Super God Gene 2219-2222

ตอนที่ 2219

 

เมื่อก่อนเซเคร็ดเคยเป็นกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุด และเซเคร็ดก็รักษาตำแหน่งที่สูงส่งได้เป็นเวลานานพอสมควร


 


ตอนนี้กลุ่มอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือเวรี่ไฮ แอนเชี่ยนท์ก็อตและเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ก่อนนั้นเซเคร็ดมีกองกำลังมากพอที่จะปกครองทั้งจักรวาล


 


ผู้นำของเซเคร็ดเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งปวง และสิบขุนพลของเขาก็เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุด


 


โบราณสถานที่ทีมของไป๋เหวินเซวียนค้นพบมีข้อความที่เขียนว่า “เมืองโกสต์โบน” และมันก็มีรูปปั้นของหนึ่งในสิบขุนพลตั้งอยู่ด้วย พวกเขาจึงสันนิษฐานว่านั่นคือเมืองที่เคยเป็นของขุนพลโกสต์โบน


 


“ขุนพลโกสต์โบนทิ้งโบราณสถานนี้เอาไว้อย่างนั้นหรอ? แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลที่อัศวินไอซ์บลูจะฆ่าเจ้านิ ใครกันที่เป็นคนนำทีมอัศวินไอซ์บลูนั่นมา?” หานเซิ่นถามขณะที่เป่าเอ๋อหยุดถ่ายภาพไป๋เหวินเซวียน


 


หลังจากเหตุการณ์ผีเสื้อเนตรม่วง หานเซิ่นใช้เวลาพอสมควรเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเซเคร็ด แต่เซเคร็ดนั้นล่มสลายไปเป็นเวลานานแล้ว และเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขาก็หายสูญไปตามกาลเวลา ข้อมูลที่หานเซิ่นค้นพบจึงเป็นแค่ข้อมูลทั่วไปที่ไม่มีประโยชน์อะไรหรือไม่ก็เป็นตำนานที่ฟังดูไม่น่าเชื่อ


 


ขุนพลโกสต์โบนนั้นเป็นหนึ่งในสิบขุนพลของเซเคร็ด หานเซิ่นรู้ว่าเขาชื่นชอบการฆ่าฟัน เขาเป็นกัปตันของกองทัพเซเคร็ดบลัดของเซเคร็ด เขานำทัพเซเคร็ดบลัดเพื่อสังหารทุกสิ่งและทุกคน ซึ่งตลอดช่วงเวลาของเขา เขาได้ฆ่าชีวิตไปหลายพันล้านชีวิต ในสมัยก่อนเพียงแค่เอยชื่อของเขา มันก็มากพอที่จะทำให้ประชากรของจักรวาลจีโนหวาดกลัว


 


แต่ก็เช่นเดียวกับขุนพลคนอื่น ขุนพลโกสต์โบนหายสาบสูญไปหลังจากการล่มสลายของเซเคร็ด


 


แต่หานเซิ่นไม่เชื่อว่าอัศวินไอซ์บลูจะฆ่าอัศวินสำรอง เพียงเพราะพวกเขาไปเจอโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับขุนพลโกสต์โบน


 


ถ้าพวกเขาเข้าไปสำรวจในโบราณสถานและพบอะไรบางอย่างเข้าแล้ว มันก็อาจจะสมเหตุสมผลอยู่บ้างที่จะฆ่าพวกเขา แต่พวกเขาเพิ่งจะไปถึงหน้าโบราณสถานที่ซับซ้อน และพวกเขาก็ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจภายใน ดังนั้นการฆ่าพวกเขาดูเป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล


 


หานเซิ่นจึงคิดว่ามันมีความเป็นไปได้ 2 อย่างที่เป็นไปได้ ความเป็นไปได้อย่างแรกคือไป๋เหวินเซวียนพูดโกหก ส่วนอีกความเป็นไปได้คือทีมของพวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปสำรวจมากกว่านั้น เพราะพวกเขาได้พบอะไรบางอย่างที่ไม่ควรได้เห็นเรียบร้อยแล้ว


 


“ข้าเพิ่งได้เข้าร่วมกับหน่วยอัศวินไอซ์บลูได้ไม่นาน ข้าจึงรู้จักแค่ผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดเท่านั้น ข้าไม่รู้จักคนอื่น แต่ข้าคิดว่าพวกอัศวินที่มารับฟังคำสั่งจากเขา” ไป๋เหวินเซวียนพูด


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว ผู้ตรวจการคือคนที่คอยจับตาดูเหล่าอัศวิน พวกเขาไม่สามารถออกคำสั่งกับเหล่าอัศวินได้ แต่พวกเขาสามารถสังเกตเหล่าอัศวินและเขียนรายงานให้กับเอ็กซ์ตรีมคิงระดับสูง ผู้ตรวจการนั้นเป็นเหมือนกับตาของผู้นำเอ็กซ์ตรีมคิง


 


โดยปกติแล้วผู้ตรวจการไม่จำเป็นต้องต่อสู้ และถ้าพวกเขาเข้าร่วมภารกิจบางอย่าง พวกเขาจะไม่ถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้า พวกเขาไม่สามารถออกคำสั่งได้ พวกเขาทำได้แค่สังเกตและตรวจเช็คเท่านั้น พวกเขาไม่ได้มีอำนาจใดๆ


 


จากที่ไป๋เหวินเซวียนบอก ผู้ตรวจการคนนี้ปฏิบัติตัวไม่เหมือนกับที่ผู้ตรวจการคนหนึ่งควรจะทำ ถ้าสิ่งที่ไป๋เหวินเซวียนพูดไม่ใช่เรื่องโกหก มันก็ต้องมีเรื่องบางอย่างที่หานเซิ่นพลาดไป


 


“พาข้าไปที่โบราณสถานนั่น” หานเซิ่นพูดกับไป๋เหวินเซวียน


 


“แต่…” ไป๋เหวินเซวียนลังเล


 


“พิสูจน์ให้ข้าเห็นว่าที่เจ้าพูดมาเป็นเรื่องจริง พาพวกเราไปที่โบราณสถาน ไม่อย่างนั้นพวกเราจะพาเจ้าไปหาหน่วยอัศวินไอซ์บลู เจ้าเป็นคนเลือก” หานเซิ่นพูดอย่างสงบ


 


