Super God Gene 2179-2182
ตอนที่ 2179
เมื่อเดสทรอยเยอร์ระดับดยุกเห็นหานเซิ่นใช้พลังน้ำแข็งเพื่อแช่แข็งบาร์ เขาก็มองหานเซิ่นด้วยความเย้ยหยัน “พลังน้ำแข็งไร้ประโยชน์ต่ออิทธิฤทธิ์ที่แท้จริงของบาร์”
“เขามีพลังมาร ร่างกายของเคออสและจิตวิญญาณแห่งหายนะ เดสทรอยเยอร์ทั่วๆไปมีพรสวรรค์พิเศษ 3 อย่าง พวกเราใช้พลังแสง ความมืดและเคออส แต่ทว่าพลังของบาร์นั้นต่างออกไป เนื่องจากเขาเป็นเลือดผสม เขามี 3 พรสวรรค์ที่มหัศจรรย์ เขาใช้พลังมารเพื่อฆ่า เขาใช้ร่างกายเคออสเพื่อปั่นป่วนสิ่งต่างๆ และเขาใช้จิตวิญญาณแห่งหายนะ ซึ่งเป็นพลังที่ลึกลับ พวกมันทั้งหมดเป็นพลังที่สุดยอด และเมื่อรวมกันพวกมันก็ทำให้บาร์ไร้เทียมทาน”
เดสทรอยเยอร์ระดับดยุกหัวเราะออกมาและพูดต่อ “พลังหนาวเย็นจะไม่ได้ผลต่อบาร์ พวกมันมีแต่จะทำให้เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เดี๋ยวพวกเราจะได้เห็นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป บาร์จะทำลายน้ำแข็งได้อย่างรวดเร็ว”
มันดูเหมือนกับว่าบาร์กำลังตอบคำพูดของเขาด้วยเสียงแตกร้าวที่เริ่มดังออกมาจากร่างที่กลายเป็นหิน มันฟังดูเหมือนกับแก้วที่แตกร้าวภายใต้แรกกดดัน
“ฮ่าๆ นั่นเป็นร่างกายที่ทรงพลังจริงๆ แม้แต่พลังน้ำแข็งจากวิชากายหยกก็แช่แข็งเขาไม่ได้” หานเซิ่นชมเชยคู่ต่อสู้ของเขา
แต่หานเซิ่นรู้ว่าถ้าใช้แสงแห่งเทพของวิชากายหยกตั้งแต่แรก บาร์จะไม่สามารถหนีจากมันได้
ตอนนี้บาร์เต็มไปด้วยพลังที่มหาศาล การต่อสู้ที่ยาวนานทำให้เขามีโอกาสได้สร้างโมเมนตัมของพลัง ถ้าเกิดหานเซิ่นพยายามทำอย่างนี้ตั้งแต่แรกล่ะก็ บาร์ก็จะมีพลังไม่พอจะหนีจากพลังแช่แข็งของวิชากายหยก
โชคดีที่หานเซิ่นไม่ได้พึ่งพาแสงแห่งเทพของวิชากายหยกเพื่อแช่แข็งบาร์ มืออีกข้างของเขากำลังถือปืนพกอยู่ เขายกมันขึ้นมาและยิงใส่บาร์
กระสุนที่บรรจุไปด้วยพลังน้ำแข็งถูกยิงออกไป มันพุ่งไปถูกร่างกายที่ถูกแช่แข็งของบาร์ และแสงแห่งเทพของวิชากายหยกก็แช่แข็งบาร์ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
แต่กระสุนนี้ต่างไปจากกระสุนลูกแรกที่อัดแน่นไปด้วยแสงแห่งเทพของวิชากายหยกล้วนๆ กระสุนนี้ได้บรรจุสัญลักษณ์ประหลาดอย่างหนึ่งเอาไว้ด้วย
ในตอนที่มนตราพัฒนาสู่ระดับมาร์ควิส สัญลักษณ์แปลกๆปรากฏบนลูกกระสุนของเธอ ดีไซน์ของมันสะท้อนสัญลักษณ์บนหน้าผากของมนตรา มันถูกย้อมด้วยพลังที่มนตราได้รับในตอนที่เธอกลายเป็นระดับมาร์ควิส
“มันไร้ประโยชน์ ไม่ว่าเขาจะพยายามแช่แข็งบาร์สักแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์ การทำแบบนั้นมีแต่จะช่วยเสริมความต้านทานน้ำแข็งให้กับบาร์เท่านั้น” เดสทรอยเยอร์ระดับดยุกยิ้มออกมา
หานเซิ่นเป่าปากกระบอกปืน หลังจากนั้นเขาเก็บปืนพกและหันกลับไปมองพวกพ้องของเขา เขาพูดพร้อมกับยักไหล่
“ไปกันเถอะ หมอนี่มันยากเกินไปที่จะต่อสู้ด้วย ฉันคงจะฆ่าเขาไม่ได้”
หานเมิ่งเอ๋อ ซีโร่และนางฟ้าไม่มีความเห็นอะไร ดังนั้นพวกเธอจึงทำตามการตัดสินใจของหานเซิ่น เดสทรอยเยอร์ระดับดยุกพูดขึ้นมา
“หานเซิ่น มันไม่มีประโยชน์ที่เจ้าจะวิ่งหนี! บาร์จะทำลายพลังน้ำแข็งนั่น เมื่อบาร์เลือกเจ้าเป็นเป้าหมายแล้ว เจ้าจะหนีไปไหนไม่ได้อีก”
ปัง!
