Super God Gene 1977-1985

 ตอนที่ 1977

 

มังกรเสวียนเยวี๋ยนหันมาหาหานเซิ่นและพ่นควันออกมา หานเซิ่นกระโดดถอยไปด้านหลัง พร้อมกับฟันมีดเขี้ยวผีสิงไปด้านหน้าเพื่อทำลายลมหายใจของมังกร


 


มังกรเสวียนเยวี๋ยนหันความสนใจกลับไปที่ยวิ๋นซู่ซาง กระเรียนพันขนพยายามวิ่งเข้ามา แต่เขาไม่ได้รวดเร็วเหมือนอย่างกับมังกร


 


เฟิร์สเดย์ใช้แสงแห่งสัจธรรมของเขา แต่การโจมตีของเขาไปไม่ถึงตัวของมังกร เขาตะโกนออกมา “มันรวดเร็วเกินไป!”


 


สิ่งที่เฟิร์สเดย์พูดทำให้หานเซิ่นคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาเพิ่งจะคิดค้นวิชาเต่าขึ้นมา ซึ่งเขาเกือบจะลืมไปเลยว่ามันมีพลังในการลดความเร็วของเป้าหมายลง


 


มังกรเสวียนเยวี๋ยนเกือบจะเข้าไปถึงตัวของยวิ๋นซู่ซาง ขณะที่หานเซิ่นกระโดดออกไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง เขารวบรวมพลังเอาไว้ในมือและตบใส่มังกรสีดำ


 


ความเร็วของรองเท้าเขี้ยวกระต่ายนั้นเทียบได้กับความเร็วของมังกรเสวียนเยวี๋ยน และในชั่วพริบตาฝ่ามือสีขาวก็กดลงไปที่หัวของมังกร


 


กระเรียนพันขนและคนอื่นๆไม่ได้คิดว่าลูกตบของหานเซิ่นจะทำอะไรได้มาก พวกเขารู้ว่ามีดที่หานเซิ่นใช้เป็นมีดระดับราชัน และพวกเขาก็ยังรู้ว่าหานเซิ่นฝึกวิชามีดเขี้ยวดาบ ถ้าวิชานั้นยังไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อมังกรเสวียนเยวี๋ยนได้ แล้วลูกตบนั้นจะทำอะไรได้?


 


กระเรียนพันขนและเฟิร์สเดย์อยู่ไกลเกินกว่าจะทำอะไรได้ และปืนของมนตราที่ยิงใส่มังกรเสวียนเยวี๋ยนก็ไม่ได้ผล ยวิ๋นซู่ซางคิดว่าพวกเธอกำลังจะตาย ดังนั้นเธอจึงผลักยวิ๋นซู่อีออกไป หลังจากนั้นร่างกายของเธอก็ระเบิดเมฆออกมา เธอตั้งใจจะต่อสู้กับมังกรด้วยทุกอย่างที่เหลืออยู่


 


ปัง!


 


แต่เมื่อหานเซิ่นตบใส่หัวของมังกรเสวียนเยวี๋ยน มันก็ร่วงลงไปบนพื้น


 


กระเรียนพันขนและคนอื่นๆตกตะลึง พวกเขามองไปยังมังกรเสวียนเยวี๋ยนที่ตอนนี้นอนอยู่บนพื้น ซึ่งในจุดที่หานเซิ่นตบใส่มันนั้นมีรูปของมนตร์เต่าอยู่


 


มังกรเสวียนเยวี๋ยนส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ มันพยายามกระพือปีกของมันเพื่อกลับขึ้นไปบนอากาศอีกครั้ง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่คนอื่นประหลาดใจมากที่สุด


แต่ไม่ว่ามังกรเสวียนเยวี๋ยนจะกระพือปีกมากแค่ไหน มันก็ไม่สามารถบินขึ้นบนอากาศอีกครั้งได้ มันเป็นเหมือนกับเป็ดที่พยายามจะบินขึ้นฟ้า แต่ไม่ว่ามันจะกระพือปีกมากสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถขึ้นจากพื้นได้


 


ยวิ๋นซู่ซางอ้าปากค้างขณะที่จ้องไปที่มังกร นี่มันทรงพลังเกินไปแล้ว และมันก็ทำให้พวกเขาทุกคนตกตะลึง


 


“มัวยืนมองอะไรอยู่? รีบหนีไปเร็วเข้า!” หานเซิ่นตะโกน


 


ยวิ๋นซู่ซางรีบพายวิ๋นซู่อีหนีไป ขณะที่เฟิร์สเดย์เข้ามาจากด้านหลังและใช้แสงแห่งสัจธรรมจู่โจมใส่มังกร กระเรียนพันขนก็โจมตีเข้ามาพร้อมๆกัน


 


แต่ตอนนี้พวกเขาใช้พลังจนเกือบหมดแล้ว ดังนั้นการโจมตีของพวกเขาจึงขาดความรุนแรงเหมือนกับก่อนหน้านี้


 


มังกรเสวียนเยวี๋ยนดูจะโกรธมาก มันเมินเฉยต่อการโจมตีของเฟิร์สเดย์และกระเรียนพันขน มันพยายามที่จะเข้าไปหาหานเซิ่น แต่มันไม่สามารถบินขึ้นได้ ดังนั้นมันพยายามจะคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ


 


เมื่อหานเซิ่นเห็นความเร็วของมังกรเสวียนเยวี๋ยน เขาก็ดีใจอย่างมาก ด้วยความเชื่องช้าของมังกรเสวียนเยวี๋ยนในตอนนี้ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องกลัวอีกต่อไป


 


กระเรียนพันขนและเฟิร์สเดย์โจมตีใส่มังกรเสวียนเยวี๋ยนจากด้านหลัง ขณะที่มันพยายามคลานเข้าหาหานเซิ่น พร้อมกับปล่อยควันออกจากปากของมัน


หานเซิ่นเคลื่อนตัวหลบควันที่ถูกปล่อยออกมา หลังจากนั้นเขาก็เคลื่อนที่เข้าไปอยู่ด้านข้างของมังกรและตบเข้าไปที่ใบหน้าของมัน


 


มนตร์เต่าอีกอันปรากฏที่ใบหน้าของมังกรเสวียนเยวี๋ยนและลดความเร็วของมันลงอีกครั้ง


 


หานเซิ่นเก็บมีดเขี้ยวผีสิงกลับไปและใช้มือทั้ง 2 ข้างตบหน้าของมังกรเสวียนเยวี๋ยนซ้ำหลายต่อหลายครั้ง


 


มังกรเสวียนเยวี๋ยนที่เชื่องช้านั้นไม่สามารถตามความเร็วของหานเซิ่นได้ทัน ดังนั้นมันจึงไม่สามารถหยุดหานเซิ่นได้


 


กระเรียนพันขนและเฟิร์สเดย์มองดูหานเซิ่นตบใส่หน้าของมังกรอย่างไม่ยั้ง ขณะที่พี่น้องทั้ง 2 อ้าปากค้างต่อสิ่งที่พวกเธอกำลังมองเห็น


 


มังกรเสวียนเยวี๋ยนนอนอยู่นิ่งๆและปล่อยให้หานเซิ่นตบใส่หน้าของมันอย่างไม่หยุด


 


เฟิร์สเดย์และคนอื่นๆสามารถคาดเดาว่าลูกตบของหานเซิ่นเป็นวิชาจีโนบางอย่างที่ลดความเร็วของคู่ต่อสู้ เฟิร์สเดย์ก็มีวิชาจีโนแบบนั้นเหมือนกัน แต่มันไม่ได้ผลกับมังกรเสวียนเยวี๋ยน


 


พวกเขาทั้งคู่เป็นเอิร์ลเหมือนกัน แต่วิชาจีโนของหานเซิ่นกับมีประสิทธิภาพกับมังกรเสวียนเยวี๋ยนมากกว่าของเขา ซึ่งมันทำให้เฟิร์สเดย์สับสน


 


หานเซิ่นเองก็ไม่คิดว่าวิชาเต่าของเขาจะยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้ มันสามารถหยุดศัตรูจากการบิน และทำให้ศัตรูเคลื่อนไหวช้าลงอย่างมาก ซึ่งมันน่าประหลาดใจที่มันได้ผลกับมังกรเสวียนเยวี๋ยนที่เป็นซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ระดับมาร์ควิส


 


วิชาเต่าของหานเซิ่นนั้นมาจากการรวมพลังเหรียญเข้ากับเวทย์มนตร์เต่าหยกที่มาจากไพ่ระดับเทพเจ้า และหานเซิ่นก็ใช้ประสบการณ์ภายใต้แรงกดดันของปราสาทนภาที่เป็นระดับเทพเจ้าเหมือนกัน ซึ่งด้วยพลังของหานเซิ่นในตอนนี้ วิชาเต่าของเขาอาจจะไม่สามารถกำราบศัตรูระดับราชันได้ แต่มันก็ได้ผลกับศัตรูระดับมาร์ควิสหรือดยุก


 


หานเซิ่นยังคงตบใส่มังกรเสวียนเยวี๋ยนต่อไป และในที่สุดมังกรก็เชื่องช้าราวกับหอยทาก


 


มังกรเสวียนเยวี๋ยนโกรธมากจนลูกตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า สายตาของมันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ถ้าสายตาของมันสามารถฆ่าคนได้ หานเซิ่นก็คงจะตายไปนานแล้ว


 


แต่ถึงมังกรเสวียนเยวี๋ยนจะเชื่องช้า แต่พลังของมันก็ไม่ได้ลดลงไป มันยังสามารถปล่อยลมหายใจพิษออกมา แต่มันไม่สามารถโจมตีถูกตัวของหานเซิ่นที่พลิ้วไหวได้


 


หานเซิ่นใช้มีดเขี้ยวผีสิงฟันใส่คอของมังกรซ้ำๆ เขาฟันใส่คอของมันเป็นร้อยครั้งจนกระทั่งเริ่มจะมีเลือดไหลออกมา


 


กระเรียนพันขนและคนอื่นๆสามารถบอกได้ว่ามังกรเสวียนเยวี๋ยนกำลังจะสิ้นใจ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เข้าไปช่วย พวกเขาหันไปกำจัดอสูรกรงเล็บภูติหยกที่อยู่รอบๆแทน


 


ในที่สุดเสียงกรีดร้องของมังกรเสวียนเยวี๋ยนก็เงียบไปพร้อมกับหัวของมันที่ถูกตัดจนขาด


 


“ซีโน่เจเนอิคมังกรเสวียนเยวี๋ยนกลายพันธุ์ระดับมาร์ควิสถูกฆ่า คุณได้ริบวิญญาณอสูรมังกรเสวียนเยวี๋ยนกลายพันธุ์ ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”

 

 

 


ตอนที่ 1978

 

หลังจากที่ฆ่ามังกรเสวียนเยวี๋ยนได้แล้ว กลุ่มของหานเซิ่นก็เดินทางออกจากถ้ำ


 


หานเซิ่นรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เฟิร์สเดย์กับยวิ๋นซู่ซางต่างก็ได้รับบาดเจ็บ พวกเขาไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ แถมพวกเขายังต้องแบกร่างของมังกรเสวียนเยวี๋ยนกับอสูรกรงเล็บภูติหยกกลับไปอีก


 


ร่างของมังกรเสวียนเยวี๋ยนนั้นมีประโยชน์มากๆ ดังนั้นพวกเขาไม่ต้องการเสียมันไปเปล่าๆ


 


หานเซิ่นผ่าหัวของมังกรเสวียนเยวี๋ยนและนำสมองของมันออกมา ซึ่งมันคือยีนซีโน่เจเนอิคของมังกรตัวนี้


สมองของมังกรเสวียนเยวี๋ยนดูเหมือนกับลูกคริสตัลสีดำที่มีขนาดพอๆกับกำปั้น แต่ที่น่าแปลกก็คือมันมีมังกรเสวียนเยวี๋ยนอยู่ภายในลูกคริสตัลนั้น


 


เมื่อหานเซิ่นได้รับลูกคริสตัลสีดำมา เสียงประกาศก็ดังขึ้นในหัวของเขา


 


“คุณได้รับยีนซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสกลายพันธุ์ แต่เนื่องจากยีนระดับมาร์ควิสไม่เพียงพอ ไม่สามารถสกัดได้”


 


หานเซิ่นประหลาดใจและคิดกับตัวเอง ‘นั่นมันหมายความว่ายังไง? การจะดูดซับยีนกลายพันธุ์เข้าไปจำเป็นต้องมียีนระดับเดียวกันเป็นรากฐานก่อนอย่างนั้นหรอ?’


