Super God Gene 2099-2102

ตอนที่ 2099

 

แสงสีแดงฉีกผ่านก้อนเมฆบนท้องฟ้า มันเป็นเหมือนกับภูเขาไฟที่ปะทุขึ้นโดยไม่มีวี่แววว่าจะหยุดลง


 


“ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าในอนาคตต้องมาจบชีวิตลงในตอนนี้ มันเป็นอะไรที่น่าเสียดายยิ่งนัก”


ข่านมองไปที่แสงสีแดงบนท้องฟ้า หลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาราวกับว่าเขารู้สึกเวทนาจากใจจริง


 


“แต่นั่นคือสัจธรรมของโลกใบนี้ อัจฉริยะมากมายตายไปและกลายเป็นแค่ความทรงจำที่ลืมเลือน คนที่อยู่รอดและกลายเป็นเทพเจ้าได้สำเร็จนั้นไม่ได้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดเสมอไป แต่พวกเขาเป็นคนที่เอาตัวรอดได้ดีที่สุด น่าเสียดายที่ชีวิตของพวกเจ้าต้องจบลงเพียงเท่านี้” ข่านพูดกับตัวเองขณะที่มองแสงสีแดงที่กำลังจะจางหายไป


 


ไนท์โกสต์ที่เหลือรอดอยู่ร่วงลงมาที่พื้นหมดแล้ว พวกเขาสูญเสียเลือดมากเกินไป ร่างกายของพวกเขาสั่นรัวและไม่เหลือกำลังอีก จากไนท์โกสต์นับหมื่น ตอนนี้เหลือเพียงแค่ 4-5 พันคนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่


 


ดยุกสลีปเลสส์จ้องมองหอกเลือดปีศาจในมือและสังเกตเห็นว่ามันเป็นอาวุธที่ดูธรรมดาๆหลังจากที่ปลดปล่อยพลังออกไปแล้ว หลังจากนั้นเธอก็หันไปมองสภาพไนท์โกสต์ที่เหลือรอดอยู่ ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้วที่พวกเขาจะฝ่าการป้องกันของปราสาทนภาและไปเข้าร่วมกับเผ่าเดม่อน


 


“อย่างน้อยๆฝันร้ายก็จบลงแล้ว” ดยุกสลีปเลสส์ถอนหายใจ แต่ในจังหวะที่เธอจะคืนหอกให้กับข่าน เธอก็หยุดชะงักไป ดวงตาของเธอเบิกกว้างขณะที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า


 


เมื่อแสงสีแดงเลือนหายไปจนหมดแล้ว ดยุกสลีปเลสส์ก็เห็นแสงสีฟ้าทรงกลมลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งมันก็คือโล่โปร่งใสสีฟ้าของหานเซิ่น


 


ถึงแม้มันจะถูกพลังของหอกเลือดปีศาจเข้าเต็มไปเต็มๆ แต่โล่สีฟ้าก็ยังไม่แตกสลาย แถมผิวของมันยังใสสะอาดราวกับว่าไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว


 


หานเซิ่นและทั้ง 2 คนยังคงอยู่ภายในโล่เช่นเดิม พวกเขานั่งพักอย่างผ่อนคลายราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น


 


“เป็นไปไม่ได้” ข่านเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่ดวงตากำลังมองเห็น


 


หอกเลือดปีศาจเป็นอาวุธระดับราชัน แต่แล้วมันกลับไม่สามารถทำลายโล่ป้องกันที่มาร์ควิสคนหนึ่งสร้างขึ้นมาได้ นี่มันไม่สมเหตุสมผลสำหรับเขา ถึงแม้โล่ป้องกันจะเกิดจากสมบัติระดับราชันหรือเทพเจ้า แต่ด้วยพลังที่จำกัดของหานเซิ่น มันก็ไม่ควรจะแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้


 


ดยุกสลีปเลสส์ต้องจ่ายเลือดของไนท์โกสต์ไปไม่รู้กี่พันคนเพียงเพื่อจะใช้พลังระดับราชัน แต่โล่ป้องกันของหานเซิ่นกลับยังคงสภาพอยู่ได้ โดยที่เขาไม่มีร่องรองความความเหนื่อยล้าหรือต้องสังเวยอะไรเลย


 


นี่เป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลในสายตาของพวกเขา เพราะแม้แต่สมบัติระดับเทพเจ้าก็ไม่ควรจะทำอะไรแบบนั้นได้


 


ข่านและดยุกสลีปเลสส์ไม่มีทางรู้ได้ว่าที่หานเซิ่นใช้นั้นไม่ใช่สมบัติซีโน่เจเนอิค แต่เป็นวิญญาณอสูร


 


“ดูเหมือนว่าในตอนนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องหนีอีกแล้ว”


หานเซิ่นเรียกใบเสมาของราชาแมลงปีศาจกลับและชักมีดเขี้ยวผีสิงออกมา หลังจากนั้นเขาก็กระพือปีกและบินกลับลงไปที่ดาวไนท์โกสต์


 


ไผ่เดียวดายเองก็ตามหานเซิ่นกลับลงไปพร้อมกัน


 


หอกเลือดปีศาจได้ใช้พลังของเหล่าไนท์โกสต์ไปจนหมด ตอนนี้มันจึงไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาต้องหนีอีกต่อไป


 


เมื่อเห็นหานเซิ่นและไผ่เดียวดายกำลังบินลงมา พวกไนท์โกสต์ก็ต้องการจะเข้าไปหยุดทั้ง 2 คนเอาไว้ แต่พวกเขาสูญเสียเลือดมากเกินไป ทำให้พวกเขาไม่เหลือเรี่ยวแรงจะต่อสู้อีก


