Super God Gene 2103-2106
ตอนที่ 2103
หานเซิ่นได้เรียนรู้อะไรมากมายจากมนต์สังหารยีนดั้งเดิมทั้ง 72
วิชาผนึกมารมีรากฐานมาจากมนต์สังหารยีนดั้งเดิมทั้ง 72 หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อเรียนรู้พวกมัน และด้วยการทำแบบนั้น ความเชี่ยวชาญในวิชาผนึกมารของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากฝึกไปแค่ 1 ปี เขาก็สำเร็จถึงขั้นที่ 8
แต่เมื่อผู้อาวุโสมอบภารกิจใหม่ให้กับเขา ความก้าวหน้าของเขาก็ถูกหยุดเอาไว้ เขาได้รับภารกิจให้ไปกับจัดการกับซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสตัวหนึ่งที่ก่อปัญหาบนดวงดาวธุรกิจของปราสาทนภา มันเป็นภารกิจที่ง่ายๆและหานเซิ่นก็สามารถฆ่าซีโนเจเนอิคตัวนั้นได้อย่างรวดเร็ว
แต่ทว่าเมื่อหานเซิ่นกลับถึงปราสาทนภา โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา มันเป็นหมายเลขที่ซีเหมินยงทิ้งเอาไว้ให้กับเขา
หานเซิ่นเคยลองโทรไปที่หมายเลขนี้มาก่อน แต่มันไม่มีใครตอบรับ
หานเซิ่นรับสาย มันไม่มีภาพวิดีโอ มันมีแค่เสียงเพียงแค่นั้น หานเซิ่นไม่พูดอะไรจนกระทั่งอีกฝ่ายหนึ่งเริ่มพูดขึ้นมา
“หานเซิ่น นี่ฉันเอง” เสียงที่ดังขึ้นมาเป็นเสียงที่คุ้นเคย แต่มันไม่ใช่ของซีเหมินยง มันเป็นของเทพแห่งผลกรรม
“เทพแห่งผลกรรม?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าพยุหะโลหิตมีวิธีที่จะเดินทางออกมาจากก็อตแซงชัวรี่
“ใช่แล้ว ฟังฉันให้ดี ฉันมีเวลาไม่มากนัก ฉันกำลังถูกจับตามองอยู่” เทพแห่งผลกรรมพูด
“นายออกมาจากก็อตแซงชัวรี่ได้ยังไง?” หานเซิ่นถาม
“พยุหะโลหิตมีหนทางที่จะออกมาเป็นเวลายาวนานแล้ว พวกเราแค่กลับเข้าไปไม่ได้”
เทพแห่งผลกรรมพูดต่อ “แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาถามเรื่องนั้น ฟังที่ฉันพูดให้ดี อย่าบอกให้ใครรู้ว่านายฝึกวิชาโลหิตชีพจรเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นนายอาจจะเจอเข้ากับปัญหา”
“ทำไมกัน?” หานเซิ่นถาม
“เรื่องมันซับซ้อน ใครบางคนในจักรวาลจีโนกำลังตามล่าสมาชิกของพยุหะโลหิตอยู่ โชคดีที่นายไม่ได้ฝึกวิชาโลหิตชีพจรจนถึงขั้นที่เลือดเปลี่ยนเป็นสีฟ้า” เทพแห่งผลกรรมพูด
“คนที่ตามล่าสมาชิกของพยุหะโลหิตในจักรวาลจีโนคือใครกัน? มันมาจากเผ่าพันธุ์ชั้นสูงไหนอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“มันไม่ใช่เผ่าพันธุ์ชั้นสูง มันเป็นอะไรที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น”
เทพแห่งผลกรรมลังเลไปชั่วครู่และเขาก็พูดต่อ “นายรู้จักสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าเทพเจ้าใช่ไหม? เทพเจ้าที่ทีมเจ็ดได้พบน่ะ?”
หานเซิ่นสะดุ้ง “หมอนั่นอยู่ในจักรวาลจีโนอย่างนั้นหรอ?”
“ใช่ แต่เขาไม่ได้ออกมาจากก็อตแซงชัวรี่เหมือนอย่างพวกเรา จักรวาลนี้คือถิ่นกำเนิดของเขา แค่จำเอาไว้ให้ดีว่าอย่าให้ใครรู้ว่านายฝึกวิชาโลหิตชีพจรเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นนายก็จะตกเป็นเป้าหมายเช่นกัน นายควรจะเป็นคริสตัลไลเซอร์ต่อไป อย่าได้บอกกับใครว่าจริงๆแล้วนายเป็นมนุษย์ นั่นจะเปิดเผยความจริงที่ว่านายมาจากก็อตแซงชัวรี่” เทพแห่งผลกรรมพูด
“เขาคืออะไรกันแน่?” หานเซิ่นถาม
“ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไง ทั้งหมดที่ฉันพอจะบอกได้ก็คือเขาน่ากลัวยิ่งกว่ายอดฝีมือระดับเทพเจ้า และพวกเราก็ไม่มีหวังจะต่อสู้กับเขาได้ เขาฆ่าสมาชิกของพยุหะโลหิตไปหลายคน จนกระทั่งเมื่อเร็วๆนี้ พวกเราไม่มีหวังจะโต้กลับแล้ว” เทพแห่งผลกรรมพูด
“ตอนนี้มันมีอะไรต่างออกไปอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“ยีนขั้นสุดยอด” เทพแห่งผลกรรมพูด
“นั่นหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นถาม
“มีแค่คนที่เก็บยีนขั้นสุดยอดจนเต็มภายในก็อตแซงชัวรี่เท่านั้น ถึงจะต่อกรกับสิ่งมีชีวิตอย่างเขาได้ นั่นคือความหวังเดียวของพวกเรา จนกระทั่งนายแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ อย่าได้เปิดเผยความจริงที่ว่านายฝึกวิชาโลหิตชีพจรเป็นอันขาด” เทพแห่งผลกรรมพูด
“ถ้านายรู้เรื่องทั้งหมดนี่ ทำไมนายถึงไม่บอกฉันในตอนที่อยู่ในก็อตแซงชัวรี่?” หานเซิ่นถาม
เทพแห่งผลกรรมพูด “ฉันบอกนายแล้วยังไงว่าพวกเราแค่ออกมาจากก็อตแซงชัวรี่ได้เท่านั้น พวกเรากลับไปไม่ได้ ฉันเพิ่งจะรู้เรื่องนี้จากสมาชิกคนอื่นหลังจากที่มาถึงที่นี่ มันไม่มีเวลาแล้ว ฉันจะติดต่อนายอีกในภายหลัง”
สายถูกตัดไปเพียงแค่นั้น หานเซิ่นวางโทรศัพท์ลงและครุ่นคิดกับตัวเอง
‘ถ้าทั้งหมดนี่เป็นความจริง คนที่เรียกตัวเองว่าเทพเจ้านี่เป็นใครกันแน่? เขาเป็นเหมือนกับราชาจุนอย่างนั้นหรอ?’
