Super God Gene 2195-2206

ตอนที่ 2195

 

พลังในการกัดกร่อนของน้ำสีดำเป็นบางสิ่งที่เหมือนกับหินลับมีด มันดูเหมือนกับเครื่องฝนที่สามารถกร่อนเพชรจนกลายเป็นผุยผงได้ มันหมุนวนอย่างต่อเนื่องอยู่ภายนอกโล่สีฟ้า


 


ราชาไนท์ริเวอร์มั่นใจในไนท์ริเวอร์บีสต์ก็อตเป็นอย่างมาก ถึงมันจะไม่ได้เป็นวิชาจีโนที่มีพลังอย่างล้นหลามอย่างพลังเขี้ยว


 


แต่พลังกัดกร่อนนี้สามารถทำลายอาวุธระดับราชันได้ แม้แต่สิ่งของระดับเทพเจ้าก็อาจจะถูกทำให้กลายเป็นผุยผงได้ ถ้าการโจมตีของราชาไนท์ริเวอร์ถูกทิ้งเอาไว้เป็นเวลานานพอ


 


ราชาไนท์ริเวอร์ไม่เชื่อว่าโล่ป้องกันของหานเซิ่นจะเป็นสมบัติระดับเทพเจ้า และถึงมันจะเป็นอย่างนั้น หานเซิ่นก็ยังเป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง เขาไม่สามารถใช้พลังของมันได้อย่างเต็มศักยภาพ ดังนั้นไม่ว่าโล่สีฟ้าจะเป็นอะไร มันก็คงจะทนอยู่ได้ไม่นาน


 


นี่เป็นกฎของสมบัติทุกอย่าง ด้วยเหตุนั้นราชาไนท์ริเวอร์จึงเชื่อมั่นว่าพลังของเขาจะทำลายโล่ของหานเซิ่นได้ในที่สุด เขาแค่ต้องรอเวลาเท่านั้น


 


ราชาไนท์ริเวอร์หวังว่ามันจะไม่มียอดฝีมือคนอื่นมาสังเกตเห็นการกระทำของเขาก่อนที่หานเซิ่นจะตาย ถ้ามีใครบางคนเข้ามาขัดขวางล่ะก็ นั่นจะทำลายค่ำคืนของเขา


 


โชคร้ายที่ราชาไนท์ริเวอร์ไม่ได้รู้ถึงความแตกต่างระหว่างวิญญาณอสูรกับสมบัติของจักรวาลจีโน มาร์ควิสคนหนึ่งไม่สามารถใช้พลังทั้งหมดของสมบัติที่เหนือกว่าระดับของตัวเองได้ นั่นเป็นความจริง แต่วิญญาณอสูรไม่ได้มีกฎข้อนั้นอยู่


 


สมบัติของจักรวาลจีโนจำเป็นต้องพึ่งพลังจากผู้ใช้ในการใช้งาน แต่สำหรับวิญญาณอสูรแล้ว พลังของผู้ใช้ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น


 


ภายใต้กงล้อน้ำสีดำที่กำลังหมุนวนอยู่นั้น ใบเสมาราชาแมลงปีศาจไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว


 


ใบเสมาราชาแมลงปีศาจระดับครึ่งเทพ เมื่อย่อขนาดลงจนเพียงพอที่จะป้องกันคนเพียงคนเดียวนั้น มันจะมอบการป้องกันที่ไม่มีคู่ต่อสู้คนไหนที่จะเจาะทะลุได้ นอกซะจากว่าพวกเขาจะเป็นครึ่งเทพซะเอง ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ทำได้แค่ปัดฝุ่นออกจากผิวของมันเท่านั้น


 


ซึ่งสำหรับคนที่มีพลังระดับราชันแล้ว ความทนทานนี้ถือเป็นอะไรที่เหลือเชื่อ


 


“พลังของราชาไนท์ริเวอร์ค่อนข้างน่าสนใจ พลังโจมตีของเขาไม่ได้รุนแรงที่สุด แต่มันมีความสามารถในการกัดกร่อนที่สุดยอด และมันก็สร้างรูปร่างที่มีการทำงานเหมือนกับเครื่องเจียระไนอีกด้วย นั่นเป็นเทคนิคที่ค่อนข้างชาญฉลาด” หานเซิ่นสังเกตน้ำสีดำที่กำลังหมุนวนเหมือนกับกงล้อ ขณะเดียวกันเขาก็เดินออกไป


 


ขณะที่หานเซิ่นเคลื่อนออกไปนั้นใบเสมาราชาแมลงปีศาจที่ติดตามเขาก็ทำลายน้ำสีดำที่ขวางทาง


 


ราชาไนท์ริเวอร์สังเกตเห็นว่าน้ำสีดำกำลังมีความเคลื่อนไหว และโล่สีฟ้าที่อยู่ภายในก็ดูสว่างขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่หานเซิ่นฝ่าตัวเองออกมาจากไนท์ริเวอร์บีสต์ก็อต


 


“เป็นสมบัติที่ทรงพลังอะไรขนาดนี้” สีหน้าของราชาไนท์ริเวอร์ดูมัวหมองไป ขณะที่เขามองดูหานเซิ่นฝ่าออกมาจากน้ำสีดำด้วยโล่ป้องกันสีฟ้าของเขา


 


แต่ราชาไนท์ริเวอร์ดูเหมือนจะคิดเอาไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาเอื้อมมือไปหยิบมีดดาบที่เอวออกมา มันหยักเหมือนฟันปลาและรูปร่างของมันก็เหมือนกับพระจันทร์เสี้ยว เขายกมันขึ้นและฟันออกไปทางหานเซิ่น


 


ใบมีดเสี้ยวพระจันทร์หมุนออกไปพร้อมกับแบกรับพลังของไนท์ริเวอร์บีสต์ก็อตไปกับมันด้วย และมันก็พุ่งตรงไปที่ใบเสมาราชาแมลงปีศาจของหานเซิ่น เมื่อมันปะทะกัน มันก็เกิดเป็นประกายไฟบินออกมาเป็นจำนวนมาก


 


“ดูสิว่าจะทนได้สักแค่ไหนกัน” ราชาไนท์ริเวอร์พึมพำ


 


มีดดาบเสี้ยวพระจันทร์ถูกฟันออกไปเป็นชุดไม่มีหยุด และกงล้อน้ำสีดำก็เริ่มกัดกร่อนโล่ป้องกันสีฟ้าอีกครั้ง


 


แต่หานเซิ่นเมินเฉยต่อพวกมันและยังคงเดินต่อไปบนดาวเบลด


 


ในตอนแรกราชาไนท์ริเวอร์มั่นใจมากว่าจะทำลายโล่ป้องกันของหานเซิ่นได้ก่อนที่จะมีใครสังเกตเห็น และเมื่อทำสำเร็จ เขาก็จะฆ่าหานเซิ่นซะ แบบนั้นเรื่องทุกอย่างก็จะจบลง และถึงแม้มันจะเป็นสิ่งที่ดูไม่ดีต่อชื่อเสียงของเขา แต่มันก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมาต่อการกระทำของราชาไนท์ริเวอร์


 


แถมหานเซิ่นก็ไม่ใช่รีเบท เขาเป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง ถ้าทุกคนไม่ได้ยอมรับความจริงในข้อนี้ พวกเขาก็คงจะไม่เห็นด้วยที่มรดกของอี๋ซาถูกแบ่งในหมู่พวกเขาเอง


 


แต่กงล้อน้ำสีดำที่กัดกร่อนผิวของโล่สีฟ้าอย่างต่อเนื่องนั้นดูเหมือนจะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ราชาไนท์ริเวอร์สร้างกงล้อน้ำสีดำขึ้นมาอันแล้วอันเล่า พลังทำลายล้างของพวกมันตอนนี้มุ่งเน้นไปที่โล่ป้องกันของหานเซิ่น แต่ผิวของโล่สีฟ้าไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว และหานเซิ่นก็ดูไม่เหนื่อยล้าเช่นกัน มันเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ใช้พลังของตัวเองเพื่อคงสภาพโล่ป้องกันนี้


 


“เป็นไปไม่ได้! ไม่ว่ามันจะเป็นสมบัติที่สุดยอดแบบไหน มันก็จำเป็นต้องกินพลังงานของเขา”


ใบหน้าของราชาไนท์ริเวอร์ดูมัวหมอง แต่เขายังคงโจมตีใส่โล่ป้องกันของหานเซิ่นต่อไป


 


แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามสักแค่ไหน มันก็ไม่มีอะไรที่ได้ผล


 


กงล้อน้ำสีดำขนาดใหญ่ยักษ์มายมายกัดกร่อนโล่ป้องกัน แต่ถึงพวกมันจำนวนนับไม่ถ้วนจะถูกใช้ออกไป โล่ป้องกันก็ยังคงอยู่ดี มันเป็นอะไรที่ยากจะหยั่งถึงได้ เพราะพลังกัดกร่อนมากมายขนาดนั้นสามารถทำให้ดวงดาวทั้งดวงกลายเป็นผุยผงได้อย่างสบายๆ แต่โล่ป้องกันยังคงไม่มีทีท่าว่าจะแตกร้าวหรืออ่อนลงไปเลยแม้แต่น้อย


 


ราชาไนท์ริเวอร์ก่อเรื่องใหญ่โตแบบนี้ นั่นหมายความว่ามันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่ราชาคนอื่นจะสังเกตเห็น และพวกเขาก็เห็นจริงๆ


 


“นี่ราชาไนท์ริเวอร์กำลังทำอะไร? นี่ราชินีแห่งมีดเพิ่งจะจากไป แต่เขาก็เตรียมที่จะฆ่าลูกศิษย์เพียงคนเดียวของนางแล้วอย่างนั้นหรอ? นี่เขาไม่คิดหรือว่าลูกศิษย์ของตัวเองจะคิดยังไงกับเรื่องนี้?” ราชากงล้อจันทราดูถมึงทึง


 


เมื่อราชาแบล็คมูนเห็นอย่างนี้ เขาเองก็ดูมัวหมอง หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มและพูด


“ราชาไนท์ริเวอร์ นี่เจ้าทอดทิ้งเกียรติยศของตัวเองและพยายามจะฆ่าคนหนุ่มคนหนึ่ง แต่ดูเจ้าสิ เจ้าล้มเหลว เจ้าเป็นความอับอายอย่างที่สุด”


 


ราชาคนอื่นๆของแนร์โรว์มูนมองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและมองดูด้วยสีหน้าที่สับสน


 


พวกเขาทุกคนคุ้นเคยกับพลังของราชาไนท์ริเวอร์ดี ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าราชาไนท์ริเวอร์ไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ถ้าเขามีเวลา เขาก็ควรจะกัดกร่อนสมบัติระดับราชันได้สบายๆ


 


แต่โล่สีฟ้าของหานเซิ่นไม่แม้แต่จะสั่นไหวภายใต้การโจมตีอย่างบ้าคลั่งของราชาไนท์ริเวอร์ เหล่าราชาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน


 


“นั่นเป็นสมบัติแบบไหนกันแน่? มันมีพลังป้องกันขนาดนั้นขณะที่อยู่ในมือมาร์ควิสคนหนึ่งได้ยังไง?” ทุกคนสงสัย


 


หานเซิ่นก้าวออกไปจากพื้นผิวของดาวเบลด ราชาไนท์ริเวอร์ยังคงพยายามที่จะฆ่าเขา แต่ความพยายามทั้งหมดของเขาไร้ประโยชน์ เขาไม่สามารถหยุดหานเซิ่นได้


 


ใบหน้าของราชาไนท์ริเวอร์เต็มไปด้วยความโกรธและความอับอาย ถึงแม้จะเสียสละชื่อเสียงของตัวเองต่อหน้าราชาคนอื่น เขาก็ไม่สามารถจะแตะต้องแม้แต่ปลายผมของหานเซิ่นได้ นั่นเป็นอะไรที่น่าอับอายอย่างมาก


 


ราชาไนท์ริเวอร์คำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า และน้ำสีดำก็พุ่งออกมาจากเขามากขึ้นอีก พลังของเขาระเบิดออกมาและก่อตัวรอบใบมีดเสี้ยวพระจันทร์ที่หยักเหมือนฟันปลา


 


เสี้ยวพระจันทร์พุ่งเข้าไปหาหานเซิ่นที่กำลังลอยออกไปจากดาวเบลดพร้อมกับแบกรับพลังของไนท์ริเวอร์บีสต์ก็อตเอาไว้ทั้งหมด มันชนเข้ากับโล่ป้องกันสีฟ้าอย่างเต็มกำลัง อาวุธระดับราชันหมุนปะทะกับโล่สีฟ้าอย่างไม่หยุด มันสร้างเสียงแสบแก้วหูและประกายไฟที่ส่องสว่างทั่วท้องฟ้า


 


ดาวเบลดถูกครอบงำไปด้วยเสียงและประกายไฟ ทุกสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนดวงดาวพยายามวิ่งหนีออกไปให้ไกลที่สุด มีเพียงแค่ยอดฝีมือระดับราชันเท่านั้นที่อยู่ดูต่อ ตอนนี้พวกเขากำลังจับจ้องไปที่ประกายไฟบนท้องฟ้า


 


“นั่นมันมีดดาบเสี้ยวพระจันทร์ที่เป็นอาวุธระดับราชันของราชาไนท์ริเวอร์ไม่ใช่หรอ?”


 


“นี่หานเซิ่นไปทำอะไรราชาไนท์ริเวอร์กัน ถึงได้ทำให้เขาโจมตีด้วยมีดดาบเสี้ยวพระจันทร์แบบนี้?”


 


ท้องฟ้าปะทุไปด้วยประกายไฟราวกับว่ากำลังมีงานแสดงพลุอยู่ เสี้ยวพระจันทร์ที่หยักเหมือนกับฟันปลายังคงฟันใส่ผิวของโล่ป้องกันสีฟ้าต่อไป แต่เหล่าราชาสังเกตเห็นว่าโล่ของหานเซิ่นยังคงไม่มีรอยร้าว ขณะที่มีดดาบเสี้ยวพระจันทร์เริ่มจะมี


 


มีดดาบเสี้ยวพระจันทร์กำลังจะสูญเสียฟันปลาของมันไป แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่สามารถทำลายโล่ป้องกันของหานเซิ่นได้


 


“ไนท์ริเวอร์บีสต์ก็อตสิ้นท่าแค่นี้หรอเนี่ย? มันไม่ได้พิเศษอะไร” เสียงของหานเซิ่นดังก้องทั่วแนร์โรว์มูน เขาเมินเฉยต่อมีดดาบเสี้ยวพระจันทร์และบินต่อไปพร้อมกับสายลม


 


ดวงตาของราชาไนท์ริเวอร์ปูดด้วยความโกรธ แต่เขาไม่สามารถหยุดหานเซิ่นเอาไว้ได้ เขาเห็นหานเซิ่นค่อยๆจากไปอย่างช้าๆ ตอนนี้เขามีความรู้สึกที่ผสมผสานทั้งความสิ้นหวัง ความอับอายและความโกรธ

 

 

 


ตอนที่ 2196

 

ราชาไนท์ริเวอร์อยากจะฆ่าหานเซิ่นถึงขนาดยอมใช้มีดดาบเสี้ยวพระจันทร์ของเขา แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถแตะต้องตัวของหานเซิ่นได้ เมื่อหานเซิ่นออกไปจากดาวเบลดโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ความล้มเหลวของราชาไนท์ริเวอร์ก็ทำให้เขากลายเป็นตัวตลกภายในแนร์โรว์มูน


 


ถึงแม้ขุนนางทั่วไปจะไม่กล้าหัวเราะเยาะราชาไนท์ริเวอร์ต่อหน้า แต่ลับหลังพวกเขาต่างก็พูดคุยกันถึงเรื่องนั้น ทุกคนประหลาดใจที่โล่ป้องกันของหานเซิ่นทรงพลังถึงขนาดที่ราชาไนท์ริเวอร์ไม่สามารถทำอะไรได้


 


ไม่นานมานี้หานเซิ่นได้มอบใบเสมาราชาแมลงปีศาจของเขาให้กับซีโร่ นางฟ้าและหานเมิ่งเอ๋อ แต่เขาก็เก็บใบเสมาราชาแมลงปีศาจสีทองอันหนึ่งเอาไว้กับตัว


 


ที่หานเซิ่นทำแบบนี้ก็เพราะเขาต้องการให้พวกเธอคอยเฝ้าฐานทัพ ถ้าเกิดมียอดฝีมือระดับราชันบุกมาจู่โจมฐานทัพล่ะก็ พวกพ้องของเขาก็จะสามารถใช้ใบเสมาราชาแมลงปีศาจทั้ง 3 สีเพื่อป้องกันมันได้ เมื่อโล่ทั้ง 3 สีรวมพลังกันศักยภาพในการป้องกันของมันก็สามารถปกป้องได้ทั้งฐานทัพ และแม้แต่ยอดฝีมือระดับราชันก็ไม่สามารถผ่านเข้ามาข้างในได้ง่ายๆ


 


ถ้าราชาไนท์ริเวอร์ตัดสินใจที่จะทุ่มทุกอย่าง หานเซิ่นก็ต้องทำให้แน่ใจว่าฐานทัพของเขาจะปลอดภัย เขาไม่สามารถปล่อยให้ฐานทัพถูกโจมตีอย่างไร้การป้องกันได้


 


และสำหรับหานเหยียน หานเซิ่นติดต่อกับทางปราสาทนภาโดยหวังว่าพวกเขาจะให้เธอไปฝึกที่นั่นได้ ในตอนที่พวกเขายอมรับเธอไป หานเซิ่นก็ได้มอบวิญญาณอสูรใบเสมาสีทองให้กับเธอเพื่อความปลอดภัย


 


“มันจะเป็นอะไรที่ดีมากถ้าเราหาวิญญาณอสูรใบเสมามาเพิ่มได้อีก”


หานเซิ่นได้มันมาถึง 4 ดวงแล้ว แต่ในจิตใจของเขารู้ว่ามันยังคงไม่พอ


 


ในตอนนี้หานเซิ่นไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร เขาไปที่ตำหนักเย็นเพื่อดูดซับพลังจันทราและพลังน้ำแข็งทุกๆวันที่ 1 และ 15 ของเดือน ทุกครั้งเขาจะบดบังแสงจันทร์ที่ส่องไปที่ราชาไนท์ริเวอร์อีกด้วย ทำให้อีกฝ่ายไม่ได้รับอะไร


 


ในที่สุดราชาไนท์ริเวอร์ก็ได้รับตำแหน่งผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นที่ต้องการมา แต่ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือนั่งอยู่เฉยๆและมองดูหานเซิ่นรับผลประโยชน์ทั้งหมดไปคนเดียว สายลมที่สดชื่นคืออย่างเดียงที่เขาสามารถเพลิดเพลินได้ เขาเกลียดชังหานเซิ่น แต่ตอนนี้เขารู้ว่าไม่สามารถทำอะไรกับหานเซิ่นได้


 


เขามองหายอดฝีมือคนอื่นที่อาจจะหยุดหานเซิ่นจากการเดินทางมาที่ดาวเบลดได้ แต่ราชันที่เป็นเพื่อนกับเขาอย่างราชาชาโดว์ก็ยังไม่ตกลงจะช่วยเขาเลย


 


ผู้คนของแนร์โรว์มูนเห็นพ้องต้องกันในตอนที่อี๋ซาตายนั้นเป็นเพราะพวกเขาต้องการจะแบ่งมรดกของอี๋ซา แม้แต่ขุนนางที่ติดตามอี๋ซาก็ยังไม่ต้องการมอบของของอี๋ซาให้กับหานเซิ่นเลย เนื่องจากหานเซิ่นเป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง และพวกเขาก็อยากจะได้ของบางอย่างของอี๋ซาไปเป็นของตัวเอง ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครคัดค้านในเรื่องที่หานเซิ่นแทบจะไม่ได้รับอะไรเลย


 


แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันต่างออกไป มรดกของอี๋ซาถูกแบ่งเรียบร้อยแล้ว และราชาไนท์ริเวอร์ก็ได้กลายเป็นผู้พิทักษ์ตำหนักเย็น ดังนั้นมันไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะช่วยราชาไนท์ริเวอร์กำจัดหานเซิ่น


 


อี๋ซาเพิ่งจะตายไป และพวกเขาก็ได้ขโมยของที่ควรจะตกเป็นของหานเซิ่นไปแล้ว แบบนั้นผู้คนจะคิดยังไงถ้าพวกเขายังพยายามจะกำจัดหานเซิ่นอีก?


