Super God Gene 2187-2190

ตอนที่ 2187

 

“ดอลลาร์?” ผู้หญิงจากเอ็กซ์ตรีมคิงจดจำคนที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้ได้


 


เอ็กซ์ตรีมคิงเป็นเผ่าพันธุ์ที่ค่อนข้างหลงตัวเอง และเนื่องจากพวกเขามักจะคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นๆ พวกเขาจึงไม่ได้เข้าร่วมในบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโน แต่ทว่าพวกเขาก็ได้ดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้นภายในนั้น


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้ในระดับมาร์ควิส เธอได้ดูการต่อสู้ในทุกรอบ ด้วยเหตุนั้นเธอจึงจดจำชุดเกราะที่หานเซิ่นกำลังสวมใส่อยู่ได้


 


“ข้าจะเก็บสิ่งนี้ไป ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว” หานเซิ่นพูดขณะที่ตรวจดูเดสทรอยเยอร์ไบเบิลในมือ


 


เขาใช้ล่องหนน้อยเพื่อซ่อนตัวเองและติดตามไป๋หลินมา แต่เขารอคอยจนกระทั่งตอนนี้ถึงเริ่มเคลื่อนไหว


 


เขาไม่อยากลงมือทำอะไรในตอนที่อยู่ภายในซีโน่เจเนอิคสเปชซิกซ์สตาร์ แต่ขณะที่เขากำลังติดตามพี่น้องจิ้งจอกไป เขาก็สังเกตเห็นว่าผู้หญิงจากเอ็กซ์ตรีมคิงคนนั้นก็กำลังไล่ตามพวกเธอมาเช่นกัน


 


เขาจึงเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่ดี ถ้าจะขโมยเดสทรอยเยอร์ไบเบิลไปและป้ายความผิดให้กับผู้หญิงจากเอ็กซ์ตรีมคิง


 


เนื่องจากพี่น้องจิ้งจอกทำการหนีไป ในอีกไม่นานทุกคนก็จะรับรู้ว่าเดสทรอยเยอร์ไบเบิลถูกขโมยไปโดยเอ็กซ์ตรีมคิง ซึ่งมันคงจะไม่มีใครเชื่อว่ามีใครบางคนกล้าเผชิญกับคนของเอ็กซ์ตรีมคิงและขโมยมันกลับไป ดังนั้นหานเซิ่นจะปลอดภัยจากการตกเป็นผู้ต้องสงสัย


 


และถึงผู้คนจะเชื่อว่าดอลลาร์ได้รับมันไป นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้วดอลลาร์คือใคร ดังนั้นไม่ว่ายังไงหานเซิ่นก็จะปลอดภัยจากการตกเป็นผู้ต้องสงสัย


 


ในตอนแรกหานเซิ่นมีแผนจะลอบโจมตี แต่ผู้หญิงคนนั้นสัมผัสได้ถึงตัวตนของเขาซะก่อน นั่นทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก


 


“ในสายตาของเอ็กซ์ตรีมคิง การได้รับอันดับที่หนึ่งภายในบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนนั้นไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าเรื่องตลก” ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างอวดดี


 


โดยที่ไม่ลังเล เธอชกหมัดเข้าใส่หานเซิ่น หมัดในครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าที่เขาเจอครั้งก่อน


 


อวกาศรอบๆตัวหานเซิ่นดูเหมือนจะถูกบีบอัดโดยแรงมหาศาลของหมัดนั้น อวกาศและกาลเวลาดูเหมือนจะถูกแช่แข็งและแตกเป็นเสี่ยงๆ


 


ถึงแม้เธอจะแกล้งทำเป็นว่าดอลลาร์ต้อยต่ำในสายตาของเธอ แต่หลังจากที่ได้เห็นการต่อสู้ของดอลลาร์กับเนตรมารและไผ่เดียวดาย เธอก็รู้ว่าเขาไม่ใช่ศัตรูที่เธอจะประมาทได้ เธอรู้ดีว่าเขาเป็นศัตรูที่ยากจะรับมือ ดังนั้นเธอจึงใช้พลังทั้งหมดในหมัดๆนั้น


 


เมื่อเห็นหมัดของผู้หญิงคนนั้นกำลังเข้ามาหาเขา หานเซิ่นก็ใช้ท่าตบขั้นสุดยอดสวนกลับไป


 


ปัง!


 


เมื่อหมัดของพวกเขาปะทะกัน แรงมหาศาลจากหมัดของเอ็กซ์ตรีมคิงก็ถูกแยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นซีดไป และเธอก็ถอยออกไปด้วยความเร่งรีบ


 


แต่ว่ามันสายเกินไปแล้ว ถุงมือเกราะของเธอแตกสลายและพลังในการแยกสลายยังแพร่ขยายต่อไปที่ชุดเกราะของเธอ ทุกอย่างที่เธอสวมใส่อยู่กลายเป็นผุยผง ทำให้เธอเหลือเพียงแค่ร่างกายที่เปลือยเปล่า


 


ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของผู้หญิงจากเอ็กซ์ตรีมคิงร้อนขึ้นมาด้วยความอับอาย เธอเรียกชุดเกราะอีกชุดออกมาเพื่อปกปิดร่างกายของตัวเอง แต่ในเวลาที่เธอหันกลับไปมองคู่ต่อสู้อีกครั้ง ดอลลาร์ก็ได้หายตัวไปแล้ว


 


“ดอลลาร์ ข้าจะฆ่าเจ้า” เธอกัดฟันด้วยความโกรธ แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามสักแค่ไหน เธอก็หาตัวดอลลาร์ไม่เจอ


 


หานเซิ่นได้ชดใช้หมัดที่เคยติดค้างเธอบนดาวเบลด เขาได้ทำลายชุดเกราะของเธอ ด้วยเหตุนั้นตอนนี้ถือว่าพวกเขาเสมอกันแล้ว


 


หานเซิ่นรีบกลับไปที่ดาวโซดิ เขาจำเป็นต้องกลับไปเพื่อให้ทุกคนรู้ว่าหานเซิ่นยังอยู่ที่นั่น แบบนั้นจะไม่มีใครสงสัยในตัวเขาได้


 


ส่วนในเรื่องผู้หญิงจากเอ็กซ์ตรีมคิงนั้น เขาไม่คิดจะฆ่าเธอ เพราะยังไงซะตราบใดที่เธอยังมีชีวิตอยู่ หานเซิ่นก็สามารถใส่ร้ายว่าเธอเป็นคนที่ขโมยเดสทรอยเยอร์ไบเบิลไป แต่ถ้าเธอถูกฆ่าล่ะก็ นั่นจะเป็นเรื่องยาก เพราะนอกจากทางเดสทรอยเยอร์จะสืบสวนความตายของเธอแล้ว ทางเอ็กซ์ตรีมคิงก็คงจะต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นเดียวกัน แบบนั้นมันจะเป็นเรื่องแย่สำหรับหานเซิ่น