หานเซิ่นคิดอยู่สักพัก แต่เขาก็ไม่ได้บทสรุปอะไร ถึงยังไงซะเขาก็ไม่มีแผนที่จะเปิดเผยวิชาโลหิตชีพจรอยู่แล้ว แต่คำเตือนของเทพแห่งผลกรรมก็ทำให้เขาแน่ใจในเรื่องนั้นยิ่งกว่าเดิม
หลังจากที่ครุ่นคิดเสร็จแล้ว หานเซิ่นก็พยายามโทรกลับไป แต่เหมือนกับก่อนหน้านี้ มันไม่มีใครตอบรับ
“สมาชิกของพยุหะโลหิตเข้ามาในจักรวาลจีโนได้เป็นเวลานานแล้ว บางทีจักรพรรดิมนุษย์อาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในจักรวาลจีแห่งนี้ แต่ถึงอย่างนั้นมนุษย์ก็ไม่มีชื่อเสียงอะไร พวกเขาคงจะต้องซ่อนตัวเป็นอย่างดี นี่เทพเจ้าคนนั้นทรงพลังถึงขนาดนั้นเลยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย
หลังจากที่หานเซิ่นรายงานเกี่ยวกับภารกิจแล้ว เขาก็ได้รับวันหยุดมา
ศาสตร์ตงเสวียนและเรื่องราวของยีนของเขายังคงไม่ถึงระดับมาร์ควิส ศาสตร์ตงเสวียนค่อยๆพัฒนาไปอย่างช้าๆ แต่เรื่องราวของยีนหยุดนิ่งไม่ก้าวหน้า เขาไม่สามารถเพิ่มระดับของมันได้ นอกจากเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากปัจจัยภายนอก
หานเซิ่นได้พยายามใช้วิญญาณหยกเพื่อพัฒนาเรื่องราวของยีน แต่มันไม่มีประสิทธิภาพมากนัก ซึ่งมันคงจะต้องใช้เวลาหลายทศวรรษกว่าที่เรื่องราวของยีนจะกลายเป็นระดับมาร์ควิส
ขณะที่หานเซิ่นพยายามคิดหาหนทางแก้ปัญญานี้ กระเรียนพันขนก็มาหาเขา พร้อมกับคำสั่งจากทางปราสาทนภา
“ท่านผู้นำบอกให้ข้าไปที่เผ่าเฟเธอร์?” หานเซิ่นมองกระเรียนพันขนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ผู้นำของปราสาทนภารู้ถึงความบาดหมางของเฟเธอร์ต่อหานเซิ่น เมื่อคำนึงถึงความสัมพันธ์ของเขากับข่งเฟย และมันยังมีเหตุการณ์เกี่ยวกับมีดขนนกโลหิตอีก
“ใช่แล้ว ท่านผู้นำต้องการให้เจ้าเป็นทูตของปราสาทนภาเพื่อไปเยือนเผ่าเฟเธอร์ นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับสระแห่งการเกิดใหม่ของโฮลี่เฮฟเว่นหรือเปล่า? ถ้าเจ้าเป็นทูตไปที่นั่น เจ้าก็จะใช้มันได้” กระเรียนพันขนพูด
“เจ้าหมายถึงสระที่แองเกียใช้เพื่อลบล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเรียนรู้น่ะหรอ? ข้าไม่ได้ต้องการเกิดใหม่ การทำแบบนั้นจะไปมีประโยชน์อะไร?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
ตอนที่ 2104
“สระแห่งการเกิดใหม่ไม่ได้แค่รีเซ็ตร่างกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่พลังของสระแห่งการเกิดใหม่ยังเร่งการวิวัฒนาการได้ ท่านผู้นำคงจะคิดว่าวิชาจีโนของเจ้าพัฒนาช้าเกินไป และเนื่องจากเจ้ายังเป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงมอบโอกาสนี้ให้กับเจ้า ตามสัญญาของพวกเรากับทางเผ่าเฟเธอร์ พวกเขาจะอนุญาตให้พวกเราส่งคน 3 คนเพื่อไปใช้สระแห่งการเกิดใหม่ได้ทุกๆสิบปี ซึ่งเจ้าเป็นหนึ่งในคนที่ถูกเลือก” กระเรียนพันขนพูดด้วยเสียงที่ชื่นชม
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปที่โฮลี่เฮฟเว่น”
หลังจากที่ได้ยินว่าการเดินทางครั้งนี้มีผลประโยชน์ หานเซิ่นก็ตอบตกลงที่จะเดินทางไปที่โฮลี่เฮฟเว่นโดยไม่ลังเล
