Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ภาคที่ 36 ตอนที่ 46-51
ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด...
ตอนที่ 46 ประมือกับยอดเคารพครั้งแรก
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูผู้แกร่งกล้าสวมเกราะซึ่งกุมหอกยาวสีดำไว้ในมือคนนี้ มองเพียงแวบเดียวเขาก็จำได้ว่า นี่คือขุนพลใหญ่ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งของยอดเคารพซื่อฝานาม ‘นั่วฟ่านตั่ว’
จักรพรรดิเป่ยเหอไม่หงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย เขายิ้มมองเงาร่างบึกบึนดำทะมึนตรงหน้า “นั่วฟ่านตั่ว เจ้าไม่ดูเสียหน่อยเลยว่าผู้ที่อยู่ข้างกายข้าตอนนี้คือใคร เจ้าก็แหกปากร้องแล้วอย่างนั้นรึ”
เงาร่างบึกบึนดำทะมึนนั้นกวาดสายตาไป ก็มองเห็นชายหนุ่มอาภรณ์ขาวข้างกายจักรพรรดิเป่ยเหอ ‘นั่วฟ่านตั่ว’ ขุนพลใหญ่ใต้บังคับบัญชาของยอดเคารพก็อดหัวใจบีบรัดแน่นมิได้ เมื่อข่าวแพร่ออกไปหลายปี แม้แต่ผู้แกร่งกล้าระดับยอดสุดในดินแดนจิตโลกาก็ยังรู้เรื่องที่ตงป๋อเสวี่ยอิงทำลงไปในหุบเขาเขี้ยวหัก แม้ข่าวสารของเผ่ามรณะทมิฬจะมิได้ฉับไวสักเท่าใดนัก แต่บรรดาขุนพลใต้บังคับบัญชาของ ‘ยอดเคารพซื่อฝา’ ซึ่งเป็นหนึ่งในยอดเคารพก็ยังรู้จักชื่อเสียงอันโด่งดังของ ‘จ้าวหิมะเหิน’
“เป็นจ้าวหิมะเหินนั่นเอง มิน่าเล่า เจ้าเป่ยเหอจึงกล้ามาที่นี่ได้” นั่วฟ่านตั่วจ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิง
“ข้าก็กล้าแค่เท่านี้แหละ” จักรพรรดิเป่ยเหอพูดยิ้มๆ
ทันใดนั้น…
“ฟิ้ว”
อากาศด้านข้างบิดเบี้ยวก่อนจะแหวกออกเป็นทางเส้นหนึ่ง เงาร่างสายหนึ่งเดินออกมาจากรอยแยกกลางอากาศบิดเบี้ยวนั้น นำมาโดยชายชราท่าทางใจดีที่ห่มอาภรณ์สีทองทั้งร่าง ด้านหลังกลับมีผู้แกร่งกล้าเผ่ามรณะทมิฬที่มีกลิ่นอายยิ่งใหญ่ถึงเจ็ดคนอยู่ด้วย
“ยอดเคารพ” ขุนพลใหญ่นั่วฟ่านตั่วร่อนลงข้างๆ ทันทีก่อนจะโค้งคำนับด้วยความเคารพนบนอบหาใดเปรียบ
“ยอดเคารพซื่อฝา” จักรพรรดิเป่ยเหอก็มิได้ผ่อนคลายเช่นก่อนหน้านี้แล้ว แต่กลับสงบเสงี่ยมขึ้นเป็นอันมาก
แม่ทัพเทพทั้งสิบใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิเป่ยเหอต่างก็กังวลอยู่ไม่น้อย
“ยอดเคารพหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงสนใจใคร่รู้ แต่หัวใจก็บีบรัดแน่นอย่างมิอาจควบคุม
ชื่อของคน เงาของต้นไม้
แรงคุกคามของยอดเคารพยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เกรงว่าเมื่อยอดเคารพเป่าลมออกไปคราหนึ่ง ก็สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูทั่วๆ ไปในดินแดนจิตโลกาได้แล้ว! ต่อให้เป็น ‘จักรพรรดิเซี่ย’ ก็ต้องถูกล้างสังหารในพริบตาโดยไร้แรงต้านทาน ต่อให้เป็น ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ ซึ่งสามารถแผดเผาโลหิตหัวใจและหนีเอาชีวิตรอดต่อหน้าจักรพรรดิได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้า ‘ยอดเคารพ’ สามารถต้านทานได้สักสองสามกระบวนท่าก็ควรจะภาคภูมิใจในตนเองแล้ว
นี่ก็คือ ‘ยอดเคารพ’!
ต่อให้เป็น ‘ผู้วิเศษใหญ่ทั้งแปด’ ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับล่างของหุบเขาเขี้ยวหัก เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดเคารพก็ยังอ่อนแอกว่าอยู่ขุมใหญ่ จนต้องถูกยอดเคารพเหยียบย่ำ!
“ตามที่จักรพรรดิเป่ยเหอกล่าวไว้ ยอดเคารพได้ฝึกฝนพลังสายเลือดจนบรรลุถึงขั้นครบสมบูรณ์ถึงขีดสุดอย่างแท้จริงแล้ว หากก้าวไปอีกก้าวหนึ่ง ก็จะสามารถตื่นรู้ได้อย่างแท้จริงและคืนสู่บรรพชน! กลายเป็นเผ่าพันธุ์ของบรรพบุรุษแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง
พละกำลังเช่นนี้น่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว
ราชันย์เหวศิลาและผู้วิเศษใหญ่ทั้งแปดคนอื่นๆ ล้วนถูกเหยียบย่ำ
ต่อให้เป็น ‘จักรพรรดิเป่ยเหอ’ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในระดับจักรพรรดิ เมื่อเผชิญหน้ากับยอดเคารพ ก็ยังต่ำกว่าอยู่ขุมหนึ่ง หากตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้ปรากฏกาย เขามายังเกาะซื่อฝาก็ถือเป็นการรนหาที่ล้วนๆ
“เห็นทีคงจะไม่ค่อยเหมือนกับเผ่ามรณะทมิฬเสียแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูมองดู ‘ยอดเคารพซื่อฝา’ ชายชราซึ่งห่มอาภรณ์สีทองที่กำลังเดินมาจากกลางอากาศผู้นี้ บนร่างของยอดเคารพซื่อฝาไม่มีกลิ่นอายชั่วร้ายซ่อนลับลมคมในเอาไว้แต่อย่างใด หากแต่ทำให้คนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น เขาห่มอาภรณ์สีทองอันโดดเด่นสะดุดตาเอาไว้ ใบหน้ายิ้มแย้ม ‘ยอดเคารพซื่อฝา’ ผู้นี้มองดูตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มๆ จากนั้นก็มองไปทางจักรพรรดิเป่ยเหอแล้วเอ่ยปากว่า “เป่ยเหอ เมื่อได้รู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าได้เชื้อเชิญจ้าวหิมะเหินแห่งดินแดนจิตโลกามา ข้าก็เดาได้แล้วว่า เจ้าคงจะมาหาข้าที่นี่เป็นแน่”
“แน่นอนว่าต้องมาอยู่แล้ว” จักรพรรดิเป่ยเหอพูดเสียงหนักแน่น “ครั้งนี้ ยอดเคารพจะยังขัดขวางเส้นทางของข้าอีกหรือไม่”
“ขัดขวางเส้นทางของเจ้าหรือ แต่ไหนแต่ไรข้าก็ไม่เคยขัดขวางเส้นทางของเจ้า” ยอดเคารพซื่อฝาพูดยิ้มๆ “หากจะขัดขวางเส้นทางของเจ้า ข้าก็สามารถล่อลวงเจ้าให้ถลำลึกเข้าไปในเกาะ รอจนเข้าไปถึงส่วนลึก ข้าค่อยร่วมมือกับผู้ใต้บังคับบัญชาล้อมสังหารเจ้าก็ได้…ในเกาะลอยคว้าง พวกเราสามารถไล่ตามและโจมตีจนแตกหักกันไปข้างหนึ่งได้อยู่แล้ว ท้ายที่สุดเมื่อข้าร่วมมือกับลูกน้อง การสังหารเจ้าก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใด”
จักรพรรดิเป่ยเหอสีหน้าเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย
ใช่แล้ว
นี่คือเรื่องจริง!
เขาสามารถนำพาผู้ใต้บังคับบัญชากลุ่มหนึ่งมาได้ เหล่ายอดเคารพก็สามารถเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาให้มาร่วมมือกันเคลื่อนไหวได้เช่นกัน เพียงแต่ตลอดคืนวันอันยาวนานที่ผ่านมา แต่ไหนแต่ไรห้ายอดเคารพก็ไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน! ระดับอย่างพวกเขาแล้ว พวกเขาก็รังเกียจที่จะทำเช่นนี้
“สมบัติล้ำค่าบนเกาะของข้า มีผู้แกร่งกล้าอยากได้ตั้งมากมาย ไม่ใช่ว่าผู้ใดมา ข้าก็ปล่อยให้พวกเขาเอาไปตามอำเภอใจได้หรอกกระมัง” ยอดเคารพซื่อฝาพูดยิ้มๆ “ต้องแลกเปลี่ยนกันอย่างยุติธรรม หรือไม่ก็ต้องโจมตีการสกัดกั้นของลูกน้องข้าเหล่านี้ให้แตกให้ได้! แล้วค่อยทำลายการขัดขวางของข้า ก็ย่อมสามารถนำสมบัติล้ำค่าไปได้แล้ว น่าเสียดายที่เจ้าทำมิได้ แล้วจะตำหนิใครได้เล่า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังดูอยู่ด้านข้างก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก
แม้จะกล่าวว่าสมบัติล้ำค่าในหุบเขาเขี้ยวหักบนเกาะลอยคว้างแทบจะทั้งหมด เผ่าชนพื้นเมืองก็จะมาช่วงชิงไป!
แต่การช่วงชิงก็ขึ้นอยู่กับพลังด้วย!
“น่าสนใจดี แม้จะกล่าวว่าภายในเผ่ามรณะทมิฬแทบจะไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ แต่ยอดเคารพซื่อฝาผู้นี้กลับยอมแลกเปลี่ยนด้วย” ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงอุทาน เขาสัมผัสมิได้ถึงความชั่วร้ายบนร่างของยอดเคารพซื่อฝาเลยแม้แต่น้อย “เพียงแต่เขาชมชอบการ ‘ทำทาน’ ทำให้สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนกลับคืนสู่ความตาย นิสัยนี้ก็ออกจะน่ากลัวอยู่บ้างจริงๆ”
……
ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมีความคิดมากมายผุดขึ้นมานั้น
จักรพรรดิเป่ยเหอกลับพูดเสียงหนักแน่นว่า “ยอดเคารพ ครั้งนี้ต้องสู้กันยกหนึ่งหรือ ข้ามีพี่หิมะเหินคอยช่วยเหลือ ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านก็ไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว”
“สู้กันรึ แน่นอนว่าต้องประมือกันอยู่แล้ว” ยอดเคารพซื่อฝากล่าว
จักรพรรดิเป่ยเหอ แม่ทัพเทพทั้งสิบและตงป๋อเสวี่ยอิงต่างก็หัวใจบีบรัดแน่น
จะเปิดศึกแล้วหรือ
ที่แท้แล้วยอดเคารพแข็งแกร่งเพียงใดกัน!