 


หานเซิ่นเก็บลูกคริสตัลเข้าไปและเดินทางออกจากถ้ำพร้อมกับคนอื่นๆ


 


“หานเซิ่น วิชาจีโนที่เจ้าใช้กับมังกรเสวียนเยวี๋ยนคืออะไรกัน? มันดูเป็นอะไรที่ทรงพลังมากๆ” ยวิ๋นซู่อีพูดกับหานเซิ่นขณะที่เดินทางกลับ


 


“มันเป็นวิชาจีโนที่ใช้เพื่อลดความเร็วของศัตรู มันมีชื่อว่าวิชาเต่า” หานเซิ่นตอบ


 


เมื่อได้ยินชื่อ ยวิ๋นซู่อีและคนอื่นๆก็ดูประหลาดใจ ยวิ๋นซู่อียิ้มและพูด

“นั่นเป็นชื่อที่ดี เจ้าทำให้มังกรเสวียนเยวี๋ยนกลายเป็นเต่าตัวหนึ่งจริงๆ”


 


กระเรียนพันขนและคนอื่นๆรู้สึกแปลกใจ พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าวิชาที่ใช้ลดความเร็วของศัตรูจะมีประสิทธิภาพถึงขนาดนั้น พวกเขาเชื่อว่ามันจะต้องไม่ใช่วิชาจีโนธรรมดาๆอย่างแน่นอน


 


หลังจากที่พูดคุยกันอยู่สักพัก หานเซิ่นก็ตัดสินใจขายร่างของมังกรเสวียนเยวี๋ยนให้กับยวิ๋นซู่ซาง ยวิ๋นซู่ซางจึงเรียกคนของเธอมาขนมันกลับไป


 


หานเซิ่นเอาไปแค่ยีนซีโน่เจเนอิคของมังกรกับอสูรกรงเล็บภูติหยกนิดหน่อยเท่านั้น หลักจากนั้นเขาก็ขี่นกไร้ขากลับไปที่เกาะ


 


ในระหว่างทางกลับ หานเซิ่นก็ตรวจสอบวิญญาณอสูรใหม่ที่เพิ่งได้มา


 


“อสูรกรงเล็บภูติหยก : อาวุธ”


 


หานเซิ่นเรียกวิญญาณมันออกมาและพบว่ามันเป็นอาวุธจริงๆ มันดูคล้ายคลึงกับกรงเล็บของอสูรกรงเล็บภูติหยก


 


มันมีที่จับยาว 3 ฟุต พร้อมกับตัวกรงเล็บที่เหมือนกับใบมีดอยู่ที่ปลายของมัน หานเซิ่นไม่แน่ใจว่ามันเป็นอาวุธประเภทไหนกันแน่


 


หานเซิ่นเก็บมันกลับไปและเรียกวิญญาณอสูรมังกรเสวียนเยวี๋ยนกลายพันธุ์ออกมา


 


“มังกรเสวียนเยวี๋ยนกลายพันธุ์ : ปีก”


 


หลังจากที่หานเซิ่นเรียกมันออกมา เขาก็รู้สึกค่อนข้างผิดหวัง เขาคิดว่ามันจะเป็นปีกขนาดใหญ่ที่ดูเท่ห์ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อเขาเรียกมันออกมา มันก็ไม่ได้เป็นปีกสีดำที่อยู่บนของมังกร แต่มันเป็นปีกที่โผล่มาจากข้างหูของเขาแทน


 


พวกมันไม่ใช่ปีกที่กว้างใหญ่อะไร พวกมันเป็นเพียงแค่ปีกหูเล็กๆ ถึงพวกมันจะดูสวยงาม แต่หานเซิ่นไม่คิดว่าพวกมันจะมีประโยชน์อะไรมากนัก


 


หานเซิ่นพยายามจะลองบินด้วยปีกนั้น ซึ่งพวกมันรวดเร็วอย่างมากและเกือบจะดีเท่ากับรองเท้าเขี้ยวกระต่ายของเขาเลย


 


รองเท้าเขี้ยวกระต่ายเพิ่มความเร็วในตอนที่อยู่บนพื้นเท่านั้น แต่ปีกมังกรนี้จะเพิ่มความเร็วในตอนที่เขาอยู่กลางอากาศ ดังนั้นพวกมันเหมาะสำหรับใช้ในปราสาทนภาอย่างมาก วิญญาณอสูรนี้อาจจะเป็นอะไรที่มีประโยชน์มากกว่าที่เขาคิด


 


แต่เมื่อเขาใช้ปีกมังกรนี้ มันก็ทำให้เขาดูตลก


 


หานเซิ่นละลายยีนของอสูรกรงเล็บภูติหยก หลังจากนั้นเขาก็ดื่มพวกมันเข้าไป ไม่นานเขาก็รู้สึกหนาวเย็นราวกับว่าถูกสาดด้วยน้ำเย็น


 


“ยีนซีโน่เจเนอิคระดับเอิร์ล +1”


 


หานเซิ่นได้ชิ้นส่วนยีนซีโน่เจเนอิคของอสูรกรงเล็บภูติหยกมาทั้งหมด 9 ชิ้นจาก หลังจากที่เขากินพวกมันเข้าไป เขาก็ได้รับยีนซีโน่เจเนอิคระดับเอิร์ลมาทั้งหมด 9 พ้อย


 


แต่ทว่ายีนซีโน่เจเนอิคของมังกรเสวียนเยวี๋ยนกลายพันธุ์ไม่สามารถละลายได้ มันเป็นอย่างที่เสียงประกาศบอก เนื่องจากหานเซิ่นยังไม่มียีนระดับมาร์ควิสมากพอ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถสกัดยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ได้


 


หานเซิ่นพักผ่อนอยู่หนึ่งคืน แต่เมื่อพบว่าไม่มีอะไรให้เขาทำในวันต่อมา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงมีแผนที่จะเข้าไปล่าซีโน่เจเนอิคภายในถ้ำเสวียนเยวี๋ยน เขาต้องการจะเก็บยีนระดับเอิร์ลของเขาให้เต็มเพื่อที่เขาจะได้ฝึกวิชาจีโนไปสู่ขั้นต่อไปได้ง่ายยิ่งขึ้น


 


หานเซิ่นขี่นกไร้ขาไปยังถ้ำเสวียนเยวี๋ยน แต่เขาให้มันรออยู่ข้างนอกและเข้าไปในถ้ำตามลำพัง


 


เนื่องจากกระเรียนพันขนและคนอื่นๆไม่ได้มาด้วย หานเซิ่นก็แค่ค่อยระวังตัวเองเพียงอย่างเดียว เขาใช้รองเท้าเขี้ยวกระต่ายวิ่งลึกเข้าไปถ้ำด้วยความเร็วสูง


 


บางทีมันอาจจะเป็นเพราะรองเท้าเขี้ยวกระต่ายรวดเร็วเกินไป Xuan Jade Spiritถึงไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็นเลย หานเซิ่นวิ่งอยู่ 3 ชั่วโมงและผ่านจุดที่พวกเขาสังหารมังกรเสวียนเยวี๋ยนไป แต่มันก็ยังไม่มีวี่แววของซีโน่เจเนอิคเลยสักตัว


 


หานเซิ่นไม่กล้าจะชะลอความเร็ว เพราะเขาต้องการจะดึงความสนใจของทุกสิ่งมีชีวิต เขาได้พบคนของปราสาทนภาที่เข้ามาล่าซีโน่เจเนอิคเหมือนกัน แต่พวกเขามากันเป็นกลุ่ม มีเพียงแค่หานเซิ่นเท่านั้นที่เข้ามาตามลำพัง


 


เมื่อศิษย์ของปราสาทนภาเห็นหานเซิ่นวิ่งไปมาตัวคนเดียว พวกเขาก็รู้สึกแปลกใจ


 


เนื่องจากXuan Jade Spiritนั้นสามารถปรากฏตัวออกมาได้ทุกหนทุกแห่ง มันจึงเป็นอันตรายที่จะออกล่าตามลำพัง ซึ่งมันหาได้ยากที่จะเห็นคนเข้ามาคนเดียวเหมือนอย่างหานเซิ่น


 


ขณะที่หานเซิ่นกำลังเดินอยู่ในถ้ำ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากในถ้ำ


 


หานเซิ่นมองตามเสียงนั้นไปและเห็นชายคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางเขา มันมีมดตัวหนึ่งที่มีหัวใหญ่พอๆกับแมวกำลังวิ่งไล่ตามเขามา


 


หานเซิ่นเรียกมนตราออกมา หลังจากนั้นเธอก็ยกปืนไรเฟิลขึ้นและยิงกระสุนออกไประเบิดหัวของซีโน่เจเนอิคที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร


 


“ซีโน่เจเนอิคมดหยกระดับไวเคานต์ถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”


 


“วิ่ง!” ชายคนนั้นยังคงวิ่งเข้ามาและตะโกนบอกหานเซิ่น


 


“วิ่งทำไม? มันตายไปแล้วนะ” หานเซิ่นพูด


 


ชายคนนั้นยังคงวิ่งต่อไป เขาตะโกน “พวกมันไม่ได้มีแค่ตัวเดียว พวกมันมีอยู่หลายตัว!”


 


“พวกมันมีกันอยู่เท่าไหร่?” หานเซิ่นถาม


 


“เยอะจนนับไม่ถ้วน วิ่งหนีเร็วเข้า” ชายคนนั้นวิ่งผ่านหานเซิ่นไป


 


หานเซิ่นไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านั้น ขณะที่เขาเห็นพวกมดกำลังหลั่งไหลออกมาจากภายในถ้ำด้านหลังชายคนนั้น มันมีอยู่มากเกินกว่าที่จะนับได้


 


“มันเยอะจริงๆด้วย” แต่หานเซิ่นไม่ได้หวาดกลัว เขารู้สึกดีใจแทน ดวงตาของเขาเปล่งประกายออกมา


 


มนตราเปลี่ยนปืนไรเฟิลของเธอให้กลายเป็นปืนอาร์พีจี เธอวางมันลงบนไหล่และตั้งท่าก่อนที่จะเหนี่ยวไก


 


จรวดพุ่งออกไปยังใจกลางของฝูงมดที่วิ่งเข้ามา

 

 

 


ตอนที่ 1979

 

ตูม!


แสงสีขาวระเบิดท่ามกลางฝูงมด ทำให้เกิดควันปกคลุมทั่วทั้งถ้ำ


 


เสียงประกาศดังขึ้นในหัวของหานเซิ่นซ้ำๆนับครั้งไม่ถ้วน แต่หานเซิ่นได้ยินว่าตัวเองได้รับวิญญาณอสูร 2 ดวง


 


หานเซิ่นรู้สึกดีมากๆ เขาไม่ได้รู้สึกดีอย่างนี้มาเป็นเวลานานแล้ว


 


ชายชาวนภาคนนั้นหยุดวิ่งและหันมามองอย่างตกตะลึง เขาตัวแข็งทื่อไปกับสิ่งที่เพิ่งจะได้เห็น


 


มนตรายิงจรวดอีกลูกออกไปและมันก็พุ่งเข้าไปใส่ฝูงมดหยกที่วิ่งเข้ามา ศพที่ไหม้เกรียมของมดนั้นเกลือนกลาดเต็มไปหมด


 


“ว้าว! อาวุธของเจ้าทรงพลังจริงๆ” ชายคนนั้นมองไปที่มนตราขณะที่พูดออกมา


 


“ข้าแค่โชคดีเท่านั้นเอง” หานเซิ่นพูดพร้อมกับยิ้มออกมา


 


มนตราจำเป็นต้องใช้เวลา 3 วินาทีในการชาร์จยิงแต่ละลูก แต่หลังจากที่ยิงไปได้ 3-4 ลูก พวกมดหยกที่มีชีวิตอยู่ก็ถอยกลับเข้าไปในถ้ำ


 


ชายคนนั้นมองดูมนตราด้วยความสนใจ เขาพูดแนะนำตัวขึ้นมา

“ชื่อของข้าคืออวี้จิง แล้วเจ้าล่ะ?”


 


“หานเซิ่น” หานเซิ่นตอบ


 


“เจ้าคือหานเซิ่นที่ถูกแบกเข้าไปในปราสาทนภาอย่างนั้นหรอ?” อวี้จิงถามอย่างประหลาดใจ


 


หานเซิ่นยักไหล่ของเขา


 


“เจ้าดูต่างจากข่าวลือที่ข้าได้ยินมา และอาวุธจีโนของเจ้าก็ทรงพลังจริงๆ” อวี้จิงพูด


 


หลังจากนั้นอวี้จิงก็พูดต่อ “หานเซิ่น เจ้าสนใจจะมาร่วมมือกับข้าไหม?”


 


“ไม่ล่ะ” หานเซิ่นตอบในทันที


 


อวี้จิงดูผิดหวัง หลังจากนั้นเขาก็พูด “อย่างน้อยเจ้าก็ลองฟังข้อเสนอของข้าดูก่อน?”