 


มีดลมปราณสีม่วงเข้มฉีกร่างของไนท์โกสต์ที่อ่อนแอขาดเป็นชิ้นๆด้วยพลังเขี้ยว


 


“ซีโน่เจเนอิคไนท์โกสต์ระดับมาร์ควิสถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”


“ซีโน่เจเนอิคไนท์โกสต์ระดับมาร์ควิสถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”


“ซีโน่เจเนอิคไนท์โกสต์ระดับมาร์ควิสถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูรไนท์โกสต์”



 


ร่างของไนท์โกสต์มากมายถูกเฉือนเป็นชิ้นๆด้วยมีดเขี้ยวผีสิง เสียงประกาศดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวของหานเซิ่น ขณะที่เขาไล่ฆ่าพวกไนท์โกสต์


 


นิ้วทั้งสิบของไผ่เดียวดายเป็นเหมือนกับดาบในตัวเอง ดาบแสงถูกฟันออกไปราวกับตาข่ายและสังหารไนท์โกสต์ทุกคนตรงหน้าของเขา


 


“ไม่!” ดยุกสลีปเลสส์รู้สึกหน้ามืดจนเกือบจะเป็นลมไป การสังเวยตั้งมากมายของเธอนั้นสูญเปล่า และมันยังทำให้เหล่าไนท์โกสต์ทั้งหมดตกอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถต่อสู้ได้อีก


 


ดยุกสลีปเลสส์ร้องคำรามออกมา และด้วยจิตใจที่ไม่หวาดกลัวต่อความตาย เธอวิ่งเข้าไปหาหานเซิ่น


 


“เจ้าจัดการทั้งหมดนี่ได้สินะ” หานเซิ่นกระพือปีกและเทเลพอร์ตผ่านดยุกสลีปเลสส์ไป เขามุ่งหน้าไปหาข่านที่กำลังพยายามจะหนีไป


 


ดยุกสลีปเลสส์ต้องการจะฆ่าพวกเขาก็จริง แต่คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดคือข่าน หานเซิ่นไม่คิดจะปล่อยให้เขาหนีรอดไปได้


 


ข่านเห็นหานเซิ่นไล่ตามมาจากด้านหลัง และถึงเขาจะรวดเร็ว แต่เขาก็ไม่ได้รวดเร็วอย่างหานเซิ่น


 


“หานเซิ่น เจ้าอาจจะชนะในครั้งนี้ แต่ครั้งหน้าที่เราพบกัน เจ้าจะไม่โชคดีแบบนี้” ข่านนำกล่องโลหะกล่องหนึ่งออกมาและขว้างมันลงตรงหน้า


 


ฟันเฟืองภายในกล่องโลหะที่ดูเหมือนกับเครื่องจักรเริ่มหมุนวนและกลายเป็นนกยูงโลหะ


 


“ไป!” ข่านสั่งนกยูงโลหะ มันกางปีกออกและหางของมันก็เรืองแสงสีเขียวออกมา มันเริ่มบินออกไปด้วยความเร็วราวกับจรวด ทำให้ระยะห่างระหว่างข่านและหานเซิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


 


“การจะหนีไปไม่ได้ง่ายแบบนั้นหรอก” หานเซิ่นลูบหัวของเป่าเอ๋อ หลังจากนั้นเป่าเอ๋อก็เรียกน้ำเต้าของเธอและปลดปล่อยคลาวด์บีสต์สีแดงออกมา


 


“เจ้าเมฆน้อย ถ้าเจ้าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ไล่ตามชายคนนั้นไป ไม่อย่างนั้นข้าจะขังเจ้าไปอีก 500 ปี” หานเซิ่นพูดขณะที่ขึ้นไปเหยียบบนตัวของมัน


 


เจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงดูไม่เต็มใจนัก แต่ด้านหลังของมันก็เริ่มจะปลดปล่อยหมอกควันออกมา มันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง


 


ข่านขี่นกยูงโลหะออกไปสู่อวกาศด้วยความรู้สึกแย่อย่างที่สุด เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่แผนการทั้งหมดล้มเหลวไม่เหลือชิ้นดี ซึ่งนั่นจะทำให้เขาถูกบดขยี้โดยคู่แข่งภายในเผ่าเดม่อน


 


“ยังโชคดีที่เรานำสัตว์ขี่ระดับดยุกติดตัวมาด้วย ไม่อย่างนั้นเราคงจะไม่รอดแน่ๆ” ข่านคิดอย่างโล่งใจ


 


แต่เมื่อเขาหันกลับไปมองด้านหลัง ขากรรไกรของเขาก็ค้างไป บางสิ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางเขาด้วยความเร็วสูง เมื่อเขาเห็นถึงความเร็วของมันแล้ว มันก็ทำให้เขารู้สึกราวกับว่านกยูงโลหะระดับดยุกหยุดเคลื่อนไหวอย่างไงอย่างงั้น

 

 

 


ตอนที่ 2100

 

“มันเร็วถึงขนาดนั้นได้ยังไงกัน?” ข่านอุทานออกมา แต่ก่อนที่เขาจะรู้ตัว มันก็สายเกินไปแล้ว เพราะหานเซิ่นไล่ตามเขามาจนทันด้วยการขี่คลาวด์บีสต์สีแดง


 


ดวงตาของข่านเปลี่ยนเป็นสีม่วง และเขาสีม่วงบนหัวของเขาก็ลุกไหม้เหมือนกับเหล็กสีแดง พร้อมกับปลดปล่อยแสงสีม่วงออกมา


 


กล้ามเนื้อของข่านเริ่มปูดขึ้นมาจนกระทั่วชุดเกราะที่เขาสวมใส่อยู่แตกกระจาย ในชั่วพริบตาร่างมนุษย์ปกติของเขาก็เติบโตกลายเป็นร่างยักษ์ที่น่าสะพรึงกลัว


 


เส้นเอ็นของข่านบิดเบี้ยวอยู่ใต้ผิวหนังราวกับงู และผิวของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงที่ดูแปลกประหลาด เส้นผมของเขายาวขึ้นจนเกือบจะถึงเท้า ความกดดันอันน่ากลัวแพร่กระจายออกมาจากร่างกายของข่าน ราวกับว่าเขาเป็นเทพเจ้าที่เหี้ยมโหดจากสมัยโบราณ


 


ตูม!


