Super God Gene 2163-2166

ตอนที่ 2163

 

ก่อนที่หานเซิ่นจะกลับไปที่แนร์โรว์มูน เขายังมีบางสิ่งที่ต้องทำภายในปราสาทนภา ครึ่งเดือนหลังจากที่กลับออกจากเมทัลเวิลด์ หานเซิ่นก็เสร็จสิ้นธุระทั้งหมดและไปพบกับผู้นำของปราสาทนภา


 


“ไปทิ้งชื่อของเจ้าไว้บนอนุสาวรีย์มหาสมุทร ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหนจงจำเอาไว้ว่าเจ้ามีปราสาทนภาเป็นบ้าน” ผู้นำของปราสาทนภาพูด


 


อนุสาวรีย์มหาสมุทรนั้นกว้างใหญ่มากๆ ดังนั้นมันมีที่ว่างสำหรับสลักชื่อมากมาย


 


ที่นั่นมีชื่อสมาชิกของปราสาทนภาที่มีชื่อเสียงถูกบันทึกเอาไว้มากมาย เมื่อการฝึกฝนภายในปราสาทนภาของพวกเขาสิ้นสุดลง พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ทิ้งชื่อไว้บนอนุสาวรีย์มหาสมุทร แบบนั้นผู้คนก็จะรับรู้ไปตลอดการว่าพวกเขาเป็นสมาชิกของปราสาทนภา


 


อี๋ซาเองก็ได้ทิ้งชื่อของเธอเอาไว้บนอนุสาวรีย์มหาสมุทรเช่นกัน และตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่หานเซิ่นต้องทิ้งชื่อของเขาเอาไว้ นี่ถือเป็นสิ่งสุดท้ายที่ศิษย์ของปราสาทนภาจะต้องทำ


 


เมื่อหานเซิ่นไปที่อนุสาวรีย์มหาสมุทร ชาวนภาหลายคนก็มาดู ผู้คนภายในปราสาทนภามีอารมณ์ที่หลากหลาย เมื่อได้เห็นหานเซิ่นเดินทางไปที่อนุสาวรีย์มหาสมุทรเพื่อทิ้งชื่อของตัวเองเอาไว้


 


ปราสาทนภาเป็นที่อยู่อาศัยของอัจฉริยะมากมาย แต่มีเพียงแค่หานเซิ่นคนเดียวเท่านั้นที่เทียบชั้นได้กับไผ่เดียวดาย ซึ่งมันไม่ใช่ทุกคนที่จะมีพรสวรรค์ระดับนั้น


 


ผู้คนมากมายคิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าเสียดาย เพราะหานเซิ่นเป็นคนที่มีพรสวรรค์ แต่เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว มันเป็นเรื่องยากลำบากที่เขาจะเพิ่มระดับขึ้น ทุกคนสามารถมองเห็นในเรื่องนั้นได้


 


ด้วยความยากลำบากที่จะเพิ่มระดับขึ้น มันจึงยากที่จะบอกได้ว่าในชั่วชีวิตนี้เขาจะไปถึงระดับราชันหรือเปล่า ซึ่งมันจะเป็นอะไรที่น่าเสียดายอย่างมากถ้าเขาไปไม่ถึงขั้นนั้น


 


แต่ทว่ามันมีบางคนที่คิดว่าเรื่องนั้นเป็นอะไรที่เจริญหูเจริญตา พวกเขามีความสุขที่เห็นว่ามันเป็นเรื่องยากลำบากที่หานเซิ่นจะเพิ่มระดับขึ้นไป พวกเขาหวังว่าตัวเองจะกลายเป็นดยุกได้ก่อนหน้าหานเซิ่นถ้าเป็นไปได้


 


อนุสาวรีย์มหาสมุทรเป็นเกาะลอยฟ้าที่อยู่ถามกลางก้อนเมฆของปราสาทนภา ทั้งเกาะคือภูเขาลูกหนึ่งที่สูงกว่าหนึ่งหมื่นเมตร ภูเขาสีดำที่สูงใหญ่เป็นภาพที่น่าเกรงขาม มันห้อยอยู่ในอากาศราวกับดาบที่แทงทะลุท้องฟ้า บนพื้นผิวของภูเขานั้นประดับไปด้วยชื่อของผู้คน รอยดาบหรือแม้แต่ภาพวาด


 


ปราสาทนภาไม่ได้จำกัดว่าให้ทิ้งอะไรเอาไว้บนอนุสาวรีย์มหาสมุทร ก่อนที่พวกเขาจะจากไปนั้น พวกเขาสามารถวาดรูปหรือทิ้งอะไรก็ได้ที่ต้องการ ซึ่งมันจะเป็นสิ่งที่ผู้คนจำจดพวกเขา


 


แต่การจะทิ้งชื่อเอาไว้บนอนุสาวรีย์มหาสมุทรนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย


 


ชื่อของภูเขานั้นมาจากหินมหาสมุทรซึ่งเป็นวัตถุ เหมือนกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ที่ซ่อนสิ่งเล็กน้อยทุกอย่างเอาไว้ภายใต้ความลึกของมัน หินมหาสมุทรสามารถดูดซับคุณสมบัติของธาตุต่างๆเอาไว้ได้ การใช้พลังลงบนหินมหาสมุทรจะไม่มีผลอะไรมาก เนื่องจากหินจะสร้างความต้านทานต่อพลังอะไรก็ตามที่ถูกใช้ใส่ การจะทิ้งชื่อของตัวเองเอาไว้จึงเป็นอะไรที่ปวดหัวสำหรับมาร์ควิสธรรมดาคนหนึ่ง


 


ด้วยเหตุนั้นหลายคนจึงเลือกจะทิ้งรอยดาบเอาไว้แทน เพราะพวกเขาขาดพลังที่จะทิ้งชื่อของตัวเองเอาไว้


 