 


“ไม่ล่ะขอบคุณ” หานเซิ่นพูด


 


ถึงหานเซิ่นจะพูดอย่างนั้น แต่อวี้จิงก็อดไม่ได้ที่จะอธิบายให้เขาฟัง

“ศิษย์น้องหาน มันใช่อย่างนั้น ข้ารับมือกับมดหยกระดับไวเคานต์ได้ แต่เหตุผลที่ข้าวิ่งหนีนั้นเป็นเพราะมันมีระดับเอิร์ลอยู่ด้วย มันเป็นมดราชินีกลายพันธุ์ ด้วยเหตุนั้นข้าถึงได้วิ่งหนี”


 


“มดราชินีกลายพันธุ์?” เมื่อหานเซิ่นได้ยินอย่างนั้น เขาก็รู้สึกสนใจขึ้นมา


 


หานเซิ่นได้รับยีนซีโน่เจเนอิคของมังกรเสวียนเยวี๋ยนมา แต่เขาไม่สามารถดูดซับมันได้ เขาต้องการจะทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างยีนธรรมดากับยีนกลายพันธุ์ ถ้าเขาได้ยีนกลายพันธุ์ระดับเอิร์ล เขาก็อาจจะเข้าใจอะไรบางอย่าง


 


“ใช่แล้ว ข้าโชคร้ายจริงๆ! ข้าได้ไปพบต้นไม้ผลหยกต้นหนึ่ง และในขณะที่ข้ากำลังเก็บผลไม้หยก ข้าก็สังเกตเห็นรังมดหยกอยู่ถัดไปจากต้นไม้หยก ซึ่งมันทำให้ข้าเกือบจะถูกฆ่าตาย ข้าต้องใช้สิ่งของติดตัวทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด ข้าสูญเสียไปมากกับการเดินทางในครั้งนี้” อวี้จิงถอนหายใจ


 


หลังจากนั้นจู่ๆอวี้จิงก็ยิ้มให้กับหานเซิ่น “ศิษย์น้อง ข้าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่ง อย่างนั้นแล้วทำไมเจ้ากับข้าไม่ไปเก็บผลไม้หยกด้วยกันและแบ่งกันคนละครึ่งล่ะ?”


 


“ไม่อยากจะเสียมารยาท แต่ทำไมข้าถึงไม่ไปที่นั่นด้วยตัวเองล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้น?” หานเซิ่นยิ้มให้กับอวี้จิง


 


อวี้จิงยังคงยิ้มออกมา แต่จิตใจของเขาสั่นไหวด้วยความกังวล

“ศิษย์น้องหานเพิ่งจะมาอยู่ในปราสาทนภาได้ไม่กี่วัน ดังนั้นเจ้าคงจะไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับถ้ำเสวียนเยวี๋ยนมากสินะ? ถึงแม้เกาะแห่งนี้จะดูไม่ใหญ่มาก แต่ภายในของมันใหญ่กว่าที่เห็นมากนัก ถึงเจ้าจะเข้ามาในนี้เป็นปี เจ้าก็คงจะสำรวจทุกซอกทุกมุมของที่นี่ไม่ได้ ถ้ำของที่นี่เป็นอะไรที่ซับซ้อน ดังนั้นเจ้าอาจจะหลงทางได้ง่ายๆ ถ้าไม่มีข้าไปด้วย เจ้าต้องการจะเสียเวลาในการค้นหาแบบนั้นจริงๆอย่างนั้นหรอ?”


 


“นั่นฟังดูมีเหตุผล ตกลง พวกเราจะแบ่งผลไม้กันคนละครึ่ง” หานเซิ่นพูดขณะที่ค้นซากของพวกมดหยก


 


จรวดของมนตรานั้นรุนแรงเกินไป และมดหยกก็เป็นแค่ระดับไวเคานต์เท่านั้น ดังนั้นพวกมันส่วนใหญ่จึงถูกระเบิดเป็นผุยผง และยีนซีโน่เจเนอิคส่วนใหญ่ก็ถูกทำลายจนไม่มีเหลือ ทำให้หานเซิ่นได้ชิ้นส่วนยีนซีโน่เจเนอิคมาเพียงแค่สิบกว่าชิ้นเท่านั้น


 


อวี้จิงดีใจที่ได้ยินหานเซิ่นพูดอย่างนั้น “ศิษย์น้องหาน เจ้าจะไม่เสียใจที่ได้ร่วมมือกับข้า! ว่าแต่อาวุธจีโนของเจ้าทำลายมดหยกระดับเอิร์ลได้ไหม?”


 


หานเซิ่นค้นหาร่างของมดหยกอีก 2-3 ตัวที่ไม่ได้ถูกทำลายเป็นผุยผง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มออกตามหาต้นไม้ผลหยกร่วมกับอวี้จิง


 


ตามจริงแล้วเป้าหมายของหานเซิ่นในการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่ผลไม้หยก สิ่งที่เขาต้องการจริงๆก็คือยีนซีโน่เจเนอิคของมดหยกราชินี


 


อวี้จิงไม่ได้พูดโกหก ตำแหน่งของต้นไม้ผลหยกถูกซ่อนอย่างมิดชิดจริงๆ พวกเขาต้องเดินผ่านอุโมงค์ที่ซับซ้อนนานกว่าหนึ่งชั่งโมงถึงจะหามันเจอ


 


“ศิษย์น้องหาน เจ้าเห็นก้อนหินที่อยู่ข้างๆต้นไม้นั่นไหม? นั่นคือทางออกของรังมด ถ้าพวกเราเข้าไปใกล้จนเกินไป พวกมดก็จะหลั่งไหลกันออกมา ข้าได้ลองตรวจสอบมันก่อนหน้านี้แล้ว มันมีมดหยกระดับเอิร์ลอยู่อย่างน้อย 8 ตัว และมันยังมีมดราชินีอยู่อีกตัวหนึ่งด้วย เจ้าคิดจะทำยังไง?” อวี้จิงดูกังวล เขากลัวว่าหานเซิ่นจะเกิดเปลี่ยนใจ


 


“พวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอ? พวกเราจะแบ่งผลไม้กันคนละครึ่ง ส่วนยีนซีโน่เจเนอิคของมดหยกจะเป็นของข้า” หานเซิ่นพูด


 


อวี้จิงพูดขึ้นมาในทันที “ใช่แล้ว มันไม่สำคัญว่าใครจะเป็นคนฆ่าพวกมัน เจ้าเอายีนซีโน่เจเนอิคทั้งหมดไป”


 


อวี้จิงพูดอย่างนั้น แต่ในใจของเขาคิด ‘มดหยกราชินีกลายพันธุ์น่ะหรอ? เจ้าตัวนั้นแข็งแกร่งไม่ต่างไปจากมาร์ควิส แถมยังมีมดหยดระดับเอิร์ลอีก 7-8 ตัว ข้ากลัวว่าเจ้าจะวิ่งหนีก่อนที่จะได้รับชิ้นส่วนยีนซีโน่เจเนอิคสักชิ้นด้วยซ้ำ’


 


“โอเค ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันตกลง เจ้าเดินออกไปตรงนั้น” หานเซิ่นพูด


 


“ข้าจะเดินไปตรงนั้นได้ยังไง?” อวี้จิงถามอย่างสับสน


 


“เดินออกไปตรงนั้น เจ้าจะบินหรือคลานไปก็ได้ แค่ออกไปตรงนั้นและล่อพวกมดออกมาก็พอ” หานเซิ่นยิ้ม


 


“ล่อพวกมันออกมา? เจ้ามีแผนจะล่อพวกมันออกมาฆ่าก่อนและค่อยเก็บผลไม้ทีหลังอย่างนั้นหรอ?” อวี้จิงมองหานเซิ่นอย่างแปลกๆ


 


“เจ้ามีความคิดอื่นที่ดีกว่าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นยิ้มให้กับอวี้จิง


 


ด้วยรองเท้าเขี้ยวกระต่าย มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับหานเซิ่นที่จะเข้าไปเก็บผลไม้หยกมา แต่เขาไม่ได้มาที่นี่เพียงเพื่อผลไม้ การเก็บผลไม้และรีบหนีออกไปจึงไม่ได้อยู่ในความคิดของเขา

 

 

 


ตอนที่ 1980

 

“ศิษย์น้องหาน เจ้าแน่ใจจริงๆใช่ไหม?” อวี้จิงถามขณะที่จ้องไปที่หานเซิ่น


 


“ใช่” หานเซิ่นตอบอย่างแน่วแน่


 


อวี้จิงยังคงลังเล เขากัดฟันและจับมือของหานเซิ่นพร้อมกับพูด

“ศิษย์น้องหาน ข้าขอฝากชีวิตของข้าเอาไว้ในมือของเจ้า เจ้าจะต้องระมัดระวังและทำให้แน่ใจว่าข้าจะปลอดภัย”


 


“วางใจเถอะ ข้าจะให้มนตรายิงออกไปเมื่อได้จังหวะ” หานเซิ่นตบไหล่ของอวี้จิงและยิ้มออกมา


 


อวี้จิงวิ่งเข้าไปหาต้นไม้ผลหยก แต่ก่อนที่เขาจะได้เดินเข้าไปใกล้ พวกมดก็เริ่มหลั่งไหลออกมาจากใต้ก้อนหิน มันเป็นเหมือนกับแม่น้ำสีดำที่ไหลมาทางเขา


 


อวี้จิงรีบวิ่งถอยกลับมาขณะที่หานเซิ่นสั่งให้มนตราเตรียมตัว หลังจากนั้นเธอก็ยิงจรวดออกไป


ตูม!


แสงสีขาวระเบิดด้านหลังของอวี้จิง มันฆ่ามดหยกไปจำนวนมาก และเสียงประกาศก็ดังขึ้นในหัวของหานเซิ่นอย่างต่อเนื่อง แถมเขายังได้ยินเสียงของวิญญาณอสูรหลายดวงอีกด้วย


 


หานเซิ่นเคยต่อสู้กับมดมาก่อน และเขาก็มักจะได้รับวิญญาณอสูรประเภทชุดเกราะเสมอ แต่วิญญาณอสูรของมดหยกนั้นเป็นประเภทสัตว์เลี้ยง ซึ่งนั่นทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย


 


นั่นเป็นเพราะว่าวิญญาณอสูรประเภทสัตว์เลี้ยงเป็นอะไรที่น่ารำคาญ ถ้าเขาต้องการที่ใช้พวกมัน เขาก็ต้องเลี้ยงพวกมันจนกว่าที่พวกมันจะเข้าสู่โหมดต่อสู้ได้


 


มดหยกสามารถปล่อยแก๊สที่เป็นกรดออกมาได้ แต่ระยะของมันค่อนข้างใกล้และแก๊สก็เชื่องช้า ก่อนที่พวกมดจะมาถึงตัวหานเซิ่น มนตราก็ยิงจรวดลูกที่ 2 ออกไป


 


ทันใดนั้นมีเงาสีทองออกมาจากรัง มดพวกนั้นตัวใหญ่กว่ามดตัวอื่นถึง 2 เท่า แถมพวกมันยังมีปีกที่เรืองแสงสีทองออกมา


 


พวกมันบินตรงเข้ามาหาอวี้จิงราวกับเงามืด


 


“ศิษย์น้องหาน ช่วยข้าด้วย!” อวี้จิงตะโกนขณะที่พยายามวิ่งหนี


 


เมื่อเห็นว่ามดหยกระดับเอิร์ลกำลังจะไปถึงตัวอวี้จิง หานเซิ่นก็รู้ตัวว่าจรวดของมนตราช้าเกินไป เธอฆ่ามดระดับไวเคานต์ไปหลายตัว แต่พวกมันก็ออกมาจากรังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


 


หานเซิ่นจึงออกคำสั่งใหม่กับเธอ ทันใดนั้นมนตราก็เปลี่ยนปืนอาร์พีจีของเธอให้กลายเป็นปืนไรเฟิล


 


มนตรายกปืนไรเฟิลขึ้นและเล็งไปที่เหนือหัวของอวี้จิง หลังจากนั้นเธอก็เหนี่ยวไก กระสุนแสงถูกยิงออกไปใส่มดระดับเอิร์ลที่กำลังจะไปถึงตัวของอวี้จิง


 


พลังของกระสุนฉีกปีกของมดจนขาดและเจาะทะลุเข้าไปในเปลือกของมัน


 


“ซีโน่เจเนอิคมดหยกระดับเอิร์ลถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกพบ”


 


เสียงประกาศดังขึ้นในหัวของหานเซิ่น อวี้จิงวิ่งเข้ามาพร้อมกับพูดอย่างตื่นเต้น “โว้ว ศิษย์น้องหาน อาวุธจีโนของเจ้าสุดยอดจริงๆ เร็วเข้า รีบจัดการพวกมันให้หมด”


 


วินาทีต่อมา มนตราก็ยกปืนไรเฟิลของเธอขึ้นอีกครั้งและยิงออกไป แต่โชคร้ายที่ครั้งนี้เธอพลาดเป้า เธอยิงไม่ถูกมดหยกระดับเอิร์ลที่กำลังบินเข้ามาหาอวี้จิง


 


เสียงที่ตื่นเต้นของอวี้จิงเปลี่ยนเป็นเสียงที่ตื่นตระหนก “ศิษย์น้องหาน เจ้าเล็งให้ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรอ?”


