Super God Gene 2084-2098

ตอนที่ 2084

 

ข้ามถนนนภาอีกครั้ง

อี๋ซาเห็นปีกมังกรเสวียนเยวี๋ยนและผิวหินของวัวหินผา เธอไม่สามารถคิดหาคำอธิบายที่ดีกว่านั้นได้ ดังนั้นหานเซิ่นจึงรอดตัวไป


 


หานเซิ่นพาเป่าเอ๋อกลับไปที่ดาวอุปราคา ก่อนที่พวกเขาจะจากไป อี๋ซาก็ได้มอบสิ่งของหลายอย่างให้กับเป่าเอ๋อ รวมถึงจีโนฟลูอิด แถมพวกมันยังแพงยิ่งกว่าอันที่หานเซิ่นได้รับซะอีก


 


“ข้าบอกไม่ได้ว่าลูกสาวของเจ้านั้นเยี่ยมยอดถึงขนาดไหน” อี๋ซาพูดก่อนที่พวกเขาจะจากไป


 


หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ เขาคิดว่าเด็กๆของเขาเก่งกาจเกินไป และความแข็งแกร่งเริ่มต้นของพวกเขาก็เหนือกว่าตัวหานเซิ่นเองมาก


 


“มันเป็นเพราะพวกเขามีพ่อที่ดี” หานเซิ่นถอนหายใจและดูภูมิใจกับตัวเอง


 


เป่าเอ๋อเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตที่นี่ ชีวิตในสหพันธ์น่าเบื่อเกินไปสำหรับเธอ หานเซิ่นพาเธอกลับไปที่ดาวอุปราคาเพื่อล่าซีโน่เจเนอิค เขาต้องการเห็นว่าน้ำเต้าของเธอจะดูดสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งได้ถึงระดับไหน


 


หานเซิ่นพบซีโน่เจเนอิคบารอนตัวหนึ่ง เขาจึงให้เธอลองใช้น้ำเต้าดู เป่าเอ๋อนำน้ำเต้าของเธอออกมาและดูดซีโน่เจเนอิคตัวนั้นเข้าไปอย่างง่ายดาย แต่หานเซิ่นไม่ได้ประหลาดใจที่เธอทำแบบนั้นได้ เพราะถ้าเธอทำไม่ได้ล่ะก็ ยีนซีโน่เจเนอิคทั้งหมดที่เขามอบให้กับเธอก็คงจะเป็นอะไรที่สูญเปล่า


 


แต่การทดสอบครั้งต่อๆไปทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ เธอสามารถดูดซีโน่เจเนอิคระดับไวเคานต์และเอิร์ลเข้าไปได้เช่นเดียวกัน เธอลำบากเล็กน้อยกับการดูดซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิส แต่สุดท้ายแล้วมันก็ถูกดูดเข้าไปในน้ำเต้า มันไม่มีอะไรที่สามารถต่อต้านนางได้


 


“เป่าเอ๋อ ถ้าน้ำเต้าของหนูดีอย่างนั้น ทำไมหนูไม่เคยบอกพ่อมาก่อนเลย?” หานเซิ่นพูดขณะที่มองน้ำเต้าของเป่าเอ๋อ


 


“พ่อไม่ได้ถาม” เป่าเอ๋อพูด


 


‘ช่างเถอะ พรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางไปที่ปราสาทนภาเพื่อดูดคลาวด์บีสต์สีแดงจอมอวดดีตัวนั้น’ แค่คิดถึงมันก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา


 


ด้วยการที่มีเป่าเอ๋ออยู่ด้วย หานเซิ่นก็ไม่คิดว่าเจ้าคลาวด์บีสต์ตัวนั้นจะมีโอกาสหนีรอดไปได้


 


แต่น่าเสียดายที่บนดาวอุปราคาไม่มีซีโน่เจเนอิคอยู่มากนัก หานเซิ่นจึงไม่มีโอกาสได้เห็นว่าน้ำเต้าของเป่าเอ๋อสามารถดูดสิ่งมีชีวิตระดับสูงเข้าไปได้ไหม


 


ซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสสามารถต่อต้านแรงดูดได้เล็กน้อย ดังนั้นการจะดูดซีโน่เจเนอิคระดับดยุกเข้าไปก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย


 


‘น่าเสียดายที่เราพาล่องหนน้อยไปที่ปราสาทนภาด้วยไม่ได้’


หานเซิ่นคิด ปราสาทนภาเป็นสถานที่ที่ดี แต่มันมีกฎระเบียบที่เข้มงวด ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องการวิญญาณหยกล่ะก็ เขาก็คงจะเลือกอยู่บนดาวอุปราคา


 


วันต่อมา หานเซิ่นบอกลาอี๋ซาและพาเป่าเอ๋อไปที่ปราสาทนภา


 


“ฉันจะใช้สิ่งนี้ได้ยังไง?”การเดินทางเป็นอะไรที่น่าเบื่อ ดังนั้นหานเซิ่นจึงใช้เวลาไปกับการตรวจสอบวิญญาณอสูรราชันกลายพันธุ์ที่เพิ่งได้มา


 


“วิญญาณอสูรราชาแมลงปีศาจทองคำสีฟ้าราชันกลายพันธุ์ : ใบเสมา”


 


นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นได้เห็นวิญญาณอสูรแบบนี้ หลังจากที่หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรราชาแมลงปีศาจออกมา แสงสีฟ้าก็ส่องสว่างออกมาจากร่างกายของเขา เขาสามารถขยายหรือหดรัศมีของแสงสว่างได้ รัศมีที่เล็กที่สุดของแสงสว่างนั้นมีความหนาพอๆกับเปลือกไข่ ส่วนรัศมีที่กว้างที่สุดสามารถแพร่ขยายออกไปได้ถึง 1 กิโลเมตร


 


ยิ่งรัศมีของใบเสมาขยายออกไปมากเท่าไหร่ การป้องกันของมันก็จะลดลงไปเท่านั้น รัศมีที่เล็กที่สุดสามารถป้องกันการโจมตีระดับราชันได้อย่างสบายๆโดยที่เขาไม่ได้รับความเสียหายใดๆ


 


แต่ใบเสมาจะทำงานจากตัวหานเซิ่นเท่านั้น และมันจะเคลื่อนที่ไปตามเขา พลังจากภายนอกไม่สามารถเจาะทะลวงเข้ามาได้ แต่พลังจากภายในก็ไม่สามารถออกไปสู่ภายนอกได้เช่นกัน


 


‘วิญญาณอสูรใบเสมานี่สุดยอดไปเลย ถ้าเราใช้มันดีๆล่ะก็ เราก็อาจจะรอดจากการต่อสู้กับศัตรูระดับราชันได้เลย’ หานเซิ่นหลงรักวิญญาณอสูรแมลงปีศาจนี้


 


เมื่อกลับไปถึงปราสาทนภา หานเซิ่นก็พาเป่าเอ๋อไปทำการทดสอบดีเอ็นเอ ยีนของมนุษย์นั้นไม่เสถียร ดังนั้นมันยากจะตรวจเช็คความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ แต่ยีนของหานเซิ่นและเป่าเอ๋อคล้ายคลึงกันมากพอที่จะเชื่อได้ว่าพวกเขาเป็นพ่อลูกกันจริงๆ


 


หลังจากที่ผลการทดสอบออกมาแล้ว หานเซิ่นก็ได้รับอนุญาตให้พาเป่าเอ๋อเข้าไปในปราสาทนภาได้ แต่เป่าเอ๋อต้องเดินทางข้ามถนนนภา หลังจากนั้นก็ตามด้วยถนนสู่ทองฟ้า แต่เนื่องจากเป่าเอ๋อยังเป็นเด็ก หานเซิ่นจึงได้รับอนุญาตให้อุ้มเธอไปได้ เธอไม่จำเป็นต้องผ่านมันไปคนเดียวอย่างที่เขาทำ


 


หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อไปที่เกาะประตูนภา ที่นั่นพวกเขาต้องเดินขึ้นไปบนเถาวัลย์ยักษ์


 


เป่าเอ๋อมองน้ำเต้าที่ห้อยอยู่บนเถาวัลย์ด้วยความสนใจ


 


ผู้คนในปราสาทนภาได้ยินว่าหานเซิ่นพาลูกสาวมาที่นี่ และถึงแม้จะมีไม่กี่คนที่มาดูด้วยตัวเอง แต่ผู้คนมากมายกำลังจับตาดูพวกเขาทั้ง 2 คนอยู่


 


ยีนของหานเซิ่นไม่เสถียร ดังนั้นเขาไม่ใช่อัจฉริยะเมื่อพูดถึงด้านการฝึกฝน เขาไม่สามารถฝึกสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาเก่งด้านการใช้เทคนิคต่างๆ


 


เทคนิคทำให้เขาแข็งแกร่งอย่างมาก แต่สำหรับคนที่ฝึกวิชา การไปให้ถึงระดับเทพเจ้าคือเป้าหมายสูงสุด และไม่ว่าหานเซิ่นจะเก่งกาจสักแค่ไหน ถ้าเขาไปไม่ถึงจุดหมายสูงสุดนั้น คนอื่นๆก็จะไม่ชื่นชมและนับถือเขาไปตลอด


 


หลายๆคนนั้นอยากจะรู้ว่าลูกสาวของหานเซิ่นมีพรสวรรค์สักแค่ไหน พวกเขาบอกได้ว่ายีนของเธอเองก็ไม่เสถียรเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนั้นหลายๆคนจึงรู้สึกผิดหวัง


 


ยีนที่ไม่เสถียรหมายถึงอนาคตที่ไม่แน่นอน มันเป็นบางสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ และมันก็ไม่มีใครอยากเดิมพันกับบางสิ่งที่ไม่มีอะไรมารับประกัน


 


กระเรียนพันขน พี่น้องยวิ๋น เฟิร์สเดย์และอวี้จิงต่างก็มาที่เกาะประตูนภาเพื่อต้อนรับหานเซิ่น เมื่อยวิ๋นซู่ซางเห็นเป่าเอ๋อ เธอก็ยิ้มออกมา


“ไม่คิดเลยว่าลูกสาวของเจ้าจะน่ารักขนาดนี้”


 


หานเซิ่นแนะนำเป่าเอ๋อให้กับพวกเขาและพูดต่อ


“ข้าจะพาเป่าเอ๋อเดินข้ามถนนนภาและพานางขึ้นไปบนถนนสู่ท้องฟ้า พวกเราค่อยคุยกันต่อทีหลัง”


 


หลังจากนั้นหานเซิ่นก็พาเป่าเอ๋อไปที่เถาวัลย์ยักษ์


 


เป่าเอ๋อมองน้ำเต้าที่ห้อยอยู่บนเถาวัลย์อย่างใจจดใจจ่อ เมื่อหานเซิ่นที่อุ้มเธออยู่เดินขึ้นไปบนเถาวัลย์ น้ำเต้าก็เริ่มจะสั่นไหวราวกับระฆังท่ามกลางพายุ


 


หานเซิ่นตกใจ เขาจำได้ว่าในตอนที่เขาเดินบนเถาวัลย์ยักษ์นี้ น้ำเต้านั้นหวาดกลัวเขา ซึ่งในตอนนี้เหตุการณ์แบบเดียวกันกำลังเกิดขึ้น แถมพวกน้ำเต้ายังสั่นอย่างบ้าคลั่งยิ่งไปกว่าเดิมซะอีก


 


ตอนนี้หานเซิ่นรู้แล้วว่าทำไมพวกน้ำเต้าถึงได้มีปฏิกิริยาในตอนที่เขาเดินข้ามเถาวัลย์ ซึ่งมันไม่ใช่เพราะเขาพิเศษอะไร แต่มันเป็นเพราะเขาเกี่ยวข้องกับเป่าเอ๋อ และนั่นเป็นเหตุผลที่น้ำเต้ามีปฏิกิริยากับเขาแบบนั้น


 


‘นี่เป่าเอ๋อมีบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับน้ำเต้าพวกนี้อย่างนั้นหรอ?’


ใบหน้าของหานเซิ่นดูแปลกๆ เขาไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่

 

 

 


ตอนที่ 2085

 

หมื่นน้ำเต้า

หานเซิ่นเริ่มลังเลและสงสัยว่าควรจะไปต่อดีไหม น้ำเต้ามีปฏิกิริยาที่รุนแรงกว่าตอนที่เขามาครั้งก่อนมาก เขากลัวว่ามันอาจจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น


 


แต่เนื่องจากเขาก้าวขึ้นมาบนเถาวัลย์เรียบร้อยแล้ว การถอยกลับไปจึงไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก ดังนั้นเขาจึงอุ้มเป่าเอ๋อเดินหน้าต่อไป


 


การสั่นไหวของน้ำเต้าทำให้ทั้งปราสาทนภาต่างก็ตกใจ ผู้นำปราสาทนภาที่อยู่ระหว่างการฝึกวิชาลืมตาขึ้นมา เหล่าขุนนางและผู้อาวุโสต่างก็จับตาดูน้ำเต้าที่สั่นไหวด้วยวิธีการของตัวเอง แม้แต่ดรีมบีสต์ก็ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลเพื่อดูเป่าเอ๋อ


 


บนหอคอยแห่งหนึ่งในเมืองหยก ชายชุดเขียวคนหนึ่งยืนอยู่ตามลำพัง เขามองดูน้ำเต้าที่สั่นไหวด้วยท่าทางประหลาดใจ


 


น้ำเต้าของปราสาทนภาเป็นพืชระดับเทพเจ้า ถึงแม้คนที่เดินข้ามไปจะเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้า พวกมันก็ไม่มีปฏิกิริยาแบบนี้ แต่ตอนนี้มันกลับแสดงปฏิกิริยาที่รุนแรงต่อหานเซิ่นและลูกสาว ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


 


“นี่มันอะไรกัน? มันเกิดอะไรขึ้นกับน้ำเต้าพวกนั้น?” ยวิ๋นซู่อีถามอย่างสับสน


 


แต่ไม่มีใครสามารถตอบคำถามของเธอได้ ยวิ๋นซู่อียังคงมองต่อไปด้วยความตกใจ ขณะที่หานเซิ่นและลูกสาวเดินข้ามเถาวัลย์น้ำเต้าที่สั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง


 


ทันใดนั้นน้ำเต้าลูกหนึ่งก็เริ่มส่องเรืองแสงออกมา ดาบแสงออกมาจากน้ำเต้าและพุ่งไปหาเป่าเอ๋อที่อยู่ในอ้อมแขนของหานเซิ่น


 


หานเซิ่นไม่ได้มาที่นี่เป็นครั้งแรก เขารู้ว่านั่นหมายความว่าน้ำเต้ายอมรับตัวในเป่าเอ๋อ


 


ในตอนที่หานเซิ่นเดินผ่านมันก่อนหน้านี้นั้น พวกน้ำเต้าเพียงแค่สั่นไหวเท่านั้น แต่พวกมันไม่ได้มอบอะไรให้กับเขา


 


ผู้หญิงสวมหน้ากากสีดำที่อยู่เคียงข้างผู้นำของปราสาทนภาพูดออกมาอย่างประหลาดใจ


“ดูเหมือนว่าลูกสาวของหานเซิ่นจะเป็นอัจฉริยะแต่กำเนิด นางได้รับดาบลมปราณของน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์มา นางมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง และนี่ถือเป็นความโชคดีของปราสาทนภา”


 


ผู้นำของปราสาทนภาพยักหน้า แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เขารู้คิดว่าน้ำเต้าเคลื่อนไหวมากเกินไป ซึ่งนั่นมันไม่ปกติ


 


ผู้อาวุโสจับจ้องไปที่เป่าเอ๋อด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง


 


“ไม่แปลกใจเลยที่นางเป็นลูกสาวของหานเซิ่น นางกระตุ้นดาบลมปราณของน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ นางจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการใช้ดาบ”


 


“หานเซิ่นนั้นแข็งแกร่ง และเขายังมีลูกสาวที่กระตุ้นดาบลมปราณของน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ได้อีก ท่านผู้นำคงจะต้องถือว่าเขาเป็นคนที่สำคัญยิ่งกว่าเดิมอีกแน่”


 


“น่าเสียดายที่ยีนของนางไม่เสถียรเช่นเดียวกับหานเซิ่น ยีนของนางคล้ายคลึงกับหานเซิ่น มันจึงยากที่นางจะฝึกฝน”


 


“ข้าไม่รู้ว่านางจะมีโอกาสได้กลายเป็นเทพเจ้าหรือเปล่า แต่การฝึกจนเป็นราชันก็เป็นอะไรที่วิเศษมากพอแล้ว”


 


ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น น้ำเต้าอีกลูกก็เรืองแสงขึ้นมา และมีดลมปราณของน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งตรงมาที่เป่าเอ๋อ


 


“ดูนั่น! น้ำเต้าอีกลูกถูกกระตุ้น ครึ่งนี้มันคือมีดลมปราณ นี่นางมีพรสวรรค์ในด้านการใช้มีดด้วยอย่างนั้นหรอ?” ผู้หญิงหน้ากากสีดำถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ


 


มันหาได้ยากที่น้ำเต้าถึง 2 ลูกจะถูกกระตุ้นด้วยลมปราณศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งหมายความว่าเป่าเอ๋อมีพรสวรรค์ทั้งมีดและดาบ เธอจะเรียนรู้พวกมันได้รวดเร็วกว่าคนอื่น


 


“หานเซิ่นเป็นปรมาจารย์มีดและดาบ ดูเหมือนว่าลูกสาวของเขาจะเชี่ยวชาญมันเช่นกัน ยีนถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก”


 


“น่าเสียดายที่หานเซิ่นไม่ใช่ศิษย์ของปราสาทนภาอย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นพวกเขาทั้งคู่จะถือเป็นความภาคภูมิใจของพวกเรา”


 


“ถึงพวกเขาจะไม่ใช่ศิษย์ของปราสาทนภา แต่สายสัมพันธ์ระหว่างท่านผู้นำและราชินีแห่งมีดก็ทำให้พวกเขาเหมือนกับเป็นสมาชิกของพวกเรา”


 


“แต่ลูกสาวของหานเซิ่นไม่มีอาจารย์ และหานเซิ่นก็เพิ่งมาเป็นสมาชิกของพวกเราได้ไม่นาน แบบนั้นลูกสาวของเขาจะเข้ามาเป็นศิษย์ของปราสาทนภาได้อย่างนั้นหรอ?”


 


“ได้ แต่ท่านผู้นำรับไผ่เดียวดายเป็นศิษย์ไปแล้ว ข้าจึงไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วใครกันที่เป็นอาจารย์ของนาง”


 


“ด้วยพรสวรรค์แบบนี้ คงไม่มีอาวุโสคนไหนที่ไม่อยากรับนางมาเป็นลูกศิษย์หรอก”


 


“ไม่เลว ไม่เลวจริงๆ เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ทั้งมีดและดาบ นางจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมากในอนาคต” ราชันคนหนึ่งที่มีเคราสีขาวหัวเราะออกมา


 


ราชันอีกคนพยักหน้า “เด็กคนนี้ไม่เลวจริงๆนั่นแหละ แต่พรสวรรค์ของนางแตกต่างจากความถนัดของข้า ถ้าพวกเราเข้ากันได้มากกว่านี้ ข้าก็คงจะรับนางมาเป็นลูกศิษย์”


 


ผู้อาวุโสคนหนึ่งหัวเราะและพูด “น่าเสียดายที่นางไม่ใช่คนเผ่าพันธุ์นภา ไม่อย่างนั้นข้าก็คงจะรับนางเป็นลูกศิษย์ นางอาจจะมีพรสวรรค์ แต่ถึงยังไงนางก็เป็นคริสตัลไลเซอร์ ยีนของนางไม่เสถียร ด้วยเหตุนั้นการที่นางจะได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นจำเป็นต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติ”


 


ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ น้ำเต้าอีกลูกก็เรืองแสงขึ้นมาและพ่นลมปราณศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพิ่มอีก


 


ลมปราณศักดิ์สิทธิ์นั้นมีสายฟ้าอยู่ภายใน เมื่อมันไปถึงตัวเป่าเอ๋อ มันก็เหมือนกับว่าเธอถูกฟ้าฝ่า


 


ทุกคนต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็นอย่างนั้น


“นางมีพรสวรรค์ในธาตุสายฟ้าด้วยอย่างนั้นหรอ? นี่นางจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกันแน่?”