เมื่อคำนึงถึงสถานการณ์ของเผ่าเฟเธอร์แล้ว พวกเขาไม่สามารถละเมิดปราสาทนภาและมาทำอะไรหานเซิ่นได้เช่นกัน อย่างเลวร้ายที่สุดพวกเขาก็ทำได้แค่เย้ยหยันหานเซิ่นเท่านั้น
เนื่องจากได้สิทธิ์ในการเข้าใช้ทรัพยากรอันล้ำค่า หานเซิ่นก็ยินดีจะปิดตาและแกล้งทำเป็นไม่เห็นพฤติกรรมแย่ๆของพวกเฟเธอร์
“หลังจากที่เจ้ากลับมาจากภารกิจในครั้งนี้ มันจะถึงเวลาที่บัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนปรากฏขึ้นมา เจ้าคิดจะเข้าร่วมการแข่งขันนี้ไหม? เจ้าอาจจะได้อันดับที่หนึ่งง่ายๆเลย” กระเรียนพันขนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ข้าไม่ได้สนใจในเรื่องชื่อเสียง” หานเซิ่นส่ายหัวของเขา
หานเซิ่นไม่ใช่คนเดียวที่เดินทางไปที่โฮลี่เฮฟเว่นในฐานะทูต มันยังมีคนอื่นรวมถึงผู้อาวุโสคนหนึ่งด้วย คนอื่นๆไปเพื่อประชุมกับทางเฟเธอร์เรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เผ่าพันธุ์ ส่วนจุดประสงค์ที่หานเซิ่นถูกส่งไปนั้นก็เพื่อเข้าใช้สระแห่งการเกิดใหม่เท่านั้น
ผู้อาวุโสที่เดินทางไปโฮลี่เฮฟเว่นในครั้งนี้คือผู้อาวุโสสิบยวิ๋นฉางคง หานเซิ่นรู้สึกปลอดภัยที่มียวิ๋นฉางคงเดินทางไปด้วย หานเซิ่นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกสาวและลูกศิษย์ของเขา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น หานเซิ่นก็มั่นใจว่ายวิ๋นฉางคงจะปกป้องเขา
ผู้คนของปราสาทนภาปฏิบัติกับหานเซิ่นเป็นอย่างดี ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากชื่อเสียงของเขาและความดีความชอบที่เขาทำให้กับปราสาทนภา ดังนั้นผู้คนของปราสาทนภาจึงชื่นชมเขา
พวกเขาเดินทางไปถึงเขตแดนของเฟเธอร์อย่างปลอดภัย และก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปในโฮลี่เฮฟเว่น ราชาของเฟเธอร์ก็ออกมาต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเอง
ในตอนนี้ทางเฟเธอร์พึ่งพาความสัมพันธ์กับทางปราสาทนภาเพื่อความอยู่รอด การคุ้มครองจากปราสาทนภาเป็นสิ่งเดียวที่ปกป้องพวกเขาจากการโจมตีของเผ่าพันธุ์อื่นๆ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงต้องรักษาความสัมพันธ์ต่อปราสาทนภาอย่างจริงจัง
แต่ทว่าเมื่อราชาเฟเธอร์มองมาที่ไปหานเซิ่น สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความรังเกียจ หานเซิ่นไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นเพราะข่งเฟยหรือมีดขนนกโลหิตกันแน่ เมื่อหานเซิ่นเข้าไปในโฮลี่เฮฟเว่น เฟเธอร์ทุกคนก็มีปฏิกิริยาที่เหมือนๆกัน พวกเขาเป็นมิตรกับทูตคนอื่น แต่พวกเขามองหานเซิ่นด้วยความรังเกียจ
และเมื่อพวกเฟเธอร์รู้ว่าหานเซิ่นเป็นคนที่จะเข้าใช้สระแห่งการเกิดใหม่ พวกเขาก็ดูไม่พอใจอย่างมาก
หลังจากที่ราชาเฟเธอร์พาพวกเขาไปดูที่สระ เขาก็พูดขึ้นมา
“สระแห่งการเกิดใหม่กำลังอยู่ในช่วงปิดปรับปรุง ดังนั้นเจ้าจำเป็นต้องรออีกสักพักถ้าจะใช้มัน เจ้าจะใช้มันได้ทันทีที่มันเปิดขึ้นอีกครั้ง”
หานเซิ่นพักอยู่ในโฮลี่เฮฟเว่นอีกสักพัก โชคดีที่เขามาในฐานะทูต มันจึงไม่มีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้น
ในห้องประชุมของโฮลี่เฮฟเว่น เหล่าเฟเธอร์ระดับสูงได้มารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเรื่องบางอย่าง