 


ข่านชกเข้าใส่หานเซิ่น และพลังมารนภาก็เริ่มเข้าครอบงำหานเซิ่น


 


ข่านในร่างยักษ์ทรงพลังขึ้นอย่างมาก ตอนนี้เขาเหนือยิ่งกว่ามาร์ควิสคนไหนๆ ในร่างนี้เขาสามารถฆ่ามาร์ควิสส่วนใหญ่ได้ และด้วยความแม่นยำของพลังมารนภา เขาก็ไร้เทียมทานเมื่ออยู่ต่อหน้ามาร์ควิส


 


ในร่างปีศาจยักษ์ การโจมตีของเขาไม่สามารถป้องกันหรือหลบหลีกได้ เขาดูเหมือนกับศัตรูที่ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง ในด้านความแข็งแกร่งนั้นข่านในร่างปีศาจยักษ์เทียบได้กับความเร็วของเจ้าคลาวด์บีสต์สีแดง


 


แต่พลังแบบนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรต่อหานเซิ่น เขาใช้ศาสตร์ตงเสวียนและเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นลำดับโครงสร้าง เขาทำลายพลังมารนภาที่เข้ามา และด้วยความเร็วของเจ้าคลาวด์บีสต์สีแดง มันก็ทำให้เขาสามารถหลบหลีกการโจมตีของข่านได้สำเร็จ


 


เมื่อเห็นอย่างนั้นตาดำของข่านก็หดเล็กลงไป เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมีอะไรที่สามารถหลบหลีกพลังมารนภาได้ นอกจากนั้นเขาก็ไม่มีเวลาจะดึงหมัดกลับมาเพื่อป้องกันอีกแล้ว


 


เจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงเป็นเหมือนกับสายฟ้า มันพุ่งผ่านคอของข่านไป ขณะเดียวกันหานเซิ่นก็ใช้มีดเขี้ยวผีสิงฟันออกไป


 


กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งถูกตัดด้วยมีดลมปราณสีม่วงเข้ม และเลือดก็เริ่มจะหลั่งไหลออกมาราวกับน้ำตก แต่คอของข่านมีขนาดใหญ่เกินไป ทำให้บาดแผลที่หานเซิ่นทิ้งเอาไว้เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับขนาดของปีศาจยักษ์แล้ว


 


ข่านคำรามออกมาและกระหน่ำชกหมัดออกไปโดยหวังว่ามันจะถูกตัวหานเซิ่นสักหมัด


 


ข่านนั้นแข็งแกร่งเท่าที่มาร์ควิสคนหนึ่งจะแข็งแกร่งได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นพลังมารนภากลับไม่สามารไปถูกตัวหานเซิ่นได้ คลาวด์บีสต์สีแดงบินวนรอบตัวของเขาราวกับสายฟ้า


 


บนร่างของข่านเริ่มมีบาดแผลมากขึ้นเรื่อยๆ และในทุกบาดแผลก็ถูกปกคลุมด้วยมีดลมปราณสีม่วงเข้ม ซึ่งมันกำลังฉีกร่างของข่าน และทำให้เลือดไหลออกมามากยิ่งกว่าเดิม


 


ปีศาจยักษ์คำรามออกมาและยังคงพยายามชกออกไปอย่างต่อเนื่อง


“ทำไมกัน? ทำไมพลังมารนภาของข้าถึงไม่ได้ผล? นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”


 


แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพยายามทำ ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ หานเซิ่นยังคงปลดปล่อยมีดลมปราณออกมาเรื่อยๆ และหลังจากที่โจมตีอีก 2-3 ครั้ง เจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงก็บินมาลอยตัวอยู่ตรงหน้าของข่าน


 


“ข่าน ในตอนที่เจ้ารู้ว่าไผ่เดียวดายและข้ามาถึงดาวไนท์โกสต์ เจ้าก็มีแผนจะใช้เหล่าไนท์โกสต์กำจัดพวกเราอยู่แล้ว ข้าพูดถูกใช่ไหม?” หานเซิ่นมองข่านขณะที่พูดออกมา


 


ข่านหันไปอีกทางโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาต้องการจะหนีไป


 


หานเซิ่นเริ่มกวัดแกว่งมีดเขี้ยวผีสิงอีกครั้ง และมีดลมปราณสีม่วงที่บางยิ่งกว่าเส้นผมก็ปรากฏขึ้นรอบๆตัวของข่าน


 


ข่านคำรามออกมาด้วยความโกรธ เขาพยายามปลดปล่อยพลังออกมาเพื่อจะตัดมีดเส้นไหมที่รัดตัวของเขาอยู่


 


แต่ทว่าเขาประเมินประสิทธิภาพมีดเส้นไหมของหานเซิ่นต่ำเกินไป แม้แต่พลังอันมหาศาลของเขาก็ไม่เพียงพอจะทำลายพวกมันทั้งหมดได้ การดิ้นรนของเขามีแต่จะทำให้พวกมันฝังลึกเข้าไปในเนื้อหนังของเขามากขึ้นอีก