 


แถมหานเซิ่นยังมีโล่ป้องกันที่ทรงพลัง ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่าพวกเขาจะทำลายมันได้ ราชาไนท์ริเวอร์ได้ลองพยายามดูแล้ว และนั่นก็ทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง ราชาคนอื่นไม่ต้องการทำอะไรที่ไม่เป็นผลประโยชน์ต่อพวกเขา เพราะยังไงซะเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่ธุระของพวกเขา


 


ราชาไนท์ริเวอร์ไม่สามารถหยุดหานเซิ่นได้ตามลำพัง ดังนั้นทุกวันที่ 1 และ 15 ของเดือนราชาไนท์ริเวอร์จะต้องมองดูหานเซิ่นดูดซับแสงจันทร์เข้าไป และที่เขาเกลียดมากที่สุดก็คือความจริงที่ว่าเขาเป็นคนอนุญาตให้หานเซิ่นเข้าออกดาวเบลดด้วยตัวเอง


 


แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว หานเซิ่นไม่เคยพลาดแม้แต่วันเดียว และในที่สุดราชาไนท์ริเวอร์ก็สูญเสียความสนใจทั้งหมดที่จะเดินทางไปที่ดาวเบลด


 


หานเซิ่นใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกวิชากายหยกโดยหวังว่ามันจะกลายเป็นดยุกได้โดยเร็ว เพื่อที่เขาจะได้เริ่มดูดซับยีนซีโน่เจเนอิคระดับดยุกสักที


 


ราชาไนท์ริเวอร์ไม่ได้บ้าพอที่จะไปยังดาวอุปราคา ถึงแม้เขาอยากจะทำมากๆก็ตาม แม้แต่การสร้างปัญหาต่อการขนส่งเสบียงก็ดูจะเป็นไปไม่ได้


 


ภายในฐานทัพมันไม่ได้มีผู้คนอยู่มากมายอะไร นอกจากนั้นมันยังมีทรัพยากรอยู่บนดวงดาวเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเสบียงอาหารของพวกเขาคงจะไม่หมดลงในเร็วๆนี้แน่ และในเรื่องของเสบียงอื่นๆ พวกเขาก็อุดมสมบูรณ์ดีเช่นกัน


 


ราชาแบล็คมูนมอบการช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับหานเซิ่นเพื่อทำให้แน่ใจว่าดาวอุปราคาจะไม่ถูกตัดขาด การถูกตัดขาดไม่ได้มีความหมายอะไรมากต่อหานเซิ่น แต่เขาก็ซาบซึ้งในความช่วยเหลือที่ได้รับ


 


เวลาผ่านไป วิชากายหยกของหานเซิ่นก็ใกล้จะพัฒนาไปถึงระดับดยุกขึ้นทุกที แต่ก่อนที่เขาจะได้วิวัฒนาการไปสู่ระดับดยุก เขาได้รับข้อความจากหวงฟูจิ้ง


 


นั่นทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ หวงฟูจิ้งเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยพึ่งใครคนไหน สมญานามของเธอภายในสหพันธ์คือควีน และบุคลิกของเธอก็เหมาะสมกับสมญานามเป็นอย่างดี ถ้าเธอติดต่อหานเซิ่นมาล่ะก็ อย่างนั้นแล้วมันก็คงจะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น


 


“เกิดอะไรขึ้น?” หานเซิ่นถามในทันที มันไม่มีความจำเป็นที่ต้องมากพิธีการกับเธอ


 


หวงฟูจิ้งตอบอย่างตรงๆเช่นกัน “ฉันอยู่บนดาวเจดดรัม มันมีปัญหา”


 


“บอกรายละเอียดมา” หานเซิ่นเปิดข้อมูลเกี่ยวกับดาวเจดดรัมขณะที่พูดกับเธอ


 


ดาวเจดดรัมเป็นดวงดาวของเผ่า1000สมบัติ มันมีซีโน่เจเนอิคที่มีชื่อว่าเจดดรัมอยู่ที่นั่น และดวงดาวนั้นก็ถูกตั้งตามชื่อของพวกมัน


 


สโตนดรัม สตีลดรัม บรอนซ์ดรัม ซิลเวอร์ดรัม โกลด์ดรัมและเจดดรัม ซีโน่เจเนอิคทั้ง 6 นั้นโดยปกติแล้วเป็นระดับดยุก และพวกมันทั้งหมดก็อาศัยอยู่ร่วมกันบนดาวเจดดรัม


 


จากข้อมูลที่หานเซิ่นหาได้ เจดดรัมสามารถกลายเป็นระดับราชันได้ แต่เจดดรัมระดับราชันจะถูกพาตัวออกไปจากดาวเจดดรัม


 


เหตุผลที่เจดดรัมเป็นที่แสวงหานั้นเป็นเพราะว่าพวกมันมีลักษณะเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ และพวกเขาก็จำเป็นต้องมีเผ่าพันธุ์อื่นช่วยพวกมันในการเคลื่อนที่ไปรอบๆจักรวาล โดยปกติแล้วเหล่าดรัมจะติดตามเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่ง ถ้าใครคนหนึ่งอยากจะมารับดรัมตัวหนึ่งไปนั้น พวกเขาก็ต้องได้รับความยินยอมจากดรัมตัวนั้นซะก่อน แบบนั้นดรัมถึงจะปล่อยให้ตัวเองถูกพาออกไปจากดาวเจดดรัมได้


 


ซีโน่เจเนอิคเจดดรัมเป็นซีโน่เจเนอิคดนตรี พวกมันสามารถไปที่ไหนก็ได้และดูดซับพลังเสียงเพื่อเพิ่มระดับขึ้น พลังที่พวกมันใช้เองก็เป็นพลังเสียงเช่นกัน ถ้าใครคนหนึ่งเก็บเจดดรัมเอาไว้ข้างตัว เมื่อพวกเขาถูกโจมตีด้วยพลังเสียง เจดดรัมก็จะปกป้องพวกเขาและตอบโต้กลับด้วยพลังเสียงของมัน


 


หวงฟูจิ้งออกไปท่องโลกตามลำพัง และเมื่อเธอผ่านไปที่ดาวเจดดรัม เธอก็อยากจะลองเสี่ยงดวงจับดรัมสักตัวหนึ่ง


 


น่าประหลาดใจที่หวงฟูจิ้งได้รับความยินยอมจากเจดดรัมตัวหนึ่ง แต่หลังจากนั้นสถานการณ์ก็เริ่มจะแย่ลง


 


เจดดรัมเป็นซีโน่เจเนอิคของเผ่า1000สมบัติ เผ่า1000สมบัติเก็บพวกมันเอาไว้ในฐานะสมบัติแจกฟรี ใครก็ตามที่ซื้อตั๋วจากเผ่า1000สมบัติสามารถไปที่ดาวเจดดรัมและหาดรัมตัวหนึ่งที่ยอมรับพวกเขาได้


 


ส่วนคนๆหนึ่งจะหาดรัมและได้รับการยินยอมจากพวกมันได้ยังไงนั้น ทาง1000สมบัติไม่สนใจ พวกเขาแค่จะลงทะเบียนเอาไว้ว่าดรัมตัวนั้นถูกเอาไปแล้ว


 


หวงฟูจิ้งเป็นแค่เอิร์ลคนหนึ่ง ถึงแม้เธอจะได้รับการยอมรับจากเจดรัมและทาง1000สมบัติจะอนุญาตให้เธอเอามันไปได้ แต่ถ้าเธอเอามันไปลงทะเบียน ทุกคนก็จะรู้ว่าเอิร์ลคนหนึ่งที่ได้เอาเจดดรัมไป เธออาจจะยังปลอดภัยบนดาวเจดดรัม แต่หลายคนอาจจะมาแย่งมันไปจากเธอเมื่อเธอเดินทางออกมา


 


ด้วยเหตุนั้นหวงฟูจิ้งจึงยังไม่ได้นำมันไปลงทะเบียน แต่เธอติดต่อมาหาหานเซิ่นแทน 

 

 


ตอนที่ 2197

 

ขณะที่หานเซิ่นพูดคุยกับหวงฟูจิ้ง เขาก็เช็คเส้นทางและประมาทเวลาที่ต้องใช้เดินทางไปที่นั่น


“อย่าเพิ่งลงทะเบียน รอฉันอยู่บนดาวเจดดรัม ฉันจะไปถึงที่นั่นใน 4 วัน เธอรอนานขนาดนั้นได้ไหม?”


 


เนื่องจากบัตรผ่านเข้าไปในดาวเจดดรัมมีอายุเพียงแค่สิบวัน และถ้าหมดเวลาแขกที่มาเยือนจะถูกบังคับให้ออกไป นั่นเป็นเหตุผลที่หานเซิ่นต้องยืนยันว่าเขาจะไปทันเวลาหรือเปล่า


 


“ได้ ฉันยังเหลือเวลาอยู่อีก 6 วัน” หวงฟูจิ้งตอบ


 


“โอเค ถ้าอย่างนั้นก็รอฉันอยู่ที่นั่น” หานเซิ่นถอนหายใจด้วยความโล่งอก


 


หานเซิ่นวางสายและเตรียมตัวเดินทางไปที่ดาวเจดดรัม ด้วยความสามารถและสติปัญญาของหวงฟูจิ้ง หานเซิ่นไม่ได้กังวลถึงความปลอดภัยของเธอ แต่การจะนำเจดดรัมออกมาอย่างปลอดภัยนั้นคงจะเป็นเรื่องยาก


 


ถึงดาวเจดดรัมจะตั้งชื่อตามซีโน่เจเนอิคเจดดรัม แต่เจดดรัมก็ถือเป็นอะไรที่หาได้ยาก มันมีราชาที่ใช้พลังเสียงหลายคนอยากจะได้เจดดรัมมาเพื่อพัฒนาพลังของตัวเอง


 


มันถือเป็นอะไรที่วิเศษมาก ถ้าพวกเขาได้เจดดรัมระดับราชันมาเป็นของตัวเอง แต่หวงฟูจิ้งเป็นเพียงแค่เอิร์ลคนหนึ่งที่ได้เจดดรัมตัวหนึ่งมาเป็นของตัวเอง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะพาเจดดรัมออกไปจากที่นี่โดยไม่ดึงดูดความสนใจคนอื่น


 


หานเซิ่นมีใบเสมาราชาแมลงปีศาจอยู่ ดังนั้นเขาไม่ได้หวาดกลัวศัตรูระดับราชัน ทั้งหมดที่เขากลัวก็คือเรื่องที่มันอาจจะมีราชันมากกว่าหนึ่งคนพยายามแย่งชิงมันไป แบบนั้นสถานการณ์อาจจะเลวร้ายขึ้นมา


 


หานเซิ่นเก็บข้าวของและบอกคนอื่นๆว่าอย่าได้ออกไปจากฐานทัพขณะที่เขาไม่อยู่


 


หานเซิ่นพาเป่าเอ๋อไปกับเขาด้วย เขาเดินทางออกจากแนร์โรว์มูนและใช้รูหนอนเพื่อไปที่ดาวเจดดรัม


 


หลังจากที่หานเซิ่นออกไปจากแนร์โรว์มูนได้ไม่นาน ราชาไนท์ริเวอร์ก็ได้รับข่าวการจากไปของหานเซิ่น


 


“หานเซิ่น เจ้ารู้อะไรไหม? ถึงข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ข้าจะทำให้เจ้าต้องประสบกับชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย”


ใบหน้าของราชาไนท์ริเวอร์บิดเบี้ยว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น


 


ดยุกคนหนึ่งเดินเข้ามาและโค้งคำนับต่อราชาไนท์ริเวอร์ “ท่านราชา ข้าได้ทำทุกอย่างที่ท่านสั่งเรียบร้อยแล้ว”


 


“ดีมาก” ราชาไนท์ริเวอร์โบกมือเพื่อบอกให้ดยุกคนนั้นไปได้ หลังจากนั้นเขาก็หันความสนใจมายังหน้าจอที่แสดงภาพของดาวอุปราคา เขายิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายเขาพูด


“หานเซิ่น ข้าอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นใบหน้าของเจ้า เมื่อเจ้ากลับมาและรู้ตัวว่าพวกพ้องของเจ้าถูกฆ่าตายจนหมด”


 


วันรุ่งขึ้นหลังจากที่หานเซิ่นจากไป มียานอวกาศหลายลำเข้ามาในแนร์โรว์มูน พวกมันเป็นยานบรรทุกสินค้า แต่พวกเขาเป็นคนนอกของแนร์โรว์มูน ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องจ่ายภาษีเพื่อเข้ามา ภายในยานขนสินค้านั้นมีซีโน่เจเนอิคอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งมันมาจากดวงดาวที่หลากหลาย


 


เมื่อยานอวกาศเคลื่อนที่ผ่านดาวอุปราคา หนึ่งในยานของพวกเขาก็เกิดพังทลาย ซีโน่เจเนอิคจำนวนมากหนีออกไปจากยานและกระจายตัวกันออกไปทั่วแนร์โรว์มูน แนร์โรว์มูนได้ส่งคนออกมาเพื่อพยายามจับพวกมันกลับไปอีกครั้ง


 


แต่ในระหว่างความชุลมุนมีใครบางคนแอบเข้าไปในดาวอุปราคาและปล่อยหนึ่งในซีโน่เจเนอิคลงบนภูเขาของที่นั่น


 


มันเป็นซีโน่เจเนอิคที่ดูเหมือนกับผึ้งราชินี แต่แทนที่จะเป็นสีเหลืองและดำ ร่างกายของมันเป็นสีแดงเข้ม เมื่อซีโน่เจเนอิคตัวนั้นเป็นอิสระอีกครั้ง มันก็ฆ่าซีโน่เจเนอิคตัวอื่นๆที่อยู่บนภูเขาและวางไข่ภายในร่างกายเหยื่อ ไข่นั้นมีสีแดงเช่นเดียวกัน


 


ไข่ฟักตัวอย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกันร่างของซีโน่เจเนอิคที่ถูกฆ่าก็แห้งเหี่ยวราวกับเปลือกไม้ มันเหมือนกับว่าไข่พวกนั้นกำลังดูดซับสารอาหารทั้งหมดในร่างกายของซีโน่เจเนอิค


 


ไม่นานหลังจากนั้นผึ้งที่ฝักออกมาก็เริ่มเจาะภูเขาจนกลวงโบ๋ มันมีทางเข้าอยู่มากมายเหมือนกับรังผึ้งขนาดใหญ่ และตามรูต่างๆก็มีผึ้งสีแดงเข้าออกเป็นจำนวนมาก


 


ขณะที่เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ไม่มีใครภายในฐานทัพที่สังเกตเห็น หานเซิ่นบอกให้ทุกคนอยู่ภายในฐานทัพในตอนที่เขาไม่อยู่ ดังนั้นจึงไม่มีใครออกไปข้างนอก


 


นี่ทำให้ราชาไนท์ริเวอร์ขมวดคิ้ว เขาพูดขึ้นมา “หานเซิ่น! ก่อนที่เขาจะจากไป เขาได้บอกให้เพื่อนๆซ่อนตัวอยู่ภายในฐานทัพ แต่การซ่อนตัวไม่ได้ช่วยให้พวกเขารอดไปได้ พวกเราแค่จำเป็นต้องล่อผึ้งราชินีไปหาพวกเขา ถ้าพวกเราพานางไปที่ฐานทัพล่ะก็ นางจะต้องฆ่าพวกเขาทั้งหมดอย่างแน่นอน หานเซิ่น! ในตอนที่เจ้ากลับมาเห็นเพื่อนๆของเจ้าถูกวางไข่โดยผึ้งราชินี ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะมีใบหน้ายังไง!”


