Super God Gene 2054-2065
ตอนที่ 2054
หนทาง
ราชินีชูร่าเดินเข้าไปหาแท่นบูชายัญและโค้งคำนับต่อหน้ามันจากใจจริง หลังจากนั้นเธอก็ดึงมีดออกมาและแทงไปที่บริเวณหัวของโลงศพ
มีดนั่นมีสีม่วง และดูเหมือนจะถูกหลอมขึ้นมาจากวัสดุที่แปลกประหลาด มันดูคล้ายคลึงกับเขาของเธอ แต่มันมีสีที่เข้มกว่า
โลงศพไม่มีรอยต่ออยู่ แต่มีดสามารถผ่านเข้าไปข้างในได้โดยไร้ซึ่งการต่อต้านใดๆ แต่ทว่าด้ามจับยังคงยืนออกมาข้างนอก
หลังจากนั้นทั้งโลงศพก็เริ่มจะสั่นไหวและเปิดออก
หานเซิ่นจับจ้องไปที่โลงศพอย่างตั้งใจ เมื่อโลงศพเปิดออก พลังที่น่ากลัวก็พุ่งเข้าไปหาราชินีชูร่ากับอวี้หมิงเอ๋อ พลังประหลาดนั้นพยายามจะดึงพวกเธอเข้าไปในโลงศพ
แม้ราชินีชูร่าจะถือเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมากในสหพันธ์ดวงดาว แต่เธอก็ไม่สามารถต่อต้านพลังนั้นได้
หานเซิ่นเคลื่อนไหวมือและตัดพลังนั้นจนขาด เขาดึงทั้งคู่กลับมา หลังจากนั้นโลงศพก็ปิดลงและกลับสู่สภาพเดิม แต่ทว่ามีดที่ปักบนโลงศพหายไปแล้ว
โลงศพเปิดออกเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น แต่ในเวลานั้นหานเซิ่นก็มองเห็นความมืดมิดภายในโลงศพ มันเป็นเหมือนกับหลุมดำ
ราชินีชูร่าและอวี้หมิงเอ๋อตกตะลึง พวกเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หานเซิ่นพยายามจะเปิดโลงศพอีกครั้ง แต่มันไม่ขยับเลยเหมือนเดิม ดังนั้นเขาจึงหันไปถามราชินีชูร่า “มีดของเธออยู่ไหนแล้ว?”
ราชินีชูร่ายิ้มแห้งๆออกมาและพูด “มีดถูกส่งกลับไปที่แท่นบูชายัญบนดาวหลักของชูร่า มีแค่กษัตริย์คนต่อไปของชูร่าเท่านั้นที่จะนำมันออกมาจากแท่นบูชายัญได้”
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเชื่อว่านั่นคือทั้งหมดที่เธอรู้ หานเซิ่นใช้พลังจับตัวราชินีชูร่าและอวี้หมิงเอ๋อ หลังจากนั้นเขาก็เทเลพอร์ตไปที่ปราสาทของราชินี
“เป็นราชินีที่ดีต่อไป แกล้งทำเป็นว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
หานเซิ่นมองไปที่ราชินีชูร่าและอวี้หมิงเอ๋อ หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไปพร้อมกับเป่าเอ๋อ
ราชินีชูร่าและลูกสาวถูกทิ้งให้ยืนนิ่งในความเงียบอย่างสับสน พวกเธอไม่อยากจะเชื่อว่ามีมนุษย์ที่น่ากลัวแบบนี้อยู่ด้วย ชะตากรรมของเผ่าพันธุ์ชูร่าอยู่ในกำมือของคนอื่นและเธอก็ไม่สามารถทำอะไรเพื่อหยุดมันได้
หานเซิ่นพาเป่าเอ๋อกลับไปที่บ้าน สิ่งที่อยู่ภายในโลงศพชูร่านั้นเห็นได้ชัดว่ามันเป็นเส้นทางที่จะนำไปสู่มิติอื่น แต่หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันพาไปที่ไหนกันแน่
หานเซิ่นคาดเดาว่ามันนำไปสู่จักรวาลจีโน และพวกเขาคงจะเทเลพอร์ตไปยังสถานที่ที่ถูกปกครองโดยเผ่าเดม่อน ถ้านั่นเป็นความจริง เรื่องทั้งหมดก็จะสมเหตุสมผล แต่หลุมดำดูไม่ปลอดภัยเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเส้นทางที่ไม่เสถียร ดังนั้นโอกาสรอดจากการเดินทางคงจะต่ำมากๆ
ชูร่าผู้ก่อตั้งเผ่าพันธุ์บอกเอาไว้ว่าให้เปิดโลงศพในตอนที่กำลังจะตายเท่านั้น นั่นหมายความว่าการเข้าเป็นอะไรที่อันตราย แต่ถ้านั่นเป็นเส้นทางที่จะนำไปสู่เผ่าพันธุ์เดม่อนจริงๆ มันก็ถือว่าเป็นอะไรที่สุดยอด
แต่ทั้งหมดนี่เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น บางทีมันอาจจะไม่ได้นำไปสู่จักรวาลจีโนด้วยซ้ำ
หานเซิ่นไม่มีแผนที่จะลองใช้มัน ถ้านั่นเป็นเส้นทางที่นำไปสู่เผ่าพันธุ์เดม่อนจริงๆ มันก็เป็นอะไรที่อันตรายยิ่งกว่าการกลับไปที่ทะเลโบราณหวนคืนซะอีก
หานเซิ่นคิดว่าอาชูร่าอาจจะยังไม่ตาย บางทีเหล่ากษัตริย์ของชูร่าก็ยังไม่ตายเช่นกัน พวกเขาแค่ถูกส่งไปที่มิติอื่น
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาเคยเห็นคนบางคนที่ดูเหมือนกับเทพแห่งผลกรรม ในตอนนั้นหานเซิ่นคิดว่าเขาเป็นแค่คนที่หน้าเหมือนกัน
แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นเส้นทางที่อยู่ในโลงศพชูร่า หานเซิ่นก็ไม่คิดแบบนั้นอีกต่อไป
ถ้าโลงศพชูร่าสามารถนำไปสู่จักรวาลจีโนได้จริงแล้วล่ะก็ พยุหะโลหิตก็อาจจะมีบางสิ่งที่เหมือนๆกัน
‘แมวเก้าชีวิตเข้าออกก็อตแซงชัวรี่ได้ตามใจชอบ และหลังจากที่เราได้รอยสักแมวเก้าชีวิตมา เราก็ทำแบบนั้นได้เหมือนกัน แมวเก้าชีวิตนั้นเกี่ยวข้องกับพยุหะโลหิต ดังนั้นถ้าชูร่ามีหนทางที่จะออกไป พยุหะโลหิตก็ควรจะมีเหมือนกัน’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
“พยุหะโลหิตควรจะมีสมาชิกอยู่หลายคน แต่เราแทบจะไม่เคยเจอพวกเขาเลย แค่เราเป็นผู้ฝึกวิชาโลหิตชีพจรรุ่นแรกและถ่ายทอดพละกำลังไปให้กับเสี่ยวฮวาและหลิงเอ๋อก็เป็นอะไรที่น่าประทับใจแล้ว ซึ่งพยุหะโลหิตทำแบบนี้มาหลายต่อหลายรุ่น ดังนั้นพวกเขาต้องแข็งแกร่งกว่ามาก”
แต่เมื่อหานเซิ่นคิดดูดีๆแล้ว เขาก็รู้สึกตัวว่าพวกเขาคงจะเป็นเหมือนกับพวกชูร่า พวกเขาอาจจะมีหนทางออกไปจากก็อตแซงชัวรี่ แต่มันไม่มีหนทางที่พวกเขาจะกลับเข้ามา
แน่นอนว่านี่เป็นแค่การคาดเดาของหานเซิ่น แต่ในเรื่องของจีโนฟลูอิดปริศนาภายในสุสานกษัตรย์ของชูร่านั้น หานเซิ่นก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
ตามธรรมเนียมแล้ว จีโนฟลูอิดเหล่านั้นจะใช้เพื่อเตรียมพร้อมเหล่ากษัตริย์ของชูร่าก่อนที่จะเข้าไปในโลงศพ แต่ทว่าหลังจากที่มนุษย์เข้าไปขโมยมัน มันก็แห้งเหือดไปตลอดการ
“เราจะติดต่อกับสมาชิกของพยุหะโลหิตเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง?” หานเซิ่นรู้สึกรำคาญที่ไม่สามารถหาสมาชิกของพยุหะโลหิตได้
“ไม่รู้ว่าคุณลี่จะยังคงอยู่ในโลงศพนั่นหรือเปล่า เขาเรียกตัวเองว่าเป็นผู้นำของพยุหะโลหิต ดังนั้นบางทีเราอาจจะถามเขาได้”
หานเซิ่นคิด แต่หลังจากที่คิดอย่างนั้นเขาก็รู้สึกตัวถึงเรื่องบางอย่าง ‘เดี๋ยวก่อนนะ นั่นมันก็เป็นโลงศพเหมือนกัน หรือว่าโลงศพนั่นจะเทเลพอร์ตออกไปจากก็อตแซงชัวรี่ได้ด้วยเช่นกัน?’
แต่การคิดเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี่เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ เขาจำเป็นต้องไปที่นั่นเพื่อดูด้วยตาตัวเอง แต่มันเป็นอะไรที่น่าแปลกเพราะโลงศพนั่นอยู่ในก็อตแซงชัวรี่ไม่ใช่สหพันธ์ดวงดาว
แต่ในตอนที่หานเซิ่นพบกับแมวเก้าชีวิตครั้งแรก มันกำลังนอนอยู่บนโลงศพนั้น หานเซิ่นจึงคิดว่ามันอาจจะเป็นไปได้
“อย่าให้ฉันได้เจอแกอีกครั้ง ไอ้แมวเวร” หานเซิ่นคิดอย่างเกรี้ยวโกรธ
ตอนที่ 2055
พลังของโลหิตชีพจร
หลังจากกลับไปถึงบ้าน หานเซิ่นก็เทเลพอร์ตเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ หลังจากนั้นเขาก็ไปยังเมืองของจักรพรรดิมนุษย์เพื่อไปตามหาโลงศพนั่นอีกครั้ง
เมื่อก่อนหานเซิ่นไม่สามารถเปิดมันได้ แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถเปิดมันได้อยู่ดี นั่นทำให้เขาขมวดคิ้ว
“ถ้าจักรพรรดิมนุษย์ไปที่จักรวาลจีโนจริงๆ ทำไมมันถึงไม่มีเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ในจักรวาลจีโน?” หานเซิ่นไม่เข้าใจ
เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ หานเซิ่นก็ตัดสินใจเดินทางกลับและหันไปดูดซับรอยเลือดบนมีดขนนกโลหิตต่อ
พลังเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด ถ้าเขายังต้องการจะหาคำตอบของคำถามพวกนั้น ซึ่งถ้าเขาเอาชนะผู้นำของเผ่าเดม่อนได้ เขาก็อาจจะได้รู้ความจริงของเรื่องทั้งหมดนี้ แต่ตอนนี้เขายังไม่มีพลังพอจะทำอะไรแบบนั้น แค่จะเอาชนะชารอน เขาก็ถูกบังคับให้ใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด
เมื่อมีเวลาว่างหานเซิ่นก็จะพักผ่อน เขาไปดื่มกับซานตันเฟิงและเล่นวิดีโอเกมส์ด้วยกัน หานเซิ่นเข้าไปเล่นวอเฟรมในอินเตอร์เน็ตและประลองกับคนอื่นๆ มันนานมากแล้วที่เขาได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
2 เดือนผ่านไป ในที่สุดหานเซิ่นก็สามารถดูดซับเลือดออกจากมีดขนนกโลหิตได้จนหมด แต่ถึงอย่างนั้นเขาจำเป็นต้องมีแรงกระตุ้นอีกนิด ถึงจะพัฒนาไปสู่ระดับมาร์ควิสได้
แต่หลังจากที่รอยเลือดถูกลบจากใบมีดจนสะอาด ตัวมีดก็เจิดจรัสด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับว่ามันได้เกิดใหม่อีกครั้ง แสงศักดิ์สิทธิ์นั้นแวววาวจากทุกเส้นและทุกรายละเอียดของขนนก
หานเซิ่นกำมีดขนนกโลหิตเอาไว้ และเมื่อเขาทำอย่างนั้น พลังที่ดูศักดิ์สิทธิ์ก็ไหลเข้าไปในตัวของเขา เขารู้สึกราวกับว่าได้รับพรจากพระเจ้า มันทำให้เขารู้สึกแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
แต่เมื่อเขาปล่อยมือออกจากมีด พลังศักดิ์สิทธิ์ก็หายไป
“ถึงแม้มีดเล่มนี้จะไม่ใช่ระดับเทพเจ้า แต่มันต้องเป็นระดับครึ่งเทพอย่างแน่นอน” หานเซิ่นลูบผิวของมีดขนนกโลหิตด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ด้วยมีดเล่มนี้โอกาสที่เขาจะหนีออกจากทะเลโบราณหวนคืนได้สำเร็จก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
แต่หานเซิ่นยังไม่คิดจะกลับไปตอนนี้ เขาเข้าไปในห้องฝึกและนำเกล็ดกลับตาลปัตรออกมา เขาคิดจะใช้มันเพื่อวิวัฒนาการสู่ระดับมาร์ควิส
หานเซิ่นหยดเลือดที่ตกผนึกเหมือนกับคริสตัลลงไปบนเกล็ดและมองดูเลือดค่อยๆซึมซับเข้าไป
หลังจากนั้นเขาก็ถือเกล็ดเอาไว้ในมือ หมอกโลหิตของวิชาโลหิตชีพจรก็ห่อหุ้มทั้งร่างกายของเขาเอาไว้ เหมือนกับลูกแก้วสีเลือดขนาดใหญ่
เรื่องราวของยีน ศาสตร์ตงเสวียนและกายหยกต่างก็มีความสามารถพิเศษเป็นของตัวเอง แต่วิชาโลหิตชีพจรแสดงพลังออกมาด้วยหยดเลือดเพียงเท่านั้น ซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไรหานเซิ่นในสนามรบมากนัก มันแค่ทำให้แน่ใจว่าสามารถถ่ายทอดความแข็งแกร่งไปสู่ลูกๆได้
แต่การถ่ายทอดความแข็งแกร่งไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะถ้าเสี่ยวฮวาและหลิงเอ๋อไม่ได้ฝึกวิชาโลหิตชีพจรด้วยตัวเอง พวกเขาก็จะไม่สามารถใช้ศักยภาพของสายเลือดที่ได้รับจากหานเซิ่นได้
แต่ถึงเสี่ยวฮวาและหลิงเอ๋อจะฝึกวิชาโลหิตชีพจร มันก็จะมีความเสี่ยงใหญ่หลวง เพราะถ้าสายเลือดถูกสืบทอดแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วทายาทของเขาก็อาจจะมีเลือดสีฟ้าและกลายเป็นสมาชิกของพยุหะโลหิตอย่างเต็มตัว นั่นจะทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้พลังพิเศษอะไรได้ หานเซิ่นจึงยังลังเลว่าควรจะสอนวิชาโลหิตชีพจรให้กับพวกเขาดีไหม
