Super God Gene 2215-2218
ตอนที่ 2215
“ที่นี่คือระบบจักรวาลเคออส อะไรก็เกิดขึ้นได้ เตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับความตาย” มิสเตอร์ไวท์พูดเมื่อหานเซิ่นกลับเข้ามาในยานอวกาศ
ไม่มีใครคาดคิดว่าเมื่อเข้ามาในระบบจักรวาลเคออสแล้ว พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับกองทัพกุ้งกาแลกติกในทันทีแบบนั้น มันมีอัศวินไอซ์บลูหลายคนที่เสียชีวิต แต่พวกเขาส่วนใหญ่รอดชีวิตมาได้ โดยรวมแล้วการต่อสู้ถือเป็นไปได้ด้วยดี
เหล่าอัศวินดีใจมากแล้วที่ไม่ได้ไปปลุกแมงมุมหลุมดำให้ตื่นขึ้นมา ไม่อย่างนั้นล่ะก็ทั้งกองทัพของพวกเขาก็คงจะสูญสิ้น
พวกเขาสูญเสียไปมากในการต่อสู้นั้น และพวกเขาก็ไม่สามารถนำยีนซีโน่เจเนอิคหรือร่างของพวกมันมาได้ทั้งหมด เพราะมันไม่มีเวลาให้พวกเขามัวมาเก็บอะไรอะไรทั้งนั้น และหลังจากที่หนีมาได้แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถกลับไปได้
ยานอวกาศได้รับความเสียหายอย่างหนัก โชคดีที่ยานอวกาศถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับการจู่โจมของซีโน่เจเนอิคอยู่แล้ว ผิวหุ้มเกราะภายนอกของยานเป็นเหมือนกับเปลือกของโลก ถึงแม้มันจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่แกนกลางของยานอวกาศก็ไม่ได้รับความเสียหายอะไร ด้วยเหตุนั้นมันจึงสามารถบินต่อไปได้
ขณะที่หานเซิ่นพักผ่อน เขาก็ตรวจดูวิญญาณอสูรกุ้งกาแลกติกและกุ้งมังกรกาแลกติกที่เขาได้รับมา
หานเซิ่นได้รับวิญญาณอสูรกุ้งกาแลกติกมาหลายดวง ซึ่งประกอบไปด้วยระดับมาร์ควิส 16 ดวงและระดับดยุก 1 ดวง ซึ่งมันมากกว่าที่เขาคาดหวังเอาไว้ เขาจำไม่ได้ว่าฆ่ากุ้งกาแลกติกไปทั้งหมดกี่ตัวกันแน่ในระหว่างการต่อสู้
“วิญญาณอสูรกุ้งกาแลกติก : ดาบ”
หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรดาบกุ้งกาแลกติกออกมา หลังจากนั้นดาบใหญ่ที่ยาวกว่า 2 เมตรก็ปรากฏในมือของหานเซิ่น แต่มันไม่ได้หนักเหมือนอย่างดาบใหญ่ปกติ
ดาบใหญ่กุ้งกาแลกติกดูเหมือนกับหนามที่ท้ายของกุ้งกาแลกติก มันเป็นสีฟ้าที่โปร่งใสและดูเหมือนกับเลื่อยที่มีปลายที่แหลมคม มันเรืองแสงสีฟ้าออกมา และเมื่อหานเซิ่นกวัดแกว่งมัน มันก็ปลดปล่อยการระเบิดของแสงสีฟ้าออกมา
หานเซิ่นมอบวิญญาณอสูรกุ้งกาแลกติกให้กับพวกพ้องของคนละดวง เพราะยังไงซะอาวุธระดับมาร์ควิสก็ถือว่าไม่ได้แย่อะไร ส่วนวิญญาณอสูรกุ้งกาแลกติกระดับดยุกนั้นเขามอบมันให้กับจีชิง
ร่างกายขั้นสุดยอดของจีชิงเรียกว่าวิญญาณแห่งดาบ เธอเชี่ยวชาญเรื่องการใช้ดาบมากกว่าคนอื่น ดังนั้นหานเซิ่นจึงมอบมันให้กับเธอเพื่อเห็นแก่จีเหยียนหรัน
แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่เขาได้รับมาคือวิญญาณอสูรกุ้งมังกรกาแลกติก
“วิญญาณอสูรกุ้งมังกรกาแลกติกระดับชัน: ชุดเกราะ”
“ชุดเกราะระดับราชัน?” หานเซิ่นรู้สึกดีใจ เขากำลังต้องการชุดเกราะที่แข็งแกร่งแบบนั้นอยู่
ใบเสมาราชาแมลงปีศาจมีพลังป้องกันที่สูงก็จริง แต่หานเซิ่นไม่สามารถโจมตี ขณะที่โล่ป้องกันยังทำงานอยู่ได้ แต่ชุดเกราะวิญญาณอสูรนั้นต่างออกไป มันเป็นสิ่งของพื้นฐานที่ใครๆก็ต้องการ
‘น่าเสียดายที่เรามีมันแค่ดวงเดียว ถ้าเราฆ่ามันได้มากกว่านี้ ทุกคนก็คงจะมีชุดเกราะกุ้งมังกรนี้เหมือนกัน’ หานเซิ่นคิด
หานเซิ่นเรียกชุดเกราะกุ้งมังกรกาแลกติกออกมา และคริสตัลสีฟ้าโปร่งใส่ก็ห่อหุ้มร่างกายของเขา ภายในคริสตัลสีฟ้าที่เรืองแสงมีแสงสีเขียวระยิบระยับอยู่ เมื่อหานเซิ่นเคลื่อนไหว มันก็ดูเหมือนกับว่าดวงดาวของทั้งกาแล็กซี่กำลังเคลื่อนไหวไปพร้อมๆกับเขา
“เป็นชุดเกราะที่งดงามอะไรขนาดนี้ นั่นเป็นวิญญาณอสูรจากกุ้งมังกรกาแลกติกอย่างนั้นหรอ?” จีชิงมองชุดเกราะของหานเซิ่นด้วยความอิจฉา
ชุดเกราะนั้นงดงามจริงๆนั่นแหละ มันส่องประกายราวกับเพชรสีฟ้า และมันจะดึงดูดสายตาของผู้หญิงทุกคนที่เดินผ่านอย่างแน่นอน
แต่ทว่าหานเซิ่นไม่ชื่นชอบที่จะสวมใส่อะไรที่หรูหราและสะดุดตาแบบนี้ ถ้าเลือกได้เขาอยากจะได้อันสิ่งที่ดูทื่อและไม่มีสีสันมากกว่า เพราะยังไงซะเขาก็อยากจะไม่ทำตัวให้เป็นจุดเด่น
การสวมชุดเกราะนี้ทำให้หานเซิ่นดูเหมือนกับหิ่งห้อยในความมืด มันเรืองอร่ามและศัตรูทุกรูปแบบก็คงจะหันความสนใจมาที่เขา
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย หลังจากนั้นหานเซิ่นก็มอบวิญญาณอสูรใบเสมาราชาแมลงปีศาจสีทองให้กับหานเหยียน แบบนั้นหานเหยียนก็จะสามารถไปไหนมาไหนตามลำพังได้โดยไม่จำเป็นต้องมีนางฟ้าคอยอยู่เคียงข้างเธอ