 


หานเซิ่นโบกมีดเขี้ยวผีสิงไปมาเพื่อทำให้มีดเส้นไหมรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม พวกมันตัดร่างปีศาจยักษ์ของข่านเป็นชิ้นๆในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที


 


เศษเนื้อและเลือดกระจัดกระจายออกมา ขณะที่หอกเลือดปีศาจและนกยูงโลหะถูกปลดปล่อยออกมาท่ามกลางร่างกายของข่าน


 


หานเซิ่นเข้าไปเก็บหอกเลือดปีศาจและนกยูงโลหะมา แต่ทันใดนั้นก็มีแสงสีม่วงปรากฏออกมาจากซากศพของข่าน ซึ่งมันพุ่งหายไปในอวกาศอย่างรวดเร็ว


 


“นั่นคืออะไรกัน?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว แสงสีม่วงนั้นรวดเร็วเกินกว่าที่หานเซิ่นจะเห็นได้ว่ามันคืออะไร


 


แต่หานเซิ่นรู้ว่าข่านยังไม่ตาย มันเห็นได้ชัดว่าข่านเป็นซีโน่เจเนอิค แต่เขาก็ยังไม่ได้ยินเสียงประกาศจากการที่ฆ่าข่าน


 


หานเซิ่นค้นชิ้นส่วนยีนซีโน่เจเนอิคในร่างใหญ่ยักษ์ของข่าน แต่เขาก็ไม่สามารถหายีนซีโน่เจเนอิคได้เช่นกัน


“แสงสีม่วงที่หนีไปได้คงจะเป็นยีนซีโน่เจเนอิคของข่านไม่ผิดแน่”


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าข่านหนีไปได้ยังไง แต่ไม่ว่าจะยังไงตอนนี้เขาก็หายไปแล้ว ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงเก็บหอกเลือดปีศาจกับนกยูงโลหะไปและเดินทางกลับดาวไนท์โกสต์


 


ไผ่เดียวดายได้จับตัวดยุกสลีปเลสส์เอาไว้ และการก่อกบฏของเผ่าพันธุ์ไนท์โกสต์ก็ถึงการสิ้นสุด


 


เมื่อคนของปราสาทนภามาถึง พวกเขาก็พาดยุกสลีปเลสส์และไนท์โกสต์ที่เหลือดรอดกลับไปที่ปราสาทนภา หานเซิ่นและไผ่เดียวดายหยุดการก่อกบฏของพวกเขาได้สำเร็จ ซึ่งทำให้พวกเขาทั้ง 2 คนได้รับรางวัลจากผู้อาวุโส


 


นอกจากจีโนฟลูอิดและสมบัติแล้ว พวกเขายังได้รับโอกาสให้เข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เพื่อเลือกวิชาจีโนตัวใหม่


 


แต่ทว่าหานเซิ่นยังไม่มีเวลาฝึกวิชาจีโนอื่น เพราะตอนนี้เขาก็แทบจะไม่มีเวลาฝึกวิชาปราบมารแล้ว ดังนั้นมันไม่มีเหตุผลที่เขาต้องไปตำหนักศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้


 


หานเซิ่นต้องการจะถามซีเหมินยงหลายคำถาม แต่ในตอนที่เขากลับไปที่ดาวไนท์โกสต์นั้น ซีเหมินยงก็ได้หายตัวไปแล้ว แต่ทว่าชายคนนั้นได้ทิ้งหมายเลขสำหรับติดต่อเอาไว้บนก้อนหิน


 


เมื่อกลับไปที่ปราสาทนภา ผู้นำของปราสาทนภาก็เรียกตัวหานเซิ่นไปพบ เขาจ้องหานเซิ่นอยู่สักพัก และในที่สุดเขาก็พูดขึ้นมา


“เจ้าไม่ใช่ศิษย์ของปราสาทนภาที่แท้จริง แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ทำประโยชน์ให้กับพวกเรามากมาย ถ้าเจ้าต้องการอะไร ข้าจะมอบคำขอที่เป็นอันสมควรให้กับเจ้า”


 


“ท่านผู้นำ ท่านหมายความว่ายังไงที่ว่าคำขอที่เป็นอันสมควร?”


หานเซิ่นไม่คิดว่าผู้นำของปราสาทนภาจะพูดอย่างจริงใจ เพราะเขาสามารถปฏิเสธคำขออะไรก็ตามที่หานเซิ่นต้องการได้ ด้วยการกล่าวอ้างว่ามันไม่เป็นอันสมควร โดยผิวเผินแล้วมันอาจจะฟังดูดี แต่จริงๆแล้วมันค่อนข้างขี้เหนียว


 


“หมายความว่าข้าจะพยายามตอบสนองสิ่งที่ข้ารู้สึกว่ามันสมควร” ผู้นำของปราสาทนภาพูดพร้อมกับหลี่ตา


 


หานเซิ่นยักไหล่และคิดว่าผู้นำปราสาทนภาเป็นคนที่ค่อนข้างเจ้าเล่ห์ เขาไม่ได้โมโหอะไร แต่เขาไม่แน่ใจว่าจะขอได้มากสักแค่ไหน


 


‘เขาจะไม่ให้อะไรที่มากเกินไป แต่เราก็ไม่อยากจะได้อะไรที่น้อยเกินไปเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นเราควรจะขออะไรดี?’ หานเซิ่นสงสัย

 

 

 


ตอนที่ 2101

 

ทันใดนั้นดวงตาของหานเซิ่นก็เป็นประกายขึ้นมา ดูเหมือนว่าเขาจะคิดสิ่งที่ต้องการได้แล้ว


 


