Super God Gene 2066-2069

 ตอนที่ 2066

 

อวี่ซ่านซิน

หานเซิ่นเห็นชายในชุดสีเขียวลงมาจากฝากฟ้า เขาดูเหมือนจะเป็นคนธรรมดาๆในเผ่าพันธุ์นภา เขาไม่ได้ดูน่าเกรงขามอะไรเหมือนกับดราก้อนวัน


 


ชายคนนั้นขี่นกนางแอ่นลงมา นกตัวนั้นมีสีดำและขาว แต่มันดูตัวเล็กเกินกว่าที่จะเป็นสัตว์ขี่ เพียงแค่เท้าข้างเดียวของชายคนนั้นก็กินเนื้อที่บนหลังของมันทั้งหมดแล้ว


 


นกนางแอ่นดูเหนื่อยล้า มันบินมาตรงหน้าของหานเซิ่น และหลังจากที่ชายชุดเขียวพยักหน้า นกนางแอ่นก็บินหนีไปอย่างเร่งรีบ ชายชุดเขียวพูดกับนกนางแอ่นที่หนีไป


“ขอบคุณที่พาข้ามาที่นี่ ข้าจะตอบแทนบุญคุณเจ้าในสักวันหนึ่ง!”


 


เมื่อนกนางแอ่นได้ยินสิ่งที่เขาพูด มันก็พยายามบินหนีเร็วขึ้นไปอีก และในที่สุดมันก็หายลับไปจากสายตา


 


“คารวะทุกท่าน ข้าคืออวี้ซ่านซิน เพื่อเห็นแก่ข้า ได้โปรดละเว้นหานเซิ่นด้วยเถอะ ข้าจะยอมรับบทลงโทษทุกอย่างแทนเขาเอง ข้าจะไม่ตอบโต้อะไรจนกว่าทุกคนในที่นี้จะพอใจ” อวี้ซ่านซินยืนตรงหน้าหานเซิ่นและยิ้มออกมาอย่างร่าเริง


 


ดราก้อนวันมองไปที่ชายชุดเขียวและพูดอย่างเย็นชา “อวี้ซ่านซิน ทางปราสาทนภาคิดจะรับโทษแทนเขาจริงๆอย่างนั้นหรอ?”


 


อวี้ซ่านซินพยักหน้าอย่างจริงจัง “หานเซิ่นเป็นลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีด ดังนั้นข้าจำเป็นต้องพาเขากลับไปอย่างปลอดภัย ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะกลับไปอธิบายยังไง มันจะทำลายชื่อเสียงของปราสาทนภา ขอให้เจ้าโปรดเข้าใจเหตุผลของข้าด้วย”


 


“ลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีดสำคัญขนาดนั้นเลยหรือยังไง? นี่เขาสำคัญถึงขนาดที่มาฆ่าดราก้อนได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรอ?” ดราก้อนวันมองไปที่อวี้ซ่านซิน


 


“ดราก้อนเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง ดังนั้นดราก้อนก็สำคัญเช่นเดียวกัน เอาแบบนี้เป็นไง? ชีวิตต่อชีวิต ข้าจะรับผิดแทนเขาเอง ถ้าเจ้าอยากจะฆ่าเพื่อล้างแค้นล่ะก็ ก็มาฆ่าข้าคนนี้” อวี้ซ่านซินพูด


 


หานเซิ่นตกใจกับเรื่องนี้ เขารีบพูดขึ้นมา “ข้าเป็นคนทำมันเอง นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับปราสาทนภา”


 


อวี้ซ่านซินยิ้มให้กับหานเซิ่นและส่ายหัว


“เมื่อเจ้าเข้ามาในปราสาทนภา เจ้าก็ถือเป็นคนของพวกเราโดยอัตโนมัติ นอกจากนั้นท่านผู้นำยังคงเป็นคนสั่งให้เจ้าเข้าไปในซีโน่เจเนอิคสเปชเทพโบราณ ดังนั้นไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร มันก็เป็นความรับผิดชอบของพวกเรา”


 


หานเซิ่นอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่อวี้ซ่านซินหยุดเขาเอาไว้


 


“เอาแบบนั้นก็ได้ อวี้ซ่านซิน ถ้าเจ้าต้องการจะแบกรับแทนเขาล่ะก็ รับดัชนีของข้า ถ้าเจ้ารอดจากมันได้ ข้าจะถือว่าหนี้แค้นของพวกเราจบลงแค่นี้” ดราก้อนวันพูดกับอวี้ซ่านซิน


 


“ข้าจะรู้สึกขอบคุณไปชั่วชีวิต” อวี้ซ่านซินพูดอย่างซาบซึ้ง


 


“รอดจากดัชนีของข้าให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาพูดขอบคุณทีหลัง”


หลังจากนั้นดราก้อนวันก็ชี้นิ้วไปที่หน้าผากของอวี้ซ่านซิน


 


หานเซิ่นที่ยืนอยู่ด้านหลังอวี้ซ่านซินรู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังจะแหลกสลาย เขารู้สึกราวกับว่านิ้วของดราก้อนวันสามารถเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างให้กลายเป็นผุยผงได้ แต่อวี้ซ่านซินยังคงยืนนิ่งๆ เขาปล่อยให้ดราก้อนวันชี้นิ้วตรงไปที่หน้าผากของเขาโดยไม่ขัดขืน


 


หานเซิ่นตกตะลึง ‘หมอนี่จะตายแทนเราจริงๆอย่างนั้นหรอ?’


