Super God Gene 2107-2110
ตอนที่ 2107
‘ว้าว! นั่นเป็นเทคนิคที่ทรงพลังอะไรขนาดนี้’ หานเซิ่นขมวดคิ้ว ในตอนแรกเขาคิดว่าด้วยการช่วยเหลือจากผู้นำของปราสาทนภา เขาก็คงจะได้รับพลังแห่งการเกิดใหม่ได้อย่างง่ายดาย แต่สถานการณ์มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิดเอาไว้
ถ้าหานเซิ่นแค่ต้องเผชิญหน้ากับ 1 ใน 2 พี่น้อง วงแหวนที่ผู้นำของปราสาทนภาสอนให้กับเขาก็พอจะมีโอกาสชนะอยู่ แต่ตอนนี้เมื่อพี่น้องทั้ง 2 รวมพลังกันเพื่อต่อสู้กับหานเซิ่น เขาก็ไม่มีหวังจะเอาชนะได้
เมื่อเห็นพลังแห่งการเกิดใหม่มุ่งตรงเข้าไปหาแอนโดล่า หานเซิ่นก็พยายามคิดหาหนทางที่พลิกสถานการณ์ แต่เมื่อวงแหวนที่ผู้นำของปราสาทนภาสอนให้กับเขาไม่มีประสิทธิภาพมากเพียงพอ เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี
การพยายามดึงดูดพลังแห่งการเกิดใหม่ด้วยพลังชีวิตเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ เนื่องจากพลังชีวิตของเขาอ่อนแอกว่าแอนโดล่า นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่มันเป็นการแข่งขันแบบ 2 ต่อ 1
“เราไม่ควรจะกังวลมากเกินไป” หานเซิ่นกัดฟันและเริ่มร่ายวิชากายหยก หลังจากนั้นเขาก็บินเข้าไปหาพลังแห่งการเกิดใหม่
หานเซิ่นอยากจะลองดูว่าพลังระดับมาร์ควิสของกายหยกสามารถแช่แข็งพลังแห่งการเกิดใหม่ได้ไหม
เมื่อแอนโดล่าและแองเจล่าเห็นหานเซิ่นพยายามบินเข้าไปหาไข่ติดปีก พวกเขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร พวกเขาแค่หัวเราะด้วยความดูถูก พลังแห่งการเกิดใหม่ไม่ใช่สิ่งที่จะใช้พละกำลังชิงไปได้ แม้แต่ยอดฝีมือระดับราชันก็ไม่สามารถใช้กำลังเพื่อคว้าพวกมันมาเป็นของตัวเองได้
ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ยิ้มออกมาและหันไปพูดกับยวิ๋นฉางคง
“ผู้อาวุโสยวิ๋น เขาช่างไม่มีความอดทนซะจริงๆ เจ้าไม่ได้บอกเขาหรือว่าพลังแห่งการเกิดใหม่ไม่อาจใช้กำลังช่วงชิงไปได้น่ะ?”
“ฮ่า! มันถือเป็นเรื่องดีที่คนหนุ่มจะบ้าบิ่น พวกเขาควรจะลองทุกสิ่งทุกอย่างที่ในตอนที่พวกเขายังมีเวลา” ยวิ๋นฉางคงพูด
ยวิ๋นฉางคงคิดว่าหานเซิ่นทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถึงแม้เขาอาจจะทำไม่สำเร็จก็ตาม ผู้คนที่เอาแต่นั่งเฉยโดยไม่ลองทำอะไรถือเป็นอะไรที่เลวร้ายที่สุด ไม่ว่าโอกาสสำเร็จจะต่ำสักแค่ไหน ทุกคนก็ควรจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด
ดังนั้นถึงแม้พวกเฟเธอร์จะมองว่าหานเซิ่นเป็นเหมือนกับตัวตลก แต่ยวิ๋นฉางคงเชื่อจากใจจริงว่าหานเซิ่นทำในสิ่งที่ถูกต้อง เขานับถือการกระทำของหานเซิ่น
มันเป็นความจริงที่หานเซิ่นไม่เคยชะรอความเร็วหรือหยุดพยายาม ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นอะไรที่ยากเย็นขนาดไหน เขาก็ไม่มีวันจะยอมแพ้ มันอาจจะดูเป็นเรื่องง่ายที่จะไม่ยอมแพ้ แต่น้อยคนนักที่จะทำแบบเขาได้
เมื่อแสงเทพของกายหยกไปถูกหนึ่งในพลังแห่งการเกิดใหม่ พลังในการแช่แข็งของแสงเทพก็ไม่ได้ส่งผลอะไร พลังพุ่งผ่านไข่ติดปีกไปราวกับว่ามันเป็นเพียงแค่เงา
“ไม่ได้ผลจริงๆด้วย” หานเซิ่นคาดเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ผิดหวังอะไร
แอนโดล่าและแองเจล่าแสดงความดูถูกเหยียดหยามยิ่งกว่าเดิม แอนโดล่ายิ้มเยาะออกมา
“พลังแห่งการเกิดใหม่ไม่ใช่สิ่งที่จะใช้กำลังชิงไปได้ เจ้าต้องรอให้พวกมันเลือกที่จะเข้าไปในร่างกายของเจ้าเอง นี่เจ้าไม่รู้อย่างนั้นหรอ?”