 


หานเซิ่นกลับไปที่ดาวโซดิและไปพบกับพวกพ้องของเขา


 


ทุกเผ่าพันธุ์ที่ร่วมการค้นหายืนยันว่าผู้หญิงที่หนีไปคือจิ้งจอกเปลี่ยนร่าง แต่ทว่ามันยังมีความหวัง การปิดล้อมซีโน่เจเนอิคสเปชซิกซ์สตาร์ยังคงไม่ถูกยกเลิก ดังนั้นในที่สุดเหล่าราชันก็เข้ามาดูรอบๆด้วยตัวเอง


 


แต่พวกเขาก็ได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็วว่าจิ้งจอกเปลี่ยนร่างนั้นหนีออกไปแล้ว 2 วันหลังจากนั้นเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น การปิดล้อมซีโน่เจเนอิคสเปชซิกซ์สตาร์ก็ถูกยกเลิก หานเซิ่นจึงพาพวกพ้องของเขากลับไปที่ดาวอุปราคา


 


ภายในฐานทัพบนดาวอุปราคา ในห้องลับแห่งหนึ่ง หานเซิ่นลูบปกของเดสทรอยเยอร์ไบเบิลอย่างมีความสุข


 


“สมบัติระดับเทพเจ้า มันเป็นอะไรที่ดีจริงๆที่ได้รับมา”


 


แต่หลังจากนั้นสักพัก ความสุขของหานเซิ่นก็เปลี่ยนกลายเป็นความขุ่นมัว เพราะไม่ว่าเขาจะพยายามยังไง เขาก็ไม่สามารถใช้พลังของเดสทรอยเยอร์ไบเบิลได้


 


หานเซิ่นรวมพลังแสงและความมืดเข้าด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถใช้พลังของเดสทรอยเยอร์ไบเบิลได้อยู่ดี


 


หานเซิ่นไม่สามารถแม้แต่จะเปิดหน้าปกของหนังสือเพื่ออ่านเนื้อหาข้างใน


 


หานเซิ่นพยายามลองหลายๆธาตุ แต่มันก็ไม่มีอะไรที่ได้ผล


 


ดังนั้นหานเซิ่นจึงใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนและวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจสอบเดสทรอยเยอร์ไบเบิล หลังจากที่สังเกตอย่างละเอียด เขาก็ได้รู้ว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากการรวมของพลังแสง ความมืดและเคออส


 


“ยีนไม่เพียงพอ ไม่สามารถดูดซับยีนระดับเทพเจ้าได้”


 


หานเซิ่นได้ยินเสียงประกาศซ้ำๆที่บอกว่าเขาไม่สามารถดูดซับมันเข้าไปได้ เดสทรอยเยอร์ไบเบิลเป็นยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถดูดซับมันเข้าไปได้ เนื่องจากเขายังเป็นแค่มาร์ควิส มันเป็นเหมือนกับร่างของเรเวนอาทิตย์


 


‘ถ้าเรากินหรือใช้มันไม่ได้ มันก็ไร้ประโยชน์ ถึงแม้มันจะเป็นระดับเทพเจ้าก็ตาม นอกจากนั้นถึงเราจะวิวัฒนาการไปถึงระดับเทพเจ้าได้ มันก็จำเป็นต้องใช้พลังธาตุแสง ความมืดและเคออสเท่านั้น พลังแสงและความมืดนั้นยากมากพออยู่แล้วที่จะจำลองขึ้นมา และเราก็ไม่เคยจำลองพลังเคออสได้เลยแม้แต่นิดเดียว’ หลังจากที่คิดอยู่พักหนึ่ง หานเซิ่นก็ตัดสินใจจะยอมแพ้


 


หานเมิ่งเอ๋อดันประตูห้องลับเปิดออกและยื่นหัวของเธอเข้ามา หลังจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่หนังสือและพูด “พ่อ ลูกขอหนังสือนี้ได้ไหม?”


 


“ลูกต้องการอ่านมันอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นหันไปมองหานเมิ่งเอ๋อด้วยความประหลาดใจ เพราะเธอไม่เคยขออะไรจากเขามาก่อน


 


หานเมิ่งเอ๋อพยักหน้า เธอมองไปที่เดสทรอยเยอร์ไบเบิลและพูด “ด้วยเหตุผลบางอย่าง หนังสือนั่นดูเหมือนจะตอบสนองต่อพลังที่ลูกคุ้นเคย”


 


หานเซิ่นส่งมันให้กับเธอและคิดกับตัวเอง ‘นั่นก็ดูจะเป็นไปได้ เลือดของเมิ่งเอ๋อเป็นอะไรที่ซับซ้อน แต่เท่าที่จำได้ พ่อของเธอมีพลังธาตุแสง ขณะที่แม่ของเธอมีพลังแห่งความตาย และก็ยังเลือดของเรา…”


 


ขณะที่หานเซิ่นครุ่นคิดอยู่นั้น หานเมิ่งเอ๋อก็รับเดสทรอยเยอร์ไบเบิลไป หนังสือไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรในตอนอยู่ในมือของหานเซิ่น แต่มันลุกเป็นไฟขึ้นมาเมื่อสัมผัสกับมือของเมิ่งเอ๋อ เปลวไฟห่อหุ้มหนังสือหินและมันก็แพร่ขยายออกไปเพื่อกลืนกินทั้งร่างของหานเมิ่งเอ๋อ


 


แสง 3 สีเริ่มส่องสว่างขึ้นมาจากสัญลักษณ์ 3 เหลี่ยมบนปกของหนังสือหิน สีขาวเป็นพลังแสง สีดำเป็นพลังความมืดและสีเทาเป็นพลังเคออส ซึ่งแต่ละสีนั้นสัมพันธ์กับธาตุเฉพาะของมัน

 

 

 


ตอนที่ 2188

 

แสงทั้ง 3 รวมเข้าด้วยกันและกลายเป็นวังวนสีเทา ซึ่งเมื่อมองสัญลักษณ์สามเหลี่ยมจากด้านหนึ่ง สีเทาก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำ และถ้าเลือกมองจากด้านตรงข้ามกัน สีเทาก็จะเปลี่ยนเป็นสีขาว


 


สามเหลี่ยมนั้นดูเหมือนจะเต้นเป็นจังหวะด้วยแสงสีเทาที่ดูลึกลับ และสีนั้นก็ย้อมพลังของหานเมิ่งเอ๋อเป็นสีเทาด้วยเช่นกัน


 