แน่นอนว่ามันมียอดฝีมือมากมายที่สามารถทิ้งชื่อของพวกเขาเอาไว้บนหินมหาสมุทร บางคนเก่งกาจถึงขนาดสลักกลอนเอาไว้บนก้อนหิน


 


มันมีข้อยกเว้นอยู่ด้วยเช่นกัน ครั้งหนึ่งยอดของภูเขาเคยแหลมคมเหมือนกับเข็ม แต่ยอดแหลม 4 เมตรของมันถูกตัดขาดออกไป ซึ่งคนที่ทำอย่างนั้นก็คืออี๋ซา ในตอนที่เธอต้องจากไปจากที่นี่ มันเป็นหลักฐานว่าครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นศิษย์ของปราสาทนภา


 


ภายหลังหินส่วนนั้นได้ถูกนำกลับไปที่แนร์โรว์มูนโดยอี๋ซา เธอวางยอดของภูเขาเอาไว้บนดาวเบลดอย่างระมัดระวัง เธอเรียกมันว่าภูเขามหาสมุทรน้อยของข้า


 


หานเซิ่นสังเกตอนุสาวรีย์มหาสมุทรตรงหน้าและคิดว่าควรนำของที่ระลึกติดตัวกลับไปด้วยเช่นเดียวกัน


 


“ข้าควรจะเอายอดของมันติดตัวกลับไปดีไหมนะ?” หานเซิ่นครุ่นคิดขณะที่มองไปที่ยอดของภูเขา


 


อี๋ซาได้ตัดส่วนที่แหลมที่สุดของยอดเขาไปแล้ว ตอนนี้ฐานของส่วนที่เธอตัดไปเป็นพื้นที่ราบกว้างประมาท 8 เมตร ซึ่งด้วยความทนทานของหินมหาสมุทร การจะตัดมันอีกครั้งจึงเป็นเรื่องยาก


 


ในตอนที่อี๋ซาไปจากปราสาทนภา เธอจากไปในฐานะดยุก แต่ตอนนี้หานเซิ่นเป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง ด้วยเหตุนั้นถึงแม้หานเซิ่นจะใช้วิชาเบรกซิกซ์สกาย เขาก็ตัดมันออกมาได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น


 


แต่เมื่อมาคิดดูอีกที หานเซิ่นก็คิดว่าแบบนั้นจะทำให้เขาดูแย่ เขามาที่นี่เพื่อมอบสิ่งที่น่าจดจำ ไม่ใช่เพื่อขโมยบางสิ่งราวกับหัวขโมย หานเซิ่นคิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีอารยธรรม ดังนั้นเขาไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้น


 


แต่เขาก็รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ผิด ถ้าจากไปโดยไม่ได้แสดงพรสวรรค์ที่แท้จริง


 


ถึงแม้เขาจะไม่สามารถตัดยอดของภูเขาออกมาได้เหมือนกับอี๋ซา แต่เขาก็คิดว่าอย่างน้อยๆควรจะกลับไปพร้อมกับหินก้อนน้อยๆ หินมหาสมุทรเป็นอะไรที่แพงอย่างมาก และมันก็เป็นหนึ่งในวัตถุที่มีความทนทานมากที่สุด


 


ห้องที่ถูกสร้างจากหินมหาสมุทรจะไม่ถูกเจาะทะลวงง่ายๆ แม้แต่หัวขโมยระดับราชันก็จำเป็นต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อเปิดมันออก หานเซิ่นคิดว่าห้องฝึกและกระสอบทรายที่ทำจากหินมหาสมุทรเป็นอะไรที่สมบูรณ์ที่สุดสำหรับเขา แบบนั้นเมื่อเขาฝึกวิชาจีโนหรือฝึกต่อสู้กับเพื่อน เขาก็ไม่ต้องกลัวจะทำลายฐานทัพของตัวเอง


 


‘น่าเสียดายที่เราเป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง ถ้าเราเป็นราชันคนหนึ่งล่ะก็ เราคงจะตัดครึ่งหนึ่งของภูเขาและเอาติดตัวกลับไปด้วย ปราสาทนภามีทรัพยากรจำนวนมาก แม้แต่ภูเขานี้ก็เป็นเพียงแค่อนุสาวรีย์เท่านั้น ดังนั้นพวกเขาคงจะไม่ว่าอะไร ถ้าเราเอาครึ่งหนึ่งของมันไป แต่มันน่าเสียดายที่เรายังอ่อนแอเกินไปที่จะทำแบบนั้น เราคงจะทำได้แค่ตัดมันออกมาบางส่วนเท่านั้น’ หานเซิ่นคิด


 


‘ช่างเถอะ อย่างน้อยๆมันก็ดีกว่าไม่ได้อะไรกลับไปเลย’


หานเซิ่นคิดต่อไป “และถึงเราจะได้มันกลับไปแค่ชิ้นเดียว แต่อย่างน้อยๆเราก็ควรเอามันกลับไปให้มากที่สุด เพราะยังไงซะนี่ก็เป็นโอกาสเดียวของเรา”


 


เมื่อคิดได้อย่างนั้นม่านตาสีดำของหานเซิ่นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงก่อนที่แยกออกเป็น 4 กลีบในดวงตาของเขา


 


หานเซิ่นมองไปที่ภูเขามหาสมุทรเพื่อหาจุดไหนที่เป็นจุดที่ดีที่สุดที่เขาจะโจมตี


 


ผู้นำของปราสาทนภามองดูหานเซิ่นด้วยความรู้สึกกังวล ในตอนที่อี๋ซากำลังจะจากไปนั้น เธอก็จ้องมองภูเขาอย่างเอาจริงเอาจังเหมือนกับที่หานเซิ่นกำลังทำอยู่ในตอนนี้


 