 


ก่อนที่พวกเขาจะสงบจิตใจลงได้ แสงสว่างก็พุ่งออกมาจากน้ำเต้าอีกลูก ที่ไหนก็ตามที่หานเซิ่นและเป่าเอ๋อเคลื่อนผ่านไป น้ำเต้าก็จะพ่นลมปราณศักดิ์สิทธิ์ออกมา


 


มันมีทั้งทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน มีด ดาบ หอก ทวน ตรีศูล ลม ฝน สายฟ้า อาทิตย์ พระจันทร์และอวกาศ


 


ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดวนเวียนรอบๆพวกเขา ทำให้เส้นทางของพวกเขาถูกปกคลุมด้วยออร่าศักดิ์สิทธิ์ น้ำเต้ามากมายเรืองแสงสว่างจนทำให้ทั้งปราสาทนภาสว่างไสว ลมปราณศักดิ์สิทธิ์มากมายวนเวียนรอบๆตัวเป่าเอ๋อและรอคอยโอกาสที่พวกมันจะเข้าไปในตัวของเธอ


 


ทุกคนตกตะลึง ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโส ผู้นำของปราสาทนภาหรือแม้แต่ดรีมบีสต์เองก็แข็งทื่อไป ทั้งปราสาทนภาตกอยู่ในความเงียบ


 


ตั้งแต่ที่ปราสาทนภาถูกก่อตั้งขึ้นมา มันมีอัจฉริยะมากมายเดินข้ามถนนนภา บางคนได้กลายเป็นถึงเทพเจ้า แต่พวกเขาก็ได้ลมปราณศักดิ์สิทธิ์จากน้ำเต้า 1-2 ลูกเท่านั้น


 


เมื่ออัจฉริยะคนหนึ่งเดินผ่านไป มันก็ถือว่าโชคดีมากๆแล้วถ้าเขาได้รับลมปราณศักดิ์สิทธิ์จากน้ำเต้าสักลูกหนึ่ง


 


แต่ตอนนี้น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ต่อคิวกันเพื่อจะมอบลมปราณศักดิ์สิทธิ์ให้กับเป่าเอ๋อ จนร่างของเป่าเอ๋อเต็มไปด้วยลมปราณศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้เธอดูเหมือนกับหมอก


 


“นี่ข้าฝันไปอย่างนั้นหรอ?” หนึ่งในราชันพึมพำ เขามองดูลมปราณศักดิ์สิทธิ์วนเวียนรอบๆตัวเป่าเอ๋อราวกับทอร์นาโด เขาไม่สามารถปิดปากของตัวเองลงได้ 

 

 


ตอนที่ 2086

 

ช็อคปราสาทนภา

เหล่าผู้อาวุโสและยอดฝีมือระดับราชันเริ่มมารวมตัวกันเป็นวงกลม


 


“ผู้อาวุโสหก ครั้งนี้อย่าได้พยายามขโมยลูกศิษย์คนใหม่ไปอีก ครั้งนี้ข้าควรจะได้เลือกลูกศิษย์ดีๆก่อนบ้าง! ข้าต้องการเด็กคนนี้” ผู้อาวุโสสี่พูดเมื่อเห็นผู้อาวุโสหกเดินเข้ามา


 


“ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับว่าใครเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นอาจารย์ของนาง ในปราสาทนภาแห่งนี้ข้าคือคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าอัจฉริยะแบบนี้ต้องตกเป็นไปศิษย์ของคนอื่น มันก็คงจะเป็นอะไรที่น่าเสียดาย อีกอย่างข้าไม่รังเกียจที่จะทำงานหนักเพื่อรับลูกศิษย์เพิ่มอีกสักคน ข้าไม่ต้องการปล่อยให้พรสวรรค์ของนางต้องสูญเปล่า” ผู้อาวุโสหกพูด


 


“เจ้ามันน่าไม่อาย” ผู้อาวุโสสี่ฟังดูโกรธ


 


“หยุดเถียงกันได้แล้ว ท่านผู้นำก็อยู่ที่นี่ด้วย พวกเราควรจะถามความเห็นของเขาว่าใครกันที่คู่ควรจะเป็นคนดูแลเด็กคนนี้” ผู้อาวุโสอีกคนแนะนำขึ้นมา


 


“ท่านผู้นำ! บอกพวกเรามาว่าใครกันที่คู่ควรจะรับเด็กคนนี้ไป ในตอนที่พวกเราประชุมกันครั้งก่อน ท่านพูดมันเอาไว้อย่างชัดเจนว่า…” ผู้อาวุโสสี่รีบพูดขึ้นมา


 


ผู้นำของปราสาทนภายิ้มกลบเกลื่อนและพูด “ในตอนนี้ข้ายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนางมากนัก อย่างนั้นแล้วทำไมไม่ให้ข้าดูแลนางไปก่อน เพื่อดูว่าพรสวรรค์ที่แท้จริงของนางคืออะไรกันแน่ และเมื่อถึงตอนนั้นค่อยตัดสินใจอีกที?”


 


ผู้อาวุโสแต่ละคนต่างก็ตกใจ พวกเขาไม่คิดว่าผู้นำจะหน้าด้านแบบนี้ มันเห็นได้ชัดว่าเขาเองก็อยากจะรับเป่าเอ๋อไปเป็นลูกศิษย์เช่นเดียวกัน


 


“ท่านผู้นำ แบบนี้มันไม่เหมาะสม ท่านบอกว่าไผ่เดียวดายจะเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของท่าน และท่านจะไม่รับลูกศิษย์คนไหนเพิ่มอีก” ผู้อาวุโสสี่พูดขึ้นมา


 


ผู้อาวุโสคนอื่นรีบพูดเสริม “ใช่แล้ว! ท่านมีลูกศิษย์อยู่แล้ว แบบนั้นท่านจะรับลูกศิษย์เพิ่มได้ยังไง? นี่ท่านจะผิดคำพูดของตัวเองอย่างนั้นหรอ?”


 


พวกเขารู้ว่าถ้าผู้นำของปราสาทนภารับเป่าเอ๋อไปล่ะก็ พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้เป่าเอ๋อเป็นลูกศิษย์ ดังนั้นพวกเขาจึงพูดเป็นเสียงเดียวกัน


 


“ข้ารับลูกศิษย์ไม่ได้อีกแล้ว แต่ลูกศิษย์ของข้ายังไม่มีลูกศิษย์” ผู้นำของปราสาทนภายิ้ม


 


“ลูกศิษย์ของท่านเพิ่งจะเป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง แบบนั้นเขาจะรับลูกศิษย์ได้ยังไง!” ผู้อาวุโสสี่เริ่มขึ้นเสียง


 


ผู้อาวุโสคนอื่นๆก็คิดว่าท่านผู้นำโลภมากเกินไปเช่นกัน เขาต้องการใช้ไผ่เดียวดายเป็นตัวแทน แบบนั้นเขาก็จะเป็นอาจารย์ปู่ของเป่าเอ๋อ


 


การพูดคุยเริ่มเปลี่ยนเป็นการโต้เถียงที่รุนแรง ซึ่งมันไม่มีใครยอมถอย


 


น้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์เป็นพืชระดับเทพเจ้า คนๆนั้นจะต้องมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ถึงจะได้รับการยอมรับจากพวกมัน เนื่องจากเป่าเอ๋อสามารถทำให้น้ำเต้าเป็นหมื่นๆลูกเคลื่อนไหว อย่างนั้นแล้วเธอก็ต้องยอดเยี่ยมในทุกด้านที่เธอฝึก ถ้าเธอไม่ขี้เกียจ มันมีโอกาสสูงมากๆที่เธอจะกลายเป็นไผ่เดียวดายคนที่ 2 ซึ่งเธออาจจะก้าวข้ามเขาไปเลยก็ได้


 


“น่าสนใจ” อวี้ซ่านซินยืนอยู่บนหอคอยของเมืองหยก เขาหลี่ตาขณะที่จ้องไปยังเป่าเอ๋อ ดรีมบีสต์เองก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน มันมองไปที่เป่าเอ๋อด้วยท่าทางตกใจ


 


หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อและเดินหน้าต่อไป มือของเขาสั่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันมากเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้ น้ำเต้าทั้งหมดต่างก็มอบลมปราณศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันให้กับเป่าเอ๋อ


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี เพราะตอนนี้ทุกคนในปราสาทนภาต่างก็ตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น หานเซิ่นพยายามคิดหาคำอธิบาย โชคดีที่ยีนของเป่าเอ๋อเหมือนกับของเขา และการบอกคนอื่นไปว่าเธอเป็นลูกสาวของเขาก็ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่ปลอดภัยมากที่สุด


 


แต่ตอนนี้เป่าเอ๋อมีชื่อเสียงโด่งดัง เขาไม่คิดว่าจะสามารถใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นจุดเด่นได้อีกต่อไป


 


“บ้าเอ้ย! พวกน้ำเต้ามันเป็นบ้าอะไร? นี่พืชพวกนี้สูญเสียสติของมันไปแล้วอย่างนั้นหรอ”


 


“ว้าว! วิชาจีโนของหานเซิ่นเป็นอะไรที่สุดยอดมากแล้ว แต่ลูกของเขาก็ด้วยอย่างนั้นหรอ? นี่มันบ้าชัดๆ?”


 


“ไม่รู้ว่าหานเซิ่นยังต้องการผู้หญิงอยู่ไหม ข้าอยากที่จะมีลูกกับเขาแบบนั้นมั่งจัง ข้ายินดีที่จะจ่ายเงินให้กับเขา ตราบใดที่เขาทำให้ข้าตั้งท้อง”


 


“เจ้าฝันต่อไปเถอะ ที่ลูกสาวของเขามีพรสวรรค์แบบนั้น แสดงว่าแม่ของนางต้องมีพรสวรรค์เช่นเดียวกัน”


 


“นี่มันน่ากลัวจริงๆ น้ำเต้าทุกลูกพ่นลมปราณศักดิ์สิทธิ์ออกมา นี่นางจะมีธาตุสักกี่ธาตุกันแน่?”


 


“นางต้องเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานที่สัมพันธ์ต่อทุกธาตุ นางจะฝึกอะไรก็ได้ที่นางต้องการ”


 


“ข้าไม่เข้าใจ คริสตัลไลเซอร์นั้นธรรมดาๆ แล้วหนึ่งในพวกเขามีลูกสาวแบบนั้นได้ยังไงกัน?”


 


ภูเขา แม่น้ำ อวกาศ พระอาทิตย์ พระจันทร์ ธาตุทุกธาตุปรากฏขึ้นมาและเข้าไปในหน้าผากของเป่าเอ๋อ


 


ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ของน้ำเต้าไม่ได้ทำให้คนๆนั้นแข็งแกร่งขึ้น แต่มันจะเสริมพรสวรรค์ของคนๆนั้น


 


กระเรียนพันขนก็ได้รับลมปราณศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ซึ่งมันทำให้พรสวรรค์ในการใช้ดาบของเขาเหนือกว่าศิษย์ของปราสาทนภาคนอื่นๆ ตอนนี้ที่ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ต่อคิวเข้าไปในหน้าผากของเป่าเอ๋ออย่างไม่หยุด ตัวเป่าเอ๋อเองไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คนอื่นรู้ว่านี่มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมากขนาดไหน


 


มันมีลมปราณศักดิ์สิทธิ์มากเกินไปจนหานเซิ่นต้องหยุดเดินเพื่อรอให้ลมปราณศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในหน้าผากของเป่าเอ๋อจนหมดก่อน


 


เขากังวลว่าเป่าเอ๋อจะรับลูกปราณศักดิ์สิทธิ์มากมายขนาดนี้ได้หรือไม่ แต่เธอดูจะไม่เป็นอะไร เธอยังคงยิ้มอย่างร่าเริง ซึ่งทำให้หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจอย่างมาก


 


หานเซิ่นยืนอยู่บนเถาวัลย์น้ำเต้าเป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมงเพื่อรอให้ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดหายเข้าไปในตัวเป่าเอ๋อ ตอนนี้ร่างกายของเป่าเอ๋อถูกห่อหุ้มด้วยออร่าศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เธอเกือบจะดูเหมือนกับแฟรี่


 


หานเซิ่นคิดว่าถ้าเป่าเอ๋อตดออกมาในตอนนี้ มันก็คงจะเป็นลมปราณศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน


 


‘ทำไมตอนที่ฉันเดินข้าม น้ำเต้าพวกนี้ถึงไม่มอบลมปราณศักดิ์สิทธิ์ให้กับฉันบ้างเลย?’ หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ แต่เขาก็ตื่นเต้นกับอนาคตที่สดใสของเป่าเอ๋อ


 


หลังจากที่พวกน้ำเต้าปล่อยลมปราณศักดิ์สิทธิ์ออกมาหมดแล้ว พวกมันก็กลับสู่สภาพปกติ หานเซิ่นจึงเตรียมที่จะพาเป่าเอ๋อเดินออกไปจากถนนนภานี้ แต่ขณะที่เขากำลังจะทำแบบนั้น เป่าเอ๋อก็ดึงเสื้อของหานเซิ่นและกระโดดลงจากอ้อมแขนของเขา เธอเอามือตบเถาวัลย์น้ำเต้าและพูด


“น้ำเต้าเอ๋ย ไม่เห็นพ่อของฉันหรือยังไง? พวกแกควรจะแบ่งของดีๆให้กับเขาบ้าง ได้โปรดมอบของขวัญให้กับพ่อของฉันด้วย”


 


ผู้นำของปราสาทนภาและพวกผู้อาวุโสคิดว่านั่นเป็นอะไรที่ตลก เธอโชคดีมากแล้วที่ได้รับลมปราณศักดิ์สิทธิ์มากมายขนาดนั้น แต่ตอนนี้เธอกลับขอเพิ่มเพื่อจะมอบให้กับหานเซิ่น


 


ถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้ แต่ความเอาใจใส่ของเด็กหญิงคนนี้ก็เป็นอะไรที่น่าชื่นชม


 


แต่วินาทีต่อมาดวงตาของทุกคนก็เบิกกว้าง น้ำเต้าทั้งหมดหยุดเรืองแสงไปแล้ว แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเป่าเอ๋อ พวกมันก็เรืองแสงขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

 


ตอนที่ 2087

 

หมื่นน้ำเต้าเคลื่อนไหวอีกครั้ง

ภูเขา แม่น้ำ พระอาทิตย์ พระจันทร์ มีด ขวาน ดาบ หอก ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดออกมาอีกครั้งและตรงเข้ามาที่หานเซิ่น พวกมันเข้าไปในหน้าผากของเขาทีละอันๆ


 


“เป่าเอ๋อเป็นเด็กดีจริงๆ!” หานเซิ่นดีใจ เขาอยากจะอุ้มเธอขึ้นมาและหอกแก้มของเธอ


 


ลมปราณศักดิ์สิทธิ์หนึ่งตรงไปหาหานเซิ่น และทำให้เขารู้ถึงได้พลังของภูเขาในร่าง


 


หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าตัวเองกลายเป็นเทพเจ้าแห่งภูเขา ทั้งความแข็งแกร่ง พละกำลังและพลังของภูเขาเข้าไปในตัวของเขา ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าภูเขาแท้จริงคืออะไรกันแน่


 


ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ต่อไปเป็นแม่น้ำ และหานเซิ่นก็กลายเป็นแม่น้ำตามมัน ในจังหวะนั้นหานเซิ่นเป็นดังแม่น้ำ และแม่น้ำก็เป็นดังหานเซิ่น


 


ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมาวนเวียนรอบๆตัวหานเซิ่น ทำให้เขาเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างในระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิม


 


ประสมการณ์นับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้าไปมาในหัวของหานเซิ่น เขาเห็นโลกจากมุมมองที่แตกต่างออกไป ซึ่งมันเป็นบางสิ่งที่เขาไม่ควรจะเข้าใจได้


 


ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมหลังจากที่ได้รับดาบลมปราณของน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ไป แล้ววิชาดาบของคนๆนั้นจะพัฒนาขึ้น


 


หลังจากที่ได้เรียนรู้ถึงแก่นแท้ของดาบและร่างกายถูกชำระล้าง พรสวรรค์ต่อวิชาดาบก็จะเพิ่มขึ้น


 


ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ของน้ำเต้านับหมื่นเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สำหรับคนอย่างหานเซิ่นที่รู้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว มันก็เป็นประโยชน์ที่วิเศษที่สุด


 


ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ของน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์จะไม่เพิ่มระดับพลังของคนๆนั้น แต่ผลประโยชน์ที่พวกมันมอบให้นั้นไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาด้วยการฝึกฝน


 


“เป็นไปได้ยังไง…?” ผู้นำของปราสาทนภาและพวกผู้อาวุโสอึ้งไป


 


“ว้าว! ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ของน้ำเต้าถูกขอได้ด้วยอย่างนั้นหรอ? ข้าคิดว่ามันไม่มีอะไรที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจมอบลมปราณให้กับใครสักคนซะอีก นี่มันกำลังเกิดอะไรขึ้น?”


 


“ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ารู้เป็นแค่เรื่องโกหกอย่างนั้นหรอ? น้ำเต้าพวกนั้นไม่จำเป็นต้องยอมรับคนที่มันจะมอบลมปราณศักดิ์สิทธิ์ให้หรือยังไงกัน?”


 


“ข้าคิดว่าน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่สูงศักดิ์ซะอีก ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเป็นสิ่งที่ขอกันง่ายๆแบบนี้”


 


“ว้าว! นี่มันจะลำเอียงมากเกินไปแล้ว นอกจากลูกสาวของหานเซิ่นจะได้รับลมปราณศักดิ์สิทธิ์จากน้ำเต้าทุกลูกแล้ว นางยังขอให้กับพ่อได้อีกอย่างนั้นหรอ?”


 


“ตอนนี้การจะเดินบนถนนนภาจำเป็นต้องมีเส้นสายแล้วอย่างนั้นหรอ?”


 


“ดูเหมือนกับว่าการมีลูกที่ดีจะทำให้ชีวิตดีขึ้นจริงๆ”


 


“ถนนนภานั้นไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว นี่มันแย่ที่สุด”


 


ผู้อาวุโสต่างก็เงียบไป พวกเขาไม่สามารถได้เข้าใจว่าทำไมพวกน้ำเต้าถึงตอบรับคำขอของเป่าเอ๋อ มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ เพราะแม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ยังไม่ได้รับลมปราณศักดิ์สิทธิ์ถ้าพวกเขาไม่ได้การยอมรับจากพวกมันซะก่อน


 


แต่เป่าเอ๋อเพียงแค่พูดออกมาอย่างง่ายๆ พวกน้ำเต้าก็ปลดปล่อยลมปราณศักดิ์สิทธิ์ออกมา นี่ทำให้ผู้อาวุโสทั้งหมดสงสัยเกี่ยวกับความหมายของการมีอยู่ของพวกเขา บางทีพวกน้ำเต้าอาจจะเก็บกักลมปราณศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลาหลายล้านปี และตอนนี้มันก็พ่นออกมาแบบสุ่มๆให้กับบุคคลที่ผู้โชคดี


 


แต่ลึกๆแล้ว พวกเขารู้ว่ามันไม่จริง ผู้คนมากมายได้เดินข้ามถนนนภานี้ แต่มีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่จะได้รับการยอมรับจากน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์


 


“ข้าต้องการลูกศิษย์คนนี้ ใครก็ตามโต้เถียงกับข้าในเรื่องนี้อีก คนๆนั้นจะไม่ใช่เพื่อนของข้าอีกต่อไป” ผู้อาวุโสสี่พูดขึ้นมา


 


“เจ้าหมายความว่ายังไง? เด็กคนนี้เป็นลูกศิษย์ของข้า” พวกผู้อาวุโสเริ่มที่จะโต้เถียงกันเอง


 


บุคคล 2 คนได้รับลมปราณศักดิ์สิทธิ์จากน้ำเต้าหมื่นลูกในวันเดียว และที่ไม่น่าเชื่อที่สุดก็คือหนึ่งใน 2 คนได้รับพวกมันจากการขอ


 


หลังจากวันนั้นศิษย์ของปราสาทนภาหลายคนเดินบนถนนนภาซ้ำๆโดยหวังว่าปาฏิหาริย์แบบนั้นจะเกิดขึ้นกับพวกเขาบ้าง แต่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันไม่มีปฏิกิริยาจากน้ำเต้าเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าพวกเขาจะเดินข้ามมันสักกี่ครั้ง


 


บางคนนั้นพยายามจะขอร้องกับมันโดยหวังว่าพวกน้ำเต้าจะยอมมอบลมปราณศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเขา บางคนก้มหัวขอร้องจนกระทั่งหน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเลือด แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามสักแค่ไหน พวกน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ก็ไร้ความเคลื่อนไหว


 


ตอนนี้ผู้คนจึงรู้ว่าการขอร้องต่อน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์นั้นขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้นเป็นใคร มันไม่ใช่ทุกคนจะสามารถทำแบบนั้นได้


 


หลังจากนั้นเป่าเอ๋อก็ได้รับสมญานามแฟรี่น้อยมา เธอไม่ได้ดูเหมือนกับลูกสาวของหานเซิ่นอีก เธอดูเหมือนกับแฟรี่มากกว่า เนื่องจากเธอได้รับลมปราณศักดิ์สิทธิ์จากน้ำเต้าทั้งหมื่นมา