พวกเฟเธอร์หัวเราะออกมา พวกเขามองหานเซิ่นราวกับว่าเขาเป็นตัวตลก
ข่งเฟยได้ดับตะเกียงของเผ่าเฟเธอร์ ดังนั้นพวกเฟเธอร์จึงเกลียดชังเขาอย่างมาก นอกจากนั้นข่งเฟยได้มอบขนนกเทพเจ้าให้กับหานเซิ่นและสเตย์อัพเลท ซึ่งสำหรับเฟเธอร์แล้วนั่นหมายความว่าหานเซิ่นและสเตย์อัพเลทเป็นสุนัขของปราสาทนภา พวกเขาจึงไม่มีทางยอมให้หานเซิ่นได้พลังจากสระแห่งการเกิดใหม่ไปได้เป็นอันขาด
“เจ้าจะใช้กำลังเพื่อคว้ามันไปไม่ได้ ช่างเป็นคนหนุ่มที่โง่เขลาอะไรขนาดนี้” ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ลูบเคราของเขาขณะที่พูดออกมา
“สระแห่งการเกิดใหม่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์เฟเธอร์ แน่นอนว่ามันจะช่วยเหลือพวกเรา” ผู้อาวุโสอีกคนพูด
“พวกเราควรจะเตือนพวกเขาว่าอย่าได้เอาพลังแห่งการเกิดใหม่ไปทั้งหมด พวกเขาจำเป็นต้องเหลือให้หานเซิ่นบ้าง เพราะยังไงเขาก็เป็นแขกคนหนึ่ง” ผู้อาวุโสอีกคนพูดเตือน
ทูตของปราสาทนภาขมวดคิ้ว แต่นี่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงระหว่างเฟเธอร์และปราสาทนภา มันไม่ใช่ว่าเฟเธอร์เป็นทาสของพวกเขา
เฟเธอร์มีตัวเลือกมากกว่าแค่ปราสาทนภา แต่ปราสาทนภาได้มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่ทางเฟเธอร์เลือกจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทนภา แต่ถึงทางเฟเธอร์จะอยู่ภายใต้การปกครองของปราสาทนภา พวกเขาก็ยังคงควบคุมเรื่องภายในด้วยตัวเอง
ถ้าปราสาทนภาควบคุมเฟเธอร์โดยสมบูรณ์ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องส่งทูตมาที่โฮลี่เฮฟเว่นเพื่อประชุมถึงเรื่องในอนาคต
ทูตของปราสาทนภาไม่พอใจกับการกระทำของทางเฟเธอร์ แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้มาก เพราะมันจะดูไม่ดีกับปราสาทนภา
ยวิ๋นฉางคงไม่เคลื่อนไหว เขาเพียงแค่มองไปที่หานเซิ่น ตอนนี้หานเซิ่นจำเป็นต้องพึ่งตัวเอง มันไม่มีใครสามารถเข้าไปช่วยเหลือเขาได้
การที่ผู้นำของปราสาทนภาสอนวงแหวนให้กับหานเซิ่นถือเป็นความคิดที่ดี ถึงจะต้องเผชิญหน้ากับดยุก 2 คน หานเซิ่นก็สามารถชิงพลังแห่งการเกิดใหม่ส่วนใหญ่มาเป็นของตัวเองได้ แต่แอนโดล่าและแองเจล่ามีแสงเทวดาแห่งการพิพากษา และพวกเขายังสามารถถ่ายทอดพลังไปสู่กันและกันได้ นั่นเป็นสิ่งที่ดยุกทั่วๆไปไม่สามารถทำได้
เมื่อพลังชีวิตของพวกเขาทั้งคู่รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้แต่ราชันก็ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ นั่นเป็นเพราะครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเป็นราชันเช่นกัน
หานเซิ่นไม่คิดว่าแสงเทพของกายหยกจะได้ผลอยู่แล้ว เขาแค่ใช้มันเพื่อดึงดูดความสนใจเท่านั้น ขณะที่คนอื่นๆกำลังสนใจกับความพยายามที่ไร้ประโยชน์ของเขา หานเซิ่นก็เข้าไปใกล้รูปปั้นและเปิดใช้งานใบเสมาราชาแมลงปีศาจ
หานเซิ่นไม่สามารถออมมือได้อีกต่อไป เมื่อเห็นว่าพลังชีวิตของอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่ามาก ซึ่งมันไม่ก็แปลกอะไรถ้าเขาจะล้มเหลว แต่ถ้าเขาทำสำเร็จ หานเซิ่นก็ไม่คิดจะปล่อยให้อีกฝ่ายได้พลังแห่งการเกิดใหม่ไปแม้แต่นิดเดียว เขาจะเอาทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง
แสงสีฟ้าปรากฏขึ้นรอบตัวหานเซิ่นและกักขังพลังแห่งการเกิดใหม่ทั้งหมดเอาไว้ภายใน
“โง่เง่า! พลังแห่งการเกิดใหม่ไม่ใช่สิ่งจะหยุดเอาไว้ได้ด้วยกำลัง เจ้าจะใช้กำลังเพื่อกังขังมันไม่ได้!” แอนโดล่าหัวเราะ
ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ยิ้มและพูด “มันเป็นเรื่องดีที่คนหนุ่มจะพยายามจนถึงที่สุด แต่การทำแบบนี้มันทั้งบ้าบิ่นและโง่เขลา”
ตอนที่ 2108
ปัง! ปัง! ปัง!
ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่และคนอื่นๆไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น พลังแห่งการเกิดใหม่ที่กำลังบินเข้าไปหาแองเจล่าและแอนโดล่าชนเข้ากับม่านพลังสีฟ้าของหานเซิ่น พวกมันไม่สามารถเจาะทะลุกำแพงแสงนั้นไปได้ และพวกมันก็เด้งกลับมาราวกับลูกบอล
“เป็นไปไม่ได้! พลังแห่งการเกิดใหม่ถูกหยุดอย่างนั้นได้ยังไงกัน?”
แอนโดล่าอุทานด้วยความตกใจ ขณะที่แองเจล่าอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
ผู้อาวุโสแฟรี่เฟเธอร์และคนอื่นๆอ้าปากค้าง พวกเขาไม่มีอะไรจะพูดกับสิ่งเห็น มันเป็นอะไรที่น่าตกใจอย่างแท้จริง
พวกเขาไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น เพราะแม้แต่ยอดฝีมือระดับราชันก็ไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้
แต่ตอนนี้พลังแห่งการเกิดใหม่กำลังถูกหยุดเอาไว้ด้วยโล่สีฟ้าของหานเซิ่น และเนื่องจากโล่สีฟ้ามีพลังในการตัดขาดสิ่งที่อยู่โลกภายนอก นั่นทำให้ไข่ติดปีกไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของ 2 พี่น้องได้อีกต่อไป และด้วยการที่ไม่มีตัวเลือกอื่นอีก พวกมันทั้งหมดจึงเลือกบินเข้าไปหาหานเซิ่นแทน
เมื่อเห็นอย่างนั้นยวิ๋นฉางคงก็ยิ้มออกมา เขาประหลาดใจอย่างมากกับสิ่งที่เห็น แต่เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องที่หานเซิ่นมีสมบัติล่ำค่าอย่างหนึ่งอยู่ จากรายงานถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนดาวไนท์โกสต์ เขาได้ยินว่าหานเซิ่นใช้มันป้องกันการโจมตีจากไนท์โกสต์นับหมื่น
ยวิ๋นฉางคงไม่เคยเห็นมันด้วยตาตัวเองมาก่อน เขาจึงไม่รู้ว่ามันมีประสิทธิภาพถึงขนาดนี้ และยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่รู้ว่ามันสามารถใช้เพื่อหยุดพลังแห่งการเกิดใหม่เอาไว้ได้
ทูตของปราสาทนภารู้สึกดีใจขึ้นมา หานเซิ่นเป็นตัวแทนของปราสาทนภาเช่นกัน ดังนั้นมันทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจที่เห็นหานเซิ่นถูกทางเฟเธอร์เย้ยหยันแบบนั้น
“หานเซิ่นไม่เลวเลย แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่เขาเป็นตัวแทนของปราสาทนภามาที่นี่”
“ข้าคิดว่าพลังแห่งการเกิดใหม่จะทรงพลังซะอีก แต่ตอนนี้พวกมันถูกหยุดเอาไว้ง่ายๆเนี่ยนะ?”
“ดูเหมือนว่าตำนานเกี่ยวกับพวกมันจะไม่ถูกต้อง และพวกมันก็เป็นแค่เรื่องที่ทางเฟเธอร์โอ้อวดเกินความจริง”
สีหน้าของผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่เปลี่ยนเป็นสีเขียวที่ดูน่าขยะแขยง เขาพูดอะไรไม่ออก เขาไม่รู้ว่าพลังอะไรกันแน่ที่ทำให้โล่ของหานเซิ่นสามารถทำแบบนั้นได้ มันทำให้เขาตกใจอย่างที่สุด
แต่ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใจอะไรได้ พลังแห่งการเกิดใหม่ก็มาอยู่ตรงหน้าหานเซิ่นแล้ว พลังแห่งการเกิดใหม่บินมาชนกับชุดเกราะจีโนของหานเซิ่นและละลายเข้าไปข้างใน หลังจากนั้นมันก็เริ่มส่องแสงที่ดูศักดิ์สิทธิ์ออกมา
พลังแห่งการเกิดใหม่มากมายพุ่งชนกับชุดเกราะมนตราราวกับหิมะ และทำให้ชุดเกราะเรืองแสงขึ้นมา
เมื่อพลังแห่งการเกิดใหม่เข้าไปในชุดเกราะมนตราทั้งหมดแล้ว หานเซิ่นก็รู้สึกราวกับว่าได้รับอะดรีนาลีนเข้ามา ร่างกายของเขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา มันให้ความรู้สึกราวกับว่าเขากำลังเกิดใหม่
หานเซิ่นใช้เรื่องราวของยีนเพื่อดูดซับพลังเหล่านั้นและวิวัฒนาการชุดเกราะมนตรา
ในบรรดาวิชาที่เขาฝึก เรื่องราวของยีนเป็นวิชาที่ฝึกยากที่สุด ในตอนนี้เมื่อเขาสามารถรวบรวมพลังที่จำเป็นมาได้แล้ว เขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป
ภายนอกโล่ป้องกัน แองเจล่าและแอนโดล่าปลดปล่อยพลังของพวกเขาออกมาอย่างเต็มที่ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามสักแค่ไหน ทุกอย่างที่พวกเขาทำก็ไร้ความหมาย
“หานเซิ่น! เจ้ามันขี้โกง! เก็บโล่ของเจ้าไปเดี๋ยวนี้!” ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ตะโกน
ยวิ๋นฉางคงหัวเราะและพูดขึ้นมา “เฟเธอร์แฟรี่ พลังแห่งการเกิดใหม่จะบินไปสู่คนที่พวกมันเลือก นี่ไม่ใช่การโกงแต่อย่างใด ถ้าหานเซิ่นขี้โกงในสายตาของเจ้า อย่างนั้นแล้วทำไมเจ้าถึงให้คนที่ถูกลดระดับลงมาจากระดับราชันเข้าไปแย่งชิงพลังกับหานเซิ่นล่ะ?”