ตอนนี้หานเซิ่นมีชุดเกราะกุ้งมังกรนี้อยู่ ดังนั้นใบเสมาราชาแมลงปีศาจก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับเขาอีกต่อไป และถ้าเขาจำเป็นต้องใช้มันล่ะก็ เขาก็แค่ไปหานางฟ้าและคนอื่นๆ
หลังจากที่ได้เห็นการจู่โจมของเหล่ากุ้งกาแลกติก หานเซิ่นก็เข้าใจถึงความอันตรายของระบบจักรวาลเคออสมากขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้เขาจะมีใบเสมาราชาแมลงปีศาจ 3 ดวงอยู่กับตัว ความปลอดภัยของเขาก็ยังไม่ถูกรับประกันอยู่ดี
‘ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้หญิงอย่างอี๋ซาถึงได้ถูกฆ่าตายที่นี่’ เมื่อนึกถึงอี๋ซา หานเซิ่นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ราชาอัศวินไอซ์บลูให้คนนำเนื้อและยีนซีโน่เจเนอิคของกุ้งกาแลกติกมามอบให้กับหานเซิ่นเพื่อเป็นรางวัลที่เขาเข้าร่วมการต่อสู้
คนที่นำของมาส่งก็คืออัศวินไอซ์บลูที่หานเซิ่นช่วยเอาไว้ก่อนหน้านี้
“น้องชาย ชื่อของข้าคือเอ็กซ์โพลดิ้งแบร์ ข้าจะคอยดูแลเจ้าจากนี้เป็นต้นไป ถ้าหากเจ้าต้องการอะไรจากอัศวินไอซ์บลูล่ะก็ ทั้งหมดที่เจ้าต้องทำก็คือบอกหาชื่อของข้าออไป” เอ็กซ์โพลดิ้งแบร์ทุบอกของตัวเองต่อหน้าของหานเซิ่น
“ขอบคุณ” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม มันเป็นอะไรที่โล่งใจที่มีมิตรสหายในหมู่อัศวินไอซ์บลู
“ดี ถ้าน้องมีเวลาล่ะก็ แวะมาหาข้าได้ที่ทีมหก” เอ็กซ์โพลดิ้งแบร์หัวเราะ และตบไหล่ของหานเซิ่น หลังจากนั้นเขาก็จากไปพร้อมกับอัศวินคนอื่นที่ขนรางวัลมาให้กับหานเซิ่น
หานเซิ่นใช้กุ้งกาแลกติกสำหรับทำกุ้งหม้อไฟ เขาตัดเนื้อกุ้งและจุ่มมันลงในซอส เมื่อเขาวางมันลงในปาก ความหวานของเนื้ออันชุ่มฉ่ำก็เป็นอะไรที่เลิศรส เขารู้สึกราวกับว่าจะละลายไปพร้อมกับเนื้อกุ้ง
การเดินต่อมาไม่ได้เป็นอะไรที่อันตรายอย่างที่หานเซิ่นคิด พวกเขาเดินทางอีกหนึ่งอาทิตย์โดยที่ไม่ได้ต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคเลยสักตัว
มันมีกลุ่มซีโน่เจเนอิคที่เห็นยานอวกาศ แต่พวกมันบินหนีไปโดยที่ไม่ก่อปัญหาอะไร
เนื่องจากไม่มีอะไรทำ หานเซิ่นจึงไปร่วมดื่มกับพวกเอ็กซ์โพลดิ้งแบร์ เอ็กซ์โพลดิ้งแบร์เป็นกัปตันของทีมหก อัศวินใต้บังคับบัญชาของเขาต่างก็ดีกับหานเซิ่น ถึงแม้หานเซิ่นจะเป็นเพียงแค่มาร์ควิสคนหนึ่งก็ตาม
ความเป็นมิตรของพวกเขาส่วนใหญ่แล้วเป็นผลจากการกระทำของหานเซิ่นในวันนั้น คนที่มีความดีความชอบจะได้รับความนับถือในหมู่อัศวินโดยไม่คำนึงถึงระดับหรือเผ่าพันธุ์ของคนๆนั้น
“น้องชายอย่าได้กังวล ระบบจักรวาลเคออสไม่ได้น่ากลัวอย่างที่น้องอาจจะคิด พวกเราเดินทางในเส้นทางนี้หลายต่อหลายครั้ง และมันก็ปลอดโปร่งเสมอ แมงมุมหลุมดำและกุ้งกาแลกติกเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น ข้ารู้จักเส้นทางนี้เป็นอย่างดี และบอกน้องได้ว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉะนั้นพักผ่อนให้สบายและเพลิดเพลินกับเครื่องดื่ม” หลังจากนั้นเอ็กซ์โพลดิ้งแบร์ก็เปิดเครื่องดื่มถังที่ 4
“พี่แบร์ มันไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการจะดื่ม แต่ข้าดื่มไม่ไหวแล้ว ท้องของข้ามันเล็กเกินไป” หานเซิ่นมองดูพุงที่ป่องของตัวเอง
เอ็กซ์โพลดิ้งแบร์รักการกิน และในขณะที่หานเซิ่นพยายามใช้วิชาคอนซูมช่วย เขาก็ไม่สามารถกินได้มากนัก เขาไม่สามารถรู้ได้ว่ากระเพาะของเอ็กซ์โพลดิ้งแบร์ใหญ่ถึงขนาดไหนกันแน่
เอ็กซ์โพลดิ้งแบร์หัวเราะออกมาและเริ่มจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเสียงสัญญาณก็ดังขึ้นมา ทุกคนแข็งทื่อไป
“สัญญาณเตือนภัยว่ามีการต่อสู้” เอ็กซ์โพลดิ้งแบร์ตะโกนด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“ดูเหมือนว่าคำพูดของเอ็กซ์โพลดิ้งแบร์จะเชื่อถือไม่ได้”
หานเซิ่นลุกขึ้นมาและไปที่ห้องควบคุม เขารู้ว่ามิสเตอร์ไวท์จะนำพวกพ้องของเขาไปที่นั่น
ตอนที่ 2216
เมื่อหานเซิ่นไปถึงห้องควบคุม มิสเตอร์ไวท์และครามก็รออยู่ที่นั่นแล้ว
จากภาพบนหน้าจอ ดูเหมือนมันจะมีอสูรใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้ายานอวกาศ มอนสเตอร์ตัวนั้นดูเหมือนกับเต่าทะเลขนาดใหญ่ยักษ์ ขนาดตัวของมันเทียบกับดวงดาวดวงหนึ่งได้เลย มันเกือบจะใหญ่โตเท่ากับยานอวกาศของเอ็กซ์ตรีมคิง
ร่างกายใหญ่ยักษ์ของมันดูเหมือนกับสิ่งที่ทำขึ้นมาจากหยกขาว ขาของมันเคลื่อนไหวและสร้างวังวนในอวกาศ มันบินไปในอากาศแต่เหมือนกับว่ามันกำลังว่ายน้ำอยู่