หานเซิ่นไม่ได้หันกลับไปมอง เขาเพียงแค่ชักปืนขึ้นมาและยิงไปใส่ดยุกคนนั้น
สีหน้าของเดสทรอยเยอร์ระดับดยุกซีดไป และมันก็สายเกินไปแล้วที่เขาจะหลบ มือทั้ง 6 ของเขาสร้างลูกบอลแสงขึ้นมาเพื่อป้องกันกระสุนของหานเซิ่น
เมื่อแสงแห่งเทพ 3 สีปะทะกับกระสุน กระสุนก็ระเบิดออก ควันรูปเห็ดลอยขึ้นมาจากจุดๆนั้น ทั้งทีมของเดสทรอยเยอร์ถูกระเบิดเป็นชิ้นเนื้อ เดสทรอยเยอร์ระดับดยุกที่อยู่หน้าสุดถูกระเบิดจนไม่เหลืออะไรนอกจากผุยผง
มันมีเดสทรอยเยอร์ระดับดยุก 2 คนที่ยืนห่างจากกลุ่มไปเล็กน้อย พวกเขาไม่ได้ถูกฆ่าในทันที แต่พวกเขานอนอยู่ในกองเลือด ความตายจะมาถึงพวกเขาในอีกไม่นาน พวกเขานอนดิ้นอยู่กับพื้น ขณะที่มองไปที่หานเซิ่นด้วยความหวาดกลัว
“พวกเจ้าไม่ใช่บาร์ ดังนั้นอย่าได้มาพูดจาไร้สาระ” หานเซิ่นเก็บปืนพกของเขาและเดินจากไปพร้อมกับพวกพ้องของเขา
ชิงหลีและรีเบทคนอื่นยืนอึ้งไป พวกเขารู้ว่าหานเซิ่นแข็งแกร่ง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าหานเซิ่นจะแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น
เขาเป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง แต่ในเสี้ยววินาทีเขากำจัดกลุ่มของดยุกด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ระดับพลังของเขาเป็นอะไรที่น่ากลัว
“ไม่แปลกใจเลยที่มีคนบอกว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับไผ่เดียวดาย นั่นมันน่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว”
ชิงหลีมองไปที่หานเซิ่นด้วยความนับถือจากใจจริง ในหัวใจของเธอกำลังคิด ‘ข้าควรไปขอให้เขามาเป็นอาจารย์ดีไหมนะ? บางทีเขาควรจะเป็นอาจารย์ของข้าแทนราชินีแห่งมีด แต่เขาเคยปฏิเสธมาแล้ว ตอนนี้เขาคงจะไม่รับแน่เลย’
“บาร์จะฆ่าเจ้า…ฆ่าเจ้า…” เดสทรอยเยอร์ที่ปางตาย 2 คนพยายามพูดออกมา ขณะที่ในปากเต็มไปด้วยเลือด
พวกเขารู้ตัวว่ามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ดังนั้นพวกเขาจึงฝากความหวังในการแก้แค้นไปที่บาร์ พวกเขาหวังว่าบาร์จะทำลายน้ำแข็งและฆ่าหานเซิ่น
พวกเขามองบาร์ที่ถูกแช่แข็งด้วยความหวังที่จะเห็นว่าบาร์เป็นอิสระก่อนที่พวกเขาจะขาดใจตาย การจินตนาการว่าหานเซิ่นจะถูกฆ่าตายโดยบาร์ ทำให้ร่างกายที่ใกล้จะขาดใจของพวกเขามีชีวิตต่อได้นานขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
แต่หานเซิ่นกับคนอื่นๆได้จากไปแล้ว และบาร์ที่ถูกแช่แข็งก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว เขายังคงถือมีดกระดูกในท่วงท่าเดิมและแข็งทื่อไม่ต่างไปจากรูปปั้นน้ำแข็ง
‘เป็นไปไม่ได้ พลังน้ำแข็งจะแช่แข็งพลังเคออสได้ยังไง? นี่เป็นไปไม่ได้ บาร์จะต้องทำลายน้ำแข็งออกมาได้… เขาแค่จำเป็นต้องใช้เวลาอีกหน่อย…’ เดสทรอยเยอร์ทั้ง 2 คนคิด
หานเซิ่นและคนอื่นๆออกไปจากบริเวณนั้น ขณะที่บาร์ยังคงถูกแช่แข็งและไม่เคลื่อนที่ไปไหน
ในตอนแรกเดสทรอยเยอร์ทั้ง 2 คนยังมองโลกในแง่ดี แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็สูญสิ้นความหวัง ลมหายใจสุดท้ายของพวกเขาถูกใช้ไปกับการจ้องมองบาร์ที่ถูกแช่งแข็ง พวกเขาไม่ได้ปิดตาของตัวเองลง แต่ถึงอย่างนั้นบาร์ก็ยังคงถูกแช่แข็งและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ไม่นานหลังจากนั้นยอดฝีมือคนอื่นก็เดินผ่านมา และเมื่อพวกเขาเห็นบาร์ที่ถูกแช่แข็ง พวกเขาก็อึ้งไป เมื่อพวกเขาได้รู้ว่าบาร์ถูกแช่แข็งโดยหานเซิ่น พวกเขาก็ตกใจยิ่งกว่าเดิม
บาร์เป็นดยุกที่มีชื่อเสียง ดังนั้นมันยากที่จะจินตนาการได้ว่ามาร์ควิสคนหนึ่งสามารถกักขังบาร์เอาไว้แบบนั้นได้ยังไง
ในที่สุดพวกเดสทอยเยอร์ก็พาร่างของบาร์ที่ถูกแช่แข็งกลับไป
นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นใช้มนตราหลังจากที่เธอพัฒนาสู่ระดับมาร์ควิส เขาไม่รู้ว่าพลังใหม่นั้นเรียกว่าอะไร แต่สัญลักษณ์มีพลังประหลาดบางอย่างที่จะไม่จางหายไป ดังนั้นหานเซิ่นจึงเรียกมันว่าอีเทอร์นิตี้
หานเซิ่นแค่ต้องการแช่แข็งศัตรูเพื่อซื้อเวลาที่จะหนีออกไปจากบริเวณนั้น หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าผลลัพธ์ของอีเทอร์นิตี้จะทรงพลังถึงขนาดนั้น และหลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง บาร์ก็ยังคงถูกแช่แข็งอยู่
ตอนที่ 2180
หานเซิ่นและกลุ่มของเขาเดินทางข้ามภูเขาและหนองน้ำจำนวนมาก แต่เขาก็เจอแค่ศพของซีโน่เจเนอิคเท่านั้น เขาไม่สามารถหาซีโน่เจเนอิคที่ยังมีชีวิตอยู่ได้แม้แต่ตัวเดียว