 


วินาทีต่อมา หานเซิ่นเห็นดัชนีที่สามารถทำลายโลกทั้งใบชี้ไปที่อวี้ซ่านซิน แต่มันไม่ได้มีพลังอะไรออกมา มันดูเหมือนกับว่านิ้วของดราก้อนวันแค่จิ้มไปที่หน้าผากของอวี้ซ่านซินเท่านั้น


 


“ขอบคุณที่ไว้ชีวิต” อวี้ซ่านซินแสดงความขอบคุณขณะที่โค้งคำนับ


 


ดราก้อนวันมองที่อวี้ซ่านซิน “ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าคือคนที่บุกฝ่าเข้าไปในปราสาทนภาได้ตามลำพัง เทพสังหารอวี้ผู้แบกโลงศพโลหิตสู่ปราสาทนภา ข้าให้สัญญาว่าความบาดหมางระหว่างดราก้อนกับหานเซิ่นจะจบลงเพียงแค่นี่”


 


หลังจากนั้นดราก้อนวันก็กลับเข้าไปในรถม้า และอสูรทั้งสิบก็ลากมันออกไป


 


“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้” หานเซิ่นรีบพูด เขาเป็นหนี้ชายคนนี้


 


อวี้ซ่านซินโบกมือและพูด “เจ้าเป็นตัวแทนของปราสาทนภาในการเดินทางไปที่ซีโน่เจเนอิคสเปชเทพโบราณ อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในนั้นไม่ใช่ความผิดเจ้า ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นที่เจ้าต้องมาขอบคุณข้า”


 


หลังจากอวี้ซ่านซินก็โบกมืออีกครั้งและนกนางแอ่นก็บินลงมาจากภูเขา มันบินถอยหลังกลับลงมาจนกระทั่งมาถึงมือของอวี้ซ่านซิน มันไม่สามารถบินหนีไปได้


 


“ไหนๆเจ้าก็พาข้ามาที่นี่แล้ว เจ้าก็พาข้ากลับไปด้วยเลยล่ะกัน”


อวี้ซ่านซินพูดพร้อมกับขึ้นไปเหยียบบนหลังของนกนางแอ่น เขายืนด้วยเท้าข้างเดียวและปล่อยให้นกกระเรียนพาเขาจากไป


 


“เฮ้ ข้ายังอยู่ที่นี่” ดวงตาหานเซิ่นเบิกกว้าง เขารู้ตัวว่ายังคงถูกรอบด้วยเหล่าดราก้อน และตอนนี้อวี้ซ่านซินก็จากไปแล้ว


 


หานเซิ่นกลืนน้ำลาย หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆเดินออกไปท่ามกลางเหล่าดราก้อน


 


พวกเขามองมาที่หานเซิ่นด้วยความโกรธ แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามาทำอะไรหานเซิ่น


 


“เจ้าแข็งแกร่ง แถมเจ้ายังได้อวี้ซ่านซินมาช่วยเหลืออีก”


หลังจากที่หานเซิ่นเดินผ่านมาฝูงชนมา ซิวซือก็มาปรากฏตัวที่ด้านข้างของเขา


 


“มิสเตอร์อวี้มีชื่อเสียงอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม


 


“เจ้าเป็นสมาชิกของปราสาทนภา แต่เจ้าไม่รู้จักเทพสังหาร อวี้ซ่านซินอย่างนั้นหรอ?” ซิวซือมองหานเซิ่นอย่างประหลาดใจ


 


“เทพสังหาร? เขาดูเป็นคนดีคนหนึ่ง? ทำไมเขาถึงได้มีสมญานามอะไรแบบนั้น?” หานเซิ่นถาม


 


ซิวซือมองหานเซิ่นอย่างแปลกๆและพูดขึ้นมา


“เทพสังหารอวี้คือชื่อจริงของเขา อวี้ซ่านซินคือชื่อที่เขาใช้เรียกตัวเอง มันมียอดฝีมือมากมายในจักรวาลแห่งนี้ แต่มันมีแค่คนเดียวที่กล้าบุกเข้าไปในปราสาทนภา”


 


“เขาเป็นสมาชิกของปราสาทนภาไม่ใช่หรอ? ทำไมเจ้าถึงพูดว่าเขาบุกเข้าไปในปราสาทนภาล่ะ?” หานเซิ่นพูด


 


ซิวซือเชื่อว่าหานเซิ่นไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ ดังนั้นเธอจึงเริ่มอธิบาย


“อาจารย์ของอวี้ซ่านซินถูกเพื่อนหลอกและถูกประหารโทษฐานที่เป็นคนทรยศ มันเป็นความตายที่ไม่ยุติธรรม อวี้ซ่านซินจึงนำโลงศพของอาจารย์กลับเข้าไปในปราสาทนภา แต่เขาถูกหยุดเอาไว้ นั่นทำให้เขาโกรธและบุกฝ่าเข้าไปข้างใน เขาเอาชนะผู้อาวุโสทั้งสิบและบุกเข้าไปในปราสาทจนได้พบกับผู้นำของปราสาทนภา เขาต้องการทำให้ทุกอย่างให้มันถูกต้อง”


 


“ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับความตายของอาจารย์ถูกฆ่าตายทั้งหมด เขาฆ่าหลายชีวิตในปราสาทนภาตามลำพังจนโลงศพถูกย้อมเป็นสีแดง เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นทำให้ชื่อเทพสังหารอวี้เป็นที่ล่ำลือ แต่ข้าไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนชื่อเป็นอวี้ซ่านซิน”

 

 

 


ตอนที่ 2067

 

อาจารย์

“โชคดีที่เจ้าแค่ฆ่าดราก้อนเธอร์ทีน นางไม่ได้เป็นคนสำคัญเท่าไหร่นัก ความตายของนางจึงเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเผ่าดราก้อน ตอนนี้เมื่ออวี้ซ่านซินมาช่วยไกล่เกลี่ย ทางเผ่าดราก้อนก็คงจะไม่มารบกวนเจ้าไปมากกว่านี้ ตอนนี้เจ้าจะลบพลังที่ใส่เข้าไปในร่างของข้าได้หรือยัง?”