แต่สิ่งที่น่าแปลกที่สุดก็คือกระดองเต่าที่อยู่บนหลังของมัน กระดองหยกนั้นสูงใหญ่และสง่างามราวกับป้อมปราการ แต่แทนที่มันจะเรียบเนียนเหมือนเต่าทั่วไปๆ กระดองของเต่าตัวนี้กลับมีปราสาทและสิ่งก่อสร้างจำนวนมากตั้งอยู่ มันเป็นอะไรที่ดูน่าอัศจรรย์
ยานอวกาศทั้งหมดเข้าสู่โหมดต่อสู้ แต่เนื่องจากราชาอัศวินไอซ์บลูยังไม่ได้ออกคำสั่ง มันจึงไม่มียานอวกาศลำไหนยิงปืนออกไป พวกเขากำลังจ้องหน้ากับเต่ายักษ์โดยที่ยังไม่มีฝ่ายไหนลงมือทำอะไร
ราชาอัศวินไอซ์บลูและอัศวินไอซ์บลูคนอื่นๆดูมีสีหน้าที่จริงจริง แต่ก็ดูโกธรและหวาดกลัวในขณะเดียวกัน
“นั่นคืออะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นกระซิบถามมิสเตอร์ไวท์
มิสเตอร์ไวท์กระซิบตอบ “อันเดอร์โอเวอร์แบริ่ง มันคือหนึ่งในซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่น่ากลัวที่สุดในระบบจักรวาลเคออส”
หานเซิ่นตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เขาจำได้ถึงสิ่งที่ถูกบอกเกี่ยวกับความตายของอี๋ซา เขาได้ยินมาว่าอี๋ซาถูกฆ่าโดยอันเดอร์โอเวอร์แบริ่ง
“ภายในระบบจักรวาลเคออสมีอันเดอร์โอเวอร์แบริ่งอยู่กี่ตัว?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่เต่ายักษ์
มิสเตอร์ไวท์รู้ว่าจริงๆแล้วหานเซิ่นอยากจะถามอะไร ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นมา
“มันมีเพียงแค่ตัวเดียว อี๋ซาถูกมอนสเตอร์ตัวนี้ฆ่าจริงๆนั่นแหละ”
หลังจากที่ได้ยินอย่างนั้นหานเซิ่นก็มีสีหน้าที่ซับซ้อน เขามองดูเจ้าตัวนั้นว่ายผ่านอวกาศ และเขาก็สามารถบอกได้ทันทีว่ามันน่ากลัวแค่ไหน ถึงแม้จะมองผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ตาม เขารู้ดีว่าตัวเองยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับมัน
ถึงแม้จะใช้วิญญาณอสูรใบเสมาราชาแมลงปีศาจทั้ง 3 สี เขาก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากศัตรูแบบนั้นได้อยู่ดี
หานเซิ่นรู้ว่าหน่วยอัศวินไอซ์บลูได้รับคำสั่งให้มาเก็บกวาดดาวยักษ์ดวงหนึ่งในระบบจักรวาลเคออส แต่การทำแบบนั้น พวกเขาได้ไปปลุกอันเดอร์โอเวอร์แบริ่งที่หลับใหลอยู่ให้ตื่นขึ้นมา มันจึงโกรธและจู่โจมพวกเขา
อี๋ซาเป็นหนึ่งในสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของหน่วยอัศวินไอซ์บลู และเธอก็มีวิชาที่สร้างความเสียหายได้สูงที่สุด เธอสามารถถ่วงเวลาอันเดอร์โอเวอร์แบริ่งได้นานพอที่หน่วยอัศวินอื่นเดินทางมาช่วยสนับสนุนได้ทัน
อี๋ซาถูกอันเดอร์โอเวอร์แบริ่งกลืนกินเข้าไป แต่กองกำลังของอัศวินสามารถปกป้องยานอวกาศและหนีออกไปจากดาวยักษ์ได้ พวกเขาไม่สามารถสร้างความเสียหายกับอสูรตัวนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ตอนนี้เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอันเดอร์โอเวอร์แบริ่งอีกครั้ง ทุกคนในหน่วยอัศวินไอซ์บลูก็มีสีหน้าที่ซับซ้อน พวกเขาดูโกรธกับความพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้ แต่พวกเขาก็ดูไม่มั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ตัวนี้อีกครั้ง พวกเขารู้ว่ากองกำลังของพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะอันเดอร์โอเวอร์แบริ่งได้ เพราะยังไงซะมันก็เป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า
อันเดอร์โอเวอร์แบริ่งกำลังว่ายเล่นในอวกาศ มันไม่ได้เข้ามาหาพวกเขา มันมองข้ามเหล่าอัศวินไอซ์บลูราวกับว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่แมลงวัน และหลังจากผ่านไปสักพัก มันก็ว่ายจากไป
เมื่ออันเดอร์โอเวอร์แบริ่งหายไปจากสายตาของทุกคน เหล่าอัศวินไอซ์บลูก็ถอนหายใจออกมาราวกับว่าพวกเขาเพิ่งจะยกภูเขาทั้งลูกออกจากอก
หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มเดินทางต่อในเส้นทางที่วางแผนเอาไว้
หานเซิ่นและมิสเตอร์ไวท์กลับไปที่ห้องของพวกเขา มิสเตอร์ไวท์ถอนหายใจและพูด
“การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปอย่างที่วางแผนเอาไว้ ตอนแรกพวกเราไปเจอกับแมงมุมหลุมดำและกุ้งกาแลกติก ตอนนี้พวกเราเพิ่งจะเจอกับอันเดอร์โอเวอร์แบริ่ง ข้าหวังว่าการเดินทางที่เหลือจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก”
หานเซิ่นถาม “มิสเตอร์ไวท์ สิ่งก่อสร้างที่ดูเหมือนกับปราสาทบนหลังของอันเดอร์โอเวอร์แบริ่งนั้นใครเป็นคนสร้าง?”