จากคำบอกเล่าการของไป๋เหวินเซวียน เมื่อทีมของเขาค้นพบโบราณสถาน ราชาอัศวินไอซ์บลูได้ออกไปข้างนอกระบบจักรวาลเคออส แบบนั้นถ้าสิ่งที่เขาพูดมาเป็นความจริงล่ะก็ บางทีผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดอาจจะต้องการได้อะไรบางอย่างจากภายในโบราณสถานไปเป็นของตัวเอง


 


หานเซิ่นอยากรู้ว่ามันมีอะไรอยู่ข้างในกันแน่ ถึงทำให้ผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดต้องฆ่าทุกคนเพื่อมัน และหานเซิ่นก็รู้สึกสนใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซเคร็ดเป็นอย่างมาก


 


ไป๋เหวินเซวียนเป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง ถึงเขาจะเป็นคนของเอ็กซ์ตรีมคิง แต่เขาไม่ได้เหนือไปกว่าประชากรทั่วๆไป ถ้าเขาเป็นบุคคลพิเศษล่ะก็ เขาก็คงจะไม่ได้เป็นเพียงแค่อัศวินสำรอง


 


สำหรับมาร์ควิสคนหนึ่งของเผ่าพันธุ์ชั้นสูง พลังของเขาถือว่าค่อนข้างดี แต่เมื่อเทียบกับหานเซิ่น เขายังด้อยกว่ามาก


 


ดังนั้นหานเซิ่นจึงแสดงพลังของเขาให้อีกฝ่ายเห็น หลังจากนั้นไป๋เหวินเซวียนก็ยอมเชื่อฟัง เขาพากลุ่มของหานเซิ่นไปที่โบราณสถาน


 


แต่ไป๋เหวินเซวียนหลงทางขณะที่เขาพยายามหนีตายภายในเขาวงกตใต้ดินนี้ มันเต็มไปด้วยอุโมงค์ที่พันกันอีนุงตุงนัง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงใช้เวลานานเพื่อค้นหาเส้นทางที่เขาหนีมา


 


หานเซิ่นไม่สามารถเดินทางบนพื้นปกติได้ เพราะทีมของเขาไม่ได้รับผิดชอบการเก็บกวาดบริเวณอื่นๆ ถ้าทางอัศวินไอซ์บลูพบว่าพวกเขาไปที่ทะเลทราย มันก็จะถือว่าพวกเขาขัดคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย และมันก็มีโอกาสที่อัศวินไอซ์บลูจะเชื่อว่าพวกเขาเป็นสายลับจากเผ่าพันธุ์อื่น


 


ถึงแม้พวกเขาจะต้องเดินวนไปมาอยู่บ้าง แต่เส้นทางที่พวกเขามุ่งหน้าไปก็ถูกต้อง และหลังจากเดินทางอยู่หนึ่งวัน หานเซิ่นและพวกพ้องก็มาถึงระบบน้ำใต้ดิน


 


ก่อนที่พวกเขาจะลงไปในแม่น้ำ น้ำก็กระเด็นขึ้นมาพร้อมกับงูขนาดยักษ์ที่ขนาดตัวหนาราวกับถัง มันพ่นควันสีเขียวเข้าใส่พวกเขา


 


“งูแม่น้ำหยินระดับดยุก!” ไป๋เหวินเซวียนตะโกน เขาหันกลับและเตรียมที่จะหนี


 


แต่หวงฟูจิ้งจับเสื้อของเขาเอาไว้และดึงเขากลับมา ขณะที่เธอทำอย่างนั้น หานเมิ่งเอ๋อก็ยิงธนูของเธอออกไป แสงสีดำพุ่งออกไปและฉีกผ่านควันสีเขียวเข้าไประเบิดหัวของมอนสเตอร์ตัวนั้น ร่างขนาดยักษ์ของงูแม่น้ำหยินล้มลงริมฝั่งแม่น้ำใต้ดิน


 


ไป๋เหวินเซวียนรู้สึกแปลกใจ เขาหันไปมองหานเมิ่งเอ๋อด้วยสับสน “พวก… พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?”


 


อัศวินสำรองระดับมาร์ควิสคนหนึ่งเพิ่งจะฆ่างูแม่น้ำหยินระดับดยุกในการโจมตีเพียงครั้งเดียว คนแบบนั้นควรจะเป็นสมาชิกของหน่วยอัศวินอย่างเต็มตัว แถมหานเซิ่นยังบอกอีกว่าเขาต้องการไปที่โบราณสถาน อย่างนั้นแล้วพวกเขาไม่มีทางเป็นแค่อัศวินสำรองไปได้


 


“เจ้ารู้จักมิสเตอร์ไวท์ไหม?” หานเซิ่นถามพร้อมกับหลี่ตาของเขา


 


“เจ้าหมายถึงกุนซือไวท์อย่างนั้นหรอ? นี่พวกเจ้าเป็นคนของกุนซือไวท์หรอเนี่ย?” ไป๋เหวินเซวียนดูดีใจจนน่าประหลาดใจ


 


“ฟังนะ เจ้าอาจจะมีโอกาสรอดชีวิตไปจากที่นี่ การพาเจ้ากลับไปที่เอ็กซ์ตรีมคิงนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร”


หานเซิ่นแกล้งทำเป็นคนใหญ่คนโต เขาตบไหล่ของไป๋เหวินเซวียนและหันหน้ากลับไปมองที่แม่น้ำ


 


ตอนนี้เมื่อไป๋เหวินเซวียนรู้ว่าพวกหานเซิ่นรับคำสั่งจากมิสเตอร์ไวท์ นั่นก็ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับเขา


 


พวกเขาได้เจอกับซีโน่เจเนอิคใต้น้ำมากมาย แต่มันไม่มีตัวไหนที่เป็นระดับราชัน พวกมันส่วนใหญ่เป็นระดับมาร์ควิสไม่ก็ดยุก ซึ่งหานเมิ่งเอ๋อสามารถฆ่าพวกมันทุกตัวได้ก่อนที่พวกมันจะมีโอกาสได้ทำอะไร


 


“ข้าจำที่นี่ได้… ไปที่หินก้อนนั้นและพวกเราจะได้เห็นสระๆหนึ่ง ว่ายลงไปในสระนั้นและมันจะมีทางไปที่บ่อน้ำ” ไป๋เหวินเซวียนชี้ไปที่ก้อนหินประหลาดก้อนหนึ่งขณะที่พูดออกมา


 


ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็พบกับสระน้ำตามที่เขาบอก ทุกคนดำลงไปตามเส้นทางใต้น้ำ หลังจากนั้นหานเซิ่นก็คอยโผล่หัวขึ้นจากผิวน้ำและมองรอบอย่างลับๆล่อๆ ซึ่งสิ่งที่ได้เห็นก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจ


 


“แมวเก้าชีวิต?” หานเซิ่นประหลาดใจอย่างมาก เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอกับรูปปั้นของแมวเก้าชีวิตที่นี่ 

 

 


ตอนที่ 2220

 

บ่อน้ำนั้นตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของลานกว้างในเมือง และปลายถนนทุกสายทอดยาวออกไปจากศูนย์กลางเมือง กำแพงของเมืองนั้นสามารถมองเห็นได้ที่ปลายสุด


 


ด้านหลังลานกว้างมีปราสาทหินตั้งอยู่ และทั้ง 2 ข้างของประตูก็มีรูปปั้นหินอยู่ ด้านซ้ายเป็นรูปปั้นของแมวเก้าชีวิตที่ใหญ่กว่าแมวเก้าชีวิตจริงๆ แต่มันก็ให้ความรู้สึกที่เหมือนกันมาก


 


และด้านขวาของประตูคือรูปปั้นของนักรบในชุดเกราะที่ในมือถือมีดกระดูกอยู่ บริเวณใบหน้าและมือของรูปปั้นที่ไม่ได้สวมชุดเกราะนั้นเป็นโครงกระดูก


 


‘นี่คงจะเป็นรูปปั้นของขุนพลโกสต์โบนสินะ แต่ถ้านี่เป็นเมืองของเขา แบบนั้นแล้วทำไมรูปปั้นของเขาถึงมาตั้งอยู่ข้างๆประตูราวกับเป็นยามรักษาการณ์ล่ะ?’


หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ได้ความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา ‘รูปปั้นของแมวเก้าชีวิตและขุนพลโกสต์โบนตั้งอยู่หน้าประตูราวกับยามรักษาการณ์ นั่นหมายความว่าจริงๆแล้วเจ้าของปราสาทแห่งนี้คือผู้นำของเซเคร็ดอย่างนั้นใช่ไหม?’


 


หานเซิ่นพยายามคิดถึงตัวเลือกอื่น แต่เขาไม่สามารถคิดหาใครในเซเคร็ดที่อาจจะใช้ทั้ง 2 เป็นยามรักษาการณ์ได้


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าแมวเก้าชีวิตเกี่ยวข้องยังไงกับเซเคร็ดกันแน่ แต่ขุนพลโกสต์โบนนั้นเป็นหนึ่งในสิบขุนพลของเซเคร็ด ดังนั้นมันคงจะมีแค่ผู้นำของเซเคร็ดเท่านั้นที่จะออกคำสั่งกับคนแบบนั้นให้เฝ้าประตูได้


 


หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนสแกนบริเวณรอบๆ แต่เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตอื่นเลย บางทีผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดอาจจะได้สิ่งของที่ตามหาและออกไปจากที่นี่แล้ว


 


แต่ทว่าหานเซิ่นยังไม่อยากจะเสี่ยงออกไปจากบ่อน้ำในทันที ประตูของปราสาทเปิดอยู่เล็กน้อย ดังนั้นมันอาจจะมีใครบางคนอาจจะอยู่ข้างในนั้น ซึ่งเขาจำเป็นต้องระมัดระวังเอาไว้


 


“พวกเธอรออยู่นี่ ฉันจะไปตรวจดูสักหน่อย”


หานเซิ่นหันไปมองหวงฟูจิ้งที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำข้างๆเขา หลังจากนั้นเขาก็สัมผัสล่องหนน้อยและหายตัวไป


 


หานเซิ่นเดินเข้าไปที่ปราสาทขณะที่ใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อปกปิดพลังชีวิตของตัวเองอย่างสมบูรณ์


 


หานเซิ่นเดินไปถึงตรงหน้าปราสาทด้วยความระมัดระวัง เมื่อเขาเหลือบมองเข้าไปข้างใน เขาก็ต้องอึ้งไป


 


เนื่องจากเมืองนั้นไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก ปราสาทจึงประกอบไปด้วยห้องโถงแค่ห้องเดียว จากมุมที่ยืนอยู่ หานเซิ่นสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในห้องโถง และมันก็มีรูมากมายอยู่บนพื้นของห้องโถงอย่างน่าสงสัย พวกมันดูเหมือนกับหลุมฝังศพ


 


มันมีคน 2 คนยืนอยู่ข้างใน และพวกเขาก็สวมใส่ตราสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าตัวเองเป็นสมาชิกของหน่วยอัศวินไอซ์บลู พวกเขากำลังนั่งพักอยู่บนรูปปั้นรูปหนึ่ง หลังจากที่หานเซิ่นเห็นรูปปั้นที่กลับหัวกลับหางนั่นชัดๆ เขาก็ต้องประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม


 


รูปปั้นนั้นดูเหมือนกับที่เขาเคยเห็นในเมืองของจักรพรรดิมนุษย์ไม่มีผิด ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่ารูปปั้นที่อยู่ภายในนั้นจะเป็นรูปปั้นของผู้นำของเซเคร็ดซะอีก แต่แล้วมันกลับเป็นรูปปั้นของจักรพรรดิมนุษย์


 


“ไม่มีทาง จักรพรรดิมนุษย์มาจากเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ? แต่ไทม์ไลน์ไม่สอดคล้องกัน จักรพรรดิมนุษย์อยู่ในก็อตแซงชัวรี่เป็นเวลาหลายปี และเซเคร็ดก็ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้วก่อนที่เขาจะออกจากก็อตแซงชัวรี่ แบบนั้นรูปปั้นของเขาจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”


หานเซิ่นเดินไปที่ประตูและมองเข้าไปในห้องโถง นอกจากรูปปั้นจักรพรรดิมนุษย์แล้ว มันก็ไม่มีอะไรอย่างอื่น มันมีเพียงแค่โต๊ะหินและเก้าอี้หินอยู่เท่านั้น


 


ทุกอย่างที่เป็นหินภายในห้องโถงนั้นได้รับความเสียหายอย่างหนักซึ่งรวมถึงรูปปั้นจักรพรรดิมนุษย์ด้วย ในตอนแรกหานเซิ่นเห็นเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของรูปปั้นที่ถูกทำลายเท่านั้น ขณะที่อีกครั้งหนึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป


 


มันเห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังค้นหาอะไรบางอย่างภายในห้องโถงนี้ แต่ไม่ว่ามันจะคืออะไร พวกเขาก็ยังหามันไม่พอ ไม่อย่างนั้นล่ะก็พวกเขาก็คงจะไม่คอยเฝ้าห้องโถงเอาไว้แบบนี้