ซิวซือรอหานเซิ่นอยู่ก็เพื่อให้เขาเอาพลังที่ใส่เข้าไปในร่างของเธอออกไป


 


“พวกเรายังอยู่ในดินแดนของดราก้อน รอจนกระทั่งข้าออกไปได้ก่อน” หานเซิ่นเดินต่อไป


 


“ตอนนี้เมื่อพวกเขาให้สัญญากับอวี้ซ่านซินแล้ว พวกเขาจะไม่กลับคำพูด ตอนนี้ดินแดนของเผ่าดราก้อนเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเจ้าเลยก็ว่าได้ ไม่มีใครกล้าฆ่าเจ้าที่นี่ แต่ถ้าเจ้าออกไปแล้ว มันยากที่จะบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าที่ด้านนอก ใครก็ตามที่ฆ่าเจ้าอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเผ่าดราก้อน” ซิวซือกรอกตาของเธอ


 


“เจ้าคิดว่าข้าควรอยู่ในดินแดนของดราก้อนต่ออย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นพูด


 


“อวี้ซ่านซินช่วยเหลือเจ้า และเขาเป็นเหมือนตัวแทนของปราสาทนภา ก่อนที่ใครก็ตามคิดจะทำร้ายเจ้า พวกเขาต้องตระหนักถึงผลกระทบที่จะตามมา ซึ่งมันไม่มีใครกล้าไปกระตุ้นความโกรธของปราสาทนภา” ซิวซือพูด


 


หานเซิ่นมองไปที่ “อวี้ซ่านซินฆ่าคนของปราสาทนภาไม่ใช่หรอ อย่างนั้นแล้วทำไมเขาถึงได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นั่นต่ออีก?”


 


ซิวซือลังเลก่อนที่จะพูดขึ้นมา “นั่นเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และมันไม่ใช่สิ่งที่ชาวนภาจะบอกกับคนนอก ข้ารู้แค่ว่าอาจารย์ของเขาแข็งแกร่งพอที่จะเป็นผู้อาวุโส เขาถูกหลอกและถูกประหารชีวิต หลังจากนั้นเรื่องของเขาก็มัวหมองจากการถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศ แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าอวี้ซ่านซินจะทำเรื่องบ้าระห่ำแบบนั้น เขานำโลงศพกลับเข้าไปในปราสาทนภาและเริ่มฆ่าฟันผู้คน สถานการณ์สงบลงหลังจากที่เขาได้พบกับผู้นำของปราสาทนภา ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการตายของอาจารย์เขา ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสหรือศิษย์ถูกฆ่าโดยอวี้ซ่านซินทั้งหมด”


 


“เหตุผลที่อวี้ซ่านซินได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อในปราสาทนภานั้นน่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนั้น เขาเป็นเจ้าของเกาะๆหนึ่งในปราสาทนภา แต่ไม่มีใครรู้ว่างานของเขาคืออะไรกันแน่”


หลังจากนั้นซิวซือก็มองไปที่หานเซิ่น “นั่นคือทั้งหมดที่ข้ารู้ และมันก็เป็นแค่เรื่องที่เล่าต่อๆกันมาเท่านั้น”


 


หานเซิ่นพยักหน้า อวี้ซ่านซินมาช่วยชีวิตเขาเอาไว้ และไม่ว่านั่นจะเป็นคำสั่งจากปราสาทนภาหรือเป็นสิ่งที่ชายคนนั้นตัดสินใจทำด้วยตัวเอง ตอนนี้หานเซิ่นก็ติดหนี้บุญคุณเขาครั้งใหญ่


 


พวกเขาเดินทางไปยังสถานีอวกาศ และเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น หานเซิ่นก็ยังไม่เอาพลังออกจากร่างของซิวซือ


 


เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น ยานอวกาศทุกลำก็ปฏิเสธที่จะรับหานเซิ่นขึ้นไปในฐานะผู้โดยสาร ยามรักษาการยังเยาะเย้ยเขาและบอกให้เขาบินกลับไปที่ปราสาทนภาด้วยตัวเอง


 


แต่หานเซิ่นไม่ได้โกรธอะไร เขาหันมามองซิวซือ “ซิวซือ เจ้ามียานส่วนตัวอยู่ใช่ไหม?”


 


ซิวซือไม่มีทางเลือกนอกจากรับหานเซิ่นไปด้วย หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทางไปที่ปราสาทนภา ซึ่งซิวซือก็ส่งหานเซิ่นกลับไปที่ปราสาทนภาได้อย่างปลอดภัย


 


“เนื่องจากไม่มีคำเชิญจากปราสาทนภา ข้าจึงส่งเจ้าได้แค่นี้ ตอนนี้เจ้าจะเอาพลังออกจากตัวข้าได้หรือยัง?” ซิวซือถามหานเซิ่น


 


หานเซิ่นยิ้มและพูด “เจ้าก็ใช้พลังอย่างหนึ่งกับข้าไม่ใช่หรอ มันไม่เห็นมีอะไรต้องรีบร้อน?”