มิสเตอร์ไวท์ยิ้ม “ไม่มีใครรู้ เอ็กซ์ตรีมคิงได้สำรวจระบบจักรวาลเคออสมาหลายศตวรรษแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็เพิ่งจะยึดครองดินแดนได้เพียงแค่ 0.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ระบบจักรวาลเคออสเป็นเหมือนกับซีโน่เจเนอิคสเปชที่ใหญ่กว่าซีโน่เจเนอิคสเปชไหนๆที่พวกเรารู้จัก มีเพียงแค่เซเคร็ดเท่านั้นที่เทียบกับสถานที่แห่งนี้ได้ หรืออีกในนัยหนึ่งมันก็เป็นเหมือนกับซีโน่เจเนอิคสเปชขั้นสุดยอด”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ มิสเตอร์ไวท์ก็อธิบายต่อ “จากที่ข้ารู้ ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา มันได้มีการเผชิญหน้ากับอันเดอร์โอเวอร์แบริ่งทั้งหมด 11 ครั้ง การพบกับมันครั้งแรกคือเมื่อ 200 ปีก่อน แม้แต่เมื่อก่อนมันก็มีปราสาทอยู่บนหลังของมันเหมือนกับตอนนี้ ไม่มีใครรู้ว่าปราสาทและสิ่งก่อสร้างบนหลังของมันมาจากที่ไหน พวกเราได้พบเห็นมันหลายต่อหลายครั้ง แต่มันก็ไม่เคยมีใครเจอหลักฐานไหนที่บ่งบอกว่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในสิ่งก่อสร้างเหล่านั้น มันเป็นปริศนาอย่างแท้จริง”
อัศวินไอซ์บลูหวาดระแวงตลอดการเดินทางที่เหลือ มันมีเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นมากเกินไปในระหว่างทาง และนั่นทำให้ทุกคนรู้สึกตึงเครียด
โชคดีที่พวกเขาไม่ได้เจอกับมอนสเตอร์ที่เลวร้ายตัวไหนอีก และในที่สุดยานอวกาศก็ไปถึงฐานทัพของหน่วยอัศวินไอซ์บลูในระบบจักรวาลเคออส
มันไม่ใช่ระบบที่ใหญ่อะไรมาก แต่เอ็กซ์ตรีมคิงก็วางรากฐานอันมั่นคงเอาไว้แล้ว
มันมีหน่วยอัศวินทั้งหมดสิบหน่วยด้วยกัน และ 4 หน่วยนั้นอยู่ภายในระบบจักรวาลเคออส หนึ่งในหน่วยอัศวินนั้นครอบครอง 2 ระบบ ในขณะที่อีก 3 หน่วยครอบครองหน่วยละหนึ่งระบบ
หน่วยอัศวินไอซ์บลูเป็นเจ้าของระบบนี้ และพวกเขาก็ใช้ชื่อหน่วยตั้งชื่อระบบแห่งนี้ ด้วยเหตุนั้นมันจึงถูกรู้จักกันในชื่อระบบไอซ์บลู
ระบบไอซ์บลูมีดาวทั้งหมด 6 ดวง ดาวดวงที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดมหึมา แม้แต่ยานอวกาศลำใหญ่ยักษ์ของอัศวินไอซ์บลูก็เป็นเพียงแค่ภูเขาเมื่อเทียบกับมัน
ฐานทัพของอัศวินไอซ์บลูอยู่บนดาวดวงนั้น แต่มันก็มีเพียงแค่ 30 เปอร์เซ็นต์ที่ถูกพัฒนา มันยังเหลือผืนผิวอีกมากที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ
พวกเขาตั้งชื่อมันว่าดาวไอซ์บลู เมื่อพวกเขาลงจอด หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าฐานทัพนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากหินมหาสมุทร เขาไม่อยากจะนึกเลยว่าเอ็กซ์ตริมคิงต้องใช้เงินมากมายขนาดไหนเพื่อที่จะสร้างมันขึ้นมา
หานเซิ่นเป็นองครักษ์ของมิสเตอร์ไวท์ แต่เขาก็ยังอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของราชาอัศวินไอซ์บลูอยู่ดี เมื่อพวกเขาไปถึงฐานทัพของหน่วยอัศวินไอซ์บลู หานเซิ่นและพวกพ้องก็ได้รับมอบภารกิจบางอย่างเช่นเดียวกับอัศวินคนอื่นๆ ภารกิจของพวกเขาคือการเก็บกวาดและการออกสำรวจ
ภายในพื้นที่ที่หน่วยอัศวินไอซ์บลูครอบครอง หานเซิ่นได้รับภารกิจให้ระบุตำแหน่งของซีโน่เจเนอิคและวาดแผนที่
ฐานะของหานเซิ่นแตกต่างไปจากอัศวินธรรมดา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อยู่ในทีมอัศวินสำรอง เขามีทีมของตัวเองที่ประกอบไปด้วยพวกพ้องของเขาเอง ซึ่งนั่นคือข้อตกลงที่เขาทำเอาไว้ก่อนที่เขาจะเข้าร่วม
ถ้าเขาเข้าร่วมกับอัศวินไอซ์บลูแบบปกติล่ะก็ หานเมิ่งเอ๋อและคนอื่นๆก็คงจะถูกกระจายกันออกไปตามทีมต่างๆ แต่ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นทำงานให้กับมิสเตอร์ไวท์ ราชาอัศวินไอซ์บลูก็ไม่สามารถแยกพวกเขาออกจากกันได้ ซึ่งไม่ใช่เพราะแบบนี้ หานเซิ่นก็คงจะไม่พาพวกพ้องของเขามาที่นี่ตั้งแต่แรก
ตอนที่ 2217
ทันทีที่ทีมของหานเซิ่นมาถึงฐานทัพของหน่วยอัศวินไอซ์บลู พวกเขาก็ได้รับภารกิจหลักให้ไปกำจัดซีโน่เจเนอิคที่สามารถหาพบได้รอบฐานทัพ