หลังจากผ่านไป 4 วัน ลูกแก้วสีเลือดที่ห่อหุ้มหานเซิ่นก็กลับเข้าไปในร่างกายของเขา เมื่อหมอกโลหิตถูกดูดซับเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้ว เกล็ดกลับตาลปัตรก็หายไป แต่ทว่าร่างกายของเขาเรืองแสงสีแดงออกมา
หานเซิ่นตรวจเช็คข้อมูล
หานเซิ่น: ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด
ร่างจีโนต่อสู้: เลือดกลายพันธุ์(มาร์ควิส), มนตรา(เอิร์ล), ตงเสวียน(เอิร์ล), กายหยก(เอิร์ล)
ระดับ: มาร์ควิส
อายุขัย: 1000 ปี
หานเซิ่นดีใจที่เลือดกลายพันธุ์พัฒนาเป็นระดับมาร์ควิสได้สำเร็จ แต่เลือดกลายพันธุ์นั้นเพียงแค่เพิ่มความแข็งแกร่งของหานเซิ่นเท่านั้น มันไม่ได้มีอะไรพิเศษ นั่นทำให้หานเซิ่นผิดหวังเล็กน้อย
‘พลังของวิชาโลหิตชีพจรจะมีผลกระทบต่อลูกหลานเท่านั้นจริงๆอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
แต่การวิวัฒนาการสู่ระดับมาร์ควิสนั้นหมายความว่าหานเซิ่นสามารถดูดซับยีนซีโน่เจเนอิคของสิ่งมีชีวิตระดับมาร์ควิสได้ หานเซิ่นนำยีนซีโน่เจเนอิคมาร์ควิสกลายพันธุ์ออกมา
เขาหยิบยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ของมังกรเสวียนเยวี๋ยน วัวหินผาปีศาจและปีศาจมังกรออกมาถือในมือ แต่เสียงประกาศที่ดังขึ้นบอกว่าเขามียีนระดับมาร์ควิสไม่เพียงพอ
“ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องหาเริ่มหายีนระดับมาร์ควิสแล้ว”
หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ เขามียีนซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสเก็บสะสมเอาไว้ แต่พวกมันอยู่บนเกาะของเขาในปราสาทนภา ดังนั้นเนื่องจากเขายังไม่สามารถกลับไปที่ปราสาทนภาได้ เขาก็จำเป็นต้องล่าซีโน่เจเนอิคใหม่อีกครั้ง
แต่ทว่าในตอนที่หานเซิ่นจะเก็บยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ทั้ง 3 เข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตานั้น เขาก็สะดุ้งขึ้นมา เขาได้ใช้วิชาโลหิตชีพจรกับหนึ่งในยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์โดยไม่รู้ตัว
ลมปราณโลหิตไหลเข้าไปในลูกแก้วของมังกรเสวียนเยวี๋ยนและย้อมมันจนกลายเป็นสีแดง
หานเซิ่นรู้สึกดีใจที่เห็นอย่างนั้น เขาลองใช้วิชาโลหิตชีพจรเพื่อดูดซับยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธ์ของมังกรเสวียนเยวี๋ยนเข้าไปและพบว่ามันสามารถดูดซับเข้าไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร
ทันใดนั้นเลือดของหานเซิ่นก็เดือดขึ้นด้วยพลังที่ไม่สามารถอธิบายได้ หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้นในเลือด แต่มันแตกต่างจากพลังที่เขาได้รับจากยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ก่อนหน้านี้ พลังนี้ทำให้เลือดของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
เมื่อยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ของมังกรเสวียนเยวี๋ยนถูกดูดซับเข้าไปจนหมด เลือดของเขาก็สงบลงและกลับไปสู่สภาพตกผลึกอีกครั้ง แต่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่ก่อนหน้านี้เลือดของเขาไม่มี
หานเซิ่นใช้วิชาโลหิตชีพจรเพื่อปลุกพลังของเลือด วินาทีต่อมาเขาก็พบว่ามีปีกน้อยๆคู่หนึ่งปรากฏขึ้นเหนือหูของเขา มันดูเหมือนกับปีกของมังกรเสวียนเยวี๋ยน
เมื่อปีกหูสีแดงขนาดพอๆกับฝ่ามือปรากฏขึ้นมา หานเซิ่นก็รู้สึกว่าร่างกายแข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเร็วของเขา
“ฮ่าๆ วิชาโลหิตชีพจรใช้แบบนี้ได้ด้วยหรือเนี่ย?” หานเซิ่นดีใจ เขานำยีนซีโน่เจเนอิคอีกอันออกมาและลองดูดซับมันเข้าไป
แต่ที่หานเซิ่นนำออกมาเป็นยีนซีโน่เจเนอิคระดับเอิร์ลธรรมดาๆ ไม่ใช่ยีนกลายพันธุ์ เมื่อดูดซับมันเข้าไป เขาก็พบว่าไม่ได้รับพลังของซีโน่เจเนอิค
หานเซิ่นนำยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ปีศาจมังกรออกมาเพื่อลองดูอีกครั้ง และเมื่อวิชาโลหิตชีพจรดูดซับมันเข้าไป หานเซิ่นก็ลองใช้วิชาโลหิตชีพจรเพื่อปลุกพลังในเลือด และปีกมังกรสีแดงขนาดใหญ่ก็งอกออกมาจากด้านหลังของเขา
เมื่อปีกมังกรกระพือ หานเซิ่นก็หายตัวไปและไปปรากฏตัวอีกครั้งในระยะที่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตร
“นี่มันความสามารถในการวาร์ปข้ามมิติของชารอน” หานเซิ่นรู้สึกดีใจ
ตอนที่ 2056
กลับไปที่ทะเลโบราณหวนคืน
พลังของหานเซิ่นในตอนนี้เทียบชั้นได้กับมาร์ควิสที่แข็งแกร่ง และด้วยการเสริมพลังจากปีกมังกรและความสามารถในการวาร์ปข้ามมิติ มันก็ทำให้หานเซิ่นแข็งแกร่งมากกว่าเดิม
โดยไม่ลังเลหานเซิ่นนำยีนกลายพันธุ์ของวัวหินผาปีศาจออกมาและใช้วิชาโลหิตชีพจรเพื่อดูดซับมันเข้าไป
หานเซิ่นไม่รู้ว่าความสามารถในการดูดซับยีนกลายพันธุ์เข้าไปนี่เป็นพลังที่วิชาโลหิตชีพจรมีอยู่แล้ว หรือเป็นผลจากการที่เขาดูดซับเกล็ดกลับตาลปัตรเข้าไป แต่ไม่ว่ายังไงหานเซิ่นก็ดีใจกับความสามารถใหม่นี้ มันเป็นอะไรที่สุดยอด
เมื่อยีนกลายพันธุ์ของวัวหินผาปีศาจถูกดูดซับเข้าไป หานเซิ่นก็เริ่มใช้วิชาโลหิตชีพจร หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยหินสีแดง
ปัง!
หานเซิ่นก้าวเท้าออกไป และเมื่อทำอย่างนั้นคลื่นกระแทกสีแดงก็แผ่ออกไปรอบๆ มันทำให้ทุกอย่างรอบๆตัวเขากลายเป็นหิน โชคดีที่หานเซิ่นสามารถเปลี่ยนให้พวกมันกลับคืนสภาพเดิมได้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ทุกอย่างในห้องฝึกก็คงจะกลายเป็นหินไปตลอด
‘ด้วยพลังที่ได้มาใหม่นี้ เราต้องหนีออกจากทะเลโบราณหวนคืนได้อย่างแน่นอน’ หานเซิ่นคิดและรู้สึกมั่นใจในตัวเอง
ทันใดนั้นเองหานเซิ่นก็คิดขึ้นได้ ‘ใช่แล้ว! เราไม่จำเป็นต้องต่อสู้ภายกับดราก้อนในทะเลโบราณหวนคืนอีกแล้ว พวกเขากำลังตามหาหานเซิ่นอยู่ ดังนั้นพวกเขาไม่มีทางหาตัวเราเจอ ตราบใดที่เราซ่อนตัวตนที่แท้จริงเอาไว้’
เมื่อรู้อย่างนี้หานเซิ่นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา เขาตัดสินใจพักผ่อนอยู่ที่บ้านต่ออีก 2 วัน ก่อนที่จะกลับเข้าไปในทะเลโบราณหวนคืน
“จำคำพูดของฉันเอาไว้ เสี่ยวฮวาและหลิงเอ๋อจำเป็นต้องมีนาย”
จีเหยียนหรันพูดก่อนที่หานเซิ่นจะจากไป
หานเซิ่นรู้สึกซึ้งกับคำพูดของเธอ มันเป็นเวลานานแล้วที่เขาหายตัวไปในจักรวาลจีโน และเธอก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าเขากำลังเจอเข้ากับปัญหาบางอย่าง แต่เธอไม่ต้องการทำให้เขากังวลมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงไม่ได้บอกเขา
“อย่าได้กังวล ไม่มีใครในโลกใบนี้ที่จะฆ่าสามีของเธอได้”
หานเซิ่นกอดจีเหยียนหรันอันไว้แน่นและจูบหน้าผากของเธอ ตอนนี้เขาต้องการจะมีชีวิตรอดมากยิ่งกว่าเดิม
เมื่อกลับไปที่ทะเลโบราณหวนคืน หานเซิ่นก็พบว่าเขายังคงอยู่ที่ก้นทะเลที่เกิดการต่อสู้ขึ้นในครั้งก่อน หานเซิ่นหาที่ซ่อนตัวและสแกนบริเวณรอบๆด้วยออร่าศาสตร์ตงเสวียน มันไม่มีพลังชีวิตไหนอยู่รอบๆ ดังนั้นหานเซิ่นจึงเรียกวิญญาณอสูรวัวหินผาปีศาจออกมาเพื่อเปลี่ยนร่างเป็นวัวหินผา
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ว่ายออกจากก้นทะเล เขามองไปรอบๆและเห็นซีโน่เจเนอิคหลายตัวที่อาศัยอยู่ในน้ำ แต่ไม่มีพวกมันตัวไหนที่สนใจเขา พวกมันแค่มองหานเซิ่นอย่างแปลกๆก่อนที่จะว่ายหนีไป
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็สังเกตเห็นยานรบขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนที่มาทางนี้
หานเซิ่นรู้ว่าผู้คนภายในยานรบสังเกตเห็นเขา แต่ตอนนี้เขาเป็นแค่วัวหินผาตัวหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงว่ายน้ำต่อไป เขาสังเกตเห็นว่าซีโน่เจเนอิคตัวอื่นก็ว่ายหนีเพื่อหลีกเลี่ยงยานรบเช่นเดียวกัน
ดราก้อนหลายคนและกาน่าหญิงสาวอีกคนกำลังอยู่ภายในยานรบลำนั้น กาน่าหญิงสาวคนนั้นก็คือซิวซือ เธอยังไม่ได้เดินทางออกจากทะเลโบราณหวนคืน แต่ดราก้อนที่อยู่ในยานรบกับเธอไม่ใช่ดราก้อนฟิฟทีนและหลงอิ๋ง ผู้นำของยานรบดูเหมือนจะเป็นดราก้อนหญิงคนหนึ่ง
“มันมีซีโน่เจเนอิคที่เป็นหินอยู่ในทะเลโบราณหวนคืนด้วยอย่างนั้นหรอ?” ซิวซือพูดขึ้นมาเมื่อเห็นวัวหินผาปรากฏขึ้นบนเรดาร์
ดราก้อนหญิงหัวเราะ “ซิวซือ ถึงมันจะมีซีโน่เจเนอิคธาตุน้ำมากมายภายในทะเล แต่มันก็ยังมีซีโน่เจเนอิคธาตุอื่นด้วยเช่นกัน มันมีทั้งตัวที่เป็นหิน หรือแม้แต่ตัวที่เป็นไฟ ส่วนใหญ่พวกมันจะอาศัยอยู่บนเกาะเป็นหลัก แต่บางตัวก็ชื่นชอบที่จะอาศัยอยู่ในน้ำ”
“อย่างนี้นี่เอง” ซิวซือประหลาดใจที่เห็นวัวหินผาอาศัยอยู่ที่ก้นทะเล แต่เธอไม่ได้คิดว่ามันคือหานเซิ่น เธอเพียงแค่คิดว่ามันแปลกๆเท่านั้น
หานเซิ่นว่ายออกห่างจากรัศมีของยานรบ และในขณะที่เขากำลังยิ้มกับตัวเองที่สถานการณ์เป็นไปได้สวย เขาก็สังเกตเห็นฉลามตัวใหญ่ว่ายตรงเข้ามาหาเขา มันมีร่างกายที่เป็นหินเช่นกัน
“เวรเอ้ย! ทำไมเราถึงโชคร้ายแบบนี้?” หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ เขาไม่ต้องการก่อปัญหาอะไรในเวลาแบบนี้ แต่ปัญหากลับเข้ามาหาเขา
ฉลามตัวใหญ่ว่ายเข้ามาด้วยความเร็วสูง แต่เนื่องจากอยู่ในร่างของวัวหินผา ทำให้หานเซิ่นไม่สามารถใช้วิชาอะไรได้มาก ถ้าคนภายในยานรบสังเกตเห็นวัวหินผาใช้มีดลมปราณล่ะก็ พวกเขาก็ต้องสงสัยอย่างแน่นอน
ปัง!
ฉลามพุ่งเข้ากระแทกหานเซิ่น และเมื่อร่างกายของทั้งคู่ปะทะกัน มันก็เกิดเป็นคลื่นลูกใหญ่
พละกำลังของฉลามดูจะพอๆกับหานเซิ่น มันกระแทกหานเซิ่นไถลออกไปสิบเมตร หลังจากนั้นฉลามก็กวัดแกว่งหางของมันและพุ่งเข้าหาหานเซิ่นอีกครั้ง
หานเซิ่นรู้ว่าจำเป็นต้องสู้ ฉลามเป็นซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิส ดังนั้นการต่อสู้ด้วยพละกำลังแบบซึ่งๆหน้าเป็นไปได้สูงที่เขาจะเป็นฝ่ายชนะ
หานเซิ่นคำรามก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหาฉลาม หานเซิ่นใช้เขาแทงเข้าไปที่ท้องหินของฉลาม และทำลายผิวที่เป็นหินของมันจนมีเลือดไหลออกมา
ผิวนอกของเจ้าฉลามเป็นหิน แต่ภายในมันยังมีเนื้อหนังอยู่ มันไม่เหมือนกับวัวหินผาที่เป็นหินทั้งตัว
หานเซิ่นพุ่งเข้าชนฉลามซ้ำๆ เขาต้องการจะฆ่ามันให้เร็วที่สุดและรีบไปจากที่นี่ แต่ก่อนที่เขาจะฆ่าฉลามได้ คนกลุ่มหนึ่งก็ออกมาจากยานรบ
พวกเขาเป็นเผ่าดราก้อน แต่หานเซิ่นไม่เห็นดราก้อนฟิฟทีนหรือหลงอิ๋งในหมู่พวกเขา หานเซิ่นไม่คุ้นหน้าใครในหมู่พวกเขา เว้นก็แต่ซิวซือที่เป็นชาวกาน่า
หานเซิ่นรู้สึกตกใจที่เห็นเธอ “ซิวซือยังอยู่ที่นี่? เธอชาญฉลาด! เธอสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างงั้นหรอ?”