 


“ข้าไม่ใช่คนจะเอาแต่เที่ยวเตร่อย่างเจ้า ข้ายังมีธุระสำคัญอีกมาก” ซิวซือพูด


 


หลังจากที่ใช้เวลาในการเดินทางมาที่นี่ ความอดทนของเธอต่อหานเซิ่นก็เริ่มจะหมดลง เธอแค่ต้องการให้หานเซิ่นเอาพลังนั้นออกไปจากตัวของเธอเท่านั้น หลังจากนั้นเธอก็จะไปจากหานเซิ่นให้ไกลที่สุด


 


หานเซิ่นจับไปที่รอยกัดบนคอที่ซิวซือทิ้งเอาไว้ รอยกัดนั้นยังคงไม่หายไป ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่พลังธรรมดาๆ


 


“ข้าคิดว่าพวกเราผ่านอะไรมามาก และใครจะรู้ว่าเส้นทางของพวกเราจะมาบรรจบกันอีกเมื่อไหร่ ดังนั้นพวกเราควรเก็บมันเอาไว้เป็นที่ระลึก ครั้งต่อไปที่ข้าเห็นรอยกัดนี่ ข้าก็จะนึกถึงเจ้า เจ้าเองก็ควรจะหวงแหนของระลึกที่ข้ามอบให้กับเจ้าเช่นเดียวกัน” หลังจากนั้นหานเซิ่นก็บินเข้าไปในปราสาทนภา


 


“หานเซิ่น ไอ้คนชั่ว!” ซิวซือโกรธ แต่หานเซิ่นเข้าไปในปราสาทนภาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเธอไม่สามารถเข้าไปได้โดยไม่ได้รับอนุญาต ซิวซือไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินทางกลับทั้งอย่างนั้น


 


‘ถ้าข้ากำจัดมันออกจากตัวได้เมื่อไหร่ ข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจ เจ้าจะได้เห็นถึงพลังของจุมพิตกาน่า’ ซิวซือคิดด้วยความโกรธ


 


แต่หานเซิ่นนั้นสะพรึงน่ากลัว ซิวซือจึงไม่กล้าใช้งานจุมพิตของกาน่าในทันที ตราบใดที่เธอยังไม่แน่ใจว่าเขาทำอะไรกับร่างกายของเธอ


 


ร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดสามารถลบล้างพลังทุกอย่างได้ ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่ได้หวาดกลัวอะไรมาก ความจริงแล้วเขาอยากรู้ว่ามันจะทรงพลังสักแค่ไหน


 


เมื่อกลับไปที่ปราสาทนภา หานเซิ่นก็ได้รับการต้อนรับโดยศิษย์คนอื่นๆ ทุกคนได้ยินเรื่องที่เขาฆ่าชารอนกับดราก้อนเธอร์ทีน และการผจญภัยในทะเลโบราณหวนคืน


 


สำหรับเผ่าเดม่อนและดราก้อนแล้ว นี่ถือเป็นความอับอายครั้งใหญ่ แต่สำหรับปราสาทนภามันถือเป็นสิ่งที่ควรภาคภูมิใจ


 


หานเซิ่นมอบจุดเริ่มต้นแห่งเทพโบราณสีเงินและยีนซีโน่เจเนอิคจากซีโน่เจเนอิคสเปชเทพโบราณให้กับทางปราสาทนภา ทำให้เขาได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เป็นรางวัลตอบแทน


 


แต่หานเซิ่นยังไม่มีแผนที่จะเรียนรู้วิชาจีโนตัวใหม่ ทั้งหมดที่เขาต้องการในตอนนี้ก็คือการเก็บยีนซีโน่เจเนอิคเพื่อเพิ่มระดับขึ้นไปอีก


 


นอกจากสิทธิ์ในการเข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์แล้ว หานเซิ่นยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์ ทำให้เขาสามารถไปใช้งานสถานที่ที่ไม่ได้เปิดให้กับศิษย์ธรรมดาได้อย่างอิสระ


 


ยกตัวอย่างเช่นก่อนหน้านี้หานเซิ่นจำเป็นต้องไปออกล่าภายในถ้ำเสวียนเยวี๋ยน แต่ด้วยตำแหน่งอาจารย์ เขาสามารถไปที่เกาะแรร์บีสต์ได้ ซึ่งมันดีกว่าการล่าภายในถ้ำเสวียนเยวี๋ยนเป็นไหนๆ


 


แต่ตำแหน่งอาจารย์ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบ ทุกๆปีเขาจะต้องสอนวิชาให้กับศิษย์ของปราสาทนภาเป็นเวลาสิบวัน


 


เขาสามารถสอนอะไรก็ได้ ยกเว้นแต่วิชาใต้นภา เนื่องจากมันเป็นวิชาที่ถูกจำกัดโดยระดับชั้น ดังนั้นเขาไม่สามารถสอนมันให้กับผู้อื่นได้


 


มีคนนอกไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถได้รับตำแหน่งอาจารย์ แต่ผู้คนภายในปราสาทนภาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการเลื่อนขั้นของหานเซิ่น จริงๆแล้วพวกเขาตื่นเต้นที่จะได้เรียนกับหานเซิ่น


 


เพราะยังไงซะหานเซิ่นก็ฆ่าชารอนที่ถูกกล่าวขานว่าทัดเทียมกับไผ่เดียวดาย ศิษย์ของปราสาทนภาจึงสนใจในวิชาจีโนของเขา และเรื่องราวการต่อสู้ของหานเซิ่นก็เป็นอะไรที่โดดเด่น ดังนั้นศิษย์ทุกคนจึงเชื่อว่าเขาคู่ควรกับตำแหน่งอาจารย์


 


ทุกๆปีอาจารย์ทุกคนต้องทำการสอนเป็นเวลาสิบวัน แต่อาจารย์บางคนไม่ค่อยมีเวลา ดังนั้นทางปราสาทนภาจึงอนุญาตให้ขยายเวลาไปเป็นสิบปี ด้วยเหตุนี้หานเซิ่นจึงไม่ได้รีบร้อนอะไร


 