 


เมื่อเห็นว่าอวี้จิงเข้ามาใกล้ขึ้นกว่าเดิม มนตราก็เปลี่ยนจากปืนไรเฟิลให้กลายเป็นปืนคู่ หลังจากนั้นเธอก็ยิงพวกมันขึ้นไปบนฟ้า


 


เสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เธอพลาดเป้าไปหลายนัด แต่เธอก็ยิงถูกมดหยกระดับเอิร์ล 2 ตัว แต่ทว่าปืนคู่ไม่ได้รุนแรงเหมือนอย่างปืนไรเฟิล กระสุนของมันทำได้แค่เจาะเข้าไปในเปลือกของมดหยกเท่านั้น พวกมันไม่ได้ฆ่าหมดหยกระดับเอิร์ลในทันที


 


“มนตรา!” หานเซิ่นตะโกน หลังจากนั้นมนตราวิ่งเข้ามาหาหานเซิ่นและเปลี่ยนร่างเป็นปืนคู่


 


หานเซิ่นคว้าปืนคู่ที่ลอยเข้ามาและใช้พวกมันยิงขึ้นไปบนฟ้าพร้อมๆกัน


 


หานเซิ่นยิงกระสุนออกไปทั้งหมด 7 นัด และพวกมันทั้งหมดก็ถูกเป้าหมายที่เขาเล็งเอาไว้ มดหยดระดับเอิร์ลทั้ง 7 ตัวถูกยิง


 


กระสุนของหานเซิ่นรุนแรงเท่ากับของมนตรา แต่ที่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือกระสุนของมนตราจะใช้พลังของเรื่องราวของยีนล้วนๆ ขณะที่หานเซิ่นสามารถสร้างกระสุนจากวิชาจีโนที่เขามีอยู่ได้


 


ร่างกายของมดหยกระดับเอิร์ลทั้ง 7 ถูกเจาะจนเป็นรูจากกระสุนแต่ละนัด แต่มันไม่ได้เป็นบาดแผลที่สาหัสอะไร และพวกมดก็ยังสามารถต่อสู้ได้


 


แต่พวกมันเป็นเหมือนกับเครื่องบินที่เสียการควบคุม พวกมันร่วงลงมาบนพื้นและไม่สามารถบินขึ้นอีกครั้งได้ มีสัญลักษณ์เต่าเล็กๆปรากฏขึ้นบนตัวของพวกมันแต่ละตัว


 


กระสุนที่หานเซิ่นยิงออกไปนั้นมีพลังของวิชาเต่าอยู่ พวกมันหยุดพวกมดหยกจากการบินและลดความเร็วของพวกมัน


 


หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ยิงใส่มดหยกระดับเอิร์ลที่ตกลงบนพื้นซ้ำๆ เปลือกของพวกมันถูกทำลายและมีเลือดไหลออกมา หานเซิ่นฆ่ามดหยกระดับเอิร์ลตัวหนึ่งอย่างฉับพลัน


 


“ซีโน่เจเนอิคมดหยกระดับเอิร์ลถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกพบ”


 


“ยิงพวกมัน! ยิงพวกมัน!” อวี้จิงร้องตะโกนอย่างตื่นเต้น


 


มดหยกระดับเอิร์ลแต่ละตัวสูญเสียความสามารถในการบินไปและความเร็วของพวกมันก็ลดลงอย่างมาก พวกมันไม่เป็นภัยต่ออวี้จิงอีกแล้ว


 


หานเซิ่นฆ่ามดหยกระดับเอิร์ลอีกตัวได้สำเร็จ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังออกมาจากรังมด หลังจากนั้นก็มีมดสีดำสนิทบินออกมา เปลือกของมันถูกประดับด้วยสัญลักษณ์สีทอง


 


มดตัวนี้มีขนาดเล็กกว่ามดหยกระดับเอิร์ล แต่พลังชีวิตของมันน่ากลัวกว่ามาก มันกระพือปีกและบินตรงเข้ามาหาหานเซิ่น อุ้งเท้าของมันเป็นเหมือนกับใบมีดที่พร้อมจะเฉือนร่างของเขา


 


แสงสีทองพุ่งผ่านหานเซิ่นราวกับมีดแสง หานเซิ่นโยกตัวหลบแสงสีทองและยิงปืนของเขาออกไป แต่มดหยกราชินีนั้นรวดเร็วอย่างมาก มันหลบกระสุนของเขาได้ทุกนัด


 


มดหยกราชินีบินขึ้นบนอากาศพร้อมกับส่งเสียงร้องออกมา สัญลักษณ์บนเปลือกและปีกของมันเรืองแสงขึ้นมา หลังจากนั้นความเร็วและพละกำลังของมันก็เพิ่มสูงขึ้น มันพุ่งเข้ามาโจมตีใส่หานเซิ่นอีกครั้ง


 


“วิ่ง! มดราชินีกลายพันธุ์ตัวนี้แข็งแกร่งพอๆกับมาร์ควิส พวกเรา…” อวี้จิงตะโกน


 


แต่ก่อนที่เขาจะตะโกนจบ หานเซิ่นก็ได้ชักอาวุธอีกอันออกมาและวิ่งเข้าไปหามดราชินีแล้ว


 


กระสุนที่เขายิงออกไปไม่สามารถตามความเร็วของมดราชินีได้ทัน แต่รองเท้าเขี้ยวกระต่ายทำได้ หานเซิ่นพุ่งผ่านแสงสีทองไปและใช้มีดเขี้ยวผีสิงฟันใส่มดราชินี ทำให้เปลือกของมันถูกทำลายและมีรอยแผลขนาดใหญ่ถูกทิ้งเอาไว้ ไม่นานก็มีเลือดไหลออกมาพร้อมกับควันสีม่วง

 

 

 


ตอนที่ 1981

 

ในตอนนี้มันไม่มีความจำเป็นที่หานเซิ่นต้องทำอะไรอีก ควันสีม่วงเริ่มแพร่ไปทั่วร่างของมดราชินีและฉีกบาดแผลของมัน เลือดจำนวนมากไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก


 


แต่หานเซิ่นขี้เกียจที่จะรอ ดังนั้นเขาจึงวิ่งเข้าไปฟันใส่มดราชินีอีกครั้งและตัดหัวของมันจนขาด


 


“ซีโน่เจเนอิคราชามดหยกกลายพันธุ์ระดับเอิร์ลถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกพบ”


 


เมื่อเสียงประกาศดังขึ้นมา มันก็ทำให้หานเซิ่นดีใจอย่างมาก “มันเป็นซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์จริงๆด้วย!”


 


พวกมดหยดไม่ได้ถอยกลับไปเพียงเพราะราชินีของพวกมันถูกฆ่าตาย พวกมันวิ่งเข้ามาหาหานเซิ่นราวกับคามิกาเซะ


 


หานเซิ่นให้มนตรากลับคืนร่างเดิมของเธอ หลังจากนั้นเธอก็ใช้ปืนอาร์พีจีจัดการกับพวกมดที่วิ่งเข้ามา ส่วนหานเซิ่นไปจัดการกับมดหยกระดับเอิร์ลที่เหลือรอดอยู่


 


หลังจากที่มดจำนวนมากถูกฆ่าตาย ในที่สุดตัวที่เหลือก็ตัดสินใจถอยกลับเข้าไปในรังของพวกมัน


 


หานเซิ่นไม่คิดจะทำการต่อสู้ไปมากกว่านั้น เขาเริ่มเก็บร่างของมดราชินีและมดหยกระดับเอิร์ลทั้ง 8 ขึ้นมา นอกจากนั้นเขายังได้ยีนซีโน่เจเนอิคบางส่วนของมดระดับไวเคานต์ที่ถูกระเบิดจนกลายเป็นผุยผงมาอีกด้วย


 


อวี้จิงมองดูหานเซิ่นเก็บยีนซีโน่เจเนอิคทั้งหมดขึ้นมาอย่างหดหู่ เขาปลอดใจตัวเอง ‘ยังโชคดีที่อย่างน้อยๆเราก็ได้แบ่งผลไม้หยกพวกนั้นครึ่งหนึ่ง เขาน่ากลัวจริงๆ เขาไม่เหมือนกับในข่าวลือเลยสักนิด เขาดูไม่เหมือนกับคนที่จำเป็นจะถูกต้องแบกเข้ามาในปราสาทนภาเลย’


 


มันมีผลไม้หยกอยู่ทั้งหมด 14 ลูก หานเซิ่นและอวี้จิงแบ่งกันคนละครึ่ง หานเซิ่นรับพวกมันทั้ง 7 ลูกมาและถามอวี้จิงถึงผลประโยชน์ของพวกมัน


 


“ศิษย์น้องหาน พวกเรามาร่วมมือกันล่าซีโน่เจเนอิคในถ้ำเสวียนเยวี๋ยนอีกไหม? ข้าจะแบ่งของที่ล่ามาได้แบบที่เจ้าได้เปรียบ 60 40 เป็นยังไง หรือไม่อย่างนั้นก็ 70 30  80 20 ก็ยังได้น่ะ เจ้าควรจะกลับไปลองคิดดูดีๆ!”


 


หานเซิ่นไม่ได้ล่าต่อ เขาเก็บสิ่งที่ล่ามาได้และให้นกกระเรียนไร้ขาพากลับไปส่งที่เกาะ


 


ตอนนี้หานเซิ่นอยากจะรู้ให้ได้ว่ายีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์นั้นทำอะไรได้กันแน่


 


หานเซิ่นมอบร่างของมดหยกระดับไวเคานต์ให้นกกระเรียนไร้ขา เขาไม่ได้เก็บยีนซีโน่เจเนอิคที่อยู่ในร่างของพวกมันออกมาเช่นกัน นกกระเรียนไร้ขานั้นสามารถกินพวกมันทั้งหมดเข้าไปได้


 


นกกระเรียนไร้ขากินพวกมันเข้าไปอย่างมีความสุข และมันก็ส่งเสียงร้องอย่างดีใจออกมาขณะที่กินเข้าไป


 


หานเซิ่นกลับเข้าไปในบ้านหินและนำร่างของราชินีมดออกมา เขาเริ่มผ่าร่างของมันและหยิบเอาชิ้นเนื้อที่ดูเหมือนกับหยกขึ้นมา


 


ชิ้นเนื้อนั้นดูโปร่งใสและมีแสงสีทองส่องออกมาจากภายใน เมื่อมองเข้าไปในแสงสีทอง หานเซิ่นก็สามารถเห็นใบหน้าของราชินีมด


 


“ยีนระดับเอิร์ลไม่เพียงพอ ไม่สามารถสกัดยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ได้”


 


ขณะที่หานเซิ่นหยิบยีนซีโน่เจเนอิคของมดราชินีขึ้นมา เสียงประกาศก็ดังขึ้นในหัวของเขา


 


“เรามียีนระดับเอิร์ลอยู่ 9 พ้อย และมีร่างของมดหยดระดับเอิร์ลอีก 8 ตัว ไม่รู้ว่านั่นจะเพียงพอหรือเปล่า’ หานเซิ่นตัดร่างของมดหยดระดับเอิร์ลทั้ง 8 ตัวและหยิบยีนซีโน่เจเนอิคออกมา


 


หานเซิ่นมอบร่างของมดราชินีและมดระดับเอิร์ลอีก 8 ตัวให้กับนกกระเรียนไร้ขาที่อยู่ข้างนอก ตอนนี้พวกพ้องของหานเซิ่นมีเพียงแค่บับเบิลเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเก็บร่างของพวกมันไปให้ใคร


หานเซิ่นได้รับวิญญาณอสูรระดับเอิร์ลและไวเคานต์มา แต่เขาไม่คิดจะป้อนอาหารพวกนี้ให้กับพวกมัน การเลี้ยงวิญญาณอสูรสัตว์เลี้ยงภายในปราสาทนภาไม่ใช่สิ่งที่เขาจะปกปิดได้ง่ายๆ ถ้าคนอื่นรู้ความจริงขึ้นมา มันก็ยากจะอธิบายได้ว่าเขาไปได้มันมาจากที่ไหน


 


ยีนซีโน่เจเนอิคของมดหยดเป็นชิ้นเนื้อที่มีขนาดพอๆกับกำปั้น หลังจากที่หานเซิ่นย่างพวกมัน พวกมันก็เป็นเหมือนกับบาร์บีคิว และเมื่อปรุงพวกมันด้วยเกลือกับพริกไทย มันก็มีรสชาติดียิ่งกว่าเนื้อแกะย่าง


 


“ยีนซีโน่เจเนอิคระดับเอิร์ล +1”


 


หลังจากที่กินชิ้นเนื้อมดเข้าไป หานเซิ่นก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าราวกับว่าสามารถมีเซ็กซ์เป็นสิบครั้งในคืนเดียว


 


หลังจากที่กินเนื้อเข้าไป 4 ชิ้น ท้องของเขาก็ป่องขึ้นมา เนื้อพวกนี้เป็นอาหารที่ทำให้อิ่มท้องอย่างมาก


 


แต่หานเซิ่นไม่จำเป็นต้องรอให้ท้องย่อยพวกมัน เขาเริ่มใช้วิชาคอนซูมเพื่อเร่งการย่อยเนื้อพวกนั้นทันที มันทำให้เขากินชิ้นเนื้อทั้ง 8 ชิ้นหมดได้ในเวลาอันสั้น


