็งแกร่งพอที่จะท้าชิงพลังระดับเทพเจ้า


 


“ข้าไม่ได้คาดคิดว่าเจ้าจะมีโล่นั่นถึง 3 อัน การป้องกันของมันทรงพลังมาก! น่าเสียดายที่พลังของรูปปั้นวอร์ริเวอร์ฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่ตอนนี้เจ้าไม่มีการป้องกันจากโล่นั่นอีกแล้ว ดังนั้นเจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่”


ราชาไนท์ริเวอร์ดูน่าเกลียดน่ากลัว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความละโมบ


 


โล่ป้องกันของหานเซิ่นสามารถป้องกันการโจมตีระดับเทพเจ้าได้ และเนื่องจากพวกมันยังไม่ได้ถูกทำลายไป ราชาไนท์ริเวอร์จึงคิดจะฆ่าพวกหานเซิ่นและชิงเอาสมบัติโล่ป้องกันนั้นไปเป็นของตัวเอง


 


ราชาไนท์ริเวอร์ดูละโมบและอาฆาต เขาใช้พลังไนท์ริเวอร์บัสต์และมีดกงล้อจันทราสร้างกงล้อน้ำสีดำขึ้นมา ถึงมันจะไม่มีรูปปั้นแอนเชี่ยนท์วอร์ริเออร์เสริมพลังให้ แต่มันก็ยังเป็นพลังระดับราชันอยู่ดี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)