หานเซิ่นสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวจากพลังที่แผ่รังสีออกมา และมันก็เหมือนกับว่าพลังงานทั้งหมดกำลังจะระเบิด


 


หานเมิ่งเอ๋อถือเดสทรอยเยอร์ไบเบิลเอาไว้ในมืออย่างผ่อนคลายราวกับว่าเธอไม่ได้สังเกตเห็นพลังที่พรั่งพรูออกมารอบๆตัว มืออีกข้างของเธอพลิกหน้าหนังสือของเดสทรอยเยอร์ไบเบิล จากที่หานเซิ่นมองเห็น มันมีรูปภาพและส่วนที่เป็นข้อความอยู่ภายใน มันเหมือนกับว่าเขากำลังมองดูหนัง 3 มิติที่วูบวาบผ่านหน้าหนังสือ


 


ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ได้เปิดหนังสือด้วยตัวเอง แต่เขาก็มองดูเนื้อหาของหนังสือในตอนนี้ได้เมื่อใครคนอื่นเปิดมัน


 


ภาพบนหน้าหนังสือเป็นอะไรที่น่าประทับใจ ถึงขนาดที่ทำให้หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่ากำลังมองดูซูเปอร์โนวา จักรวาลเริ่มต้น จักรวาลถูกทำลาย ชีวิตเริ่มต้นขึ้น ชีวิตสิ้นสุดลง


 


“เกิดจากเดสทรอยเยอร์ ชีวิตเพื่อเดสทรอยเยอร์ การอยู่รอดคือเดสทรอยเยอร์” หานเซิ่นอ่านบรรทัดแรกของเดสทรอยเยอร์ไบเบิล


 


เดสทรอยเยอร์ไบเบิลเป็นสมบัติระดับเทพเจ้า มันเป็นหนังสือศักดิสิทธิ์ของเผ่าพันธุ์เดสทรอยเยอร์ มันบันทึกวิชาจีโน ประสบการณ์และความเข้าใจของเดสทรอยเยอร์อัลฟ่าที่ได้สั่งสมมาตลอดชั่วชีวิต


 


ขณะที่หานเซิ่นอ่านเดสทรอยเยอร์ไบเบิล มันก็เหมือนกับว่าเขาได้ฟังคำอธิบายเกี่ยวกับวิชาจีโนจากเดสทรอยเยอร์อัลฟ่าโดยตรง


 


หานเซิ่นรู้สึกดีใจ วิชาจีโนของเดสทรอยเยอร์ ผู้ใช้จำเป็นต้องมีพลังทั้ง 3 อย่าง แต่หานเซิ่นขาดพลังเคออสไป ทำให้เขาขาดความสามารถที่จะใช้พลังของเดสทรอยเยอร์


 


แต่ถึงอย่างนั้นการอธิบายของเดสทรอยเยอร์อัลฟ่าก็ช่วยชี้แจงในหลายๆเรื่อง และทำให้หานเซิ่นเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ เขาสามารถเข้าใจวิชาเบรกซิกซ์สกายได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นก็เพราะมัน


 


เดสทรอยเยอร์เป็นส่วนหนึ่งของเบรกสกาย และพวกเขายังกล่าวอ้างอีกว่าตัวเองเป็นราชวงศ์ของเผ่าพันธุ์จากยุคสมัยโบราณ วิชาจีโนที่เดสทรอยเยอร์อัลฟ่าทิ้งเอาไว้ก็มีความเชื่อมโยงกับวิชาเบรกซิกซ์สกาย


 


คำอธิบายถึงวิชาจีโนของเดสทรอยเยอร์อัลฟ่านั้นมอบความรู้มากมายที่จะนำไปประยุกต์ใช้กับวิชาเบรกซิกซ์สกายได้


 


หานเซิ่นติดอยู่ที่ขั้นแรกของวิชาเบรกซิกซ์สกาย แต่ตอนนี้เมื่อเขาสามารถเข้าใจอะไรได้มากขึ้น มันก็ทำให้เขาก้าวไปสู่ขั้นที่ 2 และด้วยความรู้ที่มีเพิ่มมากขึ้น มันก็มีโอกาสเขาจะก้าวไปสู่ขั้นที่สูงขึ้นไปได้อีก


 


วิชาเบรกซิกซ์สกายไม่ใช่เทคนิคที่จะฝึกฝนเพื่อแข็งแกร่งขึ้นได้ และการจะก้าวหน้าในวิชาเบรกซิกซ์สกายก็จำเป็นต้องใช้ความเข้าใจและความรู้เป็นอย่างมาก


 


ขณะที่ศึกษาวิชาเบรกสกาย บางครั้งหานเซิ่นก็รู้สึกราวกับนักดาบสมัยโบราณพยายามจะทำความเข้าใจว่าระเบิดถูกสร้างขึ้นมายังไง


 


วิชาจีโนนี้จำเป็นต้องใช้ความเข้าใจมากกว่าพละกำลังล้วนๆ ถ้าผู้ฝึกเข้าใจการทำงานของวิชาจีโน พวกเขาก็จะสามารถควบคุมพลังและปลดปล่อยมันออกไปได้อย่างเต็มศักยภาพ


 


มันไม่สำคัญว่าผู้ฝึกจะเป็นระดับบารอนหรือระดับเทพเจ้า พวกเขาสามารถฝึกทุกขั้นของวิชาเบรกซิกซ์สกายได้ ระดับพลังที่ปล่อยออกไปนั้นเป็นสิ่งเดียวที่แตกต่างกันระหว่างผู้ใช้ที่อ่อนแอและแข็งแกร่ง ขณะที่ตัวเทคนิคจะไม่มีความเปลี่ยนแปลง


 


แต่มันเป็นเรื่องยากที่ขุนนางระดับต่ำจะเข้าใจพลังนั้นอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนั้นมันจึงยากที่พวกเขาจะใช้วิชาเบรกซิกซ์สกายได้


 


หานเซิ่นยังคงอยู่ในระยะเริ่มต้นของการเรียนรู้เทคนิคนี้ หรืออย่างน้อยๆเขาก็เคยอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่การได้อ่านเดสทรอยเยอร์ไบเบิล ทำให้เขาเข้าใจอะไรมากขึ้นเกี่ยวกับการทำงานของมัน วิชาเบรกซิกซ์สกายของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น


 


เพียงแค่มองดูหานเมิ่งเอ๋อพลิกผ่านหน้าหนังสือของเดสทรอยเยอร์ไบเบิล วิชาเบรกซิกซ์สกายของหานเซิ่นก็สามารถก้าวหน้าและพัฒนาสู่ขั้นที่ 3 ได้สำเร็จ


 