“ดีมาก ยอดเคารพ วันนี้ก็อย่าหาว่าข้าร่วมมือกันจัดการท่านก็แล้วกัน” นัยน์ตาของจักรพรรดิเป่ยเหอสาดประกายหนาวเหน็บ
“ต้องประมือกันสิ ทว่าแค่ต้องประมือกับจ้าวหิมะเหิน ผู้บำเพ็ญแห่งดินแดนจิตโลกาก็เป็นอันใช้ได้แล้ว” ยอดเคารพซื่อฝามองดูตงป๋อเสวี่ยอิงพลางหัวเราะคิกคัก “ข้าไม่สนใจยอดฝีมือชนพื้นเมืองอย่างพวกเจ้า เพียงแค่สนใจจ้าวหิมะเหินอยู่บ้างก็เท่านั้น จ้าวหิมะเหิน ได้ยินมาว่าเจ้าสามารถทำให้ระดับจักรพรรดิบางคนจมดิ่งลงไปได้ทันที ข้าอยากจะลิ้มรสกระบวนท่าทางด้านวิญญาณของเจ้าดูเสียหน่อย”
“ข้าประมือกับยอดเคารพอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้งเฮือก
ให้อย่างไร อย่างมากที่สุดตนก็คงทำให้พลังของยอดเคารพเสียหายได้เท่านั้นเอง เกรงว่าพลังเพียงส่วนเดียวของยอดเคารพก็คงสามารถสังหารตนได้อย่างง่ายดายแล้ว เพราะถึงอย่างไรตนก็แตกต่างกับพวกบรรพชนราตรีนิรันดร์อย่างมหาศาล จึงย่อมแตกต่างจากยอดเคารพมากเสียจนน่าตกใจแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าแค่ออกกระบวนท่าก็พอแล้ว” ยอดเคารพซื่อฝาพูดยิ้มๆ “ข้าไม่รังแกผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอคนหนึ่งหรอก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
ผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอ
ในสายตาของยอดเคารพ ผู้บำเพ็ญดินแดนจิตโลกาก็คงอ่อนแอกันหมดกระมัง! ต่อให้พวกจักรพรรดิเซี่ยและราชันย์อนธการอมตะมา ก็คงมีแต่เอาชีวิตมาทิ้งเท่านั้น เคราะห์ดีที่มีกฎเกณฑ์ของ ‘หยวน’ จำกัดเอาไว้ ทำให้ยอดเคารพไม่สามารถเข้ามายังดินแดนจิตโลกาได้
ทว่าแม้จะรู้ข้อนี้เป็นอย่างดี แต่เมื่อโดนดูถูกเข้า เขาก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี
“ได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก ประกายในดวงตาก็เพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก
ตู้ม…
เขตลวงโลกเทียมร่อนลงไปแล้ว! ปกคลุมยอดเคารพซื่อฝาผู้นั้นเอาไว้
แม้กระบวนท่าที่สำแดงออกไปจะมิได้ส่งลูกหลงไปถูกบรรดาลูกมือของยอดเคารพ และมิได้ส่งผลต่อจักรพรรดิเป่ยเหอและแม่ทัพเทพทั้งสิบ ทว่าพวกเขาแต่ละคนก็ล้วนรู้สึกว่า ‘ดวงตา’ ของตงป๋อเสวี่ยอิงมีแรงดึงดูดถึงชีวิต ทำให้พวกเขาแต่ละคนอยากจะมองไปทางดวงตาของตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างมิอาจควบคุมตนเองได้ ซึ่งท่าไม้ตายนี้คือสิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงรับรู้จาก ‘ดวงตาสีเทา’ ดวงตาของเขาก็กลายเป็นเต็มไปด้วยแรงดึงดูด ทำให้ผู้คนอยากจะจมดิ่งลงไป
เคราะห์ดีที่เพียงแค่มองดูอยู่ไกลๆ เท่านั้น มิได้ตกเข้าสู่เขตลวง แต่ละคนจึงยังสามารถต้านทานเอาไว้ได้ทว่าแต่ละคนก็ลอบอุทานอยู่ในใจ
“เป็นกระบวนท่าทางด้านวิญญาณที่ร้ายกาจนัก ไม่รู้ว่าหากข้าถูกกระบวนท่าเข้า พลังจะเหลือสักกี่ส่วนกัน” จักรพรรดิเป่ยเหอและยอดฝีมือคนอื่นๆ พากันตกตะลึง
“เอ๊ะ”
แต่เดิมยอดเคารพซื่อฝายังดีอยู่ แต่ทันใดนั้นสีหน้าก็พลันเปลี่ยนแปรไป
ตู้ม…
กลิ่นอายดำมืดอันน่าหวาดหวั่นระลอกหนึ่งปะทุออกจากผิวกายของยอดเคารพซื่อฝาแล้วโจมตีไปทั่วทุกทิศทุกทาง เพียงพริบตาเดียวก็หอบม้วนไปทั่วฟ้าดินรอบด้าน ทำเอาฟ้าดินดำมืดไปหมด ยอดฝีมือเผ่ามรณะทมิฬอย่าง ‘นั่วฟ่านตั่ว’ ก็ยังถูกกระแทกเสียจนกระเด็นลอยถอยหลังไป บ้างก็ได้รับบาดเจ็บ แต่ละคนเผยสีหน้าตื่นตระหนกออกมา
“กำหนด” จักรพรรดิเป่ยเหอตวาดออกมา
รอบกายจักรพรรดิเป่ยเหอพลันมีประกายกระบี่โหมซัดออกมาทันที ประกายกระบี่แผ่คลุมไปรอบด้าน ปกป้องตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ และปกป้องแม่ทัพเทพทั้งสิบข้างกายเอาไว้ด้วย
ฟึ่บๆๆ…
กลิ่นอายดำมืดปะทะเข้ากับประกายกระบี่ที่โหมซัดอย่างไม่หยุดหย่อน ประกายกระบี่เสียหายไปอย่างต่อเนื่อง
“นี่ นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว” ภายใต้การคุ้มกันของประกายกระบี่ ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูกลิ่นอายดำมืดที่ทำลายประกายกระบี่อย่างต่อเนื่องอยู่รอบนอก เขารู้สึกหวาดหวั่นด้วยสัญชาตญาณของชีวิต! เขาเกิดความรู้สึกเหมือนกับว่า หากร่างกายถูกกลิ่นอายดำมืดนี้สัมผัสเข้า ก็จะแหลกสลายไป
“เฮอะ!”
ทันใดนั้นยอดเคารพซื่อฝาที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามเสียงต่ำคราหนึ่ง แล้วฝืนเก็บงำกลิ่นอายเอาไว้ เขาลืมตาขึ้นแล้วมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง “จ้าวหิมะเหิน เก็บกระบวนท่าทางด้านวิญญาณลงไปได้แล้วล่ะ”
จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็เก็บกระบวนท่าลงไปในชั่วความคิดเดียว
“เป็นเขตลวงที่ร้ายกาจนัก” ยอดเคารพซื่อฝาทอดถอนใจคราหนึ่ง “ข้าคิดเอาเองว่าจะสามารถครองสติเอาไว้ได้ ทั้งยังจงใจเข้าไปในเขตลวงหมายจะสำรวจดูสักหน่อย ไหนเลยจะคิดว่าจะเสียเปรียบได้ จนแผ่กลิ่นอายออกไปภายนอก วันนี้ได้พบเห็นกระบวนท่าทางด้านวิญญาณระดับนี้ ก็นับว่าได้เปิดหูเปิดตามากทีเดียว จ้าวหิมะเหิน เป่ยเหอ ตอนนี้พวกเจ้าเข้าไปได้แล้วล่ะ!”
ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด...
ตอนที่ 47 ทะเลสาบใบไม้ดำ
ตงป๋อเสวี่ยอิงอ้าปากค้าง
ผู้แกร่งกล้าทั่วไปล้วนพยายามสกัดกั้นเขตลวง แต่ยอดเคารพซื่อฝาผู้นี้กลับเป็นฝ่ายปล่อยให้ตนเองเข้าสู่เขตลวง ช่างมั่นใจในตนเองเกินไปแล้ว! ทว่าเกลับกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด จนต้องถูกบีบบังคับให้ทำลายเขตลวงอย่างสุดกำลัง กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นของตนจึงแผ่ออกมาภายนอกบ้าง เดิมทีกลิ่นอายของเผ่ามรณะทมิฬก็ชั่วร้ายและน่าหวาดหวั่นอยู่แล้ว ตามปกติแล้ว ยอดเคารพซื่อฝา’ ผู้นี้เพียงแค่เก็บงำเอาไว้เท่านั้น หากแพร่ออกมาภายนอกตามปกติ ก็เพียงพอจะสังหารระดับอ๋องทั้งหมดได้แล้ว แม้แต่บรรดาแม่ทัพเทพในระดับจักรพรรดิก็ต้องถูกกระแทกจนกระเด็นไป หรือถึงขั้นได้รับบาดเจ็บ จะมีก็แต่ระดับ ‘จักรพรรดิ’ เท่านั้นที่ยังคงสามารถต้านทานการโจมตีของกลิ่นอายเอาไว้ได้ค่อนข้างสบาย
“ให้พวกเราเข้าไปหรือ” จักรพรรดิเป่ยเหอเผยสีหน้ายินดีออกมา ขอบคุณยอดเคารพซื่อฝา”
“มีจ้าวหิมะเหินอยู่ทั้งคน ต่อให้ข้าขัดขวาง ก็ขวางพวกเต้าเอาไว้มิได้อยู่ดี” ยอดเคารพซื่อฝากล่าว “ไป ข้าจะพาพวกเจ้าไปเอง หากพวกเจ้าค่อยๆ บินไป ก็ไม่รู้ว่าจะต้องบินไปถึงเมื่อใด”
จักรพรรดิเป่ยเหอก็มิได้ปฏิเสธ
ขณะเดียวกันเขาก็ลอบมองสำรวจตงป๋อเสวี่ยอิงและยอดเคารพซื่อฝา เขาอยากรู้มากว่า ที่แท้แล้วเมื่อยอดเคารพซื่อฝาอยู่ภายใต้กระบวนท่าทางด้านวิญญาณของจ้าวหิมะเหิน จะส่งผลกระทบต่อพลังมากน้อยสักเท่าใดกัน ทว่าในเมื่อหาญกล้า เป็นฝ่ายเข้าสู่เขตลวงเอง จะต้องต้านทานเขตลวงล้วนๆ ผลกระทบก็คงไม่มากสักเท่าใดนัก
“หากร่วมมือกับจ้าวหิมะเหินไปจัดการกับยอดเคารพ เกรงว่าคงจะเปลืองแรงอยู่บ้าง” จักรพรรดิเป่ยเหอลอบพึมพำ “ทว่าอย่างน้อยก็ลดความแตกต่างระหว่างข้ากับยอดเคารพลงได้บ้าง! นอกจากนี้ เมื่อมีจ้าวหิมะเหินอยู่ ข้าก็ไม่เกรงกลัวการล้อมโจมตีอันใดอีกแล้ว เสียดายก็แต่ว่า จ้าวหิมะเหินไม่ยินยอมติดตามข้า ก่อนหน้านี้ยังถึงขั้นเคยช่วยเหลือวายุทิพย์มาครั้งหนึ่งด้วย!”
“ฟิ้ว”
พละกำลังอันไร้รูปร่างของยอดเคารพซื่อฝาปกคลุมโดยรอบ จักรพรรดิเป่ยเหอยังคงปกป้องตงป๋อเสวี่ยอิงและแม่ทัพเทพทั้งสิบเอาไว้
สวบ!
พวกเขาทะลุตรงผ่านอากาศไป จนถึงส่วนลึกที่ใจกลางของเกาะแห่งนี้
“ถึงแล้ว”
เสียงของยอดเคารพซื่อฝาสะท้อนก้อง
มิติตรงหน้าเปลี่ยนแปรไป ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปรอบด้าน ด้านข้างกลับเป็นทะเลสาบสีแดงเพลิงแห่งหนึ่ง น้ำทะเลสาบสีแดงเพลิงแผ่อุณหภูมิสูงเสียจนชวนให้คนตกใจ ทำเอาอากาศบิดเบี้ยวไปหมด เหนือทะเลสาบแห่งนี้ยังมีใบไม้สีดำมากมายลอยละล่องอยู่ ใบไม้สีดำจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมพื้นที่กว่าหมื่นลี้ รายล้อมวงแล้ววงเล่า ยิ่งถัดเข้าไปวงด้านใน ใบไม้สีดำก็ยิ่งใหญ่โตขึ้น
ใบไม้สีดำตรงใจกลางสุดมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าร้อยลี้ ส่วนใบไม้รอบนอกสุด เพียงพอให้คนทั่วไปยืนได้สามคนห้าคนเท่านั้น
นอกจากใบไม้สีดำ ยังมีดอกไม้สีม่วงมากมายผลิบานอยู่
เมื่อทอดสายตามองไป ก็เห็นดอกไม้อันงดงามกว่าร้อยดอก ยิ่งเข้าใกล้ศูนย์กลางเท่าไหร่ ดอกไม้สีม่วงที่เบ่งบบานก็ยิ่งใหญ่โตขึ้นเช่นกัน ใบไม้สีดำตรงกลางสุดนั้น ก็มีดอกไม้สีม่วงขนาดใหญ่ที่สุดดอกหนึ่งผลิบานอยู่ตรงนั้นด้วย ดอกไม้สีม่วงดอกนั้น…กินพื้นที่ราวหนึ่งในสามของใบไม้สีดำตรงกลางใบนั้น
“ฟิ้ว…”
ใบไม้สีดำและดอกไม้สีม่วงซึ่งแผ่กำจายปกคลุมทั่วพื้นที่กว่าหมื่นลี้ของทั้งทะเลสาบ ได้แผ่กลิ่นอายของแรงกดดันอันไร้รูปร่างออกมา ทำให้ผู้แกร่งกล้าทั้้งหลายในที่นั้นรู้สึกเหมือนหยุดหายใจ
“เป่ยเหอ” ยอดเคารพซื่อฝาที่อยู่ด้านข้างพูดยิ้มๆ “ทะเลสาบใบไม้ดำอยู่ตรงนี้แล้ว ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าสามารถเก็บน้ำค้างบุปผาได้มากเท่าไหร่ ข้าก็จะปล่อยให้เจ้าเอาไป แต่เจ้าควรรู้ไว้ว่าน้ำค้างบุปผาของทะเลสาบใบไม้ดำมิได้เก็บได้ง่ายถึงเพียงนั้น”
“วางใจเถิด ข้าเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว” จักรพรรดิเป่ยเหอโบกมือคราหนึ่งแล้วเก็บแม่ทัพเทพทั้งสิบด้านข้างลงไป เขากังวลว่าเมื่อถึงคราวเก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผา เหล่าแม่ทัพเทพใต้บังคับบัญชาจะถูกยอดเคารพซื่อฝาโจมตี ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงน่ะหรือ ครั้งนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงมาก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น จึงได้นำร่างแยกมามากมาย ร่างแยกบางร่างอยู่ภายในคูหาสวรรค์สมบัติล้ำค่าที่จักรพรรดิเป่ยเหอพกติดตัวเอาไว้
ต่อให้ร่างแยกที่อยู่ภายนอก ถูกลอบสังหารและทำลายล้างไป ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวม
จักรพรรดิเป่ยเหอเหลือบมองตงป๋อเสวี่ยอิงแวบหนึ่ง
“จักรพรรดิเข้าไปเก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผาให้เต็มที่เถิด ข้าจะดูอะไรไปเรื่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูรอบด้านด้วยความสนอกสนใจ
“ได้” จักรพรรดิเป่ยเหอพยักหน้า จากนั้นก็สาวเท้าออกไปก้าวหนึ่งแล้วทะยานไปยังใบไม้สีดำรอบนอกสุด หลังจากร่อนลงบนใบไม้ใบหนึ่งอย่างแผ่วเบาแล้วก็เดินมุ่งหน้าไปยังดอกไม้สีม่วงดอกหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด…
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองจักรพรรดิเป่ยเหอหยิบเครื่องมืออันซับซ้อนที่เตรียมมาเป็นอย่างดีเก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผาด้วยความระมัดระวังแวบหนึ่ง แล้วก็มองไปรอบๆ แทน รอบด้านมีสิ่งก่อสร้างทอดยาวต่อเนื่องกัน แม้แต่ทะเลสาบแห่งนี้ก็ยังอยู่ภายนอกสวนดอกไม้ขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง รอบด้านยังมีกำแพงลานอยู่ด้วย