สีหน้าของผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่เปลี่ยนสีแดง เขารู้สึกตัวว่ายวิ๋นฉางคงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของ 2 พี่น้อง
“พลังแห่งการเกิดใหม่ควรจะถูกจับจ่ายโดยสระแห่งการเกิดใหม่เอง เจ้าคิดยังไง?” ยวิ๋นฉางคงมองไปที่เฟเธอร์แฟรี่และยิ้มออกมา
“เอิ่ม… เจ้าพูดถูกแล้ว พวกเราไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่คนที่อยู่ในสระแห่งการเกิดใหม่ต้องจัดการดัวยตัวเอง พวกเราอยู่ที่นี่ในฐานะผู้ชมเท่านั้น” ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ไอกลบเกลื่อนและพูดออกมาด้วยเสียงสูง
แต่เมื่อแองเจล่าและแอนโดล่าได้ยินที่เขาพูด พวกเขาก็เข้าใจว่าจริงๆแล้วผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่หมายความว่ายังไง แอนโดล่าเริ่มชกใส่โล่สีฟ้าของหานเซิ่น
เมื่อแองโดล่าชกออกไป เงาเทวดาสีทองก็เคลื่อนไหวไปพร้อมกับเขา
โล่ป้องกันของหานเซิ่นดูเหมือนกับแก้วบางๆ แต่เมื่อหมัดของเทวดาสีทองชกถูกโล่ป้องกัน หมัดก็เด้งกลับไป ขณะที่โล่ป้องกันของหานเซิ่นยังไม่มีร่องรอยความเสียหายใดๆ
สีหน้าของแอนโดล่าเปลี่ยนเป็นบางสิ่งที่ดูน่าเกลียดน่ากลัว เขารวบรวมพลังและชกใส่โล่ป้องกันอย่างต่อเนื่องด้วยเทวดาสีทอง
แสงสีทองแตกสลาย แต่โล่สีฟ้ายังคงไม่บุบสลาย ขณะเดียวกันหานเซิ่นที่อยู่ภายในก็กำลังดูดซับพลังแห่งการเกิดใหม่เข้าไปอย่างใจเย็น ชุดเกราะมนตราของเขาเริ่มสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ
พลังของแอนโดล่าไม่สามารถทำลายโล่ป้องกันของหานเซิ่นได้ และนี่ทำให้เหล่าเฟเธอร์ตกตะลึง
แอนโดล่ากันฟันของเขา หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นสะเทือนด้วยพลังมหาศาล ปีกของเขากางออก ขณะที่ลูกบอลแห่งแสงเริ่มจะก่อตัวขึ้นในระหว่างมือของเขา
แสงสีทองในมือของเขาดูเหมือนกับวังวน มันสว่างขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งดูเหมือนกับลูกบอลสายฟ้า
วิชาแสงเทวดาแห่งการพิพากษาเป็นวิชาต้องห้ามเพราะว่าการฝึกฝนมันเป็นอะไรที่อันตราย มันทรงพลังถึงขนาดที่มีโอกาสจะทำความเสียหายต่อผู้ใช้ มันเป็นวิชาโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเฟเธอร์ ซึ่งแม้แต่พวกเขาเองก็ไม่กล้าจะใช้มัน
แอนโดล่าและแองเจล่ามีพรสวรรค์ในระดับราชัน และถึงแม้ตอนนี้พวกเขาจะเป็นแค่ดยุก แต่แสงเทวดาแห่งการพิพากษาที่พวกเขากำลังใช้ก็ยังคงรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ
ตูม!
เมื่อแสงสีทองในมือของแอนโดล่ารวบรวมพลังจนถึงขีดสุด แอนโดล่าและเงาเทวดาสีทองก็ดันพลังออกไปข้างหน้า แสงสีทองดูเหมือนกับว่าสามารถทำลายทั้งกาแล็กซี่ไปพร้อมๆกับโล่ป้องกันของหานเซิ่น
ปัง!
แสงสีทองแตกกระจายราวกับแก้ว ขณะที่โล่สีฟ้าของหานเซิ่นยังไม่เป็นอะไรเลย แสงเทวดาแห่งการพิพากษาที่น่ากลัวไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าลูกธนูแก้วที่บอบบางเมื่ออยู่ต่อหน้าโล่ป้องกันของหานเซิ่น
ผู้อาวุโสของเฟเธอร์และคนอื่นๆตกตะลึง
แองเจล่าคำรามออกมาและมอบพลังแสงเทวดาแห่งการพิพากษาให้กับแอนโดล่า หน้าตาของแอนโดล่าดูน่ากลัวขณะที่เขาเริ่มรวบรวมพลังของแสงเทวดาแห่งการพิพากษาลูกที่ 2 ครั้งนี้พวกเขารวมพลังกัน
ตูม!