พวกเขาไม่สามารถหาซีโน่เจเนอิคระดับดยุกตัวไหนๆได้ หรือแม้แต่ตัวที่ระดับต่ำกว่าก็หาไม่ได้เช่นกัน
“ทำไมมันถึงมีผู้คนมากมายใช้ประโยชน์จากเวลาแบบนี้?” หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ แต่เขาก็รู้ตัวว่าไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
หานเซิ่นตัดสินใจเดินทางออกจากดาวโซดิ แต่ทันใดนั้นยอดฝีมือระดับดยุกหลายคนก็เริ่มลงมาจากอวกาศ
เมื่อเห็นท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยยานอวกาศและเหล่ายอดฝีมือลงมายังดวงดาวโซดิ หานเซิ่นก็ขมวดคิ้ว ถ้าพวกมันไม่ได้บินมาจากทิศทางที่แตกต่างกันล่ะก็ หานเซิ่นก็อาจจะเชื่อว่าพวกมันมุ่งหน้ามาหาเขา
“ดาวโซดิกำลังอยู่ภายใต้การปิดล้อม ดังนั้นอย่าได้พยายามออกไปจากพื้นผิว” เสียงประกาศดังขึ้นทั่วท้องฟ้า
ยานรบทั้งหมดเรียงแถวต่อกันราวกับรถที่ติดการจลาจล แม้แต่ป้อมปราการอวกาศก็มาประจำอยู่ในวงโคจรของดวงดาว อาวุธทั้งหมดเล็งมาที่ดาวโซดิจากทุกทิศทางเช่นกัน ถ้าพวกมันยิงออกมาพร้อมๆกันล่ะก็ ดวงดาวโซดิก็คงจะกลายเป็นผุยผง
ยานอวกาศขนาดเล็กจำนวนมากบินออกมาจากยานรบขนาดใหญ่ และพวกมันดูเหมือนจะมุ่งหน้าลงมาที่ดวงดาวโซดิ หานเซิ่นรู้สึกตกใจและอยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น “คนทรยศของเดสทรอยเยอร์คงจะไม่อยู่บนดาวโซดิหรอกใช่ไหม? ถ้าเขาอยู่ที่นี่ เขาก็ต้องเป็นคนที่กล้าหาญมากๆ เขาอาจจะพยายามซ่อนตัวในที่ที่โจ่งแจ้ง แต่มันดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนเปิดเผยตัวตนของเขาได้สำเร็จ”
หานเซิ่นไม่สามารถคิดคำอธิบายอย่างอื่นสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น
ทั้งดวงดาวโซดิถูกปิดล้อม ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปที่หานเซิ่นและคนอื่นจะออกไปจากดาวดวงนี้ ยานรบและป้อมปราการอวกาศทั้งหมดเข้าสู่โหมดต่อสู้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นถ้ากลุ่มของหานเซิ่นพยายามจะฝ่าวงล้อมออกไป พวกเขาก็ต้องถูกโจมตีอย่างแน่นอน
นี่เป็นเขตแดนของรีเบท ดังนั้นหานเซิ่นไม่มีความจำเป็นต้องหนีไป หานเซิ่นพาหานเมิ่งเอ๋อและคนอื่นๆไปที่เมืองแห่งเดียวบนดาวโซดิ ซึ่งมันมีชื่อว่าเมืองสตีล
หานเซิ่นเป็นเหมือนกับบุคคลวีไอพีของรีเบท ด้วยเหตุนั้นเมื่อเขาเข้าไปในเมืองสตีล พนักงานที่นั่นก็ทำการต้อนรับเขาเป็นอย่างดี และพวกเขายังมอบห้องพักที่หรูที่สุดในโรงแรมให้กับพวกหานเซิ่นอีกด้วย
‘หวังว่าการปิดล้อมนี้จะจบลงโดยเร็ว ฉันไม่ต้องการไปทำหน้าที่ผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นสาย’
แต่หานเซิ่นไม่คิดว่ามันจะใช้เวลานานเกินไป พวกเขาปิดล้อมดวงดาวด้วยก้องทัพของดยุกและมาร์ควิส ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่มาร์ควิสคนหนึ่งจะหนีจากพวกเขาไปได้
แต่หลังจากผ่านไป 2 วัน กองกำลังที่ทำการปิดล้อมดวงดาวก็ยังคงหาคนทรยศไม่พบ
นั่นทำให้หานเซิ่นขมวดคิ้ว มันมีมาร์ควิสและดยุกอยู่เป็นจำนวนมากทั่วทั้งดวงดาวโซดิ ซึ่งป่านนี้พวกเขาก็น่าจะค้นหาได้ทั่วทุกซอกทุกมุมของดวงดาวเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคนทรยศผู้ลึกลับของเดสทรอยเยอร์ก็ยังคงไม่ถูกจับตัว
มันมีคำอธิบาย 2 อย่างที่พอเป็นไปได้ อย่างแรกคือข้อมูลที่พวกเขามีอยู่ไม่ถูกต้องและคนทรยศไม่ได้อยู่บนดวงดาวโซดิ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาหาตัวคนทรยศไม่เจอ
ความเป็นไปได้ที่ 2 ก็คือจริงๆแล้วคนทรยศของเดสทรอยเยอร์ไม่ได้ซ่อนตัว บางทีเขาอาจจะกำลังเดินอยู่ในสถานที่ที่โจ่งแจ้ง แต่เขาเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเอง และด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่มีใครจดจำเขาได้
หานเซิ่นไม่คิดว่าความเป็นไปได้แรกถูกต้อง เพราะถ้าพวกเขาไม่สามารถยืนยันได้ว่าคนทรยศของเดสทรอยเยอร์อยู่ที่นี่จริงๆล่ะก็ มันก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะเข้าปกคลุมท้องฟ้าด้วยยานรบจำนวนมากแบบนั้น นั่นทำให้เห็นว่าพวกเขามั่นใจในข้อมูลที่มี และคนทรยศก็ต้องอยู่ที่นี่จริงๆ
“ถ้าคนทรยศคนนั้นปลอมตัวตนได้จริงๆ นั่นก็เป็นข่าวร้ายมากๆ มันมีมาร์ควิสมากมายอยู่บนดาวดวงนี้ ซึ่งพวกเขาไม่มีทางจะตรวจเช็คทุกคนได้ และถ้าเป็นแบบนั้นพวกเขาก็จะหาคนทรยศไม่เจอ” หานเซิ่นกังวลว่ามันอาจจะใช้เวลานานเกินไป