 


หานเซิ่นมองไปที่อัศวินไอซ์บลูทั้ง 2 และสังเกตเห็นว่าพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งหรืออ่อนแอจนเกินไป พวกเขาอาจจะเป็นระดับดยุก แต่พวกเขาไม่ได้เป็นคนของเอ็กซ์ตรีมคิง หนึ่งในพวกเขาดูเหมือนกับเอ็กซ์โพลดิ้งแบร์ ขณะที่อีกคนดูเหมือนกับดราก้อนเลือดผสม เขามีเขามังกรแต่ไม่มีปีกมังกรอยู่


 


“ข้าคิดว่าผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดต้องเข้าใจผิดไปแน่ๆ ถ้านี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้นำเซเคร็ดจริงๆ อย่างนั้นแล้วทำไมพวกเราถึงไม่พบโบราณวัตถุที่กำลังมองหาอยู่เลย?” ดยุกไฟร์แบร์พูดพร้อมกับถอนหายใจ


 


“ถ้าผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดบอกว่ามันอยู่ที่นี่ มันก็ต้องอยู่ที่นี่ ตอนนี้เจ้าก็หุบปากและกลับไปทำงานซะ” ดยุกดราก้อนเลือดผสมพูด


 


“ข้าอยากจะทำงาน แต่ข้าไม่รู้ว่าต้องทำยังไง” ดยุกไฟร์แบร์หัวเราะ


 


ดยุกดราก้อนเลือดผสมขมวดคิ้วและพูด “ราชาอัศวินไอซ์บลูยังไม่กลับมา ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดที่จะจัดการกับพวกมัน ไม่อย่างนั้นราชาอัศวินจะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล รอต่อไปอีกสักหน่อย ผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดจะติดต่อพวกเราในเร็วๆนี้และบอกว่าพวกเราต้องทำอะไร”


 


อย่างน้อยๆหานเซิ่นก็ได้รู้ว่าผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดยังคงไม่พบสิ่งที่กำลังตามหา หานเซิ่นฟังต่อไป แต่เขาไม่ได้ยินอะไรเกี่ยวกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หรือโบราณวัตถุของเซเคร็ดที่พวกเขากำลังตามหา


 


แต่เขาสามารถยืนยันได้ถึงการมีอยู่ของสมบัติ


 


หานเซิ่นไม่ได้เข้าไปในห้องโถง เขาเดินไปรอบๆเมืองก่อน เขาพบว่าหลายๆจุดทั่วเมืองมีร่องรอยการถูกค้นและสิ่งก่อสร้างมากมายถูกโค่นลงมา ผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดคงจะค้นหาที่นี่อยู่เป็นเวลานาน แต่พวกเขาก็ยังไม่พบสิ่งที่กำลังตามหา


 


หานเซิ่นไม่ได้เก่งเรื่องการหาสิ่งต่างๆ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหาได้ว่ามันซ่อนอยู่ที่ไหนเช่นเดียวกัน ถ้าผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดไม่สามารถหาอะไรก็ตามนั้นได้ อย่างนั้นแล้วหานเซิ่นก็คงจะไม่สามารถหาได้เหมือนกัน


 


เมื่อย้อนกลับมาที่ลานกว้าง หานเซิ่นก็มองไปที่ปราสาทหินอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นว่ามันไม่มีงานศิลปะอะไรประดับอยู่เลย มันเป็นสิ่งก่อสร้างที่ดูหยาบมากๆ มันไม่มีแม้แต่การแกะสลักหรือการวาดภาพอะไร


 


แต่เมื่อดูจากรูปปั้นรอบๆแล้ว ปราสาทก็ไม่น่าจะถูกสร้างขึ้นมาเป็นเวลานานเกินไป ถ้าให้หานเซิ่นเดา เขาเดิมพันว่ามันน่าจะถูกสร้างขึ้นมาเมื่อประมาทหนึ่งหมื่นปีก่อน


 


หานเซิ่นมองไปที่รูปปั้นของขุนพลโกสต์โบนและแมวเก้าชีวิตอีกครั้ง แต่พวกมันไม่ได้มีอะไรพิเศษ และพวกมันก็เป็นเพียงแค่รูปปั้นจริงๆ วัตถุที่ถูกนำมาใช้ในการก่อสร้างพวกมันก็คงจะมาจากภูเขาที่ใกล้เคียงกัน


 


หานเซิ่นรู้สึกรำคาญ ดังนั้นเขาจึงเรียกวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงออกมา ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงขณะที่ตาดำของเขาแยกออกเป็น 4 ส่วน เขามองไปรอบๆปราสาทพร้อมกับตรวจสอบรูปปั้นทั้ง 2


 


“ไม่มีอะไร…ไม่มีอะไร” ดวงตาของเขาวิเคราะห์ทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงรูปปั้นจักรพรรดิมนุษย์ พวกมันทั้งหมดถูกทำขึ้นมาจากหินธรรมดาๆ ซึ่งเป็นวัตถุที่หาได้ทั่วไปบนดาวไอซ์บลู


 


หานเซิ่นมองไปรอบๆต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งมีบางอย่างดึงดูดความสนใจของเขา


 


ใกล้ๆกับรูปปั้นจักรพรรดิมนุษย์มีบนแผ่นหินแผ่นหนึ่ง มันดูเหมือนกับเป็นสิ่งที่หลุดออกมาจากเพดานที่เคยอยู่เหนือหัวของรูปปั้นจักรพรรดิมนุษย์


 


รูปปั้นมนุษย์นั้นถูกตัดครึ่ง และเพดานก็ถูกทำลายเช่นเดียวกัน มันพังทลายลงมาอยู่ใกล้ๆกับรูปปั้น และบางส่วนของมันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขณะที่บางส่วนยังคงอยู่ในสภาพดี


 


เมื่อหานเซิ่นมองไปที่กองเศษหิน เขาก็เห็นว่าเศษหินส่วนใหญ่เป็นเพียงแค่ก้อนหินธรรมดา พวกมันไม่ได้มีอะไรพิเศษ


 


แต่ดวงตาของหานเซิ่นไม่สามารถวิเคราะห์หนึ่งในก้อนหินพวกนั้นได้


 


หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรดวงตาระดับเทพเจ้าอยู่ ถ้าพลังระดับเทพเจ้าไม่สามารถวิเคราะห์ก้อนหินชิ้นหนึ่งได้ นั่นก็เป็นอะไรที่ผิดปกติ หานเซิ่นคิดว่านั่นเป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างมาก 