ขณะที่เนื้อหาของเดสทรอยเยอร์ไบเบิลถูกเปิดเผย พลังสีเทาก็ไหลเข้าไปในร่างกายของหานเมิ่งเอ๋อ เธอจ้องมองไปที่เดสทรอยเยอร์ไบเบิลด้วยสีหน้าแปลกๆ เดสทรอยเยอร์ไบเบิลก็เริ่มจะเปลี่ยนรูปร่างในมือของเธอ และไม่นานหลังจากนั้นเดสทรอยเยอร์ไบเบิลก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นลูกธนูสีเทา ขณะที่พลังสีเทาทั้งหมดที่เหลืออยู่จมลงไปในมือของเธอและสงบลง


 


ถ้าหานเซิ่นไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตาของตัวเอง เขาก็ไม่มีทางจะเชื่อว่าลูกธนูหินที่อยู่ในมือของเมิ่งเอ๋อจริงๆแล้วก็คือเดสทรอยเยอร์ไบเบิล เนื่องจากเขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังของเดสทรอยเยอร์เลย


 


หานเมิ่งเอ๋อหันมามองหานเซิ่น “พ่อ ขอบคุณพ่อมากสำหรับลูกธนูนี้”


 


“โอ้ พ่อดีใจที่เธอชอบมัน” หานเซิ่นตะกุกตะกักเล็กน้อย หานเมิ่งเอ๋อค่อนข้างไร้เดียงสา ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สังเกตถึงความงุ่มง่ามของเขาต่อเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น


 


หานเซิ่นสำเร็จขั้นที่ 3 ของวิชาเบรกซิกซ์สกาย และขณะที่เขารู้สึกตัวถึงเรื่องนั้น เขาก็รีบพยายามจะนึกทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เห็นจากเดสทรอยเยอร์ไบเบิล ถ้าเขาสามารถก้าวไปสู่ขั้นต่อไปได้อีก นั่นก็จะเป็นรางวัลที่เยี่ยมยอดที่สุดสำหรับเขา


 


นอกจากท่าตบขั้นสุดยอดแล้ว เบรกซิกซ์สกายคือวิชาจีโนที่ทรงพลังที่สุดของหานเซิ่นในตอนนี้ เมื่อเขาไม่ได้ใช้ตัวตนของดอลลาร์ เบรกซิกซ์สกายก็มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะพึ่งพาได้


 


แต่น่าเสียดายที่เบรกซิกซ์สกายทรงพลังเกินไป ถ้าเขาใช้มันในการต่อสู้ระยะประชิดล่ะก็ มันก็มีโอกาสสูงที่เขาจะระเบิดตัวเองไปด้วย


 


โชคดีที่มนตรามอบอาวุธ 3 อย่างที่แตกต่างกันให้กับเขา ซึ่งด้วยระยะการโจมตีของพวกมันก็ทำให้พวกมันกลายเป็นเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบที่จะใช้ร่วมกับวิชาเบรกซิกซ์สกาย


 


“เมิ่งเอ๋อ อย่าเพิ่งไป พ่อมีวิชาจีโนที่อยากจะสอนให้กับเธอ”


ถ้าหานเซิ่นสามารถสอนวิชาเบรกซิกซ์สกายให้กับเธอได้ เธอก็จะมีพลังในการทำลายล้างเช่นเดียวกับเขา


 


ถึงแม้มันจะมีปัญหาหลายอย่างที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยความรุนแรง แต่พวกเขาก็ยังจำเป็นต้องปลดปล่อยพลังที่รุนแรงออกไปเพื่อทำลายภัยอันตรายที่เล็งเป้ามาที่พวกเขา


 


ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงใช้เวลาสอนมันให้กับหานเมิ่งเอ๋อ และเมื่อเสร็จแล้ว เขาก็เดินทางไปที่ตำหนักเย็นเพื่อรับผลประโยชน์จากการเป็นผู้พิทักษ์ วิชากายหยกของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และมันก็คงจะพัฒนาขึ้นเป็นระดับดยุกได้ใน 2 ปี


 


มันเป็นเรื่องยากที่จะเพิ่มระดับวิชาจีโนจากมาร์คริสไปสู่ดยุก และถึงจะมีทรัพยากรอยู่เป็นจำนวนมาก มันก็ยังจำเป็นต้องใช้เวลา โดยปกติแล้วเผ่าพันธุ์ชั้นสูงจะกลายเป็นดยุกได้ในช่วงเวลาหลายสิบปี ส่วนเผ่าพันธุ์ที่ต่ำต้อยกว่านั้นอาจจะต้องใช้เวลาทั้งศตวรรษเพียงเพื่อจะก้าวสู่ระดับดยุก


 


ที่หานเซิ่นสามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วนั้นเป็นเพราะเขาสามารถดูดซับพลังน้ำแข็งของคางคกระดับเทพเจ้าได้ ซึ่งโอกาสแบบนั้นถือเป็นอะไรที่หาได้ยาก


 


หานเซิ่นไม่ได้กังวลอะไรเกี่ยวกับวิชากายหยกมากนัก แต่ที่เขากังวลที่สุดก็คือเรื่องราวของยีน ในตอนนี้มันไม่มีทรัพยากรพิเศษอะไรที่เขาจะดูดซับเข้าไปได้ ดังนั้นทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือฝึกฝนด้วยตัวเองอย่างช้าๆ แต่ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน เขาก็ไม่รู้สึกว่าวิชาเรื่องราวของยีนก้าวหน้าขึ้นเลย


 


หานเซิ่นได้ยินข่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากเหตุการณ์เกี่ยวกับเดสทรอยเยอร์ไบเบิลในครั้งนั้น และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ การค้นหาของหลายเผ่าพันธุ์นำไปสู่การพบตัว 2 พี่น้องจิ้งจอกในที่สุดและยืนยันว่าเดสทรอยเยอร์ไบเบิลถูกชิงไปโดยหนึ่งในคนของเอ็กซ์ตรีมคิง ซึ่งหลังจากที่รู้อย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าทำการสืบสวนต่อ แม้แต่ทางเดสทรอยเยอร์เองก็ไม่กล้าพอจะไปถามทางเอ็กซ์ตรีมคิงเกี่ยวกับเดสทรอยเยอร์ไบเบิล


 


หานเซิ่นคิดว่ามันอาจจะมีปัญหาบางอย่างตามมา แต่ดูเหมือนว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลงเพียงแค่นั้น


 


‘ดูเหมือนว่าเราจะประเมินเอ็กซ์ตรีมคิงต่ำเกินไป เดสทรอยเยอร์ไม่กล้าแม้แต่จะเรียกร้องอะไร’ หานเซิ่นคิด


 