 


หานเซิ่นก็ได้รับลมปราณจากน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมื่นเช่นกัน และเมื่อทุกอย่างจบลงแล้ว เขาก็รู้สึกวิเศษมากๆ ในตอนนี้เมื่อเขามองสิ่งต่างๆ เขาก็จะเห็นพวกมันในมุมมองที่ต่างออกไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง


 


4 ชั่วโมงต่อมา ลมปราณศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในร่างของหานเซิ่นจนหมด เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว พวกน้ำเต้าศักดิ์สิทธิ์ก็ดูอ่อนแรงลงไป


 


“ขอบคุณมาก” หานเซิ่นพูดกับพวกน้ำเต้า หลังจากนั้นเขาก็อุ้มเป่าเอ๋อขึ้นมาและเดินไปที่เกาะหลัก


 


ถนนสู่ท้องฟ้าไม่ได้มีปฏิกิริยาพิเศษอะไรต่อเป่าเอ๋อ และหานเซิ่นก็อุ้มเป่าเอ๋อเข้าไปในปราสาทได้อย่างปลอดภัย


 


ตอนนี้ผู้คนในปราสาทนภามองหานเซิ่นราวกับว่าเขาเป็นตัวประหลาด  ทุกคนคิดว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดที่หนีออกมาจากสวนสัตว์


 


ก่อนที่หานเซิ่นจะมีโอกาสได้พาเป่าเอ๋อไปพบกับผู้นำและเหล่าผู้อาวุโส พวกเขาก็วิ่งเข้ามาหาหานเซิ่นซะก่อน


 


“หานเซิ่น ข้าจะขอรับลูกสาวของเจ้าไปเป็นลูกศิษย์ เจ้าจะขออะไรจากข้าก็ได้ที่เจ้าต้องการ”


 


“ไม่ นางต้องมาเป็นลูกศิษย์ของข้า! หานเซิ่น ข้ามีอาวุธมากมายให้เจ้าได้เลือก เจ้าจะเอาอันไหนไปก็ได้ ถ้าเจ้ายอมให้ลูกสาวของเจ้ามาเป็นลูกศิษย์ของข้า”


 


“การมอบอาวุธให้จะไปมีประโยชน์อะไร? มาที่เกาะของข้าดีว่า ยาและจีโนฟลูอิดที่นั่นจะตกเป็นของเจ้า”


 


“พอได้แล้ว! ดูท่าทางของพวกเจ้าสิ นี่พวกเจ้ายังมีความเคารพต่อข้าอีกไหม? พวกเจ้าควรจะปฏิบัติตัวให้มันสมกับฐานะผู้อาวุโสหน่อย!” ผู้นำของปราสาทนภาพูดขึ้นมา


 


เหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดดูอับอายกับพฤติกรรมของพวกเขา ผู้นำของปราสาทนภาเดินมาตรงหน้าหานเซิ่นและพูด


“หานเซิ่น เจ้ารู้จักกับไผ่เดียวดาย เจ้ารู้ดีว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหน ถ้าเจ้าอนุญาตให้เป่าเอ๋อเป็นลูกศิษย์ของเขา ด้วยการสั่งสอนของข้า นางจะกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต


 


“หน้าไม่อาย” เหล่าผู้อาวุโสโกรธ และพวกเขาก็เริ่มโต้เถียงกันอีกครั้ง


ตอนที่ 2088

 

ความแตกต่าง

เหล่าผู้อาวุโสตะโกนใส่กัน พวกมันกำหมัดแน่นและเส้นเลือดก็ปวดขึ้นมา มันดูเหมือนกับว่าการต่อสู้กำลังจะเกิดขึ้น


 


ในตอนที่เป่าเอ๋อได้รับลมปราณศักดิ์สิทธิ์จากน้ำเต้าทั้งหมื่น พวกเขายังคงเหลือเกียรติอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเป่าเอ๋อขอลมปราณศักดิ์สิทธิ์ให้กับหานเซิ่น พวกเขาก็ไม่สนใจอะไรอีกต่อไป


 


ชื่อเสียงไม่ได้มีค่าอะไร พวกเขามีชีวิตอยู่มานานพอจนไม่สนใจจะรักษาภายลักษณ์ของตัวเองอีกต่อไป ความร่ำรวยและอำนาจคือทั้งหมดที่สำคัญสำหรับพวกเขา


 


“ถึงท่านผู้นำและผู้อาวุโสทุกท่าน พวกท่านทุกคนต่างก็มีลูกศิษย์ ลูกชายและลูกสาว ส่วนข้าไม่มีอะไรเลย แบบนั้นแล้วพวกท่านยังต้องการแย่งลูกศิษย์คนหนึ่งไปจากข้าอีกอย่างนั้นหรอ?”


เสียงดังมาจากด้านนอกปราสาท อวี้ซ่านซินเดินเข้ามาพร้อมกับสุนัขของเขา


 


เขาค่อยๆเดินเข้าไปหาเหล่าผู้อาวุโสที่เงียบไปชั่วขณะ อวี้ซ่านซินนั้นเป็นครึ่งเทพ และถึงการบุกเข้ามาในปราสาทนภาของเขาจะผ่านมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เมื่อนึกถึงวันนั้นขึ้นมา มันก็ทำให้พวกผู้อาวุโสรู้สึกหวาดกลัว


 


แถมผู้อาวุโสหลายคนในที่นี่ก็ได้รับตำแหน่งมาเพราะอวี้ซ่านซินฆ่าผู้อาวุโสคนก่อนหน้าไป


 


“อวี้ซ่านซิน วิชาจีโนของเจ้าเป็นอะไรที่หาได้ยาก ซึ่งมันไม่เหมาะสมกับเป่าเอ๋อ ข้าจำได้ว่ามันมีทารกชาวนถาที่ดูเหมือนหยกคนหนึ่งเพิ่งจะเกิดขึ้นมา ทารกคนนั้นอาจจะเหมาะสำหรับเจ้า”


 


“ใช่แล้ว ทารกหยกคนนั้นเหมาะกับเจ้ามากกว่า”


 


“ซ่านซิน เด็กน้อยคนนี้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก มันจะเป็นอะไรที่เสียเปล่าถ้าเจ้าเป็นคนสอนให้กับนาง ทารกที่ดูเหมือนกับหยกคนนั้นเหมาะสมกับเจ้ามากกว่า”


 


พวกผู้อาวุโสพูดแนะนำขึ้นอย่างมีมารยาท พวกเขาไม่ต้องการล่วงเกินอวี้ซ่านซิน แต่พวกเขาก็ไม่อยากจะสูญเสียโอกาสที่จะได้สอนให้กับเป่าเอ๋อเช่นเดียวกัน


 


อวี้ซ่านซินยิ้มและเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน


 


มันไม่ใช่แค่อวี้ซ่านซินเท่านั้นที่ประหลาดใจ สีหน้าของผู้นำปราสาทนภาและพวกผู้อาวุโสก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน มิติบิดเบี้ยวและม้ายูนิคอร์นสีขาวเหมือนกับหิมะก็ปรากฏตัวขึ้นมา ชื่อของมันคือดรีมบีสต์


 


“นางเป็นของข้า พวกเจ้าคงจะไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ใช่ไหม?”


ดรีมบีสต์เข้ามาข้างๆเป่าเอ๋อและกระพริบตาให้กับเธอ หลังจากนั้นมันก็จ้องไปที่พวกผู้อาวุโส


 


“ดรีมบีสต์… เจ้าและนางแตกต่างกันมากเกินไป นางไม่มีทางฝึกพลังของเจ้าได้”


 


“ข้าแค่มาที่นี่เพื่อแจ้งให้พวกเจ้าทราบ ข้าไม่ได้ถามความเห็นของพวกเจ้า”


หลังจากนั้นดรีมบีสต์ก็เมินเฉยต่อพวกเขาและหันมาหาหานเซิ่น “ตามข้ามา”


 


หานเซิ่นอยู่กับดรีมบีสต์เป็นเวลาหลายเดือน เขารู้ดีว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหน เขาคิดว่าถ้าเป่าเอ๋อตามมันไปล่ะก็ เธอก็คงจะถูกทรมาน เพียงแค่คิดถึงการที่เป่าเอ๋อต้องดำลงไปในทะเลสาบเพื่อค้นหาหินอัญมณี มันก็ทำให้เขารู้สึกแย่แล้ว


 


แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะตัดสินใจได้ เป่าเอ๋อก็ยิ้มและกระโดดขึ้นไปบนหลังของดรีมบีสต์แล้ว


 


ทุกคนรู้สึกแปลกใจ ดรีมบีสต์เป็นถึงซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า ไม่ใช่แค่ม้าตัวหนึ่งที่มีเอาไว้ขี่ เมื่อก่อนเคยมีราชันคนหนึ่งเรียกมันว่าม้าแก่ และดรีมบีสต์ก็สะกดเขาในฝันร้าย ซึ่งจนถึงตอนนี้ราชันคนนั้นก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา


 


แต่ดรีมบีสต์ดูเหมือนจะไม่ได้รังเกลียดอะไรที่เป่าเอ๋อขึ้นขี่หลังของมัน มันพาเป่าเอ๋อออกไปจากปราสาทและตรงไปที่เกาะความฝันในทันที


 


หานเซิ่นจึงรีบตามไป ถึงแม้เขาจะไม่อยากกลับไปที่เกาะความฝัน แต่ตอนนี้เป่าเอ๋อได้มุ่งหน้าไปที่นั่นแล้ว ซึ่งเขาไม่รู้ว่าดรีมบีสต์ตั้งใจจะทำอะไรกับเป่าเอ๋อกันแน่


 


“ท่านผู้นำ ท่านปล่อยให้ดรีมบีสต์ทำอย่างนั้นได้ยังไง? ท่านควรแก้ไขเรื่องนี้!”


เมื่อพวกผู้อาวุโสรู้สึกตัวถึงสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น พวกเขาก็เริ่มจะบ่นกับผู้นำของปราสาทนภา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีใครคิดจะเข้าไปหยุดดรีมบีสต์


 


อวี้ซ่านซินเดินออกจากปราสาทไปพร้อมกับสุนัขของเขา


 


ผู้นำของปราสาทนภาไหล่ตกและพูด “ถ้าพวกเจ้าคนไหนนำเป่าเอ๋อมาจากดรีมบีสต์ได้ พวกเจ้าก็จะได้เป็นอาจารย์ของนาง”


 


ผู้อาวุโสแต่ละคนมองหน้ากันและสงสัยว่าใครมันจะไปกล้าชิงตัวเป่าเอ๋อมาจากดรีมบีสต์


 


หานเซิ่นไล่ตามดรีมบีสต์ไป แต่เขาไม่สามารถไล่ตามได้ทัน ดรีมบีสต์เข้าไปในก้อนเมฆและหายลับไป แต่โชคดีที่เขารู้ว่าเกาะความฝันอยู่ที่ไหน


 


หานเซิ่นกังวลว่าเป่าเอ๋อจะต้องทุกข์ทรมานภายใต้การสั่งสอนของดรีมบีสต์ ถ้าเธอต้องใช้เวลาในต่อละวันไปกับการขุดเอาหินอัญมณีขึ้นมาล่ะก็ เขาก็คงจะพาตัวเธอกลับ


 


เขาจะไม่ปล่อยให้เป่าเอ๋อต้องทนทรมานแบบนั้น ที่นี่คือปราสาทนภา ไม่ว่าดรีมบีสต์จะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเอาเป่าเอ๋อไปเป็นลูกศิษย์ได้ถ้าหานเซิ่นไม่ยินยอม


 


เมื่อหานเซิ่นไปถึงเกาะความฝัน เขาก็เห็นดรีมบีสต์กับเป่าเอ๋อ แต่สถานการณ์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิด


 


หานเซิ่นคิดว่าเป่าเอ๋อจะต้องถูกบังคับให้เก็บหินอัญมณี หรืออย่างน้อยเธอก็ต้องทนกับการปฏิบัติที่โหดร้าย


 


แต่สิ่งที่หานเซิ่นเห็นคือดรีมบีสต์นอนพักอยู่ใต้กิ่งของต้นไม้ต้นหนึ่งและเป่าเอ๋อก็นั่งอยู่ข้างๆ มันมีผลไม้อยู่ตรงหน้าของเป่าเอ๋อจำนวนมาก ซึ่งพวกมันเป็นสิ่งที่หานเซิ่นไม่เคยได้เห็นมาก่อน ยกเว้นแต่ผลไม้ชนิดหนึ่ง


 


ผลไม้ชนิดที่หานเซิ่นเคยเห็นมาก่อนนั้นเป็นผลไม้ที่ดูเหมือนกับองุ่น อี๋ซาเคยมอบมันให้กับเขา และมันก็ทำให้เขาวิวัฒนาการกลายเป็นขุนนางได้สำเร็จ


 


เป่าเอ๋อหยิบพวกมันขึ้นมาและเริ่มจะกินพวกมันเข้าไปทีละลูก


 


‘มันต้องเป็นแค่ภาพลวงตาแน่ๆ พวกมันไม่มีทางจะเป็นผลว่างเปล่าไปได้’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง


 


เมื่อเป่าเอ๋อเห็นหานเซิ่นเดินเข้ามา เธอกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาและให้องุ่นลูกหนึ่งกับเขา


“พ่อ! ลองกินผลไม้นี่ดู มันอร่อยมากๆ”


 


หานเซิ่นอ้าปากและกินมันเข้าไป เมื่อเขากัดมัน เขาก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา


 


มันเป็นผลว่างเปล่าจริงๆ ดรีมบีสต์นั้นให้พวกมันกับเป่าเอ๋อราวกับว่ามันเป็นขนมห่อหนึ่ง


 


‘ไอ้เวรนี่! ทำไมในตอนที่ฉันอยู่ที่นี่ ฉันต้องทำงานเหมือนกับทาสคนหนึ่ง แต่เป่าเอ๋อกลับได้รับผลว่างเปล่าราวกับเป็นขนม? นี่มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด’ หานเซิ่นรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา


 


ดรีมบีสต์ไม่ได้บังคับให้เป่าเอ๋ออยู่ที่นั่นเช่นกัน มันบอกกับเป่าเอ๋อว่าจะเข้ามาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ


 


“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มันมีความแตกต่างในการปฏิบัติระหว่างคน 2 คนมากถึงขนาดนี้?” หานเซิ่นรู้สึกอยากจะไปเกิดใหม่อีกครั้ง


 


พวกเขาเพลิดเพลินอยู่บนเกาะความฝันเป็นเวลาหนึ่งวัน หลังจากนั้นหานเซิ่นก็พาเป่าเอ๋อกลับไปที่เกาะของเขา และหลังจากที่พักผ่อนเสร็จแล้ว เขาก็พาเป่าเอ๋อไปที่ยอดเมฆสายรุ้ง

 

 

 


ตอนที่ 2089

 

สยบคลาวด์บีสต์สีแดง

“เจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงจอมอวดดีนั่นหายไปไหนของมัน”


หานเซิ่นพาเป่าเอ๋อมาที่ยอดเขาและรออยู่ที่นั่นมา 3 ชั่วโมงแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เห็นวี่แววของมัน เป่าเอ๋อกำลังเล่นกับคลาวด์บีสต์ตัวหนึ่งที่ดูคล้ายกับหมูอ้วน


 


ทันใดนั้นหมอกสีแดงก็ปรากฏขึ้นจากทะเลเมฆและมุ่งหน้าตรงมาทางพวกเขา ก่อนที่ก้อนเมฆสีแดงจะมาถึงยอดเขา มันก็สังเกตเห็นหานเซิ่น มันจึงบินวนรอบในท้องฟ้าและทิ้งควันที่สะกดเป็นคำว่า


“เจ้าโง่ เจ้ากลับมาแล้ว”


 


ดวงตาของหานเซิ่นกระตุก เขาใช้วิชาโลหิตชีพจรและเรียกปีกมังกรออกมา หลักจากนั้นเขาก็กระพือปีกและบินตรงเข้าไปหาคลาวด์บีสต์ตัวนั้น


 


เจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงยังคงเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่หานเซิ่นจะได้กวัดแกว่งมีดเขี้ยวผีสิง มันก็หายตัวไปแล้ว แต่มันไม่ได้บินหนีออกไปไกล มันสะกดคำขึ้นมาอีกครั้ง


“เจ้าโง่ แน่จริงก็มาจับข้าให้ได้สิ”


 


หานเซิ่นกระพือปีกและไล่ตามเจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงไป แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะไปถึงตัวมัน เจ้าคลาวด์บีสต์ก็เร่งความเร็วขึ้นและสร้างระยะห่างระหว่างพวกเขาขึ้นใหม่ ก่อนที่จะเยาะเย้ยเขาอีกครั้ง


 


แต่หานเซิ่นดูไม่ได้โกรธอะไรกับเรื่องนั้น จริงๆแล้วเขายิ้มออกมา ซึ่งนั่นทำให้เจ้าคลาวด์บีสต์รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ


 


มันพยายามจะบินหนีไป แต่มันไม่สามารถเคลื่อนที่ไปได้ และมันเริ่มที่จะค่อยๆร่วงลงมาจากท้องฟ้าแทน


 


เป่าเอ๋อที่นั่งอยู่บนยอดเขาชี้น้ำเต้าในมือไปที่เจ้าคลาวด์บีสต์สีแดง วังวนที่มองไม่เห็นกำลังดูดเจ้าคลาวด์บีสต์ลงมาหามัน


 


เจ้าคลาวด์บีสต์ปล่อยควันสีแดงออกมาราวกับจรวด แต่ไม่ว่ามันจะใช้พลังมากสักแค่ไหน มันก็ยังคงถูกดูดเข้าไปหาน้ำเต้าของเป่าเอ๋ออยู่ดี


 


หานเซิ่นรู้สึกตกใจ มาร์ควิสปกติจะดิ้นรนและต้านทานได้เล็กน้อยก่อนที่จะถูกดูดเข้าไป แต่เจ้าตัวนี้กำลังเล่นชักกะเย่อกับน้ำเต้าอยู่ ยิ่งเวลาผ่านไปมันก็ถูกดึงเข้ามาใกล้น้ำเต้าขึ้นเรื่อยๆ แต่หลังจากนั้นมันก็ระเบิดความเร็วออกมาและหนีออกไปได้พอสมควร


 


“เจ้าตัวนี้แตกต่างออกไปจริงๆ” หานเซิ่นรู้สึกชอบมัน


 


คลาวด์บีสต์สีแดงตัวนี้ไม่สามารถโจมตีได้ แต่ความเร็วของมันถือเป็นอะไรที่สุดยอด


 


เจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงต่อสู้กับแรงดูดของน้ำเต้าได้เป็นสิบนาที แต่สุดท้ายแล้วมันก็ถูกดูดเข้าไป เป่าเอ๋อปาดเหงื่อบนหน้าผากของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะใช้พลังไปมากพอสมควร


 


“เป่าเอ๋อ อย่าย่อยมัน เก็บมันเอาไว้ให้ พ่ออยากได้มันมาเป็นสัตว์เลี้ยง” หานเซิ่นพูดกับเป่าเอ๋อ


 


“หนูเข้าใจ” เป่าเอ๋อพยักหน้า หลังจากนั้นเธอก็ตบหัวของน้ำเต้าและเจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงก็ออกมาจากน้ำเต้า


 


“แกจะยอมเชื่อฟังฉันไหม?” หานเซิ่นถาม


 


แต่ดูเหมือนเจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงจะไม่ต้องการ มันพยายามจะหนีไป แต่แรงดูดของน้ำเต้าก็ดูดมันกลับมาอีกครั้ง


 


หลังจากที่ทำแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง เจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงก็ดูเหนื่อยล้า และเมื่อมันถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง มันก็เพียงแค่นอนนิ่งๆไม่เคลื่อนไหว


 


หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อและกระโดดขึ้นไปบนหลังของมัน หลังจากนั้นเขาก็ตะโกนออกมา


“บินขึ้นเร็วเข้า! พาพวกเราไปทัวร์รอบยอดเมฆสายรุ้ง”


 


เจ้าคลาวด์บีสต์ยอมแพ้ต่อชะตากรรมและพาหานเซิ่นกับเป่าเอ๋อบินไปรอบๆ หานเซิ่นคิดว่ามันเชื่องจนน่าแปลกใจ แต่เมื่อพวกเขาอยู่บนท้องฟ้านั้นเจ้าคลาวด์บีสต์ก็พยายามจะหนีอีกครั้ง


 


แต่เป่าเอ๋อสามารถใช้น้ำเต้าดูดเจ้าคลาวด์บีสต์กลับมาได้อีกครั้ง


 