 

 


ตอนที่ 2221

 

แผ่นหินกองอยู่ท่ามกลางเศษหิน และถ้าหานเซิ่นอยากจะดึงมันออกมา เขาก็ต้องยกกองก้อนหินที่ทับถมมันอยู่ออกไปซะก่อน แต่โชคร้ายที่ดยุก 2 คนยังคงเฝ้าที่นั่นอยู่ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาแผ่นหินมาโดยที่ไม่ทำให้พวกเขารู้สึกตัว


 


หานเซิ่นพยายามคิดหาหนทางที่จะคว้าแผ่นหินมาโดยที่ไม่ดึงความสนใจของพวกเขา


 


การฆ่าดยุกทั้ง 2 คนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหานเซิ่น แต่ถ้าดยุกทั้ง 2 คนตายไป มันก็จะทำให้ผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดรับรู้ว่ามีใครบางคนพบโบราณสถานนี้เข้า และผู้ตรวจการก็คงจะตรวจสอบขึ้นมา


 


เพราะยังไงซะสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่ซีโน่เจเนอิคท้องถิ่นบนดาวดวงนี้ก็มีแค่หน่วยอัศวินไอซ์บลูเท่านั้น เป้าหมายของผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดจึงจำกัดอยู่แค่ใครบางคนในฐานทัพ


 


ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดของหานเซิ่นก็คือการขโมยแผ่นหินไปโดยไม่ดึงความสนใจของดยุกทั้ง 2 นั่นจะช่วยทำให้เขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่อาจจะตามมาในภายหลัง


 


แต่ดยุกไฟร์แบร์และดยุดดราก้อนเลือดผสมยังคงรักษาตำแหน่งบนรูปปั้น และพวกเขาก็หันหน้าไปในทิศทางของแผ่นหินเช่นกัน ดังนั้นการจะเอามันไปในตอนนี้จึงเป็นไปไม่ได้


 


หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นก็เดินกลับออกมาจากห้องโถง เขามองไปรอบๆเมืองและรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในทะเลทรายที่ไร้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ มันไม่มีซีโน่เจเนอิคที่หานเซิ่นจะใช้ล่อพวกเขาออกไปได้


 


หลังจากนั้นหานเซิ่นก็กลับลงไปในบ่อน้ำและเรียกอสูรกาแลกซี่ออกมา เขาวางล่องหนน้อยลงบนหลังของอสูรกาแลกซี่ หลังจากนั้นก็สั่งให้มันไปขโมยแผ่นหินนั้นออกมา


 


อสูรกาแลกซี่สามารถเคลื่อนที่ผ่านของแข็งได้ ดังนั้นมันจึงสามารถคว้าแผ่นหินภายใต้เศษหินที่กองอยู่ได้โดยไม่ดึงดูดความสนใจใคร


 


หานเซิ่นเพียงแค่ต้องดึงความสนใจของดยุกทั้ง 2 ให้นานพอที่อสูรกาแลกซี่จะทำให้แผ่นหินหายไป แบบนั้นมันจะไม่มีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่ และก้อนหินที่เหลือก็จะไม่ถูกเคลื่อนย้าย


 


หลังจากที่อสูรกาแลกซี่เข้าไป มันทะลุเข้าไปในกองของเศษหิน และในขณะที่ดยุกทั้ง 2 หันหน้าไปมองทางอื่น มันก็กลืนแผ่นหินเข้าไปและกลับออกมา


 


“ทำได้ดีมาก!” อสูรกาแลกซี่และล่องหนน้อยนำแผ่นหินกลับมาให้เขา ความสำเร็จของพวกมันทำให้หานเซิ่นดีใจอย่างมาก เขาเก็บแผ่นหินเข้ากระเป๋าและพาพวกพ้องของเขาออกไปจากเมืองโดยใช้ระบบน้ำใต้ดิน


 


หานเซิ่นกลับไปยังบริเวณที่เขาถูกมอบหมายให้เก็บกวาดและจับไป๋เหวินเซวียนเข้าไปขังเอาไว้ภายในหอคอยแห่งโชคชะตา เขาพาจีชิงไปสังหารซีโน่เจเนอิคเพิ่มอีก แต่ในขณะที่พวกเขาต่อสู้ เครื่องบันทึกของพวกเขาก็พัง


 


วิดีโอที่ถูกบันทึกเอาไว้ไม่สามารถลบได้ และพวกเขาก็ได้ถ่ายภาพของไป๋เหวินเซวียนไปแล้ว ดังนั้นหานเซิ่นจึงจำเป็นต้องแกล้งทำให้เครื่องบันทึกถูกทำลายโดยซีโน่เจเนอิค


 


หานเซิ่นกลับไปที่ฐานทัพเพื่อขอเครื่องบันทึกเครื่องใหม่และทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี ไม่มีใครสงสัยอะไร เพราะดูเหมือนพวกซีโน่เจเนอิคจะมีนิสัยชอบทำลายเครื่องบันทึกของทีมสำรวจอยู่แล้ว


 


เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว หานเซิ่นก็กลับไปที่ห้องของเขาภายในฐานทัพเพื่อพักผ่อน เขายังคงใช้เวลาเพื่อตรวจสอบแผ่นหินที่ได้รับกลับมา


 


แผ่นหินนั้นดูธรรมดาอย่างมาก และมันก็มีขนาดพอๆกับมือของคนเท่านั้น มันไม่ได้มีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์อะไรอยู่บนผิวของมัน แต่มันก็โค้งเว้าเล็กน้อยเหมือนกับจานหิน


 


หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจสอบมัน แต่เขาก็ไม่สามารถวิเคราะห์ถึงโครงสร้างของมันได้ เขาไม่สามารถหาได้ว่ามันถูกสร้างขึ้นมายังไง


 


เนื่องจากเขาไม่สามารถหาข้อมูลอะไรเกี่ยวกับมันได้ เขาจึงเอามันไปเก็บ


 


หานเซิ่นรวบรวมทีมของเขาและเตรียมจะออกไปเพื่อล่าซีโน่เจเนอิคอีกครั้ง และมันเป็นโชคดีของหานเซิ่น เพราะหน่วยอัศวินไอซ์บลูสั่งให้พวกเขาไปเก็บกวาดหุบเขาลาวา


 