“โชคดีที่เขาเป็นแค่มาร์ควิสเท่านั้น ถ้าเขาจากไปในฐานะดยุกเหมือนกับอี๋ซาล่ะก็ ข้ากลัวว่าหินมหาสมุทรก้อนใหญ่คงจะหายไปจากภูเขามหาสมุทร แต่นี่คงจะไม่เป็นอะไร” ผู้นำของปราสาทนภาพูดกับตัวเอง 

 

 


ตอนที่ 2164

 

หานเซิ่นมองดูภูเขามหาสมุทรด้วยดวงตาข้างขวา ภายใต้ผลของวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วง ประวัติศาสตร์ของภูเขามหาสมุทรก็ถูกเล่นต่อหน้าดวงตาข้างขวาของเขาราวกับภาพยนตร์


 


วิญญาณอสูรระดับเทพเจ้าเป็นอะไรที่มหัศจรรย์อย่างแท้จริง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจินตนาการว่าพวกมันแต่ละดวงเป็นแบบไหน ถ้าเขาไม่เคยมีโอกาสได้ใช้มาก่อน ในภาพย้อนอดีตที่หานเซิ่นกำลังดูอยู่นั้น เขาเห็นก้อนหินที่สูงหนึ่งหมื่นเมตรก่อกำเนิดขึ้นมาจากก้อนหินที่เล็กกว่า หินนั้นแยกออกเป็นชิ้นที่บางเหมือนกับผิวหนังที่ถูกแกะออกไปทีละชั้นๆ


 


หานเซิ่นไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับภูมิศาสตร์มากนัก แต่เขารู้ว่าโดยปกติแล้วก้อนหินไม่ได้เกิดขึ้นมาแบบนั้น แต่วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงนั้นก็ไม่ได้มอบข้อมูลที่ผิดให้กับเขาเช่นกัน อะไรก็ตามที่ดวงตาเขามองเห็นเป็นความจริง


 


“แปลกแฮะ หินมหาสมุทรไม่ได้เป็นก้อนหินจริงๆหรอเนี่ย? หรือว่าบางทีจริงๆแล้วพวกมันเป็นพืชอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันถูกเช่นกัน พวกมันดูไม่เหมือนกับพืชไหนๆที่เขาเคยเห็นมาก่อน หินมหาสมุทรเป็นหินอย่างเห็นได้ชัด และถ้าพวกมันมีชีวิต อย่างนั้นแล้วพวกมันก็เป็นก้อนหินมีชีวิตบางชนิด


 


จิตใจของหานเซิ่นนึกไปถึงทฤษฎีที่เลฟต์เครซี่เคยบอกกับเขาเมื่อนานมาแล้ว แต่เขาคิดว่าสถานการณ์ที่กำลังเห็นอยู่ในตอนนี้มันต่างออกไป


 


เนื่องจากหินมหาสมุทรใช้เวลายาวนานกว่าจะก่อตัวขึ้นมา ภาพวิดีโอที่เล่นในดวงตาข้างขวาของเขาจึงใช้เวลายาวนานกว่าจะย้อนกลับไปจนถึงต้นกำเนิดของก้อนหิน


 


ในศูนย์กลางของหินมหาสมุทร มันมีแมลงหินขนาดเล็กที่ดูคล้ายคลึงกับตัวไหม แมลงหินนั้นอาศัยอยู่ภายในทะเลลาวาราวกับว่ามันเป็นมหาสมุทรที่สงบนิ่ง ร่างกายของมันกลิ้งไปอย่างช้าๆผ่านลาวาจนกระทั่งมันตัดสินใจออกมา


 


ลาวาบนร่างก่ายของมันค่อยๆแข็งตัวจนกลายเป็นเปลือกหิน หลังจากนั้นเปลือกหินก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ มันค่อยๆกลายเป็นสีดำที่เป็นประกายเหมือนกับหยกดำ


 


เมื่อหินกลายเป็นสีดำโดยสมบูรณ์ แมลงหินก็กระโดดกลับลงไปในลาวา หลังจากนั้นมันก็กลิ้งไปมาอยู่ภายในนั้นอีกครั้ง


 


แมลงหินทำแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะที่เปลือกหินค่อยๆก่อตัวหนาขึ้นเรื่อยๆ ในตอนแรกร่างกายของมันมีขนาดพอๆกับนิ้วมือเท่านั้น แต่หลังจากผ่านไปอย่างยาวนาน มันก็กลายเป็นก้อนหินก้อนใหญ่


 


ในที่สุดเปลือกหินก็หนักเกินกว่าที่แมลงหินจะเคลื่อนไหวได้อีก มันไม่มีพละกำลังพอที่จะขึ้นมาจากลาวา และร่างกายของมันก็จมลึกลงไป


 


ยิ่งเวลาผ่านไป ทะเลลาวาก็สร้างชั้นหินขึ้นมาเรื่อยๆ และหลังจากผ่านไปเป็นล้านๆปี มันก็กลายเป็นหินมหาสมุทรที่มีขนาดใหญ่เท่ากับภูเขา


 


ภาพในอดีตทำให้หานเซิ่นตกตะลึง เขาไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่าสิ่งมีชีวิตน้อยๆแบบนั้นจะกลายเป็นภูเขาลูกหนึ่ง มันทำให้เขาเห็นถึงคุณค่าของปาฏิหาริย์แห่งชีวิตขึ้นมา ชีวิตนั้นเป็นอะไรที่มหัศจรรย์อย่างแท้จริง


 


การค้นพบนี่ทำให้หานเซิ่นอยากรู้อยากเห็นยิ่งกว่าเดิม เขาไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตนั้นคืออะไรกันแน่ แต่เจ้าแมลงหินมีพลังที่จะเปลี่ยนลาวาให้กลายเป็นหินมหาสมุทร


 