เมื่อเห็นอย่างนั้นหานเซิ่นก็บอกให้เป่าเอ๋อยังไม่ต้องปล่อยมันออกมา เขามีแผนที่จะให้มันถูกขังอยู่ในนั้นสักพักจนกระทั่งมันสงบลง


 


เมื่อจับเจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงได้แล้ว หานเซิ่นก็เดินทางกลับไปที่เกาะพร้อมกับเป่าเอ๋อ


 


ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหน ผู้คนในปราสาทนภาก็จะพูดทักทายพวกเขา เป่าเอ๋อนั้นเป็นที่นิยมยิ่งกว่าหานเซิ่นซะอีก ซึ่งเธอคงจะเป็นคนที่เป็นที่นิยมที่สุดของปราสาทนภาในตอนนี้


 


ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เธอก็จะได้รับของขวัญจากทั้งผู้อาวุโสและศิษย์ของปราสาทนภา โดยเฉพาะผู้หญิงนั้นชื่นชอบเป่าเอ๋ออย่างมาก


 


แต่เนื่องจากตอนนี้เป่าเอ๋ออยู่ภายใต้การปกป้องของดรีมบีสต์ ผู้อาวุโสและผู้นำของปราสาทนภาจึงไม่พยายามจะแย่งเป่าเอ๋อไปเป็นของตัวเอง หานเซิ่นไม่รู้ว่าทำไมดรีมบีสต์ถึงต้องการจะช่วยเป่าเอ๋อ แต่หานเซิ่นสังเกตว่าเป่าเอ๋อเป็นมิตรกับมันอย่างมาก


 


ในอดีตเป่าเอ๋อใช้ขวดน้ำเต้าเพื่อป้อนให้กับม้าโพนี่สีแดง และพวกเขาก็ได้มารู้ทีหลังว่ามันเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดที่ถูกเรียนว่าไนท์แมร์ หลังจากที่มันวิวัฒนาการไปสู่สหพันธ์ มันก็มาอาศัยอยู่ที่บ้านของหานเซิ่นร่วมกับเป่าเอ๋อ


 


หานเซิ่นใช้เวลาแต่ละวันไปกับการฝึกวิชาจีโนและดูดซับวิญญาณแฟรี่หยกในสถานหยกขาว ทำให้วิชากายหยกของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและศาสตร์ตงเสวียนของเขาก็เช่นกัน มีเพียงแค่เรื่องราวของยีนเท่านั้นที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง


 


‘ดูเหมือนว่าเรื่องราวของยีนจำต้องใช้ทรัพยากรเป็นจำนวนมากเพื่อเพิ่มระดับขึ้น’ หานเซิ่นคิดอย่างเศร้าใจ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเพิ่มระดับวิชากายหยกก่อน


 


ทุกครั้งที่หานเซิ่นไปสถานหยกขาว เขาก็จะดูดซับวิญญาณแฟรี่หยกเข้าไป ซึ่งหลังจากทำอย่างนั้นไปสักพัก ในที่สุดเขาก็รู้สึกว่ากายหยกกำลังพัฒนา


 


‘ถ้ากายหยกพัฒนาเป็นระดับมาร์ควิสแล้ว เราจะใช้พลังความเย็นได้ไหมนะ?’ หานเซิ่นหวังว่าที่จะได้รับพลังความเย็นจากวิชากายหยก ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะได้พลังน้ำแข็ง เพราะมันจะเป็นอะไรที่มีประโยชน์สำหรับเขาอย่างมาก


 


“ศิษย์น้องหาน เจ้าเป็นยังไงบ้าง?” อวี้จิงขี่มังกรสีเขียวมาที่เกาะของหานเซิ่น เดี๋ยวนี้เขาดูร่ำรวยขึ้นทุกวันๆ


 


“ก็ไม่เลว ดูเหมือนว่าเจ้าจะสบายดีสินะ” หานเซิ่นสังเกตอวี้จิงขณะที่พูดขึ้นมา


 


อวี้จิงยิ้มและพูด “ข้าพอหาเงินได้บ้าง แต่ตอนนี้ข้ามีโอกาสที่จะหาเงินได้มากยิ่งกว่าเดิม เจ้าสนใจจะมาช่วยข้าไหม?”


 


“มันคืออะไร?” หานเซิ่นถาม


 


“ในอีกหนึ่งปี มันจะมีบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนปรากฏขึ้นมา เจ้ามีแผนที่จะเข้าแข่งกันด้วยไหม?” อวี้จิงมองหานเซิ่นด้วยความตื่นเต้น

 

 

 


ตอนที่ 2090

 

วิชาผนึกมาร

หานเซิ่นไม่รู้ว่าบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนคืออะไร ซึ่งหลังจากที่เขาถามอวี้จิงแล้ว เขาก็ได้รู้ว่ามันเป็นสมบัติจากจีโนฮอลล์ มันจะปรากฏขึ้นในจีโนฮอลล์ทุกๆศตวรรษ และเผ่าพันธุ์ต่างๆ ก็จะเข้าแข่งกันเพื่อครอบครองมัน ทุกคนสามารถเข้าร่วมเพื่อทดสอบตัวเอง


 


บัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนจะจดชื่อของผู้ที่ติดอันดับหนึ่งในหมื่นเอาไว้โดยจะเรียงตั้งแต่ดีที่สุดไปสู่อันดับสุดท้าย


 


ทั้งจักรวาลจีโนจะเห็นชื่อที่อยู่บนบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโน


 


“ถ้าข้าทิ้งชื่อเอาไว้บนสิ่งนั้นได้ และข้าจะได้ประโยชน์อะไร?” หานเซิ่นถามอวี้จิง


 


“ชื่อเสียงทั่วทั้งจักรวาลจีโน ทุกคนจะเห็นชื่อและเผ่าพันธุ์ของเจ้า นั่นไม่ใช่ผลประโยชน์หรอกหรอ? ด้วยพลังของเจ้า ข้ารับประกันได้เลยว่าเจ้าต้องติดอันดับท๊อปของระดับเอิร์ลหรือมาร์ควิส ซึ่งถ้าเจ้าติดท๊อปสิบได้ล่ะก็ เจ้าก็จะกลายเป็นคนที่โด่งดัง”


อวี้จิงไม่รู้ว่าตอนนี้หานเซิ่นเป็นเอิร์ลหรือมาร์ควิสกันแน่ และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาพูดออกไปแบบนั้น


 


“ข้าไม่สนใจ” หานเซิ่นพูดอย่างเรียบง่าย เขาไม่ได้รับอะไรจากการเข้าร่วม และชื่อเสียงก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการ


 


“อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจเร็วนัก มันยังมีเวลาอีกหนึ่งปีก่อนที่งานจะเริ่มขึ้น บางทีเมื่อถึงตอนนั้นเจ้าอาจจะเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา”


อวี้จิงไม่ได้พยายามพูดโน้มน้าวหานเซิ่นอีกและหันไปถามเรื่องอื่นแทน “ศิษย์น้องหาน? เมื่อไหร่กันที่เจ้าจะทำการบรรยายเกี่ยวกับวิชาจีโนน่ะ? และเจ้าพอจะบอกข้าได้ไหมว่าเจ้าจะบรรยายเรื่องอะไร?”


 


“เจ้าอยากให้ข้าบรรยายเรื่องอะไรล่ะ?”


หานเซิ่นมีแผนที่จะทำการบรรยายประจำปีขณะที่ยังมีเวลาว่างอยู่ ในตอนนี้เขาไม่มีเรื่องเร่งด่วนอะไรต้องทำ ดังนั้นเขาก็คิดว่าจะทำมันเห็นเสร็จซะตอนนี้เลย


 


ปัญหาอย่างเดียวก็คือหานเซิ่นไม่รู้ว่าควรจะบรรยายเรื่องอะไรดี และเขาก็ไม่สามารถสอนวิชาใต้นภาให้กับสาธารณชนได้เช่นกัน


 


ภายในปราสาทนภามีผู้คนที่ศึกษาในวิชาจีโนทุกรูปแบบ ซึ่งไม่ว่าหานเซิ่นจะพูดเรื่องอะไร มันก็ต้องมีคนบางส่วนที่ไม่สนใจในสิ่งที่เขาจะบรรยาย


 


ผู้คนของปราสาทนภาไม่เคยเห็นวิชาจากภายในก็อตแซงชัวรี่มาก่อน ดังนั้นการพยายามบรรยายเกี่ยวกับพวกมันจึงเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์


 


“ข้าอยากจะให้เจ้าพูดเกี่ยวกับศาสตร์สามสิบเอ็ดวัน แต่แน่นอนว่านั่นเป็นวิชาของชาวนภา ข้าจึงไม่คิดว่าเจ้าจะได้เรียนรู้มัน” อวี้จิงพูด


 


“ข้าไม่ได้เรียนรู้มันจริงๆนั่นแหละ” หานเซิ่นพูดพร้อมกับยิ้มแห้งๆ


 


อวี้จิงคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมา


“เอาแบบนี้ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ เจ้าพูดเกี่ยวกับวิชาผนึกมารได้ไหม?”


 


“วิชาผนึกมาร?” หานเซิ่นไม่เคยได้ยินชื่อของมันมาก่อน เขามาที่ปราสาทนภาเพื่อสถานหยกขาว เขาไม่ได้สนใจเรียนรู้อะไรอย่างอื่น ดังนั้นเขาจึงรู้จักวิชาที่โด่งดังไม่กี่วิชา


 


“วิชาผนึกมารเป็นวิชาจีโนที่มีชื่อเสียง และทุกคนก็เรียนรู้มันได้ มันไม่เหมือนกับตำราไร้อักษรที่มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเรียนรู้ได้” อวี้จิงพูด


 


“ทุกคนเรียนรู้มันได้?”


หานเซิ่นรู้ว่าวิชาที่เรียนรู้ได้ทุกคนคงจะเป็นอะไรที่ห่วย วิชาที่ดีที่สุดนั้นโดยปกติแล้วมักจะมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เรียนรู้มันได้ วิชาที่ฝึกฝนได้ทุกคน ถึงแม้พวกมันจะเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม แต่พวกมันก็จะแย่ลงเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป


 


อวี้จิงพูด “วิชาผนึกมารเป็นวิชาลับของปราสาทนภา ชาวนภาทุกคนเรียนรู้มันได้ แต่คนนอกจำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองก่อนถึงจะเรียนรู้มันได้ แต่มันก็เป็นวิชาที่ยากจะเรียนรู้ได้อยู่ดี มันมีทั้งหมด 11 ขั้นอีกด้วย ศิษย์ของปราสาทนภาทั่วไป ถ้าทำได้ดี พวกเขาจะฝึกได้ถึงขั้นที่ 3 หรือขั้นที่ 4 แม้แต่ข้าเองที่มุ่งเน้นฝึกฝนมันมาเป็นเวลาหลายปีก็เพิ่งจะฝึกได้ถึงขั้นที่ 5 เท่านั้น ข้าจะซาบซึ้งอย่างมากถ้าเจ้าบรรยายเกี่ยวกับเรื่องนี้ และข้าก็มั่นใจว่าศิษย์หลายๆคนของปราสาทนภาก็คงจะซาบซึ้งเช่นเดียวกัน”


 


“ข้าจะลองเอาไปคิดดู ยังไงก็ตามวิชาผนึกมารคืออะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามเบาๆ


 


หานเซิ่นยังเหลือสิทธิ์ในการเข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์อยู่ ซึ่งถ้าวิชาผนึกมารเป็นอะไรที่เหมาะสมกับเขา เขาก็คิดว่าการฝึกมันคงไม่เสียหายอะไร


 


อวี้จิงรีบอธิบายเกี่ยวกับมันให้หานเซิ่นฟัง โดยหวังว่าเขาจะรู้สึกสนใจขึ้นมา


 


หลังจากที่หานเซิ่นได้ยินเกี่ยวกับมัน เขาก็พูดขึ้นมา


“ถ้าฉันเริ่มฝึกมันในตอนนี้ ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะบรรยายมันได้ วิชาจีโนนี่ดูซับซ้อนเกินไป ฉันคงจะเรียนรู้มันในเวลาสั้นๆไม่ได้”


 


วิชาผนึกมารเป็นอะไรที่ซับซ้อน เขาไม่สามารถเรียนรู้มันได้ในเวลาอันสั้น จากยอดฝีมือทุกคนในปราสาทนภา มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่สำเร็จขั้นที่ 11 ซึ่งก็คือผู้นำของปราสาทนภา หรืออย่างน้อยถ้านับเพียงแค่คนที่ยังมีชีวิตอยู่


 


อวี้จิงพูดว่าตำราของวิชาผนึกมารมีมากกว่า 30 ล้านคำ ซึ่งแค่จะอ่านให้จบก็จำเป็นต้องใช้เวลานานและมันต้องใช้เวลานานยิ่งไปอีกเพื่อจะฝึกมัน ด้วยเหตุนั้นมันอาจจะต้องใช้เวลาหลายปีก่อนที่เขาจะทำการบรรยายเกี่ยวกับมันได้


 


“ข้าก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเจ้าจะพูดแบบนั้น วิชาผนึกมารนั้นยากเกินไปจริงๆ ข้าไม่มีอาจารย์และมันก็เป็นอะไรที่ยากจะเรียนรู้ได้” อวี้จิงยิ้มแห้งๆออกมา


 


หลังจากที่อวี้จิงจากไปแล้ว หานเซิ่นก็ตัดสินใจไปที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอตำราของวิชาผนึกมาร ชาวนภาทุกคนสามารถเรียนรู้มันได้ แต่ถ้าคนนอกอย่างเขาต้องการจะเรียนรู้มัน พวกเขาก็ต้องทำคุณงามความดีซะก่อน


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้เอาวิชาจีโนนี้มาเพื่อจะบรรยายเกี่ยวกับมัน เขารู้สึกสนใจเกี่ยวกับวิชานี้ขึ้นมา หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของอวี้จิง


 


วิชาผนึกมารไม่สามารถสร้างความเสียหายได้ แต่มันพลังที่มุ่งเน้นไปที่การปิดผนึก ซึ่งวิชาจีโนแบบนี้ถือว่าหาได้ยาก วิชาเต่าที่หานเซิ่นคิดค้นขึ้นมาก็เป็นวิชาประเภทผนึกเหมือนกัน ซึ่งมันเป็นอะไรที่มีประโยชน์อย่างมาก


 


หลังจากที่คิดค้นวิชาเต่าขึ้นมาแล้ว หานเซิ่นก็พบว่าตัวเองกำลังมองหาวิชาปิดผนึกอีกตัว


 


วิชาผนึกมารสามารถใช้ได้ตั้งแต่บารอนจนไปถึงยอดฝีมือระดับเทพเจ้า เมื่อร่างกายแข็งแกร่งขึ้น วิชานี้ก็จะพัฒนาขึ้นตามไปด้วย ซึ่งมันจะมีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อวิวัฒนาการเป็นระดับเทพเจ้าได้แล้ว


 


ตำราของวิชาผนึกมารจะถูกแบ่งออกเป็นขั้นๆ คนส่วนใหญ่จะสามารถเอาตำราไปได้แค่ทีละขั้นเท่านั้น แต่โชคดีที่หานเซิ่นได้รับอนุญาตให้เอาพวกมันทั้ง 11 ขั้นไปได้โดยผู้นำของปราสาทนภา


 


หลังจากกลับไปที่เกาะ หานเซิ่นก็เริ่มอ่านพวกมันอย่างละเอียด มันใช้เวลาหลายวันก่อนที่เขาจะอ่านมันจนจบ โชคดีที่หานเซิ่นมีความทรงจำที่ดี ถ้าเขาเกิดลืมว่าอะไรมาก่อนมาหลังล่ะก็ มันก็จะเป็นอะไรที่สูญเปล่า


 


“นี่เป็นวิชาจีโนที่ทรงพลัง” หลังจากที่หานเซิ่นอ่านมันจนจบ เขาก็เริ่มที่จะรู้สึกชอบมันมากขึ้นไปอีก

 

 

 


ตอนที่ 2091

 

ไนท์โกสต์

ดาวไนท์โกสต์เป็นดวงดาวใต้อาณานิคมของปราสาทนภา ประชากรส่วนใหญ่บนดวงดาวคือเผ่าพันธุ์ไนท์โกสต์ พวกเขาไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง แต่พวกเขาหลงรักการต่อสู้ พวกเขาจะตื่นขึ้นมาเฉพาะยามค่ำคืนเท่านั้น และถ้ามันไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ออกหากินตอนกลางคืนล่ะก็ พวกเขาก็คงจะไปจากดวงดาวไนท์โกสต์และกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงไปแล้ว


 


แต่พวกเขาไม่สามารถทนต่อแสงสว่างได้ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงติดแหง็กอยู่บนดาวไนท์โกสต์ แต่ทว่าด้วยการปกป้องของปราสาทนภา พวกเขาจึงอยู่ดีมีสุข


 


แต่ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นบนดวงดาวไนท์โกสต์ ชาวไนท์โกสต์หลายๆคนถูกฆ่าตาย ซึ่งคนร้ายยังคงลอยนวลจนถึงทุกวันนี้ และถึงจะค้นหาจนทั่วทั้งดวงดาวแล้ว มันก็ยังคงไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้


 


ในคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ดยุกสลีปเลสส์ผู้นำของไนท์โกสต์กำลังประชุมกับคนหนุ่ม 2 คน คนหนึ่งดูเย็นชา ขณะที่อีกคนหนึ่งยิ้มแย้มออกมา และเขากำลังอุ้มเด็กหญิงอายุราวๆ 5 ขวบที่ดูน่ารักอยู่


 


ชายหนุ่ม 2 คนนั้นก็คือไผ่เดียวดายและหานเซิ่น พวกเขามาที่นี่เพื่อสืบสวนถึงการตายปริศนา มันเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนของพวกเขา


 


หานเซิ่นไม่ได้อยากจะมา แต่เขาได้รับคำสั่งจากพวกผู้อาวุโส ซึ่งเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังนั้นเขาจึงต้องมาที่นี่พร้อมกับไผ่เดียวดาย


 


หานเซิ่นกำลังมองไปที่ดยุกสลีปเลสส์ผู้นำของชาวไนท์โกสต์ เธอมีร่างกายที่เซ็กซี่โดยชุดหนังที่รัดแน่น มันเผยเห็นส่วนโค้งของเธอ ราวกับว่าเธอไม่ได้สวมใส่อะไรเลย


 


ไม่นานก่อนที่หานเซิ่นจะรู้สึกตัวว่าเธอไม่ได้สวมใส่อะไรเลยจริงๆ เสื้อผ้าหนังที่รัดแน่นนั้นไม่ใช่เสื้อผ้า แต่เป็นผิวหนังของเธอต่างหาก


 


เธอมีผมและดวงตาสีดำ ปีกสีดำด้านหลังของเธอเหมือนกับของค้างคาว และเธอก็มีหางที่ดูเหมือนกับแส้สีดำ มันทำให้เธอดูเซ็กซี่อย่างมาก


 


เธอสูง 2 เมตร ซึ่งสูงกว่าหานเซิ่นอยู่เล็กน้อย เธอดูแข็งแกร่งมากๆ


 


“นายท่านไผ่เดียวดาย ได้โปรดหาตัวคนร้ายให้พวกเราด้วย ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะ ไนท์โกสต์ทุกคนก็คงจะถูกฆ่าตายจนหมด” ดยุกสลีปเลสส์พูด


 


ปราสาทนภาเก็บเรื่องภายในเป็นความลับสุดยอด แม้แต่ผู้นำของดวงดาวใต้อาณานิคมอย่างดาวไนท์โกสต์ก็ไม่รู้ว่าหานเซิ่นและเป่าเอ๋อเป็นใคร พวกเขาแค่เคยได้ยินชื่อเท่านั้น แต่เรื่องราวของทั้ง 2 คนภายในปราสาทนภาเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่รู้


 


ดาวไนต์โกสต์เองก็ถูกเก็บเรื่องภายในเป็นความลับเช่นเดียวกัน


 


“ศพของพวกเขายังอยู่ไหม?” ไผ่เดียวดายถาม


 


ดยุกสลีปเลสส์ส่ายหัว “เมื่อเหยื่อถูกฆ่าตาย พวกเขาจะสลายกลายเป็นน้ำสีดำในเวลาอันสั้น มันแทบจะไม่หลงเหลือร่องรอยอะไรให้ตรวจสอบเลย”


 


“ขอข้าดูข้อมูลของไนท์โกสต์ที่เพิ่งถูกฆ่าตายเมื่อเร็วๆนี้” ไผ่เดียวดายพูด


 


“มันได้ถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในนี้” ดยุกสลีปเลสส์ส่งเอกสารให้กับไผ่เดียวดาย


 


“ศิษย์พี่ไผ่เดียวดาย เจ้าจัดการเรื่องนี้ได้สินะ ข้าจะขอไปยืดเส้นยืดสายกับเป่าเอ๋อสักหน่อย” หานเซิ่นโบกมือให้กับไผ่เดียวดาย หลังจากนั้นเขาก็ออกไปข้างหน้าเพื่อจะเดินเล่น


 


“นายท่าน! ทำไมนายท่านไม่ให้ข้าส่งองครักษ์ติดตามนายท่านไปล่ะ?”