ขณะที่หานเซิ่นกำลังนั่งทานอาหารอย่างรื่นรมย์ร่วมกับคนอื่นๆ ทันใดนั้นหานเซิ่นก็สัมผัสได้ถึงตัวตนของคนๆหนึ่งที่เขาคุ้นเคย เขาเงยหน้าขึ้นมาและเห็นว่าคนๆนั้นก็คือผู้หญิงจากเอ็กซ์ตรีมคิง
นอกจากเธอจะไม่ได้ออกจากเขตแดนของรีเบทไปแล้ว เธอยังเดินทางมาที่ซีโน่เจเนอิคสเปชซิกซ์สตาร์อีกด้วย เธอเองก็กำลังมองหาสมบัติของเดสทรอยเยอร์ที่ถูกขโมยไปเช่นกัน
‘คนทรยศนั้นขโมยอะไรไปกันแน่ ทำไมแม้แต่คนของเอ็กซ์ตรีมคิงก็ยังมาที่นี่เพื่อค้นหามัน’ หานเซิ่นแปลกใจ
เอ็กซ์ตรีมคิงหญิงคนนั้นเห็นหานเซิ่น แต่เธอแกล้งทำเป็นไม่เห็น เธอเดินผ่านหานเซิ่นไปและนั่งลงข้างหน้าต่าง
หานเซิ่นไม่ได้ใส่ใจอะไรเธอมากนัก ถ้าเธอต้องการจะเมินเฉยใส่เขา เขาก็คิดว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเข้าไปพูดคุยกับเธอ
ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็เห็นหลากหลายเผ่าพันธุ์เดินเข้ามาในร้านอาหาร ยอดฝีมือที่มาค้นหาตัวคนทรยศต่างก็เดินทางมาที่เมืองสตีล
ดูเหมือนตอนนี้พวกเขาจะรู้สึกตัวถึงปัญหาเช่นเดียวกับหานเซิ่น คนทรยศของเดสทรอยเยอร์ไม่ได้ซ่อนตัวอีกต่อไป แต่เขาเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตัวเอง ตอนนี้มันจึงไม่มีใครรู้ว่าคนทรยศมีรูปลักษณ์ภายนอกเป็นยังไง
บุดด้าหลายคนเดินเข้ามาในร้านอาหาร และคนที่เป็นระดับมาร์ควิสคนหนึ่งเดินเข้ามาโค้งคำนับให้กับหานเซิ่น
“อมิตาพุทธ! หานเซิ่น ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้”
หานเซิ่นจำได้ว่าบุดด้าคนนั้นคือหนึ่งในมาร์ควิสที่เขาช่วยเอาไว้ในเมทัลเวิลด์ แต่ทว่าเขาไม่ได้รู้จักชื่อของบุดด้าคนนี้
“ด้วยความยินดี แต่ข้าแค่พยายามช่วยตัวเองเท่านั้น” หานเซิ่นตอบ
เมื่อหานเซิ่นและบุดด้ามาร์ควิสพูดคุยกัน มาร์ควิสและดยุกในร้านอาหารหลายคนได้ยินพวกเขา ข่านอยู่ในหมู่คนพวกนั้นด้วย เมื่อเขาเห็นหานเซิ่น เขาก็ยิ้มและเดินเข้ามานั่งลงข้างๆหานเซิ่น
“หานเซิ่น บังเอิญจังเลยที่พวกเราได้พบกันอีกครั้งที่นี่ ข้าได้ยินว่าเจ้าแช่แข็งบาร์ นั่นเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ น่าเสียดายที่เจ้าเป็นมาร์ควิสช้าเกินไป ถ้าเจ้าเป็นมาร์ควิสเร็วกว่านี้อีกหน่อยล่ะก็ ข้าเดิมพันว่าเจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับดอลลาร์ เจ้าคงจะเคยได้ยินชื่อของคนที่ได้รับอันดับที่หนึ่งในระดับมาร์ควิสของบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนใช่ไหม?”
ข่านเปลี่ยนเป็นคนที่ชอบประจบประแจงจนน่ารำคาญ เขาทำให้ยอดฝีมือที่อยู่ภายในร้านอาหารหันมามองหานเซิ่นด้วยสีหน้าซับซ้อน
หานเซิ่นเมินเฉยต่อคำชมของข่าน ข่านเป็นเหมือนกับแมลงสาบที่ไม่ยอมตายง่ายๆ หานเซิ่นเคยพยายามฆ่าร่างยักษ์ของเขาถึง 2 ครั้ง แต่ก็ล้มเหลว และข่านก็ยังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งที่ไหนก็ตามที่หานเซิ่นไป เขาก็ต้องเจอกับชายที่น่ารำคาญคนนี้
“ฮะ” ข่านอุทานออกมาและใบหน้าของเขาซีดไปเล็กน้อย นั่นเพราะมีชายตัวใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านอาหาร มือของเขาถือมีดกระดูกอยู่
หานเซิ่นหันไปมองและเห็นบาร์ยืนถือมีดกระดูกอยู่ตรงนั้น ผลของการแช่แข็งได้หายไปแล้ว
การปรากฏตัวของบาร์ทำให้ทั้งร้านอาหารเงียบสนิท ชายที่โหดเหี้ยมจะฆ่าคนในทุกหนทุกแห่ง เขาไม่สนใจกฎหมายหรืออะไรทั้งนั้น
เมื่อข่านเห็นบาร์เดินเข้ามา เขาก็ลุกขึ้นและฝืนยิ้มให้กับหานเซิ่นก่อนที่จะพูดออกมา “ไว้ค่อยคุยกันต่อทีหลัง”
หลังจากนั้นข่านก็กลับไปนั่งโต๊ะเดิมกับพวกเผ่าเดม่อน
บาร์เดินมาตรงหน้าหานเซิ่นและพูด “ข้าจะกินเจ้า”
หลังจากนั้นโดยไม่รอคำตอบจากหานเซิ่น เขาเดินไปที่อีกโต๊ะหนึ่งและแทงมีดกระดูกลงกับพื้น เขานั่งลงและมองมาที่หานเซิ่นโดยไม่กระพริบตา
หานเซิ่นรู้ว่าบาร์ไม่ได้ขจัดพลังน้ำแข็งออกไปด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นล่ะก็สัตว์ประหลาดที่บ้าคลั่งอย่างเขาก็คงจะจู่โจมหานเซิ่นในทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ไม่มีใครรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น แต่ที่นี่มีดยุกและมาร์ควิสอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ร้านอาหารเต็มไปด้วยผู้คน
“ข้านั่งลงตรงนี้ได้ไหม?” เสียงของใครบางคนดังขึ้นมาใกล้ๆกับหานเซิ่น
ตอนที่ 2181