ฐานทัพถูกตั้งขึ้นมาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว แต่ซีโน่เจเนอิคก็ยังคงออกมาจากภูเขาอยู่เรื่อยๆ ฝูงของซีโน่เจเนอิคจะออกมาสร้างปัญหาให้กับฐานทัพของหน่วยอัศวินไอซ์บลูอยู่เป็นระยะๆ
ภารกิจของหานเซิ่นคือเดินทางไปที่ภูเขาเหล่านั้นและเก็บกวาดมอนสเตอร์ที่อยู่ข้างใน มันมีนกซีโน่เจเนอิคอยู่บนภูเขาเป็นจำนวนมากและพวกมันยังให้กำเนิดอย่างรวดเร็ว หานเซิ่นต้องกวาดล้างรังของพวกมันและทำลายไข่ที่หาพบ ไม่อย่างนั้นล่ะก็มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาก่อนที่พวกมันจะกลับมา
ในท่ามกลางภูเขาเหล่านั้น หานเซิ่นกำลังปอกเปลือกไข่ต้มหลายฟองอยู่ เขากินพวกและขมวดคิ้ว
กลุ่มของพวกเขาเดินทางมาที่ภูเขาครึ่งเดือนแล้ว และพวกเขาก็ฆ่านกทุกๆวัน ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าไข่ของพวกมันอร่อยดี แต่หลังจากผ่านไปครึ่งเดือนที่กินไข่เป็นอาหารเพียงอย่างเดียวของพวกเขา พวกเขาก็เริ่มจะรู้สึกเบื่อรสชาติของมัน
หน่วยอัศวินไอซ์บลูได้ฆ่าซีโน่เจเนอิคที่แข็งแกร่งที่สุดไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีซีโน่เจเนอิคระดับสูงอยู่รอบๆ มันไม่มีแม้แต่ระดับดยุก ซีโน่เจเนอิคส่วนใหญ่ที่พวกเขาพบเป็นเพียงแค่ซีโน่เจเนอิคระดับต่ำที่มีความสามารถในการให้กำเนิดอย่างรวดเร็วเท่านั้น ดังนั้นการฆ่าพวกมันจึงไม่ได้ช่วยอะไรหานเซิ่น
แต่งานเก็บกวาดก็มีผลประโยชน์บางอย่างอยู่ มันจะทำให้พวกเขาได้รับแต้มและแต้มก็สามารถนำไปใช้แลกสิ่งของจากในฐานทัพได้ มันมีทั้งวิชาจีโนและยีนซีโน่เจเนอิคให้แลกซื้อ
แน่นอนว่าสำหรับหานเซิ่นแล้ว พวกมันเป็นรางวัลที่ไม่คุ้มค่ากับความยากลำบาก เนื่องจากสิ่งของที่เขาต้องการจำเป็นต้องใช้แต้มเป็นจำนวนมาก
แต่ถึงอย่างนั้นการมาที่นี่ก็ไม่ได้ไร้ค่าซะทีเดียว บนภูเขามีนกซีโน่เจเนอิคหลายหลายธาตุอาศัยอยู่ และความจริงมันก็มอบความคิดบางอย่างให้กับหานเซิ่น
หานเซิ่นไม่สามารถใช้วิญญาณอสูรอัญมณีเรเวนอาทิตย์ เพราะเขาจำเป็นต้องมีวิญญาณอสูรนกธาตุเพลิงเป็นรากฐานซะก่อน มันมีนกซีโน่เจเนอิคมากมายอยู่ที่นี่ ดังนั้นถ้าหากเขาสามารถหาวิญญาณอสูรของนกธาตุไฟระดับสูงมาได้ล่ะก็ เขาก็สามารถรวมมันเข้ากับวิญญาณอสูรเรเวนอาทิตย์ได้ ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เขาได้รับวิญญาณอสูรระดับเทพเจ้ามา
ถ้าเป็นไปได้วิญญาณอสูรระดับราชันจะมีโอกาสสำเร็จสูงที่สุด แต่มันเรื่องยากที่จะล่าซีโน่เจเนอิคระดับราชันได้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงคิดที่จะหาระดับดยุกแทน
หลังจากการค้นหาอยู่หลายวัน หานเซิ่นก็พบกับนกซีโน่เจเนอิคธาตุไฟที่เหมาะสม
หน่วยอัศวินไอซ์บลูมีแผนที่ที่ทำเครื่องหมายที่ระบุเขตแดนที่อันตรายเอาไว้ ซึ่งหุบเขาลาวาเป็นหนึ่งในสถานที่เหล่านั้น
หุบเขาแห่งนั้นมีความยาวกว่าหนึ่งแสนไมล์ มันมีแม่น้ำลาวาไหลผ่านและกำแพงของหุบเขาก็มีถ้ำอยู่เป็นจำนวนมาก บ่อยครั้งที่ซีโน่เจเนอิคธาตุไฟจะตั้งถิ่นฐานในสถานที่แบบนั้น
ซีโน่เจเนอิคที่ถูกรู้จักกันมากที่สุดของที่นั่นก็คืออีกาอัคคี อีกาอัคคีเป็นซีโน่เจเนอิคธาตุไฟล้วน พวกมันสามารถพ่นไฟใส่ศัตรู และพวกมันจะกินแมลงธาตุไฟที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำลาวาเป็นอาหาร
พวกมันเป็นซีโน่เจเนอิคขนาดเล็ก ร่างกายของมันยาวเพียงแค่หนึ่งนิ้วมือคนเท่านั้น และพวกมันก็ไม่ใหญ่ไปกว่าผึ้งตัวหนึ่ง กลุ่มขนาดเล็กของอีกาอัคคีสามารถมีจำนวนถึงหนึ่งหมื่นตัวได้เลย
กลุ่มของอีกาอัคคีแบบนั้นมีอยู่ทุกหนทุกแห่งตลอดแม่น้ำลาวา กลุ่มอีกาอัคคีกลุ่มใหญ่สามารถมีพวกมันถึงหนึ่งล้านตัว
อีกาอัคคีทั่วไปเป็นระดับบารอนและไวเคานต์ ตัวที่หายากอาจจะเป็นระดับเอิร์ล ราชาอีกาอัคคีน้อยตัวนักที่จะกลายเป็นระดับมาร์ควิสได้
ส่วนราชาอีกาอัคคีตัวที่เป็นระดับดยุกนั้นจะพบได้ในหมู่ของกลุ่มอีกาอัคคีขนาดใหญ่เท่านั้น