“ครั้งนี้ก็เป็นเพราะมีจ้าวหิมะเหินอยู่ มิเช่นนั้นแล้ว เป่ยเหอผผู้นั้นก็คงมาไม่ถึงตรงหน้าทะเลสาบใบไม้ดำหรอก” ยอดเคารพซื่อฝาเดินมาถึงข้างกายตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “จ้าวหิมะเหิน ด้วยผลสำเร็จบนเส้นทางวิญญาณของเจ้า ไยจึงต้องช่วยเหลือเป่ยเหอด้วยเล่า เชื่อว่าบัดนี้จักรพรรดิเหล่านั้นก็คงต้องแย่งกันมาผูกสัมพันธ์กับเจ้ากระมัง หากเจ้าไม่ช่วยเป่ยเหอ เป่ยเหอก็คงทำอะไรเจ้ามิได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวเราะ
ที่เขาช่วยเหลือจักรพรรดิเป่ยเหอ ก็เพราะต้องการหลบเลี่ยงการต่อสู้เป็นหลัก แน่นอนว่าเป็นเพราะจักรพรรดิเป่ยเหอเกรงอกเกรงใจเขามาตลอดด้วย ช่วยก็ช่วยเถิด
“จักรพรรดิเป่ยเหอสามารถให้ในสิ่งที่ข้าต้องการได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดจบก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ยอดเคารพ เหตุใดแรงกดดันของทะเลสาบใบไม้ดำแห่งนี้จึงน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ได้เล่า”
ตนยืนอยู่ริมตลิ่ง ก็รู้สึกเหมือนหยุดหายใจ
“มีเพียงตรงริมตลิ่งเท่านั้นที่จะสามารถสัมผัสถึงอานุภาพกดดันได้บ้าง” ยอดเคารพซื่อฝาพูดยิ้มๆ “หากเหยียบลงไปบนใบไม้นั่นแล้ว เข้าไปใกล้ใจกลางมากขึ้น แรงกดดันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น และถึงขั้นน่าหวาดหวั่นขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ต่อให้เป็นข้า ก็มิอาจเหยียบย่างลงบนใบไม้สีดำตรงกลางสุดใบนั้นได้”
“ยอดเคารพก็มิอาจขึ้นไปได้อย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง
ยอดเคารพมีพลังระดับใดกัน เพียงแค่แรงกดดันเท่านั้น ก็ทำให้ยอดเคารพมิอาจเดินไปถึงใบไม้ตรงกลางสุดได้อย่างนั้นหรือ
“ทะเลสาบใบไม้ดำแห่งนี้เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งสักท่านหนึ่งในสองท่านที่สิ้นชีวิตไปตอนนั้น” ยอดเคารพซื่อฝาทอดถอนใจ “สิ้นใจไปตั้งนานแล้ว ทะเลสาบใบไม้ดำที่เปลี่ยนแปรมาจากพละกำลังที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดก็ยังทำให้ข้ามิอาจเข้าใกล้ได้ ไม่รู้จริงๆ ว่า หากทั้งสองท่านนั้นยังมีชีวิตอยู่ จะน่าหวาดหวั่นสักเพียงใดกัน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า เพราะถึงอย่างไรก็สามารถทำให้หยวนได้รับบาดเจ็บได้ ต่อให้สู้หยวนไม่ได้ ก็เกรงว่าคงจะแตกต่างกันไม่มากสักเท่าใดนัก
“แม้จะมีดอกใบไม้ดำกว่าร้อยดอก แต่ความสามารถในการต้านทานแรงกดดันของเป่ยเหอก็ยังสู้ข้ามิได้เลย เกรงว่าเขาคงทำได้เพียงเก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผาบนดอกใบไม้ดำได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้ดอกใบไม้ดำครึ่งหนึ่งก็ยังเป็นดอกที่เล็กที่สุดอีกต่างหาก” ยอดเคารพซื่อฝาพูดพลางหัวเราะเบาๆ ยิ่งเข้าใกล้ศูนย์กลางมากขึ้นเท่าไหร่ ดอกไม้ก็ยิ่งใหญ่โตขึ้นเท่านั้น ดอกไม้สีม่วงตรงกลางสุดมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึงหลายสิบลี้เลยทีเดียว เกรงว่าน้ำค้างบุปผาภายในนั้นคงจะมากกว่าดอกอื่นๆ ทั้งหมดรวมกันเสียอีก
“ข้าสามารถลองขึ้นไปดูได้หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“แน่นอนว่าต้องได้อยู่แล้ว” ยอดเคารพซื่อฝาพูดยิ้มๆ “ทว่าจะต้องระวังด้วย อย่าได้แตะต้องน้ำทะเลสาบเหล่านั้นเป็นอันขาด น้ำทะเลสาบร้อนระอุ ด้วยพลังของเจ้า เกรงว่าเมื่อแตะถูกก็คงจะต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปทันที”
“เข้าใจแล้ว”
จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็ทะยานขึ้นไป มุ่งหน้าไปยังใบไม้สีดำด้านนอกสุด
“เขาก็ไปด้วยหรือ”
“จ้าวหิมะเหินผู้นี้ก็ไปด้วยอย่างนั้นหรือ” ผู้ใต้บังคับบัญชาของยอดเคารพซื่อฝามองดูอยู่ไกลๆ พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ส่วนใหญ่รู้สึกไม่ยินยอมสักเท่าใดนัก! เผ่ามรณะทมิฬไม่มีคนอารมณ์ดีสักคน
จักรพรรดิเป่ยเหอที่กำลังเก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผาก็หันมามองตงป๋อเสวี่ยอิงแวบหนึ่ง เมื่อเห็นเข้าก็ยิ้มร่า เขาถ่ายเสียงพูดประโยคหนึ่งว่า “พี่หิมะเหิน ต้องระวังหน่อยล่ะ” จากนั้นเขาก็เก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผาต่อไป
เขาร่อนลงเบาๆ ปลายเท้าแตะลงบนใบไม้สีดำ ใบไม้สีดำนุ่มหยุ่นสามารถรั้งเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
“เป็นอานุภาพกดดันที่แข็งแกร่งนัก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้สนใจน้ำค้างบุปผาเหล่านั้นเลย อย่างแรกคือตนมิได้ต้องการ อีกอย่างคือตนมิได้มีเครื่องมือพิเศษในการเก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผา
เขาสนอกสนใจอานุภาพกดดันของทะเลสาบใบไม้ดำมาก ใบไม้ตรงกลางสุด ถึงขั้นทำให้ยอดเคารพมิอาจขึ้นไปได้ นี่มันออกจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว
“ตึ้กๆๆ…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินไปก้าวแล้วก้าวเล่าอย่างสบายๆ ราวกับเดินเล่นอย่างไรอย่างนั้น
เพราะถึงอย่างไรใบไม้จำนวนนับไม่ถ้วนก็แผ่คลุมบริเวณกว่าหมื่นลี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังนับว่าเดินไปได้ค่อนข้างเร็ว เขาเดินผ่านใบไม้สีดำใบแล้วใบเล่า ใบไม้สีดำใต้ฝ่าเท้าก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แรงกดดันนั้นก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
“เป็นอานุภาพกดดันที่แข็งแกร่งนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึงในใจ
อานุภาพกดดันนั้นพุ่งเป้าตรงไปที่วิญญาณ
เมื่อเข้าไปใกล้ ก็ประหนึ่งภูเขาใหญ่อันไร้ที่สิ้นสุดกดทับลงบนวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น
“ยากจริงๆ เสียด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยายามเดินไป
“อะไรกัน”
ยอดเคารพซื่อฝาที่อยู่ริมตลิ่งเห็นเข้าก็ตกใจใหญ่ “เดินมาไกลขนาดนี้แล้วหรือ”
“เป็นไปได้อย่างไร เดินไปได้ไกลถึงเพียงนั้นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยหรือ” ยอดฝีมือเผ่ามรณะทมิฬเหล่านั้นต่างก็ตกตะลึงเหลือแสน
“นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน” แม้จะกำลังเก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผา จักรพรรดิเป่ยเหอก็จับตามองรอบด้านตลอดเวลา เมื่อพบว่าตงป๋อเสวี่ยอิงเดินไปได้ไกลลิบ ก็อดตกใจมิได้ เขาสนใจ ‘ทะเลสาบใบไม้ดำ’ เป็นอย่างยิ่ง จึงได้เก็บรวบรวมข้อมูลมาเป็นจำนวนมาก และรู้ว่าต่อให้เป็นตัวเขาเองก็ไม่แน่ว่าจะสามารถเดินไปได้ไกลถึงเพียงนั้น
เวลาค่อยๆ ล่วงเลยไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เผยสีหน้าเหน็ดเหนื่อยออกมา แต่ก็เดินไปถึงใบไม้อีกใบหนึ่งที่อยู่ใกล้ใบไม้ตรงกลางมากที่สุดแล้ว ใบไม้ใบนั้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึงสิบลี้
“เอ๊ะ แม้ข้าจะรู้สึกว่ายากมาก แต่ข้าก็อยู่ห่างจากใบไม้ตรงกลางสุดเพียงแค่ช่วงสุดท้ายแล้วนี่นา” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกใจมาก แม้วิญญาณของเขาจะเคยดูดซับโลหิตหัวใจของ ‘มารดามังกรหมื่นสัมผัส’ หยดหนึ่งมาก่อน ,แต่ถึงอย่างไรก็มีพื้นฐานเพียงเทพจักรวาลชั้นที่สองเท่านั้น โลหิตหัวใจของมารดามังกรหมื่นสัมผัสเพียงแค่ทำให้วิญญาณของร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิงร่างนี้ แข็งแกร่งกว่าขั้นสุดยอดทั่วไปอยู่บ้างก็เท่านั้นเอง
เมื่อเทียบกับยอดเคารพแล้ว ก็ยิ่งแตกต่างกันมากเข้าไปใหญ่
ทว่าทางด้านปณิธาน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สูงส่งกว่าเผ่ามรณะทมิฬและชนพื้นเมืองซึ่งอาศัยพละกำลังสายเลือดล้วนๆ เหล่านี้มากนัก และนี่ก็คือข้อได้เปรียบของผู้บำเพ็ญ
นอกจากนี้ เมื่อคิดค้นท่าไม้ตายของวิถีเขตลวงโลกเทียมออกมาได้นั้น วิญญาณของเขาก็เกิดการวิวัฒน์พิเศษบางอย่างขึ้นมา นอกจากนี้ในฐานะที่เป็นอันดับหนึ่งทางสายวิญญาณอย่างไร้ข้อกังขา เขาสามารถควบคุมพละกำลังของวิญญาณให้แปรเปลี่ยนเป็นโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลและสกัดกั้นแรงกดดันของวิญญาณเออาไว้ได้อย่างง่ายดาย!
“คงไม่หรอกกระมัง!” ยอดเคารพซื่อฝาตกตะลึง
“หรือว่า.” แม้แต่จักรพรรดิเป่ยเหอที่กำลังเก็บเกี่ยวน้ำค้างบุปผาอยู่ก็หยุดการเก็บเกี่ยวลงชั่วคราว แล้วมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง
ภายใต้การสอดส่องของพวกเขา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เดินไปก้าวแล้วก้าวเล่าอย่างไม่หยุดหย่อน ในที่สุดก็เหยียบลงบนใบไม้สีดำตรงกลางสุดที่ใหญ่ที่สุดของทั้งทะเลสาบใบไม้ดำจนได้
“วิ้ง!”
ชั่วขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเหยียบลงบนใบไม้ตรงกลางสุดนั่นเอง ดอกใบไม้ดำที่ใหญ่ที่สุดดอกนั้นก็เปล่งแสงสีม่วงอันสะดุดตาออกมา สาดส่องไปทั่วทุกทิศทุกทาง และสาดส่องลงบนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยเช่นกัน
ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด...
ตอนที่ 48 หยาดน้ำค้างเรืองรอง
ประกายสีม่วงที่ดอกใบไม้ดำดอกใหญ่ที่สุดซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายสิบลี้ดอกนั้นแผ่ออกมา ช่างระยิบระยับจับตาถึงเพียงนั้น ช่างชวนให้คนมึนเมา แม้กระทั่งยอดเคารพซื่อฝา จักรพรรดิเป่ยเหอและบรรดาผู้คนที่ชมดูอยู่ข้างๆ จำนวนหนึ่งทั้งพรั่นพรึงทั้งถูกดึงดูดด้วยสิ่งนี้ พวกเขามองดูเงาร่างหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวที่เดินมาถึงบนใบไม้ดำตรงกึ่งกลางผู้นั้นแล้ว แต่ละตนต่างก็เกิดความพรั่นพรึง ความอิจฉาริษยา และความเหลือเชื่อขึ้นในใจ…
ความรู้สึกต่างๆ นานา ช่างสลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง
“เขาถึงกับสามารถขึ้นไปแล้วเดินไปถึงจุดศูนย์กลางได้เชียวหรือ” ยอดเคารพซื่อฝามีสถานะเช่นนี้ ก็ยังอดที่จะเอ่ยพึมพำเสียงต่ำกับตนเองมิได้ ทะเลสาบใบไม้ดำก็อยู่บนเกาะของเขา เขาทดสอบดูตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ภายใต้ความกดดันอันน่าหวาดหวั่นนั้น วิญญาณของเขาก็ต้านทานไม่อยู่ ได้แต่หยุดฝีเท้าเอาไว้เท่านั้น
“คิดไม่ถึงว่าข้าเชิญเขามาช่วยเหลือ ในท้ายที่สุดแล้วกลับกลายเป็นเขาที่ได้รับผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่สุดไป!” จักรพรรดิเป่ยเหอก็หยุดลงเก็บสะสมน้ำค้างบุปผา เขาเป็นจักรพรรดิที่ก้าวหน้าขึ้นมาใหม่ที่สุด แต่กลับกลายเป็นผู้ที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาจักรพรรดิในตอนนี้ ก็เพราะพยายามไขว่คว้าโอกาสทุกครั้งเอาไว้ ขณะนี้เขาเข้าใจโดยสัญชาตญาณว่าใบไม้ดำที่อยู่ตรงกลางนั้นให้ความรู้สึกกดดันน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ และประกายอันลึกลับที่ดอกไม้สีม่วงแผ่ออกมาในขณะนี้ หากไม่มี ‘โอกาสอันยิ่งใหญ่’ ตัวเขาเองก็ยังไม่เชื่อเลย!