 


หานเซิ่นเดินทางไปตามเส้นตามที่วางแผนเอาไว้ 4 วันไม่ใช่เวลานานอะไรนัก แต่หานเซิ่นค่อนข้างเป็นกังวล เขากลัวว่าควีนและเจดดรัมจะถูกคนอื่นพบเข้าซะก่อน


 


โชคดีที่ความกังวลของเขาไม่เป็นความจริงขึ้นมา เขาจ่ายเงินซื้อตั๋วและเดินทางเข้าไปในดาวเจดดรัม


 


เมื่อบินไปที่ดาวเจดดรัม หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าบนดาวปกคลุมไปด้วยภูเขาสีเทาที่ไร้ซึ่งชีวิต มันไม่มีทั้งชนบทหรือซีโน่เจเนอิคอยู่เลย


 


แต่นั่นก็แค่พื้นผิวของดวงดาวเท่านั้น ภายในภูเขาบนดาวเจดดรัมนั้น มีเหมืองอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งพวกดรัมจะอาศัยอยู่ภายในนั้น


 


การจะหาพวกมัน ผู้คนต้องขุดเหมืองเพื่อค้นหา แต่ทว่าระดับของดรัมที่เจอไม่ได้ถูกตัดสินโดยความสามารถของพวกเขาเพียงอย่างเดียว แต่มันขึ้นอยู่กับดวงด้วยเช่นกัน


 


แม้แต่ยอดฝีมือระดับราชันก็อาจจะหาได้แค่ระดับบรอนซ์หรือซิลเวอร์ เจดดรัมถือเป็นอะไรที่หาได้ยากมากๆ อัตราส่วนที่พวกมันจะถูกหาเจอนั้นต่ำกว่าหนึ่งตัวต่อปี


 


หานเซิ่นใช้โทรศัพท์ของเขาเพื่อโทรหาควีน แต่เขาไม่สามารถติดต่อเธอได้ ดูเหมือนเธอจะปิดเครื่องมือสื่อสารของตัวเอง และนั่นทำให้หานเซิ่นขมวดคิ้ว


 


ก่อนที่จะเข้ามาในดาวเจดดรัม เขาเพิ่งจะพูดคุยกับควีนอยู่ แต่ตอนนี้โทรศัพท์ของเธอไม่ทำงาน นั่นบ่งบอกให้เขารู้ว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น


 


โชคดีที่หานเซิ่นรู้ถึงสถานที่ล่าสุดที่เธออยู่ ดังนั้นเขาจึงเรียกคลาวด์บีสต์สีแดงออกมาและรีบตรงไปหาเธอพร้อมกับเป่าเอ๋อ


 


ในภูเขาแห่งหนึ่งบนดาวเจดดรัม มันมีทอรัสระดับมาร์ควิสคนหนึ่งกำลังถืออาวุธประหลาดอยู่ในมือ เขามองไปที่หวงฟูจิ้งและหัวเราะออกมา


“ข้ามาที่นี่เพื่อค้นหาเจดดรัม ต้องขอบคุณเจ้าที่ทำให้ข้าได้พบมันที่นี่ มอบมันให้กับข้าและข้าจะปล่อยให้เจ้ารอดชีวิตไปจากที่นี่”


 


หวงฟูจิ้งไม่เคลื่อนไหว เธอแค่จ้องมองไปที่ทอรัสมาร์ควิสอย่างสงบ เธอสับสนและไม่แน่ใจว่าเขารู้ได้ยังไงว่าเธอหาเจดดรัมตัวหนึ่งเจอ


 


เมื่อหวงฟูจิ้งพูดกับหานเซิ่น พวกเขาใช้ภาษามนุษย์ ซึ่งมันแตกต่างไปจากภาษาสากลของจักรวาลจีโนอย่างมาก ถึงแม้คนอื่นจะได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกัน มันก็ไม่ควรจะมีใครเข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูดได้


 


ทอรัสคนนั้นค่อยๆขยับเข้ามาใกล้เธอ เขายิ้มออกมาอย่างภาคภูมิและพูด


“เจ้าคงจะคิดว่ามันแปลกสินะที่ข้าเข้าใจภาษาของเจ้า แต่ข้าคิดว่ามันเป็นอะไรที่ธรรมดาที่สุดในจักรวาล เพราะข้าเรียนรู้เกี่ยวกับเสียง ไม่มีเสียงไหนที่รอดพ้นไปจากหูของข้าได้ มันเป็นพลังที่ทำให้ข้าเข้าใจทุกภาษาที่ได้ยิน ถึงแม้ข้าจะไม่เคยได้ยินมันมาก่อนก็ตาม” 

 

 


ตอนที่ 2198

 

“เจดดรัมอยู่ที่ไหน? มอบมันมาให้ข้า และข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อ” ทอรัสเริ่มก้าวเข้ามาหาหวงฟูจิ้งและยกอาวุธชี้ไปที่เธออย่างข่มขู่


 


อาวุธของเขาดูแปลกประหลาดอย่างมาก รูปร่างของมันดูคล้ายคลึงกับดาบใหญ่ แต่ด้านหลังของมันมีช่องรูปสามเหลี่ยมช่องหนึ่ง ซึ่งภายในช่องนั้นมีบางสิ่งที่ดูเหมือนกับสายของเครื่องดนตรีอยู่


 


หวงฟูจิ้งไม่ได้ตอบสนองอะไร ดังนั้นทอรัสมาร์ควิสจึงฟันดาบเข้าไปใส่เธอ


 


การฟันนั้นรุนแรง และในขณะเดียวกันสายที่อยู่ภายในช่องบนดาบก็เริ่มสั่นไหวและสร้างเสียงแหลมขึ้นมา


 


หวงฟูจิ้งหลบหลีกมันด้วยวิชาหมากล้อมสวรรค์และเทคนิคฟินิกซ์ที่ได้เรียนรู้มาจากหานเซิ่น แต่ในจังหวะที่เธอกำลังจะหลบดาบที่ฟันเข้ามา เธอก็รู้สึกตัวว่าการโจมตีที่เข้ามามีพลังเสียงอยู่ด้วย มันทำให้ร่างกายของเธอสั่นไหว และสมองของเธอก็รู้สึกราวกับว่าถูกจิ้มด้วยเข็มแหลมจำนวนมาก


 


หวงฟูจิ้งรู้สึกเวียนหัวอย่างกะทันหัน ทำให้ดาบใหญ่ฟันถูกร่างกายของเธอและส่งเธอกระเด็นออกไป เลือดถูกทิ้งเอาไว้เป็นทางยาว


 


โชคดีที่หวงฟูจิ้งเชี่ยวชาญในการหลบหลีก และเธอก็มีจิตใจที่แข็งแกร่งอีกด้วย ถึงจะถูกพลังเสียงเข้าไป แต่เธอก็ยังกลับมาทำการหลบหลีกได้ทัน ไม่อย่างนั้นล่ะก็แขนของเธอก็คงจะถูกตัดขาดไปแล้ว


 


“ถ้าเจ้าไม่อยากให้ข้าตัดแขนขาของเจ้าไปทีละข้างๆล่ะก็ มอบเจดดรัมให้กับข้า”


ดวงตาของทอรัสดูเหมือนกำลังลุกเป็นไฟ ขาทั้ง 4 ของเขาวิ่งเข้าไปหาหวงฟูจิ้ง ขณะที่แขนของเขายกดาบใหญ่ขึ้นเหนือหัว


 


หลังจากนั้นเงาอสูรก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา มันคำรามออกมาขณะที่ดาบใหญ่ถูกฟันออกไป ขณะเดียวกันพลังเสียงก็พุ่งสู่ไปสมองของเธอ


 


หวงฟูจิ้งเช็ดเลือดออกจากใบหน้าและเริ่มใช้วิชาหมากล้อมสวรรค์เพื่อหลบหลีกศัตรูที่กำลังเข้ามา


 


หวงฟูจิ้งรู้สึกราวกับว่าสมองของเธอถูกแทงด้วยมีด มันเกือบจะทำให้เธอเป็นอัมพาต แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังหลบหลีกการฟันที่เข้ามาได้


 


ทอรัสระดับมาร์ควิสขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าหวงฟูจิ้งหลบหลีกดาบใหญ่ของเขาได้ หลังจากนั้นเขาก็ดูโกรธยิ่งกว่าเดิม


 


“มันไร้ประโยชน์!” เขาตะโกน “ด้วยดาบเสียงของข้า เจ้าไม่มีวันรอดไปได้ ความหวังเดียวของเจ้าก็คือมอบเจดดรัมให้กับข้า”


 


หลังจากนั้นเขาก็กวัดแกว่งดาบใหญ่เข้าใส่หวงฟูจิ้งอีกครั้ง เสียงจากสายภายในช่องว่างบนดาบใหญ่ก็ดังขึ้นเช่นกัน


 


แต่สีหน้าของหวงฟูจิ้งยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่นิดเดียว เธอมองไปที่ทอรัสระดับมาร์ควิสอย่างสงบนิ่ง หลังจากนั้นร่างกายของเธอก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป


 


หวงฟูจิ้งมีอาวุธจีโนอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งมันชุดเกราะทั้งชุดเหมือนกับศาสตร์ตงเสวียนของหานเซิ่น ให้กับเธอ


 


อาวุธจีโนชุดเกราะสีทองสวมใส่ทั้งร่างกายของเธอ ถึงแม้มันจะเป็นแค่ระดับเอิร์ล แต่มันก็ทรงพลังมากๆ มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าชุดเกราะระดับเอิร์ลสูงสุด


 


แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด พลังประหลาดเริ่มก่อตัวขึ้นภายในชุดเกราะสีทอง มันเปลี่ยนแปลงร่างกายจริงๆของเธอ


 


แสงสีทองเริ่มส่องสว่างจากชุดเกราะของเธอ และตัวชุดเกราะก็เริ่มดูเหมือนกับเหล็กสีแดง มันดูเหมือนกับว่าเธอเพิ่งจะโผล่ขึ้นมาจากลาวา


 


แต่มันไม่ได้มีความร้อนออกมา และพลังที่ก่อตัวขึ้นก็ถูกกักเอาไว้ในชุดเกราะ มันทำให้เธอเรืองแสงสีทองออกมา


 


ดาบใหญ่ฟันเข้าไป แต่ครั้งนี้หวงฟูจิ้งไม่ได้หลบ เธอยกแขนขึ้นมาจับใบมีดที่ฟันลงมา แรงจากการฟันถูกหยุดเอาไว้ด้วยมือของหวงฟูจิ้ง ใบมีดถูกหยุดเอาไว้ และถึงแม้ทอรัสจะออกแรงมหาศาลเพื่อฟันลงไป ใบมีดก็ไม่กดลงไปต่ำมากกว่านั้น


 


ทอรัสระดับมาร์ควิสเบิกตากว้าง เขาไม่อยากเชื่อว่าเอิร์ลคนหนึ่งจะรับดาบของเขาได้ เขาโกรธจนอดไม่ได้ที่จะคำรามออกมา ขณะที่เขาถือดาบใหญ่อยู่ในมือ เขาเริ่มจะออกแรงเพิ่มมากขึ้นโดยหวังจะกดมันลงไป


 


ดวงตาของหวงฟูจิ้งส่องสว่าง แสงสีทองที่ทรงพลังเปล่งรัศมีออกมาจากร่างของเธอ เธอฟันมืออีกข้างหนึ่งออกไปยังด้านหลังของดาบใหญ่ที่ถูกหยุดเอาไว้


 


สายของดาบใหญ่ถูกตัดขาดภายใต้ฝ่ามือของหวงฟูจิ้ง ทำให้เสียงแหลมถูกหยุดไป แต่แรงจากฝ่ามือนั้นก็กดหวงฟูจิ้งให้คุกเข่าลงไปกับพื้น


 


“ถึงแม้จะไม่มีพลังเสียง ข้าก็ยังฆ่าเจ้าได้อยู่ดี!” ทอรัสคำราม กล้ามเนื้อของเขาปูดขึ้นมา เขาฟันดาบลงไปใส่หวงฟูจิ้งที่คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น


 


แต่ถึงดาบใหญ่กำลังฟันลงมาหาเธอ หวงฟูจิ้งก็ยังดูสงบนิ่ง หลังจากนั้นเธอก็เมินเฉยต่อดาบใหญ่ที่กำลังเข้ามาและชกหมัดสวนกลับไปหาทอรัสมาร์ควิส


 


ทอรัสระดับมาร์ควิสยังคงอวดดีอยู่ เขาจึงเปลี่ยนเล็งไปที่มือของเธอ เขาไม่ต้องการฆ่าเธอในทันที เพราะยังไงซะเขาก็ยังจำเป็นต้องให้เธอบอกที่อยู่ของเจดดรัมซะก่อน


 


แต่ในขณะที่ดาบใหญ่กำลังจะถูกตัวหวงฟูจิ้งนั้น จู่ๆร่างกายของเธอก็หายไป เธอเทเลพอร์ตไปด้านหลังของเขาและหมัดของเธอก็ชกเข้าไปที่หัวของเขา


 


หมัดที่ส่องสว่างถูกชกเข้าไปที่ด้านหลังหัวของทอรัสราวกับค้อน มันทะลุผ่านการป้องกันและทำลายหมวกของเขา


 


ทอรัสระดับมาร์ควิสทั้งตกใจและโกรธ เขารีบกวัดแกว่งดาบไปด้านหลัง แต่เขาไม่พบเป้าหมาย เขาไม่สามารถสัมผัสเธอได้ขณะที่ร่างกายของเธอเทเลพอร์ตไปที่ด้านซ้ายของเขา หลังจากนั้นขาที่ทรงพลังก็ถูกแตะเข้ามาที่คอของเขาด้วยความเร็วสูง


 


ขาที่เรืองแสงเป็นเหมือนกับขวานที่ฟันเข้ามาที่คอของเขา ขานั้นทำลายชุดเกราะบริเวณคอของเขา และทำให้มีเลือดไหลออกมา


 


แต่หวงฟูจิ้งไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เธอปรากฏตัวรอบๆเขาเพื่อจู่โจมราวกับเครื่องจักรสังหาร เธอโจมตีเขาด้วยหมัด นิ้ว ศอก ขาและเข่าของเธอ เธอทิ้งบาดแผลเอาไว้ทั่วร่างของเขา และชุดเกราะของเขาก็ถูกทำลายมากขึ้นเรื่อยๆในการโจมตีแต่ละครั้ง


 


ทอรัสระดับมาร์ควิสดูตกใจราวกับหมีหน้าโง่ ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะพยายามดิ้นรนสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถโจมตีถูกตัวหวงฟูจิ้งได้ และทุกครั้งที่เขาพยายามจะโต้กลับไป เขาก็จะเป็นฝ่ายที่ถูกโจมตีซะเอง


 


ร่างกายของทอรัสเต็มไปด้วยเลือด ความโกรธ ความกลัวและความสิ้นหวังอยู่เต็มใบหน้าของเขา มันทำให้เขากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด


 


ท่ามกลางการโจมตีที่บ้าคลั่ง ชุดเกราะส่วนที่เหลือของทอรัสก็ถูกทำลาย หวงฟูจิ้งฉีกหัวของเขาออกมา และร่างกายที่ไร้หัวก็ล้มลงไปจมกองเลือดอยู่กับพื้น


 


หวงฟูจิ้งค่อยๆนั่งลงกับพื้น ใบหน้าของเธอยังคงไม่เปลี่ยนไป แสงสีทองที่ส่องสว่างออกมาค่อยๆจางหายไปจนกระทั่งเธอกลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง


 


หานเซิ่นมาถึงทันเวลาที่จะได้เห็นหวงฟูจิ้งใช้ร่างกายขั้นสุดยอดของเธอ ความสามารถที่เธอแสดงออกมาประทับใจเขาเป็นอย่างมาก


“ร่างกายขั้นสุดยอดของราชินีนักฆ่านั้นเป็นของจริง ความสามารถในการเทเลพอร์ตได้อย่างไม่จำกัดเป็นอะไรที่จะช่วยเหลือเธอได้มากภายในจักรวาลแห่งนี้” 

 

 


ตอนที่ 2199

 

 


นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นได้มองดูร่างกายขั้นสุดยอดของหวงฟูจิ้งอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ระดับของหวงฟูจิ้งจะยังต่ำอยู่ แต่ความสามารถในการเทเลพอร์ตของเธอก็เหนือกว่าปีกมังกรของเขาซะอีก


 


ปีกมังกรของหานเซิ่นสามารถเทเลพอร์ตในเส้นตรงได้เท่านั้น แต่มันดูเหมือนว่าความสามารถในการเทเลพอร์ตของหวงฟูจิ้งจะไม่มีข้อจำกัดแบบนั้นอยู่ และเมื่อเธอใช้วิชาจีโนเพื่อโจมตี พลังของเธอก็จะถูกเทเลพอร์ตมาพร้อมกับร่างกายของเธอด้วย นั่นเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ


 


ตอนนี้ระดับของหวงฟูจิ้งยังต่ำอยู่ ดังนั้นระยะการเทเลพอร์ตของเธอจึงไม่ไกลมากนัก ถ้าระยะการเทเลพอร์ตของเธอไกลกว่านี้ล่ะก็ มันจะเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวมากๆ


 


“มันก็แค่มาร์ควิสจากเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” หวงฟูจิ้งพูดอย่างเรียบง่าย


 


ถ้าใครคนอื่นพูดออกมาแบบนั้น มันจะฟังเหมือนกับการโอ้อวด แต่หวงฟูจิ้งหมายความอย่างที่เธอพูดจริงๆ


 


หานเซิ่นแค่ยักไหล่ แต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะมันเป็นอย่างที่หวงฟูจิ้งพูด อีกฝ่ายเป็นแค่คนจากเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำ ดังนั้นมันจึงไม่ได้เป็นการต่อสู้ที่ยากจนเกินไป


 


หวงฟูจิ้งนำทางหานเซิ่นกับเป่าเอ๋อลึกเข้าไปในเหมือง ซึ่งมันเป็นที่ที่เธอหาเจดดรัมพบอย่างเงียบๆ


 


เนื่องจากเธอไม่ต้องการให้เจดดรัมถูกค้นพบ เธอจึงไม่ได้พกมันไปไหนมาไหนด้วย เธอยังคงเก็บมันเอาไว้ในเหมืองที่เธอพบมันครั้งแรก


 


หานเซิ่นตามเธอเข้าไปในเหมืองและเห็นหนึ่งในดรัมทันที


 


แต่มันไม่ใช่เจดดรัมที่สะดุดสายตาของเขา มันคือสตีลดรัมที่ยื่นออกมาจากหิน มันมีความยาวประมาทหนึ่งฟุตและมีสีดำเหมือนกับเหล็ก ซึ่งมันดูเหมือนกับกลองที่ใช้ห้อยรอบๆเอว


 


ผู้คนที่มาค้นหาต้องขุดสตีลดรัมขึ้นมาจากหิน และหลังจากนั้นก็ตีมัน ถ้ามันสร้างเสียงขึ้นมา นั่นก็เป็นสัญญาณบอกว่าคนนั้นได้รับการยอมรับจากมัน หลังจากนั้นพวกเขาก็จะสามารถนำดรัมออกไปจากดาวเจดดรัมได้


 


แต่ตั๋วหนึ่งใบจะมอบสิทธิ์ในการนำสิ่งมีชีวิตนี้ออกไปแค่ตัวเดียวเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าคนๆหนึ่งจะพบดรัมมากสักกี่ตัว พวกเขาก็เอามันติดตัวออกไปได้แค่ตัวเดียวต่อคนเท่านั้น


 


สตีลดรัมถือเป็นอะไรที่หาได้ไม่ยากบนดาวเจดดรัม ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เวลาเพื่อตามหามัน น้อยคนนักที่จะมาที่นี่เพื่อมองหาพวกมัน


 


หานเซิ่นตามหวงฟูจิ้งลึกเข้าไปในเส้นทางที่ซับซ้อน และในระหว่างทางพวกเขาก็เห็นสตีลดรัมหลายตัว แต่มันไม่มีแม้แต่บรอนซ์ดรัมสักตัวให้เห็น มันดูเหมือนกับว่าเหมืองขนาดใหญ่นี้จะเป็นที่อยู่อาศัยเฉพาะเหล่าสตีลดรัมเท่านั้น


 


โดยปกติแล้วสถานที่ที่เต็มไปด้วยสตีลดรัมจะไม่มีบรอนซ์ดรัมหรือซิลเวอร์ดรัมอาศัยอยู่รอบๆ และมันก็มีโอกาสน้อยยิ่งกว่าที่จะหาดรัมที่มีระดับสูงยิ่งกว่านั้น การที่หวงฟูจิ้งหาเจดดรัมเจอในที่แบบนี้นั้นถือเป็นอะไรที่โชคดีอย่างที่สุด


 


พวกเขาเดินไปเส้นทางแคบๆของเหมืองเป็นเวลากว่าหนึ่งวัน และในที่สุดพวกเขาก็พบกับสถานที่ที่เธอพูดถึง


 


ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา พวกเขาแทบไม่เห็นบรอนซ์ดรัมเลยสักตัว มันจึงดูเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเจดดรัมเจอในที่แบบนี่ แต่มันก็มีเจดดรัมอยู่ในหินจริงๆ มันเป็นดรัมที่มีสีขาวและผิวของมันก็ดูโปร่งใส


 


หวงฟูจิ้งตีไปที่เจดดรัมอย่างอ่อนโยน และมันก็ตอบสนองด้วยเสียงตูม สำหรับหานเซิ่นแล้ว เสียงนั้นเหมือนกับว่ามีการระเบิดเกิดขึ้นภายในหัวของเขา


 


และนั่นเกิดจากการที่เธอตีมันเพียงเบาๆเท่านั้น ถ้าพลังทั้งหมดของมันถูกกระตุ้นให้ทำงาน มันก็เป็นไปได้สูงที่จะทำให้ดยุกเลือดออกหูได้


 


และถ้าสามารถเพิ่มระดับมันไปสู่ระดับราชันได้ มันก็จะทรงพลังขึ้นไปอีก


 


แต่การจะเพิ่มระดับของเจดดรัมไปสู่ระดับราชันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ด้วยพลังของหวงฟูจิ้ง เธอยังต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของเจดดรัม


 


“ทำไมเธอถึงไม่ขุดมันขึ้นมา?” หานเซิ่นถาม


 


“หินบริเวณนี้แข็งเกินไป ก่อนหน้านี้ฉันพยายามจะขุดมัน แต่มันก็ไม่คืบหน้าเลยสักนิด” หวงฟูจิ้งพูด


 


หานเซิ่นกดมือลงบนหินและพบว่ามันเป็นอะไรที่แข็งมากจริงๆ


 


หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ชักมีดเขี้ยวผีสิงออกมาและขุดเจดดรัมออกมาในเวลาไม่กี่นาที เขาลองตีกลองดูด้วยตัวเอง แต่มันไม่มีเสียงดังออกมา ดังนั้นเขาจึงส่งมันไปให้กับควีน


 


หานเซิ่นมีแผนจะไปจากดวงดาวนี้พร้อมกับควีน แต่จู่ๆความอยากรู้อยากเห็นก็เปล่งประกายในดวงตาของเป่าเอ๋อ เธอกระโดดออกจากไหล่ของหานเซิ่นและมุ่งหน้าไปที่ทิศทางหนึ่ง เธอตะโกนกลับมาหาหานเซิ่น


“พ่อ ไปทางนี้กันเถอะ!”