 


ตอนนี้หานเซิ่นจึงมียีนระดับเอิร์ลทั้งหมด 17 พ้อย แต่เมื่อเขาหยิบยีนกลายพันธุ์ของมดราชินีขึ้นมา มันก็ยังคงบอกว่ายีนระดับเอิร์ลของเขาไม่เพียงพอ


 


“เราจำเป็นต้องมียีนระดับเอิร์ลมากแค่ไหนกันแน่?” หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ แต่มันเกือบถึงเวลาที่สถานหยกขาวจะเปิดขึ้นอีกครั้งแล้ว ดังนั้นเขาไม่มีเวลาออกไปล่าในถ้ำเสวียนเยวี๋ยนอีก


 


การฝึกในสถานหยกขาวคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ เขายังมีวิชาจีโนอีก 3 ตัวที่จำเป็นต้องพัฒนาไปเป็นระดับเอิร์ล ดังนั้นการเข้าไปฝึกในสถานหยกขาวจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะยังไงซะมันก็เป็นเหตุผลที่อี๋ซาส่งเขามาที่นี่


 


แน่นอนว่าอี๋ซาส่งเขามาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ที่จะทำให้เขาพัฒนาเรื่องราวของยีนไปสู่ระดับเอิร์ลเท่านั้น และนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาทำสำเร็จเรียบร้อยแล้ว


 


“หานเซิ่น เจ้าอยู่ข้างในไหม? สถานหยกขาวกำลังจะเปิดในวันนี้”

ใครบางคนเรียกหานเซิ่นจากด้านนอกและปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา


เสียงนั่นเป็นของยวิ๋นซู่อี หานเซิ่นจึงรีบล้างหน้าแปลงฟันและไปเปิดประตู ยวิ๋นซู่อีสวมชุดสีขาวยืนรอเขาอยู่นอกประตู


 


“สถานหยกขาวเปิดอีกครั้งในวันนี้ พวกเราไปกันเถอะ” ยวิ๋นซู่อีพูด


 


หานเซิ่นพยักหน้าและหันไปปลุกนกกระเรียนไร้ขาที่นอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้


 


“พวกเราใช้เสือปีกหยกของข้าเถอะ แบบนั้นมันจะไวกว่า” ยวิ๋นซู่อีพูด


 


“โอเค” หานเซิ่นพยักหน้าและปล่อยให้นกกระเรียนไร้ขานอนหลับต่อไป


 


หานเซิ่นขึ้นไปนั่งด้านหลังของเธอ หลังจากนั้นเสือปีกหยกก็บินออกไป


 


“หานเซิ่น เจ้าเป็นลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีด ดังนั้นเจ้าคงจะรู้วิชามีดหลายอย่างสินะ ข้าเองก็ฝึกวิชามีดอยู่ แต่ข้ากลัวว่ามันจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติ ถ้าเจ้ามีเวลาล่ะก็ เจ้าจะช่วยสอนมันให้ข้าได้ไหม?”


 


“ข้าจะไม่สอนให้กับเจ้า แต่พวกเราฝึกร่วมกันได้” หานเซิ่นพูด


 


“ถ้าอย่างนั้นหลังจากที่สถานหยกขาวปิดตัว ข้าจะพาเจ้าไปที่บ้านของข้า” ยวิ๋นซู่อียิ้ม


 


เมื่อหานเซิ่นและยวิ๋นซู่อีไปถึงสถานหยกขาว พวกเขาก็แยกทางกันเมื่อไปถึงชั้นที่ 4 ยวิ๋นซู่อีบอกว่าเธอจะรอหานเซิ่นอยู่ที่นั่น


 


ครั้งนี้หานเซิ่นไปหยุดอยู่ที่ชั้นที่ 6 เขาตัดสินใจเริ่มฝึกจากที่นั่น เขาคิดที่จะฝึกวิชาจีโนตัวอื่น แต่เขาไม่รู้ว่าร่างกายจะสามารถทนต่อลมปราณหยกของชั้นที่ 7 โดยไม่ใช้วิชากลายเป็นหินได้หรือเปล่า


 


แต่ชั้นที่ 6 นั้นเต็มไปด้วยศิษย์ของปราสาทนภา


 


“ศิษย์น้องหาน เจ้าอยู่นี่เอง!” อวี้จิงเดินเข้ามาเมื่อเห็นหานเซิ่นและนั่งลงข้างๆเขา

 

 

 


ตอนที่ 1982

 

หานเซิ่นอยากจะนั่งตามลำพัง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่มีทางเลือกอื่น เพราะไม่ว่าตรงไหนบนชั้นที่ 6 ก็มีผู้คนเต็มไปหมด


 


โชคดีที่อวี้จิงไม่ได้พูดเรื่องอะไรเกี่ยวกับการออกไปล่าซีโน่เจเนอิค เขาแค่ถามขึ้นมา “ศิษย์น้องหาน เจ้าจะเข้าร่วมการสอบของปราสาทนภาด้วยใช่ไหม?”


 


“การสอบอะไร?” หานเซิ่นถาม นี่ไม่ใช่โรงเรียนมัธยม ดังนั้นมันจะมีการสอบอะไรได้


 


“การสอบจะถูกจัดขึ้นในทุกปี และมันก็ไม่ได้มีผลเสียอะไรถ้าเกิดสอบตก แต่ถ้าเจ้าทำได้ดี ผู้อาวุโสและผู้นำของปราสาทนภาก็อาจจะเกิดสนใจในตัวเจ้าขึ้นมา และถ้าเจ้าติด 1 ใน 3 อันดับแรก เจ้าก็จะได้รับรางวัลอีกด้วย ถ้าเจ้าทำคะแนนได้ดี ผู้อาวุโสก็อาจจะรับเจ้าเป็นลูกศิษย์ ถึงแม้เจ้าจะเป็นคนนอกก็ตาม แต่แน่นอนว่าเจ้าเป็นลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีดอยู่แล้ว ถึงยังไงก็ตามรางวัลของคนที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ก็เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมอยู่ดี”


 


“รางวัลอะไร?” หานเซิ่นถาม


 


“สมบัติจะถูกมอบให้กับคนที่ติด 3 อันดับแรก และถ้าเจ้าได้อันดับที่หนึ่ง เจ้าก็จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งที่นั่นเจ้าจะเลือกวิชาจีโนได้หนึ่งวิชา”


 


เมื่อได้ยินอย่างนั้นหานเซิ่นก็หมดความสนใจอย่างรวดเร็ว เขายังมีวิชาจีโนของตัวเองที่จำเป็นต้องฝึกอีกหลายวิชา ถึงแม้วิชาจีโนของปราสาทนภาจะทรงพลัง แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะหาเวลามาฝึกพวกมันได้


 


เมื่ออวี้จิงเห็นว่าหานเซิ่นไม่สนใจ เขาก็มองไปรอบๆก่อนที่จะเข้าไปกระซิบข้างหูหานเซิ่น “ศิษย์น้องหาน ถ้าเจ้ามีเวลา ข้าอยากจะพูดคุยกับเจ้าเกี่ยวกับการสอบตามลำพัง บางทีพวกเราอาจจะร่วมมือกันได้”


 


หานเซิ่นมองไปที่อวี้จิง แต่อวี้จิงก็ทำท่าบอกให้เขาเงียบๆ หานเซิ่นจึงเดาว่าอวี้จิงต้องขอให้เขาทำการขี้โกงอะไรบางอย่างแน่ อวี้จิงถึงไม่ต้องการให้ใครได้ยินเรื่องนั้น


 


หลังจากนั้นอวี้จิงก็พูดกับหานเซิ่นอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องของการสอบอีก ในที่สุดสถานหยกขาวก็เปิดออกและปลดปล่อยลมปราณหยกออกมา เมื่อเห็นอย่างนั้นทุกคนก็ใช้สมาธิกับการดูดซับมันเข้าไป


 


หานเซิ่นใช้กายหยกเพื่อดูดซับลมปราณหยกเข้าไป พวกมันทั้งคู่มีคำว่าหยกเหมือนกัน ดังนั้นมันน่าจะเข้ากันได้ในระดับหนึ่ง


 


เมื่อหานเซิ่นใช้กายหยก ลมปราณหยกก็ไหวเวียนในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว วิชากายหยกสามารถดูดซับพวกมันเข้าไปอย่างง่ายดายและรวดเร็วยิ่งกว่าเรื่องราวของยีน


 


‘ว้าว! พวกมันเข้ากันได้จริงๆด้วย’ หานเซิ่นรู้สึกดี


 


หานเซิ่นเปลี่ยนไปใช้ศาสตร์ตงเสวียนและวิชาโลหิตชีพจรต่อ หลังจากนั้นเขาก็สังเกตว่าพวกมันดูดซับลมปราณหยกเข้าไปได้ช้ากว่าเรื่องราวของยีนมาก


 


“ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องฝึกวิชากายหยกก่อน” หานเซิ่นเลิกเสียเวลาและใช้สมาธิกับการฝึกวิชากายหยก


 


ลมปราณหยกนั้นอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่มันไม่หนาแน่นพอ ถึงหานเซิ่นจะสามารถดูดซับพวกมันเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่วิชากายหยกของเขาก็พัฒนาไปอย่างช้าๆ ไม่นานเขารู้ตัวว่าทรายดาราจักรนั้นเหนือกว่าลมปราณหยกมาก


 


ก่อนที่ลมปราณหยกครั้งที่ 2 จะปะทุขึ้นมา หานเซิ่นก็เดินขึ้นไปยังชั้นที่ 7 วิชากายหยกของเขาเข้ากันได้ดีกับลมปราณหยก ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าจะทนต่อลมปราณหยกของชั้นที่ 7 ได้


 


แต่เมื่อหานเซิ่นขึ้นไปยังชั้นที่ 7 เขาก็ไม่เห็นกระเรียนพันขนหรือยวิ๋นซู่ซาง แม้แต่เฟิร์สเดย์ก็ไม่อยู่ที่นั่น


 


แต่มันมีคนหนุ่มคนหนึ่งอยู่บนชั้นที่ 7 บนตักของเขามีดาบหยกวางอยู่


 


ชายคนนั้นไม่ได้มองมาที่หานเซิ่น เขายังคงนั่งหลับตาอยู่ที่เดิมอย่างไม่สนใจโลกภายนอก หานเซิ่นก็ไม่ได้ชื่นชอบการพูดคุยเช่นเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงหามุมๆหนึ่งและนั่งลงเพื่อรอคอยลมปราณหยกปะทุรอบที่ 2


 


ลมปราณหยกของชั้นที่ 7 บริสุทธิ์มากกว่าลมปราณหยกของชั้นที่ 6 มันดีต่อวิชากายหยกของเขามากกว่า


 


ไม่มีคนอื่นขึ้นมาชั้นที่ 7 ดังนั้นสภาพแวดล้อมของชั้นที่ 7 จึงทำให้หานเซิ่นพอใจมากกว่า มันดีกว่าการนั่งอยู่บนชั้นที่ 6 ที่แออัดเป็นไหนๆ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘ถ้ารู้ว่าทนต่อมันได้ เราก็คงจะขึ้นมาที่นี่ตั้งแต่ลมปราณหยกปะทุรอบแรกแล้ว’


 


เมื่อลมปราณหยกรอบที่ 2 ปะทุขึ้นมา หานเซิ่นก็เริ่มใช้วิชากายหยกดูดซับมันเข้าไป


 


ลมปราณหยกของชั้นที่ 7 นั้นหนาแน่นกว่าอื่นๆ หานเซิ่นรู้สึกว่าลมปราณหยกไหลเวียนในร่างกายของเขา และมันช่วยให้วิชากายหยกของเขาพัฒนาขึ้น พวกมันดูดซับเข้าไปในกระดูกของเขา มันทำให้หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นเหมือนกับหยก


 


มันมีความรู้สึกที่มหัศจรรย์เข้าไปในโครงกระดูกของหานเซิ่น แทนที่จะทำให้เขารู้สึกหนาวเย็น ลมปราณหยกกลับทำให้เขารู้สึกร้อนขึ้นมาแทน


 


แต่หานเซิ่นรู้ว่านี่เป็นเพียงแค่ภาพมายา นั่นเป็นเพราะว่าลมปราณหยกไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวด แต่มันทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชาวขึ้นมา


 


หลังจากนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกว่าวิชากายหยกแปลกๆ มันบริสุทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ


 


นี่เป็นสิ่งที่หานเซิ่นหวังเอาไว้ เขาเริ่มใช้วิชากายหยกอย่างไม่ต้องหยุดคิด


 


แต่ทันใดนั้นก็มีภาพประหลาดปรากฏขึ้นบนกำแพงหยกของชั้นที่ 7 พระอาทิตย์และพระจันทร์ปรากฏขึ้นในภาพนั้น กระดูกสีขาวก็เช่นกัน ดาบสายลมตัดผ่านพวกมัน


 


มันเหมือนกับว่ามีเทพเจ้าปรากฏตัวขึ้นในท้องฟ้า


 