กระเรียนพันขนและพี่น้องยวิ๋นมาพบกับหานเซิ่น หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินทางไปฝึกในสถานหยกขาวด้วยกัน ซึ่งหานเซิ่นมีแผนที่จะไปตรวจสอบหอคอยถัดไป เขาหวังว่าลมปราณหยกของที่นั่นจะทำให้วิชากายหยกพัฒนาไปสู่ระดับมาร์ควิส


 


ในการต่อสู้นั้นวิชากายหยกถือว่ามีประโยชน์มากกว่าวิชาโลหิตชีพจรมาก

 

 

 


ตอนที่ 2068

 

วิญญาณหยก

หานเซิ่นไปยังสถานหยกขาวที่ 2 พร้อมกับกระเรียนพันขนและคนอื่นๆ


 


เมื่อพวกเขาไปถึงชั้นแรก พวกเขาก็เห็นศิษย์คนอื่นยืนเฝ้ารูปภาพของอสูรหยกแต่ละรูปที่อยู่บนกำแพง


 


กระเรียนพันขนอธิบาย “เมื่อสถานหยกขาวเปิดขึ้น อสูรหยกในรูปภาพจะออกมาในร่างวิญญาณ ถ้าเจ้าสกัดพวกมันได้ เจ้าก็จะได้รับลูกแก้ววิญญาณหยก”


 


ยวิ๋นซู่ซางยิ้มและพูด “สถานหยกขาวที่ 2 มีทั้งหมด 7 ชั้น ยิ่งขึ้นไปบนชั้นที่สูง วิญญาณหยกก็จะแข็งแกร่งขึ้น แน่นอนว่าลูกแก้ววิญญาณหยกที่จะได้รับก็จะดีขึ้นด้วยเช่นกัน เอิร์ลส่วนใหญ่จะอยู่ในชั้นที่ 4 หรือต่ำลงมา แต่เจ้าที่เป็นมาร์ควิสน่าจะล่าวิญญาณหยกชั้นที่สูงกว่านั้นได้”


 


“ในตอนที่อยู่ในซีโน่เจเนอิคสเปชเทพโบราณและทะเลโบราณหวนคืน มันมีสถานการณ์พิเศษที่ทำให้ข้าต่อสู้กับมาร์ควิสได้ โดยปกติแล้วข้าไม่มีพลังจะทำอะไรแบบนั้น ข้าขอลองทดสอบที่ชั้นที่ 4 ก่อน”


หานเซิ่นไม่อยากจะเสี่ยง จนกว่าเขาจะรู้ว่าวิญญาณหยกคืออะไร


 


พวกเขาเดินขึ้นไปบนชั้นที่ 4 มันไม่ได้มีคนอื่นอยู่บนชั้นนี้มากนัก ต่างจาก 3 ชั้นที่มีผู้คนยืนเฝ้ารูปภาพอยู่หลายคน บนชั้นนี้รูปภาพส่วนใหญ่ไม่มีใครเฝ้าอยู่


 


ยวิ๋นซู่อีชี้ไปที่รูปภาพของวิญญาณหยกและพูด “มันมีวิญญาณหยกอยู่มากมาย ซึ่งแต่ละตัวจะมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป และพวกมันก็ให้ประโยชน์ที่แตกต่างกันด้วย อย่างเช่นเสือหยกนี่ ถ้าเจ้าได้รับลูกแก้ววิญญาณหยกของมัน มันก็จะทำให้พละกำลังของเจ้าเพิ่มขึ้น ส่วนนกตัวนี้ดีต่อการเพิ่มความเร็ว เจ้าควรจะเลือกวิญญาณหยกที่ตรงกับความต้องการของเจ้า”


 


“แบบนี้นี่เอง” หานเซิ่นพบว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจ และเขาก็เริ่มตรวจดูวิญญาณหยกรอบๆ สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่ภาพของแฟรี่ตัวหนึ่ง เขาถามด้วยความสงสัย “แล้วแฟรี่นี่ล่ะ?”


 


“วิญญาณหยกนั่นมีความสามารถที่สมดุล มันไม่ได้โดดเด่นด้านไหนเป็นพิเศษ แต่มันจะเพิ่มทุกๆอย่างทีละนิดแทน” ยวิ๋นซู่อีพูด


 


“ถ้าอย่างนั้นข้าเลือกนางล่ะกัน” หานเซิ่นไม่ได้มีความชอบวิญญาณหยกไหนเป็นพิเศษ และเขาก็แค่คิดว่าแฟรี่หยกดูสวยดีเท่านั้นเอง


 


ก่อนที่สถานหยกขาวจะเปิดขึ้น พวกเขาแต่ละคนก็จะเลือกรูปภาพวิญญาณหยกของตัวเอง ยวิ๋นซู่อีเลือกรูปภาพของนกชนิดหนึ่ง ซึ่งมันอยู่ถัดไปจากหานเซิ่น


 


ไม่นานหลังจากนั้นสถานหยกขาวก็เปิดขึ้น ลมปราณหยกเริ่มหลั่งไหลออกมาจากกำแพงหยก เมื่อเทียบกับลมปราณหยกของสถานหยกขาวแรกแล้ว มันเข้มข้นกว่ามาก การดูดซับมันเข้าไปจึงเป็นอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่า


 


ไม่นานวิญญาณหยกก็เริ่มมีชีวิตขึ้นมา พวกมันออกมาจากกำแพงในร่างหยกกึ่งโปร่งใส แต่น่าแปลกที่มีเพียงแค่รูปภาพที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่เท่านั้นที่จะมีวิญญาณหยกออกมา


 


หานเซิ่นมองไปที่วิญญาณหยกตรงหน้าและสังเกตถึงความงดงามของมัน ด้วยร่างที่ดูกึ่งโปร่งใสทำให้มันดูเหมือนกับแฟรี่ที่ออกมาสู่โลกนี้จริงๆ