เขาปรารถนาให้โอกาสเช่นนี้หล่นมาใส่มือตน
แต่เขาย่อมไม่มีทางเหยียบไปบนใบไม้ตรงกลางจุดศูนย์กลางได้ ไม่มีคุณสมบัติจะไปสู้ ไม่ต้องพูดถึงเขาเลย แม้กระทั่งยอดเคารพก็ยังไม่สามารถป่ายปีนขึ้นไปได้เลย
ในขณะนั้นทุกคนต่างก็กำลังมองดูอยู่ มองอย่างอิจฉาริษยา แต่กลับไม่สามารถไปสู้ด้วยได้
“นั่นคือสิ่งใดหรือ”
“ของสิ่งใดกัน”
ยอดเคารพซื่อฝาและคนอื่นๆ ตกตะลึงในทันใด
เห็นเพียงว่าในขณะที่ดอกใบไม้ดำที่เป็นแก่นสำคัญที่สุดนั้นกำลังเปล่งประกายสีม่วงระยิบระยับไปทั่วทุกทิศทุกทาง ทันใดนั้นหยาดน้ำค้างเรืองรองหยดแล้วหยดเล่าก็ลอยขึ้นมา หยาดน้ำค้างหยดแล้วหยดเล่านั้นสามารถมองเห็นได้อย่างลางๆ กลางอากาศ มันหักเหแสงภายใต้ประกายระยิบระยับ เพียงแต่ว่าในหยาดน้ำค้างนี้มีเงาร่างสิ่งมีชีวิตอันแปลกประหลาดอยู่ร่างหนึ่ง หยาดน้ำค้างเหล่านี้คล้ายจะได้รับแรงดึงดูดอันไร้รูปร่างแล้วลอยไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงจนหมดสิ้น ก่อนจะดูดซึมเข้าไปในร่างกายเขา
“ใช่น้ำค้างบุปผาหรือไม่”
“น้ำค้างบุปผาของดอกใบไม้ดำหรือ ไม่ถูกสิ ดูคล้ายว่าจะแตกต่างกันอยู่บ้าง” พวกยอดเคารพซื่อฝาและจักรพรรดิเป่ยเหอสังเกตการณ์อยู่ทว่ากลับได้แค่คาดเดาอย่างสุ่มๆ เท่านั้น
******
ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินไปถึงใบไม้ดำตรงกลางนั้นเอง ดอกไม้ดอกนั้นก็เปล่งประกายสีม่วงระยับจับตาออกมา หยาดน้ำค้างที่หักเหแสงสายนั้นลอยเข้ามา สามารถมองเห็นเงาร่างสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดภายในนั้นได้รางๆ ถึงแม้จะรู้ว่าหยาดน้ำค้างนี้ไม่ธรรมดา แต่สิ่งมีชีวิตก็มีความมุ่งมาดปรารถนาอย่างหนึ่งตามธรรมชาติ บวกกับนี่เป็นเพียงแค่ร่างแยกร่างหนึ่งเท่านั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้หลบเลี่ยง ปล่อยให้หยาดน้ำค้างเหล่านั้นหยดลงบนร่างกาย แล้วถูกร่างกายดูดซึมไป
“ปัง!”
ในขณะที่หยาดน้ำค้างตกกระทบร่างกายนั้นเอง
สติรับรู้ของตงป๋อเสวี่ยอิงก็คำรามดังลั่น
ในขณะนี้เขา ‘มองเห็น’ แล้ว
เห็นอย่างกระจ่างชัดเป็นอย่างยิ่งว่าที่กลางมิติคละถิ่นอันมืดสลัวมีสัตว์ตัวใหญ่สูงตระหง่านหาใดเปรียบกำลังบินทะยานอยู่ มันมีกรงเล็บหลายสิบอัน บนร่างกายมีดวงตากว่าพันดวงอยู่กันอย่างแน่นขนัด ดวงตาเหล่านี้บ้างก็เป็นดวงตาสีเทา บ้างก็เป็นดวงตาสีทอง เพียงแต่ว่าในขณะนี้ดวงตาเหล่านี้ต่างก็ปิดสนิทอยู่
เพราะก่อนหน้านี้ตงป๋อเสวี่ยอิงเคยเห็นดวงตาสีเทาและดวงตาสีทองมามากมายเหลือเกิน ถึงแม้ดวงตาเหล่านี้จะปิดอยู่ทั้งหมด แต่มองปราดเดียวก็สามารถตัดสินได้แล้ว ก็เพราะเคยเห็นดวงตาลึกลับเหล่านั้นบนเกาะลอยคว้างแห่งแล้วแห่งเล่ามาก่อนแล้ว
ที่บริเวณไกลออกไปมีประกายสว่างไสวเรืองรอง นั่นคือโลกกำเนิดอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่งที่ปล่อยระลอกคลื่นซัดสาดออกมาปะทะกับมิติคละถิ่นบริเวณรอบๆ
แต่สัตว์ร่างใหญ่มหึมาตนนี้เหินบินอย่างช้าๆ ดูเหมือนว่าจะเชื่องช้า แต่การบินตลอดความยาวของโลกกำเนิดแห่งหนึ่ง กลับใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นเอง เพราะว่าสัตว์ร่างใหญ่มหึมานี้ตัวโดเหลือเกิน!
มีโลกกำเนิดอันกว้างใหญ่ไพศาลที่อยู่ไกลออกไปแห่งนั้นเปรียบเทียบ! ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงประมาณได้ว่า ‘สัตว์ร่างใหญ่มหึมา’ ตนนี้มีขนาดใหญ่ราวๆ หนึ่งในสิบเท่าของโลกกำเนิดแห่งหนึ่ง!
“ตัวมันเองมีขนาดใหญ่โตถึงเพียงนี้เลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นตระหนก
สัตว์ร่างใหญ่มหึมานี้งดงามเกินไปแล้ว
แฝงไว้ด้วยความงดงามของ ‘กฎเกณฑ์’
แผ่นเกล็ดบนร่างและระหว่างเกล็ดประกอบกันเป็นมิติแห่งแล้วแห่งเล่า บริเวณต่างๆของร่างกายขนาดใหญ่มหึมา การไหลของเวลากำลังเปลี่ยนแปลงและบิดเบือน แต่ไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร เจ้าสัตว์ร่างใหญ่มหึมานี้กลับมีอยู่ในทั้งอดีต อนาคตและปัจจุบัน ไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ตงป๋อเสวี่ยอิงถึงขนาดที่มีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่ามาถึงระดับขั้นเช่นนี้แล้ว สัตว์ร่างใหญ่มหึมานี้ควรจะ ‘เป็นอมตะตลอดกาล’ จึงจะถูกต้อง
ดูคล้ายว่าเดิมทีมันก็ควรจะปรากฏตัวในอนาคตอยู่แล้ว!
เพียงแต่ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้อยู่รางๆ ว่าสัตว์ร่างใหญ่มหึมานี้น่าจะเป็นหนึ่งในสองสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นเป็นที่สุดที่ตายไปของ ‘หุบเขาเขี้ยวหัก’ ทำให้หยวนได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังตายตกไปเสียแล้ว! ไม่รู้ว่าถูกหยวนโจมตี หรือว่าถูกหยวนและผู้แกร่งกล้าคละถิ่นคนอื่นๆ ล้อมสังหารจนตายกันแน่
“ช่างงดงามเสียจริง” สติรับรู้ของตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังตื่นตะลึง
กรงเล็บนั้นแฝงไว้ด้วยกฎเกณฑ์การทำลายล้างอันน่าหวาดหวั่นตามธรรมชาติ
ยามที่ร่างกายของมันแหวกว่ายก็มีความเร้นลับของห้วงอากาศที่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าเร้นลับหาใดเปรียบ
ร่างกายของมันเกิดแรงดึงดูดอันน่าหวาดหวั่นอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าหากอยู่ใกล้มันมากๆ กลับก่อให้เกิดแรงผลักอันน่าหวั่นเกรง แรงดึงดูดและแรงผลักที่แฝงอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ ก่อให้เกิดระลอกคลื่นพลังคละวิถีระลอกแล้วระลอกเล่าในมิติคละถิ่นหม่นสลัวอันกว้างใหญ่ไพศาลบริเวณที่มันผ่านไป
“พรึ่บ”
ทันใดนั้น
ดวงตาบนร่างของสัตว์ร่างใหญ่มหึมานี้ก็ลืมตาขึ้นมาจนหมดแล้วมองไปยังทิศทางหนึ่ง
ดวงตากว่าพันดวง ครึ่งหนึ่งล้วนเป็นดวงตาสีทอง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งล้วนเป็นดวงตาสีเทา ถึงแม้ว่าจะมิได้จ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิง แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังรู้สึกว่าดวงตาสีเทามากมายมีแรงดึงดูดอันไร้ที่สิ้นสุด และดวงตาสีทองเหล่านั้นทั้งหมดต่างก็มีการโจมตีอันน่าหวาดหวั่น ทั้งสองรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ หนึ่งทำให้ศัตรูหลงใหลจนความระแวดระวังและการป้องกันอ่อนแอลง หนึ่งคอยรับการโจมตีของวิญญาณศัตรู รวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ จึงเป็นเคล็ดวิชาอันน่าหวาดหวั่น!
“พรึ่บ!”
จากนั้นภาพเหตุการณ์ที่เห็นก็เลือนหายไปจนสิ้น
ตงป๋อเสวี่ยได้สติกลับคืนมา ดอกใบไม้ดำที่อยู่เบื้องหน้าดอกนั้นยังคงเปล่งประกายสีม่วงอันชวนให้คนหลงใหลออกมาเช่นเดิม ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินเข้าไป เมื่อเข้าไปใกล้แล้วกลับพบว่ากลีบดอกไม้บานออกอย่างช้าๆ จนในที่สุดก็บานออกอย่างสมบูรณ์แบบ ภายในเกสรดอกไม้มีน้ำค้างบุปผาอยู่จำนวนหนึ่ง และที่ตรงกลางสุดคล้ายกับมี ‘หยาดฝน’ ที่ดูราวกับไข่มุกแก้วผลึกประดับอยู่ตรงกลางดอกไม้
เพราะว่าโปร่งแสงไปหมด มีประกายระยิบระยับ มองแวบแรกก็เหมือนกับหยาดน้ำค้างเป็นอย่างยิ่ง
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับรู้ว่านั่นมิใช่หยาดน้ำค้างแต่อย่างใด
“หยาดน้ำพันเนตร” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น
“หยาดน้ำพันเนตร!”
ไม่เพียงแค่ตงป๋อเสวี่ยอิงเท่านั้น แม้กระทั่งยอดเคารพซื่อฝาที่คอยสังเกตการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่บนฝั่ง และจักรพรรดิเป่ยเหอที่หยุดเพื่อเก็บน้ำค้างบุปผา สายตาของพวกเขาล้ำเลิศเป็นอย่างยิ่ง จึงมองเห็นไข่มุกที่อยู่ตรงกลางเกสรดอกไม้นั้นได้อย่างกระจ่างชัด
หยาดน้ำพันเนตร!
สมบัติชั้นยอดภายในหุบเขาเขี้ยวหัก!
หุบเขาเขี้ยวหักมีสมบัติชั้นยอดอยู่ทั้งสิ้นสองชิ้น หนึ่งก็คือ ‘หยาดน้ำพันเนตร’ ส่วนอีกอย่างคือ ‘ไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษ’
พวกมันสามารถทำให้ผู้แกร่งกล้าขั้นสุดยอดคนใดๆ ของหุบเขาเขี้ยวหักริษยาจนแทบคลั่งได้ เพราะว่าเมื่อใดที่ได้มาครอง ก็สามารถอาศัยสิ่งนี้เข้าไปยัง ‘ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ’ สถานที่ต้องห้ามในตำนานของหุบเขาเขี้ยวหักได้ ทางเดินเขี้ยวอสรพิษอันตรายเกินไป บริเวณทางเข้าน่ากวาดกลัวยิ่งนัก ถ้าหากเหล่ายอดเคารพเข้าไปทั้งอย่างนั้นก็ยังต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย จำเป็นต้องพกเอาหยาดน้ำพันเนตรหรือไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษเข้าไปด้วย
“แย่แล้ว”
ในขณะที่ดอกใบไม้ดำบานออกมาอย่างสมบูรณ์ เผยหยาดน้ำพันเนตรหยดนั้นให้เห็น แรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นที่เดิมทีแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกหนแห่งกลับจางหายไปในทันที
ในขณะที่หายลับไปนั้นเอง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้ว่าไม่ได้การเสียแล้ว!
เหตุผลที่เขาอยู่ที่นี่โดยไม่มีใครสามารถมาขัดขวางหรือทำลายได้ ก็เพราะแรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นทำให้พวกยอดเคารพซื่อฝาไม่สามารถเข้ามาได้
“สวบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง ตอบสนองโดยสัญชาตญาณ แขนพุ่งสะบัดราวกับสายฟ้า นิ้วมือก็คว้าจับหยาดน้ำพันเนตรหยดนั้นเอาไว้แล้วเก็บเข้าไปอย่างรวดเร็ว!
ปัง! ปัง!
ยอดเคารพซื่อฝาและจักรพรรดิเป่ยเหอต่างก็เคลื่อนไหวแล้ว
“หยาดน้ำพันเนตร” ยอดเคารพซื่อฝาเองก็ยังคิดไม่ถึงว่าตรงจุดศูนย์กลางทะเลสาบใบไม้ดำของตนจะเก็บซ่อนหยาดน้ำพันเนตรหยดหนึ่งเอาไว้ ถึงแม้ว่า ‘หยาดน้ำพันเนตร’ และ ‘ไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษ’ จะมีอยู่เป็นจำนวนพอสมควร แต่ก็กระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่งในหุบเขาเขี้ยวหักอันกว้างใหญ่ อีกทั้งการจะได้มาครองนั้นก็ยังยากลำบากเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย! ในประวัติศาสตร์คล้ายว่าจะมีเพียงเหล่ายอดเคารพเท่านั้นที่ได้มาครอง ก็เพราะว่าความยากลำบากในการได้มาครองนั้นช่างมากมายเหลือเกิน
จำนวนครั้งที่บรรดาจักรพรรดิทั้งหลายได้มาครองก็มีอยู่เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ในประวัติศาสตร์ ยอดเคารพซื่อฝาเข้าไปในทางเดินเขี้ยวอสรพิษทั้งหมดสามครั้ง! ก็เพราะเคยเข้าไปแล้ว เขาก็ยังคิดอยากจะเข้าไปอีก!