มันมีเรื่องราวบอกว่าในตอนที่หน่วนอัศวินไอซ์บลูมาถึงที่นี่ครั้งแรก พวกเขาได้เก็บกวาดกลุ่มอีกาอัคคีที่มีพวกมันอยู่กว่าพันล้านตัว ราชาอีกาอักคีของกลุ่มนกกลุ่มเป็นซีโน่เจเนอิคระดับราชันอย่างแท้จริง
หานเซิ่นเชื่อว่าการรวมวิญญาณอสูรของอีกาอัคคีกับวิญญาณอสูรเรเวนอาทิตย์จะสำเร็จ แต่เขายังไม่รู้ว่าวิญญาณอสูรของอีกาอัคคีคืออะไรกันแน่
มันจะเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบ ถ้ามันเป็นวิญญาณอสูรประเภทอาวุธ เขามีวิญญาณอสูรใบเสมาราชาแมลงปีศาจระดับครึ่งเทพและชุดเกราะกุ้งมังกรกาแลกติกระดับราชันอยู่แล้ว ดังนั้นด้านการป้องกันเขาถือว่าเพียบพร้อม สิ่งที่จำเป็นสำหรับเขาในตอนนี้คือพลังทำลายล้างที่จะช่วยให้เขาสังหารซีโน่เจเนอิคที่แข็งแกร่งได้อย่างง่ายๆ
ถ้าเขามีอาวุธวิญญาณอสูรระดับเทพเจ้าล่ะก็ นั่นจะเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบที่สุด
แต่หุบเขาลาวาไม่ใช่สถานที่ที่หานเซิ่นถูกมอบหมายให้เก็บกวาด เขาไม่อยากจะเสี่ยงล้ำเส้นของอัศวินไอซ์บลู การขัดคำสั่งและเดินทางไปในบริเวณที่เขาไม่ได้ถูกกำหนดให้ไปจะถือว่าเป็นอะไรที่เลวร้ายมากๆ
“เราจะไปที่หุบเขาลาวาอย่างถูกต้องได้ยังไงกัน?” หานเซิ่นสงสัย
ผึ้งราชินีชาโดว์กำลังกินไข่ฟองหนึ่งอยู่ จนถึงตอนนี้เธอเติบโตขึ้นกว่าเดิมมาก และมันคงจะอีกไม่นานก่อนที่เธอจะเข้าสู่โหมดต่อสู้
เป่าเอ๋อตบด้านข้างของหานเซิ่นและยกเครื่องมือขนาดเล็กอย่างหนึ่งขึ้นมา “พ่อ ยิ้ม!”
หานเซิ่นโพสท่าได้รับชัยชนะ พวกเขาได้รับภารกิจให้บันทึกทุกสถานที่ที่พวกเขาเดินทางไป และพวกเขาก็ต้องบันทึกภาพที่แสดงว่าพวกเขาได้เก็บกวาดเหล่าซีโน่เจเนอิค มันเป็นหลักฐานที่พวกเขาจำเป็นต้องนำไปแสดงเพื่อรับแต้มเป็นรางวัล
ทุกทีมจะมีสมาชิกคนหนึ่งค่อยบันทึกวิดีโอเกี่ยวกับความสำเร็จของพวกเขา สำหรับทีมของหานเซิ่น เป่าเอ๋อเป็นคนรับหน้าที่นั้น เธอรักการบันทึกสิ่งต่างๆและเธอก็สนุกสนานกับการทำแบบนั้น
“ในที่แห่งนี้ซีโน่เจเนอิคระดับสูงหายากเกินไป พวกเราจำเป็นต้องหาตำแหน่งอื่น” หวงฟูจิ้งบอกหานเซิ่น เธอไม่พอใจนักที่ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ และเธอก็ต้องการความท้าทาย
“ฉันกำลังพยายามคิดหาหนทางอยู่” หานเซิ่นพูด
หานเหยียนก็ไม่ชอบเช่นกัน เธอคิดอยู่ชั่วครู่หลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้นมา
“มันไม่มีแม้แต่ซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสอยู่ที่นี่ บอกตามตรงนี่มันเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์”
หานเซิ่นเริ่มจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆเขาก็ปิดปากของตัวเองอย่างกะทันหันและมองลึกเข้าไปในหุบเขา
บนกำแพงที่ลึกที่สุดในหุบเขามีรอยร้าวที่ดูเหมือนกับใยแมงมุม สสารสีม่วงเริ่มรั่วไหลออกมาจากรอยร้าวเหล่านั้น มันรั่วไหลออกมาแค่นิดหน่อยเท่านั้นในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันก็รั่วไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อกลุ่มของหานเซิ่นเห็นมัน พวกเขาก็รู้ในทันทีว่านั่นไม่ใช่น้ำพุ เมื่อพวกเขามองดูชัดๆ พวกเขาก็เห็นว่าของเหลวสีม่วงนั้นจริงๆแล้วเป็นสายธารของแมลงสีม่วงตัวน้อยๆ พวกมันแต่ละตัวมีขนาดพอๆกับเล็บมือ และพวกมันก็ดูเหมือนกับด้วงหนวดยาว พวกมันมีสีม่วง พร้อมกับเขาและหนวดสีม่วง
ไม่นานแมลงก็หลั่งไหลออกมาราวกับแม่น้ำที่ไหนเชี่ยว
หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อสแกนพวกมัน เขาสังเกตเห็นว่าพวกแมลงไม่ใช่ระดับสูงอะไร เมื่อดูจากพลังชีวิตของพวกมันแล้ว พวกมันไม่น่าจะเกินระดับบารอน ดังนั้นถึงแม้พวกมันจะมีอยู่เป็นจำนวนมาก พวกมันก็ไม่น่าจะเป็นอันตรายอะไร
หานเซิ่นและคนอื่นๆรีบวางแผนเพื่อเก็บกวาดพวกมัน ถึงแม้พวกมันจะไม่ใช่ศัตรูระดับสูง การจัดการกับพวกมันก็เป็นหนทางที่ดีที่จะได้รับแต้มมากขึ้น ถ้าพวกมันต้องการจะคลานออกมาเพื่อค้นหาความตายล่ะก็ หานเซิ่นก็ไม่คิดจะออมมือให้กับพวกมัน