‘เจ้าแมลงนั่นยังมีชีวิตอยู่ไหมนะ ถ้ามันมีชีวิตอยู่ แบบนั้นแล้วมันกินอะไรเพื่อความอยู่รอดกัน?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง


 


แต่มันไม่มีทางที่หานเซิ่นจะรู้ถึงเรื่องนั้นได้ เพราะภูเขานั้นหนาเกินไป ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่อยู่ในจุดศูนย์กลางของภูเขา


 


ก้อนของหินมหาสมุทรเป็นอะไรที่ดูไร้ที่ติ มันไม่มีรอยแตกเหมือนกับก้อนหินธรรมดาทั่วๆไป และถึงแม้ภายนอกจะมีรอยแตกร้าว แต่เจ้าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในก็ไม่สนใจ นอกซะจากคนที่ทำการจู่โจมจะแข็งแกร่งกว่าหินมหาสมุทร ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีทางถูกตัดเปิดออกได้


 


โชคดีที่การวิเคราะห์ของวิญญาณอสูรเนตรม่วงนั้นมอบข้อมูลที่มีประโยชน์มากมายให้กับหานเซิ่น


 


ในตอนที่หานเซิ่นกำลังมองดูต้นกำเนิดของหินมหาสมุทร เขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจ


 


ถึงแม้ก้อนหินที่แมลงหินตัวน้อยสร้างขึ้นมาจะดูไร้ที่ติ แต่หานเซิ่นสังเกตเห็นรูขนาดเล็กบริเวณที่ควรจะเป็นตำแหน่งหน้าผากของแมลงหิน รูนั้นมีขนาดเล็กจนหานเซิ่นแทบจะสังเกตไม่เห็น


 


‘เจ้าแมลงหินจำเป็นต้องหายใจด้วยอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นคิด


 


เขาไม่เข้าใจว่ารูนั้นคืออะไรกันแน่ แต่ไม่ว่ามันจะมีชั้นหินเพิ่มขึ้นมาสักกี่ชั้น มันก็ยังคงมีรูน้อยๆที่ทะลุผ่านพวกมันทุกชั้น


 


แต่ตลอดช่วงเวลายาวนานที่ผ่านมา มันไม่มีใครคนอื่นสังเกตเห็นถึงรูนั้นมาก่อน


 


ถ้าหานเซิ่นไม่ได้ใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วง แม้แต่ศาสตร์ตงเสวียนของเขาก็คงจะมองข้ามรูนั่นไปเช่นกัน


 


แต่ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นพบมัน เขาก็อยากจะรู้เกี่ยวกับมันมากขึ้น เมื่อคิดได้อย่างนั้น หานเซิ่นก็เริ่มเดินเข้าไปหาภูเขามหาสมุทร


 


“ในที่สุดเขาก็เคลื่อนไหว เขาจะทิ้งอะไรเอาให้บนอนุสรณ์มหาสมุทรกัน เขาจะทิ้งชื่อของตัวเองเอาไว้หรือเปล่านะ?”


 


“ข้าไม่คิดว่าเขาจะแค่ทิ้งชื่อของตัวเองเอาไว้ สำหรับคนอย่างเขาแล้ว การแค่ทิ้งชื่อเอาไว้ถือเป็นอะไรที่ธรรมดาเกินไป บางทีเขาอาจจะทิ้งคำกลอนหรือวาดภาพเอาไว้ แบบนั้นมันจะเหมาะสมกับเขามากกว่า”


 


“นั่นมันก็จริง แต่ข้าไม่คิดว่ากลอนหรือภาพวาดเป็นอะไรที่เหมาะสม? เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าหานเซิ่นใช้อาวุธอะไร? ข้าคิดว่าเขาควรจะทิ้งรอยมีดเอาไว้ ลองคิดดูดีๆ ถ้าอาจารย์หานทิ้งรอยมีดไว้ด้วยวิชามีดที่ยอดเยี่ยม พวกเราก็จะเรียนรู้จากมันได้ และศิษย์ของปราสาทนภาก็อาจจะเก่งกาจในวิชามีดยิ่งขึ้นไป แบบนั้นไม่ใช่เรื่องดีอย่างนั้นหรอ?”


 


“เจ้าพูดถูก แต่ถ้าอย่างนั้น การทิ้งจิตแห่งมีดเอาไว้เบื้องหลังก็อาจจะเป็นอะไรที่ดียิ่งกว่า”


 


กระเรียนพันขน พี่น้องยวิ๋นและบุดด้าเฟิร์สเดย์กำลังมองดูหานเซิ่นเดินเข้าไปหาภูเขามหาสมุทรอยู่เช่นกัน


 


“หานเซิ่นจะทิ้งอะไรเอาไว้เบื้องหลังกันแน่?” ยวิ๋นซู่อีถาม


 


เธอรู้ว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธอกับหานเซิ่น แต่การเห็นหานเซิ่นจากไปก็ยังคงทำให้เธอรู้สึกเสียใจอยู่ดี


 


“หานเซิ่นไม่เคยแสวงหาชื่อเสียง เขาคงจะแค่ทิ้งชื่อหรือรอยมีดเอาไว้เท่านั้น” กระเรียนพันขนพูด


 


“นั่นก็เป็นไปได้” ยวิ๋นซู่ซางพูดพร้อมกับพยักหน้า


 


ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ หานเซิ่นก็ให้เป๋าเอ๋อเรียกคลาวด์บีสต์สีแดงออกมาและมุ่งหน้าขึ้นสู่จุดสูงสูดของภูเขา


 


การเคลื่อนไหวนั้นทำให้พวกผู้อาวุโสของปราสาทนภารู้สึกกังวลขึ้นมา เพราะในตอนที่อี๋ซากำลังจะจากไปนั้น เธอก็ทำแบบเดียวกันนี้ 

 

 


ตอนที่ 2165

 