หานเซิ่นเงยหน้าขึ้นมาและเห็นเฟเธอร์หญิงยืนอยู่ข้างๆเขา เธอมีดวงตาสีฟ้าและเส้นผมสีทอง ปีกสีขาวของเธอดูน่าดึงดูดอย่างมาก
หานเซิ่นมองไปรอบๆและเห็นว่าโต๊ะทุกตัวมีคนนั่งหมดแล้ว และมันก็มีที่นั่งว่างเหลืออยู่ไม่มากนักภายในร้านอาหารแห่งนี้
บาร์นั่งครองโต๊ะตัวหนึ่งอยู่ตามลำพัง แต่มันไม่มีใครอยากจะนั่งร่วมกับเขา
“เชิญตามสบาย” หานเซิ่นพูดอย่างเป็นกันเอง หลังจากนั้นเขาก็เมินเฉยต่อตัวตนของเฟเธอร์หญิงคนนั้นและกลับไปกินอาหารของตัวเองต่อ
บางอย่างดูเหมือนจะผิดปกติ บรรยากาศภายในร้านอาหารดูตึงเครียดขึ้นมา หานเซิ่นเชื่อว่ากำลังจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น ด้วยเหตุนั้นเขาจึงมีแผนจะอยู่ที่นี่ต่อเพื่อดูว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
เฟเธอร์หญิงสั่งอาหารบางอย่างมาทาน แต่เธอไม่ได้พูดอะไร และเมื่ออาหารมาถึง เธอก็เริ่มกินมันเงียบๆ
หลายๆเผ่าพันธุ์ยังคงพากันเข้ามาในร้านอาหาร แต่มันไม่มีโต๊ะหลงเหลือสำหรับพวกเขาอีกแล้ว ด้วยเหตุนั้นแต่ละคนจึงมองหาโต๊ะที่มีคนเผ่าพันธุ์เดียวกันนั่งอยู่ และเมื่อใครบางคนไม่สามารถหาที่นั่งได้ พวกเขาก็จะยืนติดกำแพงแทนที่จะออกไปจากร้าน
ในที่สุดดยุกคนหนึ่งที่มีหัวเป็นกระทิงก็มาถึง เขาและพวกพ้องเดินไปที่โต๊ะของผู้หญิงจากเอ็กซ์ตรีมคิง พวกเขาไม่ได้พูดอะไรและแค่ดึงเก้าอี้ออกมานั่ง
หานเซิ่นรู้ว่าอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นต่อไปเป็นอะไรที่น่าสนุก
“ไสหัวไปซะ” ผู้หญิงจากเอ็กซ์ตรีมคิงพูดขึ้นมา ขณะที่เหล่าชายหัวกระทิงกำลังจะนั่งลง
“สาวน้อย อย่าได้อวดดีจนเกินไป นั่นจะไม่เป็นผลดีสำหรับเจ้า”
ดยุกหัวกระทิงพูด เขาไม่คิดจะฟังคำเตือนของผู้หญิงจากเอ็กซ์ตรีมคิง เขายิ้มขณะที่ดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมา
หานเซิ่นถอนหายใจเมื่อเห็นอย่างนั้น เหล่าคนหัวกระทิงโง่เขลากว่าที่หานเซิ่นคาดคิดเอาไว้ ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเธอมาจากเอ็กซ์ตรีมคิง แต่พวกเขาก็ควรจะรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับผู้หญิงคนนั้น เธอนั่งอยู่ตามลำพังขณะที่โต๊ะอื่นเต็มไปด้วยผู้คน นอกจากนั้นแล้วเขายังกล้ายั่วยุเธอด้วยคำพูดแบบนั้นอีก
ขณะที่ดยุกหัวกระทิงนั่งลง ผู้หญิงคนนั้นก็ขยับแขนของเธอ ก่อนที่คนหัวกระทิงจะรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ถูกส่งกระเด็นออกไปแล้ว
ปัง!
ดยุกคนนั้นลอยไปชนเข้ากับกำแพงและทะลุผ่านออกไปนอกร้านอาหาร เขาพยายามพยุงตัวเองขึ้นมาขณะที่ในปากเต็มไปด้วยเลือด
ทุกคนมองไปที่ผู้หญิงจากเอ็กซ์ตรีมคิงด้วยความตกใจ คนหัวกระทิงคนอื่นรีบถอยออกมาด้วยความหวาดกลัว พวกเขาพยุงดยุกหัวกระทิงที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาและรีบหนีไปจากที่นั่นโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ถึงแม้ดยุกหัวกระทิงจะไม่ใช่ยอดฝีมืออย่างแท้จริงๆ แต่การที่ตบธรรมดาของผู้หญิงคนนี้เกือบจะฆ่าเขาได้นั้น มันก็เห็นได้ชัดว่าเธอมีพลังมหาศาล
ชิงหลีนั่งลงข้างๆหานเซิ่นและกระซิบบอกเขา “ในตอนนี้ทุกเผ่าพันธุ์กำลังคิดว่าคนทรยศนั้นซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในเมืองสตีล พวกเขาตรวจเช็คทุกหนทุกแห่งด้วยความหวังที่จะหาคนทรยศคนนั้นให้เจอ พวกคนหัวกระทิงและเดสทรอยเยอร์ดูเหมือนว่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน ถ้าข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ พวกเขาถูกส่งมาที่นี่เพื่อทดสอบผู้หญิงคนนั้น แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ และพวกเขาก็กำลังสงสัยว่านางจะใช่คนทรยศนั่นหรือเปล่า”
“เจ้ารู้ไหมว่าคนทรยศนั่นมาจากที่ไหน?” หานเซิ่นถาม
ชิงหลีคิดอยู่ชั่วครู่ “คนที่ทรยศเดสทรอยเยอร์ไม่ใช่คนของเดสทรอยเยอร์เอง แต่เขาเป็นคนนอกที่เข้าร่วมกับเดสทรอยเยอร์ แต่เดสทรอยเยอร์ไม่ได้บอกว่าคนๆนั้นเป็นเผ่าพันธุ์ไหน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่ามันเป็นใครกันแน่ จากการสืบสวนของพวกเรา เผ่าพันธุ์ของคนทรยศยังไม่ถูกตัดสิน และมันก็เป็นไปได้สูงที่คนทรยศจะเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นเผ่าพันธุ์ไหนก็ได้”
หลังจากนั้นชิงหลีก็มองไปที่เฟเธอร์หญิง ดวงตาของเธอแคบลงเล็กน้อยด้วยความสงสัย
หานเซิ่นพยักหน้าและถาม “เจ้ารู้ไหมว่าสมบัติที่คนทรยศขโมยไปคืออะไร?”