 


“เป่าเอ๋อ หนูพบอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นตามเธอไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น


 


หวงฟูจิ้งที่ถือเจดดรัมอยู่ก็ตามหลังหานเซิ่นไปเช่นกัน และในที่สุดเป่าเอ๋อก็มาหยุดอยู่ที่รอยแยกแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็ปีนเข้าไปข้างใน


 


รอยแยกมีขนาดที่เล็กมาก แม้แต่เป่าเอ๋อก็ยังเข้าไปได้อย่างยากลำบาก หานเซิ่นและควีนจำเป็นต้องบีบอัดกระดูกของพวกเขาเพื่อลอดผ่านรอยแยกนั้นเข้าไป หลังจากนั้นไม่นานเป่าเอ๋อก็กระโดดไปที่ก้อนหินก้อนหนึ่ง


 


“พ่อ ขุดนี่!” เป่าเอ๋อชี้ไปที่กำแพงหิน


 


มันมีสตีลดรัมอยู่รอบๆเต็มไปหมด ดังนั้นมันดูเหมือนจะไม่มีของมีค่าอะไรอยู่ในบริเวณรอบๆนี้ แต่หานเซิ่นก็ยังคงเชื่อใจเป่าเอ๋อ ดังนั้นเขาหยิบมีดเขี้ยวผีสิงออกมาอีกครั้งและเริ่มแทงใส่กำแพงหินสีดำ


 


ภายใต้ความคมของมีดเขี้ยวผีสิง หินพวกนี้เป็นเหมือนกับเต้าหู้ ผิวของกำแพงเปิดออกอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานความคืนหน้าของเขาก็ช้าลงไป ยิ่งลึกเข้าไปเท่าไหร่ มันก็กลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้น ไม่นานจากหินที่มีสีเหมือนกับเหล็กก็เปลี่ยนไปเป็นสีของหยกต่างๆ ในที่สุดเขาก็ขุดไปถึงชั้นผิวที่เป็นคริสตัลสีดำ ซึ่งมันทำให้ขุดได้ยากขึ้นมาก เขาเริ่มจะเหงื่อตก


 


หลังจากที่ขุดไปได้ 7 เมตร หานเซิ่นก็ยังไม่พบอะไร แต่หลังจากนั้นจู่ๆมันก็มีดของเขาก็ไปถูกอะไรบางอย่างเข้า ทำให้ไม่สามารถขุดลึกไปมากกว่านั้นได้


 


หานเซิ่นตัดหินที่อยู่รอบๆทั้งหมดออกไป และไม่นานเขาก็พบกับเจดดรัมสีขาวที่อยู่ในกำแพง


 


“เจดดรัม!” หานเซิ่นปลาบปลื้ม เขาเริ่มกวัดแกว่งมีดเขี้ยวผีสิงอย่างรวดเร็ว


 


หลังจากที่หานเซิ่นขุดมันออกมา เขาก็หอมแก้มเป่าเอ๋อและพูด


“เป่าเอ๋อ หนูเป็นลูกสาวที่ดีที่สุด!”


 


ถ้าเขามีเจดดรัมอยู่ มันก็มีโอกาสที่หานเซิ่นจะต่อกรกับราชันได้ มันเหมือนกับว่าเขาพกนักสู้ระดับราชันติดตัวเขาเอาไว้ ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่สุดยอดอย่างแท้จริง


 


เป่าเอ๋อกระพริบตาและมองไปที่ผิวของภูเขา เธอชี้ไปที่มันและพูดอีกครั้ง “พ่อ ขุดต่อไป!”


 


“มันยังมีเจดดรัมอื่นอยู่อีกอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นประหลาดใจ เขาทำตามที่เป่าเอ๋อบอกและขุดต่อไป


 


โดยปกติแล้วในเหมืองๆหนึ่งไม่ควรมีเจดดรัมมากไปกว่าหนึ่งตัว มันเหมือนกับการที่ในบริเวณหนึ่งแทบจะไม่มีผู้ล่า 2 ตัว ถึงแม้เหมืองแห่งนี้จะมีขนาดใหญ่ แต่มันก็มีเจดดรัมอยู่ที่นี่ถึง 2 ตัวแล้ว ดังนั้นมันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีเจดดรัมตัวที่ 3 อยู่อีก


 


แต่เป่าเอ๋อต้องมีเหตุผลที่ให้เขาขุดต่อไป ดังนั้นหานเซิ่นจึงทำตามที่เธอบอก


 


ชั้นหินแข็งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ หานเซิ่นใช้พละกำลังทั้งหมดของเขา แต่เขาก็สามารถเฉือนชิ้นผิวของหินได้ทีละนิดทีละหน่อยเท่านั้น หลังจากผ่านไปครึ่งวัน หินสีดำก็เริ่มเรืองแสงสีแดงออกมา


 


หานเซิ่นดีใจยิ่งกว่าเดิม การขุดอย่างต่อเนื่องทำให้ตัวของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ขุดชั้นผิวคริสตัลสีดำออกมาได้มากพอที่ผิวของดรัมตัวหนึ่งจะเผยออกมาให้เห็น


 


มันเป็นเจดดรัมจริงๆ แต่มันดูแตกต่างไปจากเจดดรัมปกติ เจดดรัมนี้ดูเป็นหยกก็จริง แต่มันยังมีเครื่องหมายสีแดงอยู่บนผิวของมันด้วย การผสมผสานระหว่างสีขาวและสีแดงทำให้การดีไซน์ดูพิเศษ

 

 

 


ตอนที่ 2200

 

หานเซิ่นตรวจดูลวดลายสีแดงที่อยู่บนเจดดรัมอย่างระมัดระวัง และเขารู้สึกตัวว่าพวกมันเป็นรูปร่างของแมงป่อง โดยรวมแล้วมันมีขนาดพอๆกับฝ่ามือคน มันมีสีแดงเหมือนกับหยกซึ่งตัดกับผิวสีขาวของมัน ลวดลายนั้นดูไม่เหมือนกับว่าถูกสลักลงไป แต่มันดูเหมือนกับว่ามีแมงป่องจริงๆอาศัยอยู่ภายใต้ผิวของเจดดรัม


 


หวงฟูจิ้งมองไปที่บลัดสกอร์เปี้ยน เธอพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ


“ข้าได้ยินมาว่าเจดดรัมคือดรัมที่ดีที่สุดที่คนคนหนึ่งจะหาได้ แต่อันนี้มีลวดลายแมงป่องอยู่ บางที่มันอาจจะเป็นอะไรที่ดียิ่งกว่า? มันอาจจะเป็นเจดดรัมระดับราชันที่บังเอิญเกิดมาแบบนี้”


 


หานเซิ่นพยักหน้า เขาดีใจอย่างมากกับการค้นพบในครั้งนี้ เจดดรัมปกติสามารถไปถึงระดับราชันได้ แต่ถ้านี่เป็นเจดดรัมที่เกิดมาในฐานะราชัน มันก็อาจจะไปถึงระดับเทพเจ้าได้ และถึงมันเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยๆมันก็คงจะกลายเป็นระดับครึ่งเทพได้


 


มันมีเผ่าพันธุ์ชั้นสูงหลายเผ่าพันธุ์ที่พึ่งพาการมีอยู่ของยอดฝีมือระดับครึ่งเทพสักคนเพื่อรักษาตำแหน่งของพวกเขา


 


หานเซิ่นรีบลงมือขุดบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมออกมา เขามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือหวงฟูจิ้งเท่านั้น และเขาไม่เคยคาดคิดว่าได้รับอะไรดีๆติดมือกลับไปด้วย


 


“คนที่ดีก็มักจะได้รางวัลที่ดี ถ้าอย่างนั้นฉันคงจะต้องทำเรื่องดีๆให้บ่อยขึ้นสินะ?” หานเซิ่นพึมพำขณะที่ขุดมันออกมา


 


แต่หินรอบๆนั้นแข็งเกินไป หานเซิ่นจำเป็นต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการจะขุดเอาบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมออกมา


 


เจดดรัมนี้มีขนาดเล็กกว่าเจดดรัมตัวอื่นที่พวกเขาเก็บมาได้ มันมีขนาดเท่ากับกำปั้นของผู้ใหญ่ 2 กำปั้นประกบกัน ทั้ง 2 ด้านของมันมีสัญลักษณ์แมงป่องสีแดงอยู่ และมันก็ดูเหมือนกับว่ามีแมงป่องที่มีชีวิตอยู่ภายใน


 


ด้านข้างของเจดดรัมยังสลักด้วยสัญลักษณ์สีแดงอีกจำนวนมาก ซึ่งมันแตกต่างไปจากสิ่งที่จะพบเห็นได้บนเจดดรัมทั่วๆไป


 


หานเซิ่นยกมันขึ้นมาในมือของเขาด้วยความดีใจ เขารวบรวมพลังของตัวเองและตีใส่เจดดรัมนั้น


 


สิ่งที่ถูกปล่อยออกมาไม่ใช่เสียงของเจดดรัม เมื่อหานเซิ่นตีเจดดรัม เจดดรัมกลับสะท้อนพลังมาใส่หานเซิ่น มันทำให้เขาตกอยู่ในความเจ็บปวดทันที


 


“มันไม่ทำงาน!” แต่หานเซิ่นไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ เพื่อจะได้รับการยอมรับจากเหล่าดรัม หานเซิ่นจะต้องแสดงพลังของตัวเองให้มันเห็น


 


หานเซิ่นรวบรวมพลังของวิชากายหยกและตีผิวของเจดดรัมอีกครั้ง


 


เจดดรัมไม่เคลื่อนไหวหรือปลดปล่อยเสียงดนตรีออกมา มันมีแค่เสียงมือของหานเซิ่นตีเข้ากับบางสิ่งที่แข็ง


 


หานเซิ่นไม่ต้องการยอมแพ้ เขาใช้พลังทั้งหมดเพื่อตีใส่เจดดรัม เขาพยายามทั้งทุบทั้งตบ แต่เจดดรัมนั้นเหมือนกับว่าเป็นใบ้ มันไม่ปล่อยเสียงอะไรออกมา ไม่ว่าหานเซิ่นจะพยายามสักแค่ไหนก็ตาม


 


ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ ถ้าเขาต้องการจะเอาเจดดรัมนั่นกลับไป เขาก็จำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากมัน ไม่อย่างนั้นทางเผ่า1000สมบัติก็จะไม่ปล่อยให้เขาเอามันติดตัวออกไปได้


 


ปัง!


เสียงระเบิดดังขึ้นในหูของหานเซิ่น มันเกือบจะทำให้เขาหมดสติ เขาหันไปและเห็นเป่าเอ๋อกำลังตีใส่เจดดรัมอยู่


 


ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!


เป่าเอ๋อตีใส่มันอย่างสนุกสนาน ยิ่งไปกว่านั้นเธอกำลังเล่นเพลงที่ถูกเรียกว่าเจเนอรัล


 


เธออาจจะกำลังสนุกสนาน แต่หานเซิ่นและหวงฟูจิ้งไม่สนุกด้วย พวกเขาพยามยามจะไม่กระอักเลือดออกมา หานเซิ่นรีบอุ้มเป่าเอ๋อออกห่างจากเจดดรัม ขณะที่ตัวเขาเองเคลื่อนที่เข้าไปหาเจดดรัมสีขาวเพื่อลองดูว่าเขาจะสามารถเล่นมันได้หรือเปล่า


 


‘บลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมอาจจะมีระดับสูงเกินไป แต่อย่างน้อยๆเจดดรัมนี้ก็ยังดูดี มันเป็นถึงระดับดยุกและมันก็มีโอกาสที่กลายเป็นระดับราชันได้ในอนาคต’ หานเซิ่นคิด เขาตีใส่เจดดรัมด้วยความมั่นใจ แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมาก็คือความรู้สึกเจ็บปวดเท่านั้นขณะที่เจดดรัมไม่ได้สร้างเสียงใดๆออกมา เขารวบรวมพลังมากขึ้นและตีใส่มันซ้ำๆ แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามสักแค่ไหน เจดดรัมก็ไม่สร้างเสียงออกมาเลย


 


หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ หลังจากนั้นเขาก็คิดกับตัวเอง ‘เป่าเอ๋อเล่นเพลงเจเนอรัล นั่นหมายความว่าเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากเจดดรัม คนๆนั้นจำเป็นต้องใช้พลังเสียงอย่างนั้นหรอ?’


 


ทฤษฎีนั้นทำให้หานเซิ่นสนใจขึ้นมา เขาพยายามนึกถึงเพลงๆหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ใช้กำปั้นทุบใส่เจดดรัมเป็นทำนองเพลง


 


ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!


หานเซิ่นทุบตามท่วงทำนองเพลงเจเนอรัลที่เป่าเอ๋อเล่นก่อนหน้านี้ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เหมือนกัน หานเซิ่นเล่นมันได้แย่จนสุดท้ายมือของเขาก็ปูดบวม แต่เจดดรัมสีขาวก็ยังคงไม่สร้างเสียงดนตรีออกมา เสียงทั้งหมดที่เกิดขึ้นคือเสียงกำปั้นของเขา


 


‘นี่จังหวะดนตรีของเรามันแย่หรือยังไง? มันไม่มีทางที่เราจะไม่ได้รับการยินยอมจากพวกมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงความโชคดีของเรา บางทีเราควรจะลองเพลงอื่นดู’ หานเซิ่นนึกเพลงอีกเพลงขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็รวบรวมพลังทั้งหมดไปที่กำปั้นของเขา


 


ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!


เสียงของการตีใส่เหล็กดังขึ้นมา และหลังจากตีไม่กี่ครั้ง หานเซิ่นก็รู้สึกราวกับว่ามือกำลังจะแตกสลาย และถ้ายังเป็นแบบนี้เขาก็อาจจะกลายเป็นคนพิการ


 


หานเซิ่นลูบกำปั้นของตัวเองด้วยความรู้สึกหดหู่ แต่จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงกลองดังขึ้นมา


 


ปัง!


หานเซิ่นล้มลงกับพื้นและกระอักเลือดออกมา อวัยวะภายในทั้งหมดของเขาได้รับความเสียหาย ร่างกายของหานเซิ่นแข็งแกร่งยิ่งกว่าดราก้อนเลือดบริสุทธิ์ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถทนต่อพลังเสียงของเจดดรัมได้


 


หวงฟูจิ้งเองก็ตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกัน เลือดไหลออกมาจากริมฝีปากของเธอ


 


เป่าเอ๋อรู้สึกแปลกใจ เธอรีบปล่อยมือออกจากบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัม เธอเข้าไปหาหานเซิ่นและจับหัวของเขา เธอแค่ตีบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมไปมั่วๆเนื่องจากเธอเบื่อ เธอไม่ได้คาดคิดว่ามันจะทำให้หานเซิ่นและหวงฟูจิ้งได้รับบาดเจ็บ


 


“เป่าเอ๋อ นี่หนูพยายามจะฆ่าพ่อหรือยังไง?!” หานเซิ่นพยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้นด้วยความเจ็บปวด


 


“พ่อ หนูขอโทษ! หนูแค่ตีมันไปมั่วๆเท่านั้น” เป่าเอ๋อพูดอย่างไร้เดียงสา


 


“โชดดีที่หนูแค่ตีเบาๆ ถ้าหนูใช้แรงมากกว่านี้ พวกพ่อก็คงจะตายไปแล้ว!” หานเซิ่นพูดขณะที่พยุงหวงฟูจิ้งขึ้นมา


 


โชคดีที่อาการบาดเจ็บของพวกเขาไม่ได้เป็นอะไรที่ถาวร และพวกเขาก็สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ด้วยวิชาจีโน แต่นั่นก็ทำให้พวกเขาได้รู้ว่าบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมนั้นน่ากลัวถึงขนาดไหน


 


เมื่อรักษาตัวเสร็จแล้ว หานเซิ่นก็เรียกหอคอยแห่งโชคชะตาออกมา เขาตั้งใจจะเก็บบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมเข้าไปข้างในเพื่อทำการตรวจสอบในอนาคตข้างหน้า


 


เนื่องจากแต่ละคนสามารถนำดรัมออกไปได้แค่คนละตัวเท่านั้น และมีเพียงแค่หวงฟูจิ้งกับเป่าเอ๋อเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับจากเจดดรัม ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแอบเอามันออกไป


 


แต่เมื่อหอคอยแห่งโชคชะตาเข้าใกล้บลัดสกอรเปี้ยนเจดดรัน จู่ๆมันก็ส่องแสงและสร้างเสียงขึ้นมา พลังเสียงนั้นผลักหอคอยแห่งโชคชะตากระเด็นกลับเข้าไปในจิตของหานเซิ่น


 


“บ้าจริง! มันไม่ยอมเข้าไปหรอเนี่ย?” สีหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไป ขณะที่เลือดไหลออกมาจากริมปากของเขา เขามองไปที่บลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมด้วยความแปลกใจ

 

 

 