“ยอดเคารพซื่อฝา หยุดมือนะ!” จักรพรรดิเป่ยเหอช่างล้ำเลิศอย่างแท้จริง การตอบสนองของเขารวดเร็วกว่ายอดเคารพซื่อฝาอยู่ขั้นหนึ่ง! บวกกับเดิมทีก็อยู่ในระยะใกล้กับใบไม้ดำเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว ระยะทางสั้นๆ เพียงแค่พันกว่าลี้สำหรับจักรพรรดิเป่ยเหอก็เป็นเพียงแค่ก้าวยาวๆ ก้าวเดียวเท่านั้นเอง
ถึงแม้ว่ายอดเคารพซื่อฝาจะสามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้
แต่ในความเป็นจริงแล้วระยะทางเล็กน้อยเพียงแค่นี้ การเคลื่อนที่ในพริบตาก็ยังเร็วสู้เหินทะยานมิได้! การเคลื่อนที่ในพริบตานั้นจะมาจากห้วงมิติแห่งหนึ่ง ไปยังมิติอีกแห่งหนึ่งก็จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาเพียงน้อยนิด
“ไสหัวไป!” ยอดเคารพซื่อฝาสะบัดฝ่ามือออกไปอย่างเดือดดาล นี่เป็นครั้งแรกที่เขาลงมือกับพลพรรคของพวกตงป๋อเสวี่ยอิง
“น้องหิมะเหิน เขตลวง!” จักรพรรดิเป่ยเหอก็ตะโกนถ่ายเสียง
“ทราบแล้ว!” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขตลวงโลกเทียมอันน่าหวาดหวั่นเคลื่อนตรงเข้ามา สำแดงการจัดการกับยอดเคารพซื่อฝาผู้นั้นอย่างสุดกำลัง
ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด...
ตอนที่ 49 หยาดน้ำพันเนตร
ในมือของจักรพรรดิเป่ยเหอก็มีกระบี่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้น ประกายกระบี่แปรเปลี่ยนกลายเป็นกระแสน้ำเชี่ยวกรากสายหนึ่ง กระแสน้ำไหลมาล้อมรอบตงป๋อเสวี่ยอิงและจักรพรรดิเป่ยเหอเอาไว้
แต่ยอดเคารพซื่อฝาได้รับอิทธิพลของเขตลวง ฝ่ามือที่โจมตีเข้ามาชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด พลังคุกคามลดทอนลงไปไม่น้อย แต่ก็ยังคงทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกถึงพลังคุกคามอันไร้ที่สิ้นสุด
“ครืน…”
ฝ่ามือนี้โจมตีเข้ามาเป็นลำแสงสีดำอันไร้ที่สิ้นสุด ทำให้กระแสน้ำประกายกระบี่ของจักรพรรดิเป่ยเหอบิดเบี้ยวไปเสียแล้ว จักรพรรดิเป่ยเหอพาตัวตงป๋อเสวี่ยอิงร่นถอยไปอย่างรวดเร็วในทันที!
บริเวณที่ฝ่ามือปะทะกับกระแสน้ำประกายกระบี่ก็มีกลิ่นอายดำทะมึนจำนวนนับไม่ถ้วนแปรเปลี่ยนเป็นงูเล็กหลายตัวเลื้อยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง! งูเล็กเหล่านี้ส่งเสียง ฉึกๆๆ ภายใต้การขัดขวางของประกายกระบี่ หดตัวลงอย่างต่อเนื่องจนหมดสิ้นไปในที่สุด แต่ก็ยังมีงูเล็กสีดำจำนวนหนึ่งเลื้อยมาถึงตัวตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างรวดเร็ว จักรพรรดิเป่ยเหอก็ฟาดฟันกระบี่อย่างต่อเนื่องด้วยความเดือดดาลจึงฝืนเปิดออกได้จนหมด
“ยอดเคารพซื่อฝา ท่านต้านทานพวกเราไม่อยู่หรอก” จักรพรรดิเป่ยเหอเอ่ยคำราม
ระลอกการโจมตีต่อสู้ของสองฝ่ายปะทะไปทุกทิศทุกทาง ทั้งยังส่งผลกระทบบนร่างตงป๋อเสวี่ยอิง ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงมิอาจหายใจได้ ผิวหนังก็เจ็บแปลบราวกับถูกฉีกทึ้ง มีบาดแผลจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้น
“น้องหิมะเหิน แม้กระทั่งสิ่งนี้เจ้าก็ต้านทานไม่ไหวหรือ” จักรพรรดิเป่ยเหอได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็อดถ่ายเสียงไม่ได้ พลังคุกคามอันร้ายกาจเขาก็ต้านทานเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เพียงแค่ระลอกคลื่นการโจมตีเท่านั้น ระดับอ๋องสามัญธรรมดาของเผ่ามรณะทมิฬและชนพื้นเมืองดั้งเดิมต่างก็สามารถต้านทานได้ แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับต้านไม่อยู่
“น่าอายนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงจนใจ พลังยุทธ์ของตัวเขาอ่อนแอเกินไป ได้แต่เอาร่างกายไปต้านทานเท่านั้น ถึงแม้ว่าร่างกายจะนับว่าร้ายกาจในบรรดาผู้บำเพ็ญ พลังถอดถอนก็นับได้ว่าค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่กลับไม่มีทางเทียบกับผู้แกร่งกล้าชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่มีสายโลหิตได้ ก็ยิ่งไม่มีทางเปรียบกับเผ่ามรณะทมิฬได้เลย ร่างกายของเผ่ามรณะทมิฬก็แข็งแกร่งกว่าชนพื้นเมืองดั้งเดิมอยู่ขั้นหนึ่ง
ยอดเคารพซื่อฝาหยุดลงเสียแล้ว
เขายืนอยู่บนใบไม้สีดำใบไม้สีดำใบหนึ่งอย่างเงียบๆ ใบไม้สีดำและดอกไม้สีม่วงที่อยู่บริเวณรอบๆ ก็เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ดอกไม้แหลกสลายไปมากพอสมควร แต่ยอดเคารพซื่อฝาก็มิได้ใส่ใจ เพราะดอกไม้ก็จะเบ่งบานได้ใหม่ตามกาลเวลา
“พวกเจ้าช่างโชคดีเสียจริง” ยอดเคารพซื่อฝาเอ่ยเสียงต่ำ
“เป็นน้องหิมะเหินต่างหากที่โชคดี” จักรพรรดิเป่ยเหอพูดยิ้มๆ การประมือเมื่อครู่ทำให้เขายิ่งมีความมั่นใจว่าพลังยุทธ์ของยอดเคารพซื่อฝายังคงเหลืออยู่ราวๆ เจ็ดส่วน! ถึงแม้ว่าจะแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิเป่ยเหออย่างเขาอยู่บ้าง แต่ข้อได้เปรียบเล็กน้อยนี้ก็สามารถห้ำหั่นได้เป็นแสนเป็นล้านปีโดยยากจะบอกแพ้ชนะได้! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าใต้บังคับบัญชาของเขา จักรพรรดิเป่ยเหอจะยังมีแม่ทัพเทพสิบคนอยู่ด้วย
นี่ก็เป็นเพราะเขาเจตนาเลือกสิบอันดับแรกในบรรดาสามสิบหกแม่ทัพเทพมา แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของยอดเคารพซื่อฝา ภายใต้อิทธิพลของเขตลวง ก็สามารถเพิกเฉยต่อภัยคุกคามได้
“ข้าต้านทานพวกเจ้าไม่อยู่” ยอดเคารพซื่อฝาพยักหน้ายอมรับ “แต่ว่าหยาดน้ำพันเนตรมีอยู่เพียงหยดเดียวเท่านั้น พวกเจ้าสองคนจะแบ่งกันอย่างไรเล่า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงและจักรพรรดิเป่ยเหอประสานสานตากันคราหนึ่ง
แบ่งกันอย่างไรหรือ
“น้องหิมะเหิน ตอนนี้พวกเราสองคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไม่สามารถแยกจากกันได้หรอก”
จักรพรรดิเป่ยเหอถ่ายเสียง “มีเพียงการร่วมมือกันเท่านั้นจึงจะสามารถจากไปได้อย่างปลอดภัย”
“จ้าวหิมะเหิน” ยอดเคารพซื่อฝาร่อนลงบนใบไม้สีดำใบหนึ่งเบาๆ พลางเอ่ยปากพูดว่า “พลังยุทธ์ของเจ้าในตอนนี้ ไปยังทางเดินเขี้ยวอสรพิษก็มิได้มีความหมายมากมายสักเท่าใดนักหรอก ถึงอย่างไรเจ้าก็ยังไปไม่ถึงขั้นสุดยอดเลยเสียด้วยซ้ำ! เช่นนี้มิสู้เจ้ากับข้าทำข้อตกลงกันสักอย่าง ให้เจ้าทอดทิ้งเป่ยเหอผู้นี้ เอาหยาดน้ำพันเนตรให้ข้า แล้วเจ้าอยากจะได้อะไรก็จงบอกมาให้หมด! ข้าจะทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อให้เจ้าได้มันมาครอง”
ห้ายอดเคารพ นี่เป็นครั้งแรกที่มียอดเคารพให้คำมั่นสัญญาเช่นนี้กับตงป๋อเสวี่ยอิง
“เป่ยเหอ” ยอดเคารพซื่อฝามองไปทางจักรพรรดิเป่ยเหอ “ถึงแม้ว่าจ้าวหิมะเหินผู้นี้จะอยู่ภายใต้การคุ้มกันของเจ้า แต่เจ้าก็สามารถสังหารเขาได้ตลอดเวลา แต่ได้ยินมาว่าเขามีร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วน ถึงเจ้าจะทำลายร่างแยกเหล่านี้ของเขาทิ้งไปก็ไม่มีผลกระทบอันใดต่อเขาหรอก สำหรับ ‘หยาดน้ำพันเนตร’ เมื่อไม่มีความช่วยเหลือของจ้าวหิมะเหินแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถหนีออกไปจากเกาะซื่อฝาอันรกร้างของข้าไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่กันเล่า เพื่อหยาดน้ำพันเนตรหยดนี้ ข้ายอมขายหน้าสักครั้งหนึ่ง ล้อมโจมตีเจ้าพร้อมกับผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าได้นะ! พอถึงเวลา เจ้าไม่เพียงแต่จะไม่มีหยาดน้ำพันเนตรเท่านั้น แม้กระทั่งชีวิตก็จะไม่มีด้วย!”
จักรพรรดิเป่ยเหอสีหน้าไม่น่าดู
ใช่แล้ว
ถ้าหากตงป๋อเสวี่ยอิงเลือกที่จะช่วยยอดเคารพซื่อฝา จักรพรรดิเป่ยเหอก็จะประสบภยันตรายถึงชีวิตจริงๆ หากเป็นยามปกติ ยอดเคารพก็ย่อมรังเกียจการล้อมโจมตีอยู่แล้ว
แต่ ‘หยาดน้ำพันเนตร’ นั้นเกี่ยวโยงกับโอกาสในการเข้าสู่ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ สำหรับห้ายอดเคารพแล้วก็มีเพียงการสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นเท่านั้นจึงจะสามารถทำให้พวกเขาไม่สนใจหน้าตา ลงมือโดยไม่เลือกวิธีการได้!
“น้องหิมะเหิน ยอดเคารพซื่อฝาผู้นี้เชื่อถือมิได้หรอก” จักรพรรดิเป่ยเหอถ่ายเสียงพูด “หรือว่าเจ้ายังไม่รู้อุปนิสัยของเผ่ามรณะทมิฬอีกเล่า อารมณ์เปลี่ยนแปรไปมา เป็นมารไปจนเข้ากระดูก!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเงียบงัน
จักรพรรดิเป่ยเหอยิ่งกระวนกระวาย!
เขาก็อยากได้หยาดน้ำพันเนตรมาครองเป็นที่สุด อีกทั้งยังเป็นกังวลถึงความปลอดภัยในชีวิตอีกด้วย
“แปลกประหลาดนัก” ขณะนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงกุมหยาดน้ำพันเนตรเอาไว้ แต่กลับสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นสายแล้วสายเล่า หลังจากที่สติรับรู้แทรกซึมไปแล้วก็รู้สึกได้อย่างลางๆ ว่าภายในคือโลกลวงแห่งหนึ่ง คือ ‘โลกพันเนตร’ อันลึกลับหาใดเปรียบ!
“นี่ก็คือสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอันน่าหวาดหวั่นตนนั้น เป็นสถานที่ซึ่งความลึกลับของดวงตาสีเทา และการผลาญสังหารของดวงตาสีทองสามารถสำแดงออกมาได้พร้อมกันอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มเข้าใจ เป็นถึงยอดฝีมือทางด้านวิถีเขตลวงโลกเทียม เขาก็เข้าใจกระจ่างดียิ่งว่าอย่างเช่นท่าไม้ตายแรกของวิถีเขตลวงโลกเทียมที่ตนคิดค้นขึ้นนั้นสามารถทำให้ศัตรูจ่อมจมได้
ศักยภาพของท่าไม้ตายนี้ก็คือโลกลวงแห่งหนึ่งไปห่อหุมศัตรูเอาไว้! แล้วฉุดลากวิญญาณของศัตรูให้เข้าไปภายในเขตลวงนี้
ส่วนดวงตาสีทองนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็จดจำส่วนประกอบเขตลวงภายในดวงตาสีทองมากมายเอาไว้แล้ว ถึงขนาดที่ตอนนี้ยังมีร่างแยกไปบุกเกาะแก่งแต่ละแห่งที่มีดวงตาสีเทาและดวงตาสีทองกับ ‘แม่ทัพเทพรัศมีศิลา’ แม่ทัพเทพอันดับหนึ่งภายใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิวายุทิพย์อย่างต่อเนื่องอีกด้วย เขาจดจำส่วนประกอบเขตลวงของดวงตาลึกลับเอาไว้มากขึ้นเรื่อยๆ
กับการจดจำส่วนประกอบเขตลวงของดวงตาสีทอง การเข้าใจและเรียนรู้มัน ไปตระหนักรู้ท่าไม้ตายที่สอง ก็เริ่มมีโครงร่างคร่าวๆ แล้ว
แต่ท่าไม้ตายที่หนึ่งกับท่าไม้ตายที่สองในจินตนาการนั้นไม่มีทางที่จะสำแดงต่อศัตรูคนหนึ่งพร้อมกันได้
เพราะว่าท่าไม้ตายทั้งสองล้วนเป็นโลกเขตลวงทั้งสิ้น!