ดยุกสลีปเลสส์ไม่รู้จักหานเซิ่น แต่เธอก็ยังคงยื่นขึ้นเสนอที่จะส่งคนไปคอยคุ้มกันเขา


 


“ไม่เป็นอะไร ข้าแค่จะเดินรอบๆถนนไนท์ริงสายสิบสองเท่านั้น”


หานเซิ่นเดินออกไปจากคฤหาสน์ของดยุกพร้อมกับเป่าเอ๋อ


 


ดาวไนท์โกสต์นั้นไม่มีดวงอาทิตย์ ด้วยเหตุนั้นทั้งดวงดาวจึงหนาวเย็นอย่างมาก แต่มันก็ไม่มีน้ำเช่นกัน ซึ่งทำให้มันไม่มีน้ำแข็งบนผิวดวงดาว ทั้งหมดที่หานเซิ่นมองเห็นมีแค่สิ่งก่อสร้างจากหินสีเทาที่ดูน่าเบื่อ


 


ไนท์โกสต์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่จำเป็นต้องกินอาหารหรือน้ำ พวกเขาสามารถดูดซับพลังงานจากความมืดได้ พวกเขาไม่หวาดกลัวต่ออุณหภูมิที่สูงหรือต่ำ และพวกเขาก็ไม่พึ่งออกซิเจนเช่นกัน สิ่งเดียวที่พวกเขาหวาดกลัวก็คือแสงสว่าง เพราะจะบดบังการมองเห็นของพวกมัน และถ้ามันสว่างมากๆ มันก็อาจจะทำให้พวกเขาตาบอดได้เลย


 


ชาวไนท์โกสต์ทุกคนเป็นซีโน่เจเนอิค และพวกเขาก็เป็นระดับบารอนตั้งแต่เกิด สายเลือดของพวกเขาถือว่าดีมากๆ แม้แต่เผ่าพันธุ์ชั้นสูงหลายเผ่าพันธุ์ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับพวกเขา


 


แต่เนื่องจากพวกเขามีจุดอ่อนที่ร้ายแรงและทรัพยากรที่ขาดแคลน ด้วยเหตุนั้นสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาจึงเป็นแค่ระดับดยุกเท่านั้น พวกเขาไม่มีระดับราชันอยู่เลยแม้แต่คนเดียว


 


ทั้งดวงดาวมืดสนิท และมีเพียงแค่แสงของดวงดาวที่ส่องลงมาตามสิ่งก่อสร้าง ขณะที่หานเซิ่นเดินไปถนน เขาก็สัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนตัวอยู่ในความมืด


 


ไนท์โกสต์ถนัดต่อสู้ในความมืด แต่ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา พวกเขามากกว่า 20 คนถูกฆ่าตายไป และผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็เป็นถึงระดับมาร์ควิส


 


ไนท์โกสต์ได้พยายามใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อค้นหาตัวคนร้าย แต่พวกเขาก็ไม่เจอร่องรอยอะไร


 


2 วันก่อนในตอนที่มาร์ควิสอีกคนถูกฆ่าตาย เขากำลังเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็นของดยุกสลีปเลสส์ ซึ่งยอดฝีมือชาวไนท์โกสต์ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่นั่นเกือบทั้งหมด แต่มาร์ควิสคนนั้นก็ยังถูกฆ่าตายอย่างเงียบๆบนระเบียง ไม่มีใครที่นั้นรวมถึงดยุกสลีปเลสส์รู้เลยว่าเขาถูกฆ่าตายได้ยังไง และในตอนที่ร่างกายของเขาถูกพบบนระเบียง ร่างของเขาก็ได้สลายกลายเป็นน้ำสีดำแล้ว


 


หานเซิ่นเดินอยู่บนถนนไนท์ริงเส้นสิบสอง พร้อมกับเปิดใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อจับตาดูทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัว เขาสามารถเห็นชาวไนท์โกสต์หลายคนที่กำลังมองดูเขาจากมุมมืด


 


พวกเขามองมาที่หานเซิ่นด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขามุ่งร้ายอะไรต่อหานเซิ่น นั่นเป็นแค่นิสัยของพวกเขาเท่านั้น พวกเขาไม่ชอบคนนอกและไม่คิดจะพูดคุยอะไรด้วย หลายพันปีก่อนบนดวงดาวนี้มีเผ่าพันธุ์อื่นอาศัยอยู่ด้วยเช่นกัน แต่ชาวไนท์โกสต์ได้ฆ่าพวกเขาไปจนหมด


 


เผ่าพันธุ์เดียวที่พวกเขาเชื่อฟังก็คือเผ่าพันธุ์นภา


 


หานเซิ่นถูกส่งมาโดยปราสาทนภาก็จริง แต่ชาวไนท์โกสต์สามารถสัมผัสได้ว่าเขาไม่ใช่คนเผ่านภา บนถนนอันมืดมิด ผู้หญิงชาวไนท์โกสต์คนหนึ่งเข้ามาขวางทางหานเซิ่นเอาไว้


 


“ปราสาทนภาส่งเจ้ามาที่นี่?”


 


“ใช่แล้ว” หานเซิ่นพยักหน้า


 


“แล้วทำไมตัวเจ้าถึงไม่ใช่ชาวนภา? เรื่องแบบนี้ควรจะถูกแก้ไขโดยชาวนภาที่แท้จริง” ไนท์โกสต์หญิงขมวดคิ้ว


 


หานเซิ่นยักไหล่ “ศิษย์ของปราสาทนภาตัวจริงตอนนี้อยู่ในคฤหาสน์ของดยุก เขาเป็นชาวนภาเลือดบริสุทธิ์ ข้าเป็นแค่ผู้ช่วยของเขาเท่านั้น”


 


“แบบนี้นี่เอง” ไนท์โกสต์หญิงดูโล่งใจขึ้นมา การได้รู้ว่าชาวนภามาที่นี่ดูเหมือนจะทำให้เธอรู้สึกมั่นใจว่าปัญหาจะถูกแก้ไขโดยเร็ว


 


“เจ้าชื่ออะไร?” หานเซิ่นถาม


 


“ลี่ตั่ว” ไนท์โกสต์หญิงพูด


 


“ข้าเป็นตัวแทนออกมาตรวจสอบแทนศิษย์พี่ชาวนภา เจ้าจะพาข้าเดินดูรอบๆหน่อยได้ไหม?” หานเซิ่นยิ้ม


 


“เจ้าอยากจะไปที่ไหน?” ลี่ตั่วถาม บางทีมันอาจจะเป็นเพราะหานเซิ่นพูดถึงความเกี่ยวข้องของเขากับเผ่าพันธุ์นภา เธอจึงไม่ได้ปฏิเสธเขา


 


“พาข้าไปในสถานที่ที่ไนท์โกสต์ถูกฆ่าตาย” หานเซิ่นพูด

 

 

 


ตอนที่ 2092

 

ข่าน

หานเซิ่นตามลี่ตั่วไปบนถนนไนท์ริงสายสิบสอง พวกเขาตรวจเช็คสถานที่หลายจุดที่เคยมีเหตุการณ์ฆาตกรรมเกิดขึ้น หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อสแกนทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด


 


แต่น่าแปลกที่หานเซิ่นสัมผัสได้แค่ร่องรอยที่ถูกทิ้งไว้โดยชาวไนท์โกสต์เท่านั้น เขาไม่สามารถสัมผัสร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นได้เลย


 


‘แปลกจริงๆ โดยปกติแล้วถ้าสิ่งมีชีวิตอื่นผ่านมา มันก็ควรจะทิ้งสสารบางอย่างให้ตามรอยบ้าง เป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลย นอกจากฆาตกรจะควบคุมร่างกายของมันได้จนถึงระดับโมเลกุล แต่มันก็มีโอกาสที่ฆาตกรจะเป็นชาวไนท์โกสต์เหมือนกัน เพราะยังไงซะมันก็ไม่มีหลักฐานถึงการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นเลย’ หานเซิ่นคิด


 


‘เจ้าพบอะไรไหม?’ ลี่ตั่วอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา


 


“ไม่เลย” หานเซิ่นส่ายหัว


 


“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าพวกเราจำเป็นต้องให้ชาวนภามาจัดการเรื่องนี้ พวกเขาจำเป็นต้องมาตรวจดูสถานที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง” ลี่ตั่วพูด


 


“เขาจะมาด้วยตัวเอง ข้าแค่พยายามทำการตรวจสอบด้วยตัวเองก่อนเท่านั้น พาข้าไปสถานที่อื่นอีก ข้าจะได้กลับไปรายงานศิษย์พี่ชาวนภา” หานเซิ่นพูด


 


เมื่อได้ยินอย่างนั้น ลี่ตั่วก็พาหานเซิ่นไปยังสถานที่เกิดเหตุอีกจุดหนึ่ง


 


“มันมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่มีสติปัญญาอยู่บนดวงดาวนี้อีกไหม?” หานเซิ่นถาม


 


จักรวาลจีโนประกอบไปด้วยเผ่าพันธุ์ที่หลากหลาย มันเป็นเรื่องยากที่บนดวงดาวหนึ่งจะมีแค่เผ่าพันธุ์เดียวเท่านั้น หานเซิ่นเดินบนถนนไนท์ริงสายสิบสองมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่เขาก็เห็นแค่ชาวไนท์โกสต์เท่านั้น


 


“สภาพแวดล้อมของดวงดาวนี้นั้นพิเศษ เผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่จึงอาศัยอยู่ที่นี่ไม่ได้” ลี่ตั่วพูด


 


“มันไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอาศัยอยู่บนถนนไนท์ริงเลยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม


 


ลี่ตั่วคิด หลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้นมา “มันมีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่บนดวงดาวแห่งนี้ แต่พวกเขาไม่ได้อาศัยอยู่บนถนนไนท์ริงสายสิบสอง”


 


“นั่นหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นดูสับสน


 


ลี่ตั่วลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่เธอก็พูดออกมา “ไนท์โกสต์นั้นรักการกินเนื้อ แต่มันไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่บนดวงดาวไนท์โกสต์มากนัก ดังนั้นเนื้อจึงถูกนำเข้ามาจากดาวดวงอื่น ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา พวกเราได้ร่วมมือกับเผ่าพันธุ์ทอรัส พวกเขามีฐานอยู่ไม่ไกลจากถนนไนท์ริงสายสิบสอง”


 


“ข้าจำได้ว่าเผ่าพันธุ์ทอรัสเป็นเผ่าพันธุ์ใต้อาณานิคมของเดม่อนหนิ แล้วทำไมพวกเจ้าถึงไม่ซื้ออาหารจากปราสาทนภา แต่กลับไปพึ่งพาเผ่าทอรัสกันล่ะ?” หานเซิ่นถามหลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่


 


“พวกเราไม่มีทางเลือก อาหารที่พวกเราต้องการนั้นค่อนข้างพิเศษ เนื้อของเผ่าพันธุ์ธรรมดาตอบสนองความต้องการของพวกเราไม่ได้ และทอรัสก็เป็นเผ่าพันธุ์เดียวที่จะตอบสนองความต้องการของพวกเรา ท่านผู้นำของปราสาทนภาได้อนุมัติความสัมพันธ์นี้ของพวกเรา” ลี่ตั่วพูด


 


“ตอนนี้ฐานของพวกเขาอยู่ที่ไหน?” หานเซิ่นคิดว่าจะไปดูสักหน่อย ทอรัสเป็นเผ่าพันธุ์ที่อันตราย และพวกเขาก็อาจจะเป็นคนที่ก่อเรื่องนี้ขึ้นมาก็เป็นได้


 


“มันไม่มีทางเป็นพวกเขา” ลี่ตั่วพูดขึ้นมาในทันที


 


“ทำไมล่ะ?” หานเซิ่นประหลาดใจกับความมั่นใจของเธอ


 


“พวกเรามีสัญญาอยู่ พวกเขาจะอยู่อาศัยได้เฉพาะในฐาน นอกจากนั้นมันยังมีกล้องจำนวนมากอยู่รอบฐานของพวกเขา ดังนั้นถ้าพวกเขาออกมา พวกเขาก็จะถูกพบในทันที และถ้าพวกเขามาเพ่นพ่านบนถนนไนท์ริงสายสิบสอง พวกเขาก็จะถูกพบอย่างง่ายดาย เพราะพวกเขาดูแตกต่างมากเกินไป”


 


หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ ลี่ตั่วก็พูดต่อ “หัวหน้าของฐานแห่งนั้นคือมาร์ควิสข่าน เขาเป็นคนเผ่าพันธุ์เดม่อน และเขายังเป็นขุนนางที่มีสกุล เขาไม่มีทางจะทำอะไรแบบนี้”


 


“ไม่เป็นไร ข้าแค่จะไปตรวจดูแทนศิษย์พี่เท่านั้น” หานเซิ่นยิ้มขณะที่พูดออกมา


 


หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ตามลี่ตั่วไปที่ฐานของทอรัส ขณะที่เดินทางไปนั้น หานเซิ่นก็คิดกับตัวเอง ‘เดม่อนเป็นเผ่าที่ปกครองเผ่าพันธุ์ทอรัส ดังนั้นมันก็ไม่ถือว่าแปลกจนเกินไปที่เดม่อนคนหนึ่งจะมาอยู่ที่นี่ แต่ถึงอย่างนั้นเดม่อนอาจจะมีจุดประสงค์บางอย่างแอบแฝงอยู่ก็เป็นได้”


 


เมื่อพวกเขาไปถึงฐานของทอรัส หานเซิ่นก็ได้พบว่าจริงๆแล้วมันเป็นสถานีอวกาศ และภายในนั้นก็เป็นพื้นที่ปิดอย่างสมบูรณ์


 


“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมของที่นี่ไม่ได้ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องสร้างสถานที่ที่เหมาะสมขึ้นมา”


หลังจากที่หานเซิ่นเข้าไป เขาก็รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมภายในนั้นเหมาะสมกับมนุษย์มากกว่าเช่นเดียวกัน


 


“คุณหญิงลี่ตั่ว มาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไรอย่างนั้นหรอ?”


ทอรัส 2 คนที่ยืนรักษาการณ์อยู่ยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าลี่ตั่วจะเป็นที่รู้จักกันดีโดยทุกคนแถวๆนี้


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้ประหลาดใจอะไร เขาไม่เชื่อว่าไนท์โกสต์ธรรมดาจะกล้าเข้ามาขวางทางเขาแบบนั้น เธอคงจะถูกส่งออกมาโดยดยุกสลีปเลสส์ แต่ตัวตนที่แท้จริงของเธอยังคงเป็นความลับสำหรับเขา


 


แต่หลังจากที่ได้ยินการพูดคุยของพวกเขา หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าลี่ตั่วเป็นลูกสาวของดยุกสลีปเลสส์


 


หานเซิ่นและลี่ตั่วถูกนำเข้าไปที่ห้องประชุม หลังจากนั้นไม่นานเดม่อนในชุดสูทสีดำก็เดินเข้ามา เขาดูสุภาพเรียบร้อยอย่างมาก


 


ลี่ตั่วยืนขึ้นและพูด “มาร์ควิสข่าน ข้าต้องขอโทษด้วยที่มารบกวน”


 


หานเซิ่นตรวจเช็คมาร์ควิสข่านอย่างละเอียด เขาดูเป็นเดม่อนที่มีเสน่ห์ ใบหน้าของเขาหล่อเหลาและน่าจดจำ


 


แต่ด้วยอะไรบางอย่างทำให้หานเซิ่นรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่อันตราย มันเป็นสัมผัสเดียวกันกับที่ตอนหานเซิ่นได้พบกับชารอน


 


‘ฐานเล็กๆของทอรัสกลับมีหัวหน้าเป็นชาวเดม่อนคนหนึ่ง? เรื่องทั้งหมดเริ่มจะน่าสนใจขึ้นมาแล้ว’ หานเซิ่นมองข่านด้วยความสนใจ


 


ในช่วงนี้หานเซิ่นใช้เวลาไปกับการฝึกฝนวิชาจีโน และเขาก็เพิ่งจะเรียนรู้วิชาผนึกมารไปได้แค่นิดเดียวเท่านั้น หานเซิ่นมาที่นี่ก็เพราะเขาได้รับคำสั่ง แต่ตอนนี้หานเซิ่นเริ่มจะรู้สึกสนใจในเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมา เขาไม่คิดว่าภารกิจในครั้งนี้เลวร้ายอย่างที่เชื่อในตอนแรก


 


“มาร์ควิสข่าน นี่คือผู้ช่วยจากปราสาทนภา”


เมื่อมาร์ควิสข่านปรากฏตัว ลี่ตั่วก็แทบจะไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เลย ไม่ว่าใครก็บอกได้ว่าลี่ตั่วชอบมาร์ควิสข่านอย่างมาก


 


“ข้าชื่อข่าน มันถือเป็นความยินดีอย่างมากที่ได้พบกับมิสเตอร์หาน” ข่านมองหานเซิ่นด้วยรอยยิ้มและยื่นมือของเขาออกมา


 


“รู้จักเขาด้วยอย่างนั้นหรอ?” ลี่ตั่วประหลาดใจ เธอไม่ได้พูดชื่อของหานเซิ่น และเธอก็ยังไม่ได้แนะนำเขา แต่ข่านกลับรู้จักชื่อของเขา ซึ่งนั่นแสดงว่าเขาคุ้นเคนกับหานเซิ่นอยู่ก่อนแล้ว


 


“หานเซิ่นจากปราสาทนภา ข้ากลัวในจักรวาลแห่งนี้ไม่มีใครไม่รู้จักเขา” มาร์ควิสข่านพูด


 


ลี่ตั่วมองหานเซิ่นด้วยความสับสน


 


“มาร์ควิสข่าน เจ้าพอจะตอบคำถามของข้าสักหน่อยได้ไหม?” หานเซิ่นจับมือของเขาและยิ้มออกมา


 


“แน่นอนอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้าข้าหวังว่าเจ้าจะมาดูอะไรบางอย่าง การฆาตกรรมที่เจ้ากำลังสืบสวนนั้นเกิดขึ้นที่นี่ด้วยเช่นกัน” ข่านพูด

 

 

 


ตอนที่ 2093

 

ความลับของไนท์โกสต์

มาร์ควิสข่านพาหานเซิ่นไปยังบ่อน้ำสีดำ 2 จุด มันเหมือนกับชาวไนท์โกสต์ที่ถูกฆ่าตาย เมื่อหานเซิ่นสแกนด้วยออร่าศาสตร์ตงเสวียน เขาก็สัมผัสได้เฉพาะร่องรอยของทอรัสและข่าน มันมีร่องรองของไนท์โกสต์อยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้มีสิ่งมีชีวิตอะไรนอกเหนือไปจากนั้น


 


ถึงจะตรวจดูกล้องวงจรปิดทุกตัวแล้ว พวกเขาก็ยังหาตัวคนร้ายไม่เจออยู่ดี ทอรัส 2 คนนั้นตายภายในห้อง ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดบอกว่าไม่มีใครคนอื่นเข้าไปในห้องของพวกเขา และประตูห้องก็ล็อคเอาไว้ จนกระทั่งทอรัสคนอื่นพังประตูเข้าไปหลังจากที่พบว่าทอรัสทั้ง 2 หายตัวไปเป็นเวลานาน


 


หานเซิ่นไม่ใช่นักสืบ และเขาก็มีแผนที่จะปล่อยให้ไผ่เดียวดายเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ก่อนที่หานเซิ่นจะจากไป เขาก็หันกลับมาหาข่าน


 


“มาร์ควิสข่าน ข้าขอถามได้ไหมว่าทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”


 


สีหน้าของข่านไม่ได้เปลี่ยนไป เขาพูดอย่างใจเย็น “นั่นเป็นเพราะสินค้าที่ไนท์โกสต์สั่งเป็นสิ่งที่มีราคาแพง ด้วยเหตุนั้นข้าจึงต้องมาส่งของด้วยตัวเอง ข้าเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นหลังจากการมาถึงของข้า”


 


“ข้าขอถามได้ไหมว่าสินค้าที่มีราคาแพงนั่นคืออะไร?” หานเซิ่นถาม


 


“ต้องขอโทษด้วย แต่พวกเราจำเป็นต้องรักษาความลับของลูกค้า ถ้าเจ้าอยากจะรู้ว่าสินค้าคืออะไร เจ้าควรจะไปถามกับดยุกสลีปเลสส์เอง” ข่านพูด


 


หานเซิ่นพยักหน้าและเตรียมตัวจะจากไป แต่หลังจากที่เดินไปได้ 2 ก้าว เขาก็ถอยกลับมา


“สินค้าพวกนั้นถูกส่งไปแล้วหรือยัง?”