ผู้นำของปราสาทนภายิ้มให้กับหานเซิ่น


“บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการอะไร! ข้าเห็นอี๋ซาอาจารย์ของเจ้าเป็นเหมือนลูกศิษย์จริงๆ เจ้าจึงเป็นเหมือนกับลูกศิษย์ของข้าเช่นกัน ดังนั้นอย่าได้รู้สึกผิดและขอสิ่งที่เจ้าต้องการ”


 


“ท่านผู้นำ ข้าจะไม่ขออะไรมาก เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้เรียนวิชาผนึกมาร มันเป็นวิชาที่ค่อนข้างมหัศจรรย์ และข้าจะซาบซึ้งอย่างมาก ถ้าท่านช่วยให้ข้าก้าวหน้าในวิชา ข้าอยากจะเรียนรู้มันได้เร็วกว่านี้” หานเซิ่นโค้งคำนับ


 


ผู้นำของปราสาทนภาจ้องหานเซิ่น เขาไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะขออะไรแบบนี้ นี่เป็นได้ทั้งสิ่งที่ง่ายมากๆหรือสิ่งที่ยากมากๆ


 


ผู้นำปราสาทนภาถูกขอให้สอนวิชาผนึกมารให้กับหานเซิ่น แต่หานเซิ่นจะเรียนรู้มันได้เร็วสักแค่ไหน? วิชาผนึกมารมีอยู่ทั้งหมด 11 ขั้นด้วยกัน ผู้นำของปราสาทนภาจึงไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานสักแค่ไหนเพื่อสอนให้กับหานเซิ่น


 


แต่เขาเป็นผู้นำ และหานเซิ่นก็แค่ขอให้เขาช่วยสอนวิชาให้เท่านั้น ซึ่งมันจะเป็นอะไรที่ดูแย่ ถ้าเขาไม่สามารถสอนวิชาจีโนให้กับคนๆหนึ่งได้


 


ผู้นำของปราสาทนภาเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา


“วิชาผนึกมารเป็นวิชาลับของปราสาทนภา มันเป็นวิชาที่ซับซ้อน และมันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะเรียนรู้ได้ในเวลาไม่กี่วัน แต่ถึงจะพูดแบบนั้น มันก็มีวิธีที่จะทำให้เจ้าเรียนรู้มันได้อย่างรวดเร็ว เจ้าอยากจะลองเสี่ยงดูไหม?”


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว ผู้นำของปราสาทนภาทำให้หานเซิ่นกลับมาลำบากใจอีกครั้ง เขาบอกว่ามันเป็นอะไรที่เสี่ยง แต่เขาไม่ได้บอกว่ามันเสี่ยงขนาดไหน ซึ่งถ้าหานเซิ่นไม่ยอมรับข้อเสนอ เขาก็จะไม่สามารถโทษผู้นำของปราสาทนภาได้


 


หานเซิ่นเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็กัดฟันและพูดขึ้นมา “ข้าอยากที่จะลองดู”


 


“ดี สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ของอี๋ซา ข้าเชื่อในตัวเจ้า ไปเตรียมตัวและไปเจอข้าที่เกาะวิถีทางที่ถูกซ่อน” หลังจากนั้นผู้นำของปราสาทนภาก็โบกมือบอกให้หานเซิ่นไปได้


 


หานเซิ่นโค้งคำนับและออกจากปราสาทไป ในระหว่างทางเขาก็ครุ่นคิดว่าทำไมผู้นำของปราสาทนภาถึงจะส่งเขาไปที่เกาะวิถีทางที่ถูกซ่อน


 


หานเซิ่นรู้ว่าเกาะวิถีทางที่ถูกซ่อนเป็นเขตหวงห้ามของปราสาทนภา ถ้าไม่มีคำอนุญาตจากผู้นำ มันก็ไม่มีใครสามารถไปที่นั่นได้ ส่วนบนเกาะแห่งนั้นมีอะไรรออยู่ หานเซิ่นก็ไม่อาจจะรู้ได้ เขาต้องหาความจริงเรื่องนั้นในวันต่อไป


 


แต่หานเซิ่นไม่คิดว่าผู้นำของปราสาทนภาจะพาเขาไปเจออะไรที่เป็นอันตรายมากเกินไป อย่างมากเขาก็คิดว่าอาจจะต้องอดทนต่อความทรมานเล็กน้อย ซึ่งถ้าความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยสามารถทำให้เขาข้ามวิชาผนึกมารได้สัก 5-6 ขั้น มันก็เป็นอะไรที่คุ้มค่า


 


วิชาผนึกมารนั้นซับซ้อนเกินไป ถ้าเขาเรียนรู้ด้วยวิธีปกติ มันก็อาจจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่เขาจะฝึกมันจนสำเร็จ


 


ก่อนเดินทางไปที่เกาะวิถีทางที่ถูกซ่อน หานเซิ่นก็ได้เชิญกระเรียนพันขนและพี่น้องยวิ๋นมาพบ เขาอยากจะรู้เกี่ยวกับสถานที่ที่เขากำลังจะไปมากกว่านี้


 


ยวิ๋นซู่ซางตกใจเมื่อได้ยินว่าผู้นำของปราสาทนภาจะพาหานเซิ่นไปที่นั่น


 


ยวิ๋นซู่อีพูดขึ้นมาในทันที “เกาะวิถีทางที่ถูกซ่อน ไม่ใช่สถานที่ที่ทุกคนจะไปได้ ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าของปราสาทนภาจะได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่นก็ต่อเมื่อพวกเขากำลังจะวิวัฒนาการ สถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยอันตราย ราชันหลายคนที่วิวัฒนาการไม่สำเร็จ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับมา ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมท่านผู้นำถึงต้องการพาเจ้าไปที่นั่น”