สิ่งก่อสร้างลอยขึ้นราวกับว่ากำลังจะขึ้นไปสู่ท้องฟ้า


 


ระหว่างก้อนเมฆคือเมืองลึกลับเมืองหนึ่ง มันถูกซ่อนอย่างมิดชิด


 


รูปภาพเหล่านั้นปรากฏบนกำแพงหยก และพวกมันก็ทำให้ลมปราณหยกนั้นบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น


 


ชายหนุ่มที่ดูหยิ่งยโสลืมตาขึ้นมา ดวงตาของเขาเปล่งปลั่งขณะที่มองออกไปยังกำแพงหยก เขาดูตกตะลึง


 


ภาพบนกำแพงหยดเริ่มจะเปลี่ยนไป และเมืองที่อยู่ในภาพก็เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มันมีราชาคนหนึ่งอยู่หน้าเมืองๆนั้น


 


เขาก้าวหนึ่งก้าวแล้วคุกเข่า จากนั้นเขาก็อีกก้าวสิบก้าวแล้วก้มลงกราบ มันเหมือนกับว่าเขาเป็นผู้ศรัทธาที่กำลังเดินเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์


 


เมื่อชายหนุ่มที่ดูหยิ่งยโสเห็นว่าบนกำแพงหยกแสดงภาพของเมืองที่อยู่ภายใต้หมู่เมฆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป


 


“5 เมือง?” ดวงตาของชายหนุ่มที่ดูหยิ่งยโสเป็นประกายขึ้นมา เขาจ้องไปยัง 5 เมืองที่อยู่บนกำแพง


 


ราชาหลายคนก้มลงต่อหน้าเมืองเหล่านั้น ไม่มีใครกล้าเดินเข้าไป แต่หลังจากนั้นไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น เหล่าราชาที่อยู่ใกล้กับเมืองที่สุดกำลังสิ้นใจ และไม่นานพวกเขาก็หายไป


 


ประตูเมืองลึกลับทั้ง 5 ยังคงปิดสนิท ดูเหมือนว่าพวกมันปิดสนิทมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล

 

 

 


ตอนที่ 1983

 

หานเซิ่นรู้สึกว่าลมปราณหยกรอบๆตัวบริสุทธิ์ขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งมันทำให้วิชากายหยกของเขาพัฒนาไปสู่ขั้นต่อไปได้รวดเร็วมากขึ้น แต่ระยะเวลาที่ลมปราณหยกปะทุขึ้นมานั้นสั้นเกินกว่าที่จะตอบสนองความต้องการของหานเซิ่นได้ เมื่อลมปราณหยกหายไปแล้ว หานเซิ่นก็ยังต้องการเพิ่มอีก


 


“เจ้ามีชื่อว่าอะไร?” เมื่อหานเซิ่นลืมตาขึ้นมา เขาก็เห็นชายที่ดูหยิ่งยโสมองมาที่เขา เสียงของชายคนนั้นฟังดูเย็นชา


 


“หานเซิ่น ชื่อของเจ้าล่ะคืออะไร? และเจ้าต้องการอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม


 


“เจ้าจะเข้าร่วมการสอบของปีนี้ไหม?” ชายคนนั้นไม่ตอบคำถามของหานเซิ่น แต่กลับถามอีกคำถามของตัวเอง


 


หานเซิ่นคิดว่าชายคนนี้มีนิสัยประหลาด แต่เขาก็ยินดีจะตอบคำถาม

“ข้าไม่รู้ บางทีข้าอาจจะเข้าร่วม หรือบางทีอาจจะไม่”


 


“โอ้” ชายคนนั้นมองหานเซิ่นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินลงบันไดไป


 


“นี่เขาเป็นบ้าหรือยังไง?” หานเซิ่นยักไหล่และเดินลงบันไดไปเช่นกัน


 


เมื่อหานเซิ่นลงไปที่ชั้น 6 ชายคนนั้นก็ได้หายตัวไปแล้ว แต่เมื่ออวี้จิงมองเห็นหานเซิ่น เขาก็เดินเข้ามาหาหานเซิ่นในทันที


 


“ศิษย์น้องหาน เจ้าว่างหรือเปล่า? ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกันเจ้า?” อวี้จิงพูด


 


“ข้ามีเรื่องบางอย่างต้องไปทำ ถ้าเจ้ามีเรื่องอยากจะคุย คืนนี้ไปที่บ้านของข้า” หานเซิ่นพูดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องไปพบกับยวิ๋นซู่อี


 


“ตกลง” อวี้จิงตอบตกลง หลังจากนั้นเขาก็เดินลงบันไดไปพร้อมกับหานเซิ่น


เมื่อพวกเขาลงไปถึงชั้นที่ 4 ยวิ๋นซู่อีก็กำลังรอหานเซิ่นอยู่ที่นั่น เธอยิ้มให้กับเขา


 


“ศิษย์น้องหานนัดเจอกับผู้หญิงอย่างนั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงต้องขอตัวก่อน!” เมื่ออวี้จิงเห็นยวิ๋นซู่อี เขาก็ยิ้มให้กับหานเซิ่นก่อนที่จะเดินจากไป


 


“ทำไมเจ้าถึงลงมาพร้อมกับเขา?” ยวิ๋นซู่อีถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


 


“ทำไม? มันมีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นดูสับสน


 


“หมอนั่นเป็นคนที่โลภมาก เขามักจะเล่นขี้โกงและใช้กลลวงทุกอย่าง ชื่อเสียงของเขาในปราสาทนภาจึงไม่ดีเท่าไหร่นัก ข้าขอแนะนำให้เจ้าอยู่ห่างๆเขาเอาไว้จะดีกว่า” ยวิ๋นซู่อีบอกหานเซิ่นเกี่ยวกับเรื่องที่อวี้จิงเคยทำเอาไว้


 


หลังจากนั้นยวิ๋นซู่อีก็พาหานเซิ่นไปที่เกาะของเธอ เกาะของเธอใหญ่กว่าเกาะของหานเซิ่นมาก บนเกราะมีศาลาที่อยู่ติดกับน้ำพุในสวน มันดูเป็นสถานที่ที่สะดวกสบายกว่าของหานเซิ่นมาก


 


“ตรงนี้ล่ะกัน ช่วยข้าตรวจเช็ควิชานี้หน่อยว่ามีส่วนไหนที่ไม่ถูกต้องบ้าง? ข้ามักจะรู้สึกอยู่เสมอว่ามันมีอะไรบางอย่างผิดปกติ”

ยวิ๋นซู่อีพาหานเซิ่นเข้าไปในศาลาที่อยู่ในสวน


 


หานเซิ่นพูด “แสดงมันให้ข้าดูหน่อย ข้าจะได้ลองดูว่าจะระบุปัญหาของมันได้ไหม”


 


ยวิ๋นซู่อีพยักหน้าและเดินออกไปในสวน หลังจากนั้นเธอก็ชักมีดเล่มหนึ่งออกมาและเริ่มแสดงวิชามีดให้หานเซิ่นดู


 


หานเซิ่นมองดูเธอและขมวดคิ้ว ยวิ๋นซู่อีเพิ่งจะฝึกวิชานี้ได้ไม่นาน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เชี่ยวชาญมันเลยสักนิดเดียว ถ้ามันมีปัญหาล่ะก็ มันก็เป็นเพราะเธอยังฝึกฝนไม่พอ เธอไม่สามารถถูกเรียกได้ว่าเป็นผู้ฝึกวิชานั้นระดับมือใหม่ด้วยซ้ำ


 


หานเซิ่นรู้ตัวว่าเธอไม่เคยใช้มีดมาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับวิชามีดมากนัก มันเห็นได้ชัดว่าเธอเริ่มฝึกมันเพื่อเป็นหนทางที่จะได้พูดคุยกับหานเซิ่น


 


แต่ยวิ๋นซู่อีไม่ได้เลือกวิชามามั่วๆเพียงเพื่อจะหลอกหานเซิ่น วิชามีดที่เธอเลือกนั้นมีชื่อว่า ‘ใต้นภา’ มันถูกคิดค้นขึ้นมาโดยนักดาบของปราสาทนภา เขาต้องการจะคิดค้นวิชามีดสำหรับปราสาทนภาขึ้นมา แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันมีปัญหา 7 อย่างที่เขาไม่สามารถแก้ไขได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเรียกวิชามีดนี้ว่าใต้นภา เพราะมันยังไม่ถึงระดับที่ถูกคาดหวังเอาไว้


 


หลายคนพยายามจะปรับแต่งวิชาใต้นภา และปัญหาของมันก็ถูกแก้ไขโดยอัจฉริยะหลายรุ่นของปราสาทนภา แต่มันยังมีปัญหาอยู่อีกอย่างหนึ่งที่ไม่มีใครสามารถแก้ไขได้ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถทำให้มันกลายเป็นวิชาของปราสาทนภาอย่างเป็นทางการได้


 


ยวิ๋นซู่อีเลือกวิชานี้โดยหวังว่าหานเซิ่นจะสามารถระบุปัญหาที่ยังไม่ถูกแก้ไขได้จนถึงทุกวันนี้ ถ้าเธอทำอย่างนั้นมันก็จะเป็นข้ออ้างที่ช่วยให้เธอใกล้ชิดกับเขามากขึ้น


 


หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่ายวิ๋นซู่อีเพิ่งจะเริ่มฝึกฝนการใช้มีด แต่เขาก็ยังคงหลงใหลกับวิชามีดนั้น มันแตกต่างจากวิชามีดเขี้ยวดาบอย่างมาก


 


หานเซิ่นคิดว่ามันมีศักยภาพไม่ต่างไปจากวิชาเขี้ยวมีดเขี้ยวดาบ แต่เมื่อยวิ๋นซู่อีแสดงมันออกมา มันก็เห็นได้ชัดว่าวิชานี้มีปัญหาบางอย่างอยู่


 


ถึงแม้มันจะเป็นแค่ปัญหาเล็กๆ แต่มันก็ลดศักยภาพของวิชาลงอย่างมาก ในการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือนั้นจะถูกตัดสินกันที่รายละเอียดที่เล็กน้อยที่สุด ดังนั้นปัญหาเพียงเล็กน้อยก็สามารถตัดสินระหว่างความเป็นความตายได้


 


“หานเซิ่น เจ้าบอกได้ไหมว่าวิชานี้มีปัญหาอะไรกันแน่? ข้ารู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างผิดปกติ” หลังจากที่ยวิ๋นซู่อีแสดงให้ดูเสร็จแล้ว เธอก็เดินกลับเข้ามาในศาลา


 


เนื่องจากวิชาใต้นภายังไม่สมบูรณ์ ทางปราสาทนภาจึงไม่ได้อนุญาตให้ศิษย์ของพวกเขาฝึกมัน มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ถึงการมีอยู่ของวิชานี้ เธอรู้ว่าหานเซิ่นต้องไม่เคยเห็นมันมาก่อนอย่างแน่นอน และนั่นเป็นเหตุผลที่เธอเลือกมัน


 


แต่ถึงแม้วิชาจะสมบูรณ์ มันก็จะไม่ถูกเปิดให้ศิษย์ทุกคนในปราสาทนภาอยู่ดี คนส่วนใหญ่จะได้ยินแค่ชื่อของมันเท่านั้น


 


หานเซิ่นไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับมันมาก เขาเชื่อว่ายวิ๋นซู่อียังไม่ได้ฝึกมันอย่างจริงจัง และนั่นเป็นเหตุผลที่มันมีปัญหา เขาไม่ได้คิดว่ามันมีปัญหาอะไรกับตัววิชา


 


“เทคนิคของมันซับซ้อนอย่างมาก ดังนั้นข้าคงจะบอกอะไรไม่ได้ เจ้าช่วยแสดงมันให้ข้าดูอีกครั้งได้ไหม?” หานเซิ่นไม่ได้ขอดูตำราของวิชา


 


วิชานี้ทัดเทียมกับวิชามีดเขี้ยวดาบ ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่ศิษย์ของปราสาทนภาทุกคนจะได้รับสิทธิ์ในการฝึกฝนมัน แถมเขาเป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง ดังนั้นการขออ่านวิชาจีโนอาจจะเป็นอะไรที่เสียมารยาทอย่างมาก


 


ยวิ๋นซู่อีตกลงที่จะแสดงวิชาใต้นภาอีกครั้งด้วยความยินดี


 


“มันมีปัญหาบางอย่างอยู่จริงๆ แต่ข้ายังไม่เข้าใจมัน ข้าจะพยายามคิดเกี่ยวกับมันดูเมื่อข้ากลับไปแล้ว” หานเซิ่นไม่ได้มุ่งเน้นที่การใช้มีดเพียงอย่างเดียว ดังนั้นเขาไม่ใช่ปรมาจารย์ในเรื่องการใช้มีด เขาไม่สามารถให้สัญญาได้ว่าจะแก้ไขปัญหาของมันได้


 


แต่มันมีลักษณะสามัญบางอย่างที่เชื่อมโยงทุกวิชาเอาไว้ และหานเซิ่นก็มีความรู้และประสบการณ์มากมาย ดังนั้นเขามีแผนจะพยายามแก้ไขปัญหาของมัน เพราะการพยายามแก้ปัญหาของมันจะส่งผลดีต่อวิชามีดของเขา ไม่ว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่ก็ตาม


 


เพราะยังไงซะในช่วงนี้หานเซิ่นก็ใช้มีดมากกว่าอาวุธอื่นๆ และเขาก็ยังมีมีดเขี้ยวผีสิงที่เป็นอาวุธระดับราชัน ดังนั้นเขาจึงอยากเรียนรู้เกี่ยวกับวิชามีดมากขึ้น


 


“รบกวนด้วย” ยวิ๋นซู่อียิ้มและพาหานเซิ่นกลับไปส่ง เธอมีแผนที่จะใช้วิชานี้เป็นข้ออ้างในการพูดคุยกับหานเซิ่น เธอต้องการจะใกล้ชิดกับเขามากกว่านี้


 


เมื่อยวิ๋นซู่อีไปส่งหานเซิ่นเสร็จแล้วและกลับมาที่บ้านของตัวเอง ยวิ๋นซู่ซางก็มาปรากฏตัวในสวนของเธอ


 


“ซู่อี นี่เจ้ากำลังทำอะไร?”