ดูเหมือนว่าผู้หญิงจากเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นจะกลายเป็นแพะรับบาปอย่างสมบูรณ์แบบ แต่หานเซิ่นก็รู้ว่าต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น และไม่ปล่อยให้ทางเอ็กซ์ตรีมคิงได้รู้ความจริงว่าจริงๆดอลลาร์ก็คือหานเซิ่น 

 

 


ตอนที่ 2189

 

หนึ่งปีผ่านไป


ตลอดปีที่ผ่านมา หานเซิ่นใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกวิชากายหยก เขาต้องการจะพัฒนาไปมันสู่ระดับดยุกให้เร็วที่สุด เพราะมันจะทำให้เขาสามารถดูดซับยีนซีโน่เจเนอิคระดับดยุกได้ และด้วยยีนระดับดยุกทั้งหนึ่งร้อย เขาจะเพิ่มระดับวิชาอื่นได้ง่ายยิ่งขึ้น


 


และตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา หานเซิ่นยังหาข้ออ้างที่จะพาพวกพ้องจากก็อตแซงชัวรี่มาที่ดาวอุปราคา


 


สำหรับมนุษย์เขาได้พาหนิงเยวี่ย หลินเฟิง ถังเตียงลิ่น ซินเสวียน ควีน จีชิงและหานเหยียน มันยังมีมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดและสปิริตอีกด้วย ดาวอุปราคาอาจจะมีทรัพยากรระดับสูงไม่มากนัก แต่มันก็มีซีโน่เจเนอิคระดับต่ำอาศัยอยู่มากมาย หลังจากที่เขาพาคนอื่นๆมาที่จักรวาลจีโน การจะช่วยให้พวกเขาวิวัฒนาการสู่ระดับมาร์ควิสก็ถือเป็นเรื่องง่าย


 


ร่างกายขั้นสุดยอดของทุกคนแตกต่างกันออกไป ดังนั้นประสบการณ์ส่วนตัวของหานเซิ่นอาจจะไม่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน พวกเขาทุกคนต้องค้นหาเส้นทางของตัวเอง หานเซิ่นแค่มอบโอกาสที่จะทำแบบนั้นให้กับพวกเขาเท่านั้น


 


ที่หานเซิ่นพาผู้คนมาเป็นจำนวนมากก็เพราะเขารู้ว่าเผ่าพันธุ์ชั้นสูงของจักรวาลจีโนทรงพลังถึงขนาดไหน และมันก็มีฝ่ายที่มีอำนาจมากมายภายในจักรวาลจีโน


 


กลุ่มอย่างปราสาทนภา ดราก้อนและเดสทรอยเยอร์ไม่ใช่กลุ่มที่จะประมาทได้ พวกเขาต่างก็เป็นฝ่ายที่มีอำนาจแข็งแกร่งกันทั้งนั้น


 


แม้แต่ข่งเฟยที่เป็นระดับเทพเจ้าก็ยังต้องจ่ายด้วยราคาที่สูงเพื่อจะโค้นล้มเผ่าเฟเธอร์ พวกเขาไม่ได้ติดอันดับหนึ่งในร้อยด้วยซ้ำ แถมเฟเธอร์ก็ยังไม่มีใครเป็นระดับเทพเจ้าด้วย หานเซิ่นจึงรู้ว่าจำเป็นต้องมียอดฝีมือเป็นจำนวนมาก ถ้าในอนาคตเขาต้องการจะจุดดวงไฟภายในจีโนฮอลล์


 


แถมมันไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเรื่องความภักดีของพวกเขา เพราะภายในสหพันธ์ พวกเขาทุกคนเป็นพันธมิตรกัน และหานเซิ่นก็รู้จักพวกเขาเป็นการส่วนตัว แม้แต่สปิริตและมอนสเตอร์ที่เขาพามาก็ไม่ต้องการจะทรยศพวกเขา


 


แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็เตรียมมาตรการป้องกันเอาไว้ล่วงหน้าหน้าแล้ว เผื่อมีใครบางคนพยายามจะทรยศพวกเขาจริงๆ


 


น้องสาวของหานเซิ่น หานเหยียนมีพรสวรรค์สูงมากๆ เธอเกือบจะเหมือนหานเซิ่นในหลายๆเรื่อง แต่การพัฒนาพลังของเธอต่างออกไป นั่นเพราะว่าเธอฝึกวิชาจำลองนภาและวิชาอาชูร่า เส้นทางของเธอจึงต่างไปจากเขา


 


หานเซิ่นรู้ว่าร่างกายขั้นสุดยอดของเธอถูกเรียกว่าราชาปลดปล่อยนภา มันแตกต่างไปจากร่างราชาสปิริตขั้นสุดยอดของหานเซิ่น น้อยคนนักที่จะมีร่างกายขั้นสุดยอดที่เหมือนกับคนอื่น


 


การฝึกของแต่ละคนจึงต่างกันออกไปตามร่างกายขั้นสุดยอดของพวกเขา ความแตกต่างของบางอย่างอาจจะเห็นได้ชัด ขณะที่บางอย่างอาจจะใช้เวลาหลายปีกว่าที่จะเผยออกมา


 


แต่โดยปกติแล้วร่างกายขั้นสุดยอดของแต่ละคนจะเป็นความลับ และหานเซิ่นแค่ถามหานเหยียนเกี่ยวกับร่างกายของเธอ เพราะเธอเป็นน้องสาวของเขา เขาไม่ได้ถามชื่อหรือรายละเอียดของร่างกายคนอื่น


 


แต่มนุษย์ทุกคนที่หานเซิ่นพามาต่างก็เป็นอัจฉริยะ ด้วยร่างกายขั้นสุดยอด พรสวรรค์ของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนของเผ่าพันธุ์ชั้นสูง นั่นหมายความว่าพวกเขาจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว


 


ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่เป็นจำนวนมากบนดาวอุปราคา หลายคนที่เขาพามาวิวัฒนาเป็นระดับเอิร์ลได้สำเร็จในเวลาเพียงแค่ปีเดียว


 


นอกจากจีชิงและหานเหยียนแล้ว คนอื่นๆอยากจะออกไปท่องในจักรวาลจีโน และนี่ก็เป็นบางสิ่งที่หานเซิ่นเห็นด้วย พวกเขาทุกคนต้องการสิ่งที่แตกต่างกันสำหรับชีวิตของพวกเขา และมันก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจำเป็นต้องมีคนคอยคุ้มครองอยู่ตลอดเวลา ดาวอุปราคามีแต่จะจำกัดความก้าวหน้าของพวกเขา พวกเขาจำเป็นต้องท่องไปในจักรวาลจีโนและหาทรัพยากรด้วยตัวเอง ถ้าพวกเขาต้องการจะเติบโตจริงๆ


 