ตอนที่ 2201

 

หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาพยายามจะใช้หอคอยแห่งโชคชะตาเพื่อเก็บเจดดรัมอีกตัวเข้าไป แต่มันก็ไม่ได้ผลเช่นเดียวกัน


 


“แย่แล้ว ถ้าเราทำให้เจดดรัมสร้างเสียงขึ้นมาไม่ได้ เราก็คงจะต้องกลับไปมือเปล่า” หานเซิ่นรู้สึกแย่กับเรื่องนี้ แต่เขาไม่มีเวลามากนัก


 


ควีนเหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งวัน ถ้าเธอไม่นำเจดดรัมของเธอไปลงทะเบียนให้ทันเวลา เธอก็ไม่สามารถนำมันติดตัวกลับไปได้ ถึงแม้เจดดรัมตัวนั้นจะยินยอมติดตามเธอไปก็ตาม หานเซิ่นมีเวลาไม่มากที่จะทำให้เจดดรัมยอมรับเขา


 


‘มันไม่สำคัญว่าเจดดรัมตัวไหนจะยอมรับเรา ตราบใดที่หนึ่งในพวกมันสร้างเสียงขึ้นมา พวกเราก็จะนำพวกมันทั้งหมดออกไปได้’


หานเซิ่นคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็หันไปพูดกับหวงฟูจิ้งและเป่าเอ๋อ


“พาเป่าเอ๋อออกไปก่อน ฉันจะลองตีเจดดรัมนี่ดู ฉันไม่ต้องการทำให้พวกเธอตกอยู่ในอันตราย”


 


หวงฟูจิ้งพยักหน้า หลังจากนั้นเธอก็พาเป่าเอ๋อไปที่ทางออก


 


เมื่อหวงฟูจิ้งไปแล้ว หานเซิ่นก็เรียกวิญญาณอสูรใบเสมาราชาแมลงปีศาจออกมา เขามองไปที่เจดดรัมสีขาว หลังจากนั้นระหว่างนิ้วกลางและนิ้วโป้งของเขาก็มีแสงสีทองปรากฏขึ้น


 


หานเซิ่นไม่สามารถพึ่งดวงเพื่อทำให้เจดดรัมยอมรับในตัวเขาได้ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงคิดจะใช้กำลัง จริงๆแล้วที่เขาให้หวงฟูจิ้งพาเป่าเอ๋อออกไป นั่นก็เป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้เธอรู้ว่าเขาคือดอลลาร์


 


เหรียญปรากฏในมือของหานเซิ่น บนผิวของมันมีหมายเลขหนึ่งอยู่ และขณะที่เวลาผ่านไปตัวเลขก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


 


1… 2… 3… 4… 5…


 


เซฟวิ่งมันนี่กำลังทำงานและหมายเลขก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นไป ทุกๆการเปลี่ยนแปลงของหมายเลข พลังที่อยู่ภายในเหรียญก็จะทวีคูณ


 


เจดดรัมสีขาวเป็นเพียงแค่ระดับดยุก ดังนั้นหานเซิ่นจึงรวบรวมพลังของเหรียญไปจนถึงหมายเลขสิบ เมื่อเสร็จแล้วเขาก็ดีดมันออกไปใส่เจดดรัมอย่างรุนแรง


 


ติ๊ง!


 


พลังที่รุนแรงสร้างเสียงที่ดังอย่างมากเหนือเจดดรัมสีขาว เสียงนั้นซัดออกไปจากเจดดรัมราวกับสึนามิ แต่เมื่อมันปะทะกับใบเสมาราชาแมลงปีศาจสีทอง มันก็เด้งกลับไป


 


พลังเสียงที่อยู่ภายในใบเสมาราชาแมลงปีศาจเด้งไปเด้งมาและกำลังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ


 


หานเซิ่นอยู่ภายในพลังเสียงทั้งหมดนั่น แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เพราะเขาเป็นคนที่ตีใส่เจดดรัมสีขาวและได้รับการยอมรับจากมัน วิธีการของเขาแค่รุนแรงไปหน่อยเท่านั้น แต่พลังของเจดดรัมสีขาวก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรหานเซิ่น เพราะว่ามันยอมรับเขาแล้ว


 


แต่หานเซิ่นประหลาดใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น พลังเสียงภายในใบเสมาราชาแมลงปีศาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมันก็ทำให้เขานึกถึงวิชาเอคโค่ของไวท์เรียล


 


หานเซิ่นพูดออกไปว่าถ้ามีระฆังขนาดใหญ่เพื่อใช้ขังศัตรู เขาก็จะสามารถใช้วิชาเอคโค่เพื่อเพิ่มความรุนแรงของพลังเสียงได้ ใบเสมาราชาแมลงปีศาจนั้นอาจจะไม่ใช่ระฆัง แต่มันก็พิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้ขังศัตรูได้ ด้วยเหตุนั้นวิชาเอคโค่จึงดูเหมือนจะทำงานได้เป็นอย่างดี


 


‘เราเคยคิดแต่จะใช้ใบเสมาราชาแมลงปีศาจเพื่อปกป้องตัวเองจนมองข้ามเรื่องนี้ไป เราควรกลับไปที่ปราสาทนภาเพื่อเรียนรู้วิชาเอคโค่จากไวท์เรียล การใช้วิชาเอคโค่และเจดดรัมร่วมกันเป็นอะไรที่ทำงานได้เป็นอย่างดี’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง


 


หลังจากที่หานเซิ่นใช้เซฟวิ่งมันนี่ เจดดรัมสีขาวก็ยอมรับในตัวของเขา เมื่อหานเซิ่นลองยืนยันในเรื่องนี้และตีมันอีกครั้ง มันก็สร้างเสียงออกมา แต่มันไม่ได้ใหญ่โตเหมือนกับก่อนหน้านี้ ตอนนี้เพียงแค่ตีเบาๆเจดดรัมก็ปลดปล่อยพลังเสียงออกมา


 


“บางครั้งการใช้ความรุนแรงก็ได้ผลดีกว่าการใช้เหตุผล”


หานเซิ่นหัวเราะขณะที่เก็บเจดดรัมสีขาวไป หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัม


 


“มาลองดูสิว่าจะทำให้เจ้านี่ยอมรับได้ไหม” หานเซิ่นนำเหรียญๆหนึ่งออกมาและเริ่มรวบรวมพลังอีกครั้ง เมื่อถึงหมายเลขสิบ เขาก็ดีดเหรียญออกไปที่บลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัม


 


ติ๊ง!


 


เหรียญพุ่งไปที่ผิวของบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัม ทำให้เกิดเป็นเสียงการกระแทกของโลหะดังขึ้นมา แต่เขาไม่สามารถทำให้มันตอบสนองด้วยเสียงของกลองได้


 


เหรียญนั้นติดอยู่ที่ผิวของบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัม แต่มันไม่ได้ส่งผลอะไร บลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมไม่ได้ถูกบดขยี้ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าหานเซิ่นต้องการแบบนั้น แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการให้มันได้รับความเสียหาย


 


‘การรวมพลังเซฟวิ่งมันนี่ไปถึงเลขสิบคือที่สุดแล้วที่เราทำได้ ถึงแม้จะพยายามรวมพลังต่อไปอีก นั่นก็ไม่ได้จะทำให้พลังของมันเพิ่มขึ้นอะไรมาก ดูเหมือนเจ้านี่จะเป็นระดับราชันจริงๆ พลังของเรายังไม่เพียงพอที่จะทำให้มันสร้างเสียงดนตรีขึ้นมาได้’


ถึงแม้จะล้มเหลว แต่หานเซิ่นก็ไม่ได้ผิดหวังอะไร เขาแค่ต้องการนำบลัดสกอร์เปี้ยนดรัมกลับไปกับเขาเท่านั้น เพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสเป็นเจ้าของมันในอนาคต


 


หานเซิ่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็เฉือนนิ้วมือของตัวเอง เขาหยดเลือดคริสตัลลงไปบนบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัม


 


หานเซิ่นมองดูเลือดของตัวเองค่อยๆละลายเข้าไปในสัญลักษณ์แมงป่อง แต่มันก็ต้องใช้เวลาเพื่อดูดซับเข้าไป


 


ถึงแม้มันจะไม่ได้ละลายเข้าไปในสัญลักษณ์แมงป่องโดยสมบูรณ์ แต่ตอนนี้มันก็มีจุดสีแดงปรากฏขึ้นบนหลังของแมงป่อง


 


‘ถ้าเลือดของเราละลายเข้าไปข้างในได้ นั่นก็จะทำให้เราได้รับการยอมรับเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง เขานำเจดดรัมทั้ง 2 ออกไปพร้อมกับเขา เพื่อกลับไปสมทบกับเป่าเอ๋อและหวงฟูจิ้ง


 


ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นได้รับความยินยอมจากเจดดรัมสีขาวระดับดยุกแล้ว พวกเขาทั้ง 3 คนก็จะนำเจดดรัมออกไปได้คนละตัว


 


หลังจากที่หานเซิ่นพบพวกเธอ พวกเขาก็เดินทางไปที่ฐานทัพของเผ่า1000สมบัติที่ตั้งอยู่บนดวงดาว เขาต้องการนำเจดดรัมออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด


 


หานเซิ่นรู้ว่ามันเป็นอะไรที่หาได้ยากที่จะมีคนนำเจดดรัมมาลงทะเบียนพร้อมๆกันถึง 3 ตัว ซึ่งนั่นจะทำให้การเดินทางกลับของพวกเขาไม่ปลอดภัย


 


แน่นอนว่าหานเซิ่นไม่ได้หวาดกลัว เพราะถ้าเขากลัวล่ะก็ เขาก็คงจะไม่มาที่นี่ตั้งแต่แรก แต่นี่ก็ไม่ใช่ปัญหาธรรมดาๆ มันมีโอกาสที่จะเป็นปัญหาใหญ่ เจดดรัมถึง 3 ตัวอาจจะดึงดูดยอดฝีมือจำนวนมากเข้ามาหาพวกเขา


 


ในฐานทัพบนดวงดาวเจดดรัม กาน่าระดับราชาคนหนึ่งกำลังอยู่ระหว่างการลงทะเบียนโกลด์ดรัมที่เขาได้รับมา


 


ยอดฝีมือทั้งหมดที่ยืนอยู่รอบๆมองดูกาน่าระดับราชาด้วยความอิจฉา แต่ทว่ากาน่าระดับราชาดูไม่ดีใจกับรางวัลที่ได้รับ ความจริงแล้วเขาดูค่อนข้างหม่นหมอง


 


เป้าหมายของเขาคือเจดดรัม แต่หลังจากค้นหาถึงสิบวันเต็มๆ เขาก็หาได้แค่โกลด์ดรัมตัวหนึ่งเท่านั้น นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ มันจึงทำให้สีหน้าของเขาดูแย่


 


ชายที่มีปีกผีเสื้อเดินเข้ามาตรงหน้ากาน่าระดับราชาและหัวเราะออกมา


“สตีเฟน เจ้าหาได้เพียงแค่โกลด์ดรัมอย่างนั้นหรอ”


 


“ราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลาย เจ้าเองก็หาได้แค่โกลด์ดรัมไม่ใช่หรอ?” สตีเฟนหันมามองโกลด์ดรัมของอีกฝ่ายและยิ้มออกมา


 


ราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายถอนหายใจและพูด “ดาวดวงนี่มีเจดดรัมอยู่ก็จริง แต่ผู้คนมากมายต่างก็มาเพื่อขุดหาพวกมัน พวกมันจึงถูกเอาไปเร็วกว่าจำนวนที่พวกมันจะกำเนิดขึ้นมาใหม่ ดังนั้นการจะหาพวกมันจึงไม่ได้ง่ายอีกแล้ว”

 

 

 


ตอนที่ 2202

 

สตีเฟนและราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายกำลังพูดคุยกัน ขณะที่พวกเขาลงทะเบียนโกลด์ดรัมของตัวเอง แม้แต่เหล่าราชันก็ยังต้องทำตามกฎของเผ่า1000สมบัติ


 


เผ่า1000สมบัติแทบจะไม่เคยมีความขัดแย้งกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ แต่กำลังพลของพวกเขาก็จัดอยู่ในสิบอันดับแรกของจักรวาลจีโน ซึ่งหลายคนคาดคิดว่าพวกเขาอาจจะติดอันดับ 1 ใน 5 ได้ด้วยซ้ำไป


 


ขณะที่สตีเฟ่นและราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายเตรียมตัวจะจากไป ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งและเด็กสาวอีกคนเดินเข้ามาในฐานทัพ ราชาทั้ง 2 ขมวดคิ้วเมื่อเห็นพวกเขา


 


พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นว่าชายคนนั้นคือหานเซิ่น แต่พวกเขาสัมผัสได้ถึงตัวตนของเจดดรัมที่หวงฟูจิ้งกำลังถืออยู่  พวกเขาจ้องไปที่เธออย่างถมึงทึง


 


แต่เนื่องจากพวกเขาลงสมัครโกลด์ดรัมของตัวเองไปแล้ว มันจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่พวกหานเซิ่นจะพยายามซ่อนสิ่งที่พวกเขาหามาได้


 


และทางด้านเผ่า1000สมบัติเองก็ไม่ซ่อนความจริงที่ลูกค้าหาเจดดรัมมาได้เช่นเดียวกัน เผ่า1000สมบัติต้องการให้ทั้งจักรวาลได้รับรู้ทุกครั้งที่มีใครบางคนเจอเจดดรัมบนดาวเจดดรัม ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดีต่อธุรกิจของพวกเขา ดังนั้นหานเซิ่นและหวงฟูจิ้งจึงถือพวกมันเข้ามาอย่างเปิดเผย


 


เนื่องจากพวกหานเซิ่นกำลังจะลงทะเบียนเจดดรัม ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นที่ต้องปิดบังตัวเอง หานเซิ่นพาหวงฟูจิ้งตรงเข้าไปลงทะเบียนสิ่งที่พวกเขาหามาได้ในทันที


 


ราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายและสตีเฟนมองพวกหานเซิ่นที่เดินเข้ามายังบูธสำหรับลงทะเบียน พวกเขาจ้องไปที่กระเป๋าของหวงฟูจิ้งอย่างขะมักเขม้น พวกเขาสัมผัสได้ถึงเจดดรัมที่อยู่ข้างใน แต่พวกเขายังไม่แน่ใจว่านั่นคือเจดดรัมจริงๆหรือเปล่า


 


เมื่อหวงฟูจิ้งนำเจดดรัมออกมาจากกระเป๋า เหล่าราชันก็สูดเอาอากาศที่บริสุทธิ์เข้าไป


 


“เจดดรัม… นั่นคือเจดดรัม!” เผ่าพันธุ์อื่นที่อยู่รอบๆเห็นหวงฟูจิ้งหยิบเจดดรัมออกมา และหลายคนก็ห้ามตัวเองจากการตะโกนออกมาไม่ได้


 


“มันผ่านมากี่ปีแล้วตั้งแต่ที่เจดดรัมตัวสุดท้ายถูกพบ”


 


“ดูจากพลังชีวิตของนางแล้ว อย่างมากที่สุดนางก็เป็นแค่มาร์ควิส ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่านางจะโชคดีพอที่จะหาหนึ่งในเจดดรัมมาได้”


 


“ฮ่าๆ! นี่มันเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ มันยังยากที่จะตัดสินได้เมื่อมาร์ควิสคนหนึ่งพบเจดดรัม”


 


เหล่าราชาพูดคุยกัน เจ้าหน้าที่ภายในฐานทัพก็ประหลาดใจเช่นเดียวกันที่ได้เห็นเจดดรัม แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังลงทะเบียนมันให้กับเธอราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร


 


การทำธุรกิจกับเผ่า1000สมบัติเป็นอะไรที่น่าเชื่อถือ พวกเขาเคยขายแม้กระทั่งสมบัติระดับเทพเจ้ามาก่อน และมันไม่เคยมีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นภายในสถานที่ของพวกเขา พวกเขาจะไม่ทำอะไรตุกติกเพื่อเอาเจดดรัมไปเป็นของตัวเอง


 


พวกเขาทำตามขั้นตอนและกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด หวงฟูจิ้งส่งตัวเจดดรัมให้กับเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นเธอก็ตีเจดดรัม และเมื่อการลงทะเบียนเสร็จสิ้นแล้ว เจดดรัมก็จะตกเป็นทรัพย์สินของเธออย่างเป็นทางการ


 


สตีเฟนเดินเข้าไปหาหวงฟูจิ้งและถาม


“เพื่อนเอ๋ย เจ้าจะขายเจดดรัมนั่นให้กับข้าได้หรือเปล่า?”


 


“ขอโทษด้วย ข้าไม่คิดจะขายมัน” หวงฟูจิ้งพูด


 


เธอเป็นเพียงแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง ดังนั้นเจดดรัมระดับดยุกจึงเป็นอะไรที่มีประโยชน์ต่อเธออย่างมาก และมันก็จะเป็นอะไรที่ปลอดภัยมากขึ้นสำหรับนาง ถ้าเธอนำมันติดตัวไปด้วยเวลาออกเดินทาง การล่าซีโน่เจเนอิคก็จะเป็นอะไรที่ง่ายมากขึ้นเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนั้นหวงฟูจิ้งไม่จึงคิดจะขายมัน


 


สตีเฟนขมวดคิ้ว แต่เขายังคงไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ เขาพูดต่อ


“อย่าเพิ่งรีบด่วนปฏิเสธ ข้าคือสตีเฟนจากเผ่านาค บอกราคาที่เจ้าต้องการมา มันจะมากเท่าไหร่ก็ได้”


 


“ขอโทษด้วย” หวงฟูจิ้งตอบปฏิเสธกลับไปอย่างรวดเร็ว


 


ใบหน้าของสตีเฟนดูเลวร้าย ดังนั้นราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายจึงก้าวเข้ามาและพูด


“สาวน้อย มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดูแลเจดดรัมนั่น ข้าจะแลกเปลี่ยนมันกับโซนิคบัตเตอร์ฟลายระดับดยุก 8 ตัว นอกจากนั้นข้ายังจะคุ้มครองเจ้ากลับไปอีกด้วย เจ้าว่ายังไง?”


 


“ขอโทษด้วย” คำตอบของหวงฟูจิ้งยังคงเป็นอะไรที่เย็นชา


 


“ถ้าเจ้าไม่ยอมขายมันซะตอนนี้ เจ้าจะต้องเสียใจทีหลังเมื่อก้าวขาออกไปจากดาวเจดดรัมแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นมันก็จะสายเกินไป ถ้าเจ้าอยากจะขายมันล่ะก็ ตอนนี้เป็นโอกาสของเจ้า” ใบหน้าของราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายไม่ได้เปลี่ยนไป เขายังคงพูดด้วยรอยยิ้ม


 


หวงฟูจิ้งเมินเฉยต่อคำพูดของเขาและเดินหนีไป


 


ราชาโซนิคเริ่มเดินเข้าไปใกล้เพื่อจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอ แต่หานเซิ่นเดินเข้ามาขวางหน้าเขาเอาไว้และพูด “เพื่อนของข้าบอกว่าไม่สนใจจะขายมัน ได้โปรดไปถามคนอื่น”


 


สีหน้าของราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายเปลี่ยนไปทันที “เจ้ากล้าดียังไงมาขัดขวางการเจรจาของข้ากับนาง?”