 


“เปล่าหนิ ข้าแค่ขอให้หานเซิ่นช่วยดูวิชาของข้าเท่านั้นเอง หลังจากนั้นข้าก็พาเขากลับไปส่งที่บ้าน” ยวิ๋นซู่อีพูด


 


ยวิ๋นซู่ซางมองไปที่ยวิ๋นซู่อีและพูด “ปัญหาของวิชาใต้นภาไม่มีทางแก้ไขได้เพียงแค่การมองแบบผิวเผิน ถ้าเขาทำแบบนั้นได้จริง ผู้อาวุโสหลายคนก็คงใช้ชีวิตอย่างเสียเปล่าในการพยายามแก้ไขวิชาใต้นภา”


 


ยวิ๋นซู่อีหน้าแดง เธอพูดขึ้นว่า “ทำไมพี่ถึงต้องมาแอบดูพวกเราด้วย?”


 


“ซู่อี อย่าหลงลืมฐานะของตัวเอง เจ้าควรจะรู้ว่าอะไรที่เจ้าทำได้และอะไรที่เจ้าทำไม่ได้ หานเซิ่นไม่ใช่คนของปราสาทนภา เจ้าต้องการในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้นั้นมีแต่จะทำให้เจ็บปวดเปล่าๆ” ยวิ๋นซู่ซางถอนหายใจ

 

 

 


ตอนที่ 1984

 

หลังจากที่หานเซิ่นกลับไปที่เกาะ เขาก็เห็นนกกระเรียนไร้ขานอนพักอยู่ใต้ต้นไม้ เขาวางเนื้อลงในถ้วยของมัน หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในบ้านเพื่อศึกษาวิชาใต้นภา


 


ใต้นภาเป็นวิชาที่ละเอียดอ่อนอย่างมาก มันไม่ได้เป็นวิชาที่แข็งกระด้างเหมือนกับวิชามีดเขี้ยวดาบ แต่มันเป็นเหมือนกับริบบิ้น มันอาจจะเป็นวิชามีดที่ดูมั่วๆ แต่การเคลื่อนไหวทั้งหมดต่อเนื่องกัน


 


ด้วยการใช้วิชาใต้นภา หานเซิ่นจะสามารถควบคุมศัตรูได้ราวกับว่าพวกเขาเป็นหุ่นเชิด วิชาใต้นภาไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากวิชาหมากล้อมสวรรค์หรือศาสตร์ตงเสวียนมากนัก แน่นอนว่ามันยังคงมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง


 


หมากล้อมสวรรค์นั้นเน้นไปที่รูปแบบการเคลื่อนไหว ขณะที่ศาสตร์ตงเสวียนเน้นไปที่การคาดเดาการเคลื่อนไหว ส่วนวิชาใต้นภานั้นเน้นไปที่การควบคุมโดยตรง


 


วิชาใต้นภาทำให้ผู้ใช้เป็นเหมือนกับราชินีในฝูงมด หรือก็คือผู้ใช้จะสามารถควบคุมสมรภูมิได้


 


แต่วิชามีดนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพของมันลดลงอย่างมาก ในตอนที่หานเซิ่นได้เห็นยวิ๋นซู่อีใช้มัน เขาก็สามารถบอกได้ว่าวิชาใต้นภานั้นมีต้นกำเนิดมาจากไหน เขาคาดเดาว่ามันต้องมีต้นกำเนิดมาจากปราสาทนภา


 


ซึ่งการคาดเดาของหานเซิ่นถูกต้อง วิชาใต้นภานั้นมีต้นกำเนิดมาจากตำราไร้อักษรของปราสาทนภา


 


บุคคลที่คิดค้นวิชาใต้นภาขึ้นมาคงจะฝึกวิชาจากตำราไร้อักษะ และเขาก็ใช้มันเป็นรากฐาน รวมกับความรู้และพรสวรรค์ของเขา เขาก็คิดค้นส่วนที่เหลือของวิชามีดขึ้นมา


 


แต่การเข้าใจตำราไร้อักษรไม่ใช่สิ่งจำเป็นในการฝึกวิชาใต้นภา เพราะถ้ามันเป็นสิ่งจำเป็นแล้วแบบนั้นวิชานี้จะมีประโยชน์อะไร เพราะยังไงซะมันก็มีไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถฝึกตำราไร้อักษรได้


 


ด้วยเหตุนั้นวิชาใต้นภาจึงขาดพลังของตำราไร้อักษรที่ใช้เป็นรากฐาน พลังในการควบคุมของมันจึงค่อนข้างอ่อน


 


มันจึงเกิดเป็นปัญหา 2 ด้านขึ้นมา ด้านหนึ่งคือคนที่ไม่ได้ฝึกตำราไร้อักษรจะไม่สามารถเรียนรู้วิชานี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ ส่วนอีกด้านหนึ่งคือคนที่ฝึกตำราไร้อักษรนั้นไม่มีความจำเป็นต้องเรียนรู้วิชานี้ ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าเสียดาย


 


วิชาใต้นภาถูกทอดทิ้งนั่นก็เพราะไม่มีคนพบหนทางที่จะก้าวข้ามปัญหาข้อนี้ แม้แต่การปรับแต่งของอัจฉริยะหลายคนก็ยังไม่เพียงพอ


 


หานเซิ่นไม่ได้เชี่ยวชาญในวิชามีดอะไร แต่ปัญหาของวิชาใต้นภาบังเอิญเป็นอะไรที่หานเซิ่นคุ้นเคยอย่างมาก


 


ในตอนที่อยู่บนถนนสู่ทองฟ้า หานเซิ่นได้ปล่อยให้แรงกดดันของผู้นำแรกของปราสาทนภาเข้าไปในร่างกาย แรงกดดันนั้นทำให้หานเซิ่นรู้สึกประทับใจอย่างมาก นอกจากนั้นเขายังเชี่ยวชาญศาสตร์ตงเสวียนและวิชาหมากล้อมสวรรค์ ดังนั้นการแก้ปัญหาของมันจึงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับเขา


 


แต่หานเซิ่นได้เพียงแค่เห็นยวิ๋นซู่อีใช้มันเท่านั้น เขาไม่ได้เห็นตัววิชา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเรียนรู้และทำการแก้ไขปัญหาของมันได้ หลังจากที่คิดอยู่สักพัก หานเซิ่นก็ตัดสินใจโทรไปหายวิ๋นซู่อี เขาถามเธอว่าคนนอกนั้นสามารถเรียนรู้วิชาใต้นภาไหม แต่เธอตอบว่าไม่


 


ถึงมันจะเป็นวิชาที่บกพร่อง แต่มันก็เกี่ยวข้องกับตำราไร้อักษร ดังนั้นไม่ใช่ทุกคนที่จะเรียนรู้มันได้ และที่ยวิ๋นซู่อีได้รับอนุญาตให้เรียนรู้มันได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าแต่เดิมแล้ววิชาใต้นภาถูกคิดค้นขึ้นมาโดยคนตระกูลยวิ๋น


 


หานเซิ่นรู้สึกผิดหวังที่ได้ยินอย่างนั้น และที่หานเซิ่นตอบตกลงจะช่วยเธอ นั่นก็เพราะว่าเขาคิดต้องการจะเรียนรู้มัน


 


หานเซิ่นรู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถเรียนรู้วิชาใต้นภาได้ หลังจากนั้นเขาก็ขอโทษยวิ๋นซู่อีและบอกกับเธอว่าคงจะช่วยแก้ปัญหาของมันไม่ได้


 


คืนนั้นอวี้จิงมาพบหานเซิ่นที่เกาะ


 


หานเซิ่นได้รู้เกี่ยวกับอวี้จิงมาจากยวิ๋นซู่อีพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้มีอคติอะไรกับชายคนนี้ ดังนั้นเขาจึงปฏิบัติกับอวี้จิงอย่างปกติ


 


อวี้จิงมองไปรอบๆเพื่อดูว่าพวกเขาอยู่ตามลำพังจริงๆหรือเปล่า หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “ศิษย์น้องหาน ถ้าเจ้าไม่สนใจรางวัลของการสอบ เจ้าจะช่วยเหลือข้าหน่อยได้ไหม? ด้วยพลังของเจ้า เจ้าจะต้องได้อันดับที่หนึ่งอย่างแน่นอน ถ้าเจ้ายอมช่วยเหลือข้าล่ะก็ ข้าจะมอบรางวัลที่คุ้มค่ายิ่งกว่านั้นให้กับเจ้า”


 


“เจ้าจะบอกว่าต้องการให้ข้าช่วยเจ้าโกงอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นเข้าใจว่าอวี้จิงจะบอกว่าอะไร


 


“ฮ่าๆ! ข้าแค่จะบอกให้พวกเราช่วยเหลือกัน เพื่อที่พวกเราทั้งคู่จะได้ของที่พวกเราต้องการเท่านั้นเอง” อวี้จิงหัวเราะ


 


ทันใดนั้นหานเซิ่นก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาพูดขึ้นมา “ข้ากลัวว่าคงจะช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว เพราะข้าเองก็จะเข้าร่วมการสอบเช่นกัน”


 


“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเจ้าเกิดเปลี่ยนใจล่ะก็ เจ้าติดต่อมาหาข้าได้ทุกเมื่อ” อวี้จิงผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา


 


หลังจากที่เขาจากไปแล้ว หานเซิ่นก็โทรไปหายวิ๋นซู่อีอีกครั้งและถาม

“ซู่อี วิชาใต้นภาอยู่ในตำหนักศักดิ์สิทธิ์หรือเปล่า?”


 


“มันก็มีสำเนาอยู่ในนั้น ทำไมอย่างนั้นหรอ?” ยวิ๋นซู่อีถามอย่างประหลาดใจ


 


“ถ้าข้าได้อันดับที่หนึ่งในการสอบ ข้าขอวิชาใต้นภาเป็นรางวัลได้ใช่ไหม?” หานเซิ่นถาม


 


“นั่นมันก็ใช่” หลังจากพูดอย่างนั้น ยวิ๋นซู่อีก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทำให้หน้าแดง


 


“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณที่บอก” หานเซิ่นวางสาย ยวิ๋นซู่อีช่วยยืนยันความสงสัยของเขา ดังนั้นหานเซิ่นตัดสินใจจะเข้าร่วมการสอบและลองดูว่าเขาจะชิงอันดับที่หนึ่งมาได้ไหม ซึ่งถ้าเขาทำได้ล่ะก็ เขาก็จะเลือกวิชาใต้นภา


 


ยวิ๋นซู่อียังคงถือโทรศัพท์อยู่ในมือและครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เธอแก้มแดงและยิ้มออกมา ขณะที่คิดกับตัวเอง ‘นี่เขาคิดจะเข้าร่วมการสอบเพื่อข้าอย่างนั้นหรอ?’