โลกเขตลวงแห่งหนึ่งทำให้ศัตรูหลงใหล
โลกเขตลวงอีกแห่งหนึ่งผลาญสังหารศัตรูภายในเขตลวง
เขตลวงทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
และวิญญาณของศัตรูก็สามารถถูกฉุดลากเข้าไปยังเขตลวงได้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น เมื่อเข้าไปในเขตลวงแห่งหนึ่งแล้วก็ไม่มีทางเข้าไปยังเขตลวงแห่งที่สองในเวลาเดียวกันได้อีก ทั้งสองนั้นเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกัน! ถึงอย่างไรยามอยู่ที่เทพจักรวาลชั้นที่หนึ่ง เวลานั้นห้าสายของวิถีโลกเทียมก็มิได้ผสานรวมซึ่งกันและกัน เคล็ดวิชาค่อนข้างผิวเผิน อย่างเช่นการล่อลวงก็เป็นการล่อลวงเพียงอย่างเดียวล้วนๆ ‘โลก’ ก็เป็นโลกเขตลวง ‘ผลาญสังหาร’ ก็ผลาญสังหารวิญญาณโดยตรง! ในทางกลับกันก็สามารถสำแดงพร้อมๆ กันได้
แต่มาถึงระดับพลังยุทธ์อย่างตงป๋อเสวี่ยอิง เขตลวงโลกเทียมกระบวนท่าเดียวก็แฝงเอาไว้ด้วยความเร้นลับมากมาย ‘วิถีโลกา’ ก็ผสานรวมกันไปก่อนแล้วจึงมีพลังคุกคามอันน่าหวาดหวั่นเช่นนั้นได้
มีเขตลวงแห่งหนึ่งก็ไม่มีทางทำให้ศัตรูเข้าไปสู่เขตลวงแห่งที่สองในเวลาเดียวกันได้
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับสัมผัสหยาดน้ำพันเนตรหยดนี้
ภายในหยาดน้ำพันเนตรก็มีโลกลวงแห่งหนึ่งอยู่รางๆ
โลกแห่งนี้ทำให้เขตลวงมายาของดวงตาสีเทากับเขตลวงผลาญสังหารของดวงตาสีทองผสานเข้าด้วยกันโดยสมบูรณ์
“หยาดน้ำพันเนตรหยดนี้มีประโยชน์ต่อข้าเป็นอย่างยิ่ง”
“ดวงตาสีเทาและดวงตาสีทองทำให้ข้าสามารถมองวิถีสองสายออกได้”
“แต่หยาดน้ำพันเนตรหยดนี้กลับสามารถทำให้วิถีสองสายรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ นี่จึงจะเป็นท่าไม้ตายที่แท้จริงของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอันน่าหวั่นเกรงนั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ สองกระบวนท่ารวมเป็นหนึ่ง น่าหวาดหวั่นเพียงใด ในขณะเดียวกันกับที่ศัตรูกำลังต่อต้านภาพลวงอยู่นั้น เดิมทีพลังจิตก็ลดต่ำลงอย่างมหาศาลแล้ว ทั้งยังเผชิญกับการโจมตีผลาญสังหารวิญญาณ เกรงว่าคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสยิ่งขึ้นอีก พอวิญญาณได้รับบาดเจ็บแล้วการต้านทานภาพลวงก็จะยิ่งกินแรงมากยิ่งขึ้นอีก
สองกระบวนท่าส่งเสริมซึ่งกันและกัน
“หยาดน้ำพันเนตรมีความสำคัญต่อข้าเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าหากข้าจะยึดครองเอาไว้คนเดียวเล่า ยอดเคารพซื่อฝาย่อมไม่มีทางรับปากแน่นอน ส่วนจักรพรรดิเป่ยเหอก็เกรงว่าคงจะไม่รับปากเช่นเดียวกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “ต่อให้เห็นด้วยชั่วคราวเพราะความปลอดภัยของชีวิต เกรงว่ายามที่ไปจากเกาะแห่งนี้แล้วก็อาจจะลงมือสังหารได้!”
“ยอดเคารพซื่อฝาเป็นชนเผ่ามรณะทมิฬ ไม่ควรค่าแก่การเชื่อถือ จักรพรรดิเป่ยเหอก็ยังพอจะเชื่อถือได้อยู่บ้าง”
“แต่ข้าไม่สามารถยึดครองเอาไว้คนเดียวได้ ก็ได้แต่ทำข้อตกลงกับเขาแล้วกระมัง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงใคร่ครวญอย่างรวดเร็ว
เขามีความสนใจในทางเดินเขี้ยวอสรพิษเป็นอย่างยิ่ง
แต่เขาก็ยังไม่มุ่งมาดปรารถนาเป็นการชั่วคราว! ข้อแรกคือเขาหวังจะไปถึงขั้นสุดยอดให้เร็วหน่อยมากกว่า เช่นนี้จึงจะสามารถช่วยเหลือญาติสนิทมิตรสหายของตนได้ก่อนมหาวินาศของโลกกำเนิดบ้านเกิด ข้อสอง ‘โลกลวง’ ที่แฝงอยู่ภายในหยาดน้ำพันเนตรต่างหากที่เป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญ เข้าไปเผชิญอันตรายในทางเดินเขี้ยวอสรพิษหรือ รอให้ตนสำเร็จเป็นขั้นสุดยอดก่อนค่อยว่ากันเถิด
“จักรพรรดิเป่ยเหอ ท่านต้องการหยาดน้ำพันเนตรมากอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด
“พูดตามจริง ข้าย่อมต้องอยากได้มาครองแน่นอนอยู่แล้ว” จักรพรรดิเป่ยเหอหัวใจเต้นรัวเร็วยิ่งขึ้น เขามองตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วถ่ายเสียงพูด “บนเส้นทางการบำเพ็ญของข้าห่างจากระดับจักรพรรดิขั้นสมบูรณ์อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น แต่ข้าเป็นผู้ที่เยาว์วัยที่สุดในบรรดาจักรพรรดิทั้งหมด ก็ยังไม่เคยไปที่ทางเดินเขี้ยวอสรพิษมาก่อนเลย! ถ้าหากข้าสามารถไปได้ บางทีก็อาจจะสามารถสำเร็จเป็นยอดเคารพได้ แต่ถ้าหากน้องหิมะเหินต้องการ ก็สามารถคุยกันได้นะ”
ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด...
ตอนที่ 50 แปรพักตร์
ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่กล้าเชื่อ ตอนนี้ยอดเคารพซื่อฝาเผชิญกับแรงดึงดูดของ ‘หยาดน้ำพันเนตร’ ก็ย่อมสามารถทำการล้อมโจมตีโดยไม่สนใจหน้าตาได้อย่างสิ้นเชิง เช่นนี้ เพื่อรักษาชีวิต จักรพรรดิเป่ยเหออาจยอมประนีประนอม แต่รอจนใกล้จะออกจากเกาะซื่อฝาแห่งนี้ได้แล้วเกรงว่าจักรพรรดิเป่ยเหออาจจะแปรพักตร์เพื่อหยาดน้ำพันเนตรก็ได้
“จักรพรรดิเป่ยเหอ สิ่งที่ยอดเคารพซื่อฝาพูดนั้นถูกต้อง” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด “ข้ามิได้สำเร็จเป็นขั้นสุดยอด ถึงแม้ว่าจะมีความสนใจในการเข้าไปยังทางเดินเขี้ยวอสรพิษอยู่บ้า แต่ก็มิได้ความมุ่งมาดปรารถนาอย่างบ้าคลั่งถึงเพียงนั้น”
จักรพรรดิเป่ยเหอได้ฟังแล้วก็หัวใจสั่นไหว
“แต่หยาดน้ำพันเนตรนี้ก็มีความพิเศษอยู่บ้าง ข้าอยากลองหยั่งรู้ดูสักหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูดอีก “เอาอย่างนี้ ให้ข้าหยั่งรู้หยาดน้ำพันเนตรนี่สักล้านล้านปี หลังจากล้านล้านปีแล้วค่อยคืนให้ท่าน ว่าอย่างไรเล่า ถ้าหากท่านเป็นกังวลว่าข้าจะนำเอาหยาดน้ำพันเนตรหนีไป เช่นนี้ร่างแยกของข้าที่พกหยาดน้ำพันเนตรเอาไว้ก็จะอยู่ข้างกายท่านตลอดเวลา แล้วก็สามารถอยู่ภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ของท่านก็ได้ ทำเช่นนี้พวกเราทั้งสองฝ่ายก็สามารถให้สัตย์สาบานกันได้! เชื่อว่าท่านก็รู้ว่าคำสาบานนั้นมีความสำคัญต่อพวกเราผู้บำเพ็ญอย่างที่สุด!”
“ดีๆๆ” จักรพรรดิเป่ยเหอยินดีเป็นอย่างยิ่งแล้วถ่ายเสียงพูดว่า “น้องหิมะเหินมีบุญคุณยิ่งใหญ่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะตอบแทนเช่นไรดี นี่ล้วนเป็นข้าที่ติดหนี้น้องหิมะเหินทั้งสิ้น รอให้เสร็จเรื่องแล้วน้องหิมะเหินอยากจะให้ข้าตอบแทนเช่นไรก็จงพูดมาให้หมด”
“แต่ต้องให้สัตย์สาบานด้วยนะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด
“สาบานสิ น้องหิมะเหินให้สัตย์สาบาน ข้าก็จะให้สัตย์สาบานเช่นกัน” จักรพรรดิเป่ยเหอพูด
คนทั้งสองต่อรองกันอย่างเงียบเชียบ แล้วต่างก็ให้สัตย์สาบาน
ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็ไม่มีหนทาง
ให้เชื่อใจ ‘ยอดเคารพซื่อฝา’ อย่างนั้นหรือ เขาก็ยังไม่กล้าไว้ใจยอดเคารพของเผ่ามรณะทมิฬเลยจริงๆ!
เช่นนั้นก็ได้แต่เชื่อใจจักรพรรดิเป่ยเหอแล้ว!
ถ้าหากไม่ให้ผลประโยชน์มากพอ แม้กระทั่งให้สัตย์สาบาน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกว่าด้วยอุปนิสัยของ ‘จักรพรรดิเป่ยเหอ’ เกรงว่าจะต้องแปรพักตร์อย่างแน่นอน
ช่วยไม่ได้…
พลังยุทธ์อ่อนแอ! ก็ได้แต่ทำเช่นนี้!
“จ้าวหิมะเหิน เจ้าคงเลือกดีแล้วสินะ จะเชื่อใจข้า หรือว่าเชื่อใจเขากันเล่า” ยอดเคารพซื่อฝาเอื้อนเอ่ย
“ยอดเคารพ ขออภัยด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“เอาล่ะ หวังว่าเจ้าจะไม่นึกเสียใจภายหลังนะ” ยอดเคารพซื่อฝาสีหน้าเย็นชา เขาก็รู้ว่ายอดเคารพทั้งสามของเผ่ามรณะทมิฬล้วนมีชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก อีกฝ่ายเลือกที่จะเชื่อใจจักรพรรดิเป่ยเหอก็เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง
ยอดเคารพซื่อฝามองไปทางจักรพรรดิเป่ยเหอ “เป่ยเหอ เจ้าช่างโชคดีเสียจริง ต้องการให้ข้าช่วยส่งพวกเจ้าจากไปหรือไม่เล่า”
“ไม่ต้องหรอก” จักรพรรดิเป่ยเหอพูด “เหาะเหินออกไปก็คงไม่นานสักเท่าใดนักหรอก!”
พรึ่บ!
จักรพรรดิเป่ยเหอโบกมือเก็บตัวตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าไปแล้วเหินทะยานมุ่งออกไปยังที่ไกลๆ อย่างรวดเร็ว กลายเป็นกระแสน้ำสายหนึ่งเคลื่อนผ่านบนเกาะลอยคว้างไปด้วยความเร็วสูง
……
ภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์
ร่างแยกกลุ่มหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่กันที่นี่
“หยาดน้ำพันเนตร” ตงป๋อเสวี่ยอิงกุมหยาดน้ำพันเนตรเอาไว้พลางรับสัมผัสโดยละเอียดแล้วก็ต้องหลงใหลและตกตะลึงเพราะสิ่งนี้
‘โลกลวง’ ที่แฝงอยู่ในหยาดน้ำพันเนตรช่างหน้าอัศจรรย์เหลือเกิน ส่วนประกอบเขตลวงภายในดวงตาสีทองและดวงตาสีเทาทั้งหมดที่จดจำเอาไว้ก่อนหน้าต่างก็สามารถแทรกซึมเข้าไปกลายเป็นส่วนหนึ่งของมันได้ทั้งสิ้น คล้ายกับไม่มีส่วนใดแยกออกจากกันเลย
“แก่นแท้ของโลกคือการรวมเข้าด้วยกัน”
“ทุกสิ่งอย่างล้วนสามารถรวมเข้าด้วยกันได้”
“โลกลวงภายในหยาดน้ำพันเนตรหยดนี้ยังไม่สมบูรณ์แบบพอ ถึงอย่างไรสิ่งมีชีวิตคละถิ่นตนนั้นก็ตายไปแล้ว ความมหัศจรรย์ของหยาดน้ำพันเนตรก็ลดต่ำลงไปอย่างมหาศาล” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ แต่ถ้าหากมีชีวิตอยู่ ตนเองจะมีโอกาสหยั่งรู้โดยละเอียดเสียที่ไหนกัน
ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ระหว่างกระบวนการหยั่งรู้นั้นเอง
ทันใดนั้นเงาร่างสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างกาย ซึ่งก็คือร่างแปรของจักรพรรดิเป่ยเหอนั่นเอง
“จักรพรรดิ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปทางจักรพรรดิเป่ยเหอที่อยู่ข้างๆ “ว่าอย่างไร ใกล้จะบินออกจากเกาะลอยคว้างแล้วหรือ”
“เกือบแล้วล่ะ” จักรพรรดิเป่ยเหออมยิ้มพยักหน้า “คราวนี้ต้องขอบคุณน้องหิมะเหินมากจริงๆ เป็นเพราะน้องหิมะเหินแท้ๆ ข้าจึงรวบรวมน้ำค้างบุปผาของดอกใบไม้ดำได้มากพอสมควรเลยทีเดียว หรือแม้กระทั่งที่น้องหิมะเหินรับปากข้าว่าอีกล้านล้านปีให้หลังจะยกหยาดน้ำพันเนตรให้กับข้า บุญคุณอันยิ่งใหญ่นี้ไม่รู้ว่าควรจะตอบแทนอย่างไรดีเลยจริงๆ! ถึงแม้ว่าข้าเองก็สามารถรวบรวมสุดยอดสมบัติลับล้ำค่ามาได้ชิ้นสองชิ้น แต่เมื่อเทียบกับหยาดน้ำพันเนตรแล้วก็ยังห่างชั้นกันมากมายเหลือเกิน บุญคุณอันยิ่งใหญ่นี้คงยากจะตอบแทนได้ ก็ได้แต่จดจำเอาไว้ด้วยใจแล้วล่ะ”
“จดจำเอาไว้ด้วยใจหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง มิได้บอกว่าจะมอบสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าให้แทนคำขอบคุณหรือไร เขารู้สึกผิดแปลกขึ้นมาในทันใด
“ยังมีอีก หยาดน้ำพันเนตรนั้นล้ำค่าเหลือเกิน ความจริงแล้วข้าก็ไม่วางใจที่จะให้น้องหิมะเหินครอบครองเป็นเวลายาวนานถึงล้านล้านปีหรอก เอามาไว้ในมือเสียตั้งแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า ข้าจึงจะวางใจได้” รอยยิ้มของจักรพรรดิเป่ยเหอยิ่งสว่างไสว
ตงป๋อเสวี่ยอิงสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง “เป่ยเหอ นี่ท่านจะ…”
“ถูกต้อง เจ้าก็มิได้โง่เขลาเลยนี่” จักรพรรดิเป่ยเหอโบกมือคราหนึ่ง ครืน… ประกายกระบี่อันปั่นป่วนน่าหวาดหวั่นราวกับกระแสน้ำหลั่งไหลมา จักรพรรดิเป่ยเหอยิ้มตาหยีมองตงป๋อเสวี่ยอิง
ตงป๋อเสวี่ยอิงหมายจะสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา แต่ตอนนี้ร่างกายยังคงอยู่ในอาณาบริเวณของเกาะลอยคว้าง ก็ย่อมไม่สามารถส่งถ่ายทลายโลกาหลบหนีไปได้
“ข้ามันตาบอดไปแล้วจริงๆ!” ตงป๋อเสวี่ยอิงนัยน์ตาเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง
ปัง!