 


หานเซิ่นยักไหล่ของเขาอย่างเงียบๆ เขาเดินเข้าไปที่บูธลงทะเบียนและหยิบเจดดรัมของตัวเองออกมา


 


“เจดดรัมอีกตัว!” ทุกคนในฐานทัพตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเจดดรัมถึง 2 ตัวจะถูกพบในวันเดียวกัน


 


ราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายตกตะลึง เขาไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นเองก็มีเจดดรัมเช่นเดียวกัน


 


เจ้าหน้าที่เองก็ดูประหลาดใจอย่างมาก แต่พวกเขาก็ทำการลงทะเบียนให้กับหานเซิ่น ซึ่งบ่งบอกว่าตอนนี้มันตรงเป็นทรัพย์สินของเขาอย่างเป็นทางการแล้ว


 


“เจ้าจะขายเจดดรัมนั่นไหม? ข้อตกลงที่ข้าให้สัญญากับนางจะยังมีผลกับเจ้าเช่นกัน ถ้าเจ้ายินดีทำการแลกเปลี่ยน” ราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายมองไปที่หานเซิ่นขณะที่พูดออกมา


 


หานเซิ่นเมินเฉยต่อเขา ซึ่งทำให้สตีเฟนพูดขึ้นมา


“เพื่อนเอ๋ย ถ้าเจ้ายอมขายเจดดรัมล่ะก็ ข้าจะจ่ายในราคาที่สูงและช่วยปกป้องความปลอดภัยของเจ้า”


 


“ขอโทษด้วย แต่ข้าไม่มีแผนจะขายมัน” หานเซิ่นปฏิเสธข้อเสนอของเขา


 


ราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายดูมัวหมอง แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างเมื่อเห็นหานเซิ่นนำเจดดรัมอีกตัวออกมา


 


เจดดรัมนี้ดูแปลกประหลาดอย่างมาก มันมีสัญลักษณ์สีแดงอยู่บนผิว ทำให้มันดูแตกต่างออกไปจากเจดดรัมธรรมดาทั่วไป


 


“มันคือ…เจดดรัมอีกตัว… นั่นเป็นไปได้ยังไงกัน?!”


 


“โว้ว! ดูเหมือนพวกเขาจะมาด้วยกัน พวกเขาพบเจดดรัมถึง 3 ตัวเลยหรอเนี่ย นี่พวกเขาไปพบเหมืองเจดดรัมเข้าหรือยังไง?”


 


“นี่มันจะโชคดีเกินไปแล้ว พวกเขาได้รับเจดดรัมมาถึง 3 ตัวเลยหรอเนีย”


 


“แต่เจดดรัมตัวที่ 3 ดูผิดปกติ มันแตกต่างไปจากเจดดรัมอื่นๆ มันคงจะไม่ได้เป็นเจดดรัมกลายพันธุ์หรอกใช่ไหม?”


 


“ถ้ามันเป็นเจดดรัมกลายพันธุ์จริงๆ มันก็เป็นอะไรแค่มีค่าอย่างมาก พวกเรารู้ว่าเจดดรัมปกติกลายเป็นระดับราชันได้ แต่เจดดรัมกลายพันธุ์อาจจะพัฒนาไปสูงยิ่งกว่านั้นได้”


 


“นั่นมันจะโชคดีเกินไปแล้ว แต่ข้าแน่ใจว่าความโชคดีจะกลายเป็นหายนะสำหรับพวกเขา พวกเขาดูเป็นคนที่ระดับต่ำอยู่ แต่พวกเขาแต่ละคนกลับได้รับเจดดรัมไป พวกเขาไม่รอดแน่ๆ”


 


“นั่นมันไม่ใช่โชคดี! แต่เป็นอันตรายอย่างแท้จริง”



 


ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ สตีเฟนและราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายก็จ้องมองไปที่บลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมด้วยความละโมบ เจดดรัมกลายพันธุ์เป็นอะไรที่หาได้ยากมาก ถึงขนาดที่ในหมื่นปีจะมีโอกาสพบได้สักตัว พวกมันสามารถพัฒนาไปสูงกว่าระดับของราชันได้ ด้วยเหตุนั้นแม้แต่เหล่าราชันก็ยังปฏิบัติกับพวกมันราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า


 


“ต้องขออภัยด้วย แต่ตามกฎของเผ่า1000สมบัติ ลูกค้าทุกคนจะนำดรัมออกไปได้แค่คนละตัวเท่านั้น ซึ่งลูกค้าได้ลงทะเบียนเจดดรัมตัวหนึ่งไปแล้ว…” เจ้าหน้าที่พูดกับหานเซิ่น


 


“ข้าทราบ แต่นี่ไม่ใช่เจดดรัมของข้า มันเป็นของลูกสาวข้า”


หานเซิ่นชี้ไปที่เป่าเอ๋อ หลังจากนั้นเขาก็ส่งบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมให้กับเธอ


 


“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะต้องเห็นนางเล่นมัน” เจ้าหน้าที่พูด เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อที่หานเซิ่นพูด เจ้าหน้าที่มองกลับไปมาระหว่างเป่าเอ๋อและบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัม


 


“นางจะต้องตีมันที่นี่อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม


 


“ใช่แล้ว นั่นคือกฎ” เจ้าหน้าที่พยักหน้า 

 

 


ตอนที่ 2203

 

“ลูกสาวของข้ายังควบคุมแรงที่ใช้ตีกลองไม่ได้ นั่นจะไม่เป็นไรใช่ไหม?” หานเซิ่นถามพวกเขาอีกครั้งเพื่อเช็คให้แน่ใจ


 


เจ้าหน้าที่หัวเราะและชี้ไปรอบๆฐานทัพ “ฐานทัพแห่งนี้มีเครื่องมือล้ำสมัยที่ดูดซับพลังเสียงได้ ถึงแม้ราชาจะทุบใส่เจดดรัม พลังเสียงที่เกิดขึ้นก็ถูกรองรับด้วยเทคโนโลยีของพวกเรา สุดท้ายแล้วจะมีเพียงแค่คลื่นเสียงส่วนน้อยเท่านั้นที่แพร่กระจายออกไป ดังนั้นไม่มีอะไรต้องกังวล และถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นที่จุดลงทะเบียนล่ะก็ พวกเราจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง”


 


หานเซิ่นพยักหน้า เขากลัวว่าถ้ามีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นมา เขาอาจจะต้องเป็นคนที่รับผิดชอบ


 


หานเซิ่นเคยได้ยินเสียงของบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมมาก่อน เขารู้ว่ามันต่างไปจากเจดดรัมธรรมดาเป็นอย่างมาก เจดดรัมปกติจะปลดปล่อยพลังเสียงในวงกว้างโดยไม่มีจุดศูนย์รวม


 


แต่เสียงที่บลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมปลดปล่อยออกมาทำงานคล้ายคลึงกับหางของแมงป่อง เมื่อมันถูกตี เสียงที่ออกมาจะแหลมและมีจุดศูนย์รวม มันยากที่จะอธิบายได้


 


ก่อนหน้านี้เป่าเอ๋อตีมันอย่างไม่ได้ตั้งใจอะไร และเพียงแต่การตีเบาๆก็ทำให้หานเซิ่นกับหวงฟูจิ้งเกือบตาย ถ้าเป่าเอ๋อออกแรงมากกว่านั้น มันก็มีโอกาสสูงที่ใครบางคนภายในฐานทัพแห่งนี้จะเสียชีวิต


 


“ทุกๆท่าน ลูกสาวของข้าไม่รู้จักควบคุมพละกำลังของตัวเอง ทุกท่านจะช่วยกรุณาถอยออกไปก่อนได้ไหมเผื่อในกรณีที่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แบบนั้นทุกท่านจะได้หลีกเลี่ยงการได้รับบาดเจ็บ”


หานเซิ่นหันไปพูดกับทุกคนที่อยู่ในที่นี่ ยอดฝีมือจากหลายเผ่าพันธุ์มารวมกันอยู่ในที่แห่งนี้ ถ้าเกิดพลังเสียงของบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมฆ่าพวกเขาทุกคน นั่นก็หมายความว่าหานเซิ่นได้ล่วงละเมิดแต่ละเผ่าพันธุ์อย่างใหญ่หลวง


 


“มันก็แค่ดรัมตัวหนึ่ง ตีมันสักที! ทำไมเจ้าต้องมัวพูดมากให้เสียเวลาด้วย?” ทุกคนที่อยู่ที่นี่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องพลังเสียงกันทั้งนั้น ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงอยากจะเห็นพลังของบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัม


 


“ถ้าทุกท่านไม่ต้องการจะถอยออกไป อย่างน้อยก็ช่วยใช้บางอย่างเพื่อป้องกันตัวเอง ไม่อย่างนั้นอย่าได้มาโทษพวกเราถ้าทุกท่านได้รับบาดเจ็บ” หานเซิ่นพูด


 


“ใครมันจะไปโทษเจ้าเรื่องนั้น? พวกเราอาจจะโมโหที่เจ้าเอาแต่พูดจาไร้สาระมากกว่า ตีมันซะ ไม่อย่างนั้นก็วางเจดดรัมลงและไสหัวไป” ยอดฝีมือหลายคนเริ่มรู้สึกรำคาญ


 


“โอเค ข้าเตือนทุกท่านแล้ว” หานเซิ่นวางเป่าเอ๋อลงใกล้ๆกับบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมก่อนที่จะถอยออกไปพอสมควร หลังจากนั้นเขาก็เรียกวิญญาณอสูรใบเสมาราชาแมลงปีศาจออกมาครอบตัวเอง หวงฟูจิ้ง เจ้าหน้าที่และบูธสำหรับลงทะเบียน จากนั้นเขาก็กระพริบตาให้กับเป่าเอ๋อ “เป่าเอ๋อตีใส่มัน แต่ไม่ต้องแรงมากนักนะ”


 


ที่หานเซิ่นป้องกันเจ้าหน้าที่ด้วย นั่นก็เพราะเขากลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่สามารถทนต่อพลังเสียงได้ ซึ่งถ้าเกิดเจ้าหน้าที่ตายไปซะก่อน บลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมก็จะไม่สามารถลงทะเบียนได้


 


เมื่อทุกคนเห็นว่าหานเซิ่นดูจะจริงจังกับเรื่องนี้ นั่นก็ทำให้พวกเขารู้สึกสับสนเล็กน้อย


 


เจ้าหน้าที่บอกว่าเครื่องมือในที่แห่งนี้สามารถรับและถ่ายพลังเสียงได้เป็นอย่างดี พวกมันถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อรับพลังเสียงของดรัม ดังนั้นถึงแม้ยอดฝีมือระดับราชันจะตีใส่ดรัม มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น บลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมเป็นเจดดรัมกลายพันธุ์ก็จริง แต่ถ้าถูกตีโดยเด็กคนหนึ่ง มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรได้


 


นั่นคือสิ่งที่ผู้ชมกำลังคิดขณะที่มองไปยังเป่าเอ๋อที่ยืนอยู่ข้างๆบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัม หลังจากนั้นเธอก็ลงมือตีใส่มัน


 


ปัง!


มือเล็กๆถูกตีลงไปที่ผิวของบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมและเกิดเป็นเสียงขึ้นมา แต่ก่อนที่ใครจะตอบสนองอะไรได้ พวกเขาทั้งหมดก็รู้สึกราวกับว่าถูกแท่งเหล็กแทงลงมาในหัวของพวกเขา


 


หัวของทุกคนรู้สึกปวดและร่างกายของพวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าถูกทิ่มแทง ไม่มีใครที่จะคงร่างกายของตัวเองให้ยืนอยู่ได้ และพวกเขาก็ล้มลงไปนอนซักดิ้นซักงออยู่กับพื้น


 


พวกเขาเริ่มจะฟองท่วมปาก และกระเพาะปัสสาวะของหลายๆคนก็ถูกปล่อยปลด ทั้งล็อบบี้เริ่มส่งกลิ่นขณะที่ขุนนางมากมายเริ่มกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้นและฉี่ราดออกมา


 


ราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายและสตีเฟนนั้นเชื่อว่าตัวเองเป็นยอดฝีมือในเรื่องพลังเสียง และที่นี่ก็ถูกติดตั้งไปด้วยเครื่องมือสำหรับรองรับพลังเสียง ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ใช้อะไรปกป้องตัวเอง


 


พวกเขาไม่ได้รู้ว่าบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมจะเป็นภัยถึงขนาดนั้นเมื่อเทียบกับเจดดรัมธรรมดา เมื่อบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมถูกตี พวกเขาก็ไม่ได้เห็นแม้แต่คลื่นเสียงพุ่งเข้ามา ตอนนี้สมองของพวกเขาไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ และพวกเขาก็ล้มลงไปดิ้นอยู่กับพื้น


 


ถึงแม้สภาพของพวกเขาจะไม่ได้แย่เหมือนอย่างเหล่าดยุกและมาร์ควิส แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกราวกับว่าหัวกำลังจะระเบิด พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะพยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้นได้


 


หานเซิ่นคิดว่าเขาอาจจะทำให้ใครบางคนต้องตาย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเสียชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นหัวของพวกเขาก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่คิดว่าจะมีใครฟื้นตัวได้อีกสักพัก


 


มันดูเหมือนว่าพลังของบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมจะไม่ฆ่าคนได้ แต่มันจะส่งผลกับสมองของพวกเขาและทิ้งให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพเวียนหัวอย่างมาก


 


หานเซิ่นคิดว่าอาวุธแบบนั้นเป็นอะไรที่เหมาะสมสำหรับเขา


 


ซึ่งในขณะที่คนอื่นๆกำลังเวียนหัวอยู่ หานเซิ่นก็จะสามารถพาหวงฟูจิ้งและเป่าเอ๋อจากไปได้อย่างปลอดภัย


 


“เจ้าบอกว่าทางเผ่า1000สมบัติจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นสินะ ตอนนี้พวกเราจะลงทะเบียนเจดดรัมนี้ได้หรือยัง?”


หานเซิ่นเขย่าตัวเจ้าหน้าที่กำลังมองตาค้าง


 


เจ้าหน้าที่ดูประหลาดใจอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขามองขุนนางรอบๆที่กลิ้งไปมาอยู่บนพื้น


 


แม้แต่ราชาโซนิคและสตีเฟนก็ไม่เว้น พวกเขาพึมพำบางอย่างเกี่ยวกับการที่รู้สึกมึนหัวและจำเป็นต้องนั่งพักอยู่บนพื้น


 


“นี่เจ้ายังมัวรออะไรอยู่ รีบมาลงทะเบียนเจ้านี่เร็วเข้า” หานเซิ่นพูดเร่งเจ้าหน้าที่


 


เจ้าหน้าที่ได้สติขึ้นมาราวกับว่าเขาเพิ่งจะตื่นจากความฝัน หลังจากนั้นเขาก็ทำการลงทะเบียนบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัม


 


หลังจากนั้นหานเซิ่นและพวกพ้องก็เดินทางกลับ บลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมทรงพลังก็จริง แต่ส่วนหนึ่งมาจากการที่ราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายและคนอื่นไม่ได้เตรียมการป้องกันใดๆ ตอนนี้เมื่อพวกเขารู้ว่ากำลังเจออยู่กับอะไร มันก็เป็นเรื่องยากที่จะใช้บลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมกับพวกเขาอีกครั้ง


 


ทางเผ่า1000สมบัติไม่อนุญาตให้ฆ่าคนอื่นบนดาวเจดดรัม ดังนั้นมันไม่มีใครคิดจะลงมือทำอะไร ขณะที่ยังอยู่บนดาวเจดดรัม ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงต้องการทิ้งระยะห่างระหว่างเขากับคนอื่นที่ยังคงมึนหัวอยู่


 


หานเซิ่นพาเป่าเอ๋อออกจากดวงเจดดรัมและคิดกับตัวเอง ‘พลังเสียงของบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมนั้นทรงพลังจริงๆ แม้แต่ราชันก็ยังได้รับผลจากมัน เราจำเป็นต้องหาทางทำให้ได้รับการยอมรับจากมัน แบบนั้นเราจะได้ใช้มันใส่ศัตรู ซึ่งเราจะทำอะไรกับพวกเขาก็ได้ขณะที่พวกเขายังคงมึนหัวอยู่’


 


สิบนาทีหลังจากที่พวกหานเซิ่นออกเดินทางไปจากดาวเจดดรัม ราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายและสตีเฟ่นก็เริ่มได้สติกลับมา แต่ทว่าหัวของพวกเขายังคงรู้สึกปวดอยู่


 


ราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายเมินเฉยต่ออาการปวดหัวและลุกขึ้นมา ขณะที่มือข้างหนึ่งกุมศีรษะ เขาหันไปถามเจ้าหน้าที่


“พวกเขาไปไหนแล้ว?”