แต่ทว่าหานเซิ่นไม่ต้องการให้หานเหยียนออกไปท่องโลกตามลำพัง เธอขอให้เขาปล่อยเธอออกไปซ้ำๆ แต่เขาก็ห้ามเธอเอาไว้ เพราะถ้ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ พ่อแม่ของหานเซิ่นก็คงจะฆ่าเขาแน่


 


แต่หานเหยียนไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ และในที่สุดหานเซิ่นก็ต้องยอมเธอและบอกว่าจะแนะนำเธอให้กับทางปราสาทนภา อย่างน้อยเธอก็ยอมรับในเรื่องนั้น


 


จีชิงเป็นลูกพี่ลูกน้องของจีเหยียนหรัน ด้วยเหตุนั้นเธอก็เป็นญาติพี่น้องของหานเซิ่นด้วยเช่นกัน และตระกูลจีก็ให้ความสนใจกับเธออย่างมาก จีเหยียนหรันบอกให้หานเซิ่นดูแลเธอให้ดีเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ให้เธอออกไปท่องโลกภายนอกตามลำพัง เพื่อขจัดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น


 


โชคดีที่จีชิงไม่ได้อยากออกไปท่องโลกภายนอกเหมือนกับคนอื่น ในตอนที่หานเซิ่นพูดเรื่องนั้นขึ้นมา เธอก็ยิ้มให้กับเขา


“ฉันจะต้องอยู่ข้างๆ คุณและคอยจับตาดูคุณแทนเหยียนหรัน ไม่อย่างนั้นใครจะรู้ว่าคุณจะไปทำอะไรตามลำพังในจักรวาลจีโนแห่งนี้? ถ้ามันเป็นเรื่องบางอย่างที่เลวร้าย ฉันก็จะรู้สึกแย่แทนเหยียนหรัน”


 


“ฉันมีเป่าเอ๋อเป็นสายลับคนหนึ่งแล้ว ฉันจะกล้าทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมได้ยังไง?” หานเซิ่นลูบใบหน้าของเป่าเอ๋อ


 


“คุณไม่กล้าอย่างนั้นหรอ? นั่นหมายความว่าคุณคิดเกี่ยวกับมัน” จีชิงยิ้มให้กับหานเซิ่น


 


หานเซิ่นยักไหล่ “เธอมาอยู่ที่นี่แล้ว และเธอจะกลับไปไม่ได้อีก ถึงแม้ฉันจะมีความคิดอย่างนั้นจริง เธอก็ไปบอกเหยียนหรันไม่ได้อยู่ดี”


 


จีชิงดูประหลาดใจ และหานเซิ่นก็เดินจากไป


 


หานเซิ่นไปที่ตำหนักเย็นเพื่อเฝ้าประตูอย่างที่ทำเป็นประจำ เขามองเห็นลูกอ๊อดค่อยๆกลายเป็นคางคกน้อย พวกมันดูดซับพลังจากพระจันทร์ที่ปลดปล่อยออกมาโดยคางคกระดับเทพเจ้า ซึ่งหานเซิ่นค่อนข้างอิจฉา


 


คางคกระดับเทพเจ้าสามารถใช้พลังของมันเพื่อสร้างพระจันทร์ขึ้นมาเพื่อเพิ่มระดับลูกๆของมัน แต่หานเซิ่นไม่สามารถทำแบบนั้นได้


 


นางฟ้าและจิ้งจอกสีเงินกลายเป็นระดับมาร์ควิสเรียบร้อยแล้ว ถ้าพวกเขาไม่สามารถหาสถานที่ที่มีทรัพยากรระดับสูงได้ มันก็เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะเพิ่มระดับขึ้น ในจักรวาลจีโนตราบใดที่คนๆหนึ่งยังไปไม่ถึงระดับราชัน คนๆนั้นก็ยังไม่ถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่ง


 


นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เซี่ยชิงและหนิงเยวี่ยออกไปท่องโลกอยู่บ่อยๆ ยอดฝีมือระดับราชันคือพลังที่แท้จริงของจักรวาลจีโน


 


ขณะที่แสงจันทร์ส่องลงมาที่คางคกทารก หานเซิ่นก็วางแผ่นหยกผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นลงและเดินออกมาจากระเบียงหินเพื่ออาบพลังจากแสงจันทร์และพลังอันหนาวเย็น


 


หลังจากที่ดูดซับพลังที่หนาวเย็นและพลังจากแสงจันทร์ได้หนึ่งปี ถึงกายหยกอาจจะยังไม่ถึงระดับดยุก แต่เขาก็เข้าใจเกี่ยวกับพลังน้ำแข็งและพลังจันทรามากขึ้น ตอนนี้เขายังคุ้นเคยกับความแข็งแกร่งของคางคกระดับเทพเจ้าตัวนี้อีกด้วย


 


ตอนนี้แม้จะปราศจากการป้องกันจากแผ่นหยกผู้พิทักษ์ตำหนักเย็น หานเซิ่นก็ไม่ถูกแช่แข็งโดยพลังอันหนาวเย็นของคางคกระดับเทพเจ้าอีกต่อไป แน่นอนว่ามันยังคงหนาวมาก แต่เขาสามารถทนต่อมันได้


 


มาร์ควิสและดยุกทั่วๆไปไม่มีทางจะทนต่อความหนาวระดับนั้นได้เหมือนกับเขา


 


ตลอดช่วงเวลาหนึ่งปี หานเซิ่นได้ดูดซับพลังน้ำแข็งและพลังจันทราจากคางคกระดับเทพเจ้าเข้าไปเป็นจำนวนมาก และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาสามารถต้านทานต่อพลังน้ำแข็งได้มากพอ และพลังของวิชากายหยกของเขาก็เชื่อมต่อกับเจ้าคางคกระดับเทพเจ้า พวกมันกลายเป็นอะไรที่ใกล้เคียงกันอย่างมาก


 


เจ้าคางคกระดับเทพเจ้าพ่นพระจันทร์ออกมาเหนือน้ำพุ หลังจากนั้นมันก็หันมองมาที่หานเซิ่น ความสนใจอย่างกะทันหันของมันทำให้หานเซิ่นสะดุ้ง แต่เจ้าคางคกดูจะไม่ได้มีจิตมุ่งร้ายอะไร ความจริงแล้วมันดูประหลาดใจ


 


หลังจากนั้นเจ้าคางคกก็หันกลับไปและพ่นพลังจันทราออกมามากขึ้น


 


เจ้าคางคกดูจะไม่รังเกลียดตัวตนของเขา นั่นทำให้หานเซิ่นดีใจ เขาเดินเข้าไปใกล้กับน้ำตก เขาไม่ได้ตามพวกคางคกน้อยขึ้นไปข้างบน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ใกล้มากพอที่เขาจะดูดซับพลังจันทราและพลังอันหนาวเย็นได้มากขึ้น