ขณะที่หานเซิ่นต่อสู้กับฉลาม เขาก็จับตามองซิวซือและเหล่าดราก้อนไปพร้อมกัน พวกเขากำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ หานเซิ่นไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร แต่พวกเขาไม่ได้เข้ามาเพื่อช่วยต่อสู้อย่างแน่นอน
“ซิวซือ เจ้าสนใจในวัวหินผาตัวนี้อย่างนั้นหรอ? ให้ข้าไปบอกหลงซินให้มาจับมันให้เอาไหม?” ดราก้อนหญิงพูดกับซิวซือ
ซิวซือยิ้มออกมา “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ข้าแค่คิดว่าวัวหินผาตัวนี้น่าสนใจเท่านั้น ข้าอยากจะเก็บมันเอาไว้เป็นสัตว์ขี่ ดังนั้นข้าควรจะจับมันด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะไม่ยอมเชื่อฟังข้า”
“นั่นมันก็จริง ข้าได้ยินมาว่ากาน่านั้นเชี่ยวชาญเรื่องการสื่อสารกับซีโน่เจเนอิค” ดราก้อนหญิงยิ้ม
ตอนที่ 2057
วัวหินผา
ซิวซือและดราก้อนหญิงไม่ได้ลดเสียงลง ดังนั้นหานเซิ่นจึงได้ยินสิ่งที่พวกเธอพูดคุยกันอย่างชัดเจน
‘พยายามจะจับฉันไปเป็นสัตว์ขี่เนี่ยนะ? นี่เธอกล้าดียังไง! และถึงฉันจะยินยอม เธอก็จำเป็นต้องมีขาก่อนไม่ใช่หรอ?’ หานเซิ่นสงสัยว่าตัวเองมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง
ดราก้อนหญิงคนนั้นเป็นระดับมาร์ควิส ส่วนดราก้อนคนอื่นๆดูไม่ต่ำไปกว่าระดับดยุก และด้วยยานรบที่พร้อมใช้งาน การหนีไปดูจะไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นไปได้
ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือถ้าหานเซิ่นเปิดเผยตัวขึ้นมา ทั้งทะเลโบราณหวนคืนก็จะพยายามตามล่าตัวเขาและทางออกก็ต้องมีการป้องกันอย่างแน่นหนา ซึ่งการจะหนีไปก็คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ไม่ เราไม่ควรเปิดเผยตัว” หานเซิ่นคิดขณะที่พยายามจะฆ่าเจ้าฉลาม
“ซีโน่เจเนอิคฉลามหินผาระดับมาร์ควิสถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูรฉลามหินผา”
หานเซิ่นฉีกร่างของฉลามหินผาและกัดกระดูกส่วนที่เป็นยีนซีโน่เจเนอิคเข้าไป หลังจากนั้นเขาก็ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเริ่มว่ายออกไปอย่างสบายใจ
แต่ซิวซือไม่คิดจะปล่อยเขาไป เธอเคลื่อนตัวเข้ามาขวางทางของหานเซิ่นเอาไว้ด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์
หานเซิ่นส่งเสียงร้องมอๆใส่ซิวซือเพื่อแสดงว่าเขาเป็นแค่วัว ซิวซือยิ้มออกมา หลังจากนั้นเธอก็สะบัดมือและปลดปล่อยวงแหวนศักดิ์สิทธิ์มาใส่หานเซิ่น
หานเซิ่นพยายามจะกัดวงแหวนด้วยเขี้ยวของวัวหินผา แต่เมื่อวงแหวนพุ่งเข้ามา มันก็ขยายใหญ่ขึ้น มันครอบผ่านหัวของหานเซิ่นและหดตัวลงรอบๆคอของเขา
หานเซิ่นส่ายหัวและพยายามจะกำจัดมันออกไป แต่วงแหวงศักดิ์สิทธิ์นั้นรัดแน่น แม้แต่ร่างกายวัวหินผาที่ทรงพลังก็ไม่สามารถทำลายมันได้ มันดูเหมือนจะเป็นวิชาจีโนพิเศษเฉพาะของเผ่ากาน่า
ขณะที่หานเซิ่นกำลังสงสัยว่าควรจะใช้พลังของตัวเองเพื่อทำลายมันดีไหม เขาก็ได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากซิวซือ
หานเซิ่นไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน มันไม่ได้เป็นภาษาที่เจาะจง แต่เขาเข้าใจความหมายของมัน มันเป็นโทนเสียงที่โน้มน้าวให้เขาเชื่อฟังเธอ และมันยังคงแฝงไปด้วยการข่มขู่
มันเป็นอะไรที่ซับซ้อน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างหานเซิ่นสามารถเข้าใจมันได้
‘วิชาจีโนของกาน่าช่างแปลกประหลาดจริงๆ น่าเสียดายที่สถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์ยังคงอยู่บนดาวอุปราคา ไม่อย่างนั้นเราก็คงจะไปถามพี่น้องกูน่าได้’
หานเซิ่นคิด ‘เนื่องจากในตอนนี้เราหนีไปไม่ได้ งั้นก็แกล้งทำเป็นว่าถูกจับตัวล่ะกัน ด้วยฐานะของซิวซือ บางทีเธออาจจะพาเราออกไปจากทะเลโบราณหวนคืนได้’
ซิวซือสร้างเสียงเหล่านั้นขึ้นมา ขณะที่วงแหวนรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าคอกำลังจะขาด
หานเซิ่นสามารถกำจัดวงแหวนนี้ไปได้ แต่แทนที่จะทำแบบนั้น เขากลับทำท่าเหมือนกับว่าสัตว์ที่เชื่อง เขาส่งเสียงร้องมอๆใส่ซิวซือ
“เจ้าจะติดตามข้าไปไหม?” ซิวซือถามเมื่อเห็นท่าทางของวัวหินผา
“มอ!” หานเซิ่นพยายามทำตัวให้ดูเชื่องที่สุด เขาเดินเข้าหาเธอและถูหัวของเขากับมือของเธอ
หานเซิ่นพยายามนึกถึงท่าทางของจิ้งจอกสีเงินและใช้เทคนิคของมันเพื่อทำให้ตัวเองดูน่ารักที่สุด
ซิวซือพอใจกับท่าทางของหานเซิ่น เธอลูบหัวของเขาและยิ้มออกมา
“จากนี้ต่อไปเจ้าต้องติดตามข้า และเจ้าจะได้รับผลประโยชน์อย่างงาม”
“มอ!” วัวหินผาส่งเสียงมออีกครั้งเพื่อบ่งบอกว่ามันเข้าใจ
“นั่นเป็นวิชาจีโนที่สุดยอดจริงๆ วันนี้ข้าได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเลย” ดราก้อนไนน์ทีนเอยชม
“โชคดีที่สติปัญญาของวัวหินผาตัวนี้ไม่เลว และลักษณะนิสัยของมันก็อ่อนโยนอย่างมาก นั่นเป็นเหตุผลที่มันเป็นไปอย่างราบรื่น” ซิวซือพูด
วงแหวนรอบๆคอหานเซิ่นเริ่มคายตัว แต่มันไม่ได้หายไป มันยังคงห้อยอยู่รอบๆคอของเขา
‘นี่เป็นวิชาจีโนที่น่าสนใจไม่เบา ถ้าเราเรียนรู้มันได้ การจับซีโน่เจเนอิคก็คงจะเป็นอะไรที่ง่ายขึ้น’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
ซิวซือพาหานเซิ่นกลับขึ้นไปบนยานรบพร้อมกับเธอ หานเซิ่นติดตามเธอไปและพยายามปฏิบัติตัวให้น่ารักที่สุด
ที่หานเซิ่นสามารถแกล้งทำตัวน่ารักได้อย่างเชี่ยวชาญนั้นเป็นเพราะเขามีสัตว์เลี้ยงอยู่หลายตัว ทั้งหมดที่เขาทำก็คือเลียนแบบการกระทำของพวกมัน
“ซิวซือ วัวหินผาตัวนี้น่ารักเกินไปจริงๆ ถ้าเจ้าไม่ต้องการมันล่ะก็ ข้ายินดีแลกมันกับสัตว์ขี่ระดับดยุกเลย” ดราก้อนไนน์ทีนพูดขณะที่ลูบคอของหานเซิ่น
หานเซิ่นยังคงปฏิบัติตัวน่ารัก และในดวงตาของเขาก็ดูไร้เดียงสาอย่างมาก
“เจ้าล้อเล่นใช่ไหม? มันก็เป็นแค่วัวหินผาเอง แถมมันยังมาจากทะเลโบราณหวนคืนอีก ข้าจะจับมันอีกตัวให้เจ้าทีหลัง แต่ข้าไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับมาแถวนี้อีกหรือเปล่า” ซิวซือยิ้ม
เมื่อดราก้อนไนน์ทีนได้ยินอย่างนั้น เธอก็ไม่พูดเรื่องนี้อีก เธอยื่นมือออกไปลูบหัวของวัวหินผาอีกครั้ง
“ไนน์ทีน มันยังมีสถานที่อื่นที่พวกเรายังไม่ได้ไปค้นหาอีกไหม?” ซิวซือเปลี่ยนเรื่อง
“ข้าค้นหาบนดาวดวงนี้จนทั่วแล้ว แต่ข้าคิดว่าหานเซิ่นคงจะหนีออกไปแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงหาเขาพบแล้ว” ดราก้อนไนน์ทีนพูด
เนื่องจากพวกเธอกำลังพูดถึงเขาอยู่ ดังนั้นหานเซิ่นจึงนั่งลงข้างๆซิวซือเพื่อฟังที่พวกเธอคุยกัน
ซิวซือขมวดคิ้วและพูด “เขาหนีออกไปจากทะเลโบราณหวนคืนได้ยังไงกัน?”
“บางทีเขาอาจจะมีพลังในการเทเลพอร์ตหรือมีสมบัติพิเศษบางอย่าง ไม่อย่างนั้นเขาจะมาโผล่ที่นี่ตั้งแต่แรกได้ยังไง?”
ดราก้อนไนน์ทีนพูด “หานเซิ่นแข็งแกร่ง เขาฆ่าทั้งชารอนและพี่เธอร์ทีน นอกจากนั้นเขายังหนีรอดจากพี่ฟิฟทีนและหลงอิ๋งอีก ข้ากลัวว่าคงจะมีแต่พี่ใหญ่ของพวกเราเท่านั้นที่จะจัดการกับเขาได้”
ซิวซือขมวดคิ้ว “ข้าได้สืบเรื่องของหานเซิ่นมาพอสมควร เขาเสมอกับไผ่เดียวดายในการประลองภายในปราสาทนภา เขาเป็นอัจฉริยะ มีคนในระดับเดียวกันไม่มากที่จะต่อกรกับเขาได้”
“ฮ่าๆ เขาก็แค่โชคดีที่ยังไม่ได้เผชิญหน้ากับพี่ใหญ่ของข้า” ดราก้อนไนน์ทีนพูด
“ดราก้อนวันนั้นคือคนที่เก่งกาจที่สุดในเผ่าดราก้อน เขาเป็นผู้นำของดราก้อนทั้งหมด แน่นอนว่าเขาต้องแข็งแกร่งกว่า” ซิวซือพูด
“แต่หานเซิ่นหนีไปได้ ถ้าพี่ใหญ่มาที่นี่เพื่อต่อสู้กับเขาด้วยตัวเอง เขาก็ต้องถูกฆ่าอย่างแน่นอน” เมื่อพูดถึงดราก้อนวัน ดราก้อนไนน์ทีนก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมา ดูเหมือนว่าเธอจะนับถือเขาอย่างมาก
ซิวซือและดราก้อนไนน์ทีนยังไม่มีแผนจะเดินทางออกจากทะเลโบราณหวนคืน พวกเธอยังพยายามค้นหาต่อไป
ซิวซือเชื่อว่าหานเซิ่นยังอยู่ที่ไหนสักแห่งแถวๆนี้ ถ้าดราก้อนไนน์ทีนเป็นออกคำสั่งล่ะก็ พวกเขาก็คงจะเดินทางออกจากที่นี่ไปนานแล้ว
ตอนที่ 2058
การสมรู้ร่วมคิด
‘ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าอะไรกันแน่? นี่เธอมีความบาดหมางกับเราหรือยังไงกัน?’ หานเซิ่นรู้สึกหดหู่
แม้แต่เผ่าดราก้อนก็คิดว่าหานเซิ่นออกไปจากทะเลโบราณหวนคืนแล้ว แต่ซิวซือยังคงพยายามตามหาเขาต่อไป นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาหดหู่
ถ้าไม่ใช่เพราะซิวซือ การหนีออกไปจากทะเลโบราณหวนคืนก็คงจะเป็นอะไรที่ง่ายมากๆ
‘หรือเธอรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่เราครอบครองสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์อย่างนั้นหรอ? นั่นเป็นเหตุผลที่เธอต้องการจะจับตัวเรา?’ แต่หานเซิ่นคิดว่านั่นเป็นไปไม่ได้
หานเซิ่นไม่สามารถใช้สถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์ได้ ดังนั้นเขาจึงซ่อนมันเอาไว้ในดาวอุปราคา ไม่มีใครที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อว่าซิวซือจะรู้เกี่ยวกับมัน
ซิวซือกลับไปพักผ่อนในห้องของเธอ และหานเซิ่นก็ตามเธอเข้าไป ซิวซือเอนตัวลงบนเก้าอี้เพื่อผ่อนคลาย แต่เธอไม่ได้หลับไป ขณะที่เธอทำอย่างนั้นเธอก็ลูบหัวของวัวหินผา
“หานเซิ่นซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันนะ?” หานเซิ่นตั้งใจจะพักผ่อนเช่นกัน แต่จู่ๆเธอก็เริ่มพูดกับตัวเอง
หานเซิ่นอยากจะถามว่าทำไมเธอถึงได้พยายามตามหาเขา แต่เขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้
“บางทีเขาอาจจะหนีออกไปจากทะเลโบราณหวนคืนแล้วจริงๆ แต่นั่นหมายความว่าตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะจับตัวเขาอีกแล้ว” ซิวซือยังคงพูดกับตัวอีก
‘พูดต่อไปแบบนั้นแหละ บอกมาว่าทำไมเธอถึงต้องการจะจับตัวฉัน’
หานเซิ่นคิด ซึ่งเมื่อดูจากโทนเสียงของเธอแล้ว มันต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เธออยากจะเจอเขามากขนาดนั้น
แต่ซิวซือไม่ได้พูดอะไรอีก และเธอก็หลับไป
หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพักผ่อน เขาใช้วิชาจีโนเพื่อฟื้นฟูพลัง
หานเซิ่นวิวัฒนาการเป็นมาร์ควิสเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาสามารถกลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตระดับมาร์ควิสได้เป็นเวลานาน แต่ทว่ามันก็ยังมีเวลาจำกัด หานเซิ่นคาดเดาว่าตัวเองคงจะอยู่ในร่างนี้ต่อไปได้อีกราวๆ 4 วัน ถ้าถึงตอนนั้นแล้วเขายังไม่สามารถหนีไปได้ล่ะก็ มันก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่
เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของซิวซือ หานเซิ่นก็รู้ว่าเธอไม่มีทางหยุดการค้นหาอย่างแน่นอน เขาไม่คิดว่าจะสามารถหนีไปได้ใน 4 วัน
‘ถ้าหนีไปไม่ได้ เราก็คงต้องเสี่ยง เราควรจะลักพาตัวดราก้อนไนน์ทีนคนนั้นและจับเธอเป็นตัวประกัน หรือบางทีเราควรจะข่มขู่ซิวซือให้เธอพาเราออกไปจากที่นี่?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
หานเซิ่นคิดว่าดราก้อนไนน์ทีนแข็งแกร่งมากๆ ร่างกายของเผ่าดราก้อนเป็นอะไรที่สุดยอด ดังนั้นมันจึงยากที่จะจัดการกับเธอได้โดยไม่ดึงความสนใจคนอื่นๆ
ร่างกายกาน่าของซิวซือก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน ถึงแม้พลังของเธอจะไม่ได้ร้ายกาจเหมือนกับดราก้อน แต่เธอก็มีวิชาจีโนลับหลายอย่าง
สุดท้ายแล้วหานเซิ่นก็ตัดสินใจมุ่งเป้าไปที่ซิวซือ เพราะการจับตัวดราก้อนไนน์ทีนคงจะทำให้ทางเผ่าดราก้อนอยากจะฆ่าเขายิ่งกว่าเดิม และเผ่าพันธุ์ดราก้อนก็ก็น่าจะมีดราก้อนระดับเทพเจ้าอยู่ด้วย ซึ่งถึงเขาจะมีตัวประกัน มันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี มันมีโอกาสสูงที่เขาจะถูกจัดการก่อนที่จะได้ใช้มีดจี้คอดราก้อนไนน์ทีนด้วยซ้ำ
แต่ซิวซือแตกต่างออกไป เธออยู่ตามลำพังภายในเผ่าพันธุ์ดราก้อน ดังนั้นเหล่าดราก้อนอาจจะไม่ได้สนใจชีวิตของเธอมากนัก ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงคิดว่าซิวซือเป็นเป้าหมายที่ง่ายกว่า
หานเซิ่นเริ่มคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะหลีกเลี่ยงความสนใจคนอื่นๆบนยาน เพราะไม่อย่างนั้นมันจะไม่มีประโยชน์อะไรในการจับตัวเธอมา เขาต้องจับตัวเธออย่างเงียบๆ เพราะเขาจำเป็นต้องใช้เธอเพื่อหนีไปจากที่นี่
แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะข่มขู่เธอโดยไม่ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บ หานเซิ่นพยายามคิดหาหนทางอยู่สักพัก และในที่สุดเขาก็คิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้
พลังเขี้ยวสามารถใช้ข่มขู่เธอได้ แต่พลังนั้นจะทำให้เธอได้รับบาดเจ็บและยังถูกพบเห็นได้ ดังนั้นเขาไม่สามารถใช้มันได้ จากพลังทั้งหมดที่มี หานเซิ่นคิดว่าวิชาโลหิตชีพจรคือทางเลือกที่ดีที่สุด
เขาสามารถหยดเลือดคริสตัลเข้าไปในสายเลือดของซิวซือ หลังจากนั้นมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะแยกระหว่างเลือดทั้ง 2
เมื่อซิวซือหลับไป หานเซิ่นก็มองไปที่มือของเธอ เขาแค่จำเป็นต้องเจาะรูเล็กๆที่นิ้วมือของเธอ หลังจากนั้นก็หยดเลือดเข้าไป
หานเซิ่นไม่ลังเลและยื่นลิ้นออกไปเพื่อจะเลียมือของเธอ โดยปกติแล้วลิ้นไม่ได้มีประโยชน์อะไรในการต่อสู้ แต่หานเซิ่นฝึกฝนวิชาลิ้นดาบในตอนที่อยู่ในสระความฝัน
แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะเข้าใกล้มือของเธอ ซิวซือก็ลืมตาขึ้นมามองเขา มันทำให้หานเซิ่นสะดุ้ง
‘ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ! เธอมีประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมอะไรอย่างนี่’ ดวงตาของหานเซิ่นเบิกกว้าง เขาแกล้งทำตัวน่ารัก เขาเลียมือของเธอเหมือนอย่างที่จิ้งจอกสีเงินทำ
เมื่อซิวซือเห็นวัวหินผาทำตัวน่ารัก เธอก็ยิ้มออกมา เธอยื่นมือออกมาลูบหัวของเขา
หานเซิ่นโล่งใจที่ยังไม่ได้ใช้วิชาลิ้นดาบในทันทีและลองเลียมือของเธอดูก่อน ซึ่งถ้าเขาไม่ลองทดสอบดูก่อนล่ะก็ ตัวตนของเขาก็อาจจะถูกเปิดโปงไปแล้ว
ซิวซือไม่ได้ดึงมือของเธอกลับไป ทำให้หานเซิ่นสามารถเลียนิ้วมือของเธอต่อไปได้
หานเซิ่นเลียมือของเธอหลายครั้งโดยไม่ได้ใช้วิชาลิ้นดาบ แต่ในครั้งสุดท้ายลิ้นของเขาก็สร้างดาบลมปราณสีแดงขึ้นมา ดาบลมปราณสีแดงเข้าไปในนิ้วมือของซิวซือ และทำให้เลือดไหลออกมาจากนิ้วมือของเธอ
ซิวซือตอบสนองอย่างรวดเร็ว และเมื่อดาบลมปราณสีแดงสัมผัสกับนิ้วมือของเธอ เธอก็ถอยออกไปอย่างเร่งรีบ หลังจากนั้นร่างกายของเธอก็เรืองแสงที่ดูศักดิ์สิทธิ์ออกมา
หานเซิ่นรู้สึกว่าวงแหวนบนคอรัดแน่นขึ้น
“ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะสงบสติและพูดคุยกันดีๆเกี่ยวกับเรื่องนี้”
หานเซิ่นปลดปล่อยออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อตัดขาดห้องนี้ออกจากโลกภายนอก และเปลี่ยนร่างของตัวเองกลับสู่ร่างที่แท้จริง
“หานเซิ่น!” สีหน้าของซิวซือเปลี่ยนไป เธอไม่ได้คาดคิดว่าวัวหินผาตัวนั้นจะเป็นหานเซิ่น มันทำให้เธอรู้สึกอายที่หานเซิ่นเลียนิ้วมือของเธอเมื่อครู่นี้
“อย่าเพิ่งโกรธ สังเกตที่นิ้วมือของเจ้าก่อน” หานเซิ่นชี้ไปที่นิ้วมือของเธอขณะที่พูดออกมา
ซิวซือก้มมอง เธอสัมผัสได้ถึงพลังประหลาดในนิ้วกลางของเธอ เธอพยายามใช้พลังของตัวเองเพื่อขับมันออกมา แต่เธอไม่สามารถทำอะไรเพื่อจะหยุดมันได้
ไม่กี่วินาทีพลังนั้นก็พุ่งเข้าไปในตัวของเธอ หลังจากนั้นมันก็หายไป
ตอนที่ 2059
ร่วมมือ
“เจ้าทำอะไร?” ซิวซือถามอย่างเรียบง่าย เธอดูไม่หวาดกลัวเลย
“ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก มันก็แค่หลักประกันว่าพวกเราจะร่วมมือกัน” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม
“มันไม่มีความบาดหมางอะไรระหว่างเจ้ากับข้า! ในตอนที่เจ้าถูกไล่ล่าโดยดราก้อนฟิฟทีนและหลงอิ๋ง ข้าก็ไม่ได้โจมตีเจ้าแม้แต่ครั้งเดียว ทำไมเจ้าถึงทำอะไรแบบนี้?” ซิวซือถามอย่างใจเย็น
“ข้าไม่ได้ต้องการทำร้ายเจ้า ข้าแค่อยากจะร่วมมือกับเจ้าเท่านั้น ถ้าเจ้าพาข้าออกไปจากทะเลโบราณหวนคืนได้ ข้าก็จะเอามันออกมาจากร่างของเจ้า” หานเซิ่นพูด
“เจ้าทำอะไรข้า?” ซิวซือถามอีกครั้ง
หานเซิ่นหัวเราะ “บางสิ่งมันจะดีกว่าถ้าไม่พูดถึง ความกลัวเป็นบางสิ่งที่ไม่มีใครทนได้”
“ถ้าข้าบอกเจ้าว่าชีวิตของเจ้าอยู่ในกำมือของข้า เจ้าจะเชื่อไหม?” หานเซิ่นถาม
“แน่นอน” ซิวซือพูดอย่างมั่นใจ
“ดังนั้นมันก็ไม่มีความจำเป็นที่ข้าต้องพูดไปมากกว่านี้ ถ้าข้าหนีรอดออกไป ข้าก็จะไม่ฆ่าเจ้า แต่ถ้าเจ้าทำอะไรเพื่อเปิดเผยตัวตนของข้าล่ะก็ เจ้าก็ต้องตาย” หานเซิ่นพูด
“เจ้าคิดว่าข้าจะขับมันออกมาไม่ได้อย่างนั้นหรอ?” ซิวซือมองตรงไปที่หานเซิ่น
หานเซิ่นยิ้มออกมา เขามองกลับไปในแววตาที่อ่อนโยนของเธอ
ทันใดนั้นเสียงออดก็ดังขึ้นมา และตามมาด้วยเสียงของผู้หญิง
“ซิวซือ เจ้ากำลังพักผ่อนอยู่อย่างนั้นหรอ? พี่ฟิฟทีนมาที่นี่ และเขาอยากจะพบกับเจ้า”
“ข้ากำลังไป” ซิวซือหันมามองหานเซิ่น หลังจากนั้นเธอก็เดินไปที่ประตู
แทนที่จะหยุดเธอเอาไว้ หานเซิ่นเปลี่ยนร่างกลับเป็นวัวหินผาแทน
เมื่อซิวซือเห็นว่าหานเซิ่นไม่ได้หยุดเธอ สีหน้าของเธอก็ดูหม่นหมอง แต่มันเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น สีหน้าของเธอกลับเป็นปกติ เมื่อเธอเปิดประตู
“ฟิฟทีนอยู่ที่ไหน?” ซิวซือถามด้วยรอยยิ้ม
“พี่ฟิฟทีนอยู่ในห้องควบคุม มีบางอย่างเกิดขึ้น ดังนั้นเจ้าควรรีบไป” ดราก้อนไนน์ทีนพูด
“ตกลง” ซิวซือตอบ เธอปิดประตูอย่างช้าๆพร้อมกับมองไปที่หานเซิ่น
ในตอนที่เธอปิดประตู หานเซิ่นไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว นั่นทำให้เธอขมวดคิ้ว ถ้าหานเซิ่นดูกังวลและไม่สบายใจ นั่นจะหมายความว่าเขาไม่มั่นใจกับสิ่งที่เขาใส่เข้าไปในตัวเธอ
แต่ความจริงที่เขาไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร นั่นแสดงให้เห็นว่าเขามั่นใจว่าเธอไม่มีหวังจะหนีรอดจากพลังของเขา
ซิวซือตรวจเช็คร่างกายของตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า พลังนั้นหายเข้าไปในหัวใจของเธอ แต่เธอไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด
มันมีความเป็นไปได้ 2 อย่างที่จะอธิบายเรื่องนี้ อย่างแรกคือทั้งหมดนี่เป็นแผนเพื่อใช้ขู่เท่านั้น อีกอย่างคือหานเซิ่นแข็งแกร่งเกินกว่าที่เธอจะหยั่งถึงได้
เธอไม่แน่ใจว่าควรจะคิดยังไงกับสถานการณ์ทั้งหมดนี้ การที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นทำให้เธอรู้สึกกังวล
หานเซิ่นที่อยู่ในห้องก็รู้สึกกังวลเช่นเดียวกัน เขาไม่รู้ว่าเลือดคริสตัลจะมีผลอะไรกับเธอ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากอยู่เฉยๆในห้อง
‘เราได้ทำการเดิมพันไปแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอ’
ขณะที่หานเซิ่นรออยู่ในห้อง เขาก็คิดว่าควรจะทำยังไงดีถ้าเกิดว่าเธอเปิดเผยตัวตนของเขาออกไป
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ และหลังจากที่หานเซิ่นถูกทิ้งอยู่ในห้องเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง ในที่สุดประตูก็เปิดขึ้นอีกครั้ง หานเซิ่นไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง แต่ด้วยออร่าศาสตร์ตงเสวียนทำให้เขารู้ว่าซิวซือกลับมาที่ห้องตามลำพัง
“ก็ได้ เจ้าชนะ พวกเราจะร่วมมือกันยังไง?” ซิวซือเดินไปที่เตียงและนั่งลง เธอยิ้มให้กับหานเซิ่น
“ง่ายๆ เจ้าพาข้าออกไปจากที่นี่ และข้าจะลบพลังที่ใส่เข้าไปในร่างของเจ้าให้”
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็พูดต่อ “แต่ข้าขอบอกเอาไว้ก่อนว่าร่างวัวหินผาของข้าจะอยู่ได้อีกแค่ 2 วันเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นเจ้ามีเวลา 2 วันเพื่อพาข้าออกไปจากที่นี่ ไม่อย่างนั้นทั้งเจ้าและข้าก็ต้องทุกข์ทรมานไปด้วยกัน”
“แต่ข้อตกลงนี่มันไม่ยุติธรรม! ข้าจะมั่นใจได้ยังไงว่าเจ้าจะทำตามที่พูด?” ซิวซือถาม
“ข้ายังถูกเจ้าควบคุมอยู่” หานเซิ่นชี้ไปที่วงแหวนรอบคอ
“ของแบบนั้นจะเป็นปัญหากับเจ้าได้ยังไงกัน? เจ้าฆ่าชารอนได้! นี่ก็เป็นแค่วงแหวนน้อยๆ” ซิวซือพูด
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าจะใส่พลังอย่างอื่นมาบนตัวข้าก็ได้ และพวกเราค่อยเอาพวกมันออกพร้อมๆกันเมื่อพวกเราออกจากทะเลโบราณหวนคืนแล้ว มันเป็นอย่างที่เจ้าพูด พวกเราไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกัน ถ้าเจ้าช่วยข้า มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ข้าต้องทำร้ายเจ้า” หานเซิ่นพูด
“แน่นอน ให้ข้าใส่พลังบางอย่างเข้าไปในตัวเจ้า” ซิวซือพูด
“โอเค แต่เจ้าต้องเอาวงแหวนนี่ออกก่อน แต่ละคนจะมีพลังบนตัวอีกฝ่ายได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น” หานเซิ่นพูด
ซิวซือสะบัดมือและวงแหวนบนคอของหานเซิ่นก็สลายไป หลังจากนั้นเธอก็เลื้อยเข้าไปใกล้หานเซิ่น
หานเซิ่นไม่เคลื่อนไหว เพราะไม่ว่าเธอจะใส่พลังแบบไหนเข้าไปในตัวของเขา มันก็จะถูกลบล้างเมื่อเขาใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด
เมื่อซิวซือเห็นหานเซิ่นไม่เคลื่อนไหว เธอก็ถอนหายใจและคิดกับตัวเอง
‘เขามั่นใจจริงๆ อะไรก็ตามที่เขาใส่เข้าไปในตัวเราคงจะเป็นอะไรที่ทรงพลังมากๆ’
ซิวซือยิ้มให้กับหานเซิ่นและยื่นมือมาจับที่ใบหน้าของเขา เธอดันให้หานเซิ่นเงยหน้าขึ้นเพื่อจะสังเกตเห็นคอของเขาให้ชัดๆ
“เจ้ามีผิวที่ดี แม้แต่ข้ายังรู้สึกอิจฉา!” ซิวซือพูดด้วยเสียงที่ดึงดูด ขณะที่ริมฝีปากของเธอเข้าไปใกล้คอของเขา
ริมฝีปากสีแดงของเธอเปิดออกและเผยให้เห็นเขี้ยวสีขาวของงู พวกมันฝังเข้าไปในคอของหานเซิ่น
หานเซิ่นไม่ได้หลบ เขาเพียงแค่ยืนอยู่นิ่งๆราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ซิวซือเงยหน้าขึ้นและถอยออกไป คอของหานเซิ่นมีจุดลึก 2 จุดที่เกิดจากเขี้ยวของเธอ
“โอเค ตอนนี้พวกเราเจรจากันได้แล้ว” ซิวซือเลียเลือดและยิ้มให้กับหานเซิ่น
ตอนที่ 2060
ต้องออกไปให้ได้
“เจ้าอยู่ในร่างวัวหินผาได้อีกแค่ 2 วันจริงๆอย่างนั้นหรอ?” ซิวซือถามขณะมองไปที่หานเซิ่น
“ใช่” หานเซิ่นพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็แย่แน่ ข้าบอกพวกเขาไปว่าต้องการอสูรปีกสมุทรมาเป็นสัตว์ขี่ ดังนั้นดราก้อนฟิฟทีนจึงเชิญข้าไปยังเกาะที่พวกอสูรปีกสมุทรอาศัยอยู่ ข้าจำเป็นต้องไปทำเรื่องนี้ก่อน ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะสงสัยขึ้นมา”
“มันจะใช้เวลานานแค่ไหน?” หานเซิ่นถาม
“จากการคาดการณ์ของข้า มันคงจะราวๆ 3 วัน” ซิวซือพูด
“ก็ได้ 3 วันก็ 3 วัน แต่ถ้าพวกเราไม่ออกไปจากที่นี่ใน 3 วัน พวกเราจะตายไปด้วยกัน ชีวิตของข้านั้นด้อยค่า ดังนั้นมันถือเป็นเกียรติที่ได้ตายเคียงข้างองค์หญิงกาน่าแสนสวย” หานเซิ่นหัวเราะ
ซิวซือมองไปที่หานเซิ่น แต่เธอไม่ได้พูดออกมา เธอไม่สามารถมั่นใจได้ว่าคำพูดไหนของหานเซิ่นเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง
หานเซิ่นไม่ได้ถามว่าทำไมซิวซือถึงพยายามตามหาเขา เขาต้องการรอจนกระทั่งออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย ก่อนที่จะพูดกันถึงเรื่องนั้น
แต่ซิวซือไม่ได้โง่ เธอรู้ว่าหานเซิ่นคิดอะไร ดังนั้นเธอจึงไม่รู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา ถ้าหานเซิ่นไม่ได้มีจุมพิตของกาน่า เธอก็คงจะไม่คิดส่งเขาออกไป
อสูรปีกสมุทรอาศัยอยู่บนหน้าผาของเกาะแห่งหนึ่ง มันมีถ้ำเป็นจำนวนมากอยู่ในหน้าผานั้น อสูรปีกสมุทรดูคล้ายคลึงกับเสือดาวที่มีปีกสีฟ้า 2 ข้าง
ถึงแม้พวกมันจะเป็นแค่ซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิส แต่พวกมันก็บินได้อย่างรวดเร็ว และพวกมันก็เคลื่อนไหวได้ทั้งบนบกและในน้ำ ดังนั้นพวกมันจึงเป็นหนึ่งในสัตว์ขี่ระดับท๊อป
ในตอนนี้เป็นฤดูผสมพันธุ์ของอสูรปีกสมุทร ด้วยเหตุนั้นดราก้อนฟิฟทีนจึงอยากจะเก็บไข่ของพวกมันซักฟองมาให้กับซิวซือ ตัวที่โตเต็มวัยนั้นป่าเถื่อนเกินไป ทำให้ไม่สามารถฝึกให้เชื่องได้
ยานรบอาจจะไปทำให้พวกมันแตกตื่นถ้าเข้าไปใกล้มากเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงจอดยานเมื่อเข้าในระยะ 100 ไมล์ หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินทางไปยังหน้าผาที่อสูรปีกสมุทรอาศัยอยู่
ซิวซือนั่งบนหลังของหานเซิ่นที่อยู่ในร่างวัวหินผาด้วยท่าทางที่สง่างาม
‘เธอต้องจงใจทำแบบนี้แน่ๆ’ หานเซิ่นคิดอย่างไม่พอใจ เธอมาเพื่อเก็บสัตว์ขี่ตัวใหม่ เธอสามารถทิ้งหานเซิ่นเอาไว้บนยานรบได้ แต่เธอกลับตัดสินใจขี่เขาไปที่นั่น
“ซิวซือ พวกมันเป็นซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสเหมือนกันก็จริง แต่อสูรปีกสมุทรดีกว่าเจ้าวัวหินผาหน้าโง่นี่เป็นไหนๆ” ดราก้อนฟิฟทีนเห็นหนึ่งในอสูรปีกสมุทรบินผ่านและยิ้มออกมา
“พวกมันเป็นสัตว์ขี่ระดับมาร์ควิสที่ดีมากๆ แต่พวกมันยากจะฝึกให้เชื่อง ไม่เหมือนกับวัวหินผาตัวนี้” ซิวซือยิ้ม
“พี่ฟิฟทีนไม่เข้าใจ ถึงวัวหินผาตัวนี้จะโง่ แต่มันก็น่ารัก ข้าเองก็อยากได้แบบนี้เหมือนกัน แต่ข้ายังไม่เจอวัวหินผาอีกตัวเลย”
ดราก้อนไนน์ทีนอยากได้วัวหินผาอย่างหานเซิ่นเป็นของตัวเองสักตัว เธอพยายามจะออกค้นหา แต่น่าเศร้าที่เธอไม่พบอะไร
ดราก้อนฟิฟทีนมองหานเซิ่นและพูด “มันก็แค่วัวหินผา ถ้าเจ้าชอบมันมากขนาดนั้นล่ะก็ เจ้าก็แค่ขอให้ซิวซือมอบมันให้กับเจ้า ซิวซือนั้นเป็นคนที่ใจดี ดังนั้นข้าแน่ใจว่านางจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”
หลังจากนั้นดราก้อนฟิฟทีนหันไปมองซิวซืออย่างจริงจังและพูด
“ซิวซือ ข้ามีน้องสาวแค่คนเดียว และน้องสาวของข้าก็ชอบสิ่งมีชีวิตน่าโง่ตัวนั้น ข้าอยากจะขอแลกมันกับอสูรอัคคี”
หานเซิ่นรู้สึกแย่ ดราก้อนฟิฟทีนฉลาดเกินไป เพียงแค่ได้ยินสิ่งที่ดราก้อนไนน์ทีนพูด เขาก็เกิดสงสัยขึ้นมา
“ถ้าไนน์ทีนชอบมันมากขนาดนั้น เจาก็เอามันไปได้เลย ไม่มีความจำเป็นที่พวกเราต้องแลกเปลี่ยนกัน” ซิวซือรู้ว่าดราก้อนฟิฟทีนพยายามจะทำอะไร ดังนั้นเธอจึงยังสงบเสงี่ยมท่าทีเอาไว้และยิ้มออกมา
“จริงอย่างนั้นหรอ?” ดราก้อนไนน์ทีนถามอย่างดีใจ
“แน่นอน มันก็เป็นแค่สัตว์ขี่ระดับมาร์ควิสตัวหนึ่ง” ซิวซือยิ้ม
“ขอบคุณเจ้ามาก แต่เจ้าต้องรับอสูรอัคคีของพี่ฟิฟทีน ไม่อย่างนั้นข้าคงจะรู้สึกแย่กับเรื่องนี้” ดราก้อนไนน์ทีนยิ้ม
หานเซิ่นรู้สึกแย่ แต่เขารู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าซิวซือไม่ทำการแลกเปลี่ยน ดราก้อนฟิฟทีนก็จะเกิดสงสัยยิ่งกว่าเดิม
แต่ตอนนี้เมื่อพวกเขาทำการแลกเปลี่ยนกัน หานเซิ่นก็ไม่สามารถใช้ซิวซือเพื่อหนีไปจากที่นี่ได้
‘เราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ถ้าดราก้อนไนน์ทีนส่งซิวซือออกไป เราก็อาจจะมีโอกาสหนีออกไปได้’ หานเซิ่นคิด
“วัวน้อย เจ้าเป็นของข้าแล้ว” ดราก้อนไนน์ทีนลูบแก้มของเขา เธอดูจะชื่นชอบหานเซิ่นในร่างวัวหินผามากๆ
‘ถ้ารู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ฉันคงไม่ทำตัวน่ารักหรอก’ หานเซิ่นคิดอย่างหดหู่
เมื่อดราก้อนฟิฟทีนเห็นอย่างนั้น เขาก็คลายความสงสัย เขาพาซิวซือไปที่หน้าผาและให้หลงอิ๋งไปนำไข่ของอสูรปีกสมุทรที่อยู่ภายในถ้ำออกมา เขาให้ซิวซือและดราก้อนไนน์ทีนคนละ 2 ฟอง
หลังจากกลับไปที่ยานรบ ดราก้อนไนน์ทีนก็ลากหานเซิ่นเข้าไปในห้องของเธอ
ดราก้อนไนน์ทีนนั้นรักวัวหินผามากจริงๆ เธอพาเขาไปไหนมาไหนด้วยตลอด และถึงขนาดที่นอนร่วมกับเขา เขาเป็นเหมือนกับของเล่นของเธอ แต่ทว่าเนื่องจากดราก้อนไนน์ทีนพาหานเซิ่นไปด้วยทุกที่ มันก็ทำให้เขาไม่มีเวลาได้หยุดพัก ซึ่งถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาก็จะอยู่ในร่างนี้ได้อีกเพียงแค่ 4 วัน
3 วันผ่านไป แต่มันก็ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวจากซิวซือ หานเซิ่นเกือบจะต้องเปิดเผยตัวเอง แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินจากดราก้อนไนน์ทีนว่าซิวซือกำลังจะจากไป
ดราก้อนไนน์ทีนจึงไปส่งซิวซือ ซึ่งเธอก็พาหานเซิ่นไปด้วยเหมือนทุกครั้ง แต่ที่แย่ก็คือดราก้อนฟิฟทีนและหลงอิ๋งเองก็ไปส่งเธอด้วยเช่นกัน
‘นี่เป็นโอกาสเดียวของเรา เราต้องออกไปจากทะเลโบราณหวนคืนให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม!’ หานเซิ่นคิด
ยานรบตรงไปที่ทางออกของทะเลโบราณหวนคืน มันใช้เวลาครึ่งวันก่อนที่พวกเขาจะไปถึงที่นั่น โชคดีที่หานเซิ่นยังคงอยู่ในร่างวัวหินผาได้อยู่
เผ่าพันธุ์ดราก้อนนั้นเชื่อว่าหานเซิ่นหนีออกไปจากทะเลโบราณหวนคืนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมียามรักษาการณ์ระดับดยุกหลายคนยืนเฝ้าอยู่ หานเซิ่นมองเห็นดยุกอย่างน้อยๆสิบคน
ถึงดยุกเหล่านั้นจะไม่ใช่ดราก้อนเลือดบริสุทธิ์ แต่พวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ โชคดีที่มันไม่มีระดับราชันอยู่ในบริเวณนี้
สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ที่สุดก็คือการที่ดราก้อนฟิฟทีนไม่ได้เดินไปส่งซิวซือถึงทางออก เขาหยุดเดินและมองดูซิวซือจากระยะไกล หานเซิ่นจึงไม่มีทางเลือกนอกจากฝ่าวงล้อมเพื่อตามหลังเธอไป
ปัง!
วัวหินผากระทืบพื้นและส่งคลื่นที่สามารถแช่ศัตรูให้กลายเป็นหินออกไปเป็นวงกว้าง
ตอนที่ 2061
เลือดนองสายน้ำ
หานเซิ่นใช้ร่างวัวหินผาวิ่งออกไปข้างหน้า พร้อมกับส่งคลื่นกระแทกออกไปรอบๆ
ดราก้อนไนน์ทีน ดราก้อนฟิฟทีนและหลงอิ๋งคือคนที่อยู่ใกล้ที่สุด ดราก้อนไนน์ทีนไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ทัน เธอถูกคลื่นกระแทกเข้าเต็มๆและกลายเป็นหินในทันที
ส่วนดราก้อนฟิฟทีนและหลงอิ๋งสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาพยายามจะต่อต้านมันด้วยพลังมังกร แต่พลังมังกรไม่สามารถหยุดคลื่นกระแทกของหานเซิ่นได้
เมื่อเห็นว่าพวกเขากลายเป็นหิน หานเซิ่นก็รู้สึกอวดดีขึ้นมา แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมา หนึ่งในยามรักษาการณ์เรืองแสงออกมา เขาสร้างวงแหวนที่ลบล้างผลของคลื่นกระแทกได้
“เวรล่ะ! พวกเขามีวิชาจีโนที่จะลบล้างการกลายเป็นหินด้วยอย่างนั้นหรอ?”
เมื่อเห็นอย่างนั้นหานเซิ่นก็กลับคืนร่างเดิม เพราะร่างวัวหินผาเชื่องช้าเกินไป
เขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง พร้อมกับชักมีดขนนกโลหิตออกมาขณะที่วิ่งไปที่ทางออก
ดราก้อนระดับดยุกที่เฝ้าทางออกอยู่รีบวิ่งเข้ามา พร้อมกับปลดปล่อยพลังของมังกรเพื่อหยุดเขาเอาไว้
“นั่นมันหานเซิ่น! ฆ่าเขา!” ดราก้อนฟิฟทีนตะโกนด้วยความโกรธ เขากลายร่างเป็นซีโน่เจเนอิคและกระโดดเข้าไปหาหานเซิ่น
แต่หลงอิ๋งเคลื่อนไหวก่อนที่ดราก้อนฟิฟทีนจะสั่งซะอีก เธอแทงหอกใส่หานเซิ่นจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว
หานเซิ่นดูไม่กังวล ปีกสีเลือดปรากฏขึ้นบนหูทั้ง 2 ข้างของเขา และด้านหลังของเขาก็มีปีกมังกรขนาดใหญ่งอกออกมา ร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ เขาดูเหมือนกับมังกรยิ่งกว่าดราก้อนฟิฟทีนซะอีก
“ใครก็ตามที่มาขวางทางของข้าจะต้องตาย”
หานเซิ่นกำมีดขนนกโลหิตในมือและวิ่งต่อไปข้างหน้า เขาไม่สนใจอะไรหลงอิ๋งและดราก้อนฟิฟทีนที่อยู่ด้านหลัง
ขณะที่พลังมังกรและหอกพุ่งเข้ามาจากทั้งด้านหน้าและหลัง หานเซิ่นก็กระพือปีกและหายตัวไป
พลังมังกรของดราก้อนระดับดยุกปะทะกับหอกของหลงอิ๋งทำให้เกิดระเบิดขึ้นมา ทั้งเธอและดยุกต่างก็กระเด็นออกไป
เมื่อหานเซิ่นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาก็ฟันเข้าใส่หนึ่งในดยุกด้วยมีดลมปราณที่ดูเหมือนกับเขี้ยวสีม่วง
ดยุกคนนั้นลอยอยู่ในอากาศจากแรงระเบิด ดังนั้นเขาจึงพยายามใช้หอกในมือเพื่อป้องกัน
เคร๊ง!