แต่แทนที่จะจู่โจมกลุ่มของหานเซิ่น สายธารแมลงไหลอ้อมพวกเขาและออกไปจากหุบเขาอย่างรวดเร็ว พวกมันไม่ได้แสดงความสนใจที่จะจู่โจมใครทั้งนั้น
เมื่อเห็นเหล่าแมลงมีท่าทีแบบนั้น มันก็สันนิษฐานไปได้ว่าพวกมันกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างมา
ตอนที่ 2218
หลังจากมองดูแมลงมากมายหนีออกมาจากหุบเขา หานเซิ่นและคนอื่นๆก็มองไปที่รอยแยกด้วยความอยากรู้อยากเห็น ขณะที่พวกเขาจ้องมองอยู่นั้น มือข้างหนึ่งก็ปรากฏออกมาเห็นในช่องว่าง
แต่รอยแยกนั้นเล็กมากๆ ดังนั้นมันเป็นเรื่องยากที่จะดันมือข้างหนึ่งออกมา หลังจากที่ความพยายามที่จะดันมือออกมาล้มเหลว มือนั้นก็ถูกดึงกลับไป และดวงตาลูกหนึ่งก็ปรากฏในรอยแยกแทน แต่เมื่อมันเห็นหานเซิ่นและคนอื่น ดวงตานั้นก็ถอยและหายไป
“นั่นเป็นซีโน่เจเนอิคหรือสมาชิกของอัศวินไอซ์บลูกัน?” จีชิงถาม
นั่นคงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกแมลงทั้งหมดหนีออกมาจากรอยแยก พวกแมลงไม่ได้ดุร้ายอะไร และพวกมันก็ดูเหมือนจะไม่กินเนื้อด้วยซ้ำ
หานเซิ่นรู้สึกอยากรู้อยากเห็น ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปหากำแพงและชักมีดเขี้ยวผีสิงออกมา เขาฟันไปที่รอยแยกบนหินเพื่อทำให้มันกว้างขึ้น
กำแพงหินแข็งพอสมควร แต่มันหนาเพียงแค่หนึ่งนิ้วเท่านั้น และเหนือกำแพงขึ้นไปเป็นอะไรที่กลวงโบ๋ หานเซิ่นขุดรอยแยกให้เปิดกว้างมากพอที่คนจะสามารถเดินเข้าไปได้
ภายในถ้ำกว้างพอสมควร และพวกเขาทั้งหมดก็สามารถเข้าไปข้างในได้อย่างสบายๆโดยไม่ต้องเบียดเสียด แต่ถ้ำดูเหมือนจะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยมือคน มันมีหินงอกหินย้อยอยู่เป็นจำนวนมาก และพวกแมลงสีม่วงก็ตะเกียกตะกายกันเกาะอยู่ตามกำแพงและพื้นของถ้ำ บางสิ่งบางอย่างจะต้องทำให้เหล่าแมลงภายในถ้ำตื่นกลัว
“พวกเธอรออยู่ที่นี่ ฉันจะไปดูสักหน่อย” หานเซิ่นพูดกับหวงฟูจิ้ง
“พวกเราไปดูด้วยกันเถอะ” จีชิงพูดพร้อมกับกระพริบตา
“พี่ให้พวกเราไปด้วยเถอะ วิญญาณอสูรราชาแมลงปีศาจก็อยู่กับพวกเรา ดังนั้นพวกเราไม่เป็นอะไรหรอก” หานเหยียนมองไปในถ้ำอย่างตื่นเต้น
หานเซิ่นไม่ได้ปฏิเสธ เพราะในตอนที่มือเผยออกมาให้เห็นก่อนหน้านี้ เขาได้ใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อสแกนมันอย่างรวดเร็ว ไม่ว่ามันจะคืออะไรก็ตาม มันก็ดูไม่ได้แข็งแกร่งอะไร มือข้างนั้นไม่มีทางเหนือกว่าระดับดยุกไปได้
หานเซิ่นและพวกพ้องเดินเข้าไปในถ้ำ ขณะที่หานเหยียนเดินอยู่หน้าสุดเพื่อเป็นคนนำทีมสำรวจลึกเข้าไปในถ้ำอย่างร่าเริง
มันมีแมลงอยู่รอบๆเป็นจำนวนมาก และพวกมันดูจะแตกตื่นเมื่อถูกอะไรบางอย่างเข้าไปใกล้
พวกเขาเดินทางลึกเข้าไปในถ้ำ และพวกเขาก็เห็นแมลงวิ่งหนีแตกตื่นกันในทุกที่ที่พวกเขาเคลื่อนที่ไป มันมีเส้นทางมากมายให้เลือก และโครงสร้างของถ้ำก็ซับซ้อนราวกับเขาวงกต
พวกเขาเดินทางตามการเคลื่อนไหวของพวกแมลงไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปถึงถ้ำที่ใหญ่กว่าเดิม น่าแปลกที่มันไม่มีเส้นทางไหนให้เข้าไปอีก และภายในถ้ำก็ดูเหมือนจะเป็นที่อยู่อาศัยของของเถาวัลย์และเห็ดสีดำ ด้วยกำแพงโดยรอบที่ดูแน่นหนา มันก็ดูเหมือนไม่มีทางไหนให้พวกเขาไปได้นอกจากทางอุโมงค์ที่พวกเขาเพิ่งจะเข้ามา
“แปลกจริง มันควรจะเป็นที่นี่ มันหายไปไหนกันแน่? นี่พวกเราเดินมาผิดทางอย่างนั้นหรอ?” จีชิงถามขณะที่มองไปรอบๆถ้ำ
“พวกเรามาถูกทางแล้ว” หานเซิ่นพูดอย่างมั่นใจ เขาใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนสแกนรอบๆเพื่อหาร่องรอยของสิ่งมีชีวิตที่พวกเขากำลังตามหา
หานเซิ่นมองไปรอบๆ หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็มาหยุดอยู่ที่ก้อนหินก้อนหนึ่งใกล้ๆกับกำแพง เขาสะบัดมือของตัวเองเพื่อผลักก้อนหินออกไปและเผยให้เห็นถ้ำขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ด้านหลังก้อนหิน ชายคนนั้นซ่อนตัวอยู่ในนั้น เขาขดตัวเป็นลูกบอลเพื่อจะยัดตัวเองเข้าไปข้างใน