ทีมที่รับผิดชอบการเก็บกวาดหุบเขาลาวาก่อนหน้านี้โชคร้ายไปเจอกับมอนสเตอร์ระดับดยุกตัวหนึ่งเข้า เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่พวกเขาได้รับ ทำให้พวกเขาไม่สามารถทำงานในบริเวณนั้นได้อีกต่อไป ด้วยเหตุนั้นหน้าที่ในการเก็บกวาดหุบเขาลาวาจึงตกมาที่พวกหานเซิ่น


 


เนื่องจากมันเป็นสถานที่ที่อันตราย ทำให้มีน้อยทีมที่อยากไปที่นั่น ด้วยเหตุนั้นทีมอื่นจึงเสนอชื่อหานเซิ่นและทีมของเขา


 


หานเซิ่นยินดีจะรับหน้าที่นี้ เพราะเขาอยากจะไปที่นั่นอยู่แล้ว แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีแบบนี้ เขาไม่แม้แต่จะต้องหาข้ออ้างไปที่นั่น โดยไม่รอช้า หานเซิ่นรวบรวมพวกพ้องและออกเดินทางไปยังหุบเขาลาวา ความกระตือรือร้นของหานเซิ่นทำให้หน่วยอัศวินไอซ์บลูที่มอบหมายหน้าที่ให้กับเขารู้สึกสับสน


 


หุบเขาลาวานั้นยาวและคดเคี้ยวราวกับมังกร มันทอดยาวออกไปในระยะไกลสุดลูกหูลูกตา ซีโน่เจเนอิคธาตุไฟสามารถเจอได้ทุกหนทุกแห่ง นกซีโน่เจเนอิคมากมายบินวนไปมาใกล้ๆกับหุบเขาเพื่อจับซีโน่เจเนอิคธาตุไฟอย่างแมลงกินเป็นอาหาร


 


หานเซิ่นมองเห็นอีกกาอัคคี พวกมันมีความยาวแค่ไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น แต่ร่างกายสีแดงของพวกมันบินเร็วมากจนยากที่จะเห็นได้ว่าพวกมันมีปีกจริงๆหรือเปล่า พวกมันบินกันเป็นฝูงใหญ่ราวกับก้อนเมฆสีแดงที่ก่อตัวเหนือหุบเขา


 


ฝูงของอีกาอัคคีโบยบินเหนือแม่น้ำลาวา และพวกมันจะโฉบลงไปที่ผิวของแม่น้ำลาวาเป็นระยะๆเพื่อกินแมลงธาตุไฟ


 


หลังจากที่อีกาอัคคีจับแมลงไฟได้ พวกมันจะกลับไปที่รังของพวกมันที่อยู่ในหุบเขา ที่นั่นมันจะป้อนแมลงที่จับมาได้ให้กับอีกาอัคคีทารกของพวกมัน


 


อีกาอัคคีมีความสามารถในการให้กำเนิดที่สุดยอด พวกมันสามารถให้กำเนิดลูกออกมาเป็นจำนวนมากในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ถ้าพวกมันไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมเฉพาะล่ะก็ จำนวนของพวกมันก็คงจะล้นดาวดวงนี้ไปแล้ว


 


จีชิงอยากจะแสดงฝีมือ ทันทีที่ได้เห็นฝูงของอีกาอัคคี เธอก็หยิบอาวุธออกมาและพุ่งเข้าไปหาพวกมัน


 


หานเซิ่นก็ไม่ได้ออมมือเช่นเดียวกัน ขณะที่เขายิงจรวดออกไปใส่เหล่าอีกาอัคคี


 


“ซีโน่เจเนอิคอีกาอัคคีระดับไวเคานต์ถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูรอีกาอัคคี”


 


หานเซิ่นไม่เคยรู้สึกเบื่อกับการได้ยินเสียงประกอบ เขารีบตรวจเช็ดว่าได้รับวิญญาณอสูรแบบไหนมากันแน่


 


“วิญญาณอสูรอีกาอัคคีไวเคานต์ : วงแหวน”


 


หานเซิ่นอึ้งไป วิญญาณอสูรประเภทวงแหวนนั้นหายาก แต่ที่เขาต้องการจริงๆก็คืออาวุธ


 


หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรอีกาอัคคีออกมา และวงแหวนไฟก็ปรากฏขึ้นรอบเท้าของเขา มันเหมือนกับว่ากำลังมีนกไฟบินวนรอบๆขาของเขา


 


เมื่อหานเซิ่นโจมตี การโจมตีของเขาก็จะสร้างความเสียหายธาตุไฟ


 


“วงแหวนที่สร้างความเสียหายธาตุไฟอย่างนั้นหรอ น่าเสียดายที่มันเป็นแค่วงแหวนวงเดียว” หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ การรวมวิญญาณอสูรเรเวนอาทิตย์เข้ากับมันเป็นอะไรที่เสียของ


 


โชคดีที่มันยังมีนกซีโน่เจเนอิคธาตุไฟอีกหลายชนิดที่อาศัยอยู่ในหุบเขาลาวา หานเซิ่นจึงอยากจะหาวิญญาณอสูรที่เหมาะสมมากกว่า ถ้าเกิดเขาไม่สามารถหาวิญญาณอสูรที่เหมาะสมได้จริงๆ เขาก็ต้องคิดเกี่ยวกับการจะรวมมันเข้ากับวิญญาณอสูรของอีกาอัคคี


 


ขณะที่หานเซิ่นเริ่มการเก็บกวาดซีโน่เจเนอิคบนหุบเขาลาวา ชายผมสีทองที่เปลือยเปล่ากำลังตรงไปที่เมืองโกสต์โบน เขายิ้มแย้มและร่างกายของเขาก็ดูเหมือนกับอะพอลโล เขาเป็นหนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิง


 


“มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด” เมื่อดยุกไฟร์แบร์และดยุกมังกรเลือดผสมเห็นเอ็กซ์ตรีมชายคนนั้นตรงเข้ามา พวกเขาก็รีบโค้งคำนับด้วยความเคารพ


 


เอ็ดเวิร์ดพยักหน้า เขามองไปรอบๆห้องโถงและไปหยุดอยู่ที่กองหินใกล้กับรูปปั้น เขาขมวดคิ้วและพูด “พวกเจ้าได้เคลื่อนย้ายอะไรในห้องโถงหรือเปล่า?”


 


ทั้ง 2 คนดูหวาดกลัวอย่างมาก พวกเขารีบพูดขึ้นมา


“พวกเราทำตามคำสั่งของท่านทุกอย่าง พวกเราไม่ได้ขยับไปจากรูปปั้นตั้งแต่ที่ท่านสั่ง และพวกเราก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายอะไรในห้องโถงเลยแม้แต่น้อย”


 


เอ็ดเวิร์ดพยักหน้าและถาม “เจ้าเห็นอะไรแปลกประหลาดรอบๆหรือเปล่า?”