“สระแห่งการเกิดใหม่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเฟเธอร์ พวกเราจะปล่อยให้มันเป็นมลทินโดยหานเซิ่นได้ยังไงกัน?” ผู้อาวุโสเฟเธอร์คนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ใช่แล้ว เขาเกี่ยวข้องกับข่งเฟย พวกเราจะปล่อยให้เขาใช้มันไม่ได้!” ผู้อาวุโสอีกคนพูดเสริม
ไม่มีเฟเธอร์คนไหนยินดีกับการที่หานเซิ่นจะเข้าไปใช้สระแห่งการเกิดใหม่
“แต่มันก็ไม่ใช่ว่าพวกเรามีทางเลือก นี่เป็นข้อตกลงของพวกเรากับปราสาทนภา การเข้าใช้สระแห่งการเกิดใหม่เป็นสิทธิของพวกเขา พวกเราทำอะไรไม่ได้” ราชาเฟเธอร์พูด
ทุกคนเงียบไป ในตอนที่ตะเกียงของเฟเธอร์ภายในจีโนฮอลดับลง เฟเธอร์ทั้งหมดก็ถูกลดระดับลงหนึ่งขั้น ราชาเฟเธอร์จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อวิวัฒนาการตัวเองกลับมาสู่ระดับราชันอีกครั้ง
ด้วยเหตุนั้นถ้าไม่มีการคุ้มครองจากปราสาทนภา โฮลี่เฮฟเว่นก็คงจะถูกทำลาย
“ถ้าพวกเราหยุดเขาไม่ได้ พวกเราก็ควรจะปล่อยให้เขาเข้าไป” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ นี่เจ้าหมายความว่ายังไง?” ทุกคนมองไปที่ผู้อาวุโสคนนั้นด้วยความสับสน
“สระแห่งการเกิดใหม่เข้าไปได้แค่ครั้งละ 3 คน ซึ่งพวกเรามอบสิทธิ์ในการเข้าใช้สระแห่งการเกิดใหม่ให้กับปราสาทนภา 3 คนทุกสิบปี แต่ครั้งนี้พวกเขาส่งมาแค่คนเดียว และคนๆนั้นก็คือหานเซิ่น นั่นหมายความว่าพวกเราส่งเฟเธอร์ 2 คนเข้าไปพร้อมกับเขาได้” ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่พูด
ทุกคนมองไปที่ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ด้วยความสับสน
“พลังของสระแห่งการเกิดใหม่มีจำกัด นั่นเป็นเหตุผลที่มันเข้าไปได้แค่ครั้งละ 3 คนเท่านั้น และทั้ง 3 คนต้องเป็นระดับมาร์ควิสหรือต่ำกว่า ถ้าราชันคนหนึ่งเข้าไป พลังของสระแห่งการเกิดใหม่ก็จะเพียงพอแค่ราชันคนนั้นคนเดียว ถ้าดยุกต้องการจะเข้าไป มันจะเพียงพอแค่ดยุก 2 คนเท่านั้น”
“เจ้าหมายความว่าพวกเราควรจะส่งดยุกเข้าไปในสระแห่งการเกิดใหม่พร้อมกับหานเซิ่นอย่างนั้นหรอ?” ราชาเฟเธอร์ถามขณะที่มองตรงไปที่ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่
ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่พูด “พวกเราเคยใช้สระแห่งการเกิดใหม่มาก่อน ดังนั้นพวกเราจะรับมือกับพลังของมันได้ดีกว่าคนนอก ซึ่งด้วยดยุก 2 คนที่แข็งแกร่งกว่าหานเซิ่น พวกเขาจะดูดซับพลังส่วนใหญ่ได้ และหานเซิ่นก็จะได้รับพลังเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น แบบนั้นปราสาทนภาจะจับผิดอะไรไม่ได้”
“นี่อาจจะได้ผล แต่ใครกันที่จะเข้าไปพร้อมกับเขา?” พวกผู้อาวุโสเริ่มปรึกษากัน
ถ้าดยุกคนหนึ่งดูดซับพลังของสระแห่งการเกิดใหม่เข้าไปมากเกินไป พวกเขาก็จะเป็นเหมือนกับแองเกียและกลายเป็นสามัญชนอีกครั้ง
มันมีน้อยคนที่อยากจะเริ่มต้นใหม่เหมือนอย่างแองเกีย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะหาดยุก 2 คนมารับหน้าที่นั้น
ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ยิ้ม “ทำไมพวกเราไม่ให้ 2 พี่น้องแองเจล่ากับแอนโดล่าใช้มันล่ะ?”