มันยังเหลือเวลาอีก 2 สัปดาห์ก่อนที่จะถึงวันสอบ หานเซิ่นจึงมีแผนที่จะออกไปล่าซีโน่เจเนอิคเพื่อเก็บยีนระดับเอิร์ลเพิ่ม เขายังคงต้องการจะเรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับยีนกลายพันธุ์


แต่ครั้งนี้หานเซิ่นไม่ได้เข้าไปในถ้ำเสวียนเยวี๋ยน เนื่องจากที่นั่นมันซับซ้อนเกินไป และมันก็มีวิญญาณหยกเสวียนอยู่เป็นจำนวนมาก


 


หานเซิ่นได้แผนที่ของปราสาทนภามาหนึ่งฉบับ และเขาก็มองหาสถานที่ที่จะไปล่าซีโน่เจเนอิค ซึ่งหลังจากที่ไตรตรองดูแล้ว หานเซิ่นก็ตัดสินใจไปที่เกาะโอลด์ไนท์


 


ซีโน่เจเนอิคของเกาะโอลด์ไนท์นั้นค่อนข้างรวดเร็ว และพวกมันส่วนใหญ่ก็สามารถบินได้ ด้วยเหตุนั้นคนอื่นๆจึงไม่อยากจะไปที่นั่น เพราะการจะฆ่าซีโน่เจเนอิคที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งมันเป็นเรื่องยาก


 


แต่ทว่าหานเซิ่นไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะเขามีรองเท้าเขี้ยวกระต่ายและปีกมังกรอยู่ ดังนั้นการล่าซีโน่เจเนอิคของที่นั่นจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขา


 


หลังจากที่อวี้จิงยืนยันว่าหานเซิ่นจะเข้าร่วมการสอบ ความคิดหนึ่งก็ฝุดขึ้นมาในหัวของเขา


 


“ในการสอบครั้งนี้มันไม่ได้มีอัจฉริยะเข้าร่วมมากนัก และด้วยพลังของหานเซิ่น เขาคงจะติดอันดับ 1 ใน 5 ได้อย่างสบายๆ ข้าจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนั้น ชื่อเสียงของเขาค่อนข้างแย่และคนอื่นๆก็ไม่รู้ถึงพลังที่แท้จริงของเขา ข้าจะหาเงินจากเรื่องนี้ได้” อวี้จิงเริ่มคิดแผนการขึ้นมา

 

 

 


ตอนที่ 1985

 

เกาะโอลด์ไนท์นั้นมีขนาดใหญ่มากๆ มันมีทั้งภูเขา ป่าหรือแม้กระทั่งมหาสมุทร หานเซิ่นไปที่นั่นและไล่ตามนกตัวหนึ่งที่บินอยู่ เขาตามมันจนทันและตัดหัวของมันจนขาด


 


“ซีโน่เจเนอิคนกป่าระดับเอิร์ลถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”


 


หานเซิ่นเก็บยีนซีโน่เจเนอิคออกมาจากศพของมันและเริ่มก่อกองไฟในทันที


 


นกกระเรียนไร้ขาคาบกิ่งไม้มาให้กับหานเซิ่น ขณะที่บับเบิลกระโดดไปมาอยู่บนไหล่ของหานเซิ่น บับเบิลนั้นอ่อนแอ ดังนั้นมันไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก


 


“เราล่าซีโน่เจเนอิคได้ทั้งหมด 8 ตัวใน 4 วัน นี่มันไม่ได้เร็วไปกว่าในถ้ำเสวียนเยวี๋ยนเลย” หานเซิ่นรู้สึกแย่


 


เกาะโอลด์ไนท์ไม่ได้ดีอย่างที่หานเซิ่นหวังเอาไว้ ที่นี่มันกว้างใหญ่เกินไปทำให้ใช้เวลานานกว่าที่เขาจะหาซีโน่เจเนอิคเจอสักตัว


 


หานเซิ่นมอบร่างของนกให้กับนกกระเรียนไร้ขา และเขาก็ต้มยีนซีโน่เจเนอิคของมัน ครั้งนี้มันเป็นตับที่ส่งกลิ่นหอมออกมา


 


“ยีนซีโน่เจเนอิคระดับเอิร์ล +1”


 


หลังจากที่กินตับเข้าไปแล้ว ยีนระดับเอิร์ลของหานเซิ่นก็มาอยู่ที่ 25 พ้อย


 


หานเซิ่นนำยีนกลายพันธุ์ของมดมาราชินีออกมา เขาเคยชินกับการได้ยินเสียงประกาศที่บอกว่ายีนของเขาไม่เพียงพอ


แต่ครั้งนี้หานเซิ่นไม่ได้ยินเสียงประกาศนั้น


 


“ตอนนี้เรามียีนระดับเอิร์ลเพียงพอแล้วอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรีบนำยีนกลายพันธุ์ของมดราชินีใส่ลงไปในหม้อ


 


ก่อนหน้านี้หานเซิ่นไม่สามารถนำยีนซีโน่เจเนอิคของมดราชินีมาทำเป็นอาหารได้ แต่ตอนนี้มันกำลังถูกต้ม มันทำให้หานเซิ่นดีใจอย่างมาก หลังจากผ่านไปสักพัก ยีนซีโน่เจเนอิคของมดราชินีก็สุก เมื่อหานเซิ่นกินมันเข้าไป เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเขา


หลังจากที่หานเซิ่นกินมันจนหมด เขาก็ไม่ได้ยินเสียงประกาศอะไรดังขึ้นมา เมื่อหานเซิ่นดูสถานะของตัวเอง มันก็ยังคงบอกว่าเขามียีนระดับเอิร์ลอยู่ 25 พ้อย การกินยีนซีโน่เจเนอิคของมดราชินีเข้าไปไม่ได้เพิ่มยีนระดับเอิร์ลให้เขาแต่อย่างใด


 


แต่ตอนนี้มันยังคงไหลเวียนอยู่ในตัวของหานเซิ่น มันไม่ได้ถูกสกัดไปเป็นพลังงานแต่อย่างใด พลังนั้นไหลเวียนในตัวของหานเซิ่นจนกระทั่งพวกมันค่อยๆจางหายไปในที่สุด


 


หลังจากนั้นเสียงประกาศที่น่าตกใจก็ดังขึ้นในหัวของหานเซิ่น


 


“คุณได้รับวิชาจีโนซีโน่เจเนอิคระดับเอิร์ล : เครื่องหมายมดราชินี”


 


‘ยีนกลายพันธุ์ไม่ได้มีเอาไว้ใช้เพิ่มยีนหรอเนี่ย? พวกมันกลับมอบวิชาจีโนให้แทนอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เดินลมปราณของตัวเองตามกระแสพลังที่ไหลเวียนในร่างกายก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นเขาก็พบว่าร่างกายของตัวเองมีเครื่องหมายสีทองปรากฏขึ้นมา


 


หานเซิ่นเคยเห็นเครื่องหมายสีทองแบบนี้มาก่อนบนร่างของราชินีมด เมื่อเครื่องหมายนี้เริ่มเรืองแสงขึ้นมา พลังของมดราชินีก็เพิ่มขึ้น เมื่อหานเซิ่นลองทดสอบดู เขาก็พบว่าเครื่องหมายมีประสิทธิภาพอย่างมาก มันทำให้เอิร์ลคนหนึ่งแข็งแกร่งทัดเทียมกับมาร์ควิส


 


นั่นหมายความว่าวิชาจีโนที่ได้รับจากยีนกลายพันธุ์ของมดราชินีไม่มีความจำเป็นต้องฝึก และมันก็ทำให้หานเซิ่นมีแข็งแกร่งเทียบเท่ากับที่มอนสเตอร์ตัวนั้นเคยมี


 


หานเซิ่นรู้สึกดีใจอย่างมาก ถ้าเขาหายีนกลายพันธุ์มาได้อีก เขาก็จะได้รับวิชาจีโนจากซีโน่เจเนอิคตัวนั้น แถมเขายังไม่จำเป็นต้องฝึกฝนที่จะใช้งานพวกมันอีกต่างหาก


 


ข้อดีที่สุดของยีนกลายพันธุ์ก็คือวิชาจีโนนี้ได้มาจากสิ่งมีชีวิตที่ต่างสายพันธุ์ออกไป คนปกติไม่สามารถเรียนรู้วิชาจีโนของซีโน่เจเนอิคได้ นั่นคือความพิเศษของพวกมัน


 


ถึงแม้หานเซิ่นจะสามารถจำลองกระแสพลังด้วยศาสตร์ตงเสวียน แต่เขาก็สามารถลอกเลียนได้แค่เศษเสี้ยวของพวกมันเท่านั้น นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายที่แตกต่างกัน ดังนั้นการจำลองกระแสพลังให้เหมือน 100 เปอร์เซ็นต์นั้นเป็นไปไม่ได้


 


มันเหมือนกับวิชาคอนซูมที่เขาฝึก ถ้าหานเซิ่นไม่ได้กลายเป็นมดล่ะก็ เขาก็ไม่มีทางจะเรียนรู้วิชานั้นได้


 


ตอนนี้หานเซิ่นแค่จำเป็นต้องมียีนกลายพันธุ์เท่านั้นเพื่อเรียนรู้วิชาจีโนของซีโน่เจเนอิค และเนื่องจากเขาไม่จำเป็นต้องฝึกมัน นั่นก็ถือว่าเป็นอะไรที่ดียิ่งขึ้นไปอีก


 


“ถ้าเราฆ่าซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ระดับราชันหรือเทพเจ้าได้ นั่นหมายความว่าเราจะเรียนรู้วิชาของพวกมันได้ทันทีเลยอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นคิดว่านี่เป็นอะไรที่มีประโยชน์ต่อเขาอย่างมาก


 


แต่ยีนซีโน่เจเนอิคของมังกรเสวียนเยวี๋ยนกลายพันธุ์นั้นเป็นระดับมาร์ควิส เขาจำเป็นต้องมียีนมาร์ควิสให้เพียงพอซะก่อน ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้


 


มันยังเหลือเวลาอีกสักพักก่อนที่สถานหยกขาวจะเปิดขึ้นอีกครั้ง หานเซิ่นมีแผนจะล่าซีโน่เจเนอิคเพิ่มอีก และถ้าเขาโชคดีพบซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ล่ะก็ เขาก็อาจจะได้เรียนรู้วิชาจีโนของซีโน่เจเนอิคอีก


 


“อวี้จิง เจ้าจะไม่เสียใจกับมันแน่นะ?” กลุ่มคนดูประหลาดใจกับอวี้จิง


 


“ข้าจะไม่เสียใจกับมัน” อวี้จิงพูดอย่างมั่นใจ


 


“ก็ดี ถ้าเจ้าอยากจะมอบเงินให้กับพวกเราล่ะก็ พวกเราก็ไมปฏิเสธ ตามข้อตกลงของพวกเราเมื่อครู่ ถ้าหานเซิ่นชนะ 10 ครั้งติดต่อกันในการสอบ พวกเราก็จะเป็นฝ่ายแพ้ แต่ถ้าเขาแพ้แม้แต่ครั้งเดียว เงินทั้งหมดของเจ้าก็จะตกเป็นของพวกเรา” ชายคนหนึ่งพูด


 


ศิษย์หลายคนของปราสาทนภาทำการตกลงกับอวี้จิง หนึ่งในพวกเขาหัวเราะออกมาและพูด “อวี้จิง เจ้าหาเรื่องใส่ตัวเองเองนะ อย่าได้มาเอาผิดกับพวกเรา ถ้าเจ้าสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง”


 


บางคนตบไหล่ของอวี้จิงและยิ้มให้กับเขา “ขอบคุณมาก ถ้าเจ้ามีข้อตกลงดีๆแบบนี้อีกล่ะก็ ติดต่อพวกข้าได้ทุกเมื่อ”


 


อวี้จิงหัวเราะอยู่ในใจ ‘มันก็แค่ 10 รอบ นอกซะจากว่าหานเซิ่นจะโชคร้ายไปเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งตั้งแต่รอบแรก เขาก็ควรจะติดอันดับ 1 ใน 5 ได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร ด้วยพลังของเขาการจะได้รับอันดับที่ 1 ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมด้วยซ้ำ”


 


แต่ถึงอย่างนั้นอวี้จิงก็ยังคงรู้สึกกังวล นี่เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ ถึงแม้มันมีความเสี่ยงที่สูง แต่รางวัลที่ได้ก็สูงเช่นกัน การชนะเดิมพัน หมายความว่าเขาจะได้กำไรเป็น 10 เท่าของทรัพย์สมบัติที่เขามีอยู่


 


แต่ถ้าแพ้ เขาก็จะหมดเนื้อหมดตัว


 


อวี้จิงรู้ว่าหานเซิ่นแข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังรู้สึกกังวลอยู่ดี เมื่อคู่ต่อสู้ในการสอบถูกประกาศ เขาก็รีบไปดูว่าหานเซิ่นต้องต่อสู้กับใคร


 


เมื่ออวี้จิงได้เห็นกำหนดการ สีหน้าของเขาก็ซีดเซียว และเขาก็เกือบจะเป็นลม


 


ศิษย์ของปราสาทนภาหลายคนที่เดิมพันกับอวี้จิงเดินเข้ามา

“อวี้จิง เจ้านี่โชคร้ายจริงๆ ที่ไผ่เดียวดายคนนั้นตัดสินใจเข้าร่วมการสอบครั้งนี้ด้วย และเขาก็เป็นคู่ต่อสู้คนที่ 6 ของหานเซิ่น ตอนนี้แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ เจ้าควรจะเก็บข้าวของของเจ้าให้เรียบร้อย พวกเราจะเข้าไปเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าครอบครองอยู่ในอีกไม่นาน”


 


กลุ่มคนที่เดิมพันกับอวี้จิงยิ้มออกมาก่อนที่จะเดินจากไป ขณะที่อวี้จิงยังคงยืนหน้าซีดอยู่ตรงนั้น เขารู้สึกอยากตาย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)