ชิงหลีพยักหน้าและพูด “มันก็พอจะมีข่าวอยู่บ้าง แต่ข้าไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ มันดูเหมือนว่าคนทรยศนั้นจะขโมยสมบัติระดับเทพเจ้าที่เรียกว่าไบเบิลเดสทรอยเยอร์ไป นั่นเป็นเหตุผลที่เดสทรอยเยอร์ต้องการหาตัวคนๆนั้นให้เจอ พวกเขาจำเป็นต้องชิงไบเบิลเดสทรอยเยอร์กลับไป เผ่าพันธุ์อื่นๆก็กำลังหมายตาสมบัตินั้นเช่นเดียวกัน และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้สถานการณ์เป็นอะไรที่ซับซ้อน”
“เจ้าไปได้ข้อมูลพวกนี้มาจากไหนกัน?” หานเซิ่นมองเธออย่างแปลกๆ
“ไม่มีใครรู้ถึงแหล่งที่มาของมัน แต่ข้อมูลนี้ถูกพูดถึงทุกหนทุกแห่ง”
ชิงหลีดูสับสน หลังจากนั้นเธอก็ถามหานเซิ่น “เจ้าคิดว่ามันเป็นความจริงไหม?”
หานเซิ่นยักไหล่ของเขา “บางทีคนทรยศนั่นอาจจะเป็นคนที่ปล่อยข่าวลือพวกนี้เพื่อสร้างความโกลาหลก็ได้ นั่นอาจจะเป็นหนทางที่ทำให้เขาหนีรอดออกไปได้ ไม่อย่างนั้นแล้วทำไมความลับแบบนี้ถึงได้แพร่กระจายออกไปเร็วนัก แน่นอนว่านี่เป็นแค่การคาดเดา ข้าไม่ได้รู้อะไรมาก”
หานเซิ่นหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะถามขึ้นมา “ว่าแต่ไบเบิลเดสทรอยเยอร์ที่เจ้าพูดถึงมันคืออะไร? มันฟังดูเหมือนกับวิชาจีโนตัวหนึ่ง แบบนั้นทำไมถึงบอกว่ามันเป็นสมบัติ?”
ชิงหลีมองหานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ “เจ้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับไบเบิลเดสทรอยเยอร์อย่างนั้นหรอ? มันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของเดสทรอยเยอร์ จากเรื่องราวนั้นบอกเอาไว้ว่าในตอนที่เดสทรอยเยอร์อัลฟ่าตายไป ยีนซีโน่เจเนอิคของเขากลายเป็นสมบัติระดับเทพเจ้า และมันก็กักเก็บพลังของเดสทรอยเยอร์อัลฟ่าเอาไว้ แต่ทว่าการจะสืบสานพลังนั้นเป็นเรื่องยากมากๆ ด้วยแหตุนั้นพวกเขาจึงใช้พลังของไบเบิลเดสทรอยเยอร์ไม่ได้”
“แต่ถึงอย่างนั้นไบเบิลเดสทรอยเยอร์ก็ยังคงเป็นสมบัติที่สำคัญที่สุดของพวกเขา พวกเขาหวงแหนมันในฐานะสิ่งที่เป็นตัวแทนของทั้งเผ่าพันธุ์ ดังนั้นเดสทรอยเยอร์จึงอยากได้ไบเบิลเดสทรอยเยอร์กลับไป พวกเขาจะไม่ปล่อยให้เผ่าพันธุ์อื่นเอามันไปได้”
หานเซิ่นไม่พูดอะไรอีก แต่เขาคิดกับตัวเอง ‘สมบัติระดับเทพเจ้านั้นฟังดูเป็นอะไรที่ล้ำค่าจริงๆนั่นแหละ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันมีพลังของเดสทรอยเยอร์อัลฟ่าอยู่ ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนดูจะต้องการมัน ตอนนี้แม้แต่เราเองก็ยังอยากจะได้มันมาเลย แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ใครก็ตามที่ได้มันไปก็คงต้องพบกับโทสะของเหล่าเดสทรอยเยอร์’
หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าเดสทรอยเยอร์ระดับมาร์ควิสและดยุกกำลังจ้องมองซีโร่ หานเมิ่งเอ๋อ นางฟ้าและเฟเธอร์หญิง ดวงตาของพวกเขาดูเอาจริงเอาจัง
หานเซิ่นสะดุ้งและคิดกับตัวเอง ‘นี่พวกเขาพบว่าคนทรยศที่ขโมยไบเบิลเดสทรอยเยอร์ไปไม่ใช่ผู้ชาย แต่ความจริงแล้ว…เป็นผู้หญิงอย่างนั้นหรอ?’
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็มองไปที่เฟเธอร์หญิง ถ้าคนทรยศเป็นผู้หญิงจริงๆ เฟเธอร์หญิงคนนี้ก็ดูน่าสงสัย เพราะเธอตัวคนเดียว
ขณะที่เขาจ้องมองเธอ เขาก็รู้สึกสนใจมากขึ้นๆ พลังชีวิตของเฟเธอร์หญิงคนนี้ดูเหมือนกับเฟเธอร์ระดับมาร์ควิสธรรมดาๆ แต่เมื่อหานเซิ่นสแกนเธอด้วยออร่าศาสตร์ตงเสวียน เขาก็พบว่าพลังชีวิตของเธอดูเหมือนกับสิ่งที่ถูกปลอมแปลงขึ้นมา และจริงๆแล้วพลังชีวิตของเธอลึกมากๆ มันลึกซะจนออร่าศาสตร์ตงเสวียนของหานเซิ่นไม่อาจจะหยั่งถึง
‘หรือว่าเธอจะเป็นคนทรยศของเดสทรอยเยอร์ตัวจริง?’ หานเซิ่นคาดเดา
ตอนที่ 2182
เฟเธอร์หญิงดูเหมือนรู้ว่าหานเซิ่นกำลังคิดอะไร เธอยิ้มให้กับเขา แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอยังคงกินอาหารของเธออย่างเงียบๆ
หานเซิ่นคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่น่าสงสัย แต่เขายังไม่แน่ใจว่าเธอเป็นคนทรยศของเดสทรอยเยอร์จริงๆหรือเปล่า
ขณะที่หานเซิ่นกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ดราก้อนคนหนึ่งก็เดินเข้ามาที่โต๊ะของเขาและนั่งลงถัดไปจากหานเซิ่น เขามองไปที่ซีโร่และหญิงสาวคนอื่นๆ
“หานเซิ่น ข้าได้ยินมาว่าหนึ่งในหญิงสาวของเจ้าเกือบจะทำลายล้างบาร์จนสิ้นซากด้วยลูกธนู นั่นเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าพวกพ้องของเจ้าคนไหนกันที่ทำอย่างนั้นได้? เจ้าพอจะบอกข้าได้ไหม?”