 


“มันไม่มีอะไรแปลกประหลาด” ทั้ง 2 คนพูดหลังจากคิดอยู่ชั่วขณะ


 


เอ็ดเวิร์ดมองไปที่ก้อนหิน เขาคิดอยู่สักพัก หลังจากนั้นก็บอกให้ดยุกทั้ง 2 อยู่ประจำบนรูปปั้นต่อไป ขณะที่เขาหันกลับและเดินทางอออกจากเมืองโกสต์โบนไป 

 

 


ตอนที่ 2222

 

หลังจากที่เอ็ดเวิร์ดกลับไปที่ฐานทัพของหน่วยอัศวินไอซ์บลู เขาก็ไปที่ห้องเก็บข้อมูล เขาตรวจสอบบันทึกของทีมอัศวินต่างๆ หลังจากที่ดูพวกมันเสร็จ เขาก็ขมวดคิ้ว เขาหันไปหาผู้จัดการฝ่ายเก็บข้อมูลและพูด


“วิดีโอที่ถูกบันทึกตลอดเดือนที่ผ่านมามีเพียงแค่นี้อย่างนั้นหรอ?”


 


“ใช่แล้ว ท่านผู้ตรวจการ” ผู้จัดการฝ่ายเก็บข้อมูลตอบอย่างมีมารยาท


 


หลังจากหยุดคิดอยู่ชั่วครู่ เอ็ดเวิร์ดก็ถามขึ้นมา “มีทีมไหนหรือเปล่าที่นำเครื่องบันทึกที่ได้รับความเสียหายกลับมาและขอเปลี่ยนอันใหม่?”


 


“ตลอดเดือนที่ผ่านมามี 4 ทีมที่มาขอเปลี่ยนเครื่องบันทึกเครื่องใหม่”


ผู้จัดการฝ่ายเก็บข้อมูลตอบหลังจากที่ตรวจเช็ดระบบข้อมูลของเขา


 


“มันมีทีมไหนบ้างที่มาขอเปลี่ยนในช่วง 2 อาทิตย์ก่อน?” เอ็ดเวิร์ดถามอีกครั้งก่อนที่ผู้จัดการฝ่ายเก็บข้อมูลจะพูดจบ


 


“ในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา มีอยู่ 2 ทีมที่มาขอเปลี่ยนเครื่องบันทึก ทีม 79 ที่นำโดยจอห์นและทีม 354 ที่นำโดยหานเซิ่น สมาชิกของพวกเขาคือ…” ผู้จัดการฝ่ายเก็บข้อมูลรีบอ่านรายชื่อที่อยู่ในไฟล์ของเขา


 


“ทีม 354? นั่นคือทีมใหม่ที่กัปตันพามาที่นี่อย่างนั้นหรอ?” เอ็ดเวิร์ดพูดขณะที่จ้องมองไปที่ข้อมูลของทีม 354


 


“ใช่แล้วท่านผู้ตรวจการ ทีมนี้เป็นทีมพิเศษ ถึงแม้พวกเขาจะเป็นทีมสำรอง แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ในรายชื่อของอัศวินสำรอง พวกเขาเป็นองครักษ์ส่วนตัวของกุนซือไวท์” ผู้จัดการฝ่ายเก็บข้อมูลพูด


 


“องครักษ์ของกุนซือไวท์?” เอ็ดเวิร์ดถามขณะที่ตรวจดูข้อมูล สีหน้าที่แปลกๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ขณะที่เขาพูดขึ้นมา


“เขาคือลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีด นั่นเป็นอะไรที่น่าสนใจ”


 


หานเซิ่นยังคงอยู่ระหว่างการเก็บกวาดหุบเขาลาวา แต่มันมีซีโน่เจเนอิคอยู่มากเกินไป และมันก็ไม่มีทางที่ทีมของเขาจะสามารถกำจัดพวกมันได้หมด หานเซิ่นถูกส่งมาที่นี่เพื่อถ่ายภาพซะมากกว่า ถ้าซีโน่เจเนอิคไม่ได้เข้ามาจู่โจมทีมของพวกเขา โดยปกติแล้วพวกเขาก็จะไม่เข้าไปยุ่งกับพวกมัน


 


หานเซิ่นเดินไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยวของหุบเขาลาวาเพื่อค้นหาซีโน่เจเนอิคระดับดยุก


 


หานเซิ่นบอกให้เป่าเอ๋อโฟกัสไปที่การถ่ายซีโน่เจเนอิคที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำลาวาและหันกล้องมาทางพวกเขาเฉพาะตอนที่พวกเขาสังหารซีโน่เจเนอิคธรรมดาๆ เขาไม่อยากให้กล้องถ่ายภาพในตอนที่พวกเขาสังหารซีโน่เจเนอิคระดับดยุก


 


น่าเสียดายที่หานเซิ่นยังไม่พบวิญญาณอสูรที่กำลังตามหา ตลอด 2 วันที่ผ่านมาเขาได้สังหารซีโน่เจเนอิคระดับดยุกไป 3 ตัว แต่ไม่มีตัวไหนที่มอบวิญญาณอสูรให้กับเขา


 


“ทุกคนระวัง!” หานเซิ่นพูดขึ้นมาขณะที่จ้องมองไปที่แม่น้ำลาวา กระดูกสันหลังที่ยาวกว่าสิบเมตรโผล่ขึ้นมาจากผิวของลาวา แต่หานเซิ่นรู้ว่าสิ่งที่มองเห็นเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยของมันเท่านั้น


 


ทุกคนหันไปมองที่แม่น้ำลาวา เงาของตัวอะไรบางอย่างนั้นกำลังว่ายอยู่ในหุบเขาและไม่แสดงทีท่าที่จะออกมาจากแม่น้ำลาวา แต่ถึงอย่างนั้นซีโน่เจเนอิคธาตุไฟตัวอื่นๆก็ออกห่างจากทางของมัน แม้แต่นกซีโน่เจเนอิคก็ยังบินหนีและกลับเข้าไปซ่อนในรัง ทันใดนั้นหุบเขาก็เงียบสะงัดไป


 


เมื่อเงานั้นจากไปแล้ว ซีโน่เจเนอิคตัวอื่นถึงจะพากันกลับออกมาอีกครั้ง


 


“ซีโน่เจเนอิคระดับราชัน?” จีชิงถาม


 


“คงจะอย่างนั้น” หานเซิ่นพยักหน้า


 


หานเซิ่นและพวกพ้องเดินทางกันต่อไป จนกระทั่งพวกเขาไปถึงจุดมืดของแม่น้ำลาวา มันมีฝูงนกที่ดูเหมือนกับกระเรียนอยู่ที่นั่น พวกมันมีขนสีขาวและหัวสีแดง หานเซิ่นยิ้มออกมาเมื่อมองเห็นพวกมัน


 


มันมีกระเรียนสีแดงอยู่ที่นี่เป็นพันตัว และตัวที่อ่อนแอที่สุดของพวกมันเป็นระดับเอิร์ล บางตัวเป็นระดับมาร์ควิสและแม้แต่ตัวที่เป็นระดับดยุกก็ยังมี


 


“พวกมันจะให้วิญญาณอสูรแบบไหนกันนะ?”