แต่มีดขนนกโลหิตตัดผ่านหอกของดยุกและตัดเข้าไปในอกของเขา มันทำลายทั้งกระดูกและอวัยวะภายในของเขาในคราวเดียว
หานเซิ่นรีบเคลื่อนที่ต่อไปยังทางออกของทะเลโบราณหวนคืน ดราก้อนฟิฟทีนและหลงอิ๋งไล่ตามเขาจากด้านหลัง ขณะที่พวกดยุกรวมพลังกันและปล่อยออกไปใส่เขา
หานเซิ่นใช้ปีกมังกรเพื่อเทเลพอร์ตไปข้างหน้าครั้งละ 100 เมตร เขาหลบหลีกการโจมตีที่เข้าพา พร้อมกับกวัดแกว่งมีดขนนกโลหิตเพื่อปลดปล่อยมีดลมปราณไปรอบๆ
“อ้า!” ดยุกที่วิ่งนำมาถูกเข้ากับมีดลมปราณของหานเซิ่น เขาวิ่งเข้ามาเร็วเกินไป ทำให้โมเมนตัมฉีกร่างกายของเขาจนขาดครึ่งเมื่อสัมผัสกับมีดลมปราณ
มีดลมปราณที่ปล่อยจากมีดขนนกโลหิตระดับครึ่งเทพรุนแรงกว่าที่หานเซิ่นคิดเอาไว้ พวกมันสามารถตัดร่างของดยุกได้อย่างง่ายดาย และถึงแม้ดยุกคนนั้นจะประมาท แต่มันก็ยังเป็นอะไรที่น่าประทับใจอยู่ดี
แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะมีเวลาได้ปลาบปลื้มกับมัน ดราก้อนหลายคนก็ปรากฏตัวขึ้นจากอีกฝากหนึ่งของทางออก หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่ามันจะมีดราก้อนมากมายรออยู่ด้านนอกทะเลโบราณหวนคืน
เมื่อเห็นแบบนั้นหานเซิ่นก็รู้ว่าจำเป็นต้องฆ่าถ้าต้องการจะออกไป เขาใช้พลังอย่างบ้าคลั่งเพื่อฝ่าฝูงดราก้อนไป
“หานเซิ่น! นี่คือวันตายของเจ้า!” ดราก้อนฟิฟทีนที่กลายร่างเป็นซีโน่เจเนอิคใช้หอกที่เหมือนกับสว่านแทงเข้าใส่หานเซิ่น
“หากท้องฟ้าอยู่ในกำมือของข้า เจ้าก็เป็นแค่ตุ๊กตา”
หานเซิ่นกวัดแกว่งมีดในมืออย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับใช้วิชาอย่างเต็มความสามารถ ในขณะเดียวกันเขาก็ใช้หมากล้อมสวรรค์และศาสตร์ตงเสวียนด้วย
พรวด!
ที่ไหนก็ตามที่หานเซิ่นผ่านไปจะเต็มไปด้วยเลือดและแขนขาที่กระเด็นกระจัดกระจายไปทั่ว
ซิวซือเห็นหานเซิ่นฆ่าซีโน่เจเนอิคนับพัน ร่างสีแดงแว็บไปแว็บมา ขณะที่สายน้ำของเลือดกลายเป็นแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว ทั้งดราก้อนระดับดยุกหรือแม้แต่ดราก้อนเลือดบริสุทธิ์อย่างดราก้อนฟิฟทีนก็ไม่สามารถหยุดเขาเอาไว้ได้
ซิวซือไม่ได้อยู่ในการต่อสู้ แต่เธอมองดูหานเซิ่นต่อสู้กับศัตรูนับพันด้วยความตกตะลึง
ในตอนแรกเธอคิดว่าหานเซิ่นอ่อนแอกว่าดยุก แต่สิ่งที่เธอเห็นในตอนนี้ทำให้เธอรู้ว่าเขาไม่ได้อ่อนแอกว่าเลยสักนิด เธอสังเกตเห็นว่าดราก้อนฟิฟทีนเคลื่อนไหวตามมีดของหานเซิ่นราวกับหุ่นเชิด ไม่ว่าหานเซิ่นจะไปทางไหน คนอื่นๆก็จะถูกลากจูงไป พวกเขาทำสิ่งต่างๆได้ช้ากว่าที่หานเซิ่นทำได้
“เป็นชายที่น่ากลัวจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่เขาฆ่าชารอนได้ วิชามีดของเขาเหนือกว่าระดับของเขามาก” ซิวซือพูดกับตัวเอง
ภูเขาและแม่น้ำถูกย้อมเป็นสีแดงทั้งหมดเพราะมีดเพียงเล่มเดียว
หานเซิ่นต่อสู้เป็นระยะหนึ่งพันไมล์ และไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนเหล่าดราก้อนก็จะเข้ามาขวางเขาเอาไว้ ตัวหานเซิ่นเปียกโชกไปด้วยเลือด
วิชามีดที่เขาใช้ฆ่าชีวิตไปมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นศัตรูก็ยังคงเข้ามาหาเขาอย่างไม่หยุด
“หานเซิ่น ถ้าข้าไม่ฆ่าเจ้าในวันนี้ ข้าจะไม่ขอเรียกตัวเองว่าดราก้อนอีกต่อไป” ร่างมังกรของดราก้อนฟิฟทีนบินตรงเข้ามาด้วยความโกรธ หอกของเขาเป็นเหมือนกับเข็มที่หมุนควงเข้าใส่หานเซิ่น
หานเซิ่นฟันมีดขนนกโลหิตไปปะทะกับหอกของดราก้อนฟิฟทีนที่เข้ามา
หลงอิ๋งบินเข้ามาราวกับมังกร พร้อมกับแทงหอกใส่หานเซิ่นจากด้านหลัง หานเซิ่นกระพือปีกและหลบหลีกการโจมตีของเธอได้อย่างฉิวเฉียด ถ้าไม่มีความสามารถในการเทเลพอร์ต เขาก็คิดว่าคงจะหลบไม่พ้นแน่ๆ
เลือดยังคงกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง และหานเซิ่นก็ฆ่าฟันศัตรูตลอดเส้นทางหลายหมื่นไมล์ แต่มันก็ยังมีศัตรูเข้ามาขวางเขาเรื่อยๆ หานเซิ่นไม่สามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้
ดราก้อนนั้นเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงของจักรวาล และพวกเขาก็คู่ควรกับชื่อเสียงที่ได้รับ
“หานเซิ่น ความผิดใหญ่หลวงที่สุดของเจ้าก็คือการเป็นศัตรูกับเผ่าดราก้อน” จู่ๆก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นมา
“พี่ใหญ่!” ดราก้อนฟิฟทีนตะโกนด้วยความดีใจ
ตอนที่ 2062
หอกแสงทลายหมื่นมาร
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ลงมาจากฝากฟ้า พวกดราก้อนถอยออกห่างจากเขาอย่างพร้อมเพียงราวกับกระแสคลื่น แต่พวกเขายังคงล้อมหานเซิ่นเอาไว้
หานเซิ่นเงยหัวขึ้นและเห็นอสูรสิบตัวที่ดูเหมือนกับนกบินเข้ามา แต่พวกมันไม่ได้ดูเหมือนกับนกซะทีเดียว พวกมันกำลังลากรถม้าเข้ามา
หานเซิ่นรู้สึกแย่ อสูรทั้งสิบนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกดราก้อนระดับดยุกซะอีก พวกมันอาจจะเป็นถึงระดับราชันเลยก็ได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าบุคคลที่อยู่ในรถม้าต้องน่ากลัวยิ่งกว่านั้น
หานเซิ่นไม่เข้าใจถึงสังคมของเผ่าดราก้อนมากนัก แต่เขาได้ยินมาจากดราก้อนไนน์ทีนว่าดราก้อนวันเป็นพี่ชายของเธอ ดังนั้นหานเซิ่นจึงเชื่อไปว่าเขาเป็นดราก้อนหนุ่มระดับดยุกคนหนึ่ง
แต่ทว่าหานเซิ่นหลงลืมสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งไป การเป็นคนหนุ่มของดราก้อน และคนหนุ่มของมนุษย์เป็น 2 สิ่งที่แตกต่างกันอย่างมาก
มนุษย์ที่อายุต่ำกว่า 30 ปีถือว่ายังหนุ่มอยู่ แต่เมื่อก็อตแซงชัวรี่ถูกค้นพบ อายุขัยของมนุษย์ก็เพิ่มขึ้น แต่ดราก้อนมีอายุขัยมากยิ่งกว่ามนุษย์ที่ค้นพบก็อตแซงชัวรี่ซะอีก คนหนุ่มของพวกเขามีอายุเป็นร้อยๆปี ดังนั้นมันจึงอยู่เหนือความคาดคิดของหานเซิ่น
ผ้าม่านถูกเปิดออกและเผยให้เห็นดราก้อนที่สวมมงกุฎนั่งอยู่ข้างใน ร่างของเขาถูกห่อหุ้มด้วยชุดเกราะสีดำ หานเซิ่นไม่ได้สัมผัสถึงพลังชีวิตของเขา แต่จากรูปลักษณ์ของเขา หานเซิ่นก็จะบอกได้ว่าเขาเป็นระดับราชัน
ในรถม้ายังมีดราก้อนหนุ่มสาวอีกคู่หนึ่งนั่งอยู่ข้างด้วยเช่นกัน แต่พวกเขาไม่ใช่ระดับราชัน แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็สัมผัสได้ว่าพวกเขาอันตรายอย่างมาก
ดราก้อนฟิฟทีนและดราก้อนไนน์ทีนวิ่งเข้าไปหาดราก้อนราชันที่สวมมงกุฎสีดำและโค้งคำนับ “คารวะพี่เซเว่น พี่ไนน์และพี่ใหญ่”
‘ดราก้อนระดับราชันคือดราก้อนวันอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นคิด
“เจ้าคือหานเซิ่น ลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีดอย่างนั้นใช่ไหม?” ดราก้อนวันถามขึ้นมา แต่เขายังคงนั่งอยู่ในรถม้า
“ใช่แล้ว” หานเซิ่นพูด
ดราก้อนวันไม่ได้ถามอะไรอีก เขาหันไปพูดกับดราก้อนหนุ่มที่อยู่ข้างๆ
“ไนน์ เจ้าไปต่อสู้กับเขา ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะคิดว่าพวกเราอ่อนแอ ถ้าแค่มาร์ควิสคนหนึ่งยังจัดการไม่ได้”
“พี่ใหญ่วางใจได้” ดราก้อนหนุ่มคนนั้นออกมาจากรถม้าและเดินเข้าไปหาหานเซิ่น
เมื่อซิวซือเห็นดราก้อนหนุ่มเดินเข้าไปหาหานเซิ่น สีหน้าของเธอก็ดูตรึงเครียดขึ้นมา
‘บุตรชายทั้ง 9 ของเผ่าดราก้อนแตกต่างจากดราก้อนธรรมดาทั่วๆไป พวกเขาทุกคนมีพลังที่น่ากลัว แถมวันนี้ดราก้อนวันยังมาที่นี่ด้วยตัวเองอีก ไม่มีทางที่หานเซิ่นจะหนีรอดไป’ ซิวซือรู้สึกกังวลเกี่ยวกับพลังที่เขาใส่เข้าไปในร่างกายของเธอ
หานเซิ่นเห็นดราก้อนไนน์เดินเข้ามาพร้อมกับหอกในมือ เขาไม่ได้รู้สึกถึงพลังพิเศษอะไรจากชายคนนี้ แต่หานเซิ่นก็ยังเชื่อว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่อันตรายอยู่ดี หานเซิ่นคิดว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับชารอน
แต่หานเซิ่นไม่ได้กังวลเกี่ยวกับดราก้อนไนน์ ที่เขากังวลก็คือดราก้อนวัน ตราบใดที่ดราก้อนวันยังอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่สามารถหนีไปได้
‘เราควรหนีกลับไปในก็อตแซงชัวรี่อีกครั้งดีไหมนะ?’ หานเซิ่นไม่ต้องการทำแบบนั้น
“ดราก้อนไนน์!” ดราก้อนหนุ่มเดินมาหยุดตรงหน้าหานเซิ่น เขาสวมใส่ชุดเกราะสีแดง ทำให้เขาดูคล้ายคลึงกับหานเซิ่นที่ตอนนี้แดงทั้งตัว
เมื่อมองจากระยะไกล มันดูเหมือนกับว่าดราก้อน 2 คนกำลังจะต่อสู้กัน
“หานเซิ่น” หานเซิ่นเพียงแค่เอยชื่อออกไป
ดราก้อนไนน์ไม่ได้พูดอะไรอีก เขากวัดแกว่งหอกสีแดงเข้าใส่หานเซิ่น วิชาหอกของเขาเหมือนกับของดราก้อนเธอร์ทีนและดราก้อนฟิฟทีน แต่มันดูร้ายกาจกว่ามากเมื่อถูกใช้โดยดราก้อนไนน์
หานเซิ่นเริ่มกวัดแกว่งมีดขนนกโลหิต เมื่อมีดลมปราณปะทะเข้ากับหอกแสง พวกมันก็แตกกระจาย และหอกที่แหลมคมก็ยังพุ่งต่อหาที่หานเซิ่น
เคร๊ง!
ใบมีดของมีดขนนกโลหิตปะทะกับหอก แต่หอกแสงไม่แตกสลาย มันหมุนควงเหมือนกับสว่าน หานเซิ่นเกือบจะไม่สามารถต้านทานมันเอาไว้ได้ ขณะที่เขาถูกกดดันให้ถอยออกไปด้านหลัง
หานเซิ่นต้องกวัดแกว่งมีดถึง 3 ครั้งเพื่อทำลายหอกแสงของดราก้อนไนน์
หานเซิ่นคุ้นเคยกับพลังพิชิตมาร แต่พลังชีวิตมารของดราก้อนไนน์ร้ายกาจกว่าของดราก้อนเธอร์ทีนมาก และถึงพลังของหานเซิ่นจะไม่ได้แย่ไปกว่าดราก้อนไนน์ แต่พลังของดราก้อนไนน์อัดแน่นไปที่จุดๆเดียว มันเป็นเหมือนกับเข็มเล็กๆที่แทงเข้าไปในในฝืนดิน มันมีแค่ส่วนเล็กน้อยของดินเท่านั้นที่จะถูกเข็มแทง มันจึงเป็นการโจมตีที่ยากจะป้องกันได้
หานเซิ่นใช้มีดลมปราณของวิชาใต้นภาเพื่อป้องกัน มันเน้นไปที่จุดๆเดียวเหมือนกัน แต่มันได้ไม่ดีเหมือนกับพลังพิชิตมารของดราก้อนไนน์
เผ่าพันธุ์ดราก้อนนั้นเชี่ยวชาญในเรื่องการรวมพลังไปที่จุดๆเดียว ดังนั้นการต่อสู้กับพวกเขาแบบซึ่งๆหน้าก็ไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย
หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อตรวจเช็คหอกของดราก้อนไนน์ โครงสร้างลำดับของหอกเป็นเหมือนกับรังผึ้ง มันซับซ้อนจนเขาเกือบที่จะไม่สามารถแยกออกได้
หานเซิ่นเพิ่งจะป้องกันหอกแรกไป แต่หอกที่ 2 ก็พุ่งเข้ามาแล้ว และก่อนที่มันจะมาถึง หอกที่ 3 ก็ถูกปล่อยออกมา
หอกแสงแทงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ปล่อยหานเซิ่นมีโอกาสได้หยุดพัก
หานเซิ่นขยับเท้าเพื่อหลบหอกของดราก้อนไนน์ เขาไม่มีทางปะทะกับดราก้อนไนน์แบบซึ่งๆหน้าได้ ถ้าเขาไม่สามารถรวมพลังไปที่จุดเดียวได้เหมือนกัน
หลังจากที่หานเซิ่นหลบหอกแสง หอกแสงก็จะระเบิดออก พลังที่อัดแน่นนั้นน่ากลัวเกินกว่าที่มาร์ควิสคนหนึ่งจะป้องกันได้ หานเซิ่นจึงต้องกระพือปีกเพื่อเทเลพอร์ตหนีไป
แต่ดราก้อนไนน์ยังแทงหอกเข้ามาเรื่อยๆ ถ้าหอกแสงพลาดเป้า มันก็จะระเบิดออก ดังนั้นหานเซิ่นจำเป็นต้องเทเลพอร์ตหนีอยู่เรื่อยๆ ซึ่งทำให้เขาตกอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบ
เหล่าดราก้อนมองดูการต่อสู้อย่างมีความสุข พวกเขาตะโกนเรียกชื่อดราก้อนไนน์จนดังกระหน่ำ
เคร๊ง!