“พวกเขาถูกขังอยู่ในคุกหนิ? แบบนั้นพวกเขาจะยอมตกลงอย่างนั้นหรอ?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถาม
“ข้าเกลี้ยกล่อมพวกเขาได้” ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่พูดอย่างมั่นใจ
“ถ้าพวกเขาตอบตกลง นั่นก็เป็นอะไรที่ดีสำหรับพวกเรา แม้แต่หานเซิ่นสิบคนก็ไม่ทางสู้กับพวกเขาได้” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูด
ในวันที่ 4 หานเซิ่นได้รับข่าวจากทางเฟเธอร์ว่าสระแห่งการเกิดใหม่ใกล้จะเปิดแล้ว และให้เขาเตรียมตัวเข้าไปใช้มัน
ตอนที่ 2105
สระแห่งการเกิดใหม่ของโฮลี่เฮฟเว่นเป็นหนึ่งสิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดในจักรวาลจีโน มีสมบัติน้อยชิ้นนักที่จะช่วยให้ราชันวิวัฒนาการได้ ซึ่งสระแห่งการเกิดใหม่ก็คือหนึ่งในนั้น
แต่สระแห่งการเกิดใหม่มีข้อบกพร่องอยู่ โอกาสที่ราชันคนหนึ่งจะกลายเป็นครึ่งเทพได้นั้นต่ำมากๆ และมันยังมีความเสี่ยงในการพยายามทำแบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นหลายเผ่าพันธุ์ก็ยังอยากจะได้สมบัติล้ำค่านี้
เฟเธอร์คนหนึ่งมาหาหานเซิ่นที่ห้องและนำทางเขาไปยังสระแห่งการเกิดใหม่ ถึงแม้มันจะถูกเรียกว่าสระ แต่มันไม่มีน้ำอยู่ มันเป็นแท่นบูชายัญขนาดใหญ่ และที่ศูนย์กลางมีรูปปั้นของนางฟ้าอยู่
รูปปั้นสีขาวมีปีกห่อมาข้างหน้า มันดูเหมือนกับเทพธิดาที่อ่อนโยน เพียงแค่มองไปที่รูปปั้นมันก็ทำให้ความรู้สึกเอ่อล้นขึ้นมา
“สระแห่งการเกิดใหม่เข้าไปใช้ได้ครั้งล่ะ 3 คน ถ้าเข้าไปน้อยกว่านั้น พลังส่วนหนึ่งอาจจะสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เจ้าคงจะเข้าใจในเรื่องนี้ใช่ไหม?” ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าแท่นบูชายัญพูดกับหานเซิ่น
“ข้าเข้าใจ” หานเซิ่นพยักหน้า
ก่อนที่หานเซิ่นจะเดินทางมาที่โฮลี่เฮฟเว่นในฐานะทูต ผู้นำของปราสาทนภาได้อธิบายให้เขาฟังก่อนแล้ว
“ดี ปราสาทนภาส่งเจ้ามาที่นี่เพื่อใช้มันเพียงคนเดียว ดังนั้นเพื่อไม่ให้พลังของมันต้องสูญเปล่า พวกเราจะส่งมาร์ควิส 2 คนเข้าไปใช้มันพร้อมกับเจ้าได้ เจ้าโอเคสินะ?” ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไร” หานเซิ่นพยักหน้า
“แองเจล่ากับแอนโดล่า พวกเจ้าต้องเข้าไปในสระแห่งการเกิดใหม่พร้อมกับหานเซิ่น แต่จำเอาไว้ว่าอย่าได้ไปรบกวนการใช้สระแห่งการเกิดใหม่ของแขกเป็นอันขาด” ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่พูดกับพวกเขา
หานเซิ่นคาดเอาไว้แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ ผู้นำปราสาทนภาส่งหานเซิ่นมาคนเดียวก็เพื่อให้เขาได้ดูดซับพลังทั้งหมด แต่ผู้นำปราสาทนภาก็คาดการเอาไว้แล้วว่าทางเฟเธอร์อาจจะส่งเฟเธอร์ระดับดยุก 2 คนมาเพื่อแย่งชิงพลังส่วนใหญ่ของสระแห่งการเกิดใหม่ การคาดการของเขาถูกซะส่วนใหญ่ เว้นแต่ว่าทางเฟเธอร์ส่งมาร์ควิสมาแทนที่จะเป็นดยุก นี่ทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ
แต่เมื่อพี่น้องแองเจล่าและแอนโดล่าก้าวเข้ามาตรงหน้าของเขา หานเซิ่นก็เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงถูกเลือก
ด้วยใบหน้าที่คล้ายคลึงกับรูปปั้นหินอ่อน ทำให้พวกเขาทั้งคู่ดูเหมือนกับเฟเธอร์ พลังชีวิตของพวกเขาอยู่ในระดับมาร์ควิส แต่พวกเขาให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป หานเซิ่นรู้ได้ในทันทีว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ เขาไม่เชื่อว่าทั้ง 2 คนเป็นแค่มาร์ควิสธรรมดา
พวกเขาทั้งคู่เหนือกว่าดยุกคนไหนๆที่หานเซิ่นเคยเจอ และพวกเขาทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะดูถูกสิ่งมีชีวิตทุกอย่างทุกอย่าง แม้แต่ราชันก็ยังไม่หยิ่งผยองและมั่นใจในตัวเองแบบนี้
‘พวกเขาเป็นดยุกระดับท็อปของที่นี่อย่างนั้นหรอ? นี่พวกเขาถูกลดระดับลงหลังจากที่ตะเกียงในจีโนฮอลล์ดับใช่ไหม?’ หานเซิ่นคาดเดากับตัวเอง