เมื่อดราก้อนชายคนนั้นพูดขึ้นมา ทั้งร้านอาหารก็เงียบไป ทุกคนหันมามองที่โต๊ะของพวกเขา
หานเซิ่นมองไปที่ดราก้อนชายคนนั้น มันเห็นได้ชัดว่าเขาถูกส่งมาเพื่อยืนยันตัวตนพวกพ้องของหานเซิ่น หานเซิ่นไม่ได้ประหลาดใจในเรื่องนี้ แต่มันน่าแปลกที่เขาถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างพวกหานเซิ่นและบาร์
เมื่อบาร์ได้ยินดราก้อนชายคนนั้นพูดขึ้นมา เขาไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร มันเห็นได้ชัดว่าบาร์หวาดกลัวต่อดราก้อนชายคนนี้
ซึ่งถ้าชายคนนี้ทำให้บาร์หวาดกลัวได้ เขาก็ต้องเป็นใครบางคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
หานเซิ่นจ้องไปที่ดราก้อนคนนั้น “นี่คือลูกสาวของข้า หานเมิ่งเอ๋อ ส่วน 2 คนนี้คือน้องสาวของข้า และนี่คือลูกสาวของราชาฟลาวเวอร์จากแนร์โรว์มูน ชื่อของนางคือชิงหลี สำหรับสหายเฟเธอร์คนนี้ ข้าต้องยอมรับว่าไม่รู้จักนาง”
หานเซิ่นแนะนำตัวคนอื่นๆที่นั่งโต๊ะเดียวกับเขา แต่เขาไม่ได้พูดถึงจิ้งจอกสีเงินและอสูรกาแล็กซี่
หลังจากที่ดราก้อนชายได้ยินแบบนั้น เขาก็หันไปที่เฟเธอร์หญิง เขามองไปที่เธอและถาม “เจ้ามาจากที่ไหนกัน? เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ท่าทางของดราก้อนชายคนนี้ ทำให้หานเซิ่นมั่นใจว่าคนทรยศของเดสทรอยเยอร์เป็นผู้หญิงจริงๆ หรืออย่างน้อยคนทรยศคนนั้นก็ต้องมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงเป็นผู้หญิงได้ ไม่อย่างนั้นดราก้อนชายก็คงจะถามถึงตัวตนของจิ้งจอกสีเงินและอสูรกาแล็กซี่ด้วย แต่ความสนใจของเขามุ่งเป้าไปที่ผู้หญิงเท่านั้น ท่าทางของเขาดูโจ่งแจ้งมากๆจนหานเซิ่นไม่คิดว่าเขาพยายามปกปิดเรื่องนั้น
เฟเธอร์หญิงยิ้มออกมาและมองไปที่ดราก้อนชายคนนั้น
“ข้ารู้จักเจ้า ดราก้อนซิกซ์ สมญานามของเจ้าคือท็อกซิกดราก้อนโอลด์ซิกซ์ และถึงแม้เจ้าจะเป็นดราก้อนระดับดยุกคนหนึ่ง มันก็ไม่มีความจำเป็นที่ข้าต้องตอบคำถามของเจ้า ที่นี่ไม่ใช่เขตแดนของดราก้อน”
ดราก้อนซิกซ์ชะงักไปเล็กน้อย เขามองไปที่เฟเธอร์หญิงและยิ้มออกมา
“ถ้าเจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร อย่างนั้นแล้วเจ้าก็คงจะรู้สินะว่าข้าทำอะไรได้ เจ้าไม่ควรหาเรื่องใส่ตัวและยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี ข้าไม่อยากจะทำร้ายผู้หญิง”
แต่เฟเธอร์หญิงคนนั้นดูจะไม่ใส่ใจอะไรกับการข่มขู่ของดราก้อนซิกซ์ เธอยิ้มและพูด ”ถ้าข้าเป็นคนที่เจ้ากำลังตามหา การฆ่าข้าจะไม่ทำให้เจ้าได้ในสิ่งที่ต้องการ และถ้าข้าไม่ใช่คนที่ถูกต้อง การที่เจ้าฆ่าข้า มันก็จะทำให้ผู้คนเกิดสงสัยขึ้นมา พวกเขาจะคิดว่าบางทีเจ้าอาจจะเป็นคนที่เอามันไป ข้าไม่คิดว่ามันมีเหตุผลอะไรที่เจ้าจะฆ่าข้าที่นี่ อย่างนั้นแล้วทำไมข้าต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าด้วย? เจ้าโหดร้ายพอที่จะฆ่าข้าในที่นี่อย่างนั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็เชิญลงมือได้เลย”
หลังจากนั้นเฟเธอร์หญิงก็กลับไปทานอาหารต่อและไม่ให้ความสนใจอะไรกับดราก้อนซิกซ์อีก
ดราก้อนซิกซ์หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย “ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า มันมีวิธีการมากมายที่จะทำให้เจ้าอยากตาย นั่นคือสิ่งที่ข้าจะทำกับเจ้า”
หลังจากนั้นดราก้อนซิกซ์ก็ชักมีดมังกรออกมา เขาค่อยๆเคลื่อนที่เข้าไปใกล้เฟเธอร์หญิงคนนั้นอย่างช้าๆ
แต่เฟเธอร์หญิงคนนั้นยังคงกินอาหารต่อไปราวกับว่าเธอไม่เห็นสิ่งที่กำลังเข้ามา หรือไม่อย่างนั้นเธอก็ยินดีที่จะยอมให้มันเกิดขึ้น เธอเมินเฉยต่อมือที่ยื่นเข้ามาของดราก้อนซิกซ์อย่างสมบูรณ์
“ดราก้อนซิก ที่นี่คือที่สำหรับกินอาหาร ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาทำอะไรแบบนี้ และถึงนางจะเป็นคนทรยศของเดสทรอยเยอร์จริงๆ เจ้าก็ควรจะปล่อยให้พวกเราเดสทรอยเยอร์ทำเรื่องนี้ด้วยตัวเอง นี่ไม่ใช่ธุระอะไรของเจ้า” เดสทรอยเยอร์ระดับดยุกคนหนึ่งพูดขึ้นมา