มีดขนนกโลหิตของหานเซิ่นปะทะเข้ากับหอก และหอกก็หมุนควงราวกับสว่าน เขากำมีดขนนกโลหิตเอาไว้แน่น ขณะที่ถูกกดดันให้ถอยออกไปด้านหลัง เท้าทั้ง 2 ข้างของเขาลากไปกับพื้นเป็นทางยาว
ตอนที่ 2063
ร่างมังกรโลหิต
หานเซิ่นต้องใช้มีดฟันหลายครั้งกว่าที่จะทำลายหอกแสงได้ หานเซิ่นกวัดแกว่งมีดขนนกโลหิตไปมาเพื่อปลดปล่อยมีดลมปราณไปตามอากาศเหมือนกับเส้นไหม พวกมันพันและผูกปมไปรอบๆร่างกายของดราก้อนไนน์ ทำให้เขาไม่สามารถหอกแทงใส่หานเซิ่นได้อีกแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่หานเซิ่นเอาแต่หลบหลีกเป็นเวลานาน
ร่างกายของดราก้อนไนน์ถูกรัดด้วยมีดเส้นไหมของหานเซิ่น และพวกมันก็ตัดผ่านชุดเกราะเข้าไปถึงผิวหนังของดราก้อนไนน์ ทันใดนั้นร่างกายของดราก้อนไนน์ก็เรืองแสงออกมาเช่นเดียวกับหอก มันทำให้มีดเส้นไหมที่อยู่รอบๆตัวของเขาแตกสลายไป
“อาภามังกร!” ซิวซือจดจำพลังที่ดราก้อนไนน์เพิ่งจะใช้ได้
หานเซิ่นขมวดคิ้ว พลังบนตัวดราก้อนไนน์อัดแน่นเช่นเดียวกับหอก มันทำลายมีดเส้นไหมของหานเซิ่นอย่างง่ายดาย
“ไม่มีใครเอาชนะพลังของอาภามังกรได้” ดราก้อนไนน์เคลื่อนไหวร่างกายเพื่อสลัดเส้นไหมที่เหมือนกับใยแมงมุมบนตัวออกไป
หอกและร่างกายของเขารวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่เขาพุ่งเข้าไปหาหานเซิ่นอีกครั้ง
หานเซิ่นรู้ว่าตัวเองกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกครั้ง เขาต้องพึ่งพาหมากล้อมสวรรค์และศาสตร์ตงเสวียนเพื่อต่อสู้
หานเซิ่นพยายามสังเกตพลังของดราก้อนไนน์ทีนอย่างละเอียด มันแตกต่างจากหอกพิชิตมารของดราก้อนเธอร์ทีน แสงสีแดงของอาภามังกรที่ห่อหุ้มร่างกายของดราก้อนไนน์นั้นอัดแน่นยิ่งกว่าหอกแสงของดราก้อนเธอร์ทีนซะอีก
“นี่คงจะเป็นพลังพิชิตมารฉบับปรับปรุง” หานเซิ่นพยายามคิดหาหนทางที่จะแก้ทางรูปแบบการโจมตีใหม่นี้
‘เราจำเป็นต้องใช้พลังมากกว่าที่เขาใช้ ไม่อย่างนั้นเราจะเป็นฝ่ายแพ้’ หานเซิ่นตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้มีดเส้นไหมของหานเซิ่นจะอัดแน่น แต่พวกมันไม่ได้เข้มข้นอย่างพลังพิชิตมาร แต่เส้นไหมก็มีคุณสมบัติบางอย่างที่อาภามังกรขาด อาภามังกรนั้นหยาบและหนักแน่น ขณะที่มีดเส้นไหมอ่อนและนุ่มนวล พวกมันตรงกันข้ามกัน
หานเซิ่นเคยถูกพลังของหอกพิชิตมารมาก่อน ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างเชี่ยวชาญในการต่อสู้กับเทคนิคแบบนั้น ตอนนี้เมื่อเห็นโครงสร้างของอาภามังกร หานเซิ่นก็มีความคิดใหม่
ถ้าเขาใช้พลังที่อ่อนโยนได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันก็ไม่ควรอ่อนแอไปกว่าพลังที่หนักแน่นของคู่ต่อสู้ แต่หานเซิ่นไม่ได้ถนัดพลังนี้มากนัก
ถ้ากายหยกของเขาพัฒนาถึงระดับมาร์ควิส เขาก็จะสามารถใช้วิชามนตราเพื่อรับมือกับดราก้อนไนน์ได้ แต่ตอนนี้มีแค่วิชาโลหิตชีพจรเท่านั้นที่ถึงระดับมาร์ควิส
แต่วิชาโลหิตชีพจรมีไว้สำหรับสืบทอดสู่ลูกหลานและดูดซับยีนซีโน่เจเนอิคเท่านั้น ในการต่อสู้มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรมาก
หานเซิ่นมีแผนที่จะเรียนรู้โครงสร้างลำดับของอาภามังกร เขาต้องการจะรวมมันเข้ากับพลังที่อ่อนโยนของวิชาจันทรา แบบนั้นมีดเส้นไหมก็จะทรงพลังและอัดแน่นยิ่งขึ้นไปอีก
นี่เป็นจุดเด่นของศาสตร์ตงเสวียน หลังจากที่ตรวจสอบโครงสร้างลำดับที่เหมือนกับรังผึ้งของดราก้อนไนน์ หานเซิ่นก็ปรับโครงสร้างของมีดเส้นไหมขึ้นใหม่ แบบนั้นเขาจะสามารถรวมความอ่อนโยนของวิชาจันทราเข้ากับความหนักแน่นของอาภามังกร
ออร่าศาสตร์ตงเสวียนถูกใช้งานจนถึงขีดสุด และเมื่อหานเซิ่นฟันออกไป มีดเส้นไหมก็ไหลไปตามอากาศราวกับริบบิ้น แต่พวกมันแตกสลายก่อนที่จะสัมผัสกับหอกแสงซะอีก
มันไม่ง่ายที่จะรวมพลังที่ตรงกันข้ามเข้าด้วยกัน โชคดีที่ศาสตร์ตงเสวียนทำให้เขาสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างลำดับที่ละเอียดอ่อนได้ และคลื่นหยินหยางก็ทำให้เขาปรับเปลี่ยนระหว่างพลังหยินและหยางได้ ถ้าไม่ใช่เพราะ 2 วิชานี้ เขาก็ไม่มีทางจะคิดทำอะไรแบบนี้
หลังจากที่หานเซิ่นลองอยู่หลายครั้ง มันก็ไม่มีครั้งไหนที่ประสบความสำเร็จ ถ้าพลังอ่อนโยนมากเกินไป มันก็จะทำให้มีดเส้นไหมอ่อนเกิน แต่ถ้าพลังหนักแน่นมากเกินไป มันก็จะทำให้มีดเส้นไหมฉีกตัวเองจนขาด
หานเซิ่นจำเป็นต้องหาสมดุลระหว่างความหนักแน่นและความอ่อนโยน แบบนั้นมีดเส้นไหมของเขาถึงจะทนทานมากพอและไม่ทำลายตัวเอง
การทดสอบของหานเซิ่นล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า เขาใช้ปีกมังกรและทักษะการเคลื่อนไหวเพื่อหลบหลีกการโจมตีของดราก้อนไนน์ ไม่ว่าดราก้อนไนน์จะใส่พลังเข้าไปในการโจมตีมากสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถทำร้ายหานเซิ่นได้
ซิวซือตกตะลึงไป เธอรู้ว่ามีปัญหาบางอย่างกับมีดเส้นไหมของหานเซิ่นและเขาก็กำลังทดสอบอะไรบางอย่างอยู่
มีเพียงแค่หานเซิ่นเท่านั้นที่สามารถทำการทดสอบระหว่างที่ต่อสู้กับศัตรูอย่างดราก้อนไนน์ได้
ดราก้อนวันและคนอื่นๆเองก็รู้ว่ากำลังเกิดอะไรบางอย่างขึ้นเช่นกัน ซึ่งมันทำให้ดราก้อนฟิฟทีนโกรธและตะโกนขึ้นมา
“หานเซิ่น เจ้าสมควรตาย! เจ้ากล้าดียังไงมาหยามพี่ไนน์แบบนี้”
ดราก้อนเซเว่นขมวดคิ้ว “หานเซิ่นคนนี้แปลกจริงๆ เขามีปีกมังกรที่ดูเหมือนกับของพวกเรา และเขาก็เทเลพอร์ตไปมาได้เหมือนกับชารอน แต่ควรจะมีแค่ชารอนเท่านั้นที่ใช้พลังแบบนั้นได้ เพราะเขามีสายเลือดของเดม่อน หานเซิ่นทำแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
ดราก้อนวันพูด “ไม่เป็นไร ความสามารถในการเทเลพอร์ตนั้นใช้พลังงานจำนวนมาก ยิ่งเขาใช้มันมากเท่าไหร่ เขาก็จะเหนื่อยล้ามากขึ้นเท่านั้น ไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะพ่ายแพ้”
ดราก้อนไนน์ทีนถามอย่างสงสัย “พี่ใหญ่ หานเซิ่นกำลังทดสอบอะไรอยู่อย่างนั้นหรอ? มีดเส้นไหมของเขาดูอ่อนแอลงไปมาก”
“เขากำลังเลียนแบบ” ดราก้อนวันพูดอย่างดูถูก
“เลียนแบบอะไร?” ดราก้อนไนน์ทีนไม่เข้าใจ
“เขากำลังลอกเลียนแบบอาภามังกรของน้องไนน์ เขาพยายามใช้มันเพื่อพัฒนามีดเส้นไหมของตัวเอง” ดราก้อนวันพูด
คำพูดของดราก้อนวันทำให้ทุกคนตกตะลึง ดราก้อนฟิฟทีนรู้สึกโกรธเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาพูดขึ้นมา “หานเซิ่นจะอวดดีมากเกินไปแล้ว!”
“พลังพิชิตมารของดราก้อนไม่ใช่สิ่งที่ใครจะลอกเลียนแบบได้ มันเป็นอะไรที่โง่เง่าที่เขาคิดจะลอกเลียนแบบมันโดยไม่ได้มีสายเลือดเผ่าดราก้อน พลังพิชิตมารของพี่ไนน์ถูกปรับปรุงให้เข้ากับความพิเศษของร่างกายพี่ไนน์ หานเซิ่นกล้าคิดที่จะลอกเลียนแบบมันได้ยังไงกัน?”
มีดเส้นไหมที่หานเซิ่นปล่อยออกมานั้นล้มเหลว เพราะเขาไม่สามารถหาสมดุลระหว่างความหนักแน่นและอ่อนโยนได้
ดราก้อนไนน์รู้สึกไม่พอใจกับท่าทางของหานเซิ่น
“ข้าเกิดมาในสระมังกรโลหิต ข้าเปลี่ยนผิวหนังทุก 9 วันเป็นพันๆครั้งกว่าที่ข้าจะได้รับร่างมังกรโลหิตนี่มา และนั่นทำให้ข้าปรับปรุงพลังพิชิตมารและสร้างอาภามังกรขึ้นมาได้ คนอย่างเจ้าไม่มีทางลอกเลียนแบบมันได้”
ตอนที่ 2064
มังกรโลหิตพิโรธ
หานเซิ่นไม่สนใจ เขายังคงกวัดแกว่งมีดลมปราณใส่ศัตรูต่อไป ถึงส่วนใหญ่จะล้มเหลว แต่ก็มีบางส่วนที่ใกล้เคียงจะเป็นรูปร่าง
อาภามังกรของดราก้อนไนน์ไม่สามารถสัมผัสตัวของหานเซิ่นได้ มันทำให้เขาขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ อาภามังกรส่องสว่างยิ่งกว่าเดิม และแสงในปีกของเขาก็เริ่มดูเป็นรูปธรรมขึ้นมา มันเหมือนกับหมอกเลือดที่บดบังท้องฟ้า
เกล็ดสีแดงปรากฏขึ้นทั่วร่างดราก้อนไนน์ และที่มือของเขาก็มีกรงเล็บมังกรสีแดงงอกออกมา ร่างของเขาใหญ่โตขึ้น 2 เท่า ทำให้ตอนนี้เขาสูงถึง 4 เมตร
หานเซิ่นมองไปที่ดราก้อนไนน์ ขณะที่ยังคงกวัดแกว่งมีดขนนกโลหิตเพื่อสร้างมีดเส้นไหมต่อไป ดราก้อนไนน์ไม่คิดแม้แต่จะหลบ เขาปล่อยให้พวกมันเข้ามาถูกตัวของเขา เพราะอาภามังกรโลหิตจะทำลายพวกมันก่อนที่จะสัมผัสกับเกล็ดของเขา
“ร่างซีโน่เจเนอิคของเจ้าดีจริงๆ” หานเซิ่นพูดอย่างมีมารยาท
ดราก้อนไนน์พูดเสียงแข็ง “ร่างมังกรซีโน่เจเนอิคไม่ใช่อะไรที่พิเศษสำหรับพวกเราดราก้อน แต่ทว่าร่างมังกรโลหิตของข้านั้นต่างออกไป ถึงจ้าจะเทเลพอร์ตไปมาได้ ตอนนี้ข้ากลายเป็นสิ่งที่เจ้าไม่มีหวังจะหนีไปได้อีก”
หานเซิ่นเริ่มจะจับสัมผัสสิ่งที่จำเป็นต้องทำได้แล้ว มีดเส้นไหมที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยพลังที่หนักแน่นและอ่อนโยนเริ่มมีโอกาสสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็มีคือเรียนรู้จากดราก้อนไนน์อีกเล็กน้อยเพื่อทำให้พวกมันแข็งแกร่งเช่นเดียวกับอาภามังกร
ในขณะเดียวกันดราก้อนไนน์ก็ยกหอกขึ้นด้วยทั้ง 2 มือ และอาภามังกรของเขาก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วหอก ไม่นานหอกก็ตอบสนองราวกับว่ามันมีชีวิต มันกลายเป็นเหมือนกับมังกรโลหิตที่คำรามออกมาและแสงของมันก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
หานเซิ่นกวัดแกว่งมีดขนนกโลหิตต่อไป มีดเส้นไหมของเขาตัดตามร่างของดราก้อนไนน์ซ้ำๆ แต่พวกมันไม่สามารถทำอะไรร่างกายของดราก้อนไนน์ได้
“น้องไนน์ดูเหมือนจะโกรธแล้วจริงๆ เขากำลังใช้มังกรโลหิตพิโรธ!” ดราก้อนเซเว่นพูดด้วยรอยยิ้ม
ดราก้อนฟิฟทีนพูด “ถ้านี่คือทั้งหมดที่พี่ไนน์ต้องทำเพื่อฆ่าหานเซิ่น เขาก็ควรรีบลงมือ การเสียเวลาพูดคุยเป็นอะไรที่เปล่าประโยชน์”
หานเซิ่นดูตรึงเครียด เขารู้ว่าหอกของดราก้อนไนน์ทรงพลัง ดังนั้นเขาจึงเริ่มกวัดแกว่งมีดขนนกโลหิตอย่างรวดเร็วขึ้นไปอีก
“หานเซิ่น รับมังกรโลหิตพิโรธของข้า!”