 


เจ้าคางคกระดับเทพเจ้าไม่ได้แสดงความต้องการจะเขี่ยหานเซิ่นไปให้พ้นๆเช่นกัน และเมื่อพระจันทร์หายไปแล้ว เจ้าคางคกระดับเทพเจ้าก็พาคางคกน้อยลงมาในแอ่งน้ำ


 


พวกคางคกน้อยพากันขึ้นมาบนฝั่ง หลังจากนั้นพวกมันก็พากันตรงไปที่ถ้ำภายในบ้านหิน พวกมันเห็นหานเซิ่นยืนอยู่ด้านข้าง บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้มีแผ่นหยกผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นอยู่ พวกคางคกน้อยจึงสัมผัสได้ถึงตัวตนของเขาและเข้าไปหา

 

 

 


ตอนที่ 2190

 

คางคกน้อยมารวมตัวกันรอบๆหานเซิ่น ดูเหมือนพวกมันจะคิดว่าเขาเป็นพวกมัน ซึ่งนั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ เขาคิดกับตัวเอง ‘ฉันไม่ใช่คางคกที่สกปรกสักหน่อย!’


 


หลังจากวันนั้นหานเซิ่นก็ยังคงกลับมาเพื่อดูดซับพลังจันทราและพลังน้ำแข็งเดือนละ 2 ครั้ง และเขาก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแผ่นหยกผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นอีกแล้ว แถมเจ้าคางคกระดับเทพเจ้าก็ยังอนุญาตให้เขาตามพวกคางคกน้อยขึ้นไปบนน้ำตก


 


นั่นทำให้วิชากายหยกของหานเซิ่นพัฒนาเร็วขึ้นอย่างมาก ในตอนแรกเขาคิดว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาอีกหนึ่งปีกว่าที่จะพัฒนาสู่ระดับดยุก แต่ตอนนี้เขาเชื่อว่าถ้ายังคงดูดซับพลังจันทราและพลังอันหนาวเย็นต่อไปในระดับนี้ เขาจะกลายเป็นดยุกในอีก 3 เดือน


 


แต่เมื่อวิชากายหยกพัฒนาสู่ระดับดยุกแล้ว เขาก็ต้องเริ่มหาแหล่งทรัพยากรคุณภาพสูงสำหรับตัวเอง เขาไม่สามารถพึ่งพาดาวอุปราคาได้อีกต่อไป


 


มันเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการเริ่มต้น แต่เขาจะไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มที่ถ้ายังติดแหง็กอยู่ที่นี่


 


ในวันที่ 15 ของเดือน เมื่อหานเซิ่นเสร็จจากการเฝ้าประตูตำหนักเย็น เขามีแผนจะเดินทางออกจากดาวเบลดและกลับไปที่ดาวอุปราคา แต่เมื่อเขาไปถึงปราสาทของอี๋ซา พ่อบ้านชาวรีเบท 2 คนรวมถึงดยุกวิหคหิมะก็เดินเข้ามาหาเขา


 


“หานเซิ่น ราชากงล้อจันทราอยากจะพบกับเจ้า ได้โปรดตามพวกเราไปที่ห้องประชุมฟูลมูน” หนึ่งในพ่อบ้านพูดด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก


 


“ทำไมราชากงล้อจันทราถึงอยากจะพบกับข้า?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


 


ห้องประชุมฟูลมูนเป็นสถานที่สำหรับพูดคุยเรื่องที่มีความสำคัญต่อเผ่ารีเบท มีแค่ราชันของแนร์โรว์มูนเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปร่วมการประชุมได้ มันถือเป็นอะไรที่หาได้ยากที่ราชากงล้อจันทราจะเรียกมาร์ควิสคนหนึ่งเข้าไปในห้องประชุมฟูลมูน


 


“เมื่อไปถึง เจ้าก็จะได้รู้เอง” พ่อบ้านอีกคนพูด


 


หานเซิ่นมองไปที่ดยุกวิหคหิมะ ท่าทางของเธอดูแปลกๆ และเธอก็ดูเคร่งครัดกว่าปกติ หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่พยักหน้าให้กับเธอ


 


“ไปกันเถอะ ราชากงล้อจันทราและราชาคนอื่นกำลังรอเจ้าอยู่” พ่อบ้านพูดขึ้นด้วยความเร่งรีบ


 


หานเซิ่นตามพวกเขาไปที่ห้องประชุมฟูลมูน ในระหว่างที่อยู่บนยาน หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘มันต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับอี๋ซาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีทางที่เราจะถูกเรียกไปที่ห้องประชุมฟูลมูน ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอล่ะก็ ช่วงเวลาของเราในที่แห่งนี้ก็คงจะถึงการสิ้นสุด’


 


หานเซิ่นรู้ว่าในบรรดาคนที่ครองอำนาจภายในแนร์โรว์มูนมีเพียงคนเดียวที่ชอบเขา ซึ่งก็คือราชาแบล็คมูน


 


ถึงแม้เขาจะเป็นลูกศิษย์ของอี๋ซาก็ตาม แต่ราชาคนอื่นๆก็ไม่ได้ชื่นชอบเขามากนัก เพราะยังไงซะเขาก็ไม่ใช่คนเผ่ารีเบท แถมเขายังใช้ทรัพยากรของเผ่าไปเป็นจำนวนมาก มันถือเป็นเรื่องที่โชคดีแล้วที่รีเบททุกคนไม่ได้รังเกลียดเขาซะทีเดียว


 


ถ้าหานเซิ่นสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วล่ะก็ เหล่าราชันก็อาจจะมองเขาต่างออกไป แต่การเพิ่มระดับของหานเซิ่นต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก พวกเขาไม่คิดว่าหานเซิ่นจะไปถึงระดับราชันได้ด้วยซ้ำ ระดับเทพเจ้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่พวกเขาไม่มองหานเซิ่นสูงจนเกินไป


 


สำหรับพวกเขาแล้ว หน้าที่ผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นที่หานเซิ่นได้รับก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของข้อบกพร่อง ถ้าหน้าที่เดียวกันถูกมอบให้กับมาร์ควิสคนอื่นที่มีพรสวรรค์ล่ะก็ คนๆนั้นก็จะกลายเป็นดยุกหลังจากเวลาผ่านมาอย่างยาวนาน แต่หานเซิ่นยังคงไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาไม่ได้รับอะไรจากมันเลย


 


หานเซิ่นได้รับการหนุนหลังจากอี๋ซา แต่ถ้าเธอไม่อยู่แล้ว ทางรีเบทก็ไม่คิดจะสูญเสียทรัพยากรจำนวนมากให้กับคนนอกอย่างเขา