 


“ตอนนี้พวกเขาออกไปจากดาวเจดดรัมแล้ว แต่พวกเขาไปที่ไหน ข้าไม่รู้” เจ้าหน้าที่พูด


 


ราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายและสตีเฟนไม่กล้าจะโจมตีคนของเผ่า1000สมบัติ ขณะที่ยังคงกุมหัวของตัวเอง พวกเขารีบเดินทางออกจากดาวเจดดรัมด้วยความหวังที่จะตามหาพวกหานเซิ่นที่หนีไป


 


หลังจากค้นหาอยู่สิบนาที พวกเขาก็ยังหาตัวหานเซิ่นไม่เจอ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกหานเซิ่นหนีไปทางไหน


 


ราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายบินออกมาจากดาวเจดดรัมขณะที่ร่างกายของเขายังคงสั่นไหว เขาปวดหัวยิ่งกว่าอาการเมาค้างอย่างหนักเสียอีก


 


โชคดีที่ร่างกายระดับราชันของพวกเขาสามารถทนต่อสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นกับพวกเขาได้ แต่เหล่าดยุกและมาร์ควิสคงจะไม่ได้สติไปอีกหลายวัน 

 

 


ตอนที่ 2204

 

หานเซิ่นพาหวงฟูจิ้งกลับไปที่ดาวอุปราคาพร้อมกับเขา เธอเพิ่งจะได้รับเจดดรัมของตัวเองมา และเนื่องจากเธอกังวลว่าจะถูกลอบโจมตีขณะที่ออกไปข้างนอก ดังนั้นเธอจึงต้องการอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง เธอจะรอจนกระทั่งทุกอย่างสงบลงก่อนถึงจะออกเดินทางอีกครั้ง


 


ราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายเรียนรู้ว่าหานเซิ่นมาจากไหน แต่ตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตามหานเซิ่นไปอีกแล้ว เนื่องจากเขาถูกทิ้งห่างมากเกินไป เขาได้บอกให้คนของเขาช่วยหยุดหานเซิ่นเอาไว้ แต่พวกเขาก็หาหานเซิ่นไม่เจอเช่นกัน ดังนั้นสุดท้ายแล้วราชาโซนิคบัตเตอร์ฟลายจึงตัดสินใจที่จะยอมแพ้


 


เพราะยังไงซะพวกเขาก็ไม่สามารถเข้าไปในแนร์โรว์มูนเพื่อตามหาหานเซิ่นได้


 


ในระหว่างทางกลับ หานเซิ่นหยดเลือดของเขาตัวเองลงไปบนบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมอีกหลายหยด เขาหวังจะได้รับการยอมรับจากบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมโดยเร็วที่สุด


 


ภายในฐานทัพบนดาวอุปราคา จู่ๆมีรายงานเข้ามาอย่างกะทันหัน บางคนวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบและบอกทุกคนว่ามีฝูงซีโน่เจเนอิคกำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขา


 


หานเมิ่งเอ๋อ ซีโร่ นางฟ้าและหานเหยียนออกไปดูข้างนอก พวกเธอพบว่าภูเขาลูกหนึ่งถูกปกคลุมด้วยอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนกับก้อนเมฆสีแดง ก้อนเมฆนั้นกำลังมุ่งหน้ามาทางฐานทัพอย่างรวดเร็ว


 


แน่นอนว่าก้อนเมฆสีแดงนั้นไม่ใช่ก้อนเมฆจริงๆ พวกมันเป็นฝูงผึ้งสีแดงที่แต่ละตัวมีขนาดพอๆกับสุนัข ซึ่งพวกมันแต่ละตัวทรงพลังมากๆ และนั่นทำให้หานเหยียนขมวดคิ้ว


“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่บนดาวอุปราคามีซีโน่เจเนอิคแบบนี้อยู่? ไม่เคยเห็นพวกมันมาก่อนเลย”


 


ขณะเดียวกันราชาไนท์ริเวอร์ก็กำลังมองดูฐานทัพบนดาวอุปราคา สีหน้าของเขาดูชั่วร้ายอย่างมาก


“ผึ้งราชินีชาโดว์เป็นซีโน่เจเนอิคพิเศษที่มาจากผึ้งราชินี พวกมันเป็นเพียงแค่ระดับดยุกเท่านั้น แต่พวกมันออกลูกอย่างรวดเร็ว ตราบใดที่มีแหล่งอาหารเพียงพอ มันก็จะให้กำเนิดผึ้งชาโดว์ระดับต่ำได้เป็นจำนวนมาก แต่ผึ้งราชินีชาโดว์ตัวนี้เป็นซีโน่เจเนอิคระดับดยุกกลายพันธุ์ ด้วยเหตุนั้นนอกจากการให้กำเนิดผึ้งชาโดว์ระดับต่ำแล้ว ผึ้งราชินีชาโดว์ยังให้กำเนิดผึ้งชาโดว์ระดับดยุกได้ ผึ้งราชินีนั้นมีเวลาไม่มากนักและจนถึงตอนนี้มันก็ให้กำเนิดผึ้งชาโดว์ระดับดยุกมาได้แค่ 2 ตัวเท่านั้น แต่นั่นก็เพียงพอที่จะจัดการกับฐานทัพของหานเซิ่นแล้ว”


 


“ผึ้งราชินีชาโดว์จะกินเนื้อของทุกคนในฐานทัพและวางไข่ในซากศพของพวกเขา เมื่อหานเซิ่นกลับมาและเห็นทั้งหมดนี่ล่ะก็ ใบหน้าของเขาคงจะเป็นอะไรที่หอมหวาน…” ราชาไนท์ริเวอร์ยิ้มอย่างชั่วร้าย


 


ราชาไนท์ริเวอร์ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับผลที่จะตามมา ผึ้งราชินีชาโดว์เป็นหนึ่งในซีโน่เจเนอิคที่หนีออกมาจากยานบรรทุกสินค้า เรื่องทั้งหมดจึงดูเหมือนกับว่าเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ


 


และถึงหานเซิ่นจะเชื่อว่าราชาไนท์ริเวอร์เป็นคนทำ เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากไม่มีหลักฐาน แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ราชาไนท์ริเวอร์ต้องการ เขาต้องการให้หานเซิ่นเกลียดชังเขา หานเซิ่นจะรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อแก้แค้นเขาได้


 


“นี่เป็นแค่การเริ่มต้นที่เจ้ามาเป็นศัตรูกับข้า” ราชาไนท์ริเวอร์พูด เขาเกลียดชังหานเซิ่นจากใจจริง


 


ผึ้งชาโดว์ตรงมาที่ฐานทัพด้วยความเร็วสูง ขณะที่ราชาไนท์ริเวอร์เตรียมตัวจะเพลิดเพลินกับการต่อสู้ แต่ทันใดนั้นก็มีโล่สีฟ้าปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มทั้งฐานทัพ


 


ก้อนเมฆสีแดงของผึ้งชาโดว์พุ่งลงมาใส่โล่สีฟ้าราวกับห่าฝน แต่เพียงแค่สัมผัสกับโล่ป้องกันก็ทำให้พวกมันกระเด็นออกไป แม้แต่ผึ้งชาโดว์ระดับดยุกทั้ง 2 ก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้


 


ราชาไนท์ริเวอร์กัดฟันอย่างไม่พอใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะทิ้งโล่สีฟ้าเอาไว้ในฐานทัพ


 


ราชาไนท์ริเวอร์คิดว่าหานเซิ่นคงจะพกสมบัติที่มีพลังป้องกันที่สุดยอดแบบนั้นไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลา ถ้าเขารู้ว่าหานเซิ่นไม่ได้เอามันติดตัวไปด้วยละก็ เขาก็คงจะไม่วางแผนการเพื่อโจมตีดาวอุปราคาแบบนี้ เพราะถ้าหานเซิ่นไม่มีโล่ป้องกันอยู่ การต่อสู้กับเขาแบบตัวต่อตัวก็จะเป็นอะไรที่ง่ายขึ้นมาก


 


แต่ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะมาเสียใจกับมัน ผึ้งชาโดว์นั้นไม่สามารถทำลายโล่ป้องกันได้


 


ผึ้งชาโดว์ปล่อยสสารที่เป็นพิษออกจากเหล็กในของพวกมัน สสารที่เป็นพิษเป็นเหมือนกับแสงสีแดงที่แพร่กระจายออกไปทั่วโล่สีฟ้า แต่พวกมันก็ไม่สามารถทำอะไรกับโล่ป้องกันนั้นได้


 


ถึงแม้โล่ป้องกันจะอ่อนพลังลงเนื่องจากต้องขยายใหญ่เพื่อปกป้องทั้งฐานทัพ แต่มันก็ยังคงเป็นอะไรที่ยากเกินไปที่มาร์ควิสและดยุกจะทำลายมันได้


 


ขณะที่ราชาไนท์ริเวอร์กำลังครุ่นคิดแผนการใหม่ขึ้นมานั่น จู่ๆโล่สีฟ้าก็จางหายไป และพวกผึ้งที่อยู่ด้านนอกก็เริ่มบินเข้าไปข้างใน


 


“นี่มันล้มเหลวเพราะผู้ใช้มีพลังไม่พออย่างนั้นหรอ?”


ราชาไนท์ริเวอร์สงสัย “นี่ผู้ใช้คงสภาพโล่ป้องกันนั้นเอาไว้ไม่ได้สินะ?”


 


ไม่นานหลังจากนั้นราชาไนท์ริเวอร์ก็รู้สึกตัวว่าการสันนิษฐานของเขาไม่ถูกต้อง เมื่อผึ้งชาโดว์พากันบินเข้าไปได้จำนวนหนึ่ง โล่ก็ถูกเปิดใช้งานขึ้นมาอีกครั้ง ผึ้งชาโดว์ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ด้านนอก แต่มันก็มีจำนวนพอสมควรที่ผ่านเข้าไปได้สำเร็จ


 


ลูกธนูสีดำเริ่มบินขึ้นมาจากภายใต้โล่ป้องกัน และในเวลาไม่นานผึ้งชาโดว์หลายสิบตัวที่อยู่ข้างในก็ถูกฆ่าตาย


 


หลังจากนั้นชาวเคทกลุ่มหนึ่งก็เดินออกมาและเก็บร่างของพวกผึ้งที่ตายกลับเข้าไปในฐานทัพ


 


ดวงตาของราชาไนท์ริเวอร์เริ่มกระตุก นอกจากแผนของเขาจะไม่ได้ผลแล้ว เขายังได้มอบซีโน่เจเนอิคจำนวนมากให้กับดาวอุปราคาแบบฟรีๆ ตอนนี้เขารู้สึกอยากจะไปที่นั่นด้วยตัวเองและทำลายสิ่งที่หานเซิ่นทุ่มแรงสร้างขึ้นมา


 


เมื่อชาวเคทเก็บร่างของผึ้งชาโดว์เข้าไปในฐานทัพแล้ว โล่ป้องกันก็จางหายไปอีกครั้ง และมันก็ปรากฏขึ้นมาในเสี้ยววินาทีต่อมาเพื่อกักขังกองทัพผึ้งชาโดว์ส่วนหนึ่งเอาไว้


 


ราชาไนท์ริเวอร์หัวเราะ หนึ่งในผึ้งชาโดว์ที่เข้าไปเป็นระดับดยุก ขณะที่คนในฐานทัพเป็นแค่ระดับมาร์ควิส ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน มันก็ไม่มีใครฆ่าผึ้งชาโดว์ระดับดยุกได้


 


ราชาไนท์ริเวอร์ได้เริ่มจินตนาการถึงวิธีที่ผึ้งชาโดว์ระดับดยุกจะสังหารพวกเขาทุกคน แต่ทันใดนั้นก็มีลูกธนูสีดำพุ่งเข้าไปหาผึ้งชาโดว์ระดับดยุก


 


ผึ้งชาโดว์ระดับดยุกปฏิกิริยาว่องไว และมันก็รวดเร็วกว่าผึ้งชาโดว์ระดับมาร์ควิสอย่างมาก ขณะที่ลูกธนูสีดำพุ่งเข้ามา เหล็กในของผึ้งชาโดว์ระดับดยุกก็ส่องสว่างขึ้นมาและปล่อยพิษออกไปใส่ลูกธนูนั้น


 


สสารที่เป็นพิษถูกพ่นออกไปหาลูกธนู แต่ทันใดนั้นลูกธนูก็ดำลงไปด้านล่าง มันเปลี่ยนทิศทางก่อนที่จะพุ่งกลับขึ้นมาอีกครั้งและปักเข้าไปที่ร่างของผึ้งชาโดว์ระดับดยุกด้วยความเร็วสูง


 


ผึ้งชาโดว์ระดับดยุกเรืองแสงสีแดงออกมา เมื่อลูกธนูเสียบทะลุเข้าไปในร่างกายของมัน ลูกธนูก็ถูกหยุดเอาไว้


 


“มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฆ่าผึ้งชาโดว์ระดับดยุก” ราชาไนท์ริเวอร์หัวเราะเยาะเย้ย


 


ตูม!


เมื่อลูกธนูปักเข้าไปในร่างของผึ้งชาโดว์ระดับดยุก หัวลูกธนูก็ติดอยู่ภายใน แต่หลังจากนั้นก็เกิดการระเบิดที่น่ากลัวขึ้นภายในร่างกายของผึ้งชาโดว์ระดับดยุก


 


แสงสีแดงแตกสลายและเกิดเป็นรูโบ๋ในบริเวณที่ถูกธนูปัก มันได้รับบาดเจ็ดหนักและเริ่มร่วงลงมาบนพื้น


 


ตูม!


ลูกธนูอีกดอกยิงออกไป มันเจาะทะลุเข้าไปในบาดแผลของผึ้งชาโดว์ระดับดยุก หลังจากนั้นหัวของผึ้งชาโดว์ก็ระเบิด


 


ในขณะที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ผึ้งมาร์ควิสตัวอื่นๆก็ถูกจัดการโดยหานเหยียน


 


“นี่เป็นไปได้ยังไง? ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพียงแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง แต่แล้วนางกลับฆ่าผึ้งชาโดว์ระดับดยุกได้อย่างง่ายดาย? นี่มันเป็นไปไม่ได้! นางมีสายเลือดหานเซิ่นอยู่ แต่มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คริสตัลไลเซอร์แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น?” ราชาไนท์ริเวอร์โกรธอย่างมาก 

 

 


ตอนที่ 2205

 

หานเมิ่งเอ๋อและคนอื่นๆกำจัดผึ้งชาโดว์ที่เหลือได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร พวกเธอได้รับยีนซีโน่เจเนอิคมาเป็นจำนวนมากและหลายคนยังได้รับวิญญาณอสูรของผึ้งชาโดว์ด้วย


 


วิญญาณอสูรเป็นลูกธนูพิษ เมื่อหานเมิ่งเอ๋อฆ่าผึ้งชาโดว์ระดับดยุกตัวที่ 2 ได้ เธอก็ได้รับวิญญาณอสูรลูกธนูพิษระดับดยุก


 


เมื่อราชาไนท์ริเวอร์เห็นผึ้งชาโดว์ตัวสุดท้ายถูกฆ่า เขาก็รู้ว่าแผนการล้มเหลว และด้วยความโกรธเขาทุบหน้าจอที่กำลังดูอยู่จนพังเป็นชิ้นๆ


 


หลังจากที่หานเซิ่นกลับมาที่ดาวอุปราคาและรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็เดาว่าราชาไนท์ริเวอร์เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เพราะบนดาวอุปราคาไม่มีซีโน่เจเนอิคท้องถิ่นอย่างผึ้งชาโดว์


 


‘ดีที่เราทิ้งใบเสมาราชาแมลงปีศาจเอาไว้ ไม่อย่างนั้นถึงแม้หานเมิ่งเอ๋อและคนอื่นอาจจะเอาตัวรอดจากการจู่โจมได้ แต่ขุนนางมากมายก็คงจะถูกฆ่าตาย’ หานเซิ่นคิดและโล่งใจที่สถานการณ์ออกมาแบบนี้


 


แต่หานเซิ่นรู้ว่าผึ้งราชินียังคงมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเขาจึงเตรียมที่จะออกไปค้นหา


 


มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะหารังของราชินีผึ้งชาโดว์ และทางเข้าที่พวกผึ้งชาโดว์สร้างขึ้นมาก็เป็นอะไรมองเห็นได้อย่างชัดเจน


 


เนื่องจากพวกผึ้งชาโดว์ถูกฆ่าตายไปเมื่อหลายกันก่อน ทำให้ภายในรังมีพวกผึ้งชาโดว์เหลืออยู่ไม่มากนัก ดังนั้นหานเซิ่นจึงเข้าไปในรังผึ้งได้อย่างง่ายดายเพื่อค้นหาผึ้งราชินีชาโดว์ที่ดูเหมือนกับทับทิม


 


หานเซิ่นอ่านข้อมูลเกี่ยวกับผึ้งราชินีชาโดว์มาเรียบร้อยแล้ว และเขาก็รู้ว่ามันมาจากที่ไหน การได้เห็นผึ้งราชินีชาโดว์ในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกดีใจอย่างมาก


 


เขารับรู้ในทันทีว่าเธอคือผึ้งราชินีชาโดว์กลายพันธุ์ ซึ่งถือว่าหาได้ยากมากๆ


 


ผึ้งราชินีชาโดว์เคลื่อนไหวอย่างว่องไว เธอบินไปรอบๆราวกับเงามืดที่ทิ้งรอยเงาของตัวเองเอาไว้ ปีกของเธอกระพืออย่างรวดเร็ว และหานเซิ่นก็แทบจะมองตามไม่ทัน


 


แสงพิษส่องสว่างออกมาจากด้านหลังของผึ้งราชินีขณะที่เธอพุ่งเข้าไปหาหานเซิ่น แต่แสงที่พุ่งเข้ามาปะทะเข้ากับใบเสมาราชาแมลงปีศาจและถูกทำให้ไร้ผลไป


 


‘ซีโน่เจเนอิคระดับดยุกกลายพันธุ์นี่แข็งแกร่งจริงๆ ด้วยความเร็วและการโจมตีด้วยแสงพิษ รวมเข้ากับความเร็วในการให้กำเนิดที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อ… มันคงจะเป็นอะไรที่ฆ่าได้ยากมากถ้าเราไม่มีใบเสมาราชาแมลงปีศาจอยู่’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง


 


ผึ้งราชินีชาโดว์บินไปรอบๆหานเซิ่นพร้อมกับปล่อยลูกดอกพิษออกมา แต่เมื่อยู่ต่อหน้าใบเสมาราชาแมลงปีศาจ มันก็เป็นอะไรที่ไร้ความหมาย


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้โจมตีเธอ เขาคิดว่ามันน่าเสียดายที่จะฆ่าผึ้งราชินีชาโดว์กลายพันธุ์ไป หานเซิ่นต้องการไว้ชีวิตเธอเพื่อที่เธอจะได้ให้กำเนิดลูกระดับดยุกและมาร์ควิสมาเพิ่มอีก แบบนั้นปัญหาเรื่องทรัพยากรระดับสูงของดาวอุปราคาก็จะบรรเทาลงไป


 


หานเซิ่นไม่ได้มาที่นี่เพื่อฆ่าผึ้งราชินีชาโดว์กลายพันธุ์ แต่เขาต้องการเอาตัวเธอไปใช้ให้เป็นประโยชน์


 


ถ้าหานเซิ่นเป็นดยุกคนหนึ่งล่ะก็ มันก็จะเป็นอะไรที่ง่ายขึ้นมากถ้าเขาจะจับตัวอีกฝ่าย แต่เขาเป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง ด้วยเหตุนั้นความเร็วและพละกำลังของเขาจึงไม่ได้ดีเหมือนกับผึ้งราชินีชาโดว์กลายพันธุ์


 


ผึ้งราชินีชาโดว์จู่โจมใส่หานเซิ่นอย่างเกรี้ยวกราด แต่เธอไม่สามารถทำอะไรโล่ป้องกันของเขาได้ หลังจากผ่านไปสักพักผึ้งราชินีชาโดว์ก็เหนื่อยไปเอง การโจมตีของเธอเริ่มอ่อนพลังและช้าลงไปเรื่อยๆ


 


ผึ้งราชินีชาโดว์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญหา และเธอก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่หวงดินแดนของตัวเอง ถึงแม้เธอจะเหนื่อยล้า เธอก็ไม่คิดที่จะหนีไป ตราบใดที่หานเซิ่นยังคงอยู่ในรังของเธอ เธอก็ยังพยายามจะโจมตีใส่เขาต่อไป


 


เมื่อเห็นว่าผึ้งราชินีชาโดว์เริ่มเหนื่อยล้า หานเซิ่นก็ตัดสินใจเก็บใบเสมาราชาแมลงปีศาจกลับไป


 


เมื่อผึ้งราชินีชาโดว์เห็นว่าโล่ป้องกันของหานเซิ่นหายไปแล้ว เธอก็กระพือปีกเพื่อจู่โจมหานเซิ่นอีกครั้ง แต่ตอนนี้เธอช้าลงไปมาก


 