 


แฟรี่หยกเริ่มบินไปรอบๆขณะที่เข้ามาหาหานเซิ่น


 


หานเซิ่นใช้วิชากายหยกและนั่งอยู่นิ่งๆไม่เคลื่อนไหว


 


การฆ่าวิญญาณหยกเป็นกระบวนการที่แตกต่างจากการฆ่าซีโน่เจเนอิค วิญญาณหยกนั้นจริงๆแล้วเป็นแค่แก่นแท้ของลมปราณหยกที่ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เขาสามารถทำลายพวกมันได้ แต่เขาไม่สามารถฆ่าพวกมันด้วยวิธีการปกติได้ๆ


 


การฆ่าวิญญาณหยกจำเป็นต้องปล่อยให้พวกมันเข้าสิง และใช้พลังกับความแข็งแกร่งทางจิตใจเพื่อต่อสู้ ซึ่งถ้าคนที่ถูกสิงสามารถเอาชนะและสกัดวิญญาณหยกได้สำเร็จ มันก็จะกลายเป็นลูกแก้ววิญญาณหยก


 


แฟรี่หยกบินตรงเข้าไปในร่างของหานเซิ่น ตัวตนของมันเป็นเหมือนกับหมอกที่กำลังเข้าไปในร่างของเขา


 


ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกหนาวไปทั่งตัว ความหนาวเย็นแทรกซึมเข้าไปในทุกเซลล์ของเขาจนเกือบจะทำให้เขากลายเป็นน้ำแข็ง


 


หานเซิ่นรีบใช้วิชากายหยกเพื่อสลายความหนาวเย็นภายในร่างกาย และเมื่อเขาเดินลมปราณของวิชากายหยกจนครบหนึ่งรอบ ความรู้สึกหนาวเย็นก็เริ่มออกมาจากร่างกายของเขาและหายไปในที่สุด


 


หลังจากนั้นร่างกายของหานเซิ่นก็สั่นไหว และแฟรี่หยกก็ออกมาจากร่างของเขา แต่มันไม่ได้กลับเข้าไปในรูปภาพ มันกลายเป็นหินหยกกึ่งโปร่งใสที่มีขนาดพอๆกับเล็บหัวแม่มือ


 


หานเซิ่นเอื้อมมือไปจับมันและสังเกตได้ถึงลมปราณหยกที่หนาแน่น ซึ่งมันต้องเป็นลูกแก้ววิญญาณหยกของแฟรี่หยกอย่างแน่นอน


 


หานเซิ่นกลืนมันเข้าไป หลังจากนั้นเขาก็ใช้วิชากายหยกอีกครั้ง เขารู้สึกอุ่นๆในกระเพาะและมันก็ไหลเวียนไปยังแขนขา หานเซิ่นรู้สึกสบายอย่างมาก ร่างกายของเขาอบอุ่นราวกับกำลังแช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อน


 


พลังของลูกแก้ววิญญาณหยกถูกดูดซับไปอย่างรวดเร็ว หานเซิ่นสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของวิชากายหยก แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่


 


สถานหยกขาวยังคงดำเนินต่อไป และกระเรียนพันขนกับพี่น้องยวิ๋นก็ยังคงต่อสู้อยู่กับวิญญาณหยก พวกเขานั่งอยู่กับที่ราวกับว่าพวกเขาถูกแช่แข็งไป


 


ยวิ๋นซู่อีเพิ่งวิวัฒนาการมาเป็นเอิร์ลได้ไม่นาน การต่อสู้กับวิญญาณหยกบนชั้นที่ 4 จึงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ สีหน้าของเธอดูซีดเซียวกว่าคนอื่นๆ


 


หานเซิ่นใช้วิชากายหยกเพื่อปล่อยแสงเทพใส่เธอ เขาต้องการช่วยเธอต่อสู้กับวิญญาณหยก เมื่อแสงของวิชากายหยกเข้าไปในร่างของยวิ๋นซู่อี สีหน้าของเธอก็ดูดีขึ้นมาก ไม่นานหลังจากนั้นนกหยกก็บินออกมาจากตัวของเธอและกลายเป็นลูกแก้ววิญญาณหยก


 


ยวิ๋นซู่อีลืมตาขึ้นและเก็บลูกแก้ววิญญาณหยกไป เธอโค้งคำรับต่อหานเซิ่นและพูด “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ”


 


“ไม่จำเป็นต้องทำตัวมีมารยาทอะไรขนาดนั้น” หานเซิ่นพูดอย่างเป็นกันเอง


 


ยวิ๋นซู่อีหน้าแดงและไม่พูดอะไรอีก


 


หลังจากนั้นกระเรียนพันขนและยวิ๋นซู่ซางก็สกัดวิญญาณหยกของตัวเองได้สำเร็จ แต่เมื่อลืมตาขึ้น พวกเขาก็ประหลาดใจที่เห็นว่าหานเซิ่นและยวิ๋นซู่อีกำลังพูดคุยกันอยู่


 


พวกเขาคาดเอาไว้แล้วว่าหานเซิ่นจะรวดเร็วกว่าพวกเขาในการสกัดวิญญาณหยก แต่ความเร็วของยวิ๋นซู่อีคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจ


 


ยวิ๋นซู่อีบอกพวกเขาว่าหานเซิ่นช่วยเหลือเธอ กระเรียนพันขนและยวิ๋นซู่ซางรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้


“ปกติแล้วการยืนมือเข้าไปช่วยคนอื่นขณะที่อยู่ในระหว่างถูกวิญญาณหยกสิงจะทำให้วิญญาณหยกแตกสลาย เขาช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่ทำลายวิญญาณหยกอย่างนั้นหรอ? นั่นเป็นอะไรที่แปลกจริงๆ”