 


‘รีเบทยังคงเป็นฝ่ายที่เล็กเกินไป พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงที่เคยเป็นทาสมาก่อน พวกเขาไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์ที่จะเสียสละตัวเองเพื่อคนนอกคนหนึ่ง มีเพียงแค่อี๋ซาคนเดียวที่ยินดีช่วยเรา นี่เป็นอะไรที่น่าเสียดาย!’ หานเซิ่นระบายออกมาอย่างเงียบๆ เขารู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในการเดินทางครั้งนี้


 


เมื่อหานเซิ่นไปถึงห้องประชุมฟูลมูน ทุกคนก็นั่งรอบโต๊ะตัวใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง


 


ราชาเกือบทุกคนของแนร์โรว์มูนอยู่ที่นี่ ราชากงล้อจันทรานั่งอยู่ตรงกลางโดยที่มีราชาแบล็คมูน ราชาชาโดว์ ราชาฟลาวเวอร์ ราชาไนท์ริเวอร์และราชาคนอื่นนั่งถัดจากเขาไป โต๊ะตรงกลางดูเหมือนกับพระจันทร์ครึ่งซีก และขณะที่หานเซิ่นเดินเข้าไปข้างใน ทุกคนก็หันมามองที่เขา


 


“คารวะราชาทุกท่าน” หลังจากที่หานเซิ่นโค้งคำนับต่อพวกเขาแต่ละคนแล้ว เขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ


 


ราชากงล้อจันทราถอนหายใจออกมาและพูดกับหานเซิ่น


“เมื่อวานทางเอ็กซ์ตรีมคิงได้ส่งข่าวมาบอกพวกเรา อาจารย์ของเจ้าถูกฆ่าตายในระบบเคออส มันไม่มีแม้แต่กระดูกของนางหลงเหลืออยู่ พวกเราจะสร้างสุสานขึ้นมาเพื่อเป็นเกียรติต่อนาง เจ้าเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของนาง ดังนั้นมันมีหลายๆเรื่องที่พวกเราต้องร่วมมือกัน”


 


“ข้าจะทำเท่าที่ทำได้ แต่ข้าขอถามได้ไหมว่าอาจารย์ของข้าตายยังไง?” หานเซิ่นโค้งคำนับ เขารู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับเรื่องนี้


 


ความจริงแล้วอี๋ซาเป็นศัตรูของหานเซิ่น เขาก็แค่เสแสร้งเป็นลูกศิษย์ของเธอเท่านั้น และอี๋ซาเองก็ดูเหมือนจะยอมรับเขาเป็นลูกศิษย์ด้วยเหตุผลส่วนตัว ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนที่เห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นแต่อย่างใด


 


แต่ในเวลาที่พวกเขาใช้ร่วมกัน อี๋ซาปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี เธอมอบโอกาสมากมายให้กับเขา ถ้าไม่มีโอกาสพวกนั้น เขาก็อาจจะต้องใช้เวลาเป็นสิบๆปีกว่าจะมาถึงจุดที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้ได้


 


ดังนั้นความรู้สึกที่เขามีต่ออี๋ซาจึงเป็นอะไรที่ซับซ้อนอย่างมาก ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าเธอตาย เขาก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอะไร


 


“จากคำกล่าวของทูตจากเอ็กซ์ตรีมคิง นางเข้าร่วมการต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าและถูกมันกลืนกินเข้าไป” ราชากงล้อจันทราพูด พร้อมกับถอนหายใจออกมา


 


การถอนหายใจของราชากงล้อจันทราไม่ใช่การเสแสร้ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่รีเบทจะให้กำเนิดนักสู้ระดับครึ่งเทพขึ้นมา และอี๋ซาก็เป็นความหวังของเผ่าที่จะได้รับเป็นระดับเทพเจ้าเต็มตัว


 


ความตายของอี๋ซาถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของเผ่าพันธุ์รีเบท


 


แต่ถ้าอี๋ซาไม่ได้ไปที่เอ็กซ์ตรีมคิง เธอก็จะกลายเป็นระดับเทพเจ้าไม่ได้ ถ้าเธอยังอยู่ในแนร์โรว์มูน เธอก็จะเป็นครึ่งเทพไปตลอดการ


 


สำหรับคนอย่างอี๋ซาแล้ว การหยุดอยู่แค่นั้นเป็นอะไรที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย


 


หานเซิ่นยังคงนิ่งเงียบหลังจากที่ได้ยินเกี่ยวกับความตายของเธอ การถูกซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าฆ่าตายโดยไม่มีแม้แต่กระดูกเหลือทิ้งเอาไว้นั้นเป็นการจากไปที่หมดจด นั่นเป็นบางสิ่งที่เหมือนกับสไตล์ของเธอ


 


เมื่อราชากงล้อจันทราเงียบไป ราชาไนท์ริเวอร์ก็พูดขึ้นมา


“หลังจากที่จัดการเรื่องสุสานของราชินีแห่งมีดเสร็จแล้ว มันยังมีบางสิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องทำ เจ้าเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของนาง ดังนั้นมันมีเรื่องมรดกที่เจ้าจะสืบทอดต่อ ข้าจะยืนยันพวกมันในภายหลังและมอบพวกมันให้กับเจ้า”


 


หานเซิ่นรู้ว่านี่เป็นเรื่องหลักที่เขาถูกเรียกมา แต่เขาไม่รู้ว่ามรดกมากขนาดไหนที่รีเบทยินดีจะทิ้งเอาไว้ให้กับเขา


 


หานเซิ่นรู้ว่าไม่สามารถพูดอะไรในเรื่องนี้ได้ เพราะราชาไนท์ริเวอร์ไม่ต้องการจะมอบอะไรที่มีค่าให้กับเขาอย่างแน่นอน และมันก็เป็นการตัดสินใจฝ่ายเดียว


 


แต่หานเซิ่นก็คาดเอาไว้แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไร เขาแค่ฟังสิ่งที่เขาถูกบอก หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องประชุมฟูลมูนไป


 


“เอ็กซ์ตรีมคิงได้ส่งรางวัลที่อี๋ซาได้รับจากการเข้าร่วมการต่อสู้ เราควรจะมอบมันให้กับหานเซิ่น…” ราชาแบล็คมูนพูด แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ราชาไนท์ริเวอร์ก็พูดแทรกขึ้นมา


 


“หานเซิ่นไม่ใช่รีเบท เจ้าลืมไปแล้วหรอ? เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะรับมันไป พวกเราได้ตกลงเรื่องนี้กันเรียบร้อยแล้ว อย่าได้พูดอะไรอีก” ราชาไนท์ริเวอร์พูดอย่างหนักแน่น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)