หลังจากที่ถูกค้นพบ ชายคนนั้นก็กรีดร้องออกมา หลังจากนั้นเขาก็คุกเข่าและอ้อนวอนด้วยเสียงที่เกือบจะฟังไม่ออก
“อย่า…อย่าฆ่าข้า…”
หานเซิ่นและพวกพ้องประหลาดใจ พวกเขารู้ว่าชายคนนั้นเป็นคนเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง
เอ็กซ์ตรีมคิงที่พวกเขาได้พบในหน่วยอัศวินไอซ์บลูเป็นผู้คนที่สูงส่ง ด้วยฐานะทางสังคมทำให้พวกเขาอยู่เหนือคนอื่นเกือบทั้งหมด และพวกเขาก็มักจะดูแข็งแกร่งและเคร่งขรึม นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นคนเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงในสภาพแบบนั้น
“เจ้าคือใครกัน?” จีชิงถามชายคนนั้น
“ข้า…ข้าเป็นอัศวินสำรองคนหนึ่งของหน่วยอัศวินไอซ์บลู ได้โปรดปล่อยข้าไป” เอ็กซ์ตรีมคิงชายพูด ในขณะเดียวกันเขาก็อ้อนวอนต่อหน้าหานเซิ่นซ้ำๆ
“อธิบายสถานการณ์ของเจ้า ไม่อย่างนั้นพวกเราจะพาเจ้ากลับไปที่หน่วยอัศวินไอซ์บลู” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
ชายคนนั้นดูหวาดกลัวอย่างมากกับเรื่องนั้น เขารีบอธิบายทุกอย่าง
เมื่อพวกหานเซิ่นได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด พวกเขาก็พบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อได้
เอ็กซ์ตรีมชายคนนี้เป็นเหมือนกับหานเซิ่น เขาถูกพามาในฐานะอัศวินสำรองของหน่วยอัศวินไอซ์บลู แต่ทว่าเขาเป็นเอ็กซ์ตรีมคิงคนหนึ่ง นอกจากนั้นเขายังเป็นกัปตันของทีมอัศวินอีกด้วย ภารกิจของเขาเหมือนกับหานเซิ่นที่ว่าต้องไปเก็บกวาดซีโน่เจเนอิคที่อาศัยอยู่รอบๆฐานทัพ แต่บริเวณที่เขาถูกมอบหมายไม่ใช่ที่พวกเขากำลังอยู่ในตอนนี้ เขาถูกมอบหมายให้เก็บกวาดทะเลทรายแห่งหนึ่ง
ทีมของเขาได้เดินทางไปพบโบราณสถานที่ใจกลางของทะเลทรายแห่งนั้น ซึ่งหลังจากที่ติดต่อไปหาผู้บังคับบัญชา พวกเขาก็ถูกสั่งให้รอการไปถึงของเหล่าอัศวินไอซ์บลูระดับสูง
แต่พวกเขาก็ต้องประหลาดใจที่เมื่อเหล่าอัศวินไอซ์บลูระดับสูงมาถึง พวกเขาไม่ได้เข้าไปข้างในเพื่อสำรวจ แต่พวกเขาสังหารทีมที่ค้นพบมันแทน
ไป๋เหวินเซวียนถูกแทงร่วงลงไปในบ่อน้ำ เหล่าอัศวินไอซ์บลูระดับสูงเชื่อว่าเขาถูกฆ่าตาย แต่ร่างกายของเขายังคงไม่ขาดใจถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บอย่างหนักก็ตาม หลังจากนั้นเขาก็ได้ซ่อนตัวอยู่ในน้ำ
บ่อน้ำนั้นเชื่อมต่อกับระบบน้ำใต้ดิน ไป๋เหวินเซวียนอยู่ภายในนั้นเป็นเวลานาน เขาไม่กล้าจะออกมาด้วยความกลัวที่จะถูกฆ่า
แต่เนื่องจากภายในถ้ำก็ไม่ได้ปลอดภัยซะทีเดียว เขาจึงย้ายที่ไปเรื่อยๆ ตลอด 2 วันที่ผ่านมาเขาถูกไล่ล่าโดยซีโน่เจเนอิค และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เขามาถึงส่วนนี้ของถ้ำ เขาเห็นแสงสว่างจากรอยแยกและต้องการจะหนีออกมาจากถ้ำ แต่เขาเห็นพวกหานเซิ่นอยู่ข้างนอก
หลังจากที่หานเซิ่นได้ยินเรื่องราว เขาก็ถามไป๋เหวินเซวียน
“โบราณสถานนั้นเป็นของอารยธรรมแบบไหนกัน?”
ไป๋เหวินเซวียนรีบตอบ “ข้าไม่รู้ ข้าไม่เคยเห็นสถาปัตยกรรม และข้าก็อ่านข้อความที่พวกเราเห็นไม่ออก”
ใบหน้าของหานเซิ่นมืดลง เขาพูดอย่างเย็นชา “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็คงจะช่วยเหลือเจ้าไม่ได้ เจ้ารู้ว่าสิ่งที่ทีมของพวกเราบันทึกจะไม่ถูกลบออกไป เจ้าถูกถ่ายภาพแล้ว ดังนั้นถ้าข้าไม่พาเจ้ากลับไป ข้าก็จะถูกลงโทษ”
“ไม่ เจ้าจะพาข้ากลับไปไม่ได้! ถ้าพวกเขารู้ว่าเจ้าพบข้าเข้า พวกเขาก็จะคิดว่าข้าบอกเจ้าเกี่ยวกับโบราณสถาน พวกเขาจะฆ่าเจ้าไปด้วย!” ไป๋เหวินเซวียนกรีดร้อง
“ข้าก็อยากจะรู้เห็นเหมือนกันว่าพวกเขาจะทำแบบนั้นจริงๆหรือเปล่า”
หานเซิ่นส่งสัญญาณให้พวกพ้องของเขาหยิบอาวุธออกมา มันดูเหมือนกับว่าพวกเขาจะฆ่าไป๋เหวินเซวียน
“เซเคร็ด!” ไป๋เหวินเซวียนตะโกน “มันเป็นโบราณสถานของเซเคร็ด!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น