แต่เมื่อแสงสีทองปะทะกับโล่ป้องกันสีฟ้า มันก็แตกสลายอีกครั้ง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับโล่สีฟ้าของหานเซิ่น มันเป็นอะไรที่น่าตกใจ
ทุกคนจ้องมองไปที่โล่ป้องกันของหานเซิ่นด้วยความตกตะลึง
วิชาลับที่ทรงพลังที่สุดของเฟเธอร์ไม่สามารถทำอะไรได้โล่ป้องกันของหานเซิ่นได้เลย ถึงแม้จะถูกใช้โดย 2 พี่น้องแองเจล่าและแองโดล่าก็ตาม
ตอนที่ 2109
“ข้าไม่เชื่อว่าโล่ของเจ้าจะไม่ถูกทำลาย!”
แอนโดล่าโกรธ เขายังคงใช้แสงเทวดาแห่งการพิพากษาโจมตีใส่โล่ป้องกันสีฟ้าต่อไป
หานเซิ่นยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมและปล่อยให้พลังแห่งการเกิดใหม่ชำระล้างร่างกายของเขา เขาดูสุขสำราญราวกับว่ามีผู้หญิงที่งดงามกำลังนวดให้กับเขา เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก
ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่และคนอื่นๆรู้สึกอยากจะฉีกใบหน้าที่ดูสำราญใจของหานเซิ่นออกมา
แสงเทวดาแห่งการพิพากษาของ 2 พี่น้องไม่สามารถทำให้โล่ป้องกันของหานเซิ่นสั่นไหวได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะทำให้มันบุบสลาย โล่ของหานเซิ่นครอบคลุมทั้งรูปปั้นนางฟ้า ทำให้พลังแห่งการเกิดใหม่ที่ออกมาจากหม้อตรงเข้าไปหาหานเซิ่นทั้งหมด มันไม่มีอะไรที่ 2 พี่น้องแองเจล่าและแอนโดล่าจะทำได้
พลังแห่งการเกิดใหม่บินเข้าไปในชุดเกราะมนตราอย่างต่อเนื่อง สัญลักษณ์บนชุดเกราะเรืองแสงขึ้นมาและห่อหุ้มตัวหานเซิ่นด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ เขาดูเหมือนกับดวงอาทิตย์ภายในใบเสมาราชาแมลงปีศาจ
แองเจล่าและแอนโดล่ายังคงพยายามโจมตีใส่ใบเสมาราชาแมลงปีศาจต่อไป แต่ไม่มีอะไรที่ได้ผล โล่ป้องกันของหานเซิ่นไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย
เมื่อผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่และเฟเธอร์คนอื่นเห็นพลังแห่งการเกิดใหม่เข้าไปในหานเซิ่น หัวใจของพวกเขาก็รู้สึกเจ็บปวด แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเกลียดชังหานเซิ่นมากสักแค่ไหน มันก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาทำได้ พวกเขาทำได้แค่มองดูภาพที่น่าเจ็บปวด
เมื่อหานเซิ่นปฏิเสธจะหยุดโล่ป้องกันของเขา มันก็เห็นได้ชัดเจนว่าเขาต้องการเอาพลังแห่งการเกิดใหม่ทั้งหมดไปเป็นของตัวเอง ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ตะโกนอย่างเกรี้ยวโกรธในจิตใจของเขา
“เอาไปเลย! เชิญเอามันไปให้มัน! เอาไปให้มากจนถึงขนาดที่ทำให้เจ้ากลับกลายเป็นสามัญชนอีกครั้ง”
ในแต่ละครั้งสระแห่งการเกิดใหม่จะปลดปล่อยพลังออกมามากพอที่จะตอบสนองต่อดยุก 2 คน
ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้ เฟเธอร์คนอื่นๆก็คิดแบบเดียวกัน หานเซิ่นดูดซับพลังแห่งการเกิดใหม่เข้าไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นมันเป็นไปได้สูงที่อาวุธจีโนของเขาจะถูกรีเซ็ตและเขาต้องกลับไปเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น
แต่ขณะที่พลังแห่งการเกิดใหม่หลั่งไหลเข้าไปในชุดเกราะมนตราเรื่อยๆ สิ่งที่พวกเขาคาดคิดก็ยังไม่เกิดขึ้นมา ชุดเกราะยังคงเรืองแสงออกมาโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากไปกว่านั้น
ตอนนี้พลังแห่งการเกิดใหม่ออกมากว่าครึ่งหนึ่งแล้ว และพวกมันทั้งหมดก็เข้าไปในตัวของหานเซิ่น แม้แต่ดยุกก็ไม่ควรจะทนต่อพลังงานมากมายขนาดนั้นได้ ตอนนี้เขาควรจะกลับกลายเป็นสามัญชนแล้ว