 

 

 


ตอนที่ 2069

 

หลอมวิญญาณหยกที่ชั้น 7

“มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น” หานเซิ่นพูดพร้อมกับยักไหล่


 


กระเรียนพันขนไม่เชื่อว่ามันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่เหตุการณ์ประหลาดนั้นเกิดขึ้นรอบๆตัวหานเซิ่นบ่อยครั้ง ดังนั้นเขาจึงเคยชินกับมันแล้ว


 


“ข้าว่าจะลองขึ้นไปดูชั้นต่อไปสักหน่อย” หานเซิ่นบอกกระเรียนพันขนและคนอื่นๆก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนชั้นที่ 5


 


บนชั้นที่ 5 มีเพียงแค่ศิษย์ระดับมาร์ควิสเท่านั้น วิญญาณหยกที่อยู่บนกำแพงก็เป็นระดับมาร์ควิสเช่นเดียวกัน ศิษย์ของปราสาทนภาระดับมาร์ควิสมักจะมาชั้นนี้กันซะส่วนใหญ่ ด้วยเหตุนั้นหน้ารูปภาพของวิญญาณหยกแต่ละภาพจึงมีศิษย์ระดับมาร์ควิสอยู่หลายคน


 


เมื่อลมปราณหยกปะทุขึ้นมา ไม่มีใครวิ่งออกไปข้างหน้า มันขึ้นอยู่กับว่าวิญญาณสปิริตจะเลือกใคร การขโมยเป็นสิ่งต้องห้ามภายในสถานหยกขาว


 


นี่เป็นเหตุผลที่ปราสาทนภาควบคุมจำนวนผู้คนที่จะเข้ามาในสถานหยกขาว เนื่องจากทรัพยากรมีอยู่จำกัด และตอนนี้มันก็มีศิษย์เกินจำนวนกว่าทรัพยากรที่มีอยู่


 


หานเซิ่นเดินขึ้นไปบนชั้นต่อไปอย่างไม่ลังเล ซึ่งบนชั้นที่ 6 มันก็มีศิษย์ชาวนภาอยู่ป็นจำนวนมากเช่นกัน แต่ละรูปภาพจะมีมาร์ควิสนั่งอยู่ 2-3 คน


 


บนชั้นที่ 7 มีคนอยู่น้อยกว่ามาก โดยรวมแล้วมันมีอยู่เพียงแค่ 5-6 คนเท่านั้น และหานเซิ่นก็รู้จักหนึ่งในพวกเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็คือไผ่เดียวดายที่วิวัฒนาการเป็นระดับมาร์ควิสในระหว่างการสอบ


 


เมื่อไผ่เดียวดายเห็นหานเซิ่น เขาก็กวักมือเรียก หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าไผ่เดียวดายจะต้องการจะพูดคุยกับเขา ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปด้วยความประหลาดใจ


 


“หลังจากจบนี่แล้วเจ้ามีเวลาว่างไหม?” ไผ่เดียวดายถาม


 


“ก็ว่างอยู่ เจ้าต้องการอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไผ่เดียวดายด้วยความสับสน


 


“เจ้าสนใจจะไปที่ยอดเมฆสายรุ้งเพื่อล่าคลาวด์บีสต์ไหม?” ไผ่เดียวดายพูดเข้าเรื่องในทันที


 


“ข้าสนใจจะล่าซีโน่เจเนอิค แต่ถ้าพวกเราไปด้วยกัน ซีโน่เจเนอิคคงจะไม่มีโอกาส” หานเซิ่นหัวเราะ


 


ไผ่เดียวดายยิ้มและพูดต่อ “คลาวด์บีสต์อาศัยอยู่ในยอดเมฆสายรุ้งมาเป็นล้านๆปีแล้ว แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครจับมันได้เลย ข้าอยากจะจับมันมาเป็นสัตว์ขี่ ซึ่งถ้าเจ้าสนใจ ใครก็ตามที่จับมันได้ มันก็จะเป็นของคนคนนั้น”


 


“ไม่มีทาง ถ้าแม้แต่ยอดฝีมือของปราสาทนภายังจับมันไม่ได้ แล้วเจ้าคิดว่าพวกเราจะจับมันได้ยังไง?”


หานเซิ่นนึกถึงอวี้ซ่านซินขึ้นมา เขาไม่เชื่อว่าจะมีซีโน่เจเนอิคตัวไหนที่ชายคนนั้นไม่สามารถจัดการได้ ถ้าบางสิ่งอยู่เหนือพละกำลังของชายคนนั้น หานเซิ่นก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาส


 


“ทรัพยากรของปราสาทนภาถูกป้องกันเป็นอย่างดี มันมีเพียงแค่อาจารย์ระดับมาร์ควิสเท่านั้นที่จะไปยังยอดเมฆสายรุ้งได้ ด้วยเหตุนั้นจนถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีใครจับคลาวด์บีสต์ได้” ไผ่เดียวดายพูดอย่างเป็นกันเอง


 


“นั่นหมายความว่าคลาวด์บีสต์โชคดี ถ้าพวกเราทั้งคู่ไปที่นั่น มันต้องเรียกพวกเราว่าพ่ออย่างแน่นอน” หานเซิ่นหัวเราะ


 


“ข้าไม่รู้ว่ามันจะเรียกพ่อหรือเปล่า แต่ข้าแน่ใจว่ามันต้องคุกเข่า” ไผ่เดียวดายพูดอย่างจริงจัง


 