หานเซิ่นบอกให้เป่าเอ๋อหันไปถ่ายทางอื่น ขณะที่เขาและทีมเริ่มสังหารเหล่ากระเรียนสีแดง


 


พวกเขาอยู่ห่างออกไปจากเหล่ากระเรียนสีแดงหลายพันเมตร แต่ในที่สุดพวกมันก็สังเกตเห็นถึงการเข้ามาของพวกเขา เปลวไฟลุกโชติช่วงขึ้นบนหัวของนกกระเรียนหลังจากนั้นก็ปกคลุมทั่วร่างของพวกมัน พวกมันส่งเสียงร้องขึ้นมาพร้อมกับพุ่งเข้าหากลุ่มของหานเซิ่นราวกับมิสไซล์


 


กระสุนของหานเซิ่นและลูกธนูของหานเมิ่งเอ๋อเริ่มจู่โจมเหล่ากระเรียน แต่เมื่อพวกเขาสังหารกระเรียนตัวแรก มันก็ระเบิดกลางอากาศ ไฟพุ่งออกมาจากศพของนกกระเรียนและเผาไหม้ดินแดนโดยรอบ


 


“โอ้ไม่นะ! นกกระเรียนพวกนี้เป็นนักบินคามิกาเซะ! เรียกใบเสมาออกมา!” หานเซิ่นตะโกน


 


หานเมิ่งเอ๋อเรียกใบเสมาราชาแมลงปีศาจสีฟ้าออกมา และนกกระเรียนสีแดงที่ลุกเป็นไฟมากมายก็พุ่งเข้ามาชนกับมัน พวกมันเริ่มจะระเบิดใส่ผิวของโล่ป้องกันราวกับดวงอาทิตย์


 


กระเรียนสีแดงนับพันพุ่งเข้ามาหาใบเสมาราวกับลูกระเบิด มันเป็นภาพที่เหลือเชื่อ มันเหมือนกับว่ากำลังมีลูกไฟพุ่งเข้ามาใส่ใบเสมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ขณะที่กำแพงไฟที่ยิ่งใหญ่แพร่ขยายออกไปและเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่าง


 


“เจ้าพวกนี้ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่จริงๆ” หานเซิ่นมองดูเหล่ากระเรียนระเบิดใส่โล่ป้องกันอย่างไม่หยุด


 


โชคดีที่กลุ่มของหานเซิ่นมีใบเสมาราชาแมลงปีศาจป้องกันตัวเองอยู่


 


มันมีกระเรียนสีแดงเป็นพันๆตัวอยู่ที่นี่ และมันใช้เวลากว่าสิบนาทีก่อนที่พวกมันจะฆ่าตัวเองกับผิวของใบเสมาจนหมด ไม่มีตัวไหนที่เหลือรอด และพวกมันทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นเถ้าถ่านอย่างรวดเร็ว หานเซิ่นสงสัยว่าพวกมันอยู่รอดมานานถึงขนาดนี้ได้ยังไง


 


ซีโน่เจเนอิคตัวอื่นๆในบริเวณแห่งนั้นทั้งหมดหนีไปด้วยความกลัวต่อพวกนกกระเรียนสีแดงที่บ้าคลั่ง แต่มีซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งออกมาจากลาวาโดยที่ไม่ได้กลัวเหล่านกกระเรียนสีแดง มันค่อยๆร่อนข้ามแม่น้ำลาวาเข้ามาหาหานเซิ่นอย่างไม่รีบไม่ร้อน


 


ซีโน่เจเนอิคที่ออกมาจากลาวาตัวนั้นดูเหมือนกับนกยูงสีทอง ร่างกายของมันประกอบขึ้นมาจากลาวาที่ร้อนแรง และขณะที่มันบินเข้ามา ลาวาสีทองก็หยดไปตามทาง


 


เมื่อเจ้านกยูงเข้ามาใกล้กับใบเสมาราชาแมลงปีศาจ มันก็อ้าปากและพ่นลาวาออกมา ของเหลวสีทองเข้าปกคลุมใบเสมาราชาแมลงปีศาจอย่างรวดเร็ว แต่ของเหลานั้นไม่ร้อนพอที่จะเจาะผ่านการป้องกันของใบเสมาราชาแมลงปีศาจได้


 


“นั่นคือซีโน่เจเนอิคระดับดยุกกลายพันธุ์อย่างนั้นหรอ?”


หานเซิ่นประหลาดใจขณะที่มองไปที่นกยูงลาวา เขาดูดีใจที่ได้เห็นมัน


 


“เปิดใบเสมาและปล่อยให้พ่อออกไปฆ่ามัน” หานเซิ่นชักมีดเขี้ยวผีสิงออกมาและวิ่งออกไปจากโล่ป้องกัน เขาฟันเข้าใส่นกยูงลาวาด้วยมีดลมปราณสีม่วงคล้ำ


 


ขณะที่มีดปีศาจฟันเข้าไปหามัน นกยูงลาวาก็พ่นลาวาออกมามากขึ้นและส่งน้ำพุของหินหลอมเหลวขึ้นสู่บนอากาศ มันสามารถละลายมีดลมปราณของหานเซิ่นได้สำเร็จ ซึ่งทำให้เขาต้องประหลาดใจ


 


หานเซิ่นเคลื่อนไหวราวกับผีพร้อมกับฟันมีดลมปราณออกไป แต่ดูเหมือนว่าการโจมตีของเขาจะไม่ได้ผลกับเจ้านกยูง


 


ขณะที่เขาพยายามจะฆ่านกยูงลาวา เจ้านกยูงก็กระพือปีกและหายตัวไป


 


“เจ้าตัวนี้…รวดเร็วจริงๆ” หานเซิ่นขมวดคิ้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)