 


“ถูกส่งเรียบร้อยแล้ว” ข่านตอบ


 


“ขอบคุณที่บอก” หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เดินออกไปจากฐานของทอรัส


 


“เจ้าเป็นคนที่มีชื่อเสียงอย่างนั้นหรอ?” ลี่ตั่วถามหานเซิ่นขณะที่เดินทางกลับ


 


ข่านรู้ว่าหานเซิ่นเป็นใคร และเขาก็ค่อนข้างมีมารยาทกับหานเซิ่น ซึ่งนั่นทำให้เธอประหลาดใจ เพราะคนเดียวที่จะได้รับการปฏิบัติแบบนั้นจากข่านมีแค่ดยุกสลีปเลสส์เท่านั้น


 


แต่เมื่อลี่ตั่วลองคิดถึงท่าทางที่ข่านปฏิบัติกับหานเซิ่นดูดีๆแล้ว มันก็ดูเหมือนว่าข่านเพียงแค่หวาดระแวงมากกว่า


 


“ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แค่ข้าไปฆ่าเดม่อนคนหนึ่ง ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงเกลียดชังข้า” หานเซิ่นหัวเราะ


 


“อย่างนี้นี่เอง” ลี่ตั่วประหลาดใจ


 


หานเซิ่นหันมามองลี่ตั่วและพูด “ดูเหมือนว่าเจ้าจะสนิทกับข่านน่าดูเลย”


 


ลี่ตั่วหน้าแดง “พวกเราไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้น เขาและแม่ของข้าทำการแลกเปลี่ยนกันอยู่บ่อยๆ และเขาก็เอาชนะนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเราได้ในงานประลอง นั่นเป็นสาเหตุที่ข้าได้รู้จักกับเขา”


 


“แม่ของเจ้าซื้ออะไรกันแน่ ถึงทำให้มาร์ควิสคนหนึ่งต้องมาส่งมันด้วยตัวเอง” หานเซิ่นถาม


 


“ข้าไม่รู้” ลี่ตั่วส่ายหัว


 


หานเซิ่นถามอีก 2-3 ถามคำถาม หลังจากนั้นเขาก็กลับไปที่คฤหาสน์ของดยุกพร้อมกับเป่าเอ๋อ เมื่อกลับไปถึง หานเซิ่นก็เห็นว่าไผ่เดียวดายนั้นนอนอยู่


 


“เจ้าพบอะไรไหม?” หานเซิ่นถาม


 


“มันมีปัญหาบางอย่างกับดยุกสลีปเลสส์” ไผ่เดียวดายพูดอย่างมั่นใจขณะที่ลืมตาขึ้นมา


 


“ปัญหาอะไร?” หานเซิ่นรีบถาม


 


“ข้าไม่รู้ แต่ข้าพอจะบอกได้ว่านางปิดบังอะไรบางอย่างอยู่” ไผ่เดียวดายพูด


 


หานเซิ่นบอกไผ่เดียวดายถึงสิ่งที่รู้และไผ่เดียวดายก็ถอนหายใจออกมา


“เท่าที่ข้ารู้ ไนท์โกสต์นั้นต้องการอาหารเพื่อจะอยู่รอด แต่พวกเขากินเฉพาะเนื้อสดๆเท่านั้น พวกเขาจะไม่กินอะไรที่ตายนานเกินกว่าหนึ่งวัน ทอรัสนำสิ่งมีชีวิตมาให้กับพวกเขา แต่เนื่องจากกฎของปราสาทนภา สิ่งมีชีวิตต้องถูกฆ่าซะก่อน ถึงนำเข้ามาบนถนนไนท์ริงสายสิบสองได้”


 


“เรื่องนั้นมันสำคัญยังไง?” หานเซิ่นพูด


 


“ไนท์โกสต์เป็นเผ่าพันธุ์ที่กินเนื้อสดๆ แต่เหตุผลที่ทำไมพวกเขาต้องกินเนื้อสดๆอยู่ ไม่ใช่เพื่อเติมเต็มกระเพาะของพวกเขา พวกเขาไม่ได้แค่กินเนื้อ พวกเขากลืนกินบางสิ่งที่พวกเราไม่อาจจะเข้าใจได้ การเปรียบเทียบที่ดีที่สุดก็คือพวกเขากินดวงวิญญาณของเหยื่อ”


 


“ดวงวิญญาณ?” หานเซิ่นประหลาดใจ จนถึงตอนนี้มันยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าดวงวิญญาณนั้นมีอยู่จริง


 


“มันก็แค่การเปรียบเทียบเท่านั้น เมื่อไนท์โกสต์กินเนื้อของเหยื่อ พวกเขาจะดูดซับสสารบางอย่างเข้าไปด้วย มันเสริมความแข็งแกร่งให้กับพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแข็งแกร่งทางจิตใจ ไนท์โกสต์ระดับดยุกมีจิตใจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าระดับราชันซะอีก” ไผ่เดียวดายพูด


 


หานเซิ่นประหลาดใจกับเรื่องนั้น “เหนือกว่าระดับราชันอีกอย่างนั้นหรอ? มันเป็นระดับเทพเจ้าหรือระดับครึ่งเทพกัน?”


 


“มันควรจะเป็นระดับครึ่งเทพ” ไผ่เดียวดายพูดต่อ


“แต่การวิวัฒนาการรูปแบบนั้นเป็นเหมือนกับการขี้โกง ยิ่งเวลาผ่านไปจิตใจของพวกเขาก็จะเริ่มสับสน และดวงวิญญาณของพวกเขาเองก็อาจจะรวมเข้ากับสิ่งมีชีวิตที่พวกเขากลืนกินเข้าไป พวกเขาจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่กระหายเลือด พวกเขาจะฆ่าแม้แต่ครอบครัวของตัวเอง ด้วยเหตุนั้นปราสาทนภาจึงห้ามไม่ให้พวกเขากินสิ่งมีชีวิตที่ยังมีชีวิตอยู่”


 


“เจ้าคิดว่าข่านมอบบางสิ่งที่มีชีวิตให้กับดยุกสลีปเลสส์อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นเข้าใจสิ่งที่ไผ่เดียวดายกำลังคิดอยู่


 


ไผ่เดียวดายพยักหน้าและพูดต่อ “มันเป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น ปราสาทนภาจับตาดูสถานการณ์บนดาวดวงนี้มาโดยตลอด และตลอดหลายปีที่ผ่านมาทุกอย่างก็ราบรื่นดี แต่บางทีคนที่จับตาดูอยู่อาจจะทำพลาด และตอนนี้ก็มีใครบางคนใช้ประโยชน์จากเรื่องนั้น เป็นอย่างที่เจ้าพูด ตัวตนของข่านเป็นอะไรที่น่าสงสัย สินค้าแบบไหนกันที่จำเป็นจะต้องให้เดม่อนระดับมาร์ควิสคนหนึ่งมาคอยดูแลด้วยตัวเอง?”


 


“เจ้าคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมบนดาวไนท์โกสต์ไหม?” หานเซิ่นถาม


 


“ข้าไม่แน่ใจ พวกเราต้องไปถามจากนาง” ไผ่เดียวดายพูด


 


“นางจะยอมรับเรื่องนี้อย่างนั้นหรอ?” ถึงแม้การคาดเดาของไผ่เดียวดายจะถูกต้อง แต่หานเซิ่นก็ไม่คิดว่าดยุกสลีปเลสส์จะยอมรับความจริงออกมา


 


“นางไม่มีทางเลือก” ไผ่เดียวดายพูดอย่างสงบ


 


หานเซิ่นไม่ถนัดเรื่องแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้ไผ่เดียวดายเป็นคนตัดสินใจ


 


ไผ่เดียวดายต้องการจะหาความจริงจากดยุกสลีปเลสส์โดยตรง แต่ผู้คนในคฤหาสน์บอกว่าเธอออกไปข้างนอก และอีก 2 ชั่วโมงกว่าที่เธอจะกลับมา

 

 

 


ตอนที่ 2094

 

คริสตัลไลเซอร์เลือดฟ้า

“นายท่านไผ่เดียวดาย ข้าได้ยินว่าท่านต้องการพบข้า ท่านมีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรอ?” ดยุกสลีปเลสส์ถามไผ่เดียวดาย


 


“ข่านส่งสินค้าบางอย่างให้กับเจ้า ข้าอยากรู้ว่าพวกมันคืออะไร” ไผ่เดียวดายถามตรงๆ


 


ดยุกสลีปเลสส์ถอนหายใจและพูด “มันคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะปิดบังต่อไปสินะ สินค้าที่ข่านส่งให้กับข้าคือกลุ่มสิ่งมีชีวิต”


 


“ทำไมเจ้าถึงทำอะไรแบบนั้น?” ไผ่เดียวดายถาม


 


“ท่านคงจะรู้สินะว่าหลังจากที่พวกเรากินสิ่งมีชีวิต จิตใจของพวกเราอาจจะเกิดปัญหาขึ้นมา” ดยุกสลีปเลสส์พูด


“การกินพวกมันถือเป็นอันตรายอย่างมากสำหรับพวกเรา”


 


“ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าถึงซื้อพวกมัน?” หานเซิ่นถาม


 


“เหตุผลมันง่ายๆ ถ้าข้าไม่กินสิ่งมีชีวิต ข้าก็จะไม่มีวันพัฒนา ข้าเป็นดยุกคนหนึ่ง และถ้าข้าไม่กินสิ่งมีชีวิต ข้าก็จะไม่มีวันได้กลายเป็นราชัน นั่นเป็นเป้าหมายของพวกเราทุกคนไม่ใช่หรอ? ซึ่งการกินสิ่งมีชีวิตเป็นหนทางเดียวที่ข้าจะได้กลายเป็นราชัน” ดยุกสลีปเลสส์พูดด้วยเสียงที่โศกเศร้า


 


“ต้นเหตุของการฆาตกรรมคือเจ้าหรือหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ถูกส่งมากัน?” ไผ่เดียวดายพูด


 


“หนึ่งในสิ่งมีชีวิตหนีออกไปได้ ข้ากลัวว่าทางปราสาทนภาจะรู้ความจริงเรื่องนี้เข้า ข้าจึงไม่ได้รายงานมัน” ดยุกสลีปเลสส์ยิ้มแห้งๆออกมา


“ข้าไม่ได้คาดคิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายถึงขนาดนี้ ในตอนแรกข้าคิดว่าจะฆ่ามันได้ในเวลาอันสั้น แต่ข้าหาตัวมันไม่เจอ ด้วยเหตุนั้นผู้บริสุทธิ์หลายคนจึงถูกฆ่าตายไป”


 


“สิ่งมีชีวิตแบบไหนกันที่หนีไป?” หานเซิ่นถามดยุกสลีปเลสส์


 


“ข้าไม่รู้” ดยุกสลีปเลสส์ส่ายหัว


 


หานเซิ่นขึ้นเสียง “เจ้าจะไม่รู้ได้ยังไง? เจ้าเป็นคนที่ซื้อพวกมัน!”


 


ใบหน้าของดยุกสลีปเลสส์ดูขมขื่น “ข้าต้องการสิ่งมีชีวิตระดับสูง แต่ข้าซื้อบางสิ่งที่ใหญ่โตเกินไปไม่ได้ เพราะมันอาจจะทำให้คนอื่นรู้ความจริงเข้า ด้วยเหตุนั้นมันจึงมีสิ่งมีชีวิตไม่มากนักที่เหมาะสม ข้าขอสิ่งมีชีวิตอะไรก็ได้ที่เป็นระดับดยุก แต่เมื่อข้าตรวจสอบใบเสร็จรับของ หนึ่งในพวกมันเป็นคริสตัลไลเซอร์”


 


“คริสตัลไลเซอร์?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับคริสตัลไลเซอร์


 


ดยุกสลีปเลสส์พูดต่อ “แต่คริสตัลไลเซอร์คนหนึ่งไม่มีทางหนีออกจากกรงขังและฆ่าโกสต์บีสต์หลายคนโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้ ด้วยเหตุนั้นข้าจึงคิดว่าเขาเป็นแค่เผ่าพันธุ์ที่ดูคล้ายคลึงกับคริสตัลไลเซอร์เท่านั้น ข้าได้ลองยืนยันเรื่องนี้กับข่าน แต่เขาบอกว่ามันเป็นแค่คริสตัลไลเซอร์ระดับดยุก เขาไม่รู้อะไรไปมากกว่านั้น”


 


ดยุกสลีปเลสส์กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากนั้นเธอก็เกิดลังเลขึ้นมา


 


“พูดออกมา” ไผ่เดียวดายสั่ง


 


ดยุกสลีปเลสส์ยังคงลังเล แต่สุดท้ายเธอก็พูดออกมา “มันหาได้ยากที่จะได้เห็นคริสตัลไลเซอร์คนหนึ่งในจักรวาลจีโน ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขามากนัก หลังจากที่การฆาตกรรมเริ่มต้นขึ้น ข้าก็พยายามจะหาข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขา แต่มันไม่มีข้อมูลอะไรมากนัก ถึงอย่างนั้นมันก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่แปลกประหลาด เลือดของคริสตัลไลเซอร์ควรจะเป็นสีแดง แต่ทว่าเขากลับมีเลือดสีฟ้า”


 


“เลือดสีฟ้า?” หานเซิ่นสะดุ้ง


 


“ใช่แล้ว เลือดสีฟ้า ในตอนที่เขาถูกส่งมาที่นี่ เขากำลังได้รับบาดเจ็บ และด้วยเหตุนั้นข้าจึงมีแผนที่จะกินเขาก่อน ข้าปลดพลังที่อยู่บนตัวของเขาออกมา และข้าก็ขังเขาเอาไว้ในห้องขัง แต่เมื่อข้ากลับไปที่นี่อีกครั้ง เขาก็หายตัวไปแล้ว มันไม่มีอะไรในห้องที่ได้รับความเสียหายหรือผิดปกติ มันเหมือนกับว่าเขาหายตัวไปจากโลกใบนี้”


 


“พาพวกเราไปที่ห้องนั้น” หานเซิ่นพูด


 


เลือดสีฟ้าฟังดูเหมือนกับสมาชิกของพยุหะโลหิตไม่มีผิด พวกเขาดูเหมือนกับเผ่าพันธุ์คริสตัลไลเซอร์ ดังนั้นคนในจักรวาลจีโนจึงสันนิษฐานว่าพวกเขาเป็นคริสตัลไลเซอร์ นอกจากนั้นเลือดสีฟ้ายังเป็นลักษณะเฉพาะของสมาชิกของพยุหะโลหิต คริสตัลไลเซอร์และมนุษย์ควรจะมีเลือดสีแดง


 


ดยุกสลีปเลสส์พาหานเซิ่นและไผ่เดียวดายไปที่ห้องขัง หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนสแกนบริเวณโดยรอบ แต่เขาไม่เจอร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นเลย นอกเหนือจากดยุกสลีปเลสส์


 


“เจ้าขังเขาไว้ที่นี้จริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นหันไปถามดยุกสลีปเลสส์ สิ่งมีชีวิตที่บาดเจ็บต้องทิ้งสสารอะไรบางอย่างเอาไว้ หรืออย่างน้อยๆมันก็ควรจะมีหยดเลือดหลงเหลืออยู่บ้าง


 


“ใช่แล้ว เขาทิ้งเลือดเอาไว้บางส่วน แต่ข้าได้เก็บกวาดไปแล้ว”


ดยุกสลีปเลสส์พูดและนำกล่องๆหนึ่งออกมา


 


ไผ่เดียวดายขมวดคิ้วเมื่อได้เห็นมัน “นี่คือเลือดของเขาใช่ไหม?”


 


หานเซิ่นตกใจ สิ่งที่อยู่ในกล่องคือผลึกคริสตัลสีฟ้า ซึ่งมันดูเหมือนกับเลือดที่ตกผลึกของเขา


 


“ข้ารู้สึกว่ามันแปลกๆที่เลือดของเขาเปลี่ยนเป็นคริสตัล เขาเป็นคริสตัลไลเซอร์ แต่เขาไม่ควรจะมีความสามารถแบบนี้ มันทำให้ข้าคิดว่าเขาอาจจะไม่ใช่คริสตัลไลเซอร์” ดยุกสลีปเลสส์พูด


 


หานเซิ่นหยิบคริสตัลสีฟ้าออกมาจากกล่องและพบว่ามันเป็นเลือดสีฟ้าที่ตกผลึกจริงๆ ด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่มีโมเลกุลใดๆถูกทิ้งเอาไว้แม้แต่น้อย และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่สามารถหาร่องรอยอะไรได้


 


‘ดูเหมือนคนที่ข่านส่งมาจะเป็นสมาชิกของพยุหะโลหิต’ หานเซิ่นคาดเดากับตัวเอง


 


“เรื่องที่ข้าบอกพวกท่านทั้งหมดเป็นความจริง ถ้าพวกท่านต้องการจะลงโทษใครบางคน ก็ลงโทษข้าคนเดียว เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคนของข้า ดังนั้นได้โปรดช่วยเหลือพวกเขาตามหาตัวฆาตกรรมด้วย ข้าไม่อยากให้มีใครตายไปมากกว่านี้” ดยุกสลีปเลสส์ขอร้อง


 


“เจ้าตามพวกเราไปพูดกับข่าน พวกเราต้องหาความจริงว่าเขาได้คริสตัลไลเซอร์ดยุกคนนั้นมาจากที่ไหน” หานเซิ่นพูดกับดยุกสลีปเลสส์


 


“ทราบแล้ว ข้าจะติดตามพวกท่านไป” ดยุกสลีปเลสส์ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่


 


หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินทางไปที่ฐานของทอรัส แต่เมื่อพวกเขาไปถึง ประตูทางเข้าก็เปิดอยู่ก่อนแล้ว พวกเขาจึงรีบวิ่งเข้าไปข้างในและพบน้ำสีดำที่กระจัดกระจายไปทั่วพร้อมกับมีชุดเกราะของทอรัสอยู่ด้วย


 


พวกเขาสำรวจรอบๆและสังเกตเห็นว่าไม่มีทอรัสคนไหนที่รอดชีวิตอยู่เลย


 


ปัง!


 


มีเสียงบางอย่างดังมาจากห้องที่อยู่ไม่ไกล


 


“เสียงนั่นดังมาจากที่ไหน?” หานเซิ่นถามดยุดสลีปเลสส์


 


“ดูเหมือนจะดังมาจากโกดังเก็บของของพวกเขา” สลีปเลสส์ดยุกพูด


 


ทั้ง 3 คนรีบเดินไปทางที่เสียงดังมา และพวกเขาก็ได้เห็นข่านกำลังต่อสู้อยู่กับคนๆหนึ่ง


 

 

 


ตอนที่ 2095

 

“ได้โปรดช่วยข้าจัดการกับเจ้าเวรนี่เร็วเข้า! เขาคือคนที่ฆ่าคนงานของข้าและชาวไนท์โกสต์” ข่านตะโกนบอกเมื่อเห็นหานเซิ่นและคนอื่นๆ


 


“ในที่สุดพวกเราก็พบมัน!” ดยุกสลีปเลสส์พูดออกมาอย่างดีใจขณะที่รีบเข้าไปช่วยต่อสู้


 


หานเซิ่นและไผ่เดียวดายมองหน้ากัน หลังจากนั้นพวกเขาก็เข้าไปช่วยเช่นเดียวกัน


 


ชายคนนั้นเรืองแสงสีฟ้าออกมาขณะที่ต่อสู้ เขาบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถต่อสู้กับข่านที่เป็นเดม่อนระดับมาร์ควิสได้อย่างสบายๆ


 


แต่เมื่อทั้ง 3 เข้าร่วมด้วย การต่อสู้ก็กลายเป็นแบบ 4 ต่อ 1 ซึ่งนั่นควรจะทำลายสมดุลของพลังและจบการต่อสู้ในทันที แต่ถึงพวกเขาทั้ง 4 คนจะไล่ต้อนชายคนนั้นได้ แต่พวกเขาทั้ง 4 คนกลับไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้


 


หานเซิ่นสามารถยืนยันได้ทันทีว่าชายคนนี้เป็นสมาชิกของพยุหะโลหิต เพราะเขาเหมือนกับเทพแห่งผลกรรมอย่างมาก และสัมผัสที่เขาปลดปล่อยออกมามีแต่สมาชิกของพยุหะโลหิตเท่านั้นที่จะมี


 


ชายคนนั้นคำรามราวกับอสูร เขาชกหมัดไปใส่มีดของข่านและทำให้มันกระเด็นออกไป หลังจากนั้นเขาก็ชกอีกหมัดไปใส่กรงเล็บของดยุกสลีปเลสส์ เขาสามารถต่อสู้กับทั้ง 2 คนได้พร้อมๆกัน


 


ข่านใช้พลังมารนภา แต่ชายคนนั้นกลับทนต่อการโจมตีที่เข้ามาได้อย่างสบายๆ แม้แต่ดยุกสลีปเลสส์ที่เป็นเผ่าพันธุ์ไนท์โกสต์ที่แข็งแกร่งก็ไม่สามารถชิงความได้เปรียบเหนือชายคนนั้นได้


 


ขณะที่ชายคนนั้นใช้หมัดโจมตีใส่ข่านและดยุกสลีปเลสส์ ดาบของไผ่เดียวดายก็ฟันเข้าไปที่อกของเขา


 


เขาไม่ควรจะป้องกันการโจมตีที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังของไผ่เดียวดายได้ แต่ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ระเบิดแสงสีฟ้าออกมา เขาโซเซถอยหลังไปเล็กน้อยจากการสูญเสียสมดุล แต่เขาก็ป้องกันดาบของไผ่เดียวดายเอาไว้ได้


 


แต่หานเซิ่นได้แอบลอบไปด้านหลังของชายคนนั้นอย่างเงียบๆและฟันไปที่คอของเขาด้วยมีดเขี้ยวผีสิง


 


ข่านและดยุกสลีปเลสส์รีบพุ่งเข้ามาข้างหน้าเพื่อโจมตีใส่ชายคนนั้น


 


เคร๊ง!