หานเซิ่นนำเจดดรัมสีขาวออกมาและตีใส่มัน พลังเสียงพุ่งออกไปรอบทิศทางด้วยเสียงบูม พลังเสียงเข้าไปหาผึ้งราชินีชาโดว์ที่เหนื่อยล้า และทำให้เธอร่วงลงที่พื้น


 


พลังเสียงของเจดดรัมระดับดยุกไม่ควรจะมีประสิทธิภาพต่อดยุกกลายพันธุ์อย่างผึ้งราชินีชาโดว์ แต่ในตอนนี้เธอเหนื่อยล้าเกินไป ด้วยเหตุนั้นผึ้งราชินีชาโดว์จึงไม่สามารถทนต่อพลังเสียงของเจดดรัมได้


 


ผึ้งราชินีชาโดว์ลากตัวเองไปกับพื้นด้วยเจตนาที่จะโจมตีใส่หานเซิ่น


 


หานเซิ่นยังคงถือเจดดรัมอยู่ในมือ เขาตีมันอีก 2 ครั้ง คลื่นเสียงที่ออกมาทำให้ผึ้งราชินีชาโดว์กลิ้งไปมาบนพื้น มันดูเหมือนกับว่าผึ้งราชินีชาโดว์กำลังตกอยู่ในความเจ็บปวดอันทุกทรมาน


 


“ถ้าเจ้าฟังคำสั่งของข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” หานเซิ่นพูดกับผึ้งราชินีชาโดว์ที่ตอนนี้นอนกองอยู่กับพื้น


 


ผึ้งราชินีชาโดว์ขาดสติปัญญา เมื่อเจดดรัมหยุดลงแล้ว เธอก็พยายามจะโจมตีใส่หานเซิ่นอีกครั้ง


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าจะทำยังไงนอกจากตีใส่เจดดรัมต่อไป ซึ่งทำให้ผึ้งราชินีชาโดว์กลิ้งไปมาบนพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เลือดเริ่มไหลออกมาจากปากของเธอ เมื่อเห็นอย่างนั้นหานเซิ่นก็หยุดมือ เขาไม่ต้องการฆ่าผึ้งราชินีชาโดว์ การฆ่าเธอเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์


 


ดังนั้นเมื่อเห็นว่าผึ้งราชินีชาโดว์กำลังจะตายภายใต้การทรมานซ้ำๆของเขา เขาก็ตัดสินใจออกไปจากรัง


 


ซีโน่เจเนอิคที่ขาดสติปัญญาจำเป็นต้องถูกจับมาทรมานอย่างช้าๆ


 


หานเซิ่นให้คนคอยจับตาดูรังผึ้งเอาไว้ ถ้าผึ้งราชินีชาโดว์ให้กำเนิดผึ้งขึ้นมาอีก พวกเขาก็จะไปฆ่าพวกมัน นั่นจะเป็นการสั่งสอนบนเรียนให้กับเธอ หานเซิ่นหวังว่าเมื่อผ่านไปสักพัก ผึ้งราชินีชาโดว์อาจจะยอมเชื่อฟังคำสั่งของเขา


 


‘พวกเราจะไม่มีวันปลอดภัยตราบใดที่ราชาไนท์ริเวอร์ยังอยู่’


หานเซิ่นคิด เขากำลังหาวิธีที่จะกำจัดราชาไนท์ริเวอร์


 


ด้วยพลังที่มีอยู่ตอนนี้ หานเซิ่นยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับราชาไนท์ริเวอร์ได้ อย่างน้อยๆเขาก็ต้องกลายเป็นดยุกซะก่อน และเขาก็จำเป็นต้องมีสมบัติมากกว่านี้


 


ซึ่งมันจะเป็นการดีที่สุดถ้าเขาสามารถใช้บลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมได้ นั่นเป็นอาวุธอย่างเดียวที่จะทำให้เขาโค้นล้มใครบางคนที่มีระดับที่สูงกว่าตัวเองได้


 


แต่ถึงเขาจะฆ่าราชาไนท์ริเวอร์ได้ เขาก็ไม่สามารถทำมันในแนร์โรว์มูนได้ เพราะถ้าเกิดพวกเขาต่อสู้กัน ทางรีเบทก็จะสนับสนุนราชาไนท์ริเวอร์อย่างไม่ต้องสงสัย คนนอกคนหนึ่งอย่างเขาไม่มีทางได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา


 


“ดูเหมือนว่าเราจำเป็นจะต้องกลายเป็นดยุกให้เร็วที่สุดและหาหนทางที่จะพาเขาออกไปที่ไหนสักแห่ง” หานเซิ่นสงบสติตัวเองและพยายามครุ่นคิดอย่างรอบคอบ


 


การปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำจะทำให้เขาทำอะไรบุ่มบ่าม แบบนั้นมันก็มีแต่จะเปิดเผยจุดอ่อนให้ศัตรูได้เห็น เขาต้องใจเย็นเอาไว้ถ้าเขาต้องการทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ


 


หานเซิ่นยังคงฝึกฝนต่อไป ทุกวันที่ 1 และ 15 ของเดือนเขาจะไปที่ตำหนักเย็นเพื่อดูดซับพลังจันทราและพลังน้ำแข็ง เพื่อเร่งการวิวัฒนาการขึ้นสู่ระดับดยุก


 


ในทุกๆวันหานเซิ่นจะหยดเลือดของตัวเองลงบนบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมและปล่อยให้พวกมันค่อยๆแทรกซึมเข้าไป เขาต้องการให้เลือดของเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับแมงป่อง หานเซิ่นรู้สึกว่าตัวเองค่อยๆเชื่อมต่อกับบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมได้อย่างช้าๆ การจะได้มันมาครอบครองก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น


 


วันหนึ่งราชาแบล็คมูนแวะมาหาหานเซิ่นอย่างคาดไม่ถึง


“หานเซิ่น ทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะรับสมัครอัศวินจากแนร์โรว์มูน เจ้าสนใจจะสมัครไหม?”


 


“เอ็กซ์ตรีมคิงรับสมัครแค่ยอดฝีมือเท่านั้น ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะต้องการมาร์ควิสอย่างข้า” หานเซิ่นตอบอย่างสับสน เขาคิดว่าทางเอ็กซ์ตรีมคิงคงจะสนใจแค่ยอดฝีมืออย่างอี๋ซาเท่านั้น


 


“ทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะรับแค่คนที่จะกลายเป็นยอดฝีมือในอนาคต พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขา ดังนั้นเมื่อเอ็กซ์ตรีมคิงเปิดรับสมัครอัศวิน พวกเขาจะให้สิทธิ์กับพวกเรา ถ้าเจ้าอยากจะเข้าร่วมกับพวกเขา ข้าพอจะเสนอชื่อของเจ้าได้” ราชาแบล็คมูนพูด 

 

 


ตอนที่ 2206

 

“ข้าจำเป็นต้องไปอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


 


“มันเพียงแค่การแนะนำของข้าเท่านั้น” ราชาแบล็คมูนพูด


“แต่มังกรจะไม่ว่ายร่วมกับปลา เสือจะไม่อยู่อาศัยร่วมกับสุนัข นี่เป็นโอกาสที่เจ้าจะได้ออกไปจากที่นี่”


 


หานเซิ่นรู้ว่าราชาแบล็คมูนหวังดีต่อเขา และเขาก็รู้ว่าราชาแบล็คมูนไม่ต้องการให้เขากับราชาไนท์ริเวอร์ต่อสู้กันอีก แต่หานเซิ่นส่ายหัวและพูด


“ขอบคุณสำหรับความเมตตา แต่ถ้าข้ายืนหยัดอยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วแบบนั้นข้าจะไปถึงจุดที่ที่ข้าต้องการในอนาคตได้ยังไง?”


 


“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ…” ราชาแบล็คมูนอยากจะพูดอะไรอย่างอื่นอีก แต่เขาอ้ำๆอึ้งๆไป หลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา


“ช่างเถอะ เส้นทางที่ทุกคนจะก้าวไปนั้นแตกต่างกัน ซึ่งตัดสินไม่ได้ว่าเส้นทางเส้นไหนเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง ถ้านี่คือความต้องการของเจ้า พวกเราก็ได้แต่ปล่อยเรื่องนี้ไป”


 


หลังจากนั้นราชาแบล็คมูนก็จากไป ซึ่งทำให้หานเซิ่นคิดไปว่า


‘ดูเหมือนว่าทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะกำลังรวบรวมยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์ต่างๆ นี่มันกำลังมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกเขาอย่างนั้นหรอ?’


 


แต่หานเซิ่นไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับพวกเขา ดังนั้นเขาจึงคาดเดาอะไรไม่ได้ เขายังคงฝึกวิชากายหยกต่อไปทุกๆวันโดยหวังจะให้มันกลายเป็นดยุกโดยเร็วที่สุด


 


ในวันนั้นทุกคนภายในรวมแนร์โรว์มูนไปรวมตัวกันที่ลานกว้างเทพจันทรา พวกเขาทุกคนสวมใส่ชุดที่ดีที่สุด ซึ่งบ่งบอกว่าพวกเขากำลังจะพบกับใครบางคนที่มีความสำคัญ หานเซิ่นไม่ได้ไปที่ลานกว้าง แต่เขารู้ว่านั่นเป็นวันที่คนของเอ็กซ์ตรีมคิงเดินทางมาถึง เขาได้เห็นยานอวกาศหลายลำที่งดงามราวกับดวงดาวมุ่งหน้ามาทางแนร์โรว์มูน


 


“ดูเหมือนว่าเอ็กซ์ตรีมคิงจะไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ความแข็งแกร่งของตัวเองเท่านั้น แม้แต่เทคโนโลยีของพวกเขาก็ยังก้าวหน้าอย่างมาก แนร์โรว์มูนไม่มียานอวกาศแบบนั้นสักลำ แต่นี่พวกเขามีพวกมันอยู่เป็นกองทัพ ขอบคุณสวรรค์ที่พวกเขาไม่ใช่ศัตรู ถ้าพวกเขาเป็นศัตรูล่ะก็ แนร์โรว์มูนก็คงจะล่มสลายอย่างรวดเร็ว” หานเซิ่นพึมพำกับตัวเอง


 


หานเซิ่นไม่ต้องการเข้าร่วมกับเอ็กซ์ตรีมคิง แต่คนอื่นๆในแนร์โรว์หวังว่าตัวเองจะได้เข้าร่วม แต่มันไม่ใช่ว่าทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะยินดีรับทุกคน ผู้สมัครต้องผ่านกระบวนการทดสอบอย่างถี่ถ้วนซะก่อน


 


ขุนนางมากมายคาดหวังกับโอกาสในครั้งนี้ ซึ่งคนหนุ่มคนไหนก็ตามที่เข้าร่วมกับพวกเขาจะเติบโตและกลายเป็นคนที่แข็งแกร่ง


 


รีเบทอาจจะเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง แต่พวกเขาไม่ติดอันดับหนึ่งในร้อยด้วยซ้ำไป ดังนั้นในด้านของทรัพยากรและความแข็งแกร่งแล้ว พวกเขาไม่สามารถเทียบชั้นกับเอ็กซ์ตรีมคิงได้


 


มันน่าเสียดายที่มาตรฐานของเอ็กซ์ตรีมคิงสูงมากๆ การเข้าร่วมกับพวกเขายากยิ่งกว่าการสอบเข้าโรงเรียนไหนๆ และผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถผ่านการทดสอบของพวกเขาได้


 


แนร์โรว์มูนก็เป็นแค่หนึ่งในสถานที่เอ็กซ์ตรีมคิงหยุดเพื่อรับสมัครคน ซึ่งทั้งหมดแล้วมันมีเป็นพันสถานที่พวกเขาตั้งใจจะหยุดเพื่อรับสมัครคนเช่นเดียวกับที่แนร์โรว์มูน แต่ทว่าพวกเขาจะไม่รับใครก็ตามที่ไม่ผ่านการทดสอบของพวกเขา


 


ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบ แต่เขาก็รู้มาว่าตลอด 4 วันที่ผ่านมา มีเพียงแค่เอิร์ลหนึ่งคนและมาร์ควิสอีกคนเท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์ของเอ็กซ์ตรีมคิง ขณะที่คนหนุ่มมากมายนับไม่ถ้วนไม่ผ่านการทดสอบ


 


ทางเอ็กซ์ตริมคังกำลังรับสมัครอัศวินสำรอง ซึ่งระดับของพวกเขาไม่ได้สำคัญอะไร ที่สำคัญก็คือพรสวรรค์และศักยภาพในอนาคตของพวกเขา ดังนั้นแม้แต่อัจฉริยะระดับดยุกของรีเบทหลายคนก็ยังไม่ผ่านการทดสอบ


 


“ราชากงล้อจันทรา ข้าได้ยินมาว่าอี๋ซามีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่ง เขาคือคนไหนอย่างนั้นหรอ?”


ราชาอัศวินไอซ์บลูถามพร้อมกับขมวดคิ้ว เขาคือคนที่มีรับหน้าที่ในการรับสมัครคนของแนร์โรว์มูน


 


มันมีหน่วยอัศวินอยู่ทั้งหมดสิบหน่วยในเอ็กซ์ตรีมคิง ทุกหน่วยอัศวินจะมีหัวหน้าอยู่คนหนึ่ง ซึ่งราชาอัศวินไอซ์บลูก็คือหัวหน้าของหน่วยอัศวินไอซ์บลู


 


ในตอนที่พวกเขาแบ่งพื้นเพื่อไปทำการรับสมัครคน ราชาอัศวินไอซ์บลูจงใจเลือกแนร์โรว์มูน ซึ่งเขาจำเป็นต้องจ่ายด้วยราคาที่สูงเช่นกัน


 


ที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะในตอนที่อี๋ซาอยู่ที่เอ็กซ์ตรีมคิง เธอเองก็เข้าร่วมกับอัศวินไอซ์บลู ราชาอัศวินไอซ์บลูนับถืออี๋ซาเป็นอย่างมาก และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เขาเลือกมาที่แนร์โรว์มูน เพราะมันถือสถานที่ที่เธอจากมา เขาหวังจะได้รับอัจฉริยะในระดับเดียวกันนั้น


 


แต่การทดสอบตลอดหลายวันที่ผ่านมา ทำให้เขาผิดหวังอย่างมาก ในสายตาของเขาคนของรีเบทขาดพรสวรรค์ หรืออย่างน้อยๆพวกเขาก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมแบบอี๋ซา ในตอนแรกราชาอัศวินไอซ์บลูมีความสุขที่ได้มาที่แนร์โรว์มูน แต่ตอนนี้เขาไม่รู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูจำได้ว่าอี๋ซาเคยบอกว่าเธอมีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่ง ดังนั้นราชาอัศวินไอซ์บลูจึงสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่เห็นชายหนุ่มคนนั้น ถ้าเธอรับเขามาเป็นลูกศิษย์จริงๆ คนคนนั้นก็ต้องเป็นคนที่พิเศษ


 


ราชากงล้อจันทราลังเลอยู่ชั่วขณะ หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มและพูด


“อี๋ซามีลูกศิษย์อยู่จริงๆ แต่เขาเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของนาง เขาต้องสืบทอดมรดกต่อจากนาง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงยอมเสียโอกาสที่จะเข้าร่วมกับอัศวินไอซ์บลูไป”


 


“จริงหรอ?” ราชาอัศวินไอซ์บลูถาม


 


ราชาไนท์ริเวอร์รีบพูดขึ้นมา “จากความเห็นของข้า ถ้าเขาต้องการจะสืบทอดมรดกของนาง เขาก็ควรจะเข้าร่วมกับทางเอ็กซ์ตรีมคิง เพราะแม้แต่อี๋ซาเองก็ยังเข้าร่วมกับทางเอ็กซ์ตรีมคิงเลยถูกไหม? แบบนั้นลูกศิษย์ของนางก็ควรตามรอยนางไป เขาจะเสียเวลาไปเปล่าๆถ้ายังอยู่ในแนร์โรว์มูน ถ้าอี๋ซายังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ นางก็คงจะคิดเหมือนกัน”


 


ราชาไนท์ริเวอร์ไม่ได้พูดแบบนี้เพื่อหานเซิ่น ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือเตะหานเซิ่นออกไปจากแนร์โรว์มูน แบบนั้นเขาจะได้รับพลังจากแสงจันทร์คนเดียว


 


ราชาอัศวินไอซ์บลูเห็นด้วย “ราชาไนท์ริเวอร์พูดถูก ศิษย์ของอี๋ซาต้องเป็นบุคคลที่พิเศษ เขาสมควรได้รับอะไรที่ดีกว่าการติดเหง็กอยู่ในแนร์โรว์มูน บอกให้เขามาที่นี่และเข้าร่วมการทดสอบ ถ้าเขาผ่าน ข้าจะปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดีเพื่อเห็นแก่อี๋ซา”


 


ราชากงล้อจันทรายิ้มแห้งๆออกมา เขารู้ว่าหานเซิ่นไม่ต้องการเข้าร่วมกับเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถขัดคำสั่งของราชาอัศวินไอซ์บลูได้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเรียกหานเซิ่นมาที่ลานกว้างเทพจันทรา


 


ราชากงล้อจันทราไม่ต้องการทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ ดังนั้นเขาจึงส่งองครักษ์ไปพบกับหานเซิ่นโดยตรงและอธิบายถึงเรื่องราวทั้งหมด การมาของพวกองครักษ์ทำให้หานเซิ่นขมวดคิ้ว


 


องครักษ์ของราชากงล้อจันทราพูด “เจ้าจำเป็นต้องไปไม่ว่ายังไงก็ตาม ถ้าเจ้าไม่ไป ราชากงล้อจันทรจะไปอธิบายกับราชาอัศวินไอซ์บลูไม่ได้ ราชากงล้อจันทราบอกว่าถ้าเจ้าไม่อยากจะเข้าร่วมกับพวกเขาจริงๆ เจ้าก็แค่แกล้งทดสอบไม่ผ่าน แบบนั้นถึงเจ้าอยากจะเข้าร่วม ราชาอัศวินไอซ์บลูก็ไม่อนุญาตให้เจ้าเข้าร่วม”


 


หานเซิ่นรู้ว่าเขาไม่มีทางเลือก ดังนั้นเขาจึงตามเหล่าองครักษ์ไปที่ลานกว้างเทพจันทรา


 


หานเซิ่นรู้ว่าจำเป็นต้องควบคุมพลังของตัวเองเอาไว้เพื่อทำให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ผ่านการทดสอบ


 


เมื่อหานเซิ่นไปถึงลานกว้างเทพจันทรา เขาก็เห็นขุนนางจำนวนมากต่อคิวเพื่อรับการทดสอบ แต่เหล่าองครักษ์ไม่ได้พาเขาไปต่อคิว เหล่าองครักษ์พาเขาตรงไปหาราชาอัศวินไอซ์บลูแทน


 


“เจ้าก็คือลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีดอย่างงั้นหรอ?”


เมื่อได้เห็นหานเซิ่น ราชาอัศวินไอซ์บลูก็ดูประหลาดใจ เขาคาดว่าศิษย์ของอี๋ซาจะเป็นรีเบทคนหนึ่งซะอีก


 


“ใช่แล้ว ข้าชื่อหานเซิ่น” หานเซิ่นโค้งคำนับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)