หานเซิ่นคาดเดาถูกแค่ครึ่งเดียว ทั้งแองเจล่าและแอนโดล่าต่างก็เป็นราชันมาก่อน แต่พวกเขาไปทำผิดกฎจึงถูกส่งไปขังเป็นเวลาหลายศตวรรษ พวกเขาถูกทรมานอย่างหนักจนระดับลดลงจากราชันมาเป็นดยุก
หลังจากนั้นเมื่อตะเกียงในจีโนฮอลล์ของเผ่าเฟเธอร์ดับลง เฟเธอร์ทั่วทั้งจักรวาลก็ถูกลดระดับลง ซึ่งพวกเขาทั้ง 2 คนก็ถูกลดระดับจากดยุกมาอยู่ที่ระดับมาร์ควิส
เนื่องจากพวกเขาถูกขังอยู่ในคุกที่ไม่มีทรัพยากร ดังนั้นพวกเขาจึงยังอยู่ในระดับมาร์ควิส
ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ได้เกลี้ยกล่อมให้พี่น้องทั้ง 2 คนมาต่อสู้เพื่อแย่งชิงพลังจากสระแห่งการเกิดใหม่กับหานเซิ่น ถึงตอนนี้พลังของพวกเขาจะอยู่ในระดับมาร์ควิส แต่แก่นแท้ของพวกเขาคือราชัน พรสวรรค์ของพวกเขาจึงเหนือกว่ามาร์คริสทั่วๆไป
ในหลายวันที่ผ่านมา พวกเขาฟื้นตัวมากพอที่จะกลายเป็นดยุกอีกครั้ง และถ้าพวกเขาดูดซับพลังของสระแห่งการเกิดใหม่ได้สำเร็จ มันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะกลับไปเป็นราชัน
การให้พวกเขาทั้งคู่มาแย่งชิงพลังของสระแห่งการเกิดใหม่กับหานเซิ่นนั้นดีกว่าการส่งดยุกธรรมดาไป ต่อหน้าพลังที่โหดร้ายของพวกเขา ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ก็คิดว่าหานเซิ่นจะไม่ได้รับอะไรกลับไป
แต่ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่ได้บอกกับพี่น้องทั้ง 2 คนไปว่าให้พวกเขาปล่อยให้หานเซิ่นดูดซับพลังของสระแห่งการเกิดใหม่ไปบ้าง แบบนั้นปราสาทนภาจะได้กล่าวหาว่าพวกเขาเล่นไม่ซื่อไม่ได้
“สระแห่งการเกิดใหม่กำลังจะเปิดตัวขึ้น ได้โปรดเข้าไปในแท่นบูชายัญ” เฟเธอร์คนหนึ่งพูดขึ้นมา
แท่นบูชายัญนั้นใหญ่จนน่าประหลาดใจ หานเซิ่นเดินเข้าไปยืนใกล้ๆกับรูปปั้นนางฟ้าเพื่อรอให้สระแห่งการเกิดใหม่เปิดขึ้นมา
แองเจล่าและแอนโดล่ายืนอยู่ 2 ข้างรูปปั้นนางฟ้า ขณะที่หานเซิ่นยืนอยู่ตรงกลาง พวกเขาไม่ได้เหลือบมามองหานเซิ่นแม้แต่นิดเดียว พวกเขายืนอยู่นิ่งๆราวกับเป็นรูปปั้นซะเอง
แองเจล่าและแอนโดล่าไม่ได้คิดว่าหานเซิ่นจะเป็นภัยอะไรต่อพวกเขา เพราะพวกเขาเคยเป็นราชันมาก่อน ดังนั้นมันไม่สำคัญว่าหานเซิ่นจะมีชื่อเสียงสักแค่ไหน
ตอนนี้ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่และคนอื่นๆรอดูอยู่ข้างนอกด้วยความคาดหวัง ส่วนทูตคนอื่นๆจากปราสาทนภามองไปที่สระแห่งการเกิดใหม่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พวกเขาอยากรู้ว่าหานเซิ่นจะได้รับประโยชน์จากมันมากขนาดไหน
เมื่อยวิ๋นฉางคงเห็นแองเจล่าและแอนโดล่า เขาก็หลี่ตาลง พวกเขาถูกขังอยู่ในโฮลี่เฮฟเว่นเป็นเวลานาน ด้วยเหตุนั้นความทรงจำของทุกคนเกี่ยวกับพวกเขาจึงถูกลืมเลือนไป แต่ถึงอย่างนั้นยวิ๋นฉางคงก็ยังพอจะรู้อะไรอยู่บ้าง
ยวิ๋นฉางคงไม่ได้รู้จักกับพี่น้อง 2 คนนี้ แต่เขาเป็นคนที่คอยรับผิดชอบเรื่องเก็บรวบรวมข้อมูลของเผ่าพันธุ์ทั่วทั้งจักรวาลจีโน ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับเฟเธอร์ที่มีชื่อเสียงในยุคสมัยต่างๆ
เฟเธอร์ 2 คนที่ถูกส่งมานั้นเป็นแค่ระดับมาร์ควิสเท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้ยวิ๋นฉางคงรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ
‘ดูเหมือนว่าทั้ง 2 คนนี้จะมีอะไรมากกว่าที่เห็น’ ยวิ๋นฉางคงคิด เขาพยายามคาดเดาว่าพี่น้องทั้ง 2 คนนี้เป็นใครกันแน่
ยวิ๋นฉางคงไม่ได้คิดว่าทางเฟเธอร์จะเลือกมาร์ควิส 2 คนมาแย่งชิงพลังของสระแห่งการเกิดใหม่กับหานเซิ่นแบบแฟร์ๆ
ทางเฟเธอร์เกลียดชังข่งเฟย เนื่องจากหานเซิ่นได้รับขนนกระดับเทพเจ้าของข่งเฟย แถมยังเหตุการณ์เกี่ยวกับมีดขนนกโลหิตนั่นอีก ดังนั้นมันไม่มีทางที่พวกเฟเธอร์จะปล่อยให้หานเซิ่นได้รับพลังจากสระแห่งการเกิดใหม่ไปแบบง่ายๆ
แต่ยวิ๋นฉางคงจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินชื่อของ 2 พี่น้องมาก่อน และไม่นานสระแห่งการเกิดใหม่ก็เปิดขึ้น