 


พวกเขาบอกหานเซิ่นทุกอย่างที่รู้เกี่ยวกับเกาะวิถีทางที่ถูกซ่อน แต่พวกเขาไม่ได้รู้อะไรมาก และเท่าที่พวกเขารู้ มันเป็นสถานที่สำหรับราชันที่กำลังจะวิวัฒนาการ


 


ราชันที่เข้าไปไม่กลับออกมาในฐานะครึ่งเทพก็จะกลับออกมาในสภาพปางตาย มันเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างมาก และมันก็ไม่เคยมีใครได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่นก่อนจะวิวัฒนาการเป็นระดับราชันมาก่อน


 


กระเรียนพันขนครุ่นคิดและพูด “แต่พวกเราไม่จำเป็นต้องไปกังวลมากเกินไป ไม่มีทางที่ท่านผู้นำคิดจะทำร้ายหานเซิ่น เขาต้องมีเหตุผลบางอย่างอยู่ถึงพาหานเซิ่นไปในสถานที่แบบนั้น”


 


หานเซิ่นก็คิดเหมือนกัน ถ้าผู้นำของปราสาทนภาต้องการจะทำร้ายเขา มันก็ไม่จำเป็นที่เขาต้องลำบากทำอะไรแบบนี้


 


วันต่อมา หานเซิ่นเดินทางไปที่เกาะวิถีทางที่ถูกซ่อนพร้อมกับเป่าเอ๋อ เมื่อไปถึงหานเซิ่นก็เห็นผู้นำของปราสาทนภายืนรออยู่บนยอดภูเขาลูกหนึ่ง เขายิ้มและโบกมือราวกับว่าเขาเป็นเทวดา


 


“คารวะท่านผู้นำ” หานเซิ่นให้นกกระเรียนไร้ขาบินลงไปบนยอดเขา หลังจากนั้นเขาก็โค้งคำนับผู้นำของปราสาทนภา


 


ผู้นำของปราสาทนภาพูดขึ้นมา “นี่คือบันไดที่จะนำไปสู่ถ้ำวิถีทางที่ถูกซ่อน เดินไปบนบันไดนี้และลองดูว่าเจ้าจะเรียนรู้จากมันได้มากแค่ไหน”


 


หานเซิ่นแปลกใจ เขามองไปที่บันไดด้วยท่าทางลังเล “ท่านผู้นำ ท่านจะไม่เป็นคนสอนข้าอย่างนั้นหรอ?”


 


“วิชาผนึกมารเป็นวิชาจีโนที่พิสดาร ถึงแม้เจ้าจะฟังคำบรรยายของข้า เจ้าก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรมากนัก แต่ทว่าที่แห่งนี้นั้นต่างออกไป เจ้าจะเข้าใจเรื่องนั้นเมื่อเดินลงไปตามบันได ถ้าเจ้ามีพรสวรรค์เพียงพอ เจ้าจะฝึกวิชาผนึกมารได้อย่างรวดเร็ว” ผู้นำของปราสาทนภายิ้มให้กับหานเซิ่น


 


“ข้าได้ยินมาว่าที่แห่งนี้คือสถานที่ที่ราชันมาเพื่อวิวัฒนาการ ข้าเป็นเพียงแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง ดังนั้นข้าไม่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งเพียงพอ” หานเซิ่นไม่ต้องการเข้าไปในถ้ำนั้น


 


“เจ้าจะถอยกลับได้ถ้าต้องการ” ผู้นำของปราสาทนภายิ้มออกมา


 


หานเซิ่นกัดฟันและเริ่มก้าวลงบันไดไป เมื่อเขาก้มลงไปมอง เขาไม่สามารถเห็นปลายสุดของบันไดได้ มันเป็นเหมือนกับเกลียวที่นำลงไปสู่ขุมนรก


 


บันไดวนที่ดูไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอะไรที่ดูเวียนหัว


 


หานเซิ่นเงยหน้ากลับขึ้นมาและเห็นผู้นำของปราสาทนภากำลังยิ้มให้กับเขา แต่ตอนนี้หานเซิ่นไม่สามารถถอยกลับได้อีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงก้มหัวและเดินหน้าต่อไป เป่าเอ๋อที่นั่งอยู่บนไหล่ของเขามองไปรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น


 


มันไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากบันใดที่ดูเหมือนจะนำลงไปสู่ก้นบึ้งที่ไร้ที่สิ้นสุด หานเซิ่นไม่รู้ว่าตัวเองลงบันไดมาทั้งหมดกี่ขั้นก่อนจะมาถึงประตูหินบานหนึ่ง ซึ่งบนประตูนั้นมีหมายเลขเขียนเอาไว้


 


“00001… นั่นมันหมายความว่ายังไง? อย่าบอกนะว่ามันมีประตูอีกหนึ่งหมื่นประตูอยู่ข้างหน้าน่ะ?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว


 


ขณะที่หานเซิ่นกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ประตูหินก็เปิดออก


 


ที่ทางเข้าของถ้ำวิถีทางที่ถูกซ่อน มีผู้หญิงสวมหน้ากากสีดำคนหนึ่งปรากฏตัวข้างๆผู้นำของปราสาทนภา ผู้นำของประสาทนภาพูด


“นี่เป็นเขตแดนของเจ้า คอยจับตาดูเขาเอาไว้ และอย่าปล่อยให้เขาตาย”


 


“เจ้าพาเขามาที่นี่ ดังนั้นมันควรจะเป็นความรับผิดชอบของเจ้า ข้าไม่สนใจว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” ผู้หญิงหน้ากากสีดำพูดและเข้าถ้ำวิถีทางที่ถูกซ่อนไป