ร่างแยกมากมายของเขายามอยู่ต่อหน้ากระแสน้ำประกายกระบี่ของจักรพรรดิเป่ยเหอก็ไม่มีเรี่ยวแรงต้านทานเลยแม้แต่น้อย แหลกสลายไปจนหมดสิ้น
หลังจากที่แหลกสลายไปแล้วกลับมีหยาดน้ำพันเนตรหยดหนึ่งไหลลงมา
จักรพรรดิเป่ยเหอเผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา เขายื่นมือออกมาคว้าหยาดน้ำพันเนตรเอาไว้ ร่างกายก็สั่นสะท้านน้อยๆ “ได้หยาดน้ำพันเนตรมาไว้ในมือแล้ว! ช่างโง่เง่าเสียจริง ล้านล้านปีอย่างนั้นหรือ ถึงแม้ว่าเจ้าจะให้สัตย์สาบาน แต่เนิ่นนานถึงล้านล้านปี ระยะเวลายาวนานเช่นนี้ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้นบ้าง เอามาไว้ในมือเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ข้าจึงจะวางใจได้”
“ฮ่าฮ่า คราวนี้ได้ผลตอบแทนมหาศาลนัก น้ำค้างบุปผาก็รวบรวมได้มากพอแล้ว ทั้งยังได้หยาดน้ำพันเนตรมาไว้ในมืออีกด้วย”
“จ้าวหิมะเหินผู้นี้ช่างโง่เง่าเสียจริง ถึงกับเชื่อคำสาบานของข้าได้ลงคอ ฮ่าฮ่าฮ่า…” จักรพรรดิเป่ยเหอห้วเราะเสียงเย็น
ยามที่เขายังอ่อนแอก็เคยใช้ชีวิตอยู่ที่ดินแดนจิตโลกามาก่อน
เหล่าผู้บำเพ็ญของดินแดนจิตโลกาก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมของหุบเขาเขี้ยวหัก ดังนั้นจึงได้อาศัยลูกไม้ ‘การสาบาน’ ขุดหลุมพรางผู้บำเพ็ญมานักต่อนักแล้ว!
“พวกเจ้าผู้บำเพ็ญใส่ใจกับคำสาบาน แต่ข้ามิได้ใส่ใจด้วยเสียหน่อย!” จักรพรรดิเป่ยเหอแค่นหัวเราะ ในบรรดาชนพื้นเมืองดั้งเดิมก็มีผู้แกร่งกล้าชนพื้นเมืองดั้งเดิมบางคนที่ศึกษา ‘ผู้บำเพ็ญ’ พากเพียรบำเพ็ญจิต แล้วก็ใส่ใจกับคำสาบาน แต่กลับมีผู้แกร่งกล้าบางคนที่มิได้แยแส จักรพรรดิเป่ยเหอก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย!
……
ยามที่จักรพรรดิเป่ยเหอลงมือนั้นก็กำลังบินมาถึงชายขอบของเกาะลอยคว้างแห่งนี้พอดี อาศัยแรงกดดันของเกาะลอยคว้าง ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่สามารถส่งถ่ายทลายโลกาหลบหนีไปได้
ในขณะที่สังหารนั้นเขาก็ออกมาจากเกาะลอยคว้างแล้ว
“เป่ยเหอ เจ้าก็ลงมือจริงๆ เสียด้วย” เงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นยังที่ไกลๆ ซึ่งก็คือยอดเคารพซื่อฝาที่เคลื่อนที่ในพริบตามาปรากฏตัวขึ้น
“หึๆ” จักรพรรดิเป่ยเหอมองไปทางยอดเคารพซื่อฝา “น่าเสียดายที่ข้าออกมาจากเกาะลอยคว้างแล้ว ท่านก็ทำอะไรข้ามิได้หรอก”
พูดจบแล้วก็เคลื่อนที่ในพริบตาหายลับไปในทันที
ยอดเคารพซื่อฝาเห็นแล้วก็หัวเราะเยาะเบาๆ คราหนึ่ง “จ้าวหิมะเหินที่น่าสงสาร ข้าเคยบอกแล้วว่าเจ้าจะต้องนึกเสียใจภายหลังแน่! ถ้าหากเจ้ายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับข้า ในภายหน้าข้าก็ยังสามารถมอบผลประโยชน์ให้กับเจ้าได้บ้าง ยืนอยู่ฝั่งเดียวกันกับเป่ยเหอกลับถูกช่วงชิงสมบัติล้ำค่าไปในทันที สุดท้ายพลังยุทธ์ในการสังหารซึ่งหน้าก็ยังอ่อนแอเกินไป! อาศัยเพียงแค่เคล็ดวิชาวิญญาณ การต่อสู้ซึ่งหน้าก็ได้แต่พึ่งพาผู้อื่นเท่านั้น”
“เป่ยเหอ การแปรพักตร์ของเจ้าก็อยู่ในความคาดหมายของข้าด้วย”
“แต่หยาดน้ำพันเนตรหยดนี้ เจ้าช่วงชิงเอาไปแล้วแต่ก็สร้างความแค้นต่อจ้าวหิมะเหินผู้นั้น พลังรบของตัวเขานั้นธรรมดาๆ แต่พลังคุกคามกลับมหาศาลยิ่งนัก” ยอดเคารพซื่อฝามีแววเยียบเย็นในดวงตา
หยาดน้ำพันเนตรที่อยู่ต่อหน้าต่อตา ในที่สุดก็ถูกจักรพรรดิเป่ยเหอเอาไปครอบครองเสียแล้ว ยอดเคารพซื่อฝาก็ย่อมไม่มีทางปล่อยให้จักรพรรดิเป่ยเหออยู่อย่างเป็นสุขอยู่แล้ว
******
“แปรพักตร์จริงๆ เสียด้วย”
“ข้าให้สัตย์สาบาน ตัวเขาเองก็ให้สัตย์สาบานเช่นกัน แต่กลับยังแปรพักตร์อีกหรือ” ที่โลกแสงดาว ร่างแยกร่างหนึ่งที่กำลังจิบสุราตามลำพังอยู่ในลานบ้านของตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้าโกรธเคืองออกมา
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้ดีว่าไม่ว่าจะเลือกช่วยเหลือใครต่างก็มีอันตรายทั้งคู่
เขารับปากจะมอบหยาดน้ำพันเนตรให้แล้ว เพียงแค่ต้องการใช้บำเพ็ญเป็นเวลาล้านล้านปีเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายต่างก็ให้สัตย์สาบาน บวกกับอิทธิพลของเขา ตงป๋อเสวี่ยอิงทั่วทั้งหุบเขาเขี้ยวหัก ในเมื่อแปรพักตร์ ในภายหน้าจักรพรรดิเป่ยเหอย่อมมิได้อยู่อย่างเป็นสุขแน่! แต่จักรพรรดิเป่ยเหอก็ยังแปรพักตร์อยู่ดี
“สมควรตาย”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็จนใจ
ช่วยไม่ได้ ก็ตนเองพลังยุทธ์อ่อนแอ! ถึงแม้พลังยุทธ์ของบรรดาจักรพรรดิและเหล่ายอดเคารพจะลดลงไปจนเหลือเพียงแค่ส่วนเดียว การจะบดขยี้เขาให้ตายนั้นก็ยังคงง่ายดายเป็นอย่างยิ่งอยู่ดี
“น้องหิมะเหิน เจ้าถึงกับได้หยาดน้ำพันเนตรมาจากเกาะซื่อฝาแต่ถูกเป่ยเหอช่วงชิงไปเสียแล้วอย่างนั้นหรือ”
“จ้าวหิมะเหิน ได้ยินว่าเจ้าช่วยเหลือเป่ยเหอ แต่เป่ยเหอกลับแปรพักตร์แล้วช่วงชิงหยาดน้ำพันเนตรไปอย่างนั้นหรือ เขาได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า แต่กลับยังแปรพักตร์อย่างไร้น้ำใจ จะปล่อยเขาไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน จ้าวหิมะเหิน ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว พวกเราบุกสังหารโลกเป่ยเหอแล้วไปหาตัวจักรพรรดิเป่ยเหอผู้นั้นกันเถิด!”
“น้องหิมะเหิน! เป่ยเหอผู้นั้นรังแกกันเกินไปแล้ว! จะปล่อยไปมิได้นะ!”
มีข้อความส่งมาอยู่แทบจะตลอดเวลา
ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด...
ตอนที่ 51 หนี
บรรดาจักรพรรดิเหล่านี้มีการข่าวที่ฉับไวเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดที่ได้รับข่าวสารอย่างต่อเนื่อง จนมีผู้ที่เอ่ยปากจะมาช่วยเหลือตงป๋อเสวี่ยอิงกันเป็นจำนวนมาก
ล้อเล่นแล้ว
ได้ยินว่า ‘หยาดน้ำพันเนตร’ พวกเขาส่วนใหญ่ก็อิจฉาตาร้อนแล้ว
พูดถึงพลังยุทธ์ พวกเขาหนึ่งต่อหนึ่ง ถึงแม้ว่าจักรพรรดิเป่ยเหอจะแข็งแกร่งกว่านี้อีกสักเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเป็นระดับขั้นเดียวกันอยู่! เพียงแต่ว่าใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิเป่ยเหอมีสามสิบหกแม่ทัพเทพอยู่ ดังนั้นจึงมีอิทธิพลแกร่งกล้าเป็นที่สุด แต่เพียงแค่จ้าวหิมะเหินปรากฏตัวก็เกรงว่าสามสิบหกแม่ทัพเทพคงจะพากันหนีเตลิดเปิดเปิงกันไปหมดแล้ว ใครจะไม่รู้จักรักตัวกลัวตายพาตัวเองมาห้ำหั่นกันเล่า! สำหรับจักรพรรดิเป่ยเหอน่ะหรือ มีจ้าวหิมะเหินบุกเข้าไปด้วย พวกเขาคนไหนๆ ต่างก็สามารถเหยียบย่ำจักรพรรดิเป่ยเหอกันได้ทั้งสิ้น!
ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบประหลาดใจ ข่าวนี้ก็ช่างฉับไวเสียเหลือเกิน เป็นยอดเคารพซื่อฝาแห่งเผ่ามรณะทมิฬที่เผยแพร่ออกไปหรือไร
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร
เขาก็ไม่สามารถทนต่อการกระทำอันเลวร้ายนี้ได้!
“เอาล่ะ พี่วายุทิพย์ จักรพรรดิซ่วนถู พี่ตงเจี่ยน รบกวนพวกท่านทั้งสามด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งสารให้กับจักรพรรดิสามท่าน วันเวลาก่อนหน้านี้เขาก็ตอบรับคำเชิญไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของจักรพรรดิจำนวนมากพอสมควร ในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีความสัมพันธ์กับพวกวายุทิพย์สามคนนี้ดีที่สุด ดังนั้นจึงได้เชิญสามท่านนี้ให้มาทำการเคลื่อนไหวด้วยกัน
ผู้ที่เอ่ยปากว่าจะช่วยมีอยู่ถึงห้าท่าน!