เมื่อดราก้อนซิกได้ยินแบบนั้น มือของเขาก็หยุดนิ่งไป เขาหันกลับไปมองเดสทรอยเยอร์คนนั้นและยิ้มออกมา
“เจ้าต้องการทำให้ข้าโกรธและฆ่านาง เพื่อทำให้ทุกคนหันความสนใจมาที่ข้าอย่างนั้นหรอ? นั่นเป็นความคิดที่ดี แต่ข้าไม่ได้โง่”
หลังจากนั้นดราก้อนซิกซ์ก็หันกลับมองไปที่เฟเธอร์หญิง เขาลดมีดลงและลุกขึ้น หลังจากนั้นเขาก็กลับไปนั่งกับดราก้อนคนอื่นๆ
หานเซิ่นรู้สึกสนุก ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะใช่คนทรยศของเดสทรอยเยอร์หรือไม่ เธอก็เป็นคนที่แข็งแกร่ง ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะใจเย็นแบบนั้นไม่ได้
หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่าดราก้อนซิกไม่คิดจะฆ่าเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ใจเย็นอย่างมาก และเธอก็ใช้เพียงแค่ไม่กี่ประโยกเพื่อพูดข่มความสงสัยที่มีต่อตัวตนของเธอ เธอทำให้ผู้คนไม่มั่นใจว่าจะทำยังไงกับเธอดี ซึ่งมันมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะทำแบบนั้นได้
แต่มันมีสิ่งที่น่าสงสัยเกี่ยวกับเธอมากเกินไป และถึงแม้เธอจะไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น เธอก็ยังดึงดูดทุกสายตาในร้านอาหารแห่งนี้ แต่มันไม่มีใครทำอะไรเธอได้ถ้าพวกเขาไม่มั่นใจจริงๆ เนื่องจากในร้านอาหารแห่งนี้มีหลายฝ่ายอยู่มากเกินไป ทำให้ไม่มีใครกล้าเสี่ยงลงมือทำอะไร
“ข้าอิ่มแล้ว ขอบคุณที่อนุญาตให้ข้านั่งด้วย ข้าเชื่อว่าพวกเราจะได้พบกันอีกครั้ง” เฟเธอร์หญิงยิ้มให้กับหานเซิ่น หลังจากนั้นเธอก็เดินขึ้นบันไดไป ดูเหมือนว่าเธอจะอาศัยอยู่ที่นี่
“เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งจริงๆ นางจะใช่คนทรยศของเดสทรอยเยอร์รึเปล่านะ?” ชิงหลีพูด
“ใครจะไปรู้? บางทีนางอาจจะใช่ บางทีอาจจะไม่ใช่” หานเซิ่นมองไปรอบๆและสังเกตเห็นว่าเผ่าพันธุ์อื่นจ้องมองมาที่พวกเขา
ผู้หญิงคนนั้นมีปฏิสัมพันธ์กับหานเซิ่น และเนื่องจากพวกเขาสงสัยในตัวเธอ นั่นจึงทำให้พวกเขาสงสัยในตัวหานเซิ่นและพวกพ้องไปด้วย
หลังจากกินอาหารเสร็จ หานเซิ่นพาพวกพ้องไปข้างนอก เขาสังเกตว่ายอดฝีทุกคนได้มารวมตัวในเมืองสตีล แถมเมืองก็ถูกปิดล้อมเอาไว้ คนที่อยู่ภายนอกสามารถเข้ามาข้างในได้ แต่คนที่อยู่ข้างในออกไปข้างนอกไม่ได้ มันดูเหมือนว่าคนที่มีอำนาจสั่งการจะเชื่อว่าคนทรยศอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในเมืองสตีล
นั่นเป็นบทสรุปที่สมเหตุสมผล หรืออย่างน้อยๆหานเซิ่นก็คิดแบบนั้น สถานที่เดียวที่จะซ่อนตัวบนดาวโซดิได้ก็คือภายในเมืองที่อยู่บนดวงดาว ซึ่งการจะหาคนทรยศในบรรดามาร์ควิสทุกคนที่อยู่ที่นี่นั้นดูจะเป็นงานที่ยากมากๆ
แต่หานเซิ่นรู้สึกสงสัยว่าทำไมคนทรยศถึงได้เลือกดาวโซดิ เขาพยายามครุ่นคิดว่าคนทรยศมีแผนที่จะหนีไปยังไง
ถ้าคนทรยศอยู่ที่นี่จริงๆ มันก็อาจจะเป็นเรื่องยากในการหาคนๆนั้นให้เจอ แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะหาทรยศเจอ และถ้าคนทรยศตัดสินใจมาที่นี่ เธอก็คงจะเตรียมตัวเอาไว้แล้ว ซึ่งมันเป็นไปได้สูงที่เธอมีแผนที่จะใช้เพื่อหนีไป แต่หานเซิ่นคิดไม่ออกว่าคนทรยศนั้นวางแผนอะไรอยู่
หานเซิ่นพยายามครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ก็เพราะตอนนี้เขาอยากจะได้ไบเบิลเดสทรอยเยอร์มาเป็นของตัวเอง ถ้าเขาหาคนทรยศได้ก่อนคนอื่น เขาก็สามารถชิงมันไปโดยที่คนอื่นไม่สังเกต เขาสามารถโยนมันกลับเข้าไปไว้ในก็อตแซงชัวรี่ได้ ซึ่งแบบนั้นจะไม่มีใครหามันเจอได้ มันจะถูกซ่อนไปตลอดการ ถึงแม้ผู้คนจะคิดว่าเขาเป็นคนร้ายก็ตาม
แต่สำหรับตอนนี้แม้แต่หานเซิ่นก็ไม่รู้ว่าคนทรยศเป็นใครกันแน่ และเขาก็ไม่รู้ว่าคนทรยศนั้นนำไบเบิลเดสทรอยเยอร์ติดตัวมาด้วยจริงๆหรือเปล่า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น