 


ผู้นำของปราสาทนภายิ้มออกมา หลังจากนั้นเขาก็เดินทางออกจากเกาะเพื่อกลับไปที่ปราสาท

 

 

 


ตอนที่ 2102

 

เมื่อประตูหินเปิดออก หานเซิ่นก็สังเกตเห็นวังวนสีดำที่อีกฝากหนึ่งของประตู ซึ่งก่อนที่เขาจะตอบสนองอะไรได้ แรงดูดมหาศาลก็เริ่มดูดเขาเข้าไปข้างใน


 


หานเซิ่นพยายามจะดันตัวเองออกห่างจากประตู แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถต้านทานมันได้และถูกดูดเข้าไปภายในประตูหิน


 


เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง หานเซิ่นก็พบตัวเองอยู่ในถ้ำที่มืดมน


 


วา-ลา-ลา! วา-ลา-ลา!


 


ภายในถ้ำมีเสียงของโซ่ลากกับพื้นหิน หลังจากนั้นเงาขนาดใหญ่ก็ปรากฏออกมาจากความมืด


 


มอนสเตอร์ที่เดินเข้ามามีร่างกายเป็นกิเลนและปีกสีเขียว มันสูงสิบเมตรและมีหัวของเสือ ดวงตาสีเขียวที่เรืองแสงของมันทำให้หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา


 


มอนสเตอร์ตัวนี้ดูน่ากลัวอย่างมาก เพียงแค่ตัวตนของมันก็มากพอที่จะทำให้หานเซิ่นหายใจไม่ทัน


 


โซ่สีดำหลายเส้นล่ามร่างกายของมันไว้กับถ้ำ เมื่อมันอยู่ห่างจากไปจากหานเซิ่นแค่สิบเมตร โซ่ที่ล่ามก็ถูกดึงจนตึง มันไม่สามารถเข้ามาถึงตัวของหานเซิ่นได้


 


แต่หานเซิ่นไม่กล้าประมาท ดังนั้นเขาจึงเรียกใบเสมาออกมา ถึงมอนสเตอร์ตัวนั้นจะถูกโซ่ล่ามอยู่ แต่มันก็ทรงพลังอย่างมาก


 


แม้แต่ลมหายใจของมันก็เป็นอันตราย ซึ่งตัวหานเซิ่นเองรู้ดีว่าไม่สามารถเอาชนะมันในการต่อสู้ได้


 


‘นี่ปราสาทนภาตกต่ำถึงขนาดส่งคนที่อ่อนแอแบบนี้มาที่นี่อย่างนั้นหรอ?’ มอนสเตอร์คิดขณะที่มองตรงไปที่หานเซิ่น


 


‘นี่มันคืออะไรกัน? ผู้นำของปราสาทนภาคงจะไม่ได้ให้เรามาจัดการกับเจ้าตัวนี้หรอกใช่ไหม ถึงแม้มันจะถูกโซ่ล่ามอยู่ แต่มันก็ไม่มีทางที่เราจะจัดการมันได้’ หานเซิ่นคิด


 


เขาใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนและพบว่ามันน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับราชัน แต่เนื่องจากโซ่ที่ล่ามอยู่มีผลในจำกัดพลังของมัน ทำให้เขาไม่สามารถอ่านความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมันได้ แต่ถึงจะพูดแบบนั้นโซ่เหล่านั้นก็ไม่ได้จำกัดพลังทั้งหมดของมัน


 


ขณะที่หานเซิ่นกำลังสังเกตอยู่ ดวงตาของสิ่งมีชีวิตระดับราชันตัวนั้นก็เรืองแสงสีเขียวออกมาราวกับดวงประทีป


 


หานเซิ่นซ่อนตัวอยู่ภายใต้ใบเสมาราชาแมลงปีศาจ ขณะที่ดวงตาของมอนสเตอร์ตัวนั้นสว่างขึ้นเรื่อยๆ แต่แสงที่สว่างขึ้นเป็นอะไรที่ยากจะหันหน้าหนี


 


ตูม!


 


หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าสมองระเบิดอยู่ในหัวของเขา ภายในดวงตาที่เหมือนดวงประทีปนั้น หานเซิ่นคิดว่าเขาเห็นสัญลักษณ์ประหลาด มันดูไม่เหมือนจริง


 


สัญลักษณ์ถูกฝังเข้าไปในสมองของเขา ราวกับว่ามันถูกนาบด้วยเตารีดที่ร้อนระอุ และเมื่อสัญลักษณ์นั้นตราตรึงอย่างเต็มที่แล้ว มันก็เริ่มก่อพายุภายในจิตใจของเขา


 


มันเป็นพายุของจริงเช่นกัน หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าสายลมพัดไปทั่วร่างกายของเขา ในจิตใจเขาเห็นลมอ่อนๆพัดใบไม้ พายุหมุนในทะเลทรายและคลื่นของทะเลที่ก่อตัวเป็นสึนามิที่รุนแรง สายลมในรูปแบบต่างๆพลุ่งพล่านในสมองของเขา


 


หานเซิ่นรู้ว่าทั้งหมดนี่เกิดขึ้นภายในจินตนาการของเขาเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นของจริง


 


ผู้หญิงหน้ากากสีดำยืนอยู่ด้านนอกประตูหิน ขณะที่เอาหลังพิงกำแพง ดวงตาของเธอปิดลงราวกับว่าเธอกำลังรอคอยให้อะไรบางอย่างเกิดขึ้นมา


 