 


หานเซิ่นจับตัวชายคนนั้นโยนไปให้กับไผ่เดียวดาย หลังจากนั้นเขาก็ใช้มีดปัดป้องการโจมตีของข่านและดยุกสลีปเลสส์ที่เข้ามา


 


ขาของหานเซิ่นลากไปกับพื้นเป็นทางยาวกว่าสิบเมตรขณะที่กระเด็นถอยหลังไป แต่ตอนนี้ดาบของไผ่เดียวดายชี้ไปที่คอของชายคนนั้นทำให้ไม่สามารถเขาเคลื่อนไหวไปไหนได้อีก


 


“หานเซิ่น เจ้ากำลังทำอะไร? เขาฆ่าคนของพวกเราไปมากมาย เขาสมควรตาย!” ดยุกสลีปเลสส์ดูโกรธอย่างมาก ร่างกายของเธอลุกโชติช่วงด้วยเปลวไฟสีดำ และเธอก็พุ่งเข้ามาจู่โจมใส่ชายคนนั้นอีกครั้งด้วยกรงเล็บของเธอ


 


หานเซิ่นกระพือปีกมังกรและเทเลพอร์ตไปตรงหน้าเธอ เขาใช้ท่าฟันต่อฟันเพื่อปัดป้องการจู่โจมของเธอ ร่างกายของหานเซิ่นกระเด็นถอยไปอีกครั้ง


 


“หานเซิ่น! มันเป็นเพราะเขาเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับเจ้าอย่างนั้นหรอ เจ้าถึงได้ปกป้องเขา? แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามคนของพวกเราจะตายไปเปล่าๆไม่ได้!”


 


“ใช่แล้ว คนงานของข้าเองก็จะตายไปเปล่าๆไม่ได้เช่นกัน เขาต้องชดใช้”


ข่านใช้มีดฟันเข้าใส่ชายที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของไผ่เดียวดาย


 


“ไผ่เดียวดาย รักษาชีวิตของเขาเอาไว้” หานเซิ่นใช้มีดเขี้ยวผีสิงฟันปะทะกับกรงเล็บของดยุกสลีปเลสส์อีกครั้ง และเขาก็ถูกผลักถอยออกไป


 


ดยุกสลีปเลสส์แข็งแกร่งกว่าหานเซิ่นมาก ซึ่งหานเซิ่นก็รู้ตัวว่าไม่สามารถเอาชนะเธอในการปะทะกันตรงๆได้


 


ดาบของไผ่เดียวดายยังคงชี้ที่คอของชายคนนั้น เขาเมินเฉยต่อมีดของข่านและชี้นิ้วออกไปที่หน้าผากของข่าน แสงพุ่งออกไปที่กลางหน้าผากของข่านด้วยความเร็วสูง


 


ไผ่เดียวดายรู้ว่าไม่สามารถหลบหลีกพลังมารนภาที่ไม่มีวันพลาดเป้าได้ ถ้าข่านยังคงโจมตีเข้ามาแบบนั้น ไผ่เดียวดายก็คงจะถูกมันเข้าอย่างแน่นอน แต่แบบนั้นหัวของข่านเองก็จะถูกแสงเจาะเข้าไปเช่นเดียวกัน


 


ข่านขมวดคิ้วและเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหว เขาฟันไปยังแสงที่พุ่งเข้ามาแทน


 


ด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่มีใครที่ได้เปรียบ ข่านไม่สามารถจู่โจมโดยที่ไม่เปิดช่องว่างให้กับไผ่เดียวดายได้


 


“เจ้าคือหานเซิ่น?” ชายคนที่ถูกดาบของไผ่เดียวดายจี้คออยู่ไม่ได้ดูหวาดกลัวอะไร เขามองหานเซิ่นที่กำลังต่อสู้กับดยุกสลีปเลสส์


 


หานเซิ่นอ่อนแอกว่าดยุกสลีปเลสส์ แต่ด้วยความเร็วและความสามารถในการเทเลพอร์ต ทำให้เขาสามารถหยุดเธอจากการเข้าไปถึงตัวไผ่เดียวดายได้


 


“ใช่แล้ว” หานเซิ่นตอบ


 


ชายคนนั้นพูดต่อ “เทพแห่งผลกรรมได้พูดถึงเรื่องของเจ้าเอาไว้มาก เจ้าควรจะรู้สินะว่าข้ามาจากที่ไหน?”


 


“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น” หานเซิ่นพูด


 


“ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในตอนที่ข้าบาดเจ็บสาหัส ทอรัสได้พาข้ามาที่นี่ แต่ข้าพอมีพละกำลังหลงเหลืออยู่ ข้าจึงพยายามจะหนีออกไป แต่ข้าก็ต้องมาติดเหง็กอยู่ในโกดังนี้ ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ข้าไม่ได้ออกจากที่นี่ตั้งแต่ที่ถูกพาตัวมา” ชายคนนั้นพูด


 


“เหลวไหล! เจ้าจะบอกว่าความตายของไนท์โกสต์ทั้งหมดเป็นแค่เรื่องแต่งหรือยังไงกัน?” ดยุกสลีปเลสส์ตะโกนและพยายามเข้าไปโจมตีใส่ชายคนนั้นอีกครั้ง


 


หานเซิ่นเข้าไปหยุดเธอเอาไว้และพูด “ดยุกสลีปเลสส์ ข้ารับประกันได้ว่าเขาไม่เคยไปที่ถนนไนท์ริงสายสิบสอง และเขาก็ไม่เคยถูกส่งตัวไปให้กับเจ้า เจ้าพูดโกหก!”


 


“อะไรกันที่ทำให้เจ้าแน่ใจว่าเป็นอย่างนั้น? เจ้าก็แค่ต้องการจะปกป้องเผ่าพันธุ์ตัวเอง” ดยุกสลีปเลสส์พูดขณะที่ใช้กรงเล็กฟันเข้าใส่หานเซิ่น


 


หานเซิ่นกระพือปีกและหายตัวไป เขาปรากฏอีกครั้งด้านข้างของดยุกสลีปเลสส์และพูด “ไผ่เดียวดาย เจ้ารีบพาเขาไปจากที่นี่”


 


ไผ่เดียวดายพยักหน้าและเริ่มลากชายคนนั้นออกไปขณะที่ต่อสู้กับข่านไปด้วย


 


เมื่อเห็นไผ่เดียวดายลากชายคนนั้นไป และข่านไม่สามารถหยุดเขาเอาไว้ได้ ดยุกสลีปเลสส์ก็กรีดร้องออกมาด้วยความโกรธ มันดังสะนั่นไปทั่วทุกซอกทุกมุมของฐานทัพ


 


“จะไม่มีใครออกไปจากที่นี่ได้ทั้งนั้น!” ดยุกสลีปเลสส์กรีดร้องด้วยเสียงที่แสบแก้วหู


 


“ดยุกสลีปเลสส์ นี่เจ้ารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?” ไผ่เดียวดายพูด


 


“ข้ารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ไนท์โกสต์ตกอยู่ภายใต้การปกครองของเผ่าพันธุ์นภามาเป็นเวลานาน แต่ตอนนี้พวกเราไม่คิดจะเชื่อฟังพวกเจ้าอีกต่อไป!” ดยุกสลีปเลสส์พูด


 


เงามากมายเริ่มมารวมตัวกันบนท้องฟ้า พวกมันเป็นเหมือนกับก้อนเมฆสีดำ ซึ่งพวกเขาทั้งหมดก็คือชาวไนท์โกสต์


 


ชาวไนท์โกสวต์ที่ปรากฏตัวบนท้องฟ้าดูแตกต่างไปจากปกติ พวกเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือความจริงที่พวกเขาส่วนใหญ่เป็นระดับมาร์คริสและยังมีหลายคนที่เป็นระดับดยุกปะปนอยู่ด้วย


 


ไผ่เดียวดายขมวดคิ้ว พวกไนท์โกสต์ควรจะมีดยุกแค่คนเดียว ซึ่งก็คือดยุกสลีปเลสส์ที่เป็นผู้นำ แต่ตอนนี้พวกเขามีดยุกอยู่หลายคน ซึ่งมันหมายความว่าพวกเขาทั้งหมดต้องกินสิ่งมีชีวิตเข้าไปถึงเพิ่มระดับได้รวดเร็วขนาดนี้

 

 

 


ตอนที่ 2096

 

ทั้งฐานทัพถูกปกคลุมด้วยไนท์โกสต์จำนวนมาก หานเซิ่นและไผ่เดียวดายตกอยู่ในวงล้อม ถ้าพวกเขาต้องการจะหนีออกไป พวกเขาก็ต้องต่อสู้และตีฝ่าฝูงไนท์โกสต์ไปเท่านั้น


 


แต่รอบๆพวกเขามีไนท์โกสต์อยู่หลายพันคน แถมมากกว่าหนึ่งพันคนยังเป็นระดับดยุก หานเซิ่นและไผ่เดียวดายเพิ่งจะกลายเป็นมาร์ควิสได้ไม่นาน และพวกเขาก็กำลังแบกคนบาดเจ็บอยู่ด้วย มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะหนีออกไปได้


 


หานเซิ่นเงยหน้าขึ้นไปมองพวกไนท์โกสต์ที่กำลังมองลงมาที่พวกเขาราวกับเสือที่หิวกระหาย หลังจากนั้นเขาก็หันกลับมามองดยุกสลีปเลสส์ด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก


“ดยุกสลีปเลสส์ นี่เจ้ารู้ตัวไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไนท์โกสต์ทรยศปราสาทนภา?”


 


“ฮ่าๆ! ยังไงซะพวกเราจะไปเข้าร่วมกับเผ่าเดม่อนอยู่แล้ว” ดยุกสลีปเลสส์เย้ยหยัน


 


“ถ้าอย่างนั้นมันก็สมเหตุสมผลที่มาร์ควิสข่านมาอยู่ที่นี่ พวกเจ้าวางแผนที่จะทรยศปราสาทนภามานานแล้วสินะ!”


หานเซิ่นหันไปมองข่านและพูดต่อ “แต่ข้าไม่เข้าใจ ถ้าพวกเจ้ามีแผนที่จะเข้าร่วมกับเผ่าเดม่อนแล้ว ทำไมถึงต้องลากพวกเราเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยล่ะ?”


 


ดยุกสลีปเลสส์พูด “นั่นมันก็แค่อุบัติเหตุ พวกเรามีแผนที่จะใช้สิ่งมีชีวิตพวกนี้เพื่อเปลี่ยนนักรบของพวกเราให้กลายเป็นระดับดยุก หลังจากนั้นพวกเราก็จะมีกองกำลังเพื่อตีฝ่าการป้องกันของปราสาทนภา แต่พวกเราไม่ได้คาดคิดว่าหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่จับตัวมาจะหนีออกไปได้และดึงความสนใจจากทางปราสาทมาที่นี่”


 


“แต่ด้วยพลังที่พวกเจ้ามี พวกเจ้าก็น่าจะฆ่าชายคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรหนิ” หานเซิ่นหันไปมองชายที่ได้รับบาดเจ็บ


 


ดยุกสลีปเลสส์ไม่ตอบอะไร แต่ชายคนนั้นหัวเราะออกมาและพูด


“ข้าควบคุมชีวิตของสิ่งมีชีวิตพวกนั้น นางต้องการจะฆ่าข้า แต่นางไม่อยากให้สิ่งมีชีวิตตัวอื่นตายไปด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ข้ายังมีชีวิตอยู่”


 


“ข้าบอกให้เจ้ายอมตัดใจจากสิ่งมีชีวิตพวกนั้นแล้วยังไง! ข้าพยายามบอกให้เจ้าฆ่าเขาและไปที่เผ่าเดม่อน ถ้าเจ้ายอมฟังที่ข้าพูด เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น” ข่านพูดกับดยุกสลีปเลสส์


 


“ถ้าไม่มีสิ่งมีชีวิตพวกนั้น คนของข้าก็จะไม่กลายเป็นดยุก ใครจะรู้ว่าผู้คนของข้าต้องเสียชีวิตมากมายเท่าไหร่เพื่อฝ่าการป้องกันออกไป” ดยุกสลีปเลสส์พูด


 


“ด้วยเหตุนั้นเจ้าจึงวางแผนทั้งหมดนี้ขึ้นมา? ทั้งหมดก็เพื่อให้พวกเราเป็นคนฆ่าเขาอย่างนั้นใช่ไหม?” ในที่สุดหานเซิ่นก็ได้รู้ความจริงของเรื่องทั้งหมด


 


“มันก็ทำนองนั้น แต่ข้าไม่ได้คาดคิดว่าพวกเจ้าทั้ง 2 จะมาที่นี่ด้วยกัน”


ดยุกสลีปเลสส์พูดต่อ “แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้ว เนื่องจากมันมาถึงจุดนี้ พวกเราจะถอยกลับไม่ได้อีก พวกเจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่”


 


หลังจากนั้นดยุกสลีปเลสส์ก็กรีดร้องออกมา ฝูงไนท์โกสต์กระพือปีกและบินลงมาพร้อมๆกัน ราวกับฝูงปีศาจ


 


พละกำลังและความเร็วของไนท์โกสต์ในยามค่ำคืนเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาเก่งกาจในการต่อสู้ นอกจากนั้นพวกเขายังมีจิตใจที่แข็งแกร่ง นั่นทำให้ไนท์โกสต์ระดับดยุกเป็นภัยร้ายแรง


 


เป่าเอ๋อกำลังนั่งอยู่บนไหล่ของหานเซิ่นและมองดูการต่อสู้ด้วยความสนใจ


 


แทนที่จะเข้ามาร่วมต่อสู้ ข่านเพียงแค่มองดูหานเซิ่นจากระยะไกล


“หานเซิ่น เจ้าเป็นคนที่เอาชนะชารอนได้ ข้าจึงอยากจะฆ่าเจ้าด้วยมือตัวเอง แต่ข้าไม่ได้คาดคิดว่าเจ้าจะมาที่นี่ นั่นเป็นอะไรที่น่าผิดหวัง”


 


“น่าผิดหวังอะไร?” หานเซิ่นกระพือปีกและเทเลพอร์ตมาตรงหน้าของข่าน หลังจากนั้นเขาก็ฟันใส่ข่านด้วยมีดเขี้ยวผีสิง


 


เคร๊ง!


 


ข่านยกมีดของตัวเองขึ้นมาป้องกัน แรงปะทะกันทำให้พวกเขาทั้งคู่กระเด็นออกไป แต่หานเซิ่นถูกเข้าล้อมด้วยฝูงไนท์โกสต์ในทันที มันเป็นสถานการณ์ที่อันตรายอย่างมาก


 


“มันน่าผิดหวังที่เจ้าต้องมาตายอยู่ที่นี่ ทำให้ข้าสูญเสียโอกาสที่จะได้ฆ่าเจ้าแบบตัวต่อตัว มันน่าเสียดายที่คนอย่างเจ้าและไผ่เดียวดายต้องมาตายแบบนี้” ข่านถอนหายใจ


 


“ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะไม่ผิดหวัง พวกเราจะต่อสู้กัน” หานเซิ่นพูด


 


“ข้าไม่เห็นหนทางที่พวกเจ้าจะรอดไปได้ ไนท์โกสต์นั้นแข็งแกร่งในความมืด ถึงแม้เจ้าและไผ่เดียวดายจะมีกองทัพร่างโคลนของตัวเอง พวกเจ้าก็จะถูกบดขยี้อยู่ดี” ข่านพูด


 


“นั่นก็ไม่แน่เสมอไป” หานเซิ่นเทเลพอร์ตหนีจากการโจมตีของพวกไนท์โกสต์ หลังจากนั้นเขาก็พูดกับดยุกสลีปเลสส์


“ดยุกสลีปเลสส์ มันยังมีเวลาให้เจ้าได้กลับใจ ไนท์โกสต์ยังจะได้รับอภัยโทษให้มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ถ้าเจ้ายังเลือกเส้นทางนี้ ไนท์โกสต์ทั้งหมดจะถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น เจ้าต้องการให้ลูกสาวและไนท์โกสต์คนอื่นๆตายไปพร้อมกับเจ้าอย่างนั้นหรอ?”


 


“ข้าเลือกที่จะตายดีกว่าต้องตกเป็นเชลยของปราสาทนภาตลอดไป ใครก็ตามที่มาขัดขวางอิสรภาพของพวกเราจะต้องตาย”


ดยุกสลีปเลสส์พูดพร้อมกับกระพือปีกและพุ่งเข้าไปหาหานเซิ่น


 


หานเซิ่นกระทืบเท้าเพื่อปลดปล่อยคลื่นกระแทกออกไป แต่ไนท์โกสต์รอบๆตัวเขาไม่ได้กลายเป็นหิน นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ


 


“อย่าเสียแรงเปล่าเลย อย่างเดียวที่จะเอาชนะไนท์โกสต์ได้คือแสงสว่าง ของแบบนั้นไม่มีผลกับพวกเขาหรอก! ร่างกายของพวกเขาไม่ได้ทำมาจากเนื้อหนัง ดังนั้นพวกเขาจะไม่กลายเป็นหิน!” ข่านยิ้มออกมา


 


ถ้าไนท์โกสต์ไม่ได้แข็งแกร่ง ทางเดม่อนก็คงจะไม่พยายามรับพวกเขาไปเป็นพวกเดียวกัน


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว การรับมือกับพวกไนท์โกสต์นั้นยากกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้


 


สถานการณ์ของไผ่เดียวดายและชายที่ได้รับบาดเจ็บก็ดูไม่สู้ดีเช่นกัน พวกเขายังพอเอาตัวรอดได้ แต่ถ้าพวกเขาไม่สามารถหนีไปจากที่นี่ได้ พวกเขาก็จะต้องตายในที่สุด


 


“เข้ามาหาข้า!” หานเซิ่นตะโกนบอกไผ่เดียวดายและชายที่บาดเจ็บ


 


ดยุกสลีปเลสส์กรีดร้องออกมาและพุ่งเข้าใส่หานเซิ่นอีกครั้ง แต่หานเซิ่นเทเลพอร์ตหนีไปได้ก่อน


 


หลังจากนั้นทั้ง 3 คนก็ยืนเอาหลังชนกัน ขณะที่พวกไนท์โกสต์เข้ามาโจมตีพวกเขาจากทุกทิศทาง ไผ่เดียวดายและชายที่ได้รับบาดเจ็บเตรียมตัวจะโต้กลับ แต่หานเซิ่นหยุดพวกเขาเอาไว้ ทันใดนั้นร่างกายของหานเซิ่นก็เรืองแสงสีฟ้าออกมาและปกคลุมพวกเขาทั้ง 3 คนเอาไว้


 


แสงสีฟ้านั้นกลายเป็นเหมือนกับเปลือกไข่โปร่งใสที่ครอบคลุมพวกเขาเอาไว้


 


ลมปราณที่ทรงพลังพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทางและชนเข้ากับเปลือกไข่เรืองแสงของหานเซิ่น แต่กรงเล็บลมปราณเหล่านั้นไม่สามารถทะลวงโล่โปร่งใสเข้ามาได้

 

 

 


ตอนที่ 2097

 

“ดูสิว่าเจ้าจะป้องกันการโจมตีได้สักกี่ครั้ง” ดยุกสลีปเลสส์กรีดร้องออกมา และไนท์โกสต์คนอื่นๆก็เริ่มกระหน่ำโจมตีไปที่จุดๆเดียว


 


ดยุกสลีปเลสส์คิดว่าหานเซิ่นรนหาที่ตายที่พยายามใช้โล่ป้องกันการโจมตีของทั้งกองทัพ


 


ในตอนที่ทั้ง 3 คนกำลังต่อสู้ เหล่าไนท์โกสต์ไม่สามารถร่วมมือกันจู่โจมแบบนี้ได้ พวกเขาต้องออมพลังเอาไว้ด้วยความกลัวที่ว่ามันอาจจะไปถูกพวกเดียวกัน


 


แต่ตอนนี้ทั้ง 3 คนทำตัวเองให้เป็นเป้านิ่ง ด้วยเหตุนั้นพวกไนท์โกสต์จึงสามารถร่วมมือกันเพื่อโจมตีไปที่จุดๆเดียวได้ ซึ่งแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งก็ไม่อาจจะต้านทานการโจมตีที่กำลังเข้ามาได้


 


ดยุกสลีปเลสส์มีแผนอยู่ เธอต้องการจับตัวหานเซิ่นและไผ่เดียวดายไปเป็นตัวประกัน ถ้าเธอทำแบบนั้น เธอก็จะฝ่าการป้องกันของปราสาทนภาได้ง่ายยิ่งขึ้น


 


หานเซิ่นและไผ่เดียวดายเป็นคนสำคัญของปราสาทนภา พวกเขาจะไม่ถูกทอดทิ้งง่ายๆ


 


ตอนนี้พลังโจมตีของเหล่าไนท์โกสต์กำลังปกคลุมทั่วท้องฟ้า และมันดูเหมือนกับว่าทั้งโลกใบกำลังจะถูกมันดูดกลืนเข้าไป


 


ตูม!