พลังในร่างกายของดราก้อนไนน์เพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด ดราก้อนไนน์กระพือปีกมังกรสีแดงและหอกที่ดูเหมือนกับมอนสเตอร์ที่หิวกระหายก็พุ่งตรงเข้าไปหาหานเซิ่นเพื่อกลืนกินเขา
หานเซิ่นกระพือปีกและเทเลพอร์ตออกไป 100 เมตร ซึ่งนี่เป็นระยะที่ไกลที่สุดแล้ว
แต่เมื่อหานเซิ่นถอยออกไป ร่างของมังกรโลหิตก็ระเบิดออก และอาภามังกรก็พุ่งออกไปรอบทิศทางราวกับดอกไม้ไฟ มันไม่เหมือนกับลูกศรที่ยิงออกไปลูกหนึ่งและจบ
อาภามังกรที่ระเบิดออกเป็นเหมือนกับลูกเห็บที่พุ่งออกไปรอบทิศทางอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ว่าหานเซิ่นจะเคลื่อนที่ไปทางไหน เขาก็ไม่สามารถหลบมันได้
อาภามังกรไม่ได้ระเบิดออกไปรอบๆอย่างมั่วๆ ถ้าหานเซิ่นถูกมันเข้าแม้แต่ครั้งเดียว ลำแสงอื่นๆก็จะพุ่งมาใส่เขา
ร่างกายของหานเซิ่นกลายเป็นเบาะสำหรับปักเข็ม ซึ่งแม้แต่ยอดฝีมือระดับดยุกก็ไม่สามารถหนีจากพลังที่ร้ายกาจแบบนั้นได้
ระยะสูงสุดในการเทเลพอร์ตคือ 100 เมตร ซึ่งหานเซิ่นรู้ว่านั่นไม่ไกลพอที่จะหนีจากรัศมีของมังกรโลหิตพิโรธได้
“ถ้าหนีไม่ได้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำแบบนั้น”
หานเซิ่นกวัดแกว่งมีดขนนกโลหิตใส่อาภามังกรอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้วิชาใต้นภาอีกต่อไป ตอนนี้เขากำลังใช้วิชามีดเขี้ยวดาบ
มีดลมปราณสีม่วงกลายเป็นเขี้ยวพิษที่พุ่งเข้าไปปะทะกับอาภามังกร แต่ในวินาทีต่อมามันก็ถูกทำลาย และมังกรโลหิตพิโรธก็พุ่งเข้ามาหาหานเซิ่นต่อ
หานเซิ่นถอยไปพร้อมกับกวัดแกว่งมีดขนนกโลหิต มีดลมปราณสีม่วงพุ่งเข้าไปปะทะกับอาภามังกรอีกครั้งหนึ่ง
พลังเขี้ยวแตกสลาย แต่ในครั้งนี้มันแตกสลายช้าลงกว่าเดิม มันช่วยชะลอความเร็วของมังกรโลหิตพิโรธไปได้มาก ทำให้หานเซิ่นมีเวลามากพอที่จะออกจากรัศมีของมัน
แต่มังกรโลหิตพิโรธเป็นเหมือนกับสิ่งที่มีชีวิต อาภามังกรกลายเป็นมังกรสีแดงที่พยายามจะกินหานเซิ่น และเมื่อหานเซิ่นหลบ มันก็จะระเบิดออก
“ดูสิว่าเจ้าจะเทเลพอร์ตได้สักกี่ครั้ง” ดราก้อนไนน์มองดูมังกรโลหิตพิโรธไล่ต้อนหานเซิ่น
หานเซิ่นใช้พลังเขี้ยวอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้พวกมันแข็งกว่าปกติ เมื่อพลังทั้ง 2 ปะทะกัน มันก็ใช้เวลานานกว่าเดิมก่อนที่พลังเขี้ยวของหานเซิ่นจะแตกสลาย
ดราก้อนเซเว่นตกตะลึง “พลังเขี้ยวของเขาตอนนี้ดูแตกต่างไป”
“แตกต่างยังไง? ถึงเขาจะพยายามลอกเลียนแบบพี่ไนน์ แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามสักแค่ไหน มันก็ไม่มีทางที่เขาจะใช้อาภามังกรโลหิตได้ดีเหมือนกับพี่ไนน์” ดราก้อนฟิฟทีนอย่างถือตัว
แต่ทว่าสถานการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่ดราก้อนฟิฟทีนคิด เมื่อหานเซิ่นใช้พลังเขี้ยวครั้งที่ 4 มีดลมปราณสีม่วงก็ยังถูกทำลายโดยมังกรโลหิตพิโรธ แต่ทว่ามันสามารถตัดเข้าไปในอาภามังกรได้เล็กน้อย
หานเซิ่นต้องการใช้พลังที่อ่อนและแข็งกับมีดเส้นไหม แต่มีดเส้นไหมเป็นเพียงแค่เส้นบางๆ มันแย่กว่าอาภามังกรของดราก้อนไนน์เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว
แต่เมื่อหานเซิ่นพยายามใช้มันกับวิชามีดเขี้ยวดาบ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ต่างออกไป พลังที่อ่อนและแข็งประสานกับพลังเขี้ยวได้เป็นอย่างดี เมื่ออัดแน่นแล้วพลังของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าที่อาภามังกรจะสามารถทำได้
หลังจากที่ใส่ความอ่อนเข้าไป พลังเขี้ยวก็กลายเป็นพลังที่ทั้งอ่อนและแข็ง มันไม่ได้แตกสลายอีกต่อไป
ถ้ามันแข็งเกินไป มันก็จะแตกได้ง่าย แต่ถ้ามันอ่อนเกินไป มันก็จะงอ แต่พลังเขี้ยวสามารถใช้ประโยชน์จากทั้ง 2 อย่างได้เป็นอย่างดี ซึ่งทำให้พลังในการฉีกขาดของมันรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
เขี้ยวพิษและอาภามังกรปะทะกันในอากาศ ในตอนแรกพลังเขี้ยวของหานเซิ่นเสียเปรียบ
แต่หลังจากที่หานเซิ่นกวัดแกว่งมีดขนนกโลหิตไปหลายครั้งๆ พลังเขี้ยวก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ หลังจากฟันครั้งที่ 10 เขาก็สามารถต่อสู้กับอาภามังกรโลหิตพิโรธได้ตรงๆ
ตอนที่ 2065
มีดขังมังกร
“นั่นเป็นไปได้ยังไง?” ซิวซือแปลกใจ
เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับดราก้อนไนน์มาก่อน เพราะอาภามังกรของเขามีชื่อเสียงอย่างมาก การรวบรวมพลังไปที่จุดศูนย์กลางของดราก้อนไนน์น่าจะยอดเยี่ยมที่สุดในหมู่ดราก้อนทุกคน แม้แต่ในตอนที่ดราก้อนวันเป็นแค่มาร์ควิส เขาก็ไม่ได้เก่งกาจอย่างดราก้อนไนน์
นั่นเป็นเพราะดราก้อนไนน์มีร่างมังกรโลหิต ซึ่งแม้แต่ดราก้อนที่อยู่ในระดับสูงที่กว่าก็ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนอย่างเขา
ตอนนี้หานเซิ่นสามารถรวบรวมพลังได้เช่นเดียวกับดราก้อนไนน์ เขาเรียนรู้มันในระหว่างการต่อสู้ มันจึงเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ
ซิวซือไม่ใช่คนเดียวที่คิดอย่างนั้น การรู้สึกตัวถึงเรื่องนั้นทำให้ดราก้อนวันขมวดคิ้ว แม้แต่ดราก้อนเซเว่นและฟิฟทีนก็ตกตะลึง
ปัง!
พลังเขี้ยวและอาภามังกรโลหิตยังคงปะทะกัน หมอกสีม่วงและแสงสีเลือดแตกกระจายในเวลาเดียวกัน
สีหน้าของดราก้อนไนน์ดูไม่สู้ดีนัก เขาคำรามออกมาและแทงหอกเข้าใส่หานเซิ่น พร้อมกับแสงสีแดงที่ห่อหุ้มมันในรูปร่างของมังกร ซึ่งมันน่ากลัวยิ่งกว่าอาภามังกรโลหิตครั้งก่อนๆ
หานเซิ่นไม่หยุดชะงักแม้แต่นิดเดียว ขณะที่ใช้มีดขนนกโลหิตฟันกลับไป พลังเขี้ยวและอาภามังกรโลหิตต่อสู้กันในอากาศ สีม่วงและสีแดงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง และสร้างแรงระเบิดไปทั่ว คนที่ดูการต่อสู้อยู่ใกล้เกินไปเริ่มที่จะกระอักเลือดออกมา พวกเขาได้รับผลกระทบจากการต่อสู้อันดุเดือด
อาภามังกรแตกกระจาย แต่มีดลมปราณของหานเซิ่นยังคงพุ่งเข้าไปหาดราก้อนไนน์ต่อ ดราก้อนไนน์ใช้หอกของเขาเพื่อทำลายมีดลมปราณของหานเซิ่น
ถึงดราก้อนไนน์จะยังไม่พ่ายแพ้ แต่หานเซิ่นขโมยพรสวรรค์ในการรวบรวมพลังของเขา ถ้ามันเป็นแค่การรวบรวมพลังอย่างเดียวที่สำคัญล่ะก็ หานเซิ่นยังด้อยกว่า แต่เมื่อพลังที่แข็งของดราก้อนไนน์ปะทะกับพลังที่ทั้งแข็งและอ่อนของหานเซิ่น พลังของดราก้อนไนน์กลับเป็นฝ่ายที่แตกสลายไป ในทางกลับกันพลังของหานเซิ่นส่วนใหญ่แตกสลายไปก็จริง แต่มันยังมีเศษเสี้ยวที่ยังคงไม่สลายไป ซึ่งนั่นเป็นประโยชน์จากพลังที่อ่อนโยน
สิ่งต่างๆจะแตกสลายถ้าใส่แรงไปที่พวกมันมากเกินไป นั่นเป็นเหตุผลที่หานเซิ่นได้เปรียบ เพราะเขามีพลังที่อ่อนอยู่ด้วย
ตอนนี้พลังเขี้ยวฉบับปรับปรุงมีพลังทำลายพอๆกับอาภามังกรของดราก้อนไนน์ แต่ดราก้อนไนน์ไม่สามารถใช้อาภามังกรป้องกันมีดลมปราณของหานเซิ่นได้อีกต่อไป
วิชามีดของหานเซิ่นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ทางฝั่งของดราก้อนไนน์ไม่มีการพัฒนาใดๆ เขาสูญเสียความได้เปรียบไป ดราก้อนไนน์ไม่ได้เก่งเหมือนกับหานเซิ่นเมื่อเปรียบเทียบกันที่วิชาการต่อสู้
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!” ดราก้อนไนน์ไม่สามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เขาต้องอดทนอะไรมากมายกว่าที่จะได้รับอาภามังกรโลหิตมา แต่หานเซิ่นที่ลอกเลียนแบบเขากลับใช้มันได้ดียิ่งกว่าเขาซะอีก
ดราก้อนไนน์รวบรวมพลังทั้งหมดที่มีเพื่อเรียกอาภามังกรโลหิตออกมา แต่เมื่อเขายกหอกขึ้นและเตรียมที่จะส่งอาภามังกรโลหิตออกไป เขาก็หยุดชะงักในอากาศ
เขาไม่สามารถขยับร่างกายได้ มีดเส้นไหมที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นรอบๆร่างกายของเขา แขนของเขาถูกรัดด้วยเส้นไหม ทำให้เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
โฮก!
ดราก้อนไนน์คำรามออกมาและอาภามังกรโลหิตก็เรืองแสงขึ้นจากร่างของเขา เขาต้องการจะทำลายมีดเส้นไหมที่ผูกรัดร่างของเขาอยู่
เลือดเริ่มไหลออกมา แต่มีดเส้นไหมยังไม่ขาด มันเจาะลึกเข้าไปในชุดเกราะและตัดผ่านเกล็ดมังกรเข้าไปถึงเนื้อหนังของเขา ตอนนี้เขามีเลือดไหลออกมาจากทุกส่วนของร่างกาย
“พี่ไนน์!” ดราก้อนฟิฟทีนและดราก้อนไนน์ทีนกรีดร้อง
หานเซิ่นดึงมีดกลับและเส้นไหมก็รัดแน่นขึ้น ท่ามกลางความเจ็บปวด ดราก้อนไนน์ก็ถูกบังคับให้ปล่อยมือจากหอก
หอกร่วงลงไปที่พื้นและอาภามังกรโลหิตที่รวบรวมอยู่ในหอกก็ระเบิดจนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่
ตอนนี้มีดเส้นไหมของหานเซิ่นต่างไปจากก่อนหน้านี้ หลังจากที่เขาลองใช้กับพลังเขี้ยว เขาก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างพลังของดราก้อนไนน์มากขึ้น ทำให้เขาสามารถรวมพลังที่ทั้งอ่อนและแข็งไว้ในมีดเส้นไหมได้สำเร็จ
พลังทำลายของมันไม่ได้มากอย่างอาภามังกรโลหิต แต่ความทนทานของมันมากกว่า ดราก้อนไนน์ไม่สามารถใช้อาภามังกรเพื่อทำลายมีดเส้นไหมได้อีกต่อไป
โฮก!
ดราก้อนไนน์คำรามอีกครั้ง และอาภามังกรก็เริ่มปะทุขึ้นมาราวกับภูเขาไฟ
มีดเส้นไหมบางส่วนถูกทำลาย แต่มันก็มีมีดเส้นไหมเส้นใหม่เข้ามาแทนที่ พวกมันรัดร่างของดราก้อนไนน์เอาไว้แน่น
หานเซิ่นขยับมีดขนนกโลหิตและบีบรัดแน่นขึ้นไปอีก ร่างกายของดราก้อนไนน์ดูเหมือนกับว่ากำลังถูกรัดโดยลวดที่มองไม่เห็น เลือดไหลออกมาทั่วร่างของเขา
พวกดราก้อนพูดอะไรไม่ออก พวกเขาไม่สามารถเชื่อได้ว่าดราก้อนไนน์จะพ่ายแพ้ให้กับพลังที่ตัวเองถนัด
นี่คือดราก้อนไนน์ เขาต่างไปจากดราก้อนทั่วๆไป เขาเป็นความภาคภูมิใจของดราก้อน แต่ตอนนี้หานเซิ่นมัดดราก้อนไนน์เอาไว้ราวกับว่าเขาเป็นโจรคนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าเขาจะพยายามสักแค่ไหน เกล็ดและเนื้อหนังของเขาก็ยังคงถูกตัดด้วยมีดเส้นไหม เลือดของเขาไหลออกมาราวกับสายน้ำ และในอีกไม่นานเขาก็คงจะตาย
“พอได้แล้ว!” ดราก้อนวันสะบัดมือของเขา พลังที่มองไม่เห็นทำลายมีดเส้นไหมทั้งหมดและดึงร่างดราก้อนไนน์ที่ได้รับบาดเจ็บกลับเข้ามาในรถม้า
ดราก้อนเซเว่นรับดราก้อนไนน์เอาไว้ หลังจากนั้นเธอก็รีบใช้พลังเพื่อรักษาให้กับเขา
หานเซิ่นรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ดราก้อนวันไม่มีทางนั่งอยู่เฉยๆและปล่อยให้ดราก้อนไนน์ถูกฆ่าตาย
“เจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่ง” ดราก้อนวันก้าวออกมาจากรถม้า เขาลอยตัวอยู่บนอากาศ เขาไม่ได้ปลดปล่อยพลังอะไรออกมา แต่มันรู้สึกราวกับว่าเขาอยู่เหนือทุกคนในที่แห่งนี้
หานเซิ่นกำมีดขนนกโลหิตเอาไว้แน่น แต่เขาดูสงบนิ่ง
“ดังนั้นเจ้าสมควรตาย” ดราก้อนวันพูด หลังจากนั้นพลังที่น่ากลัวก็ระเบิดออกมาจากร่างของเขา
หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าทั้งท้องฟ้าถูกครอบงำด้วยมังกรตัวใหญ่ยักษ์ และมังกรก็จ้องมองมาที่เขา ซึ่งถ้ามันอ้าปาก หานเซิ่นก็คงจะหายเข้าไปในปากของมันทันที
“ดราก้อนวัน ทำไมเจ้าถึงได้รังแกคนหนุ่มคนหนึ่ง?” เสียงที่กระจ่างใสดังมาจากท้องฟ้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น