“มนต์สังหารยีนดั้งเดิมถูกสะกดในที่แห่งนี้มาเป็นเวลาหลายล้านปี ราชันมากมายต่างก็อยากจะเรียนรู้มนต์สังหารยีนดั้งเดิม แต่พวกเขาก็ล้มเหลวทุกครั้ง นี่เขาคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้ส่งหานเซิ่นมา ถึงแม้หานเซิ่นจะมีจิตใจที่แข็งแกร่งเท่ากับราชัน แต่เขาก็ไม่มีทางจะทนต่อมันได้อยู่ดี และคนที่จะต้องคอยมารับมือกับเรื่องนี้ก็เป็นข้า” ผู้หญิงหน้ากากสีดำพูดกับตัวเอง ดวงตาของเธอปิดลงราวกับว่าเธอกำลังฝันอยู่


 


หลังจากผ่านไปสักพัก ผู้หญิงคนนั้นก็ลืมตาขึ้นมาอย่างประหลาดใจ


 


“เขาทนต่อพลังของมนต์สังหารยีนดั้งเดิมได้ยังไง?” ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้ว


 


ภายในโลกอันมืดมิด มีแค่สถานที่แห่งหนึ่งที่มีแสงสว่าง ภายใต้แสงสว่างสลัวๆมีเด็กชายวัย 6 ขวบกำลังต่อสู้กับนกประหลาดตัวหนึ่งอยู่


 


เด็กน้อยเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ขณะที่เงาของเขาโฉบขึ้นเหนือพื้นราวกับเงาของนก เงาของเขามักจะช่วยเหลือเขาเป็นระยะๆ ขณะที่เขาต่อสู้กับนกประหลาดในอากาศ


 


ทันใดนั้นนกประหลาดและเด็กชายก็แยกจากกัน นกประหลาดหัวเราะออกมาและพูด


“เสี่ยวฮวามีพรสวรรค์จริงๆ ถ้าร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเขากลายเป็นระดับเทพเจ้าได้เมื่อไหร่ เขาจะทำให้เซเคร็ดกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง”


 


“มันยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี ก่อนที่เขาจะกลายเป็นเทพเจ้า มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพัฒนาร่างกายศักดิ์สิทธิ์ให้ถึงระดับนั้น”


น้าเหมยพูดพร้อมกับกรอกตาของเธอ “แต่มันเกือบจะถึงเวลาที่บัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนจะปรากฏขึ้นมาแล้ว เสี่ยวฮวาจะเข้าร่วมและชิงชื่อเสียงกลับคืนสู่เซเคร็ดอีกครั้ง ทุกคนจะได้รู้ว่าเซเคร็ดยังไม่ล่มสลาย”


 


“ใช่แล้ว เขาจะต้องเข้าร่วมมัน” เหยี่ยวแก่พยักหน้า เขาหันมองไปที่แมวเก้าชีวิตและพูดต่อ “แล้วเจ้าคิดว่ายังไง?”


 


“ข้าคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ผู้คนจะได้รู้ว่าเซเคร็ดมีสายเลือดใหม่” แมวเก้าชีวิตพูด


 


“ดี” เหยี่ยวแก่และคนอื่นๆดูตื่นเต้นขึ้นมา พวกเขาทุกคนพูดพร้อมกันว่า


“เสี่ยวฮวา เจ้าต้องได้รับอันดับที่หนึ่งเพื่อพวกเรา!”


 


ตลอดเวลาหนึ่งปี หานเซิ่นได้เข้าไปที่ถ้ำวิถีทางที่ถูกซ่อนทุกๆวัน ซึ่งทุกครั้งที่เขาไปที่นั่น เขาก็ต้องทนต่อพลังของมนต์สังหารยีนดั้งเดิม


 


มอนสเตอร์ภายในถ้ำถูกล่ามโซ่และสะกดพลังเอาไว้ แต่การมองเข้าไปในดวงตาของมันสามารถกระตุ้นพลังของมนต์สังหารยีนดั้งเดิมออกมาได้ เมื่อหานเซิ่นต่อสู้กับพลังนั้น เขาก็จะได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง


 


บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเขาได้รับพรจากน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมื่น ทำให้เขาเข้าได้กับทุกๆธาตุ ด้วยเหตุนั้นในตอนที่เขามองมนต์สังหารยีนดั้งเดิม มันก็เป็นอะไรที่ง่ายสำหรับเขาที่จะเข้าใจ


 


แต่พลังนั่นดูเหมือนจะไม่ได้มีผลอะไรกับเป่าเอ๋อ เธอเข้าไปในถ้ำพร้อมกับเขาทุกๆวัน แต่เธอก็ดูปกติราวกับว่าไม่ได้รับผลกระทบอะไร หัวของหานเซิ่นจะระเบิดด้วยพลังนั่น แต่เป่าเอ๋อกลับมองไปรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น


 


ตลอดเวลาปี หานเซิ่นใช้เวลาไปกับถ้ำวิถีทางที่ถูกซ่อนและสถานหยกขาว เมื่อไหร่ก็ตามที่ลมปราณหยกถูกปลดปล่อยออกมา วิญญาณหยกก็เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถพลาดได้


 


การไปที่ชั้นที่ 7 เพื่อดูดวิญญาณแฟรี่หยกกลายเป็นกิจวัตรของเขาไป และด้วยการทำแบบนั้นวิชากายหยกของเขาก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว


 


“ในที่สุดวิชากายหยกก็พัฒนาไปสู่ระดับมาร์ควิสสักที”


หานเซิ่นดีใจกับเรื่องนี้ แต่น่าเสียดายที่เขายังอยู่ภายในสถานหยกขาวอยู่ ทำให้ยังไม่สามารถลองพลังใหม่ของกายหยกได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)