 


เมื่อพลังนั้นพุ่งลงมาถึงพื้น ทั้งฐานทัพก็ถูกทำลาย สิ่งก่อสร้างทั้งหมดสลายไม่เหลือแม้แต่ผุยผง


 


การโจมตีของดยุกนับพันและมาร์คริสนับหมื่นทำให้บริเวณโดยรอบพังพินาศและก่อให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ ภายใต้พลังที่น่ากลัวแบบนั้น แม้แต่ดยุกที่แข็งแกร่งก็ต้องแหลกสลายเป็นชิ้นๆ


 


แต่เมื่อฝุ่นควันสงบลงแล้ว ดยุกสลีปเลสส์และไนท์โกสต์คนอื่นๆก็ได้แต่จ้องตาค้าง แม้แต่ข่านเองก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ


 


โล่โปร่งใสสีฟ้านั้นไม่มีบุบสลายเลยแม้แต่น้อย พวกหานเซิ่นยังยืนอยู่ข้างในโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ


 


“นั่นคือพลังทั้งหมดที่ไนท์โกสต์มีอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามขึ้นมา


 


“ดูสิว่าเจ้าจะป้องกันไปได้อีกนานสักแค่ไหนกัน” ดยุกสลีปเลสส์กรีดร้องออกมา และเหล่าโกสต์ไนท์ก็กระหน่ำโจมตีเข้ามาอีกครั้ง


 


พลังนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาใส่โล่สีฟ้า จนทำให้ภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงถล่มลงมาจากแรงสั่นสะเทือน


 


แต่ถึงอย่างนั้นโล่ป้องกันของหานเซิ่นก็ยังไม่แตกร้าวหรือสั่นไหว พลังที่สามารถทำลายภูเขาทั้งลูกได้กลายเป็นเหมือนกับประกายของดอกไม้ไฟเมื่ออยู่ต่อหน้าโล่ป้องกันของหานเซิ่น


 


ดยุกสลีปเลสส์กรีดร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ไนท์โกสต์นับพันจู่โจมลงมาจากทุกมุม แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถทำลายโล่ป้องกันของหานเซิ่นได้


 


หานเซิ่นลอยตัวอยู่ในภายโล่สีฟ้านั้น ขณะที่ไผ่เดียวดายนั่งลงเพื่อพักเอาแรงสักหน่อย ส่วนชายคนนั้นกำลังอยู่ในท่าทางรักษาตัวเอง


 


ใบหน้าของดยุกสลีปเลสส์เต็มไปด้วยความโกรธ เธอไม่รู้ว่าสมบัติแบบไหนกันที่หานเซิ่นนำติดตัวมาด้วย


 


แถมสมบัติของหานเซิ่นก็ดูจะไม่ใช้พลังของเขาเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องมีปฏิกิริยาอะไรบ้างในตอนที่เหล่าไนท์โกสต์โจมตีใส่โล่ป้องกัน


 


“พวกเจ้าจะทำแบบนั้นนานเท่าไหร่ก็ได้” หานเซิ่นดูไม่กังวลเลยสักนิด เขายืดเส้นยืดสายก่อนที่จะเริ่มเดินไปบนอากาศ มันดูเหมือนกับว่าเขาจะเดินออกไปจากดวงดาวและมุ่งสู่อวกาศ


 


โล่สีฟ้ารอบตัวหานเซิ่นเป็นเหมือนกับแสงของเทพเจ้า มันยังคงครอบคลุมหานเซิ่นเอาไว้โดยไม่สั่นไหวแม้แต่นิดเดียว


 


“ฆ่าเขา!” เสียงกรีดร้องของดยุกสลีปเลสส์กลายเป็นเสียงคำราม


 


ไนท์โกสต์นับไม่ถ้วนพยายามโจมตีใส่หานเซิ่นอย่างไม่ยั้ง บางคงใช้มีด บางคนใช้กรงเล็บ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะใช้อะไรมันก็ไร้ประโยชน์ พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดหานเซิ่นเอาได้ การโจมตีใส่โล่สีฟ้าไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์อะไรเลย พวกเขาทำให้มันสั่นไหวไม่ได้ด้วยซ้ำ


 


ดยุกสลีปเลสส์กัดฟันด้วยความโกรธ ขณะที่เธอโจมตีใส่โล่สีฟ้าอย่างสุดกำลัง นิ้วมือของเธอเริ่มจะมีเลือดไหลออกมา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถทำลายมันได้


 


เธอรู้สึกหวาดกลัว และเหนือสิ่งอื่นใดเธอรู้สึกสิ้นหวัง เธอรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหานเซิ่นและไผ่เดียวดายสามารถหนีไปได้ มันจะเป็นหายนะสำหรับไนท์โกสต์ทุกคน แต่พวกเธอไม่สามารถทำอะไรโล่ป้องกันของหานเซิ่นได้


 


“ดยุกสลีปเลสส์! มันยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเราทำได้” เสียงของข่านดังขึ้นในหูของดยุกสลีปเลสส์


 


“บอกข้ามาเร็วเข้า! ข้าจะฆ่าพวกเขาได้ยังไง?” ดยุกสลีปเลสส์รีบหันไปหาข่าน


 


ข่านโบกมือของเขาและหอกที่มีลวดลายสีแดงก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา


 


ข่านขว้างมันไปให้กับดยุกสลีปเลสส์และพูด “นี่เป็นสมบัติระดับราชันของเผ่าเดม่อน มันมีชื่อว่าหอกเลือดปีศาจ ด้วยพลังระดับราชัน มันควรจะทำลายโล่ของหานเซิ่นได้”


 


ดยุกสลีปเลสส์ขมวดคิ้ว “แต่พวกเราไม่มียอดฝีมือระดับราชัน ถ้าข้าเป็นคนที่ใช้มัน มันจะใช้พลังทั้งหมดออกมาได้ยังไง?”


 


ข่านยิ้ม “นั่นคือความพิเศษของหอกเล่มนี้ ไม่จำเป็นที่ผู้ใช้ต้องเป็นระดับราชัน และไม่ว่าจะยังไง มันก็ใช้พลังออกมาได้อย่างเต็มกำลังอยู่ดี ไม่อย่างนั้นข้าก็คงไม่บอกเจ้าหรอกว่ามันทำลายโล่นั้นได้”


 


“จริงหรอเนี่ย?” ดยุกสลีปเลสส์ยกหอกเลือดปีศาจขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม


 


แต่เมื่อดยุกสลีปเลสส์ใส่พลังของเธอเข้าไปในหอกเพื่อเตรียมจะขว้างมันออกไป เธอก็รู้สึกได้ว่าพลังของมันยังคงห่างไกลกับระดับราชัน มันเหนือกว่าระดับของดยุกเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง


 


“ข่าน นี่เจ้าหลอกข้าอย่างนั้นหรอ?” ดยุกสลีปเลสส์หันไปมองข่าน


 


ข่านส่ายหัว “ดยุกสลีปเลสส์ เจ้าเป็นหัวหน้าของไนท์โกสต์ ทำไมเจ้าถึงได้ไร้เดียงสาแบบนี้? มันไม่มีพลังไหนที่จะได้มาเปล่าๆ หอกเลือดปีศาจไม่จำเป็นที่ผู้ใช้ต้องเป็นระดับราชัน แต่มันก็มีเงื่อนไขของมันอยู่”


 


“เงื่อนไขคืออะไร?” ดยุกสลีปเลสส์รีบถาม


 


“สังเวยเลือดให้กับมัน ยิ่งเจ้าสังเวยเลือดมากเท่าไหร่ พลังของมันก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ถ้าสังเวยเลือดมากเพียงพอล่ะก็ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรวบรวมพลังระดับราชันเพื่อโจมตีออกไป” ข่านพูด


 


“เลือด? จากที่ไหน?” ทันใดนั้นดยุกสลีปเลสส์ก็ชะงักไป เธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เลือดที่สามารถสังเวยได้ก็คือเลือดพวกพ้องของเธอ


 


“ไม่! ไม่มีทาง!” ดยุกสลีปเลสส์กัดฟันของเธอ


 


“ตอนนี้เจ้ามีทางเลือกอื่นอย่างนั้นหรอ? และอีกอย่างหนึ่งเจ้าแค่ต้องสังเวยไม่กี่คนเพื่อฆ่าพวกเขา แบบนั้นเจ้าก็จะช่วยชีวิตคนส่วนใหญ่เอาไว้ได้ แต่ถ้าหานเซิ่นหนีไปจากที่นี่ได้ มันก็มีแค่ความตายเท่านั้นที่รอคอยพวกเจ้าอยู่ เจ้าก็รู้ว่าปราสาทนภาปฏิบัติกับคนทรยศยังไง” ข่านพูด


 


ดยุกสลีปเลสส์กำหอกเลือดปีศาจเอาไว้แน่น ขณะที่มองโล่สีฟ้าค่อยๆเคลื่อนที่ไกลออกไปเรื่อยๆ ใบหน้าของเธอหมุนเวียนด้วยอารมณ์ต่างๆ

 

 

 


ตอนที่ 2098

 

ดยุกสลีปเลสส์แผดเสียงร้องขึ้นท้องฟ้าด้วยความโกรธ และเหล่าไนท์โกสต์คนอื่นๆก็กรีดร้องตาม พวกเขาล้มเลิกการโจมตีใส่โล่ป้องกันของหานเซิ่น และหันมาใช้กงเล็บตัดร่างกายของตัวเองแทน เลือดมากมายไหลลงมาราวกับสายฝน


 


ดยุกสลีปเลสส์แกว่งหอกเลือดปีศาจในมือเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์อย่างช้าๆ ลวดลายสีแดงของมันเริ่มจะเรืองแสงขึ้นมาและเลือดก็ถูกดูดเข้าไปหามัน


 


ดูเหมือนกับว่าเลือดจะถูกดูดไปรวมกันที่ผิวโลหะของหอก แต่ไม่ว่าเลือดจะหยดลงมาบนหอกมากสักแค่ไหน มันก็ไม่มีเลือดแม้แต่หยุดเดียวที่สูญเสียไป แสงสีแดงเริ่มจะสว่างไสวออกมาจากหอกขึ้นเรื่อยๆ และปลายหอกก็ส่องแสงสีเลือดออกมา


 


แสงสีเลือดดูเหมือนกับว่าสามารถทำลายทั้งดวงดาวได้เลย


 


ดยุกสลีปเลสส์ร้องคำราม เธอกระพือปีกและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับน้ำพุ เธอดูเหมือนกับดาวหางสีแดงที่กำลังบินข้ามท้องฟ้าไปชนเข้ากับโล่โปร่งใสสีฟ้า แสงสีแดงบนปลายหอกระเบิดออก แต่ทว่าโล่ป้องกันสีฟ้ายังไม่แตกสลาย


 


“มันยังมีพลังในหอกไม่มากพอ! ถ้าเจ้ารีบโจมตีเร็วเกินไป เลือดที่เจ้ารวบรวมมาก็จะสูญเสียเปล่า เจ้าเห็นลูกแก้วเลือดปีศาจที่หอกใช่ไหม? มันจะเริ่มเรืองแสงออกมาก็ต่อเมื่อพลังเข้าไปในหอกจนเต็มแล้ว เจ้าต้องจู่โจมในตอนที่มันสว่างขึ้นมา แบบนั้นหานเซิ่นและคนอื่นจะถูกทำลายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว” ข่านพูด


 


ดยุกสลีปเลสส์ไม่มีทางเลือกอื่น ดังนั้นเธอจึงร้องเรียกไนท์โกสต์คนอื่นอีกครั้ง เมื่อพวกโกสต์ไนท์ได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอ พวกเขาก็เริ่มจะฉีกร่างกายตัวเองอีกครั้ง


 


หอกเลือดปีศาจสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เลือดไหนลงมาราวกับห่าฝน พลังของหอกเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกไนท์โกสต์ก็เริ่มจะอ่อนแรงลงไปเช่นกัน หลายคนสูญเสียเลือดมากเกินไปจนร่วงลงมาบนพื้น


 


“ทำไมลูกแก้วถึงยังไม่เรืองแสงขึ้นมาอีก?” ดยุกสลีปเลสส์ตะโกนใส่ข่าน


 


“นี่เป็นอาวุธระดับราชัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปิดใช้งานพลังเต็มที่ อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของไนท์โกสต์จำเป็นต้องตายเพื่อกระตุ้นพลังของมันให้ตื่นขึ้นมา” ข่านพูด


 


“ข้าจะปล่อยให้พวกเขาตายไม่ได้” ดยุกสลีปเลสส์พูด


 


“มันไม่มีหนทางให้ถอยกลับอีกแล้ว พวกเราต้องฆ่าหานเซิ่นในตอนนี้ ถ้าพวกเขาหนีไปจากดาวดวงนี้ได้ พวกเขาก็จะติดต่อกับทางปราสาทนภา หลังจากนั้นพวกเราทั้งหมดก็จะถูกฆ่า” ข่านพูดอย่างใจเย็น


 


ดยุกสลีปเลสส์กำหอกเลือดปีศาจเอาไว้แน่น เธอรู้สึกเจ็บปวด ขณะที่เห็นไนท์โกสต์หลายคนร่วงลงไปนอนกองอยู่กับพื้น


 


ไนท์โกสต์เหล่านั้นกินสิ่งมีชีวิตเข้าไป ด้วยเหตุนั้นจิตใจของพวกเขาจึงไม่ปกติ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงเชื่อฟังคำสั่งของดยุกสลีปเลสส์


 


“ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้ได้ มันเป็นเพราะพวกเจ้าที่ทำให้พวกข้าต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้” ดยุกสลีปเลสส์บินมาอยู่ตรงหน้าโล่สีฟ้าและคำรามใส่หานเซิ่นด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว


 


“ดยุกสลีปเลสส์ เจ้าเป็นคนทำให้เรื่องทั้งหมดเป็นแบบนี้เอง” หานเซิ่นยิ้ม


 


คำพูดของหานเซิ่นทำให้เธอโกรธยิ่งกว่าเดิม เธอกรีดร้องเพื่อเร่งให้เหล่าไนท์โกสต์สังเวยเลือดมากขึ้นอีก


 


“เร็วๆเข้า เรืองแสงออกมาสักที” ดยุกสลีปเลสส์มองไปที่ลูกแก้วเลือดปีศาจโดยหวังว่ามันจะเรืองแสงออกมาในเร็วๆนี้


 


“หานเซิ่น! โล่ของเจ้าจะป้องกันมันได้ไหม? พลังของหอกนั่นดูเหมือนจะเป็นระดับราชัน” ชายที่ได้รับบาดเจ็บพูดกับหานเซิ่น


 


โล่ป้องกันของหานเซิ่นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันดูเหมือนกับแก้วบางๆเท่านั้น เขาจึงไม่คิดว่ามันจะป้องกันการโจมตีของพลังระดับราชันได้


 


“มันควรจะไม่เป็นไร” หานเซิ่นพูด ความจริงแล้วหานเซิ่นเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน


 


ใบเสมาของราชาแมลงปีศาจเป็นวิญญาณอสูรราชันกลายพันธุ์ นั่นหมายความว่าพลังของมันอยู่ในระดับเดียวกับครึ่งเทพ ซึ่งมันสูงกว่าหอกระดับราชันของดยุกสลีปเลสส์ ดังนั้นมันควรจะป้องกันได้


 


แต่ทั้งหมดก็เป็นแค่ทฤษฎีเท่านั้น หานเซิ่นไม่เคยได้ทดสอบพลังป้องกันของใบเสมามาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่ามันจะรับการโจมตีได้มากขนาดไหน


 


“นั่นหมายความว่ายังไง?” ดวงตาของชายที่ได้รับบาดเจ็บเบิกกว้าง ขณะมองไปที่หานเซิ่น


 


“หมายความว่ามันน่าจะป้องกันได้ไง” หานเซิ่นหัวเราะออกมา


 


“นี่เจ้าต้องล้อเล่นแน่ๆ” ชายคนนั้นกุมขมับตัวเอง เขาดูหดหู่ขณะที่พูดออกมา


“ข้ามักจะโชคร้ายอยู่เสมอ ดังนั้นอย่าได้หวังพึ่งโชค”


 


“แต่ทางเลือกเดียวของเราในตอนนี้ก็คือลองเสี่ยงกับมันดู หรือว่าเจ้ามีความคิดอะไรที่ดีกว่าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นยังคงหัวเราะ


 


“โอ้ไม่นะ! ดูเหมือนว่าข้าคนนี้ต้องมาตายอยู่ที่นี่” ชายที่ได้รับบาดเจ็บพูด


 


“เจ้าชื่ออะไร?” จู่ๆหานเซิ่นก็ถามขึ้นมา


 


“ชื่อของข้าคือซีเหมินยง ในเวลาแบบนี้เจ้ายังมีเวลามาถามชื่อของข้าอีกอย่างนั้นหรอ? ทำไมเจ้าไม่เอาเวลาไปคิดหาหนทางที่จะหลบหลีกพลังที่น่ากลัวนั่น?” ซีเหมินยงพูด


 


ในตอนนี้ดูเหมือนกับว่าทั้งดวงดาวไนท์โกสต์นั้นท่วมไปด้วยเลือด กลิ่นของมันปกคลุมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แม้แต่ท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมด้วยเมฆสีแดง


 


ครึ่งหนึ่งของพวกไนท์โกสต์ได้ตายไป มันถือเป็นราคาที่สูงเกินไปเพียงเพื่อจะแลกกับพลังระดับราชัน


 


ใบหน้าของดยุกสลีปเลสส์เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ขณะที่เธอจ้องมองไปที่หานเซิ่น


 


ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับขุมนรก พื้นดินเต็มไปด้วยร่างของไนท์โกสต์จำนวนมากที่ตายจากการเสียเลือด ขณะที่ไนท์โกสต์ทุกตัวบนท้องฟ้าก็สั่นไหวราวกับว่าพวกเขาสามารถขาดใจตายได้ทุกเมื่อ


 


ดยุกสลีปเลสส์อยากจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด แต่เธอก็ไม่ทางเลือกอื่นอีกแล้ว


 


ตูม!


 


ในที่สุดลูกแก้วก็เรืองแสงขึ้นมา แสงสีแดงส่องสว่างขึ้นทั่วทั้งหอกเลือดปีศาจ ทำให้ดูเหมือนกับว่าดยุกสลีปเลสส์กำลังถือเลเซอร์สีแดงอยู่ในมือ


 


“ไปลงนรกซะ!” ดยุกสลีปเลสส์แทงหอกเข้าใส่โล่โปร่งใสสีฟ้า แสงสีแดงที่น่าตกใจพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า


 


หานเซิ่นพยายามจะหลบ แต่แสงสีแดงนั้นน่ากลัวเกินไป และดูเหมือนกับว่ามันล็อคเป้ามาที่เขา แสงสีแดงเป็นเหมือนกับภูเขาไฟที่เพิ่งจะปะทุขึ้นมา มันไม่มีที่ไหนให้พวกหานเซิ่นหนีไปได้ แม้แต่ชั้นบรรยากาศก็ถูกฉีกขาดด้วยแสงสีแดงนั่น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)