แต่หานเซิ่นยังคงยืนนิ่งโดยไม่มีวี่แววของความทุกข์เกิดขึ้น
แองเจล่าและแอนโดล่าหยุดการโจมตีและยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น พวกเขามองดูหานเซิ่นดูดซับพลังแห่งการเกิดใหม่ทั้งหมดเข้าไป พวกเขาดูอึดอัดอย่างมาก หลังจากที่สระแห่งการเกิดใหม่เริ่มต้นขึ้น พวกเขาก็ต้องรอจนกว่ามันจะจบลง ถึงจะเดินออกไปจากแท่นบูชายัญได้
เฟเธอร์ทั้งหมดดูอับอาย พวกเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาและบางส่วนแอบหนีออกไป ส่วนทางด้านทูตจากปราสาทนภาพูดคุยกันอย่างรื่นเริง
ขณะที่เวลาผ่านไป ไข่ติดปีกที่ออกมาจากหม้อก็น้อยลงเรื่อยๆ ชุดเกราะมนตราของหานเซิ่นยังคงสว่างไสวขึ้น แต่ดูไม่เหมือนกับว่ามันจะวิวัฒนาการสู่ระดับมาร์ควิส
หานเซิ่นคิดว่าพลังมากมายขนาดนี้จะเพิ่มระดับของชุดเกราะมนตราได้ แต่ขณะที่พลังแห่งการเกิดใหม่ออกมาน้อยลงเรื่อยๆ ชุดเกราะของเขาก็ยังไม่พร้อมที่จะวิวัฒนาการไปสู่ระดับต่อไป
“โอ้ไม่นะ! พลังงานตั้งมากมายขนาดนี้ แต่มันก็ยังไม่พอที่จะวิวัฒนาการไปสู่ระดับมาร์ควิสอีกอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรู้สึกหดหู่
เหล่าเฟเธอร์ตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นอย่างนั้น หานเซิ่นกำลังดูดซับพลังแห่งการเกิดใหม่ทั้งหมดเข้าไป แต่เขาก็ยังคงไม่เพิ่มระดับขึ้น และอาวุธจีโนของเขาก็ไม่ได้ถูกรีเซ็ตเช่นกัน มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าเขาดูดซับพลังงานไปมากมายขนาดนั้น แต่ไม่ถูกผลของมันครอบงำได้ยังไง
หลังจากที่ไข่ติดปีกฟองสุดท้ายบินออกมาจากหม้อน้ำ แท่นบูชายัญก็กลับไปสู่สภาพเดิม
หานเซิ่นดูดซับมันเข้าไปและชุดเกราะมนตราก็สว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์ มันสว่างมากจนยากที่จะมองตรงๆได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่มากพอที่จะวิวัฒนาการไปสู่ระดับมาร์ควิส
หานเซิ่นรู้สึกตัวว่ามันไม่มีหวัง และตอนนี้เขาก็รับรู้ได้ว่ามันยากถึงขนาดไหนที่จะเพิ่มระดับวิชาเรื่องราวของยีน มันเป็นวิชาจีโนที่จำเป็นต้องพึ่งสมบัติสูงเป็นภูเขา ผู้คนที่ยากจนไม่มีหวังจะเรียนรู้มันได้ แม้แต่ผู้คนที่ร่ำรวยก็ต้องถังแตกถ้าพยายามที่จะตอบสนองต่อความต้องการของมัน
สระแห่งการเกิดใหม่หยุดทำงานและทุกอย่างก็กลับสู่สภาพปกติ หานเซิ่นคือคนที่ดูดซับพลังแห่งการเกิดใหม่ทั้งหมดเข้าไป ขณะที่ 2 พี่น้องไม่ได้อะไรกลับไปเลย
“เขาเอาพลังแห่งการเกิดใหม่ทั้งหมดไปแล้วยังไง? เพราะถึงจะได้พลังงานทั้งหมดไป เขาก็วิวัฒนาการเป็นมาร์ควิสไม่ได้อยู่ดี ไม่ว่าจะพยายามมากสักแค่ไหน เขาก็ไม่มีวันจะกลายเป็นเทพเจ้าได้! ข้าไม่คิดว่าเขาจะไปถึงระดับราชันได้ด้วยซ้ำ” คำพูดเหล่านี้คือสิ่งที่ทางเฟเธอร์ใช้เพื่อปลอมใจตัวเอง
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธความทรงพลังของใบเสมาของหานเซิ่นได้
แม้แต่พี่น้องแองเจล่าและแอนโดล่าจะรวมพลังเข้าด้วยกัน พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้โล่นั่นสั่นไหวได้ พวกเขาสงสัยว่ายอดฝีมือระดับราชันจะทำลายมันได้หรือเปล่า
“โล่นั่นเป็นสมบัติอะไรกันแน่? ทำไมมันถึงได้ทรงพลังแบบนั้น?”
“ดูเหมือนว่าจะมีแค่ราชันเท่านั้นที่ทำลายโล่นั่นได้ ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าสมบัติแบบนั้นจะตกมาอยู่ในมือเอิร์ลคนหนึ่ง”
“ข้าเดาว่าราชินีแห่งมีดหรือไม่ก็ผู้นำของปราสาทนภาคงจะให้เขายืมมาใช้ ไม่อย่างนั้นเอิร์ลคนหนึ่งจะไปเอาสมบัติที่ทรงพลังแบบนั้นมาได้ยังไง?”