หานเซิ่นถามไผ่เดียวดายเกี่ยวกับคลาวด์บีสต์ และหลังจากที่ได้ยินมัน เขาก็คิดว่าคลาวด์บีสต์ฟังดูคล้ายกับคลาวด์บีสต์ที่เขาเคยเห็นในก็อตแซงชัวรี่


 


หานเซิ่นเคยเห็นคลาวด์บีสต์มาก่อน และเขาก็อยากจะได้รับวิญญาณอสูรของมันมาโดยตลอด แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยได้มันมา


 


‘รอบนี้คลาวด์บีสต์จะมอบวิญญาณอสูรให้กับเราหรือเปล่านะ? แต่ถึงจะได้ มันก็คงจะแตกต่างไปจากวิญญาณอสูรที่ได้รับในก็อตแซงชัวรี่’ หานเซิ่นคิด


 


หานเซิ่นมองไปรอบๆชั้นที่ 7 มันมีรูปภาพอยู่มากมายที่ไม่มีใครนั่งอยู่ข้างหน้า หานเซิ่นเลือกรูปภาพของแฟรี่หยกและนั่งลง


 


หานเซิ่นรอจนกระทั่งลมปราณหยกปะทุขึ้นมาและแฟรี่หยกก็บินออกมาจากกำแพง หลังจากนั้นมันก็เข้าไปในร่างของหานเซิ่นเหมือนกับชั้นที่ 4


 


หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา ครั้งนี้มันรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่อยู่ชั้นที่ 4 มาก ถ้าหานเซิ่นไม่ได้มีวิชากายหยกล่ะก็ เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะทนต่อความหนาวเย็นในตอนนี้ได้หรือเปล่า


 


หานเซิ่นรีบใช้วิชากายหยก หลังจากนั้นแฟรี่หยกก็ออกมาจากร่างกายของเขาและกลายเป็นลูกแก้ววิญญาณ


 


หานเซิ่นเก็บมันขึ้นมา แต่เขาไม่ได้กินมันเข้าไปทันที เขาเดินไปหารูปภาพของแฟรี่หยกอีกรูป และเมื่อเขาไปอยู่ตรงหน้ามัน แฟรี่หยกก็ออกมาจากกำแพงและเข้าไปในร่างของเขา ขณะเดียวกันคนอื่นๆยังไม่มีใครสกัดวิญญาณหยกดวงแรกเสร็จเลย


 


‘วิชากายหยกมีประโยชน์ในสถานหยกขาวมากจริงๆ ถึงกายหยกของเราจะยังเป็นแค่ระดับเอิร์ล แต่เราก็สกัดวิญญาณหยกพวกนี้ได้ง่ายมากๆ ถ้าเราพัฒนามันไปสู่ระดับมาร์ควิสได้ล่ะก็ เราก็คงจะได้รับลูกแก้ววิญญาณหยกมากตามที่ต้องการ’ หานเซิ่นรู้สึกอวดดีขณะที่เดินเข้าไปหารูปภาพวิญญาณหยกอีกภาพ


 


เนื่องจากมันไม่มีรูปภาพของแฟรี่หยกอีกแล้ว ดังนั้นหานเซิ่นจึงเลือกนั่งลงตรงหน้ารูปของเสือหยกแทน


 


โฮก!


 


การคำรามของเสือทำให้ดวงวิญญาณของหานเซิ่นสั่นคลอน มันเกือบจะทำให้เขากระอักเลือดออกมา


 


ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่ามันจะง่ายเหมือนกับแฟรี่หยก แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะทำให้เลือดของเขาตกอยู่ในความระส่ำระสาย โชคดีที่หานเซิ่นมีจิตใจที่แข็งแกร่ง เขาไม่ได้ตื่นตระหนกและใช้สมาธิกับการส่งเลือดกลับเข้าไปในหลอดเลือด หลังจากนั้นเขาก็ใช้พลังทั้งหมดเพื่อสกัดวิญญาณเสือหยก


 


เสือหยกเป็นวิญญาณที่กำเนิดขึ้นโดยลมปราณหยก แต่หานเซิ่นกลับพบว่ามันยากที่จะสกัดได้ มันไม่ได้ง่ายดายเหมือนอย่างวิญญาณแฟรี่หยก


 


เสือหยกคำรามใส่เขา ทำให้หัวของเขารู้สึกปวดจนเลือดเกือบจะไหลออกมาจากจมูก


 


แต่ในที่สุดหานเซิ่นก็สามารถสกัดวิญญาณเสือหยกได้สำเร็จ เขาลืมตาขึ้นและสังเกตว่าลมปราณหยกหายไปแล้ว ศิษย์คนอื่นๆก็เช่นเดียวกัน เหลือเพียงแค่ไผ่เดียวดายคนเดียวที่ยังอยู่ต่อเพื่อรอเขา


 


เสือหยกกลายเป็นลูกแก้ววิญญาณ และหลังจากที่หานเซิ่นเก็บมันไปแล้ว เขาก็หันมาถามไผ่เดียวดาย “นี่มันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว?”


 


“สถานหยกขาวปิดตัวไปตั้งแต่ 5 ชั่วโมงก่อนแล้ว” ไผ่เดียวดายตอบ


 


หานเซิ่นตกใจ เขาใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วโมงเพื่อสกัดวิญญาณแฟรี่หยก 2 ดวง แต่เขาต้องใช้เวลาถึง 7 ชั่วโมงเพื่อสกัดวิญญาณเสือหยกแค่ดวงเดียว


 


นั่นหมายความว่าวิญญาณแฟรี่หยกประสานกับกายหยกของเขาได้ดีกว่า แต่วิญญาณเสือหยกและวิชากายหยกไม่เข้ากัน และนั่นเป็นเหตุผลที่มันใช้เวลานานขนาดนั้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)