ดูจากจุดนี้ก็รู้แล้วว่าความสัมพันธ์ของจักรพรรดิเป่ยเหอกับบรรดาจักรพรรดิคนอื่นๆ ช่างย่ำแย่จริงๆ
ช่วยไม่ได้
เขาทำอะไรโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ เพื่อให้ได้มาซึ่งดินแดนที่จักรพรรดิเฉินเป็นผู้บัญชาการแต่เดิมผืนนั้นก็วางแผนเดิมพัน จนในท้ายที่สุดก็ได้ดินแดนผืนนั้นมาครอบครองจริงๆ กับจักรพรรดิที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของ ‘ยอดเคารพเฮ่ากู่’ เช่นเดียวกัน จักรพรรดิเป่ยเหอก็เป็นเช่นนี้! กับจักรพรรดิใต้บังคับบัญชาของ ‘ยอดเคารพนภาอสนี’ ยอดเคารพชนพื้นเมืองดั้งเดิมอีกท่าน จักรพรรดิเป่ยเหอก็มิได้ไว้ไมตรีเช่นเดียวกัน
วิธีการของคนผู้นี้โหดเหี้ยมเกินไป
เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ ตอนแรกตงป๋อเสวี่ยอิงก็ให้โลกแสงดาวกับโลกอื่นๆ จำนวนนับไม่ถ้วนหลีกเลี่ยงสงคราม จึงได้รับปากช่วยเหลือเขาในเรื่องนี้ บวกกับจักรพรรดิเป่ยเหอในตอนนั้นก็ยังรู้จักวางตัว รักษามารยาทต่างๆ นานา เพียงแต่ยามที่แปรพักตร์ก็เหี้ยมโหดไร้น้ำใจ
……
ที่กลางเวหาของหุบเขาเขี้ยวหัก
ตงป๋อเสวี่ยอิงในรูปลักษณ์หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาว หญิงสาวงามล้ำเลิศในอาภรณ์สีม่วงท่านหนึ่ง จักรพรรดิวายุทิพย์ผู้มีเส้นผมแผ่สยายมาถึงกลางเอว มือกุมดาบเล่มหนึ่ง และชายวัยกลางคนผู้เย็นชาคนหนึ่ง พวกเขาสี่คนรวมตัวกันอยู่กลางอากาศ
“น้องหิมะเหิน เชื่อมั่นในตัวเป่ยเหอผู้นั้นมากเกินไปแล้วจริงๆ” จักรพรรดิวายุทิพย์พูด “จนประสบเคราะห์ร้ายนี้เข้าเสียแล้ว”
“อย่าพูดเรื่องพวกนี้อีกเลย น้องหิมะเหิน เรื่องที่เป่ยเหอลงมือกับเจ้านี้เพิ่งจะเกิดขึ้นหมาดๆ เลยใช่หรือไม่” ‘จักรพรรดิซ่วนถู’ หญิงสาวงามล้ำเลิศในอาภรณ์สีม่วงพูด
“ใช่แล้ว เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่นี้เอง ข้ายังแปลกใจอยู่ว่าการข่าวของทุกท่านช่างฉับไวยิ่งนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ยอดเคารพซื่อฝาเป็นผู้ปล่อยข่าวออกมาน่ะ” ‘จักรพรรดิตงเจี่ยน’ ชายวัยกลางคนผู้เย็นชาที่อยู่ข้างๆ พูด “หยาดน้ำพันเนตรนี้อยู่บนเกาะลอยคว้างของเขา ในท้ายที่สุดยอดเคารพซื่อฝาก็ยังไม่ได้ไปครอง แล้วเขาจะปล่อยให้เป่ยเหอเป็นสุขได้อย่างไรกันเล่า เป่ยเหอทำอะไรก็ไม่สนใจวิธีการ ก็ควรจะให้บทเรียนกับเขาสักหน่อย เรื่องนี้ยังไม่สายเกินไป พวกเราก็ไปที่โลกเป่ยเหอกันเดี๋ยวนี้เลย”
“ดี ไปกันเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
พรึ่บ
พวกเขาทั้งสี่คนเปิดห้วงอากาศออกแล้วทำการส่งถ่ายทลายโลกาไปถึงภายในโลกเป่ยเหอในทันที
“ครืน…”
ที่ท้องฟ้าเบื้องบนของวังเทพเป่ยเหอ พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสี่คนปรากฏตัวขึ้นแล้วมองลงมายังหมู่อาคารวังที่ทอดตัวยาวต่อเนื่องกัน
“ใครน่ะ!”
“ใครกันที่กล้าบุกเข้ามายังวังเป่ยเหอของข้า”
กล้าส่งถ่ายทลายโลกาบุกตรงเข้ามายังอาคารของวังเทพเป่ยเหอ นี่ก็เท่ากับตบหน้าจักรพรรดิเป่ยเหอเลยทีเดียว! ทันใดนั้นเงาร่างสายแล้วสายเล่าภายในวังก็พุ่งขึ้นมาจากฟากฟ้า จำนวนมากต่างก็เดือดดาล พวกเขาก็คือผู้ใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิเป่ยเหอ ตอนนี้จักรพรรดิเป่ยเหอมีไมตรีอันดีต่อ ‘จ้าวหิมะเหิน’ ใครกันที่บังอาจถึงเพียงนี้ กล้าบุกสังหารเข้ามาถึงที่นี่
เมื่อเงยหน้าขึ้นไป แม่ทัพเทพจำนวนหนึ่งที่นำมาและเหล่ายามรักษาการณ์คนอื่นๆ ต่างก็งงงันกันอยู่บ้าง
สี่ท่านที่อยู่กลางอากาศ คนหนึ่งก็คือ ‘จ้าวหิมะเหิน’ ส่วนคนอื่นๆ อีกสามคนต่างก็เป็นจักรพรรดิกันทั้งสิ้น!
“เป็นอย่างไรบ้าง” จักรพรรดิซ่วนถูเอ่ยถาม
“หาไม่พบ หาตัวเขาทั่วทั้งโลกเป่ยเหอก็หาไม่พบเลย เขาคงจะยังมิได้กลับมา” จักรพรรดิวายุทิพย์พูด
“ไม่พบเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ส่ายศีรษะเช่นกัน ถึงแม้ว่าเขตพลังของเขาจะไม่สามารถปกคลุมทั่วทั้งโลกเป่ยเหอได้ แต่ก็สามารถครอบคลุมได้เป็นส่วนใหญ่ ก็หาร่องรอยของจักรพรรดิเป่ยเหอไม่พบเช่นเดียวกัน
จักรพรรดิตงเจี่ยนมองลงไปยังเบื้องล่างแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นว่า “เป่ยเหอขอให้จ้าวหิมะเหินช่วยเหลือแต่กลับแปรพักตร์ผลาญสังหารร่างแยกของจ้าวหิมะเหินเพียงเพื่อจะช่วงชิงสิ่งล้ำค่า! ตอนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะกลับมายังโลกเป่ยเหอ พวกเจ้ายังจะช่วยชีวิตเขาอีกหรือ ช่างน่าขันเสียจริง!” พูดแล้วจักรพรรดิตงเจี่ยนก็โบกมือคราหนึ่งในทันใด พลั่ก…
รอยแยกสีดำสนิทฉีกแยกลงไปยังเบื้องล่าง ทั่วทั้งวังเป่ยเหอถูกฉีกทึ้งจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันใด
บรรดาแม่ทัพเทพและบรรดายามรักษาการณ์เหล่านี้ต่างก็พากันตื่นตระหนกตกใจ
จักรพรรดิสามท่านร่วมมือกันก็แล้วไปเถิด ยังมี ‘จ้าวหิมะเหิน’ ร่วมมือสังหารด้วย พวกเขาแม่ทัพเทพก็ถูกกวาดล้างและสังหารหมู่อย่างสมบูรณ์แบบ
“ไป”
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสี่คนเคลื่อนที่ในพริบตาจากไปในทันที
และวังเป่ยเหอในตอนนี้ก็แหลกสลายย่อยยับ บรรดาแม่ทัพเทพแต่ละคนที่เหลืออยู่ต่างก็มองหน้ากันไปมา
“ถามพี่ใหญ่ประจัญทมิฬดูสิ”
“ถามแม่ทัพเทพโครงกระดูกสิ”
บรรดาแม่ทัพเทพเหล่านี้ไถ่ถามกันไปเป็นทอดๆ แม่ทัพเทพสิบคนเช่นแม่ทัพเทพประจัญทมิฬก็ติดตามจักรพรรดิเป่ยเหอไปยัง ‘เกาะซื่อฝา’ ด้วยกัน
ไม่นานนัก…
“ไปเถิด ไปกันเถิด อย่าได้สนใจโลกเป่ยเหอเลย”
“จักรพรรดิเขาแปรพักตร์อย่างไร้น้ำใจ สังหารร่างแยกของจ้าวหิมะเหินแล้วช่วงชิงหยาดน้ำพันเนตรไป! ตอนนี้บรรดาจักรพรรดิคนอื่นๆ ต่างก็ต้องการกันอย่างอิจฉาตาร้อน เกรงว่าแม้แต่ยอดเคารพก็ยังอยากจะได้มาครอง จ้าวหิมะเหินย่อมไม่มีทางยอมปล่อยไปแน่นอน!”
“จักรพรรดิมีหยาดน้ำพันเนตรแล้วจะแยแสพวกเราอีกเสียที่ไหนกัน พวกเราก็กลับไปยังโลกของแต่ละคนกันเสียเถิด พวกเราอย่าได้ไปข้องเกี่ยวกับการต่อสู้ของบรรดาจักรพรรดิอีกเลย”
“มีจ้าวหิมะเหินอยู่ พวกเราระดับแม่ทัพเทพก็อย่าได้ไปข้องเกี่ยวเลย ถ้าหากถึงแก่ชีวิต จะมานึกเสียใจภายหลังก็สายเกินไปแล้ว”
แม่ทัพเทพสิบคนนั้นโต้ตอบกัน
นี่ทำให้บรรดาแม่ทัพเทพจำนวนหนึ่งภายในวังเป่ยเหออันพังพินาศย่อยยับปากอ้าตาค้างอยู่บ้าง ‘จักรพรรดิเป่ยเหอ’ หัวหน้าของพวกเขาได้ครอบครองผลประโยชน์มหาศาลแล้วตนก็ไปเสพสุขเพียงคนเดียว ไม่สนใจพวกเขาอีกต่อไปแล้ว
“ไปกันเถิด พวกเราจะยังอยู่ที่นี่ไปทำไมกันอีกเล่า”
“ไปๆๆ”
บรรดาแม่ทัพเทพคนแล้วคนเล่าจากไป รวมถึงบรรดายามรักษาการณ์ที่อ่อนแอเหล่านั้นแต่ละคนต่างก็กลับไปยังบ้านเกิดของตนแล้ว
******
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสี่คนหาตัวจักรพรรดิเป่ยเหอภายในหุบเขาเขี้ยวหักอย่างบ้าคลั่ง แต่น่าเสียดายที่หาไม่พบ ตอนนี้จักรพรรดิเป่ยเหอผู้นี้ก็มิได้โง่เขลา ก็ย่อมไม่มีทางปรากฏตัวอยู่แล้ว
“หืม”
กลางห้วงอากาศแห่งหนึ่ง พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสี่คนอยู่กันที่นี่ จักรพรรดิตงเจี่ยนขมวดคิ้วมุ่นพลางเอ่ยปากพูดว่า “ข้าได้ข่าวมาว่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยอดเคารพเฮ่ากู่จัดเอาไว้รักษาการณ์ที่ด้านนอกทางเดินเขี้ยวอสรพิษพบว่าก่อนหน้านี้ไม่นานจักรพรรดิเป่ยเหอก็ได้เข้าไปยังทางเดินเขี้ยวอสรพิษแล้ว!”
ทางเดินเขี้ยวอสรพิษนั้นเป็นสถานที่ต้องห้ามในตำนาน
มีเพียงยอดเคารพห้าท่านเท่านั้นที่มีสิทธิ์จัดผู้ใต้บังคับบัญชาไปรักษาการณ์บริเวณรอบๆ ส่วนจักรพรรดิคนอื่นๆ นั้นต่อให้จัดผู้ใต้บังคับบัญชาไปก็จะถูกสังหารในทันที
“ก่อนหน้านี้ไม่นานหรือ” จักรพรรดิซ่วนถูขมวดคิ้วพูด “หากพูดเช่นนี้ก็แปลว่าพอเขาได้รับหยาดน้ำพันเนตรไปแล้วก็คงจะตรงไปที่ทางเดินเขี้ยวอสรพิษในทันที ไม่เนิ่นช้าเลยไม่แต่วินาทีเดียวอย่างนั้นหรือ”
“ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบหน้าเป่ยเหอผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง แต่เป่ยเหอนี่ช่างมีลูกไม้แพรวพราวโดยแท้ ทั้งยังตัดสินใจเด็ดขาดอีกด้วย” จักรพรรดิวายุทิพย์พยักหน้า “เขาคงจะไปจากเกาะซื่อฝาแล้วปล่อยตัวแม่ทัพเทพใต้บังคับบัญชาสิบคนแล้วตรงไปยังทางเดินเขี้ยวอสรพิษ!”
“ไปดูกันหน่อยดีกว่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอื้อนเอ่ย
“ไป ไปดูที่ทางเดินเขี้ยวอสรพิษกัน” จักรพรรดิซ่วนถูพยักหน้า
พรึ่บๆๆๆ…
พวกเขาสี่คนเคลื่อนที่ผ่านอากาศออกเดินทางไปในทันที หากผู้แกร่งกล้าธรรมดาสามัญอาจหาญเข้าไปก็ต้องถูกสังหารในทันที แต่ ‘ระดับจักรพรรดิ’ ก็ไม่เหมือนกันเสียแล้ว ยอดเคารพจะสังหารก็ยังยากลำบากอย่างยิ่ง ก็ย่อมไม่มีใครขัดขวางบรรดาจักรพรรดิมิให้ไปสังเกตการณ์ทางเดินเขี้ยวอสรพิษด้วยตนเองอยู่แล้ว
“พรึ่บ”
เคลื่อนที่ผ่านอากาศ
รอจนภาพเหตุการณ์ตรงหน้ากระจ่างชัด ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มองเห็นหัวอสรพิษขนาดมหึมาสูงตระหง่านหาใดเปรียบที่อยู่ไกลออกไป หัวอสรพิษนี้คล้ายกับสลักเสลาขึ้นมาจากก้อนหิน มหึมาหาใดเปรียบ มีขนาดใหญ่กว่าเกาะลอยคว้างเกาะใดๆ มากมายเหลือเกิน
หัวอสรพิษอ้าปากอันกระหายเลือดเผยคมเขี้ยวออกมา ภายในปากลึกล้ำยากหยั่งคะเน ปากอสรพิษที่อ้าออกมานี้เกิดเป็นกระแสน้ำวนมืดมิดอันน่าหวาดหวั่นดูดกลืนบริเวณรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง กระแสน้ำวนมืดมิดแผ่ปกคลุมอาณาเขตที่ตงป๋อเสวี่ยอิงคะเนด้วยสายตาว่ามีขนาดใหญ่พอๆกันกับ ‘รัฐเมฆทักษิณา’ เลยทีเดียว! กระแสน้ำวนมืดมิดอันน่าหวาดหวั่นนี้ก่อให้เกิดเป็นทางเดินเส้นหนึ่งตรงเข้าไปในส่วนลึกของปากของหัวอสรพิษ ลึกเข้าไปด้านใน
ทางเดินกระแสน้ำวนมืดมิดสายนี้ก็คือ ‘ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ’ นั่นเอง
ว่ากันว่าเข้าไปข้างในแล้วก็สามารถมองเห็นเขี้ยวอสรพิษซี่แล้วซี่เล่าตลอดสองข้างทาง!
“น่ากลัวยิ่งนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเพียงแค่มองดูอยู่ห่างๆ ก็รู้สึกได้ถึงพลังฉีกทึ้งทำลายอันน่าหวาดหวั่นเช่นนั้นของกระแสน้ำวนมืดมิดได้แล้ว
ในตำนานว่ากันว่าถ้าหากยอดเคารพฝืนบุกเข้าไป ก็ยังต้องถูกกระแสน้ำวนมืดมิดฉีกทึ้งจนแหลกสลายเป็นชิ้นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น