รูปปั้นนางฟ้ากางปีกออกและเริ่มพ่นน้ำออกมา ขณะที่มีแสงสว่างส่องออกมาจากแท่นบูชายัญ และเมื่อเป็นแบบนั้น น้ำก็พุ่งขึ้นจากรูปปั้นและเปลี่ยนกลายเป็นเสาคริสตัลที่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
ตอนที่ 2106
หานเซิ่นยื่นมือออกไปเพื่อจะสัมผัสกับพลังงานที่พุ่งขึ้นมา ตอนนี้มันสมเหตุสมผลที่สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกว่าสระแห่งการเกิดใหม่ นั่นเป็นเพราะพลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นหนาแน่นเหมือนกับของเหลว
เมื่อหานเซิ่นสัมผัสกับพลังงานนั้น เขาก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังถูกครอบงำด้วยฮอร์โมนที่พรั่งพรูขึ้นมา มันทำให้เซลล์ทั้งหมดของเขาเต้นตุบๆราวกับว่ากำลังจะระเบิด
หานเซิ่นรีบใช้เรื่องราวของยีนเพื่อจะดูดซับพลังงานนั้นเข้าไป
แองเจล่าและแอนโดล่าก็เริ่มดูดซับพลังนั้นเข้าไปเช่นกัน แต่ทว่านี่ยังไม่ใช่พลังงานที่แท้จริงของสระแห่งการเกิดใหม่ มันเป็นเพียงแค่สสารเพื่อเตรียมพวกเขาสำหรับอาหารมื้อหลัก
ก่อนหน้านี้ปีกของนางฟ้าห่อมาข้างหน้า ทำให้มองไม่เห็นส่วนอื่นของรูปปั้น แม้แต่แขนของรูปปั้นก็ถูกซ่อนเอาไว้
แต่ตอนนี้เมื่อรูปปั้นนางฟ้ากางปีกออก มันก็เผยให้เห็นมือของรูปปั้นที่กำลังถือหม้อน้ำหินอยู่ พลังงานที่เก็บอยู่ภายในหม้อน้ำหินนั้นคือเหตุผลที่พวกเขามาที่นี่ หลังจากผ่านไปไม่นาน พลังงานของเหลวก็เริ่มไหลออกมาจากหม้อน้ำและแพร่กระจายออกไป
หานเซิ่นดูดซับพลังงานของเหลวเข้าไป และในขณะที่ทำแบบนั้น เขาก็ได้ยินเสียงแตกฟองจากภายในหม้อน้ำหิน หลังจากนั้นไม่นานบางอย่างสีขาวก็ออกมาจากหม้อน้ำ
ก่อนที่หานเซิ่นจะเห็นว่ามันคืออะไร ร่างกายของแองเจล่าและแอนโดล่าก็เริ่มเรืองแสงสีขาวขึ้นมา พวกเขาดูเหมือนกับเทวดาศักดิ์สิทธิ์
หานเซิ่นมองดูอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะเห็นว่าวัตถุสีขาวที่ออกมาจากหม้อคืออะไร
วัตถุสีขาวมีขนาดพอๆกับผ่ามือ และเมื่อเขามองดูใกล้ๆ เขาก็เห็นว่ามันเป็นไข่ที่มีปีกของนางฟ้า
ในตอนแรกมันจะบินวนรอบๆรูปปั้นนางฟ้า แต่ไม่นานมันก็สังเกตเห็นพลังของแองเจล่ากับแอนโดล่า และด้วยเหตุนั้นมันจึงบินเข้าไปหาแองเจล่า
หานเซิ่นรู้ว่าสิ่งนั้นก็คือพลังแห่งการเกิดใหม่ โชคดีที่ก่อนเดินทางมาผู้นำของปราสาทนภาได้บอกหานเซิ่นเกี่ยวกับวิธีที่จะชิงพลังนั้นมาเป็นของตัวเอง
พลังแห่งการเกิดใหม่นั้นแปลกประหลาด มันไม่ใช่สิ่งที่หานเซิ่นจะชิงไปได้ด้วยพละกำลัง เขาจำเป็นต้องดึงดูดมันมาหาด้วยพลังชีวิตของตัวเอง ซึ่งโดยปกติแล้วเฟเธอร์จะดึงดูดและดูดซับพลังแห่งการเกิดใหม่ได้ดีที่สุด แต่ผู้นำของปราสาทนภาได้สอนวิธีการบางอย่างให้กับหานเซิ่น หานเซิ่นทำตามคำสั่งที่ได้รับและเริ่มร่ายเรื่องราวของยีน
‘มันจะได้ผลจริงๆไหมนะ?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
วิธีการที่ผู้นำของปราสาทนภาสอนให้กับเขาเป็นอะไรที่ง่ายๆ มันง่ายซะจนหานเซิ่นไม่อยากจะเชื่อ
หานเซิ่นเริ่มร่ายเรื่องราวของยีน หลังจากนั้นแสงเทพก็ก่อตัวเป็นรูปร่างของแหวน มันเป็นวงแหวนที่มีขนาดเท่ากับหัวของหานเซิ่นพอดี ในมุมมองหนึ่ง มันดูเหมือนกับมีคันฉ่องเกาะอยู่เหนือหัวของเขา
เมื่อหานเซิ่นสร้างวงแหวนขึ้นมา พลังแห่งการเกิดใหม่ก็หักเลี้ยวออกจากแองเจล่าและบินตรงเข้ามาหาวงแหวนของหานเซิ่นแทน
เมื่อเห็นพลังแห่งการเกิดใหม่มุ่งตรงเข้าไปหาหานเซิ่น พวกผู้อาวุโสของเฟเธอร์ยังคงใจเย็น พวกเขารู้ว่าคนอย่างหานเซิ่นไม่ใช่จะรับมือได้ง่ายๆ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่พวกเขาจำเป็นต้องให้แองเจล่าและแอนโดล่ามาจัดการ
เมื่อเห็นว่าพลังแห่งการเกิดใหม่บินไปหาหานเซิ่น แองเจล่าและแอนโดล่าก็มองหน้ากัน แอนโดล่าพยักหน้าและหลังจากนั้นเงาเทวดาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีทอง
ตูม!