“นี่เขาคงจะไม่เลียนแบบราชินีแห่งมีดและตัวเอาส่วนยอดของภูเขาไปหรอกใช่ไหม?” ผู้หญิงหน้ากากสีดำถามขึ้นมา เธอยืนอยู่ข้างๆผู้นำของปราสาทนภาขณะที่หัวของเธอเอียงไปด้านข้างเล็กน้อย


 


“ข้ากลัวว่าพวกเขาทั้งคู่จะทำแบบเดียวกัน” ผู้นำของปราสาทนภาสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา เมื่อคิดเกี่ยวกับสิ่งที่หานเซิ่นอาจจะทำ


 


ผู้หญิงสวมหน้ากากหัวเราะและพูด “หานเซิ่นแข็งแกร่งก็จริง แต่เขาเพิ่งจะกลายเป็นมาร์ควิสได้ไม่นาน ราชินีแห่งมีดเป็นดยุกในตอนที่นางจากไป ดังนั้นเขาถือว่าอ่อนแอกว่ามาก แม้แต่ราชินีแห่งมีดก็ยังตัดได้แค่ส่วนเล็กของยอดภูเขา และตอนนี้เมื่อยอดของภูเขาหนา 7-8 เมตร ถึงหานเซิ่นจะใช้พลังทั้งหมดของเขา อย่างมากเขาก็ทำได้แค่ตัดหินก้อนน้อยๆออกไปเท่านั้น เจ้ากังวลมากเกินไปแล้ว”


 


“เจ้าพูดถูก ปราสาทนภามีทรัพยากรเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ข้าจะให้เขาเอาพวกมันไปได้ มันจะมากสักแค่ไหนกัน? นี่เหมือนกับมดแกว่งอุ้งเท้าใส่ต้นไม้” ผู้นำของปราสาทนภาพูดเพื่อแสดงความมั่นใจ


 


ผู้นำของปราสาทนภาไม่สามารถหยุดหานเซิ่นจากการทำแบบนั้นได้ เพราะนี้มันเป็นธรรมเนียมดั้งเดิมของศิษย์ทุกคนที่จะไปจากปราสาทนภา และหานเซิ่นก็ไม่ใช่คนเดียวที่พยายามจะทำอะไรแบบนั้น


 


และยังไงซะทางปราสาทนภาก็ไม่ได้ขาดแคลนหินมหาสมุทร เพราะถ้าพวกเขาขาดแคลนพวกมันล่ะก็ พวกเขาก็คงจะไม่ใช้พวกมันเป็นแค่อนุสาวรีย์มหาสมุทร


 


ซึ่งแม้แต่ศิษย์ที่เก่งกาจของปราสาทนภาก็ยังได้รับเพียงแค่หินชิ้นน้อยๆที่หลุดออกมาจากการสลักลงบนกำแพง มันมีเพียงแค่อี๋ซาคนเดียวที่สามารถตัดยอดภูเขาจนขาดออกมาได้ มันไม่เคยมีใครทำได้แบบเธอมาก่อน


 


ตอนนี้ทุกคนจับต้องไปที่หานเซิ่นที่ยังคงยืนนิ่งอยู่บนก้อนเมฆสีแดงของเขา เขามองลงมาที่ยอดของภูเขา แต่เขายังคงไม่กล้าลงไปหามัน


 


หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนและหินมหาสมุทรก็กลายเป็นลำดับโครงสร้างในสายตาของเขา เขาพบรูเล็กๆนั่น


 


“มันอยู่ที่นี่” หานเซิ่นกระโดดออกจากคลาวด์บีสต์สีแดงและลงมายืนอยู่บนยอดเขา จากนั้นเขาก็นำมีดเขี้ยวผีสิงออกมา


 


หานเซิ่นยิ้มออกมา “ในเมื่อการเอาหินมหาสมุทรชิ้นเล็กๆกลับไปเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ งั้นมาดูซิว่าแมลงที่อยู่ภายในจะยังมีชีวิตอยู่ไหม”


 


หานเซิ่นสนใจจะเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่สร้างหินมหาสมุทรขึ้นมามากกว่า ด้วยเหตุนั้นเขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะตัดเอาหินมหาสมุทรกลับไป เขาชักมีดเขี้ยวผีสิงออกมาและรวมพลังไปที่ปลายของมัน


 


เป่าเอ๋อยังคงนั่งอยู่บนไหล่ของหานเซิ่น เธอสังเกตมีดของเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังจากนั้นเธอก็หันไปมองที่หินมหาสมุทร เธอดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง


 


แต่คนอื่นๆไม่เข้าใจถึงเจตนาของหานเซิ่นในตอนที่เขาชักมีดออกมาแบบนั้น


 


“นี่อาจารย์หานกำลังจะสลักตัวอักษรเอาไว้บนยอดของภูเขาอย่างนั้นหรอ? ยอดภูเขาดูเหมือนจะเป็นจุดที่ดีก็จริง แต่แบบนั้นมันจะมองจากด้านล่างไม่เห็น”


 


“มันไม่มีทางเป็นเพียงแค่การเขียนชื่อเอาไว้ โดยปกติแล้วผู้คนที่จะเขียนชื่อเอาไว้บนกำแพง พวกเขาจะไม่เขียนเอาไว้บนที่ราบ เพราะถ้าเขาเขียนชื่อของตัวเองเอาไว้บนนั้น ผู้คนที่ขึ้นไปบนยอดเขาก็จะเหยียบชื่อของเขา หานเซิ่นเป็นคนฉลาด ข้ามั่นใจว่าเขาคงจะไม่ทำอะไรโง่เขลาแบบนั้น”


 


“ถ้าเขาไม่คิดจะเขียนอะไร แล้วเขาขึ้นไปบนนั้นด้วยจุดประสงค์อะไรกัน?”


 


ทุกคนรู้สึกสับสนและไม่สามารถคาดเดาถึงสิ่งที่หานเซิ่นคิดจะทำได้ แม้แต่ผู้หญิงสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ข้างๆผู้นำปราสาทนภาก็ยังขมวดคิ้ว


“นี่เขากำลังจะทำอะไร? ถ้าเขาต้องการจะตัดหินมหาสมุทร นั่นไม่ใช่ตำแหน่งที่ดี”


 


ผู้นำของปราสาทขมวดคิ้วขณะที่มองหานเซิ่น บางสิ่งดูผิดปกติ หานเซิ่นเป็นเพียงแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง ดังนั้นมันไม่มีทางที่เขาจะตัดหินมหาสมุทรออกมาจากมุมนั้นได้


 


ยวิ๋นซู่อีและคนอื่นๆมองหานเซิ่นด้วยความสบสัน พวกเขาไม่รู้ว่าหานเซิ่นจะทำอะไรเช่นกัน


 


หานเซิ่นกำมีดเขี้ยวผีสิงในมือแน่นขึ้นเรื่อยๆขณะที่เขารวมพลังไปที่ปลายของมีด


 


หานเซิ่นเรียนรู้การรวมพลังไปที่จุดเดียวมาจากเผ่าดราก้อน และเขาก็ฝึกฝนจนสามารถทำให้มีดเส้นไหมมีขนาดเล็กมากๆ เขามีแผนที่จะปล่อยมันเข้าไปในรูขนาดเล็กนั่น และถ้าเจ้าแมลงหินยังมีชีวิตอยู่ มันก็ต้องมีปฏิกิริยาอะไรบางอย่างเมื่อสัมผัสกับมีดเส้นไหม


 


แน่นอนว่าหานเซิ่นไม่ได้มีแผนจะฆ่ามัน เขาแค่พยายามจะสัมผัสถึงตำแหน่งของแมลงหินเท่านั้น ถ้ามีดเส้นไหมของเขาไปถูกตัวแมลงหิน  มันก็ต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน แถมหานเซิ่นก็มั่นใจในการควบคุมมีดเส้นไหมของตัวเอง


 


แต่ภูเขามหาสมุทรมีความสูงถึงหนึ่งหมื่นเมตร ถึงแม้แมลงหินจะอยู่ที่ใจกลางของมัน มันก็ยังคงอยู่ห่างออกไปเป็นพันๆเมตร มันไม่ใช่ว่ามาร์ควิสจะสามารถส่งมีดเส้นไหมออกไปได้ไกลถึงขนาดนั้น


 


แต่หานเซิ่นเชี่ยวชาญทั้งวิชาจันทราและคลื่นหยินหยาง ไม่อย่างนั้นการส่งมันไปในระยะที่ไกลขนาดนั้นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้


 


แต่ถึงจะพูดแบบนั้นเขาก็ไม่มั่นใจมากนัก ด้วยเหตุนั้นเขาจึงต้องใช้สมาธิทั้งหมดไปกับเรื่องนี้


 


ทุกคนจับจ้องไปที่หานเซิ่น ขณะที่มือทั้ง 2 ข้างของเขากำมีดเขี้ยวผีสิงเอาไว้แน่น มีดของเขาชี้ลงไปด้านล่างและแสงสีม่วงดำก็เรืองขึ้นมาทั่วทั้งใบมีด มันเหมือนกับว่ากำลังมีปีศาจคำรามออกมาจากมีดเล่มนั้น


 


หานเซิ่นส่งพลังทั้งหมดไปที่มือ ขณะปลายของมีดแทงลงไปในรูขนาดเล็กนั่น


 


พลังของเขาพุ่งลงไปภายในรูขนาดเล็กนั้น ขณะที่มีดเขี้ยวผีสิงถูกแทงจมลงไปในหินจนเหลือแค่ด้ามจับที่โผล่ขึ้นมา


 


หานเซิ่นคุกเข่าลงกับพื้นขณะที่มือทั้ง 2 ข้างยังคงจับที่ด้ามของมีด เขาอยู่ในท่านั้นต่อไปโดยไม่ดึงมีดกลับขึ้นมา


 


ทุกคนตกใจไปที่เห็นแบบนั้น มีดของหานเซิ่นแทงลึกเข้าไปในหินมหาสมุทรจนถึงด้าม โดยปกติแล้วมาร์ควิสคนหนึ่งไม่มีโอกาสจะใช้มีดแทงทะลุเข้าไปในหินนั้นได้ แม้แต่จะแทงลึกเข้าไปเพียงไม่กี่นิ้วก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว


 


ถึงนั่นจะดูเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดา แต่เมื่อเทียบกับชื่อเสียงของหานเซิ่นแล้ว มันก็ยังน้อยกว่าที่ผู้ชมคาดหวังในตัวเขา คนอื่นในปราสาทนภาคิดว่าหานเซิ่นจะทำอะไรที่น่าประทับใจมากกว่านั้น พวกเขาคาดคิดว่าหานเซิ่นจะวาดหรือเขียนอะไรบางอย่าง แต่หานเซิ่นไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร


 


ผู้ชมไม่รู้ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จริงๆแล้วการแทงของหานเซิ่นก็เพื่อส่งมีดเส้นไหมลงไปในรู ตอนนี้พวกมันกำลังเดินทางลึกลงไปภายในภูเขา


 


ขณะที่มีดเส้นไหมพุ่งลงไปภายในรู หานเซิ่นก็รู้ว่าไม่สามารถเสี่ยงปล่อยให้พวกมันสัมผัสกับหินมหาสมุทรได้ ไม่อย่างนั้นมีดเส้นไหมของเขาก็จะถูกหยุดในทันที


 


การบังคับให้มีดเส้นไหมพุ่งลึกลงไปในช่องทางแคบเป็นพันๆเมตรนั้นเป็นบางสิ่งที่น้อยคนจะทำได้


 


นอกจากนั้นรูก็เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ด้วยเหตุนั้นรูจึงไม่ตรงเป๊ะเหมือนกับถูกเจาะด้วยเลเซอร์ และถ้ามีดเส้นไหมของเขาสัมผัสกับผิวขรุขระของรู มันก็จะจบเกมส์ทันที ถ้าไม่มีความสามารถในการสัมผัสสิ่งต่างๆและควบคุมมีดเส้นไหมได้อย่างแม่นยำ เขาก็ไม่มีทางจะส่งพวกมันไปในตำแหน่งที่ต้องการได้ 

 

 


ตอนที่ 2166

 

หานเซิ่นยังคงจับด้ามมีดเอาไว้แน่นขณะที่คุกเข่าลงกับพื้น ตอนนี้เขาใช้สมาธิทั้งหมดไปกับการควบคุมมีดเส้นไหม


 


ถ้าเขาไม่เพ่งความสนใจไปที่มีดเส้นไหม พวกมันก็จะไปชนเข้ากับหินมหาสมุทรซะก่อน


 


แต่การอยู่นิ่งๆของหานเซิ่น ทำให้คนอื่นๆรู้สึกสับสน ในที่สุดผู้นำปราสาทนภาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง และดวงตาของเขาก็เบิกว้างเล็กน้อย


“เจ้าหนูนั่นกำลังจะทำอะไร?”


 


ศิษย์ของปราสาทนภาเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน พวกเขาเริ่มพูดคุยกันถึงท่าทางของหานเซิ่น


 


“มันคงจะไม่จบเพียงแค่นี้หรอกใช่ไหม เขาจะทิ้งเอาไว้แค่รอยเดียวอย่างนั้นหรอ?”


 


“ข้าคิดว่านี่เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น แต่ถ้าเขาทิ้งเอาไว้แค่รอยเดียวเท่านั้น แบบนั้นมันจะไปมีความหมายลึกซึ้งอะไรได้? ทำไมเขาถึงไม่เลือกวาดอะไรบางอย่างแทน?”


 


ศิษย์ของปราสาทนภารู้สึกผิดหวัง อนุสาวรีย์มหาสมุทรคือโอกาสที่ศิษย์แต่ละคนจะได้แสดงพลังของพวกเขาก่อนจะจากไป ด้วยเหตุนั้นผู้ชมที่ดูอยู่จึงคาดหวังว่าพวกเขาจะได้เห็นบางสิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่ดูเหมือนว่ามันจะสิ้นสุดลงเพียงแค่การแทงลงพื้นครั้งเดียว


 


ขณะที่ศิษย์ของปราสาทนภากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น มีเสียงแตกร้าวดังออกมาจากภูเขา ทุกคนเงียบไปทันที พวกเขาจับจ้องไปทางภูเขามหาสมุทรและเห็นหานเซิ่นยังอยู่ในท่วงท่าเดิม เขานั่งคุกเข่าและจับที่ด้ามมีด ดูเหมือนว่าเขายังไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียว


 


ภูเขามหาสมุทรก็ดูปกติดีเช่นกัน ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าผิดหวังสำหรับผู้ชม ในตอนแรกพวกเขาเชื่อว่าเสียงดังขึ้นมาเป็นเพราะมีดของหานเซิ่นเริ่มเคลื่อนไหว


 


มีเสียงดังขึ้นมาอีกเสียง และมันก็ฟังดูเหมือนว่าหินกำลังแตกหัก ครั้งนี้ทุกคนได้ยินเสียงนั้น และพวกเขาก็สามารถบอกได้ว่ามันดังมาจากจุดที่หานเซิ่นแทงมีดลงไป ทุกคนจึงมองไปทางนั้น


 


แต่ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่ได้มีสายตาที่เฉียบแหลม แถมหานเซิ่นก็อยู่ไกลออกไป พวกเขาจึงบอกไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น


 


แต่ผู้นำของปราสาทนภา ผู้หญิงสวมหน้ากากและยวิ๋นฉางคงเห็นว่ามันมีรอยร้าวเล็กๆ 2 รอยปรากฏขึ้นในตำแหน่งที่ภูเขาและด้ามมีดเชื่อมต่อกัน


 


รอยร้าวนั้นเกิดขึ้นมาจากจุดที่มีดถูกแทงเข้าไปในหิน มันบางราวกับเส้นผมและยาวไม่ถึงสิบเซนติเมตร ด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่ได้เป็นที่สะดุดตาเท่าไหร่ แต่ตัวตนของมันทำให้ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือก


 


ในเมืองหยก อวี้ซ่านซินที่กำลังป้อนอาหารให้กับเฒ่าหวังสุนัขของเขา จู่ๆก็ลุกขึ้นยืน เขาเดินขึ้นไปบนหอคอยของเมือง และจากจุดสูงสุดของหอคอย เขาก็มองไปทางภูเขามหาสมุทร


 


บนเกาะความฝัน ดรีมบีสต์ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล มันลุกขึ้นมาและหันไปมองทางภูเขามหาสมุทรเช่นเดียวกัน


 


“นี่มันอะไรกัน? ทำไมถึงมีเสียงหินแตกร้าวดังขึ้นมา?”