“ด้วยสมบัติแบบนี้ เขาจะทำอะไรก็ได้ในจักรวาลแห่งนี้ น่าเสียดายที่สมบัติแบบนี้ต้องตกมาอยู่ในมือของคนชั้นต่ำ”
แต่ไม่ว่าเหล่าเฟเธอร์จะบ่นสักแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงในเรื่องนี้ได้ แถมปราสาทนภาก็ส่งมาเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น แต่กลับได้พลังแห่งการเกิดใหม่ทั้งหมดไป แถมปราสาทนภายังสามารถส่งทูตมาอีกถึง 2 ครั้ง ซึ่งถ้าพวกเขาส่งคนอื่นที่เหมือนกับหานเซิ่นมาอีกล่ะก็ พวกเฟเธอร์ก็ต้องสูญเสียพลังที่สระแห่งการเกิดใหม่จะมอบให้คน 9 คนไป
แต่ถึงพวกเขาจะรู้สึกขื่นขม พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ พวกเขาทำได้แต่กัดฟันทน
ทูตคนอื่นยังคงอยู่ต่อเพื่อเจรจากับทางเฟเธอร์ ส่วนหานเซิ่นไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะอยู่ต่อไปอีก ดังนั้นเขาจึงเดินทางออกจากโฮลี่เฮฟเว่นและกลับไปที่ปราสาทนภา
เรื่องราวของยีนเป็นอะไรที่สิ้นหวังที่จะเพิ่มระดับขึ้น ซึ่งแม้แต่หานเซิ่นเองก็ไม่มั่นใจว่าสักวันหนึ่งจะทำให้มันกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้หรือเปล่า เขาใช้ทรัพยากรไปมากมาย แต่มันก็ยังไม่วิวัฒนาการเป็นระดับมาร์ควิส ดังนั้นมันคงจะต้องใช้ทรัพยากรอีกมหาศาลกว่าที่มันจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้
ตอนที่ 2110
หานเซิ่นนั่งอยู่บนยานอวกาศขณะที่เดินทางกลับปราสาทนภา แต่ทันใดนั้นจู่ๆหานเซิ่นก็ถูกครอบงำด้วยความรู้สึกตื่นกลัวและความกังวล
หานเซิ่นรีบเรียกใบเสมาออกมาเพื่อปกป้องตัวเองในทันที หลังจากนั้นมันก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างถูกดูดกลืนด้วยพลังที่น่ากลัวอย่างกะทันหัน
ใบเสมาราชาแมลงปีศาจเริ่มส่งเสียงแตกร้าวออกมาเหมือนกับแก้วที่กำลังจะแตก ซึ่งนั่นบอกให้หานเซิ่นรู้ว่าในที่สุดโล่ป้องกันของเขาก็เผชิญหน้ากับพลังที่ทัดเทียม
‘ใครกันที่ต้องการจะฆ่าเรา?’ หานเซิ่นคิด เขารีบใช้วิชาโลหิตชีพจรและเปิดประตูมิติเพื่อกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ เขาจะปลอดภัยในนั้น
พลังที่กำลังเผชิญอยู่นี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต่อกรได้ และถึงแม้ใบเสมาราชาแมลงปีศาจจะต้านทานมันได้ แต่หานเซิ่นก็ไม่รู้ว่าการโจมตีเข้ามาจากทิศทางไหนอยู่ดี ซึ่งถ้าคนที่พยายามจะฆ่าเขาเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าล่ะก็ ใบเสมาราชาแมลงปีศาจก็จะช่วยอะไรเขาไม่ได้
ด้วยอะดรีนาลีนที่พลุ่งพล่านในตัว หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าแสงนั่นยาวนานชั่วนิรันดร์ ทั้งที่ในความจริงแล้วการโจมตีใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที
ข่าวเรื่องที่แสงอันน่ากลัวทำลายล้างยานอวกาศของหานเซิ่นกลายเป็นเรื่องใหญ่โตในจักรวาลจีโน มันไม่เหลือแม้แต่ผุยผงในอวกาศ และหานเซิ่นก็หายไปอย่างไม่เหลือซาก
ทั้งปราสาทนภาและแนร์โรว์มูนต่างก็โกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาต้องการจะหาให้ได้ว่าการโจมตีนั้นมาจากไหนกันแน่
ความสัมพันธ์ระหว่างปราสาทนภาและเฟเธอร์ตึงเคียด เนื่องจากเฟเธอร์เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง แต่แน่นอนว่ามีโอกาสที่ฝ่ายอื่นพยายามจะใส่ร้ายเผ่าเฟเธอร์ที่น่าสงสัยอยู่แล้ว แต่นั่นไม่สิ่งที่ทุกคนจะคำนึงถึง
และเนื่องจากยานอวกาศถูกทำลายล้างโดยสมบูรณ์ คนส่วนใหญ่จึงเชื่อว่าหานเซิ่นถูกฆ่าตายไป พวกเขาไม่คิดว่าหานเซิ่นจะรอดจากการโจมตีแบบนั้นได้
ปราสาทนภาและแนร์โรว์มูนได้รวมมือกันเพื่อสืบหาว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แต่มันไม่มีเบาะแสอะไรหลงเหลืออยู่เลย พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครกันแน่ที่เป็นคนใช้พลังนั้น
พวกเขารู้แค่ว่าพลังที่ทำลายยานอวกาศของหานเซิ่นถูกปลดปล่อยโดยยอดฝีมือระดับครึ่งเทพหรือไม่ก็เทพเจ้า
พวกเขาไม่เจอร่องรอยหรือเบาะแสอะไรเลย แต่อย่างน้อยนั่นก็ทำให้พวกเขารู้ว่าคนหรือสิ่งมีชีวิตที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้มีความคิดรอบคอบ ถึงไม่ทิ้งหลักฐานอะไรเอาไว้เลย