แอนโดล่าก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและกางแขนกับปีกออก ในท่าทางที่ดูเหมือนกับว่าเขากำลังต้อนรับความรุ่งโรจน์ของเช้าวันใหม่ เขาปลดปล่อยรัศมีสีทองออกมาราวกับว่าเขาเป็นเทวดาที่ศักดิ์สิทธิ์
ทุกคนเห็นว่าแอนโดล่าวิวัฒนาขึ้นไปสู่ระดับดยุก พลังชีวิตของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก และเขาก็สามารถดึงดูดพลังแห่งการเกิดใหม่ได้ดียิ่งกว่าเดิม
เมื่อเห็นรัศมีสีทองของแอนโดล่า ยวิ๋นฉางคงก็คิดกับตัวเอง ‘นั่นมันแสงเทพดาแห่งการพิพากษาที่เป็นเทคนิคต้องห้ามของเฟเธอร์หนิ ถ้าจำไม่ผิดเมื่อหลายศตวรรษก่อนมันมีพี่น้องคู่หนึ่งที่เรียนรู้เทคนิคต้องห้ามนี้ นี่พวกเขาคือ..?’
ยวิ๋นฉางคงมองดูแอนโดล่าและแองเจล่าด้วยสีหน้าที่มืดมน
‘ถ้าพวกเขาเป็น 2 พี่น้องนั่นจริงๆ หานเซิ่นก็จะตกอยู่ในอันตราย แม้แต่วงแหวนที่ท่านผู้นำสอนให้กับเขาก็ไม่พอที่จะเอาชนะ 2 พี่น้องนี่ได้’
เมื่อเทวดาสีทองของแอนโดล่าปรากฏขึ้นมา พลังแห่งการเกิดใหม่ที่กำลังบินเข้าไปหาหานเซิ่นก็หยุดนิ่งไป ไข่มีปีกเริ่มสับสน เนื่องจากไม่แน่ใจว่าควรจะไปทางไหนดี
ขณะที่เป็นแบบนั้น มันก็มีเสียงแตกดังขึ้นมาอีกครั้ง และไม่นานไข่อีกฟองก็บินออกมาจากหม้อ แต่มันก็มีท่าทางเหมือนกับไข่ก่อนหน้าที่สงสัยว่าควรจะบินไปทางไหนดี
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาใช้วงแหวนที่ผู้นำของปราสาทนภาสอนให้แล้ว แต่ดูเหมือนว่ามันยังไม่พอที่จะดึงดูดพลังแห่งการเกิดใหม่
แอนโดล่าเสริมพลังให้กับแสงเทวดาสีทองขึ้นเรื่อยๆเพื่อจะเอาชนะวงแหวนของหานเซิ่น แต่มันยังคงไม่มีฝ่ายไหนที่สามารถดึงดูดพลังแห่งการเกิดใหม่ไปเป็นของตัวเองได้
ผู้อาวุโสเฟเธอร์แฟรี่และคนอื่นๆดีใจที่ตัดสินใจเลือกพี่น้องแองเจล่าและแอนโดล่า พวกเขารู้ว่าดยุกธรรมดาจะต้องพ่ายพ้ายให้กับหานเซิ่นอย่างแน่นอน เมื่อพวกเขาเห็นว่ามันยากลำบากแค่ไหนที่แอนโดล่าจะเอาชนะหานเซิ่น พวกเขาก็รับรู้ว่าแรงดึงดูดของวงแหวนนั่นทรงพลังมากขนาดไหน
แต่ถึงสถานการณ์จะดูตึงเครียด พวกเขาก็ดูไม่ได้กังวลอะไร เพราะแองเจล่ายังคงไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ ถ้าพี่น้องใช้พลังของพวกเขาพร้อมๆกัน พวกเขาก็มั่นใจว่าจะทำให้หานเซิ่นพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
ยวิ๋นฉางคงขมวดคิ้ว วงแหวนของผู้นำของปราสาทนภานั้นทรงพลัง แต่เรื่องราวของยีนของหานเซิ่นเพิ่งเป็นแค่ระดับเอิร์ลเท่านั้น แถมมันยังมีแองเจล่าอีกคนที่ต้องรับมือ นั่นหมายความว่าโอกาสที่หานเซิ่นจะชนะนั้นแทบไม่มีเลย
ขณะที่หานเซิ่นและแอนโดล่ากำลังต่อสู้กันนั้น ไข่มีปีกอีกหลายฟองก็บินออกมาจากหม้อและติดแหง็กอยู่ระหว่างทั้ง 2 คน
แองเจล่าเดินข้างๆแอนโดล่าและสัมผัสหัวของเขา หลังจากนั้นเงาเทวดาของแองเจล่าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองเช่นกัน ในที่สุดแองเจล่าก็ดูดซับพลังงานของเหลวเข้าไปมากพอที่จะกลายเป็นดยุก
หลังจากนั้นแองเจล่าก็เริ่มส่งพลังเข้าไปในตัวของแอนโดล่า แสงเทวดาสีทองของเขาอ่อนลงเรื่อยๆ ขณะที่แสงเทวดาสีทองของแอนโดล่านั้นเจิดจ้าขึ้น
สมดุลระหว่างแสงเทวดาสีทองของแอนโดล่าและวงแหวนของหานเซิ่นถูกทำลาย พลังแห่งการเกิดใหม่เริ่มกระพือปีกและบินตรงเข้าไปหาแอนโดล่า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น