 


“ข้าคิดว่าหานเซิ่นคงจะทำให้หินบริเวณรอบๆเขาแตกร้าว นั่นเป็นสิ่งที่ข้าคาดหวัง เพราะนี้เป็นหานเซิ่น”


 


ขณะที่ทุกคนเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง เสียงแตกร้าวก็ดังขึ้นมา แถมแต่ละครั้งก็ดังขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้ทุกคนต้องหันไปมองที่ยอดของภูเขาด้วยความสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น


 


เสียงแตกร้าวดังขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ศิษย์ของปราสาทนภาบางคนเริ่มมองเห็นรอยแยกที่กำลังแพร่ขยายออกไป


 


“ไม่แปลกใจเลยเลยนี่คืออาจารย์หาน เขามีพลังเขี้ยวที่แข็งแกร่ง แม้แต่หินมหาสมุทรก็ถูกเขาทำลายได้”


 


“ใช่ นั่นเป็นวิชาที่ทรงพลังจริงๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าหานเซิ่นไม่ได้เพียงแค่แทงลงพื้นธรรมดาๆ เขาคิดจะทิ้งรอยร้าวเอาไว้ทั่วทั้งภูเขา”


 


“มันต้องทิ้งจิตแห่งมีดที่สุดยอดเอาไว้เบื้องหลังอย่างแน่นอน ผู้คนที่ฝึกการใช้มีดนั้นโชคดีมากๆ”


 


เสียงแตกร้าวยังคงดังขึ้นอีก และมันเหมือนกับว่าภูเขากำลังถูกสายฟ้าผ่าซ้ำๆ เสียงนั้นดังจนทำให้หูของคนที่มองดูอยู่รู้สึกปวด แต่พวกเขารู้สึกตกใจกับสิ่งที่กำลังมองเห็นมากกว่า


 


ทุกคนจ้องมองไปที่ยอดของภูเขามหาสมุทรด้วยความตกตะลึง จากจุดที่หานเซิ่นแทงมีดเขี้ยวผีสิงลงไป มีรอยร้าวยาวลงมาสิบเมตรทั้ง 2 ข้าง


 


ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือรอยแยกยังคงแพร่ขยายต่อไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันหานเซิ่นก็เริ่มจะร่วงลงไป


 


หลังสิ้นเสียงที่สุดท้ายที่ดังเหมือนกับปืนใหญ่ ภูเขาลูกใหญ่ยักษ์ก็แตกออกเป็น 2 ส่วน ทุกคนยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้เห็น ตอนนี้หานเซิ่นยังคงลอยอยู่ในอากาศขณะที่จับมีดเขี้ยวผีสิงเอาไว้แน่น ภูเขาใหญ่ยักษ์ถูกตัดขาดครึ่งภายใต้มีดของเขาขณะที่เขาค่อยๆร่วงลงมาอย่างนิ่มนวล


 


ผู้นำของปราสาทนภา ผู้หญิงสวมหน้ากากและผู้อาวุโสทุกคนยืนแข็งทื่อไป ขณะที่พวกเขาจ้องมองภูเขามหาสมุทรที่ถล่มลงมา


 


“นี่หานเซิ่นตัดภูเขามหาสมุทรจนขาดครึ่งอย่างนั้นหรอ?” ผู้ชมคนหนึ่งพูดขึ้นมาและคิดว่าดวงตาของตัวเองกำลังจะหลุดออกมาจากเบ้า


 


“นี่ข้าต้องเผลอหลับไปแน่ๆ นี่มันเป็นแค่ความฝัน”


 


“ข้ากำลังฝันไป ข้าต้องฝันไปแน่ๆ ใครก็ได้ตบข้าที”


ผู้อาวุโสทั้งหมดรีบมุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุ พวกเขาใช้พลังของตัวเองเพื่อหยุดการถล่มของภูเขาเอาไว้


 


ภูเขามหาสมุทรลอยตัวอยู่ในอากาศด้วยความสมดุลของมัน ตอนนี้เมื่อมันถูกตัดครึ่ง มันก็เสียสมดุล ทำให้พวกมันเริ่มจะร่วงลงมา


 


เหล่าผู้อาวุโสใช้พลังของพวกเขาเพื่อพยายามรักษาสมดุลของภูเขาเอาไว้ แต่เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษของหินมหาสมุทร ทำให้พวกเขาไม่สามารถรักษาสมดุลของมันเอาไว้ได้


 


ภูเขายังคงถล่มลงมาพร้อมกับเสียงดัง และเหล่าผู้อาวุโสไม่สามารถทำอะไรเพื่อหยุดมันเอาไว้ได้ พวกเขาหยุดเอาไว้ได้แค่ครึ่งหนึ่งของภูเขาเท่านั้น


 


หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าการกระทำของเขาจะส่งผลกระทบถึงขนาดนี้ เขาสาบานว่าแค่ส่งมีดเส้นไหมลงไปในรูน้อยๆเท่านั้น ซึ่งเมื่อพวกมันสัมผัสกับแมลงหินที่อยู่ภายใน หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าแมลงหินยังคงมีชีวิตอยู่ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงดึงมีดเส้นไหมกลับมา แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น


 


ตูม!


 


ภูเขามหาสมุทรร่วงลงไปบนก้อนเมฆ ซึ่งทำให้เกิดเป็นคลื่นขนาดใหญ่ที่พุ่งออกไปรอบๆราวกับสึนามิ ก้อนเมฆเหล่านั้นซัดเกาะลอยฟ้ารอบๆกระเด็นออกไป ทุกคนหนีกระจัดกระจายออกไปด้วยความกลัว ขณะที่ข้าวของถูกซัดกระเด็นไปทั่ว ทั้งปราสาทนภาตกอยู่ในความโกลาหลอย่างรวดเร็ว


 


โชคดีที่ก้อนเมฆไม่ได้รับความเสียหายอะไร พวกมันแค่ซัดสิ่งของที่มีขนาดเบากระจัดกระจายไปทั่ว แต่พวกมันไม่ได้ทำให้ใครได้รับบาดเจ็บ


 


“นี่มัน…ขี้โกง…” ศิษย์ของปราสาทนภาหลายคนตื่นจากความมึนงงและจ้องมองไปที่หานเซิ่นอย่างตกตะลึง


 


ผู้นำของปราสาทนภาดูโกรธขึ้นมาจริงๆ “เจ้านั่น… โยนเขาออกไปจากปราสาทนภา! ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าของเขาอีกต่อไป…”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)