แน่นอนว่าหานเซิ่นกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ได้ทัน เขาไม่รู้ว่าศัตรูยังเฝ้าอยู่ที่นั่นไหม ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รีบเดินทางกลับไปในทันที เขาพักอยู่ที่บ้านสักพัก ก่อนที่จะกลับไปสู่จักรวาลจีโนอีกครั้ง
แต่เมื่อหานเซิ่นกลับไป เขาก็สวมใส่ชุดเกราะวิญญาณบุดด้าทองคำ 4 หน้า 8 แขน และเขาก็ซ่อนพลังชีวิตของตัวเองไว้ด้วย ดังนั้นมันจะไม่มีใครบอกได้ว่าเขาคือหานเซิ่น
ทันทีที่หานเซิ่นปรากฏในอวกาศ เขาก็รีบสแกนบริเวณรอบๆ เมื่อพบว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่ในบริเวณใกล้เคียง นั่นก็ทำให้เขาโล่งใจอย่างมาก และหลังจากที่ระบุดวงดาวที่อยู่ใกล้ที่สุดได้แล้ว หานเซิ่นก็บินตรงไปที่นั่น
เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ไม่ค่อยมียานอวกาศผ่านมาในบริเวณแถวๆนี้
โชคดีที่มันยังมีดวงดาวใกล้ๆ แต่เนื่องจากมันเป็นดวงดาวขนาดเล็ก มันจึงไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่ ในจักรวาลจีโนดาวแบบนี้จะถูกมองเป็นเหมือนกับสถานีอวกาศซะมากกว่า มันไม่มียานอวกาศเดินทางไปที่ปราสาทนภาด้วยซ้ำ
หานเซิ่นจองตั๋วไปที่ระบบไฟร์โลตัส โดยหวังว่าที่นั่นจะมียานอวกาศไปที่ปราสาทนภา
ระบบไฟร์โลตัสเป็นเขตแดนของเทาซันด์เทรเชอร์ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่กลุ่มเดียวกับหวันเค่อมหาสมบัติที่รับตัวสเตย์อัพเลทไป ระบบไฟร์โลตัสเป็นแค่พรมแดนที่เทาซันด์เทรเชอร์ครอบครองอยู่
เมื่อหานเซิ่นไปถึงที่ระบบไฟร์โลตัส เขาก็เริ่มมองหายานอวกาศอีกลำที่จะพาเขากลับไปที่ปราสาทนภา แต่ทันใดนั้นมันก็มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในอวกาศ
ความว่างเปล่าของอวกาศถูกเปิดออกราวกับผ้าม่านคู่หนึ่ง และเผยให้เห็นม้วนกระดาษที่ห้อยอยู่
มันเป็นอะไรที่ฉีกกดของฟิสิกส์ จู่ๆม้วนกระดาษก็ปรากฏขึ้นให้เห็นได้จากทุกดวงดาวในจักรวาลจีโน ขณะที่มันค่อยๆคายออก รายชื่อก็ปรากฏให้เห็นบนหน้ากระดาษนั้น
รายชื่อเหล่านั้นกำลังเรืองแสงออกมา แม้แต่คนที่อยู่ห่างออกไปหลายล้านปีแสงก็สามารถเห็นพวกมันได้อย่างชัดเจน รายชื่อของยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์ต่างๆทั่วจักรวาลถูกจดเอาไว้ในนั้น หลายชื่อที่อยู่บนนั้นถูกจดเอาไว้เมื่อหลายศตวรรษก่อน แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นที่รู้จักทั่วทั้งจักรวาล
ม้วนกระดาษค่อยๆคายออกและชื่อต่างๆก็เผยออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ จากระดับราชันไปถึงระดับบารอน มันมีรายชื่ออย่างน้อยหนึ่งหมื่นชื่อถูกจดเอาไว้ในทุกๆระดับ ทุกชื่อคือที่สุดของแต่ละระดับเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน มันถือเป็นเกียรติสูงสุดที่จะได้สลักชื่อเอาไว้บนนั้น
ราชันอันดับที่หนึ่ง : จางเสวียนเต้า(เผ่านภา)
ราชันอันดับที่สอง : ดราก้อนวัน(เผ่าดราก้อน)
เมื่อม้วนกระดาษคายออกอย่างสมบูรณ์ รายชื่อทั้งหมดก็ส่องสว่างราวกับว่าพวกมันจะเป็นแบบนั้นไปตลอดกาล พวกมันสว่างไสวราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
ตูม!
อวกาศเริ่มสั่นไหวและบนหน้ากระดาษก็ว่างเปล่าไป ก่อนที่จะมีตัวอักษรปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
ราชันอันดับที่หนึ่ง : จางเสวียนเต้า(เผ่านภา)
เงาของคนๆหนึ่งปรากฏขึ้นบนผิวของบัญชีทองแดง เงานั้นเป็นรูปร่างของชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนกับเทวดา มันชัดเจนและละเอียดขึ้นเรื่อยๆ
นี่ก็คือชายที่เอาชนะทุกคนเพื่อขึ้นสู่จุดสูงสุด
หานเซิ่นเกือบจะสำลักออกมาด้วยความประหลาดใจ คนที่ได้รับอันดับที่หนึ่งชื่อจางเสวียนเต้า ซึ่งเขาก็คือผู้นำของปราสาทนภา หลังจากนั้นบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนก็เริ่มแสดงประวัติการต่อสู้ของเขา ตอนนี้ทุกคนสามารถชื่นชมการต่อสู้อันกล้าหาญของเขา
หลังจากนั้นมันก็เริ่มแสดงของราชันลำดับต่อไป แต่เมื่อถึงราชันอันดับที่สิบ มันก็ไม่ได้แสดงราชันคนอื่นไปมากกว่านั้น และมันก็หันไปแสดงชื่อของดยุกอันดับที่หนึ่งแทน
อันดับหนึ่งถึงสิบของทุกระดับถูกแสดงบนบัญชีทองแดง การต่อสู้ของพวกเขาทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้น แม้แต่คนที่ไม่ได้สนใจในการต่อสู้ก็รู